องก์ ๓๓
"นี่เธอสมรู้ร่วมคิดกับเอ็ดเหรอเอส ร้ายกาจที่สุด ถึงว่าที่เดี๋ยวนี้มีคนมาบอกว่าเธอขึ้นหม้อเป็นพิเศษอย่างนี้นี่เองเหรอ นายไม่เป็นไรนะจ๊ะ คนดีๆไม่มีใครทำอะไรเราได้หรอก"
พี่ฝ่ายบุคคลแว้ดเสียงใส่อีเอส
"ไม่จริง เอสไม่ได้ทำ เอสโดนใส่ร้าย คุณตำรวจผมไม่ได้ทำนะ ผมไม่ได้ทำ"
มันร้องห่มร้องไห้มือไม้สั่น ผมนั่งมองดูอยู่ด้วยความสมเพช สงสารไหมน่ะเหรอ ตอบได้โดยไม่ต้องคิดเลย ไม่ ไม่มีแม้แต่เศษใจ แต่ยังนี่ มันยังไม่เต็มแม็กที่ผมจัดไว้ มันน้อยไปอีเอส
"งั้นเชิญที่โรงพักด้วยนะครับ"
"ไม่ ไม่ เอสไม่ไป เอสไม่ได้ทำ ช่วยด้วย ไมเคิล ช่วยผมด้วย"
"ช่วยยังไงเอส หลักฐานมันมัดแน่นหนาขนาดนี้ คุณเป็นคนแก้ไขตัวเลขในสัญญาแล้วโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง ทางเราเสียหายนะแบบนี้"
"แก้ไขตัวเลข"
"ใช่"
"อีนายมันทำ เมื่อวานมันเป็นคนเอาเอกสารไป ถ้าจะจับเอสจับมันด้วย มันก็มีส่วนรู้เห็น แล้วทำไมไม่เช็คล่ะว่าใช้คอมตัวไหนทำ เช็คไอพีสิ"
อ้าว อีนี่ลากกูเข้าไปเกี่ยวข้องอีกจนได้ ไอพีเครื่องผมแล้วยังไง ผมไม่รับซะอย่าง ใครจะทำอะไร มันถึงบทผมแล้วสินะ
"เอส ทำไมเอสเป็นคนแบบนี้ ต้องทำร้ายอีกสักกี่คน เอสถึงจะพอใจเหรอ เรารู้เห็นอะไรกับเอส ทำไมใส่ร้ายเราแบบนี้"
"มึงนั่นล่ะที่แก้ไขตัวเลข มึงเป็นคนเอาเอกสารมาให้กูเมื่อตอนเย็น แล้วแอบดูรหัสส่วนตัวของกูใช่ไหม"
มันจิตหลุดแล้วครับ สเต็ปหลุดล่ะสิเธอ โฮะๆๆ
"พี่ครับ พาไปดูกล้องหน่อยสิครับ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น พี่รบกวนเช็คไอพีหน่อยนะครับ"
ผมจ้องหน้ามันแล้วพูดเสียงสั่น หันไปบอกคนนั้นคนนี้ น้ำตาไหลออกมาไม่ต้องแสดงท่าทางเกินงามเหมือนมัน เหมือนแอน ทองประสมนั่นล่ะครับ ที่แค่มองน้ำตาก็ไหล กรี๊ด เอาสิ ใครมันจะเด็ดกว่ากันอีกะเทยชั้นต่ำ มารยาตลาดๆแบบนี้ไปใช้ที่อื่น ไม่ใช่ที่นี่ ไม่ใช่ต่อหน้าชั้น เราออกจากห้องบุคคลตรงไปยังห้องของฝ่ายรักษาความปลอดภัยทันที โอ้โหตัวประกอบทั้งหลายยืนออกันเต็มอยู่หน้าห้องเลยครับ อีคริสกับนังจอยพอเห็นว่าผมน้ำตาไหลก็กุมมือกันเหมือนลุ้นว่าผมจะเข้ารอบนาง งามหรือเปล่าก็ไม่ปาน เวอร์จริงๆสองคนนี้ แต่ก็ดีสมบทบาทดี พอเข้าไปในห้อง ทางตำรวจสองนายที่มาก่อนก็เห็นแล้วล่ะครับ เพราะพี่โต้งเขาเอาให้ดูแล้ว พี่โต้งมองหน้าผมแปลกๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร อย่าเพิ่งพูดเลยพี่เดี๋ยวแผนแตก พอเราได้ดูวีดีโอก็นะ พูดอะไรก็พูดมาสิอีเอส ผมพอรู้ว่าตอนเลิกงานของทุกวันจะมีคนไปนั่งที่โต๊ะทำงานของผม เพราะผิดสังเกตมาหลายวันแล้ว คงอยากเป็นมาก่ล่ะสินะเลขาฯไอ้เอ็ดน่ะ
"จริงด้วย นายทำดีมาก คุณรู้ได้ยังไงว่ากล้องอยู่ตรงนี้"
"รู้สิครับ ผมไม่ได้สักแต่ว่ามาทำงานไปวันๆ ยิ่งช่วงนี้เอสบอกเขาจะเขี่ยผมออกจากตำแหน่ง อย่างเรื่องเมล์เมื่อวานก็เหมือนกัน เอสจงใจจะแกล้งผมเพื่อหาเรื่องให้ผมพ้นจากตำแหน่ง ผมก็แค่ป้องกันตัว แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นหลักฐานมัดตัวเอส ผมรู้ตลอดว่าเอสไม่น่าไว้ใจ ผมถึงได้ยกเอกสารขึ้นต่อหน้ากล้อง"
ผมแสดงละครร้องไห้อยู่ แต่ไม่สะอื้นนะ เหมือนคนที่กำลังตกใจมากๆ มือสั่นปากสั่นน้ำตาไหลเฉยๆ แต่ขอบอกทำแบบนี้เสียพลังงานไปเยอะมากนะ ไม่สะอื้นเนี่ย
"เริ่ดมากน้องนาย เก่งมาก สมกับที่พี่คิดไว้เลย"
"งั้นเชิญคุณเอสไปโรงพักด้วยครับ"
"ไม่ ไม่ ไม่จริ๊ง อีนายมันตอแหล มันใส่ร้ายแล้วไอพีล่ะ กรี๊ด"
อ้าว สาวแตกแล้วเหรออีเอส แหมแอ๊บมานาน นางเล่นลงไปดิ้นกับพื้นร้องไห้หน้าดำหน้าแดง ต๊าย เรียกยังไงก็เรียกไม่ขึ้นหรอกนะเรตติ้งหล่อนน่ะ มันตกจมดินไปแล้ว รอแค่กลบดินฝังอย่างเดียว
"แหกตาดูบ้างสิเอส แล้วนั่นนั่งทำอะไรอยู่โต๊ะเราเหรอ ทำอะไร"
ผมนับว่าโชคดีนะครับเพราะหลังจากที่ผมเดินกลับไม่นานอีเอสมันก้เดินไปที่ โต๊ะผมนะครับ คิดไว้แล้วไม่มีผิด แหมนะมันไปลองนั่งเก้าอี้นั่นเอง ทำท่าเคาะคอมฯ ผมรู้ดีว่าถ้าจะเช็คกันจริงๆ เรื่องเวลาหรืออะไรหลายอย่างมันย่อมไม่ตรงกันนี่ครับ แต่ในเมื่อหลักฐานที่จะเอาผิดมันหนักขนาดนี้ เขาจะมาแลอะไรกับเรื่อง ไอพี คอมฯ
"พี่โต้ง วันที่นายมาดูกล้องน่ะ นายเห็นอะไรบางอย่างด้วยนะครับ"
ไหนๆก็ไหนๆ จะฝังคนก็ต้องเอาให้แน่น เทปูนฉาบมันเลย
"วันที่ ๒๐ ธันวาคม ปีที่แล้ว ตอนเที่ยงสิบห้าน่ะครับพี่ รบกวนหน่อย"
ผมบอกพี่โต้งไปแกก็ทำหน้าเหวอๆ เหมือนรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ว่าผมมาหาอะไรในห้องนี้ไม่ใช่ของหายอย่างที่ผมตอแหลไป แต่มันคือสิ่งนี้ต่างหาก
"กรี๊ด บัดสีบัดเถลิง"
"อ๊ะ"
เสียงทุกคนในห้องร้องออกมาเว้นแต่ทางตำรวจนั่นล่ะครับ เพราะคงชิน
"กรี๊ด ไม่ ไม่"
ไม่อะไร อีนรก อมนกเขาให้ไอ้เอ็ดอยู่โต้งๆหน้ากล้อง ยังมีหน้าบอกว่าไม่ อ้อ ไม่นี่คงไม่ได้โดนมันเอาสินะ อีเปรต
"เชิญไปโรงพักครับ"
ใส่กุญแจมือเรียบร้อย อีเอสนี่กรี๊ดไม่เป็นผู้เป็นคน โดนลากออกไปแล้ว
"มึงจำไว้อีนาย มึงจำไว้ ชั้นจะมาเอาคืน"
"เอส เอสยังไม่รู้สึกนึกอีกเหรอ เอสทำร้ายตัวเองนะ"
ผมร่ำไห้ปิ่มใจจะขาด เอามือทาบอก กรี๊ด ปีนี้รางวัลตุ๊กตาทองจะไปไหนเสีย โฮะๆ เราเดินตามออกมาที่ออฟฟิศล่ะครับ
"เชิญคุณเอ็ดด้วยครับคุณตำรวจ"
เจสันเดินออกมาหน้าเครียด ไอ้เอ็ดมันคอตกออกมาเลยครับ
"ไอ้นาย สาระเลว"
พอมันเห็นหน้าผมนะมันก็จะปรี่เข้ามา ผมก็ทำท่าเหมือนเด็กน้อยใส่ซื่อ ดีนะที่มีคุณตำรวจกันเอาไว้ ไม่งั้นผมคงต้องโดนมันกระชากแน่ๆ
"มึงวางแผนไว้ใช่ไหม"
"อะไรเอ็ด ผมไม่ได้ทำอะไรนะ แค่แจ้งความประพฤติของคุณให้ทางสำนักงานใหญ่ทราบ"
"เลว ระยำที่สุด"
"พอได้แล้วเอ็ด ถ้านายเขาไม่บอก พวกเราจะรู้ไหมว่าคุณทำงานห่วยแตกแค่ไหน แถมยังทุจริตรวมหัวกันกับเอสโกงธนาคารอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะให้ความสัมพันธ์แบบชู้สาวทำลายคุณเอง"
เจสันมันพูดครับ ผมก็ยังกระซิกๆอยู่ โอยเหนื่อยเต็มทีแล้วนะเมื่อไหร่จะลากคอมันไปให้พ้นเสียที
"ผมต้องเชิญทุกคนไปร่วมให้ปากคำนะครับ"
ตำรวจหันมาทางผม ไปก็ไปสิกลัวที่ไหน
"ผมไปเองครับคุณตำรวจ หลักฐานทุกอย่างเรามีพร้อมอยู่แล้ว"
กรี๊ดเจสันออกรับหน้าแทน ทำไมมันไม่เป็นนายผมนะ ปล่อยให้ไอ้ควายหัวทองนี่มาเป็นนายผมอยู่ตั้งนาน
"ทุกคนกลับไปทำงานตามปกติ มิ้นท์ติดต่อไปทางเลขาฯของ คุณชวารอฟว่าเราจะเพิ่มวงเงินให้อีกเท่าตัว"
เจสันหันไปสั่งงานลูกน้องของตน ส่วนผมก็เดินตามตำรวจอีกนายหนึ่งไปเพื่อให้ปากคำ เพราะทางฝ่ายบุคคลเขาบอกว่าเดี๋ยวให้เจสันไปแทนตามที่เจสันพูดเมื่อครู่ ผมก็แค่ให้ปากคำเพิ่มเติม ใส่สีตีไข่อะไรทำนองนี้ ให้มันจบแบบสมบูรณ์แบบที่สุด
"นายเป็นคนส่งเมล์ใช่ไหม เพราะทางเลขาท่านประธานบอกว่านาย"
"ครับพี่ ผมเอง ผมทนไม่ไหวหรอกครับกับพฤติกรรมแบบนี้"
"ทำไมนายไม่แจ้งทางเราก่อนล่ะ ข้ามหน้าข้ามตาไปไหม"
ผมคิดไว้แล้วครับว่ามันต้องเป็นแบบนี้ล่ะ แหมนะ อีบ้า ตอนแรกทำเป็นชมให้กำลังใจ ถ้าชั้นแจ้งแกแล้วแกจะมีปัญญาทำอะไรมันไหม
"ผมทราบครับว่าผมทำไม่ถูกต้อง แต่ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออก เพราะเอ็ดเขาบอกให้ผมเก็บของได้เลย"
"อะไรกัน เรามีแผนกบุคคลไว้เพื่ออะไร จะไล่กันออกอย่างนั้นง่ายๆเลยเหรอ เอ็ดเขาไม่มีสิทธิ์นะนายก็รู้"
"นายรู้ครับพี่ แต่ถ้าผมบอกพี่ อะไรมันจะเกิดขึ้นเหรอครับ กว่าพี่จะรวบรวมหลักฐาน เอ็ดมันให้เวลาผมแค่สองวันเอง มันจะทันไหมครับพี่ ผมทำงานที่นี่มาหลายปี ผมเป็นยังไงทุกคนก็รู้ ผมไม่ได้อยากจะข้ามหน้าข้ามาพี่เลยนะครับ หรือแม้แต่นายใหญ่ แต่ผมไม่มีทางเลือก นายใหญ่เองผมก็ซีซีเมล์หาแล้ว พี่ติ๊นาด้วย ผมเสียใจนะครับ"
ผมร้องไห้ออกมาก้มหน้าก้มตา โอยเหนื่อยโว้ย อีบ้า มึงจะคุยอีกนานไหมเนี่ย มีบุคคลง่อยกระรอกแบบนี้สิที่นี่มันถึงได้เป็นแบบนี้ แหมนะพอนายใหญ่จวกมาก็หาคนลง เอาอีนี่ออกอีกคนดีไหม วันๆแต่งแต่หน้าทาปากแดง ไม่เห็นมันทำอะไร รับคนเข้าทำงานก็คัดแต่ที่พอตาตัวเอง เห็นไหมพอมันมีอะไรมาสะกิดต่อม ปมมันก็แตกออกมา ชั้นไม่ได้เกลียดหล่อนนะ แต่อย่ามาทำให้เกลียด
"อืม เอาเถอะ พี่จะทำอะไรได้ เดี๋ยวนี้มีอะไรก็ส่งเมล์ข้ามทะเลไปถึงโน่น พี่ก็คงมีหน้าที่แค่นั่งเฝ้าเก้าอี้ล่ะสินะ"
ดูมันครับ ประชดได้อีก อยากจะตอบจังเลย ว่าถ้าหล่อนไม่หยุดพูดเก้าอี้น่ะก็คงรักษาไว้ไม่ได้หรอกจ๊ะ อย่าให้ปรี๊ดนะชั้นเล่นทุกตัวจริงๆนะจะบอก
"ผมขอโทษนะครับพี่ ผมจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก"
"เอาล่ะไปให้ปากคำกับตำรวจเถอะ"
อืม เบื่อแกเหมือนกันล่ะ จดไว้แล้วนะในบัญชี อย่ามาอะไรกับชั้นก็แล้วกัน ผมให้ปากคำกับตำรวจนานพอสมควร มีทนายอีกคนนั่งอยู่ด้วยกับผู้ช่วยของอีบ้าฝ่ายบุคคลนั่นล่ะครับ ไอ้นี่ดีหน่อยได้แต่ฟัง คงหัวอ่อนเต็มที ผมนี่ร้องไห้นิดหน่อย ทำหน้าตาซึมกระทือเหมือนว่าเป็นเรื่องโลกกำลังจะแตก พูดไปเอามือขึ้นลูบแก้มตัวเอง จับจมูกตัวเอง ทำท่าหวาดกลัวสุดพลัง แต่ก็รักษาอาการไม่ให้ใครมาจับพิรุธได้
"นาย คุณติ๊นาเรียกน่ะ"
โอ๊ย ออกจากตำรวจไปหาป้า เอ้ยคุณติ๊นาอีก กรี๊ด อะไรวะ เอาเถอะมันเรื่องไม่เล็กนี่นะ เอาให้จบ
"นั่งสินาย"
คุณนายติ๊นาเธอก็นะ มาดนางพญาเต็มตัว ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยว่าเป็นเลขาฯท่านประธาน เพราะมาดแกเป็นท่านประธานไปซะเอง
"ขอบคุณครับ"
ผมก็ก้มหน้าสุดฤทธิ์ทำท่าหงอยสุดตัว
"คุณบิลลี่เธออยู่สิงคโปร์ แต่เพราะเมล์ของนาย เธอถึงทราบเรื่อง เมื่อคืนพี่ก็คุยกับทางเลขาฯของที่โน่น ขอบใจมากนะนายที่คอยเป็นหูเป็นตา"
อ๊ะ ผิดคาดแฮะ ผมเงยหน้าขึ้นมองป้าแก เอ้ยคุณนายแบบไม่เข้าใจ ทำตาวิ้งๆขอคำตอบ
"คุณติ๊นาไม่ว่าผมเหรอครับที่ทำอะไรไม่ปรึกษาข้ามหน้าข้ามตา"
"ใครว่ามา นายบอกพี่นี่ไม่ใช่ไม่บอก ถึงเราเดินเข้ามาบอกพี่ พี่เองก็ต้องขอหลักฐานอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แต่เราส่งเมล์ออกแบบนี้มีครบทุกอย่าง ง่ายสำหรับพี่เสียอีกที่จะเรียนคุณบิลลี่ว่าควรจะเอายังไงดี"
"ครับ"
ผมอึ้ง ทำท่านะครับ เกินคาดจริงๆนะ
"ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าคนที่หงิมๆติ๋มๆอย่างเอส กับคนที่ดูภมิฐานอย่างเอ็ดจะพากันรวมหัวกันทำแบบนี้"
"ครับ นายเองก็ไม่คิดครับ"
"เอาเถอะยังไงก็ขอบใจเธอมากนะนาย ถ้าหากว่าธนาคารเรามีคนตั้งใจทำงานเหมือนนายเยอะๆนี่ก็คงดีนะ จะได้ไม่ต้องมาพะวงกับคนที่จะโกง"
ผมฟังคุณนายเธออบรมอีกนิดหน่อยครับ โอยหิวก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อยนี่ชั้นแสดงละครนานขนาดนี้เชียวหรือ
"แกๆ เป็นไงบ้าง"
เพื่อนสองตัวมันยืนดักคอยอยู่หน้าห้องเลยครับ นี่ไม่ทำการทำงานกันหรือไงนะ
"ไม่มีอะไรแล้วล่ะแก คุณติ๊นาไม่ได้ว่าอะไร"
"โหย โล่งอกไปที เห็นพี่ๆเขาซุบซิบว่า คุณมาศเธอไม่พอใจที่ข้ามหน้าข้ามตาเธอ"
"รู้ แล้วถ้าไม่ข้ามนี่นางจะช่วยอะไรชั้นได้ไหม อย่ามากระแดะ"
"สุดยอดเลยแก คิดได้ยังไง อีเอสนี่มันโกงเนอะ สมน้ำหน้า เงินคงไม่พอซื้อยาอัพล่ะสิ มัวแต่เอาไปเลี้ยงเด็ก"
อีคริสกับนังจอยมันไม่รู้นะครับว่าคนที่โอนเงินเป็นใคร อย่ารู้เลย ขี้เกียจเล่าเดี๋ยวพวกมันจะกลัวผมไปซะเปล่าๆ บอกแล้วนะอย่ามาดูถูกผม ร้ายน่ะรู้ แต่ไม่รู้เหรอว่าใต้ฟ้านี้มีคนที่เหนือกว่าเราเสมอ ผมเองก็รู้ดี เหนือฟ้ายังมีฟ้า มันคงไม่เคยได้ยิน อีเห็ดสดเอ้ย
"ไปกินข้าวเถอะแก ชั้นหิว"
ผมเดินนำหน้าไปเพื่อนสองคนก็เดินตามมา แหมนะคนในออฟฟิศมองผมกันใหญ่ซุบซิบเชียว พูดดังๆเลยจ้า ไม่ว่ากัน
"นาย พี่มองนายผิดมาตลอด พี่ขอโทษนะ"
ป้าแถวๆหน้าห้องผมนั่นล่ะครับเดินเข้ามาจับมือ เอาอีกแล้ว นี่ชั้นต้องแสดงละครอีกแล้วเหรอ โว้ย กูเหนื่อยนะ
"ครับพี่ ไม่เป็นไรหรอกครับ นายเป็นคนตรงๆ คิดยังไงก็พูดอย่างนั้น พี่ๆคงจะไม่ชอบ แต่นายไม่ได้คิดร้ายกับใครนะครับ นายเคารพรักพี่ๆทุกคนที่นี่"
"โถ ไม่น่าเลยนะ เอสร้ายกาจมาก ตอแหลหลอกพวกพี่มาตลอดว่าเป็นคนดีมีมารยาท เห็นหงิมๆติ๋มๆไม่อยากจะเชื่อว่าจะร้ายกาจได้เพียงนี้ ทำทุกอย่างเพื่อจะให้ได้มาซึ่งตำแหน่ง เลวที่สุด"
"นายเข้าใจเอสนะครับพี่ เอสเขาคงอยากมี อยากเป็น แต่ก็นั่นล่ะครับ เขาคิดไปในทางที่ผิด รู้หน้าไม่รู้ใจหรอกครับ จริงไหมครับพี่"
ผมทำท่าน้ำตาซึม เอาสิอีเอส นอกจากจะติดคุกหัวโตแล้วคนแถวนี้ก็เกลียดขี้หน้ามึงไปหมดแล้ว รอนะรอให้ออกมาล้างแค้น แต่จะเมื่อไหร่ล่ะ ยี่สิบล้านคูณยี่สิบเท่าเนี่ย ต่อให้แหกตูดขายไปจนแก่มึงจะมีปัญญาหาใช้คืนเขาไหม
"แกนี่เด็ดขาดจริงนะนาย โหร้ายว่ะ ชั้นยังคิดไม่ถึงเลยว่าแกจะเล่นไม้นี้ ยิงนกทีเดียวตายสองตัวเลย"
อีคริสมันเอ่ยขึ้น วันนี้ผมขออนุญาติเจสันนะครับว่าจะออกมากินข้าวที่โรงแรมแถวนี้หน่อยเพราะ เครียด เจสันก็เห็นใจ ไม่ว่าอะไร หึหึ เป็นไงล่ะ หรือว่าผมจะเขี่ยนังมิ้นท์ออกไปแล้วผมเสียบตำแหน่งแทนที เอาไว้พิจารณาทีหลัง ใครว่าผมร้าย ผมไม่ได้ร้ายนะ อันนี้แบบเบาๆแกล้มเหล้าเท่านั้นเอง ของหนักยังรออยู่
"มันยังไม่พอนะ ยังไม่จบ"
ผมพูดขึ้น
"หา นี่แกจะทำอะไรอีก"
สองตัวนี่ร้องขึ้นพร้อมกัน
"อะไรแก นี่ชั้นก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ยังไม่ได้ลงไม้ลงมือทำอะไรเลย นี่ก็แค่คลิกเดียวเอง มันยังไม่สาแก่ใจ"
"แก"
สองคนครางขึ้นพร้อมกัน
"ทำไม อย่ามาหาว่าชั้นร้ายนะ ทำไม เวลาดีแล้วยังไง มีใครสนใจเห็นหัวชั้นไหมล่ะ ไม่มี ทำดีมันทำยาก ทำเลวน่ะง่ายจะตาย อย่ามาหาว่าชั้นร้ายนะ ชั้นไม่ได้ทำอะไร บอกแล้วอย่ามาบีบชั้น แค่นี้มันยังไม่พอหรอกสำหรับมัน"
"แกจะทำอะไรนาย"
จอยมันครางออกมา
"ก็ไม่อะไรหรอกแก แหมดูทำหน้าเข้า ชั้นไม่ได้จะไปฆ่ามันหรอกนะ"
"แค่นี้ก็น่าจะพอนะแก มันไม่มีทางไปแล้ว"
"ยัง ยังไม่พอ"
"นาย"
"เอาน่าจอย เออคริสของเอามาหรือเปล่า"
ผมหันไปทางอีคริส อีนี่ก็นะทำหน้าซีดซะ
"อะ เอามาแก เอาจริงเหรอ"
"อย่ามากระแดะ แค่นี้ก็กลัวเหรอ งั้นชั้นจัดการคนเดียวเอง"
"เอ่อ เปล่าหรอกแก แต่เรามีเรื่องกันอยู่นะ เดี๋ยวตำรวจก็เพ่งประเด็นมาที่เราหรอก"
"นั่นสิแก คิดให้ดีนะ"
"แล้วใครว่าชั้นจะลงมือทำเองล่ะ นี่ชั้นเป็นใคร ชั้นไม่ได้โง่เหมือนมันนี่ แกจำน้องที่มาซ่อมเครื่องถ่ายเอกสารได้ไหมแก"
พวกมันทำท่าคิด
"อ้อไอ้เด็กที่ดูแว้นๆนั่นน่ะเหรอ ทำไมล่ะแก"
"ไหนล่ะของแกน่ะ"
"อยู่ในรถสิ"
"ไปเอามาดิ"
"เฮ้ย แกจะทำตอนนี้เลยเหรอ"
"จะรออะไรล่ะ เรืองมันกำลังแดง"
"แก เรื่องแดงสิไม่ควรทำ เรานะตกเป็นผู้ต้องสงสัย"
จอยมันร้องห้ามสุดกำลัง
"จอย ถ้าทำอีกสักเดือนหรือสองเดือนให้หลัง เราซึ่งได้ชื่อว่าเคยมีเรื่องกับมันแล้ว ประเด็นหรือการเพ่งเล็งมันก็ต้องตกมาที่เราอยู่ดี หรือก่อนใครๆนะ แต่แกไม่รู้เหรอว่าอีเอสมันไม่ได้ทำร้ายแค่ชั้นกับน้องนะ แกจำไม่ได้เหรอคริส ไหนจะอีเบียร์ ไหนจะไอ้น็อท ไหนจะไอ้ป๊อปอะไรนั่นอีก มีชั้นคนเดียวเหรอที่แค้นใจเป็น"
"เออจริงสิ งั้นรอแป๊บ"
หึหึ ก็จะไม่ทำอะไรมากหรอกครับแค่ทำให้ของที่ธนาคารจะตีราคายึดทรัพย์สินให้มันด้อยค่าเสื่อมราคาลงก็เท่านั้นเอง
"ต้าเหรอครับ นี่พี่นายเองนะจำได้ไหม"
ผมเดินไปที่หน้าเคาท์เตอร์ในโรงแรมนะครับให้เขาต่อสายให้ อีพนักงานนี่ก็นะ กลัวแต่จะไม่จ่ายต้องให้เอาเงินฟาดใส่หน้ามันมันถึงจะยอม
"นายไหนวะ"
คือนะครับต้องเข้าใจ เด็กช่างไม่ใช่จะดีเหมือนผัวผมทุกคนนี่นะ ไม่ได้ใส่ใจในจุดนั้น ที่เลือกมันเพราะมันเคยมาทำตาหวานใส่ผม คงเพราะเห็นอะไหล่ในตัวผมล่ะมั้งถ้าไม่ได้ตีค่าน้องมันต่ำไป
"ที่อยู่ธนาคาร"
ผมบอกชื่อธนาคารไป แหมไอ้นี่คงแจกเบอร์มั่วซั่วสินะจำชั้นไม่ได้เหรอ ชั้นออกจะดูดีน่าจดจำ ส่วนผมก็บันทึกเบอร์ไว้ทุกคนที่ให้นั่นล่ะครับ เผื่อว่าวันข้างหน้าจะได้ใช้ประโยชน์ได้ ได้ใช้จริงๆด้วย
"อ้อ พี่ พี่นั่นเอง ว่าไงครับ"
"ตอนนี้ว่างไหม"
"ไม่อ่ะพี่ทำงานสิ"
"อ้อเหรอ ว่าจะวานให้ทำอะไรง่ายแลกกับเงินสองสามพัน ไม่เป็นไรครับ งั้นพี่ไม่กวนล่ะนะ"
"เฮ้ยพี่ งานอะไรครับ ว่างๆ"
ผมจำเป็นต้องง้อมันด้วยเหรอ หึหึ บอกแล้วผมไม่เคยประเมินใครต่ำไปนะ
"อ้าวตกลงว่างเหรอ งั้นมาหาพี่ที่โรงแรม"
ผมบอกรายละเอียดคร่าวไปนะครับ มันทำงานอยู่ไหนไม่สนใจแต่บอกว่าภายในสามสิบนาทีถ้ายังไม่มาก็ไม่ต้องมา ไม่รอแค่นั้นเอง
"ตกลงแกจะทำอะไรเนี่ยนาย"
จอยมันถามขึ้นครับหลังจากที่ผมเดินกลับไปที่โต๊ะ
"ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ทำให้ของที่แผนกแกจะประเมินราคามันมีราคาน้อย ต่ำค่าลงก็เท่านั้นเอง"
"เฮ้ย แรงไปไหมแก"
"อะไรแรง นี่ชั้นยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะแก อย่ามาทำเป็นใจอ่อนแถวนี้"
"แหมแก ไหนๆมันก็ไปไหนไม่รอดแล้วล่ะอีเอสน่ะ ปล่อยให้เวรให้กรรมตามสนองมันเถอะ"
ผมถอนหายใจออกมา ไม่ได้อยากจะร้ายนะ แต่ผมรู้ดีว่าคนอย่างอีเอส ถ้ามันหลุดออกมาได้ ผมนี่ล่ะที่จะตกที่นั่งลำบาก แล้วเรื่องอะไรล่ะที่ผมจะปล่อยให้มันง่ายเกินไป หรือจะปล่อยให้เวรกรรมตามสนองมันเอง เชิดใส่ บอกแล้วอย่าให้ร้าย
"นี่แก"
อีคริสมันเดินกลับมาพรอ้มถุงกระดาษ แหมนะห่อซะดีเชียว
"อะไรแก นี่พวกแกจะทำอะไร"
"นี่จอย ถามหน่อยเถอะ ตอนนี้แกบอกแกสงสารมัน แล้วถ้าคนที่โดนทำแบบนั้นเป็นชั้น แกก็จะพูดแบบนี้ใช่ไหม ว่าสงสารชั้น ถ้าหากว่าชั้นโดนมันเขี่ยออกจากที่ทำงาน แกก็จะว่าเป็นกรรมเป็นเวรของชั้นสินะ"
"นั่นสินังจอย แหมปากบอกเกลียดมันๆ แล้วนี่อะไรยะ ใจอ่อนเหรอ"
"คนอย่างอีเอส มันยังน้อยไป"
"นั่นสิ กรรมเวรน่ะมันไม่ได้สำนึกหรอกนะ แกจำตอนที่มันให้ตำรวจไปลากคอชั้นเข้าตะรางไหมล่ะ ถ้าพ่อชั้นไม่ใช่ตำรวจแกว่าป่านนี้อนาคตชั้นจะป่นปี้แค่ไหน แล้วมันรู้สึกสำนึกอะไรไหมล่ะ ไม่มีเลย ขอโทษชั้นสักคำยังไม่มี ลอยหน้าลอยตาทำงานอยู่ได้ ที่สำคัญมันยุให้แกสองคนเกลียดชั้นด้วย จริงไหมล่ะ เหตุผลที่มันทำแบบนั้นก็เพียงเพราะว่าเด็กมัมายุ่งกับชั้นเองแต่ดูมันทำกับ ชั้นสิ ฮึ"
อีคริสมันเชิดหน้าใส่ อีนี่ท่าทางจะแค้นฝังใจเช่นกัน ไม่นะผมไม่ได้แค้นอะไรมัน แค่เอาให้จบ แค่นั้นเอง
"เออๆ ตามใจ มาคิดๆดูแล้วมันก็สมควรนั่นล่ะ ว่าแต่นั่นอะไรอ่ะแก"
"น้ำมันเบรค"
"อ๊ะ นี่อย่าบอกนะว่า"
"เออ นั่นล่ะ อย่าทำท่าตกใจเกินงาม"
"แล้วแกจะทำยังไงนาย มันมีกล้องนะ แกจะเอาไปราดยังไง"
แหมนะ บอกมาซะเป็นฉากเชียว ทำเป็นรู้ดีว่าจะเอาไปราด ผมรู้สิถึงจะทำ อีเอสมันประหลาดอยู่อย่างคือมันจอดรถตรงชั้นใต้ดิน แต่ก็ไม่หรอกนะเพราะตั้งแต่กลางเดือนที่แล้วมันก็เริ่มเอารถลงไปจอดชั้นใต้ ดิน มิหนำซ้ำเป็นมุมอับที่กล้องไม่มีส่องไม่ถึง ผมรู้เหตุผลของมันนะครับว่า ทำไม หึหึ บางวันคนขับรถไอ้เอ็ดบอกว่าไอ้เอ็ดชอบนั่งแท็กซี่ไม่ค่อยให้ไปส่งเหมือนแต่ ก่อน เอาเถอะเรื่องของมัน แต่ก็ต้องขอบใจมันนั่นล่ะครับที่ทำให้ผมคิดเรื่องนี้ออก
"อ่ะนี่ของ น้ำมันเบรค เอาไปราดรถทะเบียนนี้นะ จอดอยู่ชั้นใต้ดิน เวลาเข้าให้เข้าทางด้านหลัง เดี๋ยวพี่จะโทรฯบอกอีกที ดูกล้องด้วยนะ"
ผมออกไปเจอไอ้เด็กนั่นครับ มันโทรฯเข้ามาบอกว่าถึงแล้ว ผมก็เจอมันหน้าโรงแรมนั่นล่ะครับ อีคริสกับนังจอยนั่งรออยู่ในร้านอาหาร
"เอ้ยพี่ แรงนะแบบนี้อ่ะ ถ้าโดนจับขึ้นมาผมซวยสิ"
"ไม่เคยทำเหรอ หรือว่าทำไม่ได้ ถ้าทำไม่ได้พี่จะได้หาคนอื่นมาทำ ทางที่บอกไปไม่มียาม ไม่มีกล้อง เรื่องเข้าบริษัท เดี๋ยวชั้นจัดการเอง"
ผมคิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่ามันนะ ผมให้เงินมันไปสองพันก่อน บอกว่าเสร็จงานจะให้เพิ่มอีกพันห้า จะเอาก็เอาไม่เอาก็ไปให้พ้นหน้าเสียที หน้าตามันนี่นะกวนเบื้องล่างที่สุด ก็เด็กช่างปกตินี่ล่ะครับแต่คนละสาขากับผัวที่บ้าน อิอิ
"น็อทเหรอครับ อยากเอาคืนไหมที่เอสทำไว้กับเรา"
ผมเดินกลับไปที่เคาท์เตอร์แผนกต้อนรับนั่นล่ะครับ คิดอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่งหลังจากที่เลื่อนดูเบอร์ในโทรศัพท์
"ใคร พี่เป็นใคร"
"อย่าอยากรู้เลยว่าพี่เป็นใคร แค่ตอบว่าอยากเอาคืนไหม ที่เอสเขาทำให้เราต้องย้ายโรงเรียน ต้องโดนพ่อแม่ด่าว่าน่ะ"
ผมบีบจมูกนะครับ ดัดเสียงสุดฤทธิ์ เพราะก็เคยคุยกับมันอ่ะนะไม่ใช่โง่ลนลานจนจะทำอะไรปัญญาอ่อนๆออกไป
"ส่งข้อความไปเบอร์นี้สิ บอกในสิ่งที่เรารู้"
"อ๊ะ ผมก็ซวยสิพี่ ถ้าเขาสืบหาอ่ะ เบอร์ผมนะ"
"ก็ซื้อซิมที่เซเว่นสิน็อท ใช้ครั้งเดียวทิ้งสิครับ"
โง่ได้อีก เอาเข้าไป ผมนี่นะแทบจะแว้ดใส่ นี่ถ้าเป้นไอ้ต้อมนะมึงโดนแน่ๆ
"อ๊ะ"
"จดเบอร์สิ อย่างน้อยเราก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าเอสมีอะไร เราเสียอนาคตเพราะใครน็อทคิดให้ดีนะ จะยอมให้เอสทำเราอยู่ฝ่ายเดียวเหรอ ส่งไปแล้วก็ทิ้งซิมซะ"
ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันรู้อะไรหรือเห็นอะไรบ้าง แต่เรื่องยุแยงตะแคงรั่วนี่ผมก็น้อยหน้าใครที่ไหนล่ะ เอาสิ อย่างน้อยมันไม่ทำผมก็ไม่เสียหาย เพราะบางทีมันอาจจะไม่รู้อะไร หรืออาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ แต่ถ้าหากว่ามันรู้ล่ะ กำไรชัดๆ โฮะๆ ยืมมือคนอื่นแทงกันนี่มันก็ดีเหมือนกันนะ
"แล้วถ้ามันประกันตัวออกมาล่ะแก"
อีคริสถามขึ้นครับระหว่างที่เรากำลังจะกลับ
"คงยากว่ะแก คนละยี่สิบล้านนะไม่ใช่สองล้าน คูณค่าปรับอีก ต่อให้มันขายที่ขายทางขายสมบัติมันทั้งบ้านก็คงไม่พอ เฮ้อนะ เวรกรรมจริงๆ"
"นังจอย"
เราสองคนแว้ดเสียงขึ้นพร้อมกัน
"แกทำหน้าที่ติดตามเร่งรัดหนี้สินของแกให้ดีเถอะ อย่ามาทำเป็นใจอ่อน"
อีคริสมันแว้ดขึ้น ต๊ายความคิดเดียวกันเลย ท่าทางผมมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์แล้วล่ะครับ
"แก เด็กที่แกจ้างน่ะ มันจะไม่มีพิรุะเหรอแก"
"มันซ่อมเอกสาร ก็เรียกมันมาซ่อมสิจะไปยากอะไรแก"
"ซ่อมที่ไหนล่ะยะ ไม่เห็นมีเครื่องไหนพังสักเครื่อง"
เฮ้อนะ ปลาทองใส่ผมอีกแล้ว
"มันไม่พังก็ทำให้มันพังสิ จะยากอะไร"
ผมพูดหน้าตาเฉย ตอนนี้เราถึงที่ทำงานแล้วนะครับ จอยมันแยกลงหน้าตึกส่วนผมนั่งในรถไปกับอีคริสเพื่อเอารถไปจอด
"ต๊าย แรงนะยะ แกนี่ก็ร้ายได้ใจนะเนี่ยอีนาย"
"ใครร้าย ชั้นแค่ฉลาด แค่นั้นเอง"
"ค่าแม่ฉลาด แล้วเอาเลยไหมชั้นจะได้ทำมันพัง ใหม่ดีนักเหรอ"
"รอก่อน สามโมงเย็นค่อยทำ ให้มันเข้ามาก่อนที่งานจะเลิก"
"ทำไมวะ"
โว้ย ขี้เกียจอิบาย ทำไมมันคิดเองไม่ได้นะ ทำอยู่ทุกวัน ตอนเลิกงานยามก็ต้องไปตรวจของพนักงานก่อนออกจากธนาคารอยู่แล้ว ด้านหลังไม่มีคนสนใจมองหรอก แต่ผมก็บอกมันไปแล่ะครับ ต้องใจเย็นๆเข้าไว้จะเหวี่ยงไม่เลือกหน้านี่ก็นะ เดี๋ยวจะไม่มีคนคบเหมือนอีเอส
To be continued