@ << รักแท้....หรือแค่บำเรอ >> @ /// ตอนที่ 17 …ยินยอม.... ///23/12/2010///
“ แฮมครับ”
“ทำอะไรอยู่ครับ” เสียงทุ้มนุ่ม ๆ ทำให้ผมลุกออกมาจากบริเวณที่มีดังจอแจ และเสียงเพลงเพราะมีการจัดปาร์ตี้เล็กๆ ริมหาด
“เปล่าครับนั่งอยู่กับเพื่อนเฉย ๆ”
“มาหาพี่หน่อยสิครับ” ผมเดินออกมาไกลพอสมควรแล้วหยุดยืน........ ได้ยินเสียงพี่เรแล้วใจมันหวิว ๆ....
“เอ่อ..หาที่ไหนครับ”
“พี่เห็นหมูแฮมแล้วครับ หมูแฮมเดินขึ้นมาบนถนนสิ แล้วจะเห็นรถพี่จอดอยู่”
“ครับ” ผมกดวางโทรศัพท์ก่อนจะเดินขึ้นไปบนถนนซีเมนต์ มองไปด้านซ้ายก็เห็นรถพี่เรจอดอยู่ ผมเดินไปที่รถแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ
“ทานอะไรรึยังครับ” พี่เรถามก่อนหมุนพวงมาลัยเคลื่อนรถออกไป ผมหันไปมองหน้าพี่เร
“พี่เร จะไปไหนครับ” กลิ่นน้ำหอมโคโรญจ์ทำให้รู้ว่าคงจะอาบน้ำแล้ว พี่เรหันมายิ้มให้แต่ไม่ตอบอะไร ....รถวิ่งไปเรื่อย ๆ ตามแนวถนน ผมมองออกไปนอกกระจกไม่ถามอะไรอีก รถพี่เรวิ่งเข้ามาจอดที่ร้านอาหารร้านนึงบรรยากาศเหมือนร้านอาหารทั่วไป แต่เป็นสองชั้น พี่เรพาผมเดินขึ้นมาชั้น 2 ที่เป็นระเบียงเปิดโล่ง นั่งริมติดระเบียงไม้ มองเห็นทะเลยามค่ำคืนที่มีแสงของประภาคาร สาดส่องและแสงจากเรือประมงน้อยใหญ่ เป็นอีกมุมมองของทะเลที่ผมไม่เคยเห็น
“สวยมั้ยครับ” เสียงนุ่มพร้อมกับมือที่ยื่นมาเกาะกุมทำให้ผมหันมามองและค่อย ๆ ถอยมือตัวเองออกมา
“สวยครับ”คนนั่งชั้นบนมีแค่ 3 โต๊ะ และนั่งกันคนละมุมแต่ถ้าหันมาเห็นผู้ชายสองคนนั่งกุมมือกันคงแปลกพิลึก
“เป็นไงบ้างกิจกรรมสนุกไหม” พี่เรทำหน้าเจื่อนลงนิดนึง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“ก็ดีครับ... แล้วพี่เรขับรถเหนื่อยไหมครับ” ถามไป แต่ไม่ค่อยดังและเต็มเสียง...เขิน..ยิ่งเงยขึ้นมองหน้าพี่เรแล้วต้องเสมองออกไปดูวิวเดิมที่ดูเมื่อครู่
“ไม่เหนื่อยหรอกครับ ก็พี่มีปลายทางที่ตั้งใจมานี่ แล้วได้ยินหมูแฮมถามอย่างนี้ ต่อให้ว่ายน้ำข้ามทะเลมาพี่คงสบาย ๆ แน่เลย” รอยยิ้มที่แสดงออกว่าดีใจ...เวอร์...ที่ผมถามคำถามที่แสดงความเป็นห่วง
“…บ้า..จะว่ายน้ำข้ามมาได้ยังไง…” ผมบ่นอุบอิบคนที่พูดเวอร์เกินกว่าความเป็นจริง
“เฮ๊ย!! คุณเรหวานจนทะเลเปลี่ยนรสชาติรึเปล่าวะ” .....ผมหันหน้ามองเสียงที่ดังขึ้นเห็นพี่ปอนด์กับพี่แนทเดินขึ้นมา ผมยิ้มให้พี่แนทแล้วยกมือไหว้พี่ทั้งสองคน
“สวัสดีจ๊ะ หืมเป็นไงมั่งหมูแฮม” พี่แนทนั่งลงข้าง ๆ ผม คุยกันได้ไม่กี่ประโยคก็ต้องหันไปมองพี่ปอนด์ที่ไม่ยอมนั่งลงซักที
“อ้าวปอนด์ เป็นริชชี่เหรอ ไม่นั่งล่ะ” พี่แนทหันไปมองหน้าคนที่ยืนทำหน้างออยู่ ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าพี่ปอนด์แกเป็นอะไร
“ก็ปอนด์อยากนั่งกับแนทอ่ะ” บทอ้อนจะเหมือนกันทั้งกลุ่ม เก้าอี้มีอยู่ 4 ตัวถ้าพี่ปอนด์จะนั่งกับพี่แนทผมก็ต้อง........ไปนั่งกับพี่เร... ผมหันไปมองคนที่นั่งยิ้มอยู่เหมือนพอใจและภูมิใจในความคิดของเพื่อนตัวเอง
“เอ่อ....ผมไปนั่งฝั่งนู้นก็ได้ครับ” ผมดันเก้าอี้ออกแล้วลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้อีกตัว ที่คนข้าง ๆ ขยับออกรอไว้แล้ว....เห็นหรอกนะว่าหันไปยักคิ้วให้เพื่อนรักที่นั่งตรงข้ามกัน และที่สำคัญมันติดกันไปไหม จะเลื่อนเก้าอี้ออกแต่แขนที่พาดพนักพิงทำให้ไม่กล้าขยับ
“เป็นไงปอนด์ ตามมาเป็นก้างกันถึงนี่เลยนะพวกแก” พี่เรหันไปคุยกับคนมาใหม่ที่นั่งตรงข้ามกัน
“ก็ใครไม่รู้โทรบอกเองว่าจะมาฮันนีมูน เอ๊ยมาเที่ยวที่นี่ให้ทะเลหวาน ก็อิจฉาก็เลยตามมาดูว่าจริงป่ะ” พี่ปอนด์พูดแล้วแกล้งเขินเอาหน้าไปถูแขนพี่แนท เลยโดนตีแขนไปผลั๊วะใหญ่ .....ทำให้ผมมองแล้วอดที่จะยิ้มไม่ได้
“สมน้ำหน้า เนียนตลอด” พี่แนทพูดคนที่ทำท่างอน ๆ ผมกับพี่เรหัวเราะออกมาแทบพร้อมกัน ....แต่ผมก็ต้องหยุดหัวเราะแล้วมองหน้าพี่เร ไม่ได้หลงเสน่ห์อะไรตอนนี้ แต่มือที่กอดเอวผมอยู่...ตั้งแต่เมื่อไหร่...เนียน....นิสัยเหมือนกันจริง ๆ พี่เรเหมือนจะรู้ว่าผมรู้ตัวแล้ว แต่ไม่ได้รู้สึกอะไรนอกจากหันมาทำหน้าเป็นเชิงถามว่า.....มีอะไรรึเปล่าครับ..
“แล้วน้องแฮม พักอยู่ไหนครับ” พี่ปอนด์ถามหลังจากที่ทำหน้าโหมดปกติแล้ว
“พักที่บังกะโลกับเพื่อนน่ะครับ”
“แต่คืนนี้พักกับฉันที่บ้านพัก” ผมรีบหันหน้ามองคนที่นั่งใกล้ ๆ ใครจะไปพักด้วยกัน... แต่ก็ยังเห็นหน้าเดิม ที่ทำไม่รู้ไม่ชี้
“…โทรบอกเพื่อนด้วยนะครับ ส่วนอาจารย์พี่จัดการเอง..” เสียงกระซิบที่ข้างหูทำเอาผมตาโต
“พี่เร แต่ผม เอ่อ...” ...จะบ้ารึไงกันจะให้โทรบอกเพื่อนว่ายังไง...........จะให้บอกว่าค้างกับ ผอ. ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกอย่างนั้นเหรอ
“ให้พี่โทรให้ก็ได้ครับ” หันมาทำหน้าเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถทำได้...
“เอ่อ .....ไม่เป็นไรครับ..ผมบอกเอง” ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ผมคงต้องนั่งตอบคำถามเพื่อนรักไม่จบสิ้นแน่
“...ไม่ทำอะไรหรอกครับ...ถ้าหมูแฮมไม่ต้องการ...” เสียงกระซิบข้างหูอีกครั้ง .....ทำตาโตได้อย่างเดียว ไม่กล้าแสดงออกอย่างอื่นก็สองคนข้างหน้านั่งมองอยู่ ......แต่รู้สึกแค่ว่าหน้ามันร้อน ๆ ขึ้นมา
ผมเดินออกมาจากบริเวณโต๊ะยืนอยู่ริมระเบียงที่ไม่มีคนนั่งแล้วล้วงโทรศัพท์ขึ้นมา กำลังชั่งใจว่าจะคุยกับเพื่อนผมยังไง พวกมันถึงจะไม่ถามอะไรกันมาก ผมตัดสินใจได้ก็กดเบอร์ที่น่าจะคุยกันเข้าใจที่สุด…เสียงรอสายยังไม่ดังด้วยซ้ำ...
“มึงอยู่ไหนแฮม !!ทำเชี่ยอะไรอยู่ !!” ไอ้น๊อต... ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรซักคำ..มันโมโหอะไรของมันขนาดนั้น
“ใจเย็นน๊อต..เป็นอะไรของมึงเนี่ย”
“กะ..ก็มึงหายไปไหนก็ไม่รู้ หายไปนาน” ไม่น่าใช่เหตุผล เพราะมันไม่เห็นโทรหาผม
“แล้วมึงอยู่ไหน...เชี่ย !!มึงเอาไปแดรกทั้งจานเลยไป!!” เสียงข้างตัวไอ้น๊อตเงียบเชียบ มันคงออกมาจากงานแล้ว แต่คำพูดที่มันสบถออกมากับน้ำเสียงบ่งบอกว่ากำลังหงุดหงิด ...มันคงอยู่กับไอ้สองตัวนั้น......หวงกินเพื่อนขนาดนั้นเลยเหรอวะ
“อะไรของมึงน๊อต!” ผมกรอกเสียงลงไป จะได้เริ่มคุยกับมันให้รู้เรื่องซักที
“เออะ เออ ไม่มีอะไร มึงอยู่ไหนกูจะไปหา” เฮ๊ย !! มาหา.......ไม่ได้
“เอ่อน๊อต คือกูเจอญาติกูพอดี เลยมานอนเล่นกับเขาน่ะ คืนนี้กูคงไม่กลับนะ... พรุ่งนี้กูถึงจะเข้าที่พักแต่เช้า” ไอ้น๊อตเงียบไปพักนึงเมื่อได้ยินคำบอกเล่าของผม
“น๊อต...มึงได้ยินที่กูพูดไหม”
“อืม ...ได้ยิน..แฮม”
“ว่าไง” ผมตอบรับเสียงที่ดูนิ่งลงของมัน
“ดูแลตัวเองนะ อยู่กับญาติมีความสุขมาก ๆ ล่ะ แค่นี้แหละ” ...คำอวยพรแปลก ๆ ของมันทำให้ผมนิ่ง เหมือนมันรู้อะไร แต่ไม่อยากพูด หรือผมแค่คิดมากไปเอง
“อืม ขอบใจ ไม่ต้องห่วง... แค่นี้..บาย” ผมลามันแต่ยังไม่ได้วางโทรศัพท์ เพราะได้ยินเสียงอะไรแทรกเข้ามาก่อนได้น๊อตเป็นคนที่ไม่วางโทรศัพท์ มันจะรอให้ผมวางก่อนเสมอ...
“ถ้าคนที่โทรหา..ไม่ใช่น้องแฮม มึงโดนแน่”
“ส้นตีนดิ มันเรื่องของกูมึงเลิกยุ่งกับกูซักที.. ครวย!!”
“อยากโดน!” ผมว่าชัดแล้วว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงใคร
“จะไปไหน..........กูถามว่าจะไปไหน” เสียงดังออกมาให้ได้ยิน ก่อนที่ผมจะตัดสินใจกดตัดสายเพราะพี่เรหันมามองหลายรอบแล้ว เก็บไว้ก่อนซักวันผมก็คงจะรู้ ถามไปมันก็คงไม่บอกแน่ ๆ ....ถ้ามันเป็นอย่างที่ผมคิด
“เรียบร้อยไหมครับ” พี่เรถามแล้วเอื้อมมือมาเนียนกอดเอวผมเหมือนเดิม ผมชักจะทำตัวเหมือนผู้หญิงใจแตกโกหกพ่อแม่ออกมานอนกับผู้ชายยังไงก็ไม่รู้
“ครับ” ผมตอบแล้วเงยหน้าขึ้นไปยิ้มแหย ๆ ให้พี่แนทกับพี่ปอนด์ที่มองแล้วอมยิ้มกันอยู่
หลังจากเช็คบิลรถทั้งสองคันก็ขับมาพร้อมกันและจอดคุยกันทางเข้าบ้านพักหลังขนาดพอดี ร่ำลากันซักพักพี่แนทกับพี่ปอนด์ก็ขอตัวกลับเข้าบ้าน พี่ปอนด์มีบ้านพักตากอากาศที่นี่ ซึ่งบ้านพี่ปอนด์ก็อยู่ใกล้ ๆ กับบ้านพี่เรและเป็นหลังที่ผมมองเห็นนั่นแหละ แต่ที่บ้านพี่ปอนด์มีคนพลุกพร่านคงมาเป็นครอบครัวและคงถือโอกาสเปิดตัวลูกสะใภ้ไปด้วย...ผมลงจากรถแล้วยืนอยู่ข้างรถก่อนไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปในบ้าน บ้านพักพี่เรเป็นบ้านสองชั้นขนาดสำหรับครอบครัวเล็ก ๆ สร้างห่างจากชายหาดไม่ถึง 200 ม. ทำให้มองไป เห็นท้องทะเลในความมืดไกลจนสุดสายตา
“สวัสดีค่ะคุณหมูแฮม” เสียงผู้หญิงวัยกลางคนเดินออกมาต้อนรับแล้วยกมือไหว้ผม
“สวัสดีครับ เอ่อไม่ต้องไหว้หรอกครับ” ผมรีบตอบกลับแล้วรีบบอกไม่ให้ไหว้ผม ไม่ได้กลัวอายุสั้นแค่มันไม่เหมาะสม
“เอ่อ ค่ะ น้าจัดที่ทางเรียบร้อยแล้วนะคะคุณเร ถ้ายังไงน้าขอตัวกลับบ้านก่อนมีอะไรโทรหาน้าได้ค่ะ” น้าผู้หญิงบอกแล้วส่งยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกไป
“น้าเปลวน่ะ เป็นคนดูแลบ้านให้ บ้านแกอยู่ไม่ไกลจากที่นี่” ผมผยักหน้ารับรู้สิ่งที่พี่เรบอก
“ง่วงไหมครับ” พี่เรถามแล้วมายืนตรงหน้าผม
“ก็นิดหน่อยน่ะครับ” ผมต้องเสมองไปรอบ ๆ บ้านก่อนตอบยังรู้สึกเกร็งอยู่
“งั้นไปเดินเล่นกับพี่นะครับ” พี่เรบอกแต่ไม่รอให้ผมตอบ ฉุดมือผมเดินออกจากบริเวณบ้านเดินลัดลงมาตรงชายหาด ผมเดินตามผู้ชายตัวสูงที่จูงมือให้เดินตีคู่กันไปตามริมหาด
“สมัยก่อนตอนเด็ก ๆ น่ะ พี่เคยเอาขวดมาลอยน้ำทะเลแถวนี้หาคู่ด้วยนะ” พี่เรเริ่มเปิดฉากสนทนาด้วยรอยยิ้มแบบขัน ๆ ..... น่ามอง....จนผมอดที่จะหันไปมองหน้าพี่เรไม่ได้..แต่ไม่ได้พูดตอบอะไรไป
“เพราะเคยดูในหนังว่าจะต้องมีใครเก็บขวดของเราได้ซักวัน พี่พูดไว้ว่าถ้าใครเก็บขวดพี่ได้พี่จะแต่งงานกับคนนั้น ตอนนั้นพี่คิดแค่ว่าคงเป็นหญิงสาวสวยเหมือนในละคร แต่พี่ก็เด็กเกินไป จนไม่ได้คิดว่าคนที่เก็บได้อาจจะเป็นผู้ชายก็ได้ โตมาคิดได้พี่ก็ได้แต่หัวเราะกับการกระทำเด็ก ๆ ของตัวเอง แต่นั่นก็ก่อนที่พี่จะเจอหมูแฮม ” พี่เรหันมาสบตากับผมที่มองอยู่ก่อนแล้ว ผมรีบหลบตาคมคู่ที่จ้องฝ่าแสงสลัวลงมา หัวใจเริ่มสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก
“แล้วหมูแฮมล่ะเคยเล่นอะไรแปลก ๆ บ้างไหม”
“ไม่รู้สิครับ จำไม่ได้” ผมบอกไปสายตาเพ่งมองไปเบื้องหน้าที่เดินไป
“เฮ่อ! พี่อยากย้อนกลับไปตอนที่เจอหมูแฮมครั้งแรกจัง จะได้กลับไปแก้ไขอะไร ๆ เผื่อมันจะดีกว่าที่เป็นอยู่” เสียงพี่เรหม่นลงทำให้ผมหันไปมองหน้าพี่เร ....
“แก้อะไรเหรอครับ” ผมอยากรู้ในสิ่งที่พี่เรพูด อยากแก้ไขอะไร.... หมายถึงเรื่องที่ว่าถ้ารู้ว่าผมเป็นผู้ชายจะได้ไม่สนใจใส่ใจอะไรสินะ
“พี่จะดูดี ๆ ว่าหมูแฮมเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ตอนนี้ก็ยังไม่สายนะครับ” ผมพูดออกไปเมื่อคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูกต้อง
“ฮึ..พี่รู้ว่าหมูแฮมคิดอะไร พี่หมายถึงถ้าพี่รู้ว่าหมูแฮมเป็นผู้ชายอย่างน้อยพี่จะได้คิดและทำอะไรลงไปไม่ผิดคนไงครับ” ผมรีบก้มหน้าหลบลง คำตอบบ้า ๆ.... แรงกระชับที่มือแน่นขึ้น......... ผมคิดอะไรซักพักก่อนที่จะหยุดยืนอยู่กับที่ทำให้พี่เรต้องหยุดตามไปด้วย
“พี่เร คิดกับผมยังไงกันแน่ และมั่นใจแค่ไหนครับ” เมื่อหยุดเดิน ผมเป็นฝ่ายที่เงยหน้าขึ้นถามและประสานสายตากับคนที่หันหลังกลับมามองทั้งที่มือยังจับกันอยู่
“รัก....” คำเดียวสั้น ๆ ห้วนที่หลุดออกมาก่อน
“รักมาก จนไม่รู้ว่าจะรักใครได้อย่างนี้อีก รอมาตลอดทั้งที่ไม่คิดว่าคนอย่างพี่จะรอคอยใครได้นานขนาดนี้” พี่เรพูดสายตายังจับจ้องมาที่ผม
“รักแล้วต้องทำอย่างนี้เหรอครับ” ผมถามออกไป...... เรายังจับมือกันอยู่ แต่พี่เรหันหน้ามาเผชิญกัน ผมไม่ได้หลบสายตาพี่เร อยากมองตาคู่นั้น ดวงตาที่ว่าเป็นหน้าต่างของหัวใจ จะมีอะไรออกมาให้ผมได้รู้บ้าง
“ รักจนทำอะไรผิด ๆ ลงไปเพราะความผิดหวัง จนไม่เคยคิดว่าคนที่ขึ้นชื่อว่าต้องผดุงความยุติธรรม จะไม่ยับยั้งความคิดที่จะทำอะไรลงไป”
“ไม่ได้เป็นนิสัย ไม่ได้ทำลงไปเพราะเห็นเป็นเรื่องสนุก ไม่ได้ทำลงไปเพราะแก้แค้น” คำที่พูดออกไปผมก็ไม่แน่ใจว่าเป็นคำที่ต่อว่า หรือเป็นคำถาม
“แค้นเหรอ....ถ้าบอกว่าไม่ หมูแฮมคงไม่เชื่อ... แต่มันไม่ได้เป็นนิสัย.... ไม่ได้ออกมาจากจิตวิญญาณ.... ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องสนุก” แววตาที่โต้ตอบกลับมาพร้อมคำพูดเหมือนยืนยันฉายแววหนักแน่น
“แล้วจะไม่มีอีกต่อไป” ผมพูดคำที่อยากให้เป็น
“ไม่มี จะเหลือแค่ รัก ห่วงใย และสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดที่พี่จะทำให้หมูแฮมและชดเชยสิ่งที่พี่ทำผิดลงไปได้” พี่เรพูดพร้อมกับดึงผมเข้าไปกอด แรงกอดรัดแทบจะทำให้ผมจมอยู่ใจอ้อมกอดแกร่ง แทบจะหายใจไม่ออก แต่ทำไมถึงรู้สึกโล่งใจ ความโล่งใจทำให้น้ำตาไหลออกมาอย่างง่ายดาย แรงสะอื้นยิ่งมีมากขึ้นเมื่อมือใหญ่เอื้อมมาลูบหลังและกดหัวผมให้ซบลงบนบ่าใหญ่ เป็นอีกครั้งที่ผมกับพี่เรเปิดใจคุยกัน
“ร้องครับ พี่ให้ร้องแค่วันนี้วันสุดท้าย แต่ถ้ามีครั้งต่อไป มันจะไม่เกิดจากพี่เด็ดขาด” ผมดันตัวเองออกมา อยากเห็นสายตาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกซักครั้ง พี่เรจ้องมองมาเช่นกัน
“เชื่อพี่นะครับ คนดี” มือใหญ่เอื้อมมาเช็ดน้ำตา ปาดออกอย่างอ่อนโยน....อบอุ่น...จะผิดไหมถ้าผมจะลองดู..อยากเชื่อ..อยากอยู่อย่างคนที่ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องระแรงอะไร
“ครับแฮมจะเชื่อพี่เร” ไม่ได้เรียกแทนตัวเองด้วยชื่อกับผู้ชายคนนี้มานานแค่ไหนแล้ว พี่เรคงคิดเหมือนกัน สีหน้าที่แสดงความดีใจจากคำที่ออกจากปากผม ทำให้ผมส่งยิ้มให้คนตรงหน้าทั้งน้ำตา
“ฮึก...พี่สัญญาว่าจะมีแต่สิ่งดี ๆ พี่สัญญา..พี่สัญญา” คำสัญญามาพร้อมกับริมฝีปากที่ทาบทับลงมา ผมยืนนิ่งให้พี่เรเลาะเล็มริมฝีปากอย่างนุ่มนวล ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดอีกครั้ง...พี่เรจูงมือผมเข้าไปนั่งลงหลังโขดหินก้อนใหญ่ที่ซ้อนวางกันหลายก้อนซึ่งไม่ได้ห่างจากที่พวกเรายืนอยู่ แนวหินก้อนใหญ่บดบังแทบจะทุกทิศทางเปิดโล่งแค่ทางที่หันออกไปทางทะเล ที่ตรงนั้นมีเสื่อพร้อมผ้าปูด้วย ผมยังไม่ทันได้อ้าปากถามว่ามันมาได้ยังไง
“มานั่งนี่สิครับ” ...ผมก้มหน้างุดลง เมื่อนั่งนี่..ของพี่เร คือบนตักกว้างที่นั่งขัดสมาธิอยู่..ผมไม่ตอบอะไร แต่ก็ยอมคลานขี้นไปนั่งบนตักพี่เร มือใหญ่กอดเอวผมไว้ พร้อมกับแรงกดจูบที่บริเวณขมับ
“พี่แค่คิดว่าจะมาหมูแฮมมานั่งดูดาวด้วยกันน่ะครับ เลยให้น้าเปลวมาปูไว้ให้ แต่ไม่คิดว่าจะดีกว่าที่คิดไว้ซะอีก”
“ถ้าแฮมไม่ยอมมากับพี่เรล่ะครับ” ผมถามคนที่กอดเอวแล้วเอาคางเกยที่บ่าผม
“พี่คงต้องมานอนนับดาวคนเดียวมั้ง ตั้งใจไว้แล้วนิ หรือไม่คงล่อลวงมาจนได้ ก็คิดถึงนิ”
“เจ้าเล่ห์จัง งั้นกลับดีกว่า”ผมทำท่าจะลุกขึ้นจากตักของคนที่ทำหน้าเหวอและรีบคว้าตัวผมไว้ ผมอดที่จะหัวเราะไม่ได้กับท่าทางของพี่เร รู้สึกดี แค่ยอมเปิดใจ แค่ยอมรับรู้สึก ก็ทำอะไรได้แบบไม่ขัดเขินเหมือนเดิม นี่สินะสิ่งที่ไอ้น๊อตมันบอกผมให้รับ รับในสิ่งที่ชอบ
“คนขี้แกล้ง มานี่มาให้ทำโทษซะดี ๆ” พี่เรกอดผมไว้แล้วก้มหน้าเข้าซุกซอกคอผมแรง ๆ จั๊กจี้จนต้องหัวเราะออกมา
“ฮะ ฮ่าๆๆๆ พอเถอครับ ฮะฮ่าๆๆ พี่เร” เผื่อพี่เรจะหยุดก็เอาจนเหนื่อย ทั้งคู่
“พี่มีความสุขที่สุดเลยครับ” พี่เรพูดแล้วก้มลงหอมแก้มผมแรง ๆ ทีนึง ผมก้มหน้าลงแล้วซบลงบนบ่ากว้าง เขินท่านั่งตัวเองที่ล่อแหลมสุด ๆ ก็ผมนั่งคร่อมตักพี่เรอยู่
“แล้วหมูแฮมล่ะคิดยังไงกับพี่ครับ” พี่เรดันผมออกจากบ่าตัวเอง มองตาผมเหมือนจะค้นเอาความจริงจากแววตาของผม
“รู้สึกดีครับ ดีมาก ๆ สำหรับตอนนี้ รออีกนิดนะครับสำหรับคำว่า....รัก ถ้าพี่เรต้องการ”ผมพูดพร้อมกับจ้องเข้าไปในตาคมตั้งใจสื่อความหมายออกไปให้พี่เรเข้าใจผมมากที่สุด
“ครับพี่จะรอ” หน้าคมหล่อเคลื่อนลงมาใกล้เรื่อย ๆ จนปากเราประกบกันอีกครั้ง แต่แตกต่างตรงที่มันดูร้อนแรงกว่าตอนนั้น ริ้นร้อนรุกเร็วขึ้น จากที่เลาะเล็มริมฝีปากเริ่มลุกล้ำเข้ามา ใจผมเต้นโครมครามออกมาแทบจะกระเด็นออกมา แต่ก็ไม่ปัดป้องอะไร
“จุ๊บ ๆ พี่รักหมูแฮมครับ” เป็นคำบอกรักก่อนจะก้มลงซุกไซร้ซอกคอจนผมเริ่มเกร็งตัว ผมเกาะพี่เรแน่น จนได้ยินเสียงหัวใจพี่เรเต้นรัวดังไม่แพ้ผมเหมือนกัน มือใหญ่เริ่มเลื้อยเข้าไปในเสื้อยืดที่ผมใส่ แรงจูบทับไม่ได้แรงจนเกิดรอยแต่มันหวิวทุกอณูที่ลิ้นสากลากผ่าน เสื้อผมออกจากตัวอย่างไม่รู้ตัว พี่เรพลิกให้ผมนอนลงกับผ้าปูก่อนจะขึ้นคร่อม
“มันคือสิ่งที่พี่ต้องการ รองจากหัวใจและคำว่ารักจากหมูแฮม”
***********************************************
ปากหนาเริ่มไล่โลมเลียจากปากบางหวานอย่างอ้อยอิ่งลงมาไซร้ที่ซอกคอหอมกรุ่น เนื้อตัวคนตรงหน้านุ่มนิ่มจนอยากจะกัดกลืนกินไปทั้งตัว เนื้อขาวนวลกระจ่างตาเมื่อต้องแสงจันทร์ จูบพรมจนถึงยอดอกสีสวยที่เป็นไตขึ้นมาเพราะแรงอารมณ์ ลิ้นสาก ฉกเลียจนร่างบางสะดุ้งแอ่นอกให้เชื้อชิมอย่างไม่รู้ตัว แค่ท่าทางไม่ประสาแทบทำให้คนที่คล่อมอยู่แทบจะหลอมละลายได้ มือแกร่งปลดกางเกงขาสั้นออกจากช่วงขาเรียว อย่างง่ายดาย
“อ๊ะ!! พี่เร” เสียงหวานอุทานตกใจเมื่อมือหนา จับที่แก่นกายสีสวยที่ชูชันอยู่แล้วลูบไล้รูดเบา ๆ เหมือนเป็นสัญญาณว่าให้เตรียมตัว
“พี่จะทำให้หมูแฮมเจ็บน้อยที่สุดครับ” ร่างสูงพูดก่อนจะใช้มือรูดแก่นกายขึ้นลงสุด อย่างรู้ใจพร้อมกับก้มลงชิมยอดอกที่น่ากลืนกิน ร่างบางบิดเร่า
“อา พี่เร อืมม” เสียงที่ครางออกมาอย่างไม่รู้ตัว ยิ่งทำให้คนตัวใหญ่ได้ใจ กัดขบกับตุ่มไต แล้วโลมเลียเหมือนปลอบลากลิ้นผ่านหน้าท้องขาวลงมา.... เปลี่ยนจากมือเป็นปากครอบลงบนแก่นกายที่เป่งนูนเต็มที่
“อื๊อ อือ” เสียงครางอย่างเผลอตัวเมื่อรู้สึกถึงปากร้อน แรงรูดอมทำให้ก้นคนด้านล่างแทบจะไม่ติดผ้าปู ดวงตากลมสวยปรือมองอย่างทรมาน ดวงตาหวานเชื่อมเป็นการเชิญชวนอย่างไม่รู้ตัว ร่างสูงเร่งปากให้เร็วขึ้น จนร่างขาวนวลบิดเร่าก่อนจะกระตุกฉีดน้ำรักเข้าปากคนที่อมรูดอยู่ เรวินใช้มือป้ายน้ำรักที่หกเลอะป้ายที่ช่องทางสีสวย
“พี่เร แฮมเอ่อ” เรวินชะงักก่อนจะถูกผลักให้นอนลง ร่างบางลุกขึ้นเป็นฝ่ายคล่อมแทน
“หมูแฮม”
“เขาบอกว่าถ้าขึ้นเองจะไม่เจ็บมาก ......รึเปล่าไม่รู้” บอกก่อนจะจับแก่นกายคนด้านล่างรูดขึ้นลงอย่างที่ถูกปรนเปรอให้ก่อนหน้านั้น
“หมูแฮมไม่ต้องฝืนนะครับ อ๊ะ!!” ไม่ทันแล้ว เสียงถูกกลืนลงไปพร้อมแก่นกายที่หายเข้าไปในโพรงปากเล็กท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ แต่ก็อมรูดขึ้นลงอย่างไม่ประสา แค่นี้ก็แทบจะแตกอยู่แล้ว เมื่อแก่นกายถูกปลุกจนบวมเป่ง ร่างบางก็ยกตัวเองให้ช่องทางสีสวยตรงกับท่อนเอ็นที่ชูชัน ถึงจะรอบมองแล้วกลัวขนาดของมันก็เถอะ
“อ๊ะ อือ อ่าส์” เสียงครางที่บ่งบอกว่าทั้งเจ็บและเสียวซ่านไปในตัว เมื่อท่อนเอ็นเริ่มจมหายเข้าไปในช่องทางที่กดทับลงมา
“อ่าส์ แฮมครับ อืมมม” นี่แค่เข้าได้แค่หัวเขายังแทบจะทนไม่ไหวแล้ว จนต้องจับสะโพกมนให้กดทับลงมาให้สุด
“อึ๊ เจ็บ อืม โอ๊ย!” เสียงร้องทำให้มือใหญ่หยุด แต่กลับเป็นอีกคนที่กดทับลงทีเดียวจนร่างหนาสะดุ้งเฮือกไปด้วย
“พี่เร...” เรียกชื่อคนที่ตัวเองกำลังควบอยู่ แล้วค่อย ๆ ยกสะโพกขึ้นและกดลงช้า ๆ แรงปรารถนามีมากขึ้น ทำให้น้ำหล่อลื่นออกมาจนไม่รู้สึกว่าเจ็บมากมาย เพราะมีความรู้สึกอย่างอื่นเข้ามาแทนความเจ็บปวดจนจะหมดสิ้น
“อึก อ่าส์ คนดี อ่าส์ เสียวครับ อ่าส์..” สะโพกหนาของคนด้านล่างเด้งรับ สวนกันหนักขึ้นตามแรงต้องการเช่นกันมือแกร่งรูดแก่นกายของคนที่ควบอยู่ให้เป็นจังหวะเดียวกับสะโพกที่กดซอยอยู่
“อ่าส์ ฟูส์” ความหลงระเริงในกามทำให้ลืมความเขินอายจนสิ้น สะโพกมนกระแทกลงและขึ้นสุด
“ผับ ผับ ผับ!!” เสียงเนื้อกระทบกันดังสร้างความรัญจวญให้กับผู้กระทำทั้งคู่
“อาส์ อ่า อ่า อื๊ออ อืมมมมมม” เสียงครางจากทั่งคู่ประสานกันจนแยกไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร รู้แค่ว่าความสุขที่จะได้ขึ้นสวรรค์กำลังจะมาถึง
“อึก อ่าส์ โอย สุดยอด อ่าส์” ร่างกายเกร็งกระตุก และฉีดพ่นน้ำรักออกมาพร้อมกัน สะโพกบางกดเบียดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกเพื่อถอนออก
“อย่าพึ่งครับ อยู่อย่างนี้ก่อน” เรวินจับให้ร่างบางนอนซ้อนกัน แต่ยังไม่เอาน้องชายออกจากช่องทางที่ยังตอดขมิบอยู่
“อึก พี่เร” ร่างเล็ก สะดุ้งเมื่อดูเหมือนว่าสิ่งที่อยู่ในตัวจะคับพองขึ้นอีก
“ ฮึๆๆ ก็หมูแฮมน่ารักนี่ครับ” คำพูดที่ธรรมดา แต่แฝงความหมายที่น่าอาย
บทรักหวาน ๆ เริ่มขึ้น ต่อเวิ้งท้องทะเลที่เป็นพยานในคำสัญญา และท้องฝ้าและดวงดาวเป็นพยานกับการเสพสมที่เต็มไปด้วยความเต็มใจ และพอใจทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่การสุขสมแค่เพียงฝ่ายเดียว เหมือนที่ผ่านมา.................