@ << รักแท้.....หรือแค่บำเรอ >> @ //// ตอนที่ 21 ฝากให้เธอช่วยดูแล 1/2 By Not 11/01/11
“ฮ้าววว !” เสียงผมเองครับ เมื่อคืนเล่นเกมส์ดึกไปหน่อย วันหยุดทั้งทีแทนที่จะได้ไปไหนแต่พ่อกับแม่ชิงไปเที่ยวตัดหน้าซะก่อนไปไกลถึงเมืองนอกเมืองนาด้วย ทิ้งให้คนหล่อตาดำ ๆ ต้องนั่งแหง่วอยู่บ้าน พี่โน้ตก็ไม่อยู่ เบื่อโว๊ยยยย อยากไปเที่ยว อยากร่าน อยากแรด ไม่ใช่ละ....ตอนนี้ผมนั่งเล่นโน๊ตบุ๊คในสวนหน้าบ้านที่ถูกตกแต่งโดยแม่ผมเอง ต้นไม้เลยหนาแน่นเป็นพิเศษ ….พึ่งกินข้าวไปเมื่อตะกี้เอง...หนังท้องตึง หนังเท้าหนา หนังตายาน ฟังเพลงเพลิน ๆ ช่างสุขสม อารมณ์โสดดีแท้ เริ่มเลื้อยตามแนวยาวของเก้าอี้ไม้ที่เป็นแผ่นไม้ขนาดใหญ่พอที่จะนอนพลิกตัวได้อย่างสบาย เมื่อได้ท่าที่คิดว่าหล่อตลอดเว แม้เวลานอนแล้วก็เริ่มเล่นเกมส์ซ่อนตาขาวตาดำ อืม..งึม ๆ ง่วง ทิวาสวัสดิครับทุกคน...
อึ๊....อะไรเย็น ๆ หนังตาเริ่มกระตุก อะไรมารบกวนเวลานอนกรูฟะ อะไรมาฟืด ๆ ฟาด ๆ แถวนี้ อื่ย!! คนกำลังนอนนะโว้ยยยยยย
“อืม เอ๊ะ!! อ๊ากกกกกก !! หมาผีผีผีผีผีผีผี” เสียงผมเอ๊งคร๊าบ!!ลืมตาขึ้นมาก็เห็นไอ้หมาหน้าย่นที่ไหนมันยืนอยู่บนหน้าอกผม กำลังก้มหน้าแลบลิ้นจะกินหัวผม ฮื่อ ๆๆ พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วย!!
“ฮะ ฮ่า ๆๆๆๆ แม่งนอนจนหลอนผีบ้านมึงออกมาหลอกกันกลางวันกลางแจ้งแสก ๆ รึไงห๊ะ ฮ่าๆๆๆ” เอ๊ะ ! เสียงใคร คุ้น ๆ ผมหยุดโวยวาย ค่อย ๆ เอามือปิดตาออก เฮ๊ย!! ตกใจอีกรอบกับหมาผีตัวเดิมที่มันย้ายที่จากอกผมไปยืนแลบลิ้นอยู่บนโต๊ะ ตัวมันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แล้วตะกี้ทำไมมันน่ากลัวจังว๊ะ...แต่เมื่อกี้.. เสียงใคร
“ฟายยย !!เข้ามาได้ไงวะ!!มึงจะมาขโมยของบ้านกูใช่มั๊ยสาด!!” ตกใจยิ่งกว่าเห็นหมาผีอีก เมื่อเด้งตัวลุกขึ้นแล้วรีบหันไปมองต้นตอเสียงที่มาจากทางด้านหัวนอน ก็จะไม่ให้ตกใจได้ไง ไอ้คนที่ยืนอยู่นั่นมันได้ควายเผือกตัวนั้น มาได้ไงฟะ รึมันจะเข้ามาขโมยอะไรในบ้านผม
“กูเนี่ยนะ!! จะมาขโมยของบ้านมึงนอนจนประสาทหลอนรึเปล่า” มาทำเสียงดังใส่... แล้วยังมีหน้าเดินมานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับผมอีก ผมเหล่ตามองไอ้ปั๊กหน้าย่นที่เนียนนอนบนโต๊ะแล้วหลับตาพริ้มไม่ได้สนใจคนที่กำลังงงอย่างผม...บ้านกรูไม่เคยเลี้ยงหมานะ แล้วมันมาจากไหนอย่าบอกนะว่า...
“นี่มึงเอาหมามาปล่อยบ้านกูใช่มั๊ย!!ไม่มีปัญญาเลี้ยงล่ะสิ!!” แม่งเลวแล้วยังใจดำ ....แม้กระทั่งหมาตัวเดียวก็เลี้ยงไม่ได้ ชีวิตมรึงมีอะไรดีไหม..
“อุ๊บ!!ฮ่า ๆ หึ ๆ มึงคิดได้ไงวะ ความคิดมึงแต่ละอย่างกูล่ะเชื่อเลย แต่ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงว่ะ” ยังมีหน้ามาหัวเราะ แต่อะไรของมันฟะ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง
“อะไรของมึง ไม่ใช่ก็ใกล้เคีย งกูบอกไว้ก่อนนะ ว่าบ้านกูไม่ใช่โรงเพาะเลี้ยงหมาพันธ์นะ และที่สำคัญกูไม่เคยเลี้ยงสัตว์ด้วย” เพราะเลี้ยงตัวเองยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ....อย่าบังอาจเอาภาระมาให้กูเด็ดขาด
“อืม ก็..” ผมจ้องหน้ามัน รอคำตอบมือก็เผลอไปลูบหัวไอ้หมาขี้เกียจที่นอนกลางวันอยู่ ......แต่...มันคงง่วงแหละไม่ได้ขี้เกียจหรอก....เพราะมื่อกี้กูก็นอน....แต่มึงจะลีลาอีกนานไหม..รอให้กูลูบหัวหมาให้มันเถิกรึไง..
“กูเอาฝากเลี้ยง กูซื้อมาเมื่อวาน แต่แม่กูแพ้ขนหมาห้ามเลี้ยงว่ะ สงสารมัน” พูดแล้วทำหน้าน่าสงสาร ทำเป็นด้วยเหรอคนอย่างมัน เสแสร้งล่ะสิ มึงไม่รู้แต่แรกรึไงว่าไม่มึงแพ้ ไปซื้อมาทำด๋อยอะไร แต่..ก็คงเป็นธรรมดาของพวกไม่มีสมองอย่างมัน แต่เมื่อกี้มันว่าอะไรนะ...
“อะไรนะ ฝากเลี้ยง ฝากกูเนี่ยนะ บ้ารึเปล่าชีวิตนี้กูเคยเลี้ยงหมาที่ไหน คิดได้ไง มึงเอาไปฝากคนอื่นดิ เพื่อนมึงเยอะแยะ” ... แม่งไม่มีปัญญาแล้วยังสร้างปัญหาได้อีก หน้าอย่างกูเนี่ยนะจะเลี้ยงหมาทุกวันนี้กูยังต้องให้แม่เลี้ยงเลย..
“กูไปมาแล้วแต่ไม่มีใครเลี้ยงได้ ของพวกมันเลี้ยงแต่ตัวโต ๆ มึงอยากให้มันโดนไอ้ล๊อตกัดตายรึไง เพื่อนกูแต่ละคนเลี้ยงแต่หมาโหด ๆ” เพื่อนเลี้ยงหมาโหด แล้วมึงไปซื้อพันธ์ปัญญาอ่อนมาเลี้ยงเนี่ยนะ กรูจะบ้าตาย เอายังไงดีวะ ผมนิ่งซักพักใช้ความคิดก่อน ต้องคิดดี ๆ กรูเป็นคนมีสมองจะโง่กว่ามันไม่ได้
“แล้วทำไมต้องเป็นกูด้วย บรรดาเดอะกิ๊กของมึงล่ะเยอะจะตายไป”
“ถามเยอะจริง ไม่อยากเลี้ยงก็บอกกูมา กูจะได้เอาไปปล่อยวัดให้รู้แล้วรู้รอดไป แม่งถ้ากูเลี้ยงได้จะไม่ลำบากมึงเลยน๊อต ตกลงมึงจะเอาไง” ไอ้ชั่ววววววววววว.............ทำไมมึงคิดได้จะปล่อยวัดนี่นะ มึงรู้ไหมว่าพระยิ่งบิณบาตรไม่ได้คนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยทำบุญ มึงจะให้มันไปอดตายรึไง
“มึง ๆ มันฮึ่ย !! ไอ้คนไม่มีจิตสำนึก มึงมันคนบาปที่โลกระบือจริง ๆ” ไม่รู้จะด่ามันยังไง หันไปมองไอ้หน้าย่นที่ตอนนี้ตื่นแล้ว ตั้งหน้าตั้งตามองหน้าผม เหมือนมันกำลังรอฟังคำตอบอยู่เหมือนกัน ตากลม ๆ ส่องประกายวิ๊ง ๆ ชวิ๊ง ๆ น่าสงสาร นี่กรูเข้าใจหมาขนาดนี้เลยเหรอวะ แต่มันจะรู้ตัวไหมว่าถูกไอ้หน้าปลาดุกนี่ซื้อมาทิ้ง มันช่างเป็นหมาที่ซวยและมีชีวิตที่อาภัพจริง ๆ
“ฝากเลี้ยงส่วนเรื่องค่าอาหารกูจะจ่ายให้เอง คิดค่าใช้จ่ายมา อยากได้ตอนไหนก็ถือบิลไปหากูหรืออยากได้เท่าไหร่ก็บอก เดี๋ยวจะหาว่ากูใจดำไม่ดูดีอีก” ไม่ทันละ...กูด่ามึงไปแล้วล่ะ...แต่ข้อเสนอมันก็น่าสนใจ ถ้ากรูซื้อเพ็ดดีกรีมาห่อละ 200 กูก็บวกค่าเดินทาง ค่าน้ำมันรถ ค่าเลือกซื้อ ค่าเสียเวลา ค่าอะไรอีกดี ช่างแมร่งมันบวกให้หมด กูจะเอาให้อานเลยมึง หึ ๆ
“ยิ้มอะไร บ้ารึเปล่ามึงอย่าบอกนะว่าคิดจะแดกหมากู”
“เชี่ยละ!! อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนมึงเอง เออก็ได้! แล้วมันชื่ออะไร” ครอบครัวผมคงไม่ปัญหาเพราะพี่ชายก็เคยเลี้ยงหมาขนปุยตัวใหญ่ๆ ไว้แต่รู้สึกจะเป็นของพี่ลูกหมี แต่มันดันถูกโดนัทดำวงใหญ่ทับขี้แตกไปแล้ว....
“มึงตั้งให้มันดิ” เรื่องมากจริง ๆ แต่ก็ดีเหมือนกัน ......ชื่ออะไรดีน้า..ผมหันไปมองหน้าไอ้ย่นที่มองไปมองมาก็หน้าเหมือนไอ้คนที่เอามาฝากแฮะ
“กูรู้แล้ว ให้มันชื่อภาสกรดีมะ ”
“ควายเถอะนั่นมันชื่อกู อย่ามากวนตีน” มันรีบแย้งขึ้นมาทันที พร้อมกับชี้หน้าผม...แต่กรูไม่สน
“ทำไมอ่ะ ก็หน้ามันเหมือนมึง มึงดูดิ 5++” ผมจับไอ้ภาสกรหันหน้าไปให้มันดู แล้วจับปากไอ้ย่นฉีกยิ้มให้มัน
“เดี๋ยวมึงจะโดนสัด ว่าแต่...มึงจำชื่อกูได้ด้วยเหรอ..แอบชอบกูอ่ะดิ”
“ส้นตีนไอ้ภาสกรเถอะ ชื่อของคนที่กวนตีนตั้งแต่หน้าตายันปลายเท้าอย่างมึงน่ะ กูจำได้ กูจะได้มีลูกบอกลูกมีหลานบอกหลานว่าไอ้นี่มันเลว” ผมพูดพร้อมกับจับขาไอ้ภาสกรชี้หน้าไอ้หน้าปลาตีนที่ทำหน้ายุ่งขรึม ๆ อย่างไม่พอใจ..เรื่องของ มรึง กูจะเรียกอย่างนี้มึงจะทำไม ไม่พอใจก็เอากลับไป ไม่ได้สิเดี๋ยวมันเอาไปปล่อยวัดลำบากพระต้องเก็บขี้มันอีก
“มึงมั่นใจว่าจะมีลูก” เอ๊า !! ไอ้ชั่วมาแช่งกู
“ทำไมกูมีน้ำยาพอโว้ย! ว่าแต่มึง...”
“กูไม่ลืมหรอกน่า จะตีกรุงกูอ่ะ วันนี้ก็ได้พร้อมเสมอ” อะชะช่า....แม่งรู้ทันกรูอีก แต่วันนี้กรูไม่พร้อมเพราะเมื่อคืนเล่นเกมส์ดึกจะว่าดึกก็ไม่ใช่เพราะเกือบเช้า รู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงชอบกล ง่วงหงาวหาวนอนอยู่นี่ไม่เห็นรึไง มึงจะมาอาศัยช่วงนี้ชิงชัยกับกรูไม่ได้เด็ดขาด
“เออ ไม่ลืมก็ดี เอาไว้ก่อนมึงไม่ต้องกลัวกูจัดมึงแน่” ผมบอกแล้วชี้หน้ามัน ผมอุ้มไอ้ภาสกรไว้บนตัก มันยังเป็นลูกหมาอยู่เลย มองไปมองมาก็น่าเอ็นดูอยู่หรอก
“...ชอบรึเปล่า” ถามแปลก ๆ กูไม่ใช่พวกใจดำอำมหิตเหมือนมรึง จะไอ้ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ได้ลงคอ
“ถามทำไม ชอบไม่ชอบกูก็ไม่ใจดำพอที่จะเอามันไปปล่อยวัดหรอก กูสันดานไม่ด้านพอ” หลอกด่าแม่งเลย สมน้ำหน้ามัน
“เออ ก็ดี แล้วนี่อยู่คนเดียวเหรอ”
“แล้วมึงเห็นใครนอกจากกูไหมล่ะ”
“เห็นป้าแม่บ้าน คนที่ไปเปิดประตูให้กู”
“เห็นแล้ว ถามทำเตี่ยรึไง”
“มีไรกินเปล่า”… ฮึ๊ !! มันคงถามถึงอาหารไอ้ภาสกร
“ปัญญาอ่อนนะมึง กูจะมีอะไรให้มันกินได้ยังไง มีแต่ข้าวกับต้มจืดมันจะกินเปล่าล่ะ” เดี๋ยวค่อยออกไปซื้อแล้วชาร์จมันให้หนัก ๆ
“กินดิ กูเนี่ยกิน ของไอ้ด่างเนี่ยกูเตรียมมาให้แล้วแล้วมันก็อิ่มจนพุงมันจะแตกแล้ว กูเนี่ยยังไม่ได้แดกรัยตั้งแต่เช้า” อะรัย!! ของมัน ผมย่นคิ้วเงยหน้ามองหน้ามัน มือก็ลูบหัวไอ้ภาสกรไปด้วย บ้า..รึ..เปล่า ข้าวบ้านมันไม่มีรึไง
“ทำไมบ้านมึงไม่มีข้าวกินรึไง....มาขอบ้านคนอื่นกิน เงินก็มีไม่ใช่รึไง...ว่าแล้วก็กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวไอ้ภาสกรกูดูแลเอง อย่ามาวึ่นวือให้มากมาย”
“กูหิวมากเลยตอนนี้ ไม่มีแรงขับรถแล้ว กูอุตส่าห์ออกจากบ้านแต่เช้าไปซื้อหมามา ..หะ...” ฮะ ซื้อหมาอะไรไหนว่าซื้อเมื่อวาน...ผมมองหน้ามันแทนคำถาม พูดอะไรงง ๆ
“กูหมายถึงออกจากบ้านไปซื้ออาหารมันแต่เช้า กลัวสายแล้วมันจะหิว ว่าแต่จะให้กูกินข้าวได้ไหมเนี่ย!” สรุปกูต้องหาอะไรให้มึงกินใช่มั๊ย เอาภาระมาให้กูตัวนึงแล้ว ยังมาทำให้เพิ่มเป็นสองตัวอีก
“จะกินอะไร พ่อกับแม่กูไม่อยู่ อยู่กูคนเดียวทั้งบ้านมีแค่ต้มจืดกับข้าวต้มกุ้งจะแดกมะ แดกไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืน” ช่างมันผมอุ้มไอ้ภาสกรลุกขึ้นมันทำท่าจะลุกตามตกลงมันจะกินจริง ๆ ใช่มั๊ย....มึงเห็นบ้านกรูเป็นสถานสงเคราะห์หมาและคนพิการรึไงไอ้บร๊า
“ถือโน๊ตบุ๊คกับหนังสือกูมาด้วย” ใช้ซะเลย จะมากินข้าวบ้านกรูฟรี ๆ ละเมอไปเถอะ
“เออ ได้!!” ว่าง่ายแฮะ แต่เสียงดังไปนะมึง ผมออกตัวเดินนำหน้ามันเข้าบ้าน และเดินเข้าไปในครัวไม่อยากไปรบกวนป้าเพ็ญ แกกำลังทำงานบ้านอยู่ .....เดี๋ยวกรูจะส่งบิลเก็บเงินค่าอาหารมื้อนี้ให้ดู
“เอ้า !! เชิญแดกไม่ใช่ของเหลือ แต่กูกินไม่หมดเมื่อเช้า นั่นหม้อข้าว นี่จานเปล่ารึจะกินข้าวต้มกุ้งอยู่ตรงนั้น” ผมวางถ้วยต้มจืดให้มันบนโต๊ะอาหาร พร้อมกับจานเปล่าพร้อมกับแนะนำสถานที่ให้มัน... จะให้กูเป็นบ๋อยให้ชาติหน้าแล้วกัน
“กูอยากกินไข่เจียว...ไม่ได้เหรอ” ชะชะชะช่า ไอ้ควายมีขนไอ้หน้าด้าน ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาส้นตีน ฝันไปก่อนนะมึง
“ฝันเอา กูทำไม่เป็นแล้วแม่บ้านกูก็ไม่ว่างด้วย” ผมวางไอ้ย่นบนโต๊ะกินข้าวแล้วนั่งลูบหัวมันอย่างสบายใจ น่ารักกว่าไอ้บ้านั่นตั้งเยอะ
“อะไรวะ แม่มึงคงจะเสียใจที่มึงต้อนรับเพื่อนที่มาเยี่ยมเยียนบ้านอย่างนี้” มันทำหน้าเอือมระอาใส่ผมอีก กรูผิดอะไรแม่กูต้องเสียใจด้วย
“มึงไม่ใช่เพื่อนกู!!”
“ก็จริง แต่กูเป็น ผะ”
“หุบปาก!! จะแดกไม่แดก มึงจำไว้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวครั้งสุดท้าย!!” มึงกูบอกว่าทำไม่เป็นยังจะมาเล้าหลือ กูจะทอดไข่ให้แมร่งแดรกแล้วเป็นมะเร็งตายเลยมึง
ผมจำเป็นต้องจุดแก๊สทอดไข่ให้มันจะว่าไปก็ทำเป็นอยู่หรอก แต่มึงจะทำได้กินฝีมือกูทั้งที เอาแบบพิเศษเลยแล้วกัน ฮึ ๆๆ มึงเรียกร้องเองนะ เอาสูตรพิเศษกูไปละกันไข่สองฟอง น้ำตาลสองช้อน ทอดไข่ให้ฟูต้องใส่เกลือ 2 ช้อน น้ำส้มสายชูและพริกป่นในปริมาณที่เท่ากัน หึ ๆ มันไม่เห็นหรอกครับ เพราะผมใช้ให้มันไปเอาอาหารมาให้เจ้าหนูภาสกรที่ตอนนี้กระดิกหางดุ๊กดิ๊กอยู่บนโต๊ะ มองผมด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
“ฮึ กูจะทอดแล้วน้า เอิ๊ก!” บ้าไปแล้วกรู ผมตีส่วนผสมทั้งหมดแล้วเทลงน้ำมันร้อน ๆ เสียงและกลิ่นมันช่างยั่วน้ำลายดีจริง ๆ ไอ้ภาสกรก็คงคิดอย่างนั้นเพราะผมเห็นมันน้ำลายไหล แต่ทั้งผมและเจ้าภาสกรจะกินไม่ได้ เพราะไข่เจียวเนี่ยมันมีเจ้าของแว้วว
“หอมจัง...”
“เย้ยเชี่ยเย็-!! ตกใจหมด !!ไปนั่งนู่นเลยไป จะแดกไหมไข่เจียวเนี่ย เดี๋ยวก็โปะหน้ามึงแทนข้าวหรอก” เชี่ยแมร่งตกใจหมดอยู่ดี ๆ แมร่งก็โผล่หัวมาทำจมูกฟืดฟาด ๆ กรูกำลังทอดไข่ให้มึงกินอย่างมีความสุข ฮึ ๆๆ หอมใช่มั๊ยมึงไม่รู้หรอกว่ามันอร่อยที่สุดในสามโลก และมึงคือผู้โชคดีที่จะได้รับประทาน ณ บัดนาว