ตอนที่ 11
แบรต ▂ ▄ █
ผมนั่งทำงานอยู่ในห้องคนเดียวในคืนวันศุกร์ คืนวันศุกร์เป็นคืนดูหนังของบีเจ เขาจึงออกไปกับเนทและโอลิเวอร์ ผมนั่งอ่านเปเปอร์ไปอย่างเงียบๆคนเดียว ซักพักก็ได้ยินเสียงบางอย่าง แต่ผมไม่ได้สนใจ อีกห้าวินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงที่ชัดขึ้น
“แบรต ช่วยด้วย” เสียงเจสันตะโกนออกมา
ก๊อก ก๊อก “เจสัน เจสัน” ผมเคาะประตูแล้วเรียกเขาไปด้วย
ก๊อก ก๊อก “เจสัน เจสัน”
ก๊อก ก๊อก “เจสัน เจสัน”
“เข้ามาเร็ว เร็วเข้า” เสียงเจสันตะโกนบอก
“เจสัน”
“ฉันอยู่ข้างหลังนี่”
ก๊อก ก๊อก “เจสัน เจสัน” ผมเคาะประตูห้องนอนของเจสัน
ก๊อก ก๊อก “เจสัน เจสัน”
ก๊อก ก๊อก “เจสัน เจสัน”
“ฉันอยู่ในห้องน้ำ”
“ให้ฉันกลับมาทีหลังไหม” ผมถาม
“เข้ามาเร็วๆ” เจสันตะโกนเสียงดังกว่าเดิม ผมรีบเปิดประตูห้องนอนแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปยังหน้าห้องน้ำ แล้วเริ่มง้างมือกำลังจะเคาะประตูเขาอีกรอบก็ได้ยินเสียงเจสันขัดออกมาซะก่อน
“อย่าได้เคาะเชียวนะ” เจสันบอกผมเสียงแข็ง
เมื่อผมเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าเจสันนอนจับแขนข้างนึงไว้อยู่ในอ่าง โดยรอบตัวของเขามีผ้าเช็ดตัวสีน้ำเงินห่อเอาไว้
“ฮัลโหล”
“ฉันลื่นล้มในอ่าง ฉันว่าไหล่ฉันหลุดนะ” เจสันบอกผม
“ไม่แปลกใจเลย นายไม่มีพรมกันลื่นหรือสติ๊กเกอร์หนืดแปะบนพื้นผิวให้มีแรงเสียดทานต่ำ” ผมบอก
“อะไรนะ!”
“อ่างมันลื่น”
“ฉันรู้น่า ฉันถึงลื่นล้มไง”
“ฉันถึงมีสติ๊กเกอร์ชุดเป็ดติดบนอ่างฉัน”
“ช่างเถอะ นายช่วยปิดน้ำจากฝักบัวแล้วช่วยพยุงฉันที” เจสันบอกผม ผมจึงอ้อมไปปิดน้ำจากฝักบัวให้เจสัน
“พวกมันถือร่มด้วย”
“อะไรนะ”
ผมขยับไปช่วยดึงเจสันขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำแล้วประคองเขาให้ออกมาจากอ่างอาบน้ำ
“เป็ดในอ่างฉัน”
“อือฮึ” เขาฮึมฮัมในลำคอ ผมไม่แน่ใจว่าจากเรื่องเป็ดในอ่างหรือเขาฮึมฮัมเพราะปวดแขนและเดินออกจากห้องน้ำอย่างทุลักทุเลเพราะอีกมือหนึ่งเขาจับผ้าเช็ดตัวไว้ซะแน่น
“มันแปลกเพราะมันไม่จำเป็นและไม่สามารถกางร่มใช้เองได้”
“พระเจ้า ฉันต้องไปห้องฉุกเฉิน” เจสันร้องอย่างโอดครวญแล้วเดินไปนั่งตรงปลายเตียงของเขา
“ตลกดีจริงๆแค่เป็ดกันลื่น 99 เซนต์ก็ไม่ยอมซื้อ แต่อาจจะตายได้จากอุบัติเหตุในอ่างอาบน้ำ” ผมบ่นเขาบ้าง
เจสันบอกให้ผมหยิบชุดจากลิ้นชักไม้ที่เขาใช้เก็บเสื้อผ้าและชุดชั้นในของเขา ผมเปิดออกมาก็ต้องส่ายหน้ากับความไม่เป็นระเบียบของเขา
“ไม่มีความเป็นระเบียบในลิ้นชักนี่เลยให้ตายสิ” ผมบ่น
“นายใส่กางเกงในตัวไหนในวันศุกร์” ผมถามเขา
“ตอนนี้ขอแค่เสื้อกับกางเกงขาสั้นก็พอ” เจสันบอกผมด้วยเสียงเนือยๆ
“แม่บอกฉันเสมอว่าเราควรใส่กางเกงในสะอาดๆเผื่อเกิดอุบัติเหตุ”
“ก็เกิดแล้วนี่ไง”
“ไม่ได้แปลว่าจะไม่เกิดขึ้นอีกนี่”
“เสื้อผ้า แบรต เสื้อผ้า ฉันต้องการเสื้อผ้า” เจสันตะโกนราวกับเด็กอยากได้ของเล่น ผมจึงรีบคุ้ยหาเสื้อผ้าและกางเกงในให้เขา ผมหยิบเสื้อสีเขียวสดและกางเกงขาสั้นสีขาวที่หาเจอก่อนยื่นให้เจสัน
“นี่”
“ขาสั้นกับเสื้อแบบนั้นเนี่ยนะ” เจสันถามผม ผมจึงเดินไปหยิบเสื้อให้เขาใหม่ คราวนี้ผมหยิบเสื้อสีแดงที่มีรูปตัวเอสแบบซุปเปอร์แมนมาให้เขา ผมชอบเสื้อตัวนี่แหะถึงจะดูว่าไม่ถูกใช้งานมานาน
“นี่ล่ะ” ผมถาม
“ไม่” เจสันส่ายหน้า
“เสื้อสีน้ำเงินนี่ล่ะ” ผมยื่นเสื้อให้เขาดูอีกรอบ
“ไม่เอา ไม่เอา”
“สีเหลืองนี่ล่ะ”
“อ้อ นั่นใช้ได้เลย” เจสันพยักหน้าให้ผม มันเป็นเสื้อมีเหลืองอ่อนมีอักษรเขียนว่า’ฉันอยากตายด้วยน้ำมือของฮันนิบาล’
“ดูเหมือนต้องให้เขาตรวจสมองนายด้วย” ผมบอกเขาแล้ววางเสื้อผ้ารวมถึงกางเกงในบนเตียงข้างเขา เจสันหยิบเสื้อขึ้นมาแล้วชูขึ้น โบกไปโบกมามาทางผม
“ดูเหมือนนายต้องช่วยฉันสวมแล้วล่ะ” เขาบอกผม ผมจึงเดินเข้าไปหาเขาที่ยืนรออยู่แล้ว
“ก็ได้”
“แต่นายห้ามมองนะ”
“ห้ามมองงั้นเหรอ”
“ฉันไม่อยากให้นายเห็นฉันโป๊” เจสันบอกผม ผมจึงปิดตาและรู้สึกได้ว่าผ้าเช็ดตัวหล่นลงมากองตรงปลายเท้าของผม
“อ้อ นายคงอยากรู้ว่าการห้ามมองมีมาตั้งแต่ฮีโร่โบราณ” ผมบอกเขา ผมว่าตอนนี้เจสันกำลังจับเสื้อที่ผมกางรอไว้ขึ้นมาสวมหัว
“ล็อตกับเมีย เพอซุสกับเมดูซ่า ออฟิอุสกับยูริดิสซี” ผมพูดต่อแล้วรู้สึกได้ว่าเขาเอาหัวเข้ามาได้สำเร็จ เพราะตอนนี้ผมกำลังจับเส้นผมนุ่มๆของเจสันอยู่
“เยี่ยม” เจสันบอกนิ่งๆ
“แล้วจบไม่สวยด้วย”
“โอเค นายต้องช่วยฉันเอาแขนใส่เข้าไปด้วย” เจสันบอกผม ผมจึงเอื้อมไปจับข้อมือของเขา
“นั่นแขนฉันเหรอแบรต?” เจสันถามผม
“เอ่อ ไม่รู้สึกว่าจะเป็นข้อมือหรือแขนนะ มันดูอ่อนไปเกินจะเป็นข้อมือและเล็กเกินกว่าจะเป็นแขน” ผมบอกเจสันแต่ยังจับมันไว้อยู่
“งั้นก็ปล่อยสิ! นี่มือฉัน!” เจสันบอกแล้วดึงมือผมมาจับไว้ สุดท้ายเราก็สวมเสื้อของเจสันเสร็จ ส่วนกางเกงในและกางเกงนั้นเขาบอกว่าเขาสามารถสวมเองได้แต่ผมต้องหันไปอีกทางและห้ามมองเขา
เจสันบอกกับผมว่าเอารถของเขาไปจะดีกว่าเพราะดูเหมือนมันจะจอดในที่ใกล้กว่าจุดที่ผมจอดรถไว้ และรถของเขาเป็นรถคันเล็กดังนั้นจึงหาที่จอดได้ง่ายกว่ารถของผม รถเขาเล็กเหมาะกับไซส์ตัวของเขาแต่มันค่อนข้างอึดอัดสำหรับผม
“นั่นเสียงอะไรน่ะ” ผมถามขนาดขับรถอยู่
“ไม่มีอะไรหรอก บางครั้งเครื่องก็เป็นแบบนั้น” เจสันบอกผมอย่างเหนื่อยๆ
“ไม่มีอะไรไม่ได้ ไฟกระพริบเตือนให้ตรวจเครื่อง”
“ไฟมันขึ้นตั้งแต่ฉันซื้อรถแล้ว”
“ยิ่งต้องให้ช่างดูก่อนมันจะระเบิด”
“ไม่ระเบิดหรอกขับไปเหอะน่า!” เขาตวาดผมเสียงใส
“เหยียบให้มิดเลยมิสเตอร์สป็อค” เจสันบอกผมด้วยเสียงล้อเลียนการ์ตูนตัวโปรดของผมอีกตัว
“มิสเตอร์สป็อคไม่ขับเครื่องโดยสาร เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ ฉันรับรองว่าถ้าเขาเห็นเครื่องที่มีไฟบอกให้เช็คกระพริบเขาคงจอดยานทันที” ผมบอกเจสัน
“โอ้พระเจ้า ฉันต้องเสียแขนไปแน่ๆ” เจสันบอกอย่างเหนื่อยๆ
ผมเหยียบเบรคจอดรถรอไฟแดงแล้วหันมามองหน้าเจสัน
“ระหว่างที่เรามีเวลาขอผมถามคุณหน่อยสิ”
“อะไรเหรอ”
“ทำไมนายมีอักษรจีนคำว่าซุปสักไว้บนก้นข้างขวาล่ะ”
“ไม่ใช่ซุป นั่นคำว่าความกล้าต่างหากล่ะ”
“ไม่ แต่ฉันว่าคงต้องใช้ความกล้าพอที่จะมีความมั่นคงต่อซุปขนาดนั้น”
“อ้อจริงๆแล้วมันเป็นรอยเพ้นท์ นายเห็นได้ไง ไหนบอกว่าจะไม่มองไง”
“โทษที บอกแล้วว่าฮีโร่แอบดูตลอด”
ตลอดทางเจสันเงียบไม่พูดอะไรเลย แล้วเราก็มาพูดกันอีกครั้งเมื่อถึงโรงพยาบาล พนักงานบอกให้ผมกรอกประวัติของเจสันแล้วไปนั่งรอ
“จากที่ยัยพยาบาลกวนโมโหนั่นบอกคือ คิวของนายต่อจากชายที่อ้างว่าหัวใจวายแต่ดูแข็งแรงพอจะเล่นเกมส์บนไอโฟน” ผมบอกเจสัน เขาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“เราต้องกรอกแบบฟอร์มนี้” ผมบอกเจสัน
“อธิบายการป่วยหรือบาดเจ็บ” ผมถามเขาโดยถือแบบฟอร์มที่มีกระดานเหล็กรองอยู่และจับปากกาพร้อมสำหรับการเขียน มันให้ความรู้สึกว่าผมกำลังเป็นบทหมอกับเจสันที่เล่นบทคนไข้เลยแหะ
“ไหล่ฉันหลุด”
“ได้” ผมก้มลงไปเขียน
“แล้วอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ยังไง”
“นายรู้อยู่แล้วนี่” เจสันกระซิบบอกเหมือนเสียงฆาตกรที่พร้อมจะลงมือกับเหยื่อ
“โอเค สาเหตุของอุบัติเหตุ: ไม่มีเป็ดกันลื่น” ผมหันไปบอกเขา เจสันจ้องผมนั่งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อของผม
“โอเค ประวัติการรักษา เคยตรวจว่าเป็นเบาหวานไหม” ผมถามเขา
“ไม่”
“โรคในถุงน้ำดีล่ะ”
“ไม่”
“ไมเกรน”
“กำลังจะเป็น”
“ท้องหรือเปล่า”
“แบรต! ฉันจะท้องได้ยังไง” เจสันตวาดใส่ผม
“แน่ใจเหรอ ช่วงนี้นายดูบวมๆขึ้นนะ” ผมมองเขาทั้งตัวแล้วยิ้มให้เขา เขาจ้องผมถลึงตา
“แบรต เปลี่ยนคำตอบข้อไมเกรนเป็น’ใช่’”
“เมนส์นายมาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” ผมถามเขาพร้อมกับกลั้นขำไปด้วย
“คำถามต่อไป” เจสันบอกผมอย่างหงุดหงิด
“ใส่ว่ากำลังจะมาดีมั้ย” ผมบอกเขาแล้วยิ้ม
“โอเค มาที่อาการทางจิตแล้วกันบอกการวิเคราะห์ทางจิตที่สำคัญๆอย่างสิ้นหวัง กระวนกระวาย”
“โอ้พระเจ้า นี่เกี่ยวอะไรกับไหล่ฉันเนี่ย” เจสันกัดฟันพูดแล้วหันมามองผมอย่างเคียดแค้น
“มีอาการโกรธจากจิตใต้สำนึกแหะ”
“เวรจริงๆ”
“อาจมีอาการสมองบวมด้วยแหะ” ผมบอกเจสันเรียบๆ ตอนนี้เจสันส่ายหัวไปมาอย่างบ้าคลั่ง
“เอาล่ะ! ไฝหรือสภาพผิดปกติทางผิวหนัง” ผมหันไปถามเขาแต่เขาจ้องผมเขม็ง
“รอยสักคำว่าซุปบนก้นทางขวา” ผมบอกแล้วยิ้มพร้อมกับยักคิ้วข้างนึงให้เขา
“โอเคแบรต ฟังนะ ฉันกลัวแล้วก็เจ็บมากด้วย...ช่วยหยุดเป็นตัวนายซักนาทีนะ” เจสันบอกผมอย่างอ้อนวอน
“แล้วพยายาม...ไม่รู้สิ ปลอบโยนฉันหน่อยได้มั้ย” เขาบอกผมต่อแล้วทำหน้าราวกับกำลังจะร้องไห้
“โอเค ผมขอโทษ” ผมยิ้มให้เขาอีกรอบ ผมยื่นมือไปลูบหัวเขาจากนั้นก็ดึงหัวเขาลงมาซบบนไหล่ของผม
“ทุกอย่างจะเรียบร้อยนะ” ผมบอกเจสัน เขาพยักหน้าพร้อมกับซุกหน้าตรงซอกคอของผมจนผมรู้สึกจั๊กจี้และเสียวนิดๆ
เรากลับมาถึงอพาร์ทเม้นท์ของเจสัน ตลอดทางมีแค่เสียงเพลงจากวิทยุในรถและเสียงกรนเบาๆของเจสันที่หลับไปตั้งแต่นาทีแรกที่เขานั่งลงเป็นเบาะ
“ทีนี้จำไว้นะ นายได้ยาลดปวดกับคลายกล้ามเนื้อมา ห้ามใช้เครื่องมือหนักด้วย” ผมบอกเขาขณะเปิดประตูอพาร์ทเม้นท์ของเขา
ผมวางถุงยาและกุญแจรถและกุญแจอพาร์ทเม้นท์ไว้บนโต๊ะเล็กๆข้างๆประตูอพาร์ทเม้นท์ของเขา โดยมีเจสันยืนจับแขนที่เข้าเฝือกอ่อนมองผมอยู่อย่างเงียบๆ ผมหันไปมองเขาอีกรอบแล้วถอยหลังเพื่อจะออกจากห้องของเขา เจสันอมยิ้มอย่างขำขันแล้วมองหน้าผม
“อย่าสะอึกน้ำลายตัวเองล่ะ” ผมบอกเจสันเมื่อเห็นว่าเขากำลังกลั้นหัวเราะ
“เดี๋ยว! นายต้องส่งฉันเข้านอนด้วย” เขาบอกแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“แบรตต้องพาฉันเขานอน” เจสันร้องเป็นเพลงแล้วหัวเราะออกมาอีกครั้ง ผมมองเขาอย่างประหลาดใจ
“พนันว่านายต้องไม่คิดว่าฉันจะพูดแบบนี้” เจสันหัวเราะออกมาอีก
“ใช่” ผมยิ้มให้เขาแล้วปิดประตูอพาร์ทเม้นท์จากนั้นก็เดินไปใกล้ๆเขา
“ฤทธิ์ยาทำให้นายเปิดเผยซะจริง” ผมบ่นกับตัวเอง
เจสันเดินนำผมเข้ามาที่ห้องนอนของเขา เขากระโดดขึ้นไปนอนบนที่นอนแล้วกระดิกขาไปมาอย่างอารมณ์ดี
“นายรู้มั้ย คนอื่นๆเขาคิดว่านายเป็นหุ่นยนตร์เพี้ยนๆที่น่ารำคาญตลอดเวลา แล้วก็จริง” เจสันบีบเสียงเล็กเสียงน้อยแล้วบอกผมยิ้มๆ ผมดึงขาเขามาวางไว้ตรงๆแล้วดึงผ้าห่มมาห่มให้เขา
“แต่แล้วมันก็เหมือนในหนังวอลล์อีตอนจบ นายเต็มไปด้วยความรัก ช่วยปกป้องพืชและช่วยคนอ้วนลุกจากเก้าอี้” เจสันพูดแล้วหัวเราะคิกคัก ผมส่ายหน้าแล้วมองเขาอย่างหน่ายๆ
“นั่นเป็นการเปรียบเทียบที่ตรงมาก แต่ฉันก็ขอบคุณสำหรับความรู้สึกนั่นนะ” ผมบอกเขาแล้วจัดผ้าห่มให้เข้าที่จากนั้นก็จับหัวของเจสันที่ส่ายไปส่ายมาบนหมอนให้อยู่นิ่งๆ
“ร้องเพลงซอพท์คิตตี้ให้ฉันฟังหน่อย” เจสันดัดเสียงให้เล็กลงแล้วจ้องผมอย่างอ้อนวอน
“ซอพท์คิตตี้ สำหรับตอนป่วย ตอนนี้นายไม่ได้ป่วย” ผมยืนบอกเขา
“บาดเจ็บต้องกินยาถือว่าป่วยนะ” เจสันกระพริบตาปริบๆแล้วส่งเสียงอ้อนๆ เขาตบมือลงบนที่นอนข้างๆเขา ผมจึงเดินไปนั่งบนที่นอนข้างๆเขา
“ซอพท์คิตตี้ วอร์มคิตตี้ ลิตเติ้ลบอล ออฟ เฟอร์ ” ผมนั่งหันหลังร้องเพลงให้เขาฟังอย่างอายๆ
“เดี๋ยวๆ เรามาร้องประสานกันไหม” เจสันดึงแขนผมไว้
“ฉันร้องก่อน” เจสันตบบ่าผมแล้วยักคิ้วให้ผม ให้ตายสิหมอนี่มันติงต๊องไปแล้ว
“ซอพท์คิตตี้ วอร์มคิตตี้ ลิตเติ้ลบอล ออฟ เพอร์ แล้วนายก็เริ่มร้องสิ เอาใหม่นะ” เจสันบอกผมขณะที่ผมจ้องเขานิ่ง
“ซอพท์คิตตี้ วอร์มคิตตี้ ลิตเติ้ลบอล ออฟ เฟอร์”
“แฮปปี้คิตตี้ สลีปปี้คิตตี้ เพอร์ เพอร์ เพอร์” ผมร้อง แล้วก็ต้องร้องต่อไปอีกหลายรอบจนเจสันหลับไป
เรื่องโดย SweetSacrifice...............................................................
ขอบคุณคุณป้า ทวงนิยายปุ๊บได้ปั๊บ
ไม่ถึงชั่วโมง แต่งได้ 8 หน้า A4
สุดยิดจริงๆๆๆๆ
