กราบสวัสดีมิตรรักแฟนน้องพายทั้งหลายค่ะ!!!
ในที่สุดก็มีวันนี้... วันที่ไอ้สองคนนี้กลับบ้านสักที ฮ่าๆๆๆๆ...
เป็นนิยายที่ยืดเยื้อมากๆ ยืดกันยิ่งกว่าละครช่องเจ็ด ให้ตายเถอะ ฮ่าๆๆๆ หวังว่าคงจะยังไม่เบื่อกันไปซะก่อนนะคะ
ตอนแรกตอนนี้กะว่าจะเป็นคู่ฟี่แจ็ค แต่อารมณ์มันยังไม่นำพา ขอมาเป็นอิสองคนนี้ต่อไปก่อนแล้วกันนะ
ขอบคุณที่ยังคงอยู่ด้วยกันนะคะ แม้เราจะดองโคตรๆ ก็ตาม... หลายคนยังแวะเวียนไปทักทายเสมอ
ปล.คำผิดเดี๊ยวกลับมาแก้นะจ๊ะ
++++++++++++++++++++++++ตอนที่ 40“นอนเลยได้ม้ายยยยย!!!” เสียงยานคางของไอ้พายดังขึ้น หลังจากเราลอยอยู่บ่นน่านฟ้าอากาศมานานกว่า 12 ชั่วโมง แล้วต้องมารอกระเป๋านั่นนี่อีกชั่วโมง กว่าจะได้ออกจากสนามบินก็ปาเข้าไปตีสามกว่าๆ ไอ้คนหน้าง่วงข้างๆ ผมก็เริ่มงอแงหงุดหงิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โชคดีที่ผมมีอภิชาตเพื่อนนามว่า ‘ไอ้แจ็ค’ มารอรับ…
จริงๆ จะเรียกว่ารอรับก็ไม่ถูก เพราะผมเป็นคนโทรข้ามทวีปมาจิกให้มันมารับ ตอนแรกๆ มันก็ลื่นไหลหาเรื่องไม่มา แต่ไอ้พายโทรไปหาฟี่ พูดอีท่าไหนก็ไม่รู้ วันนี้เราก็เลยมีสารถีชื่อนายแจ็คนั่งหน้าง่วงคอยรอรับผมอยู่ที่สนามบิน… ข้างๆ ไอ้แจ็คก็คาดเอาไว้ไม่ผิด ว่าคงจะมีหนุ่มเซอร์สุดหล่อยืนรออยู่ด้วย… ถึงตอนนี้ ผมก็ยังไม่รู้นะว่าระหว่างมันสองคน ‘มีอะไร’ หรือ ‘เป็นอะไร’ ผมไม่ใช่คนขี้เสือกอย่างไอ้แจ็ค แล้วผมเคยบอกแล้วว่าคนอย่างไอ้เหี้ยแจ็ค ถ้ามันจะไม่บอก ต่อให้เอาตีนลูบหน้ามันก็ไม่มีทางอ้าปากแน่นอน… แต่ผมกับไอ้พายก็พอจะเดาๆ ทางได้และนะว่ามันสองคนคงจะมีความสัมพันธ์พิเศษอะไรสักอย่างแน่ๆ เอาเถอะ อย่าให้มันชัดเจนเหมือนคู่ผมเลย ไม่งั้นพี่คิวคงต้องมานั่งปวดกะบาลกับข่าวคาวกันอีกรอบ
“ไม่ได้!!! ไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยมานอน จะได้นอนยาวๆ สบายตัว…” จริงๆ ผมเองก็ตาจะปิดเหมือนมันนั่นแหละ แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวที่จะนอนหลับไม่สนิทถ้าไม่ได้อาบน้ำก่อนนอน แล้วก็อยากให้ไอ้คนข้างๆ มันได้สดชื่นนอนสบายๆ เลยต้องบังคับกันซะหน่อย
“ใจร้าย!!! อาบให้ด้วยดินะ… อาบให้หน่อย ขี้เกียจ!!!” เจริญจริงเมียกู เออๆ แล้วผัวทาสอย่างผมจะทำอะไรได้นอกจากไปงัดตัวไอ้เมียสุดที่รักขึ้นมาจากเตียง จัดการแบก (แบกจริงๆ อุ้มไม่ไหว) เข้าห้องน้ำ… อย่าคิดว่าจะมีฉากวาบหวามในนี้ ลืมไปได้เลยครับ เพราะต่างคนต่างง่วงและเหนื่อยจากการเดินทาง รีบอาบกันลวกๆ พากันไปยืนใต้เรนชาวเวอร์ ปล่อยให้สายน้ำชำระคราบไคล และพลอยให้สดชื่นตาตื่นขึ้นมาเล็กน้อย… จากนั้นผมก็ถูสบู่ตัวเองเสร็จแล้วก็หันไปถูให้ไอ้พาย ก่อนจะเปิดน้ำอีกครั้งให้ล้างคราบสบู่ออก… ลูบหน้าลูบตัวกันอยู่สักครู่ให้พอไม่ลื่นมือ ก็ปิดน้ำ ก่อนจะหันไปหยิบผ้าขนหนูเนื้อนุ่มมาซับหน้าซับตัวไอ้พายที่ยังคงยืนนิ่งเป็นตุ๊กตาให้ผมอาบน้ำให้ จะมีก็ยกแขนถ่างขา ให้ลูบล้างเช็ดตามซอกมุมหลืบซ่อนเร้น นอกนั้นมันก็ยืนทำหน้าง่วงตาปลือนิ่งตลอดเวลา
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว นั่งรอแป๊บนึงเดี๊ยวไปบีบยาสีฟันให้” จัดการเช็ดและห่อตัวไอ้พายไว้ด้วยผ้าขนหนูเสร็จ ก็พาพ่อคุณเค้าไปนั่งสัปหงกบนฝาชักโครก แล้วผมก็รีบหันไปบีบยาสีฟันใส่แปรง เปิดน้ำจากก๊อกใส่แก้ว ก่อนจะหันมายัดแปรงและแก้วน้ำใส่มือไอ้คนนั่งหลับบนโถส้วม
“ไอ้พาย แปรงฟันก่อนจะเสร็จแล้ว” ผมเขย่าหัวเรียกมันเบาๆ ไอ้พายก็สะดุ้งเล็กๆ ก่อนจะรับแปรงสีฟัน กับแก้วน้ำไปจัดการภารกิจในช่องปากของตนเอง
“อะ…เสร็จแล้ว ไปนอนแล้วนะ” มันเดินมายื่นแก้วน้ำกับแปรงให้ผมที่ยืนแปรงฟันอยู่หน้าอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ แล้วคุณชายเขาก็เดินลากๆ อย่างขี้เกียจออกไป ผมมองตามเพราะไม่ได้ปิดประตูห้องน้ำ ไอ้พายสลัดผ้าขนหนูออกจากตัวเสร็จ ก็พุ่งตัวลงบนเตียง แลนดิ้งลงฝั่งคุ้นเคย… การนอนเปลื่อยของเราทั้งคู่ ไม่ถือเป็นเรื่องแปลก แต่ส่วนมากจะเป็นไอ้พายที่เปลือย ส่วนผมถ้าไม่ได้ติดพันมาจากการเสร็จกินก่อนนอนจนเหนื่อยอ่อน ผมก็จะใส่เสื้อยืดกางเกงผ้าฝ้ายขายาวนอน คือผมเป็นคนขี้หนาว แต่ไอ้พายมันชอบอากาศหนาว และขี้ร้อน
จากการสลบไสลเหมือนคนตายของเราทั้งคู่ นำพาให้เราตื่นขึ้นมาอีกทีก็ช่วงเย็นย่ำของวันรุ่งขึ้น… ผมมีอาการเจ็ทแม่ เอ๊ย เจ็ทแล็คตกค้าง หลังจากที่เราตื่นกัน ผมก็นอนไม่หลับอีกเลยทั้งคืน ส่วนไอ้พายปรับตัวได้ดีกว่าผม อาจเพราะมันอยู่มาแล้วหลายทวีป (เกี่ยวไหมวะ) ก็เลยตื่น และนอนได้ตามเวลาไม่มีปัญหาอะไร… จนล่วงเข้าวันที่สอง ไอ้พายตื่นก่อนแต่ผมที่เพิ่งจะได้งีบหลับไปตอนตีห้า ก็แอบหงุดหงิดงัวเงียเล็กน้อยที่ไอ้พายมาปลุกตอนเก้าโมงเช้า…
“ตื่นได้แล้วไอ้ขี้เซา… เหี้ยริว ตื่นเร็ว!!! เช้าแล้ว ถ้ามึงไม่ตื่นมึงจะเจ็ทแล็กไปอีกหลายวันเลยนะ เร็วตื่น!!! กูทำอาหารเช้าไว้แล้ว ไปกินข้าวกัน” ตอนนี้กลายเป็นการสลับหน้าที่ โดยไอ้พายเป็นคนมางัดผมลุกจากเตียงแทน แม้แรงจะไม่เยอะ และตัวเล็กกว่า แต่มันก็สามารถกึ่งลากกึ่งจูง (กึ่งถีบ) ผมเข้าไปในห้องน้ำได้สำเร็จ… และเหมือนเดจาวูเล็กๆ ผมเดินไปนั่งแหมะบนโถส้วม ปล่อยให้ไอ้พายไปบีบยาสีฟัน และรองน้ำใส่แก้วมายื่นส่งให้… ผมรับมาแบบงงๆ มึนๆ กับอาการนอนไม่พอ แต่ก็แปรงฟันตัวเองจนเสร็จ… ยังครับ ยังไม่จบ พอผมแปรงฟันเสร็จ ไอ้พาย ก็ลากผมไปยืนหน้าอ่างล้างหน้า ก่อนจะเปิดน้ำและลงมือล้างหน้าให้ผม… มือขวาขว้าหลังคอ ออกแรงโน้มให้หน้าผมก้มมาตรงอ่าง…ส่วนมือซ้ายก็จัดการวักน้ำลูบหน้าผมให้พอเปียก แล้วก็บีบโฟมล้างหน้ามาถูวนเบาๆ จนทั่วหน้าผม สักพักก็ล้างน้ำออกจนสะอาด เสร็จแล้วมันก็หันไปหยิบผ้าขนหนูที่แขวนไว้ตรงราวข้างๆ ห้องฝักบัว มาซับหน้าให้ผมอย่างเบามือ…
ไม่ต้องตกใจ และผมก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะนี่คือกิจวัตรที่เราผลัดกันทำมาแล้วหลายหน วันไหนใครเหนื่อย ใครงอแง ใครเมื่อย หรือไม่สบาย อีกคนก็จะคอยดูแลไม่ห่าง…
ฟอด!!!
“หอมแล้ว!!! ไปกินข้าวได้” ผมหันไปยิ้มกว้างกับกริยาน่ารักของไอ้พาย… มันซับหน้าให้ผมจนแห้ง เสร็จแล้วก็หอมแก้มผมฟอดใหญ่ พอมันคอนเฟิร์มด้วยปากและจมูกว่าหอมแล้ว ก็จัดการดึงมือผมออกไปนั่งที่โต๊ะอาหารของเราในแพนทรี่ด้านนอก
เช้านี้มีข้าวต้มหมู กับข้าวเหนียวหมูปิ้ง… ข้าวต้มหมูผมคาดว่ามันคงทำเอง ส่วนข้าวเหนียวหมูปิ้งคงได้มาจากตอนออกไปซื้อของมาทำข้าวต้มหมู
“กินสองอย่างเลยได้ไหม” ผมเอ่ยถาม เพราะไม่แน่ใจว่ามันต้มข้าวต้มให้ผม แล้วตัวเองกะกินหมูปิ้งรึเปล่า แต่ก็เห็นซื้อมากว่า 10 ไม้ เลยจะขอมันแบ่งกินบ้าง อยากกินทั้งสองอย่างเลย โคตรจะเบื่อขนมปัง แฮม ไส้กรอก ชีส ออมเล็ท สารพัดฝรั่งมื้อเช้า และอีกหลายๆ มื้อที่ผ่านมา อยากกินข้าวต้ม ข้าวเหนียวหมูปิ้ง น้ำเต้าหู้ใจจะขาด
“ได้อยู่แล้ว ก็ซื้อมาเผื่อมึงนี่แหละ กูรู้ว่ามึงคิดถึงอาหารเช้าแบบนี้ของเราล่ะสิ… อ่อ… มีน้ำเต้าหู้ด้วยนะ เอาเลยไหม” นี่แหละ… นอกจากแม่แล้ว ก็มีเมียนี่แหละที่รู้ใจผมที่สุดแล้ว รักมึงจัง
“เอาเลยๆ เช้านี้จะกินให้หมดทุกอย่าง…” ไอ้พายลุกขึ้นเดินไปหยิบแก้วใบโตที่มันซื้อมาไว้เฉพาะใส่น้ำเต้าหู้… ฟังไม่ผิดครับ มันเจาะจงซื้อแก้วใบนี้มาใส่น้ำเต้าหู้ เพราะไปยืนคาดคะเนอยู่นานมาก ว่าจะพอดีกับน้ำเต้าหู้เจ้าประจำที่เราชอบกินหรือไม่ จริงๆ มันมีเวอร์ชั่นแรกที่ซื้อมาแล้วไม่พอดี คือใส่เต็มแก้วแล้ว ยังคงเหลือเครื่องและน้ำก้นถุงอยู่นิดหน่อย ในขณะที่แก้วปริ่มมาก มันเลยอัปเปหิแก้วสองใบนั้นไปปักดอกไม้เป็นแจกันแทน เพราะมันบอกว่าแก้วบ้านเราเยอะแล้ว สองใบนี้จะซื้อไว้สำหรับน้ำเต้าหู้ ถ้าหากใส่น้ำเต้าหู้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องใส่น้ำอย่างอื่น… อินดี้ไหมเมียผม!!!
“อ่ะ… เสียดายเม็ดแมงลักหมด ก็เลยให้เค้าดับเบ้ิลลูกเดือยมาให้” ไอ้พายวางแก้วน้ำเต้าหู้งาดำใส่ลูกเดือยที่ผมชอบไว้ตรงหน้า ส่วนของมันเป็นน้ำเต้าหู้เปล่าๆ ที่ไอ้พายมันมีวิธีการกินประหลาดๆ คือมันจะตักโอวัลตินสองช้อน และกาแฟหนึ่งช้อนผสมลงไปในน้ำเต้าหู้ที่ไม่ใส่น้ำตาล ตอนที่มาอยู่ด้วยกันแรกๆ ผมก็แอบตกใจกับพฤติกรรมการกินของมันนะ แต่มันบอกว่ามันติดวิธีแบบนี้มาจากอาม่าของมัน ช่วงที่มันมาอยู่กับอาม่าอากง อาม่าจะให้แม่บ้านซื้อน้ำเต้าหู้มาให้กินทุกเช้า แรกๆ มันไม่ชอบ มันเหม็นกลิ่นเต้าหู้ แต่อาม่ามันบอกว่าถั่วเหลืองดีต่อสุขภาพต้องพยายามกิน อาม่ามันก็เลยไปตักผงโอวัลตินมาผสมให้กลิ่นน้ำเต้าหู้มันเจือจาง จากนั้นมันก็ดื่มแบบนี้มาตลอด ส่วนกาแฟมันก็บอกว่าลองใส่เองแล้วอร่อยก็เลยเพิ่มสูตรเข้ามา
เราสองคนนั่งกินข้าวเช้ากันสบายๆ ไม่มีใครรีบร้อนอะไร กินกันไป คุยเรื่องที่เพิ่งไปเที่ยวกันไป มีขำ มีด่า มีแซว มีกัดกันตามสไตล์พวกผม… คิดว่าวันนี้คงเป็นอีกวันที่ได้พักผ่อนกันจริงๆ ก่อนที่พรุ่งนี้จะไปลุยงาน เพราะโดดหนีเที่ยวซะหลายวัน
ติ๊ง ต่อง!!!!!
“เดี๊ยวกูไปดูเองว่าใคร” ข้าวต้มกับหมูปิ้งหมดไปแล้ว เหลือน้ำเต้าหู้ครึ่งแก้วที่ผมค่อยๆ ระเลียดกินทีละนิด แต่ยังไม่ทันหมด ก็มีคนมากดออดหน้าห้องซะก่อน… หวังว่าคงจะไม่ใช่งานด่วนนะ…
แกร๊ก!!!
“มิสทีนมาแล้วค่า!!!!!!!!!!”
สัด…ตกใจหมด!!!... คุณคิดว่ามิสทีนจะมากดออดขายเครื่องสำอางหน้าห้องผมจริงๆ เหรอ… ผมว่าอ่านมาถึงตรงนี้คุณคงรู้แล้วล่ะ ว่าหมาตัวไหนมันมาขายมิสทีนหน้าห้อง… ถูกแล้วครับ ‘เหี้ยแจ็ค’ นั่นแหละ…
“มิสทีนมารับของฝากค่า!!!!!!!” กูเพลียใจจริงๆ เมื่อคืนก่อนที่มันมารับก็ไม่เห็นมันจะบอกว่าวันนี้จะมา… แต่จะว่าไปคืนนั้นแม้สติจะเหลือน้อยเพราะความง่วงและเหนื่อยก็ตาม ผมก็พอจะมานึกๆ ได้ว่า ไอ้แจ็ค กับไอ้ฟี่มันดูเงียบๆ ชอบกล ผมเห็นฟี่คุยกับพาย ทักทายเล็กน้อย แล้วก็ช่วยพายหิ้วของเดินขึ้นรถไปอย่างเงียบๆ ส่วนไอ้แจ็คเองปกติ ความเห่อห่ามของมันจะมากล้นเหลือเฟืออยู่แล้ว แต่มันก็ทำแค่กระโดดกอดผม พร้อมแกล้งร้องกรีดกร๊าดเบาๆ ต้อนรับการกลับมา แล้วพอทั้งหมดอยู่บนรถกลับไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาเลย… หรือพวกมันอาจจะอยากให้ผมพักผ่อนเงียบๆ ก็ได้ เพราะเช้าวันนี้ก็มาเสนอหน้าอยู่หน้าห้องแล้วนี่…
“เอาตีนกูไปก่อนไหม” ผมเสนอของฝากจากร่างกายไปให้แทน… วันนี้มันไม่ได้มาคนเดียวบุกกันมาทั้งวงเลยฮะ ไอ้บีม ไอ้วินก็มาด้วย… เอ๊ะ!! ว่าแต่ไม่ยักเห็นเงาไอ้ฟี่วะ?
“ใจร้าย!!! คนเขาอุตส่าห์คิดถึง มาจุ๊บๆ กันหน่อย” ถ้าใครเพลียพฤติกรรมไอ้แจ็คก็ข้ามๆ ไปแล้วกันนะ
“มาแต่เช้าเชียวนะพวกมึง” ผมปิดประตูห้องลงหลังจากที่ไอ้พวกตัวเห้ในวงเดินเข้าห้องกันครบ
“เช้าเหี้ยอะไรครับ 10 โมงกว่าแล้ว” ไอ้วินแย้งขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าไปทักทายไอ้พาย
“พายเป็นไงบ้าง”
“อ้าววิน บีม แจ็ค กินข้าวมารึยัง เดี๊ยวเราต้มข้าวต้มให้กินไหม ยังมีเครื่องปรุงเหลืออยู่” โอบอ้อมอารีเป็นที่สุดเลยเมียกู แต่พวกเหี้ยนี่แดกตีนก็อิ่มแล้ว มึงไม่ต้องไปปราณีพวกมัน
“เฮ้ย ไม่ต้องๆ พวกเราเรียบร้อยกันมาจากที่บ้านไอ้แจ็คแล้ว…” ไอ้วินรีบห้ามไอ้พายที่ตั้งท่าจะไปหาอะไรมาให้พวกมันกิน
“เหรอ… งั้นริวมึงพาเพื่อนไปนั่งคุยกันที่โซฟาก็ได้ เดี๊ยวกูไปเก็บข้าวต้มที่เหลือเข้าตู้ก่อน แล้วจะชงชา กับขนมไปให้” ไอ้พายเดินไปเก็บโต๊ะ พร้อมยกหม้อข้าวต้มที่เหลือไปเก็บที่ตู้กับข้าว… ไม่ต้องแปลกใจที่ในคอนโดสุดโมเดิร์นของผมจะมีตู้กับข้าว… ตู้กับข้าวไม้ทาสีขาวลวดลายวินเทจที่ดูไม่เข้าพวกกับแพนทรี่แบบโมเดิร์น มาจากการที่ไอ้พายมันไปจ้างรุ่นพี่ที่บ้านเป็นโรงไม้ ขายไม้แปรรูป และมีร้านเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้ประกอบให้ โดยมันออกแบบเอง มันบอกว่าห้องผมโมเดิร์นเกินไป ดูแข็ง ไม่อบอุ่นไม่มีชีวิตชีวา มันเลยพยายามค่อยๆ แทรกความวินเทจ ลายฉลุ ไม้ หรือแม้แต่ลูกไม้เข้ามาในห้อง เอาจริงๆ ผมก็ไม่เข้าใจหรอกว่ามันต่างกันตรงไหน แต่พอเห็นมันใส่ใจห้องของเรา เห็นมันจัดนู่น ขยับนี่ หรือไปเดินเลือกซื้อของเข้าบ้าน ผมว่านี่แหละคือความอบอุ่นและมีชีวิตชีวาของผม…
“พวกมึงก็ลาภปากนะ ขนมไอ้พายที่แม่งหอบหิ้วมาอย่างกับลูกน้อยเนี่ย แพงเหี้ย!!! ชิ้นละ 100 อันกลมๆ นิดเดียว” ผมกับไอ้พวกเพื่อนก็พากันเดินมานั่ง นอน เอกเขนกอยู่บนโซฟาใหญ่ในโซนรับแขก ปกติเวลาพวกมันมาเมา มันก็จับจองนอนกันเกลื่อนกราดแถวนี้อยู่แล้ว ถือเป็นที่คุ้นเคย…
“มากาฮรองน่ะเหรอ” ไอ้บีมเอ่ยเรียบๆ
“เออ ใช่!!! ทำไมมึงรู้วะ” กูยังไม่เห็นเคยรู้จักมาก่อน เคยเห็นผ่านๆ ตามร้านขนม แต่คิดว่าเป็นของปลอม ใครจะไปคิดว่าก้อนสีๆ นี่มันแดกได้วะ
“เรนนี่เคยซื้อมาให้กินบ่อยๆ” เออลืมไปว่าแฟนไอ้บีมมันไฮโซ
“กูว่ามีแต่มึงแหละที่โง่ ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะไอ้เหี้ยวิน กับไอ้เหี้ยแจ็คเนี่ยน่าตบที่สุดในโลก
“สัด…เออกูมันโง่เอง…งั้นของฝากก็ไม่ต้องเอาสินะ” ไม้ตายของกู หึหึ
“อร๊ายยยยย ไม่นะค้าาาาา พี่ริวขา… พี่ริวหล้อหล่อ แสนดี จุ๊บุๆ อย่างอนนะที่รักของน้องแจ็ค” -_-
“ไปไกลๆ ตีนกูไป อย่ามาเกาะแข้งเกาะขา เดี๊ยวตีนกระตุกเข้าต้นคอแล้วจะหาว่ากูไม่เตือน…” ผมใช้เท้าถีบๆ เขี่ยๆ ไอ้เหี้ยแจ็คที่พยายามถลาเข้ามากอดให้มันออกไปไกลๆ เหี้ยนี่ปากว่ามือถึงตลอด… เอาเท้าเขี่ยมันเสร็จ ก็เดินเข้าห้องไปหยิบของฝากให้พวกมัน
“อ่ะของพวกมึงทั้งหลาย… ไอ้แจ็ค ของมึงเป็นสายสะพายเบสหนังแท้นะเว้ย กูเคยเห็นที่ร้านพี่โรส แพงเชียวล่ะ แต่ที่นี่ถูกกว่าเยอะเหมือนกัน… แล้วก็ไอ้วิน สายกีตาร์กับปิ๊กกีตาร์อย่างล่ะโหล แล้วก็จูนเนอร์ตัวนี้ใช้ดีนะเว้ยกูซื้อมาใช้เหมือนกัน … ไอ้บีมไม้กลองสองคู่ แล้วก็บุหรี่ไฟฟ้า… แล้วก็มีเสื้อยืดโคตรพ่อวินเทจ อันนี้ของฝากจากไอ้พายให้พวกมึงคนละ 2 ตัว ตัวนึงเป็นมือสองจากร้านแชริตี้ อีกตัว Topman นะ” ไอ้ร้านแชริตี้เนี่ยเป็นร้านขายของมือสอง คือร้านเขาจะรับบริจากของจากคนทั่วๆ ไป ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของแต่งบ้าน ตุ๊กตา ฯลฯ จิปาถะมากครับ แล้วก็เอามาขายถูกๆ ในร้าน เพื่อนำเงินไปใช้กับมูลนิธิต่างๆ ก็ถือเป็นการเรี่ยไรที่ดี แล้วของเนี่ยตาดีได้ของดีมีเยอะนะครับ บางทีแบรนด์เนมเก่าๆ แต่สภาพโอเคก็มี ซื้อมาในราคาถูกมาก ไอ้พายขนมาเพียบ ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ทำบุญน่ะมึง อย่าคิดมาก’
“ชอบเสื้อกันไหม เราว่าเรากะขนาดไม่ผิดนะ… มาๆ กินขนมกัน อันนี้มากาฮรองเจ้าดัง แล้วก็มีพวกซอฟท์เบคเจ้าอร่อย…” ไอ้พายยกถาดขนมเข้ามาเสิร์ฟ ผมเลยเดินเข้าไปช่วยมันถือถาดกาน้ำชาและแก้ว
“ขอบใจนะพาย / ขอบใจจ้าพาย / น้องแจ็คชอบมากกกกกฮะพี่พาย” สามเสียงประสานขึ้นพร้อมกัน เรียงตามความเกรียน
“…แจ็ค ฟี่ไม่มาด้วยเหรอ” ไอ้พายถามขึ้นกลางวง ขณะที่ทุกคนกำลังอร่อยเปรมปรีดิ์กับขนมและน้ำชา
“เออ… กูก็ว่าจะถามว่าทำไมอาทิตย์นี้มึงกลับไปนอนบ้าน แล้วฟี่มันหายไปไหน ปกติเห็นตัวติดกันจะตายห่า” ดีมากไอ้วิน ซักมันเข้าไป กูก็อยากรู้… ผมว่ากลิ่นมันทะแม่งๆ หวังว่าคงไม่ทะเลาะกันนะ
“ถามเยอะนะเนี่ย ซุปตาอย่างน้องแจ็คตอบไม่ทันเลย…” โคตรจะลื่นไหลตัวพ่อ
“มึงอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง… มึงเข้าใจทุกคำถามนั่นแหละ ก็แค่ตอบให้ตรง…ความจริง!!” สมน้ำหน้า ให้ไอ้บีมออกโรงซะบ้าง ปกติเรื่องหยุมหยิม ไอ้บีมมันมักจะไม่ค่อยพูด และมันจะไม่ค่อยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของใคร… แต่ถ้ามันได้ออกโรงพูดถึงเรื่องไหน แสดงว่ามันเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว และเห็นเงียบๆ อย่างไอ้บีม เอาจริงๆ แม่งดุ และก็กวนตีนเป็นนะ
“มันไม่อยู่ ไปค้างกับเพื่อน เห็นบอกว่าทำงาน นอกนั้นไม่รู้เหมือนกัน มันไม่ได้บอกไว้… แค่นั้น!!! เฮ้ยไอ้ลูกสีๆ นี่อร่อยว่ะพาย… สีชมพูนี่รสอะไรอะ กูลิโกะป๊อกกี้รึเปล่า” มาเร็ว แถเร็ว หนีเร็วตามสไตล์ไอ้แจ็ค…
“แล้วมึงกลับไปนอนบ้านทำไม? เมื่อคืนก่อนที่มึงไปรับไอ้ริวน่ะ พอตอนเช้ากูโทรหามึงที่คอนโดฟี่บอกว่ามึงอยู่บ้าน” ดีมากวิน ซักต่อไป กูกำลังมันส์
“ก็… หม่าม้าโทรมาบอกให้ไปค้างที่บ้าน คิดถึง… แล้วฟี่มันมีงานค้างก็เลยไม่ได้ไปด้วย จริงๆ เกือบลืมไปรับไอ้ริวด้วยนะ แต่ฟี่มันโทรมาเตือน แล้วก็บอกว่าจะไปด้วย ก็เลยออกมารับด้วยกัน แค่นั้น!!!”
“แล้วพอรับไอ้ริวเสร็จทำไมมึงต้องแยกย้ายกันไปนอนคนละที่วะ กูงง?” ไอ้วินยังเค้นต่อไป
“ก็มันจะกลับไปทำงานต่อ… แต่กูจะกลับบ้าน…แค่นั้น” กูว่าไม่แค่นั้นมั้ง… ไอ้แยกย้ายกันไปต่างคนต่างนอนนี่น่าสงสัยมาก เพราะว่าถ้าฟี่มันจะกลับห้องไปทำงานต่อจริงๆ ไอ้แจ็คก็น่าจะกลับไปด้วย ถึงจะอ้างว่าหม่าม้าอยากให้นอนบ้าน แต่หม่าม้ามันไม่ใช่คนเรื่องมาก ติดจะใจดีขี้ตามใจมันด้วยซ้ำ แค่โทรไปบอกว่าจะกลับไปนอนที่ห้องกับฟี่ แค่นี้ม้ามันไม่น่าจะว่าอะไร
“หรือทะเลาะกันอยู่!!!” ไม่ใช่ไอ้วินที่ถาม แต่เมียกูนี่แหละที่นั่งเงียบฟังมานาน เล่นซะตรงประเด็น…มันเองก็คงอยากรู้แทบจะทนไม่ไหวเหมือนกัน เพราะไอ้ฟี่ก็เพื่อนรักมัน
“เปล๊า!!!!... เฮ้ยพายคุ้กกี้นี่มันทำไมนิ่มๆ ล่ะ…บูดเปล่าเนี่ย…เฮ้ย แต่อร่อยดีว่ะ” สมกับที่เป็นเพื่อนกูจริง ครั้งแรกที่กินซอฟท์เบค หรือไอ้คุ้กกี้นิ่มเนี่ย ผมก็คิดว่ามันเสียแล้ว โวยวายใส่ไอ้พายใหญ่ว่าเอาอะไรมาให้กิน แต่เปล่า โดนไอ้พายด่าว่าโง่ซะยกใหญ่ มันเป็นชนิดหนึ่งของคุ้กกี้ ซึ่งบ้านเราน่ะชอบกินคริสปี้คุ้กกี้ คือแบบกรอบๆ แข็งๆ เราเลยชิน พอเจอแบบนิ่มๆ ก็นึกว่าเป็นคุ้กกี้ที่เปิดทิ้งเอาไว้นานจนมันนิ่ม… แต่กินไปกินมาผมชอบแบบนิ่มมากกว่าแข็งซะอีก…เฮ้ย ผมพาหลงประเด็นตามไอ้เหี้ยแจ็คแล้วเนี่ย!!!!
“สรุปทะเลาะกันสินะ… ถ้าแจ็คไม่พูด เราไปถามฟี่ก็ได้…” ไม้ตายของไอ้พาย… เล่นเอาไอ้แจ็คสำลักคุ้กกี้ ไอหน้าดำหน้าแดงเลย
“แค้ก แค้ก!!!” ไอ้แจ็คแค่ไอ แต่ไม่พูดอะไรออกมาอีก ไอ้พายเองก็ไม่ได้ถามต่อ ทุกคนก็เหมือนกัน คงจะพอเดาได้ว่า ไอ้แจ็คเข้าโหมดป้องกันตัวเองแล้ว และต่อให้คาดคั้นยังไงมันคงจะไม่พูดอะไรออกมาอีกแน่
“เออ… เหี้ยริว พรุ่งนี้มีงานนะได้เมลจากพี่นุชรึเปล่า” ไอ้วินเปลี่ยนเรื่อง เพราะบรรยากาศแอบมาคุเล็กๆ
“ได้แล้ว… งั้นเย็นนี้ไปซ้อมกันไหม ลิสต์เพลงที่ไอ้บีมส่งมาก็โอเคหมดนะ” พรุ่งนี้มีงานที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง เป็นงานแกรนด์โอเพนนิ่งร้านเสื้อผ้าวัยรุ่นแบรนด์ดังจากเมืองนอก ซึ่งสาขานี้ไม่ใช่สาขาแรกในประเทศ สาขาแรกอยู่ที่ห้างฯ ใหญ่อีกห้างหนึ่ง แต่สาขานี้เขาเปิดใหญ่กว่าเดิม มีการเดินแฟชั่นโชว์ แล้ววงพวกผมก็ไปเล่นสดควบคู่ไปกับแฟชั่นโชว์
“ไหวเปล่าล่ะ หรือจะซ้อมพรุ่งนี้เช้า เพราะช่วงเช้าไม่มีงานที่ไหนอยู่แล้ว” ไอ้บีมเสนอทางเลือก แต่ผมไม่อยากรีบๆ ซ้อมตอนเช้า แถมนอนมาแล้วเต็มอิ่ม ขืนกลับไปนอนอีก เดี๊ยวก็ไม่หายจากอาการเจ็ทแลคนี่แน่ๆ
“ไหวดิ… ไปวันนี้แหละ มึงจองห้องซ้อมทันรึเปล่า”
“น่าจะยังพอมีว่างอยู่นะ เดี๊ยวกูโทรไปจองเอง” ไอ้บีมลุกขึ้นเดินออกไปนอกระเบียงเพื่อโทรศัพท์จองห้องซ้อมที่ค่าย
“กูไม่ไปด้วยนะวันนี้… เดี๊ยวจะแวะไปหาฟี่” ไอ้พายพูดให้ได้ยินทั่วถึงกัน ผมทันเห็นไอ้แจ็คสะดุ้งเล็กๆ
“เออ ได้สิ… เอางี้ไปตัดผมกันก่อนไหม พวกกูคงมีซ้อมกันประมาณหกโมง ทุ่มนึง เดี๊ยวตัดผมเสร็จกูขับรถไปส่งมึงหาไอ้ฟี่ แล้วค่อยไปซ้อม”
“อืมได้ ตามนั้น… งั้นเดี๊ยวกูโทรไปจองคิวกับพี่กรีนก่อน สักบ่ายสองแล้วกันเนอะ” ผมพยักหน้าให้ ไอ้พายก็ลุกเดินเข้าห้องไปจัดการจองคิวกับพี่ช่างตัดผมประจำของพวกเรา
“เงียบๆ นะมึง” ผมใช้เท้าเขี่ยไอ้แจ็ค ก่อนจะทักมันไปตรงๆ ก็ปกติคนที่มักจะผูกขาดบทสนทนามักจะเป็นไอ้แจ็ค
“เปล๊า!!!”
“เค้าว่าพวกเสียงสูง มักกำลังโกหกอยู่” ไอ้วินแย้ง…
“เปล๊า!!!” เหี้ย เสียงมึงจะสูงไปได้อีกไหม
“เหรอออออออออออ” ผมกับไอ้วินประสานเสียงกันโดยมิได้นัดหมาย…หมั่นไส้มันจริงๆ
“เฮ้ย กูกลับก่อนนะ สัญญากับหม่าม้าว่าจะกลับไปกินข้าวเที่ยงด้วย ไปล่ะ ฝากลาพายด้วย แต้งค์กิ้วนะของฝากเนี่ย… เฮ้ยบีมกูไปนะ ได้เวลาแล้วแมสเสจมาบอกด้วย เจอกันที่ห้องซ้อม ไปแล้วนะพวกมึง” อยู่ดีๆ มันก็ลุกขึ้นร่ำลา ทำท่าลุกลี้ลุกลน ขนาดไอ้บีมที่เพิ่งเปิดประตูระเบียงเข้ามายังทำหน้าเหวอ ว่าไอ้แจ็คมันจะรีบไปไหน…เออ หนีได้หนีไปนะมึง ยังไงซะ เดี๊ยวเมียกูก็ต้องไปเป็นเชอล็อคโฮมอยู่แล้ว มึงไม่รอดแน่ไอ้ผู้ร้ายปากแข็ง
หลังจากนั้น สักพักใหญ่ๆ ไอ้บีมกับไอ้วินก็ขอตัวแยกย้ายกลับบ้านบ้าง เรานัดเจอกันอีกทีตอนหกโมงครึ่งที่ห้องซ้อมในค่าย ผมกับไอ้พายเลยอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปตัดผมกัน
V
V
V
(ต่อข้างล่างค่ะ)