มาแล้วค่ะ...คราวนี้ไม่หายไปนานเนอะ (รึเปล่า)
ช่วงนี้เป็นช่วงยังไม่ค่อยยุ่งมากค่ะ แถมตอนนี้มีผู้ช่วยแล้วด้วย สบายขึ้นนิดหน่อย (นิดหน่อยนะ)
เรื่องแจ็คกับฟี่ Mercy กะว่า คงจะต่อเป็นตอนพิเศษๆ ไปนะคะ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้นะ
แต่คิดไว้ว่าในเร็ววันนี้แหละค่ะ อดทนรอค้างกันไปก่อนนะคะ
อนุญาตให้จิ้น และเดากันไปได้ต่างๆ นานา เลยค่ะ อิอิ
ขอบคุณทุกๆ คน ทุกๆ เม้นท์เสมอค่ะ ที่ยังคงอยู่รอน้องพายนะคะ
ขอบคุณน้องๆ พี่ๆ เพื่อนๆ ที่มาช่วยกันดัน และมาถามไถ่ค่ะ
ปล. ตอนนี้ NC ไปจิ้นกันเอาเองนะคะ คนเขียนไม่ไหวจะจิ้นให้ จริงๆ หุหุ
ปลล. คำผิดเดี๋ยวมาจัดการแก้ให้นะคะ ขอแว๊บไปนอนก่อนนะ ฝันดีทุกคนค่ะ ++++++++++++++++
ตอนที่ 24
แล้วทริปทะเลหรรษาของเราก็ อิ่ม อร่อย มันส์ ฮา และที่สำคัญผมกับไอ้พาย ก็ได้ลิ้มชิมบรรยากาศที่พิเศษกว่าคนอื่น ถึงแม้ทะเลยังคงเค็มเหมือนเดิม แต่ระหว่างผมกับไอ้พาย มันมีบางอย่างที่พิเศษเกิดขึ้น ผมก้าวข้ามผ่านกำแพงสูงที่กั้นใจของมันไปได้แล้ว เราเป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์ ทั้งกายและใจ ผมรักษาแผลฉกรรจ์ในหัวใจของมันจนเกือบจะหายสนิทแล้วครับ เดี๋ยวนี้ตอนดึกก็ไม่มีอาการผวาตื่นขึ้นมาร้องไห้โฮอีกแล้ว หลับสนิทสบายอยู่ในอ้อมกอดผมเลยครับ
แต่บางสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทริป และยังคงไม่ได้รับความกระจ่างเลยก็คืเรื่องของไอ้ฟี่และไอ้แจ็คครับ ผมกับไอ้พายก็พยายามจับสังเกตพิรุธไอ้สองคนนี้นะครับ แต่มันโคตรจะเนียน หลังจากที่มันกระโตกกระตากคราวแรกที่เจอกันก่อนขึ้นรถ หลังจากนั้นมันสองคนก็ไม่หลุดอาการอะไรออกมาอีกเลย ไอ้ฟี่เองก็ไม่ได้บ่นอยากจะย้ายห้องแล้ว ผมก็เห็นมันเข้าห้องนอนพร้อมกัน ตื่นออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ด้วยสีหน้าธรรมดาๆ เพียงแต่ไม่ได้คุยเล่นกันเหมือนคนเป็นเพื่อน หรือคนไม่ได้ทำหน้าเขม่นใส่กันเหมือนคนโกรธแค้นกันแล้ว มีเพียงความห่างเหิน และเฉยชา เฉกเช่นคนที่เพิ่งจะได้รู้จักกัน
“แม่ง!!! หงุดหงิดอะมึง กูหงุดหงิดดดดดดด!!!” ระหว่างนั่งดูซีรีย์เรื่องโปรดด้วยกันอยู่ อยู่ดีๆ ไอ้คนที่นั่งเบียด พิง อิงแอบ แนบหัวกับไหล่ผม ก็ผลุดลุกผลุดนั่งขึ้นมาอย่างเร็ว และตะโกนออกมาอย่างหัวเสีย
“เป็นเหี้ยอะไรครับ เมนส์ไม่มา หรือว่าแดกยาคุมย้อนศร หงุดหงิด จิ๊กจั๊ก ตั้งแต่นั่งรถกลับมาแล้วนะ” วันนี้ผมกับมันเลิกเรียนแล้วกลับบ้านด้วยกันครับ บังเอิญว่าเราทั้งคู่มีเหตุจะต้องเข้าไปที่วิทยาเขตที่นครปฐมพร้อมๆ กัน ผมก็เลยบอกให้ไอ้พายมันรอผม จะได้กลับด้วยกัน แล้วมันก็หงุดหงิดๆ อะไรของมันมาตามเรื่องตามราว ตั้งแต่เย็นจนถึงตอนนี้ล่ะครับ
“มึงสิไอ้สัดเมนส์ไม่มาน่ะ… กูหงุดหงิดเรื่องไอ้เหี้ยเพื่อนมึงกับไอ้ฟี่ แม่งวันนี้นะกูอุตส่าห์ลองเรียบๆ เคียงๆ ถามฟี่ดูเรื่องมันกับเพื่อนมึง แต่ก็ไม่ได้ความ ฟี่มันก็บอกเหมือนอย่างที่เหี้ยเพื่อนมึงบอกมึงนั่นแหละ” แล้วทำไมเพื่อนกูต้องเป็นไอ้เหี้ยเหมือนกูด้วยวะ กูไม่เข้าใจ ทีเพื่อนตัวเองเรียกซะดีเชียว ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน ตอบกูหน่อยซิ๊
“ช่างพวกแม่งเหอะว่ะ กูเองก็ขี้เกียจซักไอ้เหี้ยแจ็คและ มึงก็รู้ว่าคนอย่างไอ้เหี้ยแจ็คน่ะ ถ้ามันจะไม่บอกต่อให้เอาตีนง้างปาก มันก็ไม่หลุดเหี้ยอะไรออกมาหรอก แถมคุยกับมันนะเปลืองพลังงานสิ้นดี เหนื่อยฉิบหาย คุยกับหมากับแมวยังรู้เรื่องกว่าคุยกับมันอีก” จริงๆ นะครับ ให้คุยกับหมาแมวยังดีกว่าคุยกับไอ้แจ็ค แม่งโคตรจะเบี่ยงเบนประเด็นเก่งตัวพ่อเลยมันเนี่ย ประสาทจะแดกตายห่า
“ก็กูอยากรู้อะ ก็เพื่อนกูอะ มึงอะๆๆๆๆ” อ้าว งอแงใส่กูซะงั้น
ฟอดดดด
“พอแล้ว หยุดดิ้น แล้วดูซีรีย์ไป ถ้ามึงไม่ดูซีรีย์ งั้นก็แก้ผ้าให้กูดูดีมะ หึหึ”
“ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยย!!” เต็มสองรูหู ตะโกนใส่ผมเสร็จก็เดินสะบัดตูดไปโทรศัพท์ คาดว่าคงจะโทรไปเลียบๆ เคียงๆ ไอ้ฟี่เหมือนเคย ความพยายามเป็นเลิศมากเมียกู
…………….
…………….
“ฮัลโหลที่รัก” ผมรับสายไอ้พายที่ผมเพิ่งจะเห็นว่ามันโทรจิกผมเป็นสิบๆ สายแล้วครับ ก็เมื่อกี้เปิดสั่นเรียนอยู่นี่หว่า ขอโทษนะเมียจ๋า
“ไอ้เหี้ย กว่าจะรับสายนะ มึงอยู่ไหนเนี่ยไม่รับโทรศัพท์กู อยู่กับสาวใช่ไหมไอ้สัด อย่าให้กูจับได้นะมึงกระทืบแม่งทั้งมึงทั้งอีผู้หญิงคนนั้นเลย” เป็นตุเป็นตะอีกแล้วเมียกู ไปเรื่อยจริงๆ
“กูเรียนครับไอ้ห่า!!! อึกอักจะกระทืบกูตลอด แล้วนี่อย่าบอกว่าที่โทรจิกกูเป็นสิบสาย เพราะคิดว่ากูอยู่กับสาวหรือไง โหยยย กูจะดีใจดีไหมเนี่ยมึงหึงกูเนี่ย”
“เออ!! กูหึง แต่ไม่ใช่เรื่องนี้ ตอนนี้มึงรีบมาหากูที่คณะกูด่วนๆ เลยนะ เพื่อนมึงกับเพื่อนกูจะฉิบหายแล้ว เร็วๆ เลยนะเว้ย” อ้าว เพื่อนกูฉิบหาย คืออะไร พูดแค่นี้แล้วก็เสือกวางสาย เพื่อนกู…เอ๊ะ อย่าบอกนะว่าหมายถึงไอ้เหี้ยแจ็ค วันนี้ไอ้เหี้ยนี่โดดเรียนไม่บอกไม่กล่าวด้วย ฉิบหายอะไรวะ…
โชคดีที่ระหว่างคณะผม ขับรถไปคณะมัน ไม่ไกลนัก และบ่ายแก่ๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานก็ทำให้การจราจรไม่เกินเยียวยาซักเท่าไหร่
“ฮัลโหล อยู่ไหนๆ” ถึงแม้การจราจรไม่ติดขัดนัก แต่ว่าจะวนหาที่จอดในมหาฯลัยเพื่อนบ้านได้ ก็แทบแย่เหมือนกันครับ
“หลังตึก….ด่วนๆ”
ผมรีบวิ่งไปหามันตามที่บอก แล้วก็เห็นไอ้พายยืนแอบๆ หลบๆ มุมกำลังชะเง้อๆ ดูอะไรอยู่ พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนด่า แล้วก็เสียงเหมือนคนชกกันอยู่… แล้วที่ช็อคไปกว่านั้น ก็ตอนได้เห็นหน้าไอ้สองคนที่กำลังวางมวยกันอยู่ครับ… ไอ้ฟี่ กับไอ้แจ็ค
“เฮ้ยยยย เกิดเหี้ยอะไรขึ้น แล้วมึงทำไมไม่เข้าไปห้ามพวกมัน” ผมเข้าไปถึงก็รีบจะพุ่งตัวเข้าไปห้ามมันทั้งสองคน แต่โดนไอ้ห่าพายมันดึงเอาไว้ครับ
“สัด อย่าเพิ่งออกไป เดี๋ยวก่อน… มึงไม่อยากรู้หรือไงว่ามันสองตัวทะเลาะเรื่องเหี้ยอะไรกัน เนี่ยกูแอบยืนฟังอยู่นานแล้ว ตั้งแต่มันแค่เริ่มเถียงๆ กัน จนมันต่อยกันเนี่ย ชั่วโมงกว่าได้แล้ว กูยังจับต้นชนปลายเหี้ยไรไม่ถูกเลย มึงมาช่วยกันสอดแนมเลย” สาบานได้ครับ ว่าผมมองเห็นแววตาแห่งความสนุกแฝงอยู่ในแววตาแห่งความขี้เสือกที่ส่งออกมาจากตาไอ้แรดของผมครับ แม่ง เพื่อนจะฆ่ากันอยู่แล้ว เสือกทำน้ำเสียงเหมือนเจอของเล่นสนุกๆ… เอาวะ สนุกก็สนุก จะให้กูทำไงได้อะ ผมเคยขัดใจมันได้ไหมล่ะ
ตอนนี้เท่าที่เห็น อย่าเรียกว่าคนต่อยกันเลยครับ เรียกว่าไอ้เหี้ยแจ็คโดนต่อยคนเดียวจะดีกว่า มือเบสผม หน้าเยินขนาดนี้ มีหวังพรุ่งนี้พี่นุชเป็นลมแน่นอนครับ
“พาย กูจะเข้าไปห้ามแล้วนะ มึงเห็นหน้าไอ้แจ็คไหมเนี่ย พรุ่งนี้มีงานด้วย พี่นุชโวยยับแน่เลย…” ไอ้พายทำหน้าครุ่นคิดนิดนึง ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงตกลง ผมกับมันเลยหันไปตั้งท่าจะลุยเข้าไปเป็นกรรมการห้ามมวยยกนี้ แต่ก็ยังช้ากว่าฟี่ ศิษย์ไอ้พาย นักมวยที่เกือบชนะน็อคในยกนี้ มันซัดมัดสุดท้ายเข้าไปที่หน้าไอ้แจ็คพร้อมกับประโยคที่ยังคงเป็นปริศนาสำหรับผมกับไอ้พายเหมือนเดิม
“กูจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย จบก็คือจบ เรื่องนี้มันถูกฝังมานานแล้ว มึงจะขุดมันขึ้นมาให้ได้ส้นตีนอะไร เจอกัน ก็แค่คนรู้จักกันพอ ไม่ต้องเสือกจะมารื้อฟี้นอะไรอีก เพราะมันไม่มีอะไรมาตั้งแต่ต้นแล้ว และไม่ต้องเสือกมาหากูอีกนะไอ้สัด ไม่งั้นมึงโดนกูหนักกว่านี้แน่ แล้วไม่ต้องเสือกทำมาเป็นคนดี ไม่สู้ ไม่ตอบโต้ กูรู้มึงไม่กล้า อย่ามาตุ๊ดกับกู ไอ้เหี้ย!!!”
และแล้ว แชมป์ศึกวันธงชัยครั้งนี้ก็เดินจากไป ทิ้งไอ้ขี้แพ้หน้าเยิน ที่โดนด่าว่าตุ๊ด นั่งกุมหัวอยู่กับพื้น… ท่าทางมันจะลุกไม่ขึ้น ผมว่าผมเข้าไปช่วยมันก่อนจะขาดใจตายไปซะก่อนดีกว่า
“เฮ้ย เดี๋ยว… กูว่าปล่อยมันเอาไว้งี้เหอะว่ะ” สรุปผมโดนไอ้พายดึงไว้อีกแล้วฮะ
“อะไรของมึงเนี่ย มึงเห็นไหมว่าไอ้แจ็คมันนั่งนิ่งไม่ขยับเลย กูกลัวมันตายซะก่อน”
“มึงคิดว่าถ้ามึงเข้าไปตอนนี้ เพื่อนมึงจะรู้สึกยังไง บางทีเรื่องนี้มันอาจจะยังไม่อยากให้ใครรู้ก็ได้ แล้วถ้ามันมารู้ว่าเราสองคนแอบฟังอยู่ มันจะไม่ยิ่งรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้เหรอวะ” เอาล่ะ กูเริ่มสับสนในตัวเมียกูและ ตอนแรกมาแอบฟัง แอบดูเพราะความเสือกอยากจะรู้เรื่องของพวกมัน แต่พอมีโอกาสจะได้เข้าไปรู้ เสือกบอกว่าอย่าเพิ่งรู้ดีกว่า แล้วจะให้กูทำยังไงนอกจาก
“เออๆ ตามใจมึง”
ผมกับไอ้พายก็ไม่ได้เข้าไปช่วยอะไรไอ้แจ็คมันนะครับ แต่แอบยืนมองมันซักพัก จนมันลุกขึ้นยืน แล้วก็เหมือนจะเดินออกไปนั่นแหละ ผมกับไอ้พายถึงได้กลับออกมา…
และบทสรุปก็คือ ไอ้แจ็คโทรไปลาพี่นุช บอกว่าไม่สบายหนัก แล้วก็ตกบันได ขอลางาน… ซึ่งมันก็โทรมาบอกผมแบบนี้เหมือนกัน หึหึ สงสัยจะกลัวไม่เชื่อว่าไม่สบาย เลยบอกว่าตกบันไดอีกต่างหาก มึงช่วยเลือกเป็นซักอย่างได้ไหม แต่ก็เอาเถอะ รอให้มันสบายใจสักพัก ผมว่าพอความคิดมันเริ่มตกตะกอน มันก็คงจะจัดการปัญหานี้ได้เองในเร็ววัน และหวังว่า มันคงจะเลือกที่จะระบายให้ผมฟัง
…………………
…………………
“ริว”
เสียไอ้แรดตัวเล็กของผม ที่เรียกผมดังมาจากมุมใดมุมหนึ่งในห้องนอนครับ ตอนนี้ผมกำลังง่วนปั่นเพลงใหม่ สำหรับอัลบั้มใหม่อยู่ หลังจากสอบและการบ้านอีกมากมาย ก็เพิ่งจะได้มาเริ่มแต่งเพลงสำหรับอัลบั้มใหม่อย่างจริงๆ จังๆ นี่แหละฮะ
“หืมม์” ผมขานรับ แต่มือยังคงจิ้มๆ อยู่บนคีย์บอร์ดใบ้ที่ต่อกับ iMac ที่กำลังเปิดโปรแกรม โปรทูล์สำหรับตัด ต่อ แต่งเมโลดี้ดนตรีอยู่ครับ
“ริว” อ้าว เรียกอีกและ เรียกแล้วเสือกไม่พูดต่อ
“ฮื๊อ ว่าไง” ยังคงอยู่ในท่าเดิมครับ ตายังคงจดจ่ออยู่กับคีย์บอร์ดและจอคอมฯ
“ไอ้เหี้ยยยยย ริวววววว” เสียงดังขึ้น ยาว และยานคางมาเลยครับ
“ว่ายังไงล่ะคร๊าบบบ ไอ้แรดดดดดดด เรียกแล้วไม่ยอมพูด มีอะไร” ผมยังคงโต้ตอบกับมันโดนการหันหลังให้อยู่
“โอ๊ยยยย มึงจะเลิกสนใจเพลงของมึงแล้วหันมาคุยกับกูบ้างได้ไหมเนี่ย” สะดุ้งเลยครับผม เลยต้องรีบละจากงานตัวเอง หันไปมองไอ้คนขี้หงุดหงิดก่อนฮะ
“จ้าๆ ว่ายังไงล่ะมึง” หันไปก็เจอมันนั่งหน้ามุ่ยอยู่ตรงมุมห้องหลังโต๊ะเขียนแบบของมัน ตั้งแต่มันย้ายเข้ามาอยู่กับผม เราก็ช่วยกันจัดห้องนอนกันใหม่ และแบ่งอาณาเขตโต๊ะทำงาของใครของมัน อยู่กันคนละมุมห้อง แต่เรามีบุ๊ควอลล์ร่วมกัน
“เปล่า คิดงานไม่ออก เครียดอะ หันมาคุยเป็นเพื่อนหน่อย” อ้าวเฮ้ย แม่งมีอย่างงี้ด้วยเว้ย ตัวเองคิดไม่ออกเอง เสือกดึงให้คนอื่นหันไปคิดไม่ออกเป็นเพื่อนซะงั้น
“อ๊าววววววว ไอ้ห่านี่ กูกำลังคิดเมโลดี้ได้เลย… คิดไม่ออกก็ไปนอนซะไป๊ มานั่งทำหน้าขี้ไม่ออกอยู่ได้ ไปนอนไป นอนซักพักก็ได้ เดี๋ยวค่อยตื่นมาทำต่อ ปกติก็ทำงานดึกๆ ดื่นๆ อยู่แล้วนี่มึง นอนก่อนซักชั่วโมงนึงไหม เดี๋ยวกูปลุก กูยังไม่นอน” ปกติมันชอบตื่นขึ้นมาทำงานดึกๆ ดื่นๆ อยู่แล้วครับ พวกอาร์ทๆ นี่แปลกนะฮะ ชอบทำงานตอนกลางคืน คิดงานกลางวันไม่เป็นกันหรือไง ตีสองตีสามลุกขึ้นมานั่งทำงาน ผมเคยถาม มันบอกว่าไม่รู้สิ แต่ตอนกลางคืนสมองแล่นมากกว่า ไอเดียมักมาช่วงนี้ เพื่อนมันเกือบทุกคนก็คิดงานกลางคืนกันทั้งนั้น เออเจริญ… ผมไล่มันไปนอน แล้วก็หันกลับไปสนใจงานที่ค้างไว้ต่อ โดยไม่ได้อยู่ดูผลว่าไอ้คนที่ผมไล่ให้ไปนอนนั้น มันไปนอนรึเปล่า
“พรุ่งนี้ไปเล่นเชียงใหม่… เล่นแล้วกลับเลยไม่ได้เหรอ” อ้าวเปลี่ยนประเด็นเร็วจริงวุ้ย กูตามไม่ทัน… เผอิญว่าพรุ่งนี้ผมมีงานเข้ามา ต้องไปเล่นที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ เล่นตอนหกโมงครึ่ง ถึงทุ่มครึ่ง ซึ่ง กะว่าจะอยู่ค้างที่เชียงใหม่หนึ่งคืน เพราะคืนถัดไป พวกผมมีเล่นที่เลยต่อ แถมเราทุกคนก็ไม่ติดเรียนด้วย ก็ค้างซักวันนึง จะได้ไม่ต้องบินไปๆ มาๆ ไม่เปลืองเงินและเวลา
“ก็บอกแล้วไง ว่าถัดไปอีกวันนึงต้องไปเล่นที่เลยต่อ จะบินไปๆ มาๆ ทำไมล่ะ”
“……………………….” เงียบ ไร้การตอบรับ สงสัยมันจะไปนอนแล้วครับ
“แล้วกูจะอยู่ยังไง” เออลืมคิดเลยครับ นี่ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ผมกับมันจะนอนแยกกันนะครับ เพราะตอนช่วงที่มันมาอยู่กับผม เป็นช่วงที่วงผมหมดช่วงทัวร์คอนเสิร์ตต่างจังหวัดพอดี แต่ครั้งนี้ที่มีงานที่เชียงใหม่เข้ามา มันเป็นงานพิเศษของลูกค้าที่เป็นสปอนเซอร์น่ะครับ ก็เลยต้องไปทั้งเชียงใหม่และเลย
“มานี่มา” ผมละจากงานตรงหน้าอีกครั้ง หมุนตัวเองและเก้าอี้หันกลับไปหาไอ้พาย ซึ่งมันก็ยังคงนั่งหน้ามุ่ยอยู่หลังโต๊ะเขียนแบบที่เดิม ผมพยักหน้าเรียกมันพร้อมทั้งตบมือทั้งสองข้างลงบนตัก เป็นเชิงให้มันมานั่ง… มันเองก็ไม่รีรอให้ผมเรียกซ้ำ รีบลุกและเดินเข้ามาหา ก่อนจะนั่งคร่อมซ้อนตักผม ยกสองแขนขึ้นโอบรอบคอผมไว้ แล้วซุกหน้าลงกับบ่าผมอย่างอ้อนๆ ผมเลยตวัดมือโอบรอบเอวบาง ดึงกระชับเข้ามากอดไว้แน่น
“ไปด้วยกันไหมล่ะ” เรื่องของผมกับมัน ตอนนี้เพื่อนในวงก็รู้กันหมดทุกคนแล้ว พี่นุชก็รู้ ซึ่งถ้าจะพกมันไปด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ก็คงจะต้องให้มันหลบๆ นักข่าว หรือแฟนเพลงให้ดี
“ได้ซะที่ไหนล่ะ มะรืนต้องส่งงาน แล้วก็มีเทสท์ด้วย” มันตอบเสียงสะบัดๆ แต่ยังคงซุกหน้าอยู่กับบ่าผม
“งั้น… สัญญาว่าจะโทรมาหา คุยเป็นเพื่อนจนกว่ามึงจะหลับ… โอเคไหม” ผมเอียงหน้าไปสูดความหอมที่คุ้นเคยจากซอกคอขาว และจัดการแก้มนุ่มนิ่มไปอีกฟอดใหญ่
“สัญญานะ…” ไอ้คนขี้งอแง ผงกหัวขึ้นมา จ้องหน้าเอาคำตอบและคำสัญญาจากผม
จุ๊บ!!!
“สัญญาครับ” ผมก็เลยจุ๊บปากสัญญามันไปเบาๆ หนึ่งที มันก็ยิ้มให้ ก่อนจะจุ๊บผมคืนที่ปลายคาง และหอมแก้มผมคืนเป็นรางวัล
“ไป… งั้นก็ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวจะได้ตื่นมาทำงานต่อ” แล้วผมก็ไล่ไอ้ขี้อ้อนที่ยังคงเกาะผมเป็นลูกแรด เอ๊ย ลูกลิง ให้ไปงีบได้แล้ว
“หืออ ไม่เอาอะ กูยังไม่ง่วงอะ…” อ้าวไอ้นี่ พูดไม่รู้เรื่อง บทจะงอแง ก็เป็นเด็กเลยนะ
“แล้วจะทำไง งานก็คิดไม่ออก พอคิดไม่ออกก็หงุดหงิด พอหงุดหงิดก็ไม่ยอมนอน”
“ก็… ทำอย่างอื่นดิ” ทำไรวะอย่างอื่น กูต้องทำงานนะเว้ย แล้วนี่อะไรครับคุณหนูพาย อยู่ดีๆ ก็ยกมือมาประคองข้างแก้มผมสองข้าง แล้วก็เอาหน้าผากตัวเองมาแตะหน้าผากผม พร้อมกับเอาจมูกตัวเองมาถูจมูกผมเบาๆ
“ทำอะไรวะ” อย่าหาว่ากูโง่เลยนะ กูคิดไม่ออก ตอนนี้สมองกูแม่งมีแต่เมโลดี้ที่กำลังแต่งค้างไว้วนไปเวียนมาอยู่อย่างเดียว
“โอ๊ยยยยยย… ช่างแม่งและ ไอ้เหี้ยยย สรุปกูมีแฟนเป็นเหี้ย หรือเป็นควายวะเนี่ย” อ๊าววววววว โวยวายใส่ผมเสร็จ ก็ลุกขึ้นแล้วเดินสะบัดตูดหนีไปกระโดดขึ้นนอนบนเตียงอย่างกระแทกกระทั้น แล้วสรุป กูต้องเป็นเหี้ย หรือเป็นควายล่ะเนี่ย
“งอนอะไรกูล่ะเนี่ยมึง…หะ ไม่บอกกูจะรู้ไหม” ผมตะโกนถามไอ้คนที่นอนตะแคงหันหลังใส่ผมอยู่ ช่วงสงเคราะห์ไขความกระจ่างให้กูทีเถอะ
“ไอ้เหี้ยยยย… กูอุตส่าห์ ทั้งยั่วทั้งเชิญชวนแล้วก็ยังเสือกไม่เข้าใจอีก หรือต้องให้กูพูดตรงๆ หะ… ก็ได้… คืนนี้ถ้าไม่เอากู ก็ไม่ต้องเสือกมาเอากูอีกสามเดือนนะไอ้เหี้ย เหี้ย เหี้ย เหี้ยยยยย”
เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเหี้ยไปมากกว่านี้ ผมเก็ทและ พูดซะตรงขนาดนี้ ไม่ต้องให้จบเหี้ยตัวที่ห้า ผมก็พุ่งตัวไปรั้งไอ้คนที่ทำฟาร์มเหี้ยอยู่ให้หยุดปล่อยสัตว์เลี้ยงชัวร์คราว ด้วยการปิดปากมันด้วยปากผม… และ ไม่ต้องให้บอกใช่ไหมครับ ว่าอะไรจะอะไร ผมกับมันไม่ถึงสิบวินาทีเสื้อผ้าเราสองคนก็หลุดกระจายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ หลังจากนั้นก็นั่นแหละฮะ ผมก็ช่วยไอ้พายมันหาจินตนาการ สร้างไอเดียในการออกแบบไปสองรอบหนักๆ หึหึ เล่นเอาผมกับมันเพลียหลับกันไปทั้งๆ ที่ไม่ได้ไปล้างตัวเลยทีเดียว ได้แต่เอาทิชชู่มาเช็ดๆ แล้วก็นอนกอดกันหลับไป แต่ดีนะที่ก่อนสติจะลาลับ ผมตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ด้วย งีบซักสองชั่วโมงค่อยตื่นขึ้นมาทำงานต่อ
แล้วพอครบเวลาที่ตั้งปลุกไว้ เสียงปลุกดัง ก็เป็นผมที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาปิด ส่วนไอ้คนในอ้อมกอดก็ยังคงหลับตาพริ้มสบาย ไม่ได้รู้สึกสะดุ้งสะเทือน ระคายเคืองหูแต่อย่างใด ผมเลยต้องค่อยๆ ดึงตัวเองออกมาจากมัน ไปจัดการอาบน้ำล้างตัว และไล่ความง่วงงุนอีกสักรอบ กะว่าอาบเสร็จค่อยไปปลุกไอ้พายมัน
พออาบน้ำเสร็จ ออกมาเช็ดตัว ดันเสือกเดินไปชนโต๊ะข้างโต๊ะเขียนแบบมันที่มันวางโน้ตบุ๊คไว้ จนเม้าท์มันเลื่อนเกือบตก ดีนะที่ไปรับไว้ทัน ก็เลยทำให้ หน้าจอโน้ตบุ๊คมันที่อยู่ในโหมด sleep อยู่ กลับสว่างขึ้นมาอีกครั้ง และด้วยความเสือกที่ติดมาจากไอ้พาย ผมเห็นมันเปิดหน้า Facebook ค้างไว้ ก็เลยลองไปไล่ๆ ดูหน้าวอลล์มันซะหน่อยว่ามีใครมาเม้นท์จีบมันรึเปล่า…
ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่ภาษาอังกฤษ ซึ่งผมดันลืมถือวีซ่าภาษานี้ซะด้วย หึหึ ก็เลยเสือกไม่เป็นผล อ่านๆ ไปก็แปลไม่ได้อยู่ดี แต่เหมือนข้อความล่าสุดที่มาเม้นท์ประมาณครึ่งชั่วโมงที่แล้ว จะเป็นชายหนุ่มผมทองรูปหล่อคนหนึ่ง มาบอกประมาณว่า see you, miss you อะไรซะอย่าง เหมือนว่าจะมาหา หรือไงนี่แหละ ใครวะ หรือว่าจะเป็นนายแบบที่เคยเป็นคู่ขาเก่ามัน แต่มันเคยบอกว่า มันลบทิ้ง แล้วก็บล็อคไปหมดแล้วนี่หว่า แล้วนี่ใครวะ ชื่อจัสติน… เออ ช่างแม่งเหอะ สงสัยไปก็เท่านั้น เดี๋ยวไว้ค่อยถามมันก็ได้ เพราะคนอย่างไอ้พายมันเป็นพวกตรงๆ อยู่แล้วครับ มีอะไรมันก็พูดหมดนั่นแหละ ผมก็เลยค่อนข้างจะเชื่อใจมันนะ
“พายๆๆ ไอ้พาย พายตื่นมาทำงานไหมเนี่ย…” ผมแต่งตัวเสร็จก็เดินไปปลุกไอ้พายครับ
“หืออออ… จะนอนนนน” ปัดมือผมเสร็จ ก็ซุกหน้าลงกับหมอนและหลับต่อ เออดี
“ไอ้พาย ตื่นมาทำงาน พายยย แรด ไอ้แรดเฮ้ย ตื่นดิวะ งานเนี่ยจะต้องส่งเมื่อไหร่ พรุ่งนี้รึเปล่าเนี่ย ตื่นๆๆๆ” คราวนี้ผมเลยเขย่าหนักเลยฮะ แล้วก็ได้ผล ไอ้พายมันงัวเงียลุกขึ้น แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ…
ซักพัก มันก็เดินออกมาทั้งๆ ที่ยังคงเปลือยอยู่ แต่แทนที่จะเดินไปแต่งตัวแล้วมาทำงานต่อ เสือกเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วบอกผมด้วยเสียงอู้อี้ว่า…
“งานส่งมะรืน พรุ่งนี้ค่อยทำ จะนอน” จบข่าว… ผมก็เลยต้องเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมให้มัน แล้วก็ห่มผ้าให้ ก่อนที่จะพาตัวเองกลับมาจมอยู่กับงานอีกครั้ง… เรื่องที่ว่าจะถามเลยไม่ได้ถาม เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยถามมันก็ได้ ว่าฝรั่งรูปหล่อที่มาเม้นท์น่ะเป็นใคร… ผมไม่ได้หึงไม่เข้าเรื่องนะครับ แต่ผมเป็นคนแบบนี้แหละ ถ้าสงสัยก็จะถาม ไม่ใช่ว่าระแวง ไม่เชื่อใจ แต่อะไรที่อยากรู้ก็ถาม ไอ้พายก็เหมือนกันครับ มันมีอะไรมันก็พูดก็บอก หรือมันอยากรู้อะไรมันก็ถาม เราตกลงกันแล้วว่าจะอยู่กันอย่างไม่มีความลับอะไรกัน เพราะความสงสัยเพียงน้อยนิด ถ้าเราไม่รีบหาความกระจ่าง มันอาจจะเป็นบ่อเกิดแห่งความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันในภายภาคหน้าได้นะครับ
TBC