คิดถึงทุกคนมากมายค่ะ
คราวนี้ Mercy หายไปนานมาก... ขออภัยอย่างใหญ่หลวงเลยนะคะ ![:m23:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/16.gif)
ต้องบอกก่อนว่า งานของ Mercy จะมีชั่วพีคและยุ่งสุดๆ ช่วงอาทิตย์ปลายๆ เดือนค่ะ ต้องค้างออฟฟิศ ทุกเดือนเลย
เลยจะหายๆ ไปนานน่ะค่ะ แต่คาดว่าจะสบายขึ้นหน่อย (รึเปล่า) เพราะกำลังจะมีผู้ช่วยค่ะ น่าจะโอเคขึ้น (มั้ง) ![:o11:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/computer_p2.gif)
ขอบคุณทุกๆ คนที่ยังรอกันอยู่ แถมแวะเวียนมาทักทาย และให้กำลังใจนะคะ
ขอบคุณมากจริงๆ ทำได้เพียงแค่เข้ามาอ่านรีฯ ของเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคน แล้วก็อมยิ้มอย่างสุขใจค่ะ:pig4:
ตอนนี้ NC ตามที่สัญญา แต่ไม่รู้ว่าจะจัดหนักอย่างถูกใจไหม
ไม่ได้เขียน NC บ่อยๆ แถมนานๆ ที ฟืดเคืองไปบ้างก็ขออภัยนะคะ...
ปล. ฟี่&แจ็ค ใครที่เดาว่าเขาคู่กัน คุณเข้าใจถูกแล้วค่ะ ส่วนเรื่องของทั้งคู่กำลังคิดอยู่ค่ะว่าจะมาเป็นตอนพิเศษ หรือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งดี
ปลล. ตอนนี้ยาวมากๆๆๆๆ ชดเชยค่ะ
ปลลล. คำผิด เดี๋ยวกลับมาแก้นะจ๊ะ
++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 23“เฮ้ยแจ็ค ออกไปซื้อเค้กกับกูหน่อยดิ ยัยน้องเพลินเธออยากกินน่ะ” อันนี้คือหนึ่งในแผนการล่อหมาออกจากคอก เพื่อเอามาล้วง ลับ ตับ เหี้ยกันล่ะครับ
“เฮ้ยเค้กร้าน XX ใช่ปะ เออๆ กูอยากแดกๆ ไปซื้อกันๆ มึงขับรถนะ กูขี้เกียจแล้ว” เออ กูยอมก็ได้ เพราะความเสือกนะเนี่ย
“เออได้ เดี๋ยวเอารถแม่กูไป… พายมึงอยากแดกอะไรอีกเปล่า เดี๋ยวกูแวะซื้อให้” ไอ้พายมันก็สั่นหน้าน้อยๆ ทำหน้าง่วงๆ เหมือนมันยังค้างจากที่งีบมาบนรถ
“อ้าวพายไม่ไปด้วยกันเหรอ น้องเพลินล่ะไปไหมคะ” ไอ้แจ็คมันหันไปชักชวนไอ้พายที่มียัยหลานสาวผมนั่งซ้อนตักอยู่ แล้วทั้งพี่พายและน้องเพลินก็พร้อมใจกันส่ายหน้าพร้อมกัน
“ไม่เอาอะค่ะ น้องเพลินอยากอยู่คุยกับพี่พาย พี่พายสัญญาว่าจะสอนน้องเพลินวาดรูปอีก”
“ไปเหอะมึง รีบไปจะได้รีบกลับ” ผมหันไปเร่งไอ้แจ็ค ที่ตอนนี้มันหันไปสอดส่ายสายตา เหมือนกำลังหาอะไรซักอย่าง
“เออๆ พาย…เอ่อ…แล้ว…ไม่เอาอะไรแน่นะ” ไอ้แจ็คมันหันไปถามไอ้พายเหมือนที่ผมถาม แต่ผมว่ามันคงอยากถามอย่างอื่นมากกว่า แต่มันคงไม่กล้า
“ซื้อมาเหอะ พายกินได้หมดนั่นแหละแจ็ค ฟี่มันก็กินได้หมดเหมือนกัน” โอ้!! ตรงจุด ตรงประเด็น หึหึ เป็นไงล่ะฮะ ไอ้พายจัดเต็มเข้าไปหนึ่งดอก
“เอ่อ…เหรอๆ เออๆ ได้ๆ เออๆๆ ไปเว้ยไอ้ริว” เหมือนมันจะร้อนตัวยังไงบอกไม่ถูก รีบฉุดกระชากลากผมไปใหญ่
พอขึ้นรถได้ ผมก็ไม่ลีลาครับ เปิดประเด็นคาใจทันที
“แจ็ค… มึงเป็นเพื่อนกูมากี่ปีแล้ว”
“ถามทำเหี้ยอะไร จะขอกูแต่งงานหรือไงคะพี่ริวขา หนูไม่ใช่พี่พายนะคะพี่ริว หนูมันไม่ตัวเล็กปากแดง ร้อนแรงเหมือนเมียมึงนะคะพี่ริวขา…โอ๊ยยยย เชี้ย ตบหัวกูทำไม” ผมจัดหนักไปหนึ่งที่เต็มๆ โทษฐานที่ลามปามเมียชาวบ้านเขา แล้วเสือกมารู้ได้ไงว่าเมียกูร้อนแรง ไอ้ห่าาาาา
“เสือกล้อเลียนเมียกู เมียกูกูด่าได้คนเดียวว้อย อย่าเสือก”
“ไอ้ขี้หวงงงง ไอ้คนได้หลังแล้วลืมเพื่อน ชิส์” ทำเป็นค้อน แกล้งงอน เดี๋ยวกูตบอีกซักป้าบเลยสัด
“อย่ามาเบี่ยงเบนประเด็น ไม่ตอบก็ได้ งั้นกูถามต่อ มึงมีเรื่องอะไรกับไอ้ฟี่ เพื่อนไอ้พายมัน มึงกับมันรู้จักกันมาก่อนใช่ไหม”
“อ๋อ… กูกับมันเป็นพี่น้องฝาแฝดที่พลัดพลากจากกันมานานถึงยี่สิบปี เจอกันคราวนี้ก็เลยดีใจน่ะ” ดูความกวนส้นตีนของมันนะครับไอ้เหี้ยนี่
“สัดแจ็ค มึงอย่ามากวนส้นตีนกู มึงไม่เห็นกูเป็นเพื่อนแล้วใช่ไหม มึงมีเหี้ยอะไรมึงถึงไม่บอกกู ทั้งๆ ที่กูมีเหี้ยอะไรก็บอกมึงทุกอย่าง มึงทำอย่างงี้ กูเสียใจนะ” ผมได้เชื้อดราม่ามาจากไอ้พายเต็มๆ ครับ ตีหน้าเศร้า เล่าระลึกย้อนความหลังกันไป เอาให้มันละอายใจ แต่อย่าเพิ่งไปคาดหวังอะไรมากนัก เพราะไอ้เหี้ยแจ็คน่ะ สมอง และสติสตังค์มันไม่ได้เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาสักเท่าไหร่
“หึงกูเหรอที่รัก หรือมึงเพิ่งจะรู้ตัวว่าเป็น เพื่อนกูรักตูดมึงหวะ เอาตอนนี้ กรี๊ดดดดดด พี่ริวขา หนูแจ็คไม่ยอมแหกตูดให้มึงเอาหรอกนะคะพี่ริว ถ้าจะซี่กัน น้องแจ็คขอเป็นผู้กระทำดีกว่านะคะพี่ริวขา น้องแจ็ครับไม่ได้จริงๆ อ่อ!! อย่าลืมล้างไส้ให้สะอาดนะคะ ของน้องแจ็คยาวมากกกกก อาจทะลุไปถึงลำไส้ใหญ่ของพี่ริวได้ ฮ่าๆๆๆ” เห็นไหมฮะ ไอ้เหี้ยนี่คุยกับมันนะ เหนื่อยยิ่งกว่าไปวิ่งรอบสวนลุมสักสิบรอบอีก ประสาทกูจะแดก นี่กูคบมึงเป็นเพื่อนมากว่าสิบปีได้ยังไง โดยที่กูไม่ต้องไปอยู่ศรีธัญญา แค่คิดกูก็อยากจะบ้าซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แม่งเอ๊ย!!!
“………………………” ผมเลือกที่จะเงียบ ไม่ตอบ คงต้องวิธีนี้เท่านั้น ที่จะทำให้ไอ้เพี้ยนนี่ยอมเปิดปาก
“อ้าว… เป็นเหี้ยไรคะพี่ริว” ยังไม่หยุดทำเสียงสะดีดสะดิ้น สัดนี่ เดี๋ยวกูก็จิ้นเองเลยนิ ว่ามึงตกเป็นเมียไอ้ฟี่แล้ว เลยสาวแตกซะเนียนขนาดนี้
แต่เอาจริงๆ ผมก็จิ้นไม่ลงนะครับ ก็แม่งแมนๆ ทั้งคู่ คือยังไงล่ะ ถ้าเป็นแบบคู่ผมกับไอ้พายน่ะ มันก็ยังโอเค เพราะไอ้พายมันตัวเล็กๆ น่ารัก น่าทะนุถนอม หรือจะเป็นเซย์กับพี่แชมป์ก็เหมือนกัน เซย์ถึงมันจะดูห้าวๆ แต่มันก็ออกแนวห้าวแบบทอม ยังคงแฝงความน่ารักเอาไว้อยู่… แต่ไอ้เหี้ยแจ็ค กับไอ้ฟี่นี่มันต่างกันครับ ฟี่มันก็ดูเป็นผู้ชายปกติเลยครับ ออกจะหล่อเท่มากซะด้วยซ้ำ เซอร์ๆ ลอยๆ ดูติสท์ๆ แต่งตัวก็ไม่ได้สาว บางทีก็เซอร์แบบหลุดโลก จากที่ผมเคยเห็นในรูปในคอมฯ ไอ้พายนะครับ บางรูปไอ้ฟี่ก็ไว้หนวดไว้เคราซะแมนโคตร แต่มันดูเงียบๆ แบบเข้าถึงยาก ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะสาวแตก หรือจะมีเมียเป็นผู้ชายได้เลย ลักษณะอย่างไอ้ฟี่นี่เป็นประเภท เดินผ่านสาว สาวเหลียวหลังมอง เผลอๆ แอบกรี๊ดให้อีกต่างหาก
ส่วนไอ้เหี้ยเพื่อนผมยิ่งแล้วใหญ่ ถึงความหล่อไอ้แจ็คจะสู้ไอ้ฟี่ไม่ได้ แต่ไอ้แจ็คก็ไม่ได้ออกแนวน่ารัก ตัวเล็กเลย มันสูงพอๆ กับผม แต่เตี้ยกว่าไอ้ฟี่นิดหน่อย เพราะฟี่แม่งสูงโคตรอะ แต่ตัวไอ้แจ็คมันจะหนาๆ แน่นๆ กว่า คือไม่ได้เล่นเวทหรืออะไรหรอกนะ ไขมันล้วนๆ เลยล่ะ แถมนิสัยเหี้ยแจ็คตั้งแต่ที่ผมคบกับมันมาตั้งแต่ประถม มันก็ไม่เคยมีท่าทีเบี่ยงเบนเลยสักน้อย เจอตุ๊ดก็แซวตุ๊ด เจอกระเทยก็แซวกระเทย ตามปกติวิสัยปากหมา เจอผู้ชายหล่อก็แค่ด่าเขาว่าหล่อน้อยกว่าตัวเอง เจอผู้ชายน่ารักก็ชมปกติว่าน่ารักนะ ไม่ได้มีท่าทางเพ้อถึงหรืออะไร แล้วบวกกับนิสัยเพี้ยนๆ รั่วๆ ซึนๆ มึนๆ บ้าๆ ของมัน ยิ่งแล้วกันใหญ่ คิดไม่ออกจริงๆ ว่ามันสองคนจะอะไร อะไร กันได้ หรือว่ามันมีเรื่องอื่นๆ กันวะ หรือว่ามันแย่งแฟนกัน หรือยังไง กูอยากรู้ว้อยยยย
“เฮ้ย… นี่มึงงอนกูเหรอวะ ตุ๊ดแตกนะเดี๋ยวนี้เพื่อนกู” ไงฮะ ขนาดแกล้งเงียบ แทนที่มันจะสำนึก เสือกยังคงปากดีใส่
“…………………….” ผมก็เงียบต่อไป หึหึ
“เฮ้ย!!! โกรธจริงเหรอว้า!!” เอาล่ะ เริ่มใจเสียแล้วสิมึง
“เปล่า” ตอบแค่นั้น แล้วผมก็ยังคงมุ่งมั่นกับการขับรถต่อไป
“เปล่าแล้วเงียบทำเหี้ยอะไร…….เออๆๆๆ ไอ้ห่าาาา กูเล่าก็ได้วะสัด”
“ก็แล้วแต่มึงแล้วกัน ถ้ามึงไว้ใจกูอยากจะเล่าก็เล่า แต่ถ้าไม่ ก็ไม่ต้องเล่าก็ได้ กูเข้าใจ มึงอยากจะวางกูไว้โพสิชั่นไหน ก็แล้วแต่มึงเถอะ เดี๋ยวนี้เราอาจจะไม่ใช่เพื่อนสนิทกันแล้วก็ได้มั้ง” กรี๊ดดดด ปีหน้าตุ๊กตาทองต้องเป็นของกู ดารานำฝ่ายชายในภาพยนตร์ดราม่าเรื่องเยี่ยม เรื่อง ง้างปากไอ้เพื่อนเหี้ย หึหึ
“โหยยย ไอ้เหี้ย มึงอย่ามาน้อยใจดิวะ กูกับมึงก็ยังเป็นเหมือนเดิม กูกำลังจะเล่าแล้วนี่ไง ไอ้ห่ามึงพูดแบบนี้ เดี๋ยวกูก็น้อยใจใส่บ้างเลยนิไอ้สัด มึงก็รู้ว่าในชีวิตกู คนที่รู้เรื่องกูทุกอย่างน่ะก็มีมึงเท่านั้นแหละ” อร๊ายยยย ประโยคแม่งชวนจิ้นสัด เธอจะมีใจรึเปล่าาาาาา แสรดดดด พูดซะเหมือนจะสารภาพรักเชียวไอ้ห่า
“เออ… สรุปมีอะไรจะเล่าก็เล่ามา” เอาเนื้อๆ เลิกน้ำเน่าใส่กันได้แล้วครับสัด
“มึงจำไอ้ฟี่ไม่ได้เหรอวะ ไอ้พี่อัลฟี่ รุ่นพี่เราปีนึง มันเพิ่งจะย้ายเข้ามาเรียนตอน ม.5 ตอนนั้นเราอยู่ ม.4 น่ะ” อืมมม คุ้นๆ แต่กูปลาทองหวะ จำใครไม่ค่อยได้
“อืมม จำไม่ได้หวะ มันเรียนที่เดียวกับเราด้วยเหรอวะเนี่ย”
“เออ แต่จำไม่ได้ก็ไม่แปลก เพราะมันเป็นคนเงียบๆ นิ่งๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครอยู่แล้ว วันๆ ก็เอาแต่นั่งวาดรูป” แล้วยังไง กูยังงง
“แล้วมันไปเกี่ยวข้องกับมึงตอนไหน กูยังคิดไม่ออก”
“…..เฮ้อออ….เรื่องแม่ง น้ำเน่าสัดๆ หวะ”
“ยังไงอย่าลีลานะไอ้เหี้ยนี่ เล่ามา เร็วๆ”
“ขี้เสือกนะครับไอ้เหี้ย…เออๆ เล่าก็ได้…ก็ ไอ้ฟี่น่ะมันคบกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ แล้วแฟนมันเป็นผู้หญิงที่ทำงานแล้ว แก่กว่ามันหกปีได้ รู้สึกจะเป็นเพื่อนพี่สาว อยู่บ้านใกล้กัน แล้วพอแฟนมันเรียนจบ ก็ย้ายมาทำงานที่กรุงเทพฯ มันเองตอนนั้นก็อยู่ม.4 เทอมสอง อยากจะย้ายมาเรียนในกรุงเทพฯ ตามแฟน ก็ย้ายตอนกลางเทอมไม่ได้ มันเลยรอขึ้นม.5 แล้วก็อ้อนแม่ขอย้ายมาเรียนกรุงเทพฯ”
“โหหหห เจ๋งว่ะไอ้ห่า มีแฟนเป็นรุ่นใหญ่ ท่าทางประสบการณ์ต้องโชคโชนนะเนี่ย” กูรู้ว่าไม่ใช่เวลาจะมาชื่นชม แต่ก็อดไม่ได้ ก็สาวแก่เขาว่าร้อนแรงใช่ย่อยนะครับ น่าลองๆ หุหุ
“เออ โคตรเจ๋งอะ กูยังนับถืออยากได้แบบมันบ้าง” นั่นไง เห็นไหมฮะ ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ไอ้เชี้ยที่กำลังนั่งเล่าอยู่ก็โคตรจะเป็นตัวนอกประเด็นเลยฮะ
“ต่อๆ ไอ้เชี้ย ไม่ใช่เวลาจะมาชื่นชมมัน มันมีแฟนแก่แล้วไงต่อ กูยังไม่เห็นวี่แวว ว่ามันจะมายุ่งกับมึงได้เลย”
“เออๆ ใจเย็นดิวะ…ก็งี้ พอมันย้ายมากรุงเทพฯ ตอนแรกมันก็ย้ายไปนอนที่ห้องแฟนมัน ก็คบกันไม่มีปัญหา แต่พอมันเริ่มขึ้นม.6 มันก็เรียนหนักขึ้น ประกอบกับแฟนมันชอบบอกว่าทำโอทีต้องค้างออฟฟิศบ้าง ค้างบ้านเพื่อนใกล้ๆ ออฟฟิศบ้าง อาทิตย์นึงกลับบ้านแค่ วันสองวันเอง มันก็เริ่มไม่สบายใจ จนมีอยู่วันหนึ่งมันเลยตัดสินใจ ตามไปแอบดูแฟนมันที่ออฟฟิศ มันก็ไปแอบนั่งเฝ้าตั้งแต่บ่ายๆ พอตกเย็นก็เจอแฟนมันเดินออกมากับผู้ชายคนหนึ่ง น่าจะทำงานที่เดียวกัน แล้วก็กลับไปพร้อมกัน มันก็เลยนั่งรถตาม จนมาถึงคอนโดที่หนึ่ง ใกล้ๆ ออฟฟิศนั่นแหละ แล้วแฟนมันกับผู้ชายคนนั้นก็เข้าไปด้วยกัน ด้วยความที่คอนโดมันไม่ให้คนนอกเข้า มันก็เลยเข้าไปตีซี้กับยาม แล้วก็แกล้งถามว่า ผู้หญิงคนที่เพิ่งจะเดินเข้าไป มาที่นี่บ่อยไหม ตอนแรกยามก็ไม่ยอมบอก แต่มันก็ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จว่า เป็นพี่สาวมัน พ่อกับแม่ให้มาตามดู เพราะกลัวว่าจะแอบมาอยู่กับผู้ชายที่กรุงเทพฯ ยามก็เลยยอมเล่าให้ฟัง”
เล่ามาจนถึงร้านเค้ก กูยังไม่เห็นจะมีวี่แววว่ามันจะมาเจอกัน หรือรู้จักกันตอนไหนเลยวะ??
“ไม่ต้องเสือกทำหน้าเหี้ยใส่กู ใจเย็นสิวะกูก็ต้องเกริ่นนำก่อนไง”
“ควาย!! ห้ามเรียกกูว่าเหี้ยเว้ย คำนี้เมียกูเรียกได้คนเดียว” คำนี้สงวนสิทธิ์สำหรับที่รักของผมคนเดียวครับ เป็นคำบอกรักหวานซึ้ง กินใจของเราสองคน หึหึ
“คร๊าบ คร๊าบบบ ไอ้วรนุช สัดนี่จะฟังต่อไหม”
“เออๆๆ เล่าเร็วๆ พี่ยามเขาว่าไง แต่ถ้ามารูปนี้กูก็พอเดาได้ล่ะวะ ว่าเมียเก่าไอ้ฟี่มันคงมีชู้ เรื่องราวช่างน้ำเน่าฉิบหาย”
“เออ… ถูก!! มึงอ่านนิยายบ่อยใช่ไหมเนี่ย นั่นแหละพี่ยามแกก็เล่าให้ฟังว่า ผู้หญิงคนนี้ กับผู้ชายคนนี้้ มาเช่าห้องในคอนโดนี้อยู่ซักเกือบสองเดือนแล้ว ตอนเช้าก็ไปทำงานด้วยกัน ตกเย็นก็กลับมาพร้อมกัน แถมเขายังเคยคุยๆ กับคนอื่นในคอนโดว่ากำลังจะแต่งงานกัน…หึหึ”
“เฮ้ยยย ใจร้ายเนอะ แล้วไอ้เหี้ยฟี่ทำไงอะ”
“ทำไงได้ล่ะ ตอนแรกมันก็ไม่อยากจะเชื่อ มันเลยมาดักรอแฟนเก่ามัน พอเจอหน้ามันก็รีบเข้าไปถาม ตอนแรกมันก็คิดว่าแฟนมันคงจะต้องปฏิเสธแน่ๆ แต่กลับกลายเป็นว่า แฟนมันดันบอกว่าที่มันเห็นที่คอนโดน่ะ มันเข้าใจถูกแล้ว เพราะเธอกับผู้ชายคนนั้นกำลังจะแต่งงานกัน เรื่องของเธอกับมันน่ะ ยังไงก็ไปด้วยกันไม่ได้เพราะมันยังเด็ก และเธอเป็นผู้หญิง ก็ต้องการความมั่นคงในชีวิต ผู้ชายคนนั้นให้สิ่งนี้กับเธอได้ แถมเขายังรักเธอมากอีกด้วย เธอก็เลยบอกเลิกกับไอ้ฟี่ตอนนั้นเลย โคตรใจร้ายเลยเนอะ” เออ เห็นด้วยหวะ
“เออ จริง กูไม่อยากโทษว่าเป็นนิสัยของผู้หญิงหรอกนะ แต่พวกผู้หญิงน่ะ ชอบเก็บเราไว้เป็นตัวเลือก นี่กูโชคดีนะที่มีแฟนเป็นผู้ชาย ฮ่าๆๆๆ” ก็คนมันกำลังเห่อแฟนอะครับ ใครจะทำไมอะ
“ถุยยยย!!! ตอนแรกกูเห็นเกลียดกันจะเป็นจะตาย สุดท้ายมาสยบแทบตูดพายมันได้ยังไงวะมึงเนี่ย”
“หึหึ ก็กูรักของกูอะ ไม่รู้ดิวะ แรกๆ ก็เกลียดมันนะ หมั่นไส้มันมากอะ มันกวนส้นตีน ปากมันก็ดี ด่ากูตลอด ไม่เคยคิดจะยอมกู แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นคนเปราะบางมาก เปราะบางจนบางครั้ง กูเคยคิดว่า ถ้าแตะมันเพียงแค่นิดเดียว มันอาจจะแตกได้ มันขาดความรัก และน่าสงสารมากนะ แถมลึกๆ แล้ว มันเป็นคนนิสัยดีมากๆ เหมือนกัน”
“หรือมึงจะแค่สงสารมัน มึงแยกออกเหรอวะ ความรักกับความสงสารน่ะ มันห่างกันแค่นิดเดียวเองนะเว้ย”
“กูยอมรับนะว่ากูสงสารมัน แต่กูก็รู้ใจตัวเองดีที่สุด กูปฏิเสธตัวเองมาตลอดว่ากูแค่สงสาร กูไม่ได้รักมัน สุดท้ายกูก็ต้องยอมแพ้หวะ กูรักมันจริงๆ หวะแจ็ค ถ้าแค่สงสาร กูคงไม่เจ็บปวดจะเป็นจะตายตอนที่เห็นมันเจ็บปวดหรอกหวะแจ็ค กูเห็นมันร้องไห้ แล้วใจกูจะขาดตาม กูไม่ได้เวอร์ ไม่ได้น้ำเน่านะ แต่ถ้ามึงลองได้รักใครซักคน มึงจะเข้าใจกู…ว่าแต่ ไอ้เหี้ยแจ็ค มึงอย่ามาทำให้กูหลงประเด็น สรุปยังไงกันแน่ เรื่องของมึงกับไอ้ฟี่น่ะ เท่าที่มึงเล่ามา กูไม่เห็นจะมีเหตุการณ์ไหนเกี่ยวโยงถึงมึงได้เลยหะ”
“อ่อ…แหม กูนึกว่าลืมไปแล้ว… ก็ไม่มีอะร๊ายยย ก็หลังจากที่ไอ้พี่ฟี่มันอกหักจะเป็นจะตาย ข้าวปลาไม่แดก แดกห่าแต่เหล้า ทีนี้กูไปเจอมันที่ร้านXX น่ะที่อยู่แถวบ้านกูน่ะแหละ กูไปเจอตอนมันกำลังจะโดนพวกแก็งค์ขาใหญ่ในผับกระทืบเอาอะดิ เดชะบุญของมันที่เจ้าของผับนั้นอะเป็นเพื่อนกับเฮียจิว แถมเฮียจิวอยู่ที่นั่นพอดี ก็เลยชวยเคลียร์กันได้ มันก็เสือกเมาไม่ได้สติ กูเลยต้องลากกลับบ้านมาด้วยน่ะ ก็…เออ แค่นี้แหละ ที่มันกับกูรู้จักกัน”
“แค่นี้? จริงเหรอ? แล้วทำไม มึงกับมันเหมือนมีเรื่องบาดหมางอะไรกันซักอย่าง เหมือนมันไม่อยากจะเจอมึงมากกว่านะ มึงเล่ามาให้หมดดิ๊”
“ก็ มันคงอายมั้ง เพราะมันเมาแล้วมันก็เพ้อถึงแฟนมัน เล่านู่นนี่นั่นให้กูฟังจนหมด แล้วพอมันส่างเมา มันก็คงอายกูนั่นแหละที่กูดันเห็นตอนมันเมาเละ แล้วก็ดันมารู้เรื่องราวชีวิตรักของมันเข้าน่ะ เพราะหลังจากนั้นมันเองก็ยังเฮิร์ตไม่หาย โรงเรียนก็ไม่ไปเรียน จนที่บ้านต้องมาดร็อปให้มันมั้ง แล้วเห็นว่ามันก็หยุดเรียนไปปีนึง แล้วก็เรียนต่อที่โรงเรียนแถวบ้าน ก่อนจะเอนท์ฯ ติดคณะเดียวกับแฟนมึงนี่แหละ มันคงไม่อยากให้ใครมารู้เรื่องราวชีวิตของมันแหละ มันเลยตกใจที่เห็นกูแล้วก็คงไม่อยากให้กูเล่าให้คนอื่นฟังมั้ง…นั่นแหละ…แค่นั้นแหละ”
“เหรอ…อืม…งั้น กูจะทำเป็นไม่รู้เรื่องของมันแล้วกันนะ แต่กูคงจะเล่าให้พายมันฟังด้วย แต่จะสั่งมันเหมือนกัน ไม่ให้ไปถามเรื่องนี้กับไอ้ฟี่มันอีก” จริงๆ ผมรู้สึกว่า เรื่องมันไม่ได้จบแค่นี้ อย่าลืมนะครับ ว่าผมเป็นเพื่อนกับไอ้แจ็คมากี่ปีแล้ว อันไหนมันพูดจริง อันไหนที่กำลังปิดบัง ทำไมผมจะเดาไม่ได้ แต่เอาเถอะ ถ้ามันอยากจะบอก มันก็จะบอกเองแหละครับ คนอย่างไอ้แจ็คถ้ามันยังไม่อยากพูด ต่อให้เอาตีนง้างปากมัน มันก็ไม่พูดหรอกฮะ
……………..
……………..
(ต่อข้างล่างนะจ๊ะ)