สวัสดีค่า...
มิตรรักแฟนน้องพาย และพ่อยกนายริวนะคะ
ช่วงนี้เรื่องราวก็ยังคงดำเนินไปอย่างมาม่านะคะ ฮ่าๆๆ
จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มาม่านักหรอกค่ะ แต่ยังไงรับรองว่าจบแฮปปี้แน่นอนค่ะ...
แล้วก็อีกไม่นานก็จะหมดช่วงอึมครึมกันแล้วค่ะ เดี๋ยวจะได้ดูฤทธิ์เดชของนุ้งพายมันได้เหมือนเดิมแล้วค่ะ
แต่ไอ้คู่นี้น่ะ เขาก็จะไม่หวานเจี๊ยบ โรแมนติกอะไรกันมากหรอกนะคะ ออกแนว โหดมันฮา ด่ากัน กัดกันตลอด
ไม่มีมาทำซึ้งหวานๆ ใส่กันซักเท่าไหร่ค่ะ
ขอบคุณทุกๆ คนมากๆ นะคะ ที่ให้การตอบรับน้องพายดีมากๆ เลย
ดีใจและยิ้มจนแก้มปริทุกครั้งที่ได้อ่านคอมเม้นท์ค่ะ ++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 14“กูรู้ว่ามึงอยากรู้เรื่องของกู…เสือกทำเป็นเท่ร้องเพลงไปงั้นแหละ คนขี้เสือกๆ อย่างมึงนี่ถ้าไม่รู้กูว่าลงแดงตายชัก…เอาเป็นว่ากูจะสงเคราะห์มึงแล้วกัน” ซึ้งๆ กอดๆ กันอยู่ดีๆ ไม่วายมันก็หาเรื่องมาด่าผมจนได้ แต่เห็นแบบนี้ก็เบาใจนะครับ เหมือนสติ สตางค์มันเริ่มกลับมาบ้างแล้ว
“ตามใจมึง ก็กูบอกมึงแล้วว่า จะอดีต จะห่าจะเหวอะไรกูไม่สนใจอยู่แล้ว กูรักมึงเพราะความแรดของมึงแบบนี้นี่แหละ” จริงๆ ก็อยากพูดหวานๆ ครับๆ ที่รักๆ ไรงี้บ้างนะ แต่…มันเสือกเปิดมาขนาดนี้แล้ว ขืนหวานใส่ ผมว่าได้อ้วกรดหน้ากันแน่ๆ
“หึ…ถ้าฟังจบจะถอนคำพูด กูก็ไม่ว่านะไอ้อ่อน…” สรุปว่ามึงชื่อแรด กูชื่ออ่อนใช่ไหมไอ้ห่านี่…ถ้าไม่ติดว่ารักนะ กูตบคว่ำเลยสาดดดดด
“จะฟังไหมสัตว์ ทำหน้าเหมือนจะจับกูปล้ำนะ ในหัวมึงนี่คิดเป็นแต่เรื่องแบบนี้เนอะ แต่ฝีมือไม่เคยพัฒนา” หยามสัตว์ๆ ไรวะ กูทำหน้าหื่นซะที่ไหน
“ก็นี่ไง ตอนนี้กูได้เมียเชี่ยวแล้ว อีกไม่นานกูเก่งแน่ๆ”
“Kรวยยยยย” แหนะๆๆ ด่ากู แต่ทำค้อนนะ เขินอะดิมึง ขนาดแม่งเขินนะครับ ปากแม่งยังดีเลย…เดี๋ยวปั๊ด กูจับจูบให้ปากเจ่อเลย
จุ๊บ!!!
“ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยริว” แหม ก็มันอดใจไม่ไหวอะ ขอจุ๊บปากทีนึงนะ
“จ๋าาาาาาา ที่รักเรียกทำไมจ๊ะ” หึหึ หวานกับมันซะหน่อย เขินเลยเว้ย หน้าแดงเป็นตูดลิงเลย ฮ่าๆๆๆๆ กูอยากถ่ายรูปเก็บไว้ขึ้นหิ้งจริงๆ เลย ไอ้ห่าแรดมันอายครับ ของแปลกเลยนะเนี่ย
“จะฟังไหมไอ้สัตว์ มึงกวนตีนกูอีกรอบ กูตบปากฉีกแน่…แล้วก็ปล่อยซักที กูเมื่อยจะนั่ง” ใจร้ายตลอดเมียกูเนี่ย
“ฟังจ่ะ ฟัง…” ผมไม่ปล่อยมันตามคำขอ แต่รั้งร่างมันให้นั่งลงบนตักผม ที่หย่อนก้นลงบนอาร์มแชร์ตัวใหญ่ในห้องด้วยกัน…มันก็คงขี้เกียจขัดขืน หรือต่อปากต่อคำกับผมแล้วครับ เพราะมันเอื้อมมือมาบิดพุงผมแรงๆ หนึ่งทีด้วยความมันเขี้ยวในความน่ารักน่าชังของผม (เหรอ?) ก่อนจะหันไปนั่งเฉยๆ (อยู่บนตักและอ้อมกอดของผม) แล้วเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง
“กูเป็นเด็กบ้านแตก แม่กับพ่อไม่ได้รักกัน แต่งงานเพราะโดนคลุมถุงชน…กูเกิดมาจากความรักของแม่ฝ่ายเดียว ส่วนพ่อ…ไม่เคยคิดที่จะมาเหลียวแล แถมยังพาเมียน้อยมายำยีหัวใจแม่ถึงในบ้าน ตอนนั้นกูยังเด็ก แต่ก็ยังจำภาพแม่นั่งร้องไห้ได้ติดตา…”
“แม่ไม่ยอมหย่ากับพ่อซักที เพราะแม่คงรักพ่อมาก กูก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะว่ากะอีแค่ความรัก ทำไมทำให้คนๆ หนึ่งอดทนได้ขนาดนี้… แต่สุดท้ายแม่ก็ยอมหย่าเพราะอีผู้หญิงชั่วตัวนั้นมันผลักกูตกจากบันได แถมมันยังโกหกพ่อว่ากูตกไปเอง หาว่าแม่กูใส่ร้าย พ่อก็ยังเสือกเชื่อมัน หึหึ ดีไหมล่ะพ่อกูเนี่ย รักกูมากเลยเนอะ” เวลามันพูดถึงแม่ เสียงมันจะสั่นน้อยๆ จนผมอดไม่ได้ที่จะกระชับอ้อมแขนกอดมันแน่นขึ้นอีก มันเองก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น เพราะมันเอนตัวพิงหลังกับอกผม
“แล้วหลังจากนั้นสามปี แม่ก็ได้พบรักใหม่แต่งงานกับชาวอังกฤษ ชื่อโรเจอร์ แม่พากูไปอยู่ที่อังกฤษด้วยกัน ตอนนั้นกูพึ่งจะ 11 ขวบ โรเจอร์รักแม่กูมาก ให้ทุกๆ อย่าง ดูแลกูอย่างดี แต่โรเจอร์เป็นพ่อหม้ายลูกติด มีลูกผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งชื่อ…ไอ้เหี้ยเดฟ” น้ำเสียงที่มันใช้เรียกพี่ชายต่างมารดาของมันฟังดูจงเกลียดจงชังเอามากๆ ถึงตอนนี้บางอย่างทำให้ผมพอจะเดาๆ เรื่องได้ แต่ผมก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นจริงเลยให้ตายเหอะ…
“ไอ้เหี้ยเดฟ แรกๆ มันก็ทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดี คอยดูแลเอาใจใส่กูทุกอย่าง จนแม่กูวางใจพอที่ฝากฝังให้กูอยู่กับมันได้ตามลำพัง จนในที่สุด ให้เหี้ยนี่ก็เอากู กูไม่อยากจะเรียกว่าข่มขืนหรอกนะ เพราะกูเองมันก็โง่ โง่ที่หลงเชื่อคารมมัน หลงเชื่อคำพูดตอแหลๆ ที่มันพร่ำบอกว่ามันรักกู มันต้องการกู แล้วไอ้ด้วยความที่กูมันเป็นเด็กเหลือขอ ขาดความรัก โหยหาสิ่งนี้มาตลอดชีวิต ในชีวิตกู กูไม่เคยเป็นคนสำคัญของใครมาก่อน ไม่มีใครต้องการกูนอกจากแม่ แล้วอยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่ง ใจดี อบอุ่น มาบอกว่ารักกู กูเป็นสิ่งสำคัญของเขา แค่นี้กูก็พร้อมยอมทุกอย่างแล้ว หึหึ น่าสมเพชไหมล่ะ”
ผมวางคางลงบนบ่าเล็ก และซบหน้าลงกับซอกคออุ่นๆ ของมัน สูดกลิ่นเบาๆ แล้วยกมือขึ้นลูบหัวมันช้าๆ ผมเริ่มเข้าใจตัวมันเข้าไปทีละนิดๆ เด็กอายุสิบกว่า ถูกหล่อหลอมมาด้วยการหลอกลวง โหยหาความรัก แต่ก็พบเจอแต่ความจอมปลอม…
“กูก็ปล่อยให้มันเอากูอยู่บ่อยๆ มันเงี่ ยน มันก็ก็เดินมาบอกรักกู แล้วก็จับกูเ ็ ด ง่ายดีไหมล่ะ แลกกับคำว่ารักที่กูเก็บไปเอาไปนอนกอดนอนฝันหวานและคิดว่ากูเป็นคนสำคัญของเขา เด็กโง่ๆ อย่างกูตอนนั้น เพียงแค่นี้กูก็ดีใจแล้ว ไม่ว่าจะต้องเอาอะไรไปแลกกูก็ยอม…หึหึ ไอ้เหี้ยพายมันโง่นะ มึงว่าไหม” ไม่หรอก มึงไม่ได้โง่ ไอ้เหี้ยนั่นมันสารเลวเองต่างหาก
“บทสรุปสุดท้ายของความโง่ของกู มันก็เกิดขึ้น กูกับไอ้เหี้ยเดฟก็เอากันมาเรื่อยๆ จนกูอายุได้ 12 ขวบกว่าๆ ไอ้ชาติหมานั่นมันก็หลอกกูไปสังเวยเพื่อนมัน 5 คน เพื่อแลกกับความลับเรื่องที่มันติดยา เพราะมันเป็นถึงลูกเศรษฐี เป็นนักกีฬาโรงเรียน เป็นประธานชมรมฟุตบอล ใครจะไปรู้ว่าหน้าอย่างมันจะติดยา… สุดท้าย กูก็เลยได้ผัวเพิ่มมาอีกห้าคน เป็นไงล่ะ แค่ไม่ถึง 13 ขวบ กูก็มีผัวตั้ง 5 คนแล้ว…ฮึก ฮืออ”
“เป็นช่วงนาทีที่กูทรมานที่สุดในชีวิต มึงรู้ไหมมันเจ็บแค่ไหน…ฮึก ฮือ…ร่างกายกูเหมือนถูกหมาบ้ามันรุมทึ้ง เหมือนตัวกูกำลังถูกฉีกออกไปเป็นชิ้นๆ ทั้งเลือดของกู และน้ำของไอ้พวกเหี้ยนั้นมันเปรอะเปื้อนไปหมด มันสกปรก ขยะแขยง จนกูอยากจะตาย กูไม่อยากแตะต้องตัวเองเลย ฮือออออ… จากนั้นไม่มีคืนไหนที่กูจะไม่นอนผวา ทุกอย่างแม่งติดตา ฮึก ฮือออ ติดในสมองกู ฮือออ กูอยากลืม แต่กูทำไม่ได้ มันมาหลอกหลอนกู ฮือออ ภาพแม่งชัดมาก จนทุกวันนี้มันก็ยังไม่หายไปไหน ฮือออออ…กูอยากตายซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่กูก็รักแม่กูมาก กูไม่อยากให้แม่กูเจ็บปวด”
ผมรู้แล้วว่า ภาพๆ นั้นที่มันถูกปล่อยออกมาทั่วประเทศ เป็นภาพจากเหตุการณ์ไหน…เพียงแค่ภาพที่ติดอยู่ในใจมันก็ทำให้เจ็บปวดมากพอแล้ว และนี่มันยังต้องกลับมาเห็นภาพนั้นอีกด้วยสองตามันอีกครั้ง มันจะโหดร้ายกับมันมากขนาดไหน… ทุกอย่างมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความแรด หรืออะไร แต่มันเกิดเพราะความชั่วช้าของมนุษย์ ความเหี้ยจัญไร ของคนที่ใช้ไอ้ยานรกนั่น…ใจผมเต้นรัว และสั่นแรงมาก น้ำตาผมไหลออกมาโดยที่ผมไม่รู้ตัว ผมกระชับตัวมันแน่นขึ้นไปอีก พร้อมกับโยกตัวน้อยๆ เชิงปลอบ ไม่รู้ว่าปลอบมันหรือปลอบตัวผมเองกันแน่
เด็กอายุเท่านั้น จะต้องมาเจอกับเรื่องอะไรมากมายขนาดนี้…ผมเกลียดตัวเองที่เคยด่ามัน ผมเกลียดปากตัวเองที่เคยดูถูกมัน ผมเกลียดตัวเองที่เคยคิดว่าการเอากับมันก็เป็นแค่เรื่องง่ายๆ เพราะมันร่านเอง แต่สุดท้าย ผมก็เข้าใจแล้วว่าทุกอย่างที่มันแสดงออก ทุกอย่างที่มันเป็นแบบนี้ เพราะความสารเลวของสังคมและคนรอบข้่างที่ช่วยกันสร้างเด็กคนนึงให้เติบโตมาเป็นคนแบบนี้… ไม่ต้องพูดเลยครับ ว่าตอนนี้ผมจะยิ่งรักมันขึ้นมากไปอีกแค่ไหน ไม่ใช่เพราะความสงสาร แต่เพราะผมรักมันอยู่แล้ว ผมเลยอยากปกป้องมัน ปกป้องจากทุกสิ่งที่จะเข้ามาทำให้มันเจ็บอีก การที่เราได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของคนที่เรารัก มันจะส่งต่อความเจ็บปวดนั้นมาที่เราได้อย่างไม่น่าเชื่อ มันเจ็บ…ผมก็เจ็บยิ่งกว่า เจ็บที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย เจ็บที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ไอ้เหี้ยตัวหนึ่งที่ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไร แถมยังเคยทำเหี้ยๆ กับมันไว้อีก…
ผมกับมัน ปล่อยให้ความเงียบปลอบเราสองคนอย่างช้าๆ ผมไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป เพราะผมรู้ว่า มันไม่ได้ต้องการแค่คำพูดปลอบใจ ผมแค่กอดมันเอาไว้ ลูบหัวลูบหน้ามันเบาๆ ค่อยๆ เช็ดหยาดน้ำที่ไหลออกมาจากสองตาไม่ขาดสาย… มันเองก็ดีขึ้นเยอะ ที่พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา มันไม่ได้ช็อค หรือกรีดร้องอาระวาดแล้ว เพียงแค่ร้องไห้และเงียบๆ ไปเท่านั้น… ซักพักใหญ่ๆ ก็เริ่มที่จะหยุดร้องไห้ และเล่าต่อ
“หลังจากนั้น…ไอ้เหี้ยเดฟมันก็บอกกับแม่ว่า กูโดนพวกจรจัดข่มขืน กูไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก กูไม่อยากรื้อฟื้น กูกำลังเสียขวัญ และหวาดกลัว แต่กูบอกกับตัวเองว่ากูจะอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว กูอยู่ไม่ได้ ถ้ากูอยู่ ทั้งบรรยากาศทั้งภาพ และเหตุการณ์แบบนี้ มันจะวนกลับมาหากูอีกครั้งแน่นอน กูก็เลยขอแม่ไปเรียนที่ออสเตเลีย เพราะเพื่อนที่โรงเรียนเคยพูดๆ ว่าที่ออสเตเลียมีโรงเรียนประจำที่ดี กูก็เลยขอไปอยู่ที่นี่… แล้วกูก็ได้เจอกับเพื่อนคนหนึ่ง เพื่อนที่ทำให้กูกลับมาเป็นคนอีกครั้ง…จัสติน…จัสดูแลกูดีมาก ตลอด 5 ปีที่ชีวิตกูค่อยๆ เป็นผู้เป็นคน ยิ้มได้อีกครั้งก็เพราะจัส…และกูก็ตกหลุมรักอีกครั้ง ครั้งนี้มันต่างจากไอ้เดฟ เพราะครั้งนี้เราต่างใช้เวลาบ่มเพาะมันนาน นานจนกูรู้ใจตัวเองดี นานจนกูรู้ว่ากูรักจัสมากแค่ไหน จัสเองก็อยู่ข้างๆ กูโดยไม่ได้หวังตัวกู จัสมีแต่ความห่วงหาอาทรให้กูตลอดมา และกูก็ตั้งความหวังกับรักครั้งนี้ไว้มาก”
“สุดท้าย…กูรวบรวมความกล้า สารภาพรัก แต่จัสกลับให้กูได้แค่คำว่าเพื่อนเท่านั้น… แล้วเป็นอีกครั้งที่กูได้เจอกับความเจ็บปวด และก็เป็นอีกครั้งที่กูเลือกที่จะหนี… กูถึงมาอยู่ที่นี่ไง แล้วก็มาเจอกับเซย์ น่าตลกไหม กูหลงรักเซย์ และกูก็อกหักอีกครั้งนึง… สงสัยในชีวิตกูเนี่ยจะสมหวังกับเขาไม่ได้แล้วมั้ง”
“ใครบอกมึงว่ามึงจะไม่สมหวังแล้ว… กูนี่ไงตัวจริงของมึงอะ…ฟอดดดดด!!!” ขอหอมแก้มปลอบใจเมียหน่อยเหอะครับ
“สมหวังเหี้ยอะไร ไอ้หนึ่งคนที่ได้มาเนี่ย ก็ได้มาจากความไม่ได้ตั้งใจ มาได้ไงก็ไม่รู้ แล้วน้ำหน้าอย่างมึงนี่จะทนกูไปได้ซักกี่น้ำ… กูน่ะเหมือนคนเป็นโรคจิตอ่อนๆ นะ บางทีทำอะไรไปก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ชีวิตกูแม่งเหลวแหลกมาเยอะ กูเจ็บปวดเพราะเซ็กส์ กูก็ใช้เซ็กส์นั่นแหละเป็นตัวเยียวยา ทุกครั้งที่กูได้เอากับใคร กูจะรู้สึกว่าตัวกูเป็นที่ต้องการ ตัวกูเป็นที่ปรารถนา และตัวกูมีความสำคัญ แล้วกูก็ไม่รู้หรอกนะ ว่ากูจะหยุดพฤติกรรมของตัวเองได้ยังไง มันเหมือนการเสพติด มันเหมือนการช่วยเยียวยา กูไม่รู้ว่ากูจะหลุดพ้นได้ยังไง กูไม่อยากให้ใครมาเจ็บไปด้วยกับกูหรอกนะ”
อ้าว…ไอ้นี่ พูดจาเหมือนจะตีจากนะ กูไม่ยอมนะเว้ย…ถึงตรงนี้ผมเลยยกตัวมัน จับให้หันมานั่งคล่อมหันหน้าเข้าหาผม…เรื่องแบบนี้ต้องคุยกันแบบ Face to Face ครับ เผื่อจะได้ Mouth to Mouth ด้วย หึหึ
“แล้วไง… ถึงกูจะอ่อน แต่กูก็อึดนะมึง…เหมือนจะน้ำเน่านะ แต่อย่าพึ่งอ้วกนะเว้ย กูอะ พร้อมจะเจ็บไปกับมึงอยู่แล้ว กูไม่รู้จะเยียวยามึงด้วยวิธีไหน กูมีแต่ความรักและตัวกูเท่านั้นแหละที่จะให้มึง… ณ ตอนนี้…มึง คือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตกู จำเอาไว้”
ผมไม่ได้ปล่อยให้มันได้อ้วก หรือท้วงติง ด่าทอ กัดจิกอะไรออกมา เพราะผมเอื้อมมือไปรั้งท้ายทอยมันให้โน้มเข้ามารับจูบจริงใจจากผม…อย่าพึ่งอ้วกแล้วกันนะครับ เพราะต่อไปนี้ นายริวคนหล่อ จะเข้าโหมดน้ำเน่าเอาใจเมียกันบ้างแล้วฮะ
“………..อืมมมม อื้ออออ” ผมจูบกับมันนานมาก มันเองก็ไม่ได้ดิ้นหนี หรือว่าอะไร แม้จะไม่ได้จูบตอบ แต่ก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ไม่ว่าผมจะชอนไช กวาดต้อนส่วนไหนของปากมัน มันก็ยอมเผยอรอรับลิ้นอุ่นๆ ที่ผมส่งเข้าไปสำรวจ แต่สงสัยจะนานไปหน่อย มันเลยส่งเสียงอืออา พร้อมกับทุบไหล่ผม (หนักๆ) เป็นการประท้วงครับ
“กรอบอร่อยเนอะ” มันมองหน้าผมงงๆ แต่แก้มแอบแดงนะฮะ
“อะไรของมึง”
“ก็พายไง… กรอบ อร่อย เปรี้ยวจี๊ดจ๊าด แต่ก็หอมไปหมด” บอกแล้วว่าผมเข้าโหมดน้ำเน่าแล้วฮะ
“ประสาทหรือไงมึงเนี่ย…” ผมไม่ได้ตอบว่าผมประสาทหรือเปล่า แต่ผมรั้งร่างเล็กๆ ของมันเข้ามากอดแน่นๆ อีกที พร้อมกับฟัดแก้มนิ่มไปอีกหลายฟอดใหญ่…เฮ้ออออ มีเมียเป็นของตัวเองมันก็ดีแบบนี้นี่เองนะเนี่ย (สรุปเขาตกลงเป็นเมียมึงแล้วเหรอวะ)
“อะไรของมึงเนี่ย ไอ้เหี้ยนี่…ปล่อยได้แล้ว กูเมื่อย…แล้วงานการไม่มีทำแล้วหรือไง ร้องเพลงเสียงอย่างกับควายออกลูกนะมึงน่ะ ไปซ้อมซะบ้างเหอะ เพี้ยนจนกูล่ะอายแทน” เพี้ยนตรงไหนวะ เสียงกูออกจะเท่ มึงนี่ กูให้ฟังความหมายเว้ยไอ้ห่า ไม่ได้ให้จับผิดคีย์ เดี๋ยวปั๊ดจูบให้ปากเจ่อเลย
“ไม่ปล่อย ไม่ไป ไม่มีงาน กูจะเฝ้าเมียกู ใครจะทำไม เมียกูยิ่งแรดๆ เสน่ห์แรงๆ อยู่ เดี๋ยวมีหมาที่ไหนมาดมๆ แล้วคาบไปแดก กูหวงของกู” ผมก็ยังคงคลอเคลียมันไปเรื่อยล่ะครับ มันก็จิ๊ จ๊ะปากรำคาญผมบ้าง แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนนะ หึหึ
“ไอ้เหี้ย กูไม่ใช่กองขี้นะไอ้สัตว์ หมาจะได้มาดมๆ แล้วคาบไปแดกน่ะ” เดี๋ยวนี้มีค้อนนะ น่ารักจริงวุ้ย ทำไมเมื่อก่อนกูมองไม่เห็นความน่ารักของมัันวะ เห็นแต่ความแรดล้วนๆ เลยครับ
“ฮ่าๆๆๆ ก็ไม่ได้ว่า ว่าเป็นกองขี้หมาซะหน่อย ขี้เหี้ยไรหอมขนาดนี้” หอมกันไปอีกซักสองฟอด เอาให้ช้ำ เป็นรอยกันไปเลย คนอื่นจะได้เห็นตำหนิ จะได้ไม่มายุ่งกับของๆ กูอีก
“ได้ดูพี่คิวแถลงข่าวแล้วใช่ไหม…เดี๋ยวเย็นนี้พี่คิวจะเข้ามาคุยด้วยนะ” หลังจากที่เราด่ากันไปแหย่กันมา ผมก็นึกขึ้นได้ว่าพี่คิวฝากมาบอกมัน ว่าเย็นนี้จะเข้ามาคุยด้วย
“อืม…ได้ดู”
“แล้ว… เรื่องงานเพลงมึงจะทำยังไง” เพราะมันใกล้จะต้องเข้าห้องอัดแล้วเหมือนกันครับ สำหรับอัลบั้มใหม่ของมัน
“กูก็แล้วแต่พี่คิวแล้วกัน…เพราะกูเข้ามายืนที่ตรงนี้ได้ ก็เพราะพี่คิว ถ้าทุกคนยังให้โอกาส กูก็กลับไปร้องเพลงเหมือนเดิม ทุกสิ่งที่ข่าวมันออกน่ะ มันก็เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น กูแรดจริง ร่านจริง มั่วจริงนี่หว่า กูจะเอาอะไรไปเถียง ถ้าเขาจะไม่ให้โอกาสกูแล้ว กูก็คงแค่กลับไปเรียนต่อให้จบ แล้วก็เป็นมัณฑนากรตามสายอาชีพที่เรียนมา แต่ถ้าสังคมนี้แม่งใจดำกับกูนัก หึหึ กูก็คงต้องเดินทางกันอีกรอบล่ะนะ คราวนี้ขอไปอยู่อเมริกาแล้วกัน ยังไม่เคยไปเลย”
“พาย… ต่อไปนี้มีอะไร ไม่ว่าจะเจ็บปวด ทุกข์ใจ มีปัญหาอะไรก็ตาม ให้กูเป็นคนที่ร่วมแชร์กับมึงได้ไหม อย่าเผชิญมันคนเดียว อย่าคิดเองคนเดียว อย่าสู้คนเดียว และอย่าตัดสินใจคนเดียวนะ ได้ไหม หืม?” ผมประคองหน้ามันด้วยสองมือ แล้วแนบหน้าผากชนกับหน้าผากมัน…ผมกลัวใจมันจังเลยครับ ผมกลัวว่ามันจะหนีอีกครั้ง กลัวว่ามันจะยอมแพ้ และทิ้งทุกอย่างไป แล้วหลบไปเจ็บเองคนเดียว ผมไม่ยอมหรอกฮะ ตอนนี้มันมีผมแล้ว ถ้าหากจะไป ผมก็จะไปกับมัน…
“……………….” มันเงียบเหมือนกำลังคิดอยู่ ผมเองก็ไม่ได้เร่งร้อนอะไร ปล่อยให้หน้าผากเราสัมผัสกันตาจ้องตากันอย่างใกล้ชิด…
“อืม…กูจะพยายามแล้วกัน”
แค่นี้ก็ดีแล้วครับ… ถึงมันจะยังไม่ได้รักผม แต่เพียงแค่มันเปิดรับให้ผมเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตมันบ้าง แค่นี้ก็ดีแล้วจริงๆ… ผมจะค่อยๆ ก้าวเข้าไปหามันที่ละนิดๆ ไม่รีบร้อน จนสุดท้ายชีวิตของมันจะมีผมอยู่อย่างเต็มตัวและหัวใจ…
ผมจะรอครับ…
TBC
ฝันดีค่ะ