มาต่อแล้วคร้าบบ หนีน้ำท่วมซะหลายวัน ไม่ว่ากันนะคร้าบบบ
............................
หลังจากที่เนกิผ่านด่านของแอนนาได้แล้วก็มีคนนำทางเขาขึ้นลิฟมาชั้นต่อไป
เนกิก็ได้แต่ลุ้นว่าเขาจะเจอกับใครต่อไป แต่จากที่ผ่านมาเขาคงประมาทไม่ได้อีกแล้ว
เพราะแค่ด่านแอนนาก็ทำให้เขาประเมินได้แล้วว่าอีกสามคนที่เหลือคงลำบากมากกว่านี้แน่นอน
ลิฟท์เลื่อนขึ้นมาได้สามสี่ชั้นก่อนที่จะหยุดลง
“เชิญท่านเนกิค่ะ นี่คือด่านต่อไปที่ท่านต้องเข้าไปทดสอบ ขอให้ท่านโชคดีนะคะ”
คนนำทางสาวสวยยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
เนกิไม่ได้ตอบอะไรเพียงยิ้มคืนเท่านั้นก่อนที่จะเดินออกจากลิฟท์มา
เขาเดินตามทางที่มีแสงไฟสลัวๆจนมาถึงหน้าประตูบานใหญ่อีกครั้ง
เนกิค่อยๆเปิดประตูเข้าไปอย่างระมัดระวัง
“ในที่สุดเจ้าก็ผ่านมาจนได้นะ นับว่าเจ้าเก่งมากทีเดียว แต่ด่านของข้าไม่ง่ายอย่างของแอนนาแน่นอน”
เสียงพีรันดังขึ้นจากมุมมืด ก่อนที่เขาจะเดินออกมาหาเนกิ
“ด่านนี้เป็นของท่านพีรันหรือครับ” เนกิทำท่าทางแปลกใจ เพราะเขาคิดว่าพีรันน่าจะเป็นด่านที่สาม
“ฮ่า ฮ่า ใช่ด่านนี้เป็นของข้าเอง เพราะข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่ผ่านถึงด่านข้านะสิ ข้าถึงได้ขอประจำด่านนี้”
พีรันยิ้มให้เนกิอย่างอ่อนโยน ดูท่าทางพีรันจะถูกใจเนกิอยู่บ้าง
“ดูท่าท่านจะดูถูกข้ามากไปหรือเปล่าครับ” เนกิตอบพร้อมกับยิ้มให้อย่างมั่นใจ
“ข้าละชอบความมั่นใจของเจ้าจริงๆ งั้นมาเริ่มด่านของข้าเลยดีกว่า”
พีรันตบมือสองครั้งไปที่สลัวอยู่ภายในก็ดับลงทั้งหมดทันที
“จากข่างกรองของข้า ข้ารู้มาว่าเจ้าจำวิชาทุกชนิดที่เจ้าได้อ่านมาจากท่านจางอี้แล้วหาท่างแก้ได้ทั้งหมด ดังนั้นข้าอยากทดสอบดูสิว่า คำที่เขาพูดกันมันจะเกินจริงหรือไม่” พีรันเว้นจังหวะนิดหน่อย ก่อนที่เขาจะตบมืออีกหน
ตรงกลางห้องปรากฏแสงไปจำนวนเจ็ดสิบหกจุดสว่างขึ้นมา
เนกิจ้องมองตำแหน่งของแสงไฟที่สว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว
“แล้วท่านต้องการทดสอบอะไรข้า แล้วไปทั้งเจ็ดสิบหกจุดนี่คืออะไรกัน” เนกิถาม
“โอ้ เพียงพริบตาเจ้าก็นับจำนวนไฟทั้งหมดได้อย่างถูกต้องเสียแล้ว” พีรันอดทึ่งกับความฉลาดของเนกิไม่ได้
“งั้นข้าจะอธิบายเลยแล้วกัน ไปทั้งเจ็ดสิบหกจุดนี้จะเป็นตำแหน่งท่าก้าวของหลายๆวิชาที่ขาค้นคว้ามา ข้าอยากให้เข้าลองแก้ออกมาให้ข้าหน่อยว่ามีวิชาอะไรบ้างข้าคิดว่าคงไม่ยากเกินไปสำหรับเจ้าหรอกนะ”
เนกิจ้องมองตำแหน่งของไฟอีกครั้งทันที
“ข้ามีเวลาให้เจ้าแค่ห้าชั่วโมงเท่านั้นนะ ถ้าเกินแม้แต่นาทีเดียวข้าจะถือว่าเจ้าไม่ผ่านด่านของข้าทันที” พีรันบอกเงื่อนไขทั้งหมด
แต่คำพูดของพีรันไม่ได้ทำให้เนกิเสียสมาธิที่จ้องมองไฟทั้งหมดอยู่
พีรันเห็นเนกิกำลังใช้สมาธิเขาจึงหลบออกไปอย่างเงียบๆ
หลังจากที่เนกิจ้องมองตำแหน่งทั้งเจ็ดสิบหกอยู่นานเขาก็เริ่มขยับตัว
เขามองไปรอบๆบริเวณ เห็นโต๊ะที่มีกระดาษปากกาพร้อมโคมไฟวางไว้ให้ที่มุมห้อง
เนกิไม่รอช้าเขาไปนั่งที่โต๊ะนั้นก่อนที่จะล่างตำแหน่งทั้งเจ็ดสิบหกลงไปบนกระดาษอย่างรวดเร็ว
เนกิค่อยๆลากปากกาไปตามจุดต่างๆตามท่าก้าวของวิชาต่างๆที่เขารู้มา
นี่ถือว่ายากมากเพราะว่าวิชาต่างๆในโลกนี้มีมากกว่าร้อยสาขาวิชา
แค่วิชากระบี่อย่างเดียวก็แตกแขนงได้เป็นร้อยวิชาเข้าไปแล้ว
ดังนั้นจึงถือว่าด่านของพีรันยากยิ่งนัก เนกิครุ่นคิดลองขีดเส้นร่างตามท่าต่างๆที่เขาจำได้
เมื่อลากไปแล้วคิดว่าไม่ใช่เนกิจะเปลี่ยนกระดาษใบใหม่ทันที
ดูท่าเนกิจะตกที่นั่งลำบากขึ้นมาแล้ว เขาเขียนแล้วทิ้งไปไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้ว
พีรันได้แต่คอยสังเกตอยู่ไกลๆ ดูเขามีความสนใจในตัวเนกิมากเป็นพิเศษ
ครั้งนี้เนกิคงตกที่นั่งลำบากจริงๆเสียแล้ว
รังสีกระบี่นับร้อยสายพุ่งตรงเข้ามาหานาซีซัสอย่างรวดเร็ว
แต่เขาก็เตรียมตัวรับมือไว้แล้ว เขาเร่งพลังทั้งหมดไว้ที่ฝ่ามือจนมีแสงสีเทาเปล่งออกมาจากฝ่ามือ
นาซีซัสกลับพุ่งเข้าใส่รังสีกระบี่ของไป่จงแทนที่จะยืนตั้งรับ
เขาใช้ฝ่ามือปัดรังสีกระบี่ให้กระจายออกไปทั่วทิศทาง
ไป่จงเองยังอดทึ่งกับความสามารถของนาซีซัสไม่ได้ที่กล้าพุ่งเข้ามารับรังสีกระบี่ของเขาตรงๆ
“เจ้าอย่าคิดว่าวิชาของข้ามันจะหมดแค่นี้สิ” ไป่จงบอกพร้อมกับหมุ่นตัวร่ายกระบี่อีกครั้ง
รังสีกระบี่ที่โดนนาซีซัสปัดออกไปวกกลับมาพุ่งเข้าใส่เขาอีกครั้ง
ครั้งนี้ทำให้รังสีกระบี่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง ถ้าไม่มีสามเศียรหกกรคงรับมือไม่หมดแน่นอน
นาซีซัสเห็นว่าท่าทางจะรับไว้ไม่ไหวแน่นอน เขาหยุดอยู่กับที่ประสานมือไว้ที่หน้าอก
เกิดคลื่นพลังสีเทาหมุนวนอยู่ระหว่างฝ่ามือทั้งสองของเขา
พลังนั้นขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีขนาดใหญ่ประมาณหนึ่งฟุต
เขาดันลูกพลังนั้นไปไว้บนอากาศเหนือหัวของตัวขาเอง
ไป่จงแปลกใจกับลูกพลังนั้น เพราะมันเป็นพลังที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
หลังจากที่ลูกพลังนั้นอยู่บนอากาศมันก็เริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว
ทำให้เกิดแรงดึงดูดมหาสารดูดรังสีกระบี่ทั้งหมดของไป่จงเข้าไปทันที
ไป่จงเห็นดังนั้นเขารีบรั้งรังสีกระบี่ไว้แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล รังสีกระบี่ของเขาถูกลูกพลังนั้นดูดเข้าไปจนหมด
หลังจากที่รังสีกระบี่ของไปจงถูกดูดไปจนหมดนาซีซัสเรียกลูกพลังกลับมาไว้ที่ฝ่ามือ
ลูกพลังสีเทาเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มตามพลังของไป่จง
นาซีซัสค่อยดูดพลังนั้นกลับเข้าฝ่ามือตัวเองไปนี่คงเป็นท่าที่ดัดแปลงมาจากท่ามารฟ้าจักรวาล
ที่สามารถดูดซึมซับพลังจากคู่ต่อสู้มาเพิ่มพลังให้กับตัวเองได้
หลังจากที่นาซีซัสดูดซับพลังจนหมดแล้วเขาก็เป็นฝ่ายเริ่มจู่โจมบ้าง
เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้วเกิดรังสีเป็นรูปกระบี่ไล้ลักษณ์ของไป่จง
“ดาบนั้นคืนสนองรึ” ไป่จงยิ้มที่มุมปากก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าหานาซีซัสเหมือนกัน
เพียงพริบตาเดียวทั้งสองรับมือกันไม่ต่ำกว่าสิบกระบวนท่า
ทั้งสองประทะกันจนกระเด็นถอยหลังห่างกันออกไป
พอตั้งหลักได้นาซีซัสก็ปล่อยพลังเข้าใส่ไป่จงอย่างรวดเร็ว
พลังของเขากลายเป็นรูปกระบี่ไล้ลักษณ์ขนาดใหญ่พุ่งออกไป
ไป่จงรีบเร่งพลังแล้วแทงกระบี่ออกไปตั้งรับทันที
เกิดรังสีกระบี่สีน้ำเงินขนาดใหญ่ออกไปต้านกันไว้ตรงกึ่งกลางระหว่างคนทั้งสอง
แต่ถ้าเทียบกันในด้านพลังเนกิส ไป่จงฝึกฝนมานานกว่าแถมยังให้ได้คล่องกว่า
ทำให้พลังเริ่มถ่อยหลังเข้าหานาซีซัสทีละน้อย ถ้าพลังทั้งสองย้อนกลับมาโดนเขาคงบาดเจ็บสาหัสแน่นอน
เนกิตั้งสมาธิกับการแก้จุดทั้งเจ็ดสิบหกจุด เขาเขียนแล้วทิ้งไปไม่ต่ำกว่าห้าสิบรอบแล้ว
ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาสี่ช่วงโมงกว่าได้แล้ว หรือว่าเขาจะไม่ผ่านที่ด่านนี้จริงๆ
พีรันกลับมายืนดูเนกิอยู่ใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไหร่เนกิก็ไม่รู้ตัว
พีรันจ้องมองหน้าเนกิที่กำลังขะมักเขม้นตลอดเวลา เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ว่าทำไมเขาถึงอยากมองหน้าเนกิมากขนาดนี้ แต่เขาก็ยังไม่ลืมหน้าที่ตัวเอง
เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือเพื่อดุเวลาที่เขากำหนดไว้ ซึ่งก็เหลืออีกไม่ถึงสิบนาที
หรือว่าเนกิจะไม่ผ่านด่านของเขาจริงๆ เขาก็แอบดีใจเพราะเขาก็ไม่อยากให้เนกิมาเสี่ยงกับเรื่องนี้
ขณะที่เขากำลังจะนับถอยหลังเพราะเหลือเวลาไม่ถึงสามสิบวินาที
“เสร็จแล้ว ข้าทำเสร็จแล้ว” เนกิเงยหน้าขึ้นมาบอกอย่างดีใจ
เขารีบเอากระดาษที่เขาเขียนมาส่งให้พีรันทันที
“ข้าหวังว่ามันคงยังทันเวลานะ” เนกิยิ้มให้พีรัน เขาก้มลงมองนาฬิกา
“ยังทันสิแต่ฉิวเฉียดไปนิดเดียวเองนะ” พีรันบอกพร้อมกับรับกระดาษมาไว้ในมือ
แต่พอรับกระดาษมาเนกิก็ทรุดตัวลงทันที พีรันรีบเข้าไปประคองเขาไว้อย่างทันท่วงที
“เนกิเจ้าเป็นยังไงบ้าง” พีรันถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเนกิอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“ข้าคงเครียดมากไปหน่อย ขอข้าพักสักหน่อยก็หายแล้ว” เนกิบอกอย่างหมดเรี่ยวแรง
พีรันรีบอุ้มเนกิไปนอนที่โซฟาอีกมุมที่เขาหลบอยู่ทันที
เขาเป็นห่วงเนกิมากกว่าที่จะสนใจดูคำตอบของเนกิที่อยู่ในมือเขาเสียอีก
“งั้นเจ้านอนพักที่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวข้าจะหาน้ำมาให้เจ้าเอง”
“ข้าไม่เป็นไรหรอก แต่ท่านดูคำตอบข้าหรือยังว่าถูกหรือไม่” เนกิกลับห่วงเรื่องคำตอบมากกว่า
เพราะเขาอยากพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นๆเห็น แล้วอีกอย่างเขากลับไม่อยากทำให้คีย์รัสผิดหวังในตัวเขา
พีรันหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านทันที เขากลับทึ่งทันทีที่เห็นคำตอบของเนกิ
เพราะไม่เพียงตอบท่าร่างได้ถูกต้องเนกิยังโยงท่าร่างทั้งหมดมาให้พร้อม พร้อมกับบอกว่าท่านี้เป็นของใครอีกต่างหาก
มันเกินสิ่งที่เขาต้องการมากนัก นี่แสดงให้เห็นถึงความอัจฉริยะของเนกิได้อย่างดี
ยิ่งเห็นแบบนี้พีรันกับยิ่งรู้สึกดีกับเนกิมากขึ้น ตอนนี้เขาคิดว่าเนกิน่าจะมาอยู่ข้างเขามากกว่าคีย์รัส
เพราะมันคงทำให้เนกิสบายกว่าที่จะไปอยู่กับคีย์รัสที่เป็นชนเผ่าเมืองหนาว
แต่ตอนนี้มีเรื่องอื่นสำคัญกว่าเขายังไม่อยากมีเรื่องกันเองภายใน เขาได้แต่คิดว่าหลังจากจบเรื่องครั้งนี้เขาจะลองคุยกับเนกิดูเองสักครั้ง
พีรันสั่งให้คนหาน้ำกับอาหารอย่างดีมาให้เนกิ เพื่อเพิ่มพลังให้เขาก่อนที่จะไปด่านต่อไป
“ตกลงว่ายังไง ข้าตอบถูกหรือเปล่า” เนกิถามอีกครั้งหลังจากที่เขากลับมามีแรงอีกครั้ง
“อืม ถูกสิแถมยังตอบมามากว่าที่ข้าต้องการอีกด้วย” พีรันบอก
“มาข้าจะเป็นคนไปส่งเจ้าไปด่านต่อไปเอง” พีรันบอกพร้อมกับยื่นมือให้เนกิ
ทีแรกเนกิลังเลใจก่อนที่เขาจะยื่นมือไปจับมือพีรันเพื่อดึงตัวเองให้ลุกขึ้น
พอลุกขึ้นมาได้เขาคิดจะปล่อยมือแต่พีรันกับจับมือเขาไว้จนแน่นแล้วพาเดินออกไป
พีรันเดินจูงมือเนกิมาจนถึงหน้าด่านต่อไป
“ข้ามาส่งเจ้าได้เท่านี้นะ ต่อไปเจ้าต้องเข้าไปเองแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะผ่านได้อีกเหมือนกันนะ”
พีรันบอกพร้อมกับปล่อยมือ เขาเอามือขึ้นขยี้หัวเนกิเบาๆ
“ข้าไปก่อนล่ะ ขอให้เจ้าโชคดีนะ”
เนกิงงกับการกระทำของพีรัน เขาให้มือตัวเองจับหัวที่พีรันจับเมื่อกี้
แต่เขาก็กับรู้สึกดีเหมือนกัน ถึงมันจะแตกต่างจากคีย์รัสก็เถอะ
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาที่จะคิดเรื่องอื่นอีกแล้ว เพราะว่าด่านต่อไปอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
เขาสลัดความคิดทั้งหมดออกไปจากหัวก่อนที่จะเปิดประตูเข้าสู่ด่านต่อไป
พลังทั้งสองต้านกันอยู่กลางอากาศแต่เคลื่อนที่เข้าหานาซีซัสทีละน้อย
จนตอนนี้เริ่มเข้าไกล้เขาแล้ว นาซีซัสก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะถ้าเขาสลายพลัง พลังทั้งหมดจะพุ่งมาที่เขาทันที
แล้วเขาก็คงไม่มีเวลาที่จะหลบพลังนั้นอีกด้วย เขาทำได้แต่ต้านทานมันไว้
เขาเร่งพลังจนถึงขีดสุดแต่ก็ยังต้านไว้ไม่ได้ ยิ่งใช้พลังนานขึ้นพลังของเขาก็ยิ่งอ่อนลง
นาซีซัสกัดริมฝีปากจนมีเลือดซึมออกมาที่มุมปาก
แตร๊งงงงงง!!!
เสียงพิณดังขึ้นพร้อมคลื่นพลังสีขาวเข้าปะทะกับพลังทั้งสองจนเปลี่ยนทิศออกไปด้านข้าง
ตูมมมมม!!!
พลังทั้งสามพุ่งออกไปจนชนเข้ากับก้อนหินขนาดใหญ่ ก้อนหินนั้นสลายเป็นผงลงในพริบตา
“ท่านก็ทำเกินไปแล้วนะไป่จง แค่ทดสอบไม่เห็นต้องจริงจังมากขนาดนี้ก็ได้”
จางอี้บอกพร้อมกับล่อนตัวลงมายืนข้างๆนาซีซัส เขาพยุงนาซีซัสที่ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นให้ลุกขึ้น
ไป่จงไม่ได้ตอบอะไรจางอี้ เขาเพียงเก็บกระบี่แล้วยืนหันหลังให้เท่านั้น
“เจ้าก็อย่าถือสาไป่จงเลยนะ นิสัยเขาก็เป็นแบบนี้แหละ ทำอะไรตามใจตัวเองเสมอ”
จางอี้บอกนาซีซัสอย่างอ่อนโยน
“ครับ ข้าไม่คิดเช่นนั้นแน่นอน”
“นับว่าเจ้าพัฒนาไปมากจริงๆ ข้าดูคนไม่ผิดเลย” จางอี้พูดพร้อมกับมองนาซีซัสอย่างภูมิใจ
“แต่ข้าก็ยังคิดว่ามันไม่สมบูรณ์อยู่ดีครับ เพราะข้าคิดสองท่าสุดท้ายไม่ได้สักที” นาซีซัสบอกข้อข้องใจของเขา
“เจ้าไม่ต้องรีบร้อนเพราะว่าเจ้ายังไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มากพอ ต่อไปเจ้าจะคิดได้เองเมื่อเจ้าอยากปกป้องใครสักคน” จางอี้บอก
“ครับ”
“ข้าคงไม่มีอะไรจะสอนเจ้าแล้ว ที่เหลือเจ้าต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองเท่านั้น”
“ครับข้าจะพยายาม ข้าต้องขอบคุณท่านทั้งสองมากที่ช่วยดูแลข้ามา”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่เจ้าไม่กลับเป็นมารข้าก็ดีใจแล้ว แต่ข้าขออะไรเจ้าอย่างได้หรือไม่”
“ขอข้า ท่านจะขออะไรจากข้าหรอครับ” นาซีซัสแปลกใจ
“ก็ข้าขอตั้งชื่อวิชาที่เจ้าคิดขึ้นมาจะได้ไหม” จางอี้บอก
“ได้สิครับ ข้ารู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่ท่านจะช่วยข้าคิดชื่อให้” นาซีซัสดูตื่นเต้นทันที
“งั้นต่อไปวิชาของเจ้าให้เรียกว่า มารฟ้ากลับใจ เจ้าว่ายังไงนาซีซัส” จางอี้ถามความคิดเห็น
“ข้าชอบชื่อนี้ครับ ขอบคุณท่านมากเลยครับ” นาซีซัสยิ้มอย่างดีใจ
“แล้วเจ้าคิดจะทำอะไรต่อไป” จางอี้ถามถึงแผนการของนาซีซัส
“ข้าจะไปหามาร์คัสครับ ข้าไปอวดวิชากับเขาด้วยแล้วเขาก็คงห่วงข้าแล้วป่านนี้” นาซีซัสมีประกายแววตาที่ตื่นเต้น
“อืมก็ดี เจ้าคงเป็นกำลังสำคัญให้เขาได้อย่างมากเลยทีเดียว ข้าขอให้เจ้าโชคดีนะ” จางอี้อวยพร
“ครับ งั้นขอขอลาท่านทั้งสอง” นาซีซัสก้มทำความเคารพทั้งสองคน
เขารีบเร่งออกเดินทางไปหามาร์คัส เพราะเขาอยากจะอวดพลังฝีมือของเขาให้มาร์คัสเห็นยิ่งกว่าใคร
เนกิเดินเข้ามาที่ห้องทดสอบต่อไป ภายในห้องตั้งเต็มไปด้วยหมอยามากมาย
“ต้องเป็นของหมอเทวดาแน่ๆ คราวนี้คงจะทดสอบความรู้เรื่องสมุนไพรแน่ๆ”
เนกิบ่นกับตัวเอง
“หึ หึ ดูท่าทางเจ้าฉลาดไม่เบานี่นา ที่ผ่านมาได้ถึงสองด่านแบบนี้ แต่ด่านข้าถ้าพลาดเจ้าอาจตายได้เลยนะ เจ้าจะยอมทดสอบหรือไม่”
อนัสตกาลส่งเสียงดังมาจากด้านใน เนกิเลยเดินเข้าไปหา
“ข้าผ่านมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีเหตุผลที่ข้าจะไม่ทดสอบต่อนี่นา” เนกิตอบอย่างใจเย็น
“ดีนับว่าเจ้าใจกล้าไม่เบาที่เดียวนะเนกิ งั้นข้าจะอธิบายกฎของด่านข้าให้ฟัง ด่านของข้าไม่มีอะไรมากในเมื่อเป็นเสนาธิการย่อมต้องมีความรู้เรื่องพาไว้บ้าง เผื่อจะได้แก้สถานการณ์ได้ทัน ดังนั้นข้าจะให้เจ้าดื่มยาพิษเข้าไปสามชนิด ข้าจะบอกส่วนผสมของยาพิษทั้งหมดไว้ในกระดาษแผ่นนี้ แล้วเจ้าก็มาศึกษาเอาเองว่าเป็นยาพิษชนิดใด ส่วนยาแก้ข้าปรุงไว้ให้แล้วทั้งหมดร้อยแปดชนิด เจ้าเพียงเลือกให้ถูกทั้งสามอย่างจากร้อยแปดอย่างเท่านั้นเอง” อนัสตกาลยิ้มออกมา
“แต่ถ้าเจ้าเลือกไม่ถูกเจ้าก็อาจตายได้ ถ้าเจ้าคิดจะทดสอบก็เชิญ ยาพิษทั้งสามอยู่ที่ตรงนี้” อนัสตกาลชี้ไปที่ขวดยาที่อยู่ตรงหน้า
ขวดยาทั้งสามบรรจุของเหลวสีฟ้าสีเขียวและสีม่วงอยู่ภายใน
“ได้ข้าไม่ยอมแพ้ท่านแน่นอน” เนกิบอกพร้อมกับเดินไปหยิบขวดยาทั้งสามมาไว้ในมือ
เขาจ้องมองขวดยาทั้งสามสักพักก่อนที่จะเปิดขวดสีเขียวแล้วยกขึ้นกินทันที
หลังจากที่น้ำยาสีเขียวผ่านคอเขาไป เขารู้สึกร้อนวูบขึ้นมาในท้องทันที ความร้อนค่อยๆแผ่ขยายไปทั่วร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว
เขารีบเดินไปดูกระดาษที่อนัสตกาลจดส่วนผสมของยาพิษไว้ให้
หลังจากเขาอ่านส่วนผสมทั้งหมดเนกิก็ครุ่นคิดทันที เพราะเขารู้ว่าเขาคงมีเวลาไม่มากแล้ว
“ที่ข้ากินไปเมื่อกี้คือพิษเพลิงนรก ยาพิษจะค่อยๆเร่งเผาผลาญพลังในร่างกายให้สูงขึ้น จนร่างกายลุกเป็นไฟแล้วตายในที่สุด ข้ามีเวลาอีกสี่สิบห้านาทีคงต้องรีบหายาแก้ให้เจอเสียแล้ว”
เนกิรีบเดินวนไปรอบๆหมอยาที่ตั้งอยู่รอบห้องอย่างรวดเร็ว
พอเดินผ่านหม้อเขาเอามืออังไปที่ปากหม้อก่อนที่จะเดินผ่านไป
เขาเดินผ่านทั้งร้อยแปดหม้อ ก่อนที่เขาหยิบหม้อสามใบมาไว้หน้าตัวเอง
ตอนนี้เขาร้อนรุ่มไปหมดทั้งตัว เหงื่อไหล่ออกมาตามร่างกายจนเสื้อเปียกชื้นไปหมด
“ข้าคิดว่าเป็นสามหม้อนี้แน่นอน แต่มันจะเป็นหม้อไหนกันแน่นะ คิดให้ออกสิเนกิ เจ้าต้องคิดได้” เนกิเริ่มบ่นกับตัวเอง
อนัสตกาลเองก็อดชื่นชมกับเนกิไม่ได้ เพราะยาที่เขาเลือกมานั้นเป็นกลุ่มที่อยู่ในยาแก้พิษจริงๆ
เพราะยาทั้งสามเขาปรุงให้มีลักษณะคล้ายกันเพื่อให้ยากต่อการเลือกขึ้นไปอีก
เนกิค่อยหยิบยาแก้พาขึ้นมาพิจารณาทีละหม้อช้าๆ เขาพยามยามสังเกตถึงความแตกต่างของแต่ละหม้อให้ดีที่สุด
“ยาแก้พิษเพลิงนรกจะมีความเย็นเป็นที่สุด แล้วสามหม้อนี้ก็เย็นเหมือนกันเสียด้วยแต่แตกต่างกันที่สีเท่านั้นเอง”
เนกิหยิบหม้อแรกขึ้นมาดูอีกครั้ง
“หม้อนี้เป็นสีเขียวใสหอมเย็นสดชื่น มีไอเย็นจนหม้อที่ตั้งไฟอยู่ยังไม่รู้สึกร้อนเลย” เขาวางแล้วหยิบใบถัดมา
“หม้อนี้เป็นสีเขียวเหมือนกัน แต่กลิ่นไม่หอมเท่าหม้อแรก แต่ความเย็นที่ได้จากการสัมผัสหม้อกลับเย็นมากกว่าหม้อแรกมาก”
“หม้อสุดท้ายออกสีฟ้านิดหน่อยแต่กลับไม่มีกลิ่นอะไรเลย แถมความเย็นสู้สองหม้อแรกไม่ได้ด้วย”
เนกิเริ่มแยกพิจารณาอย่างละเอียด
“เท่าที่ข้าเคยอ่านมายาแก้พิษเพลิงนรก คือยามรกตน้ำแข็ง เพราะฉะนั้นมันต้องมีสีเขียว หม้อสุดท้ายตัดทั้งไปก่อน ทีนี้เหลือแค่สองหม้อแล้ว แล้วทั้งสองก็มีลักษณะคล้ายกันมากอีกด้วยสิ” เนกิทำท่าหนักใจ
ตอนนี้เขาร้อนจนต้องถอดเสื้อคลุมทิ้งหมดแล้วเขาเหลือเพียงเสื้อซับบางๆเท่านั้น
“เวลาใกล้จะหมดเต็มทีแล้วสินะ” เนกิสังเกตจากความร้อนในตัวของเขาเอง
เขาก้มมองน้ำยาในหม้อทั้งสองอีกครั้ง เขามองไปมองมาหลายรอบ
“เจอแล้วหม้อนี้นี่เอง” ว่าแล้วเขาก็หยิบหม้อแรกขึ้นมายกดื่มทันที
ความเย็นของยาแก้พิษเข้าไปต้านกับยาพาในร่างของเขา จนเขารู้สึกอึกอัดไปหมด
หรือว่าเขากินยาแก้พาพากันแน่นะ ความร้อนเย็นในตัวเขาเริ่มตีกันปั่นป่วนไปหมด
จนเนกิเริ่มรู้สึกว่าสติเขาเองเริ่มเลือนราง หรือว่าเขากินยาผิดจริงๆ
เขาจะมาจบชีวิตด้วยวัยแค่นี้เองหรือนี่ แล้วคีย์รัสจะว่ายังไงถ้าเกิดเขาเป็นอะไรไป
เนกิค่อยหลับตาหมดสติลงต่อหน้าของอนัสตกาลอย่างช้าๆ
.............................