เอาตอนหลังมาลงแล้วนะครับ ดึกไปหน่อยคงไม่ว่ากันเนอะ
.........................................
ไป่จงยังคงสงบนิ่งไม่ร้อนรนไปกับการโจมตีครั้งนี้
เขาหมุนตัววาดกระบี่ไปรอบตัวหนึ่งรอบเกิดคลื่นพลังสีนำเงินขึ้นรอบตัวเขา
คลื่นพลังหมุนเกลียวพุ่งขึ้นด้านบนเข้าต้านเจ้าสมุทร
แต่มันก็ทำได้เพียงชะลอความเร็วของเจ้าสมุทรลงเท่านั้น
สายน้ำที่ล้อมรอบตัวเขาก็ยังไม่หายไปกลับเพิ่มความแรงเพื่อหมายจับยึดตัวเขาไว้
ไป่จงแค่นยิ้มออกมาอย่างชอบใจเพราะเขาไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือแข็งเกร่งแบบนี้มานานแล้ว
เขาเร่งพลังเนกิสให้สูงขึ้นมากกว่าเดิมเพราะเขาจะลงมือเต็มที่แล้ว
ไป่จงยกกระบี่พิศดารขึ้นระดับอกพร้อมกับถ่ายทอดพลังไปที่กระบี่
กระบี่พิศดารส่งเสียงร้องวิ้งๆออกมาอย่างประหลาดพร้อมกับเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงินเข้ม
“พิศดารเห็นธรรม” ไป่จงแทงกระบี่ขึ้นไปด้านบน
พิศดารเห็นธรรมเป็นหนึ่งในสามท่าไม้ตายของกระบี่พิศดารไปจง
เมื่อใช้ออกมาจะปรากฏแถวริ้วกระบี่เป็นรูปดอกบัวตูมสีน้ำเงินเข้มสามดอกพุ่งออกมา
ซึ่งถ้ายังไม่สำเร็จวิชากระบี่พิศดารถึงขั้น12จะไม่สามารถใช้เพลงกระบี่นี้ได้
ดอกบัวทั้งสามจะกระจายออกไปสามทิศ ซ้าย ขวา และตรงกลาง
เมื่อดอกบัวทั้งหมดเข้าใกล้จะแตกเป็นบัวบานอีกอันละเจ็ดดอก
ยากที่จะหลบนี้ได้คราวนี้เขากะจบการต่อสู้ครั้งนี้ให้ได้
เจ้าสมุทรรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของการโจมตีครั้งนี้
แต่เขาก็ไม่สามารถถอนการโจมตีของเขาได้
ดอกบัวสีน้ำเงินเข้มทั้งสามดอกลอยมาล้อมตัวเขาไว้อย่างรวดเร็ว
ก่อนกระจายตัวเป็นดอกบัวบานยี่สิบเอ็ดดอกครอบคลุมร่างเขาไว้
พลังของแถบริ้วกระบี่เหนือกว่าพลังของรังสีกระบี่หลายเท่า
แล้วยิ่งแถบริ้วกระบี่ที่สามารถรวมตัวกันจนเป็นรูปร่างได้ขนาดนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรุนแรงของมัน
ถึงแม้จะหยุดการโจมตีไม่ได้แต่เขาก็เปลี่ยนการโจมตีนั้นเข้าตั้งรับท่าของไป่จงแทน
สายน้ำรอบตัวเขาแผ่พุ่งออกมาเป็นรูปกางเขนขนาดใหญ่สี่อัน
กางเขนทั้งสี่วนล้อมรอบตัวเขาเหมือนเป็นเกราะป้องกันชั้นยอด
นอกจากนั้นเจ้าสมุทรยังรีบใช้ท่าไม้ตายอีกท่าหนึ่งออกมา
“นทีซ่อนเงาจันทร์” ท่าไม้ตายที่รุนแรงที่สุดของเจ้าสมุทรได้ถูกใช้ออกมาพร้อมกันสองท่า
ท่าหนึ่งเพื่อป้องกันตัว อีกท่าเพื่อการโจมตี
ท่านทีซ่อนจันทร์คือการกลั่นพลังเนกิสให้ใสดุจน้ำบริสุทธิ์จนยากที่จะมองเห็น
ซึ่งบ่งบอกให้เห็นถึงความสูงส่งของผู้ใช้ที่สามารถแปลงสภาพพลังเนกิสของตัวเองได้
ตูมมมมมมม!!!
ดอกบัวเข้าปะทะกับร่างของเจ้าสมุทร
อ๊อก
ร่างของเจ้าสมุทรลอยถอยหลังออกไปพร้อมกับกระอักเลือดคำโตออกมาจากปาก
ตามร่างกายปรากฎบาดแผลจากกระบี่ขึ้นหลายแห่ง
แต่จริงๆร่างของเขาน่าจะแยกออกเป็นชิ้นสวนเล็กๆไปแล้วเพราะท่าไม้ตายของไป่จง
นับว่าการป้องกันของเขามีพลังสูงส่งยิ่งนัก
ทางด้านไป่จงยืนนิ่งไม่ไหวติงก่อนที่จะทรุดตัวลงชันเข่าลงกับพื้นช้าๆ
เขายกมือขึ้นกุมบริเวณหน้าอกด้านซ้ายที่มีตอนนี้มีรอยแผลยาวลึกปรากฏขึ้น
มันเป็นผลที่เกิดจากท่าของเจ้าสมุทรการโจมตีครั้งนี้ทำให้ต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่
แต่เหมือนว่าเจ้าสมุทรจะบาดเจ็บหนักกว่าเขา
เมื่อเป็นแบบนี้มีหรือว่าเขาจะยอมพลาดโอกาสที่จะกำจัดศัตรูคนสำคัญ
เขาจี้จุดรอบๆบาดแผลทำให้เลือดหยุดไหลก่อนรวบรวมพลังโจมตีเจ้าสมุทรที่ยังไม่ทันตั้งตัว
ฟ้าววววว
กางเขนสีทองจำนวนมากพุ่งเข้ามาขวางไป่จงไว้
ก่อนที่จะมีคนชุดดำสี่คนมาพาเจ้าสมุทรหายไปทันที
ไป่จงได้แต่ตั้งรับอาวุธลับจำนวนมากไม่อาจติดตามไปได้
ปังงงง!!!~
ดอกไม้ไฟรูปไม้กางเขนสว่างไสวอยู่บนท้องฟ้าเหนือตึกเอ็มไพร์ทสเตรท
เพียงสิ้นแสงของดอกไม้ไปคนของกลุมโซดิเอคก็หายไปจากที่นั้น
ราวกับว่าเหมือนไม่เคยมีใครมาเยือนที่นี่มาก่อน
เมื่อศัตรูทั้งหมดล่าถอยไปแล้วไป่จงก็ทรุดตัวลงอีกครั้ง
เพราะการฝืนใช้พลังเมื่อกี้ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสมากยิ่งขึ้น
พีรันกับแอนนารีบกลับมาหาไป่จงหลังจากแน่ใจว่าศัตรูไปหมดแล้ว
ทางด้านเขามิรันด้าก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกันถ้าพวกเขาไปช่วยช้ากว่านี้เธออาจไม่รอดก็ได้
พีรันรีบพาไป่จงกับมิรันด้ากลับไปที่ตึกเพื่อไปให้อนัสตกาลรักษาอย่างรวดเร็ว
แอนนารีบกลับมาสั่งการเพื่อเพิ่มเวรยามกับระดมกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น
โดยมีเนกิออกมาช่วยในการวางแผนพร้อมกับเพิ่มค่ายกลรอบๆตึกให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น
ศึกครั้งนี้ถึงฝ่ายแอนนาแม้จะไม่ได้เสียยอดฝีมือไปมากเท่าไหร่
แต่กำลังหลักของพวกเขาก็บาดเจ็บสาหัสมากกว่าหนึ่งในสามของทั้งหมด
ถ้าศัตรูระดมกำลังย้อนกลับมาใหม่ทางพวกเขาอาจจะพ่ายแพ้ก็ได้ถ้าตั้งรับไม่ดี
และที่สำคัญเขายังไม่รู้อีกด้วยว่าใครกันแน่ที่เป็นหนอนบ่อนใส้คอยส่งข่าวให้พวกโซดิเอค
แอนนาทำได้แต่ฝากความหวังที่อนัสตกาล เพราะตอนนี้เขาคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยรักษาทุกคนได้
TBC.