เปลวเพลิงในม่านหมอก by seriest
ถ้าเคยอ่านก็ไม่ต้องตกใจนะคะ เรื่องนี้เคยลงไว้นานมากแล้ว ลงไว้ที่ไหนเรายังจำไม่ได้เลย 555
และถ้าจะช่วยคอมเมนต์นิยายสั้นเรื่องนี้ด้วยก็จะขอบคุณอย่างสูงจ้าเพราะจะเป็นการนำจุดอ่อนไปพัฒนาให้นิยายมันดีขึ้นๆๆๆๆนะจ๊ะ
สุดท้าย ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ ใครไม่สนุกก็บอกกันได้เน้อ _____________________________________________________________________
แสงแดดยามเช้าตรู่สาดส่องกระทบกับคลื่นน้ำแห่งลำนำเจ้าพระยา ลำน้ำที่อยู่คู่วิถีชีวิตของชาวไทยมาแต่ครั้นโบราณกาล อีกทั้งยังได้จารึกเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์และความทรงจำมากมาย ที่แห่งนี้ ลำน้ำแห่งนี้เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของสยามนคร...
เวลาเช้าตรู่การดำเนินชีวิตของผู้คนในเมืองไม่เร่งรีบนักเพราะเป็นเช้าวันอาทิตย์ ที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้มีสอบชั้น ที่ตรงระเบียงบ้านนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังใช้พู่กันขึ้นสีบนผืนกระดาษขนาดใหญ่โดยมีแม่น้ำเจ้าพระยายามเช้าเป็นแบบอย่างชำนิชำนาญ แม้ฝีมืออาจจะยังไม่เข้าขั้นในสายตาของผู้มีประสบการณ์ชั้นสูงในการวาดภาพ แต่ก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกออกมาได้ดีไม่น้อยทีเดียว
“เจ้าหมอกทำอะไรอยู่” เสียงคุณลุงทักขึ้นขณะที่ผมกำลังขะมักเขม้นกับการวาดภาพตรงหน้า ผมว่ายามเช้าของแม่น้ำเจ้าพระยานั้นเป็นภาพที่น่าจะวาดเก็บเอาไว้
“หมอกวาดภาพอยู่น่ะครับใกล้เสร็จแล้วล่ะ หมอกไม่ได้ประณีตมากนักเพราะเป็นภาพวาดเล่นๆครับ” ผมกล่าวตอบคุณลุงกลับไป
“ขนาดวาดเล่นยังสวยดีนี่ สมแล้วล่ะที่เราสอบติดเข้าสถาปัตย์ ได้”
“คุณลุงชมแบบนี้หมอกก็เขินแย่สิครับ”
“อืม ถ้าพ่อกับแม่เรารู้คงจะภูมิใจไม่น้อยนะ” คุณลุงกล่าว ส่วนผมได้แต่ยิ้มตอบกลับไป พ่อกับแม่ของผมท่านเสียด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะที่กำลังไปฉลองครบรอบแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้ว ผมซึ่งพอรู้ข่าวก็ช๊อคไปหลายวันเหมือนกัน แล้วหลังจากนั้นผมก็มาอยู่กับคุณลุงคุณป้า
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้นล่ะครับ”
“พรุ่งนี้ก็ต้องไปมหาลัยแล้วไม่ใช่รึไงน่ะเรา ชุดเตรียมรึยังล่ะ”
“เตรียมแล้วล่ะครับ”
“งั้นลุงไปช่วยป้าแกจัดขนมหวานเข้ารถเข็นก่อนนะ”
“ครับ เดี๋ยวผมตามลงไปครับ” ผมกล่าวขณะที่เก็บอุปกรณ์วาดภาพเข้าที่ ส่วนภาพแม่น้ำเจ้าพระยาที่ผมวาดนั้นยังไม่แห้งเลยต้องตากไว้ก่อน คุณป้าของผมท่านประกอบอาชีพทำขนมหวานแบบไทยๆขาย ส่วนคุณลุงท่านขายพวกไม้ดอกไม้ประดับ คุณป้ามักจะตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อเตรียมเข็นขนมไปขายแถวๆตลาดบางลำพู ผมก็ช่วยท่านทุกครั้งไปและวันนี้ผมก็ช่วยท่านอีกเช่นเคยส่วนคุณลุงท่านอยู่รดน้ำต้นไม้ที่บ้าน ถ้ามีลูกค้าก็จะมาหาถึงที่ ยกเว้นวันพฤหัสบดีที่จะต้องนำต้นไม้ไปส่งขายที่ตลาดนัดจตุจักร และเสาร์อาทิตย์ที่สนามหลวงสอง
ตลาดบางลำพูยามเช้ามีคนไม่จอแจนักและรถก็ไม่ค่อยติดเท่าไหร่ สองข้างทางก็มีพวกรถขายของมาตั้งบ้างแล้วเช่นพวกร้านข้าวแกง ร้านขายของหวานและอีกหลายสารพัดอย่าง คนจับจ่ายซื้อของก็มีพอเห็นประปรายส่วนใหญ่ที่เห็นคนเยอะๆนั้นจะเป็นพวกพ่อค้าแม่ค้าเสียมากกว่า
“กลับบ้านเถอะเจ้าหมอกเดี๋ยววันนี้ป้าอยู่ขายของเอง”
“ให้หมอกช่วยป้าเถอะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้หมอกก็ช่วยไม่ได้แล้ว”
“ไม่ต้องหรอกน่ะ หมอกกลับไปเตรียมของเถอะพรุ่งนี้ต้องไปมหาลัยแต่เช้าไม่ใช่รึไง”
“ครับป้า”
ผมกล่าวก่อนจะลาป้าแล้วกลับมาที่บ้าน คุณลุงไม่อยู่แล้วรถกระบะก็ไม่อยู่เหมือนกันสงสัยจะเอาต้นไม้ไปวางขายที่สวนจตุจักร ผมที่รู้สึกว่าวันนี้ไม่ค่อยได้ทำอะไรนักก็เลยจัดการปัดกวาดเช็ดถูบ้านและห้องนอนของตัวเอง
ห้องของผมความจริงมันก็ไม่ค่อยรกมากนักหรอกแต่มันไปหนักที่หนังสือเสียมากกว่า หนังสือส่วนใหญ่จะเป็นเกี่ยวกับศิลปะและนักจิตรกรระดับโลก ผมชอบศิลปะของพวกกรีก โรมัน และศิลปะแบบเรอเนซองค์ ความจริงแล้วห้องๆนี้ก็มีหนังสือของจิตรกรไทยอยู่บ้าง แต่อาจจะไม่มากเท่าใดนัก
ผมหลงใหลสถาปัตยกรรมกรีก โรมัน เมื่อตอนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในตอนนั้นผมดูรายการโทรทัศน์ทางช่องหนึ่งที่นำเสนอเกี่ยวกับเรื่องนี้และผมเพิ่งจะค้นพบตัวเองว่านี่ล่ะที่ใช่... ทั้งๆที่ตอนแรกตั้งใจจะเรียนหมอเต็มที่แล้วแท้ๆ ผมเรียนแผนวิทยาศาสต์คณิตศาสตร์ และเรียนได้ดีเสียด้วยจนอาจารย์ท่านยังต้องถามว่าทำไมถึงเลือกที่จะเข้าคณะนี้
ที่ผมหลงใหลอีกอย่างนอกเหนือจากสถาปัตยกรรมนี้ก็หนีไม่พ้นภาพวาด ผมชอบภาพวาด "The Night Watch" ของจิตรกรที่ชื่อ เรมบรานท์ เป็นภาพที่ใช้สีดำในการให้แสงสว่างได้อย่างดียิ่ง แต่สำหรับตัวบุคคลเองนั้นผมชื่นชม ไมเคิล แองเจโล ผู้สร้างสรรค์ผลงานรูปปั้นเดวิด และวาดภาพบนเพดานของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ สำหรับจิตรกรคนไทยที่โด่งดังและมีผลงานโดนเด่นคงหนีไม่พ้นผลงานของ ท่านถวัลย์ ดัชนี จักรพันธุ์ โปษยกฤต เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และ ปัญญา วิจินธนสาร สี่ท่านนี้ถือว่าเป็นจิตรกรเอกของเมืองไทยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่คนไทยให้ความสนใจเกี่ยวกับศิลปะน้อย
แล้วจู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น เล่นเอาผมหลุดจากภวังค์เลยทีเดียว
“สวัสดีครับ”
“พูดเพราะจริงนะโว้ยไอ้หมอก”
เสียงของนายวิเชียร หรือ ไอ้ต้อมเพื่อนผมโผล่งขึ้นมาจากหูโทรศัพท์ มันพูดดังซะจนผมต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูทีเดียว
“มีอะไรวะ”
“ข้าโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้ให้เอาดินสอเขียนภาพไปด้วย”
“เฮ้ย...เปิดเรียนวันแรกจะเรียนดรออิ้งเลยหรอ”
“เออน่า...พรุ่งนี้เจอกันตอนเช้าหน้าตึกนะ”
แล้วไอ้ต้อมก็วางสายไป ต้อมกับผมเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อยู่มัธยมต้น และเป็นเพื่อนในกลุ่มคนเดียวที่สอบเข้าสถาปัตย์มหาลัยเดียวกันได้ กลุ่มของผมมีกันอยู่ห้าคนครับ แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปสอบติดกันในที่ต่างๆกันแต่ก็ยังติดต่อกันอยู่นะครับ
__
“หมอก สายแล้วนะป้าให้ลุงช่วยก็ได้รีบไปมหาลัยเถอะลูก”
“ครับ”
ผมบอกแล้วรีบออกจากบ้าน รู้สึกผิดกับไอ้ต้อมนิดๆเหมือนกันเพราะมันรึอุตส่าห์นัดเราแต่เช้าที่หน้าตึกคณะ ผมแต่งตัวเสร็จนานแล้วแต่ก็มัวห่วงป้า ช่วยป้าทำโน่นทำนี่จนลืมเวลาไป ผมมาถึงหน้าตึกคณะดูนาฬิกาก็รู้เลยว่าสายไปตั้งสามสิบนาทีแล้ว ความจริงแล้วเช้านี้ยังไม่มีเรียนหรอกครับผมมีเรียนช่วงบ่ายแต่รุ่นพี่เขานัดตอนเช้า แล้วผมก็เดินเข้าตึกไป ที่ลานด้านหน้ามีปีหนึ่งนั่งอยู่เต็มไปหมด และสายตาของทุกคนก็จับจ้องมายังผมที่เพิ่งเข้ามาใหม่