(เรื่องสั้น) เปลวเพลิงในม่านหมอก NC18+
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) เปลวเพลิงในม่านหมอก NC18+  (อ่าน 84430 ครั้ง)

seriest

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



 :call:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-08-2010 23:26:54 โดย seriest »

seriest

  • บุคคลทั่วไป
เปลวเพลิงในม่านหมอก by seriest

ถ้าเคยอ่านก็ไม่ต้องตกใจนะคะ  เรื่องนี้เคยลงไว้นานมากแล้ว  ลงไว้ที่ไหนเรายังจำไม่ได้เลย 555  



และถ้าจะช่วยคอมเมนต์นิยายสั้นเรื่องนี้ด้วยก็จะขอบคุณอย่างสูงจ้าเพราะจะเป็นการนำจุดอ่อนไปพัฒนาให้นิยายมันดีขึ้นๆๆๆๆนะจ๊ะ
สุดท้าย  ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ  ใครไม่สนุกก็บอกกันได้เน้อ
 :impress2:   :กอด1:




_____________________________________________________________________





   แสงแดดยามเช้าตรู่สาดส่องกระทบกับคลื่นน้ำแห่งลำนำเจ้าพระยา ลำน้ำที่อยู่คู่วิถีชีวิตของชาวไทยมาแต่ครั้นโบราณกาล  อีกทั้งยังได้จารึกเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์และความทรงจำมากมาย  ที่แห่งนี้  ลำน้ำแห่งนี้เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของสยามนคร...

   เวลาเช้าตรู่การดำเนินชีวิตของผู้คนในเมืองไม่เร่งรีบนักเพราะเป็นเช้าวันอาทิตย์  ที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้มีสอบชั้น  ที่ตรงระเบียงบ้านนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังใช้พู่กันขึ้นสีบนผืนกระดาษขนาดใหญ่โดยมีแม่น้ำเจ้าพระยายามเช้าเป็นแบบอย่างชำนิชำนาญ  แม้ฝีมืออาจจะยังไม่เข้าขั้นในสายตาของผู้มีประสบการณ์ชั้นสูงในการวาดภาพ  แต่ก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกออกมาได้ดีไม่น้อยทีเดียว


   “เจ้าหมอกทำอะไรอยู่” เสียงคุณลุงทักขึ้นขณะที่ผมกำลังขะมักเขม้นกับการวาดภาพตรงหน้า  ผมว่ายามเช้าของแม่น้ำเจ้าพระยานั้นเป็นภาพที่น่าจะวาดเก็บเอาไว้

   “หมอกวาดภาพอยู่น่ะครับใกล้เสร็จแล้วล่ะ หมอกไม่ได้ประณีตมากนักเพราะเป็นภาพวาดเล่นๆครับ” ผมกล่าวตอบคุณลุงกลับไป

   “ขนาดวาดเล่นยังสวยดีนี่ สมแล้วล่ะที่เราสอบติดเข้าสถาปัตย์ ได้”

   “คุณลุงชมแบบนี้หมอกก็เขินแย่สิครับ”

   “อืม ถ้าพ่อกับแม่เรารู้คงจะภูมิใจไม่น้อยนะ” คุณลุงกล่าว ส่วนผมได้แต่ยิ้มตอบกลับไป  พ่อกับแม่ของผมท่านเสียด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะที่กำลังไปฉลองครบรอบแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้ว  ผมซึ่งพอรู้ข่าวก็ช๊อคไปหลายวันเหมือนกัน  แล้วหลังจากนั้นผมก็มาอยู่กับคุณลุงคุณป้า
 
   “ก็คงจะเป็นอย่างนั้นล่ะครับ”

   “พรุ่งนี้ก็ต้องไปมหาลัยแล้วไม่ใช่รึไงน่ะเรา ชุดเตรียมรึยังล่ะ”

   “เตรียมแล้วล่ะครับ”

   “งั้นลุงไปช่วยป้าแกจัดขนมหวานเข้ารถเข็นก่อนนะ”

   “ครับ เดี๋ยวผมตามลงไปครับ” ผมกล่าวขณะที่เก็บอุปกรณ์วาดภาพเข้าที่ ส่วนภาพแม่น้ำเจ้าพระยาที่ผมวาดนั้นยังไม่แห้งเลยต้องตากไว้ก่อน   คุณป้าของผมท่านประกอบอาชีพทำขนมหวานแบบไทยๆขาย   ส่วนคุณลุงท่านขายพวกไม้ดอกไม้ประดับ  คุณป้ามักจะตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อเตรียมเข็นขนมไปขายแถวๆตลาดบางลำพู   ผมก็ช่วยท่านทุกครั้งไปและวันนี้ผมก็ช่วยท่านอีกเช่นเคยส่วนคุณลุงท่านอยู่รดน้ำต้นไม้ที่บ้าน ถ้ามีลูกค้าก็จะมาหาถึงที่  ยกเว้นวันพฤหัสบดีที่จะต้องนำต้นไม้ไปส่งขายที่ตลาดนัดจตุจักร และเสาร์อาทิตย์ที่สนามหลวงสอง


   ตลาดบางลำพูยามเช้ามีคนไม่จอแจนักและรถก็ไม่ค่อยติดเท่าไหร่  สองข้างทางก็มีพวกรถขายของมาตั้งบ้างแล้วเช่นพวกร้านข้าวแกง ร้านขายของหวานและอีกหลายสารพัดอย่าง  คนจับจ่ายซื้อของก็มีพอเห็นประปรายส่วนใหญ่ที่เห็นคนเยอะๆนั้นจะเป็นพวกพ่อค้าแม่ค้าเสียมากกว่า  


   “กลับบ้านเถอะเจ้าหมอกเดี๋ยววันนี้ป้าอยู่ขายของเอง”

   “ให้หมอกช่วยป้าเถอะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้หมอกก็ช่วยไม่ได้แล้ว”

   “ไม่ต้องหรอกน่ะ หมอกกลับไปเตรียมของเถอะพรุ่งนี้ต้องไปมหาลัยแต่เช้าไม่ใช่รึไง”

   “ครับป้า”

   
   ผมกล่าวก่อนจะลาป้าแล้วกลับมาที่บ้าน คุณลุงไม่อยู่แล้วรถกระบะก็ไม่อยู่เหมือนกันสงสัยจะเอาต้นไม้ไปวางขายที่สวนจตุจักร  ผมที่รู้สึกว่าวันนี้ไม่ค่อยได้ทำอะไรนักก็เลยจัดการปัดกวาดเช็ดถูบ้านและห้องนอนของตัวเอง

   ห้องของผมความจริงมันก็ไม่ค่อยรกมากนักหรอกแต่มันไปหนักที่หนังสือเสียมากกว่า  หนังสือส่วนใหญ่จะเป็นเกี่ยวกับศิลปะและนักจิตรกรระดับโลก  ผมชอบศิลปะของพวกกรีก โรมัน และศิลปะแบบเรอเนซองค์  ความจริงแล้วห้องๆนี้ก็มีหนังสือของจิตรกรไทยอยู่บ้าง  แต่อาจจะไม่มากเท่าใดนัก

   ผมหลงใหลสถาปัตยกรรมกรีก โรมัน เมื่อตอนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4  ในตอนนั้นผมดูรายการโทรทัศน์ทางช่องหนึ่งที่นำเสนอเกี่ยวกับเรื่องนี้และผมเพิ่งจะค้นพบตัวเองว่านี่ล่ะที่ใช่...  ทั้งๆที่ตอนแรกตั้งใจจะเรียนหมอเต็มที่แล้วแท้ๆ   ผมเรียนแผนวิทยาศาสต์คณิตศาสตร์ และเรียนได้ดีเสียด้วยจนอาจารย์ท่านยังต้องถามว่าทำไมถึงเลือกที่จะเข้าคณะนี้    


   ที่ผมหลงใหลอีกอย่างนอกเหนือจากสถาปัตยกรรมนี้ก็หนีไม่พ้นภาพวาด   ผมชอบภาพวาด  "The Night Watch"  ของจิตรกรที่ชื่อ เรมบรานท์ เป็นภาพที่ใช้สีดำในการให้แสงสว่างได้อย่างดียิ่ง   แต่สำหรับตัวบุคคลเองนั้นผมชื่นชม  ไมเคิล แองเจโล  ผู้สร้างสรรค์ผลงานรูปปั้นเดวิด และวาดภาพบนเพดานของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์   สำหรับจิตรกรคนไทยที่โด่งดังและมีผลงานโดนเด่นคงหนีไม่พ้นผลงานของ ท่านถวัลย์ ดัชนี   จักรพันธุ์ โปษยกฤต    เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์  และ  ปัญญา วิจินธนสาร  สี่ท่านนี้ถือว่าเป็นจิตรกรเอกของเมืองไทยทีเดียว  แต่น่าเสียดายที่คนไทยให้ความสนใจเกี่ยวกับศิลปะน้อย  

   แล้วจู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น  เล่นเอาผมหลุดจากภวังค์เลยทีเดียว



   “สวัสดีครับ”

   “พูดเพราะจริงนะโว้ยไอ้หมอก”  

   เสียงของนายวิเชียร หรือ ไอ้ต้อมเพื่อนผมโผล่งขึ้นมาจากหูโทรศัพท์  มันพูดดังซะจนผมต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูทีเดียว

   “มีอะไรวะ”

   “ข้าโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้ให้เอาดินสอเขียนภาพไปด้วย”

   “เฮ้ย...เปิดเรียนวันแรกจะเรียนดรออิ้งเลยหรอ”

   “เออน่า...พรุ่งนี้เจอกันตอนเช้าหน้าตึกนะ”


   แล้วไอ้ต้อมก็วางสายไป  ต้อมกับผมเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อยู่มัธยมต้น  และเป็นเพื่อนในกลุ่มคนเดียวที่สอบเข้าสถาปัตย์มหาลัยเดียวกันได้  กลุ่มของผมมีกันอยู่ห้าคนครับ  แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปสอบติดกันในที่ต่างๆกันแต่ก็ยังติดต่อกันอยู่นะครับ  


__



   “หมอก  สายแล้วนะป้าให้ลุงช่วยก็ได้รีบไปมหาลัยเถอะลูก”

   “ครับ”

   ผมบอกแล้วรีบออกจากบ้าน  รู้สึกผิดกับไอ้ต้อมนิดๆเหมือนกันเพราะมันรึอุตส่าห์นัดเราแต่เช้าที่หน้าตึกคณะ  ผมแต่งตัวเสร็จนานแล้วแต่ก็มัวห่วงป้า  ช่วยป้าทำโน่นทำนี่จนลืมเวลาไป    ผมมาถึงหน้าตึกคณะดูนาฬิกาก็รู้เลยว่าสายไปตั้งสามสิบนาทีแล้ว  ความจริงแล้วเช้านี้ยังไม่มีเรียนหรอกครับผมมีเรียนช่วงบ่ายแต่รุ่นพี่เขานัดตอนเช้า   แล้วผมก็เดินเข้าตึกไป   ที่ลานด้านหน้ามีปีหนึ่งนั่งอยู่เต็มไปหมด  และสายตาของทุกคนก็จับจ้องมายังผมที่เพิ่งเข้ามาใหม่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-08-2010 23:39:50 โดย seriest »

seriest

  • บุคคลทั่วไป

   “น้อง เปิดเทอมวันแรกก็มาสายเชียวนะ”

   เสียงรุ่นพี่คนหนึ่งพูด  ผมเจอหน้ารุ่นพี่คนนี้ตั้งแต่ช่วงรับน้องแล้วครับเป็นหนึ่งในพี่ที่รุ่นน้องเรียกว่าพี่ว๊าก   พี่แกโหดมากทีเดียวแล้วก็ชอบแกล้งน้องด้วย  แต่รับได้ไม่กี่วันก็มีกฎออกมาว่าห้ามรับน้อง  แกคงจะอารมณ์ค้างน่ะครับคงจะไม่มีที่ระบาย

   “ขอโทษครับเผอิญติดธุระที่บ้าน...”

   “ห้ามแก้ตัว คนอื่นเขาก็มีธุระเหมือนกันแต่ก็ยังรู้จักตรงต่อเวลา  ไปนั่งที่ไป อย่าให้มีคราวหน้านะ”

   เฮ้อ...รอดตัวไปครับ  แล้วผมก็ไปนั่งกับไอ้ต้อมที่ส่งสายตาไม่พอใจมาให้ยกใหญ่  ...รู้สึกผิดแฮะ  มันคงจะรอผมนานทีเดียวล่ะครับ

   “ดีนะที่พี่เปลวเขาไม่เอาเรื่องแกน่ะ ไอ้เมฆหมอก”

   “เรียกซะเต็มยศเชียวนะไอ้วิเชียร  ว่าแต่พี่โหดๆนั่นชื่อเปลวหรอ  พี่แกน่ากลัวจังแฮะ”

   “ประธานรุ่นปีสามนี่หว่าไม่โหดก็คุมปีสามไม่ได้หรอก”

   “หรอ ทำไมชื่อเปลววะแปลกดีเหมือนกันนะ”

   “ชื่อจริงนายเปลวเพลิง เห็นอย่างนั้นหญิงเพียบนะ ขนาดข้ายังต้องอิจฉา”

   “หรอแต่ข้าไม่ค่อยชอบหน้าพี่เขาว่ะ”

   “เขาดูดีกว่าแกอ่ะดิ กลัวว่าสาวๆจะไปหลงพี่แกทั้งคณะรึไงไอ้หมอก แกไม่หล่อคมเข้มแบบพี่เค้าอ่ะดิถึงไม่ชอบหน้าพี่เค้าน่ะ”

   ผมรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกชะตากับพี่เขาเท่าไหร่  หน้าพี่เขามันกวนน่ะครับเห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดชะมัด  เขาสูงประมาณร้อยแปดสิบกว่าๆหุ่นก็แบบนักกีฬาหน้าตาก็...โอเค  ยอมรับครับว่าดูดี   พูดถึงรูปร่างหน้าตาผมสูง 175 เป๊ะ  ตอนนี้ผมไว้ผมแบบยาวปิดหูหน้าตาผมก็พอดูได้ ติดหวานนิดหน่อย  รูปร่างก็สมส่วนล่ะครับ มีกล้ามนะ แต่ไม่ได้เยอะจนน่าเกลียดอะไร


   “น้องมีอะไรสงสัยจะถามพี่มั้ย”

   พี่เปลวถาม  อ้าว  ผมเลยลืมฟังเลยแฮะว่าเขาพูดอะไรกัน  ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวถามไอ้ต้อมก็คงได้  เอ่อ...ถ้ามันฟังนะฮะ

   “งั้นแยกย้ายได้”

   เสียงพี่เปลวบอก  แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปตามที่ต่างๆเพราะนี่ยังไม่ใช่เวลาเข้าเรียนเลย   แล้วจู่ๆไอ้ต้อมก็ลากแขนผมไปทางพวกพี่เปลว  ผมรึก็สงสัยว่ามันจะลากผมมาทำไม


   “ง่า...พี่ครับ ที่ผมบอกว่าผมอ่อนดรออิ้งว่าจะให้พี่ช่วยสอนว่าไงครับ”

   ไอ้ต้อมหันไปคุยกับพี่หญิง  เป็นรุ่นพี่ปีสามและเป็นดาวคณะ  ดูท่าพี่หญิงแกจะเป็นเพื่อนกับพี่เปลวเขา   อืม...แล้วผมก็เพิ่งจะนึกได้ว่าทำไมไอ้ต้อมถึงยอมเสียค่าโทรศัพท์คุยกับผม  เพราะมันทำเพื่อจะเอาผมไปเป็นเพื่อนเรียนดรออิ้งนี่เอง   ผมรู้เลยว่ามันคิดจะป้อพี่หญิงด้วยแต่ใจไม่กล้าพอเลยต้องลากผมไปเป็นเพื่อนช่วยป้ออีกคน

   “อะไรหรอหญิง”

   พี่เปลวหันมาถามพี่หญิงขณะที่เพื่อนคนอื่นของพี่เขาเริ่มทยอยกันเดินออกจากตึก

   “คือน้องต้อมขอให้เราช่วยสอนดรออิ้งน่ะเปลว”

   “ดรออิ้ง...”

   พี่เปลวทวนคำส่วนผมได้แต่มองหน้าพี่เขาสองคนอยู่เงียบๆ  พี่หญิงสวยจริงๆฮะ  สวยจนผมอดประหม่าไม่ได้ที่เพิ่งจะสำนึกตัวเองว่าคนๆนี้เป็นดาวคณะ    และถ้าเธอตอบตกลงจะสอน ให้ก็คงจะดีไม่น้อย  อืม...แต่ผมชักไม่แน่ใจว่าเธอจะไม่มีแฟนน่ะสิฮะ   ดูท่าพี่หญิงกับพี่เปลวสนิทกันจริงๆ  สงสัยว่าเพื่อนผมอาจจะอกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มจีบเลยก็ได้


   “ครับพี่” ไอ้ต้อมตอบ

   “หญิงเขาไม่ว่างหรอกนะ”

   ไอ้...เอ่อ...พี่เปลวตอบแทนพี่หญิง  ผมหมั่นไส้แกจริงๆนี่แกคิดจะกั๊กพี่หญิงหรือผู้หญิงทั้งคณะไว้ในฮาเร็มแกล่ะสิท่า  เอ่อ...มันอาจจะเกินจริงไปนิดน่ะครับอย่าไปใส่ใจความคิดผมเลย


   “พี่หญิงเขายังไม่ได้พูดว่า ไม่ว่าง เลยนะครับ”

   ผมพูดโผล่งออกไป...แล้วก็เริ่มรู้สึกตัวว่าน่าจะยืนเงียบแบบเดิมดีกว่า

   “น้องชื่อหมอกใช่ไหม นี่มาสายพี่ยังไม่ลงโทษเลยนะ แล้วมาขึ้นเสียงกับรุ่นพี่ได้ไงฮึ”

   พี่เปลวเริ่มขึ้นเสียงเหมือนกัน


   “เอ่อ...พี่ไม่ว่างน่ะเอาไว้พี่ว่างแล้วเรามาคุยกันอีกทีนะจ๊ะ เปลวมานี่...”

   พี่หญิงพูดพลางลากพี่เปลวออกไป  พี่หญิงคงกลัวว่าเรื่องจะบานปลายน่ะครับ  ระหว่างนั้นพี่เปลวแกก็หันมาจ้องผมด้วยท่าทางโมโห  ช่างพี่เขาเถอะครับ


   “แกนี่ทำข้าอดจีบหญิงเลย”

   “เอาน่าๆ ผู้หญิงใช่จะมีแต่พี่หญิงคนเดียวนี่”

   “เออ  แต่ผู้หญิงสวยๆแบบนี้เจอยากอ่ะ”

   ไอ้ต้อมบ่นปอดแปด  ช่างมันเถอะครับเดี๋ยวมันก็เลิกบ่นไปเอง 


   ตกเย็นผมแยกกับไอ้ต้อมที่หน้ามหาลัยเพราะมันบอกว่าจะแว่บไปหาไอ้เอกที่หอพัก เอกเป็นเพื่อนอีกคนที่เรียนอยู่มหาลัยเอกชนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยของผมมากนัก ส่วนผมก็จะรีบกลับเลยครับ  ว่าจะไปช่วยป้าเตรียมของทำขนมขายวันพรุ่งนี้

   ระหว่างที่ผมรอข้ามถนนหน้ามหาลัยจู่ๆก็มีรถบีเอ็มดับเบิลยูคันหนึ่งวิ่งมาเร็วมาก  เกือบเฉี่ยวผมแหน่ะแต่ผมหลบทัน ถึงอย่างนั้นผมก็ล้มอยู่ดี

   “อูย...ขับรถยังไงวะ”

   ผมหันไปก่นด่าคนที่ลงมาจากรถก่อนจะหันไปมอง...ไอ้พี่เปลวนี่หว่า

   “น้องเองหรอกหรอ”

   “ทำไมพี่ ผมทำไมหรอ”

   “เปล่าๆ คิดว่าถ้ารู้ว่าเป็นน้องพี่น่าจะขับให้ชนเต็มๆน่ะ”

   ผมหันไปจ้องไอ้พี่เปลวด้วยสายตาอาฆาตทันที  รู้สึกว่าขาผมจะพลิกอ่ะครับ เจ็บมาก...  ก่อนที่ผมจะหันไปเรียกร้องค่าเสียหายจากพี่เขาผมก็รู้สึกว่าตัวผมลอยขึ้นจากพื้น  ไอ้พี่เปลวอยู่ๆก็อุ้มผมขึ้นมาผมเลยดิ้น

   “อย่าดิ้นน่าเดี๋ยวตก”

   ผมว่าพี่เปลวก็พูดไปงั้นล่ะ  เพราะผมพยายามขืนตัวยังไงก็ไม่ได้ผล พี่แกเลยยิ่งรัดผมแน่นกว่าเดิมซะงั้น  หลายคนที่ป้ายรถเมล์ก็มองมากขึ้น  ผมรู้สึกอายๆยังไงไม่รู้แฮะที่ถูกอุ้มเหมือนผู้หญิงเลย   แล้วไอ้พี่เปลวก็เปิดประตูรถของเขาก่อนจะยัดผมเข้าไปแล้วจึงเดินไปนั่งที่คนขับ

   “น้องจะไปไหนเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

   “ไม่ต้อง”

   “น้องอยากโดนอุ้มต่อรึไง”

   ไอ้พี่เปลวพูด  ผมชะงักกึกไปเลย  ผมรู้ว่าคนตรงหน้าแข็งแรงขนาดไหนและถ้าเขาจะอุ้มผมอีกทีก็คงทำได้ไม่ยากเย็น

   “หรืออยากโดนมากกว่านั้น”

   “พี่เป็นเกย์รึไง...ก็ได้ๆผมจะให้พี่ไปส่ง”

   
   แล้วไอ้พี่เปลวก็มาส่งผมถึงหน้าบ้าน  ผมสงสัยกับการกระทำของพี่แกจริงๆ




******













   ผมเป็นอะไรไปไม่รู้  หลังจากที่โดนน้องปีหนึ่งคนนั้นเถียง  ผมรู้สึกสนใจเขาอย่างบอกไม่ถูก  ทั้งๆที่ไอ้เด็กนั่นก็เป็นผู้ชาย  แล้วเย็นวันนั้นเองผมก็ดันขับรถไปเฉี่ยวเด็กปีหนึ่งคนนั้นได้   

   ตอนแรกว่าจะเข้าไปขอโทษแต่เมื่อโดนเขาเถียงกลับก็รู้สึกว่าไม่อยากยอมเด็กคนนี้เลย  อยากจะชนะเด็กคนนี้และเอามาเป็นของตัวเองให้ได้


   ผมเป็นอะไรไป  มีตอนหนึ่งเขาถามว่าผมเป็นเกย์รึเปล่า  ผมบอกไม่ได้เพราะว่าผมไม่ได้เป็น  แต่การกระทำของผมต่อเด็กคนนั้นมันไม่ใช่   ผมสงสัยตัวเองเพราะตอนที่ผมอุ้มเด็กคนนั้นผมรู้สึกมีความสุข  ผิวของน้องหมอกน่าสัมผัสมาก   น้องเขาหน้าตาเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปแต่ตัวเล็กกว่ามาตรฐานไปนิดนึง  ใบหน้ารูปไข่กับดวงตาที่ดูรั้นๆนั้นผมชอบเสียจริง


   ตอนนี้ใครจะหาว่าผมเป็นเกย์รึเปล่าผมจะไม่ว่าพวกเขา  เพราะผมว่าผมอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้เพราะน้องหมอกเท่านั้น




------

seriest

  • บุคคลทั่วไป


   “น้องมาสายอีกแล้วนะ”

   “ขอโทษคับพี่...”

   ผมพูดหน้าเสีย...คิดไม่ถึงว่าแค่ไปช่วยป้าเข็นรถเข็นมันจะนานขนาดนั้น  พี่คนนี้ไม่ใช่พี่เปลวแต่เป็นพี่ที่คุมปีสอง

   “มานี่ๆ พี่จะทำโทษ”

   ผมจำใจต้องเดินไปตามที่พี่เขาบอก 

   “ถอดเสื้อออกเลยน้อง”

   ผมหันไปจ้องหน้าพี่เขา...ให้ผมถอดเสื้อนี่นะ...

   “น้อง...ผู้ชายอายอะไรวะ”

   “แต่...พี่  นี่มันต่อหน้าเพื่อนๆทั้งภาควิชาเลยนะ”

   ผมเถียง

   “เอาน่ะบอกให้ทำก็ทำ”

   ผมทำหน้าอย่างปลงตก  ก่อนที่จะเลิกเสื้อขึ้นแต่ทันได้นั้นเองก็มีมือหนึ่งมาดึงเสื้อผมให้กลับลงมาอย่างเก่า  ผมเงยหน้ามองดูเจ้าของมือ    ไม่น่าเชื่อ...พี่เปลวนี่เอง


   “เก่ง ทำโทษวิธีอื่นซะ”

   “แต่พี่...นี่มันบทลงโทษที่พี่คิดขึ้นเองนะ  ...ถ้ามาสาย ถอดเสื้อปั่นจิ้งหรีด 50 ทีอ่ะ”

   “แต่ไม่ใช่รายนี้ว่ะเก่ง...แกน่าจะเห็นแก่หน้ารุ่นน้องผู้หญิงบ้างนะ ต้องมาทนดูผู้ชายถอดเสื้อผ้าเนี่ย  ผู้หญิงเขาจะเสียหาย”


   ผมงงมากครับที่พี่เปลวมาห้ามไม่ให้ผมถอดเสื้อ  แต่มันกลับกลายเป็นว่าผมต้องปั่นจิ้งหรีดเพิ่มเป็น 80 ทีอ่ะ  ผมยอมถอดเสื้อจะดีกว่าซะอีก 




   “ไอ้หมอก  วันนี้เมิงไม่ต้องรีบกลับเลยนะ พี่รหัสเขาจะเลี้ยงข้าวเฟ้ย” ไอ้ต้อมบอกผม   ผมกับมันเผอิญมีพี่รหัสคนเดียวกัน  พร้อมกับเพื่อนผู้หญิงอีกสองคน


   จะว่าไปผมยังไม่รู้เลยว่าพี่รหัสของผมเป็นใคร  และดูเหมือนว่าไอ้ต้อมคงไม่ปล่อยให้ผมกลับบ้านก่อนแน่วันนี้  ผมเลยโทรกลับไปบอกลุงกับป้าว่าจะกลับดึกนิดหน่อย ไม่ต้องเป็นห่วง



   
   ทุ่มหนึ่งผมกับเพื่อนๆและพี่รหัสสองคนก็มานั่งกันที่ร้านหมูกระทะแห่งหนึ่ง  พี่รหัสผมเป็นผู้ชายครับ ชื่อพี่หนึ่ง กับพี่ยะ   พอมาถึงพี่ๆเขาก็สั่งเหล้ามาก่อนเลย   ตัวผมเองจิบๆพอเป็นพิธีเพราะไม่ค่อยพิสมัยรสชาติมันเท่าไหร่   แต่ไอ้ต้อมฟาดเกลี้ยงเลยครับ    ดูเหมือนพวกผู้ชายจะเมากันหมด  มีแต่ผมกับเพื่อนผู้หญิงอีกสองคนที่ไม่เมาเท่านั้น



   “หมอกๆ ฝ้ายกับไอซ์ขอตัวกลับก่อนได้ไหม  ห้าทุ่มแล้ว พ่อกับแม่เขาจะว่า” ฝ้ายเอ่ย

   “อืม  กลับไปเถอะ กลับบ้านดึกๆเป็นผู้หญิงมันอันตราย  เดี๋ยวเราจัดการพวกนี้เอง” ผมว่า  ผมก็ปากเก่งไปงั้นล่ะครับ  ผู้ชายเมาตั้งสามคน  ผมจะไปหามกลับยังไงไหว

   “ไอ้ต้อม...ไอ้ต้อม” ผมสะกิด

   “อาววว เหล้ามา  กรู...จากินเว้ย” ไอ้ต้อมละเมอหาเหล้า    ผมเลยนึกออกว่าควรจะทำยังไงกับมันดี  แล้วผมก็กดโทรศัพท์ทันที


   “สวัสดีครับ ลุงแช่มใช่รึเปล่าครับ”

   “อ่อ ครับ  คุณหมอกรึเปล่านั่น”

   “ใช่ครับ คือว่า คุณหนูของลุงแช่มน่ะครับ เมามากเลย มารับทีได้ไหมครับ” ผมกล่าว   ไอ้ต้อมเองมันเป็นลูกคนรวยครับ แต่ว่ามันย้ายมาอยู่คอนโดเพราะว่ามันชอบตื่นสาย  คอนโดที่มันอยู่เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงมหาลัยได้แล้ว

   “ได้ครับ  คุณผู้หญิงบ่นถึงคุณหนูอยู่ว่าไม่ค่อยกลับบ้าน ผมจะได้ไปพาคุณหนูกลับบ้านใหญ่ด้วยเลย  ที่ไหนหรอครับ”

   “ร้านหมูกระทะxxx ครับ” บอกจบผมก็วางหูโทรศัพท์  ดีนะครับที่พี่ยะแกจ่ายค่าหมูกระทะแล้ว  ผมเลยฝากเด็กเสิร์ฟช่วยดูไอ้ต้อมให้ด้วย บอกเด็กคนนั้นว่าอีกเดี๋ยวจะมีลุงแก่ๆขับบีเอ็มมารับพร้อมกับยัดเงินค่าดูแลไอ้ต้อมให้ไปสามร้อย (แน่นอนครับว่าเป็นเงินของไอ้ต้อมมัน)  จากนั้นผมก็มาปลงตกกับรุ่นพี่สองคนแทน

   พี่ยะแกลุกขึ้นนั่งได้แล้ว  แต่พี่หนึ่งหลับคาที่เลย


   “หมอก...ช่วยแบกไอ้หนึ่งที” พี่ยะบอกก่อนที่พี่แกจะลุกขึ้นยืน  เซน้อยๆ   ผมเลยจำใจต้องหามพี่หนึ่งที่ตัวใหญ่กว่าผมเดินตามพี่ยะไป


   พี่ยะโบกแท็กซี่  ผมจับพี่หนึ่งยัดไปที่เบาะท้าย พี่ยะก็กำลังจะก้าวตามไปนั่ง   เฮ้อ...ผมคงจะได้กลับบ้านซักที    แล้วทันทีที่ผมกำลังจะหันหลังกลับมือๆหนึ่งก็มาดึงแขนผมไว้

   “อะไรครับพี่ยะ”

   “หมอก...แกไปช่วยหามไอ้หนึ่งขึ้นหอนอนด้วย”


   

   ผมแทบจะเป็นลมตาย........ รู้งี้แอบชิ่งซะจะดีกว่ามั้ยเนี่ย   




seriest

  • บุคคลทั่วไป


   กว่าผมจะแบกพี่หนึ่งเข้าห้องของแกได้ก็เล่นเอาผมเหงื่อตก  ยังดีที่รูมเมทของพี่แกออกมาช่วยพาแกเข้าไปในห้อง  

   “หมอก  มากินน้ำในห้องพี่ก่อนมั้ยค่อยกลับ” พี่ยะถาม

   “ไม่อ่ะครับพี่ เกรงใจรูมเมทพี่น่ะครับ” ผมปฏิเสธ

   “รูมเมทพี่ไม่อยู่หรอก ไปเลี้ยงน้องรหัสเหมือนกัน  เข้ามาเถอะน่า” พี่ยะพูด   ผมไม่ค่อยอยากเข้าเท่าไหร่เพราะสายตาแปลกๆที่พี่แกส่งให้ผมตั้งแต่แกเริ่มเมามันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด  

   “หมอก...เป็นอะไร  อิดออดเหมือนผู้หญิงเลยนะ” พี่ยะแซวเข้า  ดูเหมือนแกจะรู้จุดอ่อนผมยังไงไม่รู้เพราะว่าหลังจากนั้น ผมก็เข้ามานั่งในห้องพี่แกซะแล้ว


   “เอาเบียร์ไหม”

   “น้ำเปล่าดีกว่าครับ” ผมว่า  ซักพักพี่ยะแกก็ส่งแก้วน้ำเปล่าให้ผม  แล้วแกก็ไปเปิดกระป๋องเบียร์แล้วดื่มต่อ

   “นั่นรูปใครครับพี่ยะ” ผมถามหลังจากที่เหลือบสายตาไปเห็นรูปผู้หญิงคนหนึ่งกำลังกอดกับพี่ยะ  ผมถามเพราะว่าหน้าของเธอคนนั้น  เหมือนคนที่ผมรู้จัก  หน้าเหมือนเพื่อนผมเพียงแต่ว่าเพื่อนผมเป็นผู้ชาย

   
   “แอน อย่าทิ้งยะไปเลยนะ  ยะรักแอนรู้ไหม” พี่ยะพึมพำแปลกๆ

   “พี่ยะเป็นอะไรรึเปล่าครับ” ผมถามก่อนจะเดินไปดูพี่ยะที่นั่งฟุบหน้าใกล้ๆ  

   แล้วทันไดนั้นผมก็ถูกแขนพี่ยะฉุดลงจนล้มลงกับพื้น  แต่พอจะลุก  พี่ยะก็เข้ามากดแขนกับขาของผมเอาไว้  พี่ยะตัวใหญ่กว่าผมแม้ว่าจะไม่มากนัก  แต่ทำไมแรงเขาเยอะก็ไม่รู้  

   “แอน...ยะรักแอนนะ” พี่ยะพึมพำก่อนจะก้มหน้าลงมาใกล้ผม

   “พะ...พี่ ผมไม่ใช่แอนนะ” ผมพูดพลางเอามือมาดันหน้าพี่เขาออกไป

   “แอน...ยอมเป็นของยะเถอะนะ” พี่ยะละเมอ แล้วมือของแกก็สอดเข้ามาในเสื้อของผม...


   “เฮ้ย...” ผมสบถ ก่อนจะถีบพี่ยะจนล้มหงายหลัง  ผมว่าจะไม่ทำรุนแรงกับรุ่นพี่แล้วนะครับ  แต่ผมก็จะไม่ยอมถูกผู้ชายข่มขืนเช่นกัน

   “แอน...อย่าไปนะ” พี่ยะเพ้อก่อนจะมารวบมือผมไว้ ผมว่าท่าจะไม่ดีแล้วหากอยู่ที่นี่ต่อไป

   “โทษทีนะพี่” ผมพูดก่อนจะสะบัดมือออกมาจากการเกาะกุมของพี่ยะ  หลังจากนั้นก็ต่อยเข้าให้ตรงหน้าพี่เขาจนล้มลงไปนอนกองกับพื้น  

   แล้วทันใดนั้นประตูก็เปิดออก


   “ยะ...แกนอนยังวะ” เสียงของพี่คนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นรูมเมทของพี่ยะดังขึ้น แต่ผมว่าเสียงมันคุ้นๆ

   “อ้าวน้อง...ไหงมาอยู่นี่” พี่เปลวกล่าว ผมว่าแล้วว่าทำไมเสียงเขาคุ้นๆ

   “พี่เป็นรูมเมทพี่ยะหรอครับ” ผมถามกลับ

   “อืม...ไอ้ยะมันดรอปเรียนไปปีนึงเลยไปอยู่ปีสองแทนแต่พี่กับมันรุ่นเดียวกัน  ว่าแต่น้องล่ะทำไมเสื้อผ้าหลุดลุ่ยแบบนั้น” พี่เปลวว่า   แล้วผมก็ก้มลงมองตัวเอง...


   กระดุมเสื้อหลุดไปสองสามเม็ด  เสื้อหลุดจากกางเกง...

   “ผมว่าพี่ถามเพื่อนพี่ดีกว่า  ดีนะที่ผมไม่ต่อยเขามากกว่านี้  ขอตัวกลับนะครับพี่” ผมพูดก่อนจะออกจากห้องพี่ยะไป  ...


*****

   “เห้ย...เมิงทำอะไรน้องหมอกไม่ทราบ  ไอ้ยะ”

   “แอน...แอน” ไอ้ยะเพ้อ    แล้วผมก็เข้าใจทันที  เพราะแต่ก่อนตอนมันกินเหล้าก็เพ้อแบบนี้แล้วเข้ามาจับมือผม  ผมเลยถีบมันให้ไปนอนนอกห้อง  นี่น้องหมอกก็คงเจอฤทธิ์เพ้อของไอ้ยะมันเข้า  ผมสรุปได้ว่าต่อไปนี้จะไม่ให้ไอ้ยะกินเหล้าเด็ดขาด   แม้ว่ามันจะก้มกราบผมก็ตามเพื่อความบริสุทธิ์ของทุกๆคนที่อยู่ใกล้มัน...

*****

   
   ผมยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยว่าเมื่อคืนผมถูกผู้ชายลวนลาม   แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ  โบราณเขาว่า  อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา   แต่ผมก็ยังรู้สึกสยองอยู่ดี      วันนี้ผมมามหาลัยแต่เช้าเลยครับเพราะมีเรียนเช้า    ผมเข้าห้องเรียนได้กว่าสี่สิบนาทีแล้วก็เพิ่งจะเห็นไอ้ต้อมเปิดประตูห้องเข้ามา


   “เอ็งจะเข้ามาเรียนไมวะ  อีกสิบนาทีก็จะหมดชั่วโมงแล้ว” ผมหันไปกระซิบใส่เพื่อนรัก

   “เอ็งก็รู้  เมื่อคืนหนักไปนิด  เช้านี้ข้าเลยแฮงค์  แล้วบ้านแม่ข้านะอยู่ใกล้มหาลัยซะที่ไหน  กว่าลุงแช่มขับรถมาถึง ข้างี้ติดแหง่กอยู่บนทางด่วนนานสองนาน”

   “เออๆ ข้าก็น่าจะรู้นิสัยเอ็ง” ผมทิ้งไว้แค่นั้น  เพราะกว่าไอ้ต้อมจะรู้ว่าถูกหลอกด่าก็หมดชั่วโมงพอดี   สมองมันช้าๆนะ


   
   “นี่ เอ็งดูหนังเรื่องโร้ค แบล็คเมาเท่น ยังวะ” ผมถามไอ้ต้อมระหว่างที่นั่งกินข้าวในโรงอาหารของมหาลัย

   “ยัง อันที่จริงก็ไม่รู้จักอ่ะ  สนุกรึเปล่าล่ะ” ไอ้ต้อมถามกลับ

   “เวน  แล้วข้าจะถามเอ็งทำไม  ข้าแค่สงสัยว่าหนังมันสนุกรึเปล่า  เห็นกวาดรางวัลออสการ์ได้ตั้งหลายรางวัล” ผมว่า

   “มันก็สนุกนะน้อง” เสียงพี่ยะดังขึ้นมาแต่ไกล เดินมากลับพี่หนึ่งและพี่เปลว  ผมแทบจะกลืนข้าวไม่ลง

   “ใช่ก็พอใช้อ่ะน้อง เพียงแต่ตัวเอกดันเป็นไบ” พี่หนึ่งกล่าวตอบ

   “มันหมายถึงผู้ชายที่จะอะไรกับผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ได้อ่ะครับ” พี่ยะกล่าวเมื่อมองเห็นหน้าเหวอๆของผม

   “อ่อ พวกลักเพศว่างั้นเหอะ” ผมพูดหน้าลอย   จนโต๊ะข้างๆที่ไม่รู้ว่าเกี่ยวอะไรด้วยสะดุ้งกันเป็นแถบๆ

   “น้องพูดอะไรระวังหน่อย มหาลัยเราเนี่ยพวกนี้เยอะนา” พี่เปลวกล่าวเตือนหลังจากที่เงียบอยู่นานทีเดียว

   “พี่เป็นด้วยป่าวล่ะ ถ้าไม่ก็อย่าร้อนตัวสิ” ผมกล่าวตอบกลับไปหารู้ไม่ว่าไปกระตุกต่อมโมโหในอารมณ์ของใครบางคนเข้าซะแล้ว
   
   “ปากเก่งดีนักนะเราน่ะ”

   “ผมปากเก่งอยู่แล้วล่ะพี่” ผมโต้กลับ  พลางจ้องหน้าพี่แก    รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นระหว่างตาของผมกับพี่เปลวดังเปรี๊ยะ เปรี๊ยะ ทีเดียวจนไอ้ต้อมทนไม่ได้ต้องลากผมออกมา





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2010 00:27:42 โดย seriest »

seriest

  • บุคคลทั่วไป




หลังเลิกเรียนผมก็แยกย้ายกับไอ้ต้อมเช่นเคย   วันนี้ผมแวะเข้าห้องสมุดออกมาอีกทีก็สองทุ่มกว่าๆแล้ว   ในมหาลัยมืดซะจนน่ากลัวทีเดียว   และแทบไม่มีคนซะด้วย


   ผมรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย   เหมือนถูกจ้องมองอยู่ตลอดเวลา   แล้วผู้ชายห้าคนก็มาล้อมผมเอาไว้   รู้สึกแน่ๆว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดี

   “พวกแกต้องการอะไร” ผมถามพวกมัน   เอาวะ   ถ้ามีเรื่องผมก็จะไม่ยอมโดนต่อยฝ่ายเดียวแน่ๆ

   “เมื่อกลางวันน่ะปากดีเชียวนะเมิง  เด๋วพวกกุจะทำให้เมิงร้องไม่ออก” หนึ่งในพวกนั้นตรงมากระชากตัวผม   ผมเลยแหกปากลั่นแต่ก็ถูกอีกคนเอามือมาปิดปากไว้   ผมเลยดิ้นสุดแรงเกิด    แต่แม้จะดิ้นขนาดนั้น  ในที่สุดขาผมก็ถูกรวบให้ลอยจากพื้น

   พวกมันกึ่งแบกกึ่งลากผมขึ้นตึกจอดรถของนักศึกษาที่ค่ำขนาดนี้คงจะไม่มีใครอยู่แล้ว   แล้วมันก็ผลักผมคว่ำหน้าลงบนกระโปรงรถคันหนึ่ง   ผมดีดตัวลุกออกมาได้


   “ไอ้เวน...พวกเมิงจะทำไรวะ   ปล่อยกุน๊า....  เชี่ย” ผมแหกปากร้องอีกครั้ง   คราวนี้พวกมันคงจะทนไม่ไหวเลยหวดหมัดใส่ท้องผมเข้าเต็มแรง

   ผมจุก...  ล้มลงนอนตัวงอทันที  รู้สึกสายตาพร่าลาย   แม้ผมจะเป็นผู้ชายเหมือนพวกมันแต่ผมก็คนเดียว  สู้แรงคนห้าคนไม่ไหว   พวกมันจับผมคว่ำกับหน้ากระโปรงรถคันนั้นอีกครั้งก่อนจะจับมือผมมัดไพล่หลังด้วยเข็มขัดของผมเอง

   “เชี่ย...ปล่อยสิโว๊ยยยย” ผมร้องเมื่อเริ่มรู้สึกกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น  น้ำตามากมายไหลออกมาจากนัยน์ตาของผู้ชายอกสามศอกอย่างผม  แต่ผมไม่แคร์   ผมห่วงตัวเองมากกว่า ให้มันรุมตีผมยังรู้สึกดีกว่าจะมาโดนแบบนี้ซะอีก

   “เห้ย  ถอดกางเกงมัน” เสียงไอ้พวกนั้นคนหนึ่งสั่ง   แล้วผมก็รู้สึกว่ากางเกงของผมถูกรูดลงมากองที่พื้น   ผมพยายามดิ้นแต่ว่าก็มีคนกดหลังผมไว้  มือถูกมัดทำอะไรไม่ได้

   “สุดยอด สะโพกเอ็กซ์โคดเลย” เสียงหนึ่งในนั้นดังขึ้น  นี่ผมควรจะดีใจหรือเสียใจดีเนี่ย


   แล้วมือหนึ่งก็มาเลิกเสื้อผมขึ้น    แล้วปากของใครอีกคนก็จูบไล้ไปทั่วหลังของผม   


   “โอ้ย… หยุดนะโว้ย” ผมร้องและก็ดิ้นอีกรอบเมื่อโดนกัดบริเวณไหล่อย่างแรง


   “ใครจะเอาก่อน”

   
   “เชี่ย...” ผมสบถ 


   “กุเหอะ อยากเปิดซิงว่ะ”

   “แต่กุก็อยากนะ”


   ผมแทบจะทนฟังไม่ได้แล้วในสิ่งที่พวกมันพูดกัน  ผมตะโกนจนเสียงแห้งและเริ่มเจ็บคอ


   “เห้ย ใส่ไอ้นั่นก่อนดีกว่า”    คำพูดนั่นทำให้ผมต้องหันไปมอง   พวกมันแยกขาผมออกและสอดสิ่งของบางอย่างที่เหมือนลูกกลมๆหลายลูกเข้ามาทางช่องด้านหลังของผม    มันเจ็บ   แต่ในที่สุดพวกนั้นก็ดันมันเข้ามา

   “อือ...ไอ้พวกวิปริต  กุเจ็บนะโว้ย” ผมร้อง แต่พวกมันไม่หยุด   แล้วจู่ๆ  ผมก็รู้สึกเจ็บมากเมื่อไอ้ลูกกลมๆนั่นมันสั่นอยู่ในตัวผม


   “โอ้ย...อือ...  ทำอะไรวะ... ฮือ...  เอามันออกไป...” ผมแหกปากร้องอย่างลืมตัว





   “เห้ย  ทำไรกันวะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา   พวกที่ล้อมรอบผมอยู่แตกกระจายเป็นวงกว้างและวิ่งหนีหายไปหมด

   “คุณ... เป็นอะไรรึเปล่า” เสียงคุ้นๆอีกเสียงถามผมก่อนจะตรงมาคลายเข็มขัดที่มัดมือผมไพล่หลังไว้  ผมหันหน้ากลับไปมอง...

   “หมอก...” เสียงพี่ยะร้องอย่างตกใจ  รวมทั้งพี่เปลวที่หน้าตาตื่นไม่แพ้กัน  ดีที่มีแค่สองคนนี้  ไม่งั้นผมคงอายมากกว่านี้ที่ว่ากำลังจะถูกผู้ชายด้วยกันข่มขืน 


   “เอา  ออก...” ผมพูดเสียงกระท่อนกระแท่นเพราะความรู้สึกด้านหลังยังอยู่ พลางเอื้อมมือไปจับสายยาวๆของเจ้าลูกกลมๆนั่น   ผมคลำเจอปุ่มบางอย่างคิดว่าคงเป็นสวิตซ์   พอกดปิด  ไอ้ลูกกลมๆบ้าๆที่อยู่ในตัวผมก็หยุดสั่น 

   “ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้” พี่เปลวสบถ ก่อนจะถอดเสื้อเชิ้ตมาคลุมท่อนล่างของผมและอุ้มผมขึ้นแกก็ใส่แค่เสื้อกล้ามตัวเดียว   คราวนี้ผมไม่ได้ขัดขืนแกแล้ว    รู้สึกกลัวและตกใจมากกว่ากับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น  และอีกความรู้สึกก็คือสิ่งที่อยู่ข้างในมันทำให้อึดอัดและเจ็บแปลบปลาบ

   “พะ...พวกพี่มาได้ไง...ผมนึกว่า  จะไม่มีคนมาแล้วซะอีก” ผมถามหลังจากตั้งสติอยู่พักหนึ่ง

   “รถคันข้างๆรถคันเนี้ย รถไอ้เปลวมัน” พี่ยะตอบ  ผมเลยสังเกตเห็นว่ามันคือรถบีเอ็มดับเบิลยูคันคุ้นตาที่เคยเฉี่ยวผมล้ม

   “โดนรึยัง” เสียงพี่เปลวดังขึ้นจนผมสะดุ้ง

   “ยะ...ยัง  แต่...”

   “แต่อะไร” พี่เปลวถาม   คราวนี้ผมหน้าแดงแล้ว  แต่ไม่พูดก็ไม่ได้

   “กะ...ก็  พี่ก็เห็นไม่ใช่หรอ  อะไรไม่รู้ไอ้พวกนั้นมันใส่เข้ามา” ผมพูด   แล้วมือของพี่เปลวก็คลำบริเวณขาผมเจอสายของไอ้ลูกกลมๆนั้น  แล้วแกก็...ดึง

   “โอ้ย...ทำไรวะ  เจ็บ” ผมสบถก่อนจะดิ้น  น้ำตาไหลออกมาอีก

   “เห้ย  อย่าดึง ไอ้เปลว   นั่นน่ะข้ารู้แล้วว่าอะไร” พี่ยะว่า

   “อะไร”

   “มันคือเครื่องช่วยตัวเองของผู้หญิงว่ะ” พี่ยะพูด  ผมยิ่งหน้าถอดสี 

   “ไปแจ้งความก่อน” พี่เปลวว่า

   “อย่าพี่...ผม  เอ่อ  ถ้าเป็นพี่โดนแบบนี้บ้างพี่จะแจ้งความมั้ย” ผมอายครับ  อายที่จะต้องให้การว่ากำลังจะถูกผู้ชายด้วยกันห้าคนรุมโทรม

   “ข้าก็ไม่อยากบอกตำรวจหรอกว่ากำลังจะถูกผู้ชายด้วยกันข่มขืน ข้าว่าพาน้องไปที่ห้องพวกเราก่อนดีกว่า  ให้น้องเขากลับบ้านตอนนี้ดูถ้าจะลำบาก” พี่ยะกล่าว  หลังจากนั้นพี่เปลวก็อุ้มผมขึ้นรถและขับกลับไปที่หอของแก   ผมถือโอกาสยืมโทรศัพท์กลับไปบอกกับลุงและป้าว่าวันนี้อาจค้างบ้านเพื่อน




seriest

  • บุคคลทั่วไป
...




   “อ๊า...อะ...อือ” ผมกัดปากตัวเองอยู่ในห้องน้ำของห้องพี่เปลวนานนับชั่วโมงแล้ว   ผมพยายามจะดึงมันออกแต่ก็ไม่มีทีท่าเลยว่าจะออกได้ง่ายๆ   เหงื่อผุดเต็มร่างกายเพราะว่าใช้ความพยายามอย่างมาก


   “หมอก...  ออกมาเถอะ  เข้าไปนานเป็นชั่วโมงแล้วยังเอาไม่ออกอีกหรอ” พี่เปลวว่า  ผมเลยยอมเปิดประตูห้องน้ำออกมา

   “ฮึก...มันเจ็บอ่ะพี่ ผมดึงไม่ได้” ผมบอกพี่เขา  ก็แค่ดึงนิดเดียวก็รู้สึกแปลบปลาบไปทั่วร่างแล้วนี่ครับ  แล้วไอ้ที่อยู่ข้างในก็เป็นพวง    ผมรู้สึกทรมานยังไงไม่รู้   อายก็อาย

   “ให้หมอเอาออกไหมล่ะ” พี่ยะเสนอความคิด  ผมเลยมองค้อนเข้าให้


   “งั้นทางสุดท้าย พี่เอาออกให้” พี่ยะพูด

   “หะ...เมิงว่าไงนะ” พี่เปลวถาม

   “เดี๋ยวๆ  เมิงฟังกุก่อนน่ะ  เมิงก็รู้ไม่ใช่หรอว่าน้องแอนของกุน่ะเป็นผู้ชาย  แล้วไอ้เรื่องอย่างว่านะข้าก็เป็นฝ่ายรุก  ดังนั้นน่ะไอ้ช่องทางข้างหลังข้าเลยพอรู้บ้าง” อ่อ  ผมจำได้ละ  เพื่อนผมตอน ม.3 สงสัยเป็นคู่เกย์กับพี่ยะแหงเลย

   
   แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของพี่ยะก็ดังขึ้น


   “ฮัลโหล  แอน...   แอนโทรมาได้ไง   อยู่ไหนน่ะ  เดี๋ยวพี่ไป” พี่ยะพูดหน้าตื่นๆแล้วพรวดพราดออกจากห้องไปทันที

   “เห้ย ยะ  ถ่านไฟเก่าคุรึไง” พี่เปลวตะโกนไล่หลังแต่พี่ยะได้แต่เร่งรีบออกไป   เวนแล้วผมจะทำยังไงล่ะนี่

   “น้องถอดกางเกงออกดิ” พี่เปลวว่า

   “อะ...เอ่อ  ผมว่าเอาไว้ทีหลังก็ได้นะ”

   “น้องอยากให้หมอเอาออกให้ไหม”  ผมส่ายหน้าทันที

   “ทำตามที่พี่บอกซะ” พี่เปลวกล่าวอีกครั้ง  ผมเลยได้แต่ก้มหน้าก้มตาหันหลังให้พี่เขาแล้วถอดกางเกงออก  ผมไม่ได้ใส่กางเกงในเพราะว่าสายยาวๆนั่นมันเป็นอุปสรรค

   “นอนลงไปสิ  โก่งเอวขึ้นด้วยนะ”

   “พะ...พี่  ผม...” ผมรู้สึกได้เลยว่าหน้ามันแดงไปถึงไหนต่อไหนเมื่อต้องคิดว่าจะให้พี่เขามานั่งจ้องตรงส่วนนั้น  อ่า...ผมไม่อยากคิด   ผมคว้าหมอนบนโซฟามากอดแล้วค่อยๆทำตามพยายามซุกหน้าลงกับหมอนเพราะอายเหลือเกิน



   ผมไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยครับ   บั้นท้ายของน้องหมอกขาวสุดๆ  ตรงช่องทางคับแคบนั่นเป็นสีชมพูปนแดงเสียด้วย   สายยาวๆเล็กๆโผล่ออกมาจากช่องทางนั้นที่ปิดแทบสนิท นี่ถ้าผมได้มีอะไรกับน้องเขาล่ะก็...จะบ้ารึไง  นี่ผมคิดอะไรนะ

   “ทนหน่อยนะ มันคับมากต้องทำให้มันขยายก่อน” ผมว่าพลางเปิดสวิตซ์เครื่องที่ติดกับสายยาวๆนั้น  ร่างขาวๆของน้องหมอกสั่นกระตุกเสียงครางเบาๆลอดออกมาจากหมอนที่น้องเขาซุกหน้าเอาไว้ หยาดเหงื่อเกาะพราวทั่วร่าง ทำให้ผมเกิดความรู้สึกแปลกๆยากจะบรรยาย





   “อ๊ะ...พี่...ทำอะไรน่ะ” ผมพยายามซุกหน้าลงกับหมอนและพยายามจะไม่ส่งเสียงน่าอายนั่นแล้วนะ  แต่มันก็หลุดลอดออกไปจนได้เมื่อผมรู้สึกถึงนิ้วของพี่เขาที่สอดเข้ามาทางด้านหลัง

   “เจ็บหน่อยนะ”

   สิ้นเสียงคำพูดผมก็เกร็งไปทั้งตัวเมื่อพี่เขาเริ่มดึงเอาของเล่นออกจากตัวผม

   “ฮือ...พี่  อย่า...พอแล้ว” ผมร้องเพราะรู้สึกเจ็บมากที่ด้านหลังและพยายามขยับหนี  แต่พี่เขากลับทับขาผมไว้แล้วดึงต่อ  ผมเจ็บและเหนื่อย  ในที่สุดเมื่อมันหลุดออกมาได้ผมก็ทิ้งตัวนอนไปบนฟูกเลยทีเดียว  แต่ในทันทีนั้นร่างของพี่เปลวก็คร่อมลงมากอดผม

   “พี่จะทำอะ...” ผมรีบดิ้นแต่พี่เขากลับกอดผมแน่นกว่าเดิม  แนบสนิทจนผมรู้สึกถึงเป้ากางเกงที่คับแน่นของเขาเสียดสีบริเวณบั้นท้ายของผม รู้ได้ถึงขนาดความยาวใหญ่ของมัน มันใหญ่มากครับ  และสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจของพี่เขา  ผมขนลุกซู่เลยทีเดียว

   “อย่าดิ้น  หมอก  พี่ของร้อง  อย่า” พี่เปลวกัดฟันพูดพลางเอามือสอดเข้ามาในเสื้อของผมและลูบไล้ไปทั่วหยุดจับที่หน้าอกของผม นิ้วของเขาสะกิดโดนยอดอกของผมจนมันนูนขึ้นมาและเคล้นคลึงเล่นกับมัน   ผมรู้สึกเสียวสะท้านไปทั่วร่างกายถึงกับต้องกลั้นลมหายใจไม่ให้เสียงแปลกๆหลุดเล็ดลอดออกจากคอผมไปได้ ไม่แน่ถ้ามีเสียงหลุดไปอาจไปกระตุ้นอะไรพี่เปลวแกก็ได้ 

   “อยู่เฉยๆ  ให้อารมณ์พี่สงบเถอะ” พี่เปลวว่าพลางเบียดกายแนบชิดกว่าเดิมลมหายใจร้อนเป่ารดบริเวณซอกคอและซุกไซ้ไปทั่วทั้งแผ่นหลัง  ผมกลืนน้ำลายเมื่อพบว่าความใหญ่โตของเขากำลังบดเบียดอยู่ที่บั้นท้ายของผมพลางถูไปถูมา แม้ว่ามันจะมีกางเกงกั้นอีกชั้นก็ตาม   ผมนอนนิ่งไม่กล้าขยับเพราะกลัวว่าหากขยับตัวความอดทนของพี่เปลวจะขาดสะบั้นลงและทำอะไรมากกว่านี้ และถ้าทำจริงก้นผมต้องฉีกแน่ๆ รู้สึกแปลกๆที่มีผู้ชายมามีอารมณ์กับผม และรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่ว   พี่เปลว นอนกอดผมอยู่อย่างนั้นพักใหญ่เลยทีเดียว




seriest

  • บุคคลทั่วไป
“หมอก ตื่นด้วยหรอ” พี่เปลวว่าพลางเอื้อมมือจับน้องชายของผมที่แข็งตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้


   “อยะ...อย่าจับพี่...” ผมร้องพลางดิ้นอีกครั้ง ก็พี่แกไม่จับเปล่ายังบีบเค้นคลึงเสียด้วย  แต่พอผมยิ่งดิ้นพี่แกก็ยิ่งโน้มตัวกดทับพลางรูดน้องชายผมอย่างเมามัน  อะไรๆมันชักจะเกินเลยเสียแล้ว เพราะอารมณ์ผมเริ่มกระเจิดกระเจิงซะแล้วน่ะสิ

   “อุ...อือ....  อืม.... อย่า.... อา” ผมพยายามกลั้นเสียงคราง แต่ไม่เป็นผล  พี่เปลวเมื่อได้ยินเสียงของผมที่หลุดออกไปดูเหมือนแกจะพอใจมากทีเดียว  แกพลิกตัวผมให้นอนหงาย ผมพยายามจะถีบตัวแกออก  แต่ว่าขาผมนั้นมันไม่มีเรี่ยวแรงเลย

   รู้ตัวอีกที น้องชายของผมก็ค่อยๆกลืนหายเข้าไปในปากของพี่เปลวซะแล้ว

   “อย่าพี่...” ผมร้องเสียงหลงทันทีที่แกเริ่มดูดดุน

   “โอ้ว...อื้อ... อืม..........” ผมครางอย่างกลั้นไม่อยู่แล้ว พี่เปลวทั้งดูด ทั้งเลีย หยอกล้อจนอารมณ์ผมกระเจิง แถมมือแกก็ขยำบั้นท้ายของผมพลางถูนิ้วไปกับร่องก้นผมไปมาแต่ไม่ได้ใส่เข้าไป ผมดิ้นแต่แกก็ล็อกขาผมไว้

   “อย่าพี่...ผมไม่ไหวแล้ว” ผมครางสุดเสียงอีกทีหนึ่งจากนั้นน้ำผมก็แตกเข้าปากแกเลยครับ แต่พี่เปลวไม่ได้มีทีท่ารังเกียจ กลับดูดเลียมันแทน

   “อา...หมอก  พี่ขอได้ไหม” พี่เปลวพูดเสียงกระเส่าก่อนจะก้มลงจูบปากผม  ผมพยายามปิดปากแต่นิ้วมือของแกก็เริ่มขยำหน้าอกผมกับบั้นท้ายผมอีก จนเผลออ้าปาก แล้วเรียวลิ้นของแกก็สอดแทรกเข้ามาในปากของผม ลิ้นของเขาสำรวจไปทั่วโพรงปากของผมอย่างดุดันจนกระทั้งผมเริ่มหายใจไม่ออกพี่เขาก็ค่อยๆถอนริมฝีปากออก

   ในความคิดผมตอนนั้นภาพมันช่างลามกเหลือเกิน ริมฝีปากของพี่เปลวอยู่ห่างจากใบหน้าผมแค่นิดเดียว  ริมฝีปากของพี่เขาอ้าค้างมีสายน้ำลายเชื่อมกับริมฝีปากผมที่เผยอหอบหายใจอยู่

   แกก้มหน้ามาจูบปากผมเบาๆอีกที  จากนั้นก็ค่อยๆไล้ริมฝีปากลงมาจนถึงใบหู คาง ซอกคอ 

   “อ๊ะ...” ผมร้องเมื่อรู้สึกถึงแรงขบเม้มแรงๆที่ซอกคอและทั่วแผ่นอก  จากนั้นลิ้นของพี่เขาก็มาหยุดอยุ่ที่ยอดอกข้างซ้ายของผม

   “ฮือ...อือ...อา...” ผมร้องครางพลางดึงทึ้งศรีษะของพี่เขา  ในตอนนี้สติทุกอย่างหลุดลอยไปหมดแล้ว  พี่เขาดูดดุนเลียยอดอกของผม  เปลี่ยนจากซ้ายไปขวาและขบแรงๆจนยอดอกของผมเริ่มเป็นสีแดงก่ำ และผมเริ่มรู้สึกเจ็บแปลบปลาบ  ส่วนมือของพี่เขาก็เริ่มถอดกางเกงตัวเอง...

   “อืม...อย่า...” ผมเริ่มมีสติอีกครั้งเมื่อเห็นน้องชายที่แข็งชันของพี่เขาเต็มๆตา  มันใหญ่มากจนผมกลัว...

   “ขอพี่นะหมอก” พี่เปลวพูดพลางโน้มทับขาผมที่พยายามถีบอีกครั้ง  ก่อนที่มือเขาจะแยกขาของผมออกและแทรกกายมาอยู่ตรงหว่างขาผมพอดี มือของผมพยายามปัดป่ายและดิ้นไปมา  ดูท่าแกจะเริ่มรำคาญจึงจับล็อคแขนผมไพล่หลังโดยมีผมที่นอนทับแขนตัวเองเป็นเครื่องพันธนาการ

   “อย่าพี่...” ผมร้องห้ามหวังจะให้พี่เปลวได้สติ และผมก็กลัวแล้วด้วย   แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะสายเกินไปซะแล้ว   พี่เปลวยกบั้นท้ายของผมขึ้นแล้วใช้มือแหวกร่องของผม  ผมมองน้องชายของพี่เขาที่กำลังจ่อกับช่องทางของผมอย่างหวาดกลัว  มันใหญ่เกินไป...

   “อ๊า........ เจ็บ  อย่าพี่” ทันทีที่พี่เขากดมันลงมากับปากทางเข้าผมก็เกร็งไปทั้งตัว  เจ็บจริงๆครับ เหมือนมันจะฉีกออกจากกันซะให้ได้เลย

   “อา...หมอกอย่าเกร็ง” พี่เขาหยุดการกดไว้แล้วเริ่มลูบไล้ปลุกอารมณ์ผมเพื่อจะให้ผมคลายการเกร็งตัว  แต่ไม่ว่าจะทำยังไงผมก็ไม่มีอารมณ์แล้วล่ะครับ  น้องชายผมหดหนีหมดแล้วล่ะ

   “ฮึ่ม...” พี่เขาร้องอย่างขัดใจก่อนจะยกตัวผมให้มือหลุดจากพันธนาการ จัดแจงให้กอดหลังเขาไว้

   “ผ่อนคลายนะครับคนดี” พี่เขาพูดอีกครั้งก่อจะกดลงมาอีก  ผมเจ็บมากจนถึงกับต้องข่วนหลังเขาเป็นทางยาว  แต่ดูท่าพี่เปลวแกก็ไม่สน แกแทรกกายเข้ามา  ถอยออกไปใหม่  แล้วกดเข้ามาใหม่ทีเดียวมิดเลย   ... ผมเจ็บสุดๆจนร้องลั่นเลยครับ  น้ำหูน้ำตาไหลพรากเลย  ผมรู้ทันทีว่าก้นผมต้องฉีกแหงๆ

   “เข้าหมดแล้วนะครับที่รัก อา... หมอก พี่รักหมอกนะครับ” พี่เปลวพูดพลางจ้องหน้าผม

   “คนรักกันเขาฝืนใจกันหรือครับ” ผมถามพี่เขา โกรธก็โกรธ อายก็อาย  ตัวเขายังอยู่ในตัวผมแล้วยังมาพูดอะไรแบบนี้เนี่ย  ...โว้ย...   ปรับอารมณ์ไม่ถูกแล้ว

   “พี่ขอโทษครับหมอก...แต่ว่าพี่รักหมอกจริงๆถึงทำแบบนี้นะครับ พี่รู้ครับว่าพี่ผิดที่ทำหมอกเจ็บแต่พี่อยากให้เรารู้ไว้นะครับว่าพี่ทำลงไปเพราะรักเราจริงๆ” พี่เปลวพูดพลางเริ่มส่ายน้องชายของเขาวนไปวนมาและเริ่มกระแทกไปมา มันแน่นไปหมดจริงๆ

   “อา...หมอก ดูสิครับ ร่างกายของหมอกกำลังกลืนพี่อยู่...” ผมเลยก้มลงไปมอง  ภาพที่เห็นคือน้องชายตัวเขื่องของเขากำลังขยับเข้าออกอยู่ในตัวผม

   “อ๊ะ...พูด....อะไรลามก อือ...” ผมว่าพลางส่งเสียงครางเพราะพี่เขาเริ่มโยกแรงขึ้นเรื่อยๆ  เจ็บก็เจ็บ เสียวก็เสียว

   “ก็เรากำลังทำเรื่องลามกกันอยู่นี่ครับ” พี่เปลวว่าพลางกระแทกแรงขึ้นและจับตัวผมพลิกเปลี่ยนเป็นท่านอนคว่ำโดยสะโพกผมถูกยกรับน้องชายของเขา  พี่เปลวกระแทกแรงจนหัวผมสั่นไปหมดแล้ว

   “อุ...อือ....อือ....  อะ...มะ...ไม่ไหวแล้ว” ผมพูดพลางจะหันไปดันพี่เขาออกแต่พี่เขากลับปัดมือของผมออกพลางเอื้อมมือมากำรอบน้องชายผม  แรงกระแทกด้านหลังส่งผลมายังด้านหน้าทำให้น้องชายของผมเสียดสีกับมือของพี่เขา  ผมเลยได้แต่คดตัวลงไปรองรับแรงกระแทกกระทั้นอย่าจำใจ

   “อา...พี่...เบาหน่อย...” ผมแตกไปอีกรอบ   แต่พี่เขาก็ไม่เสร็จ  ทำไมพี่แกอึดจังวะ...โอย...

   “พี่...พี่จะออกแล้วครับหมอก” พี่แกพูดพลางซอยถี่ยิบจนผมจุกไปหมดแล้ว

   “สุดท้ายแล้วนะครับ” พี่เขาพูด  นี่มันยังไม่เสร็จอีกหรอกวะ...  ผมก่นด่านในใจ  พูดไม่ได้เพราะพออ้าปากก็มีแต่เสียงครางลั่นห้อง  ตอนนี้เสียวกับเจ็บปนเปมั่วไปหมด

   พี่แกดึงตัวออกจนเกือบหลุดแล้วกระแทกเข้ามาเต็มแรงจนผมต้องงอตัวรับเพราะว่าจุกเหลือหลาย  น้ำอุ่นๆพุ่งเข้ามาในร่างกายและล้นออกตามร่องขา

   “อา...” ผมครางอีกครั้งเมื่อตัวของพี่เขาหลุดออกไป  ผมนอนค้างท่าเดิม  ไม่มีกะจิตกะใจจะลุกไปใส่เสื้อผ้าใดๆทั้งสิ้นเพราะหมดแรง

   “พี่รักหมอก  หมอกรักพี่ไหมครับ” พี่เปลงถามพลางดึงตัวผมเข้าไปกอด  หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ

   “บอกพี่นะครับคนดี” พี่เปลวพูดพลางประทับจูบผมเบาๆ

   “ถ้าไม่รู้สึกดีๆด้วยแล้วผมจะยอมพี่ขนาดนี้หรอครับ”  ผมบอกพี่เขาเบาๆ.................เพราะคำว่า "รัก" มันยังต้องใช้เวลา
 


..........................


seriest

  • บุคคลทั่วไป

5 ปีต่อมา


   ประเทศออสเตรเลีย

   โบสถ์เล็กๆแห่งหนึ่งที่ชานเมือง  พิธีแต่งงานกำลังจะเริ่ม  แต่กลับเป็นผู้ชายสวมชุดสูทสองคนยืนอยู่หน้าบาทหลวง  พร้อมกับสักขีพยานไม่มากนัก  แต่ดูไปก็มีแต่บรรยากาศแห่งความสุข

   “คุณพร้อมจะรับนายเมฆหมอกเป็นคู่ชีวิตและสัญญาว่าจะดูและเขาตลอดไปหรือไม่”

   “รับครับ” เสียงของชายหนุ่มตอบรับอย่างเข้มแข็ง กว่าจะฝ่าด่านให้พ่อแม่ตนเองและเพื่อนๆยอมรับไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่จะได้คนที่รักมาอยู่ข้างกายเช่นทุกวันนี้

   “แล้วคุณพร้อมจะรับนายเปลวเพลิงเป็นคู่ชีวิตและสัญญาว่าจะดูและเขาตลอดไปหรือไม่”

   “รับครับ” เสียงตอบรับจากชายร่างเล็กดังขึ้นเบาๆเพราความเขินอาย

   แล้วทั้งคู่ก็แลกแหวนกัน พร้อมกับจุมพิต  โดยมีเสียงเชียร์จากบรรดาเพื่อนๆ และญาติผู้ใหญ่ที่สนิทๆร้องแสดงความยินดี


   ต่อไปทั้งคู่ก็จะใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันในประเทศเสรีแห่งนี้ ที่ไม่มีการรังเกียจและมองคนรักร่วมเพศอย่างเหยียดหยาม แต่ยังไงซะพวกเขาก็รักประเทศไทยจนต้องกลับไปบ่อยๆ

แม้จะมีทะเลาะกันบ้างแต่ทั้งคู่ก็สาบานกันแล้วว่าจะอยู่ด้วยกัน



ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แค่ทุกวันนี้มีกันก็ดีที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ.......................










จบ.











______________________________________________________________________








ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 :L1:หึๆๆๆๆๆๆชวนติดตามเหลือเกินเลยครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
อ่านแล้วสนุกมาก
เปลวเพลิงกับเมฆหมอกน่ารักมาก :m1:
ขอบคุณมากค่ะที่นำนิยายน่ารักๆมาลงให้อ่าน :กอด1:

ออฟไลน์ beautyless

  • PP Kintai Love
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
หวานมากเลยครับ NC ถึงใจ บุคลิคตัวละครเป็นธรรมชาติ ขอบคุณครับ

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
สนุกดีค่ะ รวดเดียวถึงแฮปปี้ เอนดิ้งเลย ^o^

(แอบบอกไรท์เตอร์ว่ามีตัวสะกดผิดอยู่เป็นระยะๆนะคะ อย่างคำว่าพูดโพล่ง..ต้องเป็น พ พาน แล้วก็ศีรษะ..สระอีต้องอยู่เหนือ ศ ศาลา มีอีกนะคะตั้งแต่โพสแรกเลย ว่างๆลองมาทวนแก้ดู แล้วก็มีบางที่ผิดแบบพิมพ์ผิดเหมือนกับกดshiftเบาไปด้วย มีอยู่ที่หนึ่งชื่อพี่เปลว กลายเป็นพี่เปลง..ว่างๆลองมาทวนนะคะ)

ปล.เคยเจออาจารย์ถวัลย์ตัวเป็นๆด้วย ปลื้ม อิอิ

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
อ๊าาา น่าร๊ากกกก หมอกน่ารักที่ซู๊ด!! 55+ เป็นเรื่องสั้นที่น่ารักมากๆเลยค่ะ สนุกดีๆ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ตามเนื้อเรื่อง..รักกันเร็วไปนิด
แต่ก็น่าติดตาม..อ่านจนจบ

jokirito

  • บุคคลทั่วไป
สนุกดีจ้ะ  เหมือนเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของจุดเริ่มต้นของคู่รักที่สุดท้ายก็สามารถฟันฝ่าอุปสรรคกันไปได้ล่ะนะ  แม้ว่าเราจะไม่รู้ก็เหอะว่าเค้าผ่านอะไรกันมาบ้าง  อ่านเพลินดี  มีให้ลุ้นด้วยว่าตอนจะโดนรุมโทรมอิตาพระเอกจะมาช่วยทันมั้ย อิอิ

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
เรื่องมันสั้นไปหน่อยนะ เป็นเรื่องสั้นจริงๆ
เหมือนเล่าคร่าวๆ+NC1ตอน
แต่เค้าโครงสนุกดีค่ะ ถ้าแต่งเป็นเรื่องสั้น แต่ว่ายาวกว่านี้
มีรายละเอียดที่มาที่ไปกว่านี้อีกหน่อย  คงดีเนอะ..

 :L2: ให้กำลังใจค่ะ

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
+1 เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์จ้ะ  :3123:

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
สนุกมากๆๆ
ไม่น่าเป็นเรื่องสั้นเลย
น่าจะเป็นเรื่องยาว  :pig4:

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
เรื่องนี้จำได้ว่าอ่านมาสามสี่รอบ ก็ยังชอบอยู่เลย  :L1:

น้องหมอกน่ารักมากๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






belzaaa

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักดีคะ  ถึงจะรักกันเร็วไปนิด แต่ก็รักนานจนถึงขั้นแต่งงานกัน  เหมือนบอกให้ว่าความรักไม่ว่าจะขึ้นช้าหรือเร็วก็อยู่กับเราได้นานถ้ามีความเข้าใจซึ่งกันและกัน

rose

  • บุคคลทั่วไป
สั้นๆ

แต่สนุก อ่านแล้วลื่นไหล

แล้วก็ จบได้ดีค่ะ

ชอบๆ

 :L2:

kaewkaewkaew

  • บุคคลทั่วไป
 o13 exellent  o13

YELLOWSTAR

  • บุคคลทั่วไป
Ohhhhh!!!!!!!1

พี่เปลวช่างร้อนแรงจิงๆ

อ๊ากกกกก

อ่านแล้วเขิล  5555++ :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นเรื่องสั้น

เลยทำให้ดูทุกอย่างมันช่างรวดเร็วทันใจคนอ่านเหลือเกิน

เจอกันปุ๊บทะเลาะกัน รักกัน แล้วก็จุ๊กจิ๊กกัน  :z1:

ตอนจบแต่งงานกัน แฮปปี้ทุกฝ่าย  :กอด1:


เค้าโครงเรื่องดีมากๆเลยค่ะ
ถ้าแต่งเป็นเรื่องยาวจะดีที่สุดเลย

เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :L2:

MaeMoo

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณไรเตอร์มากจ้า

เรื่องน่ารักมาก สุดท้ายก็ได้อยู่ด้วยกัน

บุพเพฯจริงๆนะคะเนี่ย

kratai21

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องสั้นจริงๆแหละ แต่เปลวเพลิงร้อนแรงสุดๆอ่ะ มีแต่งงานกันด้วย สวีทสุดๆ

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
น้องหมอกไหนว่า ไม่ถูกชะตาแต่แรกเห็นไง  :z2:

ยอมเค้าซะงั้น  :o8:

ออฟไลน์ Zurruz

  • สาววายพันธุ์ยัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
สนุกๆๆ NC ดุเดือดดี

ชอบๆ บวก 1 ให้เเล้วน้า

เป็นกำลังใจ ในเรื่องต่อๆไป

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
หนุกม๊ากเป็น เน็นซี ที่หวานดีแหะ  แฮปปี้ๆๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด