ถึงจะต้องไปๆกลับๆ ระหว่างกรุงเทพกับขอนแก่นอยู่ตลอด แต่พศวตก็จัดการทั้งค่ารักษาพยาบาลที่ค้างไว้และค่าใช้จ่ายในงานศพ เขารู้ว่าสมปองเหลือญาติเพียงคนเดียวคือน้าเพ็ญ หญิงวัยกลางคนที่ประจบสอพลอเขาอยู่แทบจะตลอดเวลาที่เจอกัน จึงทำให้ในตอนนี้คนรักของเขาแทบไม่ต่างจากคนไร้ญาติขาดมิตรเลย แต่ความเอื้ออาทรต่อคนในชุมชนชนบททำให้เขาวางใจได้มากทั้งผู้ใหญ่บ้านที่แวะเวียนมางานศพแทบทุกวัน ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านที่รับเป็นแม่ครัวทำอาหารกลางวันและอาหารเย็นเลี้ยงแขก
"ถ้าคุณแมกซ์มีงานที่กรุงเทพก็...ไม่ต้องห่วงผมหรอกนะครับ" อยู่ๆเด็กหนุ่มก็คลานเข่าเข้าไปนั่งข้างๆเจ้าของชื่อที่นั่งฟังพระสวดอยู่ที่มุมด้านหนั่งของศาลา
"ไปๆกลับๆ ก็ได้ ขับแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง " ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำนั่งพนมมือ ตอบกลับมา ด้วยรุปร่างหน้าตาที่โดดเด่น ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ละแวกนี้ต่างก็แวะเวียนมางานศพเพื่อมาพบหน้าเขาซักครั้ง
"ก็ผมไม่อยากให้คุณแมกซ์ลำบากนี่นา..." เด็กหนุ่มตอบเบาๆ เหมือนจะบ่นๆ
"ไม่ได้ลำบากอะไรซักหน่อย "
แม้จะรับปากไปว่าจะขับรถไป-กลับระหว่างกรุงเทพ-ขอนแก่นให้ได้ แต่สุดท้ายพศวัตก็ไม่สามารถทำได้ เขาต้องอยู่ทำงานด่วนที่กรุงเทพสองวันเต็มๆ เพื่อให้มีเวลาพอในคืนสวดอภิธรรมศพคืนสุดท้ายและวันเผาศพ
++++++++++++++++++
ในวันสุดท้ายของการสวดศพของแม่ กลับไม่เห็นวี่แววของเด็กหนุ่ม ลูกชายเพียงคนเดียวของผู้ตายเลยแม้แต่น้อย แต่แม้แต่ในห้องครัวที่คาดหวังไว้ว่าจะได้เห็นเด็กหนุ่มยืนล้างจานหรือด้านนอกที่อาจจะช่วยวิ่งเสิรฟน้ำอยู่ก็ไม่เห็นแม้แต่น้อย ทำให้พศวัตที่ขับรถเข้ามาในวัดตั้งแต่หัวค่ำต้องแปลกใจ ชายหนุ่มถามคนที่มาช่วยงานอยู่แถวนั้น แต่ก็ไม่มีใครเห็นสมปองเลย ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าเด็กหนุ่มจะทำอะไรแปลกๆ ชายหนุ่มร่างสูงจึงรีบขับรถกลับไปที่บ้านของเด็กหนุ่มทันที
รถยนต์คันหรูของพศวัตวิ่งเข้ามาตามถนนราดยางแคบๆในหมู่บ้าน บ้านหลังเล็กๆเรียงรายเป็นแถวลึกเข้าไป สองข้างทางมีแสงจากดวงไฟส่องสลัว ริมรั้วล้วนเป็นต้นไม้ปลูกเป็นแนวรั้วธรรมชาติ ถูกลมพัดผ่านส่งเสียงหวีดหวิวท่ามกลางแสงสลัว หน้าบ้านของสมปองมีไฟนีออนหลอดเล็กๆส่องสว่าง มองเข้าไปด้านใน บ้านกึ่งไม้กึ่งปูนมีแสงไฟส่องลอดออกมาจากหน้าต่างชั้นสองทำให้พอจะเดาได้ว่ามีคนอยู่ที่บ้าน เมื่อช่วงขายาวก้าวเข้าเขตบ้านมาได้กลิ่นหอมเย็นลอยมาจากต้นพิกุลต้นใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าบ้าน แต่ท่ามกลางความมืด และเงียบที่ได้ยินเพียงเสียงแมลง ร้องดังมาจากที่ไกลๆแบบนี้ ทำให้รู้สึกวังเวงอยู่ไม่น้อยพศวัตจอดรถราคาแพงที่หน้าบ้าน แล้วลงมาอย่างรีบร้อน
" น้อย! "
แต่เงียบ ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับนอกจากเสียงแมลง และเสียงกบร้องดังมาจากที่ไกลๆแว่วมาให้ได้ยิน
" น้อย! อยู่ไหม?! "ชายหนุ่มเรียกอีกครั้ง พลางก้าวเท้ายาวๆไปดึงประตูหน้าบ้าน
.. ให้ตายสิ อย่าทำอะไรบ้าๆนะโว้ย ...แต่ประตูหน้าบ้านกลับไม่ได้ล็อกกลอน เมื่อเปิดเข้าไปด้านในก็ไม่มีวี่แววของเด็กหนุ่มที่ตามหา
"โธ่เว๊ย ไอ้น้อย หายไปไหนของมันวะ!! "พศวัตคำรามอย่างร้อนรน ชายหนุ่มวิ่งพล่านไปทั่วบริเวณบ้านก่อนจะได้ยินเสียงซวบ และเสียงกิ่งไม้หักอย่างผิดธรรมชาติดังมาจากต้นพิกุลใหญ่ที่อยู่หน้าบ้าน ก่อนที่จะเห็นร่างดำหล่นพลุบลงมาจากกิ่งพิกุลใหญ่ ลงมาตรงหน้าของตัวเอง
" เฮ้ย! มึงเป็นใคร ขโมยรึไง? "พศวัตเดินสาวเท้ายาวๆมาที่หน้าบ้านพลางกระชากร่างที่ตกลงมาจากต้นพิกุลอย่างแรง
"คุณแมกซ์" เสียงคุ้นหูดังขึ้นท่ามกลางความมืด
เมื่อลองเพ่งมองดูดีๆ เส้นผมที่เคยลูบอย่างเอ็นดูถูกโกนจนหายไปจนหมด รวมไปจนถึงแนวคิ้วเหนือดวงตากลมโต ของเด็กหนุ่มก็ถูกโกนหายไปด้วยเช่นกัน "น้อย? "ชายหนุ่มเรียกชื่อของคนรักเบาๆ แล้วดึงร่างเล็กๆนั่นให้มายังที่ๆมีแสงไฟชัดเจนดวงตาคู่คมมองร่างตรงหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
" ทำไมไม่บอกพี่ก่อน? "พศวัตตัดพ้ออีกฝ่าย น้ำเสียงสั่น พลางลูบศีรษะเกลี้ยงเกลานั่นเบาๆ
" ให้พี่อยู่ในพิธีปลงผมก็ยังดี ""ไม่มีพิธีอะไรหรอกครับ....ก็แค่ไปโกนหัว...." เด็กหนุ่มตอบเสียงเรียบๆ ดวงตากลมโตมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง
"เท่าที่คุณแมกซ์ทำให้ผมขนาดนี้ ผมก็ไม่รู้จะตอบแทนคุณแมกซ์ยังไงแล้ว " เด็กหนุ่มว่าพลางพนมมือยกแทบอกของอีกฝ่าย
" ตอบแทนอะไรกัน.. "มือแกร่งทั้งสองข้างโอบร่างเล็กนั่นเข้ามากอดแน่น
" อย่าพูดแบบนั้นสิ "
"ครับ....." เด็กหนุ่มรับคำเบาๆ ที่เหมือนจะหายไปกับสายลมที่พัดผ่านมา สูดลมหายใจเข้าไปได้กลิ่นดอกพิกุลติดตัวร่างเล็กในอ้อมแขนนั้นมาด้วย กลิ่นดอกพิกุลที่ติดตัวมาทำให้ชายหนุ่มนึกได้ เขาผละร่างเล็กออกก่อนจะถาม
" แล้วขึ้นไปซนอะไรบนต้นไม้? "
"............ผมไม่ได้ซนซักหน่อย" สมปองตอบก่อนจะผละออกจากอีกฝ่าย เดินกลับไปยังใต้ต้นพิกุลนั้น
"ต้นไม้เนี่ย แม่ชอบมากครับ...ใครบอกให้โค่นเท่าไรๆ แม่ก็ไม่ยอม แม่บอกว่ามันหอมดี...แต่แถวนี้เขาก็ถือกัน..." เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าของชายหนุ่มร่างสูง
"ผมคิดถึงแม่.....ก็เลยคิดว่า....ถ้าได้อยู่บนต้นไม้นี่ คงเหมือนได้อยู่ใกล้ๆแม่บ้าง" ท้ายเสียงนั้นสั่นเครือเล็กน้อย แต่ก็เป้นอีกครั้งที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มนั้นเหมือนจะอดทนอะไรบางอย่างเอาไว้
" อดทนหน่อยนะ ... "ชายหนุ่มปลอบโยนอีกฝ่าย เขารู้ดีว่าสมปองต้องอดทนขนาดไหนตั้งแต่วันที่ผู้เป็นแม่เสีย เขายังไม่เห็นเด็กหนุ่มคนนี้ร้องไห้จนตาบวมเลยซักครั้ง
" เราต้องไปวัดกันแล้วนะ .. สวดคืนสุดท้ายแล้ว "ชายหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือของตน
"ครับ...." สมปองสูดลมหายใจเข้าลึก เขารู้ดีว่ายังเรื่องที่เขาต้องทำให้แม่ แม่เสร็จ แต่เขาก็รู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร
...แม่ก็จะหายไปจากสัมผัสของเขาตลอดไป....
คิดได้แบบนั้นเด็กหนุ่มหลับตาแน่น มือทั้งสองข้างกำแน่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าของพศวัต
"ไปกันเถอะครับ..."
++++++++++++++++++
วันสวดศพคืนสุดท้าย ผ้คนดูจะมากันหนาตา บางคนก็ไม่ใช่แม้แต่คนที่สมปองรู้จักแต่ก็มีหลายคนที่นำเงินมาร่วมทำบุญกับแม่ของเขาเป็นครั้งสุดท้าย ร่างเล็กยกมือไหว้ จุดเทียนและวิ่งยกน้ำเสริฟให้ตามหน้าที่ของเจ้าภาพงานที่ดี แม้จะได้ยินเสียงถามถึงคนที่รับเป็นเจ้าภาพอยู่หนาหู เด็กหนุ่มมองไปยังหน้าเพ็ญอย่างระแวดระวัง กลัวเหลือเกืนว่าน้าเพ็ญจะพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับพศวัตหรือเปล่า
แต่ก็ดูเหมือนว่าในคืนสุดท้าย น้าเพ็ญจะสงบเงี่ยมลงเยอะ อาจะเป็นการทำเพื่อพี่สาวครั้งสุดท้ายก็เป็นได้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผิวพรรณดีจากกรุงเทพนั่งอยู่ที่โซฟาด้านหน้าของเจ้าภาพ รายล้อมไปด้วยผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายก อบต. และผู้มีตำแหน่งต่างๆในหมู่บ้าน พระสงฆ์ที่สวดอภิธรรมในคืนนี้ก็นิมนต์มาจากต่างอำเภอ
จนเมื่อแขกคนสุดท้ายกลับไปแล้ว สมปองเดินกลับไปที่ด้านหลังโลงศพของแม่ มือเล็กแตะเคาะเบาๆ ในความมิดสลัวนั้น เด็กหนุ่มกระซิบเสียงแผ่วเบาเพียงพอแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่จะได้ยิน มันเป็นการบอกลาครั้งสุดท้ายจากลูกชายคนเดียวของแม่ ก่อนจะเดินกลับออกมาเห็นว่าพศวัตยังคงยืนรอเขาอยู่เหมือนเช่นทุกที
"วันนี้คุณแมกซ์จะไม่ไปนอนที่โรงแรมซิ่นะครับ"....ถามออกไปเช่นนั้นเพราะเห็นอีกฝ่ายถอดสูทปลดเน็คไทออกเป็นที่เรียบร้อย
"พรุ่งนี้ต้องเตรียมงานแต่เช้า..ว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเราน่ะ คืนนี้ "ดวงตาคมสบตาอีกฝ่าย เขารู้ดีว่าสมปองต้องอดทนมาตลอดและตัวเขาเอง ถึงจะมีเงินทอง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก ถ้าทำแบบนี้แล้วอีกฝ่ายจะดีขึ้นเขาก็อยากจะทำ
"ผมก็ต้องบวช....ให้แม่" เด็กหนุ่มยิ้มฝืนๆ
"เรา...กลับ...บ้านกันดีไหมฮะ คุณแมกซ์จะได้พักผ่อน" ว่าพลางก็เดินเข้าไปหาอีกฝ่าย แต่มือเล็กเอื้อมเลยไปเปิดประตูรถก้าวเข้าไปนั่งข้างคนขับ
++++++++++++++++++
ตลอดทางที่ขับรถกลับบ้าน พศวัตปล่อยให้สมปองคิดอะไรไปเงียบๆเพียงคนเดียว มีเพียงเสียงแอร์เย็นฉ่ำในรถเท่านั้นที่ดังขึ้นแบบเอื่อยๆ จนเมื่อกลับมาถึงบ้าน เด็กหนุ่มก้าวลงจากรถ ดวงตากลมโต มองไปทั่วบริเวณบ้าน ก่อนเพ่งมองที่ต้นพิกุลต้นใหญ่หน้าบ้าน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วเดินนำชายหนุามร่างสูงเข้าไปด้านในบ้าน
"เชิญคุณแมกซ์ไปอาบน้ำก่อนเถอะครับ"
"เดินไกลนะ ห้องน้ำเราน่ะ มืดก็มืด..ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ "พศวัตโอดครวญเมื่ออีกฝ่ายบอกให้เขาไปอาบน้ำก่อน ห้องน้ำที่สร้างต่างหากนอกบ้าน ไหนจะไฟสลัวทำให้ค่ำคืนแบบนี้น่ากลัวได้ไม่น้อย
"....คุณแมกซ์ ไม่ได้กลัวความมืดเสียหน่อย" เด็กหนุ่มตอบกลับอย่างรู้ทันแต่ก็พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้เมื่อเห็นสายตาที่มองมา
"ครับๆ จะไปยืนเฝ้า หน้าห้องน้ำ"
"เดี๋ยวพี่อาบเสร็จแล้วจะรอเราที่หน้าห้องน้ำต่อ แล้วกลับขึ้นบ้านพร้อมกันนะ "ว่าแล้วก็คว้าผ้าเช็ดตัว เสื้อยืด กับกางเกงนอน และกระเป๋าใส่อุปกรณ์ในการอาบน้ำที่จำเป็นใบขนาดย่อมไปด้วย
"ยืนรอข้างนอกมันก็มืดนะครับ..." สมปองแหย่
"มืดก็ไม่ได้อยู่คนเดียวนี่ ถ้ากลัวมากๆ ก็จะเข้าไปช่วยอาบด้วย "พศวัตยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อีกฝ่าย .. ที่จริง เขาก็ต้องปรับตัวไม่น้อยกับสภาพ ทั้งหัวและคิ้วโล้นแบบนี้ของคนรัก
"ครับๆ งั้นรีบไปอาบเถอะครับ" เด็กหนุ่มตอบพลางดันหลังอีกฝ่ายให้รีบเดินไป ส่วนตัวเขาเองมีเพียงผ้าข้าวม้าผิน เสื้อยืดกางเกง ขันกับสบู่เป็นอันพอ
ตลอดเวลาที่พศวัตเข้าไปอาบน้ำ ในห้องอาบน้ำที่มีแต่โอ่ง กับก๊อกน้ำ อ่างล้างหน้ากับกระจกเก่าๆ ที่พอจะวางกระเป๋าที่ใส่อุปกรณ์อาบน้ำมาได้ เขาก็ส่งเสียงพูดคุยกับสมปองไปเรื่อยโดยที่คนที่อยู่ข้างนอกก็ตอบกลับมาบ้าง เงียบไปบ้าง จนเมื่ออีกฝ่ายอาบเสร็จ สมปองจึงเตรียมจะเข้าไปอาบบ้าง เด็กหนุ่มหันกลับไป หยิบขันกับเสื้อที่วางไว้ตรงตุ่มเล็กๆที่วางเอาไว้รองน้ำจากอีกก๊อกสำหรับซักล้าง และเหมือนเดิม คนที่รอข้างนอกส่งเสียงชวนคุยเป็นพักๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะมีเสียงตอบรับเบาๆมาจากด้านในห้องน้ำ ไม่นานนักก็เดินออกมา เด็กหนุ่มร่างเล็กหัวโล้นเกลี้ยงใช้ผ้าขาวม้าเช็ดหน้าลวกๆ
++++++++++++++++++
"ไปเถอะ หนาวจะแย่แล้ว " พศวัตยิ้มแล้วจูงมือเล็กๆนั่นกลับขึ้นไปที่ชั้นสองของตัวบ้าน ที่มีมุ้งกางรอไว้อยู่แล้ว เด็กหนุ่มเดินไปจัดฟูกให้อีกฝ่าย ก่อนจะปลดมุ้งลงมาให้คลุมรอบฟูกป้องกันแมลง พัดลมตัวเล็กพัดหมุนเอื่อยๆ ส่งเสียงเอี้ยดอ้าดท่ามกลางความเงียบ
"นอนเถอะครับ พรุ่งนี้ ต้องตื่นกันแต่เช้า" สมปองว่าพลางมุดเข้าไปอยู่ในมุ้งหลังจากเดินไปปิดไฟจนมืด แม้จะปิดไฟทั้งบ้านแล้ว แต่แสงจันทร์ก็ยังสาดส่องเข้ามาภายในห้องนอน พศวัตเห็นร่างเล็กรางๆ มือแกร่งแตะผิวแก้มเย็นๆของอีกฝ่ายให้หันมา
"น้อย.. "
"ครับ..." ดวงตากลมเป็นประกายในความมืด
"คืนนี้มืดมากเลยนะ "เขาชวนคุยอีกครั้ง
" มืดจนพี่ไม่เห็นหน้าเราเลย "
"ก็...ไม่ต้องเห็นแบบนี้ล่ะครับ....ดีแล้ว" เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นเบาๆ ใบหน้านั้นเอียงลงรับสัมผัสนั้น
"ผม...คิดถึงแม่" เสียงนั้นดังขึ้นแผ่วเบา เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่สมปองแสดงความเป็นเด็กออกมาทั้งจากน้ำเสียงและท่าทาง
"อืม "ชายหนุ่มรับคำในคอ มือที่ลูบใบหน้าเล็กๆนั่นค่อยๆ รั้งร่างผอมเกร็งเข้ามากอดจากด้านหลัง
"ผมมีแม่อยู่คนเดียวครับ....ไม่มีใครแล้ว ชีวิตผมอยู่กับแม่สองคนมาตั้งแต่ผมเกิด จำได้ก็แค่ว่าแม่บอกว่าพ่อเป็นคนขับรถบรรทุก พ่อชอบดูมวยมาก...ผมอยากเห็นพ่อ อยากเจอพ่อ เลยไปขอให้ลุงดำพาไปให้ครูสอนมวย...ผมอยากเป็นนักมวย พอย้ายเข้ากรุงเทพก็ไปอยู่กับพ่อสุธี ซ้อมหนักทุกวันเจ็บตัวทุกวัน แต่...ถ้าผมดังเผื่อพ่อมาเห็นชื่อผม จะได้จำผมได้บ้าง" เสียงนั้นเล่า...สั่นเครือ อากาศไม่ได้เย็น แต่สองไหล่กลับสั่นเทา พศวัตทำเพียงแค่กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีก แทนคำปลอบโยน
"แม่ห้ามผมแล้ว ห้ามผมอีก แต่ผมก็ไม่ฟัง ฝึกตั้งแต่ขัดทุกอย่างในยิมจนได้ต่อยกระสอบทรายได้ขึ้นเวที จนได้ต่อยไฟท์แรกๆหรือก็ดีอยู่ เจ็บตัวแต่สนุกได้เงินเยอะแยะจากที่หามาเองจนไม่เป็นอันเรียน...หนักๆเข้าจนไฟท์สุดท้าย....ผมเจอน็อคหลับไปสามวัน หมอเลยสั่งห้ามผมชกตลอด..."เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึก
"แม่อยากให้ผมเรียนแทบตายสุดท้ายก็มาจบเอาที่...หัวสมองผมมันเสีย...ช้าเกินกว่าที่จะเรียนเสียแล้ว...
ผมทำอะไรให้แม่ไม่ได้เลย.....ไม่ได้จริงๆ" แผ่นหลังนั้นกระตุกพร้อมเสียงสะอื้น สมปองร้องไห้ออกมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่
"ไม่หรอก ..
ฟังพี่นะ .. เราเป็นเด็กดี ไฝ่ดี และตั้งใจทำงานมาก มันเป็นข้อดีของเรานะ รู้ไหม"ริมฝีปากหนากระซิบข้างหูจากด้านหลัง ก่อนจะดันใบหน้านั้นให้หันมามองหน้าเขาอีกครั้ง ริมฝีปากหนาจูบที่หยาดน้ำตาเบาๆ
"ผมทำงานมาตลอดก็เพื่อแม่....แล้วจากนี้ผมจะทำ
เพื่อใครดีล่ะครับ....ผม........" ท้ายเสียงฟังไม่เป็นภาษา สมปองสะอื้นไห้เสียงดัง เสียงลมหายใจสูดเข้สั้นๆดูติดขัด
"เพื่อตัวเองไง .. นะ
จากนี้ไป พี่อยากให้เราใช้ชีวิตให้ตัวเองมีความสุข .. กับพี่นะ จะได้ไหม? "
"ผม......" แม้ได้ยินคำถามนั้นเต็มสองหู แม้เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายต้องการจะบอกอะไร แต่เด็กหนุ่มกลับรับคำนั้นไม่ได้ เด็กหนุ่มเบือนหน้าหลบเขาไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาตอบอีกฝ่ายดีในเวลาแบบนี้
“................................”
“................................”
ความเงียบเข้าปกคลุมแทบจะในทันที สมปองยกมือผอมของตัวเองขึ้นปาดน้ำตาท่ามกลางแสงสลัวของดวงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา
"ขอโทษครับ..พี่ไม่น่าพูดเอาตอนนี้เลยนะ "ชายหนุ่มร่างสูงถอนหายใจ แต่ก็ยังไม่ปล่อยมือริมฝีปากบางของเด็กหนุ่มเม้มแน่น นึกว่าตนนั้นโชคดีแล้วที่ไม่ได้หันไปมองหน้าของอีกฝ่าย และอีกฝ่ายก็จะได้ไม่ต้องมาเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของตัวเองในตอนนี้
"งานพรุ่งนี้เสร็จ....." เด็กหนุ่มเอ่ย พลางสะอื้น
"คุณแมกซ์กลับไปกรุงเทพเลยนะครับ"
"ครับ..พี่ต้องกลับไปทำงานแล้วครับ .. คุณแม่เขาให้เวลาพี่มาเยอะแล้ว .. คงยืดเวลาต่อไม่ได้แล้วแหละ "พศวัตหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างน้อยก็น่าจะเปลี่ยนอารมณ์ของเด็กหนุ่มให้หายเศร้าได้บ้าง
"น้อยครับ .. เรื่องบวชนะ อยากบวชถึงเมื่อไหร่ก็ได้นะ .. แต่ถ้าสึกแล้ว ต้องกลับไปหาพี่ที่กรุงเทพนะ รู้ไหม?" เด็กหนุ่มไม่ได้ตอบ เขาหัวเราะออกมาไม่ได้เลย
"คุณแมกซ์กลับไปเลยนะครับ.... ผม....ยังไม่รู้จริงๆ"
"ครับ .. พี่จะกลับเลย ถ้าน้อยอยากให้เป็นแบบนั้นนะ "ริมฝีปากหนาจูบเบาๆที่ผิวแก้ม และยืนยันคำเดิม
" แต่อย่าห้ามไม่ให้พี่รอเลยนะ .. " ทันใดนั้นเด็กหนุ่มพลิกตัวกลัวมาโผเข้ากอดอีกฝ่าย
ใบหน้าที่เคยมีแต่รอยยิ้มสดใสตอนนี้กลับบูดเบี้ยวเต็มไปด้วยคราบน้ำตา สมปองร้องไห้โฮออกมาเสียงดัง มือหยาบนั้นกุมเสื้อของชายหนุ่มร่างสูงเอาไว้จนยับย่นตามแรง
"ร้องออกมาเถอะ ... พี่จะอยู่กับเรานะคืนนี้ จะไม่ไปไหน .. ร้องเสียให้พอเลย "มือแกร่งลูบศีรษะกลมๆนั่นไปมา ช่วงวินาทีหนึ่งที่ปลายนิ้วของพศวัตลากผ่านเขารู้สึกได้ถึงรอยแผลเป็นที่ฝังลึกอยู่บนศรีษะของอีกฝ่าย มันอธิบายได้มากมายเหลือเกินถึงความเจ็บปวดจากอาการ...ช้าและย้ำคิดย้ำทำที่เด็กหนุ่มเป็น น้ำตาเปียกที่อกเสื้อของร่างสูง
สมปองร้องไห้หนักมากจนเสียงเริ่มแหบพร่า ร่างที่สะอื้นกระตุกเป็นพักเริ่มนิ่งลงเช่นเดียวกับเสียงสูดลมหายใจเริ่มแผ่วเบาลง มีเพียงน้ำตาที่ยังคงไหลออกมาจากดวงตากลมที่ปิดลงแนบกับอกกว้างนั้น
++++++++++++++++++
Talk : เนอะ..แต่ถึงคืนนี้จะมืดขนาดไหน ของพี่แมกซ์กับเจ้าน้อยก็ซับน้ำตารีดเดอร์ได้ใช่ไหมคะ??