...วาเลนไทน์? ...คิ้วหนาของชายหนุ่มเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ เขามัวแต่ยุ่งเรื่องมาที่นี่จนลืมวันลืมคืนไปในหลายๆครั้งหรือไร
รามินทร์เหลือบมองดูนาฬิกาที่แวนอยู่ที่ผนัง เขาควรจะรีบกลับไปนอนได้แล้ว ฟ้าเองก็เริ่มมืด ถึงแม้นิวยอร์คจะเต็มไปด้วยแสงสี แต่ในย่านนี้ ก้เงียบเสียงจนบางมุมของตึกก็มืดเหมือนไม่เคยมีแสงแดดส่องถึง มองไปที่แคชเชียร์ ไม่มีวี่แววของชายร่างสูง ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
"ซื้ออะไรนักหนา กะอีแค่พริกนี่คิดจะเอาไปถมที่กันเลรึยังไง" รามินทร์บ่นก่อนจะเดินเจ้าไปดูด้านใน ที่เป็นส่วนขายของ ร้านไม่ได้กว้างขวางอะไรมากนัก แต่ก็ไม่เจอตัวพี่ชาย
...หายไปไหน...ชายหนุ่มร่างเล็กขมวดคิ้ว ที่ร้านนี้ไม่มีห้องน้ำให้เข้าใช้งาน ถ้าอีกฝ่ายจะเดินออกมาก็ต้องเห็นเขายืนอยู่ แต่นี่เดินวนรอบทั่วร้านแล้วก็ยังหาไม่เจอ
"พี่แมน..." ชายหนุ่มเอ่ยเรียกดังพอให้ได้ยิน แต่ที่ได้รับกลับมาก็มีเพียงแค่สายตาของพนักงาน ที่มองมาอย่างสงสัยเท่านั้น
...หรือจะออกไปรอข้างนอก....รามินทร์คิดในใจ ด้านนอกอากาศหนาวเย็นแต่ก็มีหิมะตกประปราย คนไม่เคยเห็นหิมะอาจจะออกไปวิ่งกินหิมะอยู่ข้างนอกก็เป็นได้ รามินทร์พาลคิดไปแบบนั้น
...ไหนๆก็บ้ามาจนถึงนี่ได้นับประสาอะไรจะไม่วิ่งไปกินหิมะข้างนอก....ชายหนุ่มเดินออกไปดูด้านนอก ไฟจากร้านรวงแถวนั้นให้ความสว่างพอมองเห็นทางเดินยาวเรียบถนนไปตลอด แต่ก็ไม่เห็นใครที่ดูจะคล้ายคนคุ้นเคย รามินทร์เดินไปดูที่ข้างร้านซึ่งเป็นตรกที่พวกเขาเดินลัดมา แต่ก็มีแต่ความมืด ความหวั่นใจ แล่นเข้าจับขั้วหัวใจ เช่นเดียวกับสายลมเย็นเฉียบที่พัดผ่านตรอกเข้ามาหาร่างเล็ก เกล็ดหิมะปลิวเข้าตา รามินทร์ใช้มือปัดหิมะนั้นออกไปให้พ้น ใบหน้า
"พี่แมน...."รามินทร์ร้องเรียกพลางเดินลึกเข้าไปในตรอก
"พี่แมนอยู่ไหนน่ะ...พี่แมน"สองขาก้าวเร็วขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงเดินอยู่ไกลๆ แต่พอเข้าไปใกล้ได้ก็ต้องหยุดเมื่อรู้ว่าไม่ใช่ ท่าทางเหมือนคนจรจัดที่เดินผ่านมาหาเก็บของจากที่หลังร้านมากกว่า สายตาแดงก่ำที่มองมานั้น ทำเอาคนที่ออกตามหาพี่ชายก็นึกกลัวไม่น้อย ร่างเล็กหันหลังกลับกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังถนนใหญ่ด้านหน้าร้านทันที
แต่ก็ต้องชนกับร่างสุงใหญ่อย่างจัง แขนแกร่งนั้นดึงแขนรามินทร์เอาไว้เมื่อถูกพูดภาษาอังกฤษรัวๆใส่
" มินจะไปไหนน่ะ?.. "
"อ่ะ............" เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูร่างเล็กกว่าหยุดนิ่งพลางเงยหน้าขึ้นมองหน้าของอีกฝ่าย
"พี่แมน..."สองมือหมายจะคว้าอีกฝ่ายมากอด ก่อนจะหยุดชะงักอีกครั้ง ร่างเล็ก ขยับถอยออกทันที
"หายไปไหนมา! นี่นึกว่าไปเดินหลงจนโดนไอ้มืดที่ไหนเชือดเป็นศพไปแล้ว!!" รามินทร์หลับหูหลับตาโวยวาย
ชายหนุ่มรีบชูถุงใส่ของทันที
" พี่ไปซื้อของเพิ่มไง ในร้านมีไม่ครบ "
"แล้ว....แล้วไปไหนมาเล่า จะไปไหนมาไหนก็.........ช่างเถอะ กลับได้แล้ว ผมต้องรีบไปนอน คืนนี้ ทำงานถึงเช้าอีก..."รามินทร์ขมวดคิ้วทำท่าอารมณ์เสีย แต่เมื่อหันหลังให้อีกฝ่ายได้ก็ลอบถอนหายใจเสียหนึ่งคำรบด้วยความโล่งใจว่า อีกฝ่ายไม่ได้หลงไปไหน และไม่ได้เป็นอันตรายอะไร
เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกทำให้คนคนที่อยู่ข้างหลังรามินทร์ต้องลอบยิ้มออกมา ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ารามินทร์เป็นห่วงเขามากขนาดไหน ชายหนุ่มไม่ยอมแพ้แน่ๆ เขามาถึงขนาดนี้แล้ว เขาต้องทำให้รามินทร์ยอมรับให้ได้
ก่อนจะเข้านอนอีกครั้ง รามินทร์กำชับ คนที่บอกว่าจะเตรียมเครื่องต้มยำไว้สำหรับพรุ่งนี้ให้ปิดแก๊สเช็คไฟฟืนให้เรียบร้อยก่อนที่จะนอน เมื่อออกไปทำงานตอนสี่ทุ่มก็เห็นทุกอย่างในห้องครัวจัดเก็บเรียบร้อย และประตูห้องของพศวัตที่ กตัญญูอาศัยนอนนั้นก็ปิดสนิทเรียบร้อย รามินทร์ส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะอยู่ที่นี่ไปจนถึงเมื่อไร
เขา....ไม่ยอมใจอ่อนกับความใจดี นั้นง่ายๆเด็ดขาด...อย่างน้อย รามิ นทร์ก็พยายามจะย้ำกับตัวเองซ้ำๆเช่นนั้น ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมจะล็อคกุญแจให้แน่นหนา
...จะได้ไม่ต้องไปวิ่งซนให้ปวดหัวอีก...++++++++++++
ร้านขายกาแฟอาหารยามดึกนั้นไม่ค่อยมีผู้คนเข้ามาใช้บริการมากนัก รามินทร์เช็ดๆถุๆเคาน์เตอร์ไปพลางก็มองออกไปยังท้องถนนที่การจราจรบางตาจนแทบจะไม่มีรถราวิ่งผ่านพลางถอนหายใจ
แต่แล้วก็สะดุดเข้ากับ คู่หนุ่มสาวคู่หนึ่งที่นั่งอยู่ที่มุมของร้าน บนโต๊ะมีดอกกุหลาบช่อสวยวางอยู่พร้อมกับที่หญิงสาวกำลังเปิดอ่านการ์ดใบน้อย รอยยิ้มระบายบนใบหน้าอย่างดีใจพลางหันไปกระซิบกระซาบกับชายคนรัก เสียงบ่นจากเพื่อนพนักงานว่า "มาอีกคู่แล้ว" เมื่อรามินทร์หันไปมองตามก็เห็นว่ามีคู่รักอีกคู่เดินโอบเอวกันเข้ามาท่าทางเหมือนเพิ่งไปดื่มอะไรกันมาทั้งสองคลอเคลียกันจนนึกอายแทน
ชายหนุ่มคว้าเมนูเดินเข้าไปถาม ระหว่างรอออเดอร์ก็ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบเบาๆที่ทำให้เขาพอจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
"happy valentine's"
เขาเองก็อยู่ที่นี่มาได้ซักพัก ด้วยความที่ทำงานในช่วงกลางคืนทำให้ไม่ค่อยได้เห็นความเป็นไปของสังคมโดยรอบเท่าใดนัก ดิสเพลย์หน้าร้านค้าก็มักจะปิดไฟแล้วเมื่อเขาออกมาทำงาน นี่เขาลืมเลิอนวันเวลาพวกนี้ไปหมดแล้วเพราะความที่ต้องทำงาน...หรือ เป็นเพราะเขาลืมเลือนวันแบบนี้ไปเพราะในใจของเขารู้ดีว่า เขาจะไม่สามารถเอ่ยคำแบบนั้นออกไปได้กันแน่ ในใจของรามินทร์เกิดคำถามชวนขบคิด
และดูเหมือนว่า เขาจะเก็บความคิดนั้นเอาไว้ กับตัวเองตลอดทั้งคืน
++++++++++++
จนในรุ่งเช้าหลังเลิกงาน หนุ่มชาวไทยร่างเล็กเดินอาดๆกลับมายังห้องพักของตัวเองเหมือนอย่างที่เคยทำเกือบทุกเช้า แต่ในวันนี้เขาได้กลิ่นดอกไม้ลอยมาตามลมตลอดทางเดินกลับห้อง รถขายดอกไม้ออกมาทำงานแต่เช้า สีหน้าของคนที่ออกมาวิ่งจ๊อกกิ้งเองก็ดูสดชื่น แต่ไม่ใช่เขาเลย เพราะยืนทำงานมาทั้งคืน เมื่อเข้ามาในห้องได้ก็ถอดเสื้อแจ๊คเก็ตออกเดินเข้าห้องน้ำไปทันที ชายหนุ่มอาบน้ำร้อนจากฝักบัว คว้าเสื้อคลุมห่มกายได้ก็เดินเข้าห้องนอนไปไม่ได้สนใจอะไร หรือ ใครที่อยู่ร่วมห้องเลย ด้วยความเหนื่อยกายเหนื่อยใจ และความง่วงงุนที่สะสมกันมาสองสามวัน ทำให้รามินทร์ลืมที่จะล็อคกุยแจประตูเหมือนทุกครั้ง
ท่าทางเหนื่อยอ่อนของรามินทร์ทำให้กตัญญูไม่อยากรบกวนอีกฝ่ายมากนัก เขารู้นิสัยของน้องชายคนนี้ดีว่า ไม่ต้องการให้ใครมารบกวนเวลาพักหลังจากทำงานหนักหรือเครียดมาทั้งวันแล้ว โชคดีที่วันนี้หนุ่มร่างบางเหนื่อยเกินกว่าจะสนใจลอคห้องเหมือนทุกครั้ง จึงเป็นโอกาศดีที่เขาจะได้ออกไปข้างนอกเพียงลำพังเพื่อทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จเสียที กตัญญุหยิบโค้ทมาสวม ผ้าพันคอผือนหนาถูกพันอย่างลวกๆ หมวกไหมพรมใบเดิม กระเป๋าสตางค์แล้วออกจากห้องไปหลังจากที่รามินทร์เงียบหายเข้าไปในห้องได้พักใหญ่
จนเกือบบ่าย เสียงประตูห้องนอนถึงได้เปิดออก พร้อมกับร่างของเจ้าของห้องที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อผ้าสบายๆอย่างเสว็ตเตอร์ไหมพรมตัวใหญ่กับกางเกงยีนส์เอวหลวม
แต่เมื่อเปิดปากหาวได้ก้ต้องหุบปากลงอย่างรวดเร็วเมื่อเดินมาจนถึงห้องครัว ตั้งใจว่าจะกินน้ำซักแก้ว แล้วเห็นดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่วางอยู่ที่โต้ะกินข้าว
"อะ....ไร......"รามินทร์ปิดบานประตูตู้เย็นที่ตั้งใจว่าจะเปิดไปหยิบน้ำ สองขาเดินตรงไปที่ช่อกุหลาบนั้นเหมือนต้องมนต์
และเมื่อหยิบกุหลาบช่อนั้นขึ้นมา เขาก็ต้องพบกับกระดาษโน๊ตที่ถูกช่อดอกไม้นั้นวางทับเอาไว้
--- รับรักผมได้ไหม?----