ความเจ็บปวดแล่นผ่านกลางสมองสะท้อนวิ่งกลับไปกลับมาเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้น
"โอย..................." เสียงโอดครวญดังขึ้นพร้อมกับร่างผอมบางของรามินทร์ที่ลุกขึ้นมานั่ง
ผมเผ้าไม่เป็นทรงเหมือนทุกที ดวงตารีเรียวหันมองไปรอบๆตัว
"ที่ไหน........"
เขาก้มลงมองเสื้อผ้าของตนเอง เสื้อยืดตัวใหญ่หลวมโพรกกับกางเกงนอนผ้าแพรที่พันแล้วพันอีกอยู่รอบเอว มันไม่ใช่เสื้อผ้าของเขาแน่ๆ จนเมื่อหันไปเห็นกรอบรูปที่วางอยู่ข้างเตียงก็ทำให้ถึงบางอ้อ
"ห้องพี่แมนเหรอเนี่ย...."
ร่างบางยิ้มขึ้นมาน้อยๆเมื่อเห็นรูปนั้น เป็นรูปของพวกเขาสามคนพี่น้องในวันรับปริญญาของเขาเอง
"นานจนปีมะโว้แล้วยังจะเอามาวางไว้อยู่ได้" พูดได้ไม่ทันขาดคำ ความปวดหัวก็แล่นเข้ามาทรมานอีกจนรามินทร์ต้องรีบลุกไปเข้าห้องน้ำ ไม่ใช่แค่ปวดหัวอะไรบางอย่างมันตีตื้นขึ้นมาพร้อมกันด้วย
รามินทร์บ้วนปากอยู่ในห้องน้ำ ปากก็บ่นไปว่าจะไม่ดื่มหนักอย่างนี้อีกแล้ว เขากำลังสงสัยว่า แล้วกตัญญูหายไปไหน แต่ความคิดนั้นก็กระเด็นกระดอนออกจากหัวไปเมื่อถอดเสื้อยืดตัวใหญ่ออกมาแล้วเห็นว่ามีรอยแดงเป็นจ้ำอยู่ทั่วแผ่นอก
"เฮ้ย!!" รามินทร์อุทานลั่น สติทุกอย่างตื่นขึ้นในทันที
ไม่มีการอาบน้ำอาบท่าใดๆก่อน รามินทร์สวมเสื้อกลับเข้าไปใหม่ก่อนจะจ้ำพรวดออกมาจากห้องน้ำเดินออกจากห้องนอนไปพบกับร่างสูง กำลัง ตักข้าวต้มใส่ชาม ที่วางอยู่บนโต้ะที่นอกระเบียง
" อ้าว..ตื่นแล้วเหรอ? " เจ้าของห้องยิ้มให้ ทำเป็นไม่สนใจท่าทางของรามินทร์
" ทำไมไม่อาบน้ำก่อนล่ะ จะได้มากินข้าว "
ร่างบางเดินออกไปนั่งที่เก้าอี้ตรงหน้าของพี่ชาย ไม่มีคำพุดใดนอกจากสายตาที่มองมาอย่างไม่แน่ใจ
กตัญญูสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนอย่างง่ายๆ เขากำลังง่วนอยู่กับการเตรียมาอาหารเช้าให้น้องชาย
" ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ? "ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่า รามินทร์คงจะสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่การ แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องนั้นคงจะดีกว่า รามินทร์คว้าชามข้าวต้มมา ใช้ช้อนคนข้าวในถ้วยวนไปมา
".....เมื่อคืน....มินทำอะไรแปลกๆไปใช่ไหม" " อืม ก็..มินเมามากเลยนี่ "ชายหนุ่มนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับอีกฝ่าย ก่อนจะลงมือตักข้าวต้มหมูทรงเครื่องให้ตนเองบ้าง
"ถึงไหน......" รามินทร์ก้มหน้านิ่ง มือเรียวที่จับช้อนอยู่กำแน่นแต่เสียงนั้นถามออกมาดังเพียงกระซิบรู้สึกได้ถึงมือแกร่งที่ลูบลงบนผมอีกเบาๆเหมือนที่มักจะทำอยู่เสมอตั้งแต่เป็นเด็ก
" ...มิน...เรื่องนั้นน่ะ ...มันไม่มีอะไรหรอกนะ "ชายหนุ่มพูดให้สบายใจ
" ไม่ต้องห่วงหรอก "
"มินถามว่า ทำไปถึงไหน" รามินทร์ยังไม่ยอมสบตาของอีกฝ่าย น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความสับสน
" ข้างนอกนะ..พี่กับมิน..เอ่อ "ชายหนุ่มทำท่าจะพูดต่อ แต่พอให้ท่าทางของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาต้องเงียบ กตัญญูหันไปทางระเบียง ..รามินทร์คงรังเกียจสินะ ที่เป็นเขา ..
"มินขอโทษ....มินไม่รู้ตัวเลย พอเหล้าเข้าปากเป็นแบบนี้ตลอด...พี่แมน.....พี่แมน..อย่าโกรธมินนะ
มินรู้ว่าพี่ไม่.............ไม่ใช่แบบที่ผมเป็น"
ไหล่บางสั่น เขาทำแบบนั้นลงไปได้ยังไง สติที่หลุดลอยมันไม่มีความคิดดีชั่วหลงเหลือแล้วหรือยังไง ถึงได้ไปทำแบบนั้นกับพี่ชาย พี่ชายที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอดคนนี้ มือเรียวยกขึ้นพนมมือไหว้ พลางขยับตัวจะกราบลงไปให้ได้
" มะ..มิน ไม่ใช่..อย่าทำแบบนี้ซิ "ชายหนุ่มจับมือของน้องชายเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้กราบเขา
" อย่าทำแบบนี้ ..พี่..พี่บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร .. เรื่องนั้นน่ะ "ชายหนุ่มลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะดึงร่างบางมากอด
" ไม่เป็นไรนะ..ไม่เป็นไร "มือที่ลูบไล้ร่างกายร้อนผ่าวนี้เมื่อคืน ตอนนี้ลูบแผ่นหลังบางอย่างปลอบโยน กตัญญูรู้สึกรังเกียจตัวเองยิ่งนัก เมื่อคืนเขาใช้มือนี้ทำตามความต้องการของตนเอง ฉวยโอกาสยามที่อีกฝ่ายต้องการ แต่ในตอนนี้กลับใช้มือคู่นี้มาปลอบโยน ทำราวกับว่าตนเองแสนดีขนาดนี้
"มินขอโทษ......ขอโทษ" รามินทร์พูดซ้ำไปซ้ำมา เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกเมื่อคืน เป็นอย่างไร จำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เท่าที่รู้มีเพียงแค่รอยแดงจ้ำบนร่างกายนั้นมันมีมากเสียจน อดสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่าย คิดอะไรตอนที่ฝากรอยเอาไว้เต็มร่างกายของเขา พลันดวงตารีเรียวก็เหลือบเห็นรอยแดงช้ำที่ซอกคอของอีกฝ่าย ร่างเล็กกว่าขยับตัวถอยออกมาตั้งหลักห่างจากแผ่นอกนั้นอย่างรวดเร็ว
คิ้วเรียวขมวดแน่นก่อนจะดึงชายเสื้อของกตัญญูขึ้น
" เฮ้ย เดี๋ยว มิน? "ชายหนุ่มต้องอุทานออกมาเมื่อ รามินทร์ดึงชายเสื้อยืดของเขาขึ้น
และรอยจูบเป็นจ้ำที่ปรากฏทั่วแผ่นอกแกร่งก็ชัดเจนอยู่ตรงหน้าคนทำ
"โธ่เอ้ย ไอ้บ้ามิน......แกนี่มัน..... " รามินทร์เบือนหน้าไปอีกทาง เขาเองก็สัมผัสร่างกายของอีกฝ่ายไปมากมาย เขาปล่อยให้เหล้าเข้าครอบงำ และโยนความผิดของตัวเองทิ้งไปเมื่อหายเมา ......ไร้ความรับผิดชอบสิ้นดีริมฝีปากบางเม้มแน่น
" มิน! พี่บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร!! "ท่าทางของอีกฝ่ายทำให้กตัญญูต้องตวาดให้ออกจากความรู้สึกนั้น .. ทั้งๆที่เขารู้สึกผิดขนาดนี้แต่ก็แสดงออกไปไม่ได้ จะให้เขาบอกได้ยังไงกันว่าตนเองมีสติเต็มที่ในขณะที่ทำเรื่องอย่างนี้กับรามินทร์ ในเมื่ออีกฝ่ายพูดออกมาว่าเขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบผู้ชาย ...
รามินทร์ตีค่าเขาไว้สูงเหลือเกิน จนเขาละอายแก่ใจ"จะไม่เป็นไรได้ยังไง มินทร์ใช้พี่...ใช้พี่ทำเรื่องแบบนั้น ความต้องการของมิน....มัน....." หน้าเรียวแดงก่ำ
"ต่ำ" " มิน ... ไม่เชื่อพี่เหรอ พี่บอกแล้วว่าเรื่องนี้มันไม่มีอะไร ..
มินต้องการ ก็ไม่ใช่ว่าพี่จะไม่ต้องการ ..มันเป็นเรื่องธรรมชาติ "มือแกร่งต้องประคองหน้าของน้องชายให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา ชายหนุ่มสบดวงตาเรียวเล็กของอีกฝ่าย
"
อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เราดีขึ้นทั้งคู่ แค่แรงขับทางธรรมชาติ "
"พี่แมน...คิดแบบนั้นได้จริงๆเหรอ" ดวงตารีเล็กสบตาพี่ชาย มือแกร่งยังอบอุ่นเหมือนทุกที แต่เขานึกไม่ออกเลยว่าเมื่อคืนนี้ มือคู่นี้ ทำอะไรให้เขาไปบ้าง
" ครับ... แล้วพี่ก็ไม่อยากให้มินคิดมาก ..
เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอะไรหรอก "ชายหนุ่มย้ำคำพูดตนเองแม้จะเจ็บไม่น้อย สายตาที่มองมาของร่างสูงทำให้เชื่อได้ยาก ริมฝีปากบางอยากจะเถียงต่อ แต่รู้ว่ามันคงไม่มีอะไรดีขึ้นมา
"ทานข้าวกันดีกว่า... เดี๋ยวต้องไปเปิดร้านอีก.... มินจะทำพี่แมนเสียเวลา" รามินทร์เอ่ยแผ่วเบาก่อนจะตักข้าวต้มของเชฟหนุ่มเข้าปาก ก่อนจะหันมายิ้มให้ "อร่อย"
" ก็กินเยอะๆ "
++++++++++++
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ดูเหมือนว่ารามินทร์จะเลิกไปเที่ยวโดยปริยาย ซึ่งนั่นก็ทำให้คุณหญิงจิตตราพอใจในพฤติกรรมที่ดีขึ้นของลูกชายที่ มาช่วยทำงานที่ร้านอย่างจริงจัง เธอจึงมักจะชวนลูกชายไปงานสังคมบ่อยๆ จนได้มีภาพลงข่าวสังคม ผิดกับพศวัตที่ไม่ยอมไปงานแบบนี้เลย เขาจึงเป็นที่รู้จักในวงปาร์ตี้เสียมากกว่า และชายหนุ่มก็พอใจที่จะไปเที่ยวเพียงลำพังเสียด้วย
เสียงหนังสือพิมพ์ดังกรอบแกรบ เจ้าน้อยนั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางสบายๆเพราะไม่ใช่ช่วงที่จะมีลูกค้าเดินเข้าร้านมาซักเท่าไร ส่วนจิ้บเองวันนี้ก็มีเรียน ทำให้มาทำงานไม่ได้ แต่ก็เป็นเรื่องปรติไปแล้วที่จิ๊บจะลาไปเรียนบ้างในบางวิชา เสียงกระดิ่งหน้าร้าน ดังขึ้นเรียกความสนใจของเจ้าน้อยให้หันมา
"อ่ะ สวัสดีครับ คุณรามินทร์"
"อืม... วันนี้ เป็นไงบ้าง" รามินทร์ เอ่ยทักพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนทุกที
"ก็ เรื่อยๆครับ...ยังไม่ค่อยมีลูกค้าซักเท่าไร.... อ้อ พี่แมนอยู่หลังร้านแน่ะครับ เห็นว่ามีเมนูใหม่ด้วย" รามินทร์เหลือบมองไปหลังร้าน เขาไม่อยากเข้าไปเท่าไรนัก
"อืม.... ขอบใจนะ" แต่ด้วยเห็นว่าเด็กหนุ่มอุตส่าห์แนะนำจึงต้องเดินเข้าไปหลังร้นอย่างช่วยไม่ได้
"อ้าว..มิน? "ชายหนุ่มในชุดเชฟสีขาวทักเจ้าของร้านตัวจริง ขณะที่เพิ่งจะเอาเมนูใหม่ออกมาจากเตาอบ
"เอ่อ...." รามินทร์อึกอัก กตัญญูในชุดเชฟสีขาววันนนี้ดูแปลกตาไปไม่น้อย
"เห็นเจ้าน้อยบอกว่า พี่...มีเมนูใหม่เหรอครับ" ร่างเล็กว่าพลางก้าวเข้าไปหมายจะคว้าขนมในถาด
" อะ..อ้อ นี่ไง ขนมปังหน้าชีส "ชายหนุ่มวางถาดขนมลงกับโต๊ะ ก่อนจะถอยออกมาเล็กน้อย
" ระวังร้อนนะ "ทั้งๆที่ปกติจะต้องเป็นคนจัดแจงเอาขนมใส่จาน พร้อมกับบอกประโยคนี้แท้ๆ ชายหนุ่มกลับเลี่ยงหันไปเก็บครัวแทน รามินทร์เห็นท่าทางแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา มือจับขนมขึ้นมาแต่ก็ต้องอุทานเพราะของเพิ่งออกมาจากเตา
"โอ้ย..."
" พี่บอกแล้วไง ว่าร้อน! "กตัญญูต้องปราดเข้ามาคว้ามืออีกฝ่ายขึ้นมาดูทันที รามิทร์ชะงักกับน้ำเสียงนั้นก่อนจะดึงมือของตัวเองออก
"มินซุ่มซ่ามเอง "เขาว่าพลางเป่านิ้วของตัวเองเบาๆ
"ไปทำงานเถอะ ...เดี๋ยวขนมนี่มินเอาไปให้น้อยเขาช่วยชิมด้วยก็แล้วกัน " ร่างบางว่าพลางคว้าจานกับมีดและส้อมเล็กๆมาช่วยตักขนม
"แล้วถ้าไม่มีลูกค้ามาก มินจะกลับบ้าน จะได้ไม่มาเกะกะพี่แมนทำงานด้วย.... "
" ถ้ามินต้องไปงานกับคุณหญิง.. จะกลับก่อนก็ได้นะ ไม่เป็นไร " ชายหนุ่มตอบกลับมา เขารู้ดีกว่าช่วงหลังๆมานี้ รามินทร์ไม่ค่อยว่างมาที่ร้าน เพราะข่าวสังคมที่เจ้าน้อยเอามาเปิดให้ดูได้แทบทุกวัน
"แม่เขาคงเสียใจ ถ้าพี่แมนเรียกแม่แบบนั้นต่อหน้า" รามินทร์ตอบกลับมาไม่ได้หันไปมองหน้าของอีกฝ่าย
" ถ้ามินไม่ฟ้อง ท่านก็ไม่ทราบหรอก "ชายหนุ่มเถียงก่อนจะเดินไปขวางประตู คิ้วหนาขมวดอย่างไม่พอใจ
" มินเป็นอะไร? "
"เปล่า... " รามินทร์ที่กำลังจะเดินเอาขนมไปให้เจ้าน้อยช่วยชิมหยุดเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาขวาง
"มินไม่ได้เป็นอะไร ...แล้วมินก็แค่จะไปบอกแม่...ไม่ได้จะไปฟ้องใคร"
กตัญญูถอนหายใจรามินทร์มีท่าทางเปลี่ยนไปมากหลังจากเรื่องคืนนั้นและตัวเขาเองก็เป็นคนผิดเอง แต่จะให้พูดยังไง จะให้ทำอะไรได้อีก
" งั้น พี่ฝากไปบอกท่านด้วยว่า พี่จะขอลากลับบ้านซักอาทิตย์หนึ่ง ... อ้อ พี่อยากจะลางาน
หวังว่ามินคงอนุญาตนะ "เขาอยากจะเว้นระยะห่างจากรามินทร์ซักพัก เพื่อให้ตนเองได้คิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
"จะกลับบ้าน? " รามินทร์มองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง
"แค่นี้มันคง ไกลไม่พอซิ่นะ" ดวงตาเรียวสบตาของอีกฝ่าย มือเรียววางจานขนมลงกับโต้ะใกล้ๆ
"ผมเข้าใจนะ พี่คงอยากจะไปให้ไกลๆ ...."
" แล้วมินจะอนุญาตไหมล่ะ? " ชายหนุ่มถาม พลางหันหน้าไปอีกทาง ตั้งแต่เมือ่ไหร่กันที่พวกเขากลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่จำความได้เด็กคนนี้ไม่เคยแสดงท่าทางแบบนี้กับเขาเลย ไม่เคยซักครั้งที่จะทะเลาะกันพวกเขาเข้ากันได้เสียยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆอย่างอีกฝ่ายกับพศวัตด้วยซ้ำ
"มิน..........."คำถามของอีกฝ่ายทำให้ชายหนุ่มปวดในหัวใจ
"มินไม่ใช่เจ้าของพี่เสียหน่อยนี่ จะไปกะเกณฑ์อะไรได้... พี่อยากกลับ อยากไป ก็ไปซิ่ มิน...ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดจะรั้งจะห้าม หรืออะไรเสียหน่อย"" งั้นเหรอ .. ขอบใจนะ.. "ชายหนุ่มขยับตัวออกจากประตูที่ขวางอีกฝ่ายเอาไว้ ปล่อยให้รามินทร์หยิบจานขนมออกไปด้านนอกเขาได้แต่มองตามร่างนั้นไป
... ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ต้องกลายเป็นแบบนี้..