(จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน  (อ่าน 227642 ครั้ง)

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
กรี๊ดดดดดดดดดดด แอลกะไลท์
ชอบเดธโน้ตมาก >/////<



แต่งเก่งจังเลยค่ะ
สนุกดี
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบ

 o13
ยินดีต้อนรับค่ะ ดีใจที่ชอบนะคะ ^o^

ออฟไลน์ Cha Ris Ma

  • สาระไม่ค่อยมี...หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +670/-0
 :z2: ได้ความรู้ที่คืนคุณครูภาษาไทยไปกลับมาเยอะครับ

อยากกดบวกให้แต่กดไปเมื่อเช้าแล้วติดไว้ก่อนนะครับ :กอด1:

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
คำอธิบายของคุณนุ่น
ปลุกจิตใต้สำนึกที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นโดยพลัน

ออฟไลน์ Wins_Sha

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 949
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-4
เอิ่ม

ภาษาไทยช่างเมพจริงๆๆๆๆๆๆ

Rinze

  • บุคคลทั่วไป
กระโดดจิ้มคุณนุ่น  :z13:
จะเทพไปแล้วนะตัวเอง เราคืนครูไปหมดแล้วล่ะค่ะ
คนเค้าเก่งนี่เนอะ
ภาคผนวกแบบนี้ รักตายเลย  :กอด1: :กอด1:
ปล. หา"สาลินี" ไม่เจอเหมือนกัน เจอแต่บอกเรื่องครุทั้งอันอย่างนี้

ออฟไลน์ mook0007

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 159
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
สนุกจังค่ะ ชอบโครงเรื่องจังมีคำสัญญา นึกถึงอดีตได้ ทั้งการใช้คำได้ดีมากๆเลนค่ะคล้องจองกันหมด  o13

butajang

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณค่ะ คุณนุ่น มันเป็นการเล่นสำนวนไม่รู้พูดถูกรึเปล่านะคะ คือสวรรค์ในเรื่องหมายถึงไปเกิดภพภูมิที่ดี ที่ไม่ใช่เเมลงอย่างชาตินี้ เเต่เราเข้าใจว่าสวรรค์ คือขึ้นสวรรค์จริงๆ อาย อะ หงิง หงิง หงิง ภาษาไทยไม่เเข็งเเรง ภาษาอังกฤษ ก็ไม่กระดิก 55+++ ส่วนภาคผนวก2 ชอบค่ะ มีหลายเเบบเเท้ว่าอยู่ ว่าทำไมอ่านเเล้วรู้สึกว่ามันเเตกต่าง ขออนุญาติ ปริ๊นท์เก็บเลยนะคะ ชอบอย่างเเรง

ปล. คุณนุ่นไม่ทำบล็อคเกี่ยวกับ สอนภาษาไทยมั่งเหรอค่ะ คุณนุ่น อธิบายสนุกดีนะคะ เราไม่ใช่คนชอบด้านนี้เเต่มาอ่านของคุณนุ่นก็เลยสนใจน่ะค่ะ  +1 นะคะ

sweetiiez

  • บุคคลทั่วไป
พี่นุ่นเยี่ยมมาก สุดยอดจริงๆค่ะ o13
นับถือสุดๆ เก่งไทยเวอร์

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
รายงานตัวว่ากำลังเขียนตอนต่อไปของเรื่องสั้นชุดนี้อยู่ค่ะ
แต่คืนนี้คงยังไม่เสร็จแน่ๆ แหะๆ อลังการงานสร้างออกนอกประเทศไปทวีปอื่นค่ะ
รุ้สึกเหมือนไม่ได้พาไปเที่ยวนานเลยเอาซะหน่อย ^o^

..........................

แอบตอบเมนท์นิด
อย่าบอกว่าคนเขียนเก่งภาษาไทยเลยค่ะ
ไม่ได้เก่งขนาดจะไปเขียนบล๊อกอะไรแบบนั้นได้หรอกเน้อ เขียนไปได้เพราะชอบ...แค่นั้นเองจริงๆค่ะ
ลืมอะไรไปบ้างก็พึ่งพี่เกิ้ล พึ่งวิกิพีเดียเป็นหลักเลย >///////<

เพราะฉะนั้น ท่านไหนมาอ่านแล้วรู้สึกขัดตาขัดใจ คนเขียนขออภัยไว้ ณ ที่นี้ นะคะ


..............คาดว่าไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนจะมาส่งตอนต่อไปนะคะ กอดทุกท่านแล้วรับกองกำลังใจมาหม่ำๆค่ะ  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
รอจ้า .............. กอด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

taem2love

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
^
^

โอบกอดทั้งพี่นัทไปถึงนุ่นเลยค่ะ รออยู่นะขอให้เสร็จไวๆ

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
^
^
จิ้มๆแล้วกอดรวบ
มาส่งแบบครึ่งๆนะคะ เขียนแล้วยาวมากมาย
ยังไงก็ต้องแบ่งแปะสองโพส
เพราะงั้นเลยขอมาแปะครึ่งหนึ่งก่อน
ครึ่งหลังยังแก้โน่นแก้นี่ ไม่พอใจเสียที แต่น่าจะไม่เกินสองชั่วโมงจะมาแปะให้ค่ะ
ไปค่ะ ไปประเทศนอกกันดีกว่า ขึ้นไทม์แมชชีนแล้วเปิดประตูเลือกไปโรมาเนียกันโลด โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆ
................................................................................

เรื่องเล่าจากความฝัน
: ทาสหัวใจซาตาน

‘ตึกตึก.....ตึกตึก.......ตึก ตึก ตึก ตึกตึก ตึก ตึก ตึกตึกตึก’


เสียงเต้นของหัวใจ ใกล้แค่เอื้อมมือคว้า.......
หึๆ เด็กน้อยเอย......คิดหรือว่า เพียงแต่วิ่งจนสุดฝีเท้า ทุ่มเททุกพลังแรงกายลงไปแล้วจะช่วยให้รอดพ้นจากเงื้อมมือนี้ได้
วิ่งเข้าเถิด......จงออกแรงให้เต็มที่ ให้พลังงานที่เหลืออยู่เพียงนิดนั้นเหือดหาย
แล้วเมื่อใดที่เธอหมดแรงเฮือกสุดท้าย.......เธอจะได้กลับสู่อ้อมอกของเรา........อีกครั้ง
................................................................................

รถเทียมม้าสีดำสนิทค่อยเคลื่อนไปตามถนนโรยกรวด ฝ่าละไอหมอกยามเช้าที่กำลังจะระเหยหายไปเพราะความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์ที่เริ่มลอยขึ้นจนสูงพ้นยอดทิวสน เสียงเอี๊ยดอ๊าดของล้อและเพลาดังสอดคล้องกับเสียงกุบกับจากเกือกม้าที่กระทบพื้นเป็นจังหวะซ้ำไปซ้ำมาอย่างเอ้อระเหยราวท่วงทำนองแห่งความเกียจคร้าน

เสียงเคลื่อนไหวแผ่วเบาดังขึ้นภายในส่วนเกวียนที่รูดม่านปิดสนิทกั้นอากาศหนาวเย็น ก่อนที่ม่านด้านหน้าจะถูกแง้มเปิดพร้อมกับใบหน้ากลมป้อม พวงแก้มและปลายจมูกแดงเพราะอากาศหนาวค่อยโผล่ออกมาทักทายกับบรรยากาศยามเช้าตรู่

“ซอรีนน์ อย่าทำอย่างที่หลานกำลังคิดอยู่เชียว!”
เจ้าของใบหน้ากลมเพียงตอบโต้ด้วยการอมลมจนแก้มป่องแล้วเสือกตัวปีนป่ายออกทางช่องเปิดที่เล็กพอดีตัวกระทั่งสามารถไปนั่งหน้าแป้นอยู่เคียงข้างชายร่างใหญ่ที่ถือบังเหียนทำหน้าที่บังคับม้าทั้งสองตัว

“ท่านอาก็กังวลเกินไปนะขอรับ ม้าไม่ได้กำลังควบแท้ๆ”
เสียงตอบโต้ในลำคอแสดงความเอาแต่ใจของผู้มีศักดิ์เป็นหลานทำให้ท่านโยเนล...คหบดีหนุ่มใหญ่ต้องละมือจากบังเหียนขึ้นข้างหนึ่งเพื่อขยี้ลงกลางกระหม่อมน้อยๆของซอรีนน์อย่างหมั่นไส้

แทนที่จะไม่พอใจ เจ้าซอรีนน์น้อยกลับหัวเราะระรื่น ก่อนจะเริ่มร้องเพลงแห่งพงไพรที่เป็นมรดกเพียงสิ่งเดียวจากบิดาผู้ล่วงลับ

‘กุบกับกุบกุบกับ      เจ้าม้าขยับก่อเกิดเสียง
นกน้อยเจื้อยจำเรียง   สำเนียงเพียงดนตรีไพร
อาทิตย์โผล่เยี่ยมฟ้า   ม่านเมฆาก็แย้มใหญ่
กวางน้อยเลาะเล็มไล้   เจ้ายอดอ่อนที่หวานหวาน
หวีดหวิวหวิวหวิววี้ด   เสียงลมกรีดซอกหินดาน
สูงต่ำร่ำคำขาน      เป็นตำนานแห่งพงพี
โยเล....โยโล้เล      เราเที่ยวเตร่ไปทุกที่
โยละเลเถิดน้องพี่      ตามวิถีพเนจร....’
..................................................................................................


มิฮาอิล กราฟ์คนใหม่แห่งบราโซฟยังเป็นเพียงเด็กน้อยไม่หย่านมเมื่อได้พบกับ ‘ซาลิม’ ทาสเด็กชายผิวดำที่พ่อบ้านของปราสาทซื้อมาจากตลาดค้าทาสเป็นครั้งแรก

ซาลิมถูกซื้อมาพร้อมมันดิซาพี่สาวที่อายุมากกว่าสองปี แต่โตพอที่จะเลิกเล่นซนและถูกจัดให้ช่วยงานครัวในตำแหน่งผู้ช่วยแม่ครัวของปราสาท ในขณะที่ซาลิมถูกส่งไปช่วยงานหัวหน้าคนสวนและทำให้ตัวเองบาดเจ็บจากมีดดายหญ้าจนต้องถูกอุ้มเข้ามาปฐมพยาบาลในโรงนอนคนงานตั้งแต่วันแรก

“เสียงเอะอะอะไรกัน”
ท่านหญิงแห่งบราโซฟที่จูงบุตรชายวัยไม่เต็มสองขวบเดินเล่นรับแดดเช้าอุ้มมิฮาอิลตัวจ้อยตามเข้าไปในโรงนอนคนงาน แล้วถึงกับเบ้หน้าเมื่อมองเห็นเลือดซึมออกมาตามบาดแผลบริเวณน่องของเด็กชายที่นอนกัดฟันหน้าซีดอยู่

เมื่อท่านหญิงอิเรเน่วางมิฮาอิลลงกับพื้นเพื่อเข้าไปดูอาการคนงานใหม่ใกล้ๆ นายน้อยของปราสาทแทนที่จะโผเข้าหาพี่เลี้ยงที่คอยท่าก็กลับเดินเตาะแตะเข้าไปทางศีรษะของซาลิม ยื่นปลายนิ้วเล็กจ้อยสีชมพูแตะลงกับริมฝีปากหนาตามเชื้อชาติที่เป็นเพียงส่วนประกอบเดียวบนใบหน้าของทาสคนใหม่ที่เป็นสีชมพูซีด
ซาลิมเหลือบมองใบหน้าของตุ๊กตามีชีวิต แล้วทั้งๆที่ยังเจ็บแผลแทบตายแต่เจ้าอาการตกใจที่ทำให้ร้องไห้โวยวายในตอนแรกกลับเลือนหายไปหมดสิ้น ริมฝีปากที่ถูกเจ้าของขบไว้แน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นและเสียงครางจากความแสบร้อนเมื่อแผลถูกทำความสะอาดด้วยน้ำละลายเกลือค่อยๆคลี่ออกเผยรอยยิ้ม

“ซ....ซ..โซล......โซลลลล”
เสียงใสดังขึ้นตะกุกตะกักราวกับไม่แน่ใจในคราวแรก แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นเรียกซาลิมด้วยนามแปลกหูพร้อมกับทั้งสองมือที่พ้นจากแขนเสื้อเนื้อหนาระดมปาดซับน้ำตาให้

“คุณหนู......”

“โอ๋ๆๆๆๆ โซล.....โอ๋.....”

และจากวันนั้นซาลิมก็ได้รับหน้าที่ใหม่ หน้าที่ที่ทำให้ช่วงชีวิตวัยเด็กทุกวันมีความสุข.....เพื่อนเล่นของนายน้อยมิฮาอิล
ไม่ใช่แค่เพราะท่านหญิงอิเรเน่สงสารเจ้าเด็กที่ไม่รู้แม้แต่อายุตัวเอง แต่เพราะมิฮาอิลแสดงอาการถูกชะตาซาลิมอย่างชัดเจน แถมยังติดเจ้าทาสคนใหม่ขึ้นมากะทันหัน

“คุณหนู กระผมชื่อซาลิม ซาลิมนะขอรับ......ลองเรียกสิขอรับ ซา-ลิม”
เจ้าซาลิมแบกมิฮาอิลขึ้นหลัง ทำตัวเป็นม้าตามคำสั่งไปก็สอนให้คุณหนูวัยสองขวบออกเสียงเรียกตัวเองไป

“ซา....ลิม เด็กดี”

“ฮะๆๆๆ ขอรับ คุณหนูมิฮาอิลก็เป็นเด็กดีนะขอรับ”

มิฮาอิลน้อยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่บนหลังม้า แล้วขย่มตัวขึ้นลงเร่งให้เจ้าม้าควบไปข้างหน้า พอซาลิมเร่งเคลื่อนไหวให้เร็วขึ้นตามใจก็ได้รับคำชมและเสียงหัวเราะร่วนเป็นรางวัล
“ฮะๆๆๆ ซาลิม เด็กดี......ม้าดี ฮะๆๆๆ กั้บๆๆๆๆๆ เร็วอีก กั้บๆๆๆ”

“เกาะแน่นๆนะขอรับ”
.................................................................................................


ยอดแหลมสีแดงอิฐเรียงลดหลั่นสามยอดโผล่พ้นแนวป่า ส่วนสูงสุดประดับด้วยโลหะเก่าคร่ำคร่า หากยังมีบางส่วนส่องประกายล้อแดดกระทบลานสายตา เรียกให้เจ้าของพวงแก้มสีชมพูที่ส่งเสียงร้องเพลงแห่งพงไพรอยู่เมื่อครู่ตื่นเต้นจนอดรนทนไม่ไหว หันกลับไปรูดม่านเปิดให้แดดสายส่องเข้าไปด้านในเกวียน แล้วยื่นปลายกิ่งโอ๊คสดที่มือซนหักเล่นมาเมื่อกี้เขี่ยเข้าไปที่กองผ้าซึ่งเจ้าตัวรู้ดีว่ามีอาลินและบิอังก้า น้องชายกับน้องสาวฝาแฝดบุตรของท่านโยเนลที่อายุน้อยกว่าซอรีนน์เพียงปีเดียวนอนขดตัวกลมอยู่ด้านใน

“ซอรีนนนนนนนนนนนน!!”

“จุ๊ๆๆ อาลิน เดี๋ยวน้องตื่น”
ท่านหญิงทาเทียน่าผู้เป็นมารดาของบุตรสามคน และยังทำหน้าที่เสมือนมารดาของหลานชายที่เป็นกำพร้าตั้งแต่ยังเล็กอย่างซอรีนน์จุ๊ปากห้ามการถกเถียงที่มีเค้าจะเริ่มขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มแรงกอดกระชับทารกน้อยในห่อผ้าฝ้ายสีขาวเนื้อละเอียดให้แนบกับอก

ในขณะที่อาลินส่งเสียงโวยวายบิอังก้ากลับลุกขึ้นนั่ง เส้นผมสีอ่อนหยิกยุ่งยาวเคลียไหล่ สาวน้อยใช้หลังมือทั้งสองข้างขยี้ตาก่อนจะอ้าปากหาวอีกครั้ง หรี่ตาขึ้นมองถึงเห็นว่าพี่ชายคนเดียวในบ้านที่มีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มจัดกำลังอ้าปากพูดโดยไม่มีเสียงบุ้ยใบ้ให้มองตามปลายกิ่งโอ๊คในมือไปที่ยอดปราสาทอย่างตื่นเต้น ดวงตาสีฟ้าใสเบิกกว้างแล้วก้มลงยื้อแย่งผ้าขนสัตว์เนื้อหนาออกจากฝาแฝดที่หลังจากลุกขึ้นมาโวยวายโดยไม่ยอมลืมตาก็กลับเข้าไปคลุมโปงใหม่ออกโดยไร้เสียง

อาลินยอมย้ายศีรษะที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมสีฟางแห้งออกจากโปงผ้าในที่สุด แล้วค่อยๆกระดืบไปจนยื่นหน้ามองออกไปทางช่องเปิดด้านหน้าเคียงข้างน้องสาว ท่านคหบดีบังคับม้าให้เร่งฝีเท้าขึ้นอีกเพื่อเร่งให้ไปถึงจุดหมายของการเดินทางที่เห็นอยู่ข้างหน้าตามคำเร่งเร้าของเด็กๆในปกครอง......บ้านใหม่ของครอบครัวที่เพิ่งประมูลมาได้ในราคาถูกเหมือนได้เปล่า....ปราสาทหลังงามริมทะเลสาบกลางโอบล้อมของขุนเขาที่ส่วนยอดปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี

หมอกเช้าระเหยไปหมดแล้วเมื่อรถม้าสีดำล่วงผ่านเสาหินสูงลิ่วที่ส่วนยอดสกัดเป็นรูปม้ามีปีกในตำนานปรัมปรา ความเก่าแก่ทำให้ไม่สามารถบอกถึงสีที่แท้จริงของเนื้อหินได้ เพราะผิวนอกที่ผุกร่อน และส่วนฐานที่โผล่พ้นผิวดินขึ้นไปจนเกือบเท่าความสูงของผู้ชายร่างใหญ่อย่างท่านโยเนลก็ปกคลุมไปด้วยมอส ตะไคร่ เป็นคราบเขียวคล้ำ
ฉับพลันมีลมเย็นจัดหอบใหญ่พัดสวนออกมาปะทะกับใบหน้าจนม้าทั้งสองตัวชะงักฝีเท้าแล้วโผนขาหน้าพร้อมส่งเสียงครางยาวตอบรับ

ซอรีนน์รู้สึกว่าตนได้ยินเสียงบางอย่าง ราวกับเสียงกระซิบแผ่วหวิวของสายลมเย็นยะเยือกดังอยู่ริมหู
‘........เด็กดี....ยินดีต้อนรับกลับบ้านของเรา’

เด็กชายเหลียวหน้าเหลียวหลังมองหาต้นเสียง แต่สิ่งมีชีวิตที่น่าจะพูดภาษามนุษย์ได้ก็มีเพียงท่านอา ท่านอาหญิง และพี่น้องอีกสามคนที่เดินทางมาพร้อมๆกันเท่านั้นเอง
............................................................................................


“คุณหนู......ท่านแม่รู้เข้าจะถูกทำโทษเอานะขอรับ”

 เรือนร่างกำยำล่ำสันของทาสหนุ่มออกวิ่งตามการเคลื่อนไหวประเปรียวของนายน้อยในความดูแลที่ปีนี้อายุครบสิบปีแล้ว แต่เมื่อว่างเว้นจากเวลาเรียนที่ต้องอยู่ในห้องหนังสือกับท่านอาจารย์ และพ้นสายตาของท่านหญิงมารดา นายน้อยมิฮาอิลก็ยังคงเป็นเพียงเด็กน้อยแสนซนที่มักเอาแต่ใจกับซาลิมอยู่เสมอ

“แน่จริงก็จับให้ได้สิ ฮะๆๆๆๆๆๆ”

ซาลิมเร่งฝีเท้าขึ้นอีกเมื่อมองเห็นแผ่นหลังภายใต้เสื้อผ้าป่านสีขาวขุ่นกำลังจะลับไปตามพงไม้น้ำอันแสดงว่านายน้อยผู้ดื้อดึงวิ่งล่อนำมาทางทะเลสาบในป่าหลังปราสาทอีกแล้ว

“ท่านแม่ท่านพ่อสั่งห้ามไว้นะขอรับ แฮ่ก.....แฮ่ก”

ออกแรงวิ่งจนเหนื่อยหอบ หากเมื่อพ้นแนวละเมาะโปร่งที่มีไม้น้ำขึ้นรกเรื้อไม่เป็นระเบียบมาได้และเห็นผืนน้ำกว้างใหญ่นิ่งสนิทราวแผ่นกระจกอยู่ตรงหน้าแล้วเหลียวหาไปโดยรอบ ซาลิมกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของนายน้อยมิฮาอิล


ทาสหนุ่มยิ้มบางก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อพอก้มหน้าลงก็เห็นรอยเท้าที่คุ้นเคยกดลึกที่ส่วนปลาย หากรอยกดบริเวณส้นเท้ากลับบางเบาจนแทบจะไม่เห็นในบางรอยเมื่อเจ้าหนุ่มเริ่มย่องเงียบสะกดรอยตามไปอย่างใจเย็น ร่องรอยแบบนั้นบ่งบอกว่าเจ้าของวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว และเมื่อมาถึงใต้ไม้ยืนต้นที่แผ่กิ่งก้านออกเป็นร่มเงาที่ชายน้ำรอยเท้าของเด็กดื้อที่ซาลิมถือว่าอยู่ในความดูแลก็หายไปเสียเฉยๆ


“คุณหนูมิฮาอิล......ซาลิมเหนื่อยเหลือเกินแล้วขอรับ ขอข้านอนพักสักหน่อย พอหายเหนื่อยแล้วจะวิ่งตามต่อแล้วกันนะขอรับ”
จบประโยคที่ตะโกนออกไป ซาลิมก็แสร้งทำเป็นถอนหายใจเสียงดังราวกับเหน็ดเหนื่อยเสียเต็มประดา ก่อนจะหย่อนตัวนั่งพิงเข้าไปในร่องตรงโคนไม้ระหว่างรากใหญ่หนาที่ผุดอยู่เหนือพื้นดินราวกับธรรมชาติจงใจออกแบบให้เป็นที่วางแขนของเก้าอี้อย่างแสนสบาย ปลายเท้าของทาสหนุ่มไขว้ทับกันแล้วกระดิกเป็นจังหวะช้าๆ พร้อมกับปิดตาลงราวกับพร้อมจะหลับพักตามที่พูดไปจริงๆ


---ตุบ---

ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ยังไม่ทันที่ซาลิมจะหลับตาลงสนิทด้วยซ้ำ เสียงตุบหนักๆก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างเด็กชายผมสีบลอนด์อ่อนจัดที่แขนขาเริ่มยาวจนดูเก้งก้างแทรกตัวมานั่งคร่อมทับอยู่บนตัก แล้วระดมหมัดน้อยๆรัวเข้าใส่แผงอกหนาของเจ้าทาสผิวดำแบบไม่ยั้ง

ซาลิมก็ปล่อยให้นายน้อยปล่อยหมัดแมวเข้าใส่ไปพอเจ็บๆคันๆโดยไม่ได้ห้ามปรามจนเจ้าตัวเหนื่อยไปเอง แล้วเปลี่ยนจากหมัดเป็นโอบแขนไว้รอบคอแล้วซบหน้ากับบ่าหอบแฮ่กๆนั่นแหละ

“.......ใครอนุญาตให้พัก?”

“หึๆๆ ใครว่าพักล่ะขอรับ.......ข้าจับนายน้อยได้แล้วตะหาก”

.............................................................................



“ซอรีนน์!! ทำไมมานั่งหลับอยู่ตรงนี้?”

“ช่าย......ปล่อยให้แม่ดุพวกเราฐานทำพี่หาย ที่แท้ก็มาแอบหลับอุ่นสบายอยู่นี่เอง”

ซอรีนน์ลุกขึ้นยืนตามแรงพยุงจากท่านหญิงทาเทียน่าอาสะใภ้ ยกหลังมือขึ้นขยี้ตาแล้วมองไปรอบๆอย่างงุนงง ที่ที่เขามานอนซุกขดตัวหลับอยู่คือบ่อพักน้ำชั้นใต้ดินของปราสาทที่ต่อท่อมาจากห้องครัว ซึ่งเป็นน้ำจากการหุงต้มที่จะอุ่นอยู่เสมอ พอมองไปด้านหน้าจึงเห็นนัยน์ตาสีฟ้าใสของน้องแฝดชายหญิงจับจ้องมาอย่างล้อเลียน

“พี่ละเมอเป็นหนที่สามแล้วซอรีนน์ พวกเรารู้ทันแล้วล่ะว่าจะมาเจอพี่ได้ตรงนี้.....ไว้คราวหน้าอย่าลืมชวนเราสองคนมานอนด้วยล่ะ ข้าว่ามันต้องอุ่นแน่ๆเลย”
อาลินก้าวเข้ามาตบหลังตบไหล่แล้วยักคิ้วหลิ่วตาล้อเลียนจนซอรีนน์นึกอยากจะกระโดดเตะสักป้าบ ติดที่ท่านอาหญิงยังยืนอยู่ตรงนี้ด้วย

“ขอโทษนะขอรับท่านอา......ข้าไม่ได้ตั้งใจจะละเมอ.......”

“จ้ะ.....อารู้ คนเราไม่มีใครตั้งใจละเมอหรอก เพียงแต่อาเป็นห่วง เจ้าแฝดนี่ก็หลับเป็นตาย ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าพี่ชายหายออกไปจากห้อง เฮ้อ......”



ท่านหญิงทาเทียน่ากลับไปตั้งโต๊ะอาหารที่ห้องครัวพร้อมกับผู้ช่วยอย่างบิอังก้าแล้ว อาลินที่เดินกอดคอกับซอรีนน์มาจนถึงห้องนอนที่ชั้นบนปีกตะวันออกของปราสาทจึงถามขึ้น
“พี่ฝันว่าอะไรน่ะซอรีนน์......ฝันว่าเล่นไล่จับอีกรึเปล่า?”

“อื้ม......แล้วพี่ก็ชนะ พี่จับคนหนีได้ ฮ่าๆๆๆๆๆ”

“แล้วใครเหรอ ที่เล่นกับพี่น่ะ”

“เด็กผู้ชายอายุประมาณพวกเราแหละ ผมของเขาเป็นสีทองยาวจนใช้ริบบิ้นรวบไว้ด้านหลังได้ แล้วก็มีดวงตาสีฟ้าเข้มเหมือนกับท้องฟ้าหน้าร้อนในวันที่ไม่มีเมฆน่ะ นึกออกหรือไม่?”

เจ้าอาลินลูกพี่ลูกน้องพยักหน้าหงึกหงักรับคำแล้วก็หมดความสนใจ เมื่อพี่ชายเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยจึงชวนกันลงไปกินอาหารเช้าที่ห้องครัวชั้นล่าง



บ่ายวันนั้นการทำความสะอาดปราสาทที่ไล่ทำกันมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ พร้อมด้วยแรงงานลูกจ้างชายหญิงอีกสองคนก็มาถึงส่วนสุดท้ายบนหอคอยตะวันตก ห้องเก็บสมบัติเก่าของท่านเจ้าของเดิมก่อนสมัยสงครามเมื่อแปดสิบปีที่แล้ว

---โครม---

“อูยยยยยยย”
เสียงครางเบาๆของจอมซุ่มซ่ามอย่างซอรีนน์ดังขึ้นเมื่อเจ้าตัวเหยียบเอาชายผ้าฝุ่นเขรอะจนพลาดล้มลงไปนอนแอ้งแม้งกับพื้นพรมสีเลือดเก่าคร่ำและมีรอยขาดเป็นรูอันน่าจะเกิดจากสัตว์เล็กๆจำพวกหนูอยู่ประปราย

กรอบรูปไม้ทาทับด้วยสีทองที่ซีดจางตามกาลเวลาถูกเจ้าตัวนั่นแหละที่พอลุกขึ้นมาได้เลยดึงขึ้นมาด้วยเพ่งมองจนดวงตาสีเขียวเข้มแทบถลนออกจากเบ้า

“มีอะไรรึเปล่าซอรีนน์?”
ท่านหญิงทาเทียน่าที่สาละวนกับการพยายามเลื่อนเตียงลูกกรงสำหรับทารกออกไปไว้ตรงพื้นที่ว่างหันมาเห็นอาการหลานชายเข้าพอดี

“เอ่อ......ท่านอา ข้าขอภาพนี้ได้หรือไม่ขอรับ?”

“ภาพใครก็ไม่รู้ อยากได้ก็เอาไปเถิดซอรีนน์ แต่ถ้าจะเอาไปไว้ในห้องเจ้าก็ควรทำความสะอาดเสียก่อน ของเก่าเก็บฝุ่นเขรอะเชียว เดี๋ยวจะพลอยไม่สบายกันไปหมด”



หากเมื่อจะเอาภาพเขียนเด็กชายวัยรุ่นที่น่าจะมีอายุไม่เกินสิบหกปีซึ่งมีโครงหน้างดงามราวภาพปั้น ผมบลอนด์ซีดจางรวบไปด้านหลังโดยมีปอยหยักศกบางส่วนระอยู่ข้างแก้มเข้าไปไว้ในห้องนอน เพื่อนร่วมห้องอย่างอาลินก็กลับต่อต้านสุดชีวิต

“ข้ารู้นะ ว่านั่นเป็นภาพเหมือนของผี......ผีตนนี้หรือไม่ใช่ที่มาชวนพี่วิ่งเล่นอยู่ทุกคืน”

“เขาไม่ใช่ผี!!”


“ไม่รู้ล่ะ ท่านแม่บอกว่าเจ้าของเก่าเป็นตระกูลขุนนาง ตายกันไปหมดตั้งแต่สมัยสงครามโน่น ถ้าไม่ใช่ผีก็แสดงว่าเป็นปีศาจมาเข้าฝันพี่น่ะสิ.....ไม่เอา ยังไงข้าก็ไม่ให้เอาภาพปีศาจเข้ามาในห้องนอนของข้าแน่”

“งั้นพี่จะไปนอนห้องอื่น ปราสาทนี้ออกกว้างมีห้องเยอะแยะ หึๆๆ ทีนี้อาลินขี้แยก็ต้องนอนคนเดียว.....ถ้าผีมาหักคอก็ไม่มีใครรู้......เฮ้อ....ดีเหมือนกัน ท่านอาก็บอกให้นอนแยกห้องกันมาตั้งนานแล้ว จะได้โตเป็นผู้ใหญ่.....”

“มะ......ไม่เอา.....ข้ายอมแล้ว แต่พี่ต้องให้ลูกตานั่นมองไปที่พี่คนเดียวนะ ห้ามตั้งให้รูปผีนั่นมองเห็นข้าเชียว ไม่งั้นข้าจะขโมยไปทิ้งเสียเลย.......ฮึ่ย...ไม่เข้าใจเลย ทำไมพี่ยอมเป็นเพื่อนกับผี ถ้าวันหนึ่งผีนั่นเกิดอยากพาพี่ไปอยู่ด้วยขึ้นมาล่ะ....”


เสียงบ่นพึมพำของลูกพี่ลูกน้องไม่ทำให้ซอรีนน์เปลี่ยนใจ แม้ใจจะเริ่มกังวลว่าถ้าผีมาเอาตัวไปอยู่ด้วยจริงๆจะทำอย่างไร แต่ความยินดีและปลื้มเปรมเมื่อได้มองที่ดวงตาสีฟ้าล้ำลึกในภาพวาดที่ราวจะเรียกร้องให้เขาตามหาอยู่ตลอดเวลาราวได้พบสหายเก่ากลับทำให้เด็กชายไม่อาจตัดใจจากภาพวาดนั้นได้เลย
..................................................................................


 

“คุณหนู!!”

ซาลิมในวัยฉกรรจ์รีบโจนลงทะเลสาบที่เย็นจนผิวหน้าเริ่มจับเป็นแผ่นน้ำแข็งบางๆตามนายน้อยที่แม้จะเพิ่งอายุครบสิบหกปีแต่ก็มีความสูงเกือบเท่ากันแล้ว

เมื่อครู่ท่านหญิงอิเรเน่มารดาของนายน้อยมิฮาอิลเรียกเจ้าทาสหนุ่มไปคุยเรื่องการรับสาวน้อยที่นางมองๆไว้ให้มาเป็นภรรยา ยังไม่ทันจะปฏิเสธเป็นเรื่องเป็นราวซาลิมก็เหลือบเห็นนายน้อยมายืนกำหมัดแน่นอยู่ที่หน้าประตูพออ้าปากจะปฏิเสธการรับสาวนางนั้นก็เห็นว่ามิฮาอิลกลับหลังหันวิ่งหนีออกไปเสียแล้ว

ซาลิมรีบขอตัวออกมาโดยไม่ทันฟังคำอนุญาตจากท่านหญิงแห่งบราโซฟ พุ่งตามร่างโปร่งที่เห็นหลังไวไวว่ามุ่งหน้าไปทางทิศที่ตั้งของทะเลสาบ จิตใจร้อนรนเพราะเกรงจะเกิดอันตรายกับนายน้อยที่เป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของตน เนื่องด้วยนี่เพิ่งต้นฤดูหนาว สัตว์ร้ายที่ยังล่าเหยื่อเพื่อเก็บกักอาหารก่อนเข้าฤดูจำศีลในป่าละเมาะนั้นยังมีอยู่ แล้วยังผืนน้ำบางส่วนที่เริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็งอีกเล่า......นายน้อยมิฮาอิลยิ่งถนัดนักกับการเล่นแผลงๆหาอันตรายใส่ตัว

แล้วพลาดไปที่ไหน ซาลิมได้แต่ตั้งใจแน่วแน่.....คราวนี้ถ้าจับตัวได้จะต้องลงโทษเด็กดื้อให้หลาบจำเสียบ้าง!!



ร่างอ่อนปวกเปียกที่ลากขึ้นมาจากทะเลสาบเย็นเฉียบถูกเจ้าทาสหนุ่มจับพาดบ่าแล้วโหย่งตัวขึ้นลงแรงๆเพื่อกระตุ้นให้คายน้ำที่คงกลืนเข้าไปไม่ใช่น้อยออกมาให้หมด

“อึ้ก.......แค่กๆๆ”
เมื่อรู้สึกตัวหนุ่มน้อยที่ถูกแบกอยู่ก็ดิ้นรนทั้งเตะทั้งถีบ แต่ซาลิมก็ไม่ยอมปล่อย เจ้าทาสใช้วิธีนอนลงแล้วกดทับคนที่กำลังแสดงความดื้อรั้นพาลพาโลไว้ทั้งตัว

“คุณหนู หยุดดิ้นนะขอรับ......บอกให้หยุดไงขอรับ!!”

“ไม่!! ฮือ.....ฮึก...ซาลิมจะ...ฮึก..จะทิ้งเรา...แล้ว.....ฮึก ใช่มั้ย?”
น้ำตาหยดโตๆหยาดออกมาจนคนมองตกใจ คุณหนูมิฮาอิลเลิกร้องไห้มานานมากแล้ว อย่างน้อยก็สิบปีตั้งแต่เริ่มปีนต้นไม้ได้ด้วยตัวเองนั่นแหละ แล้วนี่จู่ๆมาร้องไห้สะอึกสะอื้นแบบนี้ซาลิมที่เป็นยิ่งกว่าพี่เลี้ยงเลยตกใจจนไอ้ความคิดที่จะทำโทษมันเลือนหายไปจนหมดสิ้น

“คุณหนู.....คนดี ไม่เอานะขอรับ ซาลิมไม่ไปไหน อย่าร้องไห้นะขอรับ”
ทาสหนุ่มผิวดำพลิกตัวเองลงนอนหงายแล้วเปลี่ยนให้มิฮาอิลขึ้นมานอนซบอยู่ด้านบนแทน สองมือที่ออกแรงยึดไว้ไม่ให้ดิ้นเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นปลอบประโลมโดยการลูบขึ้นลงอยู่บนแผ่นหลังเปียกชุ่มเย็นเฉียบจนเริ่มรู้สึกถึงไออุ่นทีละน้อย

“เราไม่เชื่อ....ฮือ...ซาลิมจะมีเมีย ทีนี้ก็จะรักเมีย.....ฮึก....จะรักคนอื่นนอกจากเรา.....”
เล็บคมที่เปื้อนโคลนทั้งสองมือกำขยำผ่านเนื้อผ้าบนอกเสื้อเปียกปอนของเพื่อนเล่นที่ตามใจกันมาตลอดตั้งแต่เด็ก จิกผ่านลงบนเนื้อหน้าอกแกร่งแน่นของซาลิมจนเจ็บแสบไปหมด

“ไม่มีวัน.....คุณหนู....เชื่อซาลิมนะขอรับ ชีวิตนี้ซาลิมเป็นของคุณหนูมิฮาอิลคนเดียว โอ๋ๆๆไม่ร้องนะขอรับ ซาลิมรักคุณหนูของซาลิมคนเดียว”

“ฮึก.....จะ...จะไม่มีคนอื่นนะ.....”

“ขอรับ....”

“แล้ว......จะยอมทำทุกอย่างเพื่อเรา ทั้งชีวิตเลยใช่มั้ย?”

“ขอรับ.....ต่อให้มีอีกกี่ชีวิต มันก็จะเป็นของคุณหนูขอรับ.....”

คำสัญญาหนักแน่นจากปากได้รับรางวัลเป็นรอยยิ้มหวานทั้งน้ำตาของหนุ่มน้อยเอาแต่ใจ หากเมื่อซาลิมใช้แขนทั้งสองยันกับพื้นเพื่อจะลุกขึ้น มิฮาอิลที่แม้จะตัวบางกว่าแต่ก็สูงทันกันกลับออกแรงยันไหล่กำยำล่ำสันของเจ้าทาสไว้ไม่ให้ลุกขึ้นได้

ทาสหนุ่มเหลือบตาขึ้นมองหน้านายน้อยก็เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นมาพร้อมประกายตาเหมือนกับสมใจนักหนา ก่อนจะต้องตาค้างเมื่อมิฮาอิลเริ่มปลดเชือกหนังที่ร้อยสาบเสื้อทั้งสองให้ประกบกันออก แล้วก่อนที่จะทันห้ามปรามก็ถอดเสื้อออกแล้วเหวี่ยงไปกองอยู่บนพื้นด้านข้างเสียแล้ว

“คุณหนู ลุกก่อนแล้วค่อยถอดก็ได้นะขอรับ แล้วเราจะได้รีบเข้าไปในปราสาท ตรงนี้ลมเย็นจัด เดี๋ยวจะ.....เอ่อ..ได้ไข้...”

ริมฝีปากบางเฉียบที่เริ่มจะมีสีสันด้วยความอบอุ่นจากกายที่กอดเกี่ยวถ่ายเทให้กันฉกจูบลงที่ริมฝีปากหนาสีชมพูซีดของคนที่ตกเป็นเบี้ยล่างอย่างตั้งใจ

ซาลิมรู้สึกถึงกระแสไฟวิ่งปราดสู่ร่างกายจนชาวาบไปทั้งร่าง มือที่กำลังจะยันพื้นของเจ้าทาสหนุ่มกลับวางลงราบกับพื้นดินราวไร้เรี่ยวแรงอย่างกะทันหัน ปล่อยให้เจ้าชีวิต และที่รับรู้โดยไม่ต้องพูดออกไปเป็นยิ่งกว่าเจ้าหัวใจค่อยและเล็มตั้งแต่ริมฝีปาก แนวสันกราม.....ไปจนถึงกกหู และไล้เลียราวจะดื่มกินไปทั่วร่าง

“เป็นของเรา.....เป็นของเราคนเดียวนะซาลิม....”
..............................................................................


(ต่อด้านล่างค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2011 23:34:46 โดย anajulia »

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
 
 :z13:

เริ่มจะวาบหวามแล้ว 555

นิดนึงนะนุ่น จนเจ็บแสบ เจ็ บ ใบไม้หายค่ะ

รออีก 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็ได้จ้าาาาาาาาาาาาาาาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2011 20:10:18 โดย PEENAT1972 »

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
เข้ามารอครึ่งหลัง :o8:

taem2love

  • บุคคลทั่วไป
มากันเร็วเนอะ จองด้วยคน

butajang

  • บุคคลทั่วไป
เย้ๆๆ เรื่องใหม่มาเเล้ว เร้าใจไปไกลเลย ขอบคุณนะคะ คุณนุ่นว่าเเต่ เรื่องนี้มี 2 คู่ใช่ไม๊คะ 1.คือ ซอรีนกับ เอ่อคุณ เจ้าของตึก 2. คือ ทาสผิวคล้ำกับ นายน้อยใช่ไม๊ เเต่ นายน้อย ร้อนเเรงเเท้ คุคุคุ มีข้อสงสัยค่ะ อันนี้  "มานอนซอบ" มันอย่างเดียวกับ ซบใช่ไม๊ค่ะ เเล้วก็ "เพื่อจะลุกขึ้นมิฮาอิลที่แม่จะตัวบางกว่า"เเม่จะ อันนี้ คุณนุ่น เล่นคำเปล่าคะ เเหะ  ๆๆ รอท่อนหลังอยู่นะคะ +1 ไปก่อน ถ้าไม่ทัน พรุ่งนี้จะมาตามนะคะ

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
กรรม คำผิด เดี๋ยวมาแก้ค่ะ

(กะแล้วเชียวต้องมีคนงงกับเนื้อเรื่อง หวังว่าอีกครึ่งมาแล้วจะไม่งง ไปแก้ไขต่อก่อนนะคะ ใกล้แล้วค่ะ)

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
รอจ้า


กำลังสนุกเลย


 :L2: :L2:

ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
มาอ่านเรื่องสั้นค่ะ พึ่งมาใหม่นะ อ่านไปสองเรื่องและ เอ่อ...เขียนเก่งอย่างนี้ทำไมไม่เขียนเรื่องยาวไปเลยคะ  หุหุ  จะได้อ่านนานๆง่ะ(แอบโลภ)  เดี๋ยวจะมาอ่านต่อเรื่อยๆนะ เอาให้ทันให้ได้ :a2:
 :L2:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Prince-Faluke

  • เจ้าชายน้อยแห่งคาบูกิโชว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ง่ะ  ครบ 2 ชั่วโมงแล้วนา

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
ง่า ค้าง

สารภาพว่าเค้าอ่านตอนก่อน มะรู้เรื่อง  :laugh:

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
มาอ่านต่อค่ะ
..............................
.
.


ซอรีนน์ตื่นขึ้นในตอนเช้าและพบว่าตัวเองมานอนอยู่ข้างบ่อพักน้ำตามเคย ที่น่าอายก็คือมีบางสิ่งเกรอะกรังอยู่ในกางเกงจนรู้สึกได้ถึงความเหนียวเหนอะเมื่อขยับตัว

“ผีทะลึ่งนี่!”

ลากสังขารระโหยโรยแรงขึ้นมาถึงห้องนอนก็พบว่าน้องชายลูกท่านอายังคงซุกตัวสงบนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่ม ไม่มีวี่แววจะรับรู้อะไรด้วยสักนิด ก่อนจะมองไปที่ผนังด้านในที่แขวนภาพของเพื่อนเล่นในฝันไว้ก็เห็นดวงตาสี้ฟ้าเข้มจัดนั้นยังมองตรงมาราวกับมีชีวิต

ซอรีนน์รู้สึกใบหน้าร้อนวาบราวกับเหตุการณ์ในฝันนั้นเกิดขึ้นจริง แล้วก็ต้องสะบัดศีรษะแรงๆไล่ความรู้สึกแปลกๆออกไป ก่อนจะเข้าห้องน้ำจัดการทำความสะอาดร่างกายตัวเองตามปกติ ส่องกระจกบานใหญ่ดูก็ไม่พบร่องรอยใดๆที่ควรจะเกิดขึ้นบนร่างกายหากเรื่องในฝันที่ตนเองถูกคนในภาพทั้งดูดดุนทั้งขบกัดจนทั่วในร่มผ้าเป็นความจริงก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
‘เรานี่ท่าจะบ้า....สงสัยฟังเรื่องผีปีศาจจากอาลินมากไปหน่อย....ถ้าฝันคราวหน้าต้องปฏิเสธบ้างแล้วมั้งเรา’



‘ซาลิม.....ซาลิม....’
‘หืม.....’
‘ลุกสิ.....ตามเรามาทางนี้’
‘ไม่เอาหรอก หนาวออกนะ.....อีกอย่างเราชื่อซอรีนน์ ไม่ใช่ซาลิมของท่าน’

‘เด็กดื้อ ลุกขึ้น!’
‘ไม่.....อ๊ะ!!! จะทำอะไร?!’


ซอรีนน์รู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองไม่ทำตามคำสั่งของเจ้าของอีกต่อไป ทั้งๆที่ใจสั่งว่าไม่ แต่ขณะนี้เขาก็กลับมายืนอยู่ตรงบ่อพักน้ำที่เดียวกับที่เคยตื่นขึ้นมาทุกเช้าอีกแล้ว
และนั่นไง จู่ๆร่างโปร่งของเด็กหนุ่มที่น่าจะอายุมากกว่าไม่เกินห้าปีที่เดินนำมาตลอดก็หายไป ทิ้งไว้แต่ช่องทางลับหลังกำแพงหินที่อยู่ข้างบ่อพักน้ำซึ่งถูกเปิดออกด้วยมือของเด็กชายที่เคลื่อนไหวไปตามอำนาจเหนือธรรมชาตินี่เอง

เมื่อซอรีนน์ลองขยับแขนขาดูก็พบว่าขณะนี้ร่างกายกลับมาเป็นของตนอีกครั้ง เด็กชายหมุนตัวจะกลับขึ้นไปนอนซุกตัวใต้ผ้าห่มขนสัตว์ให้สบาย แต่ช่องทางลับที่เพิ่งได้พบซึ่งมีคบไฟส่องสว่างจนเห็นว่าคงจะลึกลงไปไม่น้อยก็ยั่วตายั่วใจที่มีธรรมชาติอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดาของเด็กวัยนี้จนห้ามตัวเองไม่ให้ก้าวล่วงเข้าไปไม่ไหว

เด็กน้อยเงยหน้ามองด้านบนของประตูหินเพื่อความแน่ใจว่าระหว่างที่ก้าวผ่านจะไม่มีการหล่นลงมาทับจนขาดใจตายอยู่ตรงนี้แน่ แล้วจึงตัดสินใจก้าวเข้าไปหาแสงสว่างด้านใน และเพียงพ้นส่วนโถงและหย่อนเท้าลงวางบนบันไดขั้นแรกเท่านั้น เสียงครืดเบาๆก็ดังขึ้น

เมื่อซอรีนน์หันกลับไปดูประตูหินหนาหนักก็กำลังเคลื่อนลงมาอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กจ้อยของเด็กชายถีบเท้ากระโจนไปทางช่องเปิดที่ยังพอจะรอดตัวผ่านเพื่อกลับไปได้ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เด็กชายเอื้อมมือสั่นเทาทุบแรงๆไปบนแผ่นหิน พยายามออกแรงดันแต่แม้จะโถมแรงจนสุดตัวก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดใดเกิดขึ้นเลย

ความหวั่นกลัวครอบงำจิตใจจนสั่นไปทั้งร่าง ซอรีนน์รู้สึกว่าฝ่ามือตัวเองเย็นเฉียบเมื่อยกมือมาป้ายน้ำตาแห่งความกลัวที่ไหลพรากออกมาไม่ยอมหยุด เด็กชายสูดลมหายใจเข้าลึก มองไปรอบตัวก็เจอแต่ความว่างเปล่า บันไดวนที่ทอดลึกลงต่ำกว่าระดับผิวดินลงไปเรื่อยๆไม่รู้จะพาไปถึงจุดสิ้นสุดตรงไหน แต่กระนั้นนี่ก็ดูจะเป็นทางเดียวที่เด็กชายเหลืออยู่

ซอรีนน์ตัดสินใจก้าวเดินอีกครั้งทั้งน้ำตา ค่อยๆก้าวไปทางบันไดที่มีแสงสว่างจากไต้ส่องให้เห็นทางอยู่เป็นระยะอีกครั้ง เสียงฝีเท้าของตัวเองสะท้อนก้องกับผนังหินยิ่งทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว

  
‘มาเถิด.....เด็กน้อย จงมาสู่ข้าตามพันธะสัญญาที่ให้ไว้.....’
น้ำเสียงเย็นยะเยือกที่เคยสัมผัสด้วยจิตมาบัดนี้ซอรีนน์รู้สึกเหมือนผู้พูดจะมายืนกระซิบอยู่ข้างๆจนรับรู้แม้กระทั่งกระแสลมแผ่วๆที่กระทบใบหูจนเผลอหันหน้าไปมองหาพร้อมทั้งยกมือขึ้นแตะใบหูของตัวเอง

แต่แม้จะรู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่มันแปลกพิสดารแค่ไหน เด็กชายก็ยังคงก้าวต่อไปเรื่อยๆไม่ยอมหยุด อาการหวาดกลัวเมื่อคิดได้ว่าตนเองอาจจะต้องตายอยู่ในอุโมงค์ลับใต้ดินเริ่มถูกความกระหายใคร่รู้ซ้อนทับ ซอรีนน์อยากรู้นักว่าบันไดเวียนนี่จะพาเขาไปโผล่ที่ไหน

เดินมายังไม่ทันเหนื่อยขั้นบันไดก็เริ่มไม่สม่ำเสมอ จนในที่สุดพื้นก็เปลี่ยนเป็นทางลาดปูหิน ผนังที่เคยเรียบกลับกลายเป็นผนังหินธรรมชาติตะปุ่มตะป่ำ มีหินงอกหินย้อยซึ่งบางจุดก็มีหยดน้ำสะท้อนจับกับแสงไฟจนทำให้ตาพร่าเมื่อเผลอตัวมองนาน
เด็กชายสังเกตว่าคบไฟที่ตามไว้ตามผนังเริ่มห่างขึ้น และในที่สุดเมื่อก้าวพ้นหลืบหินที่มีลักษณะเหมือนฉากกั้นห้องธรรมชาติ ห้องโถงกว้างขนาดใหญ่กว่าห้องนอนที่เขาใช้ร่วมกับบุตรชายของท่านอาโยเนลก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า

แท่นหินความสูงระดับอกของเด็กชายตั้งโดดเด่นอยู่กลางห้อง เป็นส่วนประกอบเดียวที่ทำให้ห้องหินนี้ดูแตกต่างจากห้องนอนด้านบนเพราะริมผนังที่แสงไต้ส่องไปถึงมีทั้งโต๊ะ ตู้ หรือแม้แต่กระจกบานยาวรูปวงรีที่ฝังอย่างลงตัวอยู่ในเนื้อหินริมผนังด้านขวาของห้อง

ซอรีนน์ตัดสินใจก้าวเข้าไปหาแท่นหินลักษณะคล้ายเตียงสีดำสนิทนั้นช้าๆ เข้าไปจนใกล้จนได้ระยะเอื้อมมือถึง บนพื้นหินสีดำสนิทปรากฏรูปดาวห้าแฉกขีดเป็นรอยลึกตรงกึ่งกลาง มือขาวอมชมพูค่อยเอื้อมไปแตะไล้ตามรอยขีดรูปดาวอย่างเผลอไผล แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีฝ่ามือแข็งแกร่งหากเย็นเฉียบดุจเดียวกับเนื้อหินคว้าหมับตรงข้อมือข้างนั้น

“อื๊ออออออ!!!”
ซอรีนน์อุทานไม่เป็นภาษาเมื่อหันหน้ากลับมาแล้วได้เผชิญกับใบหน้าคุ้นเคย ใบหน้าของเพื่อนเล่นในความฝันและเป็นใบหน้าเดียวกับเด็กหนุ่มในภาพวาด หากที่ต่างออกไปคือดวงตา......ดวงตาสีแดงเข้มไม่ต่างจากสีของเลือดสด และอุณหภูมิเย็นชืดที่ข้อมือไม่ต่างจากแท่นหินที่นั่งซ้อนกันอยู่ตอนนี้สักนิด

เด็กชายสะบัดมือสุดแรงแล้ววิ่งไม่คิดชีวิตไปทางออกใกล้ที่สุดที่เหลือบตาไปเห็น เสียงหัวเราะเยียบเย็นที่ดังไล่หลังราวกับปีศาจร้ายยิ่งกระตุ้นให้การเคลื่อนไหวของซอรีนน์เร็วขึ้นอีก หากแต่ยิ่งออกห่างจากห้องโถงใหญ่นั้นแสงจากคบไฟก็เริ่มน้อยลง

‘ตึกตึก.....ตึกตึก.......ตึก ตึก ตึก ตึกตึก ตึก ตึก ตึกตึกตึก’

มิฮาอิล กราฟ์คนสุดท้ายแห่งบราโซฟในรูปลักษณ์ที่แทบจะไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อแปดสิบสามปีก่อนเลยยังคงนั่งอยู่บนแท่นหินสีดำนั้น เอียงคอน้อยๆพลางเงี่ยหูฟัง

‘เสียงเต้นของหัวใจ ใกล้แค่เอื้อมมือคว้า.......
หึๆ เด็กน้อยเอย......คิดหรือว่า เพียงแต่วิ่งจนสุดฝีเท้า ทุ่มเททุกพลังแรงกายลงไปแล้วจะช่วยให้รอดพ้นจากเงื้อมมือนี้ได้
วิ่งเข้าเถิด......จงออกแรงให้เต็มที่ ให้พลังงานที่เหลืออยู่เพียงนิดนั้นเหือดหาย
แล้วเมื่อใดที่เธอหมดแรงเฮือกสุดท้าย.......เธอจะได้กลับสู่อ้อมอกของเรา........อีกครั้ง’



ในที่สุดทางที่ซอรีนน์วิ่งมาก็ไม่มีคบไฟตามไว้อีกต่อไป ซอรีนน์พยายามเพ่งมองในความมืด หากในความมืดสนิทนั้น แม้แต่จะมองเห็นฝ่ามือตัวเองยังแทบเป็นไปไม่ได้ เด็กชายสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วค่อยออกเดินต่อโดยคลำไปตามฝาผนัง หนทางคดเคี้ยววกวน และยังความมืดยิ่งกว่ามืด ทำให้ความหวังของค่อยเหือดลงทีละน้อย

เด็กชายไม่รู้ว่าตัวเองติดอยู่ในทางที่คดเคี้ยวราวกับไม่มีจุดสิ้นสุดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่กระเพาะเริ่มครวญครางประท้วงว่าร่างกายที่กำลังเจริญเติบโตต้องการอาหาร พร้อมๆกับที่เรี่ยวแรงที่มีอยู่หมดลงจนต้องทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าซุกตัวแนบผนังหินเย็นชืดแล้วปล่อยน้ำตาแห่งความสิ้นหวังให้รินไหล

แต่ยังไม่ทันจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาตามที่เคย ซอรีนน์ก็รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวและเสียงราวกับเนื้อผ้าเสียดสีเบาๆดังขึ้นใกล้ๆห่างไปไม่ถึงช่วงแขน และฝ่ามือเรียวขาวหากเย็นชืดก็ยื่นมาดึงร่างของเด็กชายเข้าไปกอดรัดจนแนบแน่นแล้วในความมืดนั้นเองที่ซอรีนน์รู้สึกถึงสัมผัสเบาๆที่ออกแรงดันให้เงยหน้าขึ้นก่อนจะมีบางสิ่งที่แม้จะเย็นชืดหากนุ่มละมุนสัมผัสเพียงแผ่วหวิวที่เปลือกตาทีละข้าง

“ซอรีนน์....เด็กดี อย่าหนีอีกเลย.....มาอยู่กับเราเถิดนะ เรารอเธอมานานเหลือเกินแล้ว”

“มิ....มิฮาอิล.....”

“เด็กดี.....จำได้แล้วสินะ”
อ้อมแขนแข็งแกร่งยกตัวเด็กชายขึ้นอุ้มเข้าเอวราวกับอุ้มเด็กที่ไร้น้ำหนักก่อนจะก้าวเดินด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบาราวลอยละล่องอยู่เหนือพื้น
“ครั้งนั้นเธอผิดสัญญา.....หลอกเรามาขังไว้ในอุโมงค์นี้ แล้วยังออกคำสั่งให้รักษาชีวิตไว้รอเธอ.....”

ซอรีนน์ซบหน้าเข้ากับซอกคอที่ขยับไปมาพร้อมๆกับจังหวะการพูดของเจ้าของร่างเย็นชืดราวแผ่นหินไร้ชีวิต พร้อมกับเปลือกตาที่หรี่ปรือลงด้วยฤทธิ์ของความเหนื่อยอ่อน การเคลื่อนไหวแผ่วเบาหากว่องไวของผู้ที่โอบอุ้มเป็นดั่งการไกวเปลกล่อมให้เข้าสู้ภวังค์แห่งความหลับกระนั้น
..........................................................................


ความโกลาหลเกิดขึ้นตั้งแต่บ่ายวันหนึ่งในฤดูหนาวที่อีกเพียงสามสัปดาห์เท่านั้นมิฮาอิลก็จะมีอายุครบสิบเจ็ดปี ข่าวจากข้างในส่งมาว่ากองทัพของจักรวรรดิทางตอนใต้กำลังรุกเข้ามาจนใกล้จะถึงผืนแผ่นดินแห่งขุนเขาอันเป็นถิ่นพำนักที่เคยสงบร่มเย็นมาตลอดนี้เสียแล้ว

เด็กและผู้หญิงถูกสั่งให้ซ่อนตัวในหลุมหลบภัย หรือห้องลับตามปราสาทและบ้านเรือน ในขณะที่ชายฉกรรจ์ถูกเกณฑ์ให้ถืออาวุธคอยต้านทานศัตรู

ความเอาแต่ใจของนายน้อยแห่งปราสาทไม่สามารถยึดยื้อซาลิมไว้กับตัวได้อีกต่อไป และเมื่อมิฮาอิลแสดงเจตจำนงจะออกไปถือโล่ถือดาบด้วยก็ไม่มีใครยินยอม
เสบียงและเครื่องใช้จำเป็นที่พอจะขนย้ายได้ในเวลาจำกัดถูกถ่ายโอนเก็บตุนในช่องทางลับใต้ปราสาทอย่างรวดเร็ว สิบเอ็ดชีวิตในห้องลับใต้ดินของปราสาทบราโซฟรอคอยสัญญาณที่นัดกันไว้อย่างกระวนกระวาย

คนอื่นอาจจะสวดมนต์ หรือเรียกร้องหาพระผู้เป็นเจ้าเมื่อเวลาล่วงผ่าน หากสิ่งเดียวที่หนุ่มน้อยมิฮาอิลใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจคือคำสัญญาจากเจ้าทาสผิวดำที่ไม่เคยแยกจากกันเกินวัน นับตั้งแต่พบกันครั้งแรกเมื่อมิฮาอิลอายุเพียงสิบแปดเดือน
‘อยู่ที่นี่ รอซาลิมนะขอรับคุณหนู’
‘สัญญาว่าจะปลอดภัยกลับมาสิ......ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร จะนานแค่ไหน จะกลับมาหาเรา’
‘ขอรับ.....ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ทาสคนนี้จะกลับมาหาคุณหนูให้จงได้ คุณหนูต้องรักษาชีวิตไว้รอซาลิมนะขอรับ’

ประตูหินหนาหนักถูกเปิดขึ้นหลังเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน อาหารที่กักตุนไว้หมดไปตั้งแต่สองวันก่อนพร้อมกับความหวังที่จะได้พบคนที่ถูกทิ้งให้ทำหน้าที่ต่อสู้อยู่ข้างนอกหมดลง

เสียงร่ำไห้ของมันดิซาผู้เป็นพี่สาวของซาลิมเทียบไม่ได้กับเสียงกู่คำรามราวหัวใจกำลังแตกสลายของมิฮาอิล เมื่อเพียงออกมาจากประตูหิน ร่างไร้ชีวิตของซาลิมเป็นสิ่งแรกที่ได้เห็น
มิฮาอิลหมดความสนใจกับสิ่งอื่นอีกต่อไป หมดเรี่ยวแรงและพลังใจ นายน้อยแห่งบราโซฟไม่รับรู้แม้ร่างไร้วิญญาณของซาลิมจะถูกคนอื่นๆเคลื่อนย้ายไปกองรวมกับร่างอื่นๆแล้วจุดไฟเผาเนื่องจากเป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

กองทัพจากไปนานแล้ว และสิ่งที่เหลืออยู่ก็มีแต่ร่องรอยของการทำลายล้าง คนที่เหลือประชุมกันแล้วตัดสินใจเดินทางซอกซอนเข้าป่าเพื่อไปสมทบกับชาวบ้านที่เมืองใกล้ๆ ความเศร้าโศกของท่านหญิงมารดาที่มีต่ออาการราวขังตัวเองอยู่ในโลกส่วนตัวของมิฮาอิลไม่สามารถกระทบกับเนื้อใจของบุตรชายอันเป็นที่รักได้ และเมื่อทั้งหมดออกเดินทาง มิฮาอิลก็หลบหนีออกจากคณะย้อนกลับไปซ่อนตัวอยู่หลังประตูหินหนาหนัก ทางลับใต้ปราสาทอีกครั้ง
.................................................................................


ซอรีนน์ตื่นขึ้นมาอีกครั้งบนเตียงหินสีดำที่เย็บเฉียบ เมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นก็เห็นว่าดวงตาสีแดงจัดคู่เดิมที่บรรจุประกายแห่งความปรารถนาจับจ้องอยู่ก่อนแล้ว

“มิฮาอิล.....คุณหนู”

“หึๆๆ ไม่ต้องเรียกเราว่าคุณหนูหรอก เจ้าคือซอรีนน์มิใช่หรือ?”


ความหวาดกลัวปลาสนาการไปหมดแล้ว เด็กชายยื่นมือที่สั่นน้อยๆขึ้นแตะต้องใบหน้างามเกินบุรุษนั้นเพียงแผ่วเบา ก่อนจะไล้ข้อนิ้วไปตามกรอบโครงหน้าที่เย็นชืดขาวซีดนั้นช้าๆ ดวงตาสีแดงหรี่ปรือลงอย่างเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสที่ไร้เดียงสาและความอบอุ่นที่ใฝ่หามาแสนนาน

กลิ่นหอมของชีวิตและเสียงตุบ...ตุบ จากแอ่งชีพจรที่ข้อมือน้อยกระตุ้นให้ความกระหายอยากในบางสิ่งตื่นตัวขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ดวงตาสีแดงจัดกระตุกลืมขึ้นพร้อมกับที่มิฮาอิลเคลื่อนไหวอยากรวดเร็วจนมองไม่ทันไปยืนอยู่ในมุมมืดของซอกหินไกลออกไปในทันที เสียงขบกรามอย่างรุนแรงดังมาจากมุมนั้นจนแม้แต่ร่างน้อยที่อยู่ห่างออกมาไม่ต่ำกว่าสิบก้าวยังได้ยิน

“มิฮาอิล......” ซอรีนน์ยันตัวลุกขึ้นแล้วเริ่มก้าวเข้าไปหาร่างสูงในมุมมืด

“อย่าเพิ่ง...เข้ามา เรา....ไม่อยากทำร้ายเธอ”
เสียงห้ามตะกุกตะกักทำให้เด็กชายรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามห้ามใจตัวเองแค่ไหน หากเด็กชายไม่ยอมหยุด

“มิฮาอิล......อยากอยู่กับเราไม่ใช่หรือ....เรายินดีถ้าจะต้องถูกกิน เป็นเราเองที่ปล่อยให้ท่านรอนานขนาดนี้.....อย่าห้ามตัวเองอีกต่อไปเลยนะ”

“เธอรู้หรือว่าเรา....อึก...ในตอนนี้เป็นอะไร? มันไม่สนุกหรอกนะซอรีนน์ มันทั้งโดดเดี่ยว เงียบเหงา....การพรากชีวิตอื่นแม้จะเป็นแค่สัตว์ตัวเล็กๆ....อึก...มันเจ็บปวด......”

มือเล็กที่ปลายเล็บเป็นสีชมพูอ่อนของเด็กชายยื่นออกไปกุมมือขาวซีดไร้สีเลือดที่สั่นเทาของชายหนุ่มที่ยกปิดปากปิดจมูกราวกับไม่ต้องการให้กลิ่นใดๆเล็ดลอดเข้าไปได้ ออกแรงเพียงนิดดึงมากุมไว้ก่อนจะแนบเข้ากับผิวแก้มนุ่มนิ่มของตนเอง

“แล้วไม่ต้องการจะอยู่กับเราแล้วหรือ? มิฮาอิล.....คนดี....ลืมไปแล้วหรือว่าหากมีซอรีนน์อยู่ด้วยท่านจะไม่ต้องเหงาอีกต่อไป หากท่านดูดกินจากสัตว์เล็กๆก็เพียงพอจะอยู่ได้ แล้วถ้าเป็นจากซอรีนน์.....ท่านจะต้องดื่มกินจนพรากชีวิตเราเชียวหรือ?”

“แต่เธอจะต้องตัดขาดจากคนอื่น ญาติของเธอ.....อึก....พี่น้องของเธอ......เราเพียงต้องการให้เธอ...อึก....มาอยู่กับเราในตอนกลางคืน เมื่อปราศจาก...อึก....สายตารู้เห็นของคนอื่น....เราไม่..ต้องการจะทำลายชีวิตของเธอเลย....ถ้าเธอกลายเป็นแบบเรา เป็นปีศาจ.....ร่างกายของเธอจะเปลี่ยนไป เธอจะหยุดการเติบโต....อึก....ไม่นาน เมื่อพี่น้องของเธอโตขึ้นตามวัย....ทุกคน...จะรู้....”

ซอรีนน์จูงข้อมือใหญ่หนาให้ก้าวตามมาถึงแท่นหินสีดำอีกครั้งแล้วดันให้ชายหนุ่มนั่งลง ก่อนจะนั่งซ้อนลงบนตักโดยหันหน้าเข้าหาแล้วกดใบหน้าที่เริ่มมีเขี้ยวแหลมคมยื่นออกมาตามระดับความกระหายอยากที่พุ่งขึ้นสูงให้ซบลงกับซอกคอ

“เมื่อถึงเวลานั้นก็ค่อยคิดกันอีกทีเถิดนะมิฮาอิล.....สำหรับตอนนี้..กินเถิดนะ ดื่มกินจากซอรีนน์....ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน....ทั้งชีวิตและหัวใจของทาสคนนี้จะเป็นของท่านเสมอ.....อึ่ก....ซื้ดดดดดด....อืม...ดีแล้วมิฮาอิล....เด็กดี...กินซะนะ”


เสียงของเหลวข้นหนืดที่ไหลลงคออย่างต่อเนื่องหยุดชะงักลงเมื่ออดีตกราฟ์แห่งบราโซฟรับรู้ว่าร่างเล็กของเด็กชายอ่อนปวกเปียกจนทรงตัวไม่ไหว ปลายลิ้นที่ยังคงอาบชุ่มด้วยสีแดงแห่งโลหิตแลบเลียริมฝีปากตนเองก่อนจะประคองให้ร่างบนตักเอนลงนอนบนเตียงหิน

“ซอรีนน์.....หวานเหลือเกิน.....”
มิฮาอิลโน้มตัวคร่อมร่างของเด็กชายไว้ โลมลิ้นไล้เลียหยดเลือดที่ยังซึมออกมาจากรอยแผลที่เส้นเลือดตรงซอกคอของซอรีนน์ราวจะกวาดทุกหยาดหยดไม่ให้เสียเปล่า

เปลือกตาที่หลับสนิทของผู้ตกเป็นเหยื่อโดยเต็มใจค่อยหรี่ปรือขึ้น รอยยิ้มหวานละมุนแต่งแต้มทั้งริมฝีปากสีชมพูระเรื่อและดวงตาสีเขียวเข้มที่เลื่อนลอยราวหลุดไปอยู่ในห้วงแห่งความฝัน

“ซอรีนน์.....ซอรีนน์ของข้า......”

แขนเรียวขาวที่วางทิ้งอยู่ข้างตัวถูกยกขึ้นโอบที่รอบคอของคนด้านบน แล้วรั้งให้ลงมาหาก่อนจะมอบจุมพิตแผ่วเบาที่ริมฝีปากบางจัดที่เริ่มมีสีชมพูไม่ต่างกันเมื่อได้รับความอบอุ่นจากร่างที่ทอดกายอยู่เบื้องล่าง ผละออกประสานสายตา ก่อนที่ปลายลิ้นสีชมพูสดจะยื่นออกแตะกับริมฝีปากของแวมไพร์หนุ่มผู้กำลังจะคลั่งกับความยั่วยวนของร่างน้อยตรงหน้า

ซอรีนน์แตะปลายลิ้นเข้ากับริมฝีปากที่เผยอน้อยๆราวจะลิ้มชิมรสของขนมหวานที่วางล่อ จะกินเสียให้หมดในคำเดียวก็เสียดาย จึงต้องค่อยละเลียดชิมให้รสหวานกำซาบสู่ปลายลิ้นทีละนิด

มิฮาอิลปล่อยให้เด็กน้อยขี้เล่นทำทุกอย่างตามใจชอบ ในขณะที่ตนเองลงมือปลดอาภรณ์ที่สวมติดตัวอยู่ออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแก้เชือกที่รัดอยู่ตรงขอบกางเกงนอนของซอรีนน์ออกอย่างเบามือ แล้วล้วงมือเย็นๆเข้าไปรุกเร้าที่บางสิ่งที่เริ่มแข็งขืนขึ้นช้าๆ


เสียงครางแผ่วเครือของซอรีนน์ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ผสมปนเปกับเสียงคำรามในลำคอจากมิฮาอิล ยามที่ห้วงอารมณ์ไต่ระดับขึ้นจนถึงจุดสูงสุด หลักฐานแห่งบทรักที่เพิ่งจบลงถูกแวมไพร์หนุ่มไล้เลียดูดกินจนไม่มีเหลือ

เมื่อเลื่อนตัวขึ้นมาหวังจะมอบจูบให้กับเด็กดีที่ยอมตามใจทุกอย่างอีกครั้งมิฮาอิลก็พบว่าซอรีนน์หลับสนิทไปเสียแล้ว.........

แวมไพร์หนุ่มเอนตัวลงนอนหงายเคียงข้างร่างน้อยที่หลับใหลไม่ได้สติด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนจะดึงรั้งให้ซอรีนน์เข้ามาซบหน้าหนุนอยู่บนอก กระซิบเบาๆที่ข้างหูอีกครั้งก่อนจะปิดเปลือกตาลงเป็นครั้งแรกในรอบแปดสิบสามปี
“หลับเสียนะ....เด็กดี ต่อไปนี้ เราจะไม่พรากจากกันอีก......”

..........................................................

......................จบตอนค่ะ......................

ปล.ขอโทษที่มาสายนะคะ กอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ปล.อีกที ที่จริงอยากได้ภาพที่น้องทาสเด็กน้อยกว่านี้แต่หามิได้ ขอบคุณท่านเจ้าของภาพและพี่ๆน้องๆที่ช่วยกันหานะคะ จุ๊บุๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2011 08:13:19 โดย anajulia »

sa~waii

  • บุคคลทั่วไป
ชอบจังงงงงงงงงงงงงง  :man1:

ได้กลิ่นอายปราสาทโบราณจริงๆ

 :z13: จิ้มเลยคร่า

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
หวามหวาน กันแบบ
เสียเลือดเสียเนื้อ
กันเลยเชียว
แต่กินใจแต้ๆนะเจ้า

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2011 23:10:01 โดย Little Devil »

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
^
^
โอ๋ๆๆๆๆๆ ไม่ร้องนะคร้าาาาาาา
แฮปปี้เอนดิ้งออกน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา

ปล.จะมีคนอ่านเขวี้ยงขวดใส่หัวข้าพเจ้ามั้ยหนอ รู้สึกชื่อตอนแอบหลอกลวงผู้บริโภค ประมาณว่าฉุดกระชากลากถู ตบจูบ แต่.....ซาตานของข้าพเจ้าแปลว่าซาตานจริงๆเน้อ มิใช่คนไรงิ แถมทาสก็แปลว่าทาสจริงๆด้วยสิ กรั่กๆๆๆๆๆๆๆ


ท่านไหนอ่านครบทั้งสองช่วงแล้วยังงงๆ ไม่แน่ใจในเนื้อหาทิ้งคำถามไว้ได้นะคะ


ถึงคุณ Wherever it is .........ตอนที่แล้วนุ่นมีภาคผนวกไว้ให้นะคะ ภาคผนวกหนึ่งเป็นเนื้อเรื่องที่ถอดไว้ให้ แบบบทพากย์ไรงิ แต่อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่หน้าแรกค่ะ
ตอนไหนไม่ใช่แนวก็เปิดข้ามๆไปโลด เรามีของเล่นมาให้ลองเยอะค่ะ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2011 23:25:19 โดย anajulia »

ออฟไลน์ *4_m3*

  • ~เธอคือของขวัญจากฟ้าไกล คือคำตอบของหัวใจ~
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-1
อ้างถึง
ปราสาทหลังงามริมทะเลสาบกลางโอบล้อมของขุนเขาที่ส่วนยอดปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี
อยากเห็นจังค่ะพี่นุ่น จะสวยขนาดไหนน้า~

สงสัยอยู่เชียวว่าทำไมต้องเป็นบ่อพักน้ำ อยู่ติดกับทางลับนี่เอง
“ผีทะลึ่งนี่!” น้องแอบขำเล็กน้อย หึหึ

แต่พี่นุ่นอ่ะหลอกกันหนิ น้องนึกว่าจะตบจูบไรงี้ซะอีก ชื่อตอนซะส่อเชียว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2011 00:02:05 โดย *4_m3* »

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
ทาสจริงๆด้วย ไอ่เราก็คิดว่าพี่นุ่นจะแต่งตบจูบให้อ่านเสียแล้ว
ที่ไหนได้ หว๊าน หวาน
มีแวมไพร์ด้วย ชอบอ่ะ  :m1:

taem2love

  • บุคคลทั่วไป
พาไปโรมาเนียก็ต้องเป็นแวมไพร์สิเน๊อะ ไปถึงต้นกำเนิดตำนานแวมไพร์กันเลยอ่ะ

อ่านแล้วอยากมีซาตาลมารับตัวเองเป็นทาส(หัวใจ)สักคนบ้างจัง

เพราะว่าแอบฝันบ่อยๆว่าตัวเองคือเบลล่า อร้ายส์......

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด