เสื้อกาวน์เก่าๆ กับเราสองคน(Dr.Mike) จากนี้ จนนิรันดร์ [+อวสาน+] P.218
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เสื้อกาวน์เก่าๆ กับเราสองคน(Dr.Mike) จากนี้ จนนิรันดร์ [+อวสาน+] P.218  (อ่าน 2030055 ครั้ง)

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
เป็นกำลังใจให้พี่ไม้รักกับน้องติ๊บเร็วๆ 

เรื่องนี้สนุกดี  ขอบคุณมากจ้า

Solar cell

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามา :กอด1: น้องติบกะพี่ไม้
แล้วนั่งรอตอนต่อไปอย่างมีระเบียบ  :z2:

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
พี่ Hackz ค๊าบถึงพี่ไม้ยังไม่มาต่อตามกระแสจิตที่ติดต่อไป

ก็ช่วยเอาตอนที่ยังพอมีมาลงต่อนะครับ  อยากรู้เรื่องต่อนะครับ

PEAK

  • บุคคลทั่วไป
น้องติ๊บน่ารักดีครับ

เป็นกำลังใจ  :L2:  ...  ขอบคุณนะครับ

ออฟไลน์ thehackzzi

  • <?php echo "Hello world!";?>
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-31
เสื้อกาวน์เก่าๆ.....กับเราสองคน  ตอนที่ 7 จุดเปลี่ยน
11:27  30/12/2008


นับจากวันนั้นมานานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมไม่มีโอกาสได้พบกับติ๊บอีกเลยแม้เรา จะอยู่หอเดียวกัน แม้ผมจะพยายามไปทานข้าวใต้ตึกแพทย์บ่อยๆ หรือแม้จะพยายามทุกอย่างเพื่อให้มีโอกาสได้พบกับติ๊บ แต่ดูเหมือนว่าคงไม่มีโอกาสได้เจอกับติ๊บอีกเลย

แปลกนะ ก่อนหน้านี้เวลาทานข้าวคนเดียวผมไม่เคยรู้สึกอะไร แต่ตอนนี้ผมกำลังคิดถึงข้าวไข่เจียว ที่ไม่เคยจะอยู่ในพจนานุกรมอาหารของผมเลยซักครั้ง แต่ตอนนี้ผมสั่งมากินได้ตลอดเพียงเพราะคิดถึงใครคนนึงที่กินข้าวไข่เจียว ตลอดเวลาที่ออกมากินข้าวร้านข้างๆ หอ

แปลกนะ ที่เวลาผมขับรถคนเดียวก่อนหน้านี้ ผมไม่เคยต้องเปิดเพลงฟังเพื่อไล่อารมณ์เหงาๆ ของตัวเอง แต่ตอนนี้ผมต้องเปิดเพลงเพียงเพื่อขับไล่ความเหงาที่มันรุมทำร้ายผมอย่าง ‘เยือกเย็น’

และแปลกที่สุดที่ก่อนหน้านี้ ผมไม่เคยคิดถึงใครแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมกำลังคิดถึงติ๊บใช่มั้ย แล้วผมก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ด้วยว่าทำไมผมต้องคิดถึงติ๊บ เพราะอยากขอโทษเขา หรือมีเหตุผลอีกหนึ่งข้อที่ผมไม่กล้าบอกตัวเอง

ผ่านไปแล้วเกือบสองเดือนสำหรับการใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยแบบนี้  ทำไมเวลาของผมมันหมดลงไปรวดเร็วจัง

“ไม้ ไม้ไปดูการประกวดเชียร์กับสแตนด์กันมั้ย วันนี้ช่วงเย็นๆ เค้ามีงานนะ ดูน่าสนุกนะ” เสียงชักชวนแกมออดอ้อน ราวกับผู้หญิงเอวบางร่างเล็กของเพื่อนร่วมงานคนเดิมของผมดังก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาที่โต๊ะของผม

“จะเลิกค่ำรึเปล่ายังไม่รู้เลย” ผมตอบไปตามที่ผมคิดเพราะวันนี้ไม่รู้ว่าคนไข้จะเยอะหรือเปล่า

“ค่ำไม่ค่ำก็ไม่เกินห้าโมงอยู่แล้วละ งานเค้าเริ่มประกวดกันตอนห้าโมงนี่นา ยังทัน” ไอ้กิ๊ก ยังคงคะยั้นคะยอผมต่อไป

“งั้นถ้าเลิกเร็วจะไปเป็นเพื่อนนะ ทำไมจะไปดูไปเชียร์คณะไรเหรอ”

“สวยๆ อย่างชั้นนี่น่ะ คงต้องไปเชียร์ผู้ชายหล่อๆ อย่างคณะวิศวะ ไม่งั้นก็แอบไปเชียร์ผู้ชายน่ารักๆอย่างมนุษย์ศาสตร์ เอ หรือจะ…”

“พอเลยๆ” ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะพุดจบผมก็ขัดขึ้นมาก่อน

“แล้วไม่คิดจะไปเชียร์ทันตะ มั่งเหรอ” ผมถามตัดบท

“ไม่เอาอ่ะ ทันตะเชียร์มาหลายปีแล้ว ปีนี้ขอเลือกผู้ชายมาก่อนนะ”

“ว่าแต่ไม้ ไม่ไปเชียร์น้องคนนั้นเหรอ เด็กแพทย์ที่น่ารักๆ คนนั้นนะ ที่กลับพร้อมไม้ตลอดอ่ะ” เออ  นั่นดิ ผมเพิ่งคิดได้ ติ๊บเป็นเชียร์หลีดเดอร์ งานนี้ผมต้องได้เจอติ๊บแน่ๆ

ไวกว่าความคิดของผม รีบดูคิวงานวันนี้จัดการเช็คเวลาให้เรียบร้อย และประมาณคร่าวๆ ผมคงทำงานเสร็จประมาณสี่โมงเย็น

“งั้น ซักห้าโมงออกไปดูเป็นเพื่อนแกก็ได้” ผมตอบกิ๊กไปแบบนั้น แต่ใจผมดิ เต้นโครมครามอยู่ข้างใน

จะหกโมงเย็นแล้วงานคงเริ่มกันไปได้พักนึง เพราะหลายคณะเดินมาเชียร์คณะของตน กันที่ขอบสนามเยอะแยะไปหมด แล้วผมก็ได้รู้จากบรรดากองเชียร์ที่อยู่ริมสนาม

เวลานี้นั่นแหละ ที่บอกว่าคณะแพทย์ยังไม่ทันได้แสดงเลย  ผมยิ้มให้กับตัวเอง ว่าอย่างน้อยก็ได้มาเห็นติ๊บทำหน้าที่ของตัวเอง คิดได้เท่านั้น ผมก็ต้องมองหาห้องน้ำเข้าแล้วเพราะความเร่งรีบออกมาจากที่ทำงานเลยยังไม่ได้ ฉี่เลย ชักปวดฉี่แล้วดิ

“กิ๊ก ห้องน้ำไปทางไหนว่ะ” ผมถามกิ๊กที่ยืนเชียร์หรือยืนดูหนุ่มๆ อยู่ไม่รู้

เพราะคณะที่เชียร์เวลานี้คือบรรดาเชียร์หลีดเดอร์ของคณะวิศวะ ที่ผู้หญิงดูเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง ส่วนผู้ชายก็ดูจะแมนเกินร้อย ประกอบกับชุดที่ใส่นั้นได้โชว์ไหล่ กล้ามของเชียร์หลีดเดอร์ผู้ชายได้เป็นอย่างดี

“เดินไปข้างล่างสแตนด์อ่ะไม้อยู่ตรงนั้นแหละ หาเอาเอง แต่กิ๊กไม่ไปน่ะ กำลังให้กำลังใจแฟนกิ๊กอยู่น่ะ”
“จริงเหรอ คนไหนอ่ะกิ๊ก” ผมถามด้วยความอยากรู้ว่าผู้หญิงน้ำหนักร่วมร้อยอย่างเธอ แฟนจะหน้าตาเป็นไง

“ใช่หมดนี่แหละค่ะ แฟนหนูหมดเลย” กิ๊กตอบผมแบบหน้าตาจริงจัง เอากะมันสิครับ

“งั้นเราไปห้องน้ำก่อนน่ะ อย่าเดินไปตรงไหนละ เดี๋ยวกลับมาคลาดกัน” ผมกำชับเพื่อนคนสวยก่อนเดินไปตามขอบสนามแล้วผ่านไปที่ด้านล่างของสแตนด์ เพื่อมองหาห้องน้ำ

แต่ในเวลานี้ด้านหน้าห้องน้ำเต็มไปด้วยผู้คนที่มาให้กำลังใจและบรรดากองเชียร์ของคณะต่างๆ ที่กำลังรอขึ้นแสดงอยู่ด้านล่างสแตนด์

แต่ก่อนที่ผมจะทันได้ดูอะไรไปมากกว่านั้น สายตาก็เหลือบไปเจอป้ายสีเขียวเด่น คณะแพทยศาสตร์ ที่เตะตาผมเข้าอย่างจัง ผมมองไปที่กลุ่มคนหลายร้อยชีวิตคือบรรดากองเชียร์ที่นั่งเรียงแถวกันเป็น ระเบียบ เพื่อฟังรุ่นพี่พูดให้กำลังในในการขึ้นเชียร์ครั้งนี้

ส่วนด้านหน้าของบรรดากองเชียร์  ก็คือพี่ๆ ที่เป็นสตาฟทั้งหลายที่ทบทวน จังหวะให้กับรุ่นน้อง แต่ตอนนี้คงกำลังพักและต้องเงียบกันอยู่เพราะด้านบนสแตนด์กำลังแสดงจะใช้ เสียงไม่ได้ แต่ที่ทำให้ผมจ้องจนผมยืนตัวแข็งทื่อ คือบรรดาเชียร์หลีดเดอร์ที่ยืนหลีดกันอยู่ราว 12 - 14 คน และแน่นอนหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าของร่างที่ผมพยายามหาโอกาสได้พบเจอมาตลอด หลายอาทิตย์นี้

เจ้าของร่างเล็กที่ผมคุ้นตาที่ตอนนี้กำลังอยู่ในชุดที่ทำให้ติ๊บดูเด่นทั้งการแต่งหน้าทำผม ที่ไม่ได้บดบังความเป็นธรรมชาติของติ๊บเท่าไหร่นัก แต่ด้วยท่าทีขณะนี้ที่ ติ๊บยืนเชิดหน้าและยิ้มให้กับกองเชียร์เพื่อนๆ เวลานี้ ทำให้ผมอดมองอย่าง ชื่นชมไม่ได้ว่า ติ๊บดูสง่าจริงๆ ยิ่งมาเจอไฟเจอชุดแบบนี้  ผมก็ยิ่งอดชื่นชมไม่ได้

นานกว่าที่ผมจะเรียกสติกลับคืนมาได้ก็ตอนที่ผมแทบจะอั้นฉี่ไม่ไหวอยู่แล้ว รีบวิ่งไปปลดปล่อยอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเดินลิ่วๆ ออกมาจากห้องน้ำกะว่าจะไปดูติ๊บต่อ แต่พอออกมาข้างนอกผู้คนก็เริ่มจะเบียดกันแน่นมากขึ้น ผมมองไปที่กลุ่มเชียร์หลีดเดอร์ของคณะแพทย์ที่ตอนนี้ผ่อนคลายและก็กำลังเมคอัพกันต่อก่อนที่จะได้ขึ้นแสดงจริง แต่ผมสังเกตไม่เจอติ๊บเลย หายไปไหนหว่า…

“น้องติ๊บค่ะ น้องติ๊บ มาหาพี่อีฟหน่อยค่ะ” เสียงหญิงสาวที่อยู่ข้างหลังผม คงเป็นเจ้าตัวที่ชื่ออีฟกระมั้ง ยืนเรียกกวักมือหาอีกคนที่ผมกำลังมองตามมือของเธอไป จนพบกับเจ้าของชื่อพี่ผมกำลังอยากพบเจอในเวลานี้

“น้องติ๊บถ่ายรูปกับเพื่อนพี่หน่อยค่ะ พอดีเพื่อนพี่อยากถ่ายรูปกับน้องติ๊บ”

“ได้คับ” เจ้าตัวบอกพลางรีบเดินมาที่ รุ่นพี่ทั้งสองคนที่ยืนรออยู่

ตอนนี้ผมได้แต่ยืนข้างๆ เสา เพื่อดูติ๊บและรุ่นพี่ที่กำลังถ่ายรูปกัน และอดสังเกตไม่ได้ว่าจะมีรุ่นพี่ทั้งในคณะเดียวกันและต่างคณะมาขอถ่ายรูปตลอด จนผมอดคิดไม่ได้ว่า ติ๊บคงแจ้งเกิดจากงานนี้ได้เต็มตัว

นานเท่าไหร่ไม่รู้เหมือนกันที่ผมมองติ๊บอยู่ห่างๆ แบบนี้  ยังไม่ทันผมตั้ง ตัวติ๊บก็หันกลับมาแล้วเดินตรงมาที่ผม เอ้อ ไม่ใช่ซิคงจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ผมอ่ะ ยืนอยู่ทางที่จะเข้าไปห้องน้ำต่างหาก

ชั่วอึดใจเดียวติ๊บก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าผม พยายามที่จะเดินเลี่ยงไปทางอื่น แต่คนตัวใหญ่แบบผมก็ไม่เปิดทางให้ไปง่ายๆ นานเท่าไหร่แล้วที่ผมรอโอกาสที่จะได้พูดคุยกับติ๊บแบบนี้

“วันนี้ติ๊บดูดีมากเลยน่ะรู้มั้ย” ผมมองหน้าคนที่ผมชมอยู่ตอนนี้และไม่ยอมที่จะละสายตาไปจากเจ้าของใบ หน้าที่อยู่ตรงหน้าผมเวลานี้

“ขอบคุณคับ แล้ววันนี้พี่ไม้มาเชียร์ใครเหรอคับ ของคณะทันตะสวยดีน่ะ” เจ้าตัวบอกผมแต่แววตานั้นรื้นไปด้วยน้ำตาที่กำลังเอ่อ

“พี่เพิ่งดูไปไม่กี่คณะเอง นี่ก็รอดูติ๊บอยู่  วันนี้ทำให้เต็มที่น่ะ พี่เชื่อว่าติ๊บทำได้” ผมยิ้มให้ติ๊บอย่างคนจริงใจและด้วยความเชื่อมั่นที่มีในติ๊บตลอดมา

“ขอบคุณน่ะคับที่ยังไม่ลืม” ติ๊บบอกผมอย่างนั้นแต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร

“พี่ไม่ลืมหรอกติ๊บ น้องของพี่จะขึ้นแสดงทั้งที พี่จะลืมได้ไง” ผมไม่รู้ว่าผมทำอะไรผิดแต่ทันทีที่พูดจบผมก็เห็นเจ้าของร่างบางเดินลิ่วๆไป ที่ห้องน้ำ แต่ก็ไม่เร็วไปกว่าสายตาผมที่ทันจะได้เห็นว่าหยดน้ำตามันเอ่อท้นสองตาลงมาก่อนที่ติ๊บจะใช้มือปาดและเดินก้มหน้าเข้าห้องน้ำนั้นไป

เดินกลับมาหาเจ้ากิ๊กที่ป่านนี้คงยืนรอผมขาแข็ง แล้วก็คงจะบ่นซะผมหูชาแน่ๆ กับการใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมงแบบนี้

จนผมมายืนอยู่ข้างๆ กิ๊ก แต่ก็ดูเพื่อนผมคนนี้จะไม่เห็นผมอยู่ในสายตาเท่ากับบรรดาเชียร์หลีดเดอร์ของคณะต่างๆ ที่ผลัดกันแสดงในวันนี้

จนในที่สุดคณะที่ผมรอคอยมานานก็กำลังจะเริ่มแสดง ทันที่ที่พิธีกรสนาม ประกาศชื่อ คณะแพทยศาสตร์ ผมปรบมือให้ดังที่สุดจนเจ็บมือไปหมด แต่ผมก็ไม่คิดจะหยุด เพราะในคณะนี้คือคนที่ผมอยากให้กำลังใจมากที่สุดในเวลานี้เอง

การแสดงของคณะแพทยศาสตร์ เริ่มต้นขึ้นทั้งการแดงสปิริตของกองเชียร์ที่แปร อักษรกันอย่างพร้อมเพรียงและสวยงาม บรรดาเพลงที่สนุกสนานเร้าใจ และที่ผมอดชื่นชมไม่ได้คือบรรดาเชียร์หลีดเดอร์ที่กำลังนำเชียร์อยู่เวลานี้ แม้ผมจะได้มองแค่ด้านข้าง แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่าติ๊บดูดีเหลือเกิน  เพราะอะไรกันนะ…

เวลาผ่านไปเกือบสี่ทุ่ม เสร็จจากการชื่นชมกิจกรรมเชียร์กันเกือบทุกคณะผมจึง ขับรถกลับมาที่หอพักเพื่อพักผ่อนให้เต็มที่ เพราะรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ทันที่ที่ผมจอดรถไว้ด้านหน้าหอพัก ก็เห็นกลุ่มคนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานและหนึ่งในนั้นก็คือติ๊บ

ราวสิบนาทีกลุ่มนั้นจึงสลายตัวพร้อมๆ กับที่ผมก้าวออกมาจากรถและผมไม่รอช้า รีบจ้ำอ้าวเดินให้ทันเจ้าตัวที่เดินมาก่อนหน้าผมไม่กี่ก้าว แต่ที่ทำให้ผมรู้สึกใจเต้นนิดนึง ตอนที่เค้าเดินผ่านหน้าห้องผมแล้วก็หยุดมอง พักหนึ่งก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไป

“วันนี้ ติ๊บดูดีและเก่งมากเลยน่ะ” ผมบอกไปในขณะที่เจ้าตัวกำลังจะก้าวเดินผ่านห้องผมไปโดยไม่ทันสังเกตเห็นผม ซึ่งเดินตามหลังมาติดๆ

“ขอบคุณคับ” แค่สามคำที่ออกมาจากปากติ๊บ หลังจากที่หันมามองหน้าผม

“ทำไมพักหลังๆ เราไม่ค่อยได้เจอกันเลย”  ผมถามติ๊บด้วยความอยากรู้

“พอดีช่วงนี้ติ๊บเรียนหนักอ่ะคับ งานก็เยอะ” ติ๊บตอบผมมาสั้นๆ

ติ๊บตอบ สั้นๆ เหมือนไม่อยากจะคุยกับผม ทำให้ผมอดที่จะโกรธการกระทำนั้นของติ๊บไม่ได้

“งานเยอะ หรือว่าพยายามหลบหน้าเพราะไม่อยากคุยกับพี่กันแน่” ผมถามกึ่งตวาดเพราะตอนนี้อารมณ์ผมโมโหแล้วจริงๆ

“พี่ไม้คับ” ติ๊บเรียกชื่อผมและเงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างเอาเรื่องเช่นกัน

“พี่ไม้จำได้มั้ยคับ ว่าก่อนที่เราจะไม่ได้เจอหน้ากัน พี่ไม้บอกติ๊บว่ายังไง”

“ใครที่เป็นคนไล่ติ๊บออกมา และใครที่เป็นคนบอกให้ติ๊บไปพ้นๆ พี่ไม้ใช่มั้ยคับ และนี่ติ๊บก็ทำตามความต้องการของพี่ไม้แล้ว พี่ไม้ยังต้องการให้ติ๊บทำอะไรอีกเหรอคับ” เจ้าตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ปาดน้ำตา ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่ห้อง

แต่ความคิดผมเร็วกว่านั้น ถ้าวันนี้ผมไม่คุยให้รู้เรื่อง ก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้มีโอกาสพบเจอติ๊บอีกครั้งหนึ่ง

“แต่ พี่คิดถึงติ๊บน่ะ” อะไรไม่รู้ดลใจให้ผมพูดคำนี้ และมันก็คงเสียงดังฟังชัดพอ ที่จะทำให้คนที่กำลังจะเดินไป หยุดชะงักและหันกลับมามองที่ผม

“พี่คิดถึงติ๊บ” ผมพูดได้เท่านั้นเหมือนกับเป็นการย้ำให้คนฟังได้ยินและมั่นใจ ก่อนเจ้าตัวจะเดินลิ่วๆ กลับไปที่ห้อง ปล่อยผมไว้กับความงุนงง

จะเที่ยงคืนแล้วผมยังนอนไม่หลับเลย คิดถึงคนบางคนที่ผมได้พบได้พูดได้คุยในวันนี้ มันเหมือนการรอคอยที่ทรมานได้สิ้นสุดลง แต่ทว่าผมกลับทรมานกว่าที่เคยเป็นมา เพราะอะไรน่ะหรือเพราะผมไม่รู้ว่าติ๊บจะรู้สึกยังและไม่รู้ด้วยว่าติ๊บเป็นอะไร ผมตอบตัวเองไม่ได้ซักอย่างรู้แต่เพียงว่าผมอยากให้ติ๊บกลับมาพูดคุยกับผม เหมือนเดิม 

‘3309’ ผมกดขึ้นไปยังห้องหมายปลายทางที่ผมจดจำแม่นยำ

“หวัดดีคับ ฮัลโหล ฮัลโหล” เสียงปลายทางพยายามเรียกมาหลายครั้ง

แต่ผมเองดิ ที่ไม่มีคำใดออกจากปากผม ผมจะคุยอะไรกับติ๊บดี

“ฮัลโหลคับ ใครเอ่ยยย”

“ติ๊บ พี่เอง” ผมตอบไปสั้นๆ เท่านั้น

“อ้อ คับพี่ไม้ มีอะไรเหรอคับ”

“ติ๊บพี่ปวดหัวมากเลย คงไปยืนตากน้ำค้างดูติ๊บนานไปหน่อย ขอยาให้พี่หน่อยได้มั้ย”

“คับ เดี๋ยวติ๊บจะเอาลงไปให้เดี๋ยวนี้เลย”

ทันทีที่วางสาย ผมอดขำกับตัวเองไม่ได้ นี่ผมกำลังทำอะไรนี่ แบบนี้เขาเรียกว่าเป็นคนเรียกร้องความสนใจเปล่าครับ ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ชอบคนโกหก แต่คราวนี้ผมยอม ก่อนที่จะรีบกุลีกุจอวิ่งไปเปิดไดร์วเป่าผม กดปุ่มไปที่ระดับสองความร้อนสูงสุด แล้วหันปลายมาที่หน้าผากของผม เป่าไปจนคิดว่าร้อนได้ที่ ทรมานมากๆ คับใครที่จะทำวิธีนี้แนะนำให้เปลี่ยนครับ ทรมานมากมาย

ก๊อก ๆ ๆ ๆ ////

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ผมผลุดลุกไปที่ประตูก่อนจะเปิดประตูออกไปก็ไม่ลืมทำผมเผ้าให้ยุ่งๆ ทำตัวเหมือนคนป่วยๆ อิอิ แบบนี้หมอจะใจร้ายก็ให้มันรู้ไป

และทันที่ที่ผมเปิดประตูให้ก็หันกลับมาฟุบล้มตัวลงบนที่นอนราวกับเป็นไข้เสียจริงๆ

“เป็นอะไรรึป่าวคับ ปวดหัวแล้วมีไข้ป่าวอ่ะ” ไม่พูดป่าว เอามือมาแตะหน้าผากผมด้วย อิอิ เข้าแผนผมอ่ะดิ

“โห ตัวร้อนขนาดนี้ไป โรง’บาลให้หมอฉีดยามั้ย ไข้จะได้ลด”

“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวกินยาแป๊บนึงก็หายแล้ว” ผมตอบแบบสำออยสุดๆ ครับทุกท่าน ขืนไปก็ได้รู้อ่ะดิว่าป่วยปลอม

ไม่นานติ๊บก็เดินไปเปิดตู้เย็น ก่อนเดินมาข้างๆ เตียงพร้อม แก้วน้ำ และยา ในมือ

“ทานยาน่ะแล้วก็นอนเดี๋ยวพรุ่งนี้ติ๊บจะลงมาดูอีกที วันนี้ก็พักผ่อนเยอะๆ น่ะ”

“นอนไม่หลับอ่ะติ๊บ พี่ยังไม่ได้อาบน้ำเลย พี่ขออาบน้ำก่อนนะ” ผมแกล้งบอกแต่ใจรู้คำตอบอยู่แล้วว่าจะให้เช็ดตัวแทนการอาบน้ำ

“ไม่ต้องอาบแล้ววันนี้เช็ดตัวก็พอ เดี่ยวไข้ขึ้นมากลางดึกอีกจะว่าไง” ติ๊บบอกแกมดุ แสดงว่าแผนนี้ของผมได้ผลแน่ๆ
“พี่ลุกไม่ไหวแล้ว ช่วยเช็ดตัวให้พี่หน่อยน่ะ” ติ๊บมองผมแล้วก็ส่ายหัวออกมา

ครู่เดียวคุณหมอใจดีก็มาอยู่ข้างๆ ผม ติ๊บค่อยๆ เช็ดที่ใบหน้าซอกคอ ไปตามแผ่นอกของผมซึ่งตอนนี้มั่นใจแล้วว่าเฟิร์ม ผมปรือตาแอบมองคนที่เช็ดหน้าอกผมอยู่ตอนนี้ แต่ผมสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วง ความเอาใจใส่ที่ถูกถ่ายทอดผ่านมาทางสายตาที่มองผมและที่ผมสัมผัสได้ในเวลานี้

นอกเหนือจากแม่แล้วจะมีซักกี่คนที่ดูแลผมได้แบบนี้ ตอนนี้ติ๊บเช็ดไปตามแขนของผม คงคิดว่าผมหลับสนิทแล้วแน่ๆ มือบางๆ นั้นมาหยุดอยุ่ที่มือของผม บรรจงเช็ดมือผมอย่างทะนุถนอม ก่อนค่อยจับมือผมไปแตะที่แก้ม

พักเดียวผมรู้สึกว่ามีน้ำหยดลงที่มือผม ผมค่อยๆปรือตาขึ้นมองแบบกลัวโดนจับได้ และทำให้ผมแทบจะหยุดหายใจเมื่อได้เห็น และไม่เข้าใจเอาเสียเหลือเกินว่าติ๊บเป็นอะไร ติ๊บจับมือผมแน่นให้แตะที่แก้มของติ๊บปากไม่พูดอะไรกลับก้มหน้าร้องไห้กับมือผม

เนื่นนานก่อนที่จะวกกลับมาที่ใบหน้าของผมอีกครั้ง เช็ดตามใบหน้า หน้าผาก และซอกคอจนเสร็จ ก่อนจะใช้หลังมือมาแตะหน้าผากผมอีกครั้ง

“เอ... เช็ดแป๊บเดียว ไมไข้มันลดเร็วจัง” ติ๊บเปรยกับตัวเอง

เอาละวะทีนี้ ผมจะทำไงต่อดีว่ะ เมื่อรู้ว่าความร้อนจากดรายเป่าผมของผมนั้นช่วยผมได้แค่ชั่วคราว

“ไข้ลดแล้วเดี๋ยวก็นอนพักได้แล้วมั้ง” ผมคิดว่าติ๊บคงจะกลับไปที่ห้องจึงแกล้งหลับตาต่อไปพักนึง จนทุกอย่างในห้องเงียบ ไฟถูกผิดไปเรียบร้อยแล้ว

ผมค่อยๆ ปรือตาขึ้นมามองแต่ก็ต้องแปลกใจว่าคุณหมอที่รักษาผมเมื่อซักครู่ ตอนนี้นั่งฟุบหลับอยู่ปลายเตียง ของผม มีแขนข้างขวาของตนเองเป็นหมอน ไม่ต้องแปลกใจน่ะคับว่าทำไมติ๊บไม่นอนบนเตียงเพราะเตียงของห้องผมเป็นเตียง เดี่ยวแต่มีสองเตียงผมใช้นอนหนึ่งเตียง ส่วนอีกเตียงผมแยกออกไปอยู่ที่อีกฝั่งของห้องและกลายเป็นโต๊ะเก็บเอกสาร หนังสือ และการ์ตูนของผมไปเรียบร้อย 

จะมีซักกี่คนที่ทำเพื่อผมได้แบบนี้ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน ยังต้องมาดูแลผมอีก ผมขยับตัวนิดนึงเพื่อที่จะได้มองอีกคนที่อยู่ตรงปลายเตียงผมตอนนี้

‘ติ๊บทำแบบนี้เพื่ออะไร?...’

นั่นนะซิ ผมถามกับตัวเองติ๊บทำแบบนี้เพื่ออะไร ลองมองกลับกัน ถ้าผมเป็นติ๊บผมจะทำแบบนี้กับใครมั้ย คงยากอ่ะ ขนาดแฟนเก่าผมยังไม่เคยทำอะไรให้ขนาดนี้เลย ทำไมติ๊บถึงดีกับผมจังนะ

นานพอสมควรจนผมได้ยินเสียงหายใจราบเรียบไปแล้ว เจ้าตังคงเหนื่อยจัด นั่งแป๊บเดียวก็หลับไปเรียบร้อย แต่ให้นอนท่านี้ทั้งคืนมีหวังเป็นตะคริวแหงๆ ผมค่อยๆ ก้าวลงจากเตียงช้าๆ กะว่าจะไปอุ้มคุณหมอขึ้นมานอนบนเตียง แต่ทว่าเตียงผมคงไม่แข็งแรงพอเมื่อคนตัวโตๆ ก้าวลงลงจากเตียงจึงส่งผลให้ติ๊บ เงยหน้าขึ้นมาแล้วโผมาที่ผมอย่างรวดเร็ว

“เป็นอะไรรึป่าวครับพี่ไม้ ไข้ขึ้นอีกเหรอ เดี๋ยวติ๊บเช็ดตัวให้ใหม่นะ เดี่ยวไข้ก็ลดแล้ว แล้วตอนนี้ยังปวดหัวมั้ย พี่ไม้นอนนิ่งๆ นะ เดี๋ยวติ๊บเช็ดตัวให้อีกรอบ” เจ้าตัวละล่ำละลักก่อนที่ผมจะทันได้ตอบอะไร

ติ๊บก็บรรจงเช็ดตัวด้วยผ้าชุบน้ำเช็ดมาตามหน้าผากและใบหน้าของผม ท่ามกลางความมืดแต่ก็พอมีแสงสลัวจากไฟที่มาทางประตูหลังห้องและหน้าต่างพอจะลอดมาได้รำไร หากติ๊บสังเกต คงพอจะเห็นน้ำตาจากลูกผู้ชายหนึ่งคนได้ร่วงหล่นลง เพราะความมีน้ำใจและความอบอุ่นที่ถ่ายทอดมาสู่ผม

ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วละว่าติ๊บยังรู้สึกดีๆ กับผม และยังห่วงผมเหมือนเดิม แต่คงเป็นเพราะคำพูดจากวันนั้นของผมเอง ที่ไล่ติ๊บไป ทำให้เราต้องห่างกัน ผมทำผิดกับติ๊บเหลือเกิน

ผมค่อยๆ วางมือลงบนมือเรียวเล็กที่กำลังเช็ดตัวให้ผมอยู่ในตอนนี้ติ๊บพยายาม จะดึงมือออก แต่ผมจะไม่ปล่อยให้ติ๊บไปจากผมได้อีก ผมกุมมือนั้นไว้แน่น ให้มือนั้นแนบกับหน้าอกของผม ให้มันส่งผ่านไปถึงหัวใจของผม ว่าผมจะไม่มีทางทำร้ายคนที่อยู่ตรงหน้าผมนี่อีก

“พี่ไม้คับ พี่ไม้คงไม่สบายมาก”


แทนคำพูด ผมดึงติ๊บลงมาอย่างแรงและรวดเร็ว ตอนนี้ติ๊บอยู่ในอ้อมกอดของผมและพยายามแกะมือผมออกอย่างรวดเร็ว สองสือผมที่โอบกอดเอวติ๊บอยู่เวลานี้ก็คงแน่นหนาพอที่จะรั้งติ๊บไว้ได้  ติ๊บซบหน้าลงกับอกผมไม่มีแรงต่อต้านขัดขืนใดๆ

“พี่ไม้ทำแบบนี้ทำไมคับ” เสียงนั้นแทบจะผ่านออกจากลำคอไม่ได้เลยเพราะมันพรั่งพรูออกมาพร้อมกับแรงสะอื้นไห้จากเจ้าของร่าง

“เราเป็นพี่น้องกันน่ะ” เสียงติ๊บเปรยออกมาจากลำคอ

ไม่มีคำตอบจากผมนอกจากการกอดติ๊บแน่กว่าที่เคย น้ำตาผู้ชายที่ไม่เคยมีใครได้เห็น ผมเสียมันให้กับติ๊บ คำว่าพี่น้องกัน คำธรรมดาแต่ทำไมตอนนี้มันดูห่างเหินเหลือเกิน ทำไมมันทำร้ายให้ผมเจ็บแปลบๆ ได้

“ขอบคุณนะติ๊บที่ยังเป็นห่วงพี่ อย่าไปจากพี่อีกน่ะ พี่คิดถึงติ๊บ” ผมพูดได้เท่านั้นไม่มีเรี่ยวแรงจะพูดคำใดได้อีก ปล่อยน้ำตาลูกผู้ชายให้พร่างพรูออกมา ไม่อายแล้ว เพราะมันไม่ได้ออกมาจากความอ่อนแอ แต่ผมก็บอกตัวเองไม่ถูกมาจนทุกวันนี้ว่าทำไมตอนนั้นผมถึงเสียน้ำตา

“ติ๊บ... ติ๊บ...  ก็คิดถึงพี่ไม้”

ทันทีที่พูดจบ ผมก็โน้มตัวติ๊บลงมากอดได้ถนัดกว่าเดิมปล่อยให้น้ำตาแห่งความ ยินดีของเราทั้งสองคนหยดลงจนแห้งเหือดไป  ก่อนที่ผมจะเผลอหลับไปในที่สุด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2014 17:04:24 โดย thehackzzi »

ออฟไลน์ Nichdia

  • สักวันผมจะเจอ...
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1

hahn

  • บุคคลทั่วไป
 :z1: :z1: ตกลงรักกันแล้วใช่ป่ะ

 :กอด1: :กอด1: มาต่อไวไวนะ

Solar cell

  • บุคคลทั่วไป
อยากได้คุณหมอที่น่ารักแบบน้องติ๊บสักคน
แอบอิจฉาพี่ไม้   :m3:

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
ขออย่าให้เกิดเรื่องอะไรอีกเลย

สงสารหมอติ๊บ

ออฟไลน์ Ryuse

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
ติ๊บนี่ดูท่าแล้วเป็นคนประเภท "ยอทเสียสละความสุขของตัวเอง เพื่อความสุขของคนที่รัก"
เป็นคนประเภทที่น่ายกย่อง แต่ก็น่าสงสารเป็นที่สุด
เห็นแก่ตัวอีกนิดก็ได้นะ พี่ไม้คงดีใจมากกว่านี้ ถ้ารู้ว่าสิ่งที่ติ๊บทำน่ะ ก็เพื่อตัวเขาทั้งนั้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
ติ๊บช่างแสนดี พี่ไม้อย่าปล่อยให้หลุดมือไปได้น๊า

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
สงสัยคุณพี่ไม้จะแอบไปเรียนการแสดงมานะเคอะ ตีบทแตกกระจุย :laugh:
แต่ว่าตอนนี้ซึ้งดีจัง พี่ติ๊บทำไมเป็นคนดีอย่างเน้ :กอด1:
+1 ขอบคุณค่ะ รออ่านตอนต่อไปน้าาา

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
พี่ไม้มาแผนสูงด้วยนะเนี่ย  

ตอนหน้าขอหวานๆ จ้า

Flower night

  • บุคคลทั่วไป
 o13 อะ  ประทับใจมากกก  พี่ติ๊บ เป็นคนที่ดีสุดยอด พอมาดูความคิดว่าพี่ติ๊บว่าขอสู้ด้วยตัวเองสักครั้ง ยังขอนับถือเลย 
ไม่รุ็ว่าถ้าตัวเองเป็นพี่ติ๊บ จะทำได้แบบพี่หรือเปล่า .. พี่นี เป็นคนดีสุดยอดเลยอ่ะ 
พี่ไม้ แผนสูงไปมั้ย 555 ชอบๆอะ พี่นีร้ายนะ เจ้าเล่ห์จริงๆ มีใช้แผนมาหลอกล่อ อ่ะ หุหุ  ดารายังอาย แสดงเก่งมาก

+1 ให้น่ะจ๊าา สำหรับ 3 ตอนเลย อิอิ  :L2: และ  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-05-2010 22:14:58 โดย Flower night »

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
อีป้าแก่ๆซึ้งมาก เล่นเอาซะน้ำตาตกคะ

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106

liTTle.SaLapaO

  • บุคคลทั่วไป
อ่านไปร้องไห้ไป เหมือนคนบ้าเลยอ่ะพี่ แต่มองดูตัวเองนะว่าบ้านเราก็มีกินมีใช้ แต่ทำไมไม่เคยคิดที่จะทำอะไรเองเลย แล้วยิ่งช่วงนี้ยังไม่มีมหาลัยที่จะเรียนอีก ดูแย่เนอะ มีโอกาสกว่าเด็กอีกหลายคนแต่ไม่คิดที่จะสนใจกับโอกาสเหล่านั้น แตกต่างกับเด็กที่ไม่มีโอกาสแต่เค้าก็พยายามหาโอกาสมาให้ตัวเอง ขอบคุณนะค่ะที่นำเรื่องดีๆมาให้อ่าน หนูจะทำตัวให้ดีเหมือนพี่ติ๊บ รู้จักคว้าโอกาสมาให้ตัวเอง

รอตอนต่อไปค่ะ

sammy

  • บุคคลทั่วไป
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

gneuhp

  • บุคคลทั่วไป
ซึ้งอ่ะ

ติ๊บ น่ารักมากมายอ่าา (ขอได้มั้ยอ่ะ หุหุ)

พี่ไม้ ก็แผนสูงเหลือเกิ๊น แสดงดีอีกต่างหาก ตีบทแตกเลยนะเนี่ย  o13

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อยากอ่านตอนต่อไป แล้วมันจะเป็นไงต่อ ดีกันแล้วใช่มะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mascot

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-10

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
ปูเสื่อรอตอนต่อแล้ว  มาไวไวนะครับ

Solar cell

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อไหร่ตอนใหม่จะมาซะที :z13:

xiiiNG

  • บุคคลทั่วไป
โหยยแบบว่าสุดยอดค่ะ !!!   แบบชื่นชนหมอติ๊บอ่ะ อ๊าย ย ย
น้ำตาตลอเลยค่ะ ตอนอ่านประวัติหมอติ๊บ บ บ ฮือ ฮือ ๆ ๆ
ซึ้งมาก ๆ ๆโอ้ยย  ย ๆๆๆ  ไม่ไหวไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดยังไงดี

แล้วทามไมถึงเผลอหลับหล่ะค๊า าา  มันไม่มีต่อหรอห๊า า า  แว๊ก  กก(หื่นจริงคนอ่าน)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2010 21:12:25 โดย xiiiNG »

ออฟไลน์ thehackzzi

  • <?php echo "Hello world!";?>
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-31
เสื้อกาวน์เก่าๆ.....กับเราสองคน ตอนที่ 8 ตกลง...เราเป็น...อะไรกัน
11:28  30/12/2008


แสงสีทองที่ลอดผ่านม่านสีฟ้าน้ำทะเลที่ผมโปรดปราน เข้ามากระทบกับตาของผม ในเช้าที่ผมตื่นมาและคิดว่าวันนี้เป็นวันของผมกับติ๊บจริงๆ แปลกน่ะคับที่ก่อนหน้านี้ผมเหมือนมีกำแพงบางอย่างที่กั้นระหว่างผมกับติ๊บอยู่ แต่ตอนนี้เหมือนกำแพงนั้นได้ทลายลงไปแล้ว แปลกน่ะที่ผมนอนกอดติ๊บโดยที่เราไม่ได้มีอะไรกันเลย แต่ผมกลับมีความสุข ความสุขที่รู้สึกว่าได้ปกป้อง ได้ดูแลคนหนึ่งคนที่เรารู้สึกดีๆ ราวกับลูกไก่ที่ซุกตัวในอกแม่ซะอย่างนั้น

แต่ทว่าตอนนี้ เจ้าของร่างที่ผมกอดมาทั้งคืนตอนนี้ ไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดของผมแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมลืมตาตื่นมามองไปรอบห้อง ก็ต้องประหลาดใจอีกครั้ง ห้องที่ดูรกรุงรังไปด้วยตำราและการ์ตูนของผม ตอนนี้ถูกจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเข้าที่เข้าทางไปทุกอย่าง แม้จะดูแปลก หูแปลกตาไปบ้าง แต่ผมก็ชอบนะ ดูสะอาดเรียบร้อยดี คงเป็นเจ้าตัวเล็กของผมแน่ๆ ที่จัดการซะเรียบร้อย เพราะห้องของติ๊บก็เป็นระเบียบเรียบร้อยทุกอย่าง  ไม่เหมือนกับห้องของผมและ เตียงที่อยู่อีกฝั่งห้องที่เคยเป็นที่วางการ์ตูนของผม

ตอนนี้มันก็มีร่างของคนที่ผมนอนกอดมาทั้งคืนนอนขดตัวอยู่คงเพราะเย็นจาก เครื่องปรับอากาศที่ผมชอบเปิดเย็นๆ จะได้นอนสบายนั่นเอง ซึ่งเดาจากรูปการคงตื่นมาตอนเช้าแล้วเก็บของผมและทำการจัดเก็บห้องผมก่อน ผล็อยหลับไปอีกรอบแน่ๆ

คิดได้ดังนี้ผมลุกขึ้นอย่างเบาที่สุดในชีวิต เดินตรงไปที่เตียงของอีกกมุมห้องนึงนั่งลงแล้วพิจารณาเด็กตัวน้อยๆ ที่อยู่ตรงหน้าผมด้วยความรู้สึกดีๆ เวลานอนก็น่ารักไปอีกแบบน่ะ แก้มเนียนใสนี้ คงมีแรงดึงดูดมากพอที่จะทำให้ผมก้มลงไปมองมันให้ใกล้มากขึ้น 

1  2   3   4    5   6  ผมนับเบาๆ ข้างหูของติ๊บ จะอะไรซะอีกละ ก็เคยมีคนบอกผมว่าถ้าใครที่จะเป็นคู่เรา ถ้าเราจ้องตอนเค้าหลับแล้วนับไปไม่ถึงสิบ ถ้าเขาตื่นขึ้นมาก็แสดงว่าจะเป็นคู่ของเรา นี่เป็นความเชื่อของผมที่พอจะรู้จักมาก่อนที่หนังเรื่อง “เพื่อนสนิท” จะเอามาทำซะอีกน่ะ

จำได้ว่าตอนนั้นนับไปถึง 8 ตากลมโตคู่นั้นก็ค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา สบตากับผมช้าๆ และสะกดให้ผมจ้องมองอยู่อย่างนั้น ช้าและเนิ่นนานราวกับถูกสะกด แต่จู่ๆเจ้าตัวก็ลุกพรวดขึ้นมาแล้วบอกกับผมว่า ต้องกลับห้องไปอาบน้ำ

“จะรีบไปไหนละ วันนี้ไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอ”

“ติ๊บจะกลับห้องไปซักผ้าคับ วันอาทิตย์แล้วยังไม่ได้ซักผ้าเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีผ้าใส่”

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปช่วยติ๊บดีกว่า เสร็จแล้วจะพาไปกินข้าวแล้วก็ไอติมที่ติ๊บชอบ”

เหตุผลที่ผมอ้างไป ทำให้เจ้าตัวหันกลับมามอง ก่อนยิ้มแต่ก็ไม่ตอบว่าอะไร ก่อนที่ติ๊บจะทันได้ออกไปผมก็ลุกพรวดเดียว ร่างบางก็อยู่ในอ้อมกอดผมอีกครั้ง

“ตกลงน่ะ” ผมกระซิบที่ข้างหูเบาๆ ก่อนจะใช้ปากเม้มเข้าที่ใบหู แกมหมั่นไส้

“ไม่ตกลงได้ไงอ่ะ ก็เอาอาวุธมาขู่ติ๊บซะขนาดนี้” ผมงงกับคำพูดนี้ของติ๊บ

“อาวุธอะไรน่ะ พี่ป่าวนะ”

ชั่วอึดใจเดียวเมื่อติ๊บขยับตัวเท่านั้นแหละผมถึงได้เข้าใจ ว่าอาวุธที่จ่ออยู่ขณะนี้ ก็คือไอ้น้องชายตัวดีของผม ที่ตอนเช้ามักจะตื่นมาทักทายแบบนี้ทุกเช้าตามปกติของผู้ชาย ที่ยังสู้อยู่

ผมเขินๆ ก่อนปล่อยติ๊บออกจากอ้อมกอด แล้วใช้มือทั้งสองมาเกาะกุมน้องชายที่กำลังดันกางเกงนอนผมออกมาจนน่าเกลียดเวลานี้แทน

“งั้นเดี๋ยวค่อยขึ้นไปพร้อมกัน” ผมบอกก่อนผละจากเจ้าตัวเล็กเพื่อไปจัดการล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำอาบท่า ออกมาจากห้องน้ำ ก็ไม่พบว่าอยู่ในห้องผมแล้ว

หลังจากที่ผมแต่งตัวในชุดพร้อมเที่ยวเพราะวันนี้ผมมีโปรแกรมเด็ดๆ ที่ยังไม่ได้บอกติ๊บนั่นเอง

ก๊อก ๆ ๆ ๆ ///

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็มายืนอยู่ที่หน้าห้อง 3309 เรียบร้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะมาเปิดประตูให้ผม

“ทำอะไรอยู่เหรอ อาบน้ำอาบท่าเสร็จยัง” ผมถามเพราะคิดว่าเจ้าตัวซักผ้าเสร็จแล้ว

“ยังเลยคับ กำลังซักอยู่เลย พี่ไม้หิวหรือยังอ่ะ”

“อ่าว ไม่ได้เอาไปส่งซักข้างล่างหรอกเหรอ ซักเองให้เหนื่อยทำไม”

“ไม่เอาอ่ะ แพงเดือนละตั้งหลายร้อย เก็บตังค์ไว้ทานข้าวดีกว่า”

“อื้อ งั้นวันหลังไปซักให้พี่ด้วยนะ พี่จะได้ประหยัดตังค์ด้วยไง เอามาเลี้ยงข้าวติ๊บแทน” ผมกัดแกมหยอกเล็กๆ ก่อนจะเห็นรอยยิ้มจากเจ้าตัวเล็กของผม

อันที่จริงผมก็เข้าใจเหตุผลที่ติ๊บไม่ส่งผ้าซักคงเพื่อต้องการประหยัดตังค์ ลดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนนั่นเอง ไม่กี่นาทีผมก็ช่วยเจ้าตัวจัดการซักผ้าเสร็จ พลางมองไปรอบๆ ห้อง

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสได้สำรวจตรวจตราห้องติ๊บแบบชัดเจนตอนนี้ภายในห้องมีเตียงเดี่ยวสองเตียงถูกวางให้ชิดกันเป็นเตียงใหญ่ๆ หนึ่งเตียง โต๊ะอ่านหนังสือสองตัวที่วางคู่กันอยู่ที่อีกฝั่งของห้องตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ อยู่ถัดไป และภายในห้องนี้ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก เครื่องคลายเครียดใดๆ มากไปกว่ากองหนังสือกองโตที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบ เรียบร้อย

“ติ๊บ เวลาอยู่คนเดียวเหงามั้ย” ผมถามด้วยความอยากรู้แต่คำตอบที่ได้คือการส่ายหัว

“ไม่เหงาหรอก จะมีเวลาเหงาที่ไหนกัน อ่านหนังสือจบแต่ละวันก็หลับเป็นตายแล้ว”

“แล้วเวลาที่ติ๊บเหนื่อยๆ ท้อๆ จะทำยังไงอ่ะ ไม่มีทีวีดู ไม่มีเพลงฟัง ไม่มีอินเตอร์เนตเล่น”
     
“ติ๊บเหนื่อยไม่ได้ ติ๊บท้อไม่ได้คับพี่ไม้” ติ๊บบอกผมด้วยน้ำเสียง เศร้าๆ พลางมองไปที่โต๊ะหนังสือที่มีรูปของหญิงสูงวัย และหญิงวัยกลางคน ขนาบข้างเด็กผู้ชายที่ผมมองแป๊บเดียวก็มองออกว่าคือ ติ๊บ

“ป้ากับย่า เหนื่อยมามาก เหนื่อยกว่าติ๊บเยอะ แถมเหนื่อยกว่านี้ติ๊บก็เจอมาเยอะแล้ว” ติ๊บบอกด้วยรอยยิ้มจางๆ ที่ทำให้ผมอดชื่นชมไม่ได้ เพราะถ้าเป็นผมคงท้อไปนานแล้ว

“งั้นติ๊บอาบน้ำให้เสร็จนะ เดี๋ยวพี่นั่งรอตรงนี้ เสร็จแล้วจะได้ไปทานข้าวกัน”

“ไมพี่ไม้ ไม่ไปรอที่ห้องพี่ไม้อ่ะคับ” เจ้าตัวถามแบบเขินๆ คงอายอยู่น่ะถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกัน

“ไม่หรอกพี่ขี้เกียจเดินไปเดินมา เดี๋ยวติ๊บเสร็จก็จะได้ลงไปทานข้าวกันเลยไง” เจ้าตัวทำหน้างงกับคำตอบของผม ก่อนจะดึงผ้าเช็ดตัวจากไม้แขวน เดินดุ่มๆ เข้าห้องน้ำไป
ในขณะที่ติ๊บอาบน้ำอยู่นั้น ผมก็เหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่ติดไว้บนตู้เสื้อผ้าในระดับสายตาของเจ้าของห้อง

‘คำย่าสอน……….
ความรัก  ไม่มีขาย
อยากได้ต้องทำเอง
ถ้าหลานให้ความรักแก่คนอื่น  คนอื่นก็จะให้ความรักแก่หลาน
ถ้าหลานอยากให้คนอื่นรัก
ทำอย่างเดียวก็พอ
คือทำตัว…ให้น่ารัก’

ผมอ่านจบแล้วก็อดยิ้มให้กับคำที่ย่าสอนติ๊บมาไม่ได้ ติ๊บคงรับคำสั่งสอนจากย่ามาเป็นอย่างดี จึงทำให้ตอนนี้  ติ๊บ  เป็นเด็กน่ารักในสายตาผม

ครู่เดียวติ๊บก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา แล้วหยิบเสื้อผ้าไปสองสามชิ้น

ไม่นานเกินรอติ๊บก็ออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืดธรรมดาสีแดงที่ขับผิวให้ขาว เด่นขึ้นไปอีกและกางเกงสี่ส่วนซึ่งเป็นการแต่งตัวธรรมดาที่ผมเห็นติ๊บบ่อยครั้ง เพราะติ๊บไม่ใช่คนฟุ่มเฟือยไปกับการแต่งตัว

ตอนนี้ติ๊บมายืนอยู่หน้ากระจก ซึ่งทำให้ผมอดยิ้มกับท่าทางเก้ๆ กังๆ นั้นไม่ได้

“ไม่ต้องรีบหรอกติ๊บ ช้าๆ ก็ได้” ผมบอกเมื่อเห็นติ๊บรีบไปหมด

“ก็ติ๊บกลัวพี่ไม้หิวนี่นา” ติ๊บตอบมาโดยที่ไม่ได้มองหน้าผม

ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ที่ผมเห็นการแต่งตัวของติ๊บไม่มีอะไรมากไปกว่าครีมทาหน้าจากคลินิคหนึ่งหลอด และลิปมันหนึ่งชิ้น ก่อนจะใช้แป้งเด็กทาลูบไปทั่วหน้า เท่านั้นเองจริงๆ แต่ติ๊บก็ดูใสโดยไม่ ต้องพึ่งครีมราคาแพงมากมายเหมือนวัยรุ่นสมัยนี้คนอื่นๆ เป็นความเรียบง่ายที่ผมประทับใจ และกินเวลาไม่นานนัก

“แล้วนี่เราจะไปทานข้าวที่ไหนกันน่ะคับพี่ไม้ ในเมืองเหรอ” เสียงแจ้วๆ ถามผมมาหลังจากที่ผมขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัยมาพอสมควร

“เอาน่ะ ไหนๆ วันนี้ก็ไม่มีงานไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวพี่พาไปกินของอร่อย”

“ไม่มีนัดกลางวัน แต่ตอนกลางคืนพี่ๆ หลีดเค้านัดกันกินหมูกะทะ ติ๊บก็ต้องไปกับเค้าด้วย”

“อ้อ กลับมาทันแน่นอนไม่ต้องห่วงหรอกน่า”

“ติ๊บ อย่าหลับน่ะ ถ้าติ๊บหลับพี่จะหลับด้วย” ผมแกล้งแหย่คนข้างๆ ที่ตอนนี้หาวนอนอยู่ข้างๆ

“แน่ะ จะหลับได้ไง ไปตื่นอีกทีที่โรงบาล xxx แหงๆ” เจ้าตัวบอกพลางค้อนมาที่ผมหนึ่งที

“แล้วติ๊บขับรถเป็นมั้ยอ่ะ”

“ไม่เป็นคับ พี่ไม้จะหัดให้มั้ยละ”

แทนคำตอบผมใช้มือซ้ายไปกุมมือขวาติ๊บทันทีก่อนจับมาวางไว้ที่เกียร์รถยนต์

“ลองจับดูนะแล้วก็จำไว้”

“จะจำได้ไง แค่จับกระปุกเกียร์แค่นี้”

“ปล่าวไม่ได้ให้จำว่าขับใช้เกียร์ไหน ให้จำไว้ว่าให้เอามือมาให้พี่จับแบบนี้ตลอดต่างหาก” ผมบอกก่อนยิ้มทำหน้าพยักเพยิดไป ปล่อยเจ้าตัวมองค้อนๆ ต่อไป

จนเวลาเกือบเที่ยง รถผมก็มาจอดที่ร้านไก่ย่างริมถนนที่ผมจำได้ว่าเคยมากินแต่นานมากแล้ว ไก่ถัง  วังทอง แน่นอนครับคนพิษณุโลกจะรู้จักกันดี เพราะไก่ที่นี่เค้าย่างในถังจนสุกทั่วตัว ส่งกลิ่นหอมมาเตะจมูกทุกครั้งที่เข้ามานั่งในร้าน และแน่นอนมื้อนี้เป็นอาหารอิสานแน่นอนทั้งไก่ย่าง ข้าวเหนียว ส้มตำ ลาบหมู และอีกจิปาถะที่ผมอยากกินรวมทั้งไอ้ตัวเล็กของผมด้วย

“อร่อยนะ ติ๊บว่ามั้ย”

“อื้อ ก็อร่อยอ่ะคับ แต่ให้นั่งรถมากินขนาดนี้ ไม่ไหวน่ะ ไกลอยู่เหมือนกันน่ะนี่”

“ใครบอกว่ามากินไก่อย่างเดียว เดี๋ยวพี่จะพาติ๊บไปเที่ยวด้วย”

“ไปไหนอ่ะคับ ไหนบอกแค่จะพามากินข้าวกินไอติมไง” ติ๊บจ้องหน้าผมแบบต้องการหาคำตอบ

“เอาน่า ไงก็กลับไปทันนัดติ๊บเย็นนี้แน่นอน”

“พี่ไม้นี่กินเก่งเนอะ” เจ้าตัวบอกผมพลางยิ้มๆ

“เก่งซิ กินเยอะด้วยนะ ดูพุงพี่ดิ” ผมตอบพลางตบที่พุงน้อยๆ ของตัวเองโชว์ไอ้ตัวเล็ก

“พี่ไม้ ติ๊บมีอะไรจะบอกแหละ” ติ๊บบอกพลางจ้องมาที่หน้าผม

สงสัยจะมาบอกชอบผมแน่ๆเลย สงสัยลุกไม้เมื่อคืนจะได้ผลแฮะ คิดได้เท่านั้นติ๊บก็ยื่นทิชชูมาให้ผม

“ข้าวเหนียวอ่ะ ติดปาก กลัวใครเค้าไม่รู้รึไงว่ากินข้าวเหนียวมา” เจ้าตัวบอกผม หยุดความคิดที่ผมนึกว่าติ๊บจะบอกชอบผมไปทันที

“ติดตรงไหนอ่ะ พอดีมือพี่เลอะไปหมดเลย เช็ดให้หน่อยดิ” ผมถามแกมอ้อนนิดๆ ซึ่งผมคิดว่าใช้กับติ๊บได้ผลตลอดเลยนะลูกอ้อนแบบนี้

แทนคำตอบเจ้าตัวก็ยื่นทิชชูมาเช็ดปากให้ผม ได้โอกาสผมกำมือติ๊บแล้วจับมือนั้นมาหอมหนึ่งทีก่อนบอกไป 

“ขอบคุณนะ”

เมื่ออิ่มจากอาหารมื้อกลางวันแล้วผมขับรถตรงมาอีกราว 4-5 กิโลเมตรก็มาถึงทางขึ้นเขา แน่นอน  ผมศรัทธาในพระแม่กวนอิม วันนี้เลยอยากพาติ๊บไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม

ที่นี่ผมเองก็จำชื่อวัดไม่ได้รู้แต่ว่าเป็นวัดที่อยู่บนเขาทางขึ้นไม่ลำบากมาก และด้านบนนั้นมีรูปแกะสลักจากหยกขาวรุปพระแม่กวนอิม ที่ผู้คนเมืองพิษณุโลกเลื่อมใสศรัทธา

อากาศดีๆ ของวันหยุดแบบนี้จึงมีผู้คนมากมายมากราบไหว้ หลังจากจอดรถได้ผมก็พาติ๊บเดินลงไปกราบเจ้าแม่กวนอิม  ตอนที่ผมกำลังยืนหัน หลังพิงด้านหลังพระแม่กวนอิมนี้เอง

แต่วันนี้ผมไม่ได้ขอพรอะไรให้ตัวเองเลย นอกจากไอ้ตัวเล็กที่อยู่ด้านหน้าผมตอนนี้ ผมพิงหลังลงไปให้แนบกับหลังเจ้าแม่กวนอิมหลับตาแล้วก็อธิษฐาน ขอให้เจ้าตัวเล็กที่มองผมอยู่ในตอนนี้มีแต่ความสุขนับจากนี้ไป และขอให้ผมเป็นส่วนหนึ่งในของเขาตลอดไป

ผมยิ้มกับพรที่ตัวเองขอไปก่อนลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเจ้าตัวเล็กของผมนั้นได้ หายไป ผมเดินหาจนทั่วบริเวณนั้นก็ยังไม่เจอ ไปหาตามห้องน้ำก็ไม่ยักกะเจอ เลยมานั่งใต้ต้นลั่นทมในบริเวณนั้นซักครู่ก็มีไอศกรีมโคนหนึ่งอันส่งมาให้ผม

“ก็พี่ไม้บอกว่าจะพามากินไอติม ติ๊บยังไม่ได้กินไอติมเลยไปหาซื้อมา ไม่รู้ว่าพี่ไม้ชอบรสอะไรเลยเอาชอคโกแลตมาให้แท่งนึง” ผมคงลืมบอกติ๊บไปว่าปกติ  ผมก็ไม่ค่อยได้ทานไอติมเท่าไหร่ เรียกว่านานๆ ทีเลยก็ว่าได้

แต่คราวนี้จะให้ผมปฏิเสธก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่จึงรับมาแล้วก็แกะกินตาม ติ๊บที่ตอนนี้ไม่ได้ให้ความสนใจกับผมมากไปกว่าไอติมที่อยู่ในมือนั้นซะแล้ว

“แล้วติ๊บไปไหว้ขอพรกับเจ้าแม่กวนอิมรึยัง ท่านศักดิ์สิทธิ์มากเลยนะ”

“ก็กำลังจะไปอ่ะคับ ติ๊บเห็นพี่ไม้ขอพรซะนาน เลยเดินออกมาก่อนกะว่าจะกลับไปตอนที่พี่ไม้เสร็จแล้วนี่แหละ”

“ป่ะ งั้นพี่พาไป แต่ติ๊บรู้อะไรมั้ย ต้องอธิษฐานเสียงดังๆ นะ ไม่งั้นจะไม่ได้เหมือนที่ขอ” ผมแกล้งบอกไปแบบนั้นเพราะอยากรู้ว่าเขาจะขอพรเผื่อผมมั่งรึป่าว

ผมเลี่ยงมายืนห่างๆ แต่ก็พอได้ยินจากติ๊บว่า ขอให้จากวันนี้ไปได้พบเจอแต่เรื่องดีๆ แล้วก็คนดีๆ

หลังจากนั้นผมก็พาติ๊บขับรถขึ้นเขาไปอีกเล็กน้อย ก็มาจอดที่วัดป่า ที่นี่เงียบสงบ ผมพาติ๊บไปยังพระธาตุซึ่งตรงที่ผมยืนอยู่นั้นเป็นจุดที่อยู่สูงพอสมควร สามารถมองลงมาเห็นพิษณุโลกได้เกือบทั้งจังหวัด  ที่นี่อากาศดี  แดดไม่ร้อนมาก ทำให้เราไหว้พระได้อย่างไม่รีบร้อน จากนั้นก็ยืนชมวิวกันอยู่ซักพักก่อนจะ สังเกตว่าไอ้ตัวเล็กของผมเหม่อมองลงไปพื้นดินเบื้องล่างอย่างเหม่อลอย

“เป็นอะไรรึปล่าวติ๊บ ไม่สนุกเหรอ” ผมถามด้วยความเป็นห่วง

“เปล่าครับ” ติ๊บตอบโดยไม่ได้หันมาสบตากับผม

“แล้วติ๊บเป็นอะไร บอกพี่ได้มั้ย ติ๊บจะวางใจพี่จนพอที่จะเล่าเรื่องราวทุกอย่างโดยไม่มีความลับกันได้มั้ย”

“ติ๊บก็ไม่เคยมีความลับอะไรกับพี่ไม้นี่ครับ”

“แล้วติ๊บมีอะไรบอกพี่ได้ยัง เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย แต่จู่ๆ ก็ดูเศร้าๆ ไปซะงั้น”

“ขอโทษคับที่ทำให้พี่ไม้รู้สึกไม่ดีไปด้วย แต่ติ๊บคิดถึงย่าติ๊บอยากพาย่าไป ไหว้พระแบบนี้บ้างแต่ย่าก็แก่เกินกว่าที่จะเดินทางไปไหนมาไหนได้”

“เรื่องแค่นี้เอง งั้นติ๊บก็ขอพรไปเผื่อท่านซิ แล้วถ้ามีโอกาสว่างๆ หลายวันพี่ไปเยี่ยมบ้านติ๊บแล้วพาท่านไปไหว้พระก็ได้น่ะ”

“จริงน่ะ อย่าหลอกติ๊บเล่นนะ” เจ้าตัวถามผมพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่เปล่งประกายแห่งความสุขออกมา

ก่อนที่แดดจะร้อนมากไปกว่านี้ ผมก็ชวนติ๊บกลับกันเพราะตอนนี้ที่นี่ก็ไม่มีอะไรแล้วนอกจากไหว้พระขอพรซึ่ง เราก็ไหว้กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“พี่ไม้คับ ติ๊บขอบคุณพี่ไม้น่ะคับสำหรับสิ่งดีๆ ทุกอย่าง ทั้งวันนี้และที่ผ่านมา” ติ๊บบอกผมในขณะที่ผมเข้ามานั่งในรถและพร้อมจะออกรถกลับ

“ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอกน่ะ แค่นี้เองแลกกับได้เห็นรอยยิ้มติ๊บ คุ้มจะตาย”

“ติ๊บดูเป็นคนยิ้มยากขนาดนั้นเลยเหรอคับ”

“ก็ดูยิ้มไม่ยากน่ะ แต่ติ๊บไม่ค่อยยิ้มให้พี่เท่านั้นเอง” ผมตอบติ๊บไปพลางทำหน้าน้อยใจสุดๆ

“งั้นติ๊บจะยิ้มตลอดแบบนี้เลยดีมั้ย” เจ้าตัวบอกผมพลางยื่นหน้าที่ยิ้มจนตาหยีมาทางผม และทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบหัวก่อนขยี้เบาๆ ด้วยความเอ็นดู

“แล้วนี่เราจะไปไหนต่ออ่ะคับพี่ไม้”

“ไม่รู้ซิ ติ๊บอยากไปไหนต่อรึปล่าวอ่ะ เดี๋ยวพี่พาไป วันนี้พี่ไม่มีธุระอะไร ว่างเป็นคนขับรถให้ทั้งวัน บอกมาได้เลยคับ”

“ติ๊บก็ไม่รู้จะไปไหน แล้วแต่พี่ไม้แล้วกัน แต่ต้องกลับหอก่อนหกโมงแล้วกันจะได้อาบน้ำอาบท่าก่อนที่จะไปกินเลี้ยงกะเพื่อนๆ พี่ๆ เค้า”

อีกราวครึ่งชั่วโมงถัดมาผมกับติ๊บก็มาถึงศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในพิษณุโลก พูดเว่อร์ไปรึป่าวไม่รู้แต่ตอนนั้นก็มีอยู่ห้างเดียว ท๊อปแลนด์พลาซ่า

ผมเดินนำติ๊บมาที่ร้านไอติม ก่อนสั่งไอติมให้คนที่อยู่ตรงหน้าปกติผมก็ไม่ชอบกินไอติมเท่าไหร่แต่เดี๋ยว นี้ชักจะกินบ่อยแล้วละ เพราะทุกครั้งที่ผมกินไอติมกับติ๊บผมรับรู้ได้ถึงความสุข ความอารมณ์ดีของติ๊บเสมอๆ คราวนี้ก็เช่นกัน

หลังจากที่กินไอติมเสร็จเรียบร้อยผมก็นึกขึ้นได้ว่าสิ้นเดือนแบบนี้ของใช้ ที่ห้องผมมักจะนัดกันหมดในคราวเดียว ทั้งสบู่ ยาสีฟัน แชมพู และของใช้ของกินอีกจิปาถะ ผมจึงพาติ๊บขับรถมาต่อที่ห้างแห่งหนึ่ง ผมเลือกซื้อของจนครบตามที่ต้องการโดยที่ไม่มีของของติ๊บแม้แต่ชิ้นเดียว

“ติ๊บ ไม่ซื้ออะไรบ้างเหรอ อยากได้อะไรมั้ย” ผมถามไปด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรคับ ก็สิ้นเดือนแบบนี้ติ๊บยังไม่มีตังค์ซื้อของหรอก เดี๋ยวต้องรอค่าน้ำค่าไฟ ค่าห้องออกมาก่อน” ติ๊บตอบผมพร้อมกับทำหน้าเจื่อนๆ

“ติ๊บอยากลดค่าใช้จ่ายมั้ย” ผมมีข้อเสนอแนะดีๆ ให้ติ๊บแล้วซิคับ

“ทำไงเหรอคับพี่ไม้” เจ้าตัวมองหน้าผมงง

“ก็ย้ายมาอยู่กับพี่เลยไง ค่าห้องจะได้ไม่ต้องเสีย ค่าน้ำ ค่าไฟ พี่ออกเอง”

“จะดีเหรอคับพี่ไม้” ติ๊บถามแบบเกรงๆ

“ดีซิ ติ๊บมาอยู่กับพี่น่ะ ห้องพี่จะได้สะอาดๆ ไง แถมเวลาพี่ไม่สบายติ๊บจะได้ดูแลพี่ได้ตลอดไง
ตกลงตามนี้น่ะ” ผมตอบและตัดสินใจแทนติ๊บเสร็จสรรพ ปล่อยเจ้าตัวงุนงงกับการตัดสินใจของผมต่อไป

หลังจากนั้นไม่นานผมก็มาส่งติ๊บถึงห้องพร้อมยื่นของที่ผมซื้อวันนี้ทั้งหมดให้ติ๊บก่อนบอกไปว่า

“พี่ตั้งใจซื้อทั้งหมดนี่ให้ติ๊บ คงพอใช้สำหรับช่วงนี้ไว้ย้ายลงไปอยู่กับพี่เมื่อไหร่ถ้าอะไรขาดเหลือพี่จะไปซื้อมาเพิ่มให้” ติ๊บไหว้ และขอบคุณผมแบบที่ผมไม่มีโอกาสได้รับการไหว้แบบนี้จากใครเลย คนแรกจริงๆ

“ขอบคุณน่ะคับพี่ไม้ แต่พี่ไม้ไม่ต้องทำอะไรมากมายให้ติ๊บขนาดนี้ก็ได้ แค่นี้ติ๊บก็เกรงใจพี่ไม้มากแล้ว”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกติ๊บ อะไรที่พี่ทำให้ติ๊บมีความสุขได้ พี่พร้อมเสมอ” ผมตอบพลางเดินมาวางของบนโต๊ะอ่านหนังสือ

“รีบอาบน้ำซิ เดี๋ยวไปไม่ทันนัด”ทันทีที่ผมพูดจบเจ้าตัวก็ดึงผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไปแบบเร่งด่วนเพราะนี่ก็ใกล้เวลานัดเต็มทีแล้ว

ผมกะว่าจะไปส่งติ๊บที่สถานที่ที่นัดกะเพื่อนไว้อยู่แล้ว ระหว่างรอติ๊บอาบน้ำจึงออกมาดูอะไรเพลินๆ ที่ด้านนอกระเบียง นานพักใหญ่ เมื่อผมจะเดินกลับเข้ามาในห้องก็พบติ๊บอยู่ในชุดวันเกิดล่อนจ้อนเช็ดผมอยู่ ตรงหน้ากระจก

นี่เจ้าตัวคงไม่ทันสังเกตเห็นผมละซิ ผมจ้องมองอยู่นานด้วยความเอ็นดูปนหื่นนิดๆ ก็แหมเล่นซะขาวเนียนไปทั้งตัวแบบนี้ ผู้ชายๆ ก็เหอะน่ะ

จนติ๊บแต่งตัวจะเสร็จ ผมจึงเปิดเลื่อนประตูกระจกด้านหลังห้องเข้ามา เจ้าตัวหันหน้ามาทางผมแล้วทำหน้าตกใจ  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้าแดงก่ำ คงอายผมน่าดู ผมดึงผ้าเช็ดตัวจากมือนั้นมาถือไว้ซะเอง ก่อนจะใช้มันค่อยๆ เช็ดผมให้เจ้าตัวเล็กอย่างทะนุถนอม

ตอนนี้ผมยืนอยู่ด้าน หลังของติ๊บ เช็ดผมให้ติ๊บและมองหน้าติ๊บจากทางกระจกบานใหญ่ ติ๊บมองหน้าผมแบบเขินๆ จนผมอดใจไม่ไหวหอมเข้าที่ข้างหูหนึ่งที

“หุ่นดีเหมือนกันน่ะนี่ แถมก้นขาวจั๊วะเลย” ผมกระซิบบอกที่ข้างหู

ไม่มีคำตอบแต่เจ้าตัวก็หันหน้ามาสบตากับผม ทำให้ผมเช็ดหัวให้ติ๊บได้ถนัดขึ้น และที่สำคัญเหมือนติ๊บจะอยู่ในอ้อมกอดผมซะด้วยซิ ผมแกล้งบดเบียดเจ้าน้องชายของผมให้ถูไถบริเวณหน้าท้องของคนที่ตัวเล็กกว่า ก่อนจะได้รับผลลัพธ์กลับมาเป็นการหยิกเข้าที่ท้องผมเต็มๆ

ผมร้องโอย แล้วสะดุ้งแยกออกมา ก่อนที่เจ้าตัวจะเอาผ้าเช็ดตัวไปตากด้านหลังห้องและบอกให้ผมกลับห้องได้แล้ว เพราะติ๊บจะไปกะเพื่อนโดยบอกว่าจะไปกินหมูกระทะกัน ซึ่งไม่ไกลจากแถวนี้มากนัก

ทันทีที่ผมเดินลงมาด้านหน้าหอพัก ก็พบว่ามีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับติ๊บ แต่ตัวใหญ่กว่ามารออยู่แล้ว ไอ้หมอนี่ก็หล่อใช้ได้ทีเดียว แต่ท่าทีดูจะสนิทกับติ๊บมากไปรึป่าว ผมไม่ชอบมันเลยอ่ะ จะด้วยเหตุผลนี้รึป่าวไม่รู้ทำให้ผมหน้าบึ้งไปโดยอัตโนมัติ

“วันนี้ผมขออนุญาต พาติ๊บไปฉลองกะเพื่อนๆ น่ะคับ” เสียงจากเด็กหนุ่มคนนั้นราวกับเห็นผมเป็นผู้ปกครอง

“พี่จะไปกับพวกผมก็ได้น่ะคับ” เด็กหนุ่มเชื้อเชิญ แต่ไม่รู้อารมณ์ไหนเหมือนกันทำให้ผมตอบตกลงไปทันที หลังจากที่บอกชื่อร้านเสร็จเด็กหนุ่มก็เดินไปที่รถมอเตอร์ไซด์สี น้ำเงินเข้มของตน

ก่อนที่ติ๊บจะเดินตามดุ่มๆ ไป ไม่ปล่อยไปง่ายๆ ซะหรอก ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไม่กี่ก้าว ก็ถึงร่างติ๊บพลางดึงข้อมือติ๊บแล้ว บอกว่าเดี๋ยวพี่ไปด้วย ไปขึ้นรถไปด้วยกัน

“พี่ไม้เป็นอะไรป่าวคับ เพลียแดดรึป่าว ทำไมดูอารมณ์ไม่ค่อยดี” ติ๊บถามผมอย่างอ่อนโยน

“เปล่า ไม่ได้เป็นไร แค่อยากไปกินหมูกระทะด้วยเฉยๆ หิวอ่ะ” ผมตอบเลี่ยงๆ แต่อารมณ์ตอนนั้นคิดว่าไอ้เด็กหนุ่มที่ดูท่าทางสนิทสนมกัน คนนั้นคงคิดอะไรกับติ๊บมากกว่าเพื่อนแน่ๆ ขนาดมีผมอยู่ด้วย ดูสายตาที่มองติ๊บซิ

‘เอ…แล้วแกเป็นอะไรของแกล่ะไม้ ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วยว่ะเนี่ย ผมถามตัวเองแต่ก็ไม่มีคำตอบใดๆให้กับตัวเองเช่นกัน’

ไม่กี่นาทีผมก็มาอยู่ในบรรดาว่าที่คุณหมอทั้งหลาย ที่กลุ่มนี้วันนี้เรียกว่าหน้าตาใช้ได้ตี๋ หมวย กันซะเป็นส่วนใหญ่ จนผมอดคิดไม่ได้ว่าคนไทยแท้ๆ ที่เรียนเก่งๆ พอจะเป็นหมอนี่ จะมีอยู่ซักกี่คนน่ะ แอบถามตัวเองเล่นๆ แต่สายตาก็ไม่ละไปจากว่าที่คุณหมอหนึ่งคนที่ผิวพรรณก็ไม่ต่างจากว่าที่คุณหมอทั้งหลาย แต่ต่างก็ตรงที่ไม่มีแว่นตามาบดบังความใสซื่อของดวงตาที่เป็นประกายคู่นั้น เท่านั้นเอง

หลังจากอิ่มหนำสำราญเสร็จเรียบร้อย ก็เตรียมแยกย้ายกันกลับที่พัก เพื่อพักผ่อนเตรียมแรงไว้สำหรับการเล่าเรียนในวันรุ่งขึ้น ระหว่างที่ผมนั่งรอติ๊บอยู่ในรถโดยลดกระจกลงมาเพื่อที่ติ๊บจะได้ไม่ต้องเปิดแอร์ 

“พี่ที่มากับติ๊บวันนี้เป็นใครว่ะแก ใช่แฟนติ๊บป่าว”

“ไม่รู้ดิ ไม่เห็นมีใครบอกน่ะว่าติ๊บมีแฟนแล้ว คงจะแค่มาจีบๆ มั้งคนจีบเยอะจะตาย”

“เออนั่นดิ น่าอิจฉา ขนาดชั้นเป็นผู้หญิงน่ะแก อายเลย”

“อายไรว่ะ”

“ก็ไม่มีผู้ชายมาจีบอ่ะดิ ดูพี่ที่มาด้วยวันนี้ดิ หล่อจะตาย เสียดายหน้าบึ้งไปหน่อย ไม่น่าจะเป็น…เลย”

“แกก็ลองไปถามเพื่อนๆ ติ๊บดูดิ เผื่อจะได้ข้อมูล”

สองสาวว่าที่คุณหมอช่างเม้าท์คงยังไม่ทันสังเกตว่าผมนั่งอยู่ในรถใกล้ๆ กับที่พวกเธอจอดรถอยู่นี่เอง แต่ทว่าหันหลังให้ผม หากหันหลังกลับมาก็พอจะเห็นได้ไม่ยากว่าผมนั่งอยู่ในรถ คงไม่เม้าท์ผมชนิดเผาขนซะขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้ผมตั้งคำถามกับตัวเอง เหมือนกันว่า ‘ผมเป็นอะไรกับติ๊บ’

เราสองคน ‘เป็นอะไรกันน่ะติ๊บ’ ///
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2014 17:04:50 โดย thehackzzi »

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ออกจะชัดซะขนาดนี้ แค่รอให้พี่ไม้เอ่ยปากอย่างเป็นทางการเท่านั้นแหละม้างงง หุหุ
คนดีที่โลกรอ หมอกระติ๊บ :กอด1: ยังน่ารักเหมือนเดิม
อิจฉาพี่ไม้ เห็นหมอติ๊บในชุดวันเกิด (อ้าว ไม่ใช่แระ หื่นๆ :beat:)
+1 ขอบคุณค่ะ รออ่านตอนต่อไปจร้าาา

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอะไรกับติ๊บก็ลองใช้หัวใจหาคำตอบเอาสิคะ

xiiiNG

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ด ด ด ให้เวลาคิด 3 นาทีนะคะพี่ไม้ !!
เร็วๆๆ จะเอาคำตอบ บอ๊า คนอ่านอยากได้คำตอบ บ

gneuhp

  • บุคคลทั่วไป
คำถามมาแล้ว

แล้วคำตอบไปไหนอ่าา พี่ไม้

ตอบด่วนคร่าาาา

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
พี่หมอไม้มั่นใจตัวเองนะครับเข้มแข็งใว้ครับพี่หมอ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด