เสื้อกาวน์เก่าๆ.......กับเราสองคน ตอนที่ 123 เพื่อนโดย Dr.Mike ณ วันที่ 30 กันยายน 2010 เวลา 11:25 น.
“ใครโทรมาหาเหรอคุยกันยาวเลย” ผมเอ่ยถามขึ้นหลังจากเจ้าตัวเล็กเปิดประตูกระจกหลังห้องเข้ามา
“พอดีปุ๋มโทรมาหาอ่ะ มีเรื่องนิดหน่อย” เจ้าตัวเล็กตอบแบบสีหน้าไม่สู้ดีคงจะอยู่ในอารมณ์เป็นห่วงเพื่อน
“พอจะบอกพี่ได้เปล่า ว่าปุ๋มเขามีปัญหาอะไร”
“ก็ก่อนหน้านี้มีคนมาจีบมาชอบ มันก็เล่นตัว พอตอนนี้เขาตีจากมันก็เสียใจร้องไห้ฟูมฟาย” ผมเลยไม่รู้จะเครียด หรือจะยิ้มให้กับปัญหาของน้องปุ๋มคนสวยดี นี่แหละน้าเล่นตัวมากๆ ก็เลยแห้ว
“ก็ไม่รู้กะเค้าเหมือนกันนะ ตอนแรกปุ๋มเค้าอาจจะยังไม่ชอบก็ได้นา แล้วมันค่อยมาทีละนิดจนรู้ตัวว่าชอบคนคนนั้น แต่คนที่รอก็รอจนหมดความอดทนไปซะก่อน” ติ๊บพูดปลงๆซะงั้น
“อื้อ ดีนะ ที่ติ๊บไม่เล่นตัวเหมือนน้องปุ๋มไม่งั้นพี่คงรอจนกร่อยแน่เลย”
“อ้าว ไมพูดงี้ ติ๊บง่ายเกินไปใช่มั้ยนิ” เจ้าตัวเล็กค้อนกลับมามองผมหนึ่งทีก่อนทำหน้างอนๆให้ผมได้ขำกับความช่างคิดของเขาซะไม่ได้
“ไม่ได้หมายความว่างั้น พี่หมายความว่าดีน่ะที่เราไม่มีปัญหากันแบบนั้นเพราะเรารักกันมากแล้วเราก็เข้าใจกันมากไง” ผมตอบก่อนรวบร่างบางมานั่งบนตัก
“พี่ไม้ครับ จะว่าอะไรมั้ยถ้าติ๊บจะให้ปุ๋มมาเที่ยวหาที่นี่ซักวันสองวันก่อนเปิดเทอมนี้”
“ได้ซิ น้องปุ๋มก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล พี่ก็รู้จักดีนี่” ผมตอบก่อนซุกหน้าเข้าไปคลอเคลียแก้มเนียนที่ตอนนี้เริ่มแดงจากสายตาวาบหวามและหนวดเคราสากๆของผม
“งั้นติ๊บโทรไปบอกปุ๋มก่อนน่ะ” เจ้าตัวเล็กตัดบทก่อนลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์หาเพื่อนรักในทันที
อีกหนึ่งชั่วโมงผ่านไปกับการคุยโทรศัพท์อันยาวนานของเจ้าตัวเล็กและเพื่อนสนิท จนได้ผลออกมาว่าปุ๋มจะเดินทางมาหาเพื่อนรักในคืนนี้เลย และจะมาพักด้วยวันสองวัน ทำไมมันรวดเร็วอย่างนี้วะ...
เช้ามืดของวันรุ่งขึ้นเจ้าตัวเล็กตื่นมารับโทรศัพท์ ก่อนพูดคุยกับปลายสายเป็นเวลาสั้นๆก่อนเดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาออกมาบอกผมลุกขึ้น แล้วพาไปรับเพื่อนสนิทของเจ้าตัวเล็กที่รออยู่หน้ามหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว
“พี่ไม้หวัดดีค่ะ ติ๊บหวัดดี” ปุ๋มยกมือขึ้นไหว้ผมก่อนเดินโผเข้าไปกอดเพื่อนรักแล้วปล่อยโฮเฮือกใหญ่ออกมาแบบคนเก็บกลั้นน้ำตาแห่งความเสียใจนั้นมานานแสนนาน
“ใจเย็นๆแก ยังไม่ต้องบอกไม่ต้องเล่าอะไรกับชั้นทั้งนั้น ตอนนี้แกอยู่กะชั้นแล้วปุ๋ม ไม่มีอะไรแล้วแก ชั้นยังยืนอยู่เป็นเพื่อนแกทั้งคน” เจ้าตัวเล็กพูดจบก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้เพื่อนสนิท
ทำเอาผมยิ้มให้กับความรักที่คนทั้งสองคนมีต่อกันมานานหลายปี นี่ซิน่ะที่เขาเรียกว่า ‘เพื่อน’
“แกเดินทางมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวกลับห้องพักกันก่อน เดี๋ยวชั้นทำอาหารเช้าให้แกกิน” ติ๊บบอกก่อนรับกระเป๋าของเพื่อนโยนมาทางผม ก่อนที่ผมจะรับหน้าที่พลขับพาน้องปุ๋ม และเจ้าตัวเล็กกลับห้อง
“ปุ๋มขอรบกวนพี่ไม้ซักวันสองวันน่ะค่ะ ไว้สภาพจิตใจดีขึ้นจะกลับไปเรียนต่อเลย”
“โอ๊ย ไม่เป็นไรครับปุ๋ม ไม่ต้องเกรงใจเราคนกันเองแต่ห้องของพี่มันเล็กหน่อยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกคะ ยังไงปุ๋มก็อยู่ได้ถ้าไม่เป็นการรบกวนพี่ไม้นะค่ะ”
“รบกงรบกวนอะไรกัน คิดมาก” เจ้าตัวเล็กตักบทขึ้นมาก่อนหันไปแนะนำสถานที่ต่างๆในมหาวิทยาลัยที่เราขับรถผ่านไปบอกเพื่อนซี้ ให้ปุ๋มสนใจเรื่องอื่นๆบ้างจะได้ไม่จับจดอยู่กับเรื่องที่เสียใจ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะ
“มหาวิทยาลัยของแกนี่ก็สวยเหมือนกันนะติ๊บ ไม่คิดว่ามหาวิทยาลัยที่ไม่ค่อยได้ยินชื่อเสียงเท่าไหร่จะโตเร็วขนาดนี้ รู้งี้ชั้นมาเรียนกับแกก็คงดี” ปุ๋มเอ่ยชมมหาวิทยาลัยในขณะที่สายตาก็มองออกไปตามคณะต่างๆที่ผมพาขับรถรอบมหาวิทยาลัยให้แขกผู้มาเยือนได้ดูบรรยากาศยามเช้ามืดของมหาวิทยาลัยไกลปืนเที่ยงแห่งนี้
“ไม่มีทางหรอกที่แกจะมาเรียนที่เดียวกับชั้นได้ เพราะที่นี่ไม่มีคณะสัตวแพทย์จ้ะ” เจ้าตัวเล็กบอกเพื่อนสนิทไป
“เออ นั่นซิ คงไม่ได้อยู่ดีเพราะชั้นชอบเป็นหมอวัว หมอควาย มากกว่าเป็นหมอคน”
“แล้วนี่แกเปิดเทอมวันไหนเหรอ” เจ้าตัวเล็กเอ่ยถามเพื่อนสนิทขึ้นมาหลังจากที่ผมขับรถออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัยเพื่อมุ่งหน้าสู่หอพัก
“เปิดวันจันทร์ที่จะถึงนี้แหละ” ปุ๋มตอบ
“อ้าว พร้อมกันเลย แล้วเป็นไงมั่งเกรดดีมั้ยแก”
“เพียบ” ปุ๋มตอบสั้นๆและทิ้งความงุนงงไว้กะผมสองคน
“อะไรของแก เพียบ” เจ้าตัวเล็กเอ่ยถามด้วยสีหน้างงงัน
“ก็แกถามว่าเกรดดีมั้ย ชั้นก็ตอบว่าเพียบ เพราะในทรานสคริปชั้นมีแต่ดี ด๊อก ซี แคท นานๆ จะมีเอ แอ๊นท์ผ่านมาซักตัว ไม่เหมือนแกหรอก” หมอปุ๋มตอบมาถึงตอนนี้ผมถึงกับยิ้มให้กับคำตอบของเธอไม่ได้เพราะคงเป็นคอเดียวกันกับผมละมั้ง นานๆจะได้พบเจอ เกรด เอ กับเขาซักตัว
ไม่นานผมก็พาเด็กทั้งสองเข้ามาจอดที่ที่จอดรถในหอพักเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะเดินขึ้นหอพัก
“ห้องเล็กหน่อยนะแก” เจ้าตัวเล็กบอกเพื่อนสนิทก่อนเปิดประตูห้องเข้าไป
“โห ไม่เล็กหรอกแกห้องขนาดนี้อยู่ได้สบาย กว้างกว่าหอพักในม.เกษตร ที่ชั้นอยู่ตั้งเยอะ”
“แกมาเหนื่อยๆ อาบน้ำอาบท่าให้หายเหนื่อยก่อนแล้วกัน เดี๋ยวชั้นจะทำอะไรร้อนๆให้กิน” เจ้าตัวเล็กพูดจบก็เดินไปเปิดตู้ ส่งผ้าเช็ดตัวให้เพื่อนสนิทก่อนที่น้องปุ๋มจะเดินเข้าไปจัดการอาบน้ำอาบท่า
เจ้าตัวเล็กหันมายิ้มให้ผมหนึ่งทีเพื่อเป็นการขอบคุณที่ผมต้อนรับเพื่อนสนิทของเจ้าตัวเล็กอย่างดี ผมเดินดุ่มเข้ามาใกล้เจ้าตัวเล็กก่อนก้มลงไปจูบหน้าผากเหม่งๆหนึ่งที เพื่อเป็นการให้กำลังใจและผมก็สนับสนุนการกระทำครั้งนี้ของเจ้าตัวเล็กอย่างเต็มที่
ครู่เดียว หมอปุ๋มก็เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดลำลองสบายๆ ก่อนเดินไปช่วยเจ้าตัวเล็กจัดการทำอาหารเช้าที่หลังห้อง
“โห แกนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ชั้นไม่เคยได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นแบบนี้” จู่ๆหมอปุ๋มก็เอ่ยขึ้นเมื่อหันไปเห็นพระอาทิตย์ที่โผล่พ้นยอดไม้จากท้องทุ่งขึ้นมาทอแสงในตอนเช้าตรู่
“อืม ที่นี่มันไม่มีตึกสูงระฟ้าคอยบดบัง เลยทำให้มีโอกาสได้เห็น แต่ถ้าอยู่ในกรุงเทพก็หมดสิทธิ์” หมอติ๊บตอบเพื่อนสนิทไป
“ดีเนอะ นานๆจะได้ดูอะไรสวยๆแบบนี้ซักที จะได้รู้ว่าชีวิตเราเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน” หมอปุ๋มเอ่ยขึ้นแบบคนปลงๆซะอย่างงั้น
“ก็ถูกแล้วแหละแก ชีวิตของคนเรามันก็พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน ไม่ว่าเมื่อวานจะฟ้าครึ้ม ฝนตก พายุเข้ากระหน่ำแรงแค่ไหน แต่เมื่อถึงเวลาที่พระอาทิตย์ต้องขึ้นมันก็จะขึ้นมาใหม่ได้ทุกวันโดยไม่สนใจว่าเมื่อวานผ่านอะไรมาบ้าง และชั้นก็เชื่อด้วยว่าเพื่อนของชั้นพร้อมจะเริ่มต้นใหม่อย่างแข็งแกร่งไม่แพ้ดวงอาทิตย์ดวงโตนั่นแหละ” เจ้าตัวเล็กให้กำลังใจก่อนเดินไปตบไหล่เพื่อนเบาๆหนึ่งที
ผมเดินมายังหลังห้องที่ทั้งสองคนยืนคุยกันอยู่ เผื่อจะมีอะไรให้ช่วย
“พี่ไม้ไปนอนดูทีวีเหอะค่ะ เดี๋ยวปุ๋มกับติ๊บจัดการกันเอง” น้องปุ๋มหันมาห้ามผมที่เสนอตัวช่วยก่อนถูกเจ้าตัวเล็กไล่ให้ไปอาบน้ำเตรียมพร้อมไปทำงาน
เจ็ดโมงเช้าเศษๆ อาหารเช้าเป็นข้าวต้มหมูสับ และยำไข่เค็มก็ถูกวางบนโต๊ะให้เราสามคนจัดการ และตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กคุยอะไรกับหมอปุ๋มบ้าง แต่ดูสีหน้าท่าทางของปุ๋มแล้วดูดีขึ้นเยอะทีเดียว
“เดี๋ยวพี่ออกไปทำงานแล้วเราสองคนจะไปไหนกันหรือเปล่า” ผมเอ่ยถามขึ้นหลังจากจัดการอาหารเสร็จเรียบร้อย
“คงไม่ออกไปไหนหรอกค่ะ คงนั่งนอนคุยกันตามประสาเพื่อนซี้ที่คิดถึงกันนั่นแหละค่ะ” หมอปุ๋มตอบยิ้มๆ
“งั้นตอนเย็นไม่ต้องทำกับข้าวนะ เดี๋ยวพี่พาออกไปทานข้าวข้างนอกกันทั้งสองคน”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่ไม้ ติ๊บแกลงไปส่งพี่ไม้ที่รถซิ” หมอปุ๋มออกคำสั่งคงจะต้องการให้ผมสองคนมีเวลาส่วนตัวบ้าง
เจ้าตัวเล็กเดินตามลงมาส่งผมที่รถ ก่อนจะถามผมขึ้นมาเบาๆ
“พี่ไม้สะดวกหรือเปล่าที่ให้ปุ๋มพักกับเราที่นี่ หรือเราจะไปเปิดโรงแรมให้ปุ๋มดี”
“พี่สะดวกนะติ๊บ ถ้าเราไปเปิดโรงแรมให้เขาอาจจะคิดว่าเราอะ ไม่สะดวกไม่สบายใจที่จะต้อนรับเขาก็ได้ ยังไงซะติ๊บก็คุยกะเพื่อนให้กำลังใจเพื่อนดีๆแล้วกัน เพื่อนเขากำลังมีปัญหาเดี๋ยวถ้ามีอะไรก็โทรไปหาพี่นะ เผื่อช่วงบ่ายจะอยากออกไปไหนพี่จะได้กลับเข้ามารับ”
“ขอบคุณนะคับพี่ไม้ที่เข้าใจติ๊บทุกอย่างเลย” ติ๊บบอกผมยิ้มๆ
“ก็พี่รักติ๊บไง” ผมแกล้งก้มเข้าไปพูดกระซิบใกล้ๆหู
พอพูดจบก็แกล้งขโมยหอมแก้มแบบไม่ทันให้เจ้าตัวเล็กตั้งตัวก่อนกระโดดโหยงเข้าไปนั่งในรถก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะเอื้อมมือมาหยิกหมับเข้าที่พุงผมเหมือนทุกที
ผมสตาร์ทรถออกมาจากหอไปทำงานอย่างอารมณ์ดี และคิดว่าเรื่องแค่นี้คงไม่เกินความสามารถของว่าที่คุณหมอ อย่างเจ้าตัวเล็กไปได้…
เมื่อมาถึงที่ทำงานผมก็เตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในเช้าวันใหม่อย่างเต็มที่ แต่ก็ต้องแปลกใจไม่น้อยเมื่อในตารางเวรนัดคนไข้ของผมวันนี้ปรากฏว่าในช่วงเช้ามีคนไข้มานั่งรอผมอยู่แล้วถึงสองคน และเป็นคนไข้ที่ผมไม่ค่อยชอบขี้หน้ามันเท่าไหร่ซะด้วยซิ
ไม่ต้องเสียเวลาเดาให้ยากหรอกครับนายเบสหน้าหล่อ กับไอ้หมอบอยหน้าจืด สองศรีพี่น้องที่ผมไม่ค่อยอยากเจอะเจอซักเท่าไหร่เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูหัวใจตัวฉกาจเลยทีเดียว
คนแรกคือนายเบส ที่มานั่งทำหน้าทะเล้นกวนใจผมแต่เช้าทั้งที่คราวก่อนก็ตรวจฟันให้แล้วก็ไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไรนอกจากเสียวฟัน
คนที่สองคือหมอบอยหน้าจืด อันนี้ยังพอทนฟังขึ้นเพราะวัสดุที่อุดไปคราวก่อนหลุดจึงมาให้ผมอุดฟันให้ใหม่ แต่เมื่อผมจัดการลงมือทำการรักษาสองคนไข้ตัวดีเสร็จเรียบร้อยแล้ว หมอบอยก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า
“พี่ไม้ครับผมขอถามอะไรหน่อย ตกลงว่าวันเสาร์-อาทิตย์นี้ พี่ไม้จะให้ติ๊บไปเที่ยวกับพวกผมมั้ยคับ”
“พี่ก็ยังไม่รู้เลยนะบอย พี่ก็ตอบติ๊บไปแล้วนะว่ายังไงก็แล้วแต่เขาแต่พอดีพี่เห็นเพื่อนเขามาหาจากกรุงเทพแนะ ไม่รู้ว่าจะสะดวกไปอยู่หรือเปล่า ติ๊บเองก็ยังไม่ได้บอกอะไรพี่เหมือนกันไง บอยลองโทรไปถามคำตอบกับติ๊บเองแล้วกัน”
“แล้วถ้าพี่ติ๊บตกลงไปนี่พี่ไม้จะไปกับพี่ติ๊บด้วยมั้ยคับ” นายเบสเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง
“อันนี้พี่ก็ต้องแล้วแต่เจ้าตัวเขาอะครับ ถ้าให้พี่ไปด้วยก็ไป ถ้าไม่ให้ไปพี่ก็จะไปว่าอะไรเขาได้” ผมตอบอย่างคนไปต่อในชั่วโมงนี้
“ยังไงเดี๋ยวผมจะลองโทรไปหาติ๊บอีกทีแล้วกันคับว่าจะไปไม่ไปยังไงผมจะได้เตรียมเรื่องรถเรื่องที่พักไว้ให้ ส่วนพี่ไม้จะไปด้วยก็ได้ครับไปหลายๆคนจะได้สนุกดี” นายบอยเอ่ยชวนผมเป็นการส่งท้ายก่อนที่ทั้งสองหนุ่มจะล่ำลาผมกลับไป
ถ้าผมเดาไม่ผิด การไปเที่ยวนครสวรรค์ของเด็กกลุ่มนี้คราวนี้นอกจากนายบอย ต้นขั้วใหญ่แล้วนายเบสผู้ติดตามก็คงจะร่วมอยู่ในกิจกรรมคราวนี้ด้วย แบบนี้ถ้าให้เจ้าตัวเล็กไปเที่ยวกับเพื่อนๆโดยไม่มีผมติดตามไปด้วย คงไม่เหมาะสมแน่ๆ แฮ่ๆ คิดมากไปป่าวหว่าเรา
ตกเย็นผมขับรถกลับห้องเพื่อตั้งใจพาเด็กทั้งสองคนที่รอผมอยู่ที่ห้องไปเลี้ยงข้าวเย็นซักหน่อย เมื่อผมนำรถเข้าจอดที่หน้าหอพักเด็กทั้งสองคนก็ยืนรออยู่ที่หน้าหอพักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่แปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหมอปุ๋ม ถือกระเป๋าใบเขื่องที่เธอหิ้วมาเมื่อเช้ามืดออกมากับเธอด้วย
“พอดีปุ๋มมีงานด่วนที่มหาวิทยาลัยอะคะ เพื่อนโทรมาตามให้กลับไปได้แล้ว อีกอย่างวันนี้คุยกับติ๊บทั้งวันก็สบายใจขึ้นมากแล้ว คืนนี้เลยว่าจะกลับเข้ากรุงเทพเลย” หมอปุ๋มอธิบายให้ผมฟังเมื่อเห็นผมทำสีหน้าแปลกใจในขณะที่ทั้งสองว่าที่คุณหมอก้าวเข้ามาในรถเรียบร้อย
“งั้นพี่เลี้ยงฉลองให้กับวันใหม่ที่จะเกิดแต่สิ่งดีๆให้ปุ๋มละกัน” ผมบอกเธอไป และทำให้เรียกรอยยิ้มจากว่าที่คุณหมอทั้งสองได้อย่างดี
“แล้ววันนี้เราจะกินอะไรกันดีอะ” ติ๊บชะโงกหน้าจากเบาะหลังมาถามผม
“แล้วแต่ติ๊บกับปุ๋มละกัน อยากกินอะไรบอกมาได้เลย เดี๋ยวป๋าเลี้ยงเอง” ผมตอบขำๆ
“งั้นไปหานมปั่นกินแล้วกันเนอะ อยากกินนมปั่นนานละ ไม่ได้กินนานแล้วอะ” ติ๊บหันไปถามความคิดเห็นของเพื่อนสนิท
“ก็แล้วแต่เจ้ามือแล้วกันคะ ปุ๋มกินได้หมดแหละพี่”
“ปุ๋มไม่ต้องเชื่อเพื่อนเราทุกเรื่องก็ได้นะ ที่ว่าไม่ได้กินนมปั่นนานนะ นานกี่วันกันเชียว” ผมแอบแซวคนไม่ได้กินนมปั่นมานานนนน... ไปหนึ่งที
“อีกอย่างติ๊บอย่าลืมซิว่าคืนนี้ปุ๋มต้องนั่งรถกลับเข้ากรุงเทพ ไปกินนมปั่นเดี๋ยวก็เทียวฉี่บนรถคนอื่นเค้าไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันพอดี”
“อืมม ก็จริงแฮะ งั้นก็แล้วแต่เจ้ามือตามที่ปุ๋มว่าแล้วกัน” ติ๊บตอบกลับมาหน้าจ๋อยเมื่อผมไม่สนับสนุนไปกินนมปั่น ไอติมตามที่ตนเองได้เสนอมา
ผมจึงตัดสินใจพาทั้งสองว่าที่คุณหมอเข้าไปยังร้านอาหารหน้ามหาวิทยาลัยที่มีทั้งอาหารตามสั่งไอติม น้ำผลไม้และอื่นๆครบตามที่แต่ละคนอยากกิน ในขณะเดียวกันก็เดินไปรอรถที่จะเข้า กรุงเทพได้อีกด้วย
“เสียดายที่คราวนี้ปุ๋มรีบไปรีบกลับ พี่เลยยังไม่มีโอกาสพาเที่ยวไหนเลย” ผมชวนทั้งสองว่าที่คุณหมอคุยในขณะที่เรานั่งรอรถโดยสารปรับอากาศชั้นหนึ่งเข้ากรุงเทพที่ด้านหน้ามหาวิทยาลัย หลังจากจัดการอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินมาซื้อตั๋วที่ร้านไม่ไกลกับที่เราทานข้าวเมื่อซักครู่เท่าไหร่นัก
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ไม้แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ ไว้มีโอกาสปุ๋มจะมาเยี่ยมใหม่หรือถ้าว่างๆพี่ไม้กับติ๊บจะไปเที่ยวกรุงเทพก็บอกปุ๋มน่ะ เดี๋ยวพาเที่ยวเอง”
“โห จริงนะแก ไว้ไปกรุงเทพฯเมื่อไหร่แกพาชั้นเที่ยวให้ทั่วเลยนะ RCA รัชดา สีลม อตก. เอาให้ทั่วเลยนะแก” ติ๊บบอกอย่างตื่นเต้นเชียวแฮะ
“เอ่อ พอละๆ ไอ้ที่แกว่ามาทั้งหมดนี่ ถ้าชั้นพาไปจริงๆแกจะไปมั้ย ที่เอ่ยมาแต่ละที่นั่นน่ะมันร้านเหล้านะจ๊ะ ไม่ใช่ร้านไอติม” ปุ๋มตอบได้ถูกใจผมที่สุดเลยแฮะ ตอนนี้
“อูยยยย แสดงว่าชั้นเข้าใจผิดมาตลอดเหรอนี่ ว้า…แย่จัง” ติ๊บเอ่ยขึ้นพร้อมทำท่าคิขุให้ผมกับปุ๋มหัวเราะร่วน
![laugh :laugh:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/laugh.gif)
“ดูแลเอาเองนะพี่ไม้ แฟนใครหนูไม่รู้ด้วย บ้านนอกมากกกกกกกก”
“อ้าว ถ้าชั้นบ้านนอกแล้วแกละไม่บ้านนอกกะชั้นด้วยหรือไง ได้ข่าวว่าบ้านแกกะบ้านชั้นรั้วเดียวกันอยู่นะ” หมอติ๊บหันมากัดเพื่อนเล่นบ้าง
“ว้ายยย ชั้นเป็นสาวกรุงเทพแล้วย่ะ” หมอปุ๋มตอบกลับพร้อมกับยกขาขึ้นไขว่ห้างวางตัวเป็นสาวกรุงเทพ
“เอ่อ ก่อนจะบอกว่าเป็นสาวกรุงเทพนี่พิจารณาดั้ง และโหนกแก้มที่บ่งบอกความเป็นที่ราบสูงก่อนดีมั้ยจ๊ะ แม่สาวกรุงเทพ” ติ๊บพูดจบก็หัวเราะร่าตาหยีที่ได้จิกกัดเพื่อนอย่างแสบสัน
![:jul3:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/1221836955_01.gif)
“พี่ไม้ดูซิ ปากคอมันเราะร้ายนะเดี๋ยวนี้” หมอปุ๋มฟ้องผมพร้อมกับยกมือขึ้นกุมโหนกแก้มตัวเองอย่างอายๆ
และก่อนที่ทั้งสองจะได้จิกกัดกันไปมากกว่านี้ พนักงานขายตั๋วก็บอกให้เรารู้ว่าขณะนี้รถทัวร์กำลังจะมาถึงแล้วให้เราไปยืนรอขึ้นรถได้เลย
ทั้งสองว่าที่คุณหมอลุกขึ้นยืนและจับมือกันราวกับวินาทีนี้ผมจะเป็นผู้ประกาศผลมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สก็ไม่ปาน
“ไม่ได้อยู่ใกล้กัน ดูแลตัวเองดีๆนะแก มีไรก็โทรมาหรือจะมาหาชั้นที่นี่ก็ได้ยินดีต้อนรับแกเสมอ” เจ้าตัวเล็กบอกเพื่อนสนิทที่จ้องหน้ากันและกันอย่างซาบซึ้ง
![:m15:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/1.gif)
“ขอบคุณมากติ๊บ แกยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของชั้นเสมอ ขอบใจแกจริงๆนะ” ปุ๋มตอบพร้อมโผเข้ากอดเพื่อนสนิทและปล่อยน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มใจออกมาอีกรอบ
![:กอด1:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/kapook_dookdik_16024_46513.gif)
“พี่ไม้คะ ฝากดูแลเพื่อนที่ดีที่สุดของปุ๋มคนนี้ด้วยนะค่ะ” ปุ๋มหันมายิ้มให้ผมและจับมือผมให้ไปจับมือเจ้าตัวเล็ก เขินเหมือนกันนะนี่
![เศร้า1 :sad11:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/i42.gif)
“ชั้นไปนะแก ไงเดี๋ยวโทรหาอีกที” ปุ๋มพูดขึ้นก่อนที่จะเดินหิ้วกระเป๋าเดินไปยังรถที่มาจอดเทียบรอแล้วก่อนจะโบกมือลาเราทั้งสองคน
![บายๆ :bye2:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/bye2.gif)
“เดินทางปลอดภัยนะคับ” ผมล่ำลาปุ๋มก่อนหันมาสบตาเจ้าตัวเล็กที่ดูเศร้าสร้อยด้วยความเป็นห่วงเพื่อนก่อนขยี้หัวฟูเป็นการให้กำลังใจ
รถโดยสารปรับอากาศชั้นหนึ่งกรุงเทพ – พิษณุโลก ลับหายไปจากปลายสายตาของเราทั้งคู่ผมกับติ๊บจึงเดินไปยังรถเพื่อกลับหอพักของเรา
“ดีนะ ที่ปุ๋มยังมีเพื่อนที่สนิทและเข้าใจแบบติ๊บไว้คอยปรึกษาเวลามีปัญหา” ผมเอ่ยขึ้นในขณะขับรถกลับหอพักและกุมมือเจ้าตัวเล็กไปตลอดทาง
“ก็แบบนี้แหละเวลาคนเราอ่อนแอ มักจะต้องการใครซักคนที่เข้าใจอยู่เคียงข้างเสมอแต่ติ๊บโชคดีกว่าปุ๋มนิดเดียวตรงที่ติ๊บมีพี่ไม้เป็นพี่ เป็นเพื่อน เป็นพ่อ เป็นทุกๆ อย่างคอยให้คำปรึกษาในทุกเรื่องเวลาที่ติ๊บมีปัญหาไม่ว่าปัญหานั้นจะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม พี่ไม้จะยังคงยืนอยู่เคียงข้างติ๊บเสมอ”
“เฮ้อ ฟังแบบนี้แล้วชื่นใจจัง งั้นพี่ขออะไรติ๊บอย่างนึงซิ” ผมยิ้มแก้มแทบปริเมื่อได้ยินเจ้าตัวเล็กพูดเมื่อครู่และตอนนี้ก็ได้เวลาที่ผมจะออดอ้อนบ้างแล้ว
![impress2 :impress2:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/impress2.gif)
“ขออะไรเหรอคับ” ติ๊บหันมาทำหน้าสงสัย
“ขอรางวัลให้พี่ชื่นใจมีกำลังใจหน่อยซิ” ผมตอบพร้อมเอียงแก้มซ้ายให้เจ้าตัวเล็กเพื่อบอกให้รู้ว่ารางวัลที่ผมต้องการคืออะไร
“ไม่เอา กลับถึงห้องก่อนดิ” เจ้าตัวเล็กตอบเขินๆ
![Embarrassed :-[](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/embarrassed.gif)
“ไม่ได้ กลับถึงห้องเดี๋ยวมันไม่ได้อารมณ์ซาบซึ้งแบบนี้ เอารางวัลตอนนี้เลยเร็วๆ” ผมออดอ้อนต่อไปและนั่นก็ทำให้ผมดีใจสุดชีวิตเมื่อเจ้าตัวเล็กหันมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่
ฮ่า ฮ่า ชื่นใจจังวุ้ย แค่นี้ก็คุ้มค่าแล้วใช่มั้ยคับที่ผมทุ่มเททุกอย่างในการเป็นทุกอย่างให้กับคนหนึ่งคนที่รักผม และผมก็รักเขามากเช่นกัน อยากหยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้จัง…
มิสเตอร์ไม้ เขียน
แฮกค์ พิสูจน์