เสื้อกาวน์เก่าๆ............กับเราสองคน
ตอนที่ 93
ก่อนจะถึง........ปีใหม่ช่วงปลายเดือนธันวาคม ตอนนี้ที่พิษณุโลกมีลมหนาวพัดมาเยือนเป็นที่เรียบร้อย
อากาศดีเอาเสียมากๆตอนเช้าก็ไม่อยากตื่นออกไปทำงาน
ส่วนตอนเย็นก็อยากแต่จะรีบกลับมานอนกกนอนกอดกันสองคน ฮิ้วววว……………….
ตอนนี้เจ้าตัวเล็กสอบกลางภาคเสร็จไปเรียบร้อยแม้จะผ่านการติวโดยหมอจ๊ะโอ๋
ผมก็ไม่มีความหึงหวงแต่อย่างใดเพราะผมรู้แล้วว่ายังไงซะหมอจ๊ะโอ๋ก็ต้องพ่ายแพ้ความหล่อของผมอยู่ดี อิอิ
ไม่ใช่หรอกครับถึงผมจะหล่อกว่าหมอจ๊ะโอ๋มาก
แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ผมมั่นใจและให้เกียรติรวมไปถึงเชื่อใจติ๊บมากกว่าเมื่อก่อน
เพราะผมมั่นใจว่าติ๊บรักผมคนเดียว เข้าข้างตัวเองไปมั้ย
ผมมองดูตารางเวรรับผิดชอบของผมในปีนี้จะหมดลงในวันที่ 27 ธันวาคม
ผมมีเวลาหยุดทั้งหมด 7 วันก่อนกลับมาเริ่มงานในวันที่ 3 มกราคม ปีหน้า
ถ้าจะให้อยู่แต่ที่ห้องคงเสียดายโอกาสที่จะได้หยุดยาวแบบนี้
พาเจ้าตัวเล็กออกไปเรียนรู้อะไรข้างนอกอีกทีดีกว่า ว่าแต่จะไปไหนกันหว่าคราวนี้ ?????
.
.
.
.
.
.
.
'' กับข้าวร้อนๆพร้อมเสิร์ฟแล้วคร้าบบบบ ''
หมอติ๊บเรียกตะโกนผมมาจากหลังห้องพร้อมกลิ่นหอมเตะจมูกของกับข้าวมื้อเย็นที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจ
'' วันนี้ทำไมกับข้าวเยอะจังเลย ฉลองสอบเสร็จใช่มั้ย '' ผมเอ่ยถามขณะช่วยเจ้าตัวเล็กตักข้าว
'' ใช่แล้ว ก็การทำกับข้าวมันทำให้ติ๊บมีความสุขเวลาเห็นใครกินกับข้าวฝีมือเรา แถมยังคลายเครียดให้ติ๊บได้ด้วย ''
'' จ้า คราวหลังก็อย่าเครียดบ่อยดิ เดี๋ยวพี่เป็นหมูซะก่อน '' ผมแซวติ๊บขำๆ
'' ไม่ต้องกลัวเป็นหมูหรอกพี่ไม้ ไม่ทันละตอนนี้เป็นช้างพลายไปแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ''
ติ๊บบอกผมแต่เล่นเอาผมไม่ขำด้วยซะเลย ช้างพัง อืมมมม กัดเจ็บจริงหมอติ๊บบบบ
'' สอบเสร็จแล้วเรามีโปรแกรมไปเที่ยวไหนหรือเปล่านี่ '' ผมเอ่ยถามขึ้นขณะกำลังทานมื้อเย็นอย่างเอร็ดอร่อย
'' ก็ไม่ได้ไปไหน แต่ก็ไม่แน่เผื่อมีคนชวนก็อาจจะไป ''
'' แล้วใครจะชวนไปไหนอ่ะ ''
'' ก็ไม่รู้ไง ยังไม่มีคนชวน '' ติ๊บตอบผมก่อนหันหน้ามายิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย
'' งั้นพี่ชวนดีกว่า เดี๋ยวคนอื่นตัดหน้าพี่ซะก่อน '' ผมบอกก่อนยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
'' แล้วพี่ไม้จะชวนติ๊บไปไหนเหรอคับ วางแผนไว้หรือยัง ไม่ใช่ไปเรื่อยๆแบบไม่มีจุดหมายนะ ''
'' ก็ถึงถามติ๊บนี่ไงว่าอยากไปไหนอีกบ้าง พี่จะได้พาไปไง ''
'' พี่ไม้พาไปไหนติ๊บก็ไปหมดแหละคับ ขึ้นเขาลงห้วยที่ไหน ถ้าพี่ไม้ไปด้วยติ๊บก็ไป ''
ติ๊บตอบราวกับว่าผมจะพาไปตกระกำลำบากซะอย่างงั้น
'' งั้นขอพี่คิดก่อนหนึ่งคืน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะให้คำตอบ ''
วันนี้เป็นวันสุดท้ายในการทำงานของผม
อาจจะเป็นเพราะช่วงใกล้สิ้นปีเด็กเริ่มทยอยกลับบ้านกันบางส่วนจึงส่งผลให้วันนี้ผมแทบจะไม่ได้ทำฟันคนไข้เลย
มีแต่นั่งเล่นคอมทั้งวัน
'' หมอไม้ ปีนี้ไปเค้าท์ดาวน์ปีใหม่ที่ไหนเหรอ '' เสียงหมอกิ๊กเอ่ยถามในตอนเย็นก่อนเลิกงาน
'' ยังไม่รู้เลยหยุดตั้งอาทิตย์หนึ่งอ่ะ แล้วกิ๊กมีโปรแกรมไปไหน ''
'' สวย เริ่ด เชิด แบบนี้ คงไปเดินเค้าท์ดาวน์แถวริมแม่น้ำน่านให้หนุ่มๆน้ำลายไหลเล่นอะ ''
'' อยู่กะที่บ้านอ่ะเหรอ '' ผมถามแกมขำ
'' ก็ไม่มีพันธะกับใครนี่จ๊ะ เอ้ะหรือว่าหมอไม้จะสนใจรับหนูไปเป็นน้องสะใภ้ พร้อมน่ะค่ะ ''
'' อ่ะนะ ยังไม่รู้เลยว่าปีใหม่กลับไปนี่จะได้มีโอกาสเจอมันหรือเปล่า ''
'' อ้าวทำไมละ '' กิ๊กถามทำหน้างงๆ
'' ก็พ่อกับแม่บอกว่ามันนอนอยู่หอในมากกว่า ไม่ค่อยกลับบ้านอะ '' ผมตอบเซ็งๆ
'' แหม ทำยังกะตัวเองไม่เคยอยู่หอใน ช่วงชีวิตวัยรุ่นช่วงนี้เขายังติดเพื่อนอยู่ไง ''
'' ก็หวังว่าจะเป็นยังงั้น ไงก็เที่ยวปีใหม่ให้สนุกน่ะกิ๊ก แฮปปี้นิวเยียร์ล่วงหน้าขอให้เจอเนื้อคู่ไวนะหล่อ รวย ….โตให้สมกับคนสวย เริ่ด เชิด อย่างกิ๊กแล้วกัน ''
'' เนื้อคู่อะเจอแล้ว แต่พี่ชายของเนื้อคู่มันใจดำไม่ยอมรับคนสวยๆอย่างหนู ''ผมถึงกับหัวเราะเมื่อเจอมุกนี้ของเธอเข้าไป
'' หมอไม้เองก็เที่ยวให้สนุกน่ะ ฝากบอกน้องม่อนด้วยว่าเจ๊จะไปรอน้องม่อนที่ทางช้างเผือก ''
'' อ่ะคร้าบบบ จะจัดการให้ '' ผมรับคำหมอกิ๊กเสร็จก็ขับรถบึ่งกลับหอในทันที
............
เปิดประตูห้องเข้าไป หอมเตะจมูกมากๆ ทำไรกินหว่าวันนี้
พอเดินเข้าไปจึงได้รู้ว่าเจ้าตัวเล็กกำลังทำสปาเท้าอยู่นั่นเอง
อืมน้ำแช่เท้าอุ่น หอมๆ น่าอร่อย
.
.
.
.
.
.
.
.
อะจ๊ากกกกกกก มิใช่วุ้ยยย
เมื่อเห็นผมก้าวเข้ามาในห้องหมอติ๊บก็จัดการล้างเท้าเช็ดเท้าเรียบร้อยก่อนเดินไปยังหลังห้อง
เปิดฝาหม้อหุงข้าวหอมกรุ่นซึ่งภายในมีไข่ตุ๋นน่ากิน เพิ่งรู้ว่าหม้อหุงข้าวทำไข่ตุ๋นได้ด้วย
เปิดฝาหม้อที่วางบนเตาไฟฟ้าออกมาก็พบกับกุ้งอบวุ้นเส้น
โหวันนี้ไม่ธรรมดาแฮะน่ากินจริงๆ
'' เนื่องในโอกาสอะไรจ๊ะวันนี้ '' ผมถามก่อนเดินไปรวบกอดเจ้าตัวเล็กแล้วปล้นหอมแก้มไปหนึ่งที
'' ไม่ได้มีโอกาสอะไรครับ แค่วันนี้ได้อยู่ห้องทั้งวันเลยลองทำกับข้าวอย่างอื่นบ้าง กินแต่ผัดแต่ทอดเดี๋ยวพี่ไม้ก็จะเบื่อซะก่อน ''
'' อาหารอาจมีวันที่พี่เบื่อ แต่พี่ไม่มีวันเบื่อติ๊บจ้า ''
ฮิ้ววว หยอดไปอีกหนึ่งดอกสำหรับความน่ารักของคนที่อยู่ในอ้อมกอดผมตรงนี้
'' งั้นพี่หาโอกาสให้ดีกว่า เอาเป็นโอกาสที่เราจะอยู่ห้องนี้เป็นวันสุดท้ายของปีนี้ดีมั้ย ''
'' แล้วพรุ่งนี้เราจะไปอยู่ที่ไหนกันอ่ะคับ '' ติ๊บถามแบบที่ผมอยากเขกกะโหลกมากกก
'' พรุ่งนี้เราก็จะไปอยู่ที่กรุงเทพแล้วไง '' ผมตอบก่อนหอมแก้มเจ้าตัวเล็กอีกหนึ่งทีก่อนปล่อยให้เจ้าตัวเป็นอิสระ นั่งรับประทานมื้อเย็นที่แสนจะน่ากินของหมอติ๊บ แต่ยังไม่หมดเท่านั้นเมื่อเจ้าตัวเดินไปเปิดไมโครเวฟแล้วยกต้มยำกุ้ง สีสันแสบซ่าออกมา
'' โห ไมวันนี้ทำเยอะจัง ''
'' ก็ติ๊บอยากลองทำเท่านั้นเอง อันไหนไม่อร่อยบอกนะจะได้ปรับปรุงสูตร ''
'' อะไรที่ติ๊บทำก็อร่อยหมดแหละจ้า '' ผมตอบก่อนจัดการอาหารเย็นฝีมือว่าที่คุณหมอ
นี่ถ้าผมไม่รู้ว่าติ๊บเป็นนิสิตแพทย์
ผมคงคิดว่าติ๊บเป็นเด็กคหกรรม ไม่ก็เป็นพวกฟู๊ดไซด์ ฟู๊ดเทคแน่ๆ
'' แล้วว่าแต่เราจะออกจากนี่กันวันไหนอ่ะคับ '' ติ๊บเอ่ยถามขึ้นมา
'' ก็พรุ่งนี้เช้าไงจ๊ะ ไปเที่ยวกรุงเทพกัน '' ผมบอกก่อนยื่นกุ้งที่แกะเรียบร้อยให้เจ้าตัวเล็ก
'' แล้วไปอยู่กรุงเทพกี่วันอ่ะคับ แล้วจะไปไหนต่ออีกอะ '' ติ๊บนี่ขี้สงสัยจริงๆแฟนใครหว่า
'' ก็ไปอยู่กรุงเทพก่อนไงแล้วค่อยไปตั้งต้นกันที่โน่นอีกที ''
'' อ๋อ ครับดีสิเผื่อจะชวนพ่อแม่แล้วก็ม่อนไปด้วยไง '' ติ๊บตอบผมก่อนคิดไปไกล
มีรึ ผมจะชวนคนอื่นไปเป็น กขค ให้ผมอดสวีทวี๊ดวิ่วกันสองคน ผมคิดในใจ
เที่ยงตรงของวันรุ่งขึ้นผมก็พามิสเตอร์แจส คันงามของผมฝ่าด่านรถติดในช่วงสิ้นปีวันหยุดยาวมาถึงบ้านเรียบร้อย
อาจจะเป็นเพราะผมสวนทางกับชาวบ้านเค้าแหละมั้งจึงไม่มีปัญหาเรื่องรถติดเท่าไหร่
'' พ่อแม่ หวัดดีครับ '' ผมไหว้ทักทายพ่อแม่ก่อนเดินไปกอดทั้งสองคนให้ฉุ่มฉ่ำใจ เป็นกำลังใจที่ดีมากสำหรับผม
'' พ่อแม่ หวัดดีครับ '' ติ๊บเอ่ยทักทายพ่อกับแม่และยกมือไหว้ ก่อนพ่อกับแม่จะสลัดผมทิ้งราวกับเห็บหมัดไปโผกอดรับขวัญติ๊บซะงั้น อืมมม ลูกชายพ่อแม่อยู่นี่น้า ผมแอบคิดค้านในใจ
'' เป็นไงมั่งลูกนั่งรถมาเหนื่อยมั้ย '' อืมมมม ผมคิดว่าแม่น่าจะถามผม พลขับมากกว่านะ
'' ก็ไม่เหนื่อยเท่าไหร่คับ เพราะติ๊บหลับมาตลอดทางเลย '' ติ๊บเอ่ยยิ้มก่อนเดินไปหลังรถหยิบของฝากที่แวะซื้อระหว่างทางมาฝากพ่อกับแม่เรียกคะแนนซะงั้น
'' หาของฝากมาให้พ่อเค้าน้ำตาลขึ้นอีกแล้ว '' แม่เปรย
'' แต่คราวก่อนที่ติ๊บซื้อหญ้าอะไรนั่นมาให้พ่อเขาชงดื่มนั่นนะ น้ำตาลลดไปเยอะเลยนะหมอที่โรงพยาบาลยังชมเลยว่าพ่อควบคุมน้ำตาลได้ดีมาก '' พ่อผมคุยโอ้อวดบ้าง
'' เข้าไปในบ้านก่อนลูกแม่ทำอาหารเที่ยงไว้เตรียมต้อนรับแล้ว วันนี้ติ๊บคงอดแสดงฝีมือแน่ๆ ''แม่ผมบอกก่อนจูงมือติ๊บเข้าไปในครัวหลังบ้านที่เราใช้นั่งทานข้าวกัน
ในขณะที่ผมก็เดินกอดเอวพ่อตามมาติดๆ
'' แล้วนี่เจ้าม่อนไปไหนเหรอคับ '' ผมเอ่ยถามถึงเจ้าน้องชายตัวดีเมื่อไม่เห็นลงมาร่วมโต๊ะกับเรา
'' เห็นวันนี้บอกว่าสอบวันสุดท้ายเดี๋ยวเย็นๆคงกลับมาแล้วละ '' แม่ผมตอบเมื่อผมถามถึงน้องชายสุดที่รักของผม
'' อ๋อ ครับ ''
'' แล้วสองคนนี่มีโปรแกรมจะไปไหนกันละ ช่วงปีใหม่นี่ ''
'' ติ๊บยังไม่รู้เลยครับพ่อ ต้องรอพี่ไม้ตัดสินใจก่อน ไม่เคยมีการวางแผนเลยรุ่นนี้ ''
'' ไม้ก็เหมือนพ่อสมัยหนุ่มๆแหละอยากไปไหนก็ไปไม่เคยมีการวางแผนล่วงหน้า '' พ่อผมเอ่ย
'' ใช่ แล้วคนไปด้วยก็ต้องคอยลุ้นว่าเค้าจะเอาเราไปทิ้งไว้ไหน '' แม่เอ่ยสมทบขึ้นมา
'' แล้วติ๊บไม่คิดจะกลับบ้านเหรอลูก ไม่คิดถึงย่ากับป้าเหรอ '' พ่อผมเอ่ยถามขึ้นบ้าง
'' ก็คิดถึงครับ แต่ว่าติ๊บเพิ่งกลับไปช่วงเดือนตุลาที่เพิ่งผ่าตัดเสร็จก็ไปพักกับย่ากับป้ามาแล้วอันนี้หยุดปีใหม่ไม่กี่วันเลยขอป้ากับย่าเที่ยวบ้างอะคับ '' ติ๊บตอบ
'' แล้วพ่อกับแม่อยากไปเที่ยวไหนมั้ยคับปีใหม่ '' ติ๊บเอ่ยถามพ่อกับแม่ผมบ้าง
'' โอยคนแก่ไม่อยากออกไปไหนหรอกลูก คงทำบุญกันที่วัดใกล้บ้านนี่แหละ ติ๊บกับไม้ลองไปชวนนายม่อนดูนะลูก พาน้องไปเที่ยวด้วยช่วงนี้เห็นบ่นอ่านหนังสือหนักเหลือเกิน ท่องตำรากฎหมายเป็นวรรคเป็นเวร '' แม่ผมแนะนำ
เอาแล้วซิ อุตส่าจะไปวี๊ดวิ่วกันสองคนแท้ๆเชียว ต้องแบกน้องชายไปด้วยอีกละ
///////////////////