ใช้เวลาสามวันอ่าน ๆ ๆ ๆ ครับ
ช่วงแรก ... ไอ้ทานทำไมมันเลวแบบนี้วะเนี่ย ขนาดอ้อนขาเจ็บแบบนี้ยังจะไปรังแกเค้าอีก
ไอ้ทานบ้า ไอ้ห่านี่แม่งไร้หัวใจชะมัด สงสารอ้อนจัง ได้แต่เก็บกดเอาไว้ ไม่กล้าเล่าหรือเอ๋ยปากอะไรให้แม่ฟัง
เพราะกลัวว่าจะทำปัญหาให้แม่อีก ส่วนไอ้ทานก็แสนจะชั่วนะ......เห็นความทุกข์ของคนอื่น ๆ เป็นเรื่องสนุก
ก็คิดดูสิ มันบอกว่าสนุกที่ได้แกล้งอ้อนน่ะ เอาเป็นว่าตอนแรก ๆ ก็เกลียดทานสงสารอ้อน แล้วก็นะไอ้รู้ว่าทั้งสองคน
มานั่งอิจฉากันเองเพราะว่าขาดสิ่งที่มีซึ่งกันและกัน ส่วนอ้อนน่ะหรอก็ยังคงหน้าตายเหมือนเดิม ๆ เพราะว่าความหลัง
ที่เจ็บปวด ไม่กล้าพูดกับแม่ ไม่อยากคุยกับแม่ แม่คงเสียใจมาก ๆ แต่ก็ไม่เคยโกรธลูกเลยเพราะอะไรน่ะหรอ
ก็แม่เป็นแม่ไง แม่คือแม่แค่นั้นเอง คงเข้าใจอ้อนด้วยหัวใจที่แท้จริงและรักอ้อนด้วยรักที่บริสุทธิ์จริง ๆ หลังจากเกิดอุบัติ
เหตุแม่แค่ขอให้อ้อนกลับมาในสภาพไหนก็ไม่เสียใจ แค่ให้อ้อนกลับมาเท่านั้น ผมเชื่อว่าแม่ก็มีกำลังใจจะสู้ต่อไปแล้ว
แม่ ... คำนี้ช่างประเสริฐนัก อ่านแล้วยิ่งรักแม่มากขึ้นไปอีกครับ จริง ๆ นะ ทุกคนคิดเหมือนผมรึเปล่าช่วงกลาง ๆ ... ตอนนี้เริ่มยิ้มได้แระ แต่ก็แอบเซ็งไอ้ทานบ้างบางครั้งเพราะว่ากว่าจะรู้หัวใจตัวเองนะ โหหหหหหห
แม่งเหมือนผ่านไปหลายปีเหลือเกิน แล้วก็ต้องสงสารทานขึ้นมาบ้างเพราะว่ามีอดีตที่น่าเศร้าและถูกเก็บเอาไว้ในหัวใจ
เสมอ เหมือนหัวใจมีน้ำแข็งจากฤดูหนาวเกาะกุมไว้ตลอดเวลา ไม่อยากรู้จักใคร ไม่อยากจะรักใครงั้นหรอ อ่านความคิดของ
ทานตรงนี้ก็รู้ได้เลยว่าตั้งกำแพงให้ตัวเอง กลัวว่าจะต้องเสียใจแต่ว่านะ อ้อนก็เหมือนแสงแดดอันอ่อนโยนของฤดูใบไม้ผลิ
ที่ค่อยๆ ละลายหิมะในใจของทานลงไปเรื่อย ๆ ทำให้ทานน่ะกล้าที่รักใคร กล้าที่จะเปิดใจ กล้าที่จะลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ
เหมือนว่าทำให้ชาญที่ดูเข้มแข็งนั้นแต่ว่าภายในกลับบอบบางและขี้ขลาดมีความกล้าหาญมากขึ้น กล้าที่จะยอมสละความเป็น
ตัวเองเพื่อใครซักคน ( คืออ้อนน่ะเอง ) กล้าที่จะเริ่มทำสิ่งที่ไม่อยากจะทำ ( ทั้ง ๆ มันเป็นสิ่งที่ดี ) และที่สำคัญคือกล้าหาญที่
จะเปิดใจแล้วก็แชร์ความรู้สึกกับใครซักคน ( คืออ้อนอีกน่ะแหละ ) แล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็คือการที่ได้มีจิตใจอีกครั้ง เพราะว่าน้ำ
แข็งที่ได้เกาะกุมหัวใจนั้นได้รับแสงอรุณแห่งฤดูใบไม้ผลิที่ค่อย ๆ ละลายจนหมดไป ส่วนอ้อนน่ะหรอก็ค่อย ๆ เข้าใจทานมาก
ขึ้นแล้วก็นะคนสองคนเมื่อค่อย ๆ เรียนรู้กัน ผูกพันธ์กันก็ก่อเกิดความรู้สึกที่งดงามขึ้นมา ความรู้สึกที่ไม่อาจจะบอกได้ว่าเป็น
อะไร แต่บทสรุปมันเป็นตัวบอกเองพูดมามากมายแระ มาพูดถึงตอนสุดท้ายดีกว่าเนอะ ตอนท้าย ๆ ก็นะอ่านไปแล้วรู้สึกว่าจะหวานเกินไปแล้วนะเนี่ย แล้วความคิดของนายทานที่มีต่ออ้อนนะก็เหมือนกับที่ตานั่นมีกับผมเลย ผมอ่านไปก็ยิ้มไปน้ำตาไหลไปเมื่อนึกย้อนไปเมื่ออดีตที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น- - - -"น้ำตาลอะไรไม่เอาทั้งนั้น ไม่เอาอะไรแล้ว...อยากจะใส่น้ำตาลกี่ก้อนก็ใส่ไป..อยากจะทำอะไรก็ทำไปแต่อยู่กับทานนะ..อยากจะทำอะไรกับชีวิตทานก็ได้
แต่อย่าทิ้งทานไปเหมือนที่คนอืน ๆ ทิ้ง...ห้ามทิ้งไปเหมือนคนอื่น ๆ เข้าใจมั้ย..อยากจะมีใครอีกกี่คนก็ได้..แต่ต้องกลับมานะ...ต้องกลับมาหาทานตลอดไป" - - - - .... แต่ตานั่นพูดว่า ไม่เป็นไรหรอก ไม่โวยวายแล้วจะไม่วุ่นวายมากแล้วขอเป็นห่วงอยู่ห่าง ๆ ก็พอ จะไปไหนก็ได้เค้าขอตัวเองอย่างเดียว ขอให้ตัวเองกลับมา เค้าจะยืนรอที่เดิมเสมอ ให้ตัวเองรู้ว่าเค้ารักตัวเองจริง ๆ แค่กลับมาก็พอจะไม่โวยวาย จะไม่ทำให้ตัวเองไม่สบายใจอีก จะไปเจอใครก็ได้ สัญญานะว่าจะกลับมา... แต่ว่าผมก็ใจร้ายนะ ผมยังเดินไปจากเค้าในตอนนั้นอีก ที่จริงมันก็ไม่ได้พูดเหมือนไปหมดหรอกนะแต่ให้ความรู้สึกแบบเดียวกันเลย
- - - - "ใครจะยอมให้อ้อนไปหาผู้หญิงคนนั้นล่ะ ไม่มีทางหรอก ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางให้ไป..ไม่ว่าจะต้องทำยังไง ทานก็ไม่ยอมให้อ้อนไปไหนได้หรอก
รู้เอาไว้ หนูน้อยแก้มแดง...รู้เอาไว้..อ้อนเกิดมาเป็นของทานคนเดียว"
......ไม่ยกให้หรอก เคยปล่อยให้ความรักหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา ได้แต่ก้มหน้ารับกรรม ไม่ยอมรั้งไม่ยอมต่อสู้แย่งชิงเพื่อให้ได้มา แล้วเรื่องอะไรคราวนี้จะยอมให้เป็นแบบนั้นอีก เสียใจมาหลายวัน คิดแล้วก็ปลงไม่ตก ทำไมต้องปล่อยอ้อนไปด้วย
ทั้งที่รักมากขนาดนี้ เพราะฉะนั้น ก็ต้องใช้วิธีการเหนี่ยวรั้งแบบนี้ล่ะ ได้ผลหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าจะพยายามให้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้
"ไม่ปล่อยหรอก ไม่ยอมปล่อยแล้ว ถ้าทานไม่ได้ ยัยบ้านั่นก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน ทำไมไม่เลือกล่ะว่าจะเอายังไง
ตกลงจะเลือกทานมั้ย หรือจะเลือกผู้หญิงคนนั้น ทานไม่เสียสละแล้ว ไม่ยอมให้ไปไหนด้วย อ้อนเป็นของทานคนเดียวจำเอาไว้เลย จำไว้ให้ดี" - - - - ตานั่นน่ะ คงจะโมโหหรืออะไรไม่รู้ รึว่าความหึงหวงขึ้นถึงขีดสุดไม่รู้ เค้าพยายามทำทุกอย่างไม่ว่าจะตามใจ หรือว่าทำอะไรตามใจเค้า เค้าเคย.........แบบเดียวกับทานด้วยนะ ยังไงก็นะความรู้สึกตอนนั้นของผมคือสงสารเค้าถามว่ารักมั้ย มันผูกพันธ์กันมากกว่า บางทีก็นึกนะว่าอย่างตานั่นน่ะดูดีกว่าผมตั้งเยอะ ที่จริงทำไมต้องมารักคนแบบผมด้วยนะ ทำไมต้องมาใส่ใจผมขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เราก็เลิกกันแล้ว ผมอุตส่าทำใจให้เป็นเพื่อนกับเค้าได้แล้วแท้ๆ แต่ว่านะตอนที่ผมไปเจอใครเค้ากลับทำใจไม่ได้ รั้งผมไว้ ซึ่งแน่นอนตอนนั้นผมก็ใจร้ายนะ ไม่ยอมสนเค้าสนใจสิ่งที่ผมอยากทำมากกว่านี่นาแล้วผมก็ทำเค้าเสียใจเป็นรอบที่เราไรก็ไม่รู้ แต่ว่านะมันก็แลกกับที่..............ให้เค้าอะ ที่จริงโกรธมากเลยแต่ก็นะ ก็ให้อภัยเค้าเมื่อนึกถึงความดีที่เค้าทำมา
- - - - "เข้าห้องเถอะ เดี๋ยวเป็นหวัด"
พูดออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และหวังว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในอารมณ์ปกติ
แต่ทานตะวันที่หันกลับมามองกลับมีท่าทางนิ่งเฉย
"อย่าเลย เดี๋ยวไปทำอะไรเลว ๆ แบบนั้นอีก ไม่อยากโดนเกลียดไปมากกว่านี้" - - - - ตานั่นพอทำอะไรไม่ดีกับผมแล้วช่ายปะ เค้าก็โทษตัวเอง ว่าตัวเองสารพัด ผมก็สงสารจับใจ
เพราะอะไรก็ไม่รู้ ผมพยายามคุยกับเค้าสารพัด "มานั่งใกล้ ๆ เค้าได้มั้ย" ตานั่นก็เงียบ
"ขอร้องล่ะ เข้ามาใกล้ ๆ หน่อยสิ คุยกันนะ" ตานั่นมองหน้าผมแล้วพูดว่า"ไม่ได้หรอกนะ เค้ากลัวว่าจะทำอะไรเลว ๆ กับตัวเองอีก" ผมก็พูดไม่ออก แล้วผมก็อ้อนนะ " เดี๋ยวนี้ไม่สนใจคำพูดเค้าแล้วใช่มั้ย อย่าโทษตัวเองเลย เค้าไม่โกรธหรอกตอนนี้มานั่งใกล้ ๆ เค้านะ" แล้วตานั่นก็เดินมา ผมจับมือเค้าไว้ เค้ามองหน้าผมแล้วเราก็คุยกันจนหลับไป
- - - - ความสุข ที่ทำให้ยิ้ม
ความเศร้า ที่ทำให้หัวใจหม่นหมอง
ความเหงาที่กัดกร่อนหัวใจ
ความทุกข์ที่ทำให้ร้องไห้ทุรนทุรายบ้าคลั่ง
และสุดท้าย...........มิตรภาพและความรัก ที่ทำให้ลุกขึ้นยืนและก้าวข้ามผ่านความเสียใจไปได้
จากนี้ไป ก็ยังคงต้องก้าวไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเจอกับอะไรก็ยังต้องเดินทางต่อไป
ข้างหน้าที่ยังมองไม่เห็นทาง และยังไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง
ข้างหน้ามีอะไรรออยู่นะ
ข้างหน้าที่จะเดินไปพร้อมกับคน ๆ นี้มีอะไรรออยู่
ทานตะวันหันมาส่งยิ้มให้อ้อนที่ยังเดินเคียงข้างไม่ห่าง
กลับบ้านกันเถอะ....กลับบ้านกัน....กลับบ้านไปพร้อมกับคนที่เดินเคียงคู่กันคนนี้ - - - - อันนี้เห็นว่าเป็นจริงอย่างยิ่ง เรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมามันสอนให้ผมกับตานั่นได้รู้อะไรหลาย ๆ อย่างนะ
ไม่ต้องพูดมากเลย มันรู้สึกได้ตามข้อความด้านบนทั้งหมด อ่านไปก็ยิ้มไปร้องไห้ไป ( แบบว่าซึ้งง่ะ )
ตอนนี้ถ้าหากไม่มีตานั้นเคียงข้างอยู่จะอ่อนแอขนาดไหนก็ไม่รู้ ถ้าหากไม่ได้รุ้จักกับตานั่น
อาจจะไม่มีเพื่อนในคณะเลยก็ได้ เพราะตานั่นชวนทำโน่นทำนี่ ก็เลยได้รุ้จักคนมากมาย
เพราะตานั่นทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่า (ทั้ง ๆ ที่อ่อนกว่าผม) ทำให้ผมมีมุมมองกว้างขึ้น ทำให้ผม
กล้าที่จะทำสิ่งที่ไม่คิดจะทำมากขึ้น ทำให้ผมเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เอาแต่ใจน้อยลง ( แต่ก็ยังเป็นอยู่นะ อิอิ )
ที่จริงคนสองคนที่นิสัย พื้นฐานครอบครัว แล้วก็ความคิดต่างกันคนละขั้วเลยมาคบกันได้เนี่ยมันมหัศจรรย์มาก ๆ เลยนี่นา
ผมกับตานั่นน่ะ ต่างกันทุกอย่างจริง ๆ
สรุปว่าช่วงสุดท้ายของเรื่องอ่านไปแล้วก็เหมือนอ่านเรื่องที่ผ่านมาของตัวเองเลย กว่าจะรักกันได้เนี่ย
มันไม่ใช่ง่าย ๆ นี่นา กว่าจะได้เจอกัน กว่าจะเข้าใจกัน กว่าจะผ่านอะไรมามากมาย ได้เรียนรู้กันและกัน
ยอมรับกันและกัน ปรับตัวแต่ไม่ใช่การเปลี่ยน มันยากนะกว่าจะรักกันได้
ผมก็เลยอยากให้ทุกคนรักษาความรักไว้ให้ดีที่สุดครับ ที่จริงอยากจะพูดอะไรอีกมากมายนะแต่มันเหมือนเป็นปลาทองเลย
อิอิ .... แต่ก็นะประทับใจมาก ๆ ครับสำหรับทั้งบทที่เขียนออกมา ทั้งเนื้อหาสาระที่แฝงอยู่ในเรื่องนี้ มันช่าง
ประทับใจจริง ๆ เนอะ ช่ายมะ ผมว่าคงมีคนเห็นด้วยกับผมทุกคนถ้าอ่านมาจนจบ ( หรืออาจจะมีบางคนเกลียดพระเอก
ในตอนแรก ๆ จนไม่มีความรู้สึกว่าอยากอ่านต่อ ) ต้องขอบคุณมะนาวเพื่อนที่น่ารักที่แนะนำให้อ่านเรื่องดี ๆ แบบนี้ครับ
ผมก็นะคงพูดอะไรมากไปแล้วมั้งเนี่ย พอแล้วดีกว่า
ขอบคุณคนเขียนแล้วก็พี่เรย์สุดหล่อคนโพสต์ครับ
บอร์ดนี้น่ารักกันจริง ๆ เลยเนอะ ![:m3:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/index2.gif)