(เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ  (อ่าน 19207 ครั้ง)

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
(เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
« เมื่อ25-04-2010 12:52:05 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้ เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณา กดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้าม ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้ โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การ นำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่า โกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วน คนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอิน มากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่า พูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยาย ในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็น เวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

*****************************************************************
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ O[]OVampire

  • เพียงเธอสบตา...แทบลืมหายใจ เพียงเธอ...จากไป...ตราบชั่วลมหายใจ ...ไม่ลืม
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-0
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #1 เมื่อ25-04-2010 12:54:44 »

มาเจิมเรื่องใหม่ครับ

 :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #2 เมื่อ25-04-2010 13:11:16 »

 ..ริมฝั่งน้ำ

Warning: เน่า..และหวานแบบไม่มีลิมิต


      ยามย่ำสนธยาค่อยๆมาถึงอย่างเชื่องช้า เงาของดวงอาทิตย์ดวงโตที่พาดลงบนผืนน้ำสายใหญ่ จนเกิดประกายช่างงามระยับจับตา แม่ค้าวัยกลางคนกำลังพายเรือแจวละเลียบมาตามฝั่งคลอง สายตาสอดส่องเลาะมองไปทั่วหมู่เรือนแพและห้องแถวสำหรับเช่าราคาไม่แพงนัก มองหาเหล่าลูกค้าทั้งชายหนุ่มหญิงสาวซึ่งจะมาซื้อหาของกิน ปากก็ส่งเสียงร้องเรียกหาลูกค้าด้วยสีหน้าแจ่มใส..บางครั้งก็จะออกแรงเอ็ดเจ้าเด็กน้อยแสนทโมนที่กระโดดพรวดลงน้ำอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ หากแต่เจ้าเด็กเหล่านั้นกลับยิ่งหัวเราะร่า พลางว่ายน้ำตัดหน้าลำเรือ จนฝ่ายแม่ค้าต้องยกๆไม้พายขึ้นมาง้างใส่กบาลพวกมันเป็นการขู่ พร้อมๆกับเสียงเอ็ดของผู้ใหญ่ในบ้าน..เมื่อนั้นแหละ..พวกลูกลิงทโมนทั้งหลายจึงได้ย่นลำคอแล้วว่ายหนีไปเล่นกันเสียอีกที่หนึ่ง..

    หูแว่วเสียงปี่พาทย์รำวงแว่วมาในสายลม ชะรอยว่าวัดแถวนี้จะจัดงานรำวงขึ้นมากระมัง..จึงได้มีเสียงสรวลเสเฮฮาไม่หยุด ผู้คนหลายคนสัญจรผ่านไปมา..บ้างก็นั่งเรือเมล์ บ้างก็แจวเรือกันเอง มีทั้งไปสมทบกับพรรคพวกด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขต่างใส่เสื้อผ้าสีสันสดใส พูดคุยหัวเราะไม่หยุดปาก..

   “..พ่อหนุ่มเนื้อทองตรงกระไดนั่น..จะทำหน้าเศร้าอยู่ไยพ่อคุณ..ไม่ไปสังสรรค์กับพรรคพวกกับเหล่าสาวๆเหล่านี้บ้างรึ?..ป้าเห็นเขาชะเง้อมองเจ้าตั้งแต่เรือยังไม่พ้นหัวคุ้งจนลับตาเลยเชียว...” เสียงทายทักของแม่ค้าบนเรือแจวเรียกสติให้กลับมาอยู่กับตัวอีกครา..หันไปมองรอยยิ้มที่จริงใจไร้สิ่งใดแอบแฝงก็อดยิ้มกลับไม่ได้..

   “..ป้าวันนี้ขายอะไรรึครับ...” ออกปากถามไปอีกเรื่อง เฉไฉไม่ตอบคำถามนั้นเสีย ว่าแล้วกวาดสายตามองกระจาดบนลำเรือนั้นไปพลาง หญิงวัยกลางคนยิ้มกวาง มองชายหนุ่มตรงหน้าแล้วเจรจาเสียงอ่อน..

    “..ปลากริมไข่เต่าจ๊ะพ่อคุณ ..แล้วก็ขนมสอดไส้..นั่นก็เกือบจะขายหมดแล้ว..ป้าก็ว่าประเดี๋ยวจะพายกลับเรือนแล้ว..จะไปดูงานวัดที่ภูเขาทองเสียหน่อย..”

    “..วันนี้มีงานที่พระบรมบรรพตรึครับ..ดูท่าคนจะคึกคักกันดีทีเดียว.. “ ตอบพลางชี้มือไปยังห่อใบตองสีสดที่กลัดห่ออย่างดีเรียงกันสองตับ

   “..ซื้อขนมสอดไส้สักสองห่อครับ..แล้วก็ปลากริมไข่เต่า.. “

   “..จ้า..” ออกปากรับพลางเงยหน้ามองคนพูด เจ้าหนุ่มตรงหน้ามีใบหน้านวลเนียนงามละออกตา จมูกโด่งสันริมฝีปากหยักยิ้มน้อยๆดูหน้ามอง หากแต่ดวงตาคู่นั้นฉายแววเศร้าหมองอยู่ไม่น้อย ทั้งใบหน้าที่มีเพียงรอยยิ้มบางๆพาดอยู่เป็นรอยยิ้มที่คนมากประสบการณ์เช่นตนรู้ว่ามันไม่ได้มาจากใจจริง..แต่หากใบหน้านี้หัดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เสียบ้างละก็..คงไม่พ้นสาวรักสาวหลงกันทั้งคลอง..

   “..พ่อนี่ชอบกินจริงน่ะ...ซื้อของป้าทุกวันเทียว..แต่ไฉนใบหน้าหมองนัก..อย่ากระไรไปเลย..ออกไปเที่ยวเสียบ้างสิ ตัวเองงามอย่างกับพระสังข์รูปทอง..มานั่งหงอยอยู่บนกระไดทุกวี่ทุกวันทำไมเล่า...สงครามก็จบไปแล้ว ผู้คนก็ยินดีปรีดา..เคราะห์ร้ายผ่านไปแล้วเจ้าเอย...”

   ฝ่ามือกร้านและแขนเกรียมแดดเล็กน้อยลูบข้อมือเลยขึ้นไปยังปลายศอกอย่างนุ่มนวล..ใบหน้าสลักรอยยิ้มอาดูรเช่นผู้ใหญ่เอ็นดูลูกหลานตัวน้อยๆ ทำให้อดยิ้มเสียไม่ได้...

   “..ขอบคุณครับ...นี่ครับค่าขนม..คุณป้า...แวะมาอีกน่ะขอรับ..ผมรอซื้ออยู่ทุกวันเลย..”

   “..พ่อคุณนี่ปากหวานจริงเทียว...” หญิงวัยกลางคนแย้มยิ้ม ก่อนจะอำลาแล้วจรดฝีพายพาเรือเล็กลอยผ่านคุ้งน้ำไป...ดวงตาคมหวานทอดมองตาม ก่อนจะก้มลงมองขนมสองสามห่อในมือ...

....มองดูมันเงียบๆด้วยสายตาที่ไร้แวว..

     สงครามจบแล้ว... แต่ความทรมาร ความขมขื่นและฝันร้ายของผู้คนละ จะจบลงไปด้วยหรือ..รึต้องให้เวลาผ่านไปอีกสักแค่ไหน...ความรวดร้าวที่เป็นดังฝันร้ายนี้จะบรรเทา..

   ชายหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบา มองขนมในห่ออีกคราอย่างหนักใจไม่น้อย..

....แล้วจะกินอย่างไรให้หมดล่ะนี่..

        แสงสุดท้ายของอโนทัยลาลับไปอย่างช้าๆ..ทิ้งเพียงลำแสงทอดกลางลำน้ำสายยาว..เจ้าเด็กที่เคยวิ่งร่าเล่นน้ำกระโดดเรือนชานกันเสียงดังโครมครามต่างถูกเรียกให้ขึ้นจากน้ำกันหมด แสงจากไต้ไฟที่มีคนถือบนลำเรือวับวามชวนมอง เมื่อยามผู้คนหลากหลายต่างก็พากันแต่งตัวออกมาเพื่อไปชมงานวัดที่บัดนี้มีเสียงดังอึกทึก..

    ..ทว่าเจ้าของชานเรือนเล็กๆ ในห้องเช่าริมคลองยังนั่งนิ่งมิไปไหน แม้จะมีไฟฟ้าใช้กันแล้ว แต่การจุดไต้ไฟตรงระเบียงก็ยังทำกันอยู่..ทั้งประหยัดไฟและไล่ยุงไปในตัว..

    เสียงเรือเมล์เทียวสุดท้ายดังแว่วตรงปลายคุ้ง....สักพักสะพานไม้ใกล้ห้องแถวก็มีเสียงคนย่ำโครมครามมิได้ขาด นัยน์ตาวาววามจ้องมองแสงไต้สะท้อนเปลวไฟระยับอย่างลอยเหม่อ..หากแต่พอแว่วเสียงย่ำตึกตักเป็นจังหวะพร้อมกับเสียงเปิดดาลลั่นเบาๆ..ร่างทั้งร่างก็ลุกพรวด..ผวาหา..

     “..คุณนิล...กลับมาแล้วหรือจ๊ะ....” ออกปากทักร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อผ้าขาว มีปลอกข้อมือเป็นสักหลาดสีแดง มีแถบทองและกางเกงขายาวสักหลาดสีดำ ชุดเครื่องแบบของ โรงเรียนนายร้อยทหารบก " ขาดก็แต่หมวดและพู่ทองเท่านั้นจึงจะเรียกว่าชุดทางการ เจ้าของร่างสูงก้มลงถอดรองเท้าหนังมันปลาบแล้วเงยหน้ามามอง..

   “..อืม...นทีกินข้าวรึยัง?..”

   “..เออ....ฉันยังไม่ได้กินจ๊ะ..แต่ฉันซื้อปลากริมไข่เต้าที่คุณนิลชอบไว้ด้วย มากินด้วยกันน่ะจ๊ะ...” เจ้าของใบหน้าที่เคยนิ่งเรียบยามพบพานผู้อื่น บัดนี้แย้มยิ้มรื่นเริงขึ้นทันตา..กุลีกุจอไปหยิบชามสังกะสีและถ้วยกะลาสีขาวมาใส่ของคาวของหวานอย่างรวดเร็ว..

    นิลกาฬถอดถุงเท้าเสร็จก็ค่อยแกะกระดุมเสื้อคอปกตั้งสูงที่ทำให้ร้อนอ้าวอย่างรวดเร็ว..เดินลงเท้าเบาๆไปยังห้องอีกฝั่งไปคว้าเสื้อยืดสีขาวตัวเก่าทว่าเนื้อนิ่มใส่สบายมาลำลอง เอาชุดเครื่องแบบพาดตรงราวแล้วคว้ากางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้มมาใส่ลวกๆแล้วเดินออกไปยังนอกห้อง...

    มองเห็นร่างผอมกำลังคดข้าวสวยใส่จานทั้งสองใบ ใบหน้าที่เคยเครียดเคร่งก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย..เดินกรายไปยังนอกชานเรือน..และเห็นเรือแจวยังสัญจรไปมาไม่ขาดสาย พร้อมเสียงดนตรีปี่พาทย์กระหึ่มดัง..จึงเอ่ยปากถามออกไป..

   “..นที..วันนี้มีงานวัดหรือ?..”

   “..วันนี้ที่ภูเขาทองเขาจัดงานน่ะจ๊ะ..คุณนิลจะไปดูไหม..” เสียงตอบกลับมาพร้อมคำถามแว่วๆทำให้ผู้ฟังอดยิ้มไม่ได้ แววตาคมเหลือบมองคนที่กำลังขะมักเขม้นกับการพยายามทำตัวเป็น “ แม่ศรีเรือน “ แล้วอดจะอมยิ้มไม่ได้ เพราะท่าทางของเจ้าตัวช่างน่ามองเสียนี่กระไร..

    “..ทำไมไม่เปิดไฟล่ะ...” ออกปากถามเมื่อห้องเช่าแคบๆยังมีแต่แสงตะเกียงจ้าวพายุที่เขาแขวนไว้บนขื่อหน้าห้อง..

    “..ขอโทษจ๊ะ..ฉันลืมไป...พอดีชินกับแสงตรงประตูเสียแล้ว..” ตอบเบาๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นไปเปิดไฟบนหลอดกลมสีนวลตาทันควัน..นิลกาฬส่ายหัวคล้ายระอา ก่อนจะหยิบเสื่อมาปูบนพื้นห้อง..แล้วคว้ากับสามสี่อย่างที่เตรียมเสร็จแล้วมาวาง กวักมือเรียกเจ้าตัวที่กระหย่องกระแหย่งพยายามปิดตะเกียงยิกๆ

    “..เดี๋ยวฉันไปปิดเอง..มากินข้าวกันก่อน...”

        ลุกขึ้นไปเปิดประตูตรงชานที่ยาวถึงลำน้ำให้เปิดกว้างขึ้น จนสายลมเย็นๆชายโชยขณะที่คนรอก็นั่งพับเพียบแต้..มองร่างสูงใหญ่ตาใสวับ...

    “..นที...นที...ทำตาแบบนั้น..เดี๋ยวฉันก็อดใจไม่ไหวหรอก..”ออกปากล้อเลียนจนคนตรงหน้าสะดุ้ง แก้มแดงจัด..นิลกาฬหัวเราะเบาๆ หยิบช้อนมาตักข้าวทานไปพลาง..

    “....คุณนิลนี่ลามก...” เสียงบ่นอุบอิบยิ่งชวนให้เงี่ยหูฟังดังจะแกล้ง..นทียิ่งหน้าแดง ค้อนใส่ด้วยหางตาชนิดขวักใหญ่..

   “..แล้วนทีอยากไปเที่ยวดูงานวัดบ้างไหม?..” ออกปากถามเรื่องที่คุยกันค้างอยู่..นทีชะงักก่อนจะเงยหน้ามามองคนถาม แสงนวลจากหลอดไฟส่องกระทบใบหน้าคมสัน ตาสีนิลคู่คมเข้มจากที่เคยจ้องมองมาด้วยความกราดเกรี้ยว ไม่พอใจจนน่าขยาดนัก บัดนี้ทอแววอุ่นหวาน.. ริมฝีปากที่ไม่เคยยิ้มปรากฏรอยหยักมุมปากน่ามอง พร้อมกับโครงหน้าสมบูรณ์แบบหล่อเหลา ถ้ารวมกับชาติตระกูลและการศึกษา..คุณนิลกาฬ..ก็คือชายที่สาวๆทั่วเมืองกรุงใฝ่ฝัน..

      “..มองทำไม..หรือว่าหลงในความหล่อของฉันเข้าแล้ว..” เสียงสัพยอกหยอกเย้านั่นดังขึ้นเมื่อเห็นว่าหน้าหวานๆยังจดจ้องมิห่าง.. นทีสะดุ้งสุดตัว ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอแผ่วเบากับแววตาเย้าหยอกนั่นแล้วนึกอายนัก..

   “..คุณนิล....นี่....” ริมฝีปากเม้มแน่น..ก้มหน้างุดออกอาการงอนหน้าง้ำให้เห็น..

    “..นี่...ตกลงอยากไปเที่ยวงานวัดไหม..ไม่เอาแล้วน่ะนทีคนดี..อย่าทำหน้าง้ำสิ..” ออกปากถามเมื่อเห็นคนตัวเล็กไม่พูดจา นทีเงยหน้ามาสบมองแววตาหวาน..ก่อนจะส่ายหัวช้าๆ..

    “..ฉันอยากอยู่กับคุณนิล....”

...............................................................................         .....................................................................................

      นิลกาฬนั่งเคาะโป๊กๆปรับสัญญาณคลื่นเสียยกใหญ่ เมื่อเจ้า ‘ทรานซิดสะเต้อ’ ของนทียังไม่มีแววเคลื่อนไหว..โดยมีเจ้าตัวนั่งมองอยู่ไม่ห่างกาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นนักว่าไอ้กล่องดำๆที่คุณนิลขนมาจาก “บ้านใหญ่ “นี่จะใช้งานได้ดังที่กล่าวอ้างจริงหรือ นทีเคยเห็นแต่เครื่องเล่นแผ่นเสียงอันใหญ่โต ที่มีอะไรงอกออกมาแล้วเสียงจะออกมาจากนั่น ‘ นายญี่ปุ่น ‘เป็นคนทำให้ดูเมื่อไม่นานมานี้เอง...

   แกร่กๆๆๆๆ...

เวลาผ่านไปได้นานพอดู...มีชาวบ้านเริ่มพายเรือกลับมาบ้างประปราย..ท่าทางจะดึกบ้างแล้ว..

    เสียงแกร่กกรากยังดังสลับกับเสียงซ่าๆไม่หยุดหย่อน ทำให้คนคอยเริ่มเบื่อเสียแล้ว นทีขยับกายลุกหันไปหยิบรองเท้าหนังของนายร้อยหนุ่มมา นั่งลงตรงพื้นห้องที่ยกสูงจากไม้กระดานหน้าห้องแล้วลงมือขัดด้วยผ้าอย่างขะมักเขม้น เป็นการฆ่าเวลาเพื่อรอให้กล่องสีดำๆนั่นส่งเสียงเพลงมาอย่างที่คุณนิลบอก..

   “..เฮ้อ.... คงต้องให้ช่างมาดูเสียแล้วล่ะ...อ้าว....นที....ทำอะไรอยู่ตรงนั้น...” ออกปากทักเมื่อเห็นเจ้าตัวนั่งขัดรองเท้าของตน นิลกาฬลุกไปหาแล้วลากปีกคนตัวเล็กไปยังห้องอีกฝั่ง..

   “..คุณนิล...ปล่อยฉันซีจ๊ะ...เดี๋ยวชาวบ้านร้านตลาดมาเห็นเข้า..เขาจะเอาไปลือ...” เหลียวซ้ายแลขวาเมื่อพบว่ายังเปิดประตูฝั่งที่ติดกับแม่น้ำไว้อยู่..เสียงบอกอุบอิบนอกนั้นไม่ได้ทำให้คนฟังหยุดเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นราวกลับจะกลั่นแกล้ง..

   “...ก็ช่างเขาประไร...”สำเนียงหยิ่งยโสไม่สนใจใครนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ช่างเหมือน คุณนิลกาฬ คนเดิมเสียเหลือเกิน พอคิดแบบนั้นแล้วเงยหน้าขึ้น กลับได้สบมองดวงตาพราวระยับงดงาม..ไม่ได้แข็งกร้าว หยามเหยียดเช่นคุณนิลคนเก่าแม้แต่น้อย...และนั่นก็ลดทอนแรงดิ้นที่เคยมีได้...นทีจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้น..อมยิ้ม...

...ได้อยู่กับคุณนิลแบบนี้....มีความสุขเหลือเกิน

ตุ๊บ...

    ร่างตกกระทบฟูกนอนเบาๆด้วยคนทำนั้นวางลงอย่างอ่อนโยนนัก  นิลกาฬใช้มือข้างหนึ่งแหวกมุ้งออกแล้ววางคนตัวเล็กลงไปช้าๆ..ด้วยสายตาหวานฉ่ำ เจ้าตัวมุดเข้ามาในมุ้งอีกคนสบตาคู่หวานที่เสหลบ แผ่นอกกว้างในเสื้อยืดสีขาวทาบลงกับแผ่นอกบางในเสื้อสีน้ำตาลอ่อน  แขนหนาแน่นด้วยกล้ามเนื้ออย่างคนฝึกมาดีและอกหนาหนั่นแน่นทำเอาหัวใจเต้นระรัว..นทีเสหลบตาทันควัน..ขณะที่หูก็แว่วเสียงหัวเราะแผ่วเบาในลำคอ...

  “..เจ้านทีตัวน้อย..จะเสหลบไปไหนกันเล่า..เดี๋ยวก็จับตีก้นซะหรอก..” เสียงทุ้มเอ่ยเย้าหยอกอย่างขบขันเรียกรอยแดงข้างแก้มสะท้อนกับแสงสลัวของดวงจันทร์ที่สาดส่อง เสียงน้ำกระทบฝั่งดังเบาๆเคล้าคลอกับความเงียบที่มีเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคน..

    “..คุณนิล...ฉันตัวเหม็น ยังไม่ได้อาบน้ำเลย... “

    “...ไม่เป็นไร..ฉันก็ยังไม่ได้อาบเหมือนกัน...”

     “...อือ....แต่..........” แขนผอมออกแรงง้างไว้ก่อนปลายคางสากระคายจะแนบแก้มนิลกาฬชะงัก..มองใบหน้าที่ขมวดคิ้วไม่หายของเจ้าตัวแล้วทอดถอนใจ

ท่าทีที่ยังดูเงอะงะ..เมินเฉยบ้าง..กล้าๆกลัวๆเป็นครั้งคราวของเจ้าตัวอดจะสะกิดใจเขาไม่ได้..

   ดวงตาสีเข้มหม่นแสงลงยามจ้องมองคนในอ้อมกอด รู้ตัวว่าผิด รู้ตัวว่าไม่น่าให้อภัยสักนิดกับสิ่งที่เคยทำกับนทีไว้ แต่นทีให้อภัยแล้วไม่ใช่หรือ รึว่ายังไม่อาจทำใจลืมสิ่งที่ทำลงไปกันน่ะ..

..ดวงตาสีเข้มแสนหมองหม่น ทอดมองไปยังเจ้าตัวน้อยในอ้อมอก..อกสะท้อนสะท้านใจเสียไม่ได้...

    “..นที...รักฉันบ้างไหม?..รักคุณนิลบ้างหรือยัง..?.....”

   “.......................”

      หลังคำถามนั้นความวังเวงก็พลันเกิดขึ้นยาวเหยียด นิลกาฬจ้องมองใบหน้าของคนถาม..นที....เจ้าสายน้ำไหลเย็นระเรื่อยน่าจับต้องจากเมืองเหนือ..ดอกเอื้องแซะสีเหลืองอ่อน..กลิ่นหอมบางๆยวนใจ..ดูบอบบางน่าทุนะถนอมหากแต่เข้มแข็งถึงเพียงนี้..เพราะเป็นเฉกนั้น..ตนจึงอยากได้มาครอง..จึงแย่งยื้อถือมาด้วยความใคร่อยาก..ถือได้ครองเหมือนเช่นเป็นของตลาด..เจ้าดอกไม้แห่งขุนเขาจึงบอบช้ำ จนแทบจะร่วงหล่นลงจากขั้ว..

...กระทั่งเอาเจ้าตัวมาเคียงข้าง..แม้จะมิได้ยื้อยุดรึขืนใจว่าเจ้าตัวมิจำยอม..หากแต่เพียงเพราะหมดที่พึ่ง มิฉะนั้น เจ้าตัวจะยอมมาหรือ..

   ...แม้ผ่านมานานวัน ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าเจ้าตัวเป็นเช่นไร รอยยิ้มหวานอ่อนนั้นยังแฝงแววเศร้าอาลัย..แววตานี้ยังมิแปรเปลี่ยนไปจากวันวาน..จนอดระทดระท้อใจเสียมิได้..

“....นที........”

“..................”

    ดวงตาสีเข้มฉายแววรวดร้าว..แม้จะเอ่ยปากถามไถ่เพียงไร เจ้าตัวก็มิพักจะตอบบ้างเลยหรือ..กระทั่งสบตาให้รู้ความนัยสักนิดก็ยังไม่มี..เบือนหน้าหนีราวกับหวาดกลัวคำถามนี้เสียเหลือเกิน...

    ฝ่ามือเย็นเฉียบแนบแก้มขาว ใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความหวาดหวั่นสะดุ้งไหว ดวงตาสีนิลน้ำงามค่อยเบือนสบตาคมตามแรงบังคับของฝ่ามือ แววตาร้าวไหวสะกดให้ต้องนิ่ง...จ้องมองดวงตาคู่นั้นอย่างตะลึงลาน..หากผู้ที่สัมผัสนั้นมิได้เอ่ยคำใด..จ้องมองนิ่งๆราวกับจะถามไถ่บางสิ่งที่อยากรู้นัก..แล้วเจ้าตัวก็ถอนใจ..เสหลบตาไปเสียง่ายๆ..

     “...ฉันขอโทษที่ถามอะไรแบบนี้..นทีหลับซะเถอะ..เดี๋ยวฉันจะไปทำการบ้านที่จะส่งพรุ่งเสียก่อน..” ดวงตาเสหลบไม่สบมอง มือประคองที่เคยเย็นจัดบัดนี้อุ่นขึ้นแล้วก็ผละจาก ทั้งกายกำยำใหญ่ซึ่งเคยแนบทับทั้งกายก็ผุดลุกผลุนผลันไปเสียด้วย..ทิ้งให้คนนอนนิ่งมองตาอย่างไม่เข้าใจ..ตาสีนิลคู่โตทอดมองตาม..เมื่อร่างใหญ่โตหายไปจากสายตา..ก็พลันแปลบเจ็บในอก..

   “..คุณนิล......” น้ำเสียงแผ่วต่ำเบาแค่ในลำคอ..ใบหน้าหวานก้มต่ำ...จะให้เป็นอย่างไรก็ไม่เคยกล้าเอ่ยสิ่งที่ควรพุดออกมาได้เสียที..

...ภาพอดีตยังหลอกหลอน... จนมิกล้าเอ่ยสิ่งใดออกมาสักคำ..

   บรรยากาศร้อนอ้าว..ด้วยย่างเข้าหน้าร้อนแล้ว..ทำให้เม็ดเหงื่อไหลย้อยออกมาตามข้างขมับ..นิลกาฬเปิดตะเกียงเจ้าพายุ วางไว้ข้างกายให้มันส่องแสงสว่างแก่ตน สายตาทอดมองไปยังกระดาษสีเหลืองเบื้องหน้า..มือจับปากกาแท่งละสามสิบสตางค์ไว้แน่น นั่งทำการบ้านของตนไปเงียบๆ..แต่ถึงแม้จะนั่งเงียบๆไม่อยากคิดอะไร ทำท่าเหมือนสนใจการบ้านของตนหนักหนา..แต่ทว่าสมองก็ยังไม่อาจละวางได้อย่างใจ..เฝ้าครุ่นคิดถึงแต่สิ่งที่ถามไถ่คนๆนั้นไว้..คนสำคัญที่ตนอยากจะปกป้องคอยรักษา..

...เจ้าสายน้ำใสไหลเย็นที่พี่อยากโอบประคองแนบกายมิให้เว้นวาง..

...เหตุไฉน จึงเพิกเฉยเย็นชา...

...แม้ไม่ได้เป็นเช่นแต่เก่าก่อน มิได้ร้างไกล มิได้ห่างเหิน ทว่าชิดใกล้..แต่กลับดูกริ่งเกรงอยู่ในที..

....เหมือนมิได้มีใจปฏิพัทธ์ หากแต่ตามมาด้วยเพียงไร้ที่พึ่ง..

     แกร่ก...

     เสียงพื้นไม้ไหวยวบ..พร้อมกับร่างที่ก้าวผ่านไปยังหน้าเรือนทำให้นายทหารหนุ่มนิ่งชะงัก สายตามองผ่านตะเกียงเจ้าพายุไปยังร่างเพรียวในชุดกางเกงผ้าขายาวสีตุ่น และเสื้อแพรสีน้ำตาลอ่อน เส้นผมสีนิลยาวระต้นคอถูกตัดเล็มออกเพียงเล็กน้อยด้วยเจ้าตัวตั้งใจจะเก็บมันไว้ระลึกถึง”ผู้มีพระคุณยิ่ง”ผู้นั้น ฝ่าเท้าเปล่าเปลือยเหยียบลงบนผืนกระดานไม้ ก้าวเท้าออกไปหลังประตูบานพับอันโต ทำอะไรบางอย่างกุกกัก...

     ...ก้มลงไปมองแผ่นกระดาษในมือ จรดปากกาลงเขียนอีกครั้ง แม้ในหูจะเงี่ยฟังเสียงกุกกักเป็นระยะก็ตาม นิลกาฬนึกเคืองใจอยู่ไม่น้อยกับท่าทีผ่านเลยนั้น  วิสัยเดิมของตนก็ใช่จะเป็นคนใจเย็น ที่ยอมอ่อนลงไปมากกับคนตรงหน้าก็ด้วยใจรักแต่ทว่าเมื่อการรอคอยและยั้งใจที่ผ่านมาได้รับผลตอบแทนเช่นนี้ ก็อดจะคิดเคืองขุ่นไม่ได้..

แกร่ก...

    ร้อน...เพราะแสงจากตะเกียงเจ้าพายุที่ส่องจ้า ทว่าความเย็นที่แผ่ออกมาทำให้ชะงัก เหลือบไปเห็นแผ่นสังกะสีฉาบน้ำมันหมูที่โบกไปมาช้าๆในมือบางก็ชะงัก...นัยน์ตาสีเข้มนิ่งงันไปด้วยความยินดี ทว่าความเคืองขุ่นก็ไม่หายไปแต่อย่างใด..

  “...ฉันไม่ร้อน..”

  “..แต่คุณนิลเหงื่อออกตั้งขนาดนี้...”เสียงท้วงไม่ได้ทำให้อารมณ์ดีขึ้นเลยสักนิด หันไปจับปากกาอย่างไม่ต่อความใดๆ ท่าทีนั้นทำให้ร่างเพรียวชะงักงันไป ก่อนจะก้มหน้าก้มตาพัดโฉบไปมา ไล่ยุงแมลงและให้ความเย็นกับร่างหนาต่อไป..

.............

     เสียงหรีดหริ่งเรไรดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆเมื่อดวงจันทร์ยิ่งลอยขึ้นสูง เสียงร้องร่าพูดคุยทายทักจากผู้คนที่พายเรือผ่านไปเงียบหายลงแล้ว เสียงมหรสพที่เคยดังแว่วๆตอนนี้เงียบกริบ...น้ำเซาะฝั่งขึ้นสูงกว่าเดิม แสงไต้ที่เคยจัดจ้าค่อยๆมอดมิดตามเวลาที่นานยาว...

แกร่ก...

  ฝาสังกะสีถูกวางลงช้าๆ...ดวงตาสีนิลมองฝ่าเบื้องหน้าไปยังผืนน้ำที่เป็นประกายระยับตามแสงจันทร์งดงามนักหนา..สายตามองมายังแผ่นหลังกว้างในเสื้อยืดสีขาว มือเรียวยกขึ้นช้าๆ...ห่างจากแผ่นหลังหนาเพียงไม่เท่าไหร่ นิ่งงันไป..ราวกับจะคิด จะรอคอย อะไรสักอย่าง..

    ดวงตาคู่โตทอดมองแผ่นหลังกว้าง การจะแตะลงไปนั้น ทั้งที่ทำได้แสนจะง่ายดาย แต่กลับเสมือนมีบางอย่างฉุดรั้งให้ต้องนิ่งเงียบอยู่แบบนี้..กำแพงบางๆที่มองไม่เห็น แต่กลับหนาแน่นยิ่งนักในความคิดความรู้สึก..

   นทีรู้..รู้ดี ว่าคุณนิลรัก...

...นทียินดี..ดีใจเหลือเกิน ที่มีโอกาสได้รู้จักกับความรักแบบนี้...

...แต่..นทีกลับขี้ขลาด..และหวาดกลัวเหลือเกิน ที่จะเอื้อมมือไปรับ...

...เพราะกลัว...กลัวว่าสักวัน...จะต้องหลุดลอยไปอีกครั้ง...

   “..คุณนิล....”

    “...............”

   “...ฉัน.....” ไม่กล้าเอ่ยคำใดออกไป ไม่กล้าจะพูดอะไรมากกว่านี้ ..ทำไม...ทำไมถึงพูดอะไรอย่างที่ใจคิดไม่ได้สักที..

   “..อย่าฝืน...ไปนอนเสีย...”

  “...ฉัน...ฉัน...”

   “...ฉันจะอยู่ตรงนี้..ตลอดนั่นล่ะ...”

หมับ....

  แปลกไหม..ที่ทำแบบนี้...

ประหลาดไหม?..ที่แค่ได้ยินคำพูดนั้น..กลับตัดสินใจได้ง่ายดาย...

    แก้มขาวแนบลงบนไล่กว้าง แขนโอบรอบเอวหนา..เอนตัวพิงแผ่นหลังหนาไว้เพื่อซึมซับความอบอุ่นที่น่ายินดีนี้ไว้...รอยยิ้มบางๆบนริมฝีปากหยักขึ้นช้าๆ..เอ่ยคำพูดออกมาแผ่วเบา...

   “..นที...ก็จะอยู่ตรงนี้..เหมือนกัน...”

.

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #3 เมื่อ25-04-2010 13:14:47 »

.......................................................................................

  เสียงไก่แก้วขันขานดังแว่วอยู่หัวคุ้งน้ำ และเสียงขับขานนี้ก็ดังต่อกันมาเป็นทอดๆ แว่วจากไกลๆมาจนใกล้หู..ทำให้สติที่เรือนลางเริ่มก่อขึ้น..นัยน์ตาสีนิลค่อยๆเปิดขึ้นมาช้าๆ แพขนตาขยับไหวสองสามคราจึงเปิดออก..

“..อือ.... “ครางในลำคอเบาๆยามขยับกาย หูแว่วได้ยินเสียงอะไรแกรกกรากไม่เคยคุ้น มือเรียวงมสะเปะสะปะเมื่อพบว่าข้างกายว่างเปล่า ทั้งที่ความมืดยังปกคลุมทำให้เห็นภาพในห้องเพียงรางๆ..

  ..ขณะนี้..เป็นเพลาห้าโมงเช้า..สถานีวิทยุแห่งประเทศไทยขอออกอากาศรายการ....

    เสียงดังแว่วๆเบื้องนอกทำให้คนที่ยังง่วงงงตื่นเต็มตา นทีผุดลุกขึ้น ใบหน้าหวานนิ่วน้อยๆเมื่อรู้สึกปวดยอกบริเวณเบื้องล่าง แก้มร้อนวาบยามเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน..แต่พอลองเหลียวมองคนข้างกายไม่เห็นก็ต้องขมวดคิ้วเงี่ยหูฟังเสียงเบื้องนอกที่ดังออกมา เป็นเสียงคนพูด..ปะปนกับเสียงก๊อกแก๊กบางอย่าง..ทำให้ต้องคว้าเสื้อผ้ามาใส่แล้วลุกจากที่นอนไปดูด้วยความฉงน..

“  ....หากจะรักแล้ว รักใคร ก็จง รักเถิด
ความรักบรรเจิด พริ้งเพริด หนักหนา
ชีวิตคนเรา นั้นสั้น เหลือคณา
อย่า รอ ช้า ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไป..”

   เสียงครวญเพลงแปลกหูยิ่งทำให้ต้องขมวดคิ้ว นทีนึกตำหนิตนเองที่วันนี้ตื่นสายแต่..พอคิดถึงสาเหตุแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ..จึงค่อยเปิดประตูบานพับออกไปช้าๆ ระวังไม่ให้เกิดเสียงเพราะอาจรบกวนห้องข้างๆที่พื้นกระดานเป็นแผ่นเดียวกัน  แสงอาทิตย์ที่ยังไม่ขึ้นจับตาดีทำให้ต้องเปิดตะเกียงเจ้าพายุแขวนไว้ตรงปลายชาน

   และเสียงกุกกักนั่น ก็มาจากร่างสูงที่กำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ นทีจะเดินไปหา แต่สายตาก็พบกับเจ้ากล่องดำๆที่วางไว้ใกล้ประตูหน้าชาน ที่ตอนนี้มันส่งเสียงเป็นเพลงออกมาเบาๆคลอเคล้ากับบรรยากาศเบื้องนอก..ผสานกับเสียงไก่ขันอย่างน่าฟังนัก...

..ร่างบางยืนนิ่ง..ฟังเสียงเพลงที่ครวญออกมา พร้อมกับจ้องมองแผ่นหลังของร่างสูงที่เดินย่ำไปมา..

   หากมีหนี้แล้ว ขอให้ เป็นหนี้ รักเถิด
ดอกเบี้ยที่เกิด คือพลังรัก พิไล
รักเธอเสมอ รักเธอ จากดวงใจ
ยอดพิศมัย หลอมอยู่ใน กาย เธอ

   ดวงตาคู่งามหรี่ลงช้าๆ..ยามได้ฟังบทเพลงที่นักร้องเสียงหวานผู้นี้ได้บรรเลง.. มันคลอไปกับสายลม..เคล้ากับเสียงตั้งกระทะจุดไฟของร่างสูงเบื้องหน้า...
และ...สะเทือนมายังหัวใจของตนด้วย..

หากวันใด ที่แสงทองของ ชีวิตผ่าน
โลกตระการ จะมืดครึ้ม หมองเหม่อ
วาระนั้น จะได้อดีตไฟรักปรนเปรอ
หล่อเลี้ยง บำเรอ ต่อชีวิตให้ชื่น บาน

   สายตามองเหม่อไปยังสายน้ำเบื้องหน้า ภาพสายน้ำระริกไหวเริ่มเด่นชัด..พอๆกับแสงอาทิตย์ที่เริ่มทอประกายจับผืนน้ำ..สีของท้องฟ้าเริ่มแปรจากสีหม่นเป็นสีแสด..สีชมพู..สีฟ้าเข้มๆ...อาบไล้จับอาคารบ้านเรือนโดยรอบที่เริ่มตื่นขึ้นมา..

...เสียงเพลงดังสอดประสาน..

     ร่างสูงเบื้องหน้ากำลังตั้งหน้าตั้งตราทำอาหารอย่างตั้งอกตั้งใจ..ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตามุ่งมั่น..ชวนให้ผู้พบเจอหลงรัก...หลงไหล...

หากเป็นหนี้แล้ว ขอให้ เป็นหนี้ รักเถิด
หนี้รักบรรเจิด พริ้งเพริด แสนหวาน
รักกันเสมอ แม้เวลา ผัน ผ่าน
สองเราสราญ เพราะหนี้รัก สลัก ใจ

   เสียงเพลงทอดยาวมาถึงท่อนสุดท้าย..และดนตรีก็จบลงช้าๆ..ประจวบเหมาะกับร่างสูงที่หันขวับมา..สบกับนัยน์ตาสีนิลกลมโตที่น้ำใสคลอเอ่อ..

   “..นที..เป็นอะไรไปหรือ?... “ มือหน้าทาบแก้มขาว ร่างสูงมาถึงตัวเมื่อไหร่ไม่ทราบแน่..รู้แต่ว่ายามนี้กำลังทาบฝ่ามือกับแก้มขาว..ด้วยความอาดูร..แลอบอุ่นนัก..

   “..ไม่เป็นไรจ๊ะ..คุณนิล..วันนี้ลำบากคุณนิลมานั่งทำกับข้าวเสียแล้ว..พักเถิดจ๊ะ..เดี๋ยวฉันจะทำเอง..” นทีออกปากพลางเอื้อมมือคว้าตะหลิวที่นิลกาฬถือติดมือมา..แต่คนทำส่ายหน้า พร้อมกับดึงแขนหนี..

   “..ไม่ได้จ๊ะนทีที่รัก..วันนี้ฉันทำเอง..นทีไปล้างหน้าล้างตาเสียเถิด..อาบน้ำด้วย..” ออกปากสั่งด้วยรอยยิ้ม “ วันนี้ฉันลงมือทำกับข้าวเองเลยน่ะ จะขอเป็นบ่าวน้อยๆรับใช้คุณนทีคนดีเอง..”

   “..คุณนิล.. “ คนฟังหน้าแดงก่ำ บ่นอู้..ค้อนเสียจนตาขวางกับถ้อยคำหวานกึ่งหยอกล้อนั้น นิลกาฬคว้าผ้าขาวม้ายัดใส่มือคนงอนด้วยรอยยิ้ม..

   “..อาบน้ำน่ะขอรับ คุณนที..”  เอ่ยปากแล้วก็เดินไปหากระทะที่ตั้งอยู่ ส่งเสียงล้งเล้งออกมาเมื่อเห็นท่าว่าน้ำมันจะกระเด็นใส่..ทำให้ผู้ที่ทอดมองอดจะอมยิ้มไม่ได้..

     ..นัยน์ตาสีนิลมองร่างสูงที่กำลังกุลีกุจอทอดปลาทูเบื้องหน้าอย่างกึ่งอาดูรกึ่งขบขัน ร่างสูงๆของนิลกาฬบัดนี้มีเหงื่อชุ่มโชกไปทั้งตัวเพราะความร้อน ท่อนบนเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์อาบไล้ไปด้วยหยาดเหงื่อจากหน้าเตาถ่าน ท่อนบนอันเต็มไปด้วยมัดกล้าม ดูงดงามราวกับรูปปั้นอาบไล้แสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่สาดแสง ดูราวกับเทพยดา ส่วนท่อนล่างพันผ้าขาวม้าตัวโปรดไว้เสียดิบดี มือหน้าข้างหนึ่งถือจานสังกะสีเปล่าไว้ ส่วนอีกข้างกำด้ามจับของตะหลิวไว้แน่น ด้วยสีหน้าจริงจัง ยามที่เอื้อมไปพลิกปลาทูที่ทอดด้วยน้ำมันหมูบนกระทะก็ค่อยๆย่องไปพลิกเสียทีหนึ่ง ถ้าน้ำมันกระเด็นใส่ก็ร้องโอดโอย..แล้วรีบคว้าเอาฝาหม้อมาปิดไว้เสียคราหนึ่ง..

...ผู้เฝ้ามองลอบยิ้ม อย่างไรเสีย คุณนิลก็ไม่ใช่ผู้ที่จะมาชำนาญงานครัวไปได้

นัยน์ตาสีนิลกลมโตเหลือบแลไปข้างกายอีกนิด..และเบิกกว้างขึ้นน้อยๆด้วยความอาดูร..

       ใกล้ๆตัวมีผักบุ้งกำหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปหามาตอนไหนแช่น้ำอยู่ในเปลดำ  แถมถัดมาก็ยังมีครกหินที่ใส่พริกสด กะปิ กระเทียม และเกลือไว้รอตำ..แล้วหม้อเล็กๆที่ถูกนำผาปิดไปใช้ปิดน้ำมันบนกระทะไม่ให้กระเด็น ก็มีข้าวสวยที่หุงเสร็จแล้วควันฉุย บ่งชัดว่าวันนี้จะทำอะไรทาน..

      ย่ำเท้าลงมาที่ชาน นั่งลงข้างๆร่างสูงที่กำลังกระโดดเหยงไปมาแล้วคว้าเอาครกหินมาใกล้ตัว มือเรียวจับสากหินออกแรงตำพริกและเครื่องปรุงทั้งหลายให้เข้ากันด้วยความชำนาญ..

    แต่ผู้ที่กำลังตักปลาทูที่เกรียมไปนิดออกมาจากกระทะกลับขมวดคิ้ว เอาจานปลาทูวางลงบนพื้นห้องที่ยกสูงขึ้นแล้วหาอะไรมาปิด เอาน้ำมันเทลงไปอีกนิดและระหว่างรอมันร้อนอีกคราก็หันมาหาร่างบางที่ก้มหน้าก้มตาตำน้ำพริกอยู่..

     “..นทีจ๋า..คุณนิลบอกขอทำเองไงล่ะ...ทำไมดื้อจริงคนดี.. “ ถามออกไปด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ..ให้ผู้ฟังแย้มรอยยิ้ม ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาสบด้วยรอยยิ้มบางๆ

   “..กินด้วยกัน ทำไมจะทำด้วยกันไม่ได้ล่ะจ๊ะ มื้อนี้ที่คุณนิลทำคนเดียว กับมื้อที่”เรา”ช่วยกันทำน่ะ...มันอร่อยกว่าไม่ใช่หรือ?.. “ ถามออกไปเบาๆ “ ฉันไม่ได้ว่าคุณนิลทำแล้วจะไม่อร่อยน่ะจ๊ะ..แต่ทำสองคน..ช่วยกันทำสองคน...ไม่ดีกว่าหรือ?..”

     รอยยิ้มใส และใบหน้ากึ่งออดอ้อนทำให้ผู้ฟังชะงัก..เดิมทีตั้งใจจะทำอาหารให้คนตรงหน้าทานเสียหน่อย..แต่..อย่างที่นทีพูดมาก็มีเหตุผล..ช่วยกันทำ ร่วมแรงร่วมใจกันทำ..อย่างไรก็ดีกว่าอยู่แล้ว..

    “..แต่นทียังไม่ได้อาบน้ำเลย.. “ ว่าไปอีกเรื่อง..

    “..คุณนิลก็ยังไม่ได้อาบน้ำเหมือนกันนี่จ๊ะ...เดี๋ยวค่อยอาบก็ได้.. “ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอ่อนๆทำให้ผู้ฟังชะงัก..ก่อนจะแย้มรอยยิ้มบางๆรับ..หากแต่ดวงตาฉายแววทะเล้น..

   “..ถ้าอย่างนั้น...อาบด้วยกันดีมั้ย..” น้ำเสียงท่อนหลังแผ่วกระซิบริมหู..ทำให้ผู้ฟังชะงักมือที่กำลังตำน้ำพริกทันควัน แก้มแดงก่ำ..

   “.....กะ...ก็ได้จ๊ะ.. “ว่าแล้วก็หันไปกุลีกุจอตำน้ำพริกต่อ แถมยังออกแรงมากกว่าเก่า..ผู้ฟังนิ่งค้าง..ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวตอบรับอย่างขัดเขินยิ่งกว่าเคย..เดิมทีก็แค่คิดจะเอ่ยไปเล่นๆ..ทว่าหากมันได้ขึ้นมาจริงๆ..ใครที่ไหนจะไม่ชอบ...

  ...ซ่า....

    ผักบุ้งลงไปอยู่ในกระทะเรียบร้อยแล้ว ตามด้วยตะหลิวที่พลิกกลับไปมาเบาๆ ด้วยท่าทีงกเงิ่นไม่น้อย นทีอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทีนั้น ร่างบางเดินเข้าไปหายิ้มกับท่าทีแตกตื่นของร่างสูงยามที่พลิกแล้วไม่ได้ดั่งใจ..

    “..คุณนิลไปนั่งรอก่อนเถอะจ๊ะ..เดี๋ยวฉันทำเอง.. “

    “..ไม่เอา..จะทำด้วยกัน.. “ น้ำเสียงแง่งอนนั่นทำให้ต้องส่ายหัวด้วยความขบขันปนระอาใจ มือเรียวจึงค่อยๆแตะลงบนมือหนาที่กำตะหลิวอยู่ มือหนาผละออกมาโดยง่าย ปล่อยให้ร่างบางไปยืนแทนที่ เอาตัวเองมายืนข้างๆ..แต่มือข้างหนึ่งกลับวกไปคว้าหมับที่เอวบาง ส่วนอีกข้างก็แตะมือลงบนตะหลิว..ทับลงบนมือเล็กทันควัน..

   “..อย่าสิจ๊ะ..คุณนิล.. “ ร่างบางออกปากทักท้วงเสียงหลง แก้มแดงจัด ท่าทีลั่นเลิ่กทันที..ดวงตากวาดมองรอบๆด้วยท่าทีตื่นๆ..

   “..ทำไมล่ะ ให้นทีสอนฉันทำไง.. “ ริมฝีปากหนาครางอู้อี้ริมหู ยิ่งทำให้ผู้ฟังหน้าแดงจัด..

  “..คุณนิล..อย่าทำรุ่มร่ามนะจ๊ะ..ไม่ดี..คนอื่นเขาจะเอาไปลือกัน.. “ บ่นใส่แต่ผู้ฟังทำหูทวนลมเสีย ยังคงกำมือบางบนตะหลิวแบบนั้น แถมยังกระชับมือที่โอบเอวบาง แล้วเบียดกายแนบชิด..

     “...ช่างเขาปะไร~~ “ ว่าแล้วก็หัวเราะเบาๆ ท่าทีมีความสุขเสียจนนทีไม่กล้าขัด จึงได้แต่ปล่อยให้”สอน”กันไปจนทำเสร็จอย่างไม่รู้จะต่อต้านอย่างไร..

   “...ไปอาบน้ำกันเถอะ ~ “ น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เจ้ากลกระซิบเบาๆยามที่เอากับข้าวทั้งหลายซึ่งทำเสร็จแล้วไปเก็บ มือหนาสอดเข้าไปใต้เอวบางกอดรัดไม่แน่นนัก..แต่แนบชิด พอจะให้ผู้ถูกโอบกอดแก้มแดงจัด สายตาสอดส่องลั่นเลิ่ก...

   “..คุณนิล !! ..ไม่เอาน่ะ..อย่าทำแบบนี้สิจ๊ะ..ชาวบ้านชาวช่องเขาเห็นแล้วจะได้เอาไปลือกัน มันไม่งาม.. “ว่าพลางวาดมือตีแขนหนาเบาๆ ทำให้ร่างสูงใหญ่ต้องละมือออก แต่ก็ยอมเดินเข้าไปในห้องหับ คว้าเอาผ้าขนหนูสองผืนมาไว้ในมือ..

   “...อย่างนั้นก็ไปอาบน้ำกันได้แล้วคนดี..” เอ่ยพลางจูงมือขาวไปยังชานไม้หน้าบ้าน เลยผ่านอุปกรณ์ทำครัวที่ยังร้อน ไปยังกระไดหน้าตีนท่าที่มีขันน้ำวางอยู่...และมีสบู่ก้อนอยู่ในตระกร้า..

   ร่างสูงใหญ่วางผ้าขาวม้าลงบนหัวกระได เป็นฝ่ายลงไปแช่ตัวในน้ำ ก่อนจะส่งสายตาหยอกเย้ามายังร่างเพรียวซึ่งยืนนิ่งอยู่บนตีนท่า ด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนปนขัดเขินดูน่ามองนัก..

   มือหนายื่นออกมาจากตัวไปยังอีกคน ยิ้มกว้างๆส่งไปให้อย่างรู้ใจ..

    “..มาสิ...” นทีชะงัก...เมื่อมองเห็นรอยยิ้มนั้น...และ..ท่าทีที่มีความสุขของคนตัวสูง..

    “........ “ เสื้อสีขาวตัวบางถูกถอดออกจากร่างช้าๆ มือขาวยื่นส่งให้คนตัวสูงช้าๆ...แม้ท่าทีจะประหม่าขัดเขิน แต่ก็แฝงความมั่นใจอยู่ในที...

    “...จับได้แล้ว... “ เสียงกระซิบแผ่วเบาริมใบหูยามทิ้งตัวลงบนผืนน้ำเคียงคู่กัน แม้จะเป็นสายน้ำในยามเช้า..ที่ยังไม่มีแดดแรง และยังไม่เห็น”อะไรๆ”ชัดเจนนัก แต่ทว่านทีก็รีบบิดตัวหนีอ้อมแขนที่กอดรัดไว้ แก้มแดงจัดจนคล้ายผลตำลึง..

   “..คุณนิลนี่...นับวันชักจะลามกจกเปรตมากขึ้นทุกที..” เจ้าตัวออกปากบ่นอย่างไม่จริงจังนัก มือขาววักน้ำคลองใสสะอาดมาลูบกาย แถมยังพลิ้วกายหนี เมื่อเห็นท่าว่าจะถูกตาม..

   “..เอ๋?..บอกจะอาบน้ำด้วยกัน ทำไมหนีฉันแบบนี้เล่า?.. “ นิลกาฬร้องท้วง แต่ผู้ถูกกล่าวหามีสีหน้ารู้ทัน แถมยังขยับห่างเมื่อถูกตาม ปากก็ร้องท้วงขัดไปพลางๆ..

   “..ก็อาบด้วยกันไงเล่า ไม่เห็นต้องอยู่ใกล้ๆเลยนี่จ๊ะ อาบห่างๆน่ะดีแล้ว... “

   พอฟังคนรับปากตั้งใจบิดพลิ้วเสียอย่างนั้น เจ้าหนุ่มผู้ฟังก็นิ่วหน้า ทว่านิลกาฬมีสีหน้าเช่นนั้นเพียงชั่วแว้บก่อนจะขยับรอยยิ้ม และก้มลงมุดกายลงกับสายน้ำทันควัน !!

   นทีชะงัก สายตาสอดส่ายล่อกแล่ก รู้ว่านักเรียนเตรียมทหารที่ถูกฝึกมาอย่างหนักเช่นนิลกาฬนั้นไม่มีทางจะจมน้ำหรือเกิดอะไรขึ้นกับตัวได้ แต่ที่น่าห่วงน่ะ มันคือการที่คุณนิลจะคิดเล่นอะไรพิเรนๆมากกว่า..

   ซ่า !!...

    “ อ๊ะ !! ตาเถร !! “

   “...หึหึหึ..จับๆได้แล้ว ~ “ คิดไว้ไม่มีผิด นทีหน้าแดงจัดตัวสั่นระริกอยู่ในอ้อมแขนหนาของชายคนรัก นิลกาฬโผล่พรวดขึ้นมาจากท้องน้ำและปรี่เข้ากอดเขาอย่างเร็วจนไม่ทันตั้งตัว ที่นทีทำได้ คงมีแต่การอุทานออกมาด้วยความตกใจก็เท่านั้น..

    “....คุณนิล..รีบปล่อยเถอะจ๊ะ เล่นอะไรแบบนี้ ระวังเถอะ ใครเขามองมาจะเป็นตากุ้งยิงเอา.. “ บ่นกับใบหน้าที่แนบชิดแก้มขาว ลมหายใจร้อนๆรินรดข้างแก้มยิ่งทำให้ใบหน้าขึ้นสีจัด ทั้งร่างกายใต้น้ำที่แนบชิด และบนน้ำที่แทบจะสนิทเป็นเนื้อเดียว ทำให้เขาอดจะเขินอายไม่ได้ และยิ่งนี่ตอนเช้า ใครเขาเปิดมาจะได้กลัวฟ้าผ่าเอาประไร

    “..ไม่เห็นเป็นอะไร...คนรักที่ไหนเขาก็หยอกล้อกันเช่นนี้..หรือนทีจะบอกว่าไม่ใช่.. “ น้ำเสียงกระซิบคราแรกแฝงแววทะลึ่งตึงตังเช่นเคย ทว่าประโยคหลังกลับแผ่วลงและแฝงแววไม่แน่ใจ นั่นทำให้ผู้ฟังชะงัก..และเบี่ยงตัวออกมาโดยง่าย..

   สายตากวาดมองเจอกอผักบุ้งทอดยอดยาวออกจากริมๆฝัง ก็รีบพุ้ยน้ำเข้าไปใกล้..

     “..ฉันไปเก็บผักบุ้งน่ะจ๊ะ...”

        นิลกาฬมองไปยังแผ่นหลังขาวบนผืนน้ำ..ลอบถอนหายใจเบาๆ...ด้วยดวงตาที่หม่นแสงลง..แต่ชายหนุ่มก็ตัดสินใจปัดความเคืองขุ่นนั้นทิ้ง และปรี่เข้าไปช่วยคนรักของตนเด็ดยอดผักบุ้งอย่างรวดเร็ว..

    “...เก็บเอาไปทำอะไรอีกเล่า.. “ ออกปากถามร่างบางที่ยังก้มหน้างุด แก้มแดงจัดไม่หาย และนั่นก็ทำให้นิลกาฬอารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้าง..

     “...กะ...ก็..เอาไป ...แกงตอนเย็น..” นทีตอนกุกกัก ความจริงก็นึกไม่ออกเสียด้วยซ้ำว่าจะเอาไปทำอะไร ตอนออกมาก็คิดเพียงจะออกมาจากตรงนั้น..หลีกหนีท่าทีแสดงออกโจ่งแจ้งและคำถามที่แสลงใจไม่น้อยนั้นเสีย..

    “...เอาเถอะๆ..นทีทำอะไรฉันก็กินหมดล่ะ... “ รับคำและก้มลงช่วยเด็ดยอดผักบุ้งทันที ทว่าดวงตาวาววับนั้นก็ลอบสังเกตแก้มขาวที่ขึ้นสีจัด และท่าทีขัดเขินนั้น..

....มือหนาเอื้อมจับก้านผักบุ้งที่ลอยพ้นน้ำ...และค่อยๆคว้ามันเข้ามาหาตัวช้าๆ...

    “...เอ๊ะ...คุณนิล.... “ แก้มขาวๆ ตอนนี้ยิ่งขึ้นสีจนจัดเข้าไปใหญ่ มือบางทาบแผ่นอกหน้าทัน ทีที่ถูกลากเข้าไปใกล้..และ...ยิ่งแดงขึ้นอีก..เมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากหนา..ที่ฉกฉวยเอาความหอมจากแก้มของตนเบาๆ..

   “..ก็เด็ดผักบุ้งไงเล่า... “ น้ำคำตอบรับช่างๆไม่แยแส..และผิดจากความจริงเสียจนน่าตีนัก..แต่นทีก็ไม่มีโอกาสจะทำ..และ..ถึงมีโอกาสก็คงไม่คิดจะทำ

...เพราะตอนนี้ ร่างของตนถูกรั้งไปใกล้จนแทบเกยทับร่างสูงใหญ่..ใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นอยู่ห่างเพียงคืบ...และ..ริมฝีปากหนาก็ทาบลงบนหน้าผากของตนเพียงแผ่วเบา...

    “...นที.... “ น้ำเสียงเอ่ยจากริมฝีปากหนาออกมาแผ่วเบา...ทว่า...ผู้ได้ยินยลกลับรู้สึกว่ามันทั้งหวาน..ทั้งออดอ้อน..และเร่งเร้า... ยิ่งสบดวงตาคู่คมที่จ้องมองมายิ่งสะเทิ้นอาย..เมื่อมันมีแต่ความรักที่เปี่ยมล้น..และความปรารถนาชัดเจน..

    “..รัก... “ ถ้อยคำเอ่ยเพียงแผ่วเบา...ง่ายๆ..สั้นๆ...ท่ามกลางสายน้ำเย็นฉ่ำ..และกอผักบุ้งที่ลอยน้ำอยู่รอบตัวพวกเขา..แสงอาทิตย์ลอดจากหลังคาสาดแสงอ่อนๆลงมากระทบใบหน้าคมนั้น..ยิ่งดูงดงามและคมคายเหลือล้น..นทีรู้สึกว่าหัวใจตนเต้นระส่ำ..และ ยิ่งได้รู้ ว่าตนโชคดีเพียงใดที่ได้รับความรักจากบุรุษผู้เพียบพร้อมเช่นนี้..

   “....รักฉันบ้างไหม..คนดี... “  คำถามแสนหวานทว่าแฝงแววเศร้าสร้อย..นทีหลับตาลงช้าๆพับเปลือกตาลงไม่แลสบดวงตาคู่นั้น..ยามที่ถูกคำถามนี้เร่งเร้า..

...แต่หัวใจก็เต้นกระหน่ำ... ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้ว..ที่ได้ยินคำถามนี้..และ...นานเท่าไหร่...ที่ตนนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยคำใด..

...แต่วันนี้....

   นัยน์ตาสีนิลกลมโตเปิดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรู้สึกถึงอ้อมกอดที่คลายลงและการตัดสินใจอันเด็ดขาดของตนเอง สบดวงตาคมที่ตนเห็นว่ามันฉายแววเจ็บ

ปวด...แม้จะเห็นเพียงวูบหนึ่ง..แต่นทีก็เชื่อว่ามิได้ตาฝาดไป..

...หัวใจเจ็บแปลบ...ยามเมื่อได้พบเห็น.. ตนเพิ่งรู้..ว่าแท้จริงแล้ว ได้ทำร้ายหัวใจของคนที่รัก..ด้วยอาการนิ่งเงียบนี้มานานแค่ไหน...

...ดังนั้นครานี้..เขาก็จะไม่ยอมให้มันเป็นเช่นเดิมอีกแล้ว..

     “...ฉัน..... “ ริมฝีปากหนาขยับ ยามได้เห็นท่าทีนิ่งเงียบ แม้หัวใจจะเจ็บแปลบ แต่นิลกาฬก็ได้แต่พับเก็บความหวังและความเจ็บปวดของตนไว้เสีย..อ้อมแขนหนาลดแรงกระชับทำท่าจะผละจาก..แต่ทว่า...

  

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #4 เมื่อ25-04-2010 13:16:49 »




 “..ฉัน..รักคุณนิลจ๊ะ... “ เสียงกระซิบแผ่วเบา...ดังก้องอยู่ริมหู...

  พร้อมๆกับความเย็นที่ปัดผ่านเบาๆที่แก้มขวา ทำให้ร่างทั้งร่างนิ่งงัน..

   นิลกาฬหันขวับไปมองร่างในอ้อมแขนทันควัน เสียงกระซิบนั้น แม้จะแผ่วเบา ทว่ามันก็ดังก้อง และชัดเจนในหัวใจ หัวใจเต้นระรัวแรงขึ้นยามได้เห็นท่าทีขัดเขินของร่างบางในอ้อมแขน...ช่างงดงาม..ช่างน่ารักนัก...

    “..นที.... “ ชายหนุ่มรู้สึกว่าเสียงของตนเองสั่นไหว อ้อมแขนที่จะผละจากรัดแน่นขึ้นทันควัน ทำท่าจะกระโขนเข้าหาร่างบางในอ้อมกอดให้สมรัก แต่เหมือนเจ้านทีตัวน้อยของเขาจะรู้ทัน จึงดิ้นหนี ดิ้นออกจากอ้อมแขนของเขาทั้งที่แก้มแดงจัดน่ามองนัก..

    “..คุณนิล..ปะ...ไปกินข้าวได้แล้วจ๊ะ เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นหมด ...แช่น้ำนานเดี๋ยวตะพาบกินขาฉันไม่รู้ด้วยน่ะ !!”น้ำเสียงตะโกนกุกกักด้วยความขัดเขินของร่างเพรียวช่างน่าฟังนัก นทีรีบผลุนผลันออกจากอกเขาและปรี่เข้าไปหาตีนกระได้ที่แช่อยู่ในน้ำ.. รีบเหยียบและยันกายขึ้นไปโดยเร็ว แถมยังคว้าผ้าขาวม้าผืนหนึ่งมาพันเอวพร้อมกับเดินเร็วๆเข้าไปในบ้าน พร้อมกับปิดประตูห้องเสียดังลั่น...

   “................. “ นิลกาฬนิ่งอึ้ง สายตามองร่างน้อยจากท้องน้ำจรดเจ้าตัวก้าวขึ้นไปบนเรือนจนลับตา ริมฝีปากบิดเป็นรอยยิ้มกว้าง...กว้างกว่าครั้งใดที่เคยยิ้ม..และชายหนุ่มก็เริ่มหัวเราะ ..หัวเราะด้วยท่าทีปรีดาและเปี่ยมด้วยความสุขกว่าทุกครั้งที่เคยเป็น ได้ยินเสียงบอกรักดังก้องอยู่ในหู สลับกับเสียงเต้นของหัวใจตนเองที่ดังก้อง..

    “..นที!! ..พูดจาแบบนั้นแล้วกล้าหนีฉันเข้าไปในห้องเหรอ..เดี๋ยวเจ้าตัวน้อยเจอดีแน่ๆ.... “ เขาร้องขู่ออกไปเช่นในอดีต แต่ด้วยน้ำเสียงรื่นเริงและท่าทียินดีเสียเต็มประดา..

   “..คุณนิลบ้า !! อย่ามาพูดจาแบบนั้นน่ะ..ไปเด็ดผักบุ้งต่อให้เต็มกะละมังเสียไป.. “ น้ำเสียงแว่วมาจากในห้องพร้อมกับเสียงข้าวของตกพื้นทำให้เขาต้องตะเบ็งเสียงหัวเราะอีกคราจนลั่นท้องน้ำ..

    “...ไปแล้วจ้า ไปแน่ รับรองฉันจะ”เด็ด” ให้หมดทุกยอดเลยเชียว.. “เอ่ยพลางเดินขึ้นบันไดมาคว้าผ้าขาวม้าอีกตัวพันเอว “..จะขึ้นไปแล้วน่ะ...นทีของฉันเตรียมตัวไว้แล้วรึยังเอ่ย.. “

   “..คะ..คุณคนบ้า...อย่าเข้ามาน่ะ..ไปยืนตากลมให้ตัวแห้งเสียไป.. “ น้ำเสียงเอ่ยออกมาทั้งกุกกักทั้งเต็มไปด้วยความขัดเขิน เสียแต่นิลกาฬไม่สนใจคำพูดนั้น ชายหนุ่มย่ำเท้าลงไปบนพื้นไม้ ก้าวเข้าไปในห้องด้วยฝีเท้าช้าๆแต่มั่นคง

    “..ไม่เอาหรอก..จะตากลมให้ตัวซีดทำไม ให้นทีของฉันเช็ดตัวให้ดีกว่า..อยู่ไหนกันน่ะ..หืม?... “ เอ่ยพลางเปิดประตูห้องออกช้าๆ และปิดลงอย่างรวดเร็ว แว่วเสียงร้องโวยวานปนเสียงหัวเราะขบขันอยู่สักครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยเงียบหายไปและกลายเป็นเสียงพูดจาที่แผ่วหวานและเต็มไปด้วยความสุข..
   
...ท่าทางกับข้าวเช้านี้จะต้องเย็นชืดเสียแล้ว

...

       แสงสีทองของดวงอาทิตย์ยังส่องประกายงามจับตาในยามเย็นของวันนี้เช่นทุกวัน เสียงเอะอะมะเทิ่งของเจ้าเด็กน้อยกะโปโลสามสี่คนยามวิ่งว่ายน้ำแข่งกันยังดังก้อง คลอไปกับเสียงวงมโหรีที่เริ่มประโคมซ้อมฝีมือไว้แสดงในงานวัดที่จัดขึ้นติดกันถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน  ร่างของหญิงวัยกลางคนบนเรือพายจ้วงใบพายช้าๆ พาตนเองและขนมมาแวะเวียนเลียบแถวชานห้องแถวที่ติดกันเป็นพรืดเช่นทุกวัน

    ดวงตาที่เริ่มฟ้าฟางไปตามอายุสอดส่องมองหาชายหนุ่มร่างเล็กที่มักนั่งอยู่ตรงหัวกระไดหน้าชานเรือนเหมือนทุกครา ทว่าครานี้กลับเห็นบางอย่างที่แปลกไป เพราะเจ้าหนุ่มคนนั้นมิได้ทำหน้าเศร้านั่งเงียบซึมเหมือนที่เคยพบเจอ แต่กลับกลายเป็นเจ้าตัวกำลังนั่งเก็บจานชามที่เพิ่งล้างเสร็จลงผึ่งด้วยใบหน้าระรื่นผ่องใส ริมฝีปากยังประดับรอยยิ้มเด่นชัด.. นั่นทำให้ผู้ลอบมองอดจะยิ้มตามเสียไม่ได้...

   กำลังอ้าปากจะเอ่ยทัก แต่ทว่า..

   “..นที...ใส่แบบนี้พอหรือยัง..” เสียงเข้มๆของชายหนุ่มอีกคนที่ไม่เคยพบหน้าดังขึ้นยามนางจะเอ่ยปาก พร้อมกันนั้นร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลากระชากใจเหล่าสาวๆก็โผล่ออกมาด้วยท่าทียิ้มแย้มน่ามองไม่ต่างกับอีกคนนัก..

   “..จ๊ะ...ดีแล้วล่ะ...ไม่เอาชุดซ่อมซ่อแบบเมื่อกี้อีกแล้วน่ะจ๊ะ..เสื้อเก่าจะใส่ไปงานบุญได้อย่างไร..เดี๋ยวหมองหมด... “ เจ้าหนุ่มคนนั้นเอ่ยปากพร้อมกับเดินไปหา ใบหน้าเปื้อนยิ้มน่ามองนัก

     “..ก็ตัวนั้นนทีเลือกให้ฉัน... “ คำตอบนั้นแสนน่าฟัง..ขนาดคนที่ลอบมองอย่างนางต้องอมยิ้ม..แล้วผู้ฟังอย่างชายหนุ่มที่ตนห่วงใยเล่า จะดีใจปานใด..

     “..เช่นนั้นค่อยไปเลือกด้วยกันใหม่น่ะเถอะจ๊ะ.. “ ถ้อยคำเอ่ยรับเบาๆ นั้นน่ารักจนนิลกาฬอดจะบีบจมูกโด่งเล็กนั้นเบาๆมิได้ สายตามองไปยังคลองที่บัดนี้เริ่มมีผู้คนพายเรือออกมาประปรายแล้ว ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ก่อนจะคว้าแขนร่างบางมายังหน้าชาน..

   "“.เอ้า...เขาไปกันแล้ว..เราก็ไปเที่ยวกันบ้างเถิด...”

   “..อ่ะ......แต่ประเดี๋ยว ฉันว่าจะซื้อขนมที่คุณนิลชอบจากคุณป้าคนนั้น.... “ เอ่ยลอยๆพลางสอดสายตามองหาเรือพายที่ควรจะมาในเวลานี้เสียที..

   มือหนาบีบมือเรียวในมือเบาๆ ผู้ถูกสะกิดหันมามองหน้า ยิ้มหวาน..

  “..นทีจ๋า..กินของเดิมๆทุกวันมันก็มีเบื่อบ้างสิ ถึงฉันจะชอบขนาดไหนก็เถิด..แล้วป้าคนนั้นเขาคงจะไปเที่ยวงานวัดเสียแล้วกระมัง..อย่ารอเลย... “ นิลกาฬเอ่ยพลางจูงมือร่างเพรียวมายังตีนท่า มือหนาเอื้อมดึงเชือกที่ผูกเรือไว้ใต้เรือนช้าๆ..

     “...ถ้าคุณนิลจะพูดแบบนั้น.. “ ริมฝีปากบางเอ่ยเบาๆ..ใบหน้าก้มงุด..

    “..แต่ไม่เบื่อนทีหรอกน่ะ... “ คำพูดนั้นราวกับรู้ใจ ทำให้ผู้ฟังชะงัก แก้มแดงจัด เสมองไปทางอื่น ก่อนจะชะงักกับห่อขนมที่ถูกวางไว้บนฝาหม้อ.. ดวงตากลมโตกวาดมองทั่วลำคลอง..ที่ยังมีผู้สัญจรขวักไขว่..แล้วยิ้มออกมาน้อยๆ

    “...แล้วถ้าวันนี้ก็มีเหมือนเดิม..คุณนิลจะทานไหมจ๊ะ... “

    คำพูดนั้น ทำให้ผู้ฟังชะงัก นิลกาลซึ่งคว้าไม้พายมาไว้ในมือได้แล้วหันไปมองร่างเล็กที่เอ่ยออกมา มองเห็นห่อขนมคุ้นตาในมือบาง พร้อมกับรอยยิ้มหวานของผู้ถือ..ทำให้เขายิ้มตามได้ไม่ยาก..

    “..ทานสิ...แต่นทีต้องเป็นคนป้อนน่ะ... “

   ...และคำตอบรับก็คือรอยยิ้มหวาน..กับมือเรียวที่ส่งมาแตะกระชับฝ่ามือของนิลกาฬเบาๆ..ทว่ามั่นคง...

...end.

จบแล้วว้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

    อยากตะโกนออกมาเป็นภาษาปาทังก้า.(มี?)เป็นนิยายที่ใช้เวลาเขียนนานมาก นานสุด นับสิบเดือนเลยด้วยซ้ำ ...แค่เรื่องสั้นเรื่องเดียว เอิ้ว...ทำไปได้.. แต่ก็ทำเร็จแล้วน่ะ ไม่ดาร์ก ไม่รันทด แถมยังหวานนนนนนนนนนนนนนนนน จนคนแต่งจะสำลักน้ำตาลตาย

ใครว่าอิชั้นแต่งหวานไม่เป็น ชิชิชิ ทำได้แล้วโว้ยยยยย..ไชโยโห่สามราเสร็จ..แล้วก็ไปนั่งเขียนแบดกายต่อไป...หงึ...

ตาเถร...ชอบคำอุทานคำนี้ ..จริงจัง

..แล้วมีใครรู้รึเปล่า? ว่าคลองสายนี้ ชื่อคลองอะไร? (ไม่ใช่แสนแสบน่ะค้า ใครตอบแสนแสบอิชั้นจะงอน)

สำหรับเรื่องนี้ ขอเท้าโครงเรื่องนิดหน่อย..

   คุณนิล(นิลกาฬ)กับนที เป็นตัวละครออริจากนิยายเรื่องหนึ่งของอิชั้นเองค่ะ   มีคุณนิลกับนทีเป็นหนึ่งในตัวเอกที่มีทั้งหมดห้าคนเรื่องราวของสองคนนี้ก็เกิดขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่สองค่ะ ตอนที่ทัพญี่ปุ่นเข้ามาในไทย แต่ในตอนนี้ผ่านช่วงนั้นมาแล้วเป็นเรื่องราวหลังสงครามแบบว่าอยากเขียนเรื่องราวสองคนนี้แบบหวานๆขึ้นมาเลยเอามาเขียนดู จนกลายเป็นเรื่องสั้นเรื่องนี้ จากที่อ่านหลายคนคงจับจุดได้ว่าสองคนนี้มีความหลังรันทดกันมาก่อนซึ่งขอกล่าวคร่าวๆว่าเป็นเรื่องผิดใจที่ทำให้ไม่กล้าเชื่อใจกัน และความพิศาลของคุณนิลเค้า ทำให้ทั้งที่มาอยู่ด้วยกันแล้วแต่นทีก็ยังติดซึมเซาอยู่ ก็ประมาณนี้ล่ะค่ะ หวังว่าคงไม่งงกัน เพราะอิชั้นพยายามยกความหลังมาน้อยที่สุด

ใครอ่านแล้วอมยิ้ม สารภาพมาซะดีๆ อิ

...ปอลิง...อาจมีภาคต่อ เพราะอยากเขียนตอนไปเที่ยวงานวัด กับตอนทำบุญสงกรานต์ ทั้งที่ผ่านสงกรานต์มาแล้ว
ปอลิงสอง..อย่าถามถึงนิยายเรื่องนั้นเลยน่ะ มันดาร์กจนกู่ไม่กลับแล้วล่ะเออ (แบดกายเทียบกับเรื่องนั้นแล้วยังเบาะๆน่ะเคอะ นั่นมีตั้งแต่เชือดคอไปจนคว้านท้อง อะเหอๆ)
ถามจริง...

เชื่อมั้ยว่าคนแต่งคือคนเดียวกัน..?   :o12:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #5 เมื่อ25-04-2010 13:48:26 »

อ่านไปอมยิ้มไปด้วยแระ

คลองชื่อไรไม่รู้  รู้แต่ว่ายอดผักบุ้งถูกคู่หวาน หว๊าน ๆ เด็ดไปซะเรียบเล๊ยยยย

อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่ะ


ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #6 เมื่อ25-04-2010 16:21:06 »

มายกมือบอกว่า อมยิ้ม ด้วยอีกคน  :o8:
ตอนพิเศษก็อยากอ่าน แล้วก็อยากรู้เรื่องความหลังฝังใจของคู่นี้ด้วย ท่าทางจะโหดไม่น้อยอยู่นะนั่น

ออฟไลน์ ArgèntaR๛

  • "ความสุข" แบ่งปันได้
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-0
    • turelight's Fanpage
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #7 เมื่อ25-04-2010 17:19:12 »

ถ้ามีภาคต่อก็ยินดีอ่านอย่างสุดซึ้งครับ
หวานเสียไม่มี หวานจนอมยิ้ม อ่านแล้วสบายใจดีครับ

ชอบจังเลยบรรยากาศเก่าๆแบบสมัยก่อน  :z2:

ออฟไลน์ katte

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #8 เมื่อ25-04-2010 17:43:42 »

อัดช่าาาาาาาาาาาา ในที่สุด ผู้ชาย ผ้าขาวม้า และปลาทู + ยอดผักบุ้ง

ก็ออกมาได้ทัศนากัน

ชอบความเก่าระดับคลาสสิคจริงๆ

อ่านไปเขินไป :-[

ฮ่วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

นทีเคอะ มาหวานกับพี่มา จ้วบบบบบ :z1:

อ่า...ไปก่อนเด่วเจอบาทอิตาคุณนิลจะตายเอา

//จากไปพร้อมยอดผักบุ้ง //แอบไปเก้บพร้อมสองคนนั่นเเหละ เเต่เขาคงไม่เห็น  :laugh:

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #9 เมื่อ25-04-2010 18:12:36 »

ชอบบรรยากาศมาก
อยากอ่านต่อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
« ตอบ #9 เมื่อ: 25-04-2010 18:12:36 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






chae

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #10 เมื่อ25-04-2010 20:57:54 »

จิ้มๆ เรื่องใหม่
ชอบบรรยากาศจัง โอยยย
อยากลงคลอง

ออฟไลน์ tawanjantra

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 345
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #11 เมื่อ25-04-2010 22:37:36 »

หว๊านหวาน อ่านไปอมยิ้มไป น่ารักอ่ะ

ANUNTAYA

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #12 เมื่อ06-05-2010 09:58:56 »

 :pighaun: :pighaun: :pighaun:



เจ้วันหลังเอาสมัย  กรุงศรีฯ  ได้ป่ะคับ



อิอิ 


นะนะจัดมาให้หน่อย   แบบว่า  แต่งได้เห็นภาพเลยอ่ะ 



สุดยอด :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ nbee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 849
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #13 เมื่อ08-05-2010 21:26:36 »

โอ้ยยยยยยย
อ่านแล้วเขิน แอบมีม้วนตามนทีด้วย

รอตอนพิเศษ ไปเที่ยววัดอยู่นะจ๊ะ

ares_jum

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #14 เมื่อ27-07-2010 23:22:10 »

 :-[


น่ารักมากเลยอ่ะค่ะ   ชอบมากเลย


ไม่อยากจะบอกว่าแอบเขินด้วยแหละ  แหะ แหะ


 :o8:


เนื้อเรื่องแบบว่าเรียบแต่หรู  ประมาณนั้น


แล้วก็เรื่องที่เป็นแบบเต็มๆของเรื่องนี้อ่ะค่ะ  คือเรื่องอะไรหรอค่ะ


คือว่า อยากอ่านอ่ะค่ะ  ถ้ายังไงก็ช่วยตอบด้วยนะค่ะ  ว่าได้รึเปล่า


แบบว่าอยากอ่านมากเลยอ่ะ  รู้สึกค้างๆคาๆยังไงไม่รู้  อยากรู้ที่มาที่ไปของเรื่องด้วยอ่ะค่ะ


ยังไงก็ช่วยหน่อยละกันค่ะ  ขอบคุณล่วงหน้ามากๆเลยค่ะ


 :bye2:     

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #15 เมื่อ28-07-2010 01:48:16 »

ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆครับว่าแต่มันคุ้นๆๆๆนะ

ออฟไลน์ cartoons

  • "ละอองกอ"
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #16 เมื่อ30-07-2010 00:49:14 »

มาสารภาพ ว่าแอบอมยิ้ม อิอิ




ชอบๆๆๆๆ :กอด1:

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #17 เมื่อ30-07-2010 04:32:05 »

แวะมาอ่านขอรับ  :กอด1:

ออฟไลน์ 1st prince

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #18 เมื่อ30-07-2010 22:52:12 »

น้ำเน่ามากนะ แต่ก็ชอบมากเช่นกัน

nooluck

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #19 เมื่อ09-08-2010 20:13:29 »

อยากกินผักบุ้งจังเลย
อยากรู้ว่าเรืองอะไรรึค่ะ ที่ว่ามันดาร์คอะ อยากอ่าน
ขอความรักจงอยู่คู่นทีและนิลกาฬตลอดไป :L1: :L1: :L1:
ชอบแนวย้อนยุคกับแฟนตาซีที่สุดเลยค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-08-2010 20:17:10 โดย nooluck »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
« ตอบ #19 เมื่อ: 09-08-2010 20:13:29 »





-N-

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #20 เมื่อ24-08-2010 17:20:10 »

กรี๊ดดดดดด เรื่องน่ารักมาก ชอบบบ
คนแต่งใช้ภาษาได้เย่ยมยอดมากค่า นับถืออออออออออ

มันเปนตอนต่อของเรืองไรหรอออ อยากอ่านมากกก>_________<

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #21 เมื่อ24-08-2010 19:00:09 »

อร๊ายยยย  ชอบมากๆเลยค่ะ
ได้อารมณ์อีโรติกดีอ่ะ
ไม่หวือหวา แต่อ่านแล้วเขิลๆ
ภาษาก็สวย อ่านสนุก
ผู้ชายพูดจ๊ะจ๋านี่ ฟังแล้วเคลิ้มจริงๆเทียว  :-[

ออฟไลน์ kikumaru

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #22 เมื่อ24-08-2010 20:40:03 »

ขอบคุณมากคะ
สนุกมากๆ
บรรยากาศดี ภาษางามคะ
นึกถึงบ้านเรือนริมน้ำจริงๆช่างเป็นอะไรที่ไทยๆมาก
อ่านแล้วสุขใจจ้า

ออฟไลน์ ClioNe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #23 เมื่อ24-08-2010 21:55:41 »

ชอบมากก กกกกก กก  น่ารักที่สุดอ่ะ.. :m1:
อ่านไปยิ้มไป..เขิน ๆๆๆ  ๆ  สองคนเค้าน่ารักดีเนอะ..
ชอบภาษา มันอ่านแล้วยิ้ม ๆ ยังไงไม่รู้สิ.. :o8:

เอาอีก ๆๆๆ ๆๆ    ~o(>_<)o~  (เริ่มเรียกร้อง)

ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารัก ๆ .. :L2:

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #24 เมื่อ24-08-2010 23:14:38 »

แต่งช้าๆได้พร้าเล่มงามจริงๆด้วย555

หันมาเขียนฟิคหวานเถอะ พลีสสสส ชอบๆๆๆคลาสสิคมากเลย แต่งให้อ่านอีกน๊า จะรอ ไม่ว่าจะต้องรออีกสิบเดือนก็ตาม^^

kaowkong

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #25 เมื่อ25-08-2010 00:37:01 »

ชอบๆๆๆๆๆๆ...

น่ารักทั้งคู่เลยยยยย..

อ่านไปเขินไป.. :-[เหอะๆๆๆๆ :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #26 เมื่อ25-08-2010 10:12:58 »

หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ papa

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 818
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-3
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #27 เมื่อ25-08-2010 11:24:14 »

หวานจังเลย  อ่านไปอมยิ้มไปจริง ๆด้วย

^ - ^A s A v I n * o *

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #28 เมื่อ25-08-2010 20:26:58 »

น่ารักมากๆๆๆเลยครับ ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆ

ขอตอนต่อไปหน่อยได้ไหมครับ ^^

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
Re: (เรื่องสั้น)ริมฝั่งน้ำ
«ตอบ #29 เมื่อ26-08-2010 15:15:48 »

เนื้อเรื่องน่ารัก  มากๆๆ   ครับบ  ขอบคุณนะครับบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด