[10]
“แต่งตัวให้มันเร็วๆหน่อยได้ไหมวะ” ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จออกมา พี่เคก็เร่งให้ผมแต่งตัว
“จะรีบไปทำไมหละครับ เรื่อยๆ สบายๆ” ผมตอบกลับไป พร้อมกับหาเสื้อนักศึกษาในตู้
“กูรีบ วันนี้กูมีเทส”
“อ้าว พี่รีบแล้วเกี่ยวอะไรกับผมหละครับ ผมไม่รีบนี่นา” ผมหละงง ตัวเองรีบแล้วจะมาเร่งคนอื่นทำไม
“จะเดินไปเรียนหรือไง” พี่เคทำหน้าหงุดหงิด มองกลับมาที่ผม
“บ้าละพี่ หออยู่ตั้งไกล จะเดินไปได้ไงหละ อีกอย่างผมจะเอารถมาใช้ทำไมถ้าอยากจะเดินไปเรียนนะ” คือพี่ครับ ผมไม่ได้ถึกนะครับ จะได้เดินไปเรียนได้เนี่ย ผมส่ายหน้าทำท่าไม่เข้าใจกับความคิดพี่เค รถผมก็มี จะเดินให้เมื่อยทำไม
พอพี่เคเห็นท่าทางของผม ก็เริ่มหันซ้าย หันขวา ก่อนจะคว้าสมุดเล่มหนึ่งขึ้นมา พร้อมกับม้วนมัน
“โป๊ก......” พี่เคเอาสมุดที่ม้วนเมื่อสักครู่ ฟาดเข้าที่หน้าผากผมอย่างจัง อะไรวะ หรือว่าพี่แกจะอายที่คิดว่าผมจะเดินไปเรียน แล้วมันความผิดผมไหมเนี่ย
“แล้วรถนายอยู่ไหน” พี่เคเอาสมุดนั้นเคาะหัวผมเบาๆต่อ ทำให้ผมเริ่มนึก เมื่อวานพี่เคเอารถผมเข้าอู่ พากินข้าวเสร็จก็กลับหอเลย งั้นรถผมก็ยังอยู่ที่อู่นะสิ พอผมคิดได้ก็หันไปทำหน้าหงอยๆ
“จะเดิน หรือจะรีบแต่งตัว” คิดว่าผมจะเลือกอะไรหละครับ ก็ต้องรีบแต่งตัวสิ ใครจะบ้าเดินไปหละ แดดร้อนๆแบบนั้น
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“จะให้มารับกี่โมง” พี่เคมาส่งผมที่หน้าตึก ก่อนจะถามเวลากลับของผม
“ทำแลปเลิกห้าครึ่งครับ” ผมนึกว่าตารางเรียนวันนี้มีอะไรบ้าง ชั่วโมงสุดท้ายก็เรียนแลปเคมีที่ตึกข้างนี่เอง จึงบอกเวลาเลิกเรียนพี่เคไป
“งั้นเดี๋ยวมารับ อย่าเถลไถลหละ” นี่เห็นผมเป็นเด็ก ป. 3 หรือยังไงเนี่ย
“ครับท่านผู้ปกครอง” ผมบอกก่อนจะเปิดประตูอออกไป เพราะหน้าพี่เคตอนที่หันมานี่ คิ้วแทบจะผูกติดกันแล้ว
“เฮ้อ.....” พอรถพี่เคขับออกไปผมก้ได้แต่ถอนหายใจที่รอดพ้นมาได้อย่างหวุดหวิด
“พี่เคมาส่งหรอจา” ผมต้องสะดุ้งอีกรอบ เพราะมีคนมายืนอยู่ข้างหลังผม
“อ้าวแจนเองหรอ ตกใจหมดเลย” ผมเอามือลูบที่หน้าอกเบาไ นึกว่าไอ้พี่เคส่งลูกน้องมาจัดการผม
“เป็นอะไรไหม” แจนถามผมอย่างเป็นห่วง ทำให้ผมยิ้มขึ้นมา
“ไม่เป็นอะไรหรอก ว่าแต่เมื่อกี้แจนว่าอะไรนะ” เพื่อนคนนี้ทำให้ทุกคนมีรอยยิ้มกับท่าทางใสซื่อ และบอบบางได้ตลอด
“อ๋อเราถามว่าเมื่อกี้พี่เคมาส่งหรอ” แจนถามพร้อมกับมองไปตามทางที่พี่เคขับรถไป ทั้งที่รถพี่เคไปไกลแล้ว
“อืม...” ผมได้แต่พยักหน้ารับ
“จากับพี่เค...เอ่อ...เป็นแฟนกันหรอ” แจนดูเกรงๆที่จะถามผม แต่เป็นคำถามที่ทำเอาผมสะดุ้งด้วยความสยอง
“ป่าวนะแจน เรากับพี่เคไม่ได้เป็นอะไรกันนะ แล้วอีกอย่างพี่เคเถื่อนออกขนาดนั้นจะมาชอบเราได้ไง” ผมรีบปฏิเสธแจนทันที ไม่เอาหรอก เป็นแฟนกับไอ้แย้พี่เค มีหวังได้สมองเสื่อมพอดี
“แต่พี่เคมีแฟนเป็นผู้ชายนะ” แจนตอบกลับมานิ่งๆ ทำให้ผมต้องอึ้ง - - - มีแฟนเป็นผู้ชายหรอ เถื่อน ถ่อย ถึก แบบนั้นนะหรอชอบผู้ชาย อะไรวะ....จะว่าไปแจนก้ไม่น่าโกหก.....หรือว่าจะจริง
ผมกำลังสับสนกับความคิดของตัวเอง แจนก็ช่วยเรียกสติผมกลับมาก่อน
“สรุปจาเป็นแฟนพี่เคหรอ” แจนถามผมอีกครั้งด้วยใบหน้านิ่งๆเช่นเดิม
“ไม่ใช่หรอกแจน แค่พี่ น้องกันเฉยๆ สาบาน” ผมทำท่ายกมือสาบาน ทำให้แจนหัวเราะออกมาเบาๆ
“ถ้าเป็นจา เราก็จะยอมตัดใจจากพี่เคนะ” แจนส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ผม พร้อมกับวางมือบนบ่าผมเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้ผมงงกับคำพูดและท่าทางของแจน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไอ้ตะเกียบกวนอารมณ์ผมแต่เช้าเลยทีเดียว วันนี้ผมมีเทสต้องรีบไปสอบ แต่ไอ้เด็กนี่กลับมัวแต่อาบน้ำ มัวแต่เลือกเสื้ออีก พอผมเร่งยังมาทำหน้างงใส่ผมอีก ไอ้เราก็นึกว่าจะหายบื้อขึ้นมาบ้าง แต่นี่อะไรบื้อได้ตลอดเวลา แล้วยิ่งหน้าตาและท่าทางของมันตอนที่ผมถามว่าจะเดินไปเรียนหรอ มันดันทำหน้าเหมือนผมนี่ไม่รู้อะไรเลย เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้จริงๆ ผมเลยคว้าสมุดใกล้มือมาม้วน ก่อนจะฟาดเข้าที่หน้าผากมันอย่างเร็ว พอสมุดกระทบหน้าผากมันไปแล้วผมเพิ่งคิดได้ว่ามันแรงเกินไปหรือเปล่า แต่มันก็ตีไปแล้วนี่นา ทำไงได้ ยิ่งตอนที่ผมถามว่ารถอยู่ไหน หน้าจากที่อวดดีเมื่อครู่กลายมาเป็นหมาหงอยเลยทันที มันยิ่งทำให้ผมไม่อยากจะแกล้ง
ตลอดทางที่ไปส่งมือของไอ้เตี้ยลูบที่หน้าผากตัวเองบ่อยครั้ง มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด เฮ้อ......ทำไมต้องรู้สึกผิดด้วยหละเนี่ย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“กูฟันธงได้เลย พี่เคชอบมึง....ชัวร์” ผมเอาเรื่องที่แจนทิ้งไว้ให้ผมต้องคิดมาปรึกษาไอ้หมง ซึ่งพอไอ้หมงได้ยินเรื่องทั้งหมด มันก็ฟันธงทันที
“แต่กูว่าไม่น่าใช่นะเว้ย” ผมยังคิดต่อ เพราะถ้าพี่เคชอบผมจริงๆ จะแกล้งผมบ่อยๆทำไม
“มึงลองคิดดูนะ มีใครที่ไหนจะหอบข้าวของไปอยู่กับคนอื่น ถ้าไม่คิดอะไรด้วย” ไอ้หมงพูดจบ ไอ้เรยืก้พยักหน้าเป็นลูกคู่
“แถมยังเอารถมาให้ใช้อีก” ไอ้เรย์พยักหน้าอีกรอบ
“ซื้อของเข้าห้อง พี่เคก็เป็นคนจ่าย รถมึงพี่เคก็เอาไปซ่อมให้ มันน่าสงสัยอยู่นะ” คราวนี้ผมทั้งสามคนพยักหน้าเบาๆ
“เฮ้ย....แต่กูว่าไม่น่าใช่นะเว้ย อย่างกูจะมีอะไรให้คนแบบพี่เคมาชอบวะ” ผมคิดถึงตัวเอง แล้วเปรียบเทียบกับพี่เค
พี่เคตัวสูง..........ผมสูงแค่ไหล่พี่เค ------ > ไอ้เตี้ย
พี่เคผิวขาว...........ผมผิวขาวเหลือง ----- > ใกล้เคียงๆๆ
พี่เคหล่อ...........ผมก็น่ารักไม่แพ้ใคร ----- > ไอ้แว่นอย่างมึงอะนะ
พี่เคเท่ห์...........ผมก็...เอ่อ...ก็..... ----- > ข้ามๆไป
พี่เคขับรถยนต์........ผมก็ขับรถยนต์ ----- > รถยนต์ที่แกขับนะ มันของไอ้แย้พี่เค ไม่นับๆ รถแกนะมอไซด์
มีความน่าจะเป็นที่พี่เคจะมาชอบคนอย่างผม 0.1% น่าจะได้ เฮ้อ.....คิดไรมากมายวะเนี่ย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“มองทำไม” พี่เคคงจะหงุดหงิดที่ผมเอาแต่จ้องพี่เคตลอดที่นั่งในรถ ตั้งแต่พี่เคมารับผมที่ตึกตอนเย็น ผมก็นั่งมองพี่เคมาตลอด มองไปก็คิดไป จนรถมาถึงอู่ พี่เคถึงได้ถามผมออกมา
“พี่เคชอบผมหรอ” ผมเก็บกักความสงสัยไว้ไม่ไหว จนต้องถามออกไป
“ป๊าบ.....” นี่คงแทนคำตอบได้ดี พี่เคตบหัวผมทันทีที่ผมถามจบ กุไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย
“ถามเหี้ยไรของมึงเนี่ย ขนลุกเลยสัด” พี่เคทำท่าสยองมองหน้าผม
“เฮ้ออออ....ค่อยโล่งอกหน่อย”ผมถอนหายใจพร้อมกับมีรอยยิ้มขึ้นมาทันที
“ถอนหายใจทำไม” พี่เคถามผมงงๆ
“อ้าว..ก็ดีใจนะสิพี่ ถามอะไรแปลกๆ ผมนะกังวลอยู่ตั้งนานนึกว่าพี่ชอบผม หูยยยย คิดอะไรบ้าๆเน้อผมนะ นี่พี่รู้ไหม ถึงขนาดมีคนถามว่าผมกับพี่เป็นแฟนกันหรือเปล่า อึ๋ยยยยย” ผมทำท่าสบัดหัวกับความคิดแปลกๆนั้น ในที่สุดก็โล่งใจสักที ถามตรงๆก็หมดเรื่อง ให้ผมนั่งปวดหัวอยู่ได้ตั้งนาน แต่ผมก็นั่งดีใจได้ไม่นาน เพราะอยู่ๆพี่เคก้ตบหัวผมอีกครั้ง
“ทำไมวะ เป็นแฟนกับกูมันน่ารังเกียจนักหรือไง” ตบหัวเสร็จพี่เคก็ฮึดฮัดใส่ผม ก่อนจะเปิดประตูออกไปจากรถ ทิ้งให้ผมงงกับท่าทางแบบนั้น อะไรวะ....กูทำไรผิดอีกหละเนี่ย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกแรงใจครับ เดี๋ยวกดบวกให้กับตอน 9 นะครับ