ครับมาต่อให้แล้วครับ
ความจริงตามความตั้งใจตอนนี้คือตอนจบ
แต่ผมทนแรงต้านทานของท่านผู้อ่านไม่ได้จริงๆ
ผมเลยขยายเรื่องไปให้อีกนิดนึงนะครับ
ยังไงก็อย่าเบื่อกันไปก่อนนะครับ
อยู่ด้วยกันก่อนนะ
ขอบคุณครับ
บางคน อยู่เพื่อ "รัก" ..
บางคน อยู่เพื่อ "รอ" ..
บางคน อยู่เพื่อ "ลา" ..
แต่ จะมีซักกี่คน .. ที่อยู่ "เพื่อเรา"
โทษที..ทำไงได้กูรักมึงไปแล้ว
ตอนที่ 85 สัญญา
“อือ” พี่โชว์เอื้อมมือมากอดผมเอาไว้ จะแกะก็แกะไม่ออก มีแต่แน่นมากกว่าเดิม นี้คนหรืองูเหลือมเนี้ยะ
“อืม” เอ้ากอดก็กอด เดี๋ยวไม่ได้นอน แต่อย่าให้มากกว่ากอดนะ ตาย
“ตุลย์” ยังไม่นอนอีก
“อืม ครับ”
“พี่ขอโทษ” พี่โชว์พูดเสียงเรียบ อารมณ์ไหนเนี้ยะ
“ครับ”
“ตุลย์ ยกโทษให้พี่ได้ไหม” น้ำเสียงของพี่โชว์ฟังดูอ่อนโยน ผมเคยได้ยินเสียงแบบนี้จากที่ไหนนะ
“ครับ” ผมตอบไป ที่จริงก็ไม่ได้โกรธพี่เขาหรอก แค่รับไม่ค่อยได้แค่นั้น
“ทุกเรื่องเลยรึป่าว” มีหลายเรื่องรึไง
“ครับ ตุลย์ไม่ได้โกรธพี่โชว์หรอก ตุลย์แค่ไม่ชอบ” ผมบอกให้
“พี่ขอโทษ” พี่โชว์ขอโทษผมอีกครั้ง
“ครับ” พี่โชว์กระชับอ้อมกอด ผมเอาไว้แน่น ผมเอามือกุมพี่โชว์ไว้ อบอุ่นเหลือเกิน นี้หรออ้อมกอดของคนที่รักผม
“ตุลย์รู้ไหมการเห็นคนที่เรารัก และคนที่รักเรา ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเราสองคนไปโดยสิ้นเชิงมันเจ็บปวดมากเลยรู้มั้ย ทุกวันๆที่พี่อยู่กับคนที่พี่รักที่เขาจำเราไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่รู้จะเทียบกับอะไร” พี่โชว์พูดแล้วหยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดต่อด้วยเสียงเครือ พี่โชว์ร้องไห้หรอ พี่เขาร้องไห้ให้ผมหรอ พี่เขารักผมมากขนาดนี้เลยหรอ มีคนบอกว่าสิ่งที่บ่งบอกความจริงใจของคนที่เรารักได้ดีที่สุด คือ น้ำตา ที่ออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริง น้ำตาที่แสดงถึงความจริงใจ นี่ใช่ไหม พี่เขาจริงใจกับผมจริงๆใช่ไหม
“พี่ขอโทษ ในทุกสิ่งที่พี่ทำกับตุลย์ พี่ทำให้ตุลย์ต้องเป็นแบบนี้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตัวพี่เอง ถ้าพี่ไม่ทำให้ตุลย์เจ็บ ตุลย์ก็คงไม่เป็นแบบนี้ แล้วเราก็คงไม่ต้องมาเป็นแบบนี้ พี่ขอโทษ” พี่โชว์ซบมาที่ไหล่ผม แล้วกอดผมไว้แน่น มันเป็นความอบอุ่นที่ได้รับที่ผมไม่สามารถอธิบายได้
“พี่โชว์ไม่ต้องขอโทษหรอก คนเรามันฝืนชะตาตัวเองไม่ได้หรอก ชีวิตเราอะจะเป็นจะตายเวลาไหน เมื่อไหร่เรายังไม่รู้เลย ฉะนั้นตุลย์ว่ามันคงเป็นชะตากรรมของตุลย์แหละที่ทำให้ตุลย์ต้องเป็นแบบนี้ ตุลย์ต้องขอบคุณพี่ ถึงแม้ว่าตุลย์จะลืมทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเรา แต่พี่ก็ไม่ทิ้งตุลย์ ตุลย์คิดว่า วันนี้ก็ไม่เสียใจ เพราะตุลย์มีแม่ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ดีกับตุลย์มาก ตุลย์ดีใจ แล้วก็ไม่รู้สึกเสียดายความทรงจำที่เสียไป สักวันตุลย์ก็ต้องจำได้ แต่หากจำไม่ได้ตุลย์จะเลือกใช้ชีวิต ปัจจุบันของตุลย์ให้ดีที่สุด ตุลย์อยากให้พี่โชว์เลิกโทษตัวเอง ถึงแม้ตอนนี้ตุลย์จะรู้เพียงแค่สถานะเราสองคนเป็นแฟนกัน ตุลย์ก็จะยอมรับในสิ่งนั้นว่าพี่คือคนที่ตุลย์รัก และพี่ก็รักตุลย์ ตุลย์จะพยายามทำให้รักของเราเป็นเหมือนเดิมให้ได้ครับ ตุลย์สัญญา”
“พี่ขอบคุณนะตุลย์ พี่รักตุลย์มาก ขอบคุณๆๆๆๆ” พี่โชว์พูดย้ำๆด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมกอดผมไว้แน่น ทำไมผู้ชายคนนี้ต้องร้องไห้ให้เรา ทำไมผู้ชายคนนี้รักเรามากขนาดนี้ ขอบคุณครับพี่โชว์ ขอบคุณจากใจจริง ผมจะพยายามจำแล้วกลับไปรักพี่เหมือนเดิมนะครับ ผมสัญญา.......ขอเพียงแค่อ้อมกอดนี้รอผมอยู่...
.................................................................................................
บรรยากาศคึกคักยามเย็น ดูอึกทึก แสงไฟสีเหลืองทองกระทบผิวน้ำดูสวยงาม ตึกร้านบ้านเรือนเก่าแก่ บรรดาแม่ค้าพายเรือออกมาขายของ ดูแล้วเป็นบรรยากาศที่สวยงาม และอบอุ่นมาก
“ขึ้นเรือชมหิ่งห้อยไม่ครับ คนละ 60 บาทเองครับ” เสียงพ่อค้าเรียกนักท่องเที่ยว ที่เดินผ่านไปผ่านมา
“ดูหิ่งห้อยมั้ย” ผู้ชายร่างสูง สุดหล่อจะใครล่ะครับ แฟนผมเองครับ 55 (สำนวนแบบนี้พอจะเป็นนักเขียนได้ม่ะ อิอิ)
“ไม่เอาอ่า ตุลย์เมาเรือ” ผมตอบพี่โชว์ไป ใช่แล้วครับตอนนี้เรามาเที่ยวกันที่ตลาดน้ำอัมพวากัน พี่โชว์ชวนผมมาเที่ยวครับ ตอนแรกบอกจะพากลับบ้าน แต่เขาพาเลยมานี้ก่อน บอกมาหาอะไรกิน
“โห ก็พี่อยากดูอ่า ตุลย์ดูเป็นเพื่อนพี่หน่อยดิ” พี่โชว์อ้อนผม
“ก็ตุลย์ ไม่ชอบนั่งเรืออ่า ตุลย์กลัวหนิ” ผมว่า ผมชอบเมาเรือครับ ไอ้ไหว้น้ำอ่าไหว้เป็น แต่นั่งแล้วมันเวียนหัว
“ครับ ไม่เป็นไร” พี่ตุลย์ตอบเสียงเรียบ อยากดูจริงๆ หรอเนี้ยะ
“พี่โชว์นั่งรอตุลย์อยู่นี้แป็บนะ ตุลย์ขอเข้าห้องน้ำแป็บนึง” ผมว่า ปวดฉี่มาก
“โอเค เดี๋ยวพี่นั่งรอตรงนี้นะ อย่าไปนานนะพี่เป็นห่วง”
“ครับ 5 นาที” ผมเลยรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ
“อ่ะ อีก 5 นาทีลงเรือได้” ผมยื่นตั๋วให้ พี่โชว์สองใบ พี่โชว์มองหน้าผมอึ้งๆ
“เอ้า เอาไปดิ” ผมว่า
“ขอบคุณครับ ทำไมอ่ะตุลย์กลัวไม่ใช่หรอ”
“ก็ถ้าตุลย์ ไม่ลงพี่โชว์ก็ไม่ได้ลง แล้วถ้าตุลย์ลงพี่โชว์ก็จะได้ลง พี่โชว์ก็จะมีความสุข แล้วถ้าพี่โชว์มีความสุขตุลย์ก็ดีใจ” ผมว่า แล้วเราก้ได้ลงเรือไปชมหิ้งห้อยกัน เรือค่อยๆ พายไปในที่ที่มืดขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศมืดและเงียบสงัด
“นั้นไง” พี่โชว์ชี้ให้ผมดูบนต้นไม้ ที่เต็มไปด้วยแสงไฟจากหิ่งห้อย สวยมากๆ เลยครับ
“สวยดีนะ”
“อืม บอกแล้วว่าสวย เห็นมั้ยตัดสินใจไม่ผิดเลย ขอบใจนะตุลย์” พี่โชว์ว่า
“ครับ สวยมาก เห็นพี่โชว์ดีใจตุลย์ก็ดีใจแล้ว” ถึงแม่ผมจะยังจำอะไรไม่ได้ แต่ผมคิดว่าการที่เราทำอะไรให้คนที่รักเรานั้นมีความสุข มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากนอกจากคนคนนั้นจะมีความสุขแล้ว เราเองก็มีความสุขไปด้วย
“สวยไม่เท่าตุลย์หรอก” พี่โชว์กระซิบบอกผมที่ข้างหู พอดีไม่ได้มาแค่เราสองคน มีคนอื่นด้วย พี่เขาคงเกรงใจ
“บ้าดิ ตุลย์หล่อดิ ผู้ชายต้องหล่อดิพี่” ผมว่าให้ กลับไปแล้วหยิกไปเบาๆ
“โอ้ย โหดอ่า” พี่โชว์ว่า บรรยากาศอบอุ่นแล้วโรแมนติกมากครับ ลมเย็นประทะร่างกาย แสงสวยจากหิ่งห้อย กระแสน้ำวน เราสองคนจับมือกัน ดื่มดำบรรยากาศนี้ให้ได้มากที่สุด
“หิวมั้ย” พี่โชว์ถามหลังจากขึ้นมาจากเรือ
“ไม่อ่า” ก็เพราะว่าเดินซื้อไรกินไปตลอดทาง
“หรอ อืม”
“พี่โชว์หิวหรอ อืม ป่ะหาไรกินกัน” ผมว่าให้ ดูหน้าก็รู้ว่าหิว เราก็นั่งหาไรกินริมน้ำแหละครับ อิ่มกันเลยทีเดียว ซื้อของกันนิดหน่อย แล้วจึงขับรถกลับบ้านผมครับ
“หวัดดีแม่” ผมหวัดดีแม่
“มาได้ไงเนี้ยะ ทำไมไม่โทรบอกก่อนเนี้ยะ” แม่ว่า
“เปลืองค่าโทรเปล่าๆ ปลายทางก็เหมือนกันอยู่ดี” ผมว่า
“สวัสดีครับแม่ นี้ของฝากครับ ก่อนมาแวะอัมพวากันมา” พี่โชว์ไหว้แม่ แล้วยื่นของฝากให้
“ไหว้พระจ๊ะ ป่ะเข้าบ้านก่อน กินไรมารึยังเนี้ยะ มาซะมืดเลย” แม่ถาม
“เรียบร้อยกันมาแล้วครับ แม่กินข้าวยัง” พี่โชว์ถามกลับ
“เรียบร้อยตั้งแต่เย็นแล้วจ๊ะ เกือบเข้านอนแล้วเชียว ดีนะยังไม่นอน งกแม่กระทั้งค่าโทรศัพท์ ลูกใครเนี้ยะ” มีกัด แม่นี้ก็นะ
“กะมาเซอร์ไพรส์ไงแม่”
“จ้าๆๆ อาบน้ำอาบท่า นอนกันนะ ตามสบายเลยนะโชว์ ตุลย์ดูแลพี่เขาด้วย แม่ขอตัวก่อน” ไม่บอกแล้วกลับเข้าห้องนอนไป
“พี่โชว์ ดูสนิทกับแม่ตุลย์เนอะ” ผมว่า
“อืมจะไม่สนิทได้ไงเล่า เป็นลูกเขยบ้านนี้นะ ต้องสนิทกับแม่ยายดิ” พี่โชว์พูด
“เฮ้ยย!! แม่รู้หรอ” ผมถาม เพราะผมไม่รู้ว่าแม่รู้รึยัง
“อืม รู้สิ ผมรักจริงนะ สู่ขอเรียบร้อย แม่ไม่เรียกสินสอดสักบาท” แม่ผมรู้เรื่องราวระหว่างสองคนแล้วจริงๆ หรอ แม่ไม่เสียใจใช่ไหม ผมเป็นห่วงแม่จัง
“โหได้ไงอ่า ตุลย์ไม่ใช่ของฟรีที่แม่จะยกให้ใครง่ายๆ นะ โดยเฉพาะพี่ อืม แล้วแม่เค้ารู้เรื่องของเราจริงหรอ” ผมชักเป็นกังวล
“อืม จริงสิ ตุลย์ไม่ต้องกังวล แม่ตุลย์เข้าใจแล้ว แล้วพี่ก็สัญญากับแม่ตุลย์แล้วว่าพี่จะดูแลตุลย์เป็นอย่างดี แม่ตุลย์เข้าใจความรักของเรานะ” พี่โชว์ว่า ทำให้ผมสบายใจขึ้นครับ
“ครับ ว่าแต่แม่ไม่คิดค่าสินสอดจริงอ่า ได้ไงอ่า งั้นตุลย์คิดนะ” ผมพูดขำๆ
“อ่า เท่าไหร่ดีละ” พี่โชว์ถาม อืม ค่าตัวผมน่าจะเท่าไหร่หน่า หล่อขนาดนี้
“ให้เท่าไหร่ละ” ผมย้อนถาม
“พี่มีเท่าไหร่พี่ให้หมดเลย ต่อให้เป็นร้อยล้าน พันล้าน หรือแม้แต่พี่ไม่เหลืออะไร หัวใจพี่ก็ยังเป็นของตุลย์ แค่นี้พอมั้ย” โหลงทุนจัง ดีใจนะนี้มีแฟนรวย 555 ตอนนี้ผมยอมรับแล้วละครับว่าผมกับพี่โชว์เป็นแฟนกันจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่คนอื่นยืนยัน ผมว่าความรู้สึกในเศษเสี้ยวนึงมันก็บอกผมเช่นนั้น
“โห จริงดิ ตุลย์จะกลายเป็นมหาเศรษฐีเลยอ่าดิ” ผมว่าให้ ก็แกล้งเล่นแหละครับ ผมคงไม่ไปเอาสมบัติของพี่เขาจริงๆ หรอก อยู่แบบปัจจุบันก็มีความสุขแล้ว
“คงงั้น เราจะสร้างฐานะไปด้วยกันจนแก่จนเฒ่าเลยละ ดีมั้ย แต่ตอนนี้พี่มีอะไรจะให้ก่อนเอามั้ย” ยังไม่ทันถามหรือพูดอะไร ตัวผมก็ถูกยกลอยเลยครับ พี่โชว์อุ้มผมครับ
“เฮ้ย! วางลงพี่ ตุลย์เดินเองได้” พี่โชว์อุ้มผมมาที่ห้องแล้ววางลงบนเตียง.....แล้วเรื่องราวบนเตียงก็ดำเนินไปตามทำนองท้องเรื่อง อย่างที่ควรจะเป็น (CENS0R) 555
................................................................................................
“ตุลย์รักพี่มั๊ย” พี่โชว์ ถามขึ้น ก่อนออกไปเรียน เป็นคำถามที่ช่วงนี้พี่ชอบถามผมบ่อยมาก
“ถามบ่อยจัง” ผมว่า
“แต่ตุลย์ก็ไม่เคยตอบว่ารัก ทั้งที่เมื่อก่อนตุลย์จะบอกว่ารักพี่เสมอ” พี่โชว์พูดเสียงเศร้า
“เอ่อ พี่โชว์ครับตุลย์ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ทำให้ตุลย์นะครับ ทั้งที่ตุลย์จำไม่ได้ หรือจำได้จนถึงตอนนี้ ตุลย์ขอบคุณจากใจจริง พี่โชว์ใส่ใจและดูแลตุลย์เป็นอย่างดี ตุลย์รู้สึกชอบและรู้สึกดีกลับพี่มาก”
“ตุลย์พี่ขอแค่คำตอบ ว่า “รัก” หรือ “ไม่รัก” แค่นั้น” พี่ตุลย์หยุดคำพูดผม
“เอ่อ อยากรู้หรอ” ผมยังเฉไฉ
“อืม อยากรู้มากว่าตุลย์รักพี่บ้างไหม” พี่โชว์ แล้วกระชับมือผมเอาไว้ แล้วจ้องรอฟังคำตอบ รู้ได้เลยว่าพี่เขาอยากรู้แค่ไหน
“เอ่อ ขอเวลาตุลย์หน่อยได้ไหมครับ” ผมตอบไม่ได้ว่ารักรึป่าว แต่สามารถปฏิเสธคำตอบว่าไม่รักได้ ผมชอบพี่โชว์มากๆ มันรักรึเปล่านะ
“พี่จะรอนะ ขอแค่ตุลย์อย่าทิ้งพี่ไปก่อน พี่จะรอ อย่าให้พี่รอนาน พี่อยากให้เรารักกันเหมือนเดิม” พี่โชว์ว่า กระชับมือผมแน่นขึ้น ระบายความอบอุ่นสู่มือผม
“ครับ ตุลย์จะพยายาม อย่าทิ้งตุลย์ไปเหมือนกันนะ” ผมว่า เพราะคนที่อยู่ข้างผมมาตลอด คอยดูแล หาข้าว หายา ใส่ใจผมตั้งแต่ผมความจำเสื่อม ก็คือพี่โชว์คนนี้ ถึงแม้จะชอบดุ ชอบโมโหใส่ ใจร้าย ลามก โรคจิต บ้าเถื่อน มือไว ใจเร็ว (เยอะนะ 55) แต่มันก็คือความรู้สึกดีดีที่ผมได้จากพี่เขา ผมความจำเสื่อมมาจะได้สองเดือนแล้ว มีบ้างที่ผมคุ้นๆ ว่าผมเคยทำ ว่าเคยเป็น เคยรู้สึกแบบนี้ ผมว่าอีกไม่นานทุกอย่างก็คงจะสวยงามแล้วกลับมาเป็นของผมเหมือนเดิม ผมเชื่อว่าต้องเป็นเช่นนั้น
“ครับ รักนะครับ” พี่โชว์พูดกับผม เป็นคำพูดที่ผมรู้สึกดีมาก
“ขอบคุณครับ” ขอบคุณที่รักคนอย่างผม
“ป่ะ ไปเรียนได้แล้ว เดี๋ยวสาย” พี่บอก นั่งคุยกันตั้งนาน เพราะวันนี้ดันตื่นกันเร็ว
“คร้าบบบบ พ่อ” ผมแกล้งเล่น
“เรียกผัวแทนได้ป่าว” นั้นไง
“ไอ้โรคจิต” ผมด่าให้
“คร้าบบ เมีย” หึยย ขนลุก อย่าพูดแบบนี้อีกนะ ขอร้อง
“ตุลย์ กูมีวิธีมานำเสนอ” ไอ้คิวเพื่อนรักครับ มานำเสนอวิธีคืนความจำอีกแล้ว
“อะไรของมึงอีก คราวนี้จะได้ผลป่าว” ไอ้พจน์ว่า
“กูรู้จักหมอคนนึง กูว่าเขาหน้าจะช่วยได้” ไอ้คิวว่า
“จริง หรอเขาเก่งมากเลยหรอ” ข้าวถาม
“เออ หมออะไรว่ะ หมอประสาทหรอ” ไอ้พจน์ก็ถาม
“ป่าว หมอทรงอ่า” เอ่อ กูไม่ได้ผีเข้าครับคุณเพื่อน
“โอ้ย!! อะไรของมึงเนี้ยะ” ไอ้คิวโดนไอ้พจน์ ตบหัวเข้าให้
“ไอ้ตุลย์มันความจำเสื่อมไม่ใช่ผีเข้า” ไอ้พจน์ว่า
“อ้าว ก็ไปปรึกษาเพื่อนเขาช่วยได้ หาทางสะเดาะเคราะห์บางทีอาจจะช่วยได้” ไอ้นี้แต่ละวิธี เริ่มเข้าใกล้ไสยศาสตร์ไปทุกที
“จะไหวเหรอคิว” ไอ้ข้าวว่า
“เออนั้นดิ จะได้หรอว่ะ”
“มึง ของแบบนี้ลบหลู่ไม่ได้นะเว้ย บางครั้งการเยียวยาด้วยแพทย์อย่างเดียวอาจไม่ได้ผลก็ได้นะ ลองดูคงไม่เสียหาย” ไอ้คิวยังคงอธิบาย ผมควรจะทำไงดีเนี้ยะ แต่ละวิธีที่สรรหามา น่าลองทั้งนั้น
“ว่าไงตุลย์” ไอ้พจน์ถามผม
“เอ่อ เอางั้นหรอ” ผมหันไปถามไอ้คิว
“เออ จริงดิ ลองดูกูพอรู้จัก เขาน่าจะช่วยมึงได้”
“อืม ลองดูก็ได้” สุดท้ายผมก็เชื่อเพื่อน
***************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป