ตอนที่ 25
เสียงเคาะประตูหน้าห้องปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไรนักหลังจากที่ผมเพิ่งเข้านอนไปได้ไม่น่าจะนานเท่าไร ผมปรับสายตาให้ชินกับแสงสลัวของโคมไฟเล็กน้อยแล้วมองดูเวลาที่ข้างเตียง..........ตีสองสี่สิบนาที ใครกันนะช่างมาหาได้ถูกเวลาอย่างนี้.........
เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยของตัวเอง ผมแนบตากับตาแมวที่ประตูเพื่อมองผู้มาเยือนยามวิกาลให้แน่ใจว่าจะไม่ใช่คนที่ไม่รู้จัก แปลก! คนๆ นั้นทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ได้?
“คุณภามครับ”นายทัพเรียกผมทันทีที่ประตูเปิดออก
“คุณมีอะไรหรือเปล่า? มาเวลานี้น่ากลัวจะมีเรื่องด่วน”ผมถามคำถามที่มีในใจ ก็คนปกติที่ไหนจะมาเคาะประตูห้องชาวบ้านเอาป่านนี้
“มีครับ เรื่องด่วนเสียด้วย”เขาตอบด้วยท่าทีลำบากใจ เรื่องอะไรกันนะที่ทำให้เขาต้องรีบมาบอกผมแบบนี้?
“คุณภามช่วยกลับไปที่บ้านคุณชายเดี๋ยวนี้เลยจะได้ไหมครับ?”นายทัพตั้งคำถามเมื่อเห็นว่าผมตั้งท่าฟังโดยที่ไม่พูดอะไร แต่ประโยคสั้นๆ นี้ก็มีอำนาจพอที่จะปลุกให้ผมตื่นอย่างเต็มตา
“หือ?”
“ได้ยินไม่ผิดหรอกครับ นะครับคุณภาม ถือว่าผมขอร้อง ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครจริงๆ”
“เดี๋ยวๆ คุณ อยู่ๆ ก็จะมาให้ผมไปที่นั่น จะไม่บอกเหตุผลผมหน่อยหรือ?”ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าอะไรที่สำคัญถึงขนาดที่ผมจะต้องกลับไปที่นั่น
“คุณชายครับ.....”นายทัพพูดแล้วเว้นช่วงไป “ตั้งแต่ที่คุณชายกลับไปที่บ้านในตอนสายก็ไม่ยอมพบใคร ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ อาหารก็ไม่ยอมทาน ดื่มแต่เหล้าจนเมาไม่ได้สติเลยครับ”ตอนสาย? คงเป็นตอนที่ผมพานันไปทำแผลสินะ นันอยู่คุยกับผมสักพักก็กลับไป เขาไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบผมนิดหน่อย ก่อนที่เราจะแยกย้ายกัน
“นั่นมันก็เรื่องของเขา ถ้าเขาอยากทำอะไรก็ไม่มีใครไปบังคับเขาได้นี่ แล้วผมจะต้องไปที่นั่นทำไมกัน?”พอไม่ได้อย่างใจก็สำมะเลเทเมาตามเคย คนแบบเขาก็เป็นแบบนี้แหละ
“เรื่องมันแย่ตรงที่ว่าไม่มีแค่เท่านั้นหล่ะครับ พอคุณชายเมาก็เริ่มอาละวาด พออาละวาดก็เดินสะเปะสะปะไปทั่วจนตกบันไดลงมาตั้งหลายขั้น ดีนะครับที่กระดูกไม่แตก แต่ก็เจ็บหนักพอที่หมอจะใส่เฝือกให้เลยหล่ะครับ”นายทัพหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ
“พอกลับจากโรงพยาบาลคุณชายก็ไม่ยอมแตะต้องอาหารอะไรเหมือนเคย แต่ที่แย่ก็คือไม่ยอมทานยาด้วยนี่แหละครับ ใครพูดอะไรด้วยก็เงียบอย่างเดียว คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงก็ไปต่างประเทศ ผมไม่รู้ว่าจะมีใครที่จะช่วยได้นอกจากคุณภามอีกแล้ว ยังไงช่วยไปกับผมเถอะนะครับ ให้ผมไหว้ก็ยอม”
“เฮ้ย! คุณ”ผมรีบเข้าไปจับมือเขาไว้เมื่อเห็นเขาตั้งท่าจะยกมือขึ้นไหว้ผม ไม่ไหวๆ เดี๋ยวผมก็อายุสั้นกันพอดีหรอก
“ไปได้สินะครับ?”นายทัพดูมีสีหน้าที่ดีขึ้น
“เอ่อ..... คงต้องขอโทษด้ว....”
“งั้นผมขอคุกเข่ากราบตรงนี้เลยแล้วกัน”
“ไปครับ! ไปๆ ไปเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวขอเปลี่ยนชุดครู่เดียว!”เฮ้อ....ในที่สุดก็ปฏิเสธไม่ได้อีกแล้ว........
“คุณภามพอจะรู้สาเหตุที่คุณชายเป็นแบบนี้หรือเปล่าครับ? พอดีว่าวันนี้ผมไม่ได้ตามคุณชายไปที่บริษัทด้วย”นายทัพถามผมในขณะที่ขับรถเข้าสู่ถนนสีลม ผมสะดุ้งเล็กๆ กับคำถามที่ถูกส่งมา สาเหตุนะหรือ? รู้สิ! รู้ดีด้วย ต้นเหตุยังรู้เลยว่าใคร.....
“ตอนนี้ยอร์ชเป็นยังไงบ้างครับคุณทัพ?”เมื่อรู้ดีอยู่แล้วว่าตอบอะไรไปก็เข้าตัวเองผมจึงเลือกที่จะเป็นคนตั้งคำถามเอง
“เฮ้ย! คุณภามอย่าเรียกผมแบบนี้สิครับ! มันไม่เหมาะ”นายทัพหน้าตาตื่นๆ รีบหันมาบอกผม เฮ้ยๆๆๆๆๆๆ ดูถนนโน่น ไม่ต้องมาดูผม!
“อ้าว? ก็ถ้าไม่ให้เรียกแบบนี้จะให้ผมเรียกว่าอะไร?”ผมถามงงๆ
“ก็เรียกแบบคุณชายไงครับ ง่ายออก”
“ให้ผมเรียกคุณว่าไอ้...... เอ่อ แบบนั้นเนี่ยนะ?”หยาบคายไปมั้ย?
“ฮ่าๆๆๆ ถ้าจะเรียกแบบนั้นก็ได้ครับ แต่ถ้าไม่สะดวกใจก็เรียกว่าทัพเฉยๆ ก็ได้ครับ นี่เป็นชื่อที่คุณชายตั้งให้ผม”อะไรกัน หัวเราะได้แล้ว ไหนว่าเป็นห่วงคุณชายนักหนา
“ยอร์ชตั้งให้เนี่ยนะ?”ผมถามงงๆ แล้วทำไมพ่อแม่เขาไม่เป็นคนตั้งชื่อให้เขาหล่ะ
“ครับ........เพราะคุณชาย ผมถึงอยู่ได้มาจนถึงวันนี้”เขาพูดยิ้มๆ แล้วเริ่มเล่า
“ผมถูกทิ้งไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่เด็กน่ะครับ จำได้ว่าตอนนั้นผมเพิ่งอายุได้สิบกว่าขวบ คุณชายที่อ่อนกว่าผมสามสี่ปีในวันนั้นได้ติดตามคุณท่านทั้งสองคนไปเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าที่นั่นด้วย”หือ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ? ผมก็เพิ่งจะได้รู้วันนี้เอง
“วันนั้นหลังจากงานเลิก คุณชายที่เห็นผมนั่งซึมอยู่ตลอดทั้งวันได้เข้ามาชวนผมให้มาอยู่ด้วยกันที่บ้าน ซึ่งคุณท่านก็อนุญาต หลังจากวันนั้นคุณชายก็ตั้งชื่อใหม่ให้ผม “ตั้งทัพ” ชื่อใหม่ที่มาพร้อมกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่”อะไรเนี่ย ชื่อบ้าเลือดแบบนี้ ไม่แปลกเลยที่มันจะมาจากนายยอร์ช
“ผมรู้นะครับว่าคุณภามกำลังคิดอะไรอยู่”เขาหันมาบอกยิ้มๆ “มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ คุณชายบอกผมว่าผมชอบทำหน้าหงอยอยู่ตลอดเวลา ชื่อตั้งทัพนี่จะได้ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะลุกขึ้นมาสู้กับชีวิต สู้กับปัญหาทุกอย่างที่จะเข้ามาหา และนับแต่วันนั้นนี่ก็เป็นชื่อเดียวที่ผมมีและภูมิใจ”
“คุณชายเป็นคนดีมากนะครับ ถึงจะโผงผางและดูจะเอาแต่ใจไปหน่อย แต่ผมอยากขอร้องให้คุณภามอดทนสักนิด”ตั้งทัพพูดหลังจากที่เราเงียบกันไปได้สักพัก
“คุณต้องการจะบอกอะไรผม?”
“เรียกผมเหมือนคุณชายเถอะครับ ผมขอร้อง”แทนที่จะตอบเขากลับพูดไปอีกเรื่อง
“นายต้องการจะบอกอะไรฉัน?”เอาสิ! ผมไม่ยอมหรอก ถามแล้วก็ต้องให้ตอบให้ได้
“.......ผมดูออกว่าคุณภามก็รักคุณชาย”
“............................................”เงียบสิครับ จะให้ตอบอะไร
“คุณชายรักคุณภามมากนะครับ รักมากแบบที่ว่าไม่สามารถขาดคุณภามไปได้ ได้โปรดกลับไปอยู่กับคุณชาย ให้โอกาสและฟังเหตุผลของคุณชายอีกสักครั้งเถอะครับ”เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“จะให้ไปได้ยังไง? ในเมื่อภรรยาเขาก็อยู่ทั้งคน”ผมตอบทั้งๆ ที่ใจก็เจ็บ
“คุณชายไม่ได้แต่งงานหรอกครับ”
“หือ?”อะไรนะ? ผมได้ยินอะไรผิดหรือเปล่า?
“คุณภามฟังไม่ผิดหรอกครับ คุณชายไม่ได้แต่งงาน ไม่มีเจ้าสาวหรืออะไรทั้งนั้น ตอนนี้คุณชายรอโอกาสที่จะได้อธิบายอยู่นะครับ”
“แล้วทำไมเขาถึงไม่ได้แต่งงานหล่ะ?”ผมรู้สึกเหมือนสิ่งหนักๆ ได้ถูกยกออกจากอก ความหนักที่ทับถมผมอยู่เป็นเวลานานได้ถูกยกออกไปมากมาย แต่มันก็ยังไม่หมด ถ้าผมยังไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ
“ผมว่าคุณภามถามเอาจากคุณชายเองดีกว่าครับ”
“ก็เขาไม่เล่านี่ แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง?”อะไรเนี่ย! ท่ามากกันทั้งเจ้านายลูกน้อง
“เพราะคุณภามไม่เปิดโอกาสให้คุณชายต่างหากครับ ผมถึงได้ขอร้อง ให้โอกาสคุณชายอีกสักครับนะครับ อีกสักครั้ง.......”
ประโยคขอร้องถูกเอ่ยออกมาอีกครั้งจากตั้งทัพ โอกาสหรือ? นั่นสินะ........ดูเหมือนว่าผมจะไม่เคยได้ให้โอกาสกับนายยอร์ชเลยทั้งๆ ที่ถ้าผมจะทำก็ทำได้ โอกาส.......นั่นสินะ...........
“ภามมมมมมมมมมมมม.....”
“พี่ภามมมมมมมมมมมม.....”สองเสียงดังประสานกันเป็นการต้อนรับเมื่อผมเดินเข้าไปในบ้าน เฮียร์ยอร์ครีบวิ่งถลาจากโซฟาตัวยาวเข้ามาหาผม ตามมาด้วยน้องชายคนเล็กของนายยอร์ชที่เดินสโหลสเลเข้ามาหา ทั้งสองคนดูอยากนอนกันเต็มที แต่คงไปไหนไม่รอดเพราะตัวปัญหาที่มีเพียงหนึ่งเดียว
“เฮียไม่ยอมหลับยอมนอนซะที เอาแต่นั่งขรึม หารู้ไม่ว่าจะทำให้น้องตัวเองเป็นหมีแพนด้ากันหมดแล้ว”เฮียยอร์ครีบฟ้องเป็นคนแรก
“เยลสงสารเฮียมากเลยพี่ภาม ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่เยลยังไม่เคยเห็นเฮียเป็นแบบนี้เลย”เฮ้ยๆ พ่อแกท้องได้ด้วยเรอะ?
“คุณชายอยู่บนห้องข้างบนครับ”ตั้งทัพที่ดูจะรอช้ากับการฟ้องของสองพี่น้องไม่ไหวรีบบอกจุดหมายแก่ผม แล้วเขาก็เดินนำขึ้นไปยังชั้นบน ตามติดมาด้วยสองพี่น้องแพนด้าที่เดินเบลอๆ ตามมาดูผลงานห่างๆ
ผมเปิดประตูห้องที่นายทัพพามาหยุดอยู่ออกแล้วเดินเข้าไป บนเตียงกลางห้อง นายยอร์ชนั่งนิ่งอยู่ไม่แม้จะหันมามองว่ามีใครเข้ามาในห้องของตัวเอง ที่ขาขวามีเฝือกสีขาวอันใหญ่ ข้างๆ กันเป็นไม้เท้าที่คงจะได้แถมมาจากโรงพยาบาล
“ยอร์ช....”นายยอร์ชหันมามองผมตามเสียงเรียก ได้ยินเสียงตบมือดีใจของสองพี่น้องที่ยืนอยู่ไม่ห่างมากนัก แต่ความดีใจก็มีอยู่ได้ไม่นานเมื่อพ่อตัวดีหันกลับไปอย่างเก่าและทำท่าไม่สนใจอะไรอีก
“คุณภามมาเยี่ยมครับคุณชาย”ตั้งทัพพูดทำลายความเงียบเมื่อเห็นว่าท่าจะไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าของห้องหันมาให้ความสนใจกับพวกเราแต่อย่างไร ผมหันไปพยักหน้าบอกให้ทุกคนออกไปก่อนซึ่งทุกคนก็พร้อมใจกันเป็นอย่างดี ก่อนออกไปนายทัพชี้บอกตำแหน่งของถ้วยยาที่ตั้งไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงแล้วทำท่าให้ผมบังคับเจ้านายให้กินให้ได้
“เจ็บไหม?”ผมถามแล้วนั่งลงข้างๆ เขาบนเตียงเมื่อคนอื่นออกไปกันหมดแล้ว แต่คำตอบที่ได้ก็ยังคงเป็นความเงียบ ผมถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะลุกไปหยิบยาและแก้วน้ำข้างหัวเตียงมายื่นส่งให้เขา
“กินยาเถอะ ไม่งั้นจะปวดขานะ”ไร้สัญญาณตอบรับ โอย....ผมจะทำยังไงดีเนี่ย แสนงอนเหลือเกินนายคนนี้
“ยอร์ช......”ผมครางอย่างจนปัญญาเมื่อทำยังไงเขาก็ไม่ยอมสนใจ เอาแต่นั่งนิ่งเป็นหุ่นยนต์อยู่นั่นแหละ ในเมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผลผมจะลองใช้ไม่แข็งละนะ
“จะกินหรือไม่กิน?”ผมถามเขาเมื่อหมดความอดทนในที่สุด เห็นเขาเหลือบขึ้นมามองผมชั่วครู่แล้วก็กลับไปสนใจผนังห้องเหมือนเดิม
“ไม่กินก็อย่ากิน งั้นกลับละนะ โชคดี”ผมวางถ้วยยาและแก้วน้ำลงแล้วเดินไปที่ประตูห้อง เฮ้อ....สงสัยคืนนี้จะยังเร็วไปที่จะทำให้อะไรมันดีขึ้น ไว้รอพรุ่งนี้ก็แล้วกัน
“เดี๋ยว....”ในที่สุดเขาก็ยอมพูดเป็นคำแรก คำแรกที่ทำให้ผมแอบยิ้มบนใบหน้าแล้วหันกลับไปหาเขา
“..........กิน....ก็ได้”นายยอร์ชพูดเบาๆ ผมเดินกลับไปหยิบยายื่นส่งให้เขา แต่เขาทำเพียงแค่อ้าปากรอ ไม่ยอมยื่นมือออกมารับ เฮ้อ..... เห็นว่าผมเป็นตัวการหรอกนะ ยอมสักวันนึงก็ได้
“กลับมาทำไม?”นายยอร์ชถามผมเมื่อผมป้อนยาเสร็จ
“อ้าว? แล้วไม่อยากให้กลับมาหรือไง?”
“..............ก็............อยาก”แม้ในความมืดที่มีแสงสลัวจากโคมไฟข้างเตียง แต่ผมก็เห็นได้ว่าสีหน้านายยอร์ชดีขึ้นกว่าเดิมมาก
“ที่จริงก็ไม่อยากกลับมาหรอก แต่มีคนไปรับเพราะหาทางจัดการกับคนป่วยดื้อๆ ไม่ไหว”ผมบอกยิ้มๆ
“จะมาอยู่นานแค่ไหน? มาอยู่กับพี่ตลอดเลยได้ไหม?”
“ก็ต้องดูก่อนว่าทำตัวให้น่าอยู่ด้วยหรือเปล่า”
“ภามมมมมม.......”
“นอนได้แล้ว นี่คิดว่ากี่โมงแล้วเนี่ย อย่าเอาแต่ใจเหมือนเด็กสิ”ผมบอกแล้วเข้าไปประคองให้เขาลงนอนซึ่งเขาก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“จะไปไหน?”นายยอร์ชถามเมื่อเห็นผมเดินออกไปเมื่อจัดท่านอนให้เขาเรียบร้อยแล้ว
“ก็ไปนอนสิ จะให้อยู่ทำไมหล่ะ”
“ก็นอนกับพี่นี่แหละ”
“ไม่เหมาะมั้ง”ผมปฏิเสธ
“ก็เคยนอนด้วยกันอยู่ ไม่เหมาะตรงไหน?”
“ไม่เหมาะตรงที่มีคุณอยู่นี่แหละ นอนไปเลย”ผมตั้งท่าจะเดินออกจากห้องอีกรอบ แต่ก็ต้องหยุดเมื่อเขาเริ่มกระจองอแง
“ถ้าภามไม่นอนด้วยพี่ก็ไม่นอน”เขาพยายามลุกขึ้นมานั่งอีกครั้งจนสำเร็จแล้วเอื้อมมือไปคว้าไม้เท้าข้างเตียงทำท่าว่าจะลุกเดินตามมา
“พอๆๆ นอนก็นอน ลงไปนอนดีๆ เลย”ผมส่ายหน้าอย่างอ่อนใจแล้วเดินกลับไปที่เตียงอีกครั้ง
“อืม”นายยอร์ชตอบรับอย่างว่าง่ายแล้วล้มตัวลงนอนอีกฟากของเตียงใหญ่
“ห้ามข้ามมานะ นี่เป็นเขตหวงห้าม”ผมคว้าหมอนข้างที่มีพู่ห้อยหรูหรามาวางกั้นตรงกลางเตียง
“รับรองเลย”นายยอร์ชบอกอารมณ์ดี
“โอเค งั้นก็นอน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที”
“ครับผม”นายยอร์ชตอบรับ ก่อนที่เราทั้งสองคนจะเงียบจนผมเคลิ้มหลับไป.....
To be continued
_____________________________________________
ดีใจด้วยย ในที่สุดคู่นี้ก็จะได้เริ่มเคลียร์กันซะที(รึเปล่านะ? หึหึ)
ช่วงนี้อยู่บ้านจนเซ็งเลยล่ะคะ ก็ภาวนาให้บ้านเมืองสงบเร็วๆ
รักษาเนื้อรักษาตัวกันด้วยนะจ้า เป็นห่วงทุกคนเลย
นัท