ตอนที่ 16
บ่ายๆ ของวันถัดมา ภีมเดินมาส่งผมที่คณะด้วยหน้าบูดๆ เล็กน้อยเนื่องจากชักชวนผมไปกินไอติมกับเจ้าตัวที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ ไม่สำเร็จ สุดท้ายหลังจากที่มาส่งผมหน้าโรงอาหารแล้วภีมก็ต้องเดินไปขึ้นรถตู้ที่อยู่ไม่ห่างจากคณะมากนักคนเดียว ผมใช้เวลาในช่วงบ่ายถึงเย็นช่วยแจนกับเพื่อนคนอื่นๆ จัดการเก็บรายละเอียดของถ้วยรางวัลที่จะใช้ในงานเลี้ยงให้เสร็จ ซึ่งงานในส่วนของกลุ่มเราดูจะเสร็จสิ้นก่อนวันที่กำหนด ถ้ากลุ่มอื่นเหลืองานอีกไม่มาก พรุ่งนี้พวกเราก็จะมีเวลาพักผ่อน
“เดี๋ยวขัดอีกทีนะภาม เสร็จแล้วเดี๋ยวพ่นสีทับอีกรอบก็โอเค”แจนหันมาบอกผมให้ขัดฐานรองถ้วยรางวัลที่โป๊วสีทับรอยต่อของไม้แต่ละชิ้นไว้ก่อนที่จะหันไปจัดการกับอีกถ้วยที่เหลือ ตอนนี้เพื่อนที่มาทำงานด้วยกันในโรงอาหารเหลืออยู่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่ก็แยกย้ายกระจายกันไปทำงานส่วนอื่นๆ ที่หอหรือบางคนก็มีธุระมาช่วยไม่ได้จริงๆ
“อื้อ”ผมตอบรับยิ้มๆ แล้วเริ่มลงมือขัดไม้ด้วยกระดาษทรายเบอร์ที่ค่อนข้างละเอียด อันที่จริงนี่ก็เป็นงานเล็กน้อยที่ผมได้ช่วยทำในวันนี้
“ทำไมวันนี้ไม่เห็นนันเลยหล่ะภาม ปกติเห็นอยู่ด้วยกันตลอดนี่นา”น้ำที่กำลังเก็บกวาดเศษอุปกรณ์อยู่หันมาถาม
“เห็นบอกว่ามีธุระที่บ้านน่ะ กลับไปตั้งแต่เช้าแล้ว”ผมบอกตามที่รู้มาจากนัน เมื่อคืนนันโทรมาขอโทษผมที่มาช่วยงานในวันนี้ไม่ได้ ซึ่งผมก็งงว่าจะขอโทษทำไม ในเมื่อหัวหน้างานนี้คือปาล์ม เพื่อนอีกคนในรุ่น
“อ๋อ เราก็นึกว่ามีอะไร เพราะทุกทีก็เห็นนันมาช่วยงานตลอด”น้ำว่าอย่างไม่ใส่ใจก่อนที่จะหันไปทำงานของตัวเองต่อ ไม่นานนักฐานไม้ที่ผมขัดเสร็จก็ได้รับการพ่นสีเป็นที่เรียบร้อย เพื่อนๆ ที่เหลืออยู่อีกประมาณห้าคนรวมทั้งผมช่วยกันเก็บกวาดโรงอาหารก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับหอ ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีอะไรต้องช่วยอีกผมก็จะได้กลับบ้านเสียที ค่อยเข้ามาใหม่ในวันที่มีงานเลี้ยงเลย...คิดถึงบ้านจะแย่แล้ว
ผมเดินถือถุงใส่ถ้วยรางวัลทั้งสองถ้วยที่เพื่อนฝากไปเก็บที่ห้องมาทางหน้าตึกเรียนรวม บรรยากาศในคณะตอนเย็นๆ นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ภายในคณะน่าเดินมาก แดดร่มๆ กับลมเย็นๆ ที่พัดผ่านต้นไม้สีเขียวสดชื่นน่ามองทำให้ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เดินเล่นในคณะเวลานี้ นักกีฬาจากชมรมกีฬาของวิศวะวิ่งผ่านไปบนถนนเล็กๆ ด้านหลัง รุ่นพี่ในคณะเดินหอบโมเดลบ้านหลังใหญ่กลับหอ นี่คือสิ่งที่ผมเห็นจนชินตาในทุกๆ วัน และคงจะห่างหายไปเมื่อเวลาปิดเทอมมาถึง ในเวลาเปิดเทอม การปิดเทอมคือสิ่งที่พวกเราภาวนาให้มันรีบเดินทางมาถึงเร็วๆ แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ เรากลับอยากให้เปิดเทอมไวๆ เพื่อกลับมาใช้แรงงานเหมือนเก่า ผมยิ้มแล้วส่ายหน้าให้กับความคิดของตัวเอง พลางยกมือไหว้รูปปั้นคณะบดีคนแรกของคณะที่ตั้งอยู่หน้าหอประชุมคณะ
“ภาม!”เสียงคุ้นหูดังลงมาจากหน้าหอประชุมด้านบน ผมเงยหน้าขึ้นไปมองคนตัวใหญ่ที่ยืนโบกไม้โบกมืออยู่ตรงลานกว้าง ด้านหลังเป็นตัวตึกกรุกระจกที่ทำเป็นรูปครึ่งวงกลม
“ขึ้นไปทำอะไรบนนั้นอะยอร์ช”ผมยิ้มให้แล้วถามอย่างอารมณ์ดี เห็นคนข้างบนหัวเราะคิกคักแล้ววิ่งลงมาหา
“อยู่สูงๆ จะได้มองเห็นภามก่อนใครไง”เขาว่ายิ้มๆ แล้วฉวยถุงในมือผมไปถือแทน “อีกอย่างจะได้ตั้งรับไอ้ตัวหวงน้องได้ถนัดๆ ด้วย”ประโยคที่ตามมาทำให้ผมออกจะตลกกับท่าทีของเขา
“ภีมไปเดินเล่นที่ห้าง ยังไม่กลับเลย”
“อ๋อ ดีๆ จะได้ทำอะไรถนัดๆ หน่อย”นายยอร์ชท่าทางดีใจ
“จะทำอะไรหล่ะถึงต้องให้ถนัดนัก”ผมแกล้งถาม
“ก็...ทำแบบนี้ไง”คนข้างๆ ว่าแล้วโน้มใบหน้าลงมาประทับริมฝีปากที่แก้มผมอย่างรวดเร็วก่อนจะถอนออก
“ฮ้า...ชื่นใจ”พอยืนตัวตรงได้ก็หลับตาทำหน้าเพ้อฝัน
“ไม่ได้อายชาวบ้านเค้าเลยนะ”ผมว่าเขินๆ ผลักเขาจนเกือบล้มไปอีกทางแล้วเดินหนีขึ้นไปนั่งที่บันไดขั้นบนสุดหน้าหอประชุม
“เมียเราดุจัง”นายยอร์ชบ่นกระปอดกระแปดหลังจากที่วิ่งตามขึ้นมานั่งข้างๆ ผมเรียบร้อยแล้ว
“อะไรนะ!”
“ปละ..เปล่า”นายตัวดีตอบหลบสายตาแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “ไปกินข้าวกันมั้ย นี่ก็เย็นแล้ว พี่หิว”
“เดี๋ยวก่อน ต้องรอกินพร้อมภีม”ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดู ตอนนี้เกือบหกโมงเย็นแล้ว ทำไมภีมมาช้าจังนะ
“โห...ถ้ารอพี่ภามพี่ก็ไม่ได้กินกับภามน่ะสิ กีดกันกันขนาดนั้น”เสียงโอดครวญดังตามมาหลังจากที่ผมพูดจบ
“ภีมไม่ดุขนาดนั้นหรอกน่า ยอร์ชก็ทำตัวดีๆ สิ”ผมว่าขำๆ
“พี่อายุมากกว่าเขาตั้งปีนึงนะภาม”นายยอร์ชเถียงหน้าแดงๆ ดูขัดใจเล็กน้อย
“ล้อเล่นๆ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวภามคุยกับภีมให้”ผมบอกแล้วหันไปมองคนข้างๆ ที่ทำหน้าโล่งใจขึ้นมานิดหนึ่ง ตอนนี้ผมยังไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนที่จะทำให้ภีมยอมรับยอร์ชได้ ในเมื่อทั้งสองคนในตอนนี้เป็นคนที่ผมอยากรักษาน้ำใจด้วยกันทั้งสองคน นายยอร์ชอาจจะดูออกในเรื่องนี้ จึงไม่ค่อยที่จะแสดงท่าทีไม่ดีต่อภีมเท่าไหร่นัก ต่างจากพี่ชายตัวดีของผมที่คอยแต่จะหาเรื่องคู่กรณีอยู่ไม่ห่าง
“งั้นไปเดินเล่นกัน”นายยอร์ชลุกขึ้นยืนแล้วชวน ผมลุกขึ้นตามพร้อมกับนึกอะไรขึ้นมาได้
“ยอร์ช”
“หือ?”คนถูกเรียกหันหน้ามามองผมงงๆ
“นั่งลง”ผมบอกยิ้มๆ
“ทำไม?”สีหน้าไม่เข้าใจของเขาฉายอยู่เด่นชัด
“เถอะน่า”ผมบอกเขาที่งงๆ อยู่สักครู่ก่อนจะย่อตัวลงไปนั่งชันเข่าอยู่กับพื้น ผมนั่งลงบนหลังเขาแล้วยกมือขึ้นโอบรอบคอ
“เมื่อย...ขี้เกียจเดิน”ผมบอกสั้นๆ ได้ยินเสียงหัวเราะคิกๆ คักๆ จากคนที่ขี่หลังอยู่ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนแล้วก้าวลงบันไดช้าๆ สายลมเอื่อยๆ พัดเส้นผมของผมให้ปลิวสะบัดไปด้านหลัง ตอนเย็นนี่ช่างดีจริงๆ...
“ไปไหนดีครับท่านผู้โดยสาร”พาหนะของผมถามเสียงทะเล้น
“ไปเรื่อยๆ”ผมตอบอย่างอารมณ์ดี
“ไปไกลมากเก็บแพงนะ”
“แล้วคิดว่าจะจ่ายไหมหล่ะ”ผมตอบยียวน
“ที่แอบฉกอยู่ทุกวันนี่ก็ถือว่ากำไรแล้ว”นายยอร์ชพูดขำๆ ในขณะที่เท้าก็ก้าวไปเรื่อยๆ
“อ้าวภาม!”เสียงเรียกทำให้ผมหันไปมองคนเรียกที่ยืนอยู่บนลานด้านล่าง พี่แม็คที่เรียนอยู่ภาคนิเทศศิลป์ปีสองสะพายกล้องตัวใหญ่ยืนโบกมือให้ผมยิ้มๆ เรารู้จักและเริ่มที่จะสนิทกันในตอนที่ทำละคอนเวทีของคณะเมื่อไม่นานมานี้
“อ้าว! หวัดดีครับพี่”ผมทักทายแล้วหันมาบอกคนที่ขี่หลังอยู่ให้ปล่อยลง ซึ่งเขาก็ทำตามอย่างว่าง่าย แต่ก็มองพี่แม็คอย่างระแวดระวัง เฮ้อ...จริงๆ เลย
“พักนี้ไม่ค่อยได้เจอภามเลย เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม”พี่แม็คถามยิ้มๆ ส่วนนายยอร์ชเริ่มแยกเขี้ยวขู่ฮื่อๆ
“อื้อ ดีครับ”ผมตอบ “พี่แม็ค นี่ยอร์ช รุ่นพี่ของภามเอง”ผมแนะนำคนที่พยายามจะมีบทบาทในการสนทนากับพี่แม็ค แล้วก็หันไปทำแบบเดียวกันกับเจ้าตัวที่ผงกหัวหงึกๆ ท่าทางไม่เป็นมิตรไปให้
“อ้อ...คนนี้น่ะหรอพี่ยอร์ช อยากเจอตัวจริงมานานแล้ว”พี่แม็คพูดยิ้มๆ ยิ้มที่เป็นมิตรจริงๆ ทำให้ทั้งผมและนายยอร์ชงงในคำพูดของเขา
“อ้าว! ก็คนเขาพูดกันไปทั่วเรื่องที่ภามช่วยเด็กวิศวะไว้เมื่อไม่นานนี้น่ะ”พี่แม็คเฉลยเมื่อเห็นท่าทางไม่เข้าใจของผมกับคนข้างๆ
“ไม่น่าเชื่อว่าภามจะกล้าทำแบบนั้น ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่”พี่แม็คหันมาพูดกับผมแล้วหันไปยิ้มให้นายยอร์ชซึ่งตอนนี้ดูท่าทางเป็นมิตรมากขึ้นแล้ว นี่เรื่องที่นายยอร์ชทำท่าเชื่องกับผมในวันนั้นดังขนาดนี้เลยหรือเนี่ย!
เราคุยอะไรกันอยู่ไม่นานก่อนที่พี่แม็คจะเอ่ยปากขอผมถ่ายรูป
“เอ้อ! เดี๋ยวพี่ขอถ่ายรูปเราหน่อยสิภาม มีโจทย์นึงที่พี่ต้องการพอดี”เขาว่า”พี่ยอร์ชด้วยนะครับ โจทย์คราวนี้ต้องการรูปคู่”นายยอร์ชดูจะประหลาดใจกับคำขอของพี่แม็ค ต่างจากผมที่ตกลงอย่างว่าง่าย เพื่อนๆ พี่ๆ ที่อยู่ภาคนิเทศมักจะมายืมตัวคนรู้จักในคณะไปเป็นแบบถ่ายรูปให้เสมอ จึงไม่แปลกที่ผมจะเริ่มชินแล้ว
พี่แม็คจัดท่าทางให้ผมกับนายยอร์ชถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆ ที่ถูกเลือกไว้ในคณะ ในระหว่างที่ถ่ายไปผมก็แกล้งโน่นแกล้งนี่นายยอร์ชไปพลางๆ ซึ่งคนถูกแกล้งก็ยังหัวเราะอารมณ์ดีไม่มีทีท่าว่าความเอาแต่ใจส่วนตัวจะกำเริบแต่อย่างใด
“เสร็จแล้วหล่ะ ขอบใจมากนะภาม ขอบคุณมากนะครับพี่”พี่แม็คยิ้มให้ผมก่อนที่จะยกมือไหว้นายยอร์ชที่รับไหว้ยิ้มๆ ตอนนี้ดูเขาจะไม่หาเรื่องจับผิดพี่แม็คแล้ว พี่แม็คคุยเล่นอยู่กับเราสักครู่ก่อนที่จะขอตัวกลับไปทำงานต่อที่หอเพื่อที่จะได้รีบปิดโปรเจ็คสุดท้าย บรรยากาศตอนนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงค่ำแล้ว รอบๆ ตัวของเราเริ่มมืดลงและโคมไฟภายในคณะเริ่มเปิดให้แสงสว่างในเวลากลางคืนอีกครั้ง
ผมหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาโทรหาภีมเมื่อเห็นว่าภีมชักจะมาช้าเกินไปแล้ว ได้ยินเสียงภีมที่ดูหอบๆ ดังตอบกลับมาบอกว่ากำลังรีบวิ่งมาหา ผมบอกสถานที่ที่รออยู่และวางสายไป
ในไม่ช้าภีมที่ถือถุงในมือสองสามใบก็วิ่งหอบแฮ่กๆ มาหยุดยืนที่หน้าผม ภีมก้มหน้าลงมองพื้นแล้วท้าวมือไว้กับหัวเข่า
“’โทษทีภาม พี่ลืมว่าต้องขึ้นรถสายไหนกลับ เลยลงผิดที่ไปหน่อย”ภีมว่าแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม
“เฮ้ย! ไอ้หล่อ! มาอยู่กับน้องกูได้ไงวะ!”ภีมชี้หน้านายยอร์ชที่ยักคิ้วกวนๆ ให้
“ขับรถมา”นั่นไง ไอ้นี่ก็กวนซะจริงๆ
“ขับรถมางั้นก็ขับกลับไปเลยมึง ไม่ต้องมาวนเวียนกับน้องกู!”ภีมว่าปาวๆ ยังไม่ทันที่นายยอร์ชจะกวนอะไรกลับไปเสียงเดิมๆ เหตุการณ์คุ้นๆ ก็กลับมาอีกครั้ง
“เฮ้ยๆๆๆ มากไปแล้วแป๊ะ จะติดน้องก็ให้มันเพลาๆ บ้าง”เฮียร์ยอร์คเดินดุ่มๆ ออกมาจากมุมมืดของตึกที่อยู่ไม่ไกลจากที่ๆ เรายืนเท่าไหร่
“อ้าว? มาเมื่อไหร่วะตี๋?”นายยอร์ชถามน้องชาย
“ซักพักแล้วแหละเฮีย แต่ไม่อยากมาขัดจังหวะ”เฮียยอร์คว่าแล้วหันไปทำหน้าตี๋กวนใส่ภีม “ก็มีแต่ไอ้แป๊ะนี่แหละ ที่ไม่รู้จักรักษามารยาทเล้ย”ยังไม่วายแขวะคนใกล้ๆ
“ไม่ต้องมายุ่งเลยไอ้ตี๋ อยากโดนแบบเมื่อวานรึไงวะ”ภีมถามเฮียยอร์คด้วยเสียงเจ้าเล่ห์
“เหอะๆๆๆๆ”ได้ยินคำถามนั้นเฮียยอร์คก็หัวเราะทำหน้าเหมือนคนโรคจิตที่เพิ่งแอบหนีออกมาจากโรงพยาบาล มือที่ไพล่ไว้ด้านหลังถูกเปลี่ยนมาไว้ด้านหน้าเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือ
“เฮ้ย!”ภีมตะโกนลั่นกระโดดถอยหลังเมื่อไม้ช็อตยุงไฟฟ้าในมือเฮียยอร์คที่มีประกายไฟแลบแปล๊บปล๊าบถูกตวัดเฉียดหน้าไป
“เอามาทำไมวะตี๋”นายยอร์ชที่ดูงงๆ ไม่แพ้ผมถาม
“ยุงแถวนี้มันเยอะอะเฮีย เมื่อวานมันก็ทำไว้แสบ เลยต้องเอามาสั่งสอนมันบ้าง”เฮียยอร์ชยังไม่เลิกทำหน้าโรคจิต ตวัดไม้ช็อตยุงผ่านหน้าภีมที่กัดฟันกรอดๆ โยกตัวหลบไปมา
“ลองเข้ามาอีกทีสิ พ่อจะช็อตให้ชักตายเลย หึหึหึหึหึหึหึหึ”เฮียยอร์คหัวเราชั่วร้ายก่อนที่จะหยุดมือไว้ไม่ตวัดผ่านหน้าภีมต่อ
“ฝากไว้ก่อนนะมึงไอ้ตี๋!”ภีมส่งคำอาฆาตมาให้เฮียยอร์คทำให้ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าของในมือเฮียผู้แสนจะทะเล้นนั้นถูกเตรียมมาให้ภีมโดยเฉพาะ
“ฝากไว้อย่าลืมมาเอาคืนนะมึง นานมากกูไม่มีดอกเบี้ยให้นะเว้ย”เฮียยอร์คหันไปยิ้มให้ภีมจนตาหยีก่อนจะหันมาชวนผมกับยอร์ชออกไปกินข้าว
“ไปกินข้าวกันเถอะภาม ไปเฮีย เราหิวแล้ว เฮ้ย! ไปกินข้าวโว้ยแป๊ะ หิว!”ท้ายประโยคหันไปสั่งภีมก่อนที่เฮียยอร์คจะลากภีมแล้วเดินนำเราไป นายยอร์ชหันมามองผมยิ้มๆ แล้วจูงมือผมให้เดินตามไป
“มีน้องดีมันก็ดีอย่างนี้แหละ”เขาว่า
“แสบกันทั้งพี่ทั้งน้องแหละ”คำตอบของผมเรียกเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีจากคนข้างๆ เราเดินมาถึงรถที่มีเฮียยอร์คนั่งกดภีมไว้ด้วยขาและแขนรออยู่ที่เบาะ
หลัง ผมขำเบาๆ กับท่าทีปั้นปึ่งของภีมที่ดูจะอารมณ์เสียแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ตัวก็ใหญ่กว่าเขา สะบัดทีเดียวก็หลุดแล้ว ยังจะมานั่งหน้าบึ้งให้โดนรัดอยู่นั่นแหละ พิลึกคน!
To be continued
______________________________________
มาสานต่อตำนานยุงสื่อรัก
ขอโทษทีมาช้าจ้า พอดีมีงานยุ่งวุ่นวายมาก
ยังไงก็ขอบคุณทุกเม้นนะจ้ะ
ปล. วันจันถาปัดที่ม.มีค่าย ใครที่ลงสมัครไว้เจอกันน้า