หุหุ เรียกคะแนนนายยอร์ชได้เยอะเลยนะเนี่ย
ไปอ่านต่อเลยจ้า
_________________________________________
ตอนที่ 14
“มาๆ ชนอีกแก้วๆ เพื่อนสละโสดอย่างเป็นทางการแบบนี้มันต้องเลี้ยงหน่อย ฮ่าๆๆๆ”เสียงพี่พัทโห่ฮิ้วดังจนคนโต๊ะข้างๆ หันมามอง ตอนนี้เริ่มหน้าแดงตาเยิ้มแล้ว
“ไม่รู้ว่าเป็นบุญหรือกรรมของน้องกู ได้หมาบ้าไปเลี้ยงฟรีๆ ตัวนึง”พี่ป้องส่ายหัวแล้วว่ายิ้มๆ
“แหมๆ คิดว่าคงเป็นบุญมั้งคะพี่ เจ้าตัวถึงได้ยิ้มไม่หุบตั้งแต่เข้าร้านมาแล้ว”ยัยแอมที่วันนี้ก็มากินหมูกระทะกับพวกผมด้วยรีบรับทันที
หลังจากที่ตกลงว่าจะใช้ชีวิตคู่กันอย่างเป็นทางการแล้วฝ่ายเจ้าบ่าวของผมก็ดูจะดีใจจนออกนอกหน้าเหลือเกิน ชวนคนโน้นบอกคนนี้ไปทั่วว่าวันนี้จะพามาฉลองสละโสด พอผมจะห้ามก็ทำท่าแง่งๆ ขึ้นมาอีกแล้ว สุดท้ายก็ต้องตามใจกันบ้างครับ นี่เป็นเหตุผลที่ในวันนี้กลุ่มเพื่อนสนิทของผมกับยอร์ชจะมากันพร้อมหน้าพร้อมตาที่ร้านประจำเพราะไม่รู้จะไปที่ไหนดี ก็แถวนี้มันมีที่เที่ยวน้อยนี่ครับ
“กินผักเยอะๆ หน่อยยอร์ช เห็นกินแต่เนื้อทุกทีแล้วมันจะได้วิตามินมั้ย”ผมตักผักในกระทะใส่ถ้วยของคนข้างๆ จนพูน ตั้งแต่เข้ามาเห็นนั่งกินมันแต่หมู ไก่ กุ้ง หมึก ไอ้นิสัยไม่กินผักนี่แก้ไม่หายจริงๆ
“ก็พี่ไม่ชอบนี่”คนตัวโตทำเสียงอ้อนๆ แต่อย่าหวังว่าจะรอด หึหึ
“จะกินไม่กิน”ผมเริ่มส่งสายตาอำมหิตแล้วครับ
“อ่า...”นายยอร์ชยิ้มแหยๆ
“ยอร์ช..หนึ่ง สอง...”ผมนับถอยหลังเตรียมตัวฉะกับไอ้ดื้อ
“เฮ้ยๆ กินครับกิน มาๆ ป้อนหน่อย กินเองมันขม”ว่าแล้วก็อ้าปากรอกินเหมือนแมวน้ำ ผมหัวเราะกับอาการอ้อนของเขาเบาๆ แล้วตักผักในถ้วยป้อนเข้าปากเห็นพ่อตัวดีสะดุ้งโหยง
“เอ้ย! ร้อนๆๆๆๆ”คนโดนป้อนส่ายไปส่ายมาไม่ยอมเคี้ยวเอาแต่บ่นว่าร้อนจนผมต้องชะโงกหน้าเข้าไปดู ไม่รู้มันจะอะไรกันนักกันหนา แค่มันร้อนก็ดื่มน้ำตามเข้าไปสิ พิลึกคน
“ไหน ปากพองไหม”ผมหันไปมองดูปากคนบ่นว่าเสียหายอะไรหรือเปล่า ก็คนมันเป็นห่วงนี่ครับ แต่หวานไม่ค่อยเป็น ฮ่าๆๆ ไม่ทันที่ผมจะตั้งตัวทันนายยอร์ชก็ก้มหน้าลงมาเร็วๆ จนปากของเขาแตะกับริมฝีปากของผม เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็ถอนออก นั่งมองผมตาเยิ้ม
“ไม่ร้อนแล้ว...”เสียงโห่ฮาดังขึ้นทั่วทั้งโต๊ะจากการกระทำของแฟนผมเมื่อกี้ ผมอายจนทำอะไรไม่ถูก คนอะไรเนี่ย ไม่อายฟ้าดินบ้าง
“ไอ้ที่ว่าขมก็ยังกลายเป็นหวาน ความรักหนอความรัก”ยัยปอยพูดแล้วทำหน้าเพ้อฝันเหมือนนางเอกละครเรียกเสียงหัวเราะครืนจากคนอื่นๆ ด้วยความที่ยังอายไม่เลิกผมเลยเสหันไปตักกุ้งให้นันแทน วันนี้นันดูจะเงียบกว่าที่เคย เพราะเห็นคุยกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้อยมาก ส่วนใหญ่จะนั่งจ้องหน้ากันกับนายยอร์ชซะมากกว่า
ทุกคนบนโต๊ะเงียบลงทันทีเมื่อเห็นปฏิกิริยาของนายยอร์ชตอนที่ผมตักกุ้งให้นัน ไอ้หล่อที่เมื่อครู่แปลงร่างเป็นแมวน้อยตอนนี้เป็นเสือโคร่งไปแล้วครับ นายยอร์ชนั่งแยกเขี้ยวขาววาววับหวังขย้ำเหยื่อซึ่งก็คือนันน้อยผู้น่าสงสารเต็มที่ สองคนนี้นี่เมื่อไหร่จะเลิกทำหน้าบูดๆ ใส่กันซะทีนะ ดูไม่ถูกกันมาตั้งแต่เจอกันแล้ว
“มีอะไรหรือเปล่าครับพี่ ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนะครับ”นันว่าแล้วอมยิ้มน่ารัก แหม..เพื่อนผมนี่มันหล่อจริงๆ
“มีสิวะ กูมีปัญหากับมึงนี่แหละ”อ้าว เริ่มออกอาการถ่อยเถื่อนอีกแล้วครับไอ้นี่
“มีก็ไปเคลียร์กันข้างนอกก็ได้นะครับ”นันยิ้มอย่างมีเลศนัย อะไรกันวะสองคนนี้
ไอ้คนถูกท้าก็ไม่พูดอะไรครับ ลุกขึ้นเดินนำออกไปนอกร้านอย่างว่าง่าย วะ! อะไรมันจะง่ายปานนั้น เชื่อฟังกันดีจริงๆ เชียว เมื่อเห็นคนนำลุก นันก็เดินตามออกไป ผมเห็นท่าไม่ดีเพราะคล้ายๆ ว่าเคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาครั้งนึงแล้วเลยลุกขึ้นจะเดินตามออกไปด้วยแต่ก็ถูกพี่ป้องดึงไว้ก่อน
“พี่ว่าภามอย่าตามไปเลย เรื่องมันจะได้จบซะวันนี้”พี่ป้องว่า
“หมายความว่ายังไงพี่”
“พี่คิดว่าสองคนนั้นคงเลิกทะเลาะกันวันนี้นี่แหละ ภามนั่งรอไปก่อน เดี๋ยวลองสังเกตดู”
ถึงผมจะไม่เข้าใจว่าสองคนนั้นจะเลิกทะเลาะกันยังไงแต่ก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี และก็ตามที่พี่ป้องบอก หลังจากผ่านไปสักพักสองคู่หูคู่ทะเลาะก็กลับมาในสภาพที่ดูก็รู้ว่าไปฟัดกันมา พอผมตั้งท่าจะหันไปเล่นงานไอ้คนใกล้ตัวสองคนนี้ก็ยกแก้วเหล้าขึ้นชนกันเฉย ทำเหมือนว่าชีวิตนี้ไม่เคยบาดหมางกันมาก่อน ผมเห็นนันอารมณ์ดีขึ้นและค่อนข้างจะคุยเข้าขากับนายยอร์ชโดยไม่ทะเลาะกันได้อย่างน่าแปลกประหลาดเลยลืมไปเลยว่าเมื่อครู่กำลังจะหันไปบ่นที่สองคนนี้ไปฟัดกันมา
“ในที่สุดก็ยอมรับได้ซะที”โจเพื่อนผมซึ่งไม่ใช่พี่โจเพื่อนยอร์ชพูดขึ้นมาลอยๆ ทำให้ผมสงสัย
“อะไรหรอโจ”โจไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่หันไปมองหน้านันแล้วก็หันมายิ้มให้ผมก่อนที่จะก้มหน้าก้มตากินต่อ
อาหารวันนี้แม้ว่าจะไม่ใช่อาหารที่เลิศเลอแบบที่เด็กมหาวิทยาลัยในเมืองกินกัน แต่มันก็ดูเป็นอาหารที่อร่อยขึ้นมาทันทีเมื่อคนบนโต๊ะล้วนแล้วแต่มีความสุข ถึงผมจะไม่รู้ว่าในที่สุดไอ้สองคู่หูคู่ทะเลาะนี่มันเลิกรากันได้ยังไง แต่ผมก็ดีใจที่ต่อไปจะไม่ต้องอึดอัดกับการทำตัวของเพื่อนและ...แฟนอีก ถึงผมจะไม่รู้ว่าโจต้องการจะบอกอะไรผม แต่ผมก็รู้ว่ารอยยิ้มที่โจส่งมาให้เป็นรอยยิ้มที่แสดงความยินดีกับผมอย่างจริงใจ และถึงแม้ว่าวันนี้..จะเป็นวันแรกที่ผมเรียกนายยอร์ชว่าแฟนอย่างเต็มตัว แต่อนาคตก็ไม่ใช่สิ่งที่แน่นอน ไม่รู้ว่าผมจะรักษาความสุขในวันนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน แต่ท้ายที่สุด...ผมก็ตกลงใจกับตัวเองแล้วว่า...ถ้าหากคนที่นั่งจับมือผมตอนนี้ไม่ปล่อยมือผมไปไหน ผมก็ยังคงจะยอมให้เขากุมมือของผมไว้...ตลอดไป
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายสำหรับการเรียนการสอนในคณะผม ซึ่งวันจันทร์หน้าก็จะเข้าสู่ช่วงเวลาของการสอบปลายภาคแล้ว ผมรีบเก็บอุปกรณ์การเรียนหลังจากที่ปิดคอร์สวิชาสุนทรียศาสตร์ในเวลาเกือบๆ หนึ่งทุ่ม หันไปมองรอบๆ เพื่อนๆ ที่นั่งคุยกันเซ็งแซ่เมื่อครู่ก็กระวีกระวาดรีบเก็บของเช่นกัน เพราะในวันจันทร์แบบนี้ คลาสของเราจะเป็นคลาสสุดท้ายที่ใช้ห้องในตึกเรียนรวมสถาปัตย์ ออกมาทีไรทั่วทั้งตึกก็ปิดไฟเรียบร้อยทุกที ต้องคลำกันเดินออกมากว่าจะถึงชั้นล่าง บางทีก็แข่งวิ่งกันหาทางออกเพราะตึกนี้สร้างมานานจนบางทีมืดเกินไปมันก็น่ากลัว
ผมเดินตามเพื่อนๆ ลงมาถึงห้องโถงก็เห็นน้ำที่วิ่งลงมาก่อนวิ่งเข้ามาหาหน้าตาหื่นๆ
“ภามๆ มีใครไม่รู้มาถามหาภามแน่ะ หล่อเชียว รู้จักหรอ”น้ำถามผมท่าทางตื่นเต้น
“ใครหรอ”ผมถามงงๆ มืดค่ำป่านนี้แล้วถ้าไม่ใช่เพื่อนหรือนายยอร์ชก็ไม่มีใครมาหาผมหรอก น้ำรีบดึงแขนผมออกไปหน้าตึก ท่ามกลางแสงไฟสลัวๆ ของโคมไฟริมทาง มีผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวนักศึกษายืนอยู่ น้ำชี้ไม้ชี้มือให้ผมเห็นแล้วไล่ผมให้เข้าไปหาพร้อมกำชับว่าถ้าไม่รู้จักก็ให้สืบประวัติมาให้ด้วย ผมเดินเข้าไปหาผู้ชายคนนั้นงงๆ
“ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าคุณมารอพบผม?”ผมทัก พอเขาได้ยินก็หันกลับมา หน้าตาแบบนี้ไม่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เขาจัดว่าเป็นหนุ่มตี๋ที่หล่อมากเลยทีเดียว
“เธอชื่อภามใช่ไหม”ไม่ทันจะตอบนายคนนี้ก็ถามผมซะก่อน
“เอ่อครับ...ไม่ทราบว่าคุณ...”ผมยังพูดไม่ทันจบก็โดนแทรกอีก
“นี่น่ะหรือแฟนเฮีย อืม...”เขาว่าแล้วล้วงกระเป๋าเดินวนรอบๆ ตัวผมที่ยืนงงอยู่
“นึกว่าจะหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม...”อะไรของเค้าวะ
“แต่มันหล่อเหลาเอาการนี่หว่า ฮ่าๆๆๆๆ”ไอ้คนแปลกหน้ากระโดดเข้ามาล็อกคอผมแล้วขยี้ผมอย่างเมามัน เฮ้ย! อะไรกันวะเนี่ย ไอ้นี่มันใคร!
“เฮ้ย! คุณ! ทำอะไรเนี่ย”ผมท้วง พยายามดิ้นให้เขาปล่อย
“อ่า...โทษทีๆ เฮียหมั่นเขี้ยวไปหน่อย ฮ่าๆ”เขาว่าแล้วปล่อยผมเป็นอิสระ อะไรวะ มาฮงมาเฮีย
“เฮียยอร์ชให้เฮียมารับภามไปหาแน่ะ ตอนนี้เฮียไม่ว่าง กลัวภามกลับมืดๆ แล้วอันตราย”กลับกันแกน่ะสิอันตราย ผมคิดในใจ
“อะไรกันทำท่าไม่ไว้ใจกันจริงเชียว”เขาว่าเมื่อเห็นผมไม่พูดอะไร
“ผมจำได้ว่าผมยังไม่รู้จักคุณเลย”ผมบอก
“เอ่อหว่ะ ขอโทษอีกที เฮียลืม เฮียเป็นน้องคนที่สองของเฮียยอร์ช ภามเรียกว่าเฮียยอร์คละกัน”
หา! น้องยอร์ชนี่ผู้ชายหรอเนี่ย ภาพสาวสวยที่ผมจินตนาการมานานพังทลายหายไปทันที
“ดูทำหน้าตกใจเข้า ทำไม เฮียหล่อกว่าแฟนภามหล่ะสิ ฮ่าๆๆๆ”ไอ้คนนี้หนิ หัวเราะได้ตลอดเว
“ไปๆ เสียเวลากันมามากแล้ว ไปหาเฮียกัน”เขาดึงแขนผมที่ยังมองเขาอึ้งๆ ให้เดินตามไป
“เอ้า! พวกที่แอบดูอยู่ตรงนั้นน่ะเพื่อนภามใช่มั้ย มาๆ มาขึ้นรถ เดี๋ยวเฮียไปส่ง”นั่น ไอ้เฮียนี่ดันมีน้ำใจอีก เพื่อนผมก็สนองเต็มที่ครับ วิ่งมาอัดๆ กันบนรถเหมือนดูจะเกรงใจมาก ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ออก เฮียยอร์ค(เรียกตามที่เขาบอก)แวะส่งเพื่อนผมที่ร้านอาหารไม่ไกลจากคณะมาก หลังจากนั้นก็ขับรถพาผมมาที่ตึก ECC ของวิดวะ ระหว่างที่นั่งรอยอร์ชคุยกับอาจารย์เสร็จเฮียยอร์คก็ชวนผมคุยหลายเรื่องทำให้ผมรู้อะไรเกี่ยวกับยอร์ชอีกหลายอย่าง เช่น ถึงปู่ของยอร์ชจะเป็นคนจีน แต่หลานชายคนแรกอย่างเขากลับมีหน้าแบบไทยแท้ที่ลอกแบบฉบับจากตาที่ตอนนี้พักอยู่ที่อังกฤษมาเต็มๆ ต่างจากเฮียยอร์คที่หน้าออกตี๋ๆ และน้องชายคนสุดท้องที่อายุน้อยกว่าผมหนึ่งปี นายเยล ที่หล่อแบบหวานๆ ตามเชื้อที่ได้รับมาจากย่า ช่างเป็นครอบครัวที่แตกต่างดีจริงๆ
เฮียยอร์คเป็นคนอารมณ์ดี คุยเก่ง และไม่ถือตัวกับผม ยิ่งไปกว่านั้นเขายังดูจะเอาใจใส่ผมเป็นอย่างดีในฐานะน้องเขย นอกจากจะเล่าโน่นเล่านี่เกี่ยวกับยอร์ชและตัวเองให้ฟังแล้วยังซักเรื่องของผมอย่างละเอียด
เราคุยกันสักพักนายยอร์ชก็เดินลงมาจากตึก หอบของมาเต็มมือ พอมาถึงก็โยนของทั้งหมดให้เฮียยอร์คแล้วตัวเองก็มากระแซะผม
“เหนื่อยจังเลย วันนี้คุยงานทั้งวัน ขอรางวัลให้ชื่นใจหน่อย”พูดจบก็หลับตาทำแก้มป่องยื่นมาให้ แหม..น่ารักตายหล่ะ
“อะไร”ผมถามขำๆ
“อื้อๆ”พ่อตัวดีที่ยังทำแก้มป่องส่งเสียงอื้อๆ ผมลังเลหันไปมองเฮียยอร์ค จะทำอะไรประเจิดประเจ้อก็ไม่กล้า
“เดี๋ยวเฮียเอาของไปเก็บที่รถก่อนนะ ตามสบายๆ”เฮียยอร์ครีบพูดแล้วเผ่นไปทันที เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุยจริงๆ พี่น้องคู่นี้
เมื่อเห็นว่าทางโล่งผมเลยจัดให้ซะหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าใจร้าย ผมประทับริมฝีปากบนแก้มป่องๆ นั้นเบาๆ แต่ดูเหมือนจะยังไม่พอใจอีกฝ่าย เขาหันเปลี่ยนเป็นอีกด้านมาให้ ผมหัวเราะแต่ก็ยอมหอมแก้มเขาแต่โดยดี
“ฮ้า...ชื่นใจ”นายยอร์ชทำหน้าระรื่น
“พอใจแล้วก็ไปกินข้าวได้แล้ว หิว”ผมบอกไล่ความเขิน นายยอร์ชเดินเข้ามาคว้ามือผมยิ้มๆ แล้วเดินไปที่รถด้วยกัน
หลังจากที่เราสามคน ผม นายยอร์ช เฮียยอร์คกินข้าวกันเรียบร้อยแล้ว ไอ้หนุ่มวิดวะก็ขับรถมาส่งผมที่หอ ผมเปิดประตูรถลงมาก็ยังไม่วายเดินตามลงมาส่งเหมือนทุกวัน
“อย่านอนดึกมากนะภาม พี่เป็นห่วง”นายยอร์ชบอกแล้วจับมือผมอย่างกับผมจะไปต่างประเทศ
“อืม”ผมบอกยิ้มๆ
“ฝันถึงพี่ด้วยนะ”นายตัวดียกมือผมขึ้นมาประทับริมฝีปาก แหม ทำให้เขินได้ตลอดสิน่า
ยังไม่ทันที่ผมจะเขินได้เต็มที่ดีเสียงคุ้นๆ ก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาก่อน
“เฮ้ยๆ ปล่อยเลยไอ้หน้าหล่อ!”ถัดจากเสียงก็มาเป็นตัวเลยครับ ผู้ชายตัวโตๆ ที่ผมคุ้นหน้ารีบวิ่งเข้ามาปัดมือนายยอร์ชออกเหมือนเป็นของสกปรก
“เฮ้ย! อะไรวะ!”นั่นไง โดนเหยียบหางหน่อยหล่ะเป็นไม่ได้ พ่อตัวดีของผมจะถลาเข้าไปชกบุรุษนิรนามแล้วครับ แต่เรื่องอะไรจะยอมหล่ะ ผมเข้าไปขวางนายยอร์ชไว้อย่างเต็มที่
“หยุดเลย ห้ามทำอะไรนะยอร์ช”ผมว่าเขาดุๆ เห็นเขานิ่งไปแต่หน้ายังโหดอยู่ พอได้ยินเสียงเอะอะ เฮียยอร์คก็ลงจากรถมาสมทบอีกคน
“มีอะไรกันเฮีย”เฮียยอร์คถามพี่ชายงงๆ
“อ้อ! ไอ้ตี๋ นี่พี่มึงใช่มั้ย รีบๆ เอามันกลับไปเลย แล้วอย่าปล่อยให้มันมาทำรุ่มร่ามกับคนของกูแบบนี้อีกนะ!”คนข้างหลังผมชี้หน้าเฮียยอร์คด่าปาวๆ
“คนของมึงนี่มันหมายความว่าไงวะ มาคุยกันตัวต่อตัวเลยมา!”นายยอร์ชเริ่มบ้าไม่แพ้คนข้างหลังผม วิ่งเข้ามาจะชกอีกฝ่ายให้ได้
“เออ! น้องกูกูไม่ยกให้ใครหรอกโว้ย หวง!”นั่นไง ว่าแล้ว พี่ชายผม มันหวงน้องได้ตลอดสิน่า
To be continued จ่ะ
________________________________________
วันนี้ไปคณะมาจ้า มีประชุมค่ายที่กำลังจะจัดในอีกไม่กี่วันนี้
ส่งผลให้นายดราฟต้องค้างหอ และที่สำคัญ ไม่มีคอม!!!
ดังนั้นวันนี้มันคงไม่ได้เข้ามาทักทุกคนอ่ะนะ 5555
ขอ talk นิสนึง
วันนี้ไปร้านน้ำ(ร้านที่ยอร์ชให้ภามไปซื้อให้ในเรื่องอ่ะแหละ 555) กะดราฟมัน
ยืนรออยู่ก็เห็นหนุ่มวิดวะคนนึงมาซื้อ หล่อไม่ไหวแล้วววว
พอพี่เค้าไปถึงกับหันมองหน้ากันแล้วเม้ากระจาย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ หนุ่มวิดวะมันดีจริงๆนะเธอว์
นัท