Special Part 2
YORCH’s DIARY
ฮ้า...ในที่สุดงานของผมก็เสร็จเสียที วันนี้ผมนัดน้องรหัสไว้ครับ ว่าจะพามันไปเลี้ยงหมูกระทะซะหน่อย ผมนัดกับอ๋องน้องรหัสของผมไว้ที่ช็อปรถที่ไอ้ป้องทำงานอยู่ เพราะทั้งมันกับอ๋องต่างก็อยู่ชมรมฟอร์มูล่าร์วันกันทั้งคู่
“ภามๆ มานี่”ไอ้อ๋องที่วิ่งออกมารับหน้าผมเมื่อครู่หันไปเรียกเพื่อนมันหลังจากที่เล่านิสัยเพื่อนให้ผมฟังไปแล้วคร่าวๆ ครับ
“นี่ไงพี่รหัสเรา ชื่อพี่ยอร์ช พี่ยอร์ชครับนี่ภามเพื่อนอ๋องเอง อยู่ถาปัด”อ๋องแนะนำเมื่อผมหันไปมองเพื่อนมันเต็มตา ผมเลิกคิ้วเชิงประหลาดใจเล็กน้อยไม่คิดว่ามันก็อยู่ชมรมนี้ด้วย ถ้าเป็นไอ้นี่หล่ะก็ผมรู้จักมันดีเชียวแหละ ส่วนไอ้ตัวดีที่ผมว่ามันทำหน้าปลาขาดอ็อกซิเจนไปเรียบร้อยแล้วครับ
“เอ่อ...น้องภามอย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ”ไอ้ป้องหันไปยิ้มให้ภามหน้าเจื่อนๆ
“ขอโทษด้วยนะอ๋อง พอดีวันนี้เรามีงานน่ะคงไปด้วยไม่ได้แล้วหล่ะ”ภามปฏิเสธว่าจะไม่ไปกับพวกเราครับ ไม่ได้นะ มึงต้องไปสิ กูอยากให้มึงไป เฮ้ย! นี่ผมคิดอะไรอีกแล้ววะ
“ก็เมื่อกี้ภามยังบอกเราอยู่เลยว่างานส่งอีกสองสัปดาห์โน่น”ไอ้อ๋องว่า ใช่ๆ มึงว่างมึงก็ไปเป็นเพื่อนเพื่อนมึงสิวะ
“เขาคงรังเกียจพี่เห็นพี่เป็นคนนอกมั้งอ๋อง ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเขารังเกียจพี่ขนาดนั้นไว้พี่พาไปเลี้ยงวันหลังก็ได้ วันนี้อ๋องไปกินข้าวกับเพื่อนเถอะ”แล้วผมจะทำดราม่าไปทำไมวะเนี่ย ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ
“โธ่...ไม่หรอกพี่ ภามคงเขินที่มีเขาเป็นถาปัดคนเดียวในกลุ่มน่ะ น่านะภาม ไปเป็นเพื่อนกัน งานกว่าจะส่งอีกตั้งนาน”
“ไปเถอะน้องภาม มืดขนาดนี้ไปกินข้าวคนเดียวไม่ดีหรอก เดี๋ยวพี่จะได้ไปส่งเรากลับหอด้วย”ไอ้ป้องออกปากชวนมันอีกแรง ทั้งๆ ที่ผมอยากให้มันไปแต่ก็อดไม่ได้ที่จะส่งสายตาเยาะๆ ไปให้มัน
“นะครับ น้องภาม”
“ก็ได้ครับ” เออดี! ก็แค่นี้แหละมึง ท่ามากนัก
ไม่นานเราทั้งสี่คนก็มาถึงร้านหมูกระทะใกล้มหาวิทยาลัย พวกเรามาสมทบกับพวกไอ้พัทไอ้โจที่รออยู่ที่ร้านก่อนแล้ว นั่งกินกันไปครู่เดียวไอ้พัทกับไอ้โจก็นั่งคุยกับภามอย่างสนิทสนม ส่วนไอ้ยุ่งก็คุยยิ้มแย้มต่างกับตอนที่ต้องคุยกับผมโดยสิ้นเชิง ฮึ่ย! เห็นแล้วมันขัดตาหว่ะ
“ภามรู้จักพี่ยอร์ชมาก่อนหน้านี้หรือ?”อ๋องถามภามเมื่อเห็นผมชอบกัดไอ้ภามเป็นระยะๆ
“ก็ นิดหน่อยน่ะ”
“ดีเลย จะได้คุยกันสนุกๆ”
“สนุกมากอะ”มันทำหน้าไม่ได้เข้ากับสิ่งที่มันพูดออกมาเลยครับ ดี! ไม่สนุกก็ดี ผมทำหน้าเยาะเย้ยส่งไปให้มัน เห็นมันทำหน้าหงิกๆ คืนมา
“เฮ้ย..ยอร์ชแมร่งไม่กินผักเลยวะ”ไอ้พัทมันว่าผมครับ
“ไม่รู้ ไม่ชอบ ไม่กิน”
“ไม่ได้นะโว้ย มึงไม่กินผักแล้วสมองมึงจะพัฒนาได้ยังไง”
“ก็กูไม่กิน”
“อ๋อ...เพราะไม่ยอมกินผักนี่เอง เลยขาดวิตามินและแร่ธาตุ ปากเลยเปราะแบบนี้” ปากดีอีกแล้วครับไอ้ยุ่งของผม (ของผม?) ผมวางตะเกียบเสียงดังพูดกับมันเสียงดุๆ ไม่รู้หล่ะ ขู่ไว้ก่อน
“น้องภามดูเหมือนจะอยากมีปัญหากับพี่นะครับ เอาไว้เดี๋ยวเลิกงานแล้วเราค่อยไปเคลียร์กันนะ”
บรรยากาศบนโต๊ะเงียบเชียบจนกระทั่งไอ้โจหัวเราะทำลายความเงียบขึ้นมาเป็นคนแรก
“ฮ่าๆๆๆ แหมๆ ล้อเล่นกันซะแรงเชียวคู่นี้ เป็นพี่เป็นน้องก็รักกันให้มากๆ สิ”
“หึหึหึ รักมากเชียวหล่ะน้องคนนี้เนี่ย”ผมว่า เห็นผมพูดอย่างนี้ทุกคนบนโต๊ะก็โล่งใจกลับมาเฮฮากันเหมือนปกติ
ผมนั่งกินไปนั่งคุยไปสักพักอยู่ๆ ก็เห็นไอ้ยุ่งคีบหมูไปป้อนเข้าปากไอ้ป้องเฉยเลย อะไรวะ ไอ้ป้องมันกินเองไม่เป็นหรือไง ถึงตอนนี้มือมันจะไม่ว่างก็เถอะ หมั่นไส้จริงๆ
“ไอ้ป้องแลกที่กัน อยู่ตรงนี้มันดูบอลไม่ถนัด ทางฝั่งมึงมองชัดดี”ผมจะแลกที่ทำไม? ไม่รู้! แต่ที่รู้คือตอนนี้ผมพูดมันออกไปแล้ว ยังไงก็ต้องย้าย
“อ๋อ...อืม ได้ๆ มาดิ”ไอ้ป้องลุกให้ผมอย่างว่าง่าย
ในที่สุดผมก็ได้มานั่งทำหน้ามีความสุขที่ได้ลดความสุขของคนข้างๆ ลงอยู่ตรงที่ที่เคยเป็นของไอ้ป้อง
“เฮ้ย...จะกินหมูชิ้นนั้นอะ ป้อนหน่อยดิ๊”ผมบอกมันให้พอได้ยินกันแค่สองคน เออดี กูจะกวนมึง เพราะกูมีความสุข ฮิฮิ
“มีมือคุณก็คีบเองสิ ผมก็ต้องกินของผมเหมือนกัน”มันบอกครับ จะยอมให้กูหน่อยไม่ได้เลยนะมึง
“ก็ส่งข้อความอยู่นี่ ไม่เห็นรึไงว่ามือไม่ว่าง”ผมหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาด้วยความเร็วแสงแล้วทำท่ากดส่งข้อความ
“ถ้าคุณจะกินคุณก็รีบส่งข้อความให้เสร็จสิ จะได้กินเองได้”
“ที่ทำปากดีเมื่อกี้ยังไม่ได้ชำระความเลยนะ นี่แสดงว่าอยากโดนมากนักใช่ไหม?”ยอมกูยากนัก อย่างนี้ต้องขู่ เห็นมันทำหน้าเซ็งๆ แต่ก็ยอมคีบหมูบนกระทะมาจ่อที่ปากผมแต่โดยดี แต่นี่มันร้อนนะเนี่ย ไม่คิดจะเป่าให้เลยเรอะ ทีไอ้ป้องยังเป่าให้เลย
“ควันลอยขนาดนั้นไม่เห็นหรือไงว่ามันร้อน คิดจะลวกปากกันหรือไง”มันทำหน้ารำคาญแต่ก็ค่อยๆ เป่าเบาๆ ให้หมูเย็นขึ้นแล้วเอามาจ่อที่ปากผมใหม่ ผมอ้าปากรับแล้วนั่งเคี้ยวไปอย่างมีความสุข ทำไมภามมันมองผมแปลกๆ ไม่รู้แฮะ
“เอ้าๆ สองคนนั้นน่ะดีกันแล้วนี่ เห็นรักกันดีอย่างนี้ค่อยโล่งใจหน่อย”ไอ้พัทแซว เห็นผมกับภามไม่ค่อยทะเลาะกันแล้วทุกคนบนโต๊ะก็เฮฮากันเต็มที่
หลังจากกินกันเสร็จแล้วก็ถึงเวลาต้องแยกย้ายกันกลับ บังเอิญที่ว่าหอพักของคนอื่นอยู่ทางเดียวกันหมดพอดียกเว้นผมกับภาม ตอนแรกไอ้ป้องมันว่ามันจะไปส่งภามเองแต่ไอ้ตัวยุ่งมันไม่ยอมครับ มันว่ามันจะกลับเอง ผมเลยอาสาไปส่งมัน แต่มันก็ไม่ยอมอีกนั่นแหละ สุดท้ายด้วยคำพูดของไอ้ป้องไอ้ตัวเจ้าปัญหาเลยยอมให้ผมไปส่งจนได้
“พรุ่งนี้มึงมีเรียนกี่โมงวะ”ผมถามภามขณะที่รถติดไฟแดงอยู่
“พอลับหลังน้องรหัสนี่ต่อมเถื่อนทำงานทันทีเลยนะคุณ”
“แล้วไง”ผมทำเป็นไม่สนใจคำประชดของมัน “แล้วที่ถามเมื่อกี้น่ะทำไมไม่ตอบวะ ถามว่าเรียนกี่โมง?”
“เก้าโมง แล้วคุณถามทำไม?”
“เปล่า เห็นว่านี่มันดึกแล้ว กลัวว่าพรุ่งนี้มึงจะตื่นไปเรียนไม่ทัน”ผมก็แถไปเรื่อย ที่จริงแค่อยากรู้เรื่องของมันเฉยๆ วะ! แล้วนี่ผมจะอยากรู้ไปทำมะละกออะไรวะเนี่ย!
“รู้จักเป็นห่วงคนอื่นเขาด้วย?”ไอ้ยุ่งหันมามองผมตาโตแสดงความตื่นเต้นทางสีหน้าเต็มที่
“มึงจะเป็นคนสุดท้ายที่กูคิดจะห่วงเลยหล่ะไอ้สาดดดดดดดดดดดดดดด”ผมตอบไปด้วยความหมั่นไส้ ไม่รู้จะประหลาดใจอะไรนักหนา ภามยกมือไหว้ขอบคุณผมเหมือนที่เคยทำแล้วก็รีบลงจากรถแล้วเดินเข้าหอไปไม่หันกลับมามองผมอีก ผมนั่งมองแผ่นหลังของภามตั้งแต่ตอนเดินผ่านเข้าประตูรั้วจนกระทั่งขึ้นบันไปตึกไป ทำไมนะ...เดี๋ยวนี้ผมถึงรู้สึกมีความสุขเวลาอยู่ใกล้ๆ ภาม ถึงมันจะกวนแล้วก็ชอบขัดใจผมบ้าง(ที่จริงก็มากอยู่)แต่ผมก็ยอมอ่อนลงให้มันหลายครั้งทั้งๆ ที่ไม่เคยยอมใครแบบนี้มาก่อน ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วเลยไปกลับรถที่สนามกีฬาพร้อมกับคำถามที่ยังค้างคาอยู่ในใจ...ทำไมกัน?
“เฮ้ยๆ โจเลื่อนชามมานี่หน่อย กูตักไม่ถึง”
“เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะพัท?”ผมหันไปถามไอ้พัททันทีที่มันพูดจบ เหมือนผมจะได้ยินมันพูดอะไรภามๆ
“กูบอกว่าให้โจมันเลื่อนชามต้มยำมา ทำไม มึงจะกิน?”ไอ้พัทถามผมงงๆ
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร”
วันนี้หลังจากเลิกเรียนผมก็มากินข้าวกันสี่คนเหมือนเดิมครับ ไม่รู้ทำไมวันนี้ผมได้ยินแต่ชื่อเดิมซ้ำๆ “ภาม”
“ว่าก็ว่า แมร่ง ยามที่คณะวันนี้กวนอย่างกับอะไร บอกว่าจอดส่งงานแป๊บเดียวก็ไม่ให้จอด”
“เฮ้ย! แล้วมึงไปว่าภามมันทำไมวะโจ”ผมหันไปถามไอ้โจอย่างเอาเรื่อง
“กูไม่ได้ว่าน้องภาม กูว่ายาม มึงเป็นอะไรมากไหมเนี่ยไอ้ยอร์ช แปลกๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะมึง”ไอ้โจถามผม ทำหน้าประหลาดใจ
“เปล่าๆ ขอโทษที เมื่อวานกูคงนอนน้อยไป”ผมยกฝ่ามือลูบหน้าแล้วกินข้าวต่อเงียบๆ นั่งคิดอะไรคนเดียวสักพักผมก็เงยหน้าขึ้นไปถามสิ่งที่ผมคิดในใจกับพวกมันสามคน
“ไอ้ป้อง ไอ้พัท ไอ้โจ....ถ้าหากว่าคนเราคิดถึงใครคนนึงตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะคิดถึงแต่คนๆ นั้นนี่มันหมายความว่ายังไงวะ”
“ทำไมอยู่ๆ มึงถึงถามแบบนี้ขึ้นมาหล่ะ?”ไอ้ป้องถามผมเป็นคนแรก
“กูอยากรู้ บอกมาเหอะน่า”
“ก็คงจะต้องชอบมั้ง ไม่งั้นจะไปคิดถึงอยู่ทำไมตลอดเวลาวะ”ไอ้พัทว่า
“แล้วมึงถามทำไม อย่าบอกนะว่ามึงไปแอบชอบสาวที่ไหนเข้า ร้อยวันพันปีกูไม่เคยเห็นมึงจริงจังกับใคร”ไอ้โจรีบต่อเลยครับ
“กู...กูรู้สึกแปลกๆ”ผมไม่รู้จะอธิบายมันยังไงดี
“กับใคร?”ไอ้โจยังถามต่อ
“กูว่ากูรู้แล้วแหละ”ไอ้ป้องว่า ผมรวมทั้งไอ้สองตัวที่เหลือหันไปมองหน้ามันเพื่อขอคำตอบ
“ไอ้ยอร์ชมันไม่ได้ไปแอบชอบสาวที่ไหนหรอก แต่มันชอบหนุ่มหว่ะคราวนี้ ต่างคณะซะด้วย”อึ้งครับ เหมือนคำพูดไอ้ป้องจะทำให้ผมรู้สึกอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ซ่อนไว้ในใจ
“ใครวะ!”ไอ้พัทกับไอ้โจประสานเสียงกันทันใด
ไอ้ป้องหันหน้ามามองผมแล้วจ้องตาแน่วแน่ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่มันคิดออกมา
“ดีใจด้วยไอ้ยอร์ช มึงหลงรักน้องภามของกูซะแล้ว!”
คำพูดของไอ้ป้องเมื่อวานทำให้ผมในตอนนี้รู้ใจตัวเองแล้วครับ ใช่...ผมชอบภาม ตอนนี้ผมชอบภามจริงๆ วันนี้เป็นวันที่ผมต้องลงแข่งบาสของคณะกับคณะถาปัด ไม่รู้ว่าภามจะมาไหม ยิ่งรู้ใจตัวเองความรู้สึกที่อยากจะเจอหน้าภามมันก็ทวีมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
กลองถาปัดเริ่มรัวตีเบิกฤกษ์เป็นอันรู้ดีในหมู่คนฟังว่าต่อจากนี้ถาปัดจะเริ่มร้องเพลงเชียร์แล้ว ผมที่กำลังเดินลงสนามได้ยินเพลงคณะของถาปัดซึ่งมักจะใช้ร้องเป็นเพลงแรกสำหรับการเชียร์ดังมาจากแสตนด์ อยากจะเงยหน้าขึ้นไปมองว่าภามมาด้วยหรือเปล่าก็ไม่ค่อยจะถนัด เพราะอีกไม่กี่วินาทีนี้การแข่งขันก็จะเริ่มแล้ว
เสียงเพลงเชียร์ทั้งของคณะผมกับถาปัดดังแข่งกันมาเรื่อยๆ เพลงเชียร์ของวิดวะฮึกเหิมแข็งแรง ส่วนเพลงเชียร์ของถาปัดอ่อนหวานและนุ่มนวล ฟังดูเป็นอะไรที่ขัดแย้งกันแต่ก็ดูกลมกลืนเมื่อเราทั้งสองคณะมาร่วมแข่งขันกันด้วยน้ำใจนักกีฬาในวันนี้
เมื่อถึงครึ่งหลังผมก็ออกจากสนามให้เพื่อนคนอื่นๆ ได้ลงเล่นบ้าง ตอนนี้ผมเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นกองเชียร์แทน ผมเต้นตามแบบฉบับของคณะผมไปเรื่อยๆ(ถาปัดไม่ยอมเต้นครับ ไม่รู้จะนั่งขรึมกันไปถึงไหน) ซักพักก็เห็นน้องผู้หญิงคนนึงที่อยู่ในแสตนด์ถาปัดชี้ไม้ชี้มือมาแถวๆ ที่ผมยืนอยู่ ผมเต้นไปมองไป เฮ้ย! ข้างๆ น้องนั่นมันภามนี่หว่า เห็นน้องคนนั้นหันไปคุยอะไรกับภามแล้วไอ้ตัวดีก็หันมามองผม ชั่วครู่ก็เผยรอยยิ้มหล่อเหลาออกมา(สำหรับผมเรียกว่ารอยยิ้มน่ารักครับ) แหงะ! เล่นงี้ผมก็ใจสะดุดสิครับ ผมหยุดเต้นทันที ยืนเกาหัวแกรกๆ ไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ที่ไหน แถมไอ้พวกเพื่อนตัวดียังหยุดเต้นแล้วมายืนแซวผมอีกว่าไปแอบเหล่ใครที่ไหน
สรุปแล้ววันนี้วิดวะเป็นฝ่ายชนะครับ ดีแล้ว ผมจะได้ใช้ชัยชนะครั้งนี้ให้เป็นประโยชน์ ผมเดินไปหาภามและใช้มันเป็นข้ออ้างในการชวนภามไปกินข้าวเพื่อฉลองชัยชนะให้ผมจนได้ครับ แต่...ดันมีเพื่อนภามมาอีกตั้งหลายคน เฮ้อ จะหวานทั้งทีดันมีอุปสรรค แต่ทำไงได้ ก็ยังดีกว่าไม่ได้ไปหล่ะวะ
พวกเรา(ผมและเพื่อนๆ ของภาม) นั่งกินข้าวกันไปคุยกันไปอย่างสนุกสนาน ยกเว้นก็แต่ภามกับไอ้เด็กนันที่ไม่ค่อยพูดอะไรมากมายเท่าไหร่ เห็นท่าทางกับแววตาไอ้เด็กนันนี่ผมก็รู้แล้วครับว่ามันน่ะเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ คิดจะเล่นเพื่อนสิมึง กูไม่ยอมง่ายๆ หรอก หวง!
คุยกันไปคุยกันมาสองคนผมกับไอ้นันนั่นก็ทะเลาะกันจนได้ครับ สุดท้ายก็ต้องออกไปตัดสินแบบลูกผู้ชายกันนอกร้าน ประเด็นของการตัดสินคือคนที่ชนะจะมีสิทธิจีบภามได้เต็มที่ ส่วนคนแพ้ห้ามกันท่า จะจีบให้ไปแอบๆ จีบเอา ห้ามให้รู้ ก็แล้วคิดว่าใครจะชนะหล่ะครับ ผมน่ะอายุก็มากกว่ามัน เชิงมวยมันก็มีมากกว่าอยู่แล้ว สรุปไอ้นันนั่นก็ต้องเป็นฝ่ายถอยครับ แต่ไม่รู้ว่าการกระทำครั้งนี้ของผมมันจะคุ้มหรือเปล่า ก็เล่นโดนภามโกรธซะขนาดนั้น เฮ้อ! แต่ถึงยังไงผมก็ไม่มีทางจะปล่อยให้ภามหลุดมือไปอยู่กับคนอื่นหรอกครับ ตอนนี้ผมชอบภามแล้ว และผมจะต้องทำให้ภามเป็นของผมคนเดียวให้ได้!
YORCH’s DIARY End.
__________________________________________
คิดว่าสองตอนหลายคนคงยังไม่ใจอ่อน เพราะความผิดนายยอร์ชช่างใหญ่หลวงยิ่งนัก
แต่ก็เป็นมุมมองน่ารักๆที่หลายคนคงคาดไม่ถึงชิมิล่ะ แอบเคลิ้มกันแล้วล่ะสิ อย่ามาซึนเดเร้ะ
แล้วก็.... เอาโปรไฟล์ตัวละครมาฝากแล้วจ้า หลังจากที่บอกไว้นานแล้ว ต้องกราบขออภัยอย่างสูง
ภาคิไนย เจริญโอภาศตระการชัย : ภาม (ปกติใส่แว่นนะจ้ะ หุหุ)
ครอบครัว : เป็นลูกคนกลาง มีพี่ชายกับน้องสาวอย่างละหนึ่งคน
นิสัย : มองโลกในแง่ดี เป็นคนมีเหตุผลจนบางครั้งก็มากเกินไปและใสซื่อจนเกินเหตุกับบางเรื่อง เวลาโกรธจะพูดน้อยแต่ดูน่ากลัวในสายตาคนมอง เป็นคนร่าเริง อัธยาศัยดีจนเป็นที่รักของคนรอบข้าง ภูมิใจในความเป็นนักออกแบบของตัวเองมาก
สิ่งที่ชอบ : สีขาว ที่ๆ มีคนน้อยๆ ช็อกโกแล็ต
สิ่งที่ไม่ชอบ : วิชาเขียนแบบ หน่อไม้ หัวไชโป๊ว ข้าวโพด
ธราเทพ วัฒนาเดชาวงศ์ : ยอร์ช
ครอบครัว : เป็นพี่ชายคนโต มีน้องชายสองคน
นิสัย : เป็นคนมีน้ำใจกับเพื่อนฝูง แต่ติดนิสัยเอาแต่ใจตามประสาลูกคนรวย หลายๆ ครั้งชอบทำตัวขวางโลกขอแค่ทำให้ตัวเองพอใจ อารมณ์เสียง่ายแต่บางทีก็ชอบทำตัวเป็นเด็ก ไม่มีเหตุผล ปากเปราะกับเรื่องที่ไม่ค่อยควรแต่มักปากหนักในเรื่องที่สำคัญ เขินง่ายแต่เก็บอาการค่อนข้างเก่ง
สิ่งที่ชอบ : รักบี้ บาส สีดำ รถสปอร์ต
สิ่งที่ไม่ชอบ : การโดนขัดใจ วิปครีม
นันทรากรณ์ นันทวิชาญ : นัน
ครอบครัว : มีน้องชายอีกหนึ่งคน
นิสัย : ใจดี สุขุมเยือกเย็น เป็นคนมีเหตุผล มักจะเป็นผู้ช่วยที่สำคัญของภามเสมอในยามที่ภามมีปัญหา เป็นสุภาพบุรุษกับทุกคนที่ทำดีด้วย มีความเป็นผู้นำสูง
สิ่งที่ชอบ : วิชาเขียนแบบ เครื่องปั้นดินเผา นมจืด
สิ่งที่ไม่ชอบ : ดนตรีร็อค ที่ๆ มีเสียงดังๆ
ปกป้อง ปราบอรินทร์ : ป้อง
ครอบครัว : เป็นลูกชายคนเดียว
นิสัย : อ่อนโยน เป็นสุภาพบุรุษและมีเหตุผล เป็นคนที่พูดจาน่าฟัง มักเป็นคนคอยห้ามทัพเวลาจะมีเรื่องเสมอ รักและเอ็นดูภามเป็นพิเศษในฐานะน้องชาย
สิ่งที่ชอบ : รถฟอร์มูล่าร์วัน หนังสือท่องเที่ยว
สิ่งที่ไม่ชอบ : ขนมที่หวานมากๆ
_________________________________________
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการจิ้นมากขึ้นนะ