Article 26
ความเดิม
“กรูจะไม่ลังเลอีกแล้ว เชื่อกรูนะ”
...
ผมตัดสินใจว่าผมจะให้โอกาสไอ้พี่เต้อีกครั้ง แต่ถ้าเป็นแบบเดิมไม่ว่ายังไงมันก็จะไม่มีครั้งต่อไป โอกาสมีไว้แก้ไขไม่ใช่แก้ตัว
“ผมจะลองเชื่อดูอีกสักครั้ง...แต่ผมขอให้เราห่างกันสักอาทิตย์นึงเพื่อจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง”ผมคิดว่าเราสองคนต้องการเวลา
“อืม...”
“ผมกลับบ้านก่อนนะ...อย่าลืมไปหาหมอนะ”ผมบอกก่อนจะออกมาจากบ้านของไอ้พี่เต้ รู้สึกโล่งไปหมดเมื่อทุกอย่างไม่ค้างคาเหมือนเดิมผมขี่รถไปกลับบ้านช้าๆและปล่อยให้ลมเย็นๆพัดความกังวลทั้งหมดออกไป และเรียกความร่าเริงกลับมา
พอวันจันทร์ผมก็มาโรงเรียนตามปกติ และอย่างน้อยผมก็สามารถยิ้มได้เหมือนเดิม ขณะที่ผมกำลังเดินไปหาพวกไอ้เพลย์ก็มีรุ่นน้องคนนึงเดินเข้ามาหาผม
“พะ พี่มีนครับ คือว่าพี่เพ้นโรงเรียนxxxxxxx รอพี่อยู่หน้าโรงเรียนอ่ะครับ”น้องเค้าเดินเข้ามาบอกผมอย่างกล้าๆกลัวๆ มันมีอะไรกับผมอีกล่ะเนี่ย ผมเดินออกไปที่หน้าโรงเรียนก็เจอไอ้พี่เพ้นยืนหัวตั้ง เต๊ะท่าอยู่ พอมันเห็นผมมันก็เดินเข้ามา
“มีอะไรอีกล่ะ”ผมถามมัน
“มาไถ่โทษที่มรึงประทุษร้ายลูกชายกับเท้ากรูซะดีๆ”ไอ้พี่เพ้นมันทำหน้าโหดเป็นเชิงข่มขู่ผมด้วย
“ยังไง...”ผมทำหน้าสงสัย
“มาเป็นกิ๊กกรู”ผมอึ้งไปนิดนึง ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงจะด่ามันและเดินหนีให้เร็วที่สุด...แต่ผมก็ไม่ทำ ผมไม่ได้แก้แค้นอะไรนะแค่หาอะไรทำแก้เซ็ง(เชื่อป่ะ)
“ตกลง”
“กล้าดียังไงปฏิ...เฮ้ย!เมื่อกี้ตกลงเหรอ”จากหน้าโหดๆกลายเป็นหน้าเอ๋อๆแทน ผมแทบจะขำออกมาแต่เพื่อการอยู่รอด ผมต้องขำในใจไปก่อน...แต่เดี๋ยวก่อน...ใครใช้ให้ไอ้พี่เพ้นมันจับมือผมเข้าไปในโรงเรียนเนี่ย นี่มันโรงเรียนผมนะ ระหว่างทางคนก็มองกันให้พรึ่บแถมยังซุบซิบกันอีกด้วยความที่มันเป็นเด็กโรงเรียนอื่น เลยดูเด่นขึ้นมาโดยทันทีทันใด มันพาผมไปที่โรงอาหารด้วยเหตุที่ว่า ‘มันหิว’
“ตอนนี้มรึงเป็นกิ๊กกรูใช่ป่ะ”ขณะที่มันนั่งกินข้าวอยู่ มันก็ถามผมขึ้นมา
“ก็คงใช่”น่าสนุกดีอยากรู้ว่าทำไม คนเค้าถึงมีกันนัก
“ป้อนข้าวกรูดิ” ห๊า~~~~ ป้อนข้าวมัน หรือว่ามันจะมือเป็นง่อยชั่วคราว เลยให้ผมป้อนมัน โถ น่าสงสาร ผมตักข้าวมาป้อนมันแล้วสวีทวิ๊ดวิ่วกันแบบสุดๆในสายตาคนอื่นนะแต่ความจริงแล้ว
“เฮ้ย! มรึงจะตักไปป้อนน้องทรายคุณแม่ขอร้องรึไงวะ กรูไม่ได้ปากใหญ่ขนาดนั้นนะโว้ย”ไอ้พี่เพ้นมันจับมือผมที่ถือช้อนข้าวไว้ แล้วทำหน้าแหยงๆ หน้ามันตลกชะมัด เนี่ยนะสุดโหดไม่ไหวจะเคลียร์
“กินเข้าไปเหอะน่า...”ผมดันข้าวเข้าปากมัน
“เอี๋ยวอายออก(เดี๋ยวตายหรอก)”มันจิ้มหน้าผากผมโคตรแรงเลย ชักเริ่มคิดผิดและที่ยอมเป็นกิ๊กมันเนี่ย
...
ปึ้ง...เสียงกระเป๋าถูกวางบนโต๊ะอย่าแรง
“ทำแบบนี้หมายความว่าไง”ผมมองหน้าไอ้พี่เต้หน่อยๆ และมองที่มือมัน อืม...พันแผลเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้! นี่แฟนมรึงเหรอ”ไอ้พี่เพ้นมองไอ้พี่เต้ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“อาจจะใช่”ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“มีน...อธิบายมาเดี๋ยวนี่”ไอ้พี่เต้มันเสียงดังใส่ผม
“ก็ไม่มีอะไรจะอธิบาย...เราห่างกันอยู่...ครบอาทิตย์แล้วค่อยมาพูดกัน”ผมตัดบท และกลับไปจิ๊กหมูทอดในจานไอ้พี่เพ้นมากิน
“เฮ้ย! ทำงี้ไม่ดีนะน้อง”ไอ้พี่เพ้นมันก็เลิกสนใจไอ้พี่เต้แล้วหันกลับมาดึงแก้มแทน(ทำไมชอบดึงแก้มกันนัก ไม่เข้าใจ)
“ปล่อยดิมันเจ็บ”ผมตีมือมันที่ดึงแก้มผมอยู่
“อย่าทำแบบนี้ได้มั้ยมีน...อย่ามองคนอื่น”สาบานได้ว่าผมเห็นแววตาเศร้าๆของมันแวบนึง
“ก็ถ้าผมอยากจะพิสูจน์ว่าตัวเองมั่นคงแค่ไหนเหมือนที่พี่ทำมันก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง มันก็คงไม่ผิดหรอกมั้ง”ผมพูดนิ่งๆ
“ไม่เหมือน...ไม่เหมือนกันสักนิด”มันพึมพำซ้ำไปซ้ำมาอยู่เเบบนั้น
“เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง”ผมพูดนิ่งๆ
ไอ้พี่เต้มันมองผมอย่างตัดพ้อก่อนจะเดินออกไปช้าๆ และผมก็ได้เรียนรู้ว่าเรื่องที่กำลังทำอยู่มันงี่เง่าแค่ไหน
“อย่าทำหน้าเศร้าดิไอ้น้อง”ไอ้พี่เพ้นมันขยี้หัวผมอย่างแรง มือมันหนักมากๆ
“อืม...”
“กรูจะบอกอะไรให้นะเรื่องกิ๊กน่ะกรูพูดเล่น กรูอยากได้มรึงเป็นน้องชายมากกว่า”ไอ้พี่เพ้นมันพูดแล้วกอดคอผม
“ก็ดี...ผมจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดกับใคร”
ผมพึมพำกับตัวเอง หลังจากวันนั้นไอ้พี่เพ้นมันก็มากินข้าวเช้าที่โรงเรียนผมทุกวัน ตอนเย็นมันก็มารับผม พวกไอ้เพลย์ก็สนิทกับไอ้พี่เพ้นมันเหมือนกัน พวกผมคุยกับมันได้อย่างสนิทใจ เพราะผมก็คิดกับมันแค่พี่ชาย
และแล้ววันที่ผมต้องเผชิญหน้ากับไอ้พี่เต้อีกครั้งก็มาถึง บอกตามตรงว่าตอนนี้ ณ.วินาทีนี้ผมทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง และพร้อมที่จะเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง ผมไปรอไอ้พี่เต้ที่สวนสาธารณะและโทรบอกมันให้ตามมา ไม่นานคนที่ผมรอคอยก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าผม การรอคอยกำลังจะสิ้นสุดลง ยังเหมือนเดิมรึเปล่านะพวกเราน่ะ
“1 อาทิตย์ที่ไม่เจอกัน บอกได้เลยว่ากรูรักมรึงว่ะ”ไอ้พี่เต้ดึงผมมากอดอย่างแรง จนกระดูกแทบหัก
“ผม...ก็...”
“ก็อะไร”ไอ้พี่เต้มันยิ้มแล้วถามผม ดูเหมือนจะมีแววคาดคั้นนิดๆ
...ก็แค่...รักเหมือนกัน...
“ปะ...เปล่า”ผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนกับคำพูดที่กำลังจะพูดออกไป
“เป็นของกรูเหมือนเดิมแล้วสินะ”ไอ้พี่เต้มันพึมพำด้วยรอยยิ้มกว้าง เหมือนถูกรอยยิ้มนั้นกระชากหัวใจไป
“...ฮึ่ก...นึกว่า...พวกเรา...จะไม่มีวันนี้...ซะแล้ว...ผม...นึกว่า...เรา...ฮึ่ก...ต้องเลิกกันซะแล้ว”อยู่ดีๆน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง อย่างไม่ทันตั้งตัว มันรู้สึกตื้อๆในอก
“คราวนี้กรูเช็ดน้ำตาให้มรึงได้แล้วใช่มั้ย”ไอ้พี่เต้มันจับผมที่ซุกอกมันอยู่ ออกมามองหน้าให้ชัดๆ
“อื้อ”
ไอ้พี่เต้มันยิ้มแล้วกอดผมเอาไว้
...อุ่นจัง...ไม่อยากไปไหนอีกแล้ว...อยากหยุดอยู่ตรงนี้...
เอ่อ...แต่มากอดกันกลางสวนไม่เกรงใจใครนี่มันก็...น่าอายชะมัด...ผมนึกขึ้นมาได้แทบจะถลกหญ้ามาคลุมหัวแล้วเดินกลับบ้าน...ผมจับมือไอ้พี่เต้ให้รีบไปจากตรงนั้น ไอ้พี่เต้มันก็หัวเราะเหมือนคนบ้าไปตลอดทาง นี่มันบ้าไปแล้วใช่มั้ย
เเต่ก็ดีเเล้วที่ทุกอย่างลงเอยเเบบนี้ เเต่ในอนาคตข้างหน้าผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง เเต่เวลานี้ผมจะทำมันให้ดีที่สุดเเละไม่เสียใจภายหลังเเน่
...
รู้สึกเหมือนลงเอยฉากจบของเรื่องยังไง ยังงั้นเลย
เเต่มันยังไม่จบนะคร้าบ ส่วนตอนพิเศษต้องเเก้อะไรอีกเล็กน้อย
ลงพรุ่งนี้ ฟันธง
...
ขอบ่นเเบบว่ามัวเเต่ลงเเละเเก้เรื่อง โทษที...พอดีว่าร้ายไปหน่อย
ของไอ้ขวัญอยู่เลยมาลงเรื่องนี้ช้าเเล้วนายเอกเรื่องนั้นมันจะเเรงไปไหนก็ไม่รู้
ขอโทษนะคร้าบ...ทุกคน
ทุกคนเหมือนเดิม