มาแล้วค่ะ...
มาเสียดึกเลยเชียวแหะๆ...
เอาเป็นว่า...ไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ เดี๋ยวค่อยมาคุยกันนะคะ...+++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 46 ทุกนาทีหัวใจเรานั้นไม่เคยจะห่างกัน (ตอนจบ)01 / 08 / 08
Boylston Street, Boston 11:10 PM
ช่วงนี้บอสตันอากาศไม่หนาวมากนัก แต่เลิฟก็ยังเหงาอยู่เหมือนเดิม...พี่เซฟล่ะครับเป็นยังไงบ้าง Thesis ไปถึงไหนแล้วพักผ่อนบ้างนะครับ เลิฟรู้ว่าพี่เซฟแข็งแรง แต่คนแข็งแรงก็ต้องการการพักผ่อนเหมือนกัน (รู้นะว่าพี่เซฟแอบคิดย้อนในใจล่ะสิ ว่าเลิฟเองมัวแต่มาบอกพี่ ตัวเลิฟเองก็ยังทำไม่ได้เหมือนกัน แหะๆ)
เลิฟก็พยายามหาเวลานอนให้พอเหมือนกันฮะ โดนอาจารย์ดุหลายครั้งเลยว่านอนดึก แล้วใช้เสียงไม่ได้เต็มที่ แต่มันก็ต้องซ้อมนี่นา เรามันเด็กเอเชีย ปอด หลอดลม สรีระ มันก็สู้ฝรั่งเค้าไม่ได้ อย่างที่เลิฟเคยบอกพี่นั่นแหละครับ อยู่ที่นี่ชิลล์ไม่ได้เลย บ้านเราสบายกว่าเยอะ ซ้อมสามชั่วโมงก็เป็นเทพแล้ว แต่อยู่นี่ขืนซ้อมแค่สามชั่วโมงโดนดุเละเลย
วันนี้คลาส Voice อาจารย์ให้หัวข้อว่า Miss you ร้องเพลงที่สื่อให้รู้ว่าเราคิดถึงคนๆ หนึ่งมากๆ จะเป็นพ่อแม่พี่น้อง สัตว์เลี้ยงหรือคนรักก็ได้ นอกจากเนื้อเพลงแล้ว ให้สื่ออารมณ์ออกมาในเพลงด้วย เลิฟก็เลยขออาจารย์ร้องเพลงภาษาไทย แต่ก็ต้องแปลเนื้อให้เพื่อนๆ และอาจารย์ฟัง เล่นเอาเกือบแย่เหมือนกันนะ...แต่เลิฟก็อยากร้องเพลงนี้ เลิฟขออาจารย์อัดคลิปไว้ด้วย อาจารย์ชมใหญ่เลย บอกว่า ภาษาไทยมีท่วงทำนองที่ไพเราะ ไม่โฉ่งฉ่าง ไม่เรียบแบน มีขึ้นลงที่พอเหมาะ เลิฟยิ้มแป้นเลยล่ะ จบคลาส กลายเป็นว่า มีแต่เพื่อนๆ เข้ามาถามคำนู้นคำนี้เป็นภาษาไทยกันใหญ่เลย ฮ่าๆๆ
พี่เซฟ...เราไม่ได้เจอกัน ปีกว่าแล้วเนอะ...แถมยังไม่ได้คุยโทรศัพท์กันมา 2 อาทิตย์กว่าแล้วด้วย
คิดถึงมาก!!!!! นะครับ
ขอบคุณเทคโนโลยีที่ทำให้เรายังคงส่ง email หากันได้...เลิฟไม่รู้จะเล่าอะไร เพราะเลิฟก็เล่าให้พี่เซฟฟังทุกวันจนไม่รู้ว่าพี่เซฟจะเบื่อไหม...แต่คำเดียวที่เลิฟอยากบอก บางทีแค่อยากตะโกนให้ฟังดังๆ ว่า
...คิดถึง!!!
คุยกันผ่านตัวหนังสือ หรือผ่านเสียง ก็เหมือนจะช่วยบรรเทาความคิดถึงลงไปได้บ้าง...แต่เลิฟอยากกอดพี่เซฟจัง...โรคคิดถึงนี่มันคงแก้ได้แค่การกอดกันจริงๆ เท่านั้นนะเลิฟว่า...
เลิฟเอาคลิปที่ร้องเพลงวันนี้มาฝากพี่เซฟนะ...แก้คิดถึงอีกแบบแล้วกัน ตอนฝากเพื่อนถ่ายให้ เพื่อนกับอาจารย์ก็ถามว่าจะถ่ายไปให้ใคร เลิฟก็เลยบอกไปว่า For my Love...แม้วันนี้ไม่มีเธอใกล้ๆ
แต่รู้ว่าใจเรานั้นไม่เคยจะห่างกัน
ใครกี่คนไม่เคยคิดผูกพัน
ก็เพราะใจฉันนั้นมีแต่เธอเพียงคนนี้
ด้วยภาระและทางที่เราต้องเดิน
แต่ว่าฉันไม่เคยเพลิดเพลินคิดมองใคร
อาจจะเผลอก็เพียงแค่สายตา
เพราะหัวใจนั้นรู้ว่ามีเธอในใจเท่านั้น
อยู่ตรงนั้นเธอคิดถึงฉันมากเท่าไร
อยู่ตรงนี้เธอรู้ไว้เลยว่าคิดถึงเธอจนล้นหัวใจ
ได้โปรดเธอจงมั่นใจว่า
ฉันคนนี้รักเพียงแต่เธอ
อยู่ตรงนั้นเธอเองจะเหงาซักเท่าไร
อยู่ตรงนี้ยิ่งเหงาเท่าไรก็ยิ่งรู้ว่าฉันรักเธอ
ต่อให้เนิ่นนานที่เราไม่เจอะเจอ
แต่ทุกนาทีหัวใจเรานั้นไม่เคยจะห่างกัน
http://www.youtube.com/v/-0Lw5RJfP_Q&color1ยิ่งเลิฟเหงา ยิ่งทำให้เลิฟรู้ว่าตัวเองรักพี่มากแค่ไหน ทุกนาทีของเลิฟมีแต่พี่เซฟนะครับ...รักพี่เซฟครับ.....................................
ผมอ่านอีเมลนี้เป็นรอบที่สิบ และนั่งดูคลิปที่น้องอัพโหลดลง youtube และแปะลงใน Facebook ของผมเป็นรอบที่ยี่สิบกว่าได้แล้วครับ...
ยิ่งดูผมยิ่งเหงา...ยิ่งเหงาและก็ยิ่งคิดถึง
ผมคิดถึงเลิฟครับ...ดูคลิปนี้จบรอบแรก น้ำตาผมไหลแบบไม่รู้ตัว รูมเมทผมตกใจใหญ่ ว่าผมนั่งร้องไห้ทำไม...แต่พอมันเดินมาเห็นคลิป ก็เลิกสนใจผม...เพราะไอ้อาการนั่งดูรูปน้อง หรือดูคลิปน้องแล้วนั่งร้องไห้เนี่ย ผมเป็นประจำครับ
กิจวัตรประจำวันที่ผมจะต้องทำคือการนั่งอ่านเมลของคนที่อยู่ Boston ผมเป็นคนบังคับให้น้องเขียนเมลเล่าเรื่องชีวิตประจำวันส่งมาให้ผมครับ...ก็ผมอยากรู้นี่ว่าวันๆ นึงแฟนผมเป็นยังไง ทำอะไรบ้าง เรียนหนักไหม วันนี้กินอะไร มีใครมาจีบรึเปล่า...ส่วนตัวผมเองก็ส่งไปหาน้องเหมือนกัน ถ่ายรูปแล้วก็อัพขึ้น Facebook อยู่บ่อยๆ บรรเทาความคิดถึงกันได้บ้าง...
ผมมาอยู่ที่ München ได้ปีกว่าแล้วครับ แต่เลิฟพึ่งไปอยู่ Boston ได้หกเดือน น้องจบสามปีครึ่ง แล้วก็สอบติดที่ Berklee College of Music ที่ Boston ได้อย่างที่น้องฝันไว้ครับ วันที่ผมเดินทางเลิฟก็ไม่ได้มาส่ง เพราะดันตรงกับวันที่น้องต้องไปสอบ Audition ภาคเอเชีย ของมหาฯลัยที่น้องจะเรียนต่อ ศูนย์สอบอยู่ที่มาเลเซียครับ แต่ก่อนวันที่น้องจะไปมาเลเซีย เรานอนกอดกันทั้งคืน คุยกันทุกๆ เรื่อง บอกรักกันตลอดเวลา และจูบกันแทบจะนับครั้งไม่ถ้วน
หลังจากเหตุการณ์วันที่ผมบอกเรื่องของเราให้แม่ฟัง ผมกับเลิฟก็ได้คบกันแบบเปิดเผยมากขึ้น แต่ก็ยังคงอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่...ผมไม่ได้ไปนอนค้างบ้านเลิฟบ่อยๆ เหมือนเดิม แต่แม่ผมเค้าก็ให้โควต้าอาทิตย์ละครั้ง แถมใจดีให้โควต้าเลิฟมาค้างบ้านผมได้อาทิตย์ละครั้งเหมือนกัน เราเลยได้อยู่ด้วยกันอาทิตย์ละสองคืน
แม่ผมค่อนข้างเป็นคนดุ และเจ้าระเบียบ แรกๆ ที่น้องมานอนค้างด้วย ก็ออกจะเกร็งๆ อยู่บ้าง ผมจะทำอะไรตามใจ เลิฟก็ไม่กล้าครับ บอกว่าเดี๋ยวแม่รู้ เดี๋ยวแม่ว่า กลายเป็นกลัวแม่ผมไปซะงั้น แต่ผมรู้สึกนะครับว่าแม่เริ่มๆ จะเปิดใจให้เลิฟมากแล้ว เพราะถ้าวันไหนที่น้องบอกว่าจะมาค้าง แล้วมาดึกโดยที่ผมไม่ได้ไปรับ แม่ผมก็จะนั่งคอยน้องเป็นเพื่อนผม แล้วพอเลิฟมาถึงก็จะถามว่าไปไหนมาทำไมถึงดึก กลับดึกแบบนี้ขับรถอันตราย พร้อมทั้งบ่นเรื่องเวลาต่างๆ นานาอีกมากมาย แต่สุดท้ายก็มาจบลงที่
‘ทานข้าวมารึยัง หิวรึเปล่า ป้าทำฉู่ฉี่ปลาทูไว้ แล้วก็ตุ๋นไข่ไว้ให้ด้วยกลัวเราจะเผ็ด ถ้าฉู่ฉี่เผ็ดก็กินไข่ตุ๋นแล้วกันนะ อ่อถ้าจะดื่มนมก่อนนอนก็ให้พี่เค้าอุ่นให้ก่อนนะ กินอะไรเย็นๆ ตอนดึกๆ เดี๋ยวจะเจ็บคอ’
นี่แหละครับหัวอกคนเป็นแม่ ยังไงความเป็นแม่ก็ยังคงเผื่อแผ่มาถึงคนรอบข้างเสมอ ถึงแม้จะดุไปบ้าง บ่นไปบ้าง แต่ทุกอย่างก็ออกมาเพราะความห่วงใย...ถึงแม้แม่ผมจะยังคงแทนตัวเองว่าป้า แต่หลายครั้งที่แม่คุยกับเลิฟ แม่ผมก็มีหลุดๆ แทนตัวเองว่าแม่ออกมาบ้าง...ผมและเลิฟก็ได้แต่รอ วันที่แม่จะพร้อมให้น้องได้เรียกแม่ได้เต็มปาก และเต็มใจนะครับ........................................
15 / 06 / 10
กรุงเทพฯ ประเทศไทย 12:30 PM
อีกเดือนครึ่ง เราก็จะได้เจอกันแล้ว...พี่นับวันรอเลยนะ คิดถึงจะแย่อยู่แล้วรู้ไหมครับ เราไม่ได้คุยโทรศัพท์กันมาเดือนกว่า พี่ต้องรื้อคลิปเก่าๆ ที่เลิฟร้องเพลงส่งมาให้พี่มาเปิดฟัง ฟังเช้าตอนตื่นนอน และก่อนเริ่มทำงาน ฟังกลางวันก่อน และหลังกินข้าว ฟังตอนเย็นระหว่างขับรถกลับบ้าน และฟังก่อนนอนพร้อมทั้งหลับไปกับเสียงเพราะๆ ของเลิฟ
จะว่าพี่น้ำเน่าก็ได้นะ แต่พี่คิดถึงของพี่จริงๆ นี่ จะให้ทำไงล่ะครับ แต่เพื่อ Thesis ของที่รักจะเพอร์เฟค และมีเวลาซ้อมก่อนสอบได้เต็มที่ พี่ก็ต้องอดใจไว้ ให้เลิฟได้ซ้อมมากๆ ก่อนสอบ...
เราไม่ได้กอดกันมานานเท่าไหร่แล้วนะ...
เกือบ 3 ปีทีเดียว...
แต่พี่ยังรู้สึกถึงความอุ่นของตัวเลิฟได้อยู่เลย ตัวนุ่มนิ่มที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของ Old spice game day ยังคงติดจมูกพี่ แต่จริงๆ แล้วพี่เองก็แอบไปหาซื้อกลิ่นนี้มาใช้ เพราะทุกครั้งที่ได้กลิ่น พี่ก็จะรู้สึกเหมือนมีเลิฟอยู่ใกล้ๆ แหะๆ บอกแล้วว่าพี่น้ำเน่า ทนๆ อ่านหน่อยนะ ขอพี่เพ้ออีกหน่อยนึง
ตอนนี้ที่กรุงเทพฯ ร้อนมากๆ เลยครับ...งานพี่ก็ยุ่งมากเหมือนกัน แต่พี่ก็ยังหมั่นไปทานข้าวกับป๊าและม๊าเลิฟอยู่นะ อ่อ พี่คิวกับน้องโรสกำหนดวันหมั้นแล้วนะ วันที่ 12 สิงหาคม หมั้นวันแม่เลย ไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดงานสนุกๆ แบบนี้หรอกครับ น้องโรสมันจะไม่ยอมหมั้นถ้าหากพี่ชายมันไม่อยู่ด้วย รักกันจริงๆ นะเนี่ย
ส่วนไอ้เจ้าหมาเซย์ก็โตแต่ตัว ขนาดตอนนี้จะขึ้นปีสามแล้วนะ ยังคงหาเรื่องให้แชมป์ปวดหัวได้ไม่เว้นวัน...ล่าสุดแชมป์มาบ่นๆ ให้ฟังว่า ไอ้ลูกหมาของเลิฟมันไปทำงานที่สิงคโปร แต่ยังอุตส่าห์โทรกลับมาวีนใส่น้องนาน่านักร้องใหม่ของค่ายที่แชมป์เป็นโปรดิวเซอร์ให้อยู่ ไอ้เจ้าเซย์มันโทรไปบอกว่าเป็นแฟนพี่แชมป์ อยู่กินกันมานานแล้ว ห้ามยุ่ง ฮ่าๆๆๆ ร้ายจริงๆ เด็กเลิฟเนี่ย ดีนะที่เค้าจับไม่ได้ว่าเป็นน้องเซย์นักร้องดัง...แล้วยิ่งเดี๋ยวนี้นะมันมีสายเป็นน้องพาย คอยรายงานความคืบหน้าตลอดเวลา แชมป์มันก็เลยมีเมียคนนึง เหมือนได้สอง ฮ่าๆๆๆ
เลิฟรู้ไหม นอกจากพี่แล้ว คนที่ถามถึงเลิฟอยู่บ่อยๆ ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่น่ะคือใคร...เดาไม่ถูกใช่ไหม...พี่เฉลยดีกว่า...คนที่ถามพี่ทุกวันเลยว่าเมื่อไหร่เลิฟจะกลับ แล้วกลับไฟล์ทไหน วันไหน กี่โมง รู้รึยัง ฯลฯ คือแม่พี่เอง...แปลกใจล่ะสิ พี่เองยังแปลกใจเลย...แต่งี้แหละแม่พี่น่ะเป็นพวกปากแข็ง แต่ใจอ่อน พี่ว่าแม่พี่น่ะหลงรักเราเรียบร้อยโรงเรียนเลิฟไปแล้ว...อาจจะต้องยกความดีให้ ป๊าม๊าแล้วก็น้องโรสด้วยนะ ที่หมั่นมาชวนพ่อกับแม่พี่ไปทานข้าว แล้วน้องโรสก็แหย่ๆ บ่อยๆ ว่า คุณป้าคิดถึงเลิฟไหม ถ้าคิดถึงก็มองหน้าโรสไปก่อนนะ...แรกๆ แม่พี่ก็ค้อนใส่นะ หลังๆ คงชิน...
แต่เลิฟรู้ไหม...คนที่คิดถึงเลิฟมากที่สุดในโลกเป็นใคร...
อีกไม่กี่วัน...เลิฟก็จะได้เจอเค้าคนนั้นแล้วนะ...
เลิฟล่ะ คิดถึงเค้ามากไหม...
รีบๆ กลับมาให้พี่บอกรักดังๆ แล้วกอดแน่นๆ นะ
รักเลิฟนะครับ...(ที่สุดในโลกเลย).....................................
ผมนั่งอ่านอีเมลสิบฉบับล่าสุดของพี่เซฟที่ผมเซฟใส่โน้ตบุคมาไว้อ่านแก่เหงาบนเครื่องบิน อ่านวนไปวนมาอยู่หลายรอบ ถึงประโยคบอกรัก หรือประโยคที่บอกว่าคิดถึงผม น้ำตาผมก็ดันไหลออกมาซะง่ายๆ จนพี่ๆ แอร์โฮสเตทที่ผ่านมาเห็นส่งยิ้มให้กำลังใจผมอยู่หลายครั้ง พร้อมทั้งหยิบยื่นกระดาษชำระให้ผมซับน้ำตา...ก็จะให้ทำไงล่ะครับ ก็มันเป็นข้อความจากคนที่ผมรักที่สุด และคิดถึงมากที่สุด...อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ผมก็จะได้กอดเจ้าของอีเมลแบบตัวเป็นๆ ซักที
16 ชั่วโมงที่ผ่านมา ผมแทบหลับไม่ลง...ไม่ใช่เพราะเมื่อยหรือนั่งไม่สบาย แต่เพราะหัวใจผมมันเต้นถี่รัวจนคิดว่าตัวเองจะเป็นโรคหัวใจรึเปล่า...แต่ทุกคนเคยเป็นไหมครับ เวลาที่ตื่นเต้น หรือรอคอยอะไรซักอย่าง ใจคุณจะเต้นรัว เร็ว แรง อาการกระสับกระส่าย คิดเรื่องอื่นไม่ได้นอกจากเรื่องนี้...หนังสือที่เตรียมมากะไว้ว่าจะอ่านบนเครื่องฯ ก็ไม่ได้อ่าน เพราะมัวแต่นั่งอ่านอีเมลฉบับเก่าๆ ของพี่เซฟอยู่...
ตึ๊ง...!!!
เสียงสัญญาณปลดเข็มขัดดังขึ้น เมื่อเครื่องบินของสายการบินแห่งชาตินิ่งสนิทบนรันเวย์ เสียงพี่แอร์โฮสเตทสาวประกาศขอบคุณ และให้ตรวจเช็คดูสัมภาระส่วนตัวก่อนลุกจากที่นั่ง...สัมภาระบนเครื่องของผมมีแค่เจ้า Macbook Pro เครื่องเดียว นอกนั้นผมโหลดหมด แต่ก่อนหน้านี้ก็ทยอยส่งของกลับมาบ้างแล้ว
ผมนั่งคอยให้คนค่อยๆ ทยอยเอื้อมหยิบของให้หมดก่อนจะลุกขึ้นต่อแถวกระดึ๊บๆ ออกไปจากเครื่อง เดินผ่านงวง ออกไป...ผมรู้สึกเหมือนน้ำตามันรื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สองปีที่ผมไม่ได้กลับมาเหยียบบ้านเกิดเลย มันทั้งตื่นเต้นและดีใจนะครับ...
ผมเร่งฝีเท้าตัวเองไปรอคิวผ่านตรวจคนเข้าเมือง ก่อนที่จะไปรอกระเป๋าที่โรลที่ปรากฏบนบอร์ด...โชคดีของผม ที่กระเป๋าผมออกมาเป็นใบต้นๆ พร้อมกันทั้งสองใบยักษ์ แบกกระเป๋าตัวเองขึ้นรถเข็นอย่างทุลักทุเล
“ผมช่วยไหมครับ” เสียงใครวะ...อ่อ คุณฝรั่งรูปหล่อที่นั่งถัดจากผมไปอีกหนึ่งที่นั่งนั่นเอง...ผมก็ไม่ได้โง่จนดูไม่ออก แล้วก็ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปนะ ผมว่าไอ้หมอนี่มันแอบเล็งๆ ผมไว้ เพราะหันไปทีไรก็เจอมันส่งยิ้มให้ทุกที บางทีนั่งมองผมจนป้าที่นั่งขั้นกลางระหว่างผมกับมันเริ่มรำคาญ จนหันไปมองมันดุๆ อยู่หลายรอบ
“ไม่เป็นไรครับขอบคุณมาก” ก็ตอบไปตามมารยาทแหละนะ
“เป็นคนไทยใช่ไหมครับ” แหมกูอยากบอกว่าเป็นฟิลิปินโนจังเลย มึงเห็นไหมเนี่ยกูถือพาสปอร์ทสีเลือดหมูเขียนไทยแลนด์ทองเด่นซะขนาดนี้ เป็นเวียตนามมั้ง
“ครับ” ก็ตอบไปซะหน่อยตามประสาเจ้าบ้านที่ดี
“ผมมาเที่ยวครับ...คุณไปเรียนเหรอ แล้วจะกลับไปอีกไหมครับ กลับมาซัมเมอร์รึเปล่า...แนะนำที่เที่ยวให้ผมหน่อยสิครับ” โห มึงรุกเร็วไปไหม...ผมก็รีบเข็นกระเป๋าเดินหนีมันนะครับ แต่แม่งขายาวกว่าเลยตามทันตลอด
“ผมเรียนจบแล้วครับ ไม่กลับไปแล้ว แฟนผมรออยู่ครับ คงไม่ไปไหนอีกแล้วเค้ารอมานานแล้ว...ผมขอตัวนะครับ ผมรีบไปหาแฟนก่อน” เอาให้จะๆ กันไปเลย อย่าตามมาอีกนะเว้ย ไม่งั้นกูถีบจริงๆ ด้วย...แล้วผมก็รีบจ้ำแบบไม่หันกลับไปมองมันอีก...ก็ใจผมน่ะลอยออกไปอยู่ข้างนอกแล้วสิครับ
เข็นรถมาจนถึงทางเดินที่มีผู้คนมายืนออรอรับเพื่อน พี่ น้องกันเต็มไปหมด สายตาผมก็มองหาคนที่ผมอยากเจอมากที่สุด...
เคยเป็นไหมครับ...ไม่ว่า ณ ที่นั้นๆ คนจะเยอะมากแค่ไหน แต่สำหรับคนที่เรารัก เราจะมองหาเค้าเจอได้ง่าย เหมือนกับเค้าเด่นขึ้นมาท่ามกลางฝูงชน...ผมมองเห็นที่รักของผมแล้วครับ...
ผมรีบเข็นรถไปหาพี่เซฟอย่างเร่งรีบ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าขาของผม กับรถเข็นคันนี้มันช่างช้าไม่ทันใจเลย...ผมอยากจะปล่อยรถเข็นไว้ตรงนี้แล้วรีบวิ่งเข้าไปหาพี่เซฟจัง...แต่ในที่สุด ผมก็พาทั้งตัวเองแล้วไอ้จัมโบ้สองใบยักษ์ไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนที่ผมคิดถึงมากที่สุดจนได้
“ยินดีต้อนรับกลับ บะ...เฮ้ยยย!!!” ไม่ต้องตกใจนะครับ เสียงพี่เซฟที่ขาดหายไปแล้วกลายเป็นเสียงอุทานดังลั่นนั้น เพราะผมไม่ทันรอให้พี่เค้าพูดจบ...ผมก็โถมตัวเข้าใส่ อ้าแขนโอบกอดที่เซฟที่ไม่ทันตั้งตัว แต่ก็รับผมไว้และกอดตอบอย่างแน่น
“พี่เซฟ พี่เซฟ พี่เซฟ...ฮืออออ...พี่เซฟ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี เคยเป็นไหมครับ มันดีใจ โล่งใจ อบอุ่นใจ จนไม่รู้จะพูดออกมาเป็นคำพูดยังไง...จากคำพูดมันก็เลยกลั่นออกมาเป็นหยาดน้ำแทน น้ำตาที่มันเอ่อออกมาเพราะความคิดถึง ความสุข ความตื้นตันใจ และความรัก
“คนเก่งร้องไห้ทำไมครับ หืม!!...พี่อยู่นี่แล้วนะ พี่อยู่นี่แล้ว ไม่ไปไหนแล้วนะครับ...คิดถึงมากเลยรู้ไหม” พี่เซฟโยกตัวผมในอ้อมกอดน้อยๆ เรากอดกัน ผลัดกันหอมแก้มไปมาแบบไม่สนใจว่าใครจะมองเราหรือไม่...
อ้อมกอดแรกในรอบสามปีของเรา...ไม่ได้รู้สึกเปลี่ยนไปเลยซักนิด ยังคงอบอุ่น อ่อนหวาน ปลอดภัย และเต็มไปด้วยความรัก ถ้าจะเปลี่ยนก็คงจะเป็นความคิดถึงที่ผลักดันให้เรารู้สึกโหยหากันมากขึ้น...
“กลับบ้านกันนะครับ...ตอนนี้ทุกคนตั้งตารอคนเก่งของพี่กันเต็มบ้านไปหมดเลยนะ...จริงๆ พี่กะว่าจะลักพาตัวเลิฟไปจู๋จี๋กันสองคนให้หายคิดถึงซะหน่อย แต่ถ้าทำงั้นมีหวังโดนทั้งหม่าม๊าและก็แม่พี่ตีตายแน่ๆ ผลัดกันถามถึงน้องเลิฟทุกวันเลย”
ผมยิ้มรับคำพูดของพี่เซฟ ตื่นเต้นที่จะได้เจอทุกคนแบบพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง...พี่เซฟหันไปเข็นกระเป๋าให้ผมแต่ยังไม่วายเอื้อมมือมาดึงมือผมให้เข้าไปควงแขนพี่เค้าเอาไว้อย่างไม่อายใคร...ผมยิ้มให้กับความน่ารักของพี่เซฟก่อนที่จะเดินคู่กันไปที่รถ...
พี่เซฟเปลี่ยนรถใหม่แล้วครับ...จากน้ำพักน้ำแรงของพี่เค้า ตอนนี้ผมเลยได้มานั่งเป็นตุ๊กตาหน้าฟอจูนเนอร์...ในรถเราไม่ได้คุยอะไรกันเลย ปล่อยให้ความรักอบอวนอยู่รอบๆ เราสองคน...แค่นั่งกุมมือกัน ผมซบหัวลงบนไหล่หนาของพี่เซฟ ซึมซับความรัก ที่เรากำลังถ่ายทอดผ่านทางใจซึ่งกันและกันอย่างเงียบๆ ไม่นานนัก รถก็แล่นมาถึงบ้านของผม...
ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้วก็ตาม...แต่ไฟในบ้านและสนามหญ้าหน้าบ้านผมยังคงสว่างโร่ สมาชิกที่มากเกินกว่าครอบครัวผมนั่งคุย หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน...
ผมเปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปกอดป๊ากับม๊า แล้วกราบลงบนตักของทั้งสองคน...
“คิดถึงป๊ากับม๊ามากที่สุดในโลกเลยครับ...” ผมหอมแก้มม๊าฟอดใหญ่ติดต่อกันหลายๆ ที ก่อนจะหันไปทำแบบเดียวกันกับป๊าด้วย
“ไหนพี่เซฟบอกว่า...เลิฟบอกคิดถึงพี่เซฟที่สุดในโลกเหมือนกันไง แล้วใครที่สุดกว่ากันล่ะเนี่ย” หม่าม๊าผมแซวขึ้นมาซะอย่างนั้น
“ก็คิดถึงทุกคนที่สุดในโลกเท่าๆ กันหมดเลยแหละฮะ” ผมลูบแก้มแม่แล้วตอบ ก่อนจะหอมแก้มนิ่มๆ อีกสองที แล้วหันไปหาน้องสาวสุดที่รักของตัวเอง
“ไหนมานี่ดิ๊แก...จะหมั้นน่ะขออนุญาตฉันแล้วเหรอ” ผมเดินเข้าไปวาดแขนโอบตัวไอ้น้องสาวสุดเท่ของผมเข้ามาในอ้อมกอด...มันเองก็กอดตอบผม ถ่ายทอดความคิดถึงซึ่งกันและกัน...ผมกับมันไม่เคยห่างกันนานขนาดนี้
“แกไปบอกพี่ชายแกดิ ว่าไม่ต้องมาหมั้นแล้ว ฉันยกเลิก ขี้เกียจ...แม่งหนีก็ไม่ได้ ตามเช้า กลางวันเย็น...ไอ้บ้า” คำว่าไอ้บ้าน่ะ โรสมันหันไปโยนใส่พี่คิวที่ยืนอยู่ข้างๆ...เออ คู่นี้เค้าตามติดหนึบกันจริงอะไรจริงนะครับ...สงสัยน้องสาวผมมันจะได้ฝาแฝดคนใหม่ซะแล้วมั้งเนี่ย
“คุณป้าคุณลุง สวัสดีครับ” ผมผละออกจากไอ้โรสแล้วหันไปค่อยๆ คลานเข่าเข้าไปหาพ่อกับแม่พี่เซฟครับ...
“บุญรักษาเถอะลูก...โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะเรา...อีกหน่อยก็ช่วยแม่กับพ่อดูแลพี่เค้าด้วยล่ะ” หะ!!! อะไรนะ แม่เหรอ...เป็นอีกครั้งที่ผมได้ยินคำว่าแม่หลุดมาจากปากของแม่พี่เซฟครับ ถึงแม้เมื่อก่อนจะมีหลายครั้งที่คุณแม่พี่เซฟหลุดๆ ออกมาบ้าง แต่มันก็มักจะเป็นประโยคคาบเกี่ยวระหว่างพูดกับผมและพี่เซฟ เลยไม่รู้ว่าแม่พี่เค้าแทนตัวว่าแม่กับผมหรือพี่เซฟกันแน่...แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ แม่พี่เซฟแทนตัวเองว่าแม่กับผมโดยเฉพาะ แม่พี่เค้าพูดกับผม...ดีใจจังเลยครับ
“อ้าว...เลยทำหน้าเหวอเลยรึเรา...เลิกเรียกป้ากับลุงเถอะ...เรียกพ่อกับแม่เหมือนเซฟเค้านั่นแหละ...แม่เค้าอยากมีลูกเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว เห็นถามหาทุกวี่ทุกวัน” พ่อพี่เซฟลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะหันไปแซวแม่พี่เซฟที่ยื่นมือออกมาลูบหน้าลูบตาผมอย่างเอ็นดู
“อ้าว ร้องไห้ซะแล้วลูกเอ๊ย!!! เซฟ...มาดูน้องหน่อยลูก แม่เปล่าทำอะไรนะ ดูสิน้ำตาไหลไม่หยุดเลย พอแล้วลูกเดี๋ยวปวดตา...มาๆ ขอแม่กอดหน่อยนะ” แล้วแม่พี่เซฟก็ดึงผมเข้าไปกอด พร้อมทั้งลูบหัวปลอบประโลม น้ำตาผมก็ยิ่งไหลเข้าไปใหญ่
“แม่ขอโทษนะเลิฟ...ที่แม่เคยพูดจาไม่ดี เคยทำไม่ดีกับเลิฟ...แม่ขอบคุณมากๆ ที่รักลูกชายแม่ และดูแลพี่เค้ามาตลอด...รักกันให้มากๆ นะลูก แม่ฝากพี่เซฟเค้าด้วยนะ” แม่พี่เซฟค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้ผมเบาๆ ก่อนพูดให้ผมยิ่งรู้สึกตื้นตันใจมากขึ้นกว่าเดิมอีก
“ครับคุณแม่...คุณแม่ไม่ต้องขอโทษเลิฟหรอกฮะ...เลิฟขอบคุณคุณแม่นะฮะ ที่ยอมรับเลิฟแล้ว เลิฟสัญญาว่าจะดูแลพี่เซฟอย่างดีคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะฮะ” ผมกอดตอบแม่พี่เซฟ แม่ก็ลูบหัวลูบหลังผมไม่หยุด
“เอะแม่ เซฟว่าประโยคนี้เซฟต้องเป็นคนพูดกับป๊ากับม๊าเลิฟนะเนี่ย เซฟต่างหากต้องเป็นคนดูแลน้อง...มานี่มา...เจ้าหมาเล็กกับเพื่อนๆ เราชะเง้อคอรอกอดเรากันใหญ่แล้ว”
แล้วพี่เซฟก็ลากผมมาให้กลุ่มเพื่อน พ้อง น้องพี่ ได้รุมกอด รุมหอม รุมทวงของฝากกันมากมาย...
“พี่เลิฟ เซย์คิดถึงพี่เลิฟม๊ากกกกกมากอะ...ไอ้พี่แชมป์มันยังไม่เลิกดุเซย์เลยอะ มันดุมากกว่าเดิมอีก” ไอ้เด็กนี่ มาถึงก็ฟ้องเลยเว้ย
“ก็เรายังดื้ออยู่ล่ะสิ พี่เค้าถึงดุเอาน่ะ...โตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้วนะ สูงขึ้นด้วยนะเนี่ย เลิกงอแงได้แล้ว” ผมโยกหัวไอ้ตัวดีเบาๆ มันทำแก้มป้องหน้างอ เพราะไอ้แชมป์มันหัวเราะอยู่ข้างๆ
“เซย์เลิกดื้อแล้วเหอะพี่เลิฟ...บอกเพื่อนพี่ให้เลิกดุซะทีเถอะ ทำตัวเป็นโอโต้ซังไปได้ ชิส์” เหนื่อยใจกะมันสองตัวจริงๆ ครับ
ไอ้แพรกับไอ้น๊อตเพื่อนผมไม่ได้มาวันนี้ เพราะไอ้แพรได้ทุนไปเรียนที่ออสเตรียทั้งคู่ อีกสองเดือนถึงกลับครับ...
วันนี้เป็นวันดีๆ ที่ผมอบอุ่นใจมากที่สุด บ้านที่ผมรัก คนที่ผมรัก ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา...
“เหนื่อยไหมครับ...เจ็ทแล็คเหรอ ไม่ยอมหลับซะที” คืนนี้คุณแฟนผมน่ารักสุดๆ เลยครับ บริการอาบน้ำสระผมให้ผมนอนแช่น้ำอุ่นสบายๆ เสร็จแล้วก็อุ้มออกมาเช็ดตัว ทาครีม ทาแป้ง แต่งตัวให้เสร็จเรียบร้อย ก่อนจะมานอนกอดกันบนเตียง ซึมซับไออุ่นซึ่งกันและกัน
“จูบเลิฟอีกทีได้ไหม...” ผมอ้อนขอความหวานจากพี่เซฟอีกครั้ง...ตั้งแต่เข้ามาในห้องนอน เราก็จูบกันไม่หยุด แม้แต่ตอนอาบน้ำ พี่เซฟสระผมให้ผมไป ก็ก้มลงมาจูบผมไป...ทดแทน สามปีที่ผ่านมา
“ห้าปีแล้วเนอะ ที่เราคบกัน และรักกัน...ขอบคุณนะครับที่เกิดมาให้พี่ได้รัก...ขอบคุณที่สอนให้พี่รู้จักความรัก...และขอบคุณนะครับที่รักพี่...ความรักของเลิฟมีค่าและยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับพี่...เราย้ายมาอยู่ด้วยกันไหม...พี่ซื้อคอนโดเอาไว้ห้องนึง พี่ตั้งใจทำงาน เก็บเงินแล้วผ่อนมันด้วยน้ำพักน้ำแรง พี่อยากให้เราสองคนเป็นครอบครัว...ครอบครัวที่เป็นของเรา ครอบครัวที่เราสร้างมันขึ้นมาด้วยกัน...พี่รักเลิฟมากนะครับ มาอยู่ด้วยกันนะ”
ผมไม่ตอบตกลงเป็นคำพูด แต่ผมโผกอดพี่เซฟไว้ทั้งตัวก่อนจะจูบขอบคุณพี่เค้าเบาๆ แต่เรียกร้อง ลึกซึ้ง และเนิ่นนาน...
“เลิฟก็รักพี่นะครับ...เลิฟขอโทษที่เลิฟไม่ได้เป็นผู้หญิง แต่เลิฟขอบคุณที่พี่เลือกเลิฟ...ขอบคุณที่ดูแลกันมาตลอด ขอบคุณที่ฝ่าฟันเรื่องราวต่างๆ มาด้วยกัน จับมือกัน และเดินเคียงข้างกันมาจนถึงทุกวันนี้...ช่วงที่ห่างกัน มันทำให้เลิฟได้รู้ว่า...ระยะทางไม่ได้ทำให้ความรักของเราลดน้อยลงเลยซักนิดเดียว...กลับตรงกันข้าม ความเหงาทำให้เรารักกันมากขึ้น ต้องการกันมากขึ้น โหยหากันมากขึ้น และทำให้เรารู้ว่าเราต่างก็เป็นคนสำคัญของกันและกัน...ต่อไปนี้ฝากตัวด้วยนะครับ...เราจะมีครอบครัวของเรากันนะ”
มีเรื่องราวมากมาย ที่ไม่มีใครได้ฟัง คำพูดนับร้อยพัน
ที่ต้องการเอื้อนเอ่ย ไม่ว่าจะนานซักเท่าไหร่
ยังยืนยันคำเดิมเสมอ ไม่เคยเปลี่ยน
เธอทำให้ฉันรู้และเข้าใจคำว่าสองเรา
ไม่ว่าจะร้อนหรือว่าจะหนาวก็ไม่กลัว
มีเธอที่รักข้างในจิตใจ ให้ฉันก้าวเดินต่อไป ต่อจากนี้
เธอและฉัน จับมือเคียงกันนับจากนี้
ผ่านความเดียวดายที่สองเรานั้นเคยมี
เมื่อมีเธอคนที่แสนดีอยู่ตรงนี้
มากกว่านั้น ยิ่งมีกันและกันมากแค่ไหน
มีเพียงคำว่ารักที่สองเรานั้นเข้าใจ
รักเพียงเธอและตลอดไป (แค่เธอกับฉัน)
และนับจากนี้ไป ทุกเรื่องราวที่ได้ฟัง
คำพูดทุกถ้อยคำที่คอยย้ำเตือนใจ
ไม่ว่าจะไกลซักเท่าไหร่ เพียงมีเธอคนดีอย่างนี้
ไม่ไหวหวั่น
(จะมีเพียงสองเรา ต่อจากนี้) (แค่เธอกับฉัน)
http://www.youtube.com/v/-6KcCDRsniw&hl=en_US&fs=1&color1=0x2b405b&color2=0x6b8ab6"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed srcในที่สุด...ผมก็มีพี่เซฟและพี่เซฟก็มีผม เรามีกันและกัน...ทุกๆ ความเจ็บปวด ทุกๆ ความเหงา ทุกๆ ความกังวล ทุกๆ ความเหนื่อย อ่อนล้า...เป็นแรงผลักดันให้เราสู้เพื่อกันและกัน สู้เพื่อที่เราจะได้มีกันและกันตลอดไป...และขอบคุณความรักที่ทำให้ผมได้มีผู้ชายคนนี้...ขอบคุณผู้ชายที่ชื่อเซฟ ผู้ชายที่เป็นของขวัญจากเบื้องบน ส่งมารักผม และให้ผมได้รัก
ความรัก...มันไม่เลือกที่เกิดหรอกครับ กับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้...แต่ถ้าหากมันเกิดขึ้นกับคุณแล้วล่ะก็...ผมก็อยากให้คุณได้ลองที่จะเรียนรู้ และลองที่จะได้รัก ถึงแม้มันจะเกิดขึ้นผิดที่ผิดทางก็ตาม...อย่ากลัว อย่าหนี เลยครับ ความรักไม่เคยทำร้ายใคร แต่ความรักจะสอน และสร้างเราให้รู้จักอยู่เพื่อคนอื่น ยอมเพื่อคนอื่น และเกิดมาเพื่อรักคนๆ หนึ่งอย่างไม่มีเงื่อนไข
ลองเริ่มรักใครดูซักคนสิครับ...