^
^
ว่าแล๊วเชียว ต้องโดนว่าอย่างนี้ คิดผิดคิดใหม่ได้นะ
หวังว่าทุกคนคงมีความสุขในวันวาเลนไทน์นะครับ
วาเลนไทน์ของผมนั่งเกาแขนเกาขาเฝ้าร้านและเลี้ยงหลาน
มีลูกค้าไม่กี่คน (ก็ลูกค้าเค้าไปแฮปปี้ วาไลนเทน์กันสนุกสนานนะสิ เซ็งเนอะ)
ของขวัญวันวาเลนไทน์อ่านเล่นกันหน่อยนะครับ ก่อนจะมาต่อนิยาย เพลิงรัก บทต่อไป (หลังจากผ่านช่วงวาเลนไทน์ไปก่อน นะ นะ)
คดีรัก
บทพิเศษวันวาเลนไทน์
อธิคมเปิดประตูห้องชุดอย่างเซ็งๆ แต่ทว่าก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะในห้องเปิดไฟสว่างไสวทุกดวง ไม่นานเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามี ‘ผู้บุกรุก’ เจ้าเก่าซึ่งหายหน้าหายตาไปนานหลายเดือนแล้ว แต่คืนนี้กลับโผล่มาเช่นที่เคยทำเป็นประจำ
นายตำรวจหนุ่มเดินไปที่ห้องนั่งเล่น โทรทัศน์เปิดทิ้งเอาไว้ แขกที่ไม่ได้รับเชิญสวมกางเกงขาสั้นตัวเดียวนอนแผ่อยู่บนโซฟา มีถุงพลาสติกใส่น้ำแข็งวางทับอยู่บนหน้า
“บ้านช่องไม่มีอยู่หรือไงธง” อธิคมถามเสียงเข้ม “เอ็งถือวิสาสะเข้าบ้านข้ามาแล้วทำเหมือนบ้านตัวเอง เปิดไฟทุกดวง เปิดแอร์ทุกตัว เปลืองฉิบหาย”
“ลิฟท์ที่คอนโดข้าเสียอีกแล้ว ข้ามึนๆ ปีนขึ้นบันไดไม่ไหว เลยขอมานอนบ้านเอ็งซักคืน” ธงรบตอบเบาๆ ตาหลับพริ้ม มือขยับถุงน้ำแข็งที่วางทับอยู่บนตาขวาไปมา “ลิฟท์คอนโดเอ็งนี่มันวิ่งเร็วดีจริงๆ ว่ะ เงียบด้วย ข้าชักอยากมาอยู่นี่เป็นการถาวรซะแล้ว ข้าเบื่อลิฟท์เก่าๆ ที่คอนโดข้าจะตายอยู่แล้ว นี่ถ้ารวยกว่านี้หน่อยพ่อจะควักเงินเปลี่ยนลิฟท์ใหม่เองเลยให้ตายสิ”
“แล้วคืนวันแห่งความรักอย่างนี้เอ็งเสือกมานอนอยู่บ้านข้าทำไม” อธิคมถามเสียงห้วน
“แล้วเอ็งล่ะ” ธงรบลืมตา ยกถุงน้ำแข็งออกจากใบหน้าแล้วโยนลงไปบนพื้น
“มิน่า” อธิคมอมยิ้มเมื่อมองเห็นใบหน้าของเพื่อนอย่างชัดเจน
“หมัดหนักฉิบหาย” ธงรบทำปากยื่น หน้าตาแสดงออกว่าเซ็งจัด
“เอ็งไปทำอีท่าไหนถึงได้โดนฤทธิ์หมัดดาวเหนือแบบนี้” อธิคมพยายามกลั้นหัวเราะ
“ข้าไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย อีก็หึงไม่ฟังฟ้าฟังฝน” ธงรบทำเสียงหงุดหงิด
“อะไรไม่ฟังฟ้าฟังฝน สำนวนบ้าบออะไรของเอ็ง” อธิคมถาม “แล้วนี่อยู่กับอาตี๋จนแกพูดเหมือนคนจีนเข้าไปทุกที”
“ยังไม่ทันได้ระวังตัวว่ะ ตูมเดียว เข้าเบ้าตาข้าจังๆ แล้วผลักข้าลงรถ ข้าแทบจะลงมานั่งกองกับพื้นถนน นี่ถ้ายกตีนถีบได้คงทำไปแล้วล่ะ เวลาหึงนี่ร้ายจริงๆ ให้ตายเหอะ”
“ก็เอ็งมันนี่น๊า จนป่านนี้ก็ยังทิ้งสันดานเจ้าชู้ไม่เลือก สมน้ำหน้า พี่ชายเขาก็ไม่เว้น” อธิคมส่ายหน้า
“เฮ้ย เปล่านะโว้ย วันนั้นข้าล้อเขาเล่นสนุกๆ หรอก แต่วันนี้น่ะ คนละคน คนละเรื่อง” ธงรบรีบปฏิเสธ แต่แล้วก็พูดเสียงอ่อย “แต่รู้สึกว่าอีจะแค้นสะสมหรือเปล่าก็ไม่รู้ พอข้าพูดทะเล้นขึ้นมาหน่อย ตู๊มเดียวเห็นดาวพราวระยับงามจับใจเลยล่ะเอ็ง”
“เจ็บขนาดนี้ยังเสือกจะสรรหาคำสวยงามมาบรรยายอีก”
“พักหลังนี่อารมณ์หงุดหงิดบ่อย เหมือนๆ ผู้หญิงท้องเลยให้ตายสิ” ธงรบถอนหายใจ
“แต่เอ็งก็ยังทะลึ่งทะเล้นกวนประสาทเขาอยู่ได้ทุกวัน” อธิคมส่ายหน้า “ข้าว่าอาตี๋คงรู้สึกจี๊ดประสาทที่ต้องฟังเสียงเอ็งจ้ออยู่ตลอดเวลา เลยสติแตก”
“ไอ้คม เอ็งพูดอะไรไม่ดีไม่ได้ก็ไม่ต้องพูด ข้าเจ็บ จะสงสารซักหน่อยก็ไม่มี”
“เอ็งมันน่าสงสารนักนี่ สมแล้วล่ะที่ต้องมานอนประคบน้ำแข็งในคืนวาเลนไทน์ อดขึ้นสวรรค์เลยไหมล่ะ” อธิคมหัวเราะเบาๆ แต่ทว่าเจ้าตัวและคนฟังรู้ได้ว่าเป็นเสียงหัวเราะหยันๆ
“แล้วเอ็งทำไมมาอยู่นี่” ธงรบหรี่ตามองเพื่อนที่เบือนหน้าออกไปด้านข้าง ก่อนจะทำตาโตแล้วส่งเสียงลั่น “อะฮ้า ข้ารู้แล๊ว เอ็งก็โดนเหมือนกัน”
“โดนบ้าที่ไหน ข้าเหนื่อยหรอก เดี๋ยวข้าก็ไปหา คอนโดคุณนุอยู่ใกล้แค่นี้เอง”
“แล้วนั่นรอยอะไร” ธงรบชี้มายังใบหน้าของอธิคม “เอ๊ะ รึว่าเอ็งเป็นผื่น เป็นโรคภูมิแพ้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ข้าว่ารอยแดงบนแก้มนั่นน่ะ มันเหมือนรอย...”
“หุบปากเดี๋ยวนี้เลยไอ้เสาธง” อธิคมตะคอกแล้วเดินหนีเข้าห้องนอน
“คม เรามาฉลองวาเลนไทน์กันสองคนเถอะว่ะเพื่อน ข้าซื้อเหล้ามาสี่ขวด” ธงรบตะโกนตามหลัง “ถ้าไม่เมาก็ค่อยออกไปต่อกันข้างนอก อยากใจร้ายกับเราดีนัก ไม่เห็นจะแคร์”
“ข้าอาบน้ำแล้วจะกลับไปง้อ” อธิคมพูดเสียงเรียบ “เอ็งอยากไปหาเรื่องใส่ตัวต่อก็แล้วแต่เอ็งเถอะ แต่ข้าขอแช่งให้กรรมเวรมาสนองเอ็งในคืนนี้”
“ไอ้ปากหมา” ธงรบกระแทกเสียง “โว๊ย ทำไมเป็นแบบนี้วะ จะให้ข้ากลับไปง้อได้ไง ก็อีเล่นขังตัวเองอยู่ในปราสาทที่มีเทพสุริยันเขี้ยวใหญ่นั่งกอดอกเฝ้าอยู่ชั้นล่าง แล้วอีตาปลากระดี่ตะวันแดงก็เอาแต่ออกไปลัลล้าอยู่นอกบ้าน ข้าไม่มีแนวร่วมจะช่วยฝ่าด่านอรหันต์ทองแดงเลยนะโว๊ย นี่ตั้งแต่เฮียรู้แจ้งเห็นจริงว่าอะไรเป็นอะไร ข้าโดนบีบโดนคั้นจนหน้าเขียวไปหมดแล้ว จะเข้าบ้านก็ไม่ได้ อาเฮียแกไม่เคยไปไหนเลย เลิกงานแล้วก็รีบกลับบ้านมาเฝ้าน้อง คนใช้ก็กลัวหัวหด ไม่มีใครยอมแอบมาเปิดประตูรั้วให้ข้าเลย”
อธิคมอดอมยิ้มด้วยความขันไม่ได้ทั้งๆ ที่เขาเองก็กำลังรู้สึกหนักใจกับปัญหาของตัวเอง ป่านนี้อนุภาพก็คงขลุกอยู่กับอัสนัยและเพื่อนๆ ของอัสนัย
...เจ็บใจนัก ลำพังอนุภาพคนเดียวคงไม่เท่าไหร่ ง้อเข้าหน่อยก็คงอ่อน แต่มีอัสนัยคอยกันท่า คอยเป่าหู คอยชักจูงคุณนุ และคอยเป็นอุปสรรคขวางกั้นอยู่แบบนี้ จะทำอะไรก็ไม่สะดวก คุณนุนะคุณนุ ทำไมจะต้องไปคบกับอัสนัยด้วย คุณตฤณก็จริงๆ เชียว ทำแต่งาน วันวาเลนไทน์ก็ยังยุ่ง ไม่รู้จักคุมแฟนตัวเองเอาไว้ให้ดี ปล่อยให้มายุ่งวุ่นวายกับแฟนของชาวบ้าน...
...อย่างพี่คมต้องเอาให้หนัก อย่าให้หือได้ ถ้าลองได้อ่อนให้แล้วล่ะก็จะได้ใจ ยิ่งมีลูกคู่อย่างอีตาสารวัตรธงรบยิ่งจะพากันไปลงเหว คุณนุต้องคุมเอาไว้ให้ดี อย่าชะล่าใจเป็นอันขาด...
...พูดเข้าไป๊ นี่ถ้าไม่ได้ยินกับหูเขาก็คงโง่อยู่นาน คิดว่าอัสนัยกับเขาจบกันไปแล้ว คราวนี้ก็รู้ซะทีว่าอัสนัยยังไม่ยอมจบ นี่คงแค้นเขามากละสิท่า สงสัยคงโกรธเขาที่เลือกคุณนุแทนที่จะเลือกตัวเอง ขอให้ได้แกล้งเขาหน่อยก็เอา แล้วทำไมจะต้องมาซี้ปึ๊กกับคุณนุวะ ควรจะโกรธที่คุณนุมาแย่งเขาไปจากตัวเองสิถึงจะถูก มาเป็นพันธมิตรกันแบบนี้ได้ยังไง...
“ถามจริง เอ็งโดนฝ่ามือพิฆาตหรือวะ” เสียงธงรบดังขึ้นข้างหู
“ไอ้ห่_” อธิคมสะดุ้งเพราะมัวแต่คิด “ไม่รู้จักเคาะประตู”
“ประตูเอ็งเปิดอยู่”
“ข้าจะอาบน้ำ” อธิคมตะคอกแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันกายทั้งที่ยังสวมกางเกงชั้นในอยู่
“อาบก็อาบไปสิวะ ไม่เห็นต้องทำหน้าดุ เอ็งจะอายอะไรนักหนา ทำยังกับข้าไม่เคยเห็นก้นเอ็ง” ธงรบเบ้ปาก “ก้นเองสวยสู้ก้นขาวๆ ของอาตี๋น้อยของข้าไม่ได้ซักกะนิ๊ดเดียว”
“ไอ้ปาก...”
“ข้ารู๊ ว่าปากข้าเป็นยังไง” ธงรบหัวเราะร่าแล้วเดินตรงไปยังประตูห้องนอนของอธิคม “ขอให้โชคดีง้อสำเร็จนะเพื่อน ข้าเอาใจช่วย แต่ข้าว่า คืนนี้ เอ็งคงต้องได้กลับมาอยู่เป็นเพื่อนข้าแหงๆ”
...จะมากไปแล้วไอ้เสาธง รู้จักอธิคมน้อยไปซะแล้ว ถึงวันนี้คุณนุจะโกรธมากที่เราไปต่อยเจ้านายใหม่จนเลือดกลบปาก แต่คืนนี้เป็นคืนวาเลนไทน์ อธิคมไม่ขอมานั่งปิดหูอยู่ที่บ้านเพราะไม่อยากฟังเพียงไอ้เพื่อนปากมากยียวนกวนประสาทอย่างไอ้เสาธงหักหรอก...
...คืนแห่งความรัก ก็ต้องไปอยู่กับคนที่เขารักสิ...
...รักคุณนุคนเดียว..
...คนอื่นๆ ที่บังอาจจะมาทำเจ้าชู้ใส่แฟนเขานั้น ถอยไป...
...หึงนะโว้ย...