หายไปสามวัน มาแล้วกั๊บ ตอนล่าสุด นับถอยหลังกันได้เรย ใกล้จบเต็มที
ความเดิม ปาล์มได้เอาไฟล์เสียงที่บันทึกบทสนทนาระหว่างเขากับท้อปมาให้ปอนด์ฟัง ทำให้ปอนด์เข้าใจเรื่องต่างที่เกิดขึ้น และรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่ไม่ดีเป็นฝีมือของท้อป เมื่อตัดสินใจโทรไปหาไปป์แล้วไม่รับ วิธีสุดท้ายคือไปตามที่สนามบิน แล้วทั้งคู่จะได้เจอกันและปรับความเข้าใจกันได้หรือไม่ ติดตามอย่างระทึกในตอนที่ 19
ตอนที่ 19 ความหวังครั้งสุดท้าย
“เรากลับมาแล้ว ไปป์ เป็นไงอยู่คนเดียวเหงามั้ย” ท้อปถามอย่างอารมณ์ดี เมื่อกลับมาถึงดอนโดหรูใจกลางกรุง ดอนโดนี้เป็นของพี่สาวท้อปที่อนุญาตให้ทั้งคู่มาพักก่อนจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น เพราะใกล้กับสนามบินเวลาเดินทางจะได้ไม่ลำบากมาก
“ไม่หรอก ว่าแต่วันนี้ไปโรงเรียนมาเป็นยังไงบ้าง” ไปป์ถามเสียงเรียบเฉย ท้อปได้ยินคำถามนั้นก็รู้สึกโมโหมากแต่ต้องฝืนยิ้มตอบ
“ก็ไม่มีอะไรมากมายหรอกไปป์ แค่ไปลาเพื่อนๆลาอาจารย์แต่นั้นเอง” ท้อปตอบฝืนๆ
“แล้วนายเจอปอนด์บ้างรึเปล่า” ไปป์ถามเสียงเกรงๆ
“ก็เจอ แต่ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ อือ!!! แต่เราก็ได้ยินมาว่าปอนด์กับปีเตอร์เลิกกันแล้ว เพราะว่าปีเตอร์เคยรักอยู่กับปาล์มมาก่อน แล้วก่อนที่เค้าจะมาคบกับปอนด์เค้าก็เสียความทรงจำอะไรไปนี่แหละ และก็เพิ่งมาจำได้ว่าเค้ากับปาล์มเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาก ปอนด์เค้าคงเข้าใจก็เลยปล่อยปีเตอร์ไปอ่ะ” ท้อปเล่าลอยหน้าลอยตา ผิดกับไปป์ที่หน้าซีดเผือด
“เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง ปอนด์คงจะเสียใจมากเลยเนอะ เออ!!!! แล้วที่เราฝากไปคุยกับปอนด์เรื่องนั้นล่ะ ท้อปได้บอกปอนด์ให้เรามั้ย” ไปป์ถามใบหน้าคาดหวัง
“ก็บอก แต่ว่า... ปอนด์บอกว่าไม่อยากมาอ่ะ” ท้อปตอบแสร้งทำเสียงเศร้า
“อืม!!! เรารู้อยู่แล้วแหละว่าปอนด์คงไม่มาหรอก เค้าไม่มาก็ไม่เป็นไร เราก็แค่ถามไปอย่างนั้นแหละ” ไปป์บ่นกับตัวเองเสียงเศร้า
“อย่าคิดมากนะไปป์ พักผ่อนดีกว่านะเดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงเดินทางน้า...” ท้อปปลอบใบหน้ากระหยิ่ม
“อือ.. เราไปอาบน้ำก่อนนะ” ไปป์บอกแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ท้อปถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“กรื๊ง!!!!!!!!!!!!!!”
“โทรศัพท์ไปป์นี่นา ใครโทรมานะ “ ขณะที่หยิบขึ้นมาท้อปก็ต้องตกใจสุดขีด
“ปอนด์....” ท้อปรีบกดทิ้ง และปิดเครื่องไป
“ท้อปใครโทรมาอ่ะ” ไปป์ตะโกนถามออกมาจากห้องน้ำ
“ไม่มีหนิ เสียงโทรศัพท์ในทีวีอ่ะไปป์” ท้อปตอบโกหกไป เขารอเวลาอยู่สักพักก็เปิดเครื่องของไปป์ขึ้นอีกครั้ง
“คงไม่โทรมาแล้วนะ” เขาบ่นเบาๆ
“ตู๊ด ๆ ๆ” เสียงข้อความดังขึ้นท้อปถือวิสาสะเปิดอ่านทันที
^
^
^
“ไปป์เรามีอะไรอยากให้นายฟัง ฟังแล้วนายจะเข้าใจทุกอย่างเอง” ข้อความว่าอย่างนั้น แต่ไม่ได้มีแค่ข้อความอักษรข้อความนี้ยังแนบไฟล์เสียงมาด้วย ท้อปไม่รอช้าที่จะเปิดฟัง
.................................................................................
^
^
^
“นายทำลายความรักของคนอื่นมากเกินไปแล้ว เลิกทำแบบนี้เถอะ นายทำไปเพื่ออะไร.....” แค่ประโยคแรกท้อปก็เข้าใจเลยว่าข้อความนี้มีเจตนาอะไร
“ไอ้ปาล์มร้ายมาก แกแอบอัดเสียงชั้นเอาไว้เหรอ แส่ไม่เข้าเรื่อง คิดว่าชั้นจะยอมให้แกเอาคืนชั้นง่ายๆเหรอ รู้จักไอ้ท้อปน้อยเกินไปแล้ว” พูดพึมพำจบปาล์มก็รีบลบข้อความทิ้งแล้วเปิดฝาเครื่องออก ดึงเอาซิมการ์ดในเครื่องออกมา
“ถ้าไม่มีไอ้เนี่ย ก็อย่าหวังเลยว่าจะติดต่อกันได้อีก” ท้อปไม่รอช้า เขาใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ของมือทั้งสองข้างจับซิมอันเล็กนั้นขึ้นมา แล้วบิอย่างแรงจนซิมนั้นหักเป็นสองท่อน พลางยิ้มให้กับการกระทำของตัวเองด้วยความสะใจ!!!!!
......................................................................
ตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า บอกเวลาของวันใหม่ ปอนด์ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน เขานอนครุ่นคิดเรื่องต่างๆที่ผ่านมา จะว่าไปแล้วเรื่องที่เกิดกับเขามันดูคล้ายกับละครเรื่องหนึ่ง และเขาก็เปรียบเหมือนนางเอกผู้น่าสงสารที่ต้องถูกรังแกเรื่อยไป วันนี้แล้วสินะที่เขาจะได้มีโอกาสต่อสู้เพื่อทวงความรักที่กำลังจะสูญเสียไปให้กลับคืนมา
“ติ๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เสียงนาฬิกาปลุกดังแทรกความเงียบแห่งรุ่งอรุณขึ้นมา
“ตีห้า แล้วเหรอวะ ยังไม่ได้นอนเลย” เขาพูดด้วยอารมณ์ประหลาดแล้วก็ไม่รอช้าที่จะลุกขึ้นจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาก็ว่าได้
รถของปาล์มมาจอดที่หน้าบ้าน ปอนด์แต่งตัวเรียบร้อยก็รีบออกมาแล้วขึ้นรถ จุดหมายปลายของเขายังอีกไกล ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า ยังเหลือเวลาอีกมากยังไงก็ไปทันเที่ยวบินเก้าโมงเช้าอย่างแน่นอน
“ยิ้มมาตลอดทางเลยน้า..ปอนด์ ดีใจอ่ะดิ” ปาล์มแซว
“อือ.... เราตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเลยหล่ะ ปาล์ม” ผมตอบเขินๆ
“ถ้านายกับไปป์เข้าใจกันแล้ว ที่ไปป์ต้องไปเรียนต่างประเทศ นายไม่กลัวเหรอว่าระยะทางจะทำให้นายกับไปป์เปลี่ยนไป” ปาล์มถาม
“ก็จริงของนาย เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของอนาคต แต่ตอนนี้สิ่งที่เราควรทำก็คือต้องทำให้ไปป์เข้าใจเราให้ได้ ขอแค่ไปป์ไม่โกรธเราและกลับมาเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิมเราก็พอใจแล้ว” ผมตอบด้วยความมั่นใจ
“แค่เพื่อนจริงๆเหรอปอนด์ที่นายต้องการอ่ะ” ปาล์มแซวอีก ผมได้แต่ยิ้มเขินหน้าแดง
“เราดูคนไม่ผิดหรอกนะปอนด์ มองตาก็รู้ว่านายรักไปป์มากแค่ไหน ตัวไปป์เองก็เถอะถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอมาก่อน แต่ที่เราเห็นท่าทีปกป้องปอนด์ ห่วงปอนด์และแววตาจริงจังของไปป์วันนั้นแล้วเราก็ดูออกเลยว่าไปป์ก็รักปอนด์ม๊ากมาก ไม่แพ้กันเลย”ปาล์มเล่าอย่างวิเคราห์
“ปาล์ม...เฮ่อ!!! พูดอะไรก็ไม่รู้ ไม่พูดด้วยแล้ว” ผมอายมากในสิ่งที่ปาล์มเล่า ก็เลยตัดบททิ้งซะงั้น
“ก็เราพูดความจริงนี่นา ปากแข็งแบบนี้ระวังน้า... 555++++” ปาล์มยังแซวต่อไป ผมทำท่าเป็นไม่สนใจแต่ก็ฟังทุกคำที่ปาล์มเล่า ก็มันตรงทุกอย่างเลยนี่ครับ ยกเว้นเรื่องความรู้สึกของไปป์ที่ยังไม่อยากเข้าข้างตัวเอง
รถคันหรูขับมาจอดที่สนามบินแล้ว ด้วยการจราจรที่ติดขัดทำให้เรามาช้ากว่ากำหนดการนิดหน่อย แต่ก็ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ
“แปดโมงยี่สิบ ยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะ ไปกันเถอะปอนด์ ป่านนี้ไปป์มารอแล้ว” ปาล์มจูงมือผมเดินไปอย่างเร็ว ดูตื่นเต้นกว่าผมเสียอีก เราทั้งคู่เดินมาตรงเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์
“สวัสดีค่ะ การบินสยามยินดีให้บริการค่ะ” พนักงานสาวสวยพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ไม่ทราบว่า ผู้โดยสารที่จะบินไป นิวยอร์ค เที่ยวบิน เก้าโมงเช้า จุดรออยู่ตรงไหนครับ” ปาล์มถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“รอซักครู่นะคะ.......................
“ขอโทษนะคะ เช็ครอบถูกต้องหรือเปล่าคะเที่ยวบินเวลาเก้านาฬิกาวันนี้ เป็นเที่ยวบินที่จะบินไปที่ซานฟรานซิสโกนะคะ ไม่ใช่นิวยอร์คค่ะ” พนักงานตอบหน้าฉงน
“แล้วเที่ยวบินที่ไปนิวยอร์ควันนี้มีเที่ยวบินกี่โมงครับ” ผมถามบ้าง เริ่มใจคอไม่ดี
^
^
“เครื่องออกไปตั้งแต่หกนาฬิกาแล้วค่ะ!!!!!!!!!!!” พนักงานสาวตอบน้ำเสียงมั่นใจ
“นี่ก็แสดงว่าเรามาไม่ทัน โธ่เอ๊ย!!! ไอ้ท้อปมันร้ายกว่าที่เราคิดอีก” ปาล์มบ่นเสียงแค้น ผมได้แต่ยืนนิ่งไม่คิดเลยว่าจะโดนหลอกซ้ำซ้อน
..................................................................
^
^
“ไอ้ไปป์!!!”...............................................................
ไม่รู้อะไรเข้าสิง ผมวิ่งไปตรงกลางห้องโถง แล้วตะโกนเรียกชื่อเพื่อนรักของผมสุดเสียง ทุกคนที่มาใช้บริการที่สนามบินต่างหันมามองด้วยความประหลาดใจ
“ยังไงก็ขอให้มึงโชคดีนะเว่ย กูคิดถึงมึง กูจะรอวันที่มึงกลับมานะ ไปอยู่ที่โน่นดูแลสุขภาพด้วยนะ อย่าลืมกูล่ะ กูรักมึงนะ ไอ้ไปป์...”
“กูรักมึง!!!!”
พอพูดสิ่งที่อยากพูดไปหมดแล้ว ผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่อย่างน้อยก็ได้พูดความในใจที่อัดอั้นออกมา ถึงแม้ว่าจะเป็นการบอกผ่านอากาศที่ไร้ซึ่งตัวตนของคนที่ผมปรารถนาจะบอก ผมไม่เข้าใจว่าทำไมน้ำตามันต้องไหลออกมาอยู่เรื่อย น้ำตาทำให้ผมกลายเป็นคนอ่อนแอในสายตาคนอื่น แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้คนอื่นรู้ว่าผมเสียใจมากแค่ไหนโดยไม่ต้องพูดออกมาเป็นคำพูดแม้แต่คำเดียว