[เรื่องเล่า สั้นๆ] เพราะรัก (หมดใจ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องเล่า สั้นๆ] เพราะรัก (หมดใจ)  (อ่าน 16834 ครั้ง)

ออฟไลน์ Demure

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวป ไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0




ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเขียนเรื่องราวไว้บนบอร์ดนี้ ผมชื่อว่าแพททริค แต่ทุกคนจะเรียกว่าแพทตลอด ไม่รู้ทำไม หรือเพราะว่าชื่อยาว?
มีแต่แม่ที่เรียกว่าแพทริคบ่อยๆคนเดียว




 :call: เริ่มเรื่องกันเลยดีกว่าครับ





******************************************************************************************







“อย่าเสียใจไปเลยเมิง ดีแล้วล่ะ เมิงได้ทำใจ เพราะเค้าไม่เคยแคร์เมิงอยู่แล้วนิ มีแต่เมิงไปตามเค้าอยู่คนเดียว” เสียงเพื่อนสนิทผมที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
พูดทางโทรศัพย์



“เจ๋ง กรูไม่รู้ว่ากรูทำไรผิดว่ะ เค้าถึงไม่สนใจกรู ไม่ติดต่ออะไรกับกรูอีก” ผมพูดไปร้องไห้ไปครับ



“เมิงไม่ผิดอะไรหรอก ถ้าเมิงผิดก็เพราะว่าเมิงทุ่มให้เค้ามากเกินไป แล้วเค้าคงยังไม่พร้อม” เพื่อนสนิทผมพูดปลอบใจ



“คงจะใช่ว่ะ แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีการบอกกรูบ้างอ่ะ มันนานมากล่ะนะ ติดต่อไม่ได้เลยอ่ะ เอ็มก็ไม่ออน ข้อความก็ไม่ตอบ ไม่อะไรเลยอ่ะ” ผมอธิบาย
ให้เข้าใจว่าผมเป็นห่วง กังวล



“ช่างเค้าเถอะเมิง ยังไงซะ เมิงก็ยังมีเพื่อนๆนะเว้ย แค่คนๆเดียวเมิงจะไปอะไรนักหนาว่ะ...” มันว่าผม



“.......................” ผมพูดไม่ออก ก็คงจริง ผมเป็นคนรักใครชอบใครก็ทุ่มให้สุดตัว แต่ดูเหมือนคงจะไม่พอ หรือไม่เคยมีใจให้ผม



“อยู่กับเพื่อนดีแล้วเมิง พักบ้างเถอะนะเว้ย เดี๋ยวก็เป็นแบบตอนเมิงคบไอ้เด็กนั้นหรอก มันชื่ออะไรนะ? ที่เมิงชอบนะ ที่เมิงเป็นเอามากตอนนู้นอ่ะ?”
 อีเจ๋งถามผม เหอะๆ ไม่รู้ว่าจะยกประเด่นเรื่องคนก่อนหน้านี้มาทำไมเนี้ย



ก่อนหน้านี้ผมได้โง่ แล้วก็เกือบได้โล่ห์ด้วยครับ น้องคนนั้นอยู่โรงเรียนเดียวกับผมอ่ะครับ เป็นลูกครึ่งที่หน้าตาดูดีเลย ณ ขนาดนั้นก่อนที่หลังจากนั้นมัน
จะไปเล่นกัญชาอ่ะครับ ไม่รู้ทำไม แต่ชอบน้องคนนี้.. คงเป็นอารมณ์ชั่ววูบตอนช่วงนั้น



“อ่อ ชื่ออเล็กซ์ ทำไมอ่ะเมิง?” ผมตอบไป



“นั้นล่ะ กรูยังไม่อยากให้เมิงเป็นเหมือนตอนนั้น” มันพูด ผมก็รู้ว่ามันหวังดีกับผมตลอดล่ะครับ



วันนี้เป็นอีกวันที่มีความรู้สึกดีใจที่ปนกับความเศร้ามากมายของผม เพราะว่าอีเจ๋งมันรับโทรศัพย์ เพราะว่าอีนี่มีนิสัย หรือจะเรียกสันดานแบบผมก็ว่าได้
ที่ว่าไม่ชอบรับโทรศัพย์ มีไว้งั้นๆล่ะ รูปทรงต้องสวย หรือไม่ก็ฟังค์ชั่นเยอะ แต่ไม่ใช้ เหอๆ มีไว้เผื่อ??? มีเผื่อที่จะโทรจิกให้คนมารับ หรือติดต่อธุระ
กับคุยกับแม่กับพ่อไรว่าไป



“ อืม ขอบใจนะเมิง ไม่มีเมิงกรูก็ไม่รู้ว่าจะทำไงว่ะ เหอๆ พูดแล้วรู้สึกโง่มากเลย ตั้งหนึ่งปี กรูเฝ้ารักของกรู เพราะห่างกันใช่ไหมเมิง? เสียให้กับชะนีที่ไหนก็ไม่รู้
 ถ้าหน้าตานิสัยดีกว่ากรู กรูจะไม่ว่าเลย ดูแล้วยังกับ...... กรูไม่อยากอยู่นี้เลยว่ะ เบื่อ เซง”



ผมย้ายมาอยู่หอในของมหาลัยจากบ้านที่ภาคเหนืออ่ะครับ เพราะจบมาได้ทุนมามหาลัยแถวๆภาคตะวันออกกลางอ่ะครับ อยู่จนจะครบปีอยู่แล้ว เหอๆ ก็ยังไม่ชิน อยู่คนเดียว เพื่อนๆที่จบมาจากโรงเรียนเอกชน เพื่อนๆผมก็ติดกันที่กรุงเทพบ้าง เมืองนอกที่เมกา แคนนาดา บ้าง บ้างคนแบบอีเจ๋ง เพื่อนผมก็ติดที่ มหาลัยที่ดังของภาคเหนือ จังหวัดเกิดของพวกผม



“ จะย้ายมาไหมเมิง? กรูว่าย้ายมาเรียนกับกรูก็ดีนะเมิง กรูได้ดูแลเมิง เราได้เจอกันบ่อยๆ จบมาสองปีกรูแถบไม่ได้เจอเมิงเลย เอาไหม? เดี๋ยวกรูหาข้อมูล
ให้เอาไหม?” มันถามผม



ใช่เวลาสองปีที่มันจบไปผมแถบจะไม่ได้เจอมันเลย ไม่ใช่แถบว่า แต่เจอกันสองครั้ง รอบที่ผมจบ และรอบหนึ่งที่ย่านของกิน ที่เที่ยวของจังหวัดใกล้ๆห้างดัง
มันจบก่อนผมปีหนึ่ง จริงๆ รุ่นผมกับรุ่นมันต้องจบกันพร้อมกันหมด แต่ผมนะอยากเข้ามหาลับดังที่สิงกโปร์ เลยยอมเรียนต่อ เพื่อนๆคนอื่นๆที่ไม่จบปีนั้น
เพราะต้องการเรียนเพิ่มเติม (หรือเปล่า) ฮ่าๆ ก็เลยจบหลังมัน ถ้าจบพร้อมๆกันคงจะใหญ่น่าดู เพราะรวมๆกันก็ประมาณเกือบสามสิบ สี่สิบคนเก็นจะได้
 สำหรับโรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนที่พวกผมเรียนจบกัน เกือบยี่สิบคนก็ถือว่าเยอะแล้วครับ ไม่ใช่เพราะว่ายาก แต่เพราะห้องไม่เคยเกินยี่สิบคน



“เอ่อ หามาก็ดี เอาทุนด้วยนะ อย่างน้อยได้ไปคุยกับแม่ เพราะเบื่อ ไม่อยากอยู่นี้” ผมก็บอกมัน ร้องไห้ไป ร้องเงียบๆเจ็บๆต่อไป




“เอ่อ เดี๋ยวกรูดูให้ เมิงก็อย่าเพิ่งเครียดไปล่ะ กรูเป็นห่วง” มันบอกผม



“อ้าวจะวางแล้วหรอเมิง?” ผมถามมัน เพราะยังไม่อยากวาง ไม่รู้ว่าพี่ๆน้องๆในบอร์ดเคยรู้สึกไหม แต่ผมว่าต้องเคย ที่ว่าอยากให้ใครอยู่เป็นเพื่อน
 ไม่คุยก็ได้ ขอให้อยู่ตรงนั้น เพราะตอนนั้นผมยอมรับว่าผมเบื่อ และกลัว



กลัวที่ๆผมไม่รู้จักใคร ไว้ใจใครไม่ได้ เพราะเคยผ่านมาแล้ว ไว้ใจคนผิดจนได้เรื่อง.. กลัวว่าจะเข้ากับคนที่นี้ไม่ได้ เพราะสังคมมันแคบและมันเล็ก
เพราะรุ่นพี่ผมเคยมามหาลัยนี้มาก่อน แต่ต้องย้าย เพราะโดนรุ่นน้องกับเพื่อนร่วมรุ่นนินทาว่าร้าย แล้วกล่าวหาไม่ไหว พี่ผมก็เคยเตือนนะครับ
แต่ทำไงได้ มาแล้วอ่ะ

“เอ่อ กรูง่วงว่ะเมิง ยังไม่ได้อาบน้ำเลย เดี๋ยวไอ้............มันโทรมา เดี๋ยวงอนกรูอีก” มันรีบบอกผม

“เอ่อๆ งั้นแค่นี้ล่ะเมิง” ผมบอกไป

“เมิงโอเค๊ป่าว? กรูคุยได้อยู่อีกนิดหน่อยนะ” มันยังแคร์ผมอยู่

เพราะมันฟังออกว่าไม่ผมโกรธมันก็คือน้อยใจมัน ก็แน่ล่ะ รีบไปไหนว่ะ? แฟนเมิงก็รู้จักกรู แค่นี้ไม่ตายหรอก เดี๋ยวกรูบอกให้ก็ยังได้ เหอะๆ
 ไม่ค่อยเห็นแก่ตัวเลยว่ะผม สร้างความร้าวในครอบครัว



“เอ่อ ไปเถอะ แล้วค่อยคุยกันเมิง คิดถึงเมิงนะเว้ย” ผมตอบมันไป หลังจากร่ำลากันเสร็จก็เตรียมตัวนอนครับ



นอนไม่หลับเลยครับ ดูเวลาตอนนั้นก็เกือบตีสองแล้วอ่ะครับ เหนื่อย แต่ไม่หลับ นอนไปนอนมา ร้องไห้ไปร้องไห้มา ก็ผลอยหลับไปในที่สุดตอนใกล้จะสว่าง

เสียใจเพียงเพราะเค้าไม่สนใจไม่รัก ชีวิตผมอานาตจริงๆ เป็นช่วงนั้นของชีวิตที่น่าเบื่อ เศร้า ยอมรับเลยว่าเศร้า แต่ไม่เท่ากับคนก่อน ที่ผมนั่งร้องไห้ แล้วเดี๋ยก็หัวเราะ เดี๋ยวก็ยิ้มอยู่คนเดียว รอบนี้ไม่เป็นครับ แต่ก็เงียบบบ
เดี๋ยวเพื่อนที่มหาลัยจะเห็น ผมไม่ค่อยชอบโชว์ว่าผมอ่อนแอ และไม่เปิดเผยว่าผมเป็นอะไร เป็นลูกใคร มาจากไหนทั้งนั้น นี่คงเป็นอีกสาเหตุที่ผมไม่ค่อยจะมีเพื่อนที่มหาลัย เพราะผมไม่เปิดใจรับเพื่อนคนไหนเท่าไร เพราะยอมรับว่ากลัว กลัวมากๆ เพื่อนๆในรุ่น พี่ๆที่มหาลัยก็พยายามเป็นมิตรกับผม แต่ผมก็ไม่อะไรกับใคร มีแค่เพื่อนไม่กี่คนที่ผมคุยที่เรียกว่าเพื่อน ส่วนบ้างคนนั้นอยากรู้ว่าผมเป็นอะไร เป็นใคร กามผม บ้างก็แสวงหาคำตอบตามที่ผมตอบ หรือจากhi5 ของผม บ้างคนก็ถามรูมเมตผม ณ ตอนนั้นที่เป็นพี่ปีสี่คนหนึ่งว่าผมเป็นเกย์หรือไรยังไง รุ่นพี่คนนี้ก็เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ผมสนิทด้วย เค้าก็รู้ว่าช่วงนั้นผมชอบทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่ตอนนี้ ณ ปัจจุบันใครๆก็คงรู้ว่าผมไม่ค่อยไรกับผู้หญิงแล้ว เข็ด เหอๆ นี่คือสาเหตุที่ทำให้ผมอยากย้าย ไม่อยากยุ่งกับคนที่นี้

พวกพี่ๆน้องๆในบอร์ดเคยรู้สึกไหมอ่ะครับ ว่าทำไมหรอ? ผมเป็นแบบนี้ของผม แล้วมันเกี่ยวไรกับพวกเค้าหรอ? ผมไม่เคยปิดเรื่องนี้กับใคร ถ้าถามผม ผมก็ตอบตรงๆ เพราะผมชอบคนกล้าอ่ะ คนแรงๆยิ่งชอบ กล้าถามผมก็กล้าตอบ แต่อย่าไปคุ้ย อย่าไปแอบอ่านในสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง




**************************************************************************************************




แหะๆ กล่าวมาซะนาน ผมไม่รู้ว่าผมเขียนดีหรือเปล่า หรือยังไง อาจไม่ถูกใจหลายๆท่าน

ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะครับถ้าเขียนไม่ถูกใจ แค่รู้สึกอยากระบาย อยากให้มีคนฟังบ้าง แล้วอยากรู้ว่าใครเคยเจอบ้างที่ผมเจอ

อาจจะเลวร้ายกว่า เรื่องผมอาจดูเล็กๆ เรื่องของคนอื่นอาจจะแย่กว่าอาจจะดีกว่าของผม แต่ก็นั้นมันเรื่องของเค้า ไม่ใช่เรื่องของผม

ผมเป็นคนธรรมดา ที่ยังรอความรู้สึกดีๆจากใครสักคน

ไงก็ฝากเรื่องด้วยนะครับ

มีข้อผิดพลาดทางด้านภาษา หรือการเขียน หรือการเรียงลำดับไงก็ต้องข้อโทษด้วยนะครับ เพราะผมเรียนมาจากนานาชาติตั้งแต่อนุบาล

เขียนได้แค่นี้จริงๆ ปัญญามีแค่เนี้ย แหะๆ

ต้องแก้อะไรหรือทำอะไรก็ขอให้พี่ๆน้องๆท่านทั้งหลายกล่าวแนะนำด้วยนะครับ

สุดท้ายขอกล่าวคำขอโทษที่ใช้วาจาไม่สุภาพนะครับ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-07-2009 08:13:37 โดย veryiori »

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องเล่า] เพราะรัก (หมดใจ)
«ตอบ #1 เมื่อ13-07-2009 20:13:16 »

 :mc4: ต้อนรับเรื่องใหม่คะ

แววเศร้ามาอีกแล้น  :m15:
ยังไงก็สู้นะคะ ชีวิตเราต้องเดินต่อไป
ย้ายไปอยู่กับเพื่อนบางทีอะไรๆจะได้ดีขึ้นมากกว่าอยู่และคิดอะไรไปคนเดียวตามลำพัง

+1 จัดให้คะ

C2U

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องเล่า] เพราะรัก (หมดใจ)
«ตอบ #2 เมื่อ13-07-2009 20:18:54 »

มาให้กำลังใจ ค่ะ   :L2:

แล้วจะรออ่านตอนต่อไปนะคะ 

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
Re: [เรื่องเล่า] เพราะรัก (หมดใจ)
«ตอบ #3 เมื่อ13-07-2009 20:19:20 »

ต้อนรีบเรื่องใหม่ครับ จิ้มๆ  :z13:
เข้าใจครับว่าหลายคนเป็นคนที่คิดมาก โดยเฉพาะเรื่องอย่างงี้เราก็ยิ่งคิดมาก
มันต้องใช้เวลามากเลย สู้ๆนะครับ

ออฟไลน์ Demure

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: [เรื่องเล่า] เพราะรัก (หมดใจ)
«ตอบ #4 เมื่อ14-07-2009 07:29:18 »

แหะๆ

ขอบคุณที่พี่ๆมาอ่านเรื่องราวของผมนะครับ

ผมเป็นคนเขียนไม่ค่อยเก่ง ไม่รู้ว่าจะมันจะออกมาแบบไหน

ที่ผมจะเขียนเล่านั้นมันเป็นเรื่องส่วนเวลาที่ผมยังเป็นนักศึกษาปีสองอ่ะครับ

ได้ระบายออกมาแล้วเริ่มรู้สึกดีขึ้น แต่ไม่รู้ว่าจะถ่ายทอดออกมาได้ดีแค่ไหน

ขอบคุณที่ คุณ pppp2023 คุณC2U คุณmecon แวะมาให้กำลังใจนะครับ

 :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ Demure

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: [เรื่องเล่า] เพราะรัก (หมดใจ)
«ตอบ #5 เมื่อ14-07-2009 08:12:32 »

แหะๆ มาต่อครับ เอาแบบสั้นๆล่ะกัน เพราะเรื่องที่เล่ามันสั้น ไม่ยาว เพราะผมเป็นคนถ่ายทอดอารมณ์กับความรู้สึกของตัวเองในเรื่องจริงลงบนแผ่นกระดาษหรือเว็บไม่ค่อยเป็น เรื่องของผมเน้นสั้นๆได้ใจความ แหะๆ หวังว่าจะไม่ว่ากันนะครับ

 :pig4:

*****************************************************************************

จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ผมรู้สึกเบื่อหน่ายกับความรักมากไปช่วงหนึ่งเลย เพื่อนๆที่มหาลัยชวนไปไหนผมก็ไม่ไป ขนาดแค่ไปกินข้าวด้วยกันผมก็ไม่ไป ผมเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงนะครับ ถ้าไปแล้วเพื่อนๆต้องเห็นเราในเวลาที่เศร้าจะพลอยทำให้อึกอัดกันไปหมด สู้ผมไม่ไปเลยจะดีกว่า ช่วงรับน้องผมก็ไปรับกับเค้า ทำตัวให้ดูร่าเริง ฝืนยิ้มให้กับความรู้สึกเลวๆร้ายๆไปได้
ผมก็เฮฮากับเพื่อนกลุ่มนี้ไปได้สักพัก พวกเค้าก็ยุ่งกันช่วงปลายภาค เพราะงานเข้ากันหมดทุกคน รวมทั้งผมด้วย แต่ผมไม่ชอบอยู่คนเดียวตอนค่ำๆเลยจะชอบแอบลงมาดูทีวีข้างล่าง นั่งกับคนในคอมมอนรูม เลยทำให้ผมได้รู้จักกับเพื่อนในรุ่นอีกคนหนึ่งชื่อว่าน้ำหวาน
เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนที่พูดอะไรตรงๆ ตรงมากถึงมากที่สุด เรียกได้ว่าบ้างทีปากหมาเลยด้วยซ้ำ ช่วงก่อนตอนที่ผมเสียใจกับคนๆนั้นอยู่นั้น ผมก็ได้รู้จักกับหวานผ่านๆ พอถามกันผมก็พูดออกมาเพราะไม่ได้หวังอะไรอยู่แล้ว เพราะเค้าก็แค่คนรู้จัก คนรู้จักไม่ต้องแคร์อะไรมากมาย พูดไปพูดมา ทำให้ผมฝังใจได้ถึงทุกวันนี้ ผมจำได้วันนั้นเค้าบอกผมว่า

“กรูนะดูออกมาหลายคู่ล่ะ ว่าจะคบกันได้นานแค่ไหน แล้วฉันดูออกว่า ฉันขอฟันธงเลยว่าไปไม่รอด ได้เลิกกันชัวร์ๆ”
คำพูดนี้ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดมากๆ กลัวไปหมด กลัวว่าคำพูดของผู้หญิงคนนี้จะเป็นจริง ไม่รู้ทำไม เพราะตอนนั้นผมกับคนนั้นก็ยังคุยกันอยู่ ยังไม่ได้เลิกราหรือหายไป แค่เศร้าเป็นช่วงๆที่เค้าไม่สนใจเรา
“ไม่จริงหรอก ยังคบกันอยู่ รักกันอยู่ จะเลิกกันไปได้ไง” ผมถามด้วยเสียงที่มั่นใจ ไม่มีทางหรอกตอนนั้นผมบอกตัวเองทั้งๆที่ยังหวั่นๆอยู่
“ จริง ได้เลิกกันแน่ ฟันธง ชัวร์ๆ กรูไม่เคยดูผิด......อย่างเช่นเพื่อนกรูที่ชื่อ..................” แล้วเค้าก็เล่าต่อไปโดยยกตัวอย่างให้ผมฟัง

คืนนั้นผมนอนไม่หลับทั้งคืน มันอึดอัด ยิ่งคนที่รู้จัก กะเล่าให้รู้สึกโล่งสบายใจ แค่รับฟัง กลับทำให้ผมคิดหนักกว่าเดิม
เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ จากวันเป็นเดือน จากเดือนหนึ่งเป็นหลายเดือนจนจะจบเทอมสองของปีหนึ่งผมพอดี ผมก็ว่าน่าจะดีที่ผมจะเริ่มเปิดใจรับเพื่อนๆเข้ามาในชีวิตได้แล้ว เพราะไหนๆก็ต้องอยู่นี้อีกนาน ทำความรู้จักคงไม่เสียหาย แล้วอีกอย่างก็ไม่ได้คิดจะสร้างเพื่อนใหม่จริงจังที่มหาลัยอยู่แล้ว เพราะมีเพื่อนๆจากโรงเรียนเก่าที่ซี้กันอยู่แล้ว ผมคิดอย่างนั้นจริงๆตอนนั้น จนมีอยู่ช่วงหนึ่งผมสนิทกับกลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่เรียนคณะธุรกิจ มีแต่ผมคนเดียวเรียนมัลติมีเดีย ด้านการออกแบบ ดีไซน์หนัง เว็บกับแอนนิเมชั่น
ผมก็เริ่มทำใจไปเรื่อยๆระหว่างช่วงที่ทำใจนั้นผมก็ยังได้รู้จักคนมากมายเพราะผ่านเพื่อนคนที่ชื่อหวาน วันๆหนึ่งในช่วงเมษาที่ทุกคนกลับบ้านกันนั้นผมกับหวานก็ติดอยู่หอ แล้วผมก็ได้รู้จักกับฝรั่งคนหนึ่ง อายุไล่เลี่ยกับผม เค้าทำให้ผมเข้าใจ และทำให้ผมไม่กลัวในรักอีกต่อไป
ผมก็คุยกับเค้าตลอดนะ ถึงจะเป็นแค่บนเน็ต แต่คุยไปคุยมา เค้ากลับคิดกับผมมากกว่าเป็นเพื่อน ผมนะไม่ได้คิดอะไรหรอกครับตอนนั้น คิดแค่ว่ามีใครสักคนที่อยู่คุย และให้กำลังใจเราได้ ถึงไม่ได้เป้นอะไรกันก็เถอะ
คุยกันได้ไม่เท่าไรไม่กี่อาทิตย์ เค้าก็ขอผมเป็นแฟน ผมก็ไม่รู้ว่าจะว่ายังไง เพราะว่าไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนจริงๆเป็นๆสักที แต่คิดไปคิดมาก็เอาว่ะ ลองอีกรอบก็ได้ ผมก็ตอบตกลงกันไป ก็คุยกันไปเรื่อยๆ ผมกับเค้าคุยกันทุกวัน โดยที่มีเพื่อนผม หวานคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ แล้ววันหนึ่งเค้าก็ขอเมล์หวานจากผม เพราะว่าคุยกันนาน บ้างทีผมก็ไม่ได้คุยเองเพราะว่าผมยุ่งๆอยู่ก็จะให้หวานพิมพ์ให้ แล้วบอกว่าผมไม่อยุ่ เป็นหวานแทน
ผมยอมรับว่าตอนนั้นผมสับสนว่าคนที่รู้จักผ่านเน็ตแค่ไม่กี่วันจะทำให้ผมเป็นเอามากที่ต้องมานั่งคุยทุกวันถึงขนาดนี้เลยหรอ? ใช่ นั้นคือคำตอบ เค้าบอกผมว่า เค้าจะมาเมืองไทยในอีกเดือนสองเดือน ให้ผมนะรอได้เลย แล้วอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม? ผมก็บอกไม่เป้นไรหรอก แค่เค้ามาก็โอเคแล้ว เราได้ไปเที่ยวกัน ได้รู้จักกันมากขึ้น
เค้าก็บอกว่าโอเค ได้ แต่มีไรให้บอก อยากได้อะไรให้บอก ทำไปทำมาผมก็บอกเค้าว่าผมนะอยากได้ครีมตัวหนึ่งจากนู้นจะถูกกว่า แล้วผมฝากเค้าซื้อ ไม่ได้ให้ซื้อฝากนะครับ เค้าก็บอกไม่เป็นไร แค่นี้เอง เด๋วไปซื้อให้สักสองสามหลอด แล้วเค้าก็ถามหวานว่าจะเอาอะไรหรือเปล่า หวานก็บอกว่าอยากได้ชุดว่ายน้ำแบบทูพีซ ตอนที่ผมรู้ผมก็อึ้ง ไม่ใช่เพราะอะไร แต่ที่อึ้งคือขนาดผมเป็นแฟนกับเค้าผมยังเกรงใจ แล้วเพื่อนผมดูทำไมไม่เกรงใจเค้าเลย
เป็นอันว่าคุยกันไปเรื่อยๆจนถึงเวลาปิดเทอมสอง กลับบ้านกัน ผมก็กลับบ้านผม บ้านหวานห่างจากมหาลัย ประมาณ 3-4 ชั่วโมงเห็นจะได้ อยู่จังหวัดทางภาคอีสานตอนล่าง ส่วนผมอยู่ภาคเหนือ กลับมาบ้าน ช่วงนั้นด้วยความที่ว่าสนิทกับหวานช่วงนั้นมากๆ ทำให้ผมรับโทรศัพท์โทรศัพท์หากันบ่อยมาก จนแม่แซวว่าผมกับหวานคุยอะไรกันได้ทุกวัน วันละอย่างต่ำครึ่งชั่วโมง

ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน พอทำไปทำมาผมเริ่มอยู่บ้านไม่สุข ปิดเทอมแล้วนิครับ ไม่อยากอยู่บ้าน ขี้เกลียดฟังแม่กับน้องทะเลาะกันทุกวัน แล้วนั่งๆนอนๆเบื่อไปทุกวัน มหาลัยปิดตั้งสามเดือนครึ่ง น่าเบื่อจะตายอยู่บ้าน ผมเลยมาสมัครงาน พาร์ทไทม์ที่โรงเรียนที่ผมจบมาอย่างเช่นปีที่แล้ว ปีนี้ผมก็ทำงานอยู่ห้องสมุด กับลงไปออฟฟิสเป็นบ้างช่วงไปเป็นเลขา ไปเป็น operator เป็นบางครั้งบางคราว......

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
เริ่มมาก็เศร้าซะแล้ว
ชัวิตก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ  มีทุกข์  มีสุข  คละเคล้ากันไป

ยิ่งทุกข์มากเท่าไหร่  เวลาเจอกับความสุขก็ยิ่งหวานหอม  และสวยงามกว่าเสมอ

สำคัญที่เราต้องผ่านอุปสรรคนั้นไปให้ได้  ขอแค่อย่ายอมแพ้อะครับ   :L2:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

mecon

  • บุคคลทั่วไป
ชีวิตคือการเรียนรู้
ค.รักก็เช่นกัน คนที่เราจะคบด้วยหรือขอคบกับเราก็ต้อง
ศึกษานิสัยใจคอกันมากๆนะคะ
ถ้าไปกันไม่รอด หรือเข้ากันไม่ได้ ก็ต้องทำใจนั่นแหละเนอะ
แต่ยังไงก็ต้องเข้มแข็งนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ Demure

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
                         หวัดดีครับ พี่ๆ น้องๆ ชื่ออะไรกันบ้างหรอครับ? ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ

                          ไงก็ขอบคุณที่มาอ่านนะครับ ดีใจที่คนมาอ่านเรื่องเน่าๆของผม

                         เรื่องผมไม่ค่อยมีคำพูดอะครับ เพราะผมจำไม่ค่อยได้ แต่จะจำความรู้สึกตอนนั้นๆได้มากกว่า ยังไงก็ขอโทษอีกทีนะครับ

                         ประหม่าเวลาลงเรื่อง ไม่รู้ทำไม แหะๆ

                          เห็นมีพี่ๆบอกว่ามันเศร้าๆ แต่ลองอ่านไปเรื่อยๆนะครับ อาจเปลี่ยนไป(มั้ง)ครับ แหะๆ ล้อเล่นนะครับ ก็จะว่าเศร้าก็ไม่เชิง
                          จะว่าแฮปปี้ก็ไม่ใช่อีกอ่ะครับ

                           :L2: ขอบคุณคนอ่านนะครับ

                            มีอะไรที่สะกดไม่ถูกหรือพิมพ์อะไรตกหล่นก็บอกมาได้นะครับ



-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บทที่สาม สัญญา



สรุปแล้ว ทำงานไม่ได้ตรงกับสายที่เรียนมาเลย เหอๆ ก็หาไรทำไปวันๆ ดีกว่าอยู่บ้านเสียเงินไปวันๆ หายใจทิ้งไปวันๆ ทำงานดีกว่า วันแรกที่โรงเรียนผมปิดเทอม ที่นี้เป็นโรงเรียนอินเตอร์ที่ไกลจากตัวเมืองพอควร แต่ไม่ไกลจากบ้านผมมาก ผมขอเรียกเป็นว่าที่ทำงานก็แล้วกัน เพราะจริงๆตอนนี้มันคือที่ทำงานของผม ผมมีอีกสองเหตุผลที่มาทำงานอยู่นี้ สาเหตุหลักคือผมต้องการให้เจ้าของโรงเรียนคนปัจจุบันนั้นเห็นว่าผมก็ทำงานหนักเพราะว่าครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย แล้วเค้าควรที่จะทำสิ่งดีๆให้กับผมบ้าง พี่ๆน้องๆที่มาอ่านเรื่องของผม คงจะงงว่าแล้วเจ้าของโรงเรียนเกี่ยวอะไรกับครอบครัวผมด้วย


เดิมนั้นโรงเรียนแห่งนี้เคยมีเจ้าของคนหนึ่ง ซึ่งเค้าได้ทำสัญญากับแม่ผม กับ อีกครอบครัวหนึ่งไว้ให้ลงทุนค่าเรียนให้กับโรงเรียนในช่วงแรกๆที่โรงเรียนเปิดใหม่ในสมัยปี36 นั้น แม่ผมกับอาหมอคนนั้นก็ร่วม เพราะสัญญาที่ทำนั้นเป็นการลงทุนที่ว่าลองกันคนล่ะหลักล้านขึ้นไปคนล่ะล้านสองล้าน โดยอาหมอคนนี้ก็เป็นแพทย์มีหน้ามีตาพอควรเป็นที่รู้จักบ้างในจังหวัดผม มีลูกสามคนก็ประมาณสามล้านกว่าๆที่ลงไป ส่วนแม่ผม ก็ลงทุนให้ผมกับน้อง เสียไปสองล้านกว่าๆ โดยที่จ่ายคนเดียว ถือว่าแม่ผมกรุณามากๆเพราะตากับยายผม มิได้ช่วยออกใดๆ เพราะท่านก็ไม่ค่อยเหลือเงินเก็บเยอะขนาดนั้น ส่วนพ่อผมหรอครับ? นู้นถูกแม่จับได้ว่ามีเมียน้อย พอไม่นานไปทำอะไรกับเพื่อนไม่รู้ โดนจับเค้าคุก เหอะๆ นี่ล่ะเนอะชีวิต แม่ก็ไปประกันตัว เสียไปสองล้าน สมัยนู้นสองล้านก็ไม่ใช่น้อยๆ สรุปเสียไปสี่ล้านกว่าๆรวมๆจากสองเรื่อง แถมรถซื้อใหม่ก็ผ่อนอยู่เรื่อยๆ ก็เสียไปอีกเรื่อยๆ แล้วปีต่อมาแม่ก็จับได้ว่าพอยังคบหากันอยู่ก็เลยตัดสินใจที่จะหย่าครับ เพราะทนไม่ได้ เป็นผมๆก็คงทนไม่ได้

สรุปว่าช่วงนั้นแย่สุดๆ แม่กับพ่อแยกทางกัน เค้าไม่เคยจะมาหาผมกับน้องอีกเลย ไม่เคยติดต่อมาอีกเลย ไม่เคยคิดจะสู้เผื่อที่จะดูแลผมกับน้องในศาลจากแม่เลย ทำให้ผมเป็นคนที่อารมณ์เย็นชากับผู้ชายคนนี้มากๆ แล้วเรื่องเลวร้ายยังไม่จบครับ ช่วงนั้นเป็นอะไรที่แย่ที่สุดเลยครับ อีกประมาณปีสองปีต่อมาที่ผมเริ่มทำใจได้ว่าไม่มีพ่อก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็มีตากับยายที่รักผม แล้วยังมีแม่กับน้าสาวผมอีกแล้วพี่ๆผมอีก แต่แล้วมันก็ไม่เป็นอย่างั้นครับ พออะไรๆเริ่มดีขึ้น นั้นเป็นลางบอกเหตุได้เลยว่าเตรียมตัวไว้ เพราะหลังจากนี้ มันแย่แน่ แล้วก็จริงครับ วันนั้นกลับบ้านมาจากโรงเรียนครับก็ต้องตกใจเมื่อกลับมาแม่บอกว่าให้รีบเก็บของ ตาไม่สบายมากๆเข้าโรงพยาบาล พวกผมก็รีบๆกันเพราะเป็นห่วงตาผมชอบไปอยู่อีกจังหวัดที่ใกล้เคียงกัน บางครั้งจะกลับมาอยู่บ้านหลักที่นี้ แล้วก็กลับไปนู้นอีก แต่ครั้งนี้ไปอยู่นู้นแล้วไม่สบายหนัก เลยต้องรีบไปดู แม่เป็นห่วงเอามากๆเลยครับ เคยห้ามไม่ให้ไปอยู่คนเดียวหลายรอบแล้วครับ

แม่ผมรีบขับไปอย่างเร็วเลยครับ เพราะทุกคนกลัวหมด เพราะรู้กันว่าตาผมเป็นโรคหัวใจ แล้วยังเป็นเบาหวานอีก แต่ชอบดันทุรัง ไม่ทานยาบ้างหรือชอบกินของหวานๆ ใช้เวลายี่สิบนาทีเราก็ข้ามจังหวัดไปเยี่ยมกัน แม่ผมเอาพวกผมกับน้องไปฝากไว้บ้านคนรู้จักก่อน ก่อนจะไปโรงพยาบาลเพราะว่าพวกผมติดหวัดกันง่าย แม่เลยไม่ให้ไป ผมก็เข้าใจนะครับ แต่ก็อยากไป พอแม่ผมไปถึงโรงบาลไปเยี่ยม หมอก็บอกว่าโรงหัวใจกำเริบ แล้วควรที่จะทำบอลลูนเพราะมันตีบ พอเห็นว่าอาการทรงตัว ก็มารับพวกผมกลับบ้าน แล้วน้าสาวผมก่อนนู้นผมเรียนน้าสาวผมคนนี้ว่าแม่ต๊ะ สรุปว่าระหว่างกลับบ้านน้าสาวผมโทรหาแม่ผมบอกว่าจะขึ้นเครื่องแล้วไปถึงพรุ่งนี้เช้า เพราะรีบกว่านี้ไม่ได้จริงๆ เพราะกว่าจะมาถึงบ้านผมก็คงใกล้เช้าเลยมาเช้าดีกว่า เพราะจังหวัดที่น้าสาวกับอาเขยผมอยู่นั้นมันอยู่อีสาน แล้วจังหวัดนี้สายการบินจะลงหรือขึ้นน้อยมาก

พอผ่านไปไม่กี่วัน น้าผมกับแม่ผมก็ช่วยกันกล่อมให้ตาของผมทำบอลลูน แต่ตาผมบอกไม่ทำลูกเดียว บอกว่ามันเจ็บ แล้วยังบอกอีกว่าไม่ตายง่ายๆหรอก หมอดูดูแล้วบอกนู้นตายตอนอายุเก้าสิบ อีกตั้งยี่สิบกว่าปีตาผมบอก แม่กับน้าก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็เค้าไม่ยอมจริงๆ ก็เลยต้องปล่อยตามนั้น ส่วนยายผมมาไม่ได้หรอกครับ ท่านอยู่ในโลกส่วนตัวของท่านไปแล้ว เพราะตาผมเจ้าชู้มากๆเมื่อก่อนจนกระทั่งยายผมทนไม่ไหว เลยไปอยู่ในโลกส่วนตัว มีเป็นครั้งคราวที่คุยกันรู้เรื่อง ตอนผมเล็กๆก่อนที่พ่อกับแม่ผมจะหย่ากัน ยายผมก็ยังพูดรู้เรื่องนะครับ แต่หลังจากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรแล้วอะครับ มีบ้างครั้งที่ผมมเห็นยายของผมนอนๆอยู่น้ำตาก็ไหลออกมา เค้าไม่รู้สึกหรอกครับ เพราะเค้าหลับจริงๆ แต่นี้ล่ะที่ผมเห็น เค้าคงทรมาณมากเพราะรักมากนิ

หลังจากวันที่ตาผมเข้าโรงบาลไม่นาน ตาผมก็เสีย สร้างความเสียใจอย่างมากให้กับพวกผม ขนาดน้องผมที่ตาผมตีบ่อยๆ เป็นคู่กัดกันก็ซึมเศร้าร้องไห้ แม่ผมกับน้าสาวก็โทรบอกญาติๆให้รับทราบว่าสิ้นบุญแล้ว แล้วจะจัดพิธีพระราชฐานเพลิงศพ ญาติๆผมก็มากัน บ้างคนก็พักโรงแรม บ้างคนก็พักที่จังหวัดที่จัดงานศพ เพราะตาผมชอบจังหวัดนั้นมากเลยจัดที่นั้นเลย บ้างคนก็มานอนบ้านผม คนที่มาบ้านผมวันนั้นหลังรู้ข่าวที่เป็นญาติๆกันก็ มีคุณยายแดง คุณยายปุ๋ย ป้าแนนมากด้วยหรือเปล่าผมก็จำไม่ค่อยได้ แล้วก็ญาติผมอีกคนหนึ่ง ท่านผู้หญิงภรณี ล่ำซำ ตอนนั้นเป็นคุณหญิงอยู่เลย เหอะๆ ครอบครัวผม ตระกลูผมเป็นโรคที่แปลก งานแต่งเชิญไปเถอะ ไม่ค่อยไปกัน ถ้าอยากเจอกันนู้น ส่วนมากตอนมีงานศพที่เป็นญาติๆกัน

ครอบครัว ตระกูลผมเป็นครอบครัวผู้ดีตีนแดงก็ว่าได้ เจ้ายศเจ้าอย่างกันเป็นที่สุด ประเพณีกับ มารยาทนี้เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้ ผมเลยรอดตัวไปเพราะยายกับตาสอนผมเยอะ ทำให้ผมเข้ากับญาติผมได้หลายคน เพราะต้องเจอหน้ากันอีกหลายวัน ช่วงนั้นผ่านพ้นไป เผา แล้วก็เอากระดูกลอยบ้างส่วนเก็บบ้างส่วน แล้วญาติๆก็ลากันกลับ หลังจากจัดกันเจ็ดวัน

ผมก็กลับมาเรียนต่อไปเรื่อยๆ เรียนจนตาเบลอ ได้ตัดแว่น เหอๆ แล้วผมก็มุ่งแต่การเรียนให้ทุกคนมีกำลังใจ จนแล้วจนรอด มาถึงปี 45 โรงเรียนก็ถูกขายออก เจ้าของคนใหม่เข้ามา แล้วแม่ผมกับอาหมอคนที่ทำสัญญาเดียวกันก็เข้าไปพบเพื่อคุยเรื่องสัญญาให้มันคงเดิม ว่าจบแล้วต้องได้เงินคืนมาอย่างน้อยหกถึงแปดแสนบาท แล้วพวกผมๆทั้งหมดในสัญญานี้ห้าคนต้องได้เรียนฟรีต่อไป เพราะว่าสัญญาระบุอย่างนั้น แล้วตอนซื้อไปเค้าไม่มีปัญหาเลย เจ้าของใหม่บอกว่าได้ ให้เหมือนเดิมตามสัญญา แต่พอจะนัดวันให้เซ็นท์เป็นลายหลักอักษรกลับไม่เซนท์แถมบอกด้วยว่าค่าเรียนตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันมากๆ อาจต้องเก็บเพิ่มด้วยซ้ำ

เป็นคนที่ไม่รักษาคำพูดมากๆเลยครับ เพราะเค้าคนเดียวทำให้ชีวิตผมห้าคนลำบากมากหลังจากวันนั้น จากที่เคยอยู่แบบสบายๆว่าเรียนอย่างเดียว กลับต้องหางานทำบ้าง ประหยัดมากขึ้น ทำอะไรซื้ออะไรต้องคิด เพราะว่าแม่ตัวคนเดียว ยาย น้าสาวก็เอาไปอยู่ด้วยแล้วครับ ผมเลยต้องเลิกออกไปข้างนอก วัยรุ่นไม่มีกับเค้าหรอกครับ อ่านแต่หนังสือ หรือดูทีวีซึ่งก็เยอะมากไม่ได้ เพราะเงินหายาก เงินค่าขนมที่เคยได้ก็ไม่ได้ ถือว่าเป็นช่วงที่แย่มากๆครับ เพราะคำพูดคนๆเดียว ทำให้มันกระทบหลายคน เพราะว่าแม่ผมมีเงินเก็บจำกัดแล้ว หลังจากเสียไปเยอะ พวกผมทั้งห้าคนลำบากมากยอมรับ เห็นว่าบ้านอาหมอนั้น ลูกๆก็ต้องออกไปหางานทำ เพราะเค้าโตมากกว่าผมเลยหางานทำได้ แล้วก็เรียนด้วย ใกล้จบกันอีก ทุกคนต้องดิ้นรน หาทางสู้ แล้วก็หาทุนของมหาลัยที่จะเรียน ถ้าหาไม่ได้ก็ไม่ได้เรียน เพราะไม่มีใครมีเงินมากมายล้นฟ้ากันทั้งสองครอบครัว

ในสัญญานี้เลยเหลือแต่น้องผม เพราะจบกันออกมาสี่คนแล้วครับ ทุกคนได้ทุนเต็มกันหมด เหลือแต่น้องผม ซึ่งกำลังรอลุ้นกันอยู่ว่าจะได้ไหม แต่อีกสองสามปีก่อนจบเลยลุ้นๆกันอยู่ อยากให้เค้าคืนเงินตามสัญญามากๆ เพราะจะทำให้น้องผมเหนื่อยน้อยลง และทำให้แม่ลำบากแล้วเครียดน้อยลง กับเงินแค่ไม่กี่แสนสำหรับคนรวยนี้มันให้ยากขนาดนั้นเลยหรอครับ? มีธุระกิจเป็นของตัวเองอยู่แล้ว เป็นCEOของ PTT แล้ว เงินมีเยอะแยะมากมาย ทำไมกับแค่นี้ไม่สงสารผมกันบ้างเลย ผมจบกันมาสี่คนไม่ได้ครบตามจำนวน พี่สองคนแรกที่จบไปรู้สึกจะไม่ได้ได้แม้แต่บาทเดียว

เหตุผมที่สองที่ผมเลือกทำงานที่นี้เพราะผมอยากทำงานด้านบริการ service เลยต้องเริ่มจากเล็กๆ เลยทำให้คุ้นเคยไปในตัว เพราะถึงผมจะจบด้วยปริญญาด้าน มัลติมีเดีย แต่ไม่เคยคิดจะใช้เลย หรือทำงานด้านนั้นเลย อยากทำด้านนี้มากกว่า แม่ผมก็ไม่ขัด บอกว่าทำไรที่ชอบนะดีแล้ว แต่ให้หางานทำให้ได้แล้วกัน เพราะก่อนหน้านี้เคยลงคุณะธุรกิจ แล้วไม่ชอบ ถามว่าเรียนได้ไหม เรียนได้ เรียนได้ดีด้วย เรียนไปเป็นท๊อปของห้อง แต่ไม่ชอบเลยย้ายคณะ เหอๆ

แล้ววันนั้นเมื่อปีที่แล้วที่ผมกลับมาอยู่ที่นี้ผมก็ได้เริ่มทำงานกับทางด้านห้องสมุด นำงานโดยหัวหน้าบรรณรักษ์หญิงที่ชื่อ พี่ปิ่น ผมยอมรับว่าพี่ปิ่นเป็นคนที่แรงพอดู ผมชอบคนแรงๆ แรกๆก็มอบหมายงานให้ผมทำโดยที่คุยกันนิดหน่อยก่อนประมาณว่า

“ชื่ออะไรหรอค่ะ?” พี่ปิ่นถามผม ผมมีปัญหาเรื่องการสร้างมิตรใหม่นะครับช่วงนั้น ช่วงนี้ก็เป็นอยู่ แต่ไม่มาก หน้าด้านแล้วกล้าขึ้น บทจะพูดผมก็พูด ยิ่งถ้ารู้จักสนิทกัน ผมพูดไม่หยุด แต่ถ้าไม่รู้จักไม่สนิทก็เงียบเป่าสาก

“อ่อ ชื่อแพททริคครับ แต่เรียกว่าแพทได้ครับ” ผมตอบไป ไม่เสียหาย

“พี่ชื่อปิ่นนะ เห็นพี่ออยบอกว่าให้มาช่วยงานพี่ที่ห้องสมุด ก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ ก็มีกองหนังสือข้างหลังที่ยังไม่ได้แคตลอกบ้าง หรือไม่ได้ห่อบ้าง ก็อยากให้เราไปช่วยห่อปกให้พี่หน่อยได้ไหม?” พี่ปิ่นถามผมมา ส่วนพี่ที่ชื่อออยก็คือพี่ที่ทำงานผมนี้ล่ะครับ ที่ผมสนิทด้วยมากที่สุด เป็นเพื่อนที่แสนดีแล้วก็เก่งด้วย แหะๆ ชมหน่อย

แล้วผมก็ไปยกๆมาดูที่ต้องห่อ ก็เยอะเหมือนกันอ่ะครับ ประมาณห้าหกร้อยกว่าเล่มได้มั้งครับ เยอะพอควร พี่ผิ่นก็จะมาสอนผมว่าห่อยังไง แต่ไม่ได้สอนผมหรอกครับ เพราะผมห่อเป็นเพราะเพื่อนผมเคยสอนนะครับ พี่เค้าก็ตกใจว่าทำไหมผมห่อได้ ผมก็บอกไป แล้วก็ตั้งใจห่อไปเรื่อยๆ อย่างที่บอกว่าไม่คุ้นผมก็ไม่คุย ก็เงียบกันตลอดเช้า และก็ตลอดบ่าย จนใกล้เลิกงานผมก็ห่อได้ประมาณสี่สิบห้าสิบเล่มด้วยมือ ตัดแผ่นห่อเองคนเดียวห่อคนเดียว เหอๆ เพื่อนผมก็หาระหว่างวัน คุยไปทำไป โดยเฉพาะหวานโทรหาผมบ่อยมากๆ

กลับมาถึงตอนเย็นผมก็รีบกลับมาออนเอ็มเพื่อที่จะรอคุยกับแฟน บ้างวันที่เค้าไม่ออนก็จะส่งมาบอกก่อนว่าไม่ออนนะ วันนี้งานเยอะมาก ก็เข้าใจครับเพราะเค้าบอกว่าเรียนกฏหมาย วันนั้นก็คุยกันสักพัก หวานก็โทรมา ก็คุยกันไปคุยกันมา ถามว่าผมทำอะไรก็เลยไปว่าคุยกับแฟน มันก็อ่อๆ อืมเห็นออนอยู่เนี้ย กำลังคุยอยู่กับเค้าเหมือนกัน ผมก็งง เพราะว่าไปสนิทกันตอนไหนเพราะไม่มีท่าทีว่ามันจะสนใจ แต่ผมก็ม่คิดมาก เพราะแฟนผมบอกว่ารักผม ชอบผม ผมก็โอเค ก็เริ่มเรียกว่าชอบเรียกได้ว่ารักแล้วมั้งสำหรับผม เพราะดูแล้วเค้าเป็นผู้ชายที่ดีมากจริงๆ ถึงแหมว่าเค้าจะบอกว่าเค้าไม่ได้ชอบเกย์ ไม่ได้เป็นเกย์ ไม่ได้เป็นไบ แต่เค้าก็ชอบผม เล่นแคมกับบ่อยเกือบทุกวัน ผมก็เคลิ้มไปช่วงหนึ่ง............



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






moonoi_sert

  • บุคคลทั่วไป
 :m15:เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดเปล่านี่งานนี้ :m15:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
สงสัยงานนี้ต้องเหมากระดาษทิชชู่หมดซุปเปอร์   :monkeysad:

blackberry2214

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาให้กำลังใจคับ

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
แอบกลัวเหมือนรีข้างบนเลย  ไม่รู้ว่ามองโลกแง่ร้ายไปรึเปล่า

เหอะๆๆ   :seng2ped:

ออฟไลน์ Demure

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
สวัสดีพี่ๆน้องๆของบอร์ดนะครับ

ไม่ได้มาลงต่อหรืออ่านบอร์ดนี้หลายวัน งานช่วงนี้เยอะมากๆ

ขอบคุณที่โพสมานะครับ ขอบคุณครับ เหมือนเป็นกำลังใจให้ผมได้รู้ว่าอย่างน้อย สิ่งที่ผมเขียนก็ยังมีคนอ่าน ไม่ได้เป็นขยะที่ควรทิ้งทันที


____________________________________________________________________________________________

บทที่สี่


ช่วงปิดเทอมปีนั้น ผมก็ได้ตั้งใจว่าจะทำงาน เก็บเงิน ไปเที่ยวกันกับเค้าตอนเวลาเค้ามา แต่ในเวลาไม่กี่วันต่อมา ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เราคุยกันน้อยลง ผมเริ่ม

งานเยอะขึ้น เวลาใครโทรมาก็ยังไม่มีแม้แต่เวลารับ เพราะงานของผมมันเร่ง มันรีบ เค้าเองก็บอกว่าเค้านั้นไม่ค่อยมีเวลา เพราะว่าเค้าก็เรียนหนัก บอกว่างานก็หนัก

ด้วยที่ไปฝึกงานอยู่ มันเป็นอย่างนี้เกือบเดือนหนึ่ง จนผมรู้สึกได้ว่าอะไรๆหลายอย่างเริ่มเปลี่ยนไป เค้ามีเวลาให้ผมน้อยลงกว่าเดิมมาก ช่วงที่ผมบอกว่าว่าง คุยได้

 เค้าก็จะคุยสักพักแล้วก็หายไป บอกว่าไปกินข้าวไปนู้นไปนี่ มันเป็นอย่างนี้ประมาณสองสามอาทิตย์ให้หลัง ผมก็ตัดสินใจ อยากรู้ว่าเค้าจะพูดว่าอย่างไร ผมรู้ว่าผม

ไม่ควรลองใจใคร ควรจะเชื่อ แต่หลายๆอย่างเปลี่ยนไป ทำให้ผมเชื่อว่าเค้าก็ต้อง…เปลี่ยนไป


ในเวลาต่อมา ผมทนไม่ได้ที่หวานโทรมาคุยให้ผมฟังว่าเค้าสองคนได้คุยกันบ่อยมาก แล้วสนุกดี แต่บอกว่าไม่ต้องห่วง เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แล้ววันนั้นผมก็อารมณ์

เสียทั้งวัน ใครชวนคุยผมก็ไม่คุย เพราะไม่อยากลงกับคนอื่น เลยอยู่คนเดียวดีกว่า ทำงานที่มีให้ดีที่สุด คืนนั้นทั้งคืนไม่ได้คุยกัน ตอนเช้าผมได้ส่งmessageไป

บอกว่าผมรู้สึกอะไรบ้างอย่าง แล้วขออยู่ห่างกันสักพักได้ไหม? แล้วเด๋วก็กลับมาคุยกันอีก คือขอเวลาอยู่เป็นส่วนตัวได้ไหม ช่วงเที่ยงๆบ่ายผมก็ได้ message

ตอบกลับมาว่า ได้ แต่มีอะไรให้บอกนะ ยังรักอยู่ ผมก็ว่าผมคงคิดมากไปเอง เลยอารมณ์ดีขึ้น


ในวันรุ่งขึ้น ผมก็ได้บอกเค้าไปว่าผมรู้สึกดีขึ้นแล้วนะ คุยอะไรก็ได้นะ แล้วยังเป็นห่วงกันอยู่ ผมจำไม่ได้ว่าตอนสายๆหรือบ่ายๆ หวานก็โทรมา ก็คุยกันทั่วไป เพราะ

ผมคิดว่าคงไม่มีอะไรแล้ว พอคุยไป หวานก็บอกผม ว่าเค้าสองคนนะชอบกัน แล้วเห็นว่าผมนั้นส่งข้อความนั้นไปให้เค้า เหมือนเลิกกัน แต่ผมไม่ได้เลิก ผมอธิบาย

ชัดเจนมากว่าผมแค่ขอเวลาสักแปป ให้ผมปรับตัว เค้าก็รู้ว่าผมหมายความว่าอะไร เพราะผมบอกว่าผมไม่ได้ขอเลิกนะ สรุปว่าโทรมาเพื่อบอก หรือตอกย้ำ? เค้า

บอกว่าเค้าสองคนคุยกันนาน แล้วชอบกัน ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า แต่อยากจะลองดู หวานก็บอกผม และถามผมต่อว่าจะเป็นอะไรไหมถ้าเค้าจะลองคบกันดู แล้วจะ

ให้ผมพูดว่าอะไรได้ละครับ? จะให้บอกว่าไม่ได้นะหรอครับ? ผมก็ไม่ได้เป็นคนแบบนั้น เพราะเพื่อนนั้นผมถือว่าสำคัญมากกว่าแฟนอีกในหลายๆเรื่อง อะไรที่ให้ได้

ผมก็ให้ ผมก็เลยได้แต่บอกไปว่า อืม แล้วแต่แล้วกัน ผมคงได้แต่ยินดีด้วย



สรุปแล้วก็เสียคนที่ดีกับเราไปอีกคน แล้วก็เสียความรู้สึกกับเพื่อนไปอีกคน แต่นั้นละคือชีวิต แล้วที่เลวร้ายกว่าโทรศัพย์ครั้งนั้น คือข้อความส่งมาตอกย้ำ ว่าขอบ

คุณที่เข้าใจ และมีอะไรให้บอกได้ เป็นเพื่อนกันนะ จากเค้าคนนั้น...



วันนั้นพอทำงานเสร็จ ก็รีบกลับบ้าน หวานก็โทรมาหลายสาย ผมก็ต้องฝืนรับ อยากจะปิดโทรศัพย์หนี แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะถ้าผิดสังเกตุ เดี๋ยวจะแย่ ผมยิ่งมีเพื่อน

น้อยมากด้วยที่มหาลัย มีเพื่อนไว้ ดีกว่าไม่มี หรือมีศัตรู ในวันต่อๆมา ผมเลือกที่จะไม่รับโทรศัพย์ใครทั้งนั้น ไม่โทรกลับ นั่งคิดอยู่เรื่อยๆว่าผมก้าวผิดตรงไหน ก้าว

ผิดตรงบอกว่าขอเวลาอยู่คนเดียวสักพักหรอ? หรือเป็นเพราะเหตุอันใด? นั่งร้อไห้ เศร้าอยู่อย่างนั้นประมาณสามอาทิตย์ ทำทุกอย่างให้ลืมไปได้ บอกกับตัวเองว่า

ต้องผ่านพ้นไป เรื่องแค่นี้ คงจะไม่มีอะไร แย่ไปกว่านี้....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2009 22:08:19 โดย veryiori »

mecon

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: ชีวิตคุณแพทต้องต่อสู้อะไรๆมากเลยอ่ะคะ
คุณแม่คุณแพทท่านเป็นผู้หญิงที่เก่งจริงๆนับถือมากเลยคะ
คุณแพทเองก็สู้ๆนะคะ เรื่องค.รักถ้าเค้ารักเราจริงแล้วอยากอยู่กับเราเค้าคง
ไม่ทำอะไรแบบนี้ กับหวานก็เหมือนกัน แปลกเนอะ ถ้าคิดอะไรกับแฟนเราก็ขอกันตรงๆดิ
อย่ามากินกันข้างหลังแบบนี้ เฮ้อออออออเพื่อนเราเผาเรือนหรือว่าคนของเรามันไม่ดีจริงๆกันแน่นะเนี่ย  :fire:

สู้ๆนะคะคุณแพท +1 จัดให้คะ ใครจะรักจะจริงใจกับเราหรือไม่ช่างเฮดมันะคะ
ขอให้คุณแพท รักตัวเองมากๆ หาเพื่อนและสังคมใหม่ที่จริงใจกับเราดีกว่าเนอะ

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
เจ็บดีพิลึกแฮะ
เพื่อนกัน รักกัน ยังทำกันได้

พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลย  เหอะๆๆ

C2U

  • บุคคลทั่วไป
อึ้งเลย
เพื่อนกัน  เค้าไม่หักหลังกันหน้าด้านๆอย่างนี้หรอกนะ 
ทำแล้ว ยังไม่รู้สึกผิดอีก

น่าโมโห จริงๆ   :m16:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
 :เฮ้อ:


มาให้กำลังใจน่ะ 
มาต่อเรื่อยๆๆน่ะรออ่านอยู่จร้าาาา

ออฟไลน์ Demure

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ขอโทษนะครับที่หายไปนาน ไม่ได้ไปไหนหรอกครับ ทำแต่งาน เยอะมากๆเลยช่วงนี้ เรียกได้ถึงปูุ๊บทำงานปั๊บ พักเที่ยวก็ทานข้าวสิบนาที
ลุยงานต่อ สี่โมง สี่โมงครึ่งก็กลับบ้านพักผ่อนแล้ว แหะๆ และก็ แวบมาดูเรื่องอื่นในเล้า แล้วก็ผ่านไป แหะๆ

ขอบคุณที่อ่านนะครับ รู้สึกดีที่ยังมีคนอ่าน หรือเป็นกำลังใจอ่านให้นะครับ


เบื่อกันไปหรือยังครับ ลงแต่เรื่องเครียดๆของชีวิต คงไม่ค่อยมีใครอยากรู้เรื่องเครียดๆ เข้าใจอยู่ เพราะชีวิตทุกคนก็เครียดก็มีปัญหาหมด :)

วันจันทร์งานเข้าอีก อ๊าก ตายแน่ๆ  :jul1:

ถ้าไม่อยากอ่านหรือไม่ชอบบอกได้นะครับ ผมจะได้หยุดลง แหะๆ ลงๆแล้วเกรงๆพวกพี่ๆน้องๆบนบอร์ดจัง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



บทที่ 5


เมื่อครั้งนี้ผมกลับมา ผมกลับมาด้วยน้ำตา เพราะผมก็เหนื่อย กล้ายอมรับเลยว่าเหนื่อย เสียใจมากๆ แม่ผมก็มาส่งผมที่ท่ารถให้เข้ากรุงเทพเพื่อไปเรียนต่อเอง

ผมก็ไม่อยากเลยที่จะกลับ เพราะว่ากลับไปทำตัวไม่ถูก มันสับสนไปหมด ร้องไห้มันอยู่งั้นอ่ะสองวันก่อนกลับ แต่ก็ต้องกลับ


ผมบอกแม่นะครับว่าผมอยากย้ายมหาลัย ถ้าเป็นไปได้อยากย้ายไปมหิดล หรือย้ายกลับมามหาลัยที่ดังๆของภาคเหนือ แต่แม่ก็บอกว่าไหนก็เรียนมาแล้ว

ขึ้นปีสองแล้ว เดียวอีกสองสามปีก็จบแล้ว จะไปย้ายทำไม ก็ต้องยอมทนเรียนครับ


รอบที่ผมนั่งรถกลับเป็นรอบหกโมงกว่าๆเกือบๆทุ่มมั้งครับถ้าจำไม่ผิด ผมนั่งแถวหน้าสุดของรถ แหะๆ ดีเพราะนั่งหน้าได้ไม่เมารถ

หลังรถผมก็ไม่ชอบนั่งใกล้ห้อง

น้ำ ผมนึกว่าจะไม่มีคนมานั่งที่นั่งข้างๆผมซะแล้ว แต่โชคก็ไม่เข้าข้างผม มีพี่คนหนึ่งใส่เสื้อสีส้ม ส้มมากๆเลยครับ แสบตาเลย

นั่งข้างๆผมก่อนรถจะออก


ผมมองไปเพราะสีเสื้อพี่แกเจ็บได้อีก พี่แกเหมือนรู้ว่าผมมองก็หันกลับมามองนะครับ โดนเค้าจับได้ว่ามอง ทำไงได้ ก็ได้แต่ยิ้มแก้เขินแก้อายไป

แล้วผมก็หันกลับไม่ได้สนใจเค้าอีก


แต่พี่คนนี้ดิครับ นั่งสักพักก็คุยโทรศัพย์ แกพูดพอให้ผมได้ยินคนเดียวกับอีกฝ่ายในโทรศัพย์รู้ว่าพี่แกเป็นหมอเด็ก แล้วก็คุยเรื่องราวสารพัดกับคนที่โทรมาว่าให้

ดูแลน้องที่เป็นไข้อย่างไง เค้าพูดนานจนผมรู้สึกรำคาญเลยครับว่าง่ายๆ ผมเป็นคนที่มีความอดทนน้อยเลยก็ว่าได้ ถ้าผมไม่พอใจอะไรผมก็บอกให้รู้ทางสายตา

หรือหน้าหรือแม้แต่คำพูดเลย ที่เป็นเพื่อนๆผมก็คงรู้ดี ขอโทษนะเพื่อน



ดูเหมือนพี่แกคงรู้ว่าผมรำคาญเพราะผมใส่หูฟังแล้ว แต่ก็ไม่วายทำหน้าบึ้งให้รู้ว่ารำคาญ แล้วเค้าก็วางสายไป แล้วอยู่ในความสงบ จนแล้วผ่านไป จนถึงเวลา

พนักงานปิดไฟไปผมก็ไม่คิดอะไร จนกระทั่งผมรู้สึกว่าเค้ารุกล้ำที่ผมมากไป อยากจะบอก แต่ก็ไม่รู้จะพูดไง เพราะผมก็เป็นคนไม่ชอบพูดกับคนแปลกหน้า เค้าก็

เริ่มนั่งเลยมาที่ผมบ้าง ผมก็ได้แต่หันหลังให้เค้าไป ให้รู้ว่าเขยิบไปหน่อยพี่ เหมือนเค้าจะรู้ เค้าก็เขยิบออกไปหน่อยนะครับ แล้วผมก็หลับไปด้วยความเพลีย คน

ทั้งรถเงียบไปหมด นอนดีกว่าผม



ตื่นมาอีกที ผมเห็นจากกระจกว่าทางเริ่มผ่านพิโลกแล้ว แล้วอีกพักเค้าก็ต้องจอดให้ไปทานข้าว แต่ผมตื่นมาด้วยความหนักอึ้งที่ไหล่ผม พี่คนนี้เขยิบมาอยู่ที่ผม

ตั้งแต่เมื่อไร แล้วอะไรอ่ะ ทำไมเอาหัวมาซบผม มาซบผมทำไมอ่ะพี่? ผมก็ทำเป็นหลับนะครับ หลับตา แล้วขยับตัวเค้าก็ตื่นขึ้น นั่งตัวตรงขึ้นแต่ก็ไม่เบยิบออก

ไป ผมก็หลับไปอีกรอบ ตื่นมาอีกที อ้าวไหนมาซบอีกว่ะเนี้ย



หน้าตาผมก็ไม่ได้หล่อไม่ได้น่ารัก ออกแนวบ้านๆ มาซบทำไม พี่ก็น่าตาดี ใช่ได้ไปหาแฟนที่อื่นเถอะพี่ อยากบอกเค้ามากเลยอ่ะ เหอๆ ถึงที่จอดพักทาน

แล้ว ทุกคนลงหมด ยกเว้นผม แหะๆ ขอนอน ขี้เซ้าก็งี้ล่ะครับ เหอๆ


รถก็ขับมาเรื่อยๆ เข้ากรุงเทพแล้วครับ กำลังจะเข้าหมอชิต แล้ว หลายคนลงไปแล้ว มีแค่บ้างคนกับพี่คนข้างๆนี่ล่ะที่ยังไม่ลง พอลงปุ๊ปก็เหมือนเค้าจะเดิมตามๆผม

ไงไม่รู้ อาจเป็นเพราะขี้ระแวงด้วยมั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเคยลงหมอชิตด้วยนะครับ เลยทำให้กังวลและเครียดเยอะหน่อย แหะๆ ปกติไม่เครื่องก็รถ จะมีก็ตั้งแต่เข้า

มหาลัยแหละที่นั่งรถทัวร์รถบัสไปจังหวัดที่ผมเรียนเลย ไม่เคยผ่านหมอชิต แต่รอบนี้ขอแม่เพราะอยากลองไรใหม่ๆ เข้ามหาลัยง่ายกว่าเพราะนั่งจากหมอชิตไปมัน

ผ่านมหาลัยผมด้วย


พี่คนนี้ตามไม่เลิก เหมือนเค้าจะอยากพูดหรืออะไร แต่ผมไม่สนใจหรอก เดินไปเดินมา หลบไปหลบมา สลัดทิ้งจนได้ แหะๆ ไม่รู้เป็นโรควิตกและกลัวคนมั้ง ผมก็

ได้รถผ่านหน้ามหาลัยจนได้ จากที่เคยโทรถามเพื่อนก่อนจะมาสองวันก่อน เหนื่อยเหมือนกัน หายากมากๆรถเนี้ย แถมปวดหลังมากๆ เหอๆ อย่างว่ามีแน่อยู่แล้วล่ะ

ปัญหาปวดหลัง ก็เคยย้ายเตียงไม่สักคนเดียวที่ถอดชิ้นไม่ได้จากห้องหนึ่งไปอีกห้องคนเดียว ลากๆดึงๆไป เหอๆ แถมยังเคยอ้วนมาก่อน เลยเป็นผล


ก็ไม่มีไรมากนะครับ ก็มาถึงมหาลัยตอนแปดโมงเช้ากว่าๆ เป็นวันอาทิตย์ พรุ่งนี้เปิดเรียน แต่หอเงียบมากๆ เพราะกว่าๆพี่ๆน้องจะมาก็บ่ายๆนู้นอ่ะครับ มหาลัยผม

เป็นงี้ล่ะครับ รักกันเอง กับรักมหาลัยมากๆ เหอะๆ


และแล้วในที่สุดซัมเมอร์สามเดือนของผมก็จบลง พรุ่งนี้ก็เปิดเทอมแล้ว กลับไปหวานก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมก็ได้แต่ทำตัวให้ดูร่าเริ่งเข้าไว้

ช่วงไหนที่ใช้เงินเยอะก็เพลาๆลงในช่วงเดือนแรกๆ แล้วในเทอมนั้นผมก็ได้เจอกับพี่คนหนึ่ง เป็นพี่ที่ดีมาก บวกกับพี่กับเพื่อนอีกสองสามคนที่มาเรียนแค่ภาษา


อังกฤษที่มหาลัยผม ทำให้เราสนิทกันมากๆ ผมก็เริ่มตีตัวออกห่างจากหวาน จากที่เคยมีกันสองคน ผมก็เริ่มหาคนมาคั่นกลางไว้ ในบ้างครั้งผมก็ยังแปลกใจว่า

หวานทำไมยังทำดีกับผม เวลาผมไม่สบายหรือตังค์หมด ไม่ไปข้างนอก เค้าก็จะซื้อของมาให้เสมอ จนผมทำตัวเองไม่ถูก ผมก็เกรงใจนะครับ มีอะไรให้ได้


ขนม อะไรก็แบ่งไป ณ เวลานั้น หวานได้คบกับรุ่นพี่อีกคนที่ชื่อว่าโอ๊ต เรียนวิดวะ ผมก็ไม่รู้ว่าเค้าคบกับแฟนเก่าผมอยู่หรือไม่ แต่พอคุยไปคุยมา


ก็ได้ความว่ายังคุยกันอยู่ หลายๆอย่างทำให้ผม

คิดถึงคำพูดของแฟนเก่าหวานที่เคยพูด ตอนนั้นผมคิดว่าเค้าคงโกหกว่าหวานนะเอาไปหมดทุกคน แต่ตอนนี้ผมเริ่มรู้ว่าอะไรคืออะไรแล้ว....


ผมยอมรับว่าผมเสียใจ ทำใจไม่ได้จริงๆ ที่เสียคนที่รักไปให้กับเพื่อน แต่ทำไงได้ผมมันโง่เอง แต่เอาเถอะ เทอมนี้ผมก็ขอเต็มที่กับชีวิต อยากได้ไรก็ต้องได้ ฮ่าๆ

เพราะผมเป็นคนงี้ล่ะ มีช่วงมิดเทอม ช่วงตุลาที่ผมจะเครียดเป็นพิเศษ ตอนนี้ก็ยังคุยกับหวานอยู่ ผมทำใจได้แล้วล่ะครับ ว่ายังไงเสียให้เพื่อนดีกว่าเสียให้คนอื่น ถึง

แม้ว่าเพื่อนผมจะไม่ดี คบกับพี่โอ๊คอีกคน ผมก็ไม่ว่า เพราะมันเรื่องส่วนตัวเค้า


มีอยู่วันหนึ่งผมจะไปติวสอบมิดเทอมวิชามาร์เกตติ้งกับเพื่อนๆอีกสองคน ไม่เชิงติวเพราะว่าไม่มีรุ่นพี่หรือใครที่ติวให้ ปรึกษากันซะส่วนมาก จำไรไม่ได้ก็ช่วยๆกัน

เตือน แต่ดูเหมือนผมจะจำได้มากกว่าทุกคน มันก็แน่ล่ะ เพราะว่าผมเข้าใจเนื้อเรื่องมากกว่า อย่างที่รู้ๆกันว่าวิชานี้ ไม่ได้ใช้ความฉลาด แต่คอมมอนเซนส์ คือคุณ

จะทำไงให้ลูกค้าซื้อของๆคุณ ตั้งกำไรอย่างไงให้ไม่ขาดทุน ซึ่งผมก็รู้มาอยู่แล้วเกือบหมด เลยแนะนำบอกเพื่อนได้ว่าที่ข้องใจทำไมถึงเป็นแบบนี้แบบนั้น  ที่รู้ไม่ใช้

เพราะเรียนมา แต่มันเคยอ่านผ่านๆ โรงเรียนเก่าผมไม่สอนหรอกครับวิชานี้ ค้นคว้าเอาเอง เพราะเมื่อก่อนแม่อยากให้เรียนด้านธุระกิจ ผมเลยเลือกมาร์เกตติ้ง

เพราะไม่ชอบเลข ไม่ใช่ทำไม่ได้นะ แต่ไม่ชอบ แหะๆ ผมเลยตามใจตัวเอง ย้ายเลย


และในวันที่ติวสอบอยู่นี้วันนั้นหวานก็ขึ้นหอชายมาหาผม มานั่งคุย มานั่งเล่นเฉยๆในห้องผม เพราะห้องผมมันอยู่ริมๆทางหลังหอ เลยขึ้นง่ายนะครับ แล้วเป็นชั้น

เดียวกับพี่โอ๊คของหวาน ผมไม่มีรูมเมตครับ เพราะรูมเมตคนเก่าแย่มากๆหลังจากที่พี่ปีสี่ไป เค้าก็ให้ผมอยู่กับน้องคนหนึ่งซึ่งกลับมาห้องเมาได้ทุกวัน อ้วกได้อีก

 แถมมีครั้งข้างเตียงผม เหอะๆ ได้นั่งเก็บอีก ลำบากตรูจริงๆ เลยขอย้ายมาอยู่คนเดียว


วันนี้หวานขึ้นมานั่งดหนังบนคอมผม มันก็เคยมาน้องห้องนี้ของผม ที่มันชอบนอนห้องนี้เพระว่าชั้นนี้มันเป็นฝั่งที่สะอาดมากๆ เพราะรุ่นพี่ฝั่งนี้รักสะอาด และสงบ

เหอๆ แถมเตียงโรงแรมด้วย นิ่มสบาย ไม่เหมือนชั้นสี่อีกฝั่งหรือชั้นอื่นๆ หรือแม้กระทั่งหอหญิงเองยังไม่มีเตียงนี้เลย


ผมถามว่าจะไปติวด้วยกันไม่ เพราะหวานไปเรียนบ้างไม่เรียนบ้าง ตามแต่ว่าตื่นไม่ตื่น ดื่มหนักไปหรือเปล่าเมื่อคืนอะไรทำนองนี้อ่ะครับ ก็เป็นห่วงในฐานะเพื่อน

 ชวนลงไปอ่านด้วยกัน ดีกว่านั่งดูหนัง แต่หวานก็ไม่ไป บอกว่าอยู่นี้ดีกว่า ตามใจแล้วกัน ผมถือว่าชวนแล้ว เพราะผมไม่ชอบรบเร้า คนเราถ้าขยันก็ขยันเอง ไม่

ชอบบังคับครับ ผมถึงกลัวคนขยันมากกว่าคนฉลาดไง เพราะว่าคนขัยนนะน่ากลัวกว่าคนฉลาดตรงที่ว่าขยันไว้ได้แน่ๆ แต่ฉลาดแต่ไม่อ่านไม่ทำ ก็ไม่ได้ ผมเองก็

อีกคนที่เพื่อนๆชอบกลัว ชอบบอกว่าเมิงจะแข่งขันจริงจังไรกับคะแนนมากว่ะ เพราะผมเป็นคนอย่างนี้ล่ะครับ ผมรู้ตัวว่าไม่ฉลาด หลายๆคนชอบบอกว่าฉลาด แต่

ไม่ใช่ ผมใช่ความขยันเข้าไว้ ทุกอย่างที่ทำเพราะขยันอยากได้คะแนนสูงๆ จนเพื่อนเอื้อม ฮ่าๆ เพราะผมแข่งขันตลอดเวลา ถึงไม่เป่าประกาศ แต่หน้าคงฟ้องเวลา

ได้คะแนนสูงกว่าหลายๆคนหรือเกือบทั้งห้อง ผมเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะ ถึงกลุ่มเพื่อนเก่าที่โรงเรียนผมก็เหมือนกัน หลายๆคนในกลุ่มถึงเลว ถึง

ร้าย แต่การเรียนไม่ยอมแพ้กัน ไม่ว่าเพื่อนรุ่มห้อง เพื่อนกลุ่มเดียวกัน มันทำให้เราสู้ และพยายามต่อไป เราสู้เพื่อตัวเราเอง เราสามรถชนะตัวเองได้ ใจจริงไม่ได้

ดีใจกันหรอกครับที่ชนะเพื่อนได้ แต่ดีใจที่เราทำได้อย่างที่เราตั้งใจ ผลพลอยได้คือชนะเพื่อน ฮ่าๆ


ผมใช้เวลาติวไปประมาณสองชั่วโมง กลับขึ้นมา บรรยกาศก็เปลี่ยนๆไปอย่างเห็นได้ชัด แอร์ปิดไป ห้องมันมีอะไรแปลกๆซึ่งไม่รู้ว่าอะไร หวานก็นั่งอยู่ ผมก็ไม่รู้ว่า

จะถามว่าไร ได้แต่ถามไปว่า


“ เป็นไง ทำไรบ้างอ่ะตอนเวลาไม่อยู่อ่ะ? ดูหลังจบแล้วหรอว่ะเมิง?”


“อืม ดูจบแล้ว เมื่อกี้พี่โอ๊ตแกมาหาฉันที่ห้องแกนี้ล่ะ” มันบอกผม


ผมได้แต่อึ้งกับอึ้ง เพราะคนที่รู้จักผมจริงๆ ผมไม่ชอบใครมารุ่มร่ามในห้องผม ถึงจะสนิทแค่ไหน แต่ถ้าไม่เชิญไม่ชวนก็ไม่ แต่นี้พูดไม่ออกเลยครับ เหอะๆ ผมไม่มี

อะไรอคติกับพี่แกนะครับ แต่ไม่ชอบหน้าพี่แกเท่าไร ทั้งๆที่เค้ายังไม่ทำอะไรให้


“หรอ? อืม” ผมตอบไปได้ประมาณนี้ล่ะครับ


คุยไปคุยมา ผมก็จำรายละเอียดไม่ได้ แต่ไปๆมา ผมก็รู้เรื่องที่ผมไม่อยากรู้ และไม่อยากคิด เพราะเรื่องนั้นคือหวานบอกผมเหมือนผ่านๆว่ามีอะไรกันกับพี่แก ผมก็

ไม่ได้คิดอะไร แต่ว่ากลับอึ้งแดก พูดไม่ออกคล้ายไม่ถูกคือ ทำกันในห้องนี้ ในห้องผม ตอนผมไม่อยู่ แถทยังทำบนเตียงผม อยากจะบ้าตาย จริงๆนะครับ ผมพูดไม่

ออก


ทำบนเตียงไหนเนี้ย ผมเริ่มคิดแล้ว ไม่ใช่เพราะอะไร เพราะผมเอาทั้งเตียงผมกับเตียงที่เป็นของรูมเมตที่ไม่มีตัวตนชนติดกัน เอาแล้วดิ อยากรู้ว่าเตียงไหน ได้ให้

เอาผ้าปูมาเปลี่ยนหรือเอาตัวเตียงแลกกับอีกห้องเลย เหอะๆ


จนแล้วจนรอดคุยกันไปมาก็ไม่รู้ว่าเตียงไหนอยู่ดี เพราะผมไม่กล้าถาม มันฟังแล้วขยะแขยงอีกรอบ ได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมไป ชีวิต... นี่เป็นเพียงบทเริ่มของ

เทอมนี้เอง จะมีอะไรอีกไหมเนี้ย ผมชักสงสัย......



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2009 22:14:35 โดย veryiori »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






mecon

  • บุคคลทั่วไป
โหย เพื่อนหวาน แรงไม่แคร์ใครเลยนะ
แย่อ่ะ ทำอะไรที่หอชายแล้วยังเป็นห้องคนอื่นด้วยอ่ะนะ
ไม่ไหวเลย ไม่ไหวเลยจริงๆ เฮ้ออออออออออออ
หงะ ทนคบ กับทนอด อันไหนดีกว่ากันเนี่ย เฮ้ออออออออ
+1 จัดให้คะ สู้ๆนะคะรักษษสุขภาพด้วยคะ

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
หวานคล้ายเพื่อนคนหนึ่ง ที่ตอนนี้ค่อนข้างเป็นหมาหัวเน่าไม่มีคนคบ
นอกจากเจ้าหล่อนจะแรง นอนกับใครไม่ค่อยเลือก ยั่วแฟนคนอื่นแล้ว
ยังเคยโกงเงินคนอื่นไปอีก ผมก็พยายามห่างไว้ อยากแนะนำว่าแพท
ก็ควรด้วยเหมือนกัน คนอย่างนี้ระวังจะเอาภัยมาให้คุณนะ

here

  • บุคคลทั่วไป

เพิ่งได้มาอ่านเรื่องของน้องแพท
...พี่ว่า ...น้องหวานนี่ ...จะเรียกว่า เพื่อน ได้รึเปล่าน้อ ??!

...

คนเราน่ะ รักเพื่อน รักแฟน รักใคร ๆ ได้ทั้งนั้น ...แต่ต้อง 'รู้จัก' เค้านะน้อง
กับแฟนคนเก่าที่คบกันทาง net เนี่ย ไม่น่าเสียดายหรอก
เค้าจะรักเราจริงแค่ไหนเชียว ถึงได้เปลี่ยนใจไปได้ง่าย ๆ  :เฮ้อ:

...เพื่อน ๆ บางคนพี่ก็อย่างงี้นะ ถ้าชอบใครขึ้นมาจริงจัง ก็จะแห่เอาเพื่อนหน้าตาดี ๆ ทั้งผู้หญิง ผู้ชายไปลองคุย ๆ กันดูว่า คนที่ชอบจะเขวรึเปล่า
แต่เพื่อนพวกนั้น เป็นเพื่อนจริง ๆ ...ที่ไม่ได้พยายามจะเอาคนของเราไปเป็นของตัว
แย่งคนอื่นอาจจะแย่งได้ ...แต่แย่งของของคนที่ขึ้นชื่อว่า เพื่อน กันนี่ ...เพื่อนดี ๆ เค้าไม่ทำกันนะ  :m16:

...เข้าใจหรอกที่แพทบอกว่า เพื่อนน้อย ...แต่ไหน ๆ มัน low in quantity แล้ว ...ก็พยายามอย่าให้มัน low in quality ด้วยนะน้อง
น้องหวานเนี่ย คบห่าง ๆ คงไม่มีอะไร แต่ถ้าคบสนิท พี่ว่า ...ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งเดียวที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

คนบางคนน่ากลัวจริง ๆ นะ

เขียนแรงไปอย่าว่ากันนะ ...อ่านแล้วเป็นห่วงว่ะ  :เฮ้อ:

...

เป็นกำลังใจให้นะน้อง ...มันต้องมีวันฟ้าใส ๆ ของเราบ้างดิ  o13

ออฟไลน์ Demure

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
บทที่ หก




วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งหลังจากที่กลับมามหาลัย กลับมาไม่นานก็เหงาๆ ผมจะเป็นของผมอย่างนี้แหละครับ กลับมาทุกครั้งช่วงแรกๆก็จะเหงาๆเศร้าๆแบบนี้ ไม่สุงสิง ไม่ยุ่งกับใครทั้งนั้น ถึงเพื่อนเคยสนิทแค่ไหนช่วงสัปดาห์สองสัปดาห์แรกผมจะไม่ยุ่งไม่คุยเท่าไร เรียนเสร็จก็กลับขึ้นห้องเลย อยู่มันในห้องนั้นล่ะ ดีแล้ว มันรู้สึกอยากอยู่คนเดียว ออนเอ็มไปวันๆ นั่งคุยกับคนบนhi5 ไปวันๆ ตอบบ้างไรบ้างไปวันๆ แต่ก็ไม่จริงจังอะไร ออนเอ็มไปด้วย

แล้วก็มาถึงวันหนึ่ง ที่ผมทนไม่ไหว เพื่อนๆผมชวนออกไปเที่ยวกันข้างนอก วันรุ่งขึ้นเป็นกีฬาที่แข่งกับม.บูรพาด้วย พวกเราไปกันที่walking ไปก็ไปล่ะกัน ไม่ไรมากมาย แค่ไปดื่มนิดๆแก้เซงแก้เหงา แล้วได้เต้นได้เที่ยวด้วย สรุปไปกันไม่กี่คน ร่วมผมแล้วก็เจ็ดคน ตอนแรกว่าจะรอไปพร้อมกัน แต่ทำไปทำมา เพื่อที่จะเอารถไปบอกว่าให้ไปกันก่อน แล้วจะตามไป เราเลยไปกันก่อนไปหาไรกินกันก่อนแถมด้วยของหวานกัน เจริญมากๆ เด๋วเถอะ กินเหล้าเข้าไปได้เมาเร็วแน่ ฮ่าๆ เล่นกินของหวานไป พอได้เวลาสักสามสี่ทุ่มเราก็ร่วมกลุ่มกันเรียบริ้ย เพื่อนๆอยากทานไอติมกันอีกเลยไปนั่งทานไอติมที่McDonalds กัน เลยนั่งทานไปด้วยบนชั้นสองของร้าน แล้วร้านจัดไรดีเลยถ่ายรูปกันก่อนหลายรูปเลย ฮ่าๆ แต่ล่ะคน เพื่อนผมไม่น้อยหน้ากัน เห็นอีกคนเปรี้ยวกว่า เอดซ์กว่าแรงกว่าไม่ได้ เลยถ่ายกันเยอะ ผมได้แต่ส่ายหน้า เหอๆ ไม่ได้ส่ายเพราะเอือมนะครับ แต่ว่าส่ายเพราะเมิงจะสนใจกรูไหม? ถ่ายกรูด้วย ฮ่าๆ

ผมเป็นคนถ่ายรูปไม่ค่อยขึ้น เลยขอถ่ายเยอะๆ ถ้าไรที่เพื่อนว่าดูดีก็หยุดรอให้มันถ่าย เหอๆ เอาเถอะครับ สุขเล็กๆดีกว่าไม่มีความสุขเลย จริงไหมครับ?

สักพักใหญ่ๆหลังจากทานกันเสร็จ พวกเราทั้งเจ็ดก็ย้ายกันไปที่ walking ต่อ อยากรู้ว่าร้านที่รุ่นน้องแนะนำมาจะเป็นไง เห็นบอกว่าใช้ได้ พอเดินไปจนสุดถนน พวกผมก็เหนื่อยล่ะ บ่นกันนิดหน่อย เพราะหาร้านไม่เจอ จนเดินย้อนมาอีกรอบ อ้าวไหนเจอซะ เมื่อกี้ไม่เห็นป้าย เหอๆ ...ได้ใจจริงๆในความคิดผม เถื่อนแล้วน่ากลัวได้ใจจริงๆเลยครับน้อง

รุ่นน้องพวกผม น้องเมย์แนะนำเนี้ยสุดยอด ผมกลัวแล้วอ่ะ ฮ่าๆ เลยชวนเพื่อนให้เข้าร้ายอื่นเถอะ ชวนสักพักเหมือนพวกเพื่อนๆผมก็ว่าไป คลับ Walking street ก็ได้ ตอนแรกมันจะไป candy shop กัน ผมไม่ไปหรอกครับ แพงเกิน ผมชอบเต้นมากกว่า เหล้าไม่เน้น เน้นมันส์และได้เต้นกับเพลงมันส์ๆหนุกๆอย่างเดียว ขออย่าเป็นเพลงเทคโนกับร๊องก็พอ ฟังแล้วปวดหัว เข้าไปก็นั่งกินกันไป เต้นกันไป เต้นไปเต้นมาเริ่มเบื่อล่ะ เพื่อนๆเริ่มแก้วสองกันล่ะ ผมก็ใกล้หมดแก้วแรกล่ะ จนหมดสองแก้วกันไป จำได้ว่าเพื่อนคนหนึ่งสั่ง cocktail sex on the beach อร่อยดี เลยแย่งมัน ฮ่าๆ เลวได้อีก สนุกกันเกินไป พอเริ่มเบื่อๆ พวกผมก็กลับกัน

การเที่ยวของพวกผมไม่เน้นดูผู้ชายหรือผู้หญิงตอนเที่ยวนะครับ เพราะว่าเรามาสนุกกันกับเพื่อน แล้วทุกคนตอนนั้นทั้งโต๊ะมีแฟนหมดแล้วยกเว้นผม เหอะๆ เศร้าจริงๆ แต่เริ่มทำใจได้แล้วล่ะครับ

ออกมากันก็ตีสองกว่าๆ เกือบตีสองครึ่งแล้วครับ ขับรถกลับกัน เอารถมาคันเดียว ฮ่าๆ อนาตจริงๆ เพราะรุ่นพี่กับเพื่อนคนอื่นๆไปเที่ยวอีกที่กัน ก็ไม่ได้นั่งเบียดกันเท่าไรนะครับ คนตัวเล็กเยอะ ฮ่าๆ มีแต่ผมกับเพื่อนอีกคนที่จะหุ่นใหญ่กว่านิดหน่อย เลยรอดไป ขับกลับก็ถึงมหาลัยตีสามกว่าๆ ไม่เป็นไร ทุกคนไม่เมากันเลย อยากทำอย่างอื่น นั่งคุยกันต่อ แต่ว่าต้องลากันไปนอน ไม่ใช่เพราะง่วง แต่กลัวจะไม่ได้พักผ่อน ออมเสียงออมแรงไว้เชียร์ไว้แข่งกีฬาสีพรุ่งนี้กับมหาลัยบูรพา
ตื่นมาหกโมงกว่าๆ สรุปนอนได้สองสามชั่วโมงก็ต้องตื่นแล้วเจ้าครับ รุ่นพี่ปีสี่ พี่มิงค์ประกาศลั่นหอให้ทุกคนตื่นเพราะม.บูจะมากันถึงตอนแปดโมงกว่าๆ สรุปว่าต้องตื่นกัน ที่โทรมๆกันก็โป๊ะแป้ง ทาครีมเข้าไป ไม่เว้นแม้แต่ผม เหอะๆ กับผู้ชายคนอื่นๆที่เป็นชายแท้ทั้งหลาย ผมก็เป็นคนอย่างนี้อยู่แล้ว ห่วงเรื่องผิวกาย แล้วหนังหน้าตัวเองเป็นธรรมดา เพราะถึงแม้เราหน้าตาไม่ดีเท่าไร ไม่หล่อ แต่ก็ไม่อยากให้โทรม เดี๋ยวจะหาเมียไม่ได้ ฮ่าๆ

ผมก็โทรนัดเพื่อนให้ลงมาพร้อมกัน กางร่มกันไป ฮ่าๆ กลัวดำกันทั้งหมดเป็นรุ่นน้องที่แรดและเรื่องมากของพวกรุ่นพี่ ฮ่าๆ พวกผมมีปัญหากับรุ่นพี่ทุกรุ่นตั้งแต่อยู่ปีหนึ่งกันแล้ว ถึงผมจะไม่ได้มีปัญหากับรุ่นพี่ทุกคน แต่ก็มีไม่ชอบบ้าง ไม่ถึงเกลียด แต่ทำตัวให้ไม่น่าเคารพ รุ่นพี่หลายๆชั้นปีเลยไม่ค่อยชอบพวกชั้นปีผม โดยเฉพาะรุ่นผมไม่ชอบรุ่นพี่รหัสตัวเองกันหลายๆคน แหะๆ แต่ก็ทนๆกันครับ เพราะใครแรงได้แรงไป แล้วตามเก็บบัญชีกันที่หลัง ไม่เว้นแม้แต่ในชั้นปีเดียวกัน แต่พวกผม เคลียร์แล้วก็คือจบ ตบคือตบจริงๆ บอกว่าจบก็จบ

แต่ตอนนี้ดีกันแล้ว แหะๆ เข้าใจกันมากขึ้นแล้วครับ ทั้งวันผมก็เชียร์ให้เค้า เพราะผมก็ไม่เล่นบาสไม่เล่นฟุตบอล แบตก็ไม่ค่อยเก่ง เก่งแต่ว่ายน้ำอย่างเดียวซึ่งไม่มีกีฬานี้ ไม่มีสระด้วย เหอๆ เลยเอาว่ะ เชียร์นี้ล่ะดี ขี้เกลียดด้วยล่ะครับ เชียร์ทั้งวัน ท่าลีดสันก็อุบาตได้ใจ กล้าบ้างอายบ้างเต้นเคลาๆกันไป ก็จบไปอีกวัน

อีกหลายอาทิตย์ต่อมาผมก็ได้รู้จักกับพี่ที่ผมได้เคยบอกไว้ ได้รู้จักกับพี่ตี้คนแรกเพราะอยู่ชั้นเดียวกัน ยิ้มให้กันบ่อย
แล้วก็เริ่มคุยกัน เลยเริ่มสนิทกัน...

ออฟไลน์ Demure

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
หวัดดีครับพี่ๆ

ขอบคุณคุณhereนะครับ แหะๆ ผมก็ไม่รู้ว่าจะเรียกเพื่อนได้หรือเปล่านะครับ อาจคงได้แต่คำว่าคนรู้จักมากกว่านะครับ มันมีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องยอมหวาน

แต่ตอนนี้ผมก็เริ่มดีขึ้นจากหลายๆอย่างแล้วนะครับ งานก็เยอะดีช่วงนี้ แถบไม่มีเวลาให้คุยหรือคุยกับใครเลย หรืออ่านหนังสือดูหนังอะไรเลย แหะๆ

ครับ เพื่อนอาจน้อย แต่ผมก็พอใจเท่าที่มี ผมภูมิใจที่มีเพื่อนที่อยู่เคียงข้างเสมอ ถึงแม้ในใจเพื่อนๆไม่เคยเป็นที่หนึ่ง แต่ก็ไม่เคยเกินที่สองเลย ครอบครัวย่อมมาก่อนเหนือสิ่งใด หากไม่มีเค้ากันแล้วก็คงไม่มีผม

พี่here ไม่ได้ว่าแรงไปหรืออะไรหรอกครับ ดีซะอีกครับที่มีคนเข้าใจหรือพยายามเข้าใจผม






หวานคล้ายเพื่อนคนหนึ่ง ที่ตอนนี้ค่อนข้างเป็นหมาหัวเน่าไม่มีคนคบ
นอกจากเจ้าหล่อนจะแรง นอนกับใครไม่ค่อยเลือก ยั่วแฟนคนอื่นแล้ว
ยังเคยโกงเงินคนอื่นไปอีก ผมก็พยายามห่างไว้ อยากแนะนำว่าแพท
ก็ควรด้วยเหมือนกัน คนอย่างนี้ระวังจะเอาภัยมาให้คุณนะ

แหะๆ ตอนนี้ผมก็ห่างจากเค้ามาสักพักแล้วอ่ะครับ เค้าทำเอาไว้มากเหมือนกัน จนผมกลัวที่จะหลุดไปว่าเค้าแรงๆ

อยู่ห่างๆจะดีไว้ เพราะเค้ารู้เรื่องผมเยอะไป ถ้าไปว่าเค้าเค้าก็จะเอาไปพูดอีก ผมก็ขี้เกียดตกเป็นขี้ปากชาวบ้านอีก
แค่่นี้ก็มองหน้าบ้างคนในมหาลัยไม่ติดแล้วอ่ะครับ เพราะเค้าไปพูดไรไว้บ้างไม่รู้...





โหย เพื่อนหวาน แรงไม่แคร์ใครเลยนะ
แย่อ่ะ ทำอะไรที่หอชายแล้วยังเป็นห้องคนอื่นด้วยอ่ะนะ
ไม่ไหวเลย ไม่ไหวเลยจริงๆ เฮ้ออออออออออออ
หงะ ทนคบ กับทนอด อันไหนดีกว่ากันเนี่ย เฮ้ออออออออ
+1 จัดให้คะ สู้ๆนะคะรักษษสุขภาพด้วยคะ


ขอบคุณครับพี่mecon  :) ครับเค้าแรงไม่แคร์ใคร แหะๆ มันเกิดไปแล้วก็ช่างมันเถอะครับพี่ แก้ไขไรไม่ได้แล้วนิครับ
แต่ผมก็จะไปเปลี่ยนอะไรที่เกิดขึ้นนะครับถ้าสามารถเปลี่ยนได้เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่หล่อหลอมให้ผมเป็นคนที่ ปลงและเป็นคนแบบนี้แล้ว
ซึ่งทำให้ผมได้รู้จักอะไรเยอะแยะในชีวิต ตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยได้คุยกันแล้วล่ะครับ เปลี่ยนเมล์เลยไมคุยกัน โทรสับผมก็หลบเบอร์เค้าไปแล้ว ไม่โทรหาจากเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นก่อนปิดเทอมที่ผ่านมา มีแต่เค้าที่โทรมาเรื่อยๆ ให้ผมช่วยอะไรอย่างนู้นอย่างนี้
ขอบคุณนะครับพี่mecon รักษาสุภาพเช่นกันนะครับพี่ :)
+1 เช่นกันนะครับ



สุดท้ายขอบคุณทุกคนที่มาอ่านนะครับ  :กอด1:
เดี๋ยวอีกไม่กี่ตอนผมก็จะรีบทำให้มันจบแล้วล่ะครับ เล่าไรเศร้าๆไม่ได้นาน เศร้าคนเดียวพอแล้ว
อย่าให้คนอื่นเศร้าเลย แหะๆ
รักษาสุขภาพด้วยนะครับ


ออฟไลน์ Demure

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
การที่ผมได้รู้จักกับพี่ตี้ ทำให้ผมรู้จักกับพี่หลายๆคน เพื่อนๆหลายคน พี่ที่เรียนป.โท เพื่อนที่เรียนภาษาอังกฤษ บ้างคนเป็นรุ่นพี่ผมหลายปี ส่วนบ้างคนก็เป็นรุ่นน้องผมปีสองปี ผมเป็นคนที่ติดเพื่อนมาก คนเป็นเพื่อนผมจะรู้ดีว่าผมให้ความสำคัญกับเพื่อนมาก เพราะฉะนั้นในเมื่อเพื่อนกลุ่มเดิมของผมเค้ามีงานกัน แล้วเรียนคนล่ะคณะเลยยิ่งเจอกันน้อยลง แล้วเค้าก็เป็นผู้หญิงกัน เลยเจอน้อยลงไปอีก เพราะว่าเค้าจะอยู่แต่บนหอ ไม่ลงมากัน

ผมเลยค่อนข้างติดเพื่อนกลุ่มใหม่ แล้วอย่างที่ผมบอกว่าผมให้ความสำคัญกับเพื่อน เพื่อนกลุ่มใหม่เลยเป็นกลุ่มที่ผมให้เวลาด้วยมากที่สุด เพราะเค้ามีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ณ ที่นี้ ถ้าถามว่าผมนั้นยังเป็นเพื่อนกับหวานอยู่หรือเปล่า ผมตอบได้นะตอนนั้นเลยว่ายังเป็นอยู่ ผมก็พยายามที่จะพาหวานเข้ามารู้จักกับพี่ๆเค้า ด้วยความที่พี่บ้างคนเค้าฮาๆขำๆกัน ก็เลยไปกันได้ดีในช่วงแรกๆ

แต่พอผ่านไปสักพักผมก็ออกไปไหนมาไหนกับพวกพี่ๆมากขึ้น คือพอเวลาไปผมจะไปผมจะไม่ได้โทรบอกหวาน ผมรู้ว่าผมทำผิดตรงนี้ แต่ว่าผมก็มีเหตุผล ถึงแม้จะฟังไม่ขึ้นก็ตาม พอจะออกไป ไปซื้อของแป๊ปเดียวกลับ พี่ๆเค้าก็บอกว่าไม่ต้องโทรไปบอกมันหรอก กว่ามันจะลงมา เสียเวลา นานมาก เพราะบ้างทีมันจะแต่งตัวเป็นชั่วโมง แล้วเค้าแค่จะออกไปซื้อของไม่กี่ชิ้น พี่ๆเลยบอกว่าไม่ต้องตาม เดี๋ยวแวะซื้อของมาฝากมันก็พอล่ะ ผมก็เลยได้แต่ตามใจ แล้วแต่พี่ๆเค้า ผมไม่รู้ว่าพี่เค้ารู้สึกอะไรกับหวานหรือเปล่า

เวลาผ่านไปสักเดือนหนึ่งก่อนที่พี่ๆบ้างคนจะกลับกันแล้ว กลับไปทำงานต่อ ก็มีงานจัดวันเกิดให้ผม ในช่วงตุลาก่อนวันฮาโลวีนนิดหน่อย ผมดีใจเป็นที่สุด เพราะเค้าเคยถามผมนานแล้วว่าเกิดเมื่อไร ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่แล้ววันนั้นทุกคนก็เซอร์ไพรส์วันเกิดให้ผม ทุกคนทำให้ผมรู้สึกมีค่าแล้วรู้สึกตื้นตันใจมากๆ แต่ผมก็แอบเสียใจที่เพื่อนคนที่ผมแคร์ กลับลืมวันเกิดผมได้....

เพื่อนต่างคณะที่ผมสนิทด้วยก็โทรเรียกผมให้ไปทำงานที่ตึก แล้วก็เซอร์ไพร์สผมด้วยการอวยพรแล้วก็เค้ก ผมรู้สึกภูมิใจที่เพื่อนๆยังจำวันเกิดผมได้ แต่เพื่อนคนนั้นกลับลืม....

แล้วเวลาที่พวกพี่ๆหลายคนของผมก็จะกลับกันแล้ว ก็เลยว่าจะไปกินแล้วเที่ยวกันก่อนกลับ เลยไปกินที่ลุงไสวในพัทยา ช่วงนั้นเป็นช่วงที่แฟนของผมเค้ามาหาผมพอดี แฟนผมเกิดไปโดนใจหวานท่าไหนก็ไม่รู้ เลยเข้ากันได้เป็นอย่างดี ผมไม่รู้เค้าพูดอะไรกันบ้าง แต่ดูมีเวลาผมบอกแค่ว่าผมจะโทรหาหวาน เค้าจะบอกตลอดเลยว่าใช้เครื่องเค้าโทรได้เลย โทรเลยๆ ผมก็ค่อนข้างแปลกใจ เพราะปกติโทรหาใครเค้าจะบอกให้ผมโทรให้หน่อย เวลาผมจะคุยกับเค้า เค้ายังให้ผมโทรหามากกว่าที่เค้าจะโทรมาอีก

ช่วงแรกๆหวานก็ถามผมว่าผมมีแฟนคนใหม่แล้วหรอ ผมก็บอกว่าอืม คนที่เห็นนี่ล่ะแฟน ทำไมหรอ? แล้วหวานก็จะบอกว่าเปล่า ไม่มีอะไร แค่ถามดู แล้วก็ถามต่อว่า รู้จักกันได้อย่างไง ผมก็บอกว่ารู้จักกันทางเน็ต คุยด้วยกันสักพักแล้ว นานแล้ว คุยกันทุกวันล่ะ ทำไมหรอ? มันก็บอกว่าเปล่า อย่าไปไว้ใจคนบนเน็ตเยอะนักล่ะ ผมก็ฟังครับ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร

วันที่ไปกินข้าวเย็นที่ลุงไสวผมออกให้แฟนผมหมดเลย ผมทำหน้าที่ ที่ดีของแฟนพึงทำ ผมจ่ายค่าห้อง ค่าอาหาร อะไรต่อมิอะไรให้หมด ผมให้ทุกอย่างเท่าที่ผมให้ได้ เค้าอยากได้อะไรที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงผมก็ให้ได้ โทรสับผมๆก็ให้ ผมยอมเค้าทุกอย่าง เพราะผมเชื่อว่าคนๆนี้ที่ผมจะหยุดชีวิตไว้ด้วยแล้ว
ผมยอมรับผมมีความสุขมาก คนเราเมื่อมีความสุขแล้ว ความสุขนั้นมักจะอยู่กับเราไม่นาน จริงมั๊ยครับ? พอกินข้าวเสร็จก็คิดๆกันดูว่าจะทำอะไรดี ก็เลยบอกว่างั้นกลับมหาลัยก่อน แล้วค่อยว่ากันว่าจะไปเที่ยวไหนต่อ ระหว่าง ดิเฟอร์ หรือ walking street (แอบ โฆษณา ให้เค้า) กลับไปก็ไปแต่งตัวกันเตรียมเที่ยว ผมกับแฟนผมก็ขึ้นมาแต่ง แต่งตัวไม่ควรนาน แต่เราก็นาน แหะๆ ครับก็มีหนังกันเล็กน้อย แล้วก็อาบน้ำแล้วรีบลงไปกัน

พอลงมาถึงห้องนั่งเล่น ยังไม่มีใครมาเลย ผมว่าผมลงมาช้ากันแล้วนะ ช้าไปตั้งเกือบชั่วโมง....พอทุกคนลงมาครบกันหมดก็เหลือแค่หวานกับแฟนหวานที่ยังไม่ลงมา อืม จะสวยไปไหน แค่ไปเที่ยว ผมก็แค่คิดในใจ ไม่กล้าพูดหรอก เดี๋ยวเพื่อนรู้จะเสียใจ เพราะผมถือว่าผมน่าตาธรรมดา หน้าตาหวานก็บ้านๆ อาจดูว่าผมว่าหรือดูถูกเพื่อน แต่ก็จริงๆนะครับ คนเราพระเจ้าให้หน้ามาแค่ไหนก็แค่นั้น ต่อให้แต่งตัวให้ดี ยังไงๆมันก็ไม่สวยขึ้นมานอกจากคุณสันมา แล้วคุณต้องผิวขาว แต่นี้ผิวมันออกคล้ำ รอหวานกับแฟนลงมาอีกครึ่งชั่วโมง พวกผมก็เบื่อๆ เริ่มงุดงิด

พอลงมา มันก็ขอโทษบอกว่ามันช้าไปหน่อย (ช้าไปหน่อย? มากกว่าหน่อยแล้วอ่ะ) แล้วอารมณ์ประมาณว่าพี่ตี้ก็บอกว่าเนี้ยแต่งอะไรนานหนักหนา แต่งไปก็ไม่สวยไปกว่านี้หรอก อะไรอย่างนี้ แล้วหวานก็บอก นิดหนึ่งก็คนมันสวย พี่ตี้ก็เลยว่าย่ะ สวยกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว หวานก็บอกประมาณแบบว่าก็รอนิดนึง คนมันสวยมันป๊อป มันฮิตอ่ะ พี่ตี้เลยว่าบอกว่าอืม มึงฮิต แต่ไม่ใช่ฮิตป๊อปปูลาร์นะ แต่ฮิตเหมือนกัน แต่เป็นฮิสตีเรียนะ

แล้วหลังจากแควะกัน บ่นกันไปสักพักก็เลยตัดบทว่ารีบไปเถอะ ก่อนจะไม่ได้ไป เพราะพี่โบว์ พี่ที่จะกลับพรุ่งนี้เช้าก็อยากไปเที่ยวด้วยกัน เลยเอา A-class คันเล็กๆของพี่โบว์ออกไป นั่งกันไปหกชีวิต แหะๆ ดีที่ส่วนมากทุกคนตัวเล็กมีแต่พี่ตี้กับพี่จุนแฟนหวานตัวใหญ่ เหอๆ

พวกผมก็เที่ยวกันซะ ผมดูดบุหรี่แฟนผมก็ว่าบอกว่าไม่ให้ดูด แต่ผมก็ออกไปแอบดูดกับพี่ตี้กับพี่โบว์ เต้นกันในดิเฟอร์อย่างเมามันส์ นักร้องก็มองมาที่โต๊ะพวกผมบ่อยๆ ดูเหมือนเค้าจะสนใจพี่โบว์ของผม ก็พี่โบว์เค้าออกจะสวยและไฮโซ แต่ไอ้คนที่ยืนใกล้ๆพี่โบว์นะดิ นึกว่านักร้องมองตัวเองอยู่ นึกว่าเค้าสนใจตัวเอง เวรกกรมที่สุด คิดไปได้ไง? ครับ แล้วคนๆนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น คือหวานนั้นเอง

พอเต้นกันไปสักพักพี่โบว์ก็ไปเข้าห้องน้ำ พอออกมาสักพักก็ออกไปดูดบุหรี่กันอีก พี่โบว์ก็บอกว่านักร้องนะมันมาคุยกับพี่ อยากได้เบอร์พี่ มันถามอยู่นั้นอ่ะ ไรต่อมิอะไร เรื่อยเปื่อย ผมเลยแอบยิ้ม ตลกที่หวานคิดว่านักร้องมองมัน พอเข้าไป หวานมันก็ยังบอกอีกว่าเนี้ยดูดินักร้องหล๊อหล่อ เค้ามองฉันด้วย (อืม อ่านะ)

แล้วมีอยู่ช่วงนึงผมปวดฉี่เลยไปเข้าห้องน้ำ พอออกมาคนเยอะขึ้นกว่าเดิมอีก ที่แย่คือผมเดินผ่านผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง ผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินสวนกับผม เหมือนเค้าจะเดินออกไป อยู่ดีๆก็เอามือมาลูบไล้หน้าอกผม ผมตกใจเพราะผมไม่ทันตั้งตัว เสียเปรียบชะนีเฉยเลย กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็ถึงโต๊ะแล้ว วันนั้นผมไม่ค่อยชอบเพลงที่เค้าร้องเลยพยายามตึงๆเมาๆจะได้อินแล้วเต้นมันส์ๆ เพราะผมชอบและอยากเต้นอยู่แล้ว แฟนผมเห็นว่ากินหลายแก้วแล้ว ชงเข้มๆด้วย เหล้าครึ่งหนึ่ง แล้วผสมโค๊กบ้าง โซดาบ้าง เลยบอกผมว่า แก้วสุดท้ายได้แล้ว พอเลย เมาแล้วแน่ๆเลย กินซะเยอะขนาดนี้ ผมไม่เมาหรอกครับ ผมแค่เริ่มตึง แต่ยังไหว ยังได้อีกหลายๆแก้ว แต่พี่โบว์กับพี่ตี้เริ่มเห็นว่าผมกับมันคงทะเลาะกันเลยบอกว่างั้นกลับเถอะ เดี๋ยวจะไม่ไหวกันพอดี

พอออกมาก็เคลียร์กันเรื่องเงินๆทองๆกันไปก่อน เพราะวันรุ่งขึ้นพี่โบว์จะรีบกลับ บิลทั้งหมดสองพันกว่าๆ ผมก็จ่ายไปให้หกร้อยบาทสำหรับสองคน คือผมให้พี่ผมด้วยใจ เพราะน้ำมันพี่ก็ออก ค่าเหล้าพี่ก็ออกล่วงหน้า แต่ผมก็แอบสงสัยแล้วเคืองที่ว่าหวานกับแฟนไม่ช่วยพี่ผมจ่ายหรือแชร์กันด้วย แล้วทำเนียน ตัวเองกินเหล้าเอง ตั้งเยอะด้วย ไม่ช่วยจ่าย ผมไม่ได้ชวนให้มา มาเองแล้วไม่ช่วยกัน ผมรู้สึกหงุดหงิดเลยอ่ะครับ เพราะว่าช่วยกินก็ช่วยกันออกดิ เรื่องอะไรเหล้ากินเองก็ช่วยกันจ่ายดิ จริงมั๊ยครับ? แต่ช่างมันเถอะผ่านไปแล้ว

วันรุ่งขึ้นตอนเจ็ดโมงนิดๆพี่โบว์จะกลับแล้วผมก็เลยลงมาส่ง ขนาดแฟนผมเพิ่งรู้จักพี่โบว์ได้ไม่กี่วันยังลงมาส่งเลย แต่หวานกับพี่ตุนกลับไม่ลงมาส่ง ทั้งๆที่มันเคยอาศัยไหว้วานพี่เค้าพามันไปซื้อของหรือตอนไปไหนเค้าก็ชวนมัน น้ำใจแค่มาส่งยังไม่มี แต่เอาเป็นว่าตอนสายๆผมถามมันๆก็บอกว่ามันนะรู้ แต่ตื่นไม่ไหว ผมล่ะเชื่อมันจริงๆ

แต่ช่างมันเถอะครับ คนเราก็ต่างคนต่างคิด นานาจิตตัง แล้วเรื่องราวก็ยังไม่จบเท่านี้นะครับ เรื่องราวยังมีต่อไปอีก แต่ตอนนี้ถือว่าหมดของเทอมนั้นเมื่อปลายปีๆที่แล้ว ยังมีของต้นปีนี้ ซึ่งไว้จะเอามาเขียนให้อ่านนะครับ


                                                      >> To be continued <<
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2009 01:28:18 โดย veryiori »

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เพิ่งมีโอกาสได้อ่าน คุณแพทนี้สู้ดีนะคะ
นับถือในความอดทนเลยล่ะค่ะ
อดทนได้ทุกเรื่องจริง ๆ
แต่คุณแพทไม่มาต่ออีกเหรอคะ
อยากรู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
มีคนที่จริงใจและจริงจังหรือยังคะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ kamikame

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่นำมาแบ่งปันกันนะ

ออฟไลน์ GMT101

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด