chapter7
“การมาอยู่ชมรมนี้ ฉันก็มีกฎเหมือนกันนะ “
จุนโนะประกาศออกมาอย่างจริงจัง ทุกคนหันมามองอย่างตั้งใจ พยักหน้าตามกันหงึกหงัก
“คือจะซ้อมเต้นด้วยร้องเพลงด้วย แต่จะไม่ไปแสดงที่สาธารณะชนเด็ดขาด!!” ยูอิจิทำหน้างง
“อ้าว!! แล้วจะซ้อมจะเต้นไปเพื่ออะไรอ่ะ “ทัตซึยะรีบแย้งขึ้นมา
“ก็ความหมายของทากุจิคือจะเต้นแต่ที่ๆปิดไงหล่ะ แบบเป็นฮอล์ หรือที่เวทีใหญ่ๆต่างหาก”
ยูอิจิพยักหน้าเข้าใจ
“อ้อ ยอมแสดงแต่ที่หรูๆเท่านั้น เข้าใจแล้ว ไอ้นี่หัวสูงนั้นเอง!!”
“ไม่ใช่ ไม่ว่าที่ไหนก็ตามที่มีคนดู ฉันจะไม่เต้นเข้าใจมั้ย!!” จุนโนะพูดออกมาเสียงดังจนทั้ง
ทัตซึยะและยูอิจิเงียบไป โคคิท่าทางรำคาญ
“อ้าว!! แล้วจะบ้าเต้น ซ้อมๆอยู่แต่ที่นี่นะเหรอ ทำไปเพื่ออะไรกัน”
“ก็เพราะว่าชอบไงหล่ะ อยากเต้น อยากทำก็ทำ ไม่จำเป็นต้องให้คนมาดูก็ทำได้ไม่ใช่
เหรอ “
คาซึยะพูดออกมา จุนโนะนิ่งไม่พูดต่อ จินยิ้มออกมา
“จริงด้วย ที่ทากุจิมาร่วมกับพวกเราก็ดีใจแล้วหล่ะ ถ้าไม่อยากให้ใครดูก็ไม่เป็นไร แค่นายยอมมาร่วม ช่วยให้ชมรมเราไม่ถูกยุบ ก็ขอบคุณมากๆเลยนะ”
“นายกลายเป็นคนเข้าใจจิตใจชาวบ้านเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย” โคคิเดินกอดอกเอาเอวชนหัว
ไหล่คาซึยะที่นั่งที่เก้าอี้เป็นการหยอก “ใครเค้าจะเหมือนนาย” “หนอยเจ้านี่!!” โคคิหมั่นไส้ก็
ล็อคคอคาซึยะเล่นกันเป็นเด็กๆ
ยูอิจิยังสงสัยอยู่ ที่ทำไมจุนโนะถึงมาเข้าร่วมชมรมซะเฉยๆ ทั้งที่แต่ก่อนชวนกันแทบตาย
“ทำไมนายถึงยอมเข้าชมรมเราแล้วหล่ะ” จุนโนะท่าทางอายๆนิดหน่อยก่อนอ้อมแอ้มตอบมา
“ก็ยุ่งกับพวกนายบ่อยๆจนชินละมั้ง ก็เลยอยากยุ่งต่อไปเรื่อยๆนะสิ” ยูอิจิยิ้มออกมาแล้วก็เอา
มือบิดแก้มจุนโนะเหมือนเด็กๆ “นายนี่น่ารักจริงๆเลย” “เล่นบ้าอะไรเนี้ยเจ็บนะ!!”
จุนโนะรู้สึกว่าตัดสินใจถูกรึเปล่านะที่เข้าชมรมมา คิดถึงเรื่องที่บ้านขึ้นมาก็ถอนใจนิดหน่อย
ก่อนหันไปรวมกับทุกคนเหมือนไม่มีอะไรค้างคาในใจ
"เพลงเสร็จแล้ว มาลองซ้อมร้องกันก่อนม้านี่ๆ" จินหมุนแผ่นเอ็มดีในมือไปมา
“โหย สุดยอดไปอัดมาจากที่ไหนนะ” ยูอิจิท่าทางลิงโลดที่สุด
“ที่บ้านอูเอดะเค้ามีเครื่องคอมที่ใช้มิกซ์ซาวน์ได้ด้วยนะ ก็เลยสบายไปเลย”
ทุกคนตาโต ร้องขอไปที่บ้านทัตซึยะบ้าง ทัตซึยะยิ้มยินดีต้อนรับทุกคนเสมอ
"เอาเถอะมาลองซ้อมร้องกันก่อนมั้ย!!” จินเอาแผ่นเข้าเครื่องเล่นแล้วกด ทุกคนคว้าเนื้อร้อง
ของตัวเองมาเตรียมพร้อม คาซึยะคนเดียวที่ยังนั่งนิ่งๆ จินหันไปเห็น ก็สีหน้าแปลกใจ
“คาซึยะ ท่อนที่สองนายร้องต่อจากฉันไม่เตรียมตัวอีกเหรอ”
คาซึยะสีหน้าเหมือนคนไม่สบาย “ขอโทษนะวันนี้ฉันขอตัวก่อนละกัน …..” ลุกออกมาเลย
ทุกคนได้แต่มองหน้ากันด้วยความสงสัย จินรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา มีอะไรรึเปล่านะ
วันนี้ลมแรง เหมือนกับว่าจะมีพายุเข้ายังไงยังงั้น คาซึยะเดินมาที่ชายหาด ไม่ได้เดินกลับที่
หอแต่เดินไปอีกทาง เรื่อยๆแบบไร้จุดมุ่งหมาย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แค่ไม่อยากอยู่ตรง
นั้น ร้องไม่ออกจริงๆ ไม่ใช่ไม่อยากร้อง แต่ร้องไม่ออก ขี้เกียจสู้สายตาทุกคน ขี้เกียจตอบคำ
ถาม ทำอะไรได้บ้างนอกจากหนี ลมพัดรุนแรง ผมเส้นเล็กนุ่มสีน้ำตาลเข้มปลิวลู่ไปข้างหลัง
คาซึยะต้องหรี่ตาลง คิดถึงอดีตขึ้นมาอีกจนได้ ครั้งสุดท้ายที่ร้องเพลง คือวันที่มีงานศพ
“I WILL REMBER YOU” หลังจากเพลงนั้นจบ ไม่มีทั้งน้ำตา และเสียง เค้าพูดไม่ได้เป็นเวลา
3 เดือนไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้าชมรมอีกเลย ต่อมาก็ออกจากรร. ย้ายรร.
ใหม่ ฆ่าตัวตาย แล้วก็ย้ายรร.ใหม่ ทำเป็นวัฎจักร มาสิ้นสุดที่นี่
การกลับไปร้องเพลงอีกครั้งเป็นเรื่องที่เค้ากลัว กลัวอดีต กลัวความทรงจำที่จะหลอกหลอน
เค้าจะทำยังไงได้นะ เนคไทที่ถอดใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ โดนลมพัดจนปลิวหลุดไป คาซึยะ
พยายามหันมาจะเก็บ แล้วมันก็ปลิวออกไป มือขาวๆของใครบางคนจับเอาไว้ให้ ร่างสูงผม
ยุ่งๆกระจายตามแรงลม รอยแผลที่หน้าผากหายสนิทไม่มีรอยเหลือแล้ว
จินยิ้มสดใสเหมือนเด็กๆ “ตามมากันทำไม กลัวฉันจะหนีไปตายรึไง!!”
คาซึยะพูดจาแบบเดิมๆ จินฟังจนเบื่อ
“ก็บอกว่าเลิกคิดไปตั้งนานแล้ว เจ้าพวกนั้นมันบ้า มันอยากออกมาดูทะเลกันต่างหากหล่ะ”
โคคิ จุนโนะ ทัตซึยะ ยูอิจิ วิ่งไล่จับกันที่หาดทราย
รู้ดีว่าเป็นห่วงกัน เลยตามมา อดจะยิ้มไม่ได้ “เจ้าพวกนี้มันบ้ากันจริงๆนะแหละ!!”
จินมองดูร่างผอมบางนั้น อะไรบางอย่างยังหลอกหลอน ยังครอบงำจิตใจ อีกนานแค่ไหนถึง
จะยอมเปิดใจ คาซึยะวิ่งไปรวมกับเพื่อนๆ จินที่เดินตามมา ข้างหลัง ได้แต่เฝ้ามองดู พูดมาก
ขึ้น หัวเราะออกมาได้ แต่รอยแผลที่เห็นได้ชัดที่ข้อมือ อะไรกันจะช่วยให้มันจางไปได้ มัน
เป็นสัญลักษณ์ที่ไม่มีวันลบไปได้เลยรึไงนะ
อยู่ดีๆฝนก็เทกระหน่ำลงมาไม่รู้เรื่องทุกคนวิ่งหนีฝนเหมือนเด็กๆ
ตัวเปียกปอนกันไปหมด ยูอิจิจึงชวนให้ไปที่บ้านซึ่งสามารถวิ่งขึ้นมาจากหาดตรงนั้น
“ยอดไปเลยบ้านนากามารุเป็นที่อาบน้ำสาธารณะเหรอเนี้ย”
คาซึยะท่าทางแปลกใจที่สุด โคคิที่ถอดเสื้อเสร็จแล้วมองหน้าคาซึยะ
“อะไรอย่าบอกนะว่า นายไม่เคยเข้าห้องอาบน้ำรวมแบบนี้มาก่อนนะ” คาซึยะพยักหน้า
“ก็ทำไมหล่ะ” โคคิยิ้มเยาะ”คุณหนูสุดยอดเลย” คาซึยะฉุนขึ้นมานิดหน่อย
“ใครจะเหมือนนายหล่ะ ห้องเช่าเล็กแค่นั้น ไม่มีห้องน้ำในตัวก็ได้มาอาบบ่อยๆนะสิ”
จินที่เตรียมตัวเรียบร้อย เดินมาลากทั้งคู่ให้ไปอาบน้ำได้แล้ว
“ไปอาบน้ำกันเถอะน่า เดี๋ยวได้เป็นหวัดกันหมดนี่หรอก”
“ซ่าส์” เสียงน้ำแตกกระจาย ยูอิจิรีบตะโกนด่าออกมาทันที
“นี่ๆ ถึงไม่มีคนก็ห้ามมากระโดดน้ำเล่นเข้าใจมั้ย เดี๋ยวแม่มาตบหัวเอาหรอกพวกแกนี่!!”
จินที่โผล่ขึ้นมา จากการกระโดดน้ำกับโคคิหัวเราะกันใหญ่
“ไม่เป็นไรน่า นิดเดียวเอง นานๆจะได้มาอาบน้ำด้วยกันทีเนอะ” ทุกคนพยักหน้าตามๆกัน
แกล้งยูอิจิ “เออๆ จ่ายมาเลยค่าเข้าอาบน้ำทุกคนนะ” พูดพร้อมทำท่าแบมือ โคคิเอาถังน้ำ
ครอบหัวยูอิจิ “เอ้า !!เอาไป “ ทุกคนหัวเราะไปตามๆกัน แล้วก็เริ่มเล่นน้ำกันเป็นเด็กๆ
จุนโนะไม่ได้ไปเล่นกับคนอื่นๆ แค่แช่น้ำเฉยๆ คาซึยะเองก็เหมือนกัน คาซึยะหันหน้าไปก็เห็น
รอยแผลเป็นที่แผ่นหลังกว้างขาวของจุนโนะ เป็นแนวยาว ท่าทางสนใจจนจุนโนะรู้สึกตัว
“รอยดาบไม้น่ะ ตอนเด็กๆดื้อ พ่อก็เลยใช้ดาบไม้ตี ตอนนั้นแตกเลย เป็นแผลเป็นจนทุก
วันนี้”จุนโนะเล่าให้ฟังยิ้มๆ คาซึยะพยักหน้า ตั้งแต่โตมาจนป่านนี้ เค้ายังไม่เคยโดนพ่อตีสัก
ครั้ง แค่ตีมือเบาๆยังไม่เคย อาจจะเพราะไม่สนใจเลยละมั้ง แม้แต่เวลาเจอกันยังแทบไม่มี
สลัดความคิดทิ้งไปหันไปคุยกับจุนโนะต่อ “พ่อท่าทางเข้มงวดนะ” จุนโนะบิดผ้าขนหนูเอาขึ้น
มาเช็ดหน้าหยดน้ำเปียกผมไหลผ่านบ่าเรียบลื่นไปจนถึงแผ่นหลังตามแนวแผลนั้น
“มากด้วย ไม่ใช่เข้มงวดธรรมดา ตั้งแต่พี่ชายหนีออกจากบ้านไปน่ะ” คาซึยะไม่อยากจะถาม
ต่อ กลัวว่าจะล้วงลึกจนเกินไป เจ้าตัวอาจไม่อยากเปิดเผย จิน โคคิ ยูอิจิ และทัตซึยะ
หน้าแดงเพราะแช่น้ำร้อนไปด้วยเล่นกันไปด้วยอีก แม่ยูอิจิเรียกให้ทุกคน ขึ้นได้แล้ว
เพราะแช่กันนานกว่านี้ มีหวังป่วยกันแน่ๆ
ครอบครัวยูอิจิเป็นครอบครัวที่น่าอิจฉาจริงๆ คุณพ่อคุณแม่ท่าทางใจดี ไม่สงสัยสักนิด ที่ยูอิจิ
เป็นคนอารมณ์ดี สดใสร่าเริง พื้นฐานครอบครัวดี ส่งผลถึงจิตใจที่ดีด้วย
จินถึงได้ว่า ปีกของยูอิจิแข็งแรงดีที่สุด
จินกับคาซึยะเดินกลับหอพร้อมๆกัน ท้องฟ้าหลังฝนดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด
ดูสวยงามแบบที่โตเกียวหาดูไม่ได้ “สนุกมั้ย การเข้าห้องอาบน้ำสาธารณะครั้งแรกน่ะ”
คาซึยะพยักหน้า
“สนุกสิ ที่นี่ดีนะ น่าอิจฉาคนที่เกิดที่นี่ อะไรก็สวยงามไปหมด ท้องฟ้ามีดาวมากกว่าใน
โตเกียว มีทะเลสวยๆ มีหาดทรายสะอาด ผู้คนใจดี “
“นายก็อยู่ที่นี่แล้วไงหล่ะ” คาซึยะหันไปมองจินที่ตอนนี้แหงนหน้าดูท้องฟ้าเหมือนๆกัน
“อืม จริงด้วยฉันอยู่ที่นี่แล้วนี่นะ”
“ทุกคนที่นี่ก็ยินดีรับฟังทุกอย่างนะ นายมีเรื่องอะไรที่อยากจะเล่าก็เล่ามาได้ทุกเมื่อเลย”
ได้ยินแค่นั้นก็เอามือข้างนั้นล้วงกระเป๋าให้ลึกที่สุด ก่อนซอยเท้าถี่ๆเข้าหอไป
จินเดินคอตกๆตามมา พูดกันขนาดนี้แล้ว ยังไม่ยอมเปิดใจกันอีกรึไงนะ
ทำยังไงถึงจะเปิดปากได้
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ คาซึยะตื่นสายมาก พอจัดการตัวเองเสร็จแล้วก็เดินไปที่ห้องจิน
เคาะ2-3ทีไม่มีเสียงตอบ ลองบิดลูกบิดดู ล็อคนี่นา!! ไม่อยู่ไปไหนกันนะ ทำไมไม่บอกกันบ้าง
เลย เดินกลับไปที่ห้อง ไม่มีอะไรทำเอาเนื้อเพลงขึ้นมาดู อยากจะร้องจริงๆแต่ร้องไม่ออก
ได้ยินเสียงเอะอะ ข้างล่าง ชะโงกหน้าออกทางหน้าต่างหัวเตียง
“เฮ!! ไปเที่ยวกันป่าวไปขี่จักรยานกัน” โคคิ ยูอิจิ ทัตซึยะ พร้อมหน้ากันข้างล่าง
คาซึยะเกาหัวงงๆ แต่ก็เดินลงมาหาทั้งหมด “จินไม่อยู่หรอก พวกนายกลับไปเถอะ”
“รู้แล้วว่าอาคานิชิไม่อยู่ พวกเรามาชวนคาเมนาชินะแหละ”ทัตซึยะพูดยิ้มๆ
“จินบอกพวกนายเหรอเค้าไปไหนน่ะ? “ ยูอิจิรีบแทรกออกมา
“ไปเยี่ยมญาติที่โตเกียวละมั้ง เนี้ยกลัวว่านายจะเหงานะเนี้ย เลยมาชวนไปเที่ยว”
“ไปเถอะน่า เนี้ย ฉันจะปั่นให้คุณชายอย่างนายนั่งสบายๆเลยน้า คนอย่างโคคิเนี้ยปั่นจักรยาน
ให้นั่งเชียวนะ”
คาซึยะได้ยินก็ขำออกมา “ก็ได้ !! ไปก็ไป”
“แน่ใจเหรอว่าทำแบบนี้ดีแล้ว ถ้าเกิดเจ้าตัวเค้าไม่อยากให้รู้หล่ะ”
จุนโนะบ่นขณะที่อยู่บนรถไฟมุ่งหน้าไปโตเกียว จินนั่งนิ่งไปสักพัก
“ก็ฉันไม่รู้จะทำยังไงนี่นา ถ้าเกิดจู่ๆเจ้านั้นตายไป ฉันคงถือว่ามันเป็นความผิดของฉันเต็มๆที่
ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” จุนโนะโยกไหล่ไปมา
“นายหล่ะน้า เป็นคนดีจริงๆ แล้วผลสุดท้าย….” “อะไรอะไรก็หัวหน้าห้อง!!”
จินจงใจพูดออกมาพร้อมๆกับจุนโนะ แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะพร้อมกัน
“แล้วนายจะไปที่บ้านรึเปล่าหล่ะ “ จุนโนะถามขึ้นมา “
ไม่หล่ะ ฉันโทรไปมาแล้วพ่อเค้าไปต่างประเทศ คิดว่าจะไปที่รร.นะ “ จุนโนะหน้าเหรอ
“ไปทุกรร.เลยเหรอ เจ้านั้น ย้ายรร.เป็น10นะ “
“ไปที่แรกก่อน ที่หมอนั้นอยู่ตอนม.ต้น ถ้าได้เรื่องที่นั้น ที่อื่นก็ไม่จำเป็นต้องไปแล้วหล่ะ”
“ไหนบอกว่าจะให้นั่งจักรยานสบายๆไงหล่ะ”
คาซึยะบ่นออกมา ผิวขาวเริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดออกมา ปลายผมเปียกเหงื่อจนโชก
“เออ ก็ขึ้นเขานี่ ใครจะปั่นขึ้นได้หล่ะ แล้วตัวเองก็เดินตัวเปล่าแท้ๆ พวกฉันสามคนต้องจูง
จักรยานนะเฟ้ย อย่าบ่นมากจะได้มั้ย”
คาซึยะเข้าใจเลยที่บอกให้เตรียมผ้าขนหนูมาเพื่ออะไร
เอามือเอื้อมไปดึงผ้าขนหนูจากเป้ข้างหลัง ผูกผ้าเข้ากับคอดึงปลายผ้ามาเช็ดหน้าเป็นระยะ
มองไปข้างทาง ดอกไม้กำลังบานหลังจากฝนตก สีเขียวสดแซมด้วยดอกหญ้าเล็กๆหลากสี
สวยงามไม่มีที่ติ เจ้าพวกนี้เข้าใจหาที่เที่ยวนะ นอกจากทะเลก็ยังมีภูเขาด้วย เมืองนี้ถึงจะห่าง
ไกลความเจริญ แต่มีความงดงามแบบที่หาไม่ได้ที่ไหน
“แล้วนี่เราจะไปไหนกันน่ะ” คาซึยะถามออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ข้างบนมีลำธารเล็กๆแล้วก็น้ำตกด้วยนะ สวยมากเลย เราจะไปพักกินข้าวบนนั้นแหละ”
ทัตซึยะเป็นคนตอบ “แล้วใครทำข้าวกลางวันมา หวังว่าคงไม่ใช่พวกนายน่ะ”
คาซึยะทำหน้าแบบไม่ไว้วางใจ ถ้าเจ้าพวกนี้ทำกันมาเองจะกินได้มั้ยเนี้ย
“ไม่ต้องห่วง พระมารดาข้าพเจ้าเตรียมมาให้แล้วสบายใจได้!!”
ยูอิจิเอามือตบๆที่ท้ายจักรยานมีตระกร้าใบใหญ่ใส่ของกินมาพร้อม ถึงทางราบแล้วโคคิเรียก
ให้คาซึยะมานั่งซ้อนท้ายต่อได้ “เอ้าท่านชาย มานั่งต่อได้แล้วขอรับ”
คาซึยะยิ้มๆก่อนไปนั่งหันหลังซ้อนท้ายโคคิ
แสงแดดยามสายส่องแทรกร่มไม้ภายในป่าลงมา คาซึยะหลับตาลง เอาหัวพิงหลังโคคิ
โคคิไม่ได้ว่าอะไรยังคงปั่นจักรยานต่อไป รู้สึกสบายใจ นานแค่ไหนที่ไม่ได้ออกมาเที่ยวแบบ
นี้นะ นานจนจำไม่ได้เลย…..
“คาเมนาชิ คาซึยะ…..” อาจารย์ทวนชื่อ แล้วทำหน้าแบบไม่อยากจะพูดถึง
“เด็กคนนั้นละก็ คงต้องให้อาจารย์คาเนชิโร่ดูเรื่องให้ละมั้ง”
ชี้บอกทางให้จินกับจุนโนะไปที่ห้องดนตรี ทั้งคู่ก็มาถึงห้องดนตรี มีเด็กยังซ้อมดนตรีกันอยู่
อาจารย์หนุ่มท่าทางใจดี คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ อาจารย์หันมามอง ทั้งคู่ก็โค้งให้อย่างสุภาพ
“คาเมนาชิเหรอ เค้าออกจากรร.ไปกลางเทอมน่ะ”
อาจารย์พูดออกมาหน้าตาเหรอๆ ทั้งจินและจุนโนะพยักหน้าพร้อมๆกัน
“เอ่อ คือว่าเค้ามีปัญหาอะไร อาจารย์พอจะรู้บ้างมั้ยครับ”
“พวกเธอเป็นเพื่อนใหม่เค้าเหรอ เด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย?”
กลับเป็นอาจารย์ที่ถามกลับ
“ยังมีชีวิตดีอยู่ครับ แต่ว่าพวกเราไม่รู้เลยว่าเค้ามีปัญหาอะไรรึเปล่า ถ้าอาจารย์รู้ก็ช่วยบอก
พวกผมด้วยนะครับ”
อาจารย์พยักหน้าก่อนหันไปบอกให้เด็กๆเลิกซ้อม
แล้วจึงหันมาพูดเรื่องที่รู้ทั้งหมดให้จินกับจุนโนะฟัง
อาจารย์เดินไปเปิดตู้เก็บรางวัลเกียรติบัตรต่างๆ แล้วคว้าอัลบั้มภาพออกมาเล่มหนึ่ง
เปิดออกแล้วกางให้จินกับจุนโนะดู
ภาพคาซึยะ ช่วงม.ต้นท่าทางร่าเริง
ถ่ายคู่กับเด็กผู้ชายอีกคนท่าทางโตกว่า3-4ปีมีรอยยิ้มน้อยๆ ทั้งคู่ดูรูปแล้วก็เงยหน้าขึ้นมอง
เหมือนตั้งคำถาม อาจารย์ชี้ให้ดูที่ใต้รูปเขียนชื่อไว้ว่า
“คาเมนาชิ คาซึยะ ฮิเดอากิ ทากิซาว่า”
“นี่เป็นรูปของคาเมนาชิ ถ่ายคู่กับพี่ชายไงหล่ะ….”
ทั้งจินกับจุนโนะงง พอๆกัน คาซึยะมีพี่ชายด้วยเหรอ ไม่เคยรู้มาก่อน แต่ก็ไม่เท่ากับที่ ทั้งคู่
ใช้นามสกุลต่างกันอีกด้วย “เป็นพี่น้องกันทำไมนามสกุลต่างกันหล่ะครับ”
จุนโนะถามออกมาด้วยความสงสัย
“อันนี้อาจารย์ก็ไม่รู้นะ แต่ว่า คาเมนาชิใช้นามสกุลของพ่อ ส่วนฮิเดอากิใช้นามสกุลของแม่ ทางบ้านเค้าคงตกลงอย่างงั้นละมั้ง “
“เออ แล้วตอนนี้พี่ชายเค้าไปเรียนที่ไหนหล่ะครับ พอจะติดต่อได้ไหม!!”
จินถามเอาไว้ เผื่อว่าเสร็จจากที่นี่จะได้ไปหาพี่ชายคาซึยะต่อ อาจารย์นิ่งไปนิดหน่อย ขยับ
กรอบแว่นตาก่อนพูดออกมา
“เมื่อ 2 ปีก่อน ฮิเดอากิเสียชีวิตไปแล้ว กระโดดตึกฆ่าตัวตายที่นี่แหละ ที่สำคัญเค้ากระโดด
ลงมาต่อหน้าคาเมนาชิด้วย….”
จินรู้สึกเหมือนโดนกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านร่างกาย
พี่ชายคาซึยะตายไปแล้ว…. ฆ่าตัวตาย……ต่อหน้าคาซึยะอีกด้วย
“อ้าวอะไร !!ตะเกียบหักรึไงน่ะ เดี๋ยวนี้ตะเกียบใช้แล้วทิ้งไม่มีคุณภาพเล้ย”
ยูอิจิบ่นๆ ก่อนยื่นอันใหม่ให้คาซึยะ คาซึยะมองตะเกียบหักนั้นนิดหน่อยก่อนโยนมันทิ้งไป
อยู่ดีๆก็หักจะมีเรื่องไม่ดีอะไรรึเปล่านะ ไม่คิดดีกว่าแล้วก็หันไปเฮฮากับทุกคนต่อ
“2คนพี่น้องนะรักกันมากเลย เป็นเด็กเก่งทั้งคู่ พี่ชายเค้ามีพรสวรรค์ทางการร้องเพลงน่าดู
ส่วนน้องชายเห็นพี่ก็ทำตาม ถึงไม่ได้มีพรสวรรค์ แต่ก็ตั้งใจจนฝีมือเทียบเท่ากัน แต่ถ้าพูดถึง
นิสัยแตกต่างกันลิบลับเลยนะ ฮิเดอากิเป็นคนใจเย็นอ่อนโยน แต่คาเมนาชิเป็นคนแข็งๆ ออกก้าวร้าวนิดหน่อยถึงจะอ่อนกว่า แต่ก็ปกป้องพี่ชายได้ มีเรื่องก็หลายครั้ง ออกจะเป็นเด็กน่ากลัว มีอยู่ครั้งนึง ฮิเดอากิมีเรื่องกับเพื่อนในห้อง ก็รู้อยู่ว่าเด็กม.ปลาย กับเด็กม.ต้นต่างกันขนาดไหน แต่คาเมนาชิก็ไม่ยอมแพ้ วันต่อมาก็ไปเอาปืนมาจากไหนไม่รู้ มาจ่อหัวคนที่มีเรื่องกับพี่เค้า ตอนนั้นวุ่นวายกันมากเลย แต่บ้านเค้ารวยใช้เงินปิดเรื่องไปได้”
จินกับจุนโนะพอจะเข้าใจสภาพการณ์เคยเห็นอาการแบบนั้นมาบ้างแล้ว คราวเรียวตะ
“เอ่อ แล้วสาเหตุที่พี่เค้าฆ่าตัวตายพอจะรู้บ้างมั้ยครับ!! “
จินรีบถามให้ตรงประเด็นที่สุด หน้าอาจารย์นิ่งๆไปอีกครั้ง
“คือว่านะอาจารย์ก็ไม่รู้ละเอียดหรอก รู้แต่ว่าเหมือนพี่น้องเค้าทะเลาะเรื่องอะไรสักอย่าง แค่
นั้น แต่ที่น่ากลัวกว่าก็คือ…..”