= 12 =
ความรู้สึกของคนเป็นพ่อ
ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งก็พบใครบางคนนอนขดตัวอยู่บนพื้นข้างเตียง คนที่อยู่ในอาการงัวเงียรีบดีดตัวลุกขึ้น มองไปรอบห้องเพื่อหาสิ่งของที่พอจะขับไล่ผู้ชายคนนี้ออกไปจากห้องได้ ต่อให้ตามง้อด้วยวิธีไหนเขาจะไม่มีวันยอมยกโทษให้คนขี้โกหกหลอกลวงเด็ดขาด
ขวดน้ำดื่มที่วางอยู่บนโต๊ะถูกหยิบไปด้วยมือน้อย ๆ ผู้เป็นเจ้าของห้อง ลูกพลับเปิดฝาแล้วยิ้มมุมปาก เทมันลงตรงใบหน้าของแขกไม่ได้รับเชิญ
“แค่ก ๆ อะไรวะเนี่ย!”
“รีบออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้”
“ลูกพลับ! ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องทำเป็นห่วงผมหรอก ออกไปจากห้องก่อนที่ผมจะใช้วิธีรุนแรงมากกว่านี้”
“ได้ ๆ จะออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะ แค่เห็นมึงด่ากูได้ก็ดีใจแล้วล่ะ”
แม้จะโดนมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรแต่แทนไทก็ยังยิ้มได้ เห็นลูกพลับไม่เป็นอะไรก็ดีใจแล้ว เช้าวันนี้เป็นเช้าที่ไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนเมื่อก่อน เพราะได้เป็นตัวของตัวเอง โดนด่ายังดีกว่าถูกรักด้วยตัวตนอื่น นี่คือสิ่งที่เขาควรจะทำตั้งแต่แรก ไม่ใช่เข้ามาด้วยวิธีการโกหกแบบนั้น
“อ้วกกก”
“ลูกพลับเป็นอะไร”
“ไม่ต้องเข้ามาใกล้ ออกไปเลย”
แม้จะอยู่ในอาการไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่ลูกพลับก็ปัดมือไล่เขาให้ออกไป ทว่าแทนไทไม่ยอมหรอก เห็นเมียไม่สบายอย่างนี้ใครจะออกไปได้ลงคอล่ะ รีบพุ่งตัวเข้าไปพยุงร่างเล็ก แม้จะโดนอีกฝ่ายผลักให้ออกห่างแต่ไม่ละความพยายาม
“เดี๋ยวกูจะช่วยพยุงออกไปข้างนอก อยู่ในห้องมันอุดอู้ อากาศไม่ถ่ายเท”
“ไม่ต้อง อ้วกก”
กำลังจะอาเจียนออกมาเต็มทีแล้ว จึงรีบวิ่งออกมาจากห้องตรงไปยังห้องน้ำ สำรอกเอาของเหลวในท้องออกมาทั้งที่เช้านี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย ป้าปิ่นเห็นอย่างนั้นก็ตกอกตกใจยกใหญ่ รีบวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
“พลับเอ็งเป็นอะไร!”
“อาเจียนครับป้าปิ่น สงสัยจะแพ้ท้อง” แทนไทเป็นฝ่ายตอบเสียเอง
“ท้องมาเป็นเดือนแต่ไม่ยักจะแพ้ท้อง เช้านี้กลับแพ้ท้องซะอย่างนั้น”
“บอกเขากลับบ้านไปเดี๋ยวนี้ครับป้าผมไม่อยากเห็นหน้า”
“มึงเป็นอย่างนี้จะให้กูกลับได้ยังไงกัน มึงหายดีแล้วกูสัญญาว่าจะกลับทันที”
“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว กลับไปสิ” คนพูดยืนประจันหน้ากับแทนไทอย่างไม่ลดละ
“แน่นะ ดูหน้ายังซีดอยู่เลย ไปหาหมอดีกว่าไหม”
“ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของผม รีบกลับไปซะ”
“ก็ได้ ๆ ดูแลตัวเองให้ดีล่ะกูเป็นห่วง”
“เก็บคำว่าเป็นห่วงของคุณกลับไปด้วยเลย ผมไม่ต้องการ”
แทนไททำได้เพียงมองด้วยสายตาที่เป็นห่วง ทว่าลูกพลับหันหน้าหนีไปอีกทาง เขาจึงหันมาเอ่ยกับปิ่นวดี
“ผมกลับก่อนนะครับป้าปิ่น ฝากดูแลลูกพลับด้วย”
“ได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”
แทนไทกลับไปแล้วสองป้าหลานจึงเดินออกมานั่งที่ระเบียง ปิ่นวดีนำน้ำมาให้หลานชายพร้อมกับยาหอม หวังว่าจะทำให้อาการดีขึ้นมาบ้าง
“เรื่องเมื่อคืนเป็นมายังไงครับป้า ทำไมเขาได้มานอนในห้องผม”
“เมื่อคืนคุณแทนไทอุ้มเอ็งมาจากบ้านโน้น เลยให้พาเข้าไปในห้อง จากนั้นเขาก็ขอเป็นคนดูแลเอ็งป้าเลยอนุญาต”
“ป้าจะอนุญาตทำไม จำไม่ได้เหรอว่าเขาทำอะไรผมไว้บ้าง นี่ป้าอยู่ข้างใครกันแน่”
“ก็อยู่ข้างเอ็งน่ะสิ ที่ยอมเพราะเห็นว่าเขาเป็นห่วงเอ็งจริง ๆ ไม่งั้นคงไม่ยอมย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยหรอก แถมยังคอยช่วยเหลือต่าง ๆ นานา”
“เขาทำเพราะอยากจะแกล้งผมน่ะสิ นับจากนี้ผมจะไม่ยอมให้เขาข้ามมาบ้านเราเด็ดขาด”
“แล้วจะห้ามได้ยังไงล่ะ ในเมื่อกำแพงบ้านก็เตี้ยซะขนาดนั้น”
“ผมจะติดป้ายห้ามเข้ามา ถ้ากล้าเข้ามาเหยียบแม้แต่ก้าวเดียวผมจะแจ้งตำรวจมาจัดการ”
“เฮ้อ! แล้วแต่เอ็งละกันป้าไม่ยุ่งหรอก แล้วเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง เริ่มมีอาการแพ้ท้องอย่างนี้แล้วคงจะทำงานไม่ไหวแน่ ๆ ช่วงนี้ป้าว่าปิดร้านไปก่อนไหม ยังไงเอ็งก็ไปส่งไม่ได้หรอก”
“ผมไหวครับป้า”
“ไม่ได้หรอก ป้าไม่ยอมให้เอ็งขับรถอีกแน่ เงินทองเราก็พอมีใช้อยู่ไม่จำเป็นจะต้องดิ้นรนอะไรหรอก”
“ไม่ได้หรอกครับป้า อีกหน่อยผมก็จะคลอดลูกแล้ว ผมไม่อยากเป็นภาระใคร อยากจะใช้เงินเก็บของตัวเองจะสบายใจกว่า”
“ทางโน้นเขาจะจ่ายให้ หลานทั้งคนเขาไม่ทิ้งขว้างหรอก”
“ผมจะไม่รับความหวังดีจากบ้านโน้นแล้ว ผมจะยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง คนอื่นท้องใกล้คลอดยังทำงานถมเถไป ทำไมผมจะทำอย่างนั้นไม่ได้”
“ก็แล้วแต่เอ็งละกัน ถ้างั้นป้าไปทำกับข้าวก่อน ไปอาบน้ำอาบท่าจะได้รู้สึกสดชื่นขึ้น”
“ครับป้า”
เมื่อนั่งอยู่เพียงลำพังก็หวนให้นึกถึงเรื่องเมื่อคืนอีกครั้ง จู่ ๆ น้ำตามันก็ไหลบ่าลงมา เจ็บเหลือเกินกับการถูกหลอกครั้งใหญ่ในชีวิต ถูกแทนไทต้มซะจนเปื่อยไม่มีชิ้นดี เผลอมอบหัวใจให้นายโตคนนั้นไปแล้ว แต่เมื่อรู้ว่าทั้งสองคือคนเดียวกันแทบล้มทั้งยืน โกรธก็โกรธอยู่หรอก ทว่าจะให้เกลียดมันทำไม่ได้แล้ว ความรักที่มอบให้โตมันยังคงอยู่ในใจดวงน้อยนี้ ทำไมนะคนที่เคยไร้หัวใจอย่างแทนไท พอมาแสร้งทำเป็นดีกลับคว้าหัวใจของเขาไปได้เร็วอย่างนี้
*-*-*-*-*-*-*
หลังจากวันนั้นก็มีป้ายขนาดใหญ่มาติดเอาไว้ตรงรั้วบ้าน มีใจความว่าห้ามคนที่ชื่อแทนไทข้ามเขตมาโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่คนอย่างแทนไทมีหรือจะกลัว เดินข้ามรั้วมาอย่างไม่เกรงกลัวใด ๆ แถมมาพร้อมกับอาหารบำรุงร่างกายสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์จำนวนมาก วางไว้บนเตียงไม้ไผ่หน้าเรือนไทย ก่อนจะทักทายเจ้าโชคดีที่รีบวิ่งแจ้นเข้ามาหา กระดิกหางยิก ๆ อย่างรู้งาน เพราะคิดว่าผู้ชายคนนี้มีของกินมาให้เหมือนเช่นทุกวัน
“ว่าไงเจ้าโชคดี วันนี้เจ้านายของเอ็งอารมณ์ดีไหมวะ”
จะว่าไม่กลัวก็ไม่ใช่ ช่วงหลังมานี้ปิ่นวดีบอกว่าลูกพลับอารมณ์แปรปรวนบ่อย ๆ วีนเหวี่ยงอารมณ์เสียเก่งเป็นที่หนึ่ง แม้กระทั่งบางครั้งยังหงุดหงิดใส่ผู้เป็นป้าด้วยอีกต่างหาก ได้ยินอย่างนั้นเขาจึงทำใจมาบ้างแล้วว่าจะต้องเจอกับอะไร
“อ้าวคุณแทนไท ยังกล้ามาอีกเหรอคะ ไม่กลัวว่าไอ้พลับมันจะไล่ตะเพิดหรอกหรือ”
“กลัวคงไม่มาครับ ผมไม่ยอมแพ้หรอก จะต้องเอาชนะใจหลานชายป้าปิ่นให้ได้”
ในระหว่างทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้นก็มีเสียงบุคคลที่สามดังแทรกเข้ามา
“ป้าปิ่นครับ เห็นกุญแจรถมอไซค์ไหม”
ยังไม่ทันที่ปิ่นวดีจะตอบกลับไป ลูกพลับก็ต้องชะงักฝีเท้า ยืนจ้องมองแขกไม่ได้รับเชิญตาขวาง ทำเป็นเมินราวกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตน เดินเข้ามาใกล้ผู้เป็นป้า
“เอ็งลืมเสียบไว้ที่รถหรือเปล่าลองไปหาดู แล้วจะไปไหนล่ะ”
“ผมอยากกินส้มตำเผ็ด ๆ น่ะครับป้า ว่าจะขับออกไปซื้อในหมู่บ้าน”
“อ้อ งั้นก็ขับรถดี ๆ ล่ะ”
“ครับ อ้อ แล้วก็อย่าลืมไล่หมูไล่หมาแถวนี้กลับไปด้วยนะ เห็นแล้วผมอยากจะอ้วก”
“เดี๋ยวกูไปซื้อให้ดีกว่า” คนที่ยืนเป็นส่วนเกินรีบอาสาด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
ลูกพลับหรี่ตามองแวบหนึ่งแล้วเดินผ่านหน้าไปอย่างไม่สนใจ แต่มีหรือที่แทนไทจะยอม รีบเดินตามหลังไปจนถึงรถที่จอดอยู่ ลูกพลับรีบคร่อมรถเตรียมจะสตาร์ตเครื่อง แต่แล้วก็มีใครบางคนมานั่งซ้อนหลัง
“เอ๊ะ! ลงไปเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่ลง กูไปด้วย”
“มันจะมากไปแล้วนะ คุณไม่มีสิทธิ์แม้จะย่างกรายเข้ามาบ้านหลังนี้ ผมไม่โทรเรียกตำรวจก็เป็นบุญของคุณมากแล้ว ลงไป! ก่อนที่ผมจะโมโหไปมากกว่านี้”
“มึงนั่นล่ะลงไป เดี๋ยวกูจะไปซื้อมาให้เอง”
“ไม่ลง! นี่มันรถผม และผมก็ไม่ต้องการความหวังดีจากคุณด้วย”
“งั้นก็ไปด้วยกัน”
แทนไทกักร่างเล็กเอาไว้ด้วยวงแขนแกร่งซึ่งกำลังจับแฮนด์รถ เขยิบก้นเข้าไปอีกเล็กน้อยเพื่อให้ถนัดในการขับ คนที่นั่งอยู่ด้านหน้าพยายามดิ้นรนขยับตัวแรง ๆ จนรถโอนเอนไปมาจวนจะล้ม จนคนที่นั่งซ้อนหลังต้องส่งเสียงดุก่อนจะเจ็บตัวกันเสียก่อน
“หยุดได้แล้วเดี๋ยวก็ล้มกันพอดี”
“ล้มก็ดีจะได้แท้ง คุณจะได้เลิกมายุ่งวุ่นวายกับผม” ความโกรธทำให้ลูกพลับเผลอหลุดปากพูดสิ่งไม่ควร พอตั้งสติได้ก็รู้สึกผิดในใจ เขาไม่ควรพูดแช่งลูกตัวเองอย่างนี้
“ทำไมพูดอย่างนี้! รู้ไหมว่าตัวเองกำลังแช่งลูก” แทนไทกล่าวเสียงดุไม่ผิดแปลกจากใบหน้าที่เข้มขรึม จ้องมองคนที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างเอาเรื่อง
“ผมไม่ได้แช่งแค่อยากจะประชดคุณ ถ้าไม่อยากให้ผมพูดก็ลงไปซะ”
“ไม่”
พูดแค่นั้นก็สตาร์ตเครื่องทันที เข้าเกียร์แล้วขับออกไปจากหน้าบ้าน บังคับรถให้แล่นตามถนนลูกรังสายเล็ก ๆ เพื่อมุ่งหน้าไปยังที่เจริญกว่า ในระหว่างทางไม่มีใครกล่าวคำใด ต่างฝ่ายต่างก็มีโทสะเกิดขึ้นในใจ แต่ดูเหมือนว่าคนที่แสดงออกชัดเจนกว่าเป็นแทนไท เขาโมโหที่ลูกพลับพูดราวกับอยากจะให้ลูกในท้องตายไป เพื่อไม่ให้เขาได้เข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิตอีก หารู้ไม่ว่าถึงไม่มีลูกก็จะเข้ามาปั่นป่วนชีวิตคนคนนี้อยู่ดีนั่นล่ะ
“ทำไมต้องมายุ่งวุ่นวายกับผมอีก”
“ก็อยากยุ่งจะทำไม ผัวจะยุ่งกับชีวิตเมียตัวเองมันผิดด้วยเหรอ”
“ผมไม่ใช่เมียคุณและจะไม่มีวันเป็น”
“ถึงมึงจะไม่ใช่เมียกูแต่กูก็เป็นผัวมึงนะ ตอนนี้กูกำลังโกรธที่มึงพูดเรื่องแท้ง มึงต้องง้อกู”
ได้ยินอย่างนั้นลูกพลับก็แค่นยิ้มออกมาด้วยความเหลืออด มีสิทธิ์อะไรมาสั่ง มีสิทธิ์อะไรมาอ้างว่าเป็นผัว ทำอย่างกับตัวเองสำคัญอย่างนั้นล่ะ
“คิดว่าตัวเองเป็นใครที่ผมจะต้องง้อ จอดข้างหน้านี้ล่ะถึงแล้ว”
“กูไม่อยากให้กินเลย ถ้ามึงท้องเสียขึ้นมาล่ะจะทำยังไง ไม่สงสารลูกบ้างเหรอ”
“ลูกผมไม่ต้องมายุ่ง ถ้าไม่จอดผมจะกระโดดลงคอยดู”
“เออ ๆ จอดก็จอด”
ในที่สุดแทนไทก็ต้องเลี้ยวจอดข้างทาง ร้านส้มตำไก่ย่างร้านนี้เป็นร้านโปรดที่ลูกพลับเพิ่งจะตีซี้กับเจ้าของได้ไม่นาน ซึ่งเป็นคนมหาสารคามแท้ ๆ เมนูจึงเป็นสูตรอีสานดั้งเดิม รสชาติจัดจ้านถูกปากแซ่บอีหลี
“อ้าวหนูพลับ วันนี้เอาอะไรดีจ๊ะ”
“เอาตำป่าเผ็ด ๆ เลยนะครับป้าแป๋ว”
“จัดไปจ้า ช่วงหลังมานี้กินเผ็ดขึ้นเยอะเลยนะ”
“ช่วงนี้ผมเจริญอาหารน่ะครับป้า งั้นผมไปเลือกไก่ย่างก่อนนะครับ”
กำลังจะเดินไปยังเตาไก่ย่างที่ตั้งอยู่หน้าร้าน ก็ได้ยินแทนไทส่งเสียงเอ่ยกับแม่ค้า
“ป้าครับ เอาไม่ต้องเผ็ดมากนะครับ”
“สั่งใหม่หรือครกเดียวกันจ๊ะ”
“ครกเดียวกันครับ”
“เอ๊ะคุณ! จะมายุ่งวุ่นวายทำไม ไปยืนรอที่รถโน่น” ลูกพลับถลึงตามองพลางชี้มือไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่
“ก็นายกำลังทะ...”
“หยุด!” ลูกพลับต้องชี้หน้าขู่เอาไว้เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง ผู้ชายตั้งท้องมันไม่ได้มีบ่อยนักหรอก กลัวว่าคนอื่นจะตื่นตกใจและเอาเรื่องของเขาไปพูดกลายเป็นเรื่อง Talk of the town
“ช่วงนี้มึงต้องดูแลสุขภาพให้มาก ๆ อย่ากินอาหารรสจัดและต้องกินของที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพรู้ไหม” ว่าแล้วก็หันไปสั่งแม่ค้าอีกที “เอาตามที่ผมสั่งครับป้า ช่วงนี้แฟนผมท้องไม่ค่อยดี ไม่อยากให้กินเผ็ดมากครับ”
“อ้อ ป้าเข้าใจแล้วจ้า ที่แท้ก็เป็นแฟนหนูพลับนั่นเอง ว่าจะถามตั้งแต่เดินเข้ามาด้วยกันแล้ว”
“ไม่ใช่แฟนสักหน่อยครับป้าแค่คนเคยรู้จัก” คนพูดทำหน้างองุ้มจ้องหน้าแทนไทอย่างคาดโทษ เดินตรงไปยังเตาไก่ย่างที่ตอนนี้ถูกย่างเอาไว้จำนวนหนึ่งแล้ว
แทนไทยิ้มให้ป้าเจ้าของร้านแล้วเดินตามไปยืนซ้อนหลัง มองภาพที่ลูกพลับกำลังจับไม้ไก่ย่างพลิกไปมาตัดสินใจว่าจะเลือกไม้ไหนดี เห็นร่างเล็กเลือกไก่ย่างที่มีบางส่วนไหม้เกรียมก็รีบจับมือน้อย ๆ เอาไว้ทันที
“อย่าเอาไม้นั้นเห็นไหมว่ามันไหม้ มันไม่ดีต่อสุขภาพ แล้วมันก็เยิ้มขนาดนี้กินเข้าไปได้ยังไง เอาเนื้อ ๆ สิ”
ลูกพลับถอนหายใจ เงยขึ้นมองหน้าเขาด้วยความหงุดหงิด แต่ดูเหมือนว่าสายตาของแทนไทสนใจเพียงไก่ย่างเท่านั้น
“ไอ้นั่นก็ไม่ดีไอ้นี่ก็ไม่ได้ สรุปคือจะไม่ให้ผมกินอะไรเลยเหรอ ชีวิตผม ปากผม ท้องผม จะกินอะไรทำไมคุณต้องมาเสือกด้วย แค่ให้มาด้วยก็อึดอัดจะแย่แล้ว อย่ามาสร้างปัญหาให้ได้ป่ะ”
“ไม่ได้! ทุกอย่างต้องผ่านกูหมด มึงกับลูกจะต้องได้รับแต่สิ่งดี ๆ เท่านั้น เข้าใจนะ”
“ผมไม่สำนึกบุญคุณหรอกนะ ไม่ต้องมาทำเป็นดีด้วยหรอก ชาตินี้ทั้งชาติไม่มีทางญาติดีด้วย”
“กูรู้ว่ามึงปากกับใจไม่ตรงกัน มึงบอกรักกูเองจำไม่ได้เหรอ แต่ก่อนก็เคยพูดจากันดี ๆ นี่นาแล้วทำไมตอนนี้จะทำอย่างนั้นไม่ได้” คนพูดแสดงสีหน้ายียวนกวนประสาท แล้วคว้าเอาไก่ย่างสองไม้ที่คิดว่าดีที่สุดแล้วตรงไปให้แม่ค้าใส่ถุงให้
ลูกพลับเดินตามหลังไปติด ๆ พยายามจะหาเรื่องให้ได้ เขาไม่มีทางยอมหรอก ก็ตอนนั้นแทนไทปลอมตัวเป็นนายโตผู้น่าสงสารและมีน้ำใจเป็นที่หนึ่ง ใครได้อยู่ใกล้ก็ต้องหวั่นไหวกันทั้งนั้นล่ะ
“ก็ตอนนี้คุณไม่ใช่พี่โต”
“ไม่ใช่ได้ยังไงกันก็คนเดียวกัน”
“แต่มันไม่ใช่ไง คุณหลอกผมยังจะกล้าเอาพี่โตมาอ้าง”
“แล้วพี่โตของมึงคือกูไหมล่ะ”
“ก็ใช่ แต่นิสัยไม่เหมือนกัน”
“ถ้างั้นกูจะเปลี่ยนนิสัยให้เป็นเหมือนพี่โตของมึงโอเคไหม มึงจะได้มองกูดีขึ้นบ้าง”
“ไม่จำเป็น พี่โตไม่มีตัวตนตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้คุณทำดีแทบตายผมก็ไม่มองคุณดีหรอก”
“เอ่อ...ทั้งหมดร้อยยี่สิบบาทจ้ะหนูพลับ อย่าหาว่าป้าสอนเลยนะ เป็นแฟนกันก็อย่าใช้อารมณ์ให้มากนักเลย ค่อยพูดค่อยจากันก็ได้ เดี่ยวมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมานะ”
“ผมเกลียดเขาครับป้า เกลียดที่สุดในโลก อ่ะนี่เงินไม่ต้องทอนนะครับ”
ลูกพลับยื่นเงินให้กับป้าเจ้าของร้านแล้วคว้าเอาถุงส้มตำไก่ย่างและข้าวเหนียวร้อน ๆ ติดมือเดินออกไปจากร้านด้วยสีหน้างองุ้ม เดินดุ่ม ๆ มุ่งหน้ากลับบ้าน
“อ้าว! จะเดินไปทำไมล่ะ” แทนไทตะโกนตามหลังไป
“รีบตามไปง้อแฟนเถอะพ่อหนุ่ม งอนอย่างนี้สงสัยคืนนี้ได้นอนนอกห้องแน่ ๆ สู้ ๆ นะป้าเอาใจช่วย”
“ขอบคุณครับป้า งั้นผมกลับแล้วนะครับ”
“จ้า คุยกันดี ๆ ล่ะ”
แทนไทรีบสตาร์ทเครื่องแล้วขับช้า ๆ ตามหลังไปจนถึงตัวแล้ว แต่ถึงกระนั้นลูกพลับยังไม่ยอมหยุดเดิน แทนไทจึงทำได้เพียงขับรถไปอย่างช้า ๆ พร้อมกับพยายามเกลี้ยกล่อม
“มึงขึ้นรถเร็ว เดี๋ยวก็ได้เป็นลมเป็นแล้งกันพอดี แดดยิ่งร้อน ๆ อยู่ด้วย”
“ไม่ขึ้น”
“แล้วจะเดินไปอย่างนี้น่ะเหรอ มันไกลนะเว้ย”
“ไกลก็เรื่องของผมคุณจะไปไหนก็ไป”
“มึงโกรธอะไรกูนักหนาวะแค่อยากเลือกสิ่งดี ๆ ให้เท่านั้นเอง”
“สิ่งดี ๆ ของผมคือการไม่มีคุณ”
“เฮ้อ! งั้นมึงขับกลับก็ได้เดี๋ยวกูเดินเอง” ได้ยินอย่างนั้นลูกพลับก็หยุดฝีเท้าแล้วหันมาทำหน้ายักษ์ใส่
“ถ้างั้นก็ลงมาสิผมจะขับกลับไปเอง”
“เออ ๆ ลงก็ลง เพื่อเมียกูทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วล่ะ” คนพูดรีบจอดรถแล้วลงมายืนอยู่ข้าง ๆ
ส่วนลูกพลับก็รีบเอาของไปวางไว้หน้าตะแกรงรถแล้วขับกลับบ้านไปทันที แทนไทได้แต่ยืนมองตามหลัง ส่ายหน้าเบา ๆ เขาเข้าใจแล้วว่าอารมณ์แปรปรวนของคนท้องมันเป็นอย่างไร รอยยิ้มที่ฉายบนใบหน้าหล่อ บ่งบอกว่าเขามีความสุขกับการได้อยู่ใกล้เด็กคนนี้มากแค่ไหน ถึงจะไม่ได้รับน้ำใจแต่ขอให้ได้ดูแลก็พอใจแล้ว
...นี่คือความรู้สึกของคนที่กำลังจะเป็นพ่อคนสินะ