อยากบอกว่าชอบเธอ
โรมิโอแอนด์จูเรียต มหากาพย์ความรักอันยิ่งใหญ่ที่จบลงด้วยความเศร้า บทประพันธ์อันเลื่องชื่อของวิลเลียม เชกสเปียร์ที่ถูกเลือกมาเป็นคะแนนวิชาภาษาอังกฤษของเด็ก ม.6 ยกชั้น
ละครภาษาอังกฤษที่จะเปิดแสดงในวันคริสต์มาสนี้
ผมเป็นพวกไม่เก่งภาษาอังกฤษเท่าไรแม้จะเรียนสายศิลป์ก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้รับบทเล็กๆ น้อยๆ ในการแสดงครั้งนี้ เป็นบทคนที่ไปร่วมงานเลี้ยงเดินผ่านไปผ่านมาโดยไม่ต้องพูดอะไร
ดีใจสุดๆ ไปเลยที่ได้รับบทนี้
แม้จะเลยเวลาเลิกเรียนมาพอสมควรแล้วแต่ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดเข้ามาทำให้ทุกคนต้องอยู่จัดการทุกอย่างให้พร้อมสำหรับการแสดงในวันพรุ่งนี้ วันคริสต์มาสที่นานๆ ทีทางโรงเรียนจะเล่นใหญ่ให้นักเรียนได้สนุกสนานกับเทศกาลนี้สักครั้ง
นักเรียน ม.6 กว่าร้อยชีวิตขังตัวเองอยู่ในหอประชุมเพื่อจัดเตรียมงาน คริสต์มาสปีนี้จึงกลายเป็นปีที่ยิ่งใหญ่อลังการกว่าทุกครั้ง ด้วยความประสงค์ของอาจารย์ชาวต่างชาติที่อยากให้นักเรียนทุกคนร่วมมือร่วมใจกันสร้างผลงานก่อนจะแยกย้ายกันไป แต่เชื่อได้เลยว่าถ้าไม่มีคะแนนของรายวิชามาเกี่ยวข้องพวกนักเรียนก็คงไม่ตั้งใจกันขนาดนี้หรอก
นักแสดงซ้อมกันบนเวที ฝ่ายฉากส่วนหนึ่งนั่งทาสีกันอยู่บนพื้น อีกส่วนหนึ่งกำลังนำฉากที่ทำเสร็จแล้วมาจัดวางบนเวที พวกคอสตูม ผู้กำกับเวทีก็ยืนดูคอยชี้แนะนู่นนั่นนี่กันไป ส่วนผมเสร็จงานแล้วครับ หมดหน้าที่ของตัวเองก็มายืนดูพระเอกนางเอกเค้าเข้าฉากกัน
ซ้อมใหญ่รอบแรกจบไปหลายคนก็มานั่งพักกินขนมกันหน้าเวที จะมีก็แต่ฝ่ายฉากที่ยังนั่งทำงานกันงกๆ เพราะฉากสำคัญยังไม่เสร็จ
"พักกันก่อนก็ได้นะ"
ผมหยิบขนมกับน้ำสองถุงใหญ่ไปวางไวให้ฝ่ายฉากซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กห้องผมเกือบครึ่ง
และหนึ่งในนั้นก็มีใครบางรวมอยู่ด้วย
"ใกล้เสร็จแล้ว จะได้จัดฉากให้เสร็จแล้วซ้อมใหญ่อีกรอบ" ใบเฟิร์น สาวตัวสูงหุ่นบอบบางแม่งานฝ่ายฉาก ปากพูดแต่ตายังคงจดจ่ออยู่กับงาน
"ไอ้นิว กูอยากฟังเพลง ได้ยินแต่พวกมึงบ่นอะไรไม่รู้กันบนเวทีกูล่ะปวดหัว" เล็ก เพื่อนในกลุ่มผมมันบ่น มันไม่เก่งภาษาอังกฤษอย่างรุนแรงหรือเรียกว่าโง่บรมยังได้เลยมาอยู่กับฝ่ายฉากแต่ก็วาดรูปทาสีอะไรกับเขาไม่เป็นอีก หน้าที่ของมันจึงเป็นพวกใช้แรงงาน พูดง่ายๆ คือยกฉาก
"กูเอากีตาร์มา มึงจัดเลย" เพื่อนผมอีกคนช่วยผสมโรงพลางพยักพเยิดหน้าไปยังกระเป๋ากีตาร์ที่วางกองๆ รวมกับกระเป๋าข้างห้องประชุม
ผมเป็นพวกมีดนตรีในหัวใจครับ ร้องเต้นเล่นดนตรีได้หมด ช่วงเวลาพักจากกิจกรรมก็ชอบตั้งวงดีดกีตาร์ร้องเพลงกันอยู่บ่อยๆ แต่ยังไงก็ต้องถามความเห็นเพื่อนๆ ก่อน ตอนนี้ไม่ได้มีแค่ห้องผมอย่างเดียวไง
"ใครอยากฟังเราร้องเพลงบ้าง"
"เอาเลยๆ"
"จัดมา"
ผมมองไปรอบๆ กลุ่มเพื่อนฝ่ายฉากที่พากันเห็นด้วย แต่กับคนที่ผมอยากได้คำตอบดูเหมือนว่าจะไม่ได้ใส่ใจนักแค่เงยหน้าขึ้นมายิ้มบางๆ แล้วไม่ได้ยิ้มให้ผมด้วยนะเหมือนหันไปคุยกับเพื่อนมากกว่าแล้วก็กลับไปทาสีต่อ
แบบนี้แหละครับอารมณ์คนแอบชอบ สนใจเขาแต่เขาไม่สนใจตอบ
เมื่อส่วนใหญ่เห็นด้วยผมเลยลุกไปหยิบกีตาร์ก่อนกลับมานั่งรวมกับกลุ่มพวกใช้แรงงานจะได้ไม่ไปกีดขวางการทำงานของฝ่ายฉาก
"เอาเพลงไรดี"
"เพลงอะไรก็ร้องมาเหอะ เพราะหมดแหละมึงร้องอ่ะ" ไอ้คนที่นั่งข้างผมร้องบอก มันคว้าถังสีเปล่ามาเตรียมเคาะเข้าจังหวะแล้ว
"งั้น..."
ผมลากเสียงยาวมองเข้าไปในกลุ่มฝ่ายฉากตรงจุดที่ใครบางคนกำลังนั่งทาสีอยู่ แต่เหมือนผมจะตั้งใจมองไปหน่อยล่ะมั้งอีกฝ่ายเลยเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน พร้อมกับยิ้มหวานๆ ที่ส่งมาให้
หมดกัน...ใจสั่นแล้วมั้ยล่ะ
ผมแอบกลั้นยิ้มก้มหน้าลงมองคอร์ดหนีรอยยิ้มกับสายตาหวานๆ ที่อีกฝ่ายคงส่งให้มาแบบไม่ได้ตั้งใจแต่โดนใจกันเต็มๆ
เสียงกีตาร์โปร่งดังขึ้นพร้อมกับเสียงงึมงำของผม เสียงร้องเบามากจนโดนไอ้คนที่นั่งข้างๆ มันด่าเข้าให้
อยู่ๆ ก็เขินขึ้นมาอย่างมีสาเหตุ
"อาจดูกวนตา...ไปหน่อย และอาจใช้ถ้อยคำ...ไม่ค่อยเป็นนัก
แต่ไอ้คำว่ารัก...ที่ฉันมี มันอยากจะให้เธอ...ไม่รู้จะได้ไหม"
"เออิเยเฮเอ เย้เฮ...เออิเยเฮเอ"
เสียงเพื่อนๆ ที่นั่งล้อมวงกันอยู่ช่วยร้องคอรัดกันอย่างคึกครื้น บางคนก็ร้องคลอตามผมไปด้วย เขาคนนั้นที่ผมแอบมองอยู่ก็นั่งทาสีไปยิ้มไป หวังว่าเขาจะชอบเพลงนี้นะ
"ก็เธอดูดี...ดูเด่น ก็ยกให้เธอเป็น...เช่นนางฟ้า
ไอ้คนอย่างฉันมันเลยกลัวๆกล้าๆ อย่างเก่งก็สบตาไม่กล้าจะบอกไป"
ร้องไปยิ้มไป ร้องไปก็มองคนที่นั่งอยู่เยื้องๆ กันไป และยิ่งรู้สึกเขินไปกันใหญ่เมื่อเขาคนนั้นมองกลับมา
เขาจะสงสัยมั้ยนะว่าเพลงนี้...ผมตั้งใจร้องให้เขา
"มีบางอย่างที่ค้างอยู่ในใจ อยากให้เธอได้ฟัง"
"เออิเยอิเฮ้ อยากบอกว่าชอบเธอ ไม่รู้ว่าเธอได้ยินแล้วเธอจะคิดยังไง
เฮเฮ้ อยากบอกว่ารักเธอ ไอ้ฉันมันพูดจริงไม่ได้เพ้อไป
เออิเยอิเฮ้ อยากบอกว่าชอบเธอ ไม่รู้ว่าเธอได้ยินแล้วเธอจะคิดยังไง
เฮเฮ้ อยากบอกว่ารักเธอ อยากรู้ในคำตอบ ก็ลุ้นให้เธอมีใจเหมือนกัน"
พอถึงท่อนฮุกหลายคนก็ช่วยกันประสานเสียงสนุกสนานกันไป เพลงนี้ค่อนข้างเก่าแล้วแต่คนส่วนใหญ่ก็ยังฟังกันอยู่ ความหมายดีฟังสบาย แต่ไม่รู้คนที่อยากให้ฟังเนี่ย จะรู้ตัวหรือยัง
จบเพลงแรกฉากสำคัญที่จะใช้ในละครก็เสร็จพอดี ฝ่ายฉากเลยพากันลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายหยิบขนมไปนั่งกินยังไม่มีท่าทีว่าจะยกฉากขึ้นไปจัดบนเวทีแต่อย่างใด
ช่วงนี้พักเบรกครับ งั้นมาเริ่มเพลงต่อไปกันดีกว่า
"ต่อไปเอาเพลงอะไรดี"
"แล้วแต่มึงเลยครับเพื่อน เอาให้เต็มที่ นั่งมองกันไปกันมาอยู่ได้กูเริ่มรำคาญละ"
"มึงพูดไรเนี่ย" ฟังไอ้เล็กพูดแล้วร้อนตัวขึ้นมาทันทีเลยครับ มันพูดถึงอะไร คืออะไร ใครมองกันไปมองกันมา อย่าบอกนะว่ามันเห็น เฮ้ย! ผมกับเขาไม่ได้มองกันบ่อยขนาดนั้นนะ
"เกียร์อยากร้องเพลงไร" อยู่ๆ ไอ้เล็กมันก็โยนคำถามไปให้เขาเฉย
ก็ 'เกียร์' ที่มันพูดถึงคือคนคนเดียวกับที่ผมแอบมองอยู่นั่นแหละ
เพื่อนคนอื่นๆ ดูเห็นด้วยกับไอ้เล็กเลยพากันเชียร์ให้เกียร์เลือกเพลงมาร้องต่อ แต่คนที่โดนมันโยนภาระไปให้กำลังทำหน้าเหลอหลาโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
"เกียร์ร้องเลย นิวเล่นกีตาร์ให้ใช่ป่ะ" แม่งานใบเฟิร์นสนับสนุนเต็มที่ก่อนหันมาถามผมที่รีบพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว
"แล้วจะให้ร้องเพลงไรอ่ะ" คนถามดูเขินๆ หันไปถามขอความเห็นจากเพื่อน
ผมเองก็ไม่เคยเห็นเกียร์ร้องเพลงเหมือนกัน คงเพราะนิสัยส่วนตัวที่ดูขี้อายด้วยล่ะมั้ง เอาจริง โคตรอยากฟังเลย
"เพลงอะไรก็ร้องไปเถอะ เพลงเมื่อกี้นิวมันร้องถาม เพลงนี้แกก็ร้องตอบมันไป"
อึ้งแดกครับ! ขอประทานโทษเถอะเพื่อนเล็ก เพื่อนใบเฟิร์น พวกมึงพูดอะไรกัน!
"ร้องตอบอะไร" เป็นเกียร์ที่ถามออกมาเสียงเบาหวิว หูเริ่มแดง แก้มขาวๆ เริ่มขึ้นสีนิดๆ อย่าวาแต่เขาเลยผมก็เขินเหมือนกันเลยได้แต่นั่งเงียบๆ สงบปากสงบคำไว้
ไอ้เพื่อนพวกนี้มันรู้ด้วยเหรอวะว่าผมแอบมองเกียร์อยู่
"โอ้ย! พวกมึงครับ จะจบ ม.6 แล้วจะทำอะไรก็รีบทำ มองกันไปมองกันแบบนี้อดแดกไม่รู้นะครับ"
ไอ้เล็ก! ไอ้เพื่อนเลว! แม่งรู้! แล้วไม่ได้รู้คนเดียวด้วยนะ เหมือนจะรู้กันทั้งวงนี่แหละ เล่นทำหน้ากรุ้มกริ่มพยักหน้าเห็นด้วยกันใหญ่
ส่วนเกียร์หน้าแดงเหมือนคนเป็นไข้ไปแล้ว คนขี้อายแบบนั้นโดนแซวแบบนี้ย่อมเขินเป็นธรรมดา ไม่สิ ไม่ธรรมดา เขินมากด้วย และเมื่อมองย้อนกลับมาที่ตัวผมเอง สภาพก็ไม่ต่างกัน
"เอ้าเร็วๆ จ้า จะได้ไปจัดฉากต่อ คู่นี้เด่นกว่าโรมิโอกับจูเรียตแล้วเนี่ย"
โดนใบเฟิร์นเร่งเกียร์ยิ่งทำท่าเลิ่กลั่กหันมามองผมแล้วก็หลบตา ก็หลบกันไปหลบกันมาแบบนี้สินะเพื่อนมันถึงได้รู้
เห็นเกียร์ทำตัวไม่ถูกแล้วก็อดสงสงสารไม่ได้ แต่ผมก็ไม่ใช่คนใจดีเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวเพื่อมาบอกว่า 'เกียร์ไม่ต้องร้องเพลงแล้วก็ได้' อะไรเทือกนั้นหรอกนะ ใจคนมันชอบก็อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะว่ายังไง เพลงที่จะร้องตอบกลับมาคือเพลงอะไร แค่คิดก็ตื่นเต้นจนเหงื่อเริ่มออกมือ
"งั้น..." เกียร์ลากเสียงยาวทำทั้งวงเงียบกริบ
คนที่ยังหน้าแดงสูดลมเข้าปอดหนึ่งครั้งก่อนผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง หันมามองผมที่เป็นมือกีตาร์ก่อนเอ่ยชื่อเพลงออกมา
"เพลงมั้ง เล่นได้มั้ย"
"ฮิ้ว!!~"
เท่านั้นแหละเสียงโห่ร้องจากกองเชียร์ก็ดั่งสนั่น เราสองคนต่างก้มหน้าลงเหมือนอยากจะหลบออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ผมไม่รู้นะว่าตอนนี้เกียร์กำลังทำหน้ายังไงแต่ผมหุบยิ้มไม่ได้เลย
แม่งเอ้ย! ฉากแบบนี้มันเหนือความคาดหมายไปป่ะวะ
รอให้เสียงเพื่อนๆ เริ่มเบาลงไอ้เล็กมันก็เคาะกระป๋องสีให้จังหวะและเมื่อเสียงกีตาร์ดังขึ้นทั้งหอประชุมก็เงียบสนิท ตามด้วยเสียงนุ่มๆ ที่ฟังดูขัดเขินหากแต่ไพเราะขับกล่อมเป็นเพลงขึ้นมา
"ตั้งแต่วันที่ฉันนั้นได้พบ ได้เจอะกับเธอจากวันนั้นชีวิตของฉันก็ไม่เหมือนเก่า
วันเเละคืนที่เคยต้องเงียบเหงาวันคืนที่ฟังแต่เพลงเศร้า นั้นก็จบไป
เปลี่ยนเป็นคนละคน เปลี่ยนใจไปทั้งใจ
เปลี่ยนให้ฉันกล้าพูดคำที่ยากๆ ให้ออกมากจากข้างใน
จะบอกว่ารักเธอ จะบอกว่าหลงเธอ
เพื่อที่จะปลดความรู้สึกข้างในใจและปล่อยมันออกไปให้เธอฟัง
จะบอกว่ารักเธอ จะบอกว่าคิดถึงทุกวันแต่ไม่รู้เป็นอะไร เมื่ออยู่ใกล้ เธอเท่าไร
พูดได้แค่รักเธอ...มั้ง"
ไม่รู้ทำไมพอเกียร์ร้องทุกคนถึงได้เงียบฟังกันอย่างตั้งอกตั้งใจ เอาจริงๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าพวกมันตั้งใจฟังกันจริงหรือเปล่าเพราะผมก็มัวแต่มองหน้าคนร้องไปยิ้มไป แต่พอร้องจบเท่านั้นเสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นอีกรอบ
"เอาล่ะครับ คุยต่อกันเองนะ พวกกูเอาฉากไปจัดก่อน" ไอ้เล็กตบบ่าผมปุๆ ก่อนลุกขึ้นไปยกฉากปล่อยให้ผมอ้าปากพะงาบๆ จะรั้งมันไว้ก็ไม่ทันการแถมมันเล่นลุกกันไปทั้งวง
เกียร์เองก็ลุกตามเพื่อนไปเหมือนกันครับแต่พอเดินผ่านผมกลับโดนผลักไสและบังคับให้นั่งลงข้างกันซะงั้น ไหนจะมีคำสั่งจากแม่งานใบเฟิร์นตบท้ายอีก
"งานแกเสร็จแล้วนั่งอยู่นี้แหละเกียร์ ส่วนนิว ถ้าจะเริ่มซ้อมเมื่อไรเดี๋ยวมาเรียก" สั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแล้วก็เดินจากไป
แล้วไงต่อล่ะ เงียบกริบเป็นป่าช้าเลยที่นี้
ปกติผมไม่ค่อยได้คุยกับเกียร์เท่าไรถึงจะอยู่ห้องเดียวกันก็เถอะ เน้นมองเสียมากกว่า มองจนชอบ แล้วเพิ่งจะมารู้ตัวว่าชอบก็ตอนขึ้น ม.6 ไม่รู้เหมือนกันว่ามาชอบเอาทำไมป่านนี้ นี่ก็มองมาจะครบสองเทอมแล้ว อีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้ตัวเราเลยชอบมองกันไปมา แต่ก็ได้แค่มองอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งวันนี้
ไอ้ผมก็ไม่รู้จะไปยังไงต่อ แต่มาถึงขนาดนี้ก็รู้แล้วมั้ยว่าใครคิดอะไรยังไง ใจตรงกันแบบนี้ก็พุ่งเข้าชนเลยครับ
"ขอเบอร์หน่อยดิ"
"เอามือถือมาดิ" เกียร์แบมือมาตรงหน้าผม ปากอมยิ้มแก้มยังแดงอยู่แต่หน้าไม่ได้หันมามองกัน
ผมหยิบมือถือไปให้อีกฝ่ายกดเบอร์ให้อย่างว่าง่าย ได้มาแล้วก็กดโทรออกยิงเข้าเครื่องอีกคนเอาไว้
แล้วไงต่อดี ตอนนี้เริ่มจะไปไม่เป็นแล้ว
"เพลงที่ร้องเมื่อกี้ จากใจนะ"
"จากใจเหมือนกัน"
"งั้นก็...เป็นแฟนกันมั้ย"
"เฮ้ย! เร็วไป"
"งั้นลองคุยกันดูก่อน"
"อืม"
"อยากฟังเพลงมั้ย"
"เอาดิ"
"เพลงไรดี"
"เพลงอะไรก็ได้อ่ะที่นิวร้อง"
"ครับผม"
The End
เอาเรื่องสั้นแบบโคตรสั้นมาแก้บน มาผิดเทศกาลด้วย ไม่เป็นไรหรอกเนอะ 55555
แถมเพลงโคตรเก่า รู้จักกันบ่ เพลง hey hey ของ texi กับเพลงมั้งของพี่โต๋ค่ะ ^^
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ