►► AFTERSHOCK | วิกฤติรัก ◄◄ [UP!! ตอนที่17] 12/07/2017 P.2
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ►► AFTERSHOCK | วิกฤติรัก ◄◄ [UP!! ตอนที่17] 12/07/2017 P.2  (อ่าน 10557 ครั้ง)

ออฟไลน์ _MidnightSBD

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
-15-
I will always beside you


ตอนแรกผมวางแผนไว้ว่าหลังเลิกงานจะกลับห้องแล้วนอนหลับให้เต็มตื่น แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆถึงกระเด้งตัวขึ้นมาใส่รองเท้าก็ไม่รู้

ต้องโทษเซนเลย เขาทำให้ผมเสียนิสัย..ทุกทีผมไม่เคยมีปัญหาด้านการนอนแต่คืนนี้ผมกลับนอนไม่หลับซะอย่างนั้น ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้แปลกที่เลยสักนิด

ผมจัดการยัดเท้าตัวเองลงไปในรองเท้าผ้าใบคู่โปรด ตามด้วยโค้ทตัวยาวอีกหนึ่งตัว เดินเอามือซุกกระเป๋าตามเส้นทางที่คุ้นเคยไปเรื่อยๆไม่ได้รีบร้อนอะไร ลมเย็นๆที่ตีหน้าเข้ามาเป็นระยะทำให้ผมรู้สึกดีถึงแม้ว่ามันจะหนาวอยู่เหมือนกัน..บรรยากาศในตอนนี้คงเป็นเหตุผลได้ดีว่าทำไมผมถึงชอบช่วงเวลากลางคืนมากกว่าตอนกลางวัน

เนื่องจากการมาในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจกะทันหัน เซนเลยไม่ได้มารับเหมือนอย่างเคย มันก็รู้สึกแปลกไปอีกแบบนะที่ผมได้มาเดินคนเดียว..เขาทำผมเสียนิสัยอีกเรื่องหนึ่งแล้ว

ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองไหมว่าบรรยากาศที่ไซด์มันเงียบผิดปกติ ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก็พบว่ามันเกือบจะสองทุ่มเข้าไปแล้ว..ก็นะ มันก็ต้องเงียบสิวะ ดึกป่านี้ใครเขาจะยังทำงานอยู่อีก คงไปกินข้าวไม่ก็เข้านอนกันหมดแล้ว

ผมรู้สึกได้ถึงสายตาบางคนกำลังจับจ้องมาที่ตัวเอง นั่นมันเริ่มไม่ดีแล้ว..แต่ผมไม่ควรตื่นตูมจนเกินไป

ผมรู้แล้วล่ะว่าสายตาพวกนั้นมาจากทางไหน ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้ต้องนิ่งเข้าไว้แล้วก้าวเดินต่อไปให้เป็นปกติที่สุดทั้งที่จริงๆแล้วมันปกติเลยสักนิด ใจผมสั่น..เต้นเร็วจนแทบจะหลุดออกมาจากขั้ว ความรู้สึกตอนอินกับหนังสยองขวัญเทียบกับอารมณ์ตอนนี้ไม่ติดฝุ่น ผมว่าผมเริ่มเข้าใจตัวละครพวกนั้นมากขึ้นแล้วสิ

HEY!!” ผมสะดุ้ง คนพวกนั้นเริ่มเคลื่อนไหว เสียงฝีเท้าไล่หลังมาทำให้ผมต้องรีบเร่งฝีเท้าขึ้นจากเดินเร็วกลายเป็นวิ่งในที่สุด..

แต่มันก็ยังช้าไปอยู่ดี..ผมโดนพวกเขาล้อมไว้หมดแล้ว

“What do you want from me?” ผมถามออกไป นอกจากนาฬิกาที่ข้อมือที่พอจะมีราคาผมก็ไม่มีของมีค่าอะไรแล้วนะ ถ้าคนพวกนี้ต้องการผมยินดีที่จะถอดและยื่นให้แต่โดยดี

คนหนึ่งนี่น่าจะเป็นหัวโจกตอบกลับมา เขาพูดด้วยภาษาฝรั่งเศสผมรู้..แต่สำเนียงเขามันฟังยากเกินกว่าที่ผมจะเข้าใจ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่มีสมาธิเลยแบบนี้

วงล้อมค่อยๆบีบแคบลงพร้อมกับผมที่ค่อยๆถอยหลังไปที่ละก้าว

ปึก!

ไม่มีที่ให้ผมหนีอีกแล้ว หลังผมชิดกำแพงและคนพวกนั้นกำลังค่อยๆดาหน้าเข้ามา

ผมจะไม่ลังเลที่จะสู้เลยสักนิดถ้าพวกนั้นมีกันแค่สองคน แต่นี่ผู้ชายตัวโตๆถึงหกคน มองทางไหนก็ไม่เห็นทางเอาตัวรอดได้เลย เรื่องวาทศิลป์ที่ผมถนัดยิ่งแล้วใหญ่..มันไม่มีประโยชน์อะไรเมื่อผมพูดภาษาเขาไม่ได้

มือคนทางซ้ายที่ใกล้ตัวผมที่สุดยื่นมาจับต้นแขนผมไว้..ผมสะบัดทิ้งและนั่นคงทำให้คนอื่นๆเริ่มโมโห หมัดเพียวๆซัดมาที่หน้าโชคดีที่ไวพอที่จะหลับเป้าหมายจากใบหน้าของผมกลายเป็นกำแพงด้านหลังแทน..เจ้าตัวร้องลั่น ซัดมากะผมสลบภายในหมัดเดียวขนาดนั้นมีกระดูกแตกแน่ๆ

ผมยกเท้าถีบคนผิวดำที่กำลังเข้ามาอย่างแรงจนเสียหลักล้มไป ก่อนจะหันไปตวัดขาก้านคอใส่อีกคน สบโอกาสแล้วผมต้องรีบหนี ลำพังแค่ผมไม่ทางล้มทุกคนได้

ตอนนี้ผมรีบสิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ผมรู้แค่ว่าผมต้องรอดจากตรงนี้ไปให้ได้ก่อน เสียงฝีเท้าที่ตามมาทำผมประสาทจะเสีย

ปั่ก!


วัตถุแข็งๆบางอย่างกระแทกเข้ามาอย่างจังตรงศีรษะด้านหลัง เกินกว่าเจ็บปวดมันชาวาบอย่างรวดเร็ว หน้าผมเงยขึ้น..ของเหลวอุ่นร้อนสีแดงสดไหลลงมาอาบต้นคอ..ประสาทการรับภาพพร่าเบลอก่อนที่ผมจะทรุดลง

เหี้ยเอ้ย..

อึก!..ผมพยายามฝืนตัวเอง จิกเล็บลงกับพื้นดันตัวขึ้น..สะบัดหัวเรียกสติตัวเองที่ใกล้จะหลุดลอยเต็มที อย่าว่าแต่ลุกแค่ฝืนตัวขึ้นนั่งผมยังทำไม่ได้เลย

เสียงหัวเราะอันน่าสะอิดสะเอียดตามมาด้วยสัมผัสที่รั้งแขนผมให้รุกขึ้นอย่างหยาบคาย เรียงรอบข้างพูดคุยเยอะเย้ยสภาพอันหน้าสมเพชของผมก้องระงม ผมเบลอเกินกว่าจะรับรู้อะไรได้แล้ว

แค่คนพวกนั้นผลักผมเบาๆผมก็หงายหลังลงไปนอนอย่างง่ายดาย ร่างสูงใหญ่ตามมาคร่อมทับ คนที่เหลือตามมาล็อคแขนผมไว้อย่างรู้งาน..มันจบแล้ว..ผมหมดหนทางแล้ว

มือหยาบกร้านของคนด้านบนไล้ไปตามใบหน้าผม มุมปากที่เต็มไปด้วยไรหนวดยกยิ้มอย่างโรคจิต ผมสะบัดหน้าหนีสัมผัสกักขฬะพวกนั้นอย่างรังเกียจก่อนจะโดนตบอย่างแรงจนหน้าชาวาบ

เอาจริงผมเบลอจนแทบไม่รู้สึกอะไรแล้วแต่รสคราวเลือดในโพรงปากยืนยันได้อย่างดีว่าแรงตบนั้นไม่ได้น้อยเลย ผมไม่เข้าใจว่าผมเคยไปทำไม่ดีอะไรไว้วะชีวิตถึงต้องมาเจออะไรบัดซบแบบนี้

“อื้อ!!!” ผมดิ้นพล่าน พยายามหันหน้าหลบคนด้านบนที่พยายามก้มลมมาบดจูบอย่างน่ารังเกียจ ผมไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังอะไรขนาดนี้มาก่อนในชีวิต หยดน้ำตาค่อยไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้

หมัดหนักๆซัดเข้ามาเต็มท้องจนผมแน่นิ่ง ไม่เหลือแรงแม้แต่จะยกขา

“อึก..เซน” นาทีนี้คนเดียวที่ผมคิดถึงคือเขา ผมอยากให้เขาอยู่ตรงนี้..แต่มันคงเป็นไปไม่ได้


แคว้ก!

เสื้อยืดผมโดนฉีกขาดง่ายดายราวกับมันเป็นเศษผ้า ร่างกายผมเปิดเผยให้พวกมันมองมาอย่างโลมเลีย ก่อนจะก้มลงมารุมทำหยาบโลนอย่างกับผมไม่ใช่คน

“อ่ะ..อึก” ปากผมโดนบีบออกก่อนสัมผัสอุ่นร้อนบางอย่างจะยัดเข้ามาในปากบังคับให้ผมต้องเปิดรับมัน จะอ้วก..มันน่ารังเกียจจนผมจะขย้อนของเก่าออกมา

เสียงพวกนั้นหัวเราะสะใจยิ่งทำให้ผมรังเกียจ..รังเกียจตัวเอง รังเกียจพวกมัน โดยเพราะไอ้แท่งร้อนนี่..ผมรังเกียจจนอยากจะกันมันให้ขาด

“Ouch!!! Fuck!” ผมโดนตบอีกเพราะจงใจกัดของมัน แม้จะแลกด้วยแผลอีกมุมปากแต่มันก็ทำให้เลวนั่นยอมถอนส่วนน่ารังเกียจออกไป

“แค่ก..แค่ก..อึก” ผมไอโขลกออกมาจนตัวโยน น้ำลายที่ถมออกมาเต็มไปด้วยเลือด

“นั่นใครน่ะ!” เสียงใครสักคนดังออกมาจากที่ที่ผมรู้สึกเหมือนไกลแสนไกล แสงไฟฉาดสาดอาบใบหน้าเหมือนเป็นแสงสุดท้ายของผม

ผมเหนื่อย ผมอ่อนแรงเกินกว่าจะเอ่ยขอความช่วยเหลืออะไรแล้ว หัวผมหนักอึ้งสายตาพร่ามัว..ทำได้แค่เพียงนอนหอบหาบใจจนตัวโยน

ผลั่ก

เสียงฝ่าเท้าหนักๆกระแทกเข้ากลางหลังไอ้เหี้ยที่คร่อมผมไว้จนมันหน้าคว่ำไปอีกทาง ผมไม่รู้ว่าพวกเขาชุลมุนแค่ไหนตาผมมันหนักจนแทบจะปิดลงภายในไม่กี่นาทีนี้แล้ว

“คุณหมอ!” เซน..เสียงเซนเรียกให้สติที่ไกลจะหลุดของผมกลับมาอีกครั้ง ผมอยากมองหน้าเขาให้ชัดกว่านี้แต่ตาผมมันเบลอไปหมดแล้ว

“คุณหมอ..คุณหมอ ได้ยินผมไหม” เขาเรียกผมอย่างร้อนรน เขารีบถอดแจ็คเก็ตของเขามาสวมให้ผมก่อนจะช้อนตัวผมขึ้นอุ้ม..เขาทำอย่างกับผมหนักแค่ห้าสิบ คิดจะอุ้มก็อุ้มได้อย่างง่ายดาย

“เซน..” ผมขานตอบเขา

“ไปเป็นไรแล้วนะ..ผมอยู่นี่แล้ว..ผมจะพาคุณไปหาหมอ”

“อืม” ตอนนี้ผมเหนื่อยเกินกว่าจะพูดคุยอะไรแล้ว

“พวกมันไปแล้ว” เสียงมอรีสพูดขึ้นก่อนที่เซนจะได้ก้าวเดินพาผมออกไป

“ใคร?..รู้จักไหม”

“คนในไซต์เนี่ยละ พวกมาใหม่” เพื่อนเขาอีกคนที่ผมไม่รู้จักบอก

“เวรเอ้ย!” เซนสบถลั่นจนผมเองก็สะดุ้ง

“ช่างเรื่องนั้นก่อน คุณหมอควรได้รับการรักษาให้เร็วที่สุด”

“อืม”

--

ผมตื่นขึ้นมาด้วยสภาพร่างกายหนักอึ้ง อยู่ในสภาพนอนตะแคงจนแขนชาไปทั้งแถบ มันเจ็บไปหมดทั้งหน้า ทั้งปาก หน้าท้อง ที่หนักหนาที่สุดคงเป็นที่หัว

โชคดีที่ผมของผมสั้นอยู่แล้วไม่อย่างนั้นคงต้องถูกก้อนหัวแหว่งเพื่อเย็บแผลแน่ๆ ผมกระพริบตาช้าๆเพื่อปรับโฟกัส..มันผิดปกติแล้ว..ทำไมมันถึงไม่ชัดสักที

“เซน..” ผมรีบเรียกคนที่นอนฟุบอยู่ข้างเตียงอย่างร้อนรน

“ครับ..ฟื้นแล้วหรอครับ อย่าพึ่งขยับตัวนะ”

“ผม..ผมมองไม่ชัด มองหน้านายไม่ชัดเลย” เจ้าของตาสีน้ำตาลเบิกตากว้างก่อนจะยื่นมือมาเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาออกให้..นี่ผมอ่อนแอจนร้องไห้อีกแล้วหรอ..ไม่ใช่ปกติของผมเลย

“ไม่เป็นไรนะ..อย่าพึ่งคิดมากนะครับ..ผมจะรีบไปตามไมเคิลมาให้”

สรุปอาการของผมยังตอบไม่ได้ว่าสาเหตุหลักๆแล้วคืออะไรที่ทำให้การมองเห็นของผมมีปัญหา เนื่องจากเครื่องมือทางการแพทย์ที่นี่ไม่พร้อมพอที่จะสแกนสมองได้เลยทำได้แค่เพียงเฝ้าดูอาการไปก่อนสักระยะ ถ้าภายในสามวันมีอาการแย่ลงหรือเจ็ดวันยังไม่ดีขึ้นคงต้องกลับไทยก่อนกำหนด

“ไม่ต้องกังวลนะ ช่วงนี้ก็ให้ผมดูแลคุณไปก่อน” เซนพูดพลางช่วยพยุงให้ผมนั่งพิงหมอนเอาไว้อย่างที่ผมต้องการ ก่อนจะตามมานั่งตรงปลายเท้า มือเขาวางอยู่บนเข่าผม

“นายมีงานของนาย” ผมบอก

“ผมเป็นนายช่างนะครับ..ไม่ใช่คนงาน ค่อยเข้าไปตรวจงานเป็นระยะก็ได้ มอรีสไว้ใจได้อยู่แล้ว ใจผมอยู่นี่ผมจะเอาสมาธิไหนไปทำงานละครับ”

“ผมไม่อยากให้นายเสียงานเพราะผม”

“งานก็ส่วนงาน แต่คุณเป็นแฟนผมนะ..ผมเสียคุณไปไม่ได้ แค่เมื่อวานก็มากเกินพอแล้ว น้ำตาคุณเป็นของผม..ของผมแค่คนเดียว ผมขอโทษที่ปล่อยคุณต้องเผชิญกับอะไรแบบนั้น”

“ตามใจ..แต่ขอร้องผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว”

“ครับ”

“ผมอยากอาบน้ำ” ผมบอกเขา

“แต่ว่าแผลคุณ..” เขาพูดอย่างกังวล

“แผลผมอยู่ที่หัวนะ ไม่โดนน้ำหรอก”

“ถ้าอย่างนั้นผมไปด้วย”

“ผมจะกลับห้อง ฝากนายเดินไปบอกไมเคิลให้หน่อย”

“แต่ว่า..” วันนี้เซนพูดคำนี้กี่ครั้งแล้วนะ

“ผมเป็นหมอนะ ผมรู้ตัวเองดี ยังไงก็ต้องรอดูอาการ รอที่ไหนก็เหมือนกันนั่นล่ะ”

“อย่างนั้นก็ได้ครับ” เขาว่าอย่างจำยอม ผมรู้ว่าเซนเป็นห่วงผมแต่ผมเองก็ไม่อยากอยู่อย่างนี้เหมือนกัน

พอเขาเดินออกไปผมก็หันมาจัดการถอดเข็มให้น้ำเกลือตัวเองออก ไม่นานอีกคนก็เดินกลับมา

“ไมเคิลบอกว่าเขาอยากให้คุณอยู่ต่อ” เขาบอก

“ผมคงไม่ เขารู้ดีอยู่แล้ว”

“เฮ้อออ..” เซนถอนหายใจออกมาอย่างแรงราวกับมีเรื่องหนักใจเสียเต็มอก ในใจแอบบ่นผมอยู่ในใจแน่นอน แต่สุดท้ายเขาก็มาช่วยพยุงให้ผมลุกขึ้นยืน

--

“ให้ผมเข้าไปด้วย” เซนยืนเกาะขอบประตูห้องน้ำแน่น ตอนนี้เราอยู่ในห้องของผมแล้วและเขายืนยันว่าจะเข้ามาในห้องน้ำด้วยให้ได้

“ไม่..ผมขอ ผมอยากใช้เวลาอยู่คนเดียวสักพัก”

“ถ้าอย่างนั้นอย่าล็อคประตูนะครับ มีอะไรเรียกนะผมรออยู่ข้างนอก..ผมเป็นห่วง”

“ครับ” ผมรับคำเขาถึงยอมเดินออกไป

ถึงผมจะบอกเซนไม่ให้พูดถึงเรื่องนั้นอีกแต่ตัวผมเองกลับนึกถึงมัน มันยากสำหรับผมที่จะลืมได้โดยเร็ว ผมรีบปลดเสื้อผ้าแล้วอาบน้ำซะ หวังว่าสายน้ำจะลบสัมผัสพวกนั้นได้..หวังว่ามันจะทำให้ผมรู้สึกสกปรกน้อยลง

ผมอ่อนแออีกแล้ว..พอนึกถึงน้ำตาก็พลันจะไหลลงมา ผมรู้สึกขยักแขยง..โดยเฉพาะตอนนั้น สะอิดสะเอียดจนแค่นึกถึงก็อยากจะอ้วกออกมาอีกแล้ว

ผมกรอกน้ำเข้าปากแล้วบ้วนมันซ้ำๆ ไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้วที่ผมใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำแบบนี้

“พอแล้วครับ” เสียงประตูห้องน้ำกระชากออกเซนเข้ามากอดผมไว้โดยไม่สนว่าตัวเองจะเปียกไปด้วยกัน เขาแย่งฝักบัวในมือผมไปแล้วกดปิดมัน วงแขนแข็งแรงกระชับรอบตัวผมให้แน่นขึ้น

“ผม..ผมรังเกียจมันเซน..ผมสกปรก..อึก” ผมพูดออกมาอย่างอ่อนแอ ฝังหน้าลงกับแผ่นอกเขา ปล่อยให้เสื้อเขาเป็นผ้าซับน้ำตาผม

“ไม่..คุณไม่เคยสกปรก คุณล้ำค่าสำหรับผมเสมอ”

“แต่มัน..มันยัดเข้ามา..ผมจะอ้วก..ผม..”

“พอแล้วไม่พูดแล้วครับ เราสัญญากันแล้วไง” เขาว่าอย่างใจเย็น

“ผมน่ารังเกียจ..”

“ไม่..ไม่เลย” เขาพูดมันซ้ำๆ ก่อนจะพิสูจน์คำพูดของตัวเองด้วยการประกบริมฝีปากลงมา น้ำตาผมยังคงรินไหลลงมาจนผมรู้สึกได้ถึงรสเค็มปร่าจากมันพอๆกับรสสัมผัสจากอีกคน..

“อย่าพูดอย่างนั้นอีก..ครั้งนี้คุณร้องไห้กับมันซะให้พอแล้วสัญญากับผมว่าจะเข้มแข็งขึ้น”

“อึก..ผมจะพยายาม” เขายกมือขึ้นปาดน้ำตาให้ผมอีกครั้ง

“ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเอง..จำได้ไหมที่ผมเคยบอกคุณว่าความทรงจำบางอย่างมันยากที่จะลบ แต่ทาสีทำก็พอทำได้”

“...” ผมพยักหน้ารับ

“ผมจะทาสีให้คุณเอง”

“ช่วยผมที”

“ผมจะไม่ปล่อยให้คุณอยู่คนเดียวอีกแล้ว ไปเถอะครับไปแต่งตัวกัน..เดี๋ยวคุณจะไม่สบาย”

..
...

ออฟไลน์ _MidnightSBD

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
AFTERSHOCK -.16
I will paint you with a subtle shade of love.


Zayn’s Part

ผมสงสารคุณหมอมากแต่ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีให้เขารู้สึกดีขึ้น ตอนนี้ที่ผมพอจะทำให้เขาได้คงเป็นกอดเขาเอาไว้และอยู่เคียงข้าง..ไม่ปล่อยมือไปจากเขา

“ดึกแล้วนะครับ” ผมพูดขึ้น คนข้างกายยังคงขยับตัวไม่หยุดทั้งที่นี่มันก็จะเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว

“ผมนอนไม่หลับ..พยายามแล้ว” เขาบอก

“อาจเพราะคุณไม่สบายตัวรึเปล่า ขยับมาสิครับ” ผมรั้งอีกคนให้ขยับมาใกล้จนเขาทับผมไปครึ่งตัว เอามือโอบเอวเขาไว้ ใบหน้าของคุณหมอตะแคงซบอยู่ตรงอกผม ผมยอมเมื่อยแทนเขาที่จะต้องนอนตะแคงทับแขนตัวเองนานๆ

ความจริงผมรู้ว่าที่เขานอนไม่หลับไม่ใช่เพราะอย่างที่ผมบอกหรอก ผมแค่ไม่อยากพูดออกไปให้รบกวนจิตใจเขาไปมากกว่าที่เป็นอยู่..แค่นี้มันก็มากพอแล้ว

“นอนซะนะครับ..ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ไปไหนแล้ว” เลิกผมที่ปรกหน้าผากเขาอยู่แล้วแตะริมฝีปากลงไปเบาๆ มืออีกข้างลูบหลังเขาช้าๆให้เขารู้สึกว่ายังมีผมอยู่ด้วยเสมอ..เขาไม่ได้ต้องผ่านเรื่องนี้ด้วยตัวคนเดียวอีกต่อไป

คุณหมอขยับตัวอีกครั้งก่อนจะยอมปิดเปลือกตาลง ยิ่งผมเห็นร่องรอยบาดแผลบนตัวเขาผมยิ่งปวดใจ..ผมถนอมของผมมาโดยตลอดแต่คนพวกนั้นกลับมาทำกับเขาแบบนี้ ไม่ว่าพวกมันเป็นใคร..มันต้องได้รับบทเรียนจากเรื่องนี้

Patt’s Part

ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับสัมผัสเย็นๆที่กำลังไล้ไปทั่วลำแขน กว่าครึ่งนาทีกว่าผมจะเปิดเปลือกตามาพบว่าเป็นเซนกำลังเช็ดตัวให้ผมอย่างตั้งใจ ผมนอนมองเขานิ่งๆปล่อยให้อีกคนเช็ดตัวไปตามใจ

“อ่าว..ตื่นแล้วหรอครับ คุณมีไข้ผมเลยเช็ดตัวให้ อีกนิดเดียวจะเสร็จแล้ว” เขาทักขึ้นตอนหันมาเห็นว่าผมลืมตามองเขาอยู่ หึ..ขนาดเช็ดตัวยังทำไม่เป็นเลย ใครเขาเช็ดแขนเป็นอย่างสุดท้ายกัน

“วันนี้ตาคุณเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นไหมครับ” เซนชวนผมคุย

“ยังเหมือนเดิม..” ผมบอกอาการเขาไปตามตรง วันนี้ภาพที่ผมเห็นยังคงไม่ต่างจากเมื่อวาน มันยังพร่ามัวอยู่แต่ก็ไม่ถึงกับมองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าให้เปรียบเทียบคงดีกว่ามองผ่านกระจกที่มีไอน้ำเกาะหน่อยละมั้ง

“ให้เวลากับมันอีกหน่อย..ไม่ต้องกังวลนะครับ” เขาส่งยิ้มมาให้..เซนพยายามให้กำลังใจผมรู้ แต่ผมว่าเป็นเขาที่กังวลมากกว่าผมเสียอีกนะ..คิดอะไรก็ออกมาทางสีหน้าซะหมดขนาดนั้น

“ผมหนาวแล้ว..” ผมบอกเขา คนตัวสูงรีบลนลานวางผ้าในมือแล้วเอาเสื้อมาใส่ให้ผมจนผมหยุดขำออกมา นิสัยขี้ตื่นนี่แก้ไม่หายเลยสินะ..มันไม่ได้เข้ากับผู้ชายตัวโตอย่างเขาเลยสักนิด

“คุณยิ้ม..” คนพูดยิ้มกว้างกว่าเสียอีก

“แปลกตรงไหน”

“ไม่ครับ..ผมแค่ดีใจ” เขาบอกพลางจัดแจงให้ผมนอนดีๆแล้วห่มผ้าให้ถึงคอ

“เดี๋ยวผมไปเอาข้าวเอายาแล้วจะรีบกลับมานะครับ”

“...” ผมพยักหน้ารับรู้ เซนก้มลงมาจูบริมฝีปากอีกหนึ่งก่อนจะผละแล้วลุกออกไป

--

พออีกคนออกไปทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ..และผมเองก็คิดเรื่องนั้นขึ้นมาอีกแล้ว ผมควรพอ..ผมบอกตัวเอง แต่ผมห้ามตัวเองไม่ได้เลย ผมต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้..ผมสัญญากับอีกคนไว้แล้ว ผมไม่ควรจะปล่อยให้เรื่องนั้นมาทำให้ผมอ่อนแออีกแล้ว..จะไม่เสียน้ำตาเพราะมันอีก

แต่มันช่างทำได้ยากเหลือเกิน

“คุณหมอกินข้าวกันครับ” เสียงคนตัวสูงที่เปิดประตูเข้ามาเรียกความสนใจจากผมไปที่เขา เซนจัดการอาหารที่เขาถือมาให้เรียบร้อยก่อนจะเข้ามาประคองให้ผมลุกขึ้นนั่ง

“มีอะไรกินบ้าง” ผมถามเขา

“สปาเก็ตตี้”

“อีกแล้วหรอ”

“ก็คุณชอบ” เขาตอบซื่อๆ ผมต้องจับเขามาทำความเข้าใจใหม่เสียหน่อยแล้ว

“ผมไม่ได้ชอบ ที่ผมกินมันบ่อยๆเพราะผมไม่รู้จะกินอะไร”

“อ่าวหรอครับ ทำไมไม่บอกผมล่ะ”

“ก็นายคิดเองเออเองอยู่คนเดียว เอาเป็นว่าผมไม่ได้ชอบมันก็แล้วกัน”

“ถ้าอย่างนั้นผมไปเอาอย่างอื่นมาให้” เจ้าตัวทำท่าจะลุกออกไปอย่างที่ว่าจนผมต้องรีบคว้าข้อมือของเขาเอาไว้

“ไม่เป็นไร กินกันเถอะ..อีกสักมื้อผมกินได้”

“ครับ”


พอกินข้าวเสร็จเซนก็จัดการเรื่องยาให้ผมกินเรียบร้อยแล้วมาทำความสะอาดแผลให้ ตอนแรกก็กังวลนะ..ขนาดเช็ดตัวยังเงอะงะเลยแล้วนี่มาทำแผลแต่ผมไม่มีทางเลือกเพราะแผลมันดันอยู่ข้างหลังเลยต้องปล่อยให้คนอาสาทำไป

“เจ็บไหมครับ” เซนถามก่อนจะแตะสำลีที่ชุบแอลกอฮอล์ลงมาอย่างเบามือ

“ไม่..เช็ดรอบๆนะ ไม่ใช่ใส่แผล” ผมบอกเขา ถ้าคนตัวสูงนี่แตะมากลางแผลผมมีแสบจนน้ำตาเล็ดแน่ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะไปทึ้งหัวเขาแทน

“ครับ” เขารับคำ

เซนทำได้ดีกว่าที่ผมคิด ตอนนี้เขาจัดการเปลี่ยนผ้าปิดแผลอันใหม่ให้เรียบร้อยแล้ว เขาคงเคยมีประสบการณ์มาบ้างเลยรู้ว่าต้องทำยังไงไม่ได้งุ่นง่านเหมือนตอนเช็ดตัว

--

“อ๊ะ!..แผลผม” ผมร้องออกมาอย่างตกใจตอนที่อีกคนโถมน้ำหนักลงมาใส่จนผมหงายหลังลงไป แต่คนที่ตั้งใจทำเอามือรองต้นคอผมไว้อยู่แล้วเลยไม่เจ็บตัวอะไร

“ผมไม่ทำคุณเจ็บหรอก”

“อย่าเล่นอย่างนี้..”

“ผมขอโทษ” เขาพูดออกมาเสียงเบา แต่ด้วยระยะระหว่างเราที่ห่างกันจนปลายจมูกแทบสัมผัสผมได้ยินมันอย่างชัดเจน สายตาเราทั้งคู่ผสานกัน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ผมชอบมองวูบไหว แสดงออกให้รู้ว่าคำขอโทษที่เขาพึ่งพูดออกมาเมื่อสักครู่ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องที่ผมพึ่งจะว่าเขาไป..แต่มันมีความหมายมากกว่านั้น

เขาแตะจูบลงมาบนปลายจมูกผมเบาๆก่อนจะเลื่อนลงมาที่ริมฝีปาก ไม่มีการลุกล้ำคนด้านบนเพียงแค่แตะมันค้างเอาไว้จนผมต้องเป็นฝ่ายเปิดริมฝีปากรับให้เขารุกล้ำเข้ามาเสียเอง

เขาแกล้งดูดดึงปลายลิ้นของผมเบาๆก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายมาขบเม้มริมฝีปากล่างของผมแทน เสียงแลกเปลี่ยนสัมผัสระหว่างเราดังอย่างน่าอายแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครใส่ใจกับมัน เซนป้อนสัมผัสรุกล้ำเข้ามาอีกครั้งจนผมหายใจแทบไม่ทันเขาถึงได้ละออกไป

คนตัวสูงแตะจูบลงมาที่ปลายคางผมก่อนจะเลื่อนลงไปที่ซอกคอ ดูดดึงตรงแอ่งชีพจรจนเกิดเสียงน่าอายก่อนจะฝั่งหน้าเขากับซอกคอผมอีกครั้ง ผมเงยหน้าขึ้นเปิดทางให้อีกคนได้สัมผัสอย่างเต็มใจ

“อะ..ผมเจ็บ” ผมร้อง คนด้านบนดูดดึงผิวเนื้อผมไม่เบาแรงเลย มันคงช้ำเป็นห้อเลือดไปแล้ว

“ผมขอโทษ..แต่ขอร้องให้ผมทำมัน ให้ผมลบรอยพวกนั้นให้คุณ”

“อย่าทำแรง...มันเจ็บ”

“ผมจะพยายาม” หมายความว่ายังไงวะ ยังไม่ทันได้คัดค้านสิ้นเสียงเขาก็ปลดกระดุมเสื้อผมออกอย่างช่ำชองแล้วแยกสาปเสื้อออกจากกัน ก่อนจะผละไปสลัดของตัวเองทิ้งอย่างรวดเร็วตามด้วยกางเกงยีนส์ตัวเก่งของเขาจนตอนนี้ร่างสมส่วนเหลือเพียงบ็อคเซอร์เนื้อบางติดกายเพียงชิ้นเดียว

เขาพลิกให้ผมขึ้นมาคร่อมทับช่วงกลางลำตัวเขาไว้เหมือนครั้งนั้นแล้วขยับไปนั่งพิงหัวเตียงเสียเอง หน้าผมร้อนผ่าว..เหตุการณ์ตอนที่ผมออนท็อปให้เขารีรันเข้ามาในหัวอย่างช่วยไม่ได้ เซนรั้งให้ผมก้มลมไปตอบรับจูบจากเขาก่อนจะพรมจูบไปทั่วแผ่นอกของผม

“อ๊ะ..” เสียงน่าอายเล็ดลอดออกมา ลิ้นร้อนตวัดเลียเข้าที่ส่วนไวสัมผัสบนแผ่นอกผมก่อนจะดูดดึงจนมันขึ้นสีแดงจัดตื่นตัวอย่างน่าไม่อาย มือเขาบีบคั้นหยอกล้ออีกข้างไม่ให้น้อยหน้า ความกระสันวิ่งพล่านไปตามแนวสันหลังจนผมเผลอแอ่นแผ่นอกตามริมริมฝีปากร้อนอย่างไม่รู้ตัว เสียงดูดดึงดังหยาบโลน ให้ความรู้สึกลามกและเสียวซ่านไปในเวลาเดียวกัน..

มือไม้ผมอ่อนแรงเกินกว่าจะผลักไส ทำได้เพียงวางแปะเอาไว้บนไหล่กว้าง..โอนอ่อนให้อีกคนตักตวงอย่างไม่อาจห้ามปราม

ผมโดนพลิกให้ผมลงไปนอนใต้ร่างเขาอีกครั้ง ริมฝีปากร้อนแตะลงมาบนต้นคอ ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาทำเอาขนอ่อนลุกซู่ มือเรียวรั้งเสื้อของผมที่ค้างคาอยู่ออกไป

ผมทำได้เพียงนอนคว่ำซุกหน้าเข้ากับหมอน..หวังให้มันช่วยปิดกลั้นเสียงน่าอายแล้วปิดเปลือกตารอรับสัมผัสจากอีกคน

“ผมรักคุณนะ..รักมาก” เซนกระซิบชิดใบหูของผมก่อนจะขบเม้มมันเบาๆ

“...”

“ผมอยากให้คุณจดจำทุกสัมผัสของผมต่อจากนี้ ให้ผมช่วยทาสีทับความทรงจำพวกนั้นของคุณ..ให้ทุกอย่างต่อจากนี้บอกคุณว่าผมรักคุณมากแค่ไหน...”


ไม่ปล่อยให้เสียเวลา..เมื่อเห็นผมไม่ขัดขืนอะไรมือใหญ่ก็ถือโอกาสสอดลึกเข้าไปในกางเกงยางยืดของผมอย่างง่ายดาย เพราะผมไม่ได้ใส่ชั้นในมันเลยเป็นปราการเพียงอย่างเดียวและเขาก็ได้พิชิตมันเรียบร้อย..

ริมฝีปากเขายังคงคลอเคลียอยู่แถวปีกไหล่ของผมไม่ห่างแต่มือของเขานี่สิที่เริ่มจะซุกซน แก้มก้นผมโดนเขาบีบคลึงอย่างเอาแต่ใจ ตอนที่ปลายนิ้วเรียวลากผ่านปากทางด้านหลังทำเอาผมสะดุ้งเกร็ง

“คุณหมอไม่มีเจลใช่ไหม?” เขาปิดปากผมด้วยริมฝีปากของเขาก่อนจะถามออกมา

“ผมจะไปมีได้ยังไง” ผมไม่ใช่คนหื่นกามแบบคนด้านบนหรอกนะที่จะได้มีของพวกนั้นในสถานการณ์แบบนี้

“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้..” เขาพึมพรำอะไรบางอย่างผมฟังไม่ถนัดก่อนจะรั้งกางเกงของผมทีเดียวก็หลุดออกปลายเท้าไปแล้ว ความเย็นจู่โจมบอกให้รู้ว่าตอนนี้ทั้งกายผมเปลือยเปล่า

“อ๊ะ!” ผมร้องออกมาอย่างตกใจ สัมผัสเย็นวาบและเปียกชื้นที่ช่องทางด้านหลังจู่โจมมาอย่างรวดเร็วจนผมไม่ทันได้ตั้งตัว

“ซะ..เซน ไม่..มันสกปรก” ผมห้ามเขาเสียงสั่น พยายามขยับตัวหนีแต่อีกคนออกแรงกดสะโพกผมไว้..ผมสู้แรงเขาไม่ได้ ยิ่งผมดิ้นพล่านเขายิ่งตรึงบั้นท้ายผมไว้แล้วกระทำอย่างเอาแต่ใจ

ผมตกใจมากที่เขาใช้ลิ้นกับตรงนั้น..มันไม่ควรเลย

“อื้ออ..” ความรู้สึกพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่เคยเป็นจนผมต้องกัดฟันแน่น ยิ่งผมถดหนีเขายิ่งรุกล้ำ ผมรู้สึกเหมือนเขากำลังแกล้งผม..แกล้งผมที่ไม่มีทางสู้ แม้ไม่อยากจะยอมรับแต่ปลายลิ้นของเขาทำผมเสียววูบจนแทบบ้าอยู่แล้ว

ให้ตาย ไม่ไหวแล้ว..ผมรู้สึกมากเกินไป

แม้ว่าจะไม่มีใครเสียวจนตายแต่ผมว่าผมกำลังจะตาย..

ขอบคุณที่อีกคนยอมผละออกไปเสียก่อนผมหอบหายโล่งอยู่ได้ไม่นานก็รู้สึกได้ถึงปลายนิ้วแข็งค่อยๆกดแทรกเข้ามา

“อื้อ..เซน” แผ่นหลังผมโดนเขาขบกัดเบาๆพร้อมกับนิ้วเรียวกดแทรกเข้ามาลึกขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไรมันจะสุดสักทีวะ..ผมจะตายอยู่แล้ว

“ไม่มีส่วนไหนของคุณที่สกปรก..” เสียงเขากระซิบทำเอาผมรู้สึกกระสันขึ้นมา แต่นั่นยังไม่เท่านิ้วซนๆของเขาที่กำลังขยับเข้าออกอย่างเอาแต่ใจ

“ให้ผมช่วยคุณนะ..” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรผมก็โดนเขาจับพลิกตัวนอนหงายจนต้องใช้ศอกยันตัวไว้ให้ช่วงบนราบไป..เขาทำมันทั้งที่นิ้วยัดสอดคาและนั่นทำให้ผมอ้าปากค้างหลุดเสียงน่าอายออกมา

เขาแทรกตัวเข้ามาผมเลยต้องแยกขาอย่างช่วยไม่ได้ ปากของผมโดนเซนปิดด้วยริมฝีปากของเขาอีกครั้ง จูบครั้งนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา..เขาทำมันเชื่องช้าแต่ทว่าวาบหวาม ไม่ใช่เพื่อเร้าอารมณ์แต่เพื่อซึมซับสัมผัสของกันและกัน

นิ้วที่สองแทรกเข้ามา แท่งร้อนของผมถูกเขากอบกุม ริมฝีปากของเขายังคงทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ คนตัวสูงทำมันทุกอย่างในเวลาเดียวกัน..ด้วยความเชี่ยวชาญของเขาผมตื่นตัวอย่างเต็มที่ น้ำสีใสปริ่มที่ส่วนปลาย ถ้าอีกคนไม่กำลังปล้นจูบผมอยู่เชื่อสิว่าเสียงน่าอายจะต้องหลุดออกมาอีกหลายระลอกแน่ๆ

“ผมชอบจูบคุณจัง” มุมปากเขายกยิ้มอย่างที่ชอบทำก่อนจะดูดดึงริมฝีปากของผมแรงๆอีกครั้งแล้วละออกไปพร้อมกับนิ้วที่เพิ่มขึ้น..จากสองกลายเป็นสาม

“ฮึก..อะ..อื้อ..”

“ผมขอบเสียงคุณจัง” เขาพูดออกมาอีกครั้งก่อนจะหอมแก้มผม..เขาจงใจสูดหายใจแรงๆตอนที่ปลายจมูกโด่งฝังเข้าที่แก้มผม สองมือเขายังคงปรนเปรอผมจนอารมณ์ผมพร้อมจะประทุออกมาอยู่แล้ว

ผมมองเขาอย่างอ้อนวอน ไม่ไหวแล้ว เขารุกผมหนักเกินไป

“สายตาของคุณมันกำลังเรียกร้องให้ผมทำอะไรที่มากกว่านี้” เขาพูดออกมาอย่างหื่นกระหาย

“ผมเปล่า..”

“คุณปฏิเสธผมได้..แต่คุณหมอ..ในตอนนี้ผมรู้จักร่างกายคุณดีกว่าตัวคุณเสียอีกนะครับ” ผมปฏิเสธเขาไม่ได้เลย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดเร้าของตัวเองอยู่ตรงไหนแต่คนด้านบนกลับหามันเจออย่างง่ายดาย..และเขากดย้ำลงมาซ้ำๆจนผมเสียววาบไปหมดทั้งตัว

“อ้า..อา..อึก..เซน” ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือเสียงของผม..ทำไมถึงกระเส่าแบบนั้น

“I will paint you with a subtle shade of love.” สิ้นเสียงเขาก็หยัดตัวลงไปหยอกล้อให้ความสนใจกับช่วงล่างผม..เท่ากับว่าเขาเปิดช่องให้ผมที่ชันตัวเองอยู่เห็นภาพหน้าอายได้อย่างชัดเจน

เขาทำมันได้ดีเกินไป

“พอ..เซน..อึก..มันจะเสร็จ” ผมบอกเขา หน้าผากผมชื้นเหงื่อ หน้าท้องหดเกร็งจนเห็นมัดกล้ามเนื้อที่พอจะมีได้ชัดเจนกว่าที่เคย

“ก็เสร็จสิครับ” ผมละเกลียดรอยยิ้มของเขาในตอนนี้ชะมัด คนตัวสูงละมือออกจากแท่งร้อนผมก่อนจะขยับขึ้นมาป้อนจูบผมอีกครั้ง ช่องทางด้านหลังผมถูกคนด้านบนเร่งจังหวะกระทุ้งเข้ามาตอกย้ำจุดนั้นของผมซ้ำๆจนสุดท้ายผมก็กระตุกเกร็งแล้วปลดปล่อยออกมาในที่สุด

“ผมรักคุณนะ” เขาพูดในขณะที่ผมกำลังพยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ เขาเค้นของผมให้ออกมาทุกหยาดหยดไม่เหลืออะไรตกค้างในลำกล้องแล้ว มันเลอะเทอะเต็มหน้าท้องของผม

ให้ตาย..เมื่อกี้ผมถึงเพราะถูกกระตุ้นจากด้านหลัง น่าอายชะมัด

“โอเครึยัง” เขาถามหลังจากปล่อยให้ผมได้พักอยู่เกือบสิบนาที

“อืม..”

“ถ้าคุณหมอช่วยผมบ้างสิครับ” ถ้าผมบอกเขาว่าไม่แล้วน้องหนูที่แข็งตัวดันสะโพกผมอยู่นี่จะยอมหยุดรึไง..

--

กว่าชั่วโมงกว่าเราจะพักกัน เขาพาผมไปอาบน้ำแล้วให้ผมนอนพัก ถ้าผมปกติดีไม่ได้เจ็บตัวและมีไข้เชื่อสิว่ามันไม่น่าจะจบที่รอบเดียว ถึงอย่างนั้นก็เถอะต้องขอบคุณเขาที่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากขนาดนี้

“พักซะนะครับ”

“อือ” ผมเองก็เริ่มเพลียแล้วเหมือนกัน

“ตาของคุณ เชื่อผมสิว่าพระเจ้าไม่ใจร้ายกับคนดีๆอย่างคุณหมอหรอก ตื่นมาพรุ่งนี้ก็ดีขึ้นแล้ว”
..




ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ สนุก ชอบ 
นายช่างลบรอยตามตัวให้แล้ว หวังว่าตาคุณหมอจะดีขึ้นนะ  :hao5:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
หมอภัทรตาหายไวๆนะ :mew2:

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เลวร้ายมากอะ คือหมอก็เป็นอาสาสมัครที่มาช่วยตอนมีภัยพิบัติไหม แล้วมาทำอย่างนี้นี่นะ

ออฟไลน์ _MidnightSBD

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
-17-
First snow and a kiss



“ไปฐานลับได้ไหม” ผมหันไปถามคนด้านหลังที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการทำความสะอาดแผลให้ผม ผมอุดอู้อยู่ในห้องตัวเองมาสองวันแล้ว..มีอีกคนดูแลทำให้ทุกอย่างจนผมคิดว่าถ้าอยู่เฉยนานกว่านี้ผมคงจะเคยตัวจนทำอะไรเองไม่เป็นและเป็นง่อยในที่สุด

“เอาสิครับ” เขาตอบรับ ซึ่งคำตอบก็ไม่ได้ผิดไปจากที่ผมคิดเอาไว้ พักหลังมานี้เขาไม่เคยขัดใจผมเลย..

เซนดึงผมให้ลุกขึ้นยืนข้างกัน เสื้อคลุมตัวยาวถูกเขาสวมให้ก่อนเจ้าตัวจะปล่อยให้ผมได้ใส่รองเท้าแล้วเดินออกไปด้วยกัน

--

“หนาวไหม..ผมรู้สึกว่าวันนี้อากาศเย็นลง เดี๋ยวคุณจะไม่สบาย” เขาถามขึ้นระหว่างที่เราเดินอยู่เคียงข้างกัน ลมเย็นๆพัดเข้าหน้าพวกเราพอดีเลยทำให้รู้สึกเย็นวาบขึ้นมา

“ไม่หรอก..อีกอย่างผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อย”

“ผมเป็นห่วง คุณพึ่งหายไข้”

“ถ้าอย่างนั้นก็กอดผมเอาไว้สิ” ผมบอกพลางดึงแขนหนักๆของคนสูงกว่าให้พาดบ่าเอาไว้ เซนหลุดหัวเราะออกมาแล้วแกล้งรัดคอให้ผมขยับเข้าไปชิดเขาจนผมแทบจะจมเข้าไปในอกเขา

“พอแล้ว ผมเดินไม่ถนัด” ผมดันเขาออกก่อนจะหลุดยิ้มออกมา พวกเราก็โตกันแล้วนะแต่ยังมาเล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้

“ยิ้มเยอะๆนะครับ มันเหมาะกับคุณ”

--

เซนทรุดตัวนั่งลงผมเลยตามไปนั่งข้างเขาตรงที่ประจำของเรา ที่นี่เป็นเหมือนเป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่เกิดขึ้นที่เฮติของผม..ถ้าถามผมว่าอะไรคือสิ่งที่ผมจดจำได้ดีที่สุดตลอดหลายเดือนที่ประเทศนี้คำตอบของผมคงเป็นคนข้างๆแล้วก็ทะเลสาบแห่งนี้

เรานั่งข้างกันเงียบๆเหมือนอย่างที่เราชอบทำเวลามาที่ฐานลับ ซึมซับบรรยากาศปล่อยให้สิ่งรอบตัวทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย

คงจะจริงอย่างที่เซนว่า..ที่ว่าวันอากาศเย็นกว่าที่ผ่านมาเพราะผมเองก็เริ่มหนาวขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน

“เป็นอะไร..ทำไมหาวบ่อยจัง” ผมหันไปถามคนข้างๆที่ตั้งแต่มานั่งข้างกันก็หาวไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

“เปล่าครับ” หาวจนน้ำตาซึมขนาดนั้นยังจะปฏิเสธออกมาอีกนะ คงเอาแต่คอยดูผมที่ไข้ขึ้นทั้งคืนไม่ยอมนอนแน่เลยถึงได้อดนอน ชอบว่าผมดื้อตัวเขาเองก็เอาเรื่องเหมือนกันเลยเหอะ

“ไม่ต้องปฏิเสธเลย..ผมจะยอมเป็นหมอนให้ก็ได้นะ” คนตัวสูงยิ้มกว้างออกมา เขาไม่ได้พูดอะไรอีกเพียงแค่ทิ้งตัวลงนอนใช้หน้าขาผมแทนหมอนอย่างที่เสนอ คนบนตักหลับตาพริ้มอมยิ้มซะจนหน้าหมันไส้ ถ้าไม่ติดว่าเขาเหนื่อยกับผมมาเยอะแล้วผมคงแกล้งลุกให้อีกคนกลิ้งไปจูบพื้น

“นอนไปสิ เอาแต่ยิ้มอยู่ได้”

“มีความสุขก็ต้องยิ้มสิครับ”

“หึ..”

บางทีผมก็นึกอิจฉาเซนนะ เขาเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี..คิดดี เข้ากับคนอื่นได้ง่าย และเป็นที่รัก..เขาดูมีความสุขง่ายๆแม้เพียงเรื่องอะไรแค่เล็กน้อย ต่างจากผมเหลือเกิน แต่ก็ต้องขอบคุณเขานะ..ที่เผื่อแผ่ความสุขมาถึงผม

“ยิ้มอะไรครับ” เสียงอีกคนทักขึ้นมาทำเอาผมสะดุ้ง นี่เขาลืมตามาตอนไหนวะ

“มีความสุขก็ต้องยิ้มสิ” ผมย้อนคำเขา

“ความสุขของคุณคือผมรึเปล่า”

“หวังอะไรอยู่”

“แล้วใช่รึเปล่าล่ะครับ..บอกผมหน่อย” อีกคนรบเร้า

“คงงั้นมั้ง”


“คุณหมอลองเงยหน้าขึ้นสิครับ” อยู่ดีๆคนที่ใช้ตักผมแทนหมอนก็พูดขึ้นมาแล้วผมก็ดันทำตามเขาอย่างว่าง่ายด้วยนะ

“หืม?” ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ยังไม่ทันจะอ้าปากถามอีกคนก็รู้ได้ถึงสัมผัสอะไรบางอย่างที่เย็นและชื้นตกลงมากระทบผิวแก้ม

“หิมะแรก..ผมไม่คิดว่าจะได้ดูมันกับคุณนะ” เซนพูดยิ้มๆพลางยกมือขึ้นรอรับเกล็ดน้ำแข็งที่กำลังตกลงมา

“เสียดาย..ที่ผมมองไม่เห็น” อย่าว่าแต่หิมะแรกเลย แค่หิมะผมก็ไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัส..พอมาวันนี้ผมก็ดันไม่สามารถรับรู้มันได้ด้วยตา..แต่อย่างน้อยผมก็รู้สึกได้ถึงมันล่ะนะ

“หิมะยังตกอีกหลายวัน..คุณจะได้เห็นมันอย่างแน่นอน” เซนรีบลุกขึ้นแล้วดึงมือผมเข้าไปกุมเอาไว้ สัมผัสที่ลูบอยู่ที่หลังมือเป็นการให้กำลังจากเขา..

พักหลังมานี้เขามักจะทำมันบ่อย

“อืม..ผมหายทันอยู่แล้ว” ผมยิ้มออกมาบางๆ เอาจริงผมไม่ได้กังวลมากอย่างที่เขาห่วงหรอก

“เขาว่ากันว่าถ้าคู่รักจูบกันในตอนที่หิมะแรกตกลงมา..ความรักจะยืนยาวอยู่ตลอดไป” อีกคนเปลี่ยนเรื่อง ผมเองก็เคยได้ยินมาบ้างอย่างที่เซนบอก..แต่มันก็เหมือนนิทานกล่อมเด็ก..ผมไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะเอามาคิดจริงจัง

“นายเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยหรอ?” ผมถามขึ้น คนตัวสูงไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เขาตอบคำถามของผมด้วยการกระทำของเขาแทน

ริมฝีปากร้อนๆที่ปิดลงมาช่างให้ความรู้สึกแตกต่างกับบรรยากาศรอบตัวที่กำลังเย็นลง ผมตกใจอยู่ชั่วครู่กับการจู่โจมอย่างกะทันหันก่อนจะเปิดริมฝีปากตอบรับสัมผัสจากอีกคนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น..กว่าห้านาทีเราถึงผละออกจากกัน น้ำสีใสที่เปรอะเปื้อนรอบกรอบปากเป็นหลักฐานชั้นดีว่าเราพึ่งจะผ่านกิจกรรมอะไรกันมา

ผมควรชินได้แล้ว เราจูบกันบ่อยจะตายไป..แต่ทำไมหน้าผมต้องร้อนขึ้นมาด้วยนะ

“เรากลับกันเถอะครับ ถ้าตากหิมะนานๆคราวนี้คุณหมอได้ไม่สบายจริงๆแน่นอน”

“อืม..” ผมตอบรับก่อนจะยื่นมาไปจับกับอีกคนที่ยื่นมารออยู่ก่อนแล้ว ไม่ถึงสิบห้านาทีเราก็กลับมาที่ห้องผมกันอีกครั้ง เซนบังคับให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่หมด..เขาบอกว่ามันชื้นเดี๋ยวผมจะไม่สบาย แต่ก็นะ ผมใส่เสื้อตัวยาวคลุมเอาไว้อีกชั้นเสื้อด้านในไม่ได้สัมผัสกับหิมะเลยด้วยซ้ำ..ถ้าชื้นก็คงเป็นเหงื่อผมเนี่ยล่ะซึ่งอากาศเย็นขนาดนี้มันยังไม่ทันได้ออกเลยด้วยซ้ำ

ผมเบื่อที่จะเถียงเขาแล้ว เพื่อความสบายใจของเขาก็เลยเปลี่ยนให้มันจบๆไป

ผมเดินไปหยิบหนังสือบนโต๊ะมุมห้องก่อนจะคลานขึ้นมาอ่านบนเตียง เซนเองก็ตามมานอนข้าง..คนตัวสูงมองมาอย่างสนใจ แต่แน่นอนว่าเขาอ่านมันไม่ออกหรอก..ก็มันเป็นภาษาไทยทั้งหมดเลยนี่หน่า ผมหอบมาด้วยเลยนะ

“นายไม่ไปทำงานบ้างรึไง” ผมหันไปถามเขาก่อนจะเปิดหน้าที่อ่านค้างเอาไว้ขึ้นมา

“ก็ผมเป็นห่วงคุณ” เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“ผมโอเคแล้วนายก็รู้” ผมบอก

“ถึงอย่างนั้นผมก็ยังห่วงอยู่ดี อีกอยากคือผมอยากอยู่กับคุณนี่หน่า”

“เป็นเจ้านายที่ใช้ไม่ได้เอาซะเลย ถ้าผมเป็นมอรีสนะ..จะมาลากนายกลับไปจะแต่สองวันที่แล้วแล้ว ไม่ยอมทำงานคนเดียวแบบนั้นหรอก” ผมว่าออกมายาว

“มอรีสเขาก็มีทีมของเขา ทำคนเดียวที่ไหนกัน” อีกคนเถียงออกมา

“แล้วนายไม่ใช่ทีมของเขาหรอ”

“ก็ใช่..” เซนตอบเสียงเสียงแผ่ว สายตาเขาหลบลงเหมือนเวลาเด็กทำความผิด

“ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปบ้าง..ผมเคยพูดไปแล้วนี่ว่าไม่อยากให้นายต้องเสียงานเพราะผม จุดมุ่งหมายแรกในการมาที่นี่ของนายคืออะไรผมไม่อยากให้ลืมตรงนั้น”

“เฮ้อ..เอางั้นก็ได้ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมจะไปที่ไซต์ก็แล้วกัน”

“ดีมาก..ไม่ต้องห่วงผมหรอก นายกลับมาผมก็ยังอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหน”

“ห้ามผมไม่ให้ห่วงคุณสั่งอดข้าวทั้งวันยังทำง่ายกว่าเลย” อีกคนงอแงเหมือนเด็กๆ เขาชอบทำให้ผมนึกถึงหมาอยู่เรื่อยเลย

“ถ้าอย่างงั้นวันนี้ก็ไม่ต้องกินอะไรก็แล้วกันเนอะ” ผมแกล้งแหย่..ผมรู้เขาทำไม่ได้หรอก กินข้าวทีโคตรล้างผลาญเหมือนจับกัง ไปห้ามเขาให้อดมื้อกินมื้อมีหวังตรอมใจตาย

“โถ่คุณหมอ..” คนตัวสูงตัดพ้อออกมาเสียงอ่อน..

“ผมล้อนายเล่น..นอนได้แล้ว ผมรู้นะว่านายอดนอนเฝ้าผมทั้งคืนน่ะ” เซนไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก พอผมขยับตัวไปนั่งเอาหลังพิงหัวเตียงเอาไว้เขาก็ตามมาหนุนตักผมเหมือนตอนที่ฐานลับ

เอาเป็นว่าผมจะยกประโยชน์ให้จำเลยก็แล้วกัน..ปล่อยให้เขานอนไป มือข้างหนึ่งมีหนังสือที่ผมเปิดค้างเอาไว้..ผมกลับไปให้ความสนใจกับมันอีกครั้ง ส่วนมืออีกข้างกำลังสางผมสีน้ำตาลที่เข้มกว่าสีของตาอีกคนเล่น..มันนุ่มลื่นมือกว่าที่คิดนะ ผมของเขาเส้นเล็กมากเลย

ไม่นานก็รู้สึกได้ว่าคนบนตักหายใจสม่ำเสมอ เขาคงจะหลับลึกไปแล้ว ก็ดีดูแลตัวเองซะบ้าง..เขาเอาแต่ห่วงแต่ผม อย่างตากหิมะเราก็ไปมาด้วยกันแต่เขาก็ไม่เห็นจะใส่ใจเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย เดี๋ยวตัวเองจะป่วยซะเอง

ผมอ่านไปได้ไม่เท่าไรก็ต้องยอมแพ้แล้ววางมันไว้ข้างเตียง ตาผมมันพร่า แม้ว่าจะเริ่มชัดขึ้นมาบ้างแล้วแต่ก็ยังต้องเพ่งจนชักเริ่มปวดหัว จะขยับตัวก็กลัวจะทำอีกคนตื่น..ไม่มีอะไรทำแล้วสิ..ที่ทำได้ก็มีแค่แอบลอบสังเกตหน้าคนที่กำลังหลับสบายนี่ละมั้ง

เซนดูดีโดยเฉพาะรูปร่างสูงสมส่วนจนน่าอิจฉา..ผมก็รู้นะว่าเขาดูดีแต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ลองพิจารณาดูจริงๆสักที นอกจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเขาที่ผมชอบมองผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขามีเอกลักษณ์ตรงไหน เซนเคยบอกว่าตาเขาเปลี่ยนสีได้..มันเป็นไปเองตามแต่ละฤดู ผมเองก็พึ่งรู้เหมือนกันว่าฝรั่งเขามีอย่างนี้ด้วย

ปกติผมเป็นคนไม่ชอบไว้หนวดเครานะ มันทำให้ดูสกปรกในมุมมองของผมและผมก็เป็นพวกนิสัยติดรักสะอาดมากอยู่เหมือนกัน แต่กับเซนผมกลับรู้สึกว่าอีกคนดูดีเมื่อมีมัน..ไม่ได้ดูสกปรกอะไรแล้วมันเข้ากับเขามากเลยด้วยซ้ำ

พออยู่เฉยนานๆผมก็เริ่มง่วงขึ้นมาบ้างแล้วสิ..ช่วงนี้ตัวเองชักจะขี้เกียจใหญ่แล้ว

--

“คุณหมอ..คุณหมอครับ” ผมที่กำลังหลับลึกรู้สึกได้ถึงแรงเขย่าเรียกไม่เบานัก ลืมตาขึ้นมาก็เจอคนที่พึ่งจะนอนทับผมไปกำลังเรียกพลางยิ้มแป้น..นี่ผมเผลอหลับไปตอนไหนกันนะ

“ตื่นเร็วครับ..เลยเวลากินข้าวกินยามานานแล้ว”

“อืมม..” ผมบิดขี้เกียจออกมากำลังจะพลิกตัวไปอีกทางแต่อีกคนที่พุ่งมาดึงต้นแขนผมเอาไว้ทำเอาตกใจ
 
“เดี๋ยวทับแผล” อ่อ..ผมนี่ไม่ระวังเอาซะเลย         

--

“ไปที่ไซต์ได้ไหม ผมชอบอาหารที่นั่น” ผมถามเขา ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่อีกคนกลายเป็นเหมือนผู้ปกครองที่ต้องคอยขออนุญาต แต่แทนที่จะรำคาญผมกลับรู้สึกดีที่มีเขาคอยเป็นห่วงขนาดนี้

“แต่ว่าผมยังไม่อยากให้คุณไปตอนนี้” เซนพูดอย่างเป็นกังวล

“ทำไมล่ะ”

“ก็ผมกลัวคุณจะคิด..ช่างมันเถอะเอาเป็นว่าอดทนกินที่นี่ไปก่อนนะครับ”

“ผมไม่เป็นไร”

“แต่...” อีกคนรีบแย้งแต่ผมก็ปิดโอกาสเขาอย่างรวดเร็วด้วยประโยคต่อมา

“มีนายไปด้วยก็ไม่เป็นไรแล้ว..นะครับ”

“เฮ้อ..เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ”

..
....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2017 21:25:45 โดย _MidnightSBD »

ออฟไลน์ tulakom5644

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
เราชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกค่ะ เขียนสนุกภาษาสวย แต่ยังมีคำผิดเยอะอยู่นะคะ แต่ชอบแนวนี้ค่ะไม่เคยอ่านแบบวาย  หวังว่าจะได้อ่านต่อจนจบนะคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ :3123: :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ  สนุกมากกก

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อธิบายไม่ถูกรู้แค่ว่าชอบเรื่องนี้มากกกก ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ รอติดตามผลงานต่อไปค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

เซน คุณหมอ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cookie8009

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ชอบครับ

แต่รู้สึกบางช่วงก็เดินเรื่องเร็ว บางช่วงก็เนิบไปหน่อย

แต่โดยรวมแล้วชอบครับ

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
อยากรู้เรื่องโลเคชั้น
เรื่องนี้จะดำเนินที่เฮติตลอดเลยหรอ
อยากให้มาเมืองไทยบ้าง ตัวละครหลักน่าสนใจนะ

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ขอบคุณค่า :katai3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด