-15-
I will always beside you
ตอนแรกผมวางแผนไว้ว่าหลังเลิกงานจะกลับห้องแล้วนอนหลับให้เต็มตื่น แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆถึงกระเด้งตัวขึ้นมาใส่รองเท้าก็ไม่รู้
ต้องโทษเซนเลย เขาทำให้ผมเสียนิสัย..ทุกทีผมไม่เคยมีปัญหาด้านการนอนแต่คืนนี้ผมกลับนอนไม่หลับซะอย่างนั้น ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้แปลกที่เลยสักนิด
ผมจัดการยัดเท้าตัวเองลงไปในรองเท้าผ้าใบคู่โปรด ตามด้วยโค้ทตัวยาวอีกหนึ่งตัว เดินเอามือซุกกระเป๋าตามเส้นทางที่คุ้นเคยไปเรื่อยๆไม่ได้รีบร้อนอะไร ลมเย็นๆที่ตีหน้าเข้ามาเป็นระยะทำให้ผมรู้สึกดีถึงแม้ว่ามันจะหนาวอยู่เหมือนกัน..บรรยากาศในตอนนี้คงเป็นเหตุผลได้ดีว่าทำไมผมถึงชอบช่วงเวลากลางคืนมากกว่าตอนกลางวัน
เนื่องจากการมาในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจกะทันหัน เซนเลยไม่ได้มารับเหมือนอย่างเคย มันก็รู้สึกแปลกไปอีกแบบนะที่ผมได้มาเดินคนเดียว..เขาทำผมเสียนิสัยอีกเรื่องหนึ่งแล้ว
ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองไหมว่าบรรยากาศที่ไซด์มันเงียบผิดปกติ ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก็พบว่ามันเกือบจะสองทุ่มเข้าไปแล้ว..ก็นะ มันก็ต้องเงียบสิวะ ดึกป่านี้ใครเขาจะยังทำงานอยู่อีก คงไปกินข้าวไม่ก็เข้านอนกันหมดแล้ว
ผมรู้สึกได้ถึงสายตาบางคนกำลังจับจ้องมาที่ตัวเอง นั่นมันเริ่มไม่ดีแล้ว..แต่ผมไม่ควรตื่นตูมจนเกินไป
ผมรู้แล้วล่ะว่าสายตาพวกนั้นมาจากทางไหน ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้ต้องนิ่งเข้าไว้แล้วก้าวเดินต่อไปให้เป็นปกติที่สุดทั้งที่จริงๆแล้วมันปกติเลยสักนิด ใจผมสั่น..เต้นเร็วจนแทบจะหลุดออกมาจากขั้ว ความรู้สึกตอนอินกับหนังสยองขวัญเทียบกับอารมณ์ตอนนี้ไม่ติดฝุ่น ผมว่าผมเริ่มเข้าใจตัวละครพวกนั้นมากขึ้นแล้วสิ
“
HEY!!” ผมสะดุ้ง คนพวกนั้นเริ่มเคลื่อนไหว เสียงฝีเท้าไล่หลังมาทำให้ผมต้องรีบเร่งฝีเท้าขึ้นจากเดินเร็วกลายเป็นวิ่งในที่สุด..
แต่มันก็ยังช้าไปอยู่ดี..ผมโดนพวกเขาล้อมไว้หมดแล้ว
“What do you want from me?” ผมถามออกไป นอกจากนาฬิกาที่ข้อมือที่พอจะมีราคาผมก็ไม่มีของมีค่าอะไรแล้วนะ ถ้าคนพวกนี้ต้องการผมยินดีที่จะถอดและยื่นให้แต่โดยดี
คนหนึ่งนี่น่าจะเป็นหัวโจกตอบกลับมา เขาพูดด้วยภาษาฝรั่งเศสผมรู้..แต่สำเนียงเขามันฟังยากเกินกว่าที่ผมจะเข้าใจ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่มีสมาธิเลยแบบนี้
วงล้อมค่อยๆบีบแคบลงพร้อมกับผมที่ค่อยๆถอยหลังไปที่ละก้าว
ปึก!
ไม่มีที่ให้ผมหนีอีกแล้ว หลังผมชิดกำแพงและคนพวกนั้นกำลังค่อยๆดาหน้าเข้ามา
ผมจะไม่ลังเลที่จะสู้เลยสักนิดถ้าพวกนั้นมีกันแค่สองคน แต่นี่ผู้ชายตัวโตๆถึงหกคน มองทางไหนก็ไม่เห็นทางเอาตัวรอดได้เลย เรื่องวาทศิลป์ที่ผมถนัดยิ่งแล้วใหญ่..มันไม่มีประโยชน์อะไรเมื่อผมพูดภาษาเขาไม่ได้
มือคนทางซ้ายที่ใกล้ตัวผมที่สุดยื่นมาจับต้นแขนผมไว้..ผมสะบัดทิ้งและนั่นคงทำให้คนอื่นๆเริ่มโมโห หมัดเพียวๆซัดมาที่หน้าโชคดีที่ไวพอที่จะหลับเป้าหมายจากใบหน้าของผมกลายเป็นกำแพงด้านหลังแทน..เจ้าตัวร้องลั่น ซัดมากะผมสลบภายในหมัดเดียวขนาดนั้นมีกระดูกแตกแน่ๆ
ผมยกเท้าถีบคนผิวดำที่กำลังเข้ามาอย่างแรงจนเสียหลักล้มไป ก่อนจะหันไปตวัดขาก้านคอใส่อีกคน สบโอกาสแล้วผมต้องรีบหนี ลำพังแค่ผมไม่ทางล้มทุกคนได้
ตอนนี้ผมรีบสิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ผมรู้แค่ว่าผมต้องรอดจากตรงนี้ไปให้ได้ก่อน เสียงฝีเท้าที่ตามมาทำผมประสาทจะเสีย
ปั่ก!วัตถุแข็งๆบางอย่างกระแทกเข้ามาอย่างจังตรงศีรษะด้านหลัง เกินกว่าเจ็บปวดมันชาวาบอย่างรวดเร็ว หน้าผมเงยขึ้น..ของเหลวอุ่นร้อนสีแดงสดไหลลงมาอาบต้นคอ..ประสาทการรับภาพพร่าเบลอก่อนที่ผมจะทรุดลง
เหี้ยเอ้ย..อึก!..ผมพยายามฝืนตัวเอง จิกเล็บลงกับพื้นดันตัวขึ้น..สะบัดหัวเรียกสติตัวเองที่ใกล้จะหลุดลอยเต็มที อย่าว่าแต่ลุกแค่ฝืนตัวขึ้นนั่งผมยังทำไม่ได้เลย
เสียงหัวเราะอันน่าสะอิดสะเอียดตามมาด้วยสัมผัสที่รั้งแขนผมให้รุกขึ้นอย่างหยาบคาย เรียงรอบข้างพูดคุยเยอะเย้ยสภาพอันหน้าสมเพชของผมก้องระงม ผมเบลอเกินกว่าจะรับรู้อะไรได้แล้ว
แค่คนพวกนั้นผลักผมเบาๆผมก็หงายหลังลงไปนอนอย่างง่ายดาย ร่างสูงใหญ่ตามมาคร่อมทับ คนที่เหลือตามมาล็อคแขนผมไว้อย่างรู้งาน..มันจบแล้ว..ผมหมดหนทางแล้ว
มือหยาบกร้านของคนด้านบนไล้ไปตามใบหน้าผม มุมปากที่เต็มไปด้วยไรหนวดยกยิ้มอย่างโรคจิต ผมสะบัดหน้าหนีสัมผัสกักขฬะพวกนั้นอย่างรังเกียจก่อนจะโดนตบอย่างแรงจนหน้าชาวาบ
เอาจริงผมเบลอจนแทบไม่รู้สึกอะไรแล้วแต่รสคราวเลือดในโพรงปากยืนยันได้อย่างดีว่าแรงตบนั้นไม่ได้น้อยเลย ผมไม่เข้าใจว่าผมเคยไปทำไม่ดีอะไรไว้วะชีวิตถึงต้องมาเจออะไรบัดซบแบบนี้
“อื้อ!!!” ผมดิ้นพล่าน พยายามหันหน้าหลบคนด้านบนที่พยายามก้มลมมาบดจูบอย่างน่ารังเกียจ ผมไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังอะไรขนาดนี้มาก่อนในชีวิต หยดน้ำตาค่อยไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้
หมัดหนักๆซัดเข้ามาเต็มท้องจนผมแน่นิ่ง ไม่เหลือแรงแม้แต่จะยกขา
“อึก..เซน” นาทีนี้คนเดียวที่ผมคิดถึงคือเขา ผมอยากให้เขาอยู่ตรงนี้..แต่มันคงเป็นไปไม่ได้
แคว้ก!เสื้อยืดผมโดนฉีกขาดง่ายดายราวกับมันเป็นเศษผ้า ร่างกายผมเปิดเผยให้พวกมันมองมาอย่างโลมเลีย ก่อนจะก้มลงมารุมทำหยาบโลนอย่างกับผมไม่ใช่คน
“อ่ะ..อึก” ปากผมโดนบีบออกก่อนสัมผัสอุ่นร้อนบางอย่างจะยัดเข้ามาในปากบังคับให้ผมต้องเปิดรับมัน จะอ้วก..มันน่ารังเกียจจนผมจะขย้อนของเก่าออกมา
เสียงพวกนั้นหัวเราะสะใจยิ่งทำให้ผมรังเกียจ..รังเกียจตัวเอง รังเกียจพวกมัน โดยเพราะไอ้แท่งร้อนนี่..ผมรังเกียจจนอยากจะกันมันให้ขาด
“Ouch!!! Fuck!” ผมโดนตบอีกเพราะจงใจกัดของมัน แม้จะแลกด้วยแผลอีกมุมปากแต่มันก็ทำให้เลวนั่นยอมถอนส่วนน่ารังเกียจออกไป
“แค่ก..แค่ก..อึก” ผมไอโขลกออกมาจนตัวโยน น้ำลายที่ถมออกมาเต็มไปด้วยเลือด
“นั่นใครน่ะ!” เสียงใครสักคนดังออกมาจากที่ที่ผมรู้สึกเหมือนไกลแสนไกล แสงไฟฉาดสาดอาบใบหน้าเหมือนเป็นแสงสุดท้ายของผม
ผมเหนื่อย ผมอ่อนแรงเกินกว่าจะเอ่ยขอความช่วยเหลืออะไรแล้ว หัวผมหนักอึ้งสายตาพร่ามัว..ทำได้แค่เพียงนอนหอบหาบใจจนตัวโยน
ผลั่กเสียงฝ่าเท้าหนักๆกระแทกเข้ากลางหลังไอ้เหี้ยที่คร่อมผมไว้จนมันหน้าคว่ำไปอีกทาง ผมไม่รู้ว่าพวกเขาชุลมุนแค่ไหนตาผมมันหนักจนแทบจะปิดลงภายในไม่กี่นาทีนี้แล้ว
“คุณหมอ!” เซน..เสียงเซนเรียกให้สติที่ไกลจะหลุดของผมกลับมาอีกครั้ง ผมอยากมองหน้าเขาให้ชัดกว่านี้แต่ตาผมมันเบลอไปหมดแล้ว
“คุณหมอ..คุณหมอ ได้ยินผมไหม” เขาเรียกผมอย่างร้อนรน เขารีบถอดแจ็คเก็ตของเขามาสวมให้ผมก่อนจะช้อนตัวผมขึ้นอุ้ม..เขาทำอย่างกับผมหนักแค่ห้าสิบ คิดจะอุ้มก็อุ้มได้อย่างง่ายดาย
“เซน..” ผมขานตอบเขา
“ไปเป็นไรแล้วนะ..ผมอยู่นี่แล้ว..ผมจะพาคุณไปหาหมอ”
“อืม” ตอนนี้ผมเหนื่อยเกินกว่าจะพูดคุยอะไรแล้ว
“พวกมันไปแล้ว” เสียงมอรีสพูดขึ้นก่อนที่เซนจะได้ก้าวเดินพาผมออกไป
“ใคร?..รู้จักไหม”
“คนในไซต์เนี่ยละ พวกมาใหม่” เพื่อนเขาอีกคนที่ผมไม่รู้จักบอก
“เวรเอ้ย!” เซนสบถลั่นจนผมเองก็สะดุ้ง
“ช่างเรื่องนั้นก่อน คุณหมอควรได้รับการรักษาให้เร็วที่สุด”
“อืม”
--
ผมตื่นขึ้นมาด้วยสภาพร่างกายหนักอึ้ง อยู่ในสภาพนอนตะแคงจนแขนชาไปทั้งแถบ มันเจ็บไปหมดทั้งหน้า ทั้งปาก หน้าท้อง ที่หนักหนาที่สุดคงเป็นที่หัว
โชคดีที่ผมของผมสั้นอยู่แล้วไม่อย่างนั้นคงต้องถูกก้อนหัวแหว่งเพื่อเย็บแผลแน่ๆ ผมกระพริบตาช้าๆเพื่อปรับโฟกัส..มันผิดปกติแล้ว..ทำไมมันถึงไม่ชัดสักที
“เซน..” ผมรีบเรียกคนที่นอนฟุบอยู่ข้างเตียงอย่างร้อนรน
“ครับ..ฟื้นแล้วหรอครับ อย่าพึ่งขยับตัวนะ”
“ผม..ผมมองไม่ชัด มองหน้านายไม่ชัดเลย” เจ้าของตาสีน้ำตาลเบิกตากว้างก่อนจะยื่นมือมาเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาออกให้..นี่ผมอ่อนแอจนร้องไห้อีกแล้วหรอ..ไม่ใช่ปกติของผมเลย
“ไม่เป็นไรนะ..อย่าพึ่งคิดมากนะครับ..ผมจะรีบไปตามไมเคิลมาให้”
สรุปอาการของผมยังตอบไม่ได้ว่าสาเหตุหลักๆแล้วคืออะไรที่ทำให้การมองเห็นของผมมีปัญหา เนื่องจากเครื่องมือทางการแพทย์ที่นี่ไม่พร้อมพอที่จะสแกนสมองได้เลยทำได้แค่เพียงเฝ้าดูอาการไปก่อนสักระยะ ถ้าภายในสามวันมีอาการแย่ลงหรือเจ็ดวันยังไม่ดีขึ้นคงต้องกลับไทยก่อนกำหนด
“ไม่ต้องกังวลนะ ช่วงนี้ก็ให้ผมดูแลคุณไปก่อน” เซนพูดพลางช่วยพยุงให้ผมนั่งพิงหมอนเอาไว้อย่างที่ผมต้องการ ก่อนจะตามมานั่งตรงปลายเท้า มือเขาวางอยู่บนเข่าผม
“นายมีงานของนาย” ผมบอก
“ผมเป็นนายช่างนะครับ..ไม่ใช่คนงาน ค่อยเข้าไปตรวจงานเป็นระยะก็ได้ มอรีสไว้ใจได้อยู่แล้ว ใจผมอยู่นี่ผมจะเอาสมาธิไหนไปทำงานละครับ”
“ผมไม่อยากให้นายเสียงานเพราะผม”
“งานก็ส่วนงาน แต่คุณเป็นแฟนผมนะ..ผมเสียคุณไปไม่ได้ แค่เมื่อวานก็มากเกินพอแล้ว น้ำตาคุณเป็นของผม..ของผมแค่คนเดียว ผมขอโทษที่ปล่อยคุณต้องเผชิญกับอะไรแบบนั้น”
“ตามใจ..แต่ขอร้องผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว”
“ครับ”
“ผมอยากอาบน้ำ” ผมบอกเขา
“แต่ว่าแผลคุณ..” เขาพูดอย่างกังวล
“แผลผมอยู่ที่หัวนะ ไม่โดนน้ำหรอก”
“ถ้าอย่างนั้นผมไปด้วย”
“ผมจะกลับห้อง ฝากนายเดินไปบอกไมเคิลให้หน่อย”
“แต่ว่า..” วันนี้เซนพูดคำนี้กี่ครั้งแล้วนะ
“ผมเป็นหมอนะ ผมรู้ตัวเองดี ยังไงก็ต้องรอดูอาการ รอที่ไหนก็เหมือนกันนั่นล่ะ”
“อย่างนั้นก็ได้ครับ” เขาว่าอย่างจำยอม ผมรู้ว่าเซนเป็นห่วงผมแต่ผมเองก็ไม่อยากอยู่อย่างนี้เหมือนกัน
พอเขาเดินออกไปผมก็หันมาจัดการถอดเข็มให้น้ำเกลือตัวเองออก ไม่นานอีกคนก็เดินกลับมา
“ไมเคิลบอกว่าเขาอยากให้คุณอยู่ต่อ” เขาบอก
“ผมคงไม่ เขารู้ดีอยู่แล้ว”
“เฮ้อออ..” เซนถอนหายใจออกมาอย่างแรงราวกับมีเรื่องหนักใจเสียเต็มอก ในใจแอบบ่นผมอยู่ในใจแน่นอน แต่สุดท้ายเขาก็มาช่วยพยุงให้ผมลุกขึ้นยืน
--
“ให้ผมเข้าไปด้วย” เซนยืนเกาะขอบประตูห้องน้ำแน่น ตอนนี้เราอยู่ในห้องของผมแล้วและเขายืนยันว่าจะเข้ามาในห้องน้ำด้วยให้ได้
“ไม่..ผมขอ ผมอยากใช้เวลาอยู่คนเดียวสักพัก”
“ถ้าอย่างนั้นอย่าล็อคประตูนะครับ มีอะไรเรียกนะผมรออยู่ข้างนอก..ผมเป็นห่วง”
“ครับ” ผมรับคำเขาถึงยอมเดินออกไป
ถึงผมจะบอกเซนไม่ให้พูดถึงเรื่องนั้นอีกแต่ตัวผมเองกลับนึกถึงมัน มันยากสำหรับผมที่จะลืมได้โดยเร็ว ผมรีบปลดเสื้อผ้าแล้วอาบน้ำซะ หวังว่าสายน้ำจะลบสัมผัสพวกนั้นได้..หวังว่ามันจะทำให้ผมรู้สึกสกปรกน้อยลง
ผมอ่อนแออีกแล้ว..พอนึกถึงน้ำตาก็พลันจะไหลลงมา ผมรู้สึกขยักแขยง..โดยเฉพาะตอนนั้น สะอิดสะเอียดจนแค่นึกถึงก็อยากจะอ้วกออกมาอีกแล้ว
ผมกรอกน้ำเข้าปากแล้วบ้วนมันซ้ำๆ ไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้วที่ผมใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำแบบนี้
“พอแล้วครับ” เสียงประตูห้องน้ำกระชากออกเซนเข้ามากอดผมไว้โดยไม่สนว่าตัวเองจะเปียกไปด้วยกัน เขาแย่งฝักบัวในมือผมไปแล้วกดปิดมัน วงแขนแข็งแรงกระชับรอบตัวผมให้แน่นขึ้น
“ผม..ผมรังเกียจมันเซน..ผมสกปรก..อึก” ผมพูดออกมาอย่างอ่อนแอ ฝังหน้าลงกับแผ่นอกเขา ปล่อยให้เสื้อเขาเป็นผ้าซับน้ำตาผม
“ไม่..คุณไม่เคยสกปรก คุณล้ำค่าสำหรับผมเสมอ”
“แต่มัน..มันยัดเข้ามา..ผมจะอ้วก..ผม..”
“พอแล้วไม่พูดแล้วครับ เราสัญญากันแล้วไง” เขาว่าอย่างใจเย็น
“ผมน่ารังเกียจ..”
“ไม่..ไม่เลย” เขาพูดมันซ้ำๆ ก่อนจะพิสูจน์คำพูดของตัวเองด้วยการประกบริมฝีปากลงมา น้ำตาผมยังคงรินไหลลงมาจนผมรู้สึกได้ถึงรสเค็มปร่าจากมันพอๆกับรสสัมผัสจากอีกคน..
“อย่าพูดอย่างนั้นอีก..ครั้งนี้คุณร้องไห้กับมันซะให้พอแล้วสัญญากับผมว่าจะเข้มแข็งขึ้น”
“อึก..ผมจะพยายาม” เขายกมือขึ้นปาดน้ำตาให้ผมอีกครั้ง
“ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเอง..จำได้ไหมที่ผมเคยบอกคุณว่าความทรงจำบางอย่างมันยากที่จะลบ แต่ทาสีทำก็พอทำได้”
“...” ผมพยักหน้ารับ
“ผมจะทาสีให้คุณเอง”
“ช่วยผมที”
“ผมจะไม่ปล่อยให้คุณอยู่คนเดียวอีกแล้ว ไปเถอะครับไปแต่งตัวกัน..เดี๋ยวคุณจะไม่สบาย”
..
...