[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ] ในความคิดถึง (20-08-2560)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้นตอนเดียวจบ] ในความคิดถึง (20-08-2560)  (อ่าน 9770 ครั้ง)

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ในความคิดถึง


...เมื่อความบังเอิญ ทำให้เราเดินมาพบกันอีกครั้ง...


มัณฑนากรหนุ่มละสายตาจากข้อความในอีเมลของลูกค้าบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานหยิบกระเป๋าสตางค์ก่อนจะดึงบางสิ่งออกมา ไม่ช้าเชือกถักสีฟ้าสลับขาวก็ถูกบรรจงผูกรอบข้อมือข้างซ้ายอีกครั้งหลังจากถอดเก็บตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อน เพราะเจ้าของกลัวว่าจะไปหลุดหายที่ไหนระหว่างที่ตระเวนเก็บภาพในหลาย ๆ สถานที่ที่ตกแต่งภายในเสร็จเรียบร้อยเพื่อถามถึงผลตอบรับและการใช้งานจริงจากการออกแบบของลูกค้า ดวงตาสีเข้มทอดมองเส้นใยเล็ก ๆ ที่เกี่ยวตวัดขัดเบียดจนเกิดเป็นลวดลายง่าย ๆ พลันรอยยิ้มจาง ๆ ก็ฉาบทั่วทั้งใบหน้า…


“จะเปื่อยหมดแล้วเนี่ย อันที่พี่ซื้อให้ไม่เห็นจะเอามาสวมแทนเส้นนี้เลย” หญิงสาวที่เดินมาหยุดกล่าวพลางวางแก้วกาแฟที่ซื้อมาจากร้านเปิดใหม่ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของบริษัทลงบนโต๊ะ เธอเลื่อนเก้าอี้แล้วทิ้งตัวนั่งกอดอกมองเชือกถักที่เห็นรุ่นน้องร่วมแผนกสวมติดข้อมือตั้งแต่พบกันในวันแรกที่เขาเข้ามาในฐานะนักศึกษาฝึกงานกระทั่งกลายมาเป็นเพื่อนร่วมงานในที่สุด


ภากรส่ายหัวยิ้ม ๆ ไม่ใช่เพราะว่าอรพิมพูดเช่นนี้มาหลายรอบ หากแต่เพราะเขาไม่ใช่คนที่จะสามารถเปลี่ยนอะไรง่าย ๆ ต่างหาก ทั้งรองเท้า กระเป๋าสตางค์ ดินสอกด หรือแม้แต่คัตเตอร์ ถึงจะพังแล้วก็ยังพยายามหาแบบเดิมรุ่นเดิมมาใช้


“ผมกลัวของพี่อ้อจะเก่านี่ครับ อีกอย่าง...เส้นนี้ก็ยังดีอยู่เลย”


“กลัวเก่าหรือคุณค่าทางจิตใจมันเทียบเชือกเส้นนี้ไม่ได้กันแน่จ๊ะ”


ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ เรียวนิ้วยาวคว้าแก้วกระดาษทรงสูงแล้วเลื่อนมาไว้ตรงหน้าก่อนจะก้มลงดูดกาแฟรสกลมกล่อมที่คู่ซี้ต่างวัยซื้อมาฝาก


“เฮ้อ! อีกหน่อยพัดไม่อยู่แล้วพี่จะซื้อกาแฟมาเลี้ยงหมาที่ไหนล่ะเนี่ย สงสัยต้องกลับไปตักบาตรตอนเช้าเหมือนเดิมถึงจะได้บุญ” อรพิมเท้าคางบ่นอู้อี้มองดูชายหนุ่มที่กำลังนั่งสำลักน้ำ


“หมาที่ไหนจะหน้าตาดีขนาดนี้ พี่อ้อก็พูดไป” ว่าพลางดึงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงขึ้นซับเหนือริมฝีปาก


“จ้ะ! พ่อคุณ” คนอายุมากกว่าแสร้งค้อนขวับ “แล้วนี่เริ่มเก็บของบ้างหรือยัง อีกไม่กี่วันแล้วนะ”


“ทยอยเก็บลงกล่องบ้างแล้วละครับ” ภากรบอกขณะเลื่อนตาลงมองลังกระดาษที่วางอยู่ข้างโต๊ะเขียนแบบ ครึ่งหนึ่งคือของขวัญวันรับปริญญาที่พี่ ๆ มอบให้เมื่อเกือบ 2 ปีมาแล้ว ส่วนอีกครึ่งคือหนังสือที่ซื้อเก็บไว้และข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในช่วงเวลาที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำจนแทบจะยึดเอาที่ทำงานเป็นบ้านหลังที่สอง


“น่าใจหายเนอะ” จู่ ๆ คนมองตามก็เอ่ยเสียงอ่อย “มาทำให้พวกพี่เอ็นดูแล้วก็จะหนีกันไปเสียแล้ว”


“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ยิ่งพี่อ้อพูดผมยิ่งรู้สึกผิดที่ตัดสินใจแบบนี้”


ความเคร่งขรึมในน้ำเสียงส่งผลให้หญิงสาวต้องรีบเปลี่ยนสีหน้าทันที “ล้อเล่นจ้ะ อย่าคิดมากสิ พี่เข้าใจนะ ใคร ๆ ก็ต้องเลือกทางที่ดีที่สุดให้ตัวเองเสมอ อีกอย่างพัดก็อยากเป็นอาจารย์อยู่แล้วนี่ เขามีทุนให้ไปเรียนเป็นพี่พี่ก็เอา อีกไม่กี่ปีก็จะได้กลับมาตามฝันสักที ถึงตอนนั้นก็อย่าลืมแวะมาหากันบ้างก็แล้วกัน”


“ต้องมาสิครับ” คนฟังค่อยยิ้มออก ยังคงระลึกถึงไมตรีจิตที่อีกฝ่ายมีให้ไม่เสื่อมคลาย การเป็นลูกชายเพียงคนเดียวทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อยที่มีอรพิมคอยดูแลประหนึ่งเป็นพี่สาวแท้ ๆ แม้อายุจะห่างกันเพียง 3-4 ปี แต่ความคิดความอ่านของเธอก็นับว่าเป็นผู้ใหญ่เกินอายุนัก ดังนั้นสถาปนิกสาวผู้นี้จึงนับว่าเป็นที่พี่สาวและปรึกษาที่ดีที่สุดในยามที่น้องชายต้องการความช่วยเหลือเสมอ


สองคงยิ้มให้กันกระทั่งเสียงแจ๋วดังขึ้น 


"เฮลโหลเด็ก ๆ”


ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องจำต้องหยุดกิจกรรมทุกอย่างแล้วหันไปมองเจ้าของเสียงเป็นตาเดียว เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นหินแกรนิตดังถี่ขึ้น ในที่สุดร่างผอมเพรียวภายใต้เสื้อผ้าอาภรณ์เปรี้ยวเข็ดฟันก็ก้าวผ่านประตูเข้ามา “พาน้องฝึกงานมาแนะนำให้รู้จักจ้ะ” นุชนรีซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลกล่าวก่อนจะกวักมือเรียกใครบางคนที่รออยู่ด้านนอก ไม่ถึงอึดใจชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวผูกเนคไทสวมกางเกงสแล็คสีดำก็เดินตัวลีบเข้ามาหยุดอยู่ข้าง ๆ


“นี่น้องเอกจ้ะ”


สิ้นเสียงหญิงสาว ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เจ้าของทรงผมแสกข้างฉีดเสปรย์เสียจนลมพัดไม่กระดิกจึงก้าวขึ้นมาพร้อมกับยกมือไหว้ทุกคนในห้อง


“ผมชื่อเอก ชื่อจริงชื่อเอกพลครับ”


 “ส่วนอีกคน....ชื่ออะไรนะจ๊ะ ขอโทษทีพี่ลืมเสียแล้ว”


“ปนายุครับ เรียกป่านก็ได้ครับ” เจ้าของชื่อกล่าวและยกมือไหว้ 


“เอ้อใช่ นี่น้องป่านนะจ๊ะ สองคนนี้จะมาฝึกงานกับเราจ้ะ”


“สวัสดีจ้ะ” อรพิมกล่าวพลางมองสำรวจร่างสูงที่กำลังก้าวขึ้นมายืนข้างเพื่อน รู้สึกขัดใจอยู่หน่อยก็ตรงผมสีดำขลับไม่ได้จัดแต่งทรงที่ถูกปัดลงมาปรกหน้าผาก เข้าใจว่าเป็นทรงยอดนิยมที่มักเห็นตามนิตยสารแฟชัน แต่เล่นปล่อยยาวระลูกตาเช่นนี้ก็ให้นึกอยากจะจับมัดด้วยยางรัดถุงกับข้าวเสียให้เรียบร้อย   


นุชนรีแนะนำคณะและมหาวิทยาลัยที่ส่งนักศึกษาฝึกงาน ก่อนจะหันไปเล่าคร่าว ๆ ถึงงานในแผนกออกแบบตกแต่งภายในของบริษัทซึ่งเป็นงานที่นักศึกษาจะได้เข้ามาเรียนรู้ ถือโอกาสนี้อธิบายกฎระเบียบและเวลาสแกนนิ้วเข้า-ออกไปพร้อม ๆ กัน


“ในห้องนี้ครึ่งหนึ่งน่าจะเป็นรุ่นพี่จากคณะสถาปัตย์ มหาวิทยาลัยเดียวกับพวกเธอ ใช่ไหมโอม” หันไปถามคนอายุมากที่สุดในห้องเพื่อความแน่ใจ


“ใช่ครับ” คนนั่งหลังสุดตอบ 


“เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน มีอะไรก็ปรึกษาพี่ ๆ เขานะ ส่วนห้องทำงานของพวกเธอก็จะอยู่ห้องนี้แหละจ้ะ” พูดจบจึงหันไปกำชับกับคนอื่น ๆ “ยังไงพี่ฝากจัดที่นั่งทำงานให้น้อง ๆ ด้วย เดี๋ยวพี่จะพาน้องสองคนไปเจอหัวหน้าพวกเธอแล้วจะพาไปพบผู้จัดการฝ่ายขายต่อ”


“พี่ภพไม่อยู่ที่ห้องหรอกค่ะพี่นุช เพิ่งเดินสวนกับอ้อเมื่อครู่นี่เอง เห็นว่ามีประชุม ก็คงประชุมกับคุณคฤทธิ์ด้วย” อรพิมบอก


“อืม...ถ้าอย่างนั้นพี่ฝากน้อง ๆ ไว้ที่นี่ก่อนก็แล้วกันนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่จะแวะไปดูที่ห้องประชุมหน่อยว่ามีใครเข้าประชุมบ้าง เผื่อประชุมเสร็จจะได้พาน้อง ๆ ไปแนะนำทีเดียว” พูดจบหัวหน้าฝ่ายบุคคลก็ก้าวฉับ ๆ ออกจากห้องไป ทิ้งให้สองคนสบตากันปริบ ๆ


“ตามสบายน้อง ที่นี่เราอยู่แบบกันเอง” พี่โอม...ชายหนุ่มร่างกะทัดรัดที่กำลังกวาดม้วนกระดาษเขียนแบบลงกล่องเอ่ยขึ้นก่อนจะเรียกให้สองคนไปนั่งที่โต๊ะที่เพิ่งจัดเสร็จสด ๆ ร้อน ๆ “พี่ พี่ท็อป พี่ฝ้าย ก็จบมาจากคณะสถาปัตย์ มหาวิทยาลัยเดียวกันกับน้องนั่นแหละ ส่วนคนนั้นพี่อ้อ เขาจบนอก แล้วก็ไอ้พัด...ข้ามไปเลยดีกว่า อีกไม่ถึงอาทิตย์มันก็จะออกแล้ว”


“อ้าวพี่โอม ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ ตอนนี้ผมก็ยังเป็นสมาชิกของที่นี่นะพี่” คำท้วงติงของคนถูกพาดพิงเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนร่วมงานได้ไม่น้อย จะมีก็แต่สองนักศึกษาที่ยังคงวางหน้านิ่งเพราะทำตัวไม่ถูก


“เออ ลืม ๆ โทษที” โอมหันมายิ้ม “ไอ้คุณพัด จบมาจากคณะมัณฑนศิลป์ เมื่อก่อนมันก็เข้ามาฝึกงานเหมือนพวกเรานี่แหละ พอปีกล้าขาแข็งก็คคิดตีจาก”


“เกือบจะดีแล้วเชียว ถ้าจะแนะนำแบบนี้ พี่ด่าผมเถอะ” ภากรกล่าวกลั้วหัวเราะ 


“ไอ้...” โอมตะโกนลั่นในคำแรกก่อนจะเหลือไว้เพียงรูปปากที่เหยียดออกในคำหลัง แม้ไม่มีเสียงแต่อีกฝ่ายก็รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่ามันต้องหมายถึงสัตว์เลื้อยคลานที่พี่ดอมใช้เรียกแทนชื่อน้อง ๆ ในห้อง


“ขอบคุณคร้าบบบ” พูดจบมัณฑนากรหนุ่มก็คว้ากระเป๋าสตางค์และกระเป๋าใส่แบบมาไว้กับตัว “ไปดีกว่า สบายใจแล้ว”


“อ...อ้าว จะไปไหนล่ะพัด” อรพิมถามอย่างแปลกใจ


“มีนัดไปติดตามงานกับลูกค้าครับ”


“เฮ้ย! เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ไป นี่จะไปอีกแล้วเหรอ”


“งานสุดท้ายของผมแล้วก็อยากให้มันเรียบร้อยน่ะพี่ ไปก่อนนะครับทุกคน ถ้าพวกพี่ยังไม่กลับ บ่าย ๆ คงได้เจอกัน” พูดจบชายหนุ่มก็ลุกออกจากโต๊ะ ไม่ลืมยิ้มและค้อมศีรษะให้นักศึกษาฝึกงานที่พากันหลีกทางให้...


...   


ภากรย้อนกลับมาอีกครั้งอย่างที่บอกไว้ แต่เพราะฝนฟ้าที่ตกลงมาทำให้การจราจรในกรุงเทพฯ แทบเป็นอัมพาต สถานีรถไฟฟ้าแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่รอเดินทาง แทนที่เขาจะถึงบริษัทในเวลาบ่ายคล้อยอย่างที่คำนวณเอาไว้ก็มาถึงเอาหลังเวลาเลิกงานไปแล้ว เมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องก็พบว่าทุกคนยังอยู่กันพร้อมหน้า โต๊ะประชุมด้านในถูกยกให้นักศึกษาฝึกงานซึ่งในขณะนี้กำลังง่วนอยู่กับการขีดเขียนภาพลงบนกระดาษ


“พี่โอมสั่งให้น้องฝึกงานทำอะไรเนี่ย” เจ้าของร่างสูงเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาหยุดข้างหลัง มองสิ่งที่สองคนกำลังทำ


เมื่อไม่มีใครเงยหน้าขึ้นตอบคนสั่งจึงจำต้องเดินมาบอกเสียเอง “ให้ลองเขียนแบบโครงสร้างอาคารน่ะ ปิดเทอมไปนานเดี๋ยวลืมหมด ต้องเคาะสนิมสักหน่อย”


“มาฝึกงานวันแรกก็โดนพี่โอมรับน้องเสียแล้ว” คนอายุน้อยกว่ากระเซ้า


“ตอนแกเข้ามาฝึกงานที่นี่วันแรกก็โดนพี่ภพรับน้องแบบนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือไง”


“ใช่ ข้าวปลาไม่ได้กิน ไม่เสร็จไม่ให้กลับบ้าน ฝึกงานไม่ผ่านด้วย โหดมาก”


“ไปนั่งเลยไอ้พัด พูดขู่กันแบบนี้เดี๋ยวน้องมันกลัวหมด”   


“น้องไม่กลัวหรอก เพราะพี่โอมกำลังจะเดินมาบอกว่าไว้มาทำต่อพรุ่งนี้ก็ได้ ใช่ไหมล่ะครับ”


โอมพยักหน้าแล้วกล่าวประโยคนั้นซ้ำ ดังนั้นสองคนจึงวางดินสอลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย


ภากรเลื่อนตาตามร่างสูงโย่งของชายหนุ่มที่เดินไปหยุดยังหน้าต่าง ดวงตาของเขาทอดมองเม็ดฝนที่ยังคงโปรยลงมาอย่างไม่ขาดสาย


“ตกหนักเลยว่ะเอก กลับบ้านได้ไหมเนี่ย”


“เดี๋ยวฉันเกาะพี่โอมกลับ ถามมาแล้วว่าบ้านอยู่ทางเดียวกัน” เอกพลพูดกลั้วหัวเราะก่อนจะรีบเก็บกล่องดินสอใส่เป้


“อ้าวไอ้นี่ ตัดช่องน้อยแต่พอตัวเลยนะแก” ปนายุบ่นอุบก่อนจะเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งที่เดิม


“สนองนโยบายรัฐไง ทางเดียวกันไปด้วยกัน”


“บ้านอยู่แถวไหนล่ะ ถ้าไม่ไกลเดี๋ยวพี่ไปส่งก็ได้ หรือจะติดรถไปลงที่สถานีรถไฟฟ้าก็ได้นะ” โอมเสนอ


“ไม่เป็นไรครับ บ้านผมกับบ้านไอ้เอกคนละทางกันเลย รถไฟฟ้าตอนนี้คนคงมหาศาลแน่ ผมนั่งทำงานไปเรื่อย ๆ ดีกว่า รอฝนหยุดแล้วค่อยว่ากัน”


“เอาไว้ทำต่อพรุ่งนี้ก็ได้ พี่ก็แค่อยากดูฝีมือเฉย ๆ นี่ก็เลิกงานแล้วด้วย เดี๋ยวก็ทยอยกลับกันหมดแล้ว ฝ่ายบุคคลเขาก็ยังไม่ได้ทำบัตรเข้าออกตึกให้ไม่ใช่เหรอ” ผู้มีอาวุโสที่สุดในห้องกล่าว เริ่มร้อนใจเพราะตนเองได้รับมอบหมายจากหัวหน้าให้ดูแลนักศึกษาฝึกงาน


“จริงด้วย” หนุ่มนักศึกษากล่าวเสียงอ่อย “ถ้าอย่างนั้นผมกลับเลยดีกว่า”


“ไม่เป็นไร ถ้ายังไม่อยากกลับก็อยู่ต่อก่อนก็ได้” เป็นภากรที่แทรกขึ้นด้วยเข้าใจดีว่าช่วงเวลาเช่นนี้ในระบบขนส่งสาธารณะคงจะโกลาหลน่าดู ว่าแล้วเขาเบนหน้าไปยังเพื่อนรุ่นพี่แล้วพูดต่อ “ผมมีงานต้องเคลียร์แล้วก็ว่าจะเก็บของต่ออีกหน่อย พี่โอมกลับไปก่อนเลย เดี๋ยวผมพาน้องออกจากตึกเอง”


“เออ ถ้าอย่างนั้นฝากด้วยนะ วันนี้แฟนพี่ชวนไปกินข้าวกับพ่อแม่เขาที่บ้านน่ะ” โอมว่าพลางเก็บของอย่างรีบร้อนในขณะที่เสียงเตือนข้อความเข้าจากก็ดังถี่จนแทบอยากจะปิดโทรศัพท์หนี “ไปโว้ยเอก”


“ครับ” เอกพลรับคำพร้อมกับลุกขึ้นสะพายเป้แล้วเดินมาตบหลังเพื่อน “ไปก่อนนะไอ้ป่าน”


“เออ เจอกันพรุ่งนี้” ปนายุโบกมือให้พลางมองตามคนที่กำลังเดินตามพี่เลี้ยงของพวกเขาออกไป...
   

ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาที่ยังคงเรียบร้อยไม่ต่างกับเมื่อตอนเข้างานยกกรวยกระดาษที่มีน้ำอยู่เกือบเต็มขึ้นดื่มพลางเงยหน้าขึ้นมองมองนาฬิการติดฝาผนังที่เหนือขึ้นไปบนตู้น้ำเย็น แม้จะเลยเวลาเลิกงานมาแล้วเกือบหนึ่งชั่วโมง แต่ตามแผนกต่าง ๆ ก็ยังพอมีพนักงานหลงเหลืออยู่บ้าง ส่วนด้านนอกนั้นฝนยังคงตกลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ปนายุเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานอีกครั้งก่อนจับดินสอลากไปมาโดยมีไม้บรรทัดเป็นตัวกำกับไม่นานเส้นหนาบางเหล่านั้นประกอบกันเป็นรูปร่างและรูปทรงต่าง ๆ


“ถ้าใช้โปรแกรมเขียนป่านนี้เสร็จไปนานแล้ว” ริมฝีปากได้รูปบ่นกับตัวเอง
   

“ถึงทำด้วยโปรแกรมจะเร็วกว่า แต่ยังไงการเขียนแบบด้วยมือมันก็เป็นพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับสถาปนิกไม่ใช่เหรอ” คนที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ เลือกของจากลิ้นชักใส่ลังกระดาษเอ่ยขึ้น
   

“ก็จริงครับ” หนุ่มนักศึกษากล่าวพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้มองแท่งดินสอกดที่หมุนไปมาตามการบังคับของเรียวนิ้ว ในที่สุดเขาก็พ่นลมใจยาวขยับนั่งตัวตรงแล้วเริ่มจดปลายกราไฟต์ลงบนระนาบรองรับ กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงชายหนุ่มจึงวางดินสอลง ลุกขึ้นแล้วถอยห่างออกมามองผลงานของตนเอง


“ทำงานที่นี่สนุกไหมครับ” ถามในขณะที่ดวงตายังไม่ละจากกระดาษตรงหน้า


ภากรจ้องกรอบรูปในมือนิ่ง มันเป็นของที่ระลึกในวันสุดท้ายของการฝึกงานที่พี่ ๆ มอบให้ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มน้อย ๆ แล้ววางภาพความทรงจำสุดประทับใจซ้อนลงบนสิ่งของอื่น ๆ “ก็สนุกดี ถึงบางที่จะเหนื่อยสุด ๆ หรือบางวันแทบจะไม่ได้นอนก็ยังสนุก”


“แล้วทำไมถึงลาออกเสียล่ะครับ”


“ได้ทุนไปเรียนต่อน่ะ”


“ทุน? ที่นี่มีทุนให้ด้วยเหรอครับ” ปนายุกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจกึ่ง ๆ สนใจ


“ไม่ใช่หรอก เป็นทุนของมหาวิทยาลัยที่เคยเรียนน่ะ แต่จบแล้วก็ต้องกลับไปสอนให้เขา”


“ดีจัง นึกว่าจะเลิกทำงานสายนี้แล้วเสียอีก”


คนฟังเงยหน้าขึ้นมองเมื่ออีกฝ่ายเดินมาหยุด “อยากกลับบ้านหรือยัง”


“เก็บของให้เสร็จก่อนก็ได้ครับผมไม่ได้รีบไปไหน ท่าทางฝนต้องตกทั้งคืนแน่ ๆ”


“ไว้ค่อยเก็บต่อพรุงนี้ก็ได้ แต่ขอตอบเมลลูกค้าก่อนนะ เสร็จก็จะกลับแล้วละ”


ปนายุพยักหน้าก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงกวาดตาไปรอบ ๆ ห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ด้านหนึ่งเป็นผนังกระจกมองออกไปเห็นทิวทัศน์ของมหานครยามค่ำคืน หูได้ยินเสียงปลายนิ้วกระทบแป้นพิมพ์ ในที่สุดดวงตาของเขาก็มาหยุดยังข้อมือซึ่งพันหลวม ๆ ด้วยเชือกถักสีฟ้าขาว


“เรียบร้อย” ภากรบอก ยิ้มให้ตัวเองเมื่อนึกถึงภารกิจที่ใกล้จะเสร็จสิ้นพร้อม ๆ กับเวลาที่กำลังจะหมดลง ชายหนุ่มปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อนจะใช้สองมือประคองลังกระดาษใบหนึ่งขึ้น “กลับเถอะ”


“ผมช่วย” พูดจบปนายุก็ทำท่าจะรั้งลังกระดาษมาอุ้มเอาไว้เสียเอง


“ไม่เป็นไร ช่วยปิดไฟในห้องให้ก็พอ”


“ไม่เป็นไรครับ ให้ผมช่วยเถอะ ผมอยากช่วย”


เมื่อเห็นหนุ่มนักศึกษายืนยันเจตนารมณ์เดิม ภากรจึงยอมปล่อยลังกระดาษให้ คว้าร่มแล้วเดินไปปิดไฟจากนั้นก็ตามกันออกไปยืนรอลิฟท์


“บ้านอยู่ไหน” มัณฑนากรหนุ่มเอ่ย


“พระโขนงครับ”


“ไกลจัง แล้วเมื่อเช้ามายังไง”


“นั่งรถไฟฟ้ามาครับ แล้ว...พี่ล่ะครับ บ้านอยู่แถวไหน”


“ใกล้ ๆ นี่แหละ...บางซื่อ” คนพูดหัวเราะ


“ไม่ไกลเลยเนอะ บางซื่อ-สุรศักดิ์” ปนายุย่นคิ้วพลางเหล่มองคนข้าง ๆ


“ไปกลับอย่างนี้จนชินแล้วน่ะ”


“อืม...ถ้าผมจะรบกวนขอติดรถไปลงที่สถานีรถไฟฟ้าใกล้ ๆ หน่อยจะได้ไหมครับ”


“ได้สิ รบกงรบกวนอะไรกัน” ภากรกล่าวก่อนจะเอื้อมมือดันบานประตูที่เพิ่งเปิดออกรอกระทั่งอีกฝ่ายเดินเข้าไปจึงเดินตามไปหยุดยืนข้างกัน


เมื่อประตูปิด ลิฟต์แก้วก็ค่อย ๆ ไต่ระดับลงจากอาคารสูง ความมืดโรยตัวลงห่มคลุมผืนดินอีกครั้งหากแต่ที่นอกผนังกระจกนั้นปรากฏแสงไฟสว่างไสว เป็นภาพแปลกตาสำหรับคนมาใหม่ ชายหนุ่มเบือนหน้ามองออกไปยังดวงไฟเล็ก ๆ ที่เคลื่อนอย่างเชื่องช้าตามกันเป็นสายบนทางยกระดับ ไม่นานก็ดึงสายตากลับมายังเงาสะท้อนร่างคนข้าง ๆ บนระนาบกระจก เห็นว่าเขาเองก็มองออกไปที่ด้านนอกเช่นกัน


“Bird’s eye view” ปนายุเอ่ยขึ้น


“ชอบแบบไหน Bird’s eye view หรือ Worm’s eye view” ภากรหันมาถาม


“ผมชอบ Human’s eye view มากกว่า ไม่อยากเป็นทั้งนกทั้งหนอน”


“ทำไมล่ะ”


“ภาพที่เห็นจากมุมมองของนกมันดูไกลเกินไป เห็นทุกอย่างเป็นแค่จุดเล็ก ๆ ส่วนภาพที่เห็นจากมุมมองของหนอนตัวเล็ก ๆ มันยิ่งไกลเกินเอื้อม ว่าไหม”


“อืม...ก็จริงนะ”


สิ้นเสียงภากรต่างคนก็ต่างมองออกไปนอกกระจกอีกครั้ง กระทั่งลิฟต์เปิดออกที่ชั้นล่างสุด สองคนเดินผ่านประตูอัตโนมัติออกมาที่ด้านหน้าของอาคาร


“รถจอดตรงไหนครับ”


“ข้างป้อมรปภ.นั่นน่ะ”


คนถามมองตามก่อนจะพยักหน้า เมื่อเห็นว่าฝนเริ่มซาจึงก้าวลงบันได “ไปเถอะครับ”


ภากรโคลงหัว กางร่มออกแล้วเร่งฝีเท้ากระทั่งตามอีกฝ่ายทัน “เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี”


ปนายุเหลียวมองเสี้ยวหน้าของคนที่เดินกางร่มให้นิดหนึ่งก่อนจะเลื่อนลงมายังข้อมือที่จับคันร่มของเขาแล้วมองไปข้างหน้าหมือนเดิม


สองคนเดินเคียงกันไปกระทั่งรถที่จอดอยู่ จากนั้นภากรก็เปิดประตูให้อีกฝ่ายวางลังกระดาษไว้ที่เบาะด้านหลังคนขับ


“ขอบคุณมากที่อุตส่าห์ช่วยแบกมาให้”


“ไม่เป็นไรครับ” ว่าแล้วคนพูดก็วิ่งอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อเจ้าของรถจะได้ไม่ต้องกางร่มมาส่ง


“เอ้า! ไม่รอเลย เดินไปส่งก็ได้”


“ไม่เป็นไรครับ” พูดจบก็เปิดประตูเข้าไปนั่ง


“พรุ่งนี้เป็นหวัดมาทำงานไม่ได้อย่ามาโทษกันนะ” ภากรกล่าวอย่างไม่จริงจังนักเมื่อเข้ามานั่งประจำที่คนขับ เก็บร่มแล้วส่งไปไว้ด้านหลังก่อนจะติดเครื่องยนต์


“ไม่โทษหรอกครับ”


เจ้าของรถยิ้มพลางลอบสำรวจชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังยกมือขึ้นขยี้หัวที่พราวด้วยละอองฝน ทันทีที่เส้นผมถูกเสยปัดขึ้นเผยให้เห็นแผงคิ้วและดวงตาอย่างชัดเจน คนมองก็รู้สึกราวกับเคยเห็นใบหน้าเช่นนี้ที่ไหนมาก่อน


“รถติดจัง” ปนายุพึมพำกับตัวเองเมื่อรถเคลื่อนเข้าสู่ถนนสายหลักมาได้หน่อยก็ต้องจอดนิ่ง
ภากรละสายตาจากที่ปัดน้ำฝน ผ่อนลมหายใจยาวแล้วเอื้อมมือกดปุ่มเปิดเครื่องเสียงติดรถยนต์ เลื่อนหาคลื่นของรายการวิทยุไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง...


“เคยเอาคะแนนไปสมัครโครงการคัดเลือกรอบพิเศษของคณะมนุษย์ใช่ไหมครับ”


คนฟังชะงัก ลดมือลงวางบนหน้าขา มองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย


“จำได้ไหม เราเคยเจอกันเมื่อวันสอบสัมภาษณ์”


เมื่อเช้าถ้าใครผ่านมาแถวอโศกจะเห็นว่ารถติดมากเลยนะคะ เพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก เราจะเห็นน้อง ๆ นักเรียน นิสิต แต่งกายถูกระเบียบเรียบร้อยน่ารักเดินกันเป็นกลุ่มบนสถานีรถไฟฟ้า...


มัณฑนากรหนุ่มนิ่งเงียบ ยิ่งคิดหัวคิ้วก็ยิ่งเคลื่อนเข้าหากันจนแทบจะขมวดเป็นปม


และเพลงหนึ่งที่คุณผู้ฟังขอเข้ามาทาง SMS ก็ช่างเข้ากับบรรยากาศช่วงนี้เหลือเกินค่ะ...


เพียงโน้ตห้าตัวแรกดังขึ้นภาพของอีกฝ่ายก็ถูกซ้อนทับด้วยภาพของเด็กหนุ่มร่างสูงโย่งเจ้าของผมยาวระต้นคอ วินาทีนั้นคล้ายกับเข็มนาฬิกาหยุดแล้วหมุนทวนพาวันเวลาย้อนคืนไปสู่เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อหกปีก่อน...


(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2017 09:49:45 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)

เสียงกีตาร์โปร่งดังแว่วมาจากกลุ่มนักศึกษาที่กำลังนั่งล้อมวงอยู่ใต้ตึกคณะมนุษยศาสตร์ ใกล้ ๆ กันคือโต๊ะลงทะเบียนเพื่อรอเข้ารับการสัมภาษณ์สำหรับนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในระบบโควตาของคณะ


“น้องคะ สาขานิเทศมาลงทะเบียนทางนี้แล้วไปนั่งรอที่หน้าห้องสอบสัมภาษณ์ได้เลยนะคะ สัมภาษณ์เสร็จแล้วอย่าเพิ่งกลับนะ มาเจอพี่ตรงนี้ก่อน พี่ ๆ มีของที่ระลึกจะให้”


ยิ่งใกล้เวลา หลายคนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้เพราะนี่คือการสอบสัมภาษณ์เพราะเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรกของพวกเขา บางคนโชคดีที่มีเพื่อนมาด้วยกัน อาการวิตกกังวลระคนตื่นเต้นจึงคลายลงบ้าง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับภากร อัตถกรกิจจา เด็กหนุ่มในชุดกางเกงนักเรียนขาสั้นสีดำเสื้อเชิ้ตสีขาวปักตัวย่อโรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่ง เขายืนขึ้นเมื่อได้ยินเสียงขานชื่อตัวเองแล้วพาร่างแทรกผ่านประตูเข้าในห้องที่เปิดแอร์คอนดิชันเสียเย็นเฉียบ เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีจึงได้กลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก ไม่ลืมจะเดินไปยังจุดนัดพบตามที่รุ่นพี่บอก ดวงตาภายใต้กระจกแว่นสายตากวาดมองไปรอบ ๆ ในขณะที่หูยังคงแว่วเสียงเกากีตาร์คลอไปกับคำร้องซึ่งเป็นถ้อยคำเรียบง่าย...


แอบลุ้นตั้งแต่วันที่ไม่รู้จัก อยากทักเมื่อวันที่ได้เห็นหน้า แรกพบอยากคุยอยากสบสายตา สรรหาคำใดมาสื่อไมตรี...
   

ร่างสูงของใครบางคนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในรัศมีของการมอง แม้ภาพนั้นจะพร่ามัวแต่ก็รู้ว่าเขาเดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และเมื่อถึงระยะชัดภากรจึงได้เห็นรายละเอียดของอีกฝ่าย คนมองใช้ปลายนิ้วดันแว่นสายตาพลางมองเจ้าของผมเผ้ายาวที่ไม่ได้จัดแต่งทรง เขาสวมชุดลำลองตามสมัย ในมือกำไม้เสียบสายไหมสีชมพูก้อนโต ดูอย่างไรก็ไม่เข้ากับใบหน้าเคร่งขรึมที่ครึ้มไปด้วยหนวดเคราเอาเสียเลย


ไม่นานร่างสูงก็เดินมาหยุดแล้วกล่าว “ฝากถือหน่อยสิ พี่มีของจะให้”


เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนยังคงยืนนิ่ง ลอบกลอกดวงตาไปทางซ้ายทีทางขวาทีเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอื่น 


“พี่พูดกับเรานั่นแหละ ถือให้หน่อย” ว่าแล้วก็ยื่นสายไหมเสียบไม้ให้


แม้จะยังไม่เข้าใจเจตนาแต่เด็กหนุ่มรับมันมาถือไว้โดยไม่อิดออด มองเจ้าของร่างสูงที่ล้วงหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ


“ยื่นมือมาสิ พี่มีของจะให้” เมื่อเห็นว่าคู่สนทนาไม่มีท่าทีจะให้ความร่วมมือจึงรั้งแขนของอีกฝ่ายขึ้นแล้วบรรจงผูกเชือกถักที่เตรียมมารอบข้อมือขาว “ฟ้าขาวคือสีประจำสาขาเรา ยินดีต้อนรับนะ”


...คนดีมาเป็นขวัญใจของพี่ ณ ที่แห่งนี้ยินดีต้อนรับเสมอ โลกหมุนให้เราได้มาพบเจอ ไม่ใช่ละเมอ เราได้เจอกันแล้วจริง ๆ ...


ภากรมองมือใหญ่ที่คลายออกก่อนจะเลื่อนตาขึ้นสบ พลันรอยยิ้มบาง ๆ ก็ฉาบทับหน้าขรึม เป็นรอยยิ้มแรกที่เขาได้รับในสถานที่ที่ปราศจากคนรู้จักและบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย...


“ชื่ออะไรเหรอ”


“พ...พัดครับ”


“พี่ชื่อป่านนะ” เขายังคงยิ้ม “แล้วเจอกันวันรายงานตัวนะน้องพัด” ว่าแล้วคนพูดก็เตรียมจะหันหลังกลับ แต่สิ่งที่ถืออยู่ในมือทำให้ภากรต้องทักท้วง


“เดี๋ยวครับ”


คนอายุมากกว่าชะงักพร้อมกับเลิกคิ้ว มองสายไหมที่ถูกยื่นมาให้ เขายิ้มแล้วตอบเพียงสั้น ๆ “เอาไปเถอะ พี่ให้ แล้วเจอกันวันรายงานตัวนะ”


...ผูกพันดังสายไหมในโรตี จะคอย คอยลุ้นคนดีร่ำไป แห่งไหน ที่ใจของเธอใฝ่ฝัน จะเป็นมิ่งขวัญ ซึ่งกันและกันและตลอดไป...


ภากรกลับมาที่มหาวิทยาลัยอีกครั้งหลังจากวันประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษาต่อในสาขานิเทศศาสตร์ เขาพบว่าเพื่อน ๆ หลายคนต่างกลับมาที่นี่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ด้วยหัวใจที่มุ่งหวังว่าอีกสี่ปีจะสำเร็จการศึกษาจากที่นี่ คงจะมีแต่เขากระมังที่ย้อนมาอีกครั้งหนด้วยเหตุผลที่ต่างออกไป


แค่อยากมาบอกลา...


แต่ก็ไม่เจอ มองหาเท่าไรก็ไม่เจอ


และคำถามที่ว่า...ทำไมใครคนนั้นจึงเลือกเดินเข้ามาทักเด็กหนุ่มหน้าตาธรรมดา ๆ แทนที่จะเดินเข้าไปหาสาว ๆ สวย ๆ ก็ยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้



“จำได้ไหม”


“จ...จำได้” มัณฑนากรหนุ่มบอก แม้ภาพของใครบางคนจะเลือนรางเต็มที แต่หากพูดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น เขายังคงจำได้ไม่ลืม


“พี่...เป็นพี่รหัสเรา”


ภากรพยักหน้าทั้งที่ยังรู้สึกงุนงง แต่อย่างน้อยสิ่งที่เขาสงสัยมาตลอดก็ได้รับการเฉลยสักที


“ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอที่นี่ แถมเรียนจบก่อนมีงานมีการทำแล้วด้วย”


“ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้เจอ...” อาการตั้งตัวไม่ติดทำให้จำต้องกลืนคำว่า “พี่” ลงคอ ตาสีเข้มเบนหนีซีกหน้าประดับรอยยิ้มมองผ่านใบปัดน้ำฝนที่กำลังโบกไปมาบนระนาบกระจกเห็นป้ายสถานีรถไฟฟ้าอยู่ไม่ไกลจึงเตรียมเบี่ยงเข้าใกล้บาทวิถี แม้จะไร้แววตื่นเต้นในดวงตาหากแต่ใต้อกเสื้อนั้นคล้ายมีบางสิ่งเริ่มเคลื่อนไหว   


“ขอโทษนะ”


“เรื่อง?”


“ทั้ง ๆ ที่บอกไว้ว่าเจอกันวันรายงานตัวแต่ก็ไม่ได้ไป”


“ไม่เป็นไรนี่ เราก็ไม่ได้เรียนที่นั่นเหมือนกัน พอดีสอบติดมัณฑนศิลป์”


คนฟังพยักหน้า “เพื่อน ๆ ที่นั่นบอกอยู่เหมือนกันว่าน้องมาลาออกก่อนจะเปิดเทอม ป่านเองก็ลาออกมาสอบใหม่” ปนายุเลี่ยงใช้สรรพนามก่อนหน้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีอึดอัดที่ไม่รู้จะเรียกเขาว่าอย่างไร “เลือกคณะดุริยางค์ น่าจะที่เดียวกัน ตอนแรกคิดว่าน่าจะเหมาะกับตัวเอง แต่สุดท้ายก็ลาออกมาสอบสถาปัตย์ เลยกลายมาเป็นน้องฝึกงานที่บริษัท...”


คนพูดหยุดนิดหนึ่งเพื่อตัดสินใจก่อนจะกล่าวต่อ “พัด...เรียกแบบนี้ได้ไหม หรือควรเรียกพี่พัด”


“เอาที่สบายใจเลย” เจ้าของชื่อหัวเราะเก้อ ๆ เพราะภากรก็ยังหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้เช่นกัน...


...
   

ปนายุรู้สึกว่าตนเองคิดผิดที่แสดงตัวให้ภากรได้รู้ เพราะแทนที่จะมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับอดีตน้องรหัสเพื่อชดเชยความรู้สึกค้างคาในอดีต กลายเป็นว่านับจากวันนั้นทั้งเขาและภากรก็แทบจะไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย อาจเพราะต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าจะต้องปฏิบัติต่อกันในฐานะใด


กระทั่งวันสุดท้ายของการทำงานมัณฑนากรหนุ่ม สมาชิกในแผนกและคนอื่น ๆ ในบริษัทต่างลงความเห็นว่าจะเลี้ยงส่งน้องเล็กที่สุดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านหัวลำโพง ห้องคาราโอเกะห้องใหญ่ที่สุดถูกจองไว้ตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน พอถึงเวลาเลิกงานทุกคนก็พร้อมใจกันปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และแสกนลายนิ้วมือแล้วมุ่งหน้าไปยังที่หมายทันที ในบรรดาหนุ่มสาวพนักงานออฟฟิศโอมดูจะร่าเริงเป็นพิเศษเพราะนาน ๆ ครั้งจะได้ร่วมสังสรรค์กับเพื่อน ๆ เห็นได้จากตั้งแต่มาถึงเขาก็แทบจะไม่ปล่อยไมโครโฟนในมือเลย


ภากรเดินออกมารับโทรศัพท์ที่ด้านนอกก่อนจะแวะเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มก้มลงล้างมืออย่างระมัดระวังด้วยเกรงว่าน้ำจะกระเซ็นเปียกเชือกถัก จากนั้นจึงดึงกระดาษชำระมาเช็ดมือแล้วปาลงถังขยะ กำลังจะเดินออกใครคนหนึ่งก็สวนเข้ามา มัณฑนากรหนุ่มสอดมือข้างที่คล้องด้วยเชือกสีฟ้าสลับขาวลงในกระเป๋ากางเกง ยิ้มให้ร่างสูงในชุดนักศึกษาที่วันนี้ดูจะแปลกไปเล็กน้อยเนื่องจากผมเฝ้าที่เคยระลูกตาถูกเสยขึ้นจนเห็นคิ้วเข้มรับกับใบหน้า


“เพิ่งมาถึงเหรอ” ภากรกล่าวทักทายตามปกติ “นึกว่ามาพร้อมพี่โอมกับเอกเสียอีก”


“แวะไปเอาของที่หอเพื่อนมาครับ” ปนายุตอบเรียบ ๆ แม้อยากจะชวนคุยมากกว่านั้นก็ตาม ทำได้ดีที่สุดเพียงหลีกทางให้อีกฝ่ายผ่านไป


ภากรกลับมานั่งยังตำแหน่งเดิม สังเกตว่าที่มุมหนึ่งมีกระเป๋าใส่เครื่องดนตรีตั้งวางพิงกับผนัง เมื่อพิจารณาจากรูปร่างแล้วคิดว่าด้านในน่าจะเป็นกีตาร์ ในที่สุดชายหนุ่มก็ต้องละสายตาจากสิ่งนั้นเมื่อเสียงแหกปากโหวกเหวกของบรรดานักร้องเสียงเพี้ยนถูกแทนที่ด้วยเสียงหวาน ๆ ของอรพิม


“สบายหูขึ้นเยอะเลย” หญิงสาวกล่าวเมื่อเพื่อน ๆ ต่างแยกย้ายกลับไปนั่งประจำที่ “เรามาฟังสิ่งที่เรียกว่าความไพเราะทางดนตรีกันบ้างดีกว่านะ วันนี้พวกพี่มีเพลงพิเศษมอบเป็นของขวัญให้กับน้องเล็กที่สุดของแผนกนะจ๊ะ ขอให้พัดประสบความสำเร็จกับทุกสิ่งที่จะได้ทำ พวกพี่คอยเอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้เสมอ” ว่าแล้วก็มองไปยังนักศึกษาฝึกงานที่กำลังเดินไปหยิบกระเป๋าใสเครื่องดนตรีที่พิงไว้กับผนัง


“มอบพื้นที่ตรงนี้ให้กับน้องป่านจ้ะ”


สิ้นคำของสาวสวยเสียงเป่าปากและปรบมือก็ดังขึ้นพร้อม ๆ กัน ปนายุรั้งกีตาร์โปร่งออกจากกระเป๋า เดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่เอกพลเตรียมไว้ ส่วนพวกพี่ ๆ ผู้ชายก็ช่วยกันยกขาตั้งและไมโครโฟนออกมาให้


“อย่างที่พี่อ้อพูดไปแล้วนะครับว่าเพลงนี้เป็นเพลงพิเศษที่ทุกคนตั้งใจมอบให้พี่พัด” ปนายุกล่าวขณะที่สายตาจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนร่วมงาน “ผมแกะเพลงนี้ไว้นานแล้วกะว่าจะเล่นให้น้องฟัง ในวันที่เฉลยสายรหัส แต่ก็ไม่มีโอกาสครับ เห็นว่าเข้ากับบรรยากาศดีวันนี้เลยจะขอเอาเพลงนี้มาเล่นในงานเลี้ยงส่งพี่พัดก็แล้วกันนะครับ ผมเชื่อว่าทุกคนที่นี่จะคิดถึงและคอยเป็นกำลังใจให้พี่ตลอดไป...”


เมื่อปลายนิ้วสัมผัสสายโลหะ ทั้งห้องก็เงียบลงราวกับถูกสะกด ภากรทอดตามองหนุ่มนักศึกษาที่กำลังขับร้องบทเพลงคุ้นหู มันเป็นเพลงเดียวกับที่เขาได้ฟังเมื่อวันแรกที่ได้พบกัน


หากแต่ไพเราะกว่า...


และเพราะมองจากระดับสายของมนุษย์ เขาจึงเห็นอีกฝ่ายอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือเท่านั้น


แห่งไหน ที่ใจของเธอใฝ่ฝัน จะเป็นมิ่งขวัญ ซึ่งกันและกันและตลอดไป...


แม้จะเป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแต่ผู้คนภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินก็ยังคงหนาตา เป็นเพราะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจึงส่งผลให้ทุกคนพร้อมใจกันหนีรถติดมาใช้บริการรถไฟฟ้าแทน พนักงานรักษความปลอดภัยเดินตรวจตราความเรียบร้อยขบวนรถที่เข้ามาจอดเทียบ แล้วจึงแจ้งให้ผู้โดยสารเข้าไปจับจองที่นั่ง ภากรเลือกที่จะยืนพิงแผงกั้นซึ่งทำจากวัสดุสังเคราะห์โปร่งใสกอดอกมองออกไปด้านนอก ไม่นานร่างสูงของชายหนุ่มในชุดนักศึกษาที่ยังคงเรียบร้อยไม่ต่างจากเมื่อตอนเข้างานก็เดินมาหยุด เขายืนหันหน้าเข้าหาประตูทีปิดสนิทในขณะที่มือหนึ่งจับสายสะพายของกระเป๋าใส่เครื่องดนตรีแน่น ดวงตาคมกริบกวาดมองผู้คนที่กำลังทยอยกันเดินเข้ามาหาที่นั่งผ่านเงาสะท้อนบนกระจก


“ไปนั่งสิ ตรงนั้นว่างนะ” ภากรเอ่ยขึ้น


“ไม่เป็นไรครับ” ปนายุบอกพลางขยับจนชิดประตูเมื่อผู้โดยสารรถไฟฟ้าเริ่มเบียดเสียด พลันเสียงเตือนปิดประตูก็ดังขึ้น ขบวนรถค่อย ๆ เคลื่อนออกจากชานชาลากระทั่งแล่นด้วยความเร็วปกติ จอดรับตามสถานีรายทางซึ่งมีแต่คนรอโดยสาร ภายในขบวนรถก็แทบจะไม่มีใครขยับหรือขอทางเมื่อรถจอดเทียบสถานีเลย เมื่อรถไฟเริ่มชะลอความเร็ว  เสียงประกาศเปิดประตูอีกฝั่งก็ดังขึ้นเพื่อเตือนให้ผู้โดยสารใช้ความระมัดระวัง


หนุ่มนักศึกษาขยับห่างจากประตูที่ปิดสนิทเล็กน้อย เขายังยืนอย่างมั่นคงแม้จะรู้สึกถึงแรงเหวี่ยงในจังหวะที่ขบวนรถเคลื่อนไปตามแนวโค้งของราง   


“เอากีตาร์มานี่สิ ถือให้” คนอายุน้อยกว่าบอกก่อนจะรั้งกระเป๋าเครื่องดนตรีที่อีกฝ่ายสะพายอยู่ด้านหลังขณะที่รถไฟฟ้ากำลังชะลอความเร็วเพื่อเตรียมเข้าจอดภายในสถานี


ผู้โดยสารจำนวนมากมายที่กำลังยืนอออยู่ขอบชานชาลา ทำให้ปนายุตัดสินใจปลดกีตาร์ที่สะพายติดหลังลงและยอมส่งให้แต่โดยดี ขายาวไม่อาจต้านทานแรงกระแทกของผู้คนจำนวนมากที่ก้าวเข้ามาภายในได้อีกต่อไป ชายหนุ่มจึงขยับหันหน้าเข้าหาคนที่อาสาถือของให้ และเมื่อเสียงเตือนปิดประตูดัง แรงดันจากด้านหลังก็ทำให้เขาจำต้องส่งมือข้ามไหล่ของภากรแล้วยันมือกับแผงกั้น


“ขอโทษครับ” คนอายุมากกว่ากล่าว


“ไม่เป็นไร” มัณฑนากรหนุ่มบอก


“หนักหรือเปล่า”


ภากรส่ายหัว จากนั้นจึงเบนหน้าหนีลมหายใจอุ่นของอีกฝ่าย ซึ่งปนายุเองก็อยู่ในอาการที่ไม่ต่างกัน จะมีเพียงสองมือเท่านั้นที่ช่วยจับสายกระเป๋ากีตาร์ไม่ห่าง


เมื่อเสียงขานชื่อสถานีต่อไปดังขึ้น คนในขบวนรถก็เริ่มขยับขอทางเพื่อเปลี่ยนไปใช้ขนส่งมวลชนอื่น ๆ ที่สถานีอโศก


“ป่านไปก่อนนะ” ปนายุเอ่ยขึ้นขณะรับกระเป๋าใส่เครื่องดนตรีจากคนตรงหน้า และเมื่อประตูเปิดออกคลื่นมหาชนก็พาให้ร่างสูงห่างออกไป


ปนายุรอจนผู้โดยสารคนอื่น ๆ ผ่านประตูสถานีไปจนหมดจึงดึงแตะบัตรแล้วเดินผ่านประตูออกไป


“ขอบคุณมากนะ”



เสียงที่ดังจากด้านหลังทำให้หนุ่มนักศึกษาต้องหยุด เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าที่อีกฝั่งของประตูก็คือคนที่เพิ่งจากกันเมื่อไม่กี่นาทีก่อน


“...พี่ป่าน” มัณฑนากรหนุ่มคลี่ยิ้มน้อย ๆ กำลังจะเดินกลับจึงไม่ทันเห็นว่าอีกฝ่ายวิ่งอ้อมไปอีกทาง


“เดี๋ยวก่อนพัด”


เจ้าของชื่อหมุนตัวกลับมามองอย่างแปลกใจก่อนจะเดินมาหยุดหลังที่กั้น


“ป่านขอเปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหม”


ปนายุกล่าวพลางยกมือขึ้นลูบคอตัวเองพร้อมกับยิ้มเขิน ๆ ...


(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2017 09:17:42 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)


2 ปีต่อมา...


“ครับพี่ปราณ ไม่เป็นไรครับ พี่ปราณไม่ต้องห่วง ฝ่ายอาคารสถานที่เขาตั้งเวทีเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อเย็นแล้วละครับ ผมว่าจะอยู่ดูนักศึกษาซ้อมอีกสักพักแล้วค่อยกลับ พี่ปราณไม่ต้องห่วงครับ ครับ...สวัสดีครับ” ภากรกดวางสายจากอาจารย์รุ่นพี่ก่อนจะสัมผัสปลายนิ้วเลื่อนอ่านข้อความที่ถูกสั่งมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน


“ป่านจะถึงแล้วนะ คิดถึงจัง”


อาจารย์หนุ่มโครงหัวน้อย ๆ เมื่อนึกถึงเจ้าของข้อความที่เพิ่งแยกกันเมื่อเช้า มือขาวหย่อนโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินไปนั่งบนอัฒจันทร์ มองดูกลุ่มนักศึกษาคณะมัณฑนศิลป์ที่กำลังติดตั้งและทดสอบเครื่องดนตรีเพื่อเตรียมซ้อมก่อนจะแสดงจริงในงานเปิดโลกกิจกรรมที่จะมีขึ้นในวันถัดไป เจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคารสถานที่ยังคงทดสอบระบบไฟฟ้ารอบ ๆ บริเวณรวมถึงบนเวทีการแสดง ในขณะที่ตัวแทนนักศึกษาจากหลายคณะก็ง่วนอยู่กับการจัดเตรียมซุ้มกิจกรรม


“มานั่งอยู่นี่เอง” เจ้าของร่างสูงที่เพิ่งเดินมาถึงกล่าวพร้อมกับส่งยิ้มให้ จากนั้นจึงก้าวขึ้นมานั่งลงข้างกันแล้วยื่นเข้ามาใกล้ ๆ พูดแข่งกับเสียงกีตาร์ไฟฟ้า “โทรมาก็ไม่รับสาย”


“ไม่ได้ยินน่ะ เสียงดนตรีมันดัง”


“อยากกลับหรือยัง” ปนายุถามพลางทอดตามองไปยังกลุ่มเด็ก ๆ บนเวที เห็นคนหนึ่งเดินขึ้นมานั่งประจำที่พร้อมกับกีตาร์โปร่ง พูดคุยซักซ้อมกับเพื่อน ๆ สักพักจึงเริ่มตั้งสาย


“ขอฟังเพลงก่อนได้ไหม”


“ได้สิ กี่เพลงก็ได้ ตามใจพัด”


“ดีมาก” ภากรอมยิ้ม


“เห็นไหมว่าเป็นแฟนที่ดีได้ ไม่ยอมใจอ่อนหน่อยเหรอ จีบมาตั้งนานแล้วนะ”      


คนถูกถามไม่ตอบ ยังคงทอดตามองหนุ่มนักดนตรีบนเวที เขาขยับนั่งตัวตรงก่อนจะรั้งขาตั้งไมโครโฟนเข้ามาใกล้จากนั้นจึงเริ่มเล่นเพลงที่เตรียมมา


เพียงแค่คำร้องในท่อนแรกก็เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าของปนายุ “มีความหลังกับเพลงนี้เหรอ”


“อือ” คนอายุน้อยกว่าตอบสั้น ๆ เมื่อนึกขึ้นได้จึงถามต่อ “คืนวันรับน้อง ตอนที่วงโฟล์คซองของมหาวิทยาลัยเล่นเพลงนี้ พี่ป่านก็อยู่ในยิมเนเซียมใช่ไหม”


“ใช่ น่าเสียดายเนอะ วันนั้นก็อยู่ด้วยกันแท้ ๆ แต่ไม่รู้เลย น่าแปลกตรงที่พี่ก็เรียนที่นี่อยู่เกือบเทอม แต่ไม่เคยเจอพัดเลยสักครั้ง”


“นั่นสิ”


“ถ้าพัดเจอพี่ พัดจะจำได้ไหม”


“อืม...ถ้าเป็นตอนนั้นก็น่าจะยังพอจำได้นะ”


“จะเข้ามาทักหรือเปล่า”


“ทักสิ มีเรื่องอยากถาม”


“จะถามอะไรพี่”


“จะถามว่าตอนนั้นมาทักเราทำไม ทั้ง ๆ ที่มีคนอื่นที่น่าทักกว่า พวกสาว ๆ จากโรงเรียนดัง ๆ ก็ตั้งเยอะ”


“คิดว่าพี่จะจีบเหรอ”


“แล้วคิดหรือเปล่า”


ปนายุหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะส่ายหัว “ไม่ได้คิด ก็แค่เห็นว่าเป็นน้องรหัสเลยอยากทำความรู้จัก แต่ตอนนี้คิดแล้ว คิดมาตั้งนานแล้วด้วย พัดก็ไม่ใจอ่อนสักที” ว่าแล้วก็ถอนใจยาวแสร้งบิดขี้เกียจก่อนจะเท้าแขนลงที่ด้านหลังของคนข้าง ๆ “ถ้าเจอกันตั้งแต่ตอนนั้น ป่านนี้คงเป็นแฟนกันแล้ว ไม่ต้องตามจีบแบบนี้”


“เลิกก็ได้นะ ไม่ได้บังคับ”


“ใจร้ายจัง เอาหัวใจป่านไปแล้วมาพูดแบบไม่รับผิดชอบอย่างนี้ได้ยังไง” ปนายุเลิกคิ้วล้อ ๆ


“กลับดีกว่า” พูดจบภากรก็ลุกขึ้นก้าวลงจากอัฒจันทร์


“แล้วตอนนั้นล่ะ ทำไมเดินตามมาส่งที่ประตูสถานี” คนที่สาวเท้าตามมาติด ๆ เอ่ยขึ้น


“ก็แค่คิดว่าเรื่องบังเอิญแบบนี้มันเกิดขึ้นน้อยมากในชีวิตคนเรา แต่พอเกิดแล้วก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีนะ อีกอย่างตอนนั้นพี่ป่านเองก็อุตส่าห์จำเราได้ แถมยังแสดงตัวให้รู้อีก เราอยากขอบคุณน่ะ จะได้ไม่ต้องมาโทษตัวเองทีหลังว่าเราเสียเพื่อนคนหนึ่งไปเพราะเราไม่รู้จักรักษาไว้เอง”


“ถ้าอย่างนั้นป่านก็ต้องขอบคุณพัดเหมือนกันที่ยอมให้เบอร์โทร ขอบคุณนะ” ปนายุยิ้ม


คนอายุน้อยกว่าพยักหน้า


“จะขอบคุณมากเลยถ้าหากจะช่วยเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนมาเป็นอย่างอื่นด้วย”


“วกมาเรื่องเดิมจนได้” ภากรส่ายหัวดิกแล้วเดินต่อ สังเกตว่าแม้จะค่ำแล้วแต่บรรดานักศึกษาก็ยังตั้งหน้าตั้งตาเตรียมงานกันอย่างขะมักเขม้น ซุ้มกิจกรรมของแต่ละคณะที่ตั้งเรียงรายเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ในขณะที่หลอดไฟหลากสีสันก็ถูกเปิดให้แสงสว่างขึ้นพร้อมกัน


“ป่านขอแวะซื้อสายไหมหน่อยนะ พัดไปรอที่รถก่อนก็ได้ จอดอยู่ด้านหลังตึก” พูดจบก็ส่งกุญแจให้ก่อนจะเดินไปยังซุ้มขายสายไหมของนักศึกษาคณะอักษรศาสตร์


ภากรเดินอ้อมอาคารสูง เห็นรถของปนายุจอดอยู่ใต้ร่มไม้จึงกดปุ่มปลดล็อค กำลังจะเอื้อมมือเปิดประตูก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าข้อมือของตนเองว่างเปล่า ชายหนุ่มกดตามองที่ปลายเท้าของตนเองหวังว่ามันจะหล่นอยู่ใกล้ ๆ แต่ก็ไม่มี


“มีอะไรหรือเปล่าพัด”


“เชือกน่ะ ไม่รู้หลุดหายไปตอนไหน สงสัยตอนที่ช่วยเด็ก ๆ ติดตั้งฉากบนเวทีแน่ ๆ เดี๋ยวเราย้อนกลับไปดูก่อนนะ” ว่าแล้วก็ส่งกุญแจรถคืนให้


คนมองหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางร้อนใจของคู่สนทนา มือใหญ่จึงคว้าข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้ “ช่างมันเถอะ ของมันตั้งนานแล้วก็ต้องเปื่อยขาดเป็นธรรมดา”


“ช่างมันมันได้ยังไง” ภากรกล่าวขึงขัง


“ได้สิ คนให้ก็บอกอยู่” ปนายุยิ้มก่อนจะส่งไม้พันสายไหมสีชมพูในมือให้ “ฝากถือหน่อย พี่มีของจะให้”


“อะไร”


สถาปนิกหนุ่มไม่ตอบ แต่กลับสอดมือหยิบบางสิ่งจากกระเป๋าเสื้อติดหน้าอกด้านซ้าย “พัดจะช่วยรับเชือกป่านเส้นนี้ไว้ได้ไหม”


ภากรสบตานิ่งก่อนเปลี่ยนเป็นมองที่มือของคนตรงหน้า แม้จะมีแต่ความว่างเปล่าแต่ท่าทางที่ปนายุแสดงก็คล้ายกับเขากำลังถือบางสิ่งอย่างทะนุถนอม


“ช่วยรับไว้หน่อยได้ไหม” คนอายุมากกว่าถามย้ำอีกครั้ง รอกระทั่งอีกฝ่ายพยักหน้าจึงรั้งมือขาวขึ้นแล้วบรรจงคล้อง “เชือกป่าน” ที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่ารอบข้อมือ ขมวดปมอยู่หลายหนราวกับมันคือเชือกจริง ๆ


“ไม่ต้องกลัวว่าจะขาดหรือหลุดหายไปไหนอีกแล้ว เพราะมันจะไม่มีวันนั้นแน่นอน”


ภากรก้มมองข้อมือของตนเองที่พันผูกด้วยเชือกป่านเส้นบางใส จากนั้นจึงเลื่อนขึ้นสบตาและยิ้มให้ผู้เป็น “เจ้าของ” วันเวลาเกือบจะทำให้เรื่องราวของเขาจมดิ่งลงในห้วงเหวแห่งอดีตไปเสียแล้ว แต่เมื่อความบังเอิญยื่นมือเข้าฉุดรั้ง อ้อมกอดของความคิดถึงจึงมีโอกาสต้อนรับเขาอีกครั้ง...
   

จบ


สวัสดีค่ะ ไม่พบกันนานเลย ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ
อย่างที่เคยเขียนไว้ท้ายเล่มคุณบุรุษไปรษณีย์ที่รักค่ะว่าเราเชื่อว่าแรงบันดาลใจหาได้จากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบตัว
และเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เวียนมาให้นึกถึงทุก ๆ เปิดเทอม (ถือว่าเป็นของขวัญให้ตัวเองต้อนรับเปิดเทอมใหญ่ที่วุ่นวายมากก็แล้วกันค่ะ)
ถ้ามีคนถามว่าเรื่องบังเอิญเรื่องไหนที่ประทับใจจนทุกวันนี้ เราจะคิดถึงเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก
เพราะมันเป็นความพีคที่สุดของชีวิตการทำงานที่เรียนจบมายังไม่ถึง 3 เดือน
เข้าไปทำงานวันแรกแล้วมีนิสิตฝึกงานเดินเข้ามาทักแล้วบอกว่า "จำพี่ได้ไหม พี่เป็นพี่รหัสเรา"
555 แล้วไงฟะ? ตลกดีค่ะ ตอนนั้นยังเด็ก ก็เลยไม่รู้ว่าควรทำไง ต้องคุยกันต่อไหม ต้องขอที่อยู่ติดต่อหรือเปล่า
พอต่างคนต่างหมดหน้าที่ของตัวเองก็แยกย้ายกันไป จนเริ่มใกล้แซยิดแบบนี้ที่ต้องติดต่อต้องทำความรู้จักคนมากขึ้น
ถึงคิดได้ว่าการได้รู้จักใครสักคนมันก็เป็นเรื่องดีนะ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะคะ
ขอให้มีความสุขกับการนึกถึงเรื่องบังเอิญที่ผ่านเข้ามาและขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2017 11:01:34 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ละมุนมากกก เค้าชอบบบ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ในที่สุด...   o13

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
โอียยยยยยยยย  จะเรียกน้องป่านหรือพี่ป่าน แจกอ้อยขนาดนี้ไม่เอาท่อนอ้อยฟาดแล้วลากเข้าสวนเลยละคะ แหมมมม
#รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ somberness

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
อยากมีแบบนี้มั่งเลย ละมุนละไมจริงๆ
ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นดีๆค่ะ :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2628
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ละมุนละไมมากกกกด ชอบๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mizzmizz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
โอ้ยยย ละมุนหัวใจง่ะะะ
อ่านแล้วฟิน อิอิ
ปล.รอเรื่องต่อไปนะค้า
ปล.2 เป็นกำลังใจให้เสมอจ้า

ออฟไลน์ Annko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ชอบมากเลยค่ะ เป็นเรื่องสั้นที่พล็อตโดนใจ
่อ่านแล้วมีความสุขค่ะ

ออฟไลน์ มูมู่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ยังอบอุ่นละมุนละไมเหมือนเคย  :กอด1:
คิดถึงและเป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นด้วยนะคะ

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
อบอุ่นเสมอเมื่อได้อ่าน  :mew1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อบอุ่นอีกแล้ววววว

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อบอุ่นหัวใจมากเลยค่ะ :m1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ดีต่อใจมากเลยค่ะ ฮื่อออ

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ชอบจังงง :กอด1: :กอด1:
อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจมาก น่ารัก หอมหวานเหมือนสายไหมในมือพี่ป่านเลย งื้ออออออ :hao5:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ละมุนละไมมาก ฮื่อออ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ถ้าอยากจะอ่านเรื่องที่อบอุ่น ละมุน  ในความคิดถึงก็จะนึกถึงนิยายของคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้าเสมอค่ะ o13

ดีใจและมีความสุขที่ได้อ่านจริงๆค่ะ  ขอบคุณความบังเอิญที่สายตาสะดุดกับชื่อเรื่องถ้าเธอเป็นท้องฟ้าจากคนที่แนะนำนิยายมากมาย  ทำให้จากนั้นก็ติดตามนิยายของนักเขียนมาตลอดค่ะ

ในเรื่องจะเรียกพี่หรือน้อง  ไม่สำคัญค่ะ  เห็นสองคนรักกัน  ช่วยเหลือกัน  เคารพกัน  ให้เกียรติซึ่งกันและกัน  ก็เป็นคู่ที่น่ารักมากเลยค่ะ  ฟินจัง

เห็นคู่นี้มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมสิ่งที่ชอบสิ่งที่ทำเสมอ  แต่เชื่อว่าความรักของทั้งคู่ที่มีต่อกันจะไม่เปลี่ยนแปลงจากกันแน่นอน มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นค่ะ อิอิ  คู่นี้น่ารักจริงๆค่ะ

ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ :L2:   รอลุ้นนิยายเรื่องยาวเสมอนะคะ :mew3:



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Natti

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :sad4: :sad4: :sad4:
อบอุ่นมากเลย

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อบอุ่นละมุนมากๆค่ะชื่นชอยเรื่องของคุณทุกเรื่องเลยค่ะ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
น่ารักจัง ตอนแรกนึกว่าจะจบแบบดราม่าซะแล้ว

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
น่ารักมาก ดีต่อใจเหลือเกิน ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
งื้ออออน่ารักมากกกกกกกกก

ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0

ออฟไลน์ สิงหา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ละมุนละไม เหมือนจะเรียบๆ
แต่อ่านได้เรื่อยๆไม่เบื่อเลย
ให้ความรู้สึกนิ่งๆ แต่แฝงไว้ด้วยละอองหมนๆบางๆ

เชื่อว่าถ้าถึงจุดที่ทั้งคู่คบกัน
น่าจะเป็นคู่ที่อาจจะไม่ฉูดฉาดหวือหวา
แต่ต้องอบอุ่นมากแน่ๆ   :-[

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
อบอุ่นหัวใจ หวานๆเขินๆ รีบๆตอบรับเป็นแฟนพี่ป่านเร็วๆนะพัด ดีขนาดนี้ สนุกค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด