ตอนที่ 9 ชายคนหนึ่ง
“จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมกับน้องในคลิปก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันตอนเรียนมัธยม พอดีเขามีปัญหากับแฟนเก่า แฟนเก่าเขาตามมาง้อ แต่ว่าม่อน…เอ่อ…รุ่นน้องของผม…เขาไม่อยากคืนดี ทางนั้นก็ตามตื๊อไม่เลิก ใช่ไหมม่อน”
พี่อาร์ตหันมาทางผม ผมพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย จากนั้นก็ปล่อยให้พี่อาร์ตเล่าต่อ
“ผมเห็นปัญหานี้มาสักพักแล้วล่ะ ก็ยังคิดอยู่ว่าจะช่วยเขายังไงดี เมื่อวานเขาสองคนนัดเจอกัน ผมก็เลยตามไปดู แต่ท่าทางไม่น่าจะคุยกันรู้เรื่อง ผมก็เลยตัดสินใจเข้าไปช่วย อารามอยากช่วยรุ่นน้องให้หลุดพ้นจากปัญหานี้เสียที ผมก็เลยพูดไปอย่างนั้น แต่มันก็ได้ผลอย่างที่ทุกคนได้เห็นกันในคลิปนั่นแหละครับ”
“แล้วทำไมถึงไม่ใช้คำอื่นล่ะคะ ทำไมถึงใช้คำว่าบอยเฟรนด์ ถ้าไม่ใช่แฟนกันก็ไม่น่าจะใช้คำนี้นะคะ” นักข่าวดาราเอฟรี่เดย์ถามพลางทำหน้ายิ้มๆ
“เวลาคับขันแบบนั้นมันต้องรีบครับ นึกอะไรได้ผมก็พูดไปเลย ก็แค่นั้นแหละครับ ผมก็แค่อยากให้เขาเลิกมายุ่งกับรุ่นน้องผม ถ้าไม่ใช้คำว่าบอยเฟรนด์ เขาก็คงไม่เลิกรังควานง่ายๆ หรอก เพราะผมเห็นเขาตื๊อแบบนี้มาหลายวันแล้ว”
“ถ้างั้นคุณอาร์ตก็ยืนยันเลยใช่ไหมคะว่าไม่ได้เป็นอะไรกับคนในคลิป” นักข่าวคนเดิมถาม
พี่อาร์ตพยักหน้า “ก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกันน่ะครับ”
“ไม่มีอะไรลึกซึ้งกว่านั้นใช่ไหมคะ”
“ไม่มีครับ” พี่อาร์ตยืนยันเป็นมั่นเหมาะ
แม้ผมรู้ว่าพี่อาร์ตจำเป็นต้องโกหก แต่ก็อดสะท้อนใจไม่ได้ หรือไม่ก็อาจจะรู้สึกเจ็บไปแล้ว ที่จริงผมก็ควรจะชินไม่ใช่หรือ ไม่ว่าจะมีแฟนกี่คน เขาก็มักจะไม่กล้าบอกใครว่าเป็นแฟนผม เจ็บมาหลายครั้งเพราะเรื่องนี้ จนไม่อยากจะมีใครอีกแล้ว ไม่อยากเจอปัญหาเดิมๆ นี้อีก ทว่า…มันก็เกิดขึ้นอีกแล้วในตอนนี้
“แต่คุณอาร์ตก็ให้สัมภาษณ์นี่คะว่ากำลังคุยๆ กับใครอยู่ แถมยังบอกด้วยว่าเพศไม่สำคัญ ตกลงคุยกับใครอยู่เหรอครับ แล้วคนที่คุยด้วยเป็นเพศไหนกันแน่ครับ” นักข่าวชายช่องบลูสตาร์ถามบ้าง
“คุยกับผู้หญิงสิครับ แต่ว่ายังไม่มีอะไรคืบหน้าเท่าไหร่หรอก เป็นดาราก็ใช่ว่าจะมีแต้มต่อเยอะกว่าคนทั่วไปนะครับ ผมน่ะกินแห้วไปหลายลูกแล้ว อย่าไปบอกใครล่ะ” พี่อาร์ตหัวเราะติดตลกตอนท้าย
ที่จริงพี่อาร์ตก็คงไม่ถึงกับโกหกเรื่องนี้หรอก เพราะก่อนหน้านี้เขาก็คบกับสาวคนหนึ่งอยู่ เพียงแต่ตอนหลังก็เริ่มห่างๆ กันไป ผมก็ลืมถามไปเลยว่าผู้หญิงคนนั้นหายไปไหน ผมยังจำได้เลยว่าเธอชื่อหลิว
“จริงเหรอคะพี่อาร์ต จัดฉากแก้ข่าวหรือเปล่าคะเนี่ย ก่อนหน้านี้พี่อาร์ตก็เคยมีข่าวว่าเป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ สมัยนี้แล้ว ถ้าเป็นจริงๆ ก็เปิดตัวได้นะคะ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย” นักข่าวดาราเอฟรี่เดย์ถามแทรกขึ้นมา ดูเหมือนว่าเธอจะมีคำถามแปลกๆ และตอบยากๆ มาให้ใช้สมองอยู่เรื่อยๆ
ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่รู้สึกได้ว่าพี่อาร์ตดูไม่ค่อยพอใจกับคำถามนี้เท่าไหร่ โดยพื้นฐานนิสัยแล้วพี่อาร์ตค่อนข้างโมโหง่าย เวลาโกรธขึ้นมาเขามักไม่เกรงใจใคร หวังว่าจะไม่เผลอหลุดงาบหัวนักข่าวคนนี้เสียก่อน
พี่แอนคงเห็นหน้าตึงๆ ของพี่อาร์ต เธอจึงชิงพูดแทนด้วยสีหน้ายิ้ม “ไม่ใช่ค่ะน้อง ไม่ได้จัดฉากค่ะ จริงๆ อาร์ตเป็นคนบอกพี่ด้วยซ้ำว่าไม่ต้องแถลงข่าวหรอก แต่พี่ก็เป็นห่วงไง เพราะแฟนคลับหลายคนเขาก็ไม่สบายใจ พี่ก็เลยให้อาร์ตมาชี้แจง ทุกคนจะได้สบายใจว่าเหตุการณ์ในคลิปไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเอาไปพูดกัน พี่รู้จักอาร์ตมาตั้งหลายปี อาร์ตไม่ได้เป็นเกย์แน่นอนค่ะน้อง สาวๆ เขาเยอะจะตาย” พี่แอนหันมายิ้มระคนขำกับพี่อาร์ตตอนท้าย
“สรุปว่าข่าวลือเรื่องเป็นเกย์ไม่จริงใช่ไหมคะ” นักข่าวทีวีทีวายยื่นไมค์มาทางพี่แอน
“ไม่จริงค่ะ ไม่จริงเลย ถ้าอาร์ตเป็นเกย์เนี่ย ทั้งโลกก็คงไม่มีผู้ชายแท้ๆ เหลือแล้ว พี่ว่าเลิกลือเรื่องนี้เถอะ” พี่แอนทำเสียงสูงตอนท้ายให้ฟังดูตลก
ผมเดาว่าพี่อาร์ตโกรธแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่ปล่อยให้พี่แอนออกรับแทน ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงลุกขึ้นมาโวยวาย แต่ตอนนี้น่าจะควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าเมื่อก่อน จึงเห็นแต่หน้านิ่งๆ
“แล้วจริงหรือเปล่าคะที่ตอนนี้พี่อาร์ตให้รุ่นน้องที่ชื่อม่อนไปอยู่ที่บ้านพี่อาร์ตด้วยกัน” นักข่าวจากดาราเอฟรี่เดย์คนเดิมยื่นไมค์มาทางพี่อาร์ต
พวกเราสามคนซึ่งนั่งเรียงหน้าตรงโต๊ะแถลงข่าวมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย แม้พยายามทำหน้าให้เป็นปกติ แต่ผมก็รู้ว่าทุกคนตกใจ เพราะเรื่องนี้ไม่น่ามีใครรู้
แต่ก่อนที่เราจะเพลี่ยงพล้ำให้กับดาราเอฟรี่เดย์ ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่งเสียก่อน
“ไม่ต้องสงสัยเรื่องพี่อาร์ตเป็นเกย์หรอกค่ะ”
บรรดานักข่าวและคนที่อยู่แถวนั้นต่างก็หันไปมองหาเจ้าของเสียง เมื่อเจอแล้วก็มองเป็นตาเดียวกัน หญิงสาวคนหนึ่งในชุดนักศึกษายกยิ้ม ก่อนสาวเท้าเร็วๆ ตรงมาที่โต๊ะแถลงข่าว ไม่รู้ว่าแอบเข้ามาอยู่ในงานตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมจำได้ทันทีว่าเธอชื่อหลิว สาวมหาลัยที่พี่อาร์ตตามจีบมาสักพักนั่นแหละ ผมเพิ่งนึกถึงเมื่อกี้นี้เอง
“พี่อาร์ตไม่ได้เป็นเกย์ หนูยืนยันได้ค่ะ” หลิวเดินมาตรงโต๊ะฝั่งซ้ายสุดที่ผมนั่ง จากนั้นก็สั่ง “พี่ม่อนออกไปก่อนค่ะ เดี๋ยวหลิวจัดการให้เอง”
ก่อนจะลุกออกไป ผมหันไปมองหน้าพี่อาร์ตซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เป็นเชิงขอความเห็น ทว่าเจ้าตัวก็ไม่ตอบสนอง ผมจึงลุกขึ้นและสละที่นั่งแถลงข่าวให้หลิวเอง เพราะตั้งแต่เริ่มแถลงข่าว ผมก็ไม่ได้พูดอะไรเลย พี่แอนสั่งไว้ว่าห้ามพูดจนกว่าเธอจะโยนมาให้พูด
เมื่อไม่มีใครห้ามผมก็เดินไปหาพี่เพชรซึ่งอยู่มุมหนึ่งของห้องแถลงข่าว พอไปถึงเขาก็กระซิบถาม
“เขารู้จักม่อนด้วยเหรอ”
“ครับ เคยเจอกันที่คอนโดเก่าของผมน่ะครับ” ผมตอบสั้นๆ ก่อนหันไปสนใจเหตุการณ์ตรงโต๊ะแถลงข่าวต่อ
เมื่อนั่งลงแล้ว หลิวก็เล่าด้วยสีหน้ามั่นใจ “ดิฉันนี่แหละค่ะ สาวที่พี่อาร์ตกำลังคุยอยู่!”
“หลิว” พี่อาร์ตอีกฝ่ายเรียกคล้ายจะปราม
“ค่ะ หลิวเอง” หลินละสายตาจากพี่อาร์ตแล้วหันมาพูดกับนักข่าวอย่างฉาดฉาน “เห็นไหมคะว่าพี่อาร์ตรู้จักหลิว ไม่งั้นก็คงเรียกชื่อไม่ถูก”
“ตกลงคุณหลิวเป็นแฟนคุณอาร์ตจริงๆ เหรอคะ” นักข่าวทีวีทีวายถาม คราวนี้นักข่าวพร้อมใจกันยื่นไมค์มาทางหลิวกันหมด
“เรียกว่า…ว่าที่แฟนดีกว่าค่ะ เพราะว่าตอนนี้เรากำลังคุยๆ กันอยู่ค่ะ” หลิวหันมายิ้มกับพี่อาร์ตเมื่อพูดจบ
“จริงเหรอคะ ปกติคุณอาร์ตไม่เคยเปิดตัวใครเลยนะคะ ขนาดบางคนแอบซุ่มคบกันตั้งนาน ยังไม่เห็นเปิดตัวแบบนี้เลย ตกลงว่าที่เชิญมาวันนี้ก็คือจะเซอร์ไพรส์เรื่องเปิดตัวแฟนคนใหม่เหรอคะ” นักข่าวบลูสตาร์ถาม
พี่อาร์ตดูอึกอัก หลิวก็เลยรีบช่วยแก้สถานการณ์ให้
“เปล่าค่ะ ไม่ได้มาเปิดตัวอะไรหรอกค่ะ หลิวก็บอกแล้วนี่คะว่าเราแค่คุยๆ กัน ที่หลิวมาเนี่ย หลิวก็แค่จะมาช่วยยืนยันเท่านั้นแหละค่ะว่าพี่อาร์ตน่ะ…ไม่ได้เป็นเกย์หรอก เรื่องที่พี่อาร์ตเล่ามาเมื่อกี้ก็ตามนั้นแหละค่ะ รุ่นน้องคนนั้นของพี่อาร์ตหลิวก็รู้จัก เขาชื่อม่อน เขาเพิ่งมาอยู่กรุงเทพได้ไม่กี่วันเอง ไม่ได้เป็นฟงเป็นแฟนอะไรกันหรอกค่ะ ก็แค่คนรู้จักตอนเรียนมัธยม ใช่ไหมคะพี่อาร์ต”
หลิวหันไปถามคนข้างๆ พี่อาร์ตยิ้มแบบไม่เต็มใจนัก ทว่าก็พยักหน้าเออออไปตามนั้น
“คุณหลิวกับคุณอาร์ตรู้จักกันมานานหรือยังคะ” นักข่าวบลูสตาร์ถามต่อ
“เดือนเศษๆ แล้วค่ะ”
“จัดฉากแก้ข่าวให้คุณอาร์ตหรือเปล่าคะเนี่ย” นักข่าวทีวีทีวายถามกึ่งแซว
“ไม่ได้จัดฉากเลยค่ะ หลิวกับพี่อาร์ตกำลังคุยกันจริงๆ ไม่เชื่อก็ดูนี่สิคะ”
พูดจบหลิวก็หยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมา ไม่นานเธอก็เปิดคลิปหนึ่งแล้วยื่นให้นักข่าวดู ผมอยู่ไกลเกินกว่าจะเห็นว่าคลิปนั้นเป็นคลิปอะไร ได้ยินแต่เสียงฮือฮาของนักข่าว
“เราเพิ่งไปเที่ยวสมุยด้วยกันมาไม่นานนี้เองคะ ไม่เชื่อก็ดูวันที่ที่ถ่ายคลิปสิคะ นี่เห็นไหมคะว่าเพิ่งถ่ายไว้เมื่อไม่นานนี้เอง” หลิวเอามือชี้ๆ ที่โทรศัพท์มือถือของตัวเอง ผมเดาว่าน่าจะชี้ให้ดูวันที่
“แบบนี้ก็น่าจะเรียกว่าแฟนได้แล้วมั้งคะ ไม่น่าจะแค่คุยๆ กันแล้วมั้ง” นักข่าวดาราเอฟรี่เดย์แซว ตามด้วยเสียงโห่ฮิ้วของบรรดานักข่าวที่อยู่ตรงนั้น
“ยังหรอกค่ะ ยังคุยๆ กันอยู่” หลิวหัวเราะคิกคักชอบใจ
“คุณอาร์ตจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอคะ เปิดตัวแฟนวันนี้เลยก็ได้นะคะ ไหนๆ เขาก็มาแล้ว” นักข่าวนิวนิวส์ยื่นไมค์มาทางพี่อาร์ตพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม
“อ๋อ เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับ วันนี้ไม่สะดวกเท่าไหร่” พี่อาร์ตแบ่งรับแบ่งสู้
“งั้นก็แสดงว่า…คนนี้ใช่ใช่ไหมคะ” นักข่าวดาราเอฟรี่เดย์ถามอย่างตื่นเต้น
“อย่าเพิ่งกดดันพี่อาร์ตตอนนี้เลยค่ะ” หลิวทำสีหน้าวิงวอน “หลิวไม่ได้มาเพื่อจะบอกว่าพี่อาร์ตเป็นแฟนหรอกค่ะ หลิวแค่มาช่วยยืนยันว่าพี่อาร์ตไม่ได้เป็นเกย์เท่านั้นแหละ ไม่มีทางเป็นไปได้เลย หลิวยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ค่ะ ส่วนเรื่องของเราสองคน ก็ให้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่านะคะ อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ค่ะ”
ผมไม่รู้หรอกว่าหลิวมาได้ยังไง ใครบอกให้มา แต่เธอก็ช่วยแก้สถานการณ์ได้ดีทีเดียว นักข่าวพวกนี้น่ากลัวจริงๆ ขนาดพี่อาร์ตมีประสบการณ์ตอบคำถามมาอย่างโชกโชน แต่วันนี้เกือบเสียท่าไปเหมือนกัน ตั้งแต่เจอคำถามนั้นของดาราเอฟรี่เดย์ พี่อาร์ตก็ดูอารมณ์ไม่ดีและไม่ค่อยอยากตอบคำถาม
“ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะ พอดีอาร์ตเขาจะต้องไปงานต่อค่ะ” พี่แอนถือโอกาสขัดจังหวะ ดูเหมือนว่าเธอไม่อยากให้นักข่าวสัมภาษณ์ต่อแล้ว คงสัมผัสได้ว่าพี่อาร์ตดูผิดปกติจากทุกครั้ง “วันนี้พี่คิดว่าทุกคนน่าจะไม่มีอะไรติดใจแล้วนะคะ หลิวเขาก็มายืนยันเองแล้วว่าอาร์ตไม่ได้เป็นเกย์ ส่วนคลิปที่คนแชร์กัน อาร์ตเขาก็อธิบายแล้วว่าเขาแค่อยากช่วยรุ่นน้อง ไม่มีอะไรแล้วนะคะ ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะที่มาร่วมงานแถลงข่าววันนี้ ต้องขอโทษด้วยค่ะที่แจ้งด่วนไปหน่อย แล้วก็มีเวลาให้ถามไม่เยอะเท่าไหร่ พอดีอาร์ตเขามีคิวถ่ายรายการต่อน่ะค่ะ”
การแถลงข่าวจึงต้องจบลงแต่เพียงเท่านี้ เมื่อมั่นใจว่านักข่าวออกไปหมดแล้ว พี่อาร์ตก็หันมาเอ็ดหลิวเสียงเขียว
“หลิวมาได้ยังไง ใครให้เข้ามา”
“หลิวก็มาช่วยพี่อาร์ตไงคะ” หลิวตอบหน้าตาเฉย
“แล้วหลิวรู้ได้ยังไงว่าพี่อยู่นี่” พี่อาร์ตคาดคั้น น้ำเสียงฟังดูไม่พอใจอย่างมาก
“แหม ข่าวดังขนาดนี้ หลิวจะไม่รู้ได้ยังไงล่ะคะพี่อาร์ต” หลิวทำเสียงประชด
“แล้วมันใช่เรื่องของหลิวไหม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหลิวเลย แล้วพี่จะทำยังไงล่ะทีนี้ แก้ข่าวม่อนไปแล้ว จะให้พี่มาแก้ข่าวหลิวอีกเหรอ ทำไมไม่ปรึกษากันเลย อยู่ดีๆ จะมาแบบนี้ไม่ได้รู้ไหม แบบนี้พี่ก็แย่สิ” พี่อาร์ตเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ดูท่าว่าจะเก็บอารมณ์ไม่ไหวแล้ว
“อะไรกันคะพี่อาร์ต หลิวอุตส่าห์มาช่วยแท้ๆ ยังมาว่ากันอีก ถ้าเมื่อกี้หลิวไม่เข้ามา พี่อาร์ตจะตอบคำถามนักข่าวได้ไหมล่ะ ที่มานี่ก็เพราะตั้งใจมาช่วย เห็นไหมว่าฟอลโลวไอจีของพี่อาร์ตลดไปแสนกว่าแล้ว อย่าลืมสิคะว่าแฟนคลับพี่อาร์ตมีคนหัวเก่าอยู่เยอะ เขารับเรื่องแบบนี้ไม่ได้หรอก หลิวถึงต้องมาช่วยไง แทนที่จะขอบคุณ ยังมาว่าหลิวอีก” หลิวขึ้นเสียงบ้าง
พี่อาร์ตพ่นลมหายใจแรงๆ ท่าทางดูหัวเสียสุดๆ
พี่แอนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเดินไปหย่าศึกสองหนุ่มสาว “พวกเธอสองคนกลับไปคุยกันที่บ้านได้ไหม อย่ามาทะเลาะกันตรงนี้เลย เกิดนักข่าวมาเห็นนี่เป็นเรื่องเลยนะ อาร์ตพาแฟนกลับบ้านไปก่อน ถือว่าพี่ขอละกัน”
“เขาไม่ใช่แฟนผมนะครับพี่แอน” พี่อาร์ตรีบแก้ตัว ทว่าก็ดูจะไม่เป็นผลนัก
“พี่ก็ไม่รู้ว่าหรอกว่าเป็นหรือเปล่า พี่แค่ไม่อยากให้มาทะเลาะกันตรงนี้ ไปหาที่คุยกันตรงไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่ห้องนี้ พี่ขอร้องนะอาร์ต แค่นี้เรื่องมันก็เยอะมากพอแล้ว พี่ไม่อยากจัดงานแถลงข่าวอีกรอบ” พี่แอนทำหน้าวิงวอน แต่น้ำเสียงก็ฟังดูเฉียบขาด
จะว่าไปผมก็เห็นด้วยกับพี่แอนไม่น้อย เพราะถ้านักข่าวมาเห็นภาพพี่อาร์ตโมโหและหัวเสียแบบนี้ ภาพลักษณ์พระเอกอบอุ่นที่ถูกสร้างไว้คงไม่เหลือ
“ครับ” พี่อาร์ตรับคำด้วยท่าทางหงุดหงิด ผมรู้ว่าพี่อาร์ตเป็นคนขี้โมโห แต่ครั้งนี้คงเห็นแก่พี่แอน ก็เลยยอมง่ายๆ
“หลิวไปบ้านพี่อาร์ตด้วยนะคะวันนี้” หลิวรีบถามก่อนพี่อาร์ตจะเดินหนีไป
พี่อาร์ตหันขวับไปมองด้วยแววตาดุ “จะไปทำไม พี่มีธุระกับม่อน วันนี้ไม่สะดวก”
“แต่หลิวมีเรื่องต้องคุยกับพี่อาร์ตให้รู้เรื่องนะคะวันนี้ พี่อาร์ตไม่มาหาหลิวเลย โทรไปก็ไม่ค่อยอยากจะรับ มันหลายวันแล้วนะคะพี่อาร์ต หลิวต้องการความชัดเจน ไม่ใช่หลบลี้หนีหน้ากันไปเฉยๆ แบบนี้” หลิวถือโอกาสตัดพ้อ
“โอ๊ย พี่ขอร้องล่ะ อาร์ตพาแฟนไปคุยที่บ้านได้ไหม อย่ามาทะเลาะกันตรงนี้” พี่แอนโวยวายบ้างเมื่อสองหนุ่มสาวยังไม่หยุดเสียที
“ครับพี่แอน ผมจะไปแล้ว”
พี่อาร์ตรับคำอย่างหัวเสีย จากนั้นก็เดินลิ่วมาหาผมกับพี่เพชร เมื่อเห็นเพื่อนมา พี่เพชรก็รีบซักด้วยความอยากรู้
“เขามาได้ไงวะอาร์ต”
“กูไม่รู้เว้ย ปกติงานแถลงข่าวที่ช่อง คนนอกเข้ามาไม่ได้อยู่แล้วมึงก็รู้ กูว่ามันแปลกๆ ว่ะ” พี่อาร์ตบ่นเบาๆ พลางโคลงศีรษะ
“คิดดีไหมวะเนี่ยที่จัดงานแถลงข่าว กูว่ามันมั่วมากเลย ไม่รู้ว่ามาแถลงอะไรกันแน่ ความจริงน่ะ ปล่อยให้มันเงียบๆ ไปก็ได้” พี่เพชรบ่นบ้าง แต่เวลาอยู่ต่อหน้าพี่แอนกลับไม่กล้าแสดงความเห็นแบบนี้
“กูก็ว่างั้น” พี่อาร์ตถอนหายใจแรงๆ “ก็รอดูข่าวเย็นนี้ละกันว่าเขาจะเขียนกันยังไง เดี๋ยวกูต้องไปแล้ว ขอจัดการเรื่องคนนี้ก่อน”
“เออๆ คุยกันดีๆ หน่อยนะเว้ยเพื่อน” พี่เพชรเตือนพลางตบไหล่เพื่อนเบาๆ แสดงว่าน่าจะพอรู้ฤทธิ์เดชพี่อาร์ตมาบ้าง “อ้อ เย็นนี้พาม่อนมาที่คอนโดได้เลยนะเว้ย ให้เขาทำความสะอาดให้แล้ว”
“อือ ขอบใจเพื่อน” พี่อาร์ตยิ้มเล็กน้อย ก่อนหันมาเรียกผม “ไปม่อน”
“ครับ” ผมรับคำอย่างว่าง่าย ขณะที่สายตาคอยมองไปยังหญิงสาวที่ยืนกอดอกรออยู่ข้างหลังพี่อาร์ตไม่ไกลนัก
… … …
เมื่อมาถึงบ้าน พี่อาร์ตกับหลิวก็ทะเลาะกันเสียงดังตั้งแต่ก้าวแรกที่ก้าวเข้ามา คนที่เริ่มก่อนก็คือหลิว
“ตกลงยังไงคะพี่อาร์ต ตกลงว่าเราเลิกกันแล้วเหรอคะ”
“แล้วหลิวคิดว่ายังไง” พี่อาร์ตย้อน
“พี่อาร์ตจะมาเลิกกับหลิวง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้นะคะ” หลิวขึ้นเสียง “คิดว่าหลิวจะยอมเหมือนคนชื่อผิงเหรอ ไม่มีทางหรอก พี่อาร์ตมาจีบหลิว มาทำให้หลิวชอบ มาให้ความหวังต่างๆ นานา แต่อยู่ดีๆ ก็จะมาถีบหัวส่งแบบนี้เหรอคะ”
“พี่ยังไม่ได้ให้ความหวังอะไรกับหลิวเลยนะ” พี่อาร์ตทำเสียงเข้ม
“ไม่ให้ความหวังแล้วจะมาทำให้ชอบทำไม หลิวอยู่ของหลิวดีๆ นะคะ พี่อาร์ตเข้ามาหาหลิวเองนะคะ ไม่ใช่หลิว นี่ตกลงเห็นหลิวเป็นของเล่นเหรอ”
“หลิว! หลิวก็รู้นี่ว่าพี่ยังไม่คิดจะจริงจังกับใคร พี่ก็แค่คบเล่นๆ สนุกๆ กันไปแค่นั้น หลิวไม่ใช่คนแรกนะที่พี่คบแบบนี้”
“พูดแบบนี้ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอ หลิวเสียให้พี่ไปตั้งกี่ครั้งแล้ว สรุปว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเล่นๆ อย่างนั้นเหรอคะ พี่อาร์ตเห็นผู้หญิงอย่างหลิวเป็นที่ระบายอย่างนั้นเหรอคะ” หลิวระบายอย่างเหลืออด ฟังดูแล้วก็นึกสงสารเธอเหมือนกัน
“หลิวจะมาใส่อารมณ์เรื่องนี้ทำไม เรื่องแบบนี้มันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วนี่ ถ้าหลิวคิดจะมาจับพี่เหมือนผู้หญิงพวกนั้นน่ะ พี่บอกเลยว่าไม่มีทาง!” พี่อาร์ตลั่นเสียงดัง
“พี่อาร์ตหมายความว่าไง ตกลงมาหลอกฟันหลิว แล้วก็ทิ้งหลิวไปอย่างนี้เหรอ” หลิวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“พี่ไม่เคยเอาใครฟรีนะหลิว อยากได้สร้อย อยากได้นาฬิกา อยากให้พาไปเที่ยวไหน พี่ก็ให้ทุกอย่าง แต่พี่ไม่ต้องการผูกมัด พี่บอกหลิวหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอ พี่ชัดเจนนะเรื่องนี้”
“แต่หลิวไม่ได้คบกับพี่อาร์ตเพราะหลิวอยากได้แค่นั้น หลิวอยากได้ความรัก หลิวอยากเป็นแฟนพี่อาร์ต ไม่งั้นจะยอมขนาดนี้เหรอ หรือว่า…พี่อาร์ตมีผู้หญิงคนอื่น” หลิวมองอย่างหวาดระแวง
“พี่ไม่มีผู้หญิงที่ไหนทั้งนั้น พี่อยากหยุดชีวิตแบบนี้เต็มทีแล้ว พี่ไม่อยากทำตัวแบบนี้แล้ว พี่จะสี่สิบแล้วนะหลิว พี่อยากจะมีชีวิตอยู่เงียบๆ กับคนที่พี่รัก โอเค พี่ผิด พี่ยอมรับผิดก็ได้ แต่พี่ไม่ได้รักหลิว พี่มีคนที่พี่รักแล้ว พี่อยากจริงจังกับเขา พี่ไม่อยากใช้ชีวิตเสเพลเหมือนที่ผ่านมาแล้ว ปล่อยพี่ได้ไหมหลิว หลิวอยากได้อะไรก็บอกมาเลย ขอแค่เราสองคน…ห่างๆ กันไป”
ผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงกันแน่กับสิ่งที่พี่อาร์ตพูดมา เอาเป็นว่าคนเราก็มีทั้งด้านดีและไม่ดี นี่ก็คืออีกมุมหนึ่งของชีวิตพี่อาร์ต ซึ่งผมก็รับรู้มาบ้าง แต่รับรู้ห่างๆ เพิ่งจะมาเห็นกับสองตาและได้ยินกับสองหูวันนี้ ผมไม่ตัดสินละกัน เพราะผมเองก็ใช่ว่าจะดีไปทั้งหมด
ยืนฟังเขาทะเลาะกันอยู่สักพัก ผมก็นึกได้ว่าตัวเองกำลังเสียมารยาท จึงแอบเดินหนีเงียบๆ ขึ้นไปบนห้อง เพราะยังเก็บของไม่เสร็จ วันนี้จะต้องขนของออกไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว
เมื่อเข้ามาในห้อง ผมก็เก็บของใส่กระเป๋าต่อ ผมไม่ได้เอาอะไรมาจากเชียงใหม่เยอะนัก เพราะหลังๆ ผมชอบชีวิตแบบมินิมอลมากกว่า ใช้ของน้อยชิ้นลง อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ซื้อ คงเป็นเพราะตอนอยู่ดูแลแม่ ผมจำเป็นต้องประหยัดเงิน ไปๆ มาๆ ก็เลยชินกับการไม่ต้องมีอะไรเยอะแยะวุ่นวาย
เกือบยี่สิบนาทีผมก็ออกจากห้อง ลากกระเป๋าเดินทางขนาดกลางแบบมีล้อสองใบออกมาด้วย เสียงทะเลาะกันข้างล่างยังมีอยู่ แต่ก็ไม่ดังมากเท่ากับตอนก่อนผมจะขึ้นไปบนห้อง
ขณะที่ผมยกกึ่งลากกระเป๋าลงมาจนเกือบถึงบันไดขั้นสุดท้าย พี่อาร์ตก็หันมาเจอผมพอดี
“ม่อน! ม่อนจะไปไหน” พี่อาร์ตทำหน้าตื่น เขาหยุดทะเลาะกับหลิวแล้วเดินลิ่วมาหาผม
ที่จริงเราก็คุยกันเรื่องนี้แล้ว ตกลงกันแล้วว่าจะให้ผมไปพักที่อื่นชั่วคราว ระหว่างที่กำลังหาคอนโดใหม่ พี่เพชรเสนอให้ผมไปอยู่ที่คอนโดของเขาก่อน
“ไปอยู่คอนโดพี่เพชรไงครับ” ผมตอบเสียงเรียบ
“แล้วใครบอกว่าพี่จะให้ม่อนไป” พี่อาร์ตสวนมาทันควัน ทำเอาผมต้องกะพริบตาปริบๆ
“ก็เราตกลงกันแล้วนี่ครับพี่อาร์ต”
พี่อาร์ตเดินขึ้นบันไดมาอยู่บนขั้นเดียวกับผม ตาคมๆ จ้องผมอย่างกับผมไปทำอะไรผิดมา
“อยากไปจริงๆ เหรอ” เจ้าของตาคมถามเสียงเรียบ ทว่ากลับฟังดูเข้มขรึม
พอโดนถามตรงๆ อย่างนี้ผมกลับไม่รู้จะตอบยังไง เพราะเอาเข้าจริง ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์บังคับผมก็คงไม่อยากไปหรอก
“ครับ” ผมตอบเสียงเบาอย่างไม่มั่นใจ
“งั้นก็แปลว่า…ม่อนไม่อยากอยู่กับพี่ใช่ไหม” พี่อาร์ตเลิกคิ้ว
“เอ่อ…” ผมเริ่มล้าที่จะสบตากับพี่อาร์ต จึงแอบเหลือบมองไปทางหลิวแทน ก็เห็นเธอยืนมองดูอย่างสนใจ
“แสดงว่าม่อนไม่เต็มใจมาอยู่กับพี่ เพราะม่อนแค่โดนพี่บังคับให้มาอยู่ด้วย ม่อนก็เลยไม่มีความสุขที่ได้อยู่กับพี่ ไม่ชอบที่พี่คอยทำอาหารเช้าให้กิน ไม่ชอบมานั่งดูพี่วาดรูป ไม่ชอบที่ต้องตื่นเช้ามาเจอหน้าพี่ คงจะเบื่อหน้าคนแก่คนนี้เต็มทีใช่ไหม” พี่อาร์ตยกยิ้มมุมปาก แม้ว่าพูดจริงจังแต่สายตากลับดูเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่มชอบกล
“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย” ผมเถียงเสียงอ่อย
“แล้วมันยังไงล่ะ” พี่อาร์ตกระตุกยิ้มมุมปาก
“ก็…” ผมก้มหน้าเล็กน้อย “ถ้าผมอยู่ ผมก็จะทำให้พี่อาร์ตเดือดร้อนไง”
“เดือดร้อนยังไง” พี่อาร์ตถามสวนมาเกือบทันที
ผมทำตาปริบๆ ชักเริ่มงงแล้วว่าพี่อาร์ตต้องการอะไรกันแน่ “ก็แฟนคลับพี่อาร์ตไม่ชอบผม คลิปที่ออกไปมันก็จะกระทบต่อละครที่กำลังจะออกอากาศ แล้วถ้าผมยังอยู่นี่ต่อ นักข่าวก็จะตามมาขุดคุ้ย”
“ใช่ มันก็จริง พี่ไม่เถียง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องไม่อยู่ด้วยกันนี่ม่อน” พี่อาร์ตพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งขอร้องตอนท้าย
“พี่อาร์ตหมายความว่าไง” ผมส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามนับพันไปให้ ทว่าพี่อาร์ตกลับถามให้ผมยิ่งงงหนักกว่าเดิม
“ตอบพี่มาคำเดียว ม่อนอยากอยู่กับพี่ไหม”
ผมกลืนน้ำลายเหนียวลงๆ คอ ไม่ใช่ว่าตอบคำถามไม่ได้ ผมมีคำตอบอยู่แล้ว ผมเพียงแต่ไม่เข้าใจคนถามเท่านั้นเองว่าเขาไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เลยหรือ หรือว่าอยู่ดีๆ ก็ความจำสั้นจนจำไม่ได้ว่าเรารับปากพี่แอนไว้ยังไง
“ว่าไงม่อน อยู่กับพี่แล้วม่อนไม่มีความสุขเหรอ ถึงอยากไปอยู่ที่อื่น” พี่อาร์ตถามย้ำเมื่อเห็นผมยังเงียบอยู่ แต่พอผมไม่ตอบเขาก็ถอนหายใจ “โอเค แสดงว่าไม่อยากอยู่กับพี่ งั้นก็รอพี่แป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวพี่ไปจัดการหลิวก่อน เสร็จแล้วพี่จะไปส่งม่อนเอง”
พี่อาร์ตเดินกลับไปคุยกับหลิวต่อ ขณะที่ผมยังยืนงงต่อไป จนกระทั่งได้ยินบทสนทนาของพี่อาร์ตกับหลิวนั่นแหละ ผมจึงหันไปตั้งใจฟัง
“เมื่อกี้หลิวคงเห็นแล้วใช่ไหมว่าอะไรเป็นอะไร พี่มีคนที่ชอบแล้ว ถึงเขาจะไม่อยากอยู่กับพี่ แต่พี่ก็รักเขา หลิวเข้าใจคำว่ารักใช่ไหม มันหมายความว่า…เขาไม่ใช่แค่เพื่อนกินเพื่อนเที่ยวคลายเหงา ไม่ใช่คู่นอนชั่วคราว ไม่ใช่คนที่เจอกันสองสามครั้งก็เบื่อ แต่เขาจะเป็นคู่ชีวิตที่จะอยู่กับพี่ด้วยกันจนตาย”
พี่อาร์ตพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำเอาสาวเจ้าถึงกับออกอาการผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด จึงลั่นเสียงสั่น
“ดี งั้นหลิวจะบอกนักข่าวให้หมดเลย!”
พี่อาร์ตพยักหน้าช้าๆ เป็นเชิงรับรู้ แต่สายตาก็มองอย่างท้าทาย “พี่ห้ามหลิวไม่ได้ จะทำอะไรก็ทำไป ขออย่างเดียว ปล่อยพี่ พี่มีคนที่พี่รักแล้ว คนนี้แหละ…ที่พี่จะอยู่กับเขาไปจนตาย”
“พี่อาร์ต!” หลิวหน้าเหวอ ทั้งผิดหวัง ทั้งตกใจระคนกัน
“พี่ขอโทษหลิวด้วยละกัน คิดซะว่าพี่ก็เป็นผู้ชายเลวๆ คนหนึ่งที่หลิวเจอ แต่วันนี้…พี่จะไม่กลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นแล้ว เรื่องของหลิวกับพี่…พี่ขอให้มันจบแต่เพียงเท่านี้ละกันนะหลิว ขอโทษอีกครั้งที่พี่ไม่ทำให้มันชัดเจนตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้มันชัดแล้ว พี่ขอโทษอีกครั้งที่มันต้องจบแบบนี้นะหลิว หลิวยังอายุน้อย ยังมีโอกาสเจอคนดีๆ อีกมากมาย พี่ขอให้หลิวโชคดีนะครับ”
หลิวฟังประโยคสุดท้ายไม่ทันจบ เธอก็หมุนตัวและจ้ำอ้าวออกไป น่าจะแปลว่าเรื่องของเธอกับพี่อาร์ตจบลงแต่เพียงเท่านี้ ผมก็ได้แต่เสียใจกับเธอลึกๆ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะถ้าพี่อาร์ตไม่เอาก็คือไม่เอา
พี่อาร์ตถอนหายใจยาว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโล่งอกหรืออะไรกันแน่ เขามองตามหลิวไปสักพัก จากนั้นก็หันมาทางผมและถามด้วยน้ำเสียงเนือยๆ แต่ก็แฝงความน้อยใจในที
“จะไปหรือยังม่อน เดี๋ยวพี่ไปส่ง พี่พร้อมจะอยู่คนเดียวแล้ว คนอย่างพี่…ไม่มีใครเขาอยากอยู่ด้วยหรอก”
“พี่อาร์ต”
ผมเรียกชื่อเขาเบาๆ จากนั้นก็เดินลงไปหาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด เห็นเขาทำหน้าเศร้าๆ แล้วผมก็นึกสงสาร
“ผมขอโทษ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากอยู่กับพี่ ผมอยู่ที่นี่ผมก็มีความสุขดี แต่ถ้าผมอยู่แล้วมันทำให้พี่อาร์ตเดือดร้อน ผมก็ลำบากใจนะพี่”
“ม่อนไม่ต้องห่วงหรอก ปัญหาพวกนั้นมันแก้ได้ เจรจาได้ ถึงมันจะทำให้วุ่นวายบ้าง ปวดหัวบ้าง แต่มันก็ดีกว่าต้องอยู่คนเดียว ตั้งแต่พี่ได้เจอม่อน พี่ก็ไม่อยากอยู่คนเดียวแล้ว กว่าเราจะได้มาเจอกัน มันไม่ใช่ง่ายๆ นะม่อน พี่ไม่ยอมปล่อยมือจากม่อนเพราะเรื่องแค่นี้หรอก ความผูกพันของเรามันมีค่ามากกว่าทุกอย่าง จะให้พี่ทิ้งน้องรักไปอีกครั้ง พี่ทำไม่ได้ อีกอย่าง…เมี่ยงก็ฝากม่อนไว้กับพี่แล้ว พี่ผิดสัญญากับเขาไม่ได้หรอก อยู่กับพี่นะครับ”
พี่อาร์ตเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานในตอนท้าย ผมสบตาด้วยแค่นิดเดียวก็เหมือนโดนสะกดไปซะแล้ว ผู้ชายเจ้าชู้มีวิธีเล่นหูเล่นตาบางอย่างที่ผมเองก็บอกไม่ถูก เอาเป็นว่าเกย์อย่างผมทำไม่เป็นหรอก
“ว่าไงม่อน ทำไมเงียบไปล่ะครับ” พี่อาร์ตถามทำลายความเงียบ
ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ยิ้มแหยๆ ทว่าก็ต้องรีบพูด ไม่อย่างนั้นเขาจะน้อยใจอีก
“พี่อาร์ตอยู่ไหน ม่อนก็จะอยู่ด้วย”
ผมตอบด้วยประโยคที่จำได้ว่าเคยพูดกับพี่อาร์ตบ่อยๆ ตอนอยู่เชียงใหม่ ผมชอบตามไปนั่งดูเขาวาดรูป อยู่กับเขาได้ทั้งวัน จนบางทีพี่อาร์ตก็กลัวผมจะเบื่อเสียก่อน แต่ผมก็จะบอกเขาเสมอว่า “พี่อาร์ตอยู่ไหน ม่อนก็จะอยู่ด้วย”
ไม่รู้ว่าพี่อาร์ตจำได้หรือเปล่า แต่เขาก็รวบตัวผมเข้าไปกอดไว้ ผมถึงกับยิ้มทั้งน้ำตาที่ยังไม่ต้องเสียอ้อมกอดนี้ไป แถมยังต้องยิ้มกว้างขึ้นเมื่อได้ยินพี่อาร์ตร้องเพลงเพลงหนึ่งให้ฟังไปด้วยเบาๆ
“ฉันเป็นเพียงชายคนหนึ่งที่อยากดูแล ห่วงใยเธอเท่านั้น ขอแค่เพียงยังมีใครที่ห่วงใยกัน ไม่เคยต้องการสิ่งใด”TBC…เพลงชายคนหนึ่ง