บทที่ 10
เลือก (ที่จะ) ตั้ง
ข้อห้ามของคืนก่อนเลือกตั้ง
มาตรา 57 ห้ามทำการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการใดๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด นับแต่เวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้ง 1 วันจนสิ้นสุดวันเลือกตั้ง ดังนั้น หลังเวลา 18.00 น. ก่อนวันเลือกตั้ง จะต้องหยุดปราศรัย หยุดหาเสียงทันที ฝ่าฝืนต้องระวางโทษตามมาตรา 147 จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 76 ห้ามกระทำการใดๆ โดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถใช้สิทธิได้ หรือขัดขวางหน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไป ณ ที่เลือกตั้งหรือเข้าไป ณ ที่ลงคะแนนเลือกตั้ง หรือมิให้ไปถึง ณ ที่ดังกล่าวภายในกำหนดเวลาที่จะลงคะแนนเลือกตั้งได้ ฝ่าฝืนต้องระวางโทษตามมาตรา 152 จำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
มาตรา 155 ผู้ใดขาย จำหน่าย จ่ายแจก หรือจัดเลี้ยงสุราทุกชนิด ในเขตเลือกตั้งระหว่างเวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้ง 1 วันจนสิ้นสุดวันเลือกตั้งต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีดังกล่าวใช้บังคับกับวันลงคะแนนเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้งหรือเลือกตั้งล่วงหน้าด้วย
มาตรา 156 ผู้ใดเล่นหรือจัดให้มีการเล่นการพนันขันต่อใดๆ เกี่ยวกับผลของการเลือกตั้งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 5 ปี
“โตๆ กันแล้ว” หากลงเล่นการเมืองแต่ไม่รู้ข้อห้ามดังกล่าวก็ไม่ควรที่จะเขียนแม้แต่ใบสมัคร เผ่าเพชรนั่งมองข้อห้ามที่ส่งผ่านไลน์ของพรรค ก่อนจะส่ายหน้า
เรื่องแค่นี้มันควรที่จะรู้ตั้งแต่เริ่มแรกไม่ใช่มาย้ำ ซึ่งการย้ำถือเป็นเรื่องดีแต่มันก็สามารถสะท้อนอะไรหลายๆ อย่างได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้เรื่องแต่มีดีกรีเป็นผู้สมัครสส.ในเขตต่างๆ
พรรคที่ประชาชนต่างไว้วางใจ ตอนนี้เผ่าเพชรเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาเลือกพรรคถูกหรือไม่ พรรคที่ตอบโจทย์อุดมการณ์ แต่ไม่ตอบโจทย์ด้านการทำงาน
เผ่าเพชรนอนเช็คข้อมูลและกระแสต่างๆ ผ่านโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะทวิตเตอร์ที่มีแฮชแท็ก #คืนหมาหอนก่อนเลือกตั้ง ก่อนที่เขาจะมาสะดุดกับโพสต์บางอย่าง
‘แฉนักการเมืองดัง หลังเลือกตั้ง’
เผ่าเพชรคลิกเข้าไปดูในลิงก์ก่อนจะเห็นเป็นเพียงแค่รูปเงาที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร พร้อมกับมีข้อความสั้นๆ ที่ไม่สามารถจับใจความที่จะสื่อได้ เผ่าเพชรเลยคลิ๊กออกและเลิกเล่นโทรศัพท์ หันมานั่งสมาธิสวดมนต์ก่อนนอนเหมือนอย่างทุกคืน ช่วงนี้เขาตั้งการสมาธิมากกว่าที่ผ่านมา สาเหตุหนึ่งก็คงเป็นเพราะ...
คืนวันงาน
หลังจากที่ภาคินแยกตัวออกไป เผ่าเพชรวิ่งกลับเข้าไปด้านในงาน เขามองหารักษ์แต่ไม่เจอทำให้เผ่าเพชรลุยเดี่ยวเข้าไปคนเดียว ห้องที่เขาจะไปก็คงไม่พ้น ‘ห้องควบคุม’
ในใจของเผ่าเพชรภาวนาให้สามารถเข้าไปในห้องควบคุมได้ และสิ่งที่เขาตามหาจะต้องมีหลักฐานเพื่อที่จะใช้ป้องกันตัวของเขาเองในอนาคต
เผ่าเพชรมาถึงห้องควบคุมก่อนจะมองซ้ายขวาเพื่อดูว่าระหว่างนั้นจะมีคนเข้ามาไหม เมื่อเห็นว่าทางสะดวกเขาจึงค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องควบคุม
“ขอร้องเถอะ...” หน้าจอแสดงผลของกล้องวงจรปิดทุกตัวอยู่ตรงหน้าเผ่าเพชรในตอนนี้ เขาขอแค่ได้หลักฐานมาแค่นั้นก็เพียงพอ
สองมือสั่นด้วยความรีบร้อนและตื่นเต้น ใจหนึ่งก็กลัวว่าจะมีคนจับได้ อีกใจก็อยากจะรีบปล่อย แต่เขารู้แน่ว่าถ้าเขาปล่อย ไม่ใช่เรื่องยากที่ภาคินจะรู้ว่าเป็นฝีมือของเขา และอีกอย่างถ้าเขาใช้เรื่องนี้ขู่ภาคินมันก็ไม่ต่างจากการหาเรื่องใส่ตัว แต่สิ่งที่บีบให้เขาทำก็คือ...ภาคินล้ำเส้นของเขาก่อน
“ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว...” เผ่าเพชรกดเข้าไปยังไฟล์เก็บรวบรวมวิดีโอของกล้องวงจรที่อยู่ในงาน ก่อนจะหามุมที่สามารถมองเห็นพวกเขาได้ชัดที่สุด เมื่อรู้ว่ากล้องตัวไหนเผ่าเพชรไม่รอช้าที่จะดูดไฟล์ออกมา และค้นหากล้องวงจรตามเส้นทางที่ภาคินพาหงส์ไป
“ชัดสุดแค่นี้เหรอวะ?!” เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเผ่าเพชรเอาซะเลยเพราะกล้องวงจรสิ้นสุดแค่เส้นทางภายในงาน เพราะนอกอาคารหรือทางไปห้องน้ำหรือเส้นทางอื่นๆ ไม่สามารถใช้งานได้ “เชี้ย!” อาการตอนนี้เรียกได้ว่าหัวเสีย เมื่อไม่ได้ข้อมูลตามที่เขาต้องการเผ่าเพชรรีบออกจากห้องทันที
ตุบ!
ด้วยความที่รีบออกมานั้นทำให้เผ่าเพชรไม่ทันได้มองทำให้เขาชนเข้ากับใครบางคนจนตัวของเขาล้มไปกองอยู่ที่พื้น
“ไอ้เพชร?”
“ไอ้รักษ์! ...อุ๊บ!” รักษ์รีบเข้ามาปิดปากเผ่าเพชรก่อนจะลากเผ่าเพชรเข้าไปหลบอีกมุมหลังจากที่รักษ์ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาทางนี้
“เบา” รักษ์กระซิบข้างๆ หูของเผ่าเพชรเบาๆ และดันตัวของเผ่าเพชรให้เข้ามาแนบชิดอยู่ที่อกของเขา
“เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วใช่ไหมครับ?” เสียงของบุคคลที่สามดังออกมาจากห้องควบคุม ซึ่งรักษ์เองตั้งใจฟังว่าพูดอะไร ส่วนเผ่าเพชรเหมือนวัวสันหลังหวะเริ่มรู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไอ้รักษ์...”
“เบา” รักษ์พูดเสียงดุเมื่อเผ่าเพชรเอาแต่เรียกชื่อของเขา
“กล้องนั้นมันใช้งานไม่ได้ครับนาย ครับผมเช็คดูแล้ว อะไรนะครับ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นมีใครเข้ามานะครับ ครับเดี๋ยวผมจะเดินดูรอบๆ” ถ้าคนปลายสายคือภาคิน เผ่าเพชรแน่ใจว่าภาคินอาจจะสงสัยเขาก็เป็นไปได้
“.......” มือหนาของรักษ์ที่ปิดปากของเผ่าเพชรอยู่กระชับให้แน่นขึ้น ส่วนอีกมือเขากระชับอ้อมกอดของเผ่าเพชรให้ขยับเข้ามา
เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาทางที่เขาหลบอยู่ รักษ์เองก็ลุ้นเพราะถ้าเจอเขากับเผ่าเพชรอยู่ตรงนี้ ทุกอย่างจบแน่ แผนการที่เขาโกหกพ่อก็คงจะจบลงไปพร้อมๆ กัน
“คงไม่มีใครหรอกมั้ง”
“ฟู่....”
“หรือมีวะ?”
“.....!!!”
“ครับนาย ครับ ผมกำลังกลับ”
“ฟู่...” ครั้งนี้รักษ์หายใจได้เต็มปอดจริงๆ หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นหันหลังเดินออกไป เมื่อแน่ใจแล้วเขาจึงค่อยๆ ปล่อยมือออกจากปากของเผ่าเพชร
“มึงเข้าไปทำอะไร?” รักษ์ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะยื่นมือให้เผ่าเพชรจับเพื่อที่จะดึงตัวของเผ่าเพชรขึ้น
“แล้วมึงมาทำอะไร?”
“กูถามมึงก่อน”
“กูแค่มาหาอะไรบางอย่าง” เผ่าเพชรหลบสายตาของรักษ์ก่อนจะกระแอ่มเบาๆ พร้อมกับเปลี่ยนเรื่อง “กูว่าเรากลับกันก่อนดีกว่าที่จะมีสายของพ่อมึงมาเห็น”
“ให้ไปส่งไหม?”
“แล้วมึงไม่ไปส่งหงส์อะไรนั่นหรอ”
“หงส์กลับไปแล้ว เหลือแต่มึงนั่นแหละ”
“เดี๋ยวกูกลับเอง มึงก็กลับดีๆ ก็แล้วกัน” เผ่าเพชรบอกลารักษ์ตั้งแต่ตรงนั้นก่อนที่เขาจะหันหลังเดินกลับออกมา
ทั้งคู่ต่างมีอะไรบางอย่างปิดบังกัน และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เผ่าเพชรต้องนั่งสมาธิเพื่อสงบสติในทุกๆ คืน หลังจากวันนั้น
กลับมาที่ปัจจุบัน
เผ่าเพชรข่มตานอนตลอดทั้งคืน แต่ด้วยความตื่นเต้นบวกกับความกังวลทำให้เผ่าเพชรนอนหลับได้ไม่เต็มที่ และต้องตื่นมาประชุมในช่วงเช้าก่อนจะออกมายังสถานที่เลือกตั้งในเขตของตัวเอง ระหว่างนั้นมีนักข่าวที่รอสังเกตการณ์เลือกตั้งวิ่งเข้ามาล้อมพร้อมกับยื่นไมค์สัมภาษณ์เผ่าเพชร
“ผมขออนุญาตไปใช้สิทธิ์ก่อนนะครับ” เผ่าเพชรตอบเลี่ยงๆ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล
“คิดเห็นอย่างไรกับข่าวลือในสังคมออนไลน์ที่พุ่งเป้ามาที่คุณไหมคะ?” เผ่าเพชรถึงกับขมวดคิ้วทันทีที่มีนักข่าวจากสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง
“ผมยังไม่ทราบข่าวอะไรเลยนะครับ”
“ก็ข่าวที่ว่า....”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ แล้วผมจะรีบมาตอบคำถาม ขอบคุณครับ” เผ่าเพชรอาศัยจังหวะที่นักข่าวกำลังถามฝ่าวงล้อมออกมาและเข้าคูหาเลือกตั้งทันที
การเลือกตั้งเป็นการเลือกตั้งบัตรใบเดียว ที่เลือกทั้งรัฐบาลและสส.เขตของตน ทำให้ใช้เวลาเพียงไม่นาน แต่ถ้าถามว่ามีข้อเสียไหมตอบเลยว่ามี เพราะถ้าสส.เขตเราไม่ได้อยู่ในพรรคที่เราต้องการให้เป็นรัฐบาลก็จบ หรือถ้าอยากให้พรรคนี้เป็นรัฐบาลแต่ถ้าสส.เขตของเราไม่ดีหรือไม่ชอบก็ไม่สามารถเลือกรัฐบาลตามต้องการได้เหมือนที่ผ่านมา
เผ่าเพชรหย่อนบัตรลงในหีบเลือกตั้ง จังหวะที่เขาหย่อนมีเสียงแฟรชจากนักข่าวถ่ายสาดเข้ามา เขาเองก็มีเรื่องให้กังวลใจอยู่เหมือนกัน คือเรื่องที่นักข่าวถามเขาก่อนที่จะเข้ามาในคูหา ข่าว? ถ้าจะเปรียบเทียบอาการของเขาตอนนี้ก็ไม่ต่างจากกินปูนร้อนท้อง เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำหลายๆ อย่างจะถูกเปิดเผยออกมาตอนไหน แต่เขาเองก็เตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วตั้งแต่เลือกที่จะทำ
“ครับ” เผ่าเพชรเดินออกมาจากคูหาพร้อมกลับมาที่เดิมเพื่อให้นักข่าวสัมภาษณ์ตามที่บอกไว้ในตอนแรก
“ข่าวที่ว่าคุณเผ่าเพชรเคยเป็นเพื่อนสนิทกับคุณรักษ์เรื่องจริงไหมคะ? แล้วเรื่องที่ว่าพวกคุณสองคนแตกคอกันจนต้องมาอยู่กันคนละพรรคนี่จริงแท้อย่างไรคะ?” เผ่าเพชรถึงกับงงทันทีที่นักข่าวถาม มันผิดคาดกับสิ่งที่เขาคิด
“ผมกับคุณรักษ์เคยเรียนที่คณะเดียวกันครับ ส่วนเรื่องแตกคอหรือไม่ผมว่าผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเขานะครับ หรือเขามีปัญหาอะไรกับผม?” เผ่าเพชรเลือกที่จะตอบคำถามของนักข่าวไปในเชิงว่างระเบิดเอาไว้ให้รักษ์แก้ และอีกอย่างก็คือถ้ามาในทางนี้สิ่งที่เผ่าเพชรทำได้คือ ทำเหมือนพวกเขาสองคนมีปัญหากันจริงๆ
“แสดงว่าข่าวที่ปล่อยมานี่เรื่องจริงใช่ไหมคะ แล้วอย่างนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อคุณเผ่าเพชรเหรอคะถ้าได้รับการเลือกตั้ง”
“กระทบ? กระทบกับผมอย่างไรเหรอครับ?”
“ก็แบคของคุณรักษ์ค่อนข้าง..”
“ผมขออนุญาตไม่ตอบหรือพูดถึงบุคคลที่สามนะครับ แล้วก็ขอบคุณที่ให้เกียรติสัมภาษณ์ผม ผมขอตัวก่อนนะครับ” เผ่าเพชรโค้งให้บรรดานักข่าวก่อนจะเดินขึ้นรถเพื่อตรงไปยังพรรคของเขา เพื่อรอดูผลคะแนนการเลือกตั้งทั่วประเทศ ระหว่างนั้นเผ่าเพชรเช็คข่าวตามที่เขาได้รับมา ก่อนจะรู้ทันทีว่านั่นคือฝีมือของรักษ์
รักษ์พยายามทำให้เหมือนว่าเขาและเผ่าเพชรเป็นศัตรูคู่อริกันเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจบางอย่างของความสัมพันธ์พวกเขา และอีกอย่างถ้าต้องไปเจอกันในสภาจะได้ไม่ข้อสงสัย และอีกเรื่องก็คือเพื่อกันพ่อของเขาออกจากเผ่าเพชร
“ไอ้รักษ์รมต.ช่วยพ่อดีลตำแหน่งมาได้” รักษ์นั่งอยู่บนรถตู้กับผู้เป็นพ่อของเขาหลังจากที่ไปเลือกตั้งในเขตของตน
“กระทรวงไหน”
“เกรดซี”
“ก็โอ แล้วคราวนี้ไปแย่งเก้าอี้มาได้ไงอีกล่ะพ่อ” เรื่องการตามหาเก้าอี้หรือดีลเก้าอี้ตำแหน่งต่างๆ เป็นเรื่องถนัดของทรงเกียรติมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะเรื่องผลประโยชน์ถ้าเขาจัดการทุกคนจะได้อย่างเท่าเทียมกันหมด และจะไม่มีปัญหาภายหลัง ทำให้ทรงเกียรติได้ฉายาทางการเมืองว่า ‘เกียรติเกี่ยทุน’ แม้จะเป็นฉายาที่ไม่ได้ดูดีนัก แต่เขาก็น้อมรับเอาไว้
“พรรคร่วม”
“ถามจริง ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลขึ้นมา?”
“ได้อยู่แล้วไอ้หนู สถานการณ์ตอนนี้อย่างไงก็ทางของเรา” ทรงเกียรติพูดอย่างภาคภูมิใจ “ถ้าแกเชื่อฟังพ่อแบบนี้ อยากได้อะไรพ่อก็หามาให้แกได้ทุกอย่าง”
“ผมต้องภูมิใจที่มีพ่อแบบนี้ใช่ไหมครับ?”
“พ่อทำทุกอย่างก็เพื่อแก” แม้ว่าผมจะไม่ต้องการ... นั่นเป็นสิ่งที่รักษ์คิดแต่ไม่ได้พูดออกมา เขาเลือกที่จะเงียบจนกระทั่งถึงพรรค
มีนักข่าวมากมายมารอสัมภาษณ์และสังเกตการณ์อยู่ที่หน้าพรรค รักษ์กับพ่อจึงไม่สามารถเลี่ยงให้สัมภาษณ์
“สวัสดีครับ/สวัสดีครับ” รักษ์ยกมือพร้อมกับฉีกยิ้มให้กับนักข่าวที่กรูกันเข้ามา
“เป็นอย่างไรบ้างคะท่าน ลูกชายจะเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองครั้งแรก” นักข่าวยื่นไมค์ไปที่ทรงเกียรติที่ยิ้มให้ตามสไตล์นักการเมืองรุ่นเก๋า
“ก็ดีใจมั้งครับ จะได้ไม่ได้ก็อีกเรื่องผมเองก็ยังไม่อยากหวังอะไรมาก” ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาเป็นคนบอกเองว่าอย่างไรลูกชายของเขาต้องได้
วงการการเมืองก็ไม่ต่างอะไรจากวงการบันเทิง หน้ากากที่ใส่หนากว่าหลายชั้น
“แต่ท่านใหญ่มากเลยนะคะ ไม่น่ายากที่จะให้ลูกชายขึ้นมา”
“ผมใหญ่เหรอครับ? ผมก็พึ่งจะรู้ตัวว่าใหญ่เหมือนกัน” รักษ์หันไปมองพ่อของเขายิ้มๆ และเขาก็รู้ได้ทันทีว่านิสัยแบบนี้ของเขา เขาได้ใครมา
“คุณรักษ์ครับข่าวที่ออกมาเมื่อคืนว่าคุณมีเรื่องกับสส.ฝั่งตรงข้ามนี่มีมูลมากน้อยแค่ไหนครับ?”
“ใครเหรอครับ? ผมไม่เห็นรู้ตัวเลยว่ามีเรื่องกับใคร ผมออกจะเป็นมิตร ใช่ไหมพ่อ” รักษ์หันไปเลิกคิ้วถามพ่อของเขาด้วยท่าทางติดตลกเพื่อไม่ให้บรรยากาศซีเรียสมาก
“ขออนุญาตเอ่ยชื่อถึงได้ไหมครับ เพื่อจะชัดเจนมากขึ้น”
“ถ้าเขาไม่ฟ้องก็เชิญครับ”
“คุณเผ่าเพชร.. ได้ข่าวมาว่าเคยเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ตอนนี้คุณทั้งคู่มีปัญหากันใช่ไหมครับ เพราะทั้งคู่ไม่ได้อยู่พรรคเดียวกัน”
“ทีละประเด็นเลยนะครับ อย่างแรกผมกับเขาเราเป็นเพื่อนร่วมคณะไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้น สองนะครับผมกับเขาไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ส่วนเรื่องที่อยู่คนละพรรคผมว่ามันเป็นเรื่องของอุดมการณ์และความชอบมากกว่านะครับ ผมไม่ได้มีปัญหาเรื่องนี้” ทรงเกียรติเฝ้าดูสถานการณ์ระหว่างที่ลูกชายของเขาตอบเกี่ยวกับเผ่าเพชร คนที่เขาหมายหัวเอาไว้อยู่ เมื่อเห็นลูกชายตอบด้วยท่าทางไม่สะดุดและไม่มีพิรุธเขาจึงเบาใจไปหนึ่งเรื่อง
“แต่คุณก็เคยโจมตีคุณเผ่าเพชรหลายประเด็นเลยนะคะ”
“ผมนี่นะโจมตีคนอื่น? คุณจำผิดคนรึเปล่าครับ ฮ่าๆ ถ้าจะโจมตีก็คงมีแค่เรื่องดีเบตหรือแลกเปลี่ยนมุมมองทางการเมืองมากกว่า ผมบอกแล้วว่าผมไม่เคยมีปัญหาหรือมีเรื่องกับใคร พวกคุณนี่มองผมเป็นคนอย่างไงกันครับเนี่ย” รักษ์พูดพร้อมกับหัวเราะเล็กๆ “เลือกตั้งกันรึยังครับเนี่ย? อย่าลืมไปใช้สิทธิ์กันนะครับ ผมขอตัวพาพ่อเข้าไปด้านในก่อน สวัสดีครับ” ก่อนจะไปรักษ์ยกมือไหว้นักข่าวก่อนจะเดินพาพ่อเข้าไปด้านในตึกของพรรค ซึ่งเป็นที่รวมตัวของผู้สมัครเพื่อวางแผนกันต่อไปกับเกมการเมืองในอนาคต ถ้าได้สส.ก็ต้องดูว่าจะเป็นเสียงข้างมากหรือไม่ เพราะถ้าไม่การดีลพรรคร่วมก็จะตกมาที่ผู้เป็นพ่อของเขา...
คิดถึงมึงฉิบหายเลยไอ้เพชร ป่านนี้จะเป็นไงบ้างวะ ขอให้เราทั้งคู่เจอกันในสภา เหมือนที่มึงฝันนะ
รักษ์ได้แต่ภาวนาอยู่ในใจเพราะเขาไม่สามารถติดต่อเผ่าเพชรได้ในระหว่างนี้ และเขาเองก็อยากเห็นเผ่าเพชรในสภาต่อสู้กับเขาอย่างที่ฝันจริงๆ ข้างในเป็นคู่แข่งแต่ถ้านอกเป็นคู่รัก