ให้ตายสิ เขาไปฝึกพูดอะไรหวานๆ แบบนั้นมาจากไหนกัน แค่นี้ผมแทบจะคุมอารมณ์ตัวเองไม่ไหวแล้วนะ อยากกระโดดเขาไปกอดเขาเป็นบ้าเลย
ทุกวันจะเป็นแบบนี้ ผมมาถึงก่อน รีบเปลี่ยนชุดมาที่ลู่วิ่ง พอกายเลิกงานเสร็จถึงได้ตามมาสมทบ เราคุยกันไปด้วยพร้อมกับวิ่งบนลู่วิ่ง บางครั้งเขาจะใส่หูฟังแล้วฮัมเพลงออกมาอย่างมีความสุข
ผมไม่อยากให้เรื่องทุกอย่างจบแค่นี้ อยากให้ความสัมพันธ์ของเราพัฒนาไปไกลกว่านี้ จากแววตาเขาที่ทอประกายพราวระยับยามจ้องมองผู้ชายตัวเล็กน่ารัก...ผมคิดว่าตัวเองมองไม่ผิด มั่นใจว่ารสนิยมทางด้านความรักของเราไม่ได้ต่างกัน
โอกาสที่จะสานต่อความสัมพันธ์กับเขาจึงมีมากขึ้น
วันนี้ทุกอย่างดูเป็นใจไปหมด หัวข้อสนทนาของผมกับกายค่อนข้างสนุกสนาน เขาหาเรื่องมาชวนคุยได้อย่างไม่ติดขัด เราคุยกันจนลืมเวลา มองนาฬิกาอีกทีถึงเห็นว่าอีกสามสิบนาทีฟิตเนสจะปิดแล้ว
เขาชวนผมไปอาบน้ำด้วยกัน...แต่คนละห้องหรอก
ผมใจสั่นทั้งที่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผม (อาจจะ) ได้เห็นรูปร่างสุดสมบูรณ์แบบของเขาตอนกำลังแต่งตัว กายคงไม่รู้ว่าคำชวนสุดแสนจะธรรมดาของเขาทำให้คนฟังอย่างผมอ่อนไหวขนาดไหน
ตรงประตูทางเข้าห้องแต่งตัว ผมเดินสวนกับผู้ชายคนที่เคยมีอะไรกัน มาถึงวันนี้เขาแทบไม่ได้สนใจผมอีกแล้ว ร่างสูงทำเพียงแค่เดินผ่านผมไปเหมือนไม่ได้คิดอะไร คาดว่าคงเจอเหยื่อรายใหม่แล้วแหละ
พอเข้ามาด้านในห้องแต่งตัวดันไม่เจอใครสักคน กายถอดเสื้อออกแล้วโยนไว้บนโต๊ะก่อนถอดกางเกงตามลงมาทันทีจนผมหันหน้าหนีแทบไม่ทัน
"หืม?" เขาส่งเสียงในลำคอเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของผม "เป็นอะไรไปพีท? เขินเหรอ?"
"ปะ...เปล่า" ผมสงบสติอารมณ์แล้วหันหน้ากลับมา กายเดินไปหยิบกระเป๋าตัวเองออกมาจากล็อคเกอร์ หยิบผ้าขนหนูมาพันท่อนล่างตัวเองไว้
แบบนั้นค่อยหายใจสะดวกหน่อย เมื่อสักครู่ผมเกือบจะเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นเสียแล้ว
ผมไม่กล้าขยับตัวไปไหน ความรู้สึกทุกอย่างคงแสดงออกผ่านสีหน้าไปหมดแล้ว ใบหน้าร้อนวาบเมื่อกายขยับเข้ามาใกล้ กายหัวเราะคิกคักแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะแก้มผม
"เวลาพีทอายแล้วน่ารักจัง อย่างกับเด็กน้อย"
"…!" ผมสะดุ้ง เผลอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว "เปล่า ไม่ได้เขินสักหน่อย"
"ไม่ต้องเขินหรอกพีท ผู้ชายเหมือนกัน" เขาพูดพร้อมกับขยิบตาหนึ่งครั้ง และนั่นทำให้เส้นความอดทนสุดท้ายของผมขาดลง เขาดูจะไม่เข้าใจว่าผมต้องการสื่ออะไรกันแน่ ถึงตอนนี้ผมดันเก็บความรู้สึกทุกอย่างไว้ไม่ไหวเสียแล้ว
"เราไม่อยากใกล้นายมากเกินไปกว่านี้อีกแล้ว" ผมพูดแล้วหลบสายตาไปอีกทาง "มันยากที่จะควบคุมทุกอย่างที่เรากำลังคิดไว้ได้"
"ทำไมเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?" กายทำหน้าเหลอหลาด้วยความไม่เข้าใจ
ผมสบตาเขาตรงๆ เผลอพูดความจริงออกไปครึ่งหนึ่ง...ว่าตัวเองอยากกอดกายใต้ฝักบัวขนาดไหน "เพราะนายทำให้ด้านมืดของเราปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เราอยากชวนกายเข้าไปในห้องอาบน้ำนั่น แล้ว..."
ผมหยุดพูดไปเมื่อหาศัพท์มาแทนที่การกระทำนั้นไม่ได้ ไม่กล้าสบตาเขา แค่นี้ก็อายมากๆ แล้ว ถ้าเขาไม่ได้คิดแบบเดียวกัน ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ
"…" กายมองผมนิ่งๆ แววตาเขาสะท้อนความรู้สึกบางอย่างที่อ่านไม่ออก ผมรู้สึกหน้าม้าน ไม่แน่ใจว่าเขาจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดไหม "เราก็ไม่เคยห้ามพีทนี่นา"
หืม? เมื่อสักครู่เขาพูดว่าอะไรนะ? ผมทำได้เพียงเบิกตากว้างมองชายหนุ่มที่แย้มยิ้มออกมา นัยน์ตาเขาพราวระยับแสดงความต้องการของบุรุษเพศออกมา
"มะ...หมายความว่ายังไง" ผมมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา มือที่วางแนบข้างตัวสั่นขึ้นมา เหมือนเขาจะเข้าใจความต้องการของผม
"เราก็รอพีทเอ่ยปากชวนตั้งนาน" กายหุบยิ้มแล้วทำหน้าจริงจัง "แต่มันจะเป็นความลับระหว่างเราสองคนตลอดไปใช่ไหม"
จบคำนั้นกายจึงดึงปมผ้าขนหนูจนหลุดออกจากกัน อะไรต่อมิอะไรที่ผมปรารถนาจะได้เห็นจึงปรากฏขึ้นตรงหน้า...ผมมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
กายยื่นมือมาหาผมข้างหน้าก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่เซ็กซี่ที่สุด
"มาเถอะพีท เราอยากกอดนายจะแย่แล้ว"
ผมมองเขาอย่างคิดหนัก สุดท้ายจึงพยักหน้ารับแล้วยื่นมือออกไปข้างหน้า ในใจผมมีคำตอบเดียวตั้งแต่เขาเอ่ยชวนแล้วล่ะ
กิจกรรมอะไรที่ทำแล้วติดใจ ย่อมมีครั้งที่สอง สาม สี่ตามมาอีกนับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคือการได้ร่วมรักกับกาย
ผมกับกายมีอะไรกันจนได้ ทั้งที่ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจให้ทุกอย่างจบแบบนี้...แต่อารมณ์พาเราโบยบินไปไกลจนกู่ไม่กลับ
วันนั้นผมถึงรู้ว่าการกอดกายแล้วเปิดฝักบัวให้สายน้ำไหลผ่านร่างกายเราสองคนมันฟินขนาดไหน
ลมหายใจเขายามซบหน้าลงกับซอกคอผมเร่าร้อนพร้อมกับคำชมที่ทำให้ผมแทบจะปลดปล่อยทุกอย่างออกมาตรงหน้าท้องเขา
กายเก่งมาก เขาทำได้ดีจนผมติดใจ แม้ว่าผมจะมีกฎกับตัวเองว่าไม่มีอะไรกับใครซ้ำคนเดิมอีก แต่หากเขาเอ่ยชวนหรือลากผมเข้าห้องอาบน้ำ ผมคงพยักหน้ารับอย่างเต็มใจที่จะถวายตัวให้เขาอีก
หลังจากวันนั้นผมคิดว่ากายจะไม่มาคุยกับผมอีกแล้วตามประสาความสัมพันธ์แบบนี้ ทว่า...เขากลับโผล่มาวิ่งบนลู่วิ่งข้างผมอีก ทำเหมือนก่อนหน้านั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ไง วันนี้จะเอาออกสักกี่แคล" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับกดปุ่มเปิดลู่วิ่ง
ผมไม่ได้ตอบคำถามเขา ยังรู้สึกงุนงงอยู่ ทั้งที่ตอนแรกเตรียมใจว่าแม้แต่หน้าผมเขาคงไม่อยากมองอีกแล้ว
"เอ้า เงียบไปเลย เป็นอะไรหรือเปล่า" เขาโบกมือไปมาตรงหน้าผม "หรือว่าทำแรงไปจนเจ็บ ขอโทษนะ"
"ทะลึ่งแล้ว" ผมบ่นอย่างไม่จริงจัง มันไม่ได้แรงสักนิด กำลังดีเลยต่างหาก "ทำไมนายยังมาคุยกับเราอีกล่ะ?" ผมตัดสินใจถามสิ่งที่ยังค้างคาออกไปทันที "เรานึกว่าทุกอย่างจะจบลงตั้งแต่ตอนที่ก้าวออกมาจากห้องน้ำแล้วซะอีก"
ป๊อก!
"โอ๊ย! เจ็บนะกาย" ผมยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ เมื่อเขาใช้นิ้วดีดลงมาเต็มแรง
"คิดเยอะไปแล้วพีท มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้นสักหน่อย" เขาพูดแล้วขยับเท้าวิ่งต่อไป แต่ริมฝีปากยังชวนผมคุยตลอด "มันเป็นความสมยอมทั้งคู่ ใครบอกนายว่าคนที่มีอะไรกันแล้วจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้"
ก็ไม่เคยเห็นเหมือนกันนะ มีอะไรกันแล้วยังคุยเล่นกันเป็นเพื่อนกันตามปกติ
ยอมรับว่าผมดีใจที่เขายังอยู่ตรงนี้ ทั้งที่ตอนแรกเผื่อใจไปแล้วว่า...เรื่องของเราคงเดินต่อไปไม่ได้
"แต่เราทำเหมือนคนที่นัดกันผ่านแอพเพื่อไปมีอะไรกันนะ นายไม่คิดว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันแปลกไปหน่อยเหรอ" ผมท้วงอย่างไม่เข้าใจ "แบบนี้เราจะมองหน้านายติดได้ยังไง เราสองคนทำเรื่องบ้าๆ นั่นไปแล้วนะ"
กายกดปุ่มหยุดวิ่งแล้วหันมามองหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง "แล้วยังไงล่ะ? ก็มองแบบนี้ไง"
"อ๊ะ..." ผมอุทานออกมาเมื่อเขาจ้องผมด้วยสายตาแบบนั้น นัยน์ตาเขาปรากฏภาพผมเต็มไปหมด ก่อนที่กายจะก้มลงมาจุ๊บปากผมเบาๆ อีกด้วย
"ทำหน้าน่ารักเกินไป เลยขอจูบหนึ่งที"
กายทำให้ผมรู้ว่าตัวเองสำคัญกับเขาในระดับหนึ่ง...และยังสอนให้ผมรู้ซึ้งถึงความหมายของคำว่าพยายาม ความสัมพันธ์แปลกประหลาดของเราสองคนเริ่มขึ้นจากตรงนั้น...โดยไม่มีชื่อเรียก
และมันไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เรามีอะไรกันในห้องน้ำที่ฟิตเนส
ความสนิทสนมที่มีมากขึ้นทำให้ผมกล้าที่จะแลกเปลี่ยนเรื่องราวของตัวเองกับเขาเยอะขึ้น กายเองก็ยอมเปิดประตูใจ เล่าเรื่องในชีวิตตัวเองให้ผมฟัง ทุกอย่างไปได้ดีจนกระทั่งเราวางใจที่จะออกไปทานข้าวข้างนอกด้วยกัน
จนถึงตอนนี้กายยังไม่ได้ให้คำจำกัดความถึงความสัมพันธ์แสนแปลกประหลาดของเรา
แฟนเหรอ? ไม่ใช่แน่นอน หรือจะเป็นเซ็กซ์เฟรนด์? แต่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนะ? คู่นอนที่ไหนจะมาหอมแก้มและวิ่งไล่จั๊กกะจี้กันแบบนี้
ผมตัดสินใจมองข้ามเรื่องนี้ไปและมีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นแทน
ฟึ่บ!
ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อแขนล่ำๆ ของกายยื่นมาด้านหน้าผมพร้อมกระดาษแผ่นเล็กสะบัดไปมา ผมหรี่ตามองด้วยความไม่เข้าใจเพราะเขาหันด้านหลังของกระดาษให้ผมดู
"อะไรของนายเนี่ย"
"ได้ตั๋วหนังมาฟรีสองใบ คืนนี้ไปดูด้วยกันไหม รอบดึกสุดเลย" เขาพูดแล้วยิ้มจนตาหยี...เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมตกหลุมรักเขา "หนังบู๊ด้วย ดูคนเดียวคงไม่สนุก อยากหาใครไปหารค่าป๊อบคอร์น"
ผมหรี่ตามองเขาด้วยแววตาจับผิด "พูดอย่างกับจะชวนไปเดท"
"ถ้าเป็นแบบนั้นจริงจะยอมไปไหมล่ะ" กายถามพร้อมยักคิ้ว
ตึก ตัก
ผมได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรง ผมพยายามกลั้นยิ้มไม่อยากให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังมีความสุขขนาดไหน
"ไม่ต้องมากลั้นยิ้มเลย หน้านายบวมเหมือนลูกโป่งแล้ว" ชายหนุ่มพูดแล้วจิ้มแก้มผมไปหนึ่งที "ตกลงไปไหมเนี่ย ถ้าไม่ไปจะชวนคนอื่นแล้วนะ"
"รู้คำตอบแล้วยังจะถามอีก" ผมค้อนใส่เขาทีหนึ่ง
"ดีมาก" กายพูดแล้วก้มลงหอมแก้มผมหนึ่งที ท่าทางแบบนั้นทำเอาผมรีบผละออกอย่างรวดเร็ว ก่อนสอดสายตามองซ้ายมองขวาว่าไม่ใครเห็นไหม
"อย่าทำบ้าๆ แบบนี้สิกาย คนออกกำลังกายกันเต็มไปหมด"
"ทำมาบ่นใจจริงอยากให้ทำมากกว่านั้นก็บอกมาเถอะ" ชายหนุ่มพูดแล้วขยับเข้ามากระซิบบางอย่างข้างหูผม "อยากจับขานายขยับออกเป็นรูปตัว M"
"บ้า!"
ผมหันหน้าหนีเขาไม่อยากให้กายเห็นว่าผมกำลังเขินมากขนาดไหน หูแว่วยินเสียงกายหัวเราะ เขามองผมด้วยสายตาเอ็นดูก่อนเดินไปเล่นเครื่องออกกำลังกายอย่างอื่น
หัวใจผมเต้นแรงเสมอเวลาสบตาเขา ความสัมพันธ์เราคลุมเครือมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือความเร่าร้อนบนเตียง...บางทีผมก็ไม่อยากเป็นแค่คู่นอนเขา
มันถึงเวลาแล้วหรือยังที่ผมจำไถ่ถามถึงความสัมพันธ์ของเรา ผมไม่อยากตกอยู่ในสถานะนี้อีกต่อไปแล้ว กายควรให้คำตอบว่าสำหรับเขาผมเป็นอะไรกันแน่
ริมฝีปากผมเม้มเข้าหากันด้วยความกดดัน ตัดสินใจแล้วว่าเย็นนี้จะคุยกันเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนให้ชัดเจนเสียที
สิ่งที่สนุกที่สุดสำหรับการมาโรงหนังวันนี้คือรอยยิ้มของกาย
ผมเข้าใจดีว่าหนังรอบดึกไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ ยิ่งหนังเรื่องที่ฉายอยู่ตอนนี้ไม่ได้มีคนติดตามมากนัก เป็นหนังนอกกระแส หันไปมองด้านข้างแทบไม่เจอคนเข้ามาดูเลย
บรรยากาศมืดๆ ทำให้ผมรู้สึกกลัว แต่คิดอีกทีแบบนี้ก็เป็นส่วนตัวดีแฮะ และดูเหมือนกายจะพอใจกับความเงียบสงบนี้ สายตาเขาจดจ้องไปยังจอภาพยนตร์ด้านหน้าอย่างตั้งใจ
หมับ!
ผมถือโอกาสนี้แอบจับมือเขาท่ามกลางความมืดแล้วบีบนิ้วหัวแม่มือ กายหันมามองผมแล้วอมยิ้มราวกับจะถามว่าเป็นอะไร พอเห็นผมไม่ตอบเขาจึงหันกลับไปสนใจกับหนังต่อ
แค่เขาไม่ปล่อยมือออก เท่านี้ก็ดีมากแล้ว
เก้าสิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราไม่ได้ปล่อยมือออกจากกัน จนตอนนี้เดินออกมาหน้าโรงหนังเตรียมกลับแล้วสองมือยังคงจับประสานกันอยู่แบบนั้น
"สนุกเนอะ" เขาพูดแล้วหันมามองผมด้วยรอยยิ้ม "ไม่ได้ดูหนังบู๊ๆ แบบนี้มานานแล้ว"
"ไม่ได้ตั้งใจดูหรอก เรามัวแต่มองหน้านาย" ผมตอบไปตามความจริง ตัดสินใจปล่อยมือออกจากเขา "วันนี้ขอไปค้างห้องนายได้ไหม"
กายดูเหมือนจะเหวอไปนิดหน่อยพอผมจู่โจมแบบนั้น "เอาจริงเหรอ? ห้องรกหน่อยนะ"
"คงไม่รกเท่าห้องเราหรอก แล้วไม่ได้ไปสำรวจห้องด้วย ไปทำอย่างอื่นมากกว่า" ผมพูดแล้วหัวเราะ กายอมยิ้มออกมาเหมือนจะเข้าใจความนัยที่ผมต้องการจะสื่อ "ตกลงให้ไปไหมเนี่ย"
"มาสิ นอกจากเรื่องนั้นแล้วมีเหตุผลอื่นอีกไหมเนี่ย"
ผมเดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มมากขึ้นแล้วยกมือขึ้นสัมผัสปลายคางเขา "คืนนี้เราอยากอยู่กับนายทั้งคืน"
เป็นครั้งแรกที่ผมไปห้องกาย เขาเหมือนจะเปิดตัวตนให้ผมได้รู้จักอีกระดับหนึ่ง...ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปด้านใน เหมือนทุกคำพูดที่จะสื่อสารถูกกลืนหายไปจนหมด
ผมเห็นรองเท้าหนังสองคู่วางด้วยกัน แต่ไม่ทันคิดว่ามันอาจจะเป็นของคนอื่นหรือเปล่า
เราจูบกันตั้งแต่หน้าประตู และเริ่มบรรเลงบทรักสุดร้อนแรงตั้งแต่ตอนนั้น กายยังร้อนแรงและสัมผัสผมอย่างดุดัน เขารู้ว่าต้องแตะปลายนิ้วลงตรงส่วนไหนของร่างกายผมถึงจะพอใจ
และคืนนี้ผมก็ได้ใช้เวลากับเขาทั้งคืนจริงๆ เพราะทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว เขา 'จัดการ' ผมหลายครั้งจนแทบไม่มีแรงลุกไปไหน
กายจูบหัวไหล่ผมแผ่วเบาแล้วกระซิบข้างหู "เหนื่อยไหม"
"ไม่เท่าไหร่ ถ้านายไหวเราก็พร้อม" ตอบไปแบบนั้นทั้งที่ร่างกายระบมไปหมดแล้ว
ได้ยินผมพูดแบบนั้นเขาจึงสวมกอดผมจากด้านหลังและซุกหน้าลงกับซอกคอ ไรหนวดเขาถูไถไปกับผิวนุ่มจนผมจั๊กกะจี้ไปหมด
"ทำไมวันนี้พูดจาน่ารักผิดปกติเนี่ย อยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม" พูดจบก็หอมแก้มผมอีกฟอดใหญ่
"อยากได้อยู่อย่างหนึ่ง" ผมตัดสินใจพูดออกไป "แต่ไม่รู้นายจะให้เราได้ไหม"
"ลองพูดมาก่อนสิ"
ผมเงียบไป รู้สึกพูดไม่ออก คำขอของผมมันจะมากไปหรือเปล่า กับคนที่รักกันแค่ร่างกายแต่จิตใจอยู่ที่อื่น เท่านี้มันก็มากพอแล้วไม่ใช่เหรอ? ผมไม่ควรจะเรียกร้องอะไร
ทว่าผมมีโอกาสนี้แค่ครั้งเดียวในการแสดงความรู้สึกตัวเองให้เขารู้ อยากลองเสี่ยงดูสักครั้ง
"เราอยากให้นายทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างเราดู เราไม่อยากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ อีกแล้ว เราต้องการความชัดเจน" ผมหลับหูหลับตาพูดออกไป ร่างสูงที่สวมกอดผมอยู่ชะงักทันที
"พีท..." เขาครางออกมาแผ่วเบาๆ อ้อมแขนที่กอดผมไว้เริ่มคลายออกจนผมใจหาย
"เป็นแฟนกันได้ไหมกาย" ผมหลับตาแล้วพูดออกไปในที่สุด คนที่อยู่ข้างหลังเหมือนจะอึ้งไป ผมเองก็ไม่กล้าขยับตัว ได้แต่นอนตัวแข็งแบบนั้น…ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หยาดน้ำตาไหลรินออกมา
ท่าทางแบบนั้น ผมพอมองออกว่าเขากำลังจะปฏิเสธ
ผมกัดริมฝีปากแน่น ไม่ให้เสียงสะอื้นตัวเองลอดออกมา แค่นี้ก็สมเพชตัวเองจะแย่แล้ว
"เราชอบพีทนะ" ผมได้ยินเสียงเขา และมันทำให้ผมดีใจมาก "พีทเป็นคนน่ารัก แต่ความสัมพันธ์ของเรามันเริ่มต้นด้วยเซ็กซ์ เราคิดว่ามันยากที่เราจะคบกัน"
"ทำไม..."
ผมได้ยินเสียงเขาถอนหายใจเสียงดัง "เพราะเรามีแฟนแล้วยังไงล่ะ"
"…!" ริมฝีปากผมเม้มแน่นเข้าหากัน เหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมาตรงหน้า มือผมเผลอกำแน่นเข้าหากันจนปวดไปหมด ทำไมต้องเป็นผมที่เสียใจคนเดียวอยู่ทุกครั้ง
ทำไมต้องเป็นผมที่ร้องไห้อยู่คนเดียวแบบนี้
"เราอยู่ด้วยกันที่ห้องนี้กับแฟน หมอนที่พีทหนุนอยู่ก็ของแฟนเรา" กายพูดอะไรออกมาอีกหลายอย่าง ทว่าโสตประสาทผมปิดการรับรู้ไปหมดแล้ว "ที่เรากล้าพาพีทมาวันนี้เพราะแฟนเราไม่อยู่"
"…" จิตใจผมหลุดลอยไปไกลแสนไกล คิดอะไรไม่ออกอีกทั้งนั้น
(มีต่อด้านล่าง)