3. ยืดเวลา
Light 'em up, light 'em up
Tell me where you are, tell me where you areเสียงเพลงดังออกมาแข่งกับเสียงเครื่องปรับอากาศในรถ อคิราห์ขับรถมุ่งหน้าออกนอกเมืองแทนที่จะเป็นเข้าเมืองเพื่อกลับบ้านอย่างเคย
Summer nights, bright lights
And the shootin' stars, they break my heartหลังจากบอกลากันเมื่อห้าปีที่แล้วพวกเขาไม่เคยติดต่อกันเลยไม่ว่าจะผ่านช่องทางใด เขาอยู่ในที่ของเขาและรู้ว่าอาทิตย์ยังวิ่งไล่ตามความฝันที่แสนสนุกเช่นเคย เขาเห็นชื่อของอาทิตย์แปะอยู่ในสารคดีบางเรื่อง โฆษณาบางตัว และในเวลาเดียวกันเขาก็เห็นความทรงจำราวกับความฝันวิ่งวนผ่านมุมกล้องเหล่านั้น
...เขาจำได้ดีว่าอาทิตย์ชอบใช้มุมกล้องแบบไหนในการถ่ายทำ…
Baby, in the dark, show me where you are
และในทุกครั้งที่เห็นภาพเหล่านั้นปรากฏสู่สายตาเขามักจะจินตนาการว่าถ้าเขาอยู่ที่นั่นด้วยจะเป็นยังไง พวกเขาจะทะเลาะกันไหม ทำงานด้วยกันราบรื่นหรือเปล่า แต่ในที่สุดก็เป็นเพียงจินตนาการ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อาทิตย์อยู่ที่ไหน ทำอะไร ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้แม้กระทั่งว่าพระอาทิตย์ของเขาเป็นของใครไปหรือยัง
Oh, love
How I miss you every single day
When I see you on those streetsงานของเขาวันนี้เสร็จตอนสี่ทุ่มตรง เป็นเวลาที่แขกรับประทานอาหารเสร็จพอดีและทุกอย่างก็ผ่านไปได้ดีอย่างที่แพลนไว้ เขากับลูกทีมไล่เก็บกล้องและอุปกรณ์ต่างๆลงกล่อง ก่อนที่เขาจะแบกกระเป๋ากล้องกลับรถตัวเองแล้วพบว่ามีคนยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“ไปส่งหน่อย"
เขาพยักหน้ารับโดยไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม จนได้มานั่งอยู่ข้างกันแบบนี้
หลังจากที่ได้สบตากันเพียงครั้งเดียว ความรู้สึกเก่าๆก็ไหลบ่าเข้ามาท่วมในอกเสียจนเขาไม่มีสมาธิ เมื่อเผลอทีไรก็ยังลอบมองอีกคนอยู่หลายครั้งผ่านกระจกหลัง
...และทุกครั้งก็จะสบตากับพระอาทิตย์ของเขาอยู่เสมอ...
Oh, love
Tell me there's a river I can swim that will bring you back to me“บอกทางด้วยนะ”
เขาหันไปบอกคนข้างตัว
“ครับ”
มือชื้นเหงื่อที่กำพวงมาลัยไว้บ่งบอกว่าเขายังไม่หายตื่นเต้นเสียที
'Cause I don't know how to love someone else
I don't know how to forget your face.
.
.
พวกเขาเริ่มความสัมพันธ์แบบไม่เหมือนใคร ตั้งแต่ฮอลิเดย์ที่ชิลีเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ที่นั่นมีทะเลใสที่สะท้อนแสงแดดสวย มีภูเขาสูงที่หิมะปกคลุมบนยอด ทิวทัศน์ที่นั่นสวยงามเหนือจินตนาการ
หลังจากงานสารคดีภูเขาไฟที่ฮาวายพวกเขาได้เบรคกันเป็นเวลาหนึ่งเดือน เขากับอาทิตย์ที่พึ่งรู้จักกันได้ไม่ถึง 3 เดือนจากทริปภูเขาไฟแต่ตกลงกันว่าจะไปฮอลิเดย์ที่ชิลีกับเพื่อนในทีม พวกเขากินนอนอยูในโฮมสเตย์ที่เมืองเล็กๆติดชายหาดและชวนกันออกไปถ่ายรูปตามจุดที่น่าสนใจทุกวัน คนในทีมคิดว่าเพราะพวกเขาเป็นคนไทยด้วยกันถึงได้สนิทกันเร็ว
...แต่พวกเขารู้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น…
ในคืนที่พระจันทร์สวยสะท้อนทะเลที่มืดดำ พวกเขากลับจากบาร์ใกล้ๆกับโฮมสเตย์ อาทิตย์เมานิดหน่อยถึงได้ปิดปากเงียบเชียบ ส่วนอคิราห์เวลาเมานั้นจะพูดไม่หยุดผิดกับนิสัยปกติ
‘อาทิตย์ วันนี้ไม่อาบน้ำนะ จะนอนแล้ว’
อีกคนยิ้มก่อนจะบอก
‘ไม่ให้นอนด้วยนะ’
คนถูกปฏิเสธทำหน้าตางอแงก่อนจะนั่งลงบนเตียงตัวเอง
...แต่เดิมพวกเขาก็นอนคนละเตียงอยู่แล้ว…
‘อะไร’
เขาถามเมื่ออีกคนเดินเข้ามาหาและจับปลายผมเขาปัดไปด้านหลัง อคิราห์เริ่มไว้ผมยาวมาตั้งแต่เริ่มทำงาน เพราะมันง่ายต่อการจัดการ เวลารำคาญเขาก็แค่รวบมันไว้
‘อาทิตย์’
เขาเรียกเมื่ออีกคนมองหน้าเขาไม่วางตา ปลายจมูกของพวกเขาชิดกันจนลมหายใจร้อนเป่าโดนแก้ม
‘อืม’
จูบแรกนั้นเกิดขึ้นแบบชวนงง แต่ก็หวานเกินกว่าจะหักห้ามใจ คืนนั้นฝนตกทำให้อากาศค่อนข้างเย็น แต่พวกเขากลับไม่ได้รับรู้แม้แต่น้อย
อาทิตย์จูบปากสีสดย้ำๆพออีกคนอ้าปากเขาถึงสอดลิ้นเข้าไป มือเรียวสวยของอีกคนที่วางบนเตียงขยับขึ้นมาลูบที่ต้นคอหนา พวกเขาจูบกันอยู่นาน จนกระทั่งไม่รู้ตัวว่าเสื้อบนตัวนั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ อาทิตย์จูบซอกคอเนียนของอีกคนไล่มาถึงแผ่นอก ลงมายังลอนหน้าท้องและตัดสินใจรูดกางเกงยางยืดขายาวของอีกคนทิ้งไป
‘อาทิตย์’
อคิราห์ที่หายใจหอบหนักเรียกสติของอีกคน แต่เขากลับได้รับจูบดูดดื่มเป็นคำตอบ
‘หยุดไม่ได้หรอก’
นั่นเป็นคำตอบจากของคนที่คร่อมอยู่ข้างบน นัยย์ตาหวานเชื่อมและมือใหญ่ที่ลูบไล้ไปทั่วกายของอีกคนทำให้เขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธอีก
ในยามเที่ยงคืนที่ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ร่างสูงใหญ่กระแทกตัวเข้าหาคนด้านล่างจนได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียงนุ่มภายในห้อง จมูกโด่งซุกและสูดดมความหวานของเนื้อกายคนด้านล่างไปทุกซอกมุม
โดยเฉพาะส่วนล่างที่เชื่อมต่อกันกำลังเพิ่มความร้อนระอุของอุณหภูมิร่างกายให้มอดไหม้
‘ยกขาอีกหน่อย’
อาทิตย์บอกพลางหอบ อีกคนที่หายใจถี่ทั้งหัวใจเต้นเร็วจัดหลุดเสียงครางออกมาเมื่อขาเรียวยาวข้างนึงถูกยกขึ้นพาดบ่าหนาไว้
‘อืม ดี’
อคิราห์ฟังเสียงนุ่มที่ครางอยู่ข้างหู ลิ้นแฉะเลียที่ติ่งหูเขาจนรู้สึกร้อนไปถึงด้านล่าง
‘อาทิตย์ เบาหน่อย’
เขาเรียกชื่ออีกคนเมื่อถูกกระแทกกระทั้นหนักขึ้น อคิราห์อยากจะใช้มือช่วยตัวเองให้จบไป แต่อีกคนกลับทรมาณเขาด้วยการตรึงมือทั้งสองข้างไว้ด้วยสองมือใหญ่ สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คือยกสะโพกสูงขึ้นหน่อยเพื่อให้อีกคนเข้ามาได้ลึกขึ้น เขาถึงจะได้ปลดปล่อยไปเสียที แม้เวลาทำงานอาทิตย์จะเป็นเพื่อนที่ดีแต่บนเตียงอาทิตย์กลับขี้แกล้ง ร่างสูงใหญ่ทำท่าเหมือนใกล้จะหมดแรงเมื่อเขากำลังไต่ขึ้นบนจุดสูงสุด…
คนขี้แกล้งค่อยๆสวนสะโพกเข้าออกช้าๆเมื่อเห็นว่าอีกคนบิดกายเร่า ใบหน้าติดหวานของอคิราห์ในยามนี้กลับแดงเห่อ หน้าอกแบนแต่เนียนแอ่นขึ้นท้าลิ้นของคนข้างบน ทั้งช่วงล่างยังขยับเองอย่างกับว่ากำลังไม่พอใจการขยับของคนที่อยู่ด้านบน
‘เมื่อกี้ยังบอกให้เบาอยู่เลย’
อาทิตย์ฟังเสียงครางหวานก่อนจะกระแทกตัวเข้าไปหาอีกคนเร็วขึ้นพร้อมกับก้มลงจูบปากสีสดที่บวมเจ่อ ข้างล่างที่ร้อนและแข็งจัดถูกหุ้มไปด้วยความนุ่มแต่ว่าตึง เขาเห็นอาคิระของเขากระตุกเกร็ง
...เมื่อใบหน้าสวยดูสุขสมเขาถึงได้ปลดปล่อยบ้าง...
อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าหรือบรรยากาศอะไรก็ตาม พวกเขากลับทำมันอีกรอบและอีกรอบจนฟ้าสาง อคิราห์ตื่นมาในตอนเกือบเที่ยงของอีกวัน เขาถูกกอดไว้แน่นจนไม่รู้ว่าขาที่พันกันอยู่ข้างไหนคือขาตัวเอง เขามองหน้าของคนที่หลับตาพริ้ม มองไปยังสันกราม คอและหน้าอกที่โผล่พ้นผ้าห่อมออกมา เมื่อวานคนๆนี้ยังเป็นแค่เพื่อนร่วมทีมที่ทำงานด้วยกัน
อคิราห์เข้ามาอยู่ทีมจากถูกทำงานสารคดีแพนด้าที่จีน หลังจากที่ทำงานได้สักพักบอสที่เป็นคนอเมริกันผู้ไม่เคยรู้จักคนไทยมาก่อนคงจะรู้สึกชอบนิสัยหนักเอาเบาสู้ของเขา ถึงได้ไปดึงตัวอาทิตย์จากบริษัทที่อเมริกามา ในตอนแรกเขาดีใจที่จะมีเพื่อนพูดภาษาเดียวกันมาทำงานด้วยกัน แต่พอมีโอกาสได้เจอกันจริงๆถึงได้รู้ว่า
...เขาตกหลุมรักเพื่อนร่วมทีมคนใหม่…
ไม่ใช่เพราะหน้าตา รูปร่างหรือแม้แต่นิสัยเพราะพวกเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เขาไม่เคยเชื่อเรื่องไร้สาระอย่าง destiny หรือ soulmate แต่แค่สบตากับคนตัวใหญ่ตรงสนามบินครั้งแรกเขากลับเข้าใจขึ้นมาอย่างง่ายดาย
แต่เขาก็เก็บมันไว้สุดใจ เพราะอย่างไรความฝันและงานเขาต้องมาก่อนสิ่งอื่น แต่มันไม่ง่ายเลยเมื่ออีกคนยังทำงานอยู่ด้วยกัน คอยช่วยเหลือกันอยู่ตลอด พวกเขาเข้าขากันเป็นอย่างดี ทั้งการทำงาน ทั้งรสนิยม เข้ากันได้ดีขนาดว่าแค่มองตาพวกเขาก็รู้ว่าอีกคนจะสื่ออะไร
แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะมาได้ไกลถึงขนาดนี้
.
.
.
“อาคิระ”
“หืม?”
อคิราห์เรียกสติกลับมายังที่เดิม ข้างหน้าเป็นถนนกว้างแปดเลนส์ที่ไม่ควรเหม่อแบบนี้
“ชื่อเล่นชื่อแทนใช่ไหม”
“ครับ"
เขาตอบรับแต่ตายังมองตรงไปที่ถนนด้านหน้า
Oh, love
Tell me there's a river I can swim that will bring you back to me
'Cause I don't know how to love someone else
I don't know how to forget your faceอาทิตย์มองใบหน้าด้านข้างที่เรียกได้ว่าแทบจะสมบูรณ์แบบของอีกคน ตากลมโตได้รูป จมูกโด่งรับกันกับปากอิ่ม ใบหน้าของอคิราห์เรียกว่าสวยได้เหมาะกว่าหล่อเหลา ลำตัวที่เคยสมส่วนบัดนี้ดูผอมบางลงกว่าเดิม เห็นได้ชัดจากนิ้วมือเรียวยาวที่กำพวงมาลัยไว้
“เลี้ยวซ้ายแยกหน้านะ”
อาทิตย์ไม่ใช่คนที่จะออกจากบ้านด้วยรถสาธารณะ เขาขับรถไปงานแต่งของรุ่นน้องที่สนิทกันแล้วจอดมันไว้ที่ลานจอดรถของโรงแรมอย่างคนทั่วไป แต่ขากลับเขากลับเลือกที่จะทิ้งรถมูลค่าเกือบสองล้านบาทไว้แล้วเดินมาขอให้อีกคนมาส่งที่บ้านแทน
Oh, love
God, I miss you every single day when you're so far awayเขากับอาคิระมีจุดร่วมในชีวิตที่เหมือนหันหนึ่งอย่างคือพวกเขาหลงใหลในงานที่ทำ แม้แต่ในระหว่างเวลาพักพวกเขาก็ยังชอบที่จะมองทุกอย่างผ่านวิวไฟน์เดอร์และหน้าจอมอนิเตอร์ พวกเขาลุ่มหลงกับภาพทิวทัศน์ บรรยากาศสวยงาม กล้อง ความฝัน และท้ายสุดแล้วก็ลุ่มหลงซึ่งกันและกัน
“เป็นไงบ้าง”
คำถามของอาทิตย์เหมือนคำถามของเพื่อนทั่วไปที่ซักถามเมื่อไม่ได้เจอกันนาน แต่พวกเขาก็รู้ด้วยตัวเองว่าคำถามนี้มันช่างกว้างและหนักหนาเอาการ
“ก็เรื่อยๆ”
อคิราห์ไม่ได้ตอบแบบขอไปที แต่เขาพยายามตอบให้เป็นกลางที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะถามอีกคนกลับ
“แล้วอาทิตย์ล่ะ”
แม้เขาจะชื่ออาทิตย์แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เรียกเขาด้วยชื่อเต็ม แม่และเพื่อนๆของเขาเรียกเขาว่าไอ้ทิดส่วนคนในทีมที่ทำงานมักจะเรียกเขาว่าซันนี่ เพราะฉะนั้นคำว่าอาทิตย์จึงเป็นชื่อพิเศษ
“ไม่ดีเท่าไหร่”
เจ้าตัวตอบพร้อมกับมองคนข้างๆไม่วางตา อาทิตย์มองใบหน้านิ่งที่มีแววตาวูบไหวเพียงเล็กน้อย
ถ้าเรื่องราวของอาทิตย์กับอคิราห์เป็นความลับก็คงเป็นความลับที่สวยงามที่สุดในชีวิตของเขา อาทิตย์ยอมรับว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนั้นไม่ได้มีคำจำกัดความ มันเริ่มต้นขึ้นช้าๆและจบลงเมื่ออาคิระของเขาบอกว่าจะลาออกและกลับบ้าน ในตอนนั้นเขาเองไม่ได้รั้งและถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เสียใจเลยที่เคารพการตัดสินใจของอีกคน
นอกจากคำจำกัดความที่ไม่มีชื่อเรียกแล้วพวกเขายังไม่รู้เรื่องส่วนตัวของกันและกันไปมากกว่าชื่อ นามสกุลและที่อยู่ในกรุงเทพ ตอนที่อาคิระออกจากทีมไปแล้วเขาเคยพยายามที่จะติดต่ออยู่หลายครั้ง เขาเขียนอีเมลหลายฉบับแต่ทำแค่เพียงบันทึกไว้ในเครื่องตัวเอง ทั้งเคยค้นหาชื่อของอีกคนผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค แต่ก็พบว่าเป็นตัวเองเสียเองที่เพียงเห็นแค่ชื่อหรือรูปของอคิราห์แล้วกลับทำอะไรไม่ถูก เขาคิดถึงอาคิระของเขา
...แต่เขากลัวว่าอาคิระที่อยู่เมืองไทยนั้นจะไม่ได้เป็นของเขาอีกแล้ว…
ความคิดฟุ้งซ่านของพวกเขาทั้งคู่ดูประหลาดอยู่ในที แต่กระนั้นการที่ผู้ชายสองคนจะตกลงคบกันในสถานการณ์แบบนั้นยากเช่นกัน เพราะต่างคนต่างก็รู้ว่าไม่นานพวกเขาก็ต้องแยกกัน เพราะทีมสารคดีมีการหมุนเวียนบุคลากรตามความเหมาะสมและความถนัดของเนื้องานอยู่เสมอ
“จะกลับไปทำงานเมื่อไหร่”
คนที่ขับรถเงียบๆมาสักพักแล้วถามคนที่นั่งข้างกัน อาทิตย์ยิ้มบางๆก่อนจะตอบ
“ไม่กลับไปแล้ว”
ก่อนที่อคิราห์จะได้พูดอะไรเขาก็พูดขึ้นมาอีกเมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงบ้านตัวเองแล้ว
“เลี้ยวซ้ายตรงนั้น”
คนขับรถมองตามแล้วเลี้ยวโดยไม่ได้คิดอะไรก่อนที่จะมาหยุดที่ทาวน์โฮมสี่ชั้นครึ่งแถบศรีนครินทร์อคิราห์มองหน้าคนบอกก่อนจะถาม
“ตรงนี้ใช่ไหม”
ผู้ชายสวมสูทสีน้ำเงินเมทัคลิคมองคนขับรถด้วยสีหน้าที่เดาไม่ออก อาทิตย์ก้มลงมองมือตัวเองที่สั่นจนน่าตลก ทั้งๆที่ปกติเขาขึ้นชื่อเรื่องถ่ายภาพนิ่งโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้องได้ดีที่สุดในทีม
“จำได้ไหม?”
เขาถามอีกคนที่มองออกไปนอกรถ นอกจากชื่อแล้วสิ่งที่พวกเขารู้จักกันอีกเรื่องก็คือเรื่องบ้าน ไม่รู้ว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้คุยเรื่องที่อยู่กัน
...หรือบางทีอาจจะเป็นความหวังเล็กๆว่าหลังจากนั้นแล้วพวกเขายังจะได้เจอกันอีก…
“อือ”
เขาตอบเสียงเบา ก่อนจะมองผู้ชายตัวสูงที่มองยังไงก็ไม่คุ้นตากับชุดที่สวม กับทรงผมที่ถูกเซ็ทมาเป็นอย่างดี กับใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้ไรหนวด
‘อย่าซุก หนวดมันทิ่มคอ’อคิราห์จำได้กลายๆว่าเคยพูดประโยคแบบนั้นเมื่อนานมาแล้ว
“อาทิตย์ก่อน หลังจากลงเครื่อง”
อาทิตย์เริ่มพูดในสิ่งที่ควรจะพูดสักที
“ผม...”
เขาเว้นว่างเมื่อไม่คุ้นกับสรรพนามแทนตัวเอง
“กูไปหามึงตามที่อยู่ ไปถามคนในหมู่บ้าน เขาบอกว่ามึงไม่อยู่แล้ว”
พอพูดจบก็หัวเราะน้อยๆเหมือนกำลังปลอบใจตัวเอง
“กำลังคิดว่าจะทำยังไงดี ต้องไปหาที่ไหน... อยู่ดีๆมึงก็โผล่มา”
คนเล่ายิ้มในที่สุด
สำหรับพวกเขาแล้วการมีอีกคนอยู่ในความทรงจำไกลๆและเอื้อมไม่ถึงดูเหมือนจะทรมาณน้อยกว่า เพราะอาทิตย์สัมผัสได้ว่าทันทีที่เขารู้ว่าต้องกลับมาอยู่ที่ไทยถาวรเขาก็นึกถึงแต่อาคิระคนนั้น เขางุ่นง่าน เขานอนไม่หลับและรู้ว่าคงห้ามใจไม่ไหวที่จะตามหาอีกคน
อคิราห์จำได้ว่าวันนี้รับงานเป็นถ่ายภาพงานแต่งตอนเย็น เจอคนที่ไม่ได้เจอมานาน ทำงานเสร็จตอนสีทุ่ม ขับรถออกนอกเมือง แต่แล้วสุดท้ายแล้วมานั่งอยู่ในรถหน้าบ้านหลังที่ตัวเขาเองเคยขับรถผ่านอยู่ครั้งนึงด้วยความตั้งใจ
“อะไรวะเนี่ย”
เจ้าของรถสบถกับตัวเองก่อนจะยิ้มบ้าง
ในตอนแรกอาทิตย์กลัว กลัวเหลือเกินว่าอาคิระของเขาจะไม่ได้เป็นของเขาอีกแล้ว ทั้งตื่นเต้นและประหม่า อยากจะบอกว่าการเริ่มคุยกับคนข้างๆยากน้อยกว่าถือกล้องไปให้หมีวิ่งไล่เสียอีก แต่เขาตัดสินใจถูกที่ยอมจอดรถไว้ที่โรงแรม
อาทิตย์มองสร้อยเส้นเล็กพร้อมกับจี้รูปนกอินทรีสัญลักษณ์ของอิสระที่วางไว้หน้าคอนโซลรถฝั่งข้างคนขับถึงได้รู้ว่าควรทำยังไงต่อไป ในตอนนี้พวกเขาก็แค่นั่งเงียบๆเพื่อยืดเวลาและลดความเขินก็เท่านั้น…
END.
:]