- 14 -
ตึก! ตัก! ตึก! ตัก!
ผมจะให้ทุกลองเดาว่าเสียงนี้คือเสียงอะไร...
จะ..
เฉลย..
แล้ว…
นะ….
ห้า!
สี่!
สาม!
สอง!
หนึ่ง!
มันคือเสียงหัวใจของผมเองครับ สาเหตุก็ไม่ได้มาจากใครที่ไหน มาจากไอ้ตัวดีที่นึกครึ้มอกครึ้มใจอยากซ้อมละครเวทีของพวกเราเอาตอนนี้ แล้วฉากที่เรากำลังเล่นกันอยู่ก็คือฉากที่ผมต้อนนอนนิ่งๆ ประหนึ่งเสียชีวิตแล้วปล่อยให้ไอ้คีย์มันจุมพิตให้ผมตื่นขึ้นมา อร๊ากกกกก
นอนนิ่งๆ มันง่ายก็จริง แต่หัวใจผมนี่สิ มันควบคุมให้นิ่งได้ที่ไหน
แม้จะหลับตาแต่สัมผัสได้ถึงฝ่ามือไอ้คีย์ที่ลูบแก้มผมเบาๆ ลมหายใจร้อนรดที่ใบหน้า เงาภายใต้เปลือกตาค่อยๆ เข้มขึ้น สัมผัสที่ปากของผมช่างนุ่มนวล ต่างจากเสียงหัวใจที่เต้นรัวเร็วเหมือนกลองที่ถูกตีตอนกำลังออกศึก
“ใจมึงเต้นแรง” ไอ้คีย์เอามือมาแตะที่หน้าอกผมแล้วพูดขึ้น ผมลืมตาสบตามันที่จ้องอยู่ไม่ห่างนัก
“ก... ก็ไม่เคย” แม้จะแค่เอาปากแตะกันก็ตามที ไอ้คีย์โยกตัวกลับไปนั่งตามปกติ ผมจึงลุกนั่งตามมัน ไอ้คีย์คว้ามือของผมไปวางทาบที่หน้าอกของมัน
ตึกๆๆๆๆ
โอ้โห ใจเต้นแรงกว่ากูอีกมั้งน่ะ
“กูก็ไม่เคย”
“.....” ผมกัดปากมองไปที่มัน ไม่ต่างกัน มันก็จ้องมองมาที่ผม
“กูว่าเราต้องจูบกันบ่อยๆ”
“ห้ะ!”
“เพลง หัวใจกูจะวายตายอยู่แล้ว ถ้าเราไม่ทำให้ชิน วันที่เล่นกันจริงๆ กูช็อกแน่”
“.....” ที่ไม่พูดไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วย แต่กำลังคิดอยู่ว่าจะทำเป็นโวยวายยังไง ให้ได้ทำตามที่มันบอก อยากเล่นตัวแต่กลัวจะพลาดโอกาสได้จูจุ๊บกับมัน
“ขอลองอีกทีนะ” ไอ้คีย์ค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ ส่วนผมที่ยังคิดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งนิ่งมองการกระทำของมัน
ริมฝีปากหนานิดๆ เคลื่อนเข้าหา สัมผัสแผ่วเบาเริ่มขึ้นอีกครั้ง ริมฝีปากไอ้คีย์กับผมแตะกันอยู่แบบนั้น ต่างฝ่ายต่างนิ่ง ผมไม่กล้าขยับตัวเลย ไอ้คีย์เองก็ไม่ขยับไปไหนเช่นกัน นานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ลมหายใจของผมมันได้หยุดไปแล้ว เพราะผมกลั้นหายใจน่ะ ไม่กล้าหายใจแรง กลัวไอ้คีย์เหม็นเปรี้ยว ฮ่าๆ
“หัวใจมึงยังเต้นแรงอยู่เลย” มันก็แหงดิ
“ของมึงก็เต้นแรงน่า” ผมสวนกลับเมื่อเอามือไปแตะหน้าอกมันบ้าง
“กูว่าแค่แตะปากยังไม่พอ เราต้องข้ามขั้น”
“ข้ามขั้น” ยังไง แก้ผ้าเลยมั้ยล่ะ
“เราต้องจูบกันจริงๆ จูบแบบดูดดื่ม”
“เราต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ” ถามไปงั้นแหละ จริงๆ ผมพร้อมแก้ผ้าแล้วด้วยซ้ำ
“ก็เออดิ นักแสดงละครมืออาชีพเขายังต้องถ่ายทำกันตั้งหลายแทค แล้วเราเป็นใคร จะมาเล่นๆ แตะๆ แค่ครั้งเดียวมันไม่ได้อารมณ์หรอก”
“.......” มีเหตุผลนะเนี่ย ขอบใจที่หาเหตุผลดีๆ ฟังขึ้นมาได้ กูจะได้ไม่มีข้ออ้างมาปฏิเสธมึงได้
“อะ... เอางั้นก็ได้”
“งั้นเอาเลยมั้ย”
“ตอนนี้ก็ว่างนะ” ว่างแปลว่าทำได้ เอาเลย กูพร้อมแล้ว
“เราจะจูบกันก่อนนะ ยังไม่ต้องเข้าฉากอะไร จูบให้ชิน โอโคมั้ย”
“อือ”
ไอ้คีย์ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ผมอีกครั้ง ไอ้คีย์จูบพรมที่ริมฝีปากผมก่อนจะถอนออกไปครึ่งมิลแล้วจูบซ้ำลงมาอีกครั้ง ละสายตาจากมันไม่ได้เลย ริมฝีปากไอ้คีย์เผยอออกแล้วงับลงที่ริมฝีปากของผมอีกครั้งจนผมต้องเผยอปากรับ ทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่ก็นะ.....
มีมารมาผจญ…..
“หวัดดี” ไอ้มิว ไอ้ห่า ไอ้ควายยยยยย คนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม มึงจะมาหาพ่องมึงทำไมกันตอนนี้
“เออดี” ผมทักตอบมันเซ็งๆ
“ไงไอ้เพลง ไม่เจอมึงนานเลย” ส่วนนี่ก็อีกคน ไอ้ไก่ ไอ้สัสหมา หายไปจากชีวิตกูตั้งนาน กลับเข้ามาในชีวิตกูทำไมจังหวะนี้
“ยังไม่ตาย”
“เป็นห่าไรเนี่ย ดูท่าทางน้ำเสียงเข้า ไม่พอใจอะไรหรือเปล่า” ไอ้มิวทำเป็นหน้าซื่อๆ ถาม
“เปล่า แล้วนี่พวกมึงมาทำห่าไรเนี่ย”
“อ้าว ไอ้คีย์ไม่ได้บอกเหรอว่าพวกกูนัดกันทำรายงานที่นี่” ผมหันไปมองไอ้คีย์ที่เดินมาพร้อมกับน้ำแล้วก็แก้วในมือ
“กูลืม” ไอ้ห่าเอ้ย
“นี่กูกวนมึงป่ะเนี่ย”
“ไม่” ไม่กวนเหี้ยไรล่ะ
“งั้นค่อยสบายใจหน่อย” ไอ้ไก่ว่า
“งั้นกูไปอยู่ในห้องนอนนะ จะได้ไม่กวนพวกมึง” กรี๊ดดดด อยากกรี๊ดเป็นนางร้ายในละครให้มันรู้แล้วรู้รอด ไอ้สัสเปรตพวกนี้นิ หึ่ยยยยย
ผมได้แต่ทำฟึดฟัดมองพวกมันผ่านห้องนอนที่เป็นกระจกใสกั้นเอาไว้ เพราะทำไรไม่ได้นอกจากยกโทรศัพท์ขึ้นมาจิ้ม
หืมมมม เดี๋ยวนะ #บทเพลงของคีตะ คิดเทรนทวิตเตอร์ว่ะ อะไรยังไงกันครับเนี่ยยยย
อ๋ออออ ที่ติดแท็กเพราะเมื่อวานไปเดินตลาดนัดกับไอ้คีย์นะเอง มีคนอัปรูปอัปคลิปเต็มเลย พอเห็นทวิตไหนในทำนอง เขาไม่ใช่คู่จิ้นเขาคือคู่จริง หรือ แฟนกันแหละดูออก แล้วคันไม้คันมือโควททวิตแล้วบอกเห็นด้วยๆ พอคิดแล้วก็เขินเหมือนกันนะ จู่ๆ มาร้องเพลงบ้านั่นให้กัน ควายเอ้ยยยย นี่มันต้องจีบแล้วป่ะ โง่จริงๆ เลยเพลง เอ๊ะ! หรือมันแหย่เล่น ไม่หน่า ไม่ใช่หรอก มันจีบแหละดูออก ฮ่าๆ บอกชอบกูเร็วๆ นะ กูพร้อมตอบเยสทุกเมื่อถ้ามึงขอกูเป็นแฟน ฮ่าๆ เป็นบ้าอะไรอีกไอ้เพลง คิดเรื่องอะไรในหัวเนี่ย สติๆๆ
แล้วนอกจากเรื่องเมื่อวานแล้วยังมีคนอัปเดตเรื่องที่พวกเราซุ่มซ้อมละครเวทีเล็กด้วย
คิดถึงละครเวทีเล็กแล้วก็แอบเขินแหะ เมื่อกี้กูกับไอ้คีย์กำลังทำอะไรกันเนี่ย บ้าจริง~ เกือบแล้ว เกือบได้แก้ผ้าแล้วเชียว เห้ย! ไอ้เพลง คิดอะไรอีกเนี่ย เพลงมึงไม่ใช่คนลามกนะ ไม่เอาไม่คิด
“เพลง”
“อะ... อะไร” ไม่รู้ว่าตอนคิดเรื่องในหัวเมื่อกี้เผลอทำตัวประหลาดๆ ออกไปเปล่า ไอ้มิวถึงได้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดขนาดนี้
“มีคนอุทิศส่วนกุศลให้เหรอ ดิ้นเร่าๆ เหมือนปลาสลิดได้น้ำ” เมื่อกี้กูดิ้นเหรอ
“มึงสิสลิด มีไร”
“จะเที่ยงแล้ว ลงไปซื้อข้าวกัน”
“มึงก็ไปดิ”
“ก็มาชวนมึงนี่ไง”
“โวะ! ไปชวนไอ้ไก่นู้น ร้อนจะตายกูขี้เกียจ”
“กูมีเรื่องอยากคุยด้วย”
“ว่ามาดิ”
“โอ้ยยยยย ไอ้ควาย!” มันพูดแล้วสะบัดตูดเดินจากไป ก่อนจะกลับเข้ามาในห้องนอนพร้อมไอ้คีย์
“กูจะไปซื้อกับข้าวจะเอาไรมั้ย” ไอ้คีย์ถามผม
“กูไปด้วย” ผมรีบเสนอหน้าทันที
“ทีเมื่อกี้บ่นร้อน” มึงเป็นแปรงขัดส้วมเหรอ ขัดเก่งนักนะไอ้สัสมิว
“ไม่ต้องไปหรอก ร้อนจะตายห่า ตกลงจะเอาอะไร” ไอ้คีย์ถามย้ำ
“ไก่ย่าง”
“เอาอย่างอื่นที่ไม่ใช่ไก่”
“ไก่ทอด”
“กูบอกว่าอย่างอื่นที่ไม่ใช่ไก่”
“ก็กูอยากกินไก่”
“เป็นเหี้ยเหรอ แดกไก่ทุกวันเนี่ย”
“เปล่า เป็นคนน่ารัก”
“แหวะ โทษๆ” หลายดอกแล้วนะเพื่อนมิว มึงจะเอาใช่ไหม
“เอาส้มตำ ไก่ ย่าง น้ำตก หมูสามชั้น ยำวุ้นเส้นด้วย”
“ของกินเดิมๆ มึงเคยเบื่อปะเนี่ย”
“แล้วมึงอะเคยเบื่อบ้างปะ”
“หมายถึงของกินหรือหมายถึงคนล่ะ”
“คน” คนคนนี้ที่นั่งอยู่ตรงนี้
“แล้วอยากให้กูเบื่อปะล่ะ”
“ไม่”
“เอ่อ... ขอโทษนะ คือเห็นกูยืนตรงนี้ไหม” ขัดอีกแล้วนะไอ้มิว
“อ้าวมิว มึงมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมพูดกวนไอ้มิว
“ไอ้สัส”
“แค่นี้”
“อืม เดี๋ยวคิดอะไรออกจะโทรไป” ผมบอกไอ้คีย์
“เออ” ไอ้คีย์รับคำสั้นๆ แล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมไอ้ไก่
“ไอ้เพลง”
“ไม่ว่าง” กวนตีนดีนัก กูจะไม่คุยกับมึง
“สัส! อยากโดนตีน”
“มึงสิอยากโดนตีน มีไรว่ามา”
“เรื่องมึงกับไอ้คีย์”
“เรื่องกูกับมันแล้วมึงยุ่งไรด้วย”
“นี่มึงวีน”
“เปล๊า~”
“เสียงสูง”
“เปล่านิ”
“มึงกำลังไม่พอใจ” ใช่น่ะสิ ไอ้ควายยย คนกำลังไปกันได้ดี เสือกมาไม่รู้จักเวล่ำเวลา
“จะเข้าเรื่องหรือยัง”
“เออๆ มึงกำลัง.... แป๊บๆ มีคนโทรมาว่ะ” ไอ้มิวยังไม่ทันได้ถามอะไร โทรศัพท์มันเสือกมีคนโทรมาซะก่อน แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้ว....
“คร้าบบบบ อยู่ห้องไอ้คีย์ครับ” แฟนมันชัวร์
“ยังเลยครับ แล้วกุ้งกินไรยัง” กุ้ง? นี่คบกันแล้วเหรอ
“ครับๆ แค่นี้นะครับ” ไอ้มิวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับโทรศัพท์ตัวเอง เป็นเอามากไม่ต่างจากกูเลยสัส
“ทำหน้าเหมือนอยากเสือก”
“ไม่ได้เสือก แค่อยากรู้ นี่สรุปคบกับพี่กุ้งแล้วเหรอ”
“เสือก”
“โอเค งั้นถือว่ายังไม่ได้คบกัน งั้นกูจีบพี่กุ้งนะ”
“ไอ้เพลง”
“เรียกทำไมนักหนา”
“กูกับพี่กุ้งคบกันแล้ว มึงไม่ต้องสะเออะเข้ามาสอด เพราะมึงเลยสัส กว่าจะคบกันได้ กูตามง้อตามอธิบายแทบตาย มึงอะอยู่เฉยๆ ไปเลย”
“กูเหรอ” ผมชี้นิ้วมาที่ตัวเอง ผมไปทำให้พวกมันคบกันยากขึ้นตอนไหนวะ
“เออดิ! แม่ง! คิดแล้วยังอยากแก้แค้นฉิบหาย”
“เอ้าไอ้นี่ กูไปสาระแนเรื่องมึงตอนไหนกูยังไม่รู้เลย จะมาแก้แค้นกูได้ไง”
“ไม่รู้แหละ กูแค้น”
“เรื่องของมึงเถอะ ยังไงซะคนแบบมึงก็ทำไรกูไม่ได้หรอก”
“ได้ไม่ได้เดี๋ยวมึงก็รู้”
“มึงจัดมาเลย เอาหนักๆ นะ”
“มึงท้าเหรอ”
“ท้าน่ะสิ” ไอ้ห่านี่ จู่ๆ ก็มาหาเรื่อง
“คุยไรกัน” ไอ้คีย์ที่กลับเข้ามาถึงห้องถามขึ้น
“คุยเรื่องหมาเรื่องแมว” ไอ้มิวพูดแล้วเดินไปช่วยไอ้คีย์ถือถุง
“ซื้อไรมาเยอะแยะว่ะเนี่ย มีของชอบกูด้วย”
“เออ เอาไปใส่จานไป” ไอ้มิวรับมันไปแล้วเดินเข้าครัว บาดตาบาดใจกูจริงๆ ของชอบของมึงงั้นเหรอ ไอ้มิว มึงจะเอาใช่ไหม หึ! ได้!
“คีย์เอาหนังไก่ให้กูหน่อย” ผมบอกไอ้คีย์ที่กำลังแกะน่องไก่ออกจากไม้ แล้วมันก็แกะเอาหนังสีแดงน้ำตาลแดงน่ากินออกมา ก่อนจะยื่นไปตรงหน้าไอ้มิว ไอ้สัส! กูบอกว่าแกะให้กู
“คีย์ กูบอกให้มึงเอามาให้กู” แล้วมึงเป็นเหี้ยไรไอ้มิว มึงเป็นง่อยเหรอถึงไม่ใช้มือตัวเอง ต้องใช้ปากงับทำเหมือนไอ้คีย์กำลังป้อนอาหารหมาน่ะห้ะ
“มึงตาบอดเหรอเพลง หนังไก่ไหม้ขนาดนั้นมึงจะแดกให้มันไปกระตุ้นเซลล์ในร่างกายให้ก่อมะเร็งหรือไง อยากแดกไก่ก็กินเนื้อๆ นี่ แล้วกินแค่วันนี้นะ” ขอบใจจ้ะ ไม่ได้พูดออกไปหรอก แต่ยิ้มอยู่ในใจ เป็นห่วงกูก็ไม่บอก ทำไมไอ้ต้าวหน้าหมามันได้น่ารักแบบนี้นะ
“อ้าวแล้วกูอะสัส! จะเป็นมะเร็งตายก็ไม่แคร์ว่างั้น” ไอ้มิวกลืนหนังไก่แล้วพูดขึ้น
“คนอย่างมึงไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า จะตายง่ายก็ไอ้เพลงนี่ แดกห่าแม่งทุกอย่าง” อ้าว วกมาด่ากูเฉย
“แต่มีอย่างหนึ่งที่กูยังไม่ได้แดก”
“อะไร” ไอ้ไก่ที่แดกเงียบๆ อยู่นานถามขึ้น
“ไอ้คีย์” โว้ยยยยยย ในใจมันบอกแบบนั้น แต่อยู่ต่อหน้าไอ้พวกนี้แล้วเล่นไม่ลง ได้แต่เก็บเอาไว้พูดในใจคนเดียว แล้วทำไมต้องเงียบกันหมดด้วยว่ะ มองกูกันใหญ่เหมือนนัดกันมา
“ม... มองห่าไร”
“มองมึงไง รออยู่เนี่ยว่าจะตบมุขอะไร”
“กะ.. กู...ลืมไปแล้ว”
“โถไอ้ห่า กูอุตสาห์รอตบมุขต่อ” ไอ้ไก่กลับไปก้มหน้าแดกต่อ
“ก็กูลืม” ห่าจิก เสียมุขเต๊าะไอ้คีย์หมดเลย
“คราวหลังก็บอกไปนะว่าอีกอย่างที่ยังไม่ได้แดกคือกู” ไอ้คีย์ ไอ้คีย์มันพูดออกมาได้ง่ายๆ ไม่เคอะเขินห่าไรเลยครับ ได้ มึงพูดเองนะ เดี๋ยวกูตบมุขให้จะได้ไม่เสียของ
“กูแดกมึงได้เหรอ”
“แล้วอยากแดกป่ะล่ะ”
“ก็.... ก็อยากลองดูเหมือนกัน” เชี่ยยยย กูพูดไรเนี่ย
“สัสเอ้ย แม่งแดกไม่ลงแล้ว” ไอ้มิวทำหน้าเหม็นกลิ่นความรักเต็มที ตามด้วยไอ้ไก่ที่จ้องมาไม่หยุด
“มองเหี้ยไร”
“พวกมึงสองคน” ไอ้ไก่เอานิ้วชี้ทั้งสองข้างมาจิ้มๆ กันแล้วทำหน้าตาล้อเลียน
“ไอ้สัส!”
“ไอ้ห่ารีบๆ แดกเลย จะได้ไปทำงานต่อ” ไอ้คีย์ไล่ให้มันรีบๆ กินกัน ไอ้คีย์จะได้ให้ผมกินมันต่อหลังจากที่พวกห่านี่กลับไปแล้ว ว้ายยยย มโนล้วนๆ ฮ่าๆๆ
ยาว...
ยาวจริงๆ เลย
ไอ้พวกนี้มันอยู่ยาวเลยจริงๆ นี่ห้าทุ่มแล้วพวกมันยังทำรายงานกันไม่เสร็จ เห็นบอกตัวเลขไม่ลงตัว ต้องรื้อใหม่อะไรก็ไม่รู้
“พี่กุ้งจะอยู่รอไอ้มิวมันจนเสร็จเลยเหรอ” ผมถามพี่กุ้งที่มาตั้งแต่เย็นๆ พร้อมกับของกินมากมายที่ลงไปอยู่ในพุงของผมแล้วเรียบร้อย
“ไม่อ่ะ เดี๋ยวสักพักก็คงกลับแล้วล่ะ”
“นึกว่าจะรอไอ้มิวมันซะอีก ผมจะบอกให้ไปอาบน้ำแล้วมานอนรอมัน นี่เดี๋ยวผมก็จะนอนแล้วเหมือนกัน”
“ไม่เป็นไร เกรงใจ เดี๋ยวก็กลับแล้ว”
“ผมไม่ได้ไล่นะ พี่จะอยู่รอก็ได้ เปิดไฟไว้ก็ได้นะ ผมหลับง่าย”
“พี่ตั้งใจจะกลับอยู่แล้ว ให้มานั่งรอมันคงไม่ไหว เออนี่ พี่ถามอย่างหนึ่งดิ”
“ครับ?”
“เพลงกับคีย์คบกันแล้วเหรอ”
“จะเหรอบ้าพี่กุ้ง เอาอะไรมาพูด” แต่ขออนุญาตสาธุหน่อยแล้วกัน สาาาาาธุ
“เดาเอา เห็นคีย์หันมามองบ่อยๆ พักนี้ในเพจคู่จิ้นเรากับคีย์ก็ดูอัปเดตอะไรที่เรียลมากขึ้นด้วย”
“พี่กุ้งไลค์เพจด้วยเหรอ”
“เห็นเพื่อนชอบคุยกัน เลยไปฟอลโล่ไว้คุยกับเพื่อน คู่คีย์กับเพลงน่ารักดีนะ”
“จริงเหรอครับ”
“แล้วเพลงว่าไงอ่ะ”
“ผมว่า...”
“กุ้งงงง เขาเหนื่อยจังเลยขอพักหน่อยน้าาาา” ไอ้มิวพุ่งตัวเข้ามานอนตักพี่กุ้งด้วยน้ำเสียงแห่งความตอแหลเลเวลสิบ
“ลุกเลยมิว พี่จะกลับแล้ว”
“อ้าวจะกลับแล้วเหรอ เดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่ต้องเลย อยู่ทำงานกับเพื่อนนี่แหละ เหลืออีกเยอะไม่ใช่เหรอ”
“ก็เค้าอยากไปส่งนิ”
“แหวะ~” ขอเอาคืนบ้างเหอะ ไอ้มิวทำตาเหลือกมองผม
“พี่กุ้งไม่ต้องกลับหรอก นอนกับเพลงนี่แหละ” ปกติไม่เคยแทนตัวเองว่าด้วยชื่อเลยนะ แต่รอบนี้มันต้องปั่น
“ไม่ต้องเสือกเลยไอ้เพลง” ไอ้มิวเด้งตัวลุกมานั่งมองหน้า คนอย่างมึงมันต้องโดนปั่นให้เละ
“พี่กุ้งนอนกับเพลงนะครับ” ผมเข้าไปกอดเอวพี่กุ้งจากด้านหลังแล้วเอาคางเกยไหล่แกไว้ พร้อมกับยักคิ้วให้ไอ้มิวสองที เป็นไง ควันออกหูเลยอะดิ ฮ่าๆ
“กลับห้องเลยกุ้ง นี่อยู่กับไอ้เพลงมาหลายชั่วโมงแล้วโดนมันลวนลามอะไรบ้างเนี่ย” ไอ้มิวแกะมือผมออกจากตัวพี่กุ้ง แล้วดึงมือพี่กุ้งให้ลุกขึ้นพลิกตัวพี่แกไปมาสำรวจร่างกายแล้วจ้องหน้าหาเรื่องผม
“ทำม่ะ มึงจะทำม่ะ” ผมถามมันโดยไม่ออกเสียง
“ไอ้เหี้ย” มันด่าแบบไม่มีเสียงกลับมา
“พี่ไปก่อนนะเพลง” พี่กุ้งกลั้นขำแล้วหันมาบอกผม
“ครับ คราวหน้ามาใหม่นะครับ ตัวพี่กุ้งนุ่มนิ่มดี เพลงอยากกอดอีก”
“ไอ้เพลง”
“พอเหอะเพลง อย่าหางานให้พี่เลย” พี่กุ้งว่าขำๆ แล้วเดินตามแรงลากของไอ้มิวออกจากห้อง อาการหนักเหมือนกันนะเนี่ยไอ้มิว
“เพลง”
“หืม” ผมตอบไอ้คีย์ที่เดินเข้ามาหาหลังจากสองคนนั้นเดินออกไป
“พี่กุ้งเป็นรับ”
“ไม่ผิดคาดแฮะ” ถึงพี่กุ้งจะสูงกว่าไอ้มิว แต่ก็พอเดาได้แหละว่าแกอยู่โพไหน ผิวขาวบอบบาง ตัวนุ่มนิ่มน่ารัก
“มึงรู้แล้ว”
“เออดิ ก็พอเดาออก มีไรเปล่า”
“แล้วมึง...”
“อะไร มึงจะพูดไร”
“ช่างเหอะ” ไอ้คีย์คิ้วขมวดแน่นเดินออกไปนั่งทำงานต่อ อะไรของมันว่ะ
ผมนั่งๆ นอนๆ อีกพักใหญ่ๆ ตาก็เริ่มปรือ หูก็เริ่มไม่ได้ยินที่พวกมันคุยกัน ไปนะ กู๊ดไนท์เพื่อน~
“เพลง” หืมมมม เสียงไอ้คีย์นิ
“รายยยย~” ผมครางตอบทั้งที่ตายังปิด คนจะนอนเรียกทำไม
“มึงจะกินกูไม่ใช่เหรอ ลุกมากินดิ”
“จะนอน~” เรียกให้กินอะไรดึกดื่น ทุกทีบ่นจะเป็นจะตายที่หาอะไรกินดึกๆ ดื่นๆ
“งั้นกูกินมึงนะ”
“อืมมม~” จะกินอะไรของกูล่ะ ในตู้เย็นกูแดกหมดแล้ว
“อนุญาตแล้วนะ”
“อืออออ~” ชักจะรำคาญแล้วนะ แล้วไอ้คีย์ก็เงียบหายไป ส่วนผมเหรอจำอะไรไม่ได้อีกเลยนอกจาก....
เมื่อคืนก่อนมันเกินอะไรขึ้นว่ะ ผมรู้สึกเหมือนนอนๆ อยู่แล้วมีอะไรไม่รู้มาเขมือบที่ปาก มันนุ่มๆ แฉะๆ เหมือนความฝันแต่คล้ายความจริง ถามไอ้คีย์มันก็บอกไม่รู้ ไม่เห็นอะไร หรือผมฝันจริงๆ ว่ะ แต่ในฝันมันเหมือนจริงมากเลยนะ ทั้งความรู้สึก ทั้งรสสัมผัส เหมือนกำลังมีอะไรมาเขมือบที่ปาก มาดูดที่ลิ้น หรือว่าผมกำลังถูกมนุษย์ต่างดาวเข้าสิง
“โอ๊ยยยย ตีผมทำไมอะ” อะไรวะ จู่ๆ พี่ไนท์ก็เอามือมาฟาดหัวผมเต็มแรง
“ก็กูเรียกตั้งนาน มึงไม่ตอบไง เหม่อห่าไร คิดถึงผัวเหรอ”
“เออดิ” เต็มแรงจริงๆ ครับ มึนหัวไปหมด
“แล้วนี่ไอ้คีย์จะมาเมื่อไหร่”
“เดี๋ยวก็คงมาครับ” ผมตอบพี่แกไป ตอนนี้พวกเรา อันได้แก่ผม พี่ไนท์ แล้วก็ไอ้เป้ กำลังยืนแจกใบปลิวเชิญชวนเพื่อนๆ พี่ๆ ในมหาลัยไปดูละครเวทีคณะอยู่ครับ แล้วเย็นๆ วันพรุ่งนี้จะมีเปิดขายบัตรรอบพิเศษ พร้อมการแสดงพิเศษที่พวกเราซุ่มซ้อมกันมาเป็นเดือนๆ ก็ละครเวทีสโนว์เพลงกับผู้ชายทั้งสิบนั่นแหละครับ
“เหลือไม่เยอะแล้ว งั้นกูฝากพวกมึงด้วยนะ” พูดจบแกก็เอาใบปลิวยัดใส่มือผมกับไอ้เป้แล้วเดินหายไปเลย เจริญจริงไอ้พี่เหี้ย
“โห่ ซิ่งอย่างไว กูซิ่งบ้างดีกว่า”
“หยุดเลยไอ้เป้ มึงคิดได้แต่ห้ามทำ ไปเร็วๆ จะได้แจกให้มันหมดไวๆ” ไปเร็วๆ ตอนนี้คือไปหอประชุมมหาลัยครับ มีเพื่อนๆ ปีหนึ่งกำลังเรียนวิชาของมหาลัยกลุ่มใหญ่ ใบปลิวหมดแน่คราวนี้ ส่วนคนอื่นๆ ไม่ต้องสงสัย เพราะแยกย้ายกันไปแจกแต่ละจุดในมหาลัยครับ
“ท่านกำลังเข้าสู้บริการรับฝากหัวใจ”
[อยู่ไหน] เสียงปลายสายจากไอ้คีย์ครับ ส่วนเนื้อเพลงเมื่อกี้ผมร้องเองแหละ
“กำลังไปหอประชุม”
[งั้นเจอกันที่นั่นเลยนะ กูเรียนเสร็จแล้ว]
“รับแซ่บ”
“ช่วงนี้มึงเพี้ยนๆ เนอะ” ไอ้เป้ว่าหลังจากผมวางสายไปแล้ว
“นี่มึงด่าเพื่อนเหรอ”
“ชมมั้ง ร้องเพลงเพี้ยนไม่พอ ช่วงนี้ยังสมองเพี้ยงอีกนะมึง”
“เพราะเพี้ยนไง ถึงได้มีเพื่อนเพี้ยนๆ แบบมึงอ่ะ”
“ไอ้สั... น้องดาว” ไอ้ห่าด่าผมยังไม่ทันจบสายตาที่มองมาเลยไปด้านหลังจนผมต้องหันไปมองคนชื่อดาวที่มันเรียกหา สวยว่ะ
“พี่เป้สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะพี่เพลง” ผมรับไหว้น้องเขา รู้จักผมด้วย ดังใช่ย่อยนะบทเพลง
“มาทำอะไรกันค่ะ” ว่าแต่น้องเถอะมาทำอะไร แต่งตัวชุดนักเรียนเต็มยศขนาดนี้
“มาแจกใบปลิวละครเวทีคณะครับ แล้วนี่ดาวมาทำอะไรที่มหาลัยครับ”
“ดาวมาแข่งวิชาการค่ะ ตอนนี้แข่งเสร็จแล้ว แล้วก็ว่างด้วย ให้ดาวช่วยมั้ยค่ะ”
“ดีเลย พวกพี่จะได้แจกให้เสร็จไวๆ เพลงเดี๋ยวมึงแยกไปแจกกับไอ้คีย์เลยนะ เดี๋ยวกูไปแจกกับดาวเอง” มันหันมาบอกแล้วขยิบตาให้
“ตาเป็นไรอะ” ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันส่งซิก แต่การแกล้งเพื่อนคืองานของเรา
“ไอ้สัส” มันขยับปากด่าไม่ได้ออกเสียง
“ไปกันเถอะดาว” ขยันเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยเกิ๊น
“ไปก่อนนะคะพี่เพลง สวัสดีค่ะ”
“ครับ” แล้วทั้งคู่ก็เดินจากไป ทิ้งผมไว้กลางทาง ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงไม่ยอม แต่เมื่อกี้ไอ้คีย์โทรมาแล้ว ไปแจกกับไอ้คีย์สองคนก็ได้ จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้น
ระหว่างรอไอ้คีย์ผมขอบ่นให้อะไรให้ฟังนิดหน่อยแล้วกันนะครับ คือบทละครเวทีที่เราตกลงกันว่าจะต้องจูบจริง แล้วนัดแนะจะซ้อมกับไอ้คีย์ นับตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ เรายังไม่ได้ลองจูบกันเลยครับ ซ้อมทีไรไอ้คีย์ก็แค่เอาหน้าเข้ามาใกล้ๆ แค่นั้น จะประท้วงมันให้จูบจริงก็ดูไม่ดียังไงไม่รู้ เซ็งเลย อดจูบกับคนที่ชอบ เสียดายโอกาสโคตรๆ
“มาถึงนานยัง”
“ก่อนหน้ามึงแป๊บเดียว” ผมตอบไอ้คีย์ที่พึ่งเดินมาถึงหน้าหอประชุม ตอนนี้ข้างในยังเรียนกันอยู่เลย อีกสักพักคงออกมากันแล้ว ระหว่างนี้ถ้ามีใครผ่านไปมาก็ลุกไปแจกฆ่าเวลาไปก่อน
“คีย์ มึงไหวปะเนี่ย ดูเพลียๆ”
“ไหว”
“มึงกลับก่อนก็ได้นะ” สีหน้ามันดูไม่ค่อยดีเลยครับ ช่วงนี้มันยิ่งโหมทำรายงานดึกดื่นอยู่ด้วย กลัวมันจะไม่สบายเอา
“กูไหวน่า แต่ขอพิงไหล่มึงพักแป๊บหนึ่งนะ” มันก็แค่ประโยคบอกเล่าไม่ใช่ประโยคคำถามเพราะผมยังไม่ทันตอบมันก็เอาหัวมันมาพิงไหล่ผมซะแล้ว
“หนักอะ” อยากให้มันพิงนะครับ แต่มันหนักอ่าาา
“งั้นหนุนตักแล้วกัน” เหมือนเดิมโดยไม่ต้องรอคำตอบ ไอ้คีย์ก็จัดท่านอนให้ตัวเองเสร็จสรรพ
ทำไมไอ้คีย์มันถึงได้หล่อขนาดนี้ว่ะ ผมมองหน้ามันที่หลับตาพริ้มแล้วได้แค่คิดหาคำตอบ
ในสายตาผม ผมเห็นคนหน้าตาดีมาเยอะนะครับ แต่กับไอ้คีย์สำหรับผมมันเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุด หล่อทั้งกายหล่อทั้งใจ มันชอบบ่นผมบ่อยๆ เรื่องการกิน ซึ่งผมก็แอบหงุดหงิดนะเมื่อก่อนน่ะ แต่ตอนนี้เหรอ ผมทำได้แค่ขอบคุณมันในใจที่ห่วงใยผม ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อน ฐานะคนสำคัญอะไรก็ตาม ผมอยากอยู่กับมันแบบนี้ไปนานๆ มันจะเป็นไปได้มั้ยนะ
พักหลังมานี้ผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์เรามันพิเศษขึ้น บางครั้งผมก็รู้สึกว่ากำลังถูกมันจีบอยู่ บางทีที่ผมแอบแหย่ๆ มันไป มันก็ดูไม่ได้ขัดอะไร
คิดเหมือนกันหรือเปล่า เราคิดเหมือนกันใช่ไหมคีย์ ผมอยากถามแต่ก็กลัวคำตอบ เป็นแบบนี้มันดีอยู่แล้วก็จริง แต่เป็นแบบนี้มันยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่สำหรับคนโง่ๆ อย่างผม ผมกลัว กลัวว่าตัวเองจะคิดเอาเอง เพราะผมชอบมโน ชอบคิดเองเออเอง
ไอ้คีย์ที่นอนหงายเมื่อครู่เปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงซุกหน้าเข้ากับพุงของผม มือข้างหนึ่งมันเอามากอดเอวผมไว้ รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนว่ามันกำลังแสดงความเป็นเจ้าของ ผมยกมือขยำผมมันเล่นเบาๆ
“เพลง”
“ว่า”
“มึงอ้วนขึ้นนะ”
“รู้แล้วน่า”
“ไม่ได้ว่าอะไร ก็น่ารักดี” มันว่าแล้วกระชับแขนที่เกี่ยวเอวผมไว้
ชักจะง่วงเหมือนกันแฮะ สักงีบแล้วกัน ผมวางมือข้างหนึ่งวางพาดตัวมันไว้ ส่วนอีกข้างยกศอกพาดพนักพิง แล้วใช้มือดันหัวตัวเองก่อนหลับตาเรียกพลังงานสักหน่อย
เสียงจอแจช่วยปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาจากการแอบงีบ รู้สึกกำลังเคลิ้มๆ เลย
“คีย์ตื่นเร็ว คนเริ่มออกมาแล้ว” ผมเขย่าตัวไอ้คีย์เบาๆ ตัวมันอุ่นๆ กว่าปกติแฮะ
“หืมมม” ตามันปรือๆ มองมา
“มีคนออกมา” ไอ้คีย์นอนมองหน้าผมสักพักมันก็ยอมลุกขึ้น เราสองคนเลยรีบไปเดินดักเพื่อนๆ แล้วแจกใบปลิวพร้อมกับโฆษณาเชิญชวนให้ทุกคนไปดูละครเวทีของคณะ
“อุ้ย! พรุ่งนี้คีย์กับเพลงเล่นละครเวทีด้วยกันเหรอ”
“ครับ แค่เล่นโปรโมทตอนขายบัตรวันพรุ่งนี้วันเดียวน่ะครับ”
“เหรอคะ”
“ไว้พรุ่งนี้ไปดูนะคะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
“มึงงง พรุ่งนี้ไปดูกันม่ะ”
“ไปๆ”
“งั้นที่ลือๆ ว่าเล่นละครเวทีคู่กันก็จริงดิ”
“อร้ายยยย”
มีหลายครั้งกับบทสนทนาคล้ายๆ เดิมที่ใครหลายๆ คนเข้ามาถาม และบางครั้งก็เป็นบทสนทนาที่ไม่ได้คุยกับเรา แต่แอบคุยกันเบาๆ ให้เราได้ยิน
“อ่าาาา หมดสักที” ผมบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาทีเมื่อเราทั้งคู่แจกใบปลิวเสร็จเรียบร้อย
“จะไปไหนต่อ”
“หาไรกินดิ” ผมตอบไอ้คีย์
“มึงจะกินไรล่ะ”
“อืมมมม กินไรก็ได้”
“แปลกแฮะ”
“แปลกยังไง”
“ก็วันนี้มึงไม่ร้องขออยากกินไก่”
“ก็พักบ้าง ไม่อยากให้คนแถวนี้เป็นห่วง”
“ให้คนแถวนี้ได้ห่วงเถอะ เพราะยังไงยังไงไม่ห่วงเรื่องกิน คนแถวนี้ก็ห่วงเรื่องอื่นอยู่ดีแหละ”
“ห่วงเรื่องไร”
“ทำไมต้องบอก”
“เอ้า ก็อยากรู้ไง จะได้ไม่ต้องทำตัวให้น่าห่วง”
“ถ้าไม่อยากให้ห่วงก็หยุดทำตัวน่ารักดิ”
“.......” ตี๊ดดดดดดดดดดดดด เสียงชีพจรของผมเองแหละ ขยันหยอดบ่อยๆ เดี๋ยวกูปล้ำซะเลยนี่
“ยิ้มไร กูไม่ได้หมายถึงมึง”
“อ้าว... แล้วหมายถึงใครอ่า” เฟลเลยกู มึงหมายถึงใครไอ้สัสคีย์
“หมายถึงคนที่กูชอบ”
“ใคร” กูใช่มั้ย! ใช่มั้ย! ใช่มั้ย!
“ไม่บอก” มันว่าแล้วเดินนำหน้าผมไปเลย อยู่กันสองคนก็ต้องกูแล้วป่ะ กูคิดเองเก่งเออเองเก่งมึงไม่รู้ไง
“ตกลงจะกินไร” ไอ้คีย์ถามเมื่อเราขึ้นมานั่งบนรถแล้ว
“ข้าวไข่เจียวข้างทาง”
“ข้าวไข่เจียว?”
“อื้มทำม่ะ” ผมตอบกลับมันไป แปลกมากหรือไง กูกินข้าวไข่เจียวเนี่ย กินออกบ่อยเหอะ
“ไม่ได้รีบไปไหนใช่ป่ะ”
“จะรีบไปไหนอะ”
“ถ้าไม่รีบคนอย่างมึงมีเหรอจะกินแค่ข้าวไข่เจียว”
“ก็ของกินง่ายไม่ต้องรอนาน มึงจะได้รีบไปพัก แล้วเดี๋ยวแวะซื้อยาไปกินดักไว้ด้วย เมื่อกี้ตัวมึงรุมๆ กลัวจะมีไข้”
“เป็นห่วงกูเหรอ”
“ป่าว กลัวพรุ่งนี้มึงไม่มีแรงไปเล่นละครเวทีกับกูไง”
“โด่ นึกว่าเป็นห่วงกูซะอีก” มันว่าเสียงอ่อย ทำหน้าเง้าหน้างอ ไม่บ่อยนะที่จะได้เห็นมันทำหน้าทำตาแบบนี้น่ะ
“ฮ่าๆๆ”
“ขำไร”
“พึ่งเคยเห็นมึงงอน”
“เออกูงอน”
“น่ารักดี” ผมเอามือไปลูบหัวมันเบาๆ เหมือนลูบหัวหมา
“น่ารักแล้วรักกูปะ” สตั้นไปดิ จู่ๆ เจอคำถามนี้
“รีบๆ ขับไปเลย กูหิวแล้ว” ผมเบี่ยงประเด็นที่จะตอบมัน เอาจริงมันตอบยากนะ รักที่มันถามมันคือรักแบบไหน แล้วที่มันพูดมันแค่มุขหรือมันถามจริงๆ แต่ไม่ว่ายังไงผมว่าผมเขินอยู่นะ โว้ยยยยยย หน้าเหน้อร้อนไปหมดแล้ว
“มึงก็กินยาด้วยนะ หน้าแดงๆ สงสัยจะไม่สบายเหมือนกัน”
“อืม!”
“เอ๊ะ! หรือว่ามึงสบายแต่หน้าแดงเพราะเขิน”
“ขะ... เขินเหี้ยไร”
“เขินที่กู...”
“ไฟแดงแล้ว”
“ก็ไฟแดงไง” มันหันไปมองไฟจราจรแล้วหันกลับมามองหน้าผม
“เออว่ะ ไฟแดง” เหี้ยไรเนี่ย คือผมคิดไรไม่ออกไง เลยเบลอๆ นึกว่าไฟแดงเป็นไฟเขียว นึกว่าไฟเขียวคือวิ่งได้ ไฟแดงก็เช่นกัน โอ๊ยยยย งงตัวเอง สมองสับสน หัวใจปั่นป่วน
“เอาเป็นว่าจะสบายหรือไม่สบายมึงก็ต้องกินยา”
“.....”
“ยาระงับประสาท ฮ่าๆ”
“สัส!”
.
.
.
เนี่ย ก็เป็นกันซะแบบเนี่ยะ ไม่กวนตีนก็กวนประสาท ถึงไม่รู้ว่าจริงๆ เราคิดเหมือนกันหรือเปล่า
..............
เนี่ยยย ก็หยอดเก่งปากหนักกันทั้งคู่ เลยไม่ได้ฟหกด่าสวงกันสักที

แล้วสรุปอะไรที่มันนุ่มๆ แฉะๆ เขมือบที่ปากน้องเพลงล่ะเนี่ย
