Track 24 : ในยามห่างไกล หัวใจคงห่วงหา.. ห่วงเธอทุกวันและทุกคืน
คืนวันเสาร์หน้าบูธของกาชาด พ่อแม่จูงลูกน้อยมาสอยดาวแน่นลานกว้าง มีทหารยืนรอบถุงทราบที่ก่อขึ้นมาเป็นบ่อน้ำ ในบ่อลอยตลับสอยดาวสีสันหลากหลาย พี่ทหารคอยอำนวยความสะดวกยืนสวิงสอยดาวให้แก่ผู้ที่เข้าร่วมเล่นเกม เมื่อสอยกันเสร็จก็จะไปแลกของรางวัล พิธีกรบนเวทีตะโกนเชื้อเชิญคนที่ผ่านไปมาดังลั่น เสียงลอยจนมาถึงบูธขนมจีนที่คนแน่นขนัดของนกน้อย แม้จะขายได้ร่วมอาทิตย์นึงแล้ว แต่ผู้คนยังไม่ลดลงเลย
โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าในงานด้วยกัน ที่แวะเวียนมาทานพร้อมชมในรสเลิศไม่ขาดปาก นกน้อยที่เพิ่มปริมาณให้ถ้าเห็นเป็นพ่อค้าแม่ขายด้วยกัน แม้ว่าค่าเช่าที่จะแพงมาก แต่ด้วยปริมาณคนที่มาทานมากขนาดนี้ ทำให้คนขายยิ้มแก้มปริ แถมยังแบ่งกำไรเป็นค่าแรงแก่ ปุยเมฆ และ มะนาว ที่ขยันขันแข็งช่วยเหลือเป็นอย่างดี มีก็แต่โอเล่ที่ไม่ยอมเอาเงิน แถมยังออกค่าที่ให้ก่อนอีกต่างหาก
“เดี๋ยวน้าแจ้ขึ้นประกวดกี่โมงครับเนี่ย” โอเล่ถามนกน้อยที่มองนาฬิกาไม่หยุดจนสังเกตุเห็นได้ชัด
“ก็น่าจะสักสามทุ่มน่ะค่ะน้องโอเล่ เพราะว่า ประกาศผลประกวดขุนช้างเสร็จ ก็ต้องมีประกวดขุนแผนต่อเลย”
“พี่นกน้อยก็ไปได้แล้ว ตรงนี้เดี๋ยวผมดูให้เอง พวกลูกน้องเตี่ยผมนี่ไว้ใจได้ เรื่องเงินทองไม่ต้องกลัว”
“หูย เจ๊ไม่คิดเรื่องเงินทองเลยค่ะน้องโอเล่ แค่ที่น้องโอเล่ช่วยเหลือนี่ก็ดีใจมากแล้ว แค่เกรงใจ อุตส่าห์มาเหนื่อย จะเลี้ยงเหล้าก็ไม่ดื่ม แล้วจะให้ทิ้งร้านให้น้องโอเล่อยู่ได้ยังไง นี่เดี๋ยวน้ำยาหมดหม้อนี้ก็ว่าจะปิดร้านกัน แล้วไปเชียร์พี่แจ้ด้วยกันทั้งหมดนี่แหล่ะ”
“พี่นกน้อยกับมะนาวไปก่อนได้เลย เดี๋ยวผมช่วยโอเล่อีกสักพักจะตามไปดู” ปุยคะยั้นคะยอนกน้อยให้รีบไปยังเวทีประกวด เพราะกลัวน้าแจ้จะใจเสียถ้าไม่เห็นคนไปเชียร์ มะนาวจึงถอดผ้ากันเปื้อนแล้วรีบชวนนกน้อยไปเชียร์น้าแจ้กัน
“ทางนี้จ้า” อาร์มกับดอยที่จองโต๊ะหน้าลานเบียร์เกือบติดขอบเวทีประกวดตั้งแต่หัวค่ำ ชูมือไหวเรียกมะนาวกับเจ๊นกน้อย ให้มาสมทบที่โต๊ะ แม้มะนาวจะทำหน้าบูดเมื่อเห็นอาร์ม แต่ก็ตามเจ๊นกน้อยมานั่งร่วมโต๊ะด้วยความยินยอม
“กำลังจะเริ่มแล้วครับ แล้วปุยล่ะ” ดอยถามเจ๊นกน้อยซึ่งดูตื่นเต้นและคอยชะเง้อไปยังเวทีมองหาไก่แจ้
“เดี๋ยวน้องปุยกับโอเล่ตามมาอีกสักพัก พอดีร้านยุ่งมาก แต่ของใกล้หมดแล้ว ขายดีมากเลยวันนี้”
“ดื่มอะไรกันดีครับ วันนี้ งดขายเบียร์นะ พอดีพรุ่งนี้มีงานวันพ่อ” อาร์มถามนกน้อยแต่สายตาโฟกัสไปยังมะนาว
“อะไรก็ได้จ๊ะ ไม่อยากดื่มแอลกอฮอล์เหมือนกัน พรุ่งนี้จะตื่นไปใส่บาตรให้พ่อหลวง” นกน้อยยังคงไม่ละสายตาจากเวที
“ตื่นเต้นกับวันพรุ่งนี้เหมือนกันนะคะ พ่อหลวง 5 รอบ เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ มะนาวอยากไป ราชดำเนินจัง”
“ไปไหม พี่พาไปพรุ่งนี้” อาร์มที่รอจังหวะอยู่แล้วรีบเสนอ
“ไม่ค่ะ มะนาวจะอยู่ช่วยพี่นกน้อย”
“ไปกับอาร์มก็ได้ นี่ลูกน้องของเตี่ยโอเล่มาช่วยเจ๊ สบายจะตาย ตอนจบงานก็ว่า จะพาน้องทหารไปเลี้ยงหน่อย”
“หนูอยากอยู่ที่นี่ค่ะ มีจุดเทียนชัยที่สะพาน น่าจะยิ่งใหญ่ เราอยู่ที่ไหน ก็ร่วมฉลองให้พ่อหลวงได้นะคะ”
“ใช่เลย เจ๊ว่าทั่วประเทศไทย จะสว่างไสวจากแรงเทียนในวันพรุ่งนี้”
“ปุยโอเคหรือเปล่า มีอะไรระบายออกมาได้นะ” โอเล่ลองถามปุยดู ที่แม้เขาจะเริ่มสนิทกับปุยเมฆมากขึ้นแล้ว จากการที่มาใช้เวลาร่วมกันในช่วงที่ผ่านมา เขาพบว่า ปุยเป็นคนน่าคบหา และเป็นเพื่อนที่ดีมาก แต่เขาก็ยังไม่สนิทถึงขึ้นจะถามเรื่องส่วนตัวเลย
“ไม่นะ เราไม่โอเค ถ้าโอเล่หมายถึงเรื่องนายดอย”
“อภัยไม่ได้เลยเหรอ”
“ไม่”
“เราว่า มันก็พลาดกันได้นะ ดูเจ๊แมวสิ สวยขนาดนั้น สวยกว่าผู้หญิงอีก ผู้ชายทุกคนเห็นก็เคลิ้มแหล่ะ”
“ทำไม โอ๊คไม่เป็นล่ะ”
“....”
“นายชอบคนถูกแล้ว โอเล่ โอ๊คมั่นคง และไม่เคยเลยที่จะทำให้เราผิดหวัง”
“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก”
“หมายความว่ายังไง”
“คือ เราเห็นพี่ดอยมาพร้อมกับเห็นพี่โอ๊ค เขาก็เหมือนกันนะ เห็นเล่นๆ เรื่อยๆ ไปกับคนนั้นคนนี้ แต่ถ้ามีใคร เขาก็หยุดนะ ไม่มีวอกแวกหรอก เรื่องที่เกิด มันอยู่ในช่วงที่เขาไม่มีใคร อันนี้ เราก็คิดว่า พี่ดอยไม่ผิดหรอก แล้วเราก็ไม่รู้ความจริงทั้งหมด เท่าที่พอรู้ เขาสนิทกันมาตั้งแต่อยู่ในสถานพินิจแล้ว”
“เราว่า เราไม่อยากเอาเรื่องพวกนี้มาอยู่ในหัวแล้วล่ะโอเล่ เราจะมุ่งไปที่การเรียน เราอยากรีบจบ อยากทำงานแล้ว”
“อืม สู้สู้นะ”
“นายก็เหมือนกัน.. พักนี้ ดูจะมีคนมาตามติดนะ พ่อหนุ่มนพมาศน้อยอะไรนั่น”
“แหวะ ไม่เอาอ่ะ มันกวนโอ๊ยจะตาย เราชอบพี่โอ๊ค ก็คือพี่โอ๊ค”
“แล้วโอ๊คมีแนวโน้มชอบโอเล่ไหมอ่ะ ถามจากมุมของคนนอกอย่างเรา”
“ปุยไม่ใช่คนนอกหรอก ปุยได้ใจพี่โอ๊คไป เราสิคนนอก”
“ไม่เอาสิ อย่าท้อ โอ๊คอาจเคยชอบเรา แต่ตอนนี้ เขาไม่ได้ชอบแล้วแหล่ะ เราสัมผัสได้เลย”
“ใจเขาคงไปอยู่กับ ลูกเจ้าของห้างแล้วแหล่ะ”
“ท้อไหม”
“ไม่นะ ถึงไม่สมหวัง เราก็จะรักเขาไปอย่างนี้ คนอย่างเรามันก็เป็นแบบนี้แหล่ะ”
“นี่พี่โอ๊คหายไปไหนคะ มะนาวส่งเพจไปบอกตั้งแต่เมื่อคืนก็ไม่ตอบ”
“เห็นว่ามาช่วยมือกลอง พอดี ห้างเขาเป็นสปอนเซอร์ประกวด เทพีสันติภาพวันพรุ่งนี้ ป่านนี้ก็คงจะจัดคิวกันอยู่” ดอยบอก
“เห็นทีพี่เธอคงจะติดบ่วงน้องมือกลองเข้าให้แล้วนะอาร์ม” เจ๊นกน้อยเสริม
“ใครก็ได้เจ๊ ผมน่ะอยากให้มันยิ้มได้อย่างนี้ไปนานๆ ผมเชียร์หมดแหล่ะ จะโอเล่ จะมือกลอง หรือจะปุย”
“อ้าว ทำไมมึงหน้าหมาอย่างนี้ล่ะ ไอ้อาร์ม” ดอยที่ตกใจกับสิ่งที่ได้ยินถามอาร์ม
“ก็กูอยากให้พี่กูมีความสุข ส่วนมึงน่ะ สถานการณ์ไม่ดี เดี๋ยวค่อยลุ้นเอาทีหลังว่ะ”
“กูว่า มึงก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากูหรอกนะตอนนี้” ดอยมองอาร์มพร้อมส่งหางตาไปยังมะนาวที่ยังนั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ถัดไป
“โอ๊ค หิวไหม กินอะไรก่อนเปล่าครับ”
“ยังไม่อยากกินอ่ะกลอง เดี๋ยวพุงป่อง ดูสิ เอาชุดอะไรมาให้ใส่เนี่ย”
“ก็ concept งานมันเป็นอย่างนี้น่ะ ฮ่าๆๆ”
“ไม่ต้องหัวเราะเลย ไม่ทำได้ไหม”
“โอ๋ๆๆ ไม่หัวเราะแล้ว ขอร้องนะ ช่วยเราหน่อย ห้างเราจะเสียแชมป์ไม่ได้ ปีนี้งานยากด้วย คู่แข่งนี่มาจากสุพรรณเลย ศักดิ์ศรีต้องอยู่ที่บ้านเรา จะให้ไปอยู่ในเมืองอื่นไม่ได้ โดยเฉพาะสุพรรณ
“หมายเลข 9 นาย จักรกฤษณ์ คชมาลา” พิธีกรประกาศ พร้อมเสียงปรบมือเกรียวกราว ชายร่างท้วมพุงใหญ่ หน้าตาคม ผิวสีเข้ม เดินออกมาพร้อมกับแรงเชียร์จากโต๊ะหน้าเวที เขายืนในชุดม่อห้อมพร้อมผ้าขาวม้าคาดเอว มีป้ายโฟมเขียนที่หลังเวทีว่า “ขุนช้างแดนทอง ๒๕๔๒” กับพิธีกรคู่ชายหญิงซึ่งยืนหลังโพเดียม
“น้าแจ้แม่ง มีลุ้นว่ะ กูว่าหล่อสุดแล้ว” อาร์มตบมือเชียร์น้ำเสียงตื่นเต้น
“ตระกูลกู หล่อยกครัวเว้ย” ดอยอวดโชว์
“พี่ดอยน่าจะขึ้นประกวดขุนแผนด้วยไปเลยนะคะ เผื่อฟลุคคว้ารางวัลน้าหลาน” มะนาวยุพี่ชายคนโปรด
“ไม่เอาอ่ะ แค่นี้ก็แทบเคลียร์ปัญหาไม่จบ เดี๋ยวรอดูน้าแจ้เหอะ ประกวดเสร็จ หัวบันไดบ้านจะไม่แห้งเอา อุ๊บ”
“เจ๊ไม่แคร์หรอกจ้า คนจะไป จะอยู่ ก็ใจเขา เราทำดีของเรา แต่ถ้าไปแล้ว ไปเลยนะ อย่ากลับมา คุกเข่าคลานมา ก็ไม่เอา” นกน้อยเหมือนจะฝากดอยไปบอกน้าชายตัวเอง
“แหม น้าเขาหลงเจ๊จะตาย คนบ้านผมนี่ รักเดียวใจเดียวนะเจ๊” ดอยรีบแก้เก้อ
“อย่ามา.. ไอ้ตอนเดินเข้าห้องอีแมว ไอ้คนน้ามันก็เข้าบ่อยพอ ๆ กับหลานนั่นแหล่ะ อุ๊บ” นกน้อยเอามือปิดปากล้อเลียน ก่อนที่บรรยากาศทั้งโต๊ะจะเงียบไปหมด แล้วหันไปดูบนเวทีแทน
“หมายเลขสุดท้าย หมายเลข 10 นายบันเทิง ท่าพะเนียดกุญชร” พิธีกรแนะนำผู้เข้าประกวดคนสุดท้ายพร้อมเสียงปรบมือที่ดังไม่ยิ่งหย่อนจากคนก่อนหน้า
“โอ้โห คนนี่แม่ง สูสีน้าแจ้ว่ะ ว่าไหมไอ้ดอย”
“เออ.. งานหินละว่ะน้ากู ไอ้อาร์ม เตรียมไปซื้อดอกไม้เพิ่มดิวะ ได้รางวัลขวัญใจมาตุนไว้ก็ยังดี”
“เดี๋ยวคงต้องรอตอนแสดงความสามารถพิเศษ แต่ติดสามคนสุดท้ายแน่นอน มะนาวว่า”
“น่าจะเบอร์ 4 เบอร์ 10 แล้ว ก็พี่แจ้” นกน้อยทิ้งทวนด้วยมาดนิ่ง ตามประสากูรูเจนเวที
“เบอร์ 10 นี่ก็เคยมากินข้าวร้านเจ๊บ่อยๆ นะผมเห็น” อาร์มเหมือนจะเริ่มจำผู้เข้าประกวดคนสุดท้ายได้ เอ่ยถาม
“พี่บิลลี่ เป็นลูกค้าร้านเจ๊เอง มีเชื้อบ้านแขก ทางท่ามะกา ปกติก็หล่ออยู่แล้ว มาแต่งตัวแบบนี้ โอ้โห หล่อชะมัด”
“อ้าว ทำไมย้ายทีมซะอย่างนี้ล่ะเจ๊ ไม่เชียร์น้าผมแล้วเหรอ”
“ก็เขาลูกค้า ก็คงต้องให้ดอกไม้บ้าง สักดอกสองดอก ไม่งั้นจะน่าเกลียด”
“อย่างนี้น้าแจ้ก็งอนแย่น่ะสิคะ”
พลทหารหกนาย กำลังทยอยเก็บหม้อและของใช้เข้าที่ เอาผ้าใบมาคลุมปิด แขวนป้ายว่า “หมดแล้วค่ะ แม่ค้าจะรีบไปเชียร์สามี เป็นว่าที่ขุนช้าง 1999” โดยมีปุยเมฆ กับ โอเล่ กำลังเอาเงินใส่ซองพลาสติก แล้วยัดใส่ถังไม้ทรงกลม มีกุญแจล็อค วางบนตู้ข้างนางกวัก โดยมีทหารลูกน้องเตี่ยขันอาสาเฝ้าให้ ปุยขอตัวล่วงหน้าไปเชียร์น้าแจ้ โดยโอเล่ยังคงส่งข้อความ และตรวจงานเอกสารที่หอบมาทำที่ร้านด้วย โอเล่ให้พลทหารไปหาข้าวปลาอาหารกินก่อน ที่จะกลับมาเฝ้าร้าน
“โหย ยังไม่ไปเชียร์ลุงแจ้อีกเหรอดาร์ลิ่ง” ผู้มาใหม่เดินมาดกวนเข้ามาหาโอเล่ที่นั่งเพียงลำพัง ตรงหลังตู้วางของ
“ใครดาร์ลิ่งนาย”
“ว่าที่ดาร์ลิ่ง”
“อย่ามาทำตีซี้ได้ป๊ะ ไอ้กล้า”
“หูย ขึ้นไอ้ แสดงมีน้ำโห”
“แล้วมาทำไมบ่อยๆ กลับไปกินนมแล้วนอนได้แล้ว”
“อยากกินนมจากเต้าบ้าง อะไรบ้าง”
“ก็ของแม่คนที่นุ่งสั้นจู๋ซ้อนรถเครื่องผ่านไปเมื่อวันก่อนไง”
“...”
“หึ หรือว่ากินจนเบื่อแล้ว”
“คืน นั่นพี่สาวเรา ลูกพี่ลูกน้องกันน่ะ”
“เฮ้ย ขอโทษ ไม่รู้นี่ว่า ขอโทษนะ” โอเล่ที่รู้สึกผิดกับคำพูดก่อนหน้านี่ เอามือเขย่าหน้าขาของกล้าที่มานั่งอยู่ตรงหน้า
“ไม่ได้ตั้งใจนี่”
“ตั้งใจสิ ตั้งใจด่านี่ไง แต่ไม่รู้ เห็นนุ่งสั้นซ้อนรถเครื่องแก๊งนาย ใครจะไปรู้ล่ะ”
“เขาเพิ่งกลับจากเมืองนอกมา อยากซ่าบ้าง เลยขอตามไปด้วย นี่ก็จะกลับสวีเดนแล้ว”
“อืม... อย่าถือสานะ ฉันก็อย่างนี้แหล่ะ”
“ไปกันได้แล้ว ไปเชียร์ลุงแจ้กัน”
“นี่ติดต่อพี่โอ๊คไม่ได้ ไม่รู้หายไปไหน”
“ก็น่าจะอยู่กับเฮียกลองมั๊ง”
“กวนตีน”
“อ้าว ต้องยอมรับความจริงดิครับ แพ้คือแพ้”
“ไม่อ่ะ เราจะสู้ ไปได้แล้ว”
“ไม่ไป.. เราก็จะสู้”
“เป็นไงบ้างแล้วอาร์ม น้าแจ้เข้ารอบไหม” ปุยที่เพิ่งมาถึงหน้าเวที ถามอาร์มโดยไม่หันไปมองดอยที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เข้ารอบ 3 คนสุดท้ายแล้ว เข้าเป็นคนสุดท้ายเลย หัวใจจะวาย เฮลั่นกันทั้งโต๊ะเลย ไม่เชื่อถามไอ้ดอย” อาร์มที่กันที่นั่งข้างดอยไว้ให้ปุยแต่แรก พยายามช่วยเพื่อน
“ปุย แต่เบอร์ 10 ที่เข้าคนแรกก็หล่อเลยล่ะ มีการรำมวยไทยโชว์ด้วย พี่นกน้อยอดใจไม่ไหว ต้องเดินเอาดอกกุหลาบไปให้ด้วยล่ะ น้าแจ้ยังชะโงกหน้าออกมาดูเลย ไม่รู้งอนหรือเปล่า” มะนาวมีท่าทีวิตกแทนน้าแจ้ เล่าสิ่งที่ปุยพลาดให้ฟัง
“ปีนี้ concept คือ ขุนช้างผู้นำทางสู่ยุคมิลเลเนี่ยม เจ๊ว่า อาจไม่โดนใจกรรมการเท่าไหร่ อย่างเบอร์ 4 นี่ก็โชว์ตีระนาด ถ้าเป็นปีก่อนอาจจะได้ใจกรรมการ แต่นี่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ขุนช้างแบบนี้ไม่ตอบโจทย์”
“โหย พี่นกน้อยนี่เหมือนกูรู เลยนะครับ” ปุยรู้สึกทึ่ง
“อ้าว ปุยไม่รู้เหรอ เจ๊นกน้อย เป็นนางงามเดินสายด้วยนะ เคยได้รางวัลที่นี่ด้วย ธิดาจำแลง ปี ๓๙” ยอดดอยพยายามชวนปุยเมฆคุยด้วยการบอกเล่าเก้าสิบ หวังให้สถานการณ์จะดีขึ้น
“รองค่ะ ไม่ได้เป็นธิดา เป็นแค่รองอันดับหนึ่ง”
“สวยขนาดพี่นกน้อยยังไม่ได้มงกุฏอีกเหรอครับ”
“ค่ะ แพ้อีแมวไงคะ อีแมวห้อง 2D น่ะค่ะ”
“นั่นไง นั่งตรงโต๊ะนั้นกันอยู่” กล้าที่เพิ่งมาถึง เห็นอาร์มโบกมือเรียกตรงหน้าเวที ก็ชวนโอเล่เพื่อจะเดินเข้าไปร่วมโต๊ะ
“นายจะไปด้วยเหรอ”
“อ้าว ไปด้วยไม่ได้เหรอ”
“คนจะคิดว่าเรามาด้วยกัน”
“เรามันน่าอายตรงไหน นายนพมาศน้อยเชียวนะเว้ย”
“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ไม่อยากให้เพื่อนพี่โอ๊คคิดว่า เราไม่มั่นคง”
“ถ้าเขาจะหึง เขาก็หึงเองแหละ อย่าคิดมาก ไปเหอะ น้าแจ้จะโชว์แล้ว”
“ขี้ตื๊อเนอะ” โอเล่ที่พูดยังไม่ทันจบประโยค ก็ถูกกล้าจูงมือแน่นไปร่วมสมทบกับโต๊ะยอดดอย
“ก็ถูกใจอ่ะ นักเลงเหมือนกัน ถึงจะอยู่ด้วยกันได้”
[ TBC ]