Love of 1999 : มารักกัน.. ก่อนวันสิ้นโลก [ Track 30 : เริ่มรู้จักความหมาย ของคืนวัน.. ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love of 1999 : มารักกัน.. ก่อนวันสิ้นโลก [ Track 30 : เริ่มรู้จักความหมาย ของคืนวัน.. ]  (อ่าน 9305 ครั้ง)

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Track 11 :   คนนี้สิมาแรง... สายตาคงไม่หลอก..

“ปุย แกพูดมาเดี๋ยวนี้ โอ๊ค กับ ดอย ของฉันเนี่ย มีเมียกันหรือยัง เกิดราศีอะไร อย่างฉันพอจะมีสิทธิไหม” กะเทยหัวโปก เขียนคิ้วโก่งหนาชื่อ โหน่ง เป็นคนเอ่ยถาม ในขณะที่เพื่อนในกลุ่มปุยสุมหัวสนใจกัน เมื่อโหน่งได้เปิดประเด็นบนโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นมะขามที่อยู่ในรั้ววิทยาลัย

“พวกแกต้องเรียกเขาพี่ เขาแก่กว่าพวกแกปีนึง” ปุยที่กำลังก้มหน้าเขียนสรุปบทสัมภาษณ์ที่รวมได้จากการไปออกหน่วยที่น้ำตกเอราวัณ ชี้แจงให้เพื่อนฟัง

“แล้วทำไมแกไม่เรียกเขาพี่ล่ะ” จอย ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มถามกลับ

“ก็อายุเท่ากันอ่ะ เอาจริงๆนะ พวกแกต้องเรียกชั้นว่าพี่ด้วย  นี่ชั้นหยวนๆให้ เห็นเรียนรุ่นเดียวกัน”

“จร้า” เพื่อนทั้งโต๊ะประสานเสียง

“แล้วนี่ ใครผัวหล่อนยะ” กอล์ฟ หนุ่มผอมบางร่างอ้อนแอ้นมีสิวเต็มหน้า ถามด้วยความสนใจ

“เฮ้ยยยยยยย  พี่น้องกันเว่ย ชั้นเป็นผู้ชาย ชั้นจะมีผัวได้ยังไง ไอ้พวกบ้า”  ปุยวางปากกา ตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“อย่ามาแสดง ฉันเห็นเขาเยื้อแย่งมึงในน้ำตกขนาดนั้น เจ้าป่าเจ้าเขาไม่ปล่อยน้ำป่าท่วมใส่มึงก็ดีตายห่า บัดสี บัดเถลิง”

“พวกแกอย่ากดดันชั้นสิ ยิ่งเครียดเรื่องนี้อยู่ คืออยู่โรงเรียนเก่าชั้นก็มีแต่แฟนผู้หญิงอ่ะ”

“ห๋า” เสียงประสานดังขึ้นพร้อมกันทั้งโต๊ะอีกครั้ง จนโต๊ะเด็กช่างยนต์ที่อยู่ห่างออกไปต้องหันมามอง

“เออ.. ก็เคยมีแฟนอยู่สองสามคนแหล่ะ หน้าตาชั้นก็ไม่ได้ขี้ริ้วนี่ แบบที่ผู้ชายฮอตทั่วไปเขามีกันไง”

“แล้วแกทำอะไรกัน โซเดมาคอมกันม๊ะ มีอารมณ์เหรอ” จอยถามด้วยความสนใจ 

“ก็อ่านหนังสือ ไปห้องสมุด ไปเดินเปิดท้ายขายของ เป็นตัวแทนโรงเรียนถือพาน เป็นหลีดเดอร์กีฬาสี อะไรแบบนี้”

“เฮ้อออออ  เพื่อนกู” โหน่ง ตุ๊ดร่างบึ้กนั่งท้าวคาง ถอนลมหายใจเซ็ง “ฉันเห็นแกแว่บแรก ก็ว่าดูหล่อดี ก็มีความแอบอยากลองเด้อแกอยู่นะ แต่สักพัก ประกายความสวยแกแผ่ออกมาจนฉันยอมแพ้”

“สวยกะเตี่ยมึงสิอีโหน่ง ประเด็นคือ ชั้นก็เป็นเด็กเรียนมาตลอด คงไม่คิดอะไรพวกนี้หรอก นั่งย้อนคิดดูที่ผ่านมาก็ไร้สาระ เสียเวลาจะตาย ต้องมานั่งเอาใจใคร มันน่ารำคาญอ่ะ เรียนๆให้มันจบๆ โตแล้วค่อยมีแฟนน่ะ”

“แล้วที่สองหนุ่มเขามารุมเอาใจแกขนาดนี้ คือชอบใช่ไหมถามจริง” กอล์ฟถามบ้าง

“..........”

“เอางี้” จอยตัดบท   “ใครมีลุ้นมากกว่ากัน?”





ที่ร้านอินเทอร์เน็ต ใต้หอพักนาตยา มีรถเมอร์ซิเดส E320 ทะเบียนสีฟ้าอมน้ำเงิน สี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบยาว ตัวเลขเป็นสีขาว จอดอยู่หน้าหอ ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงสาย ถนนแห่งนี้ยังคงหลับใหล รถผ่านไปมาไม่มากนัก

“ไม่ทราบว่า ท่านจะรอเจอน้องปุยด้วยเลยไหมครับ ผมเอากุญแจห้องสำรองมาให้ได้ครรับ”  แจ้หิ้วถุงพะรุงพะรังและของใช้ ซึ่งเพิ่งช่วยขนลงมาจากท้ายรถเก๋งซีดานมาวางบนโต๊ะทำงานซึ่งอยู่ในสุดหลังคอมพิวเตอร์แถวที่หนึ่ง

“ไม่ดีกว่าครับคุณแจ้ เดี๋ยวผมต้องรีบไปธุระที่ชายแดนต่อ ไม่รู้ว่า ลูกปุยน่าจะมีเรียนหรือเปล่า เพราะโทรหาก็ปิดมือถือ ส่งเพจไปทีไร กว่าจะตอบกลับแต่ละทีแทบหมดวัน” ชายรูปร่างสูงใหญ่ ที่แม้เข้าสู่วัยเกษียณแต่ยังคงดูมาดดี หลังตรง ผมสีดอกเลาแซมสีดำ และดูหนุ่มกว่าอายุมาก  พูดกับผู้ดูแลหอพัก

“ถ้าอย่างไร โทรมาที่ร้านก็ได้ครับ ผมจะโอนสายไปที่ห้องให้ พอดีปกติห้องชั้น 3 ไม่ได้เดินสายโทรศัพท์ขึ้นไปไว้ แต่บ่ายนี้ผมว่าจะไปต่อไว้ให้ เผื่อน้องปุยจะเอาไว้ใช้ เห็นแกคุยกับหลานผมบ่อยแทบทุกคืนเลย เกรงจะเปลืองค่าโทรศัพท์กันทั้งคู่”

“อ้าว หลานคนที่รับจองห้องตอนผมโทรมาน่ะเหรอ ผมนึกว่าเขาพักอยู่ที่นี่ซะอีก ดันเผลอไปฝากฝังดูแล ก็นึกว่าอยู่ที่นี่”

“เขาก็พักอยู่ที่นี่ครับ”

“แต่โทรคุยกัน ? ฮ่าๆๆ เด็กสมัยนี้แปลกดีนะ  เอาล่ะ ผมไปล่ะ เดี๋ยวเอาไว้จะมารับปุยไปดูที่ดินที่แม่เขาซื้อไว้ จากหอนี้ไปจริงๆ ก็เดินถึง  อยู่ในซอยก่อนถึงสะพานข้ามแม่น้ำแควนี่เอง แต่ที่มันรกร้าง กลัวงูเงี้ยวเขี้ยวขอจะฉกเอา เดี๋ยวผมจ้างคนมาไถ แล้วจะพาเขาไปดูซะหน่อย”

“ครับ เดี๋ยวน้องกลับมาผมจะเอาของฝากให้แกนะครับ  ส่วนของผมก็ขอบพระคุณท่านมากครับ หืม นานทีจะได้ดื่มเหล้านอกยี่ห้อดี เกรงใจชะมัด”

“ไม่ต้องเกรงใจ ฝากดูแลลูกผมด้วย ผมไม่มีเวลาให้เขามากนัก  คงต้องพึ่งพาคุณแจ้หน่อย  ผมไปละนะ”

“ครับ สวัสดีครับท่าน เดินทางดีๆนะครับ” 

“เออ.. หลานคุณแจ้น่ะ ชื่ออะไรนะ..”  คุณธรรมเสถียรหันกลับมาถามผู้ดูแลหอพักที่เดินตามออกมาส่งขึ้นรถ

“ดอยครับ..  หลานผมชื่อ ยอดดอย” 





“ปรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”  ชายหนุ่มที่ดูแก่กว่าคนอื่นในสนามหญ้าของวิทยาลัย เป่านกหวีดเดินมาที่ดอย พร้อมชี้ไปที่สร้อยเงินบนหน้าอกล่ำ สั่งให้ถอดสร้อยออก เนื่องจากอาจจะทำอันตรายให้คู่แข่งขันได้

“โหยยย อันนิดเดียวพี่เอ้” ดอยที่ยืนเปลือยท่อนบน บ่นใส่รุ่นพี่ซึ่งรับหน้าที่เป็นกรรมการฟุตบอลของเกมนี้

“เล็กแต่แหลมอย่างเชี่ย เดี๋ยวมึงเอาไปแทงเด็กเกษตรถึงตาย ไปเลยไปถอด ไอ้สัส”

“ใครจะแทงเด็กเกษตร มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้นเพ่ เด็กช่างยนต์เรามีเกียรตินะพี่เอ้” อาร์มที่เดินเปลือยท่อนบนมาเช่นกัน เข้ามาใหม่บอกกรรมการ พร้อมท่าทางยียวน เอามีคล้องไหล่ดอยสมบท

“ผู้หญิงพ่อง มึงไปเล่นคอนทร้าให้น็อคได้ก่อน ค่อยมาแหยมกับดูไอ้สัสอาร์ม ฮ่าๆๆ” ทีมฝั่งตรงข้ามที่ใส่เสื้อกันทั้งทีม ส่งสัญญาณเยาะเย้ยใส่

“ปรี้ดดดดดดดดดดดด  ไปๆๆ ไอ้ดอย มึงไปถอดก่อนเลย” กรรมการผู้รู้สึกแสนเซ็งที่รุ่นน้องสองสาขานี้ ต่างด่ากันได้ด่ากันดีทุกวี่วัน แต่เอาเข้าจริงเขาก็รู้ว่า เป็นการแซวกันเล่น กระนั้นวัยรุ่นยุคนี้ ถ้าไม่มีกันไฟแต่ต้นลม หากกระทบกระทั่งขึ้นมา  อาจนำไปสู่การยกพวกตีกันเหมือนอย่างที่ พวกเด็กนรกกลุ่มนี้ทำประจำเวลาไปเตะฟุตบอลแข่งกับวิทยาลัยอื่น




“เชี่ยยยยยยยย พี่ดอยของแกหุ่นบาดใจ เริ่มสะแมนแตน น่ากินเป็นที่สุด อยากให้พี่ดอยตกถึงท้อง” โหน่งที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์เตี้ยข้างสนาม หันไปพูดกับปุย

“เออ ทำไมทีมเขาต้องถอดเสื้อกันด้วยล่ะ” ปุยถามด้วยความอยากรู้

“นี่แกไม่เคยเตะบอลกับเขาเลยใช่ไหม อีเด็กเรียน ฉันเป็นผู้หญิงยังรู้” จอยตกใจกับความเดียงสาทางการกีฬาของปุย

“ชั้นตีแต่เทนนิสอ่ะ”

“จร้า” แก๊งเด็กการท่องเที่ยวประสานคำด้วยน้ำเสียงแกมหมั่นไส้

“ปกติเขาจะมีเสื้อทีม ให้เห็นเป็นคนละสี จะได้ไม่ส่งลูกผิดไง แต่นี่ ชุดนักศึกษากันหมด ก็เลยใช้ถอดเสื้อเอา” จอยเล่าเป็นฉาก ๆ ตามประสาผู้มีแฟนเป็นนักฟุตบอลตัวหลักทีมวิทยาลัย

“แล้วนี่ พี่ดอยมาเดินมาทำไมล่ะนี่ บอลเขาจะเริ่มอยู่แล้ว ขอให้ตรงมาทางนี้เหอะ อู้ยย มีขนต่อเนื่องยาวจากสะดือลงไปถึงขอบกางเกง” กอล์ฟเอามือทาบที่อก ลมหายใจกระเพื่อมด้วยความตื่นเต้น

“มาหาพี่โอ๊คหรือเปล่า อีตานี่ก็นั่งหน้าบอกบุญไม่รับ  ตอนแรกนี่ ความหล่อพุ่งกระจายกว่าใคร ฉันนี่หลงเลย แต่พอเห็นพี่แกปลีกวิเวก ไม่เคยยิ้ม หุ้นพี่โอ๊คนี่ ร่วงตกยิ่งกว่าดัชนีนิเคอิช่วงบ่ายวันศุกร์อีกแก” โหน่งพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

 “พวกแกอย่าว่าโอ๊ค เขานิสัยดีมากกกกก กอไก่ แสนตัว”

“เขาดียังไง” กอล์ฟถามแบบใคร่รู้

“ที่สุดอ่ะ”





ดอยที่เหลือบมาเห็นพวกปุย นั่งดูอยู่ที่สนาม ก็เดินไปที่อัฒจันทร์ซึ่งมีโอ๊คนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนช่างยนต์
“แม่งไอ้พี่เอ้ พอให้เป็นกรรมการแล้วโครตซ่าเลย กฎเยอะชิบหาย” ดอยพูดเสร็จก็คว้าเสื้อที่พับวางอยู่ข้างโอ๊ค ถือแล้วเดินมาที่อัฒจันทร์ติดกัน ที่มีเด็กแก๊งเด็กการท่องเที่ยวนั่งอยู่

“อีเห็ดสด พี่ดอยมาแล้ว” กอล์ฟบอกให้ทุกคนได้สติ ก่อนจะนั่งตัวแข็งตรง

“สวัสดีค่ะ พี่ดอยยยยยยย” ทุกคนประสานเสียงกันเป็นครั้งที่ล้านของวัน

“สวัสดีครับ โหยย มาเชียร์เด็กเกษตรเหรอ น้อยใจนะเนี่ย” ดอยค่อยบรรจงถอดสร้อยคอเป็นโลหะสีเงิน มีห้อยจี้เป็นหลอดแก้วหุ้มโลหะ เหมือนมีชิ้นผ้าสีแดงอยู่ข้างใน

“มาเชียผัวอีนี่ค่ะ” กอล์ฟตอบ พลางชี้นิ้วมาที่ จอย ซึ่งนั่งทำหน้าเหวอ เหมือนไม่รู้อีโหน่อีเหน่

“สกัดดาวรุ่งเชียวนะอีด_ก” จอยพึมพรำพอให้ได้ยิน

“ฮ่าๆๆๆๆ”  ดอยหัวเราะ พร้อมส่งสร้อยที่วางบนเสื้อสีขาวแถบไหล่สีแดง สีกรีนยี่ห้อเบียร์คลาสเบิร์ก ส่งให้กับปุย ที่นั่งมองหน้าเขาตั้งแต่เดินมา  “เดี๋ยวเย็นนี้กลับด้วยกันนะ ไปช่วยเลือกกางเกงใหม่กับเราหน่อยสิ มันขาด” ดอยพูดเสร็จ ก็แอ่นเป้าที่มีรอยขาดตรงหว่างโคนขากางเกงสีดำขาสั้นให้ทุกคนดู

“กรี้ดดดดดดดดดดดดดดด อร้ายยยยยยยยยยยยย กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดด” การประสานเสียงครั้งนี้มันดังจนทำให้ฝ่ายที่เผลอทำอะไรเปิ่นๆ อย่างดอยอายและรีบวิ่งเปลือยท่อนบน กลับเข้าสนามไปเตะบอลต่อ

“ผัวแกนี่ขี้อ่อย อีสัส ท่าแอ่นนี่เดิร์นมาก อกอีแป้นแล่นลึกเข้าตึกแขก หัวใจกูจะวาย” โหน่งเอนตัวเอามือจับหน้าอก เอาหัวพิงหัวเข่าของจอยที่นั่งอยู่ชั้นถัดไป

“เป็นอะไรที่ กิ๊บเก๋ยูเรก้า มาก ชวนเมียไปซื้อกางเกงเป้าขาด แถมมีการฝากข้าวของ ไม่เกรงใจชะนีที่นั่งอัฒจันทร์นู้นบ้างเลย  อร้ายย ชั้นอิจฉา” กอล์ฟทำท่าเช็ดน้ำลายที่ริมฝีปาก

“พวกแกก็พูดไป ผัวเมียบ้าอะไร ฉันกับเขาแค่อยู่หอเดียวกัน คุยกันทุกวัน ไปเที่ยวด้วยกัน เขาไม่ได้ขอฉันเป็นแฟนด้วยสักหน่อย”

“ถ้าขอแกจะเป็นไหมล่ะ” กอล์ฟถาม ทำตาลุกวาว คล้ายพร้อมจะสู่รู้ได้ทุกวินาที

“โอ้ยย แค่นี้ฉันกับเขาก็สับสนจะแย่แล้ว เอาเรื่องเรียนก่อนดีกว่า เขาก็มีเรื่องให้ทำอีกเยอะ  คนกำลังตั้งต้นชีวิตใหม่ กับ อีกคนที่กำลังจะหาทางไปของชีวิต เป็นอย่างนี้น่ะดีแล้ว”

“ดียังไง บอกชั้นหน่อย” จอยที่ตีหน้าขรึมใส่ ถามด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น จนทุกคนเงียบเพื่อฟัง

ปุยถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเอ่ยตอบ “ก็เป็นกำลังใจให้กัน ปรึกษากัน อยู่เป็นเพื่อนกันตอนดึก คุยโทรศัพท์บ้าง นั่งคุยที่สวนกันบ้าง เขากุ้มเรื่องอะไร ฉันเครียดเรื่องไหน ก็ได้เขามาแบ่งปัน”

“ฟังดูเหมือนความรักในฝันของชั้นเด๊ะ แล้วไอ้พี่หน้าหล่อสัสอีกคนที่นั่งเก๊กเท่อยู่อัฒจันทร์ถัดไปล่ะ” จอยที่ยังทำหน้านิ่งโฟกัสสายตาไปในสนามฟุตบอลกล่าว เกล่าถึงโอ๊ค ที่รีบหันหน้ากลับไปอีกทาง เมื่อเห็นกลุ่มของปุยมองไปทางเขา

“ฉันมีความสุขนะ โอ๊คเป็นคนอบอุ่นมาก ชีวิตที่ฉันอยู่คนเดียวมาทั้งชีวิต มีโอ๊คมาคอยดูแล นี่ชอบเขามากนะเว้ย เราคุยกันทุกเรื่องบนโลกใบนี้ ด้วยความเห็นที่ไม่เคยแลกเปลี่ยนกับใครได้ ชอบอะไรเหมือนกัน ชอบเรื่องเดียวกัน ผิดกับดอย  ไม่ได้ชอบอะไรเหมือนกันเท่าไหร่ แต่เวลาเขาเล่าอะไรฉันโครตสนใจ  เวลาฉันเล่าอะไร เขาก็นั่งทำหน้าหล่อส่งตาแป๋วมาคล้ายอยากจะฟังมันไปทั้งคืนจนฉันเขินบางทีเลยอ่ะ”

“สรุปคือ ชีวิตแกดีขึ้นเพราะมีคนหล่อมารายล้อม แล้วก็เครียดเพราะความหล่อของพวกอีพี่มันทำให้แกวิตกจริต” โหน่งสรุปได้น่าฟัง จนทุกคนที่เหลือพยักหน้า

“ผู้ชายกับผู้ชายรักกันมันผิดไหมวะ” ปุยพรำออกมาแผ่วเบา ก่อนจะนึกได้ “เฮ้ยย ไม่ได้ตั้งใจจะทำลายกำลังใจพวกแก ไม่เหมือนกันนะ พวกแกมันมนุษย์นางฟ้า กินผู้ชายเป็นอาหาร อันนี้ฉันรู้  แค่อยากรู้ว่า อีกหน่อยมันจะเป็นยังไง พ่อฉัน กับบ้านเขาจะว่ายังไงว่ะ”

“แกจะแคร์เชี่ยยอะไร โลกจะแตกอยู่วันสองวันนี่แล้ว” จอยชี้ขึ้นฟ้า ให้เห็นนกสีดำที่บินว่อนเป็นวงคล้ายพายุ  เห็นต้นไม้ที่สั่นไหวจนใบไม้ทยอยร่วงเต็มลาน  ลมที่กรรโชกแรง แมลงที่บินรุมไฟสปอร์ตไลท์สนาม

“ใช้ชีวิตวันต่อวันเหอะ อยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่รู้จักสี่ไม่รู้จักแปด แล้วนี่ก็ไม่ได้ฆ่าใครตาย ฮัลโหวว  นี่มันเรื่องของฮอร์โมนล้วนๆๆ หาผัวให้ได้ก่อนเดือนสิบสอง แกจะได้ไม่ออกมาเห่าหอนตอนพระจันทร์ขึ้น”  โหน่งยักคิ้วใส่ปุย ก่อนจะทิ้งท้าย..  “ให้สันชาตญานมันบอกเอง”





ห้าโมงเย็น ฝนพรำที่ถนนแม่น้ำแคว แต่ภายในร้าน เบียร์อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ กลับร้อนระอุผิด มีรถตำรวจเปิดไซเรนค้างแต่ไม่เปิดเสียงหน้าร้าน  ชายสี่คนเดินตรวจคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง พร้อมนำแผ่น ฟล็อปปี้ ดิสก์ A ของกลาง รวมถึง CD-ROM มาตรวจ มีการถ่ายรูปบันทึกเป็นหลักฐาน

ลูกค้าวัยรุ่นที่บัดนี้ เกิดอาการกลัวจนตัวสั่น ต่างทยอยเดินออก มีไก่แจ้ ผู้ดูแลร้านกำลังเสวนากับตำรวจ
คงมีแค่วัยรุ่นหนุ่มหน้าตี๋ ใส่แว่นตาอันโต นั่งใช้คอมพิวเตอร์ สองเครื่อง ที่เขาเปิดเกม Play Station Tekken หนึ่งเครื่องเปิดทิ้งไว้ กับอีกเครื่องที่เปิดโปรแกรม Microsoft98 รุ่นล่าสุดซึ่งกำลังรันข้อมูลอยู่

“ผมไม่ทราบจริงๆครับว่า มีวัยรุ่นเอาเพลงมาลงที่เครื่อง คือผมไม่สามารถตรวจได้ทุกเครื่องตลอดเวลาจริงๆครับ” แจ้ที่กำลังทำหน้าจ๋อยสุดขีด ยืนบอกตำรวจด้วยอาการหน่ายใจ

“ทำไม่ได้ก็ต้องปิดร้านไป สมบัติทางปัญญาทุกชิ้น มันต้องได้รับการปกป้อง แล้วนี่ใบอนุญาตอยู่ไหน” ชายที่หนุ่มสูงใหญ่อายุสี่สิบกลาง ใส่เสื้อยืดรัดรูป กางเกงสีกากี รองเท้าหนังมันวาว มีปืนพกอยู่ที่เอว พูดกับแจ้ทั้งพร้อมแคะฟันไปด้วย

“คือตั้งแต่ผมเซ้งเครื่องต่อจากเจ้าของคนเดิม ผมก็กำลังไปทำเรื่องขอจดทะเบียนการค้าใหม่ เห็นเขาบอกว่าจะได้ประมาณสิ้นปีน่ะครับ งานเอกสารเขาเยอะ” แจ้ที่บัดนี้หัวคิ้วขมวดแทบจะชนกันก้มหน้าหมดความหวัง ราวกับเจ๊กหมดทุนแถวบ่อนตามย่านสำเพ็ง ก่อนที่ โอ๊คผู้เข้ามาสมทบใหม่ เดินเข้ามาตบบ่า


“พอจะเคลียร์อย่างไรได้บ้างครับ พอดีเรื่องใบอนุญาต ของเดิมยังไม่หมดอายุนะครับ ตอนนี้ใบใหม่ที่ขอเป็นชื่อน้าแจ้ก็ดำเนินเรื่องอยู่” โอ๊คบอกกับชายกางเกงกากีด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่ยังคงมีทีท่าที่แข็งกร้าวไม่ได้เกรงกลัว

“แล้วเรื่องโหลดเพลงคนอื่นเขามาใช้ฟรีนี่มันยังไง”

“น้าแจ้เขาไม่ได้เอาไว้จำหน่ายนี่ครับ เด็กวัยรุ่นเข้าออกทั้งวัน คงจะโหลดเพลงไว้ โดยที่ทางเราไม่รู้”

“ผิดก็คือผิด จะเคลียร์หรือไม่เคลียร์”

“พวกเราต้องทำยังไงครับ”

“สี่หมื่น”

“ห๋า”

“หรือจะไปโรงพัก”  สิ้นเสียงชายคนดุ บรรยากาศในร้านก็เงียบไปพักใหญ่  ชายอีกสามคนยังคงถ่ายรูปตามเครื่องต่างๆ พร้อมกับ จะเข้าขอตรวจเครื่องอีก 2 เครื่องของหนุ่มหน้าตี๋แว่นโต ที่ยังคงนั่งใช้กดคีย์บอร์ดอย่างไม่ลดละ แต่เห็นหันหน้าไปมอง กลุ่มน้าแจ้เป็นระยะ 
ซึ่งตอนนี้ กลุ่มนี้ประกอบได้ด้วยน้าแจ้ ที่กำลังหมดอาลัยตายอยาก  และนกน้อย ที่ทิ้งร้านรีบมาสมทบด้วยความเป็นห่วง  นักศึกษาบางคนที่กลับมาถึงหอพักแล้ว กับลูกค้าวัยรุ่นที่ยังยืนรอให้ตำรวจไปเพื่อจะกลับไปเล่นเกมต่อเนื่องจากจ่ายค่าชั่วโมงไว้แล้ว 

โอ๊คที่กำลังอาสา จะให้น้าแจ้ยืมเงินสี่หมื่น เพื่อให้เคลียร์ผู้มากรรโชกทั้งสี่ แล้วโอ๊ค ก็เดินกลับมาที่ชายทั้งสี่ แล้วก็ขอต่อรอง

“พี่โอ๊ค ไม่ต้อง”  เสียงดังมาจากคอมพิวเตอร์แถวที่สาม

“มึงยุ่งอะไรด้วยไอ้หน้าตี๋” ชายเสียงดุเดินทำหน้ายักษ์ตรงมาที่เครื่องคอมพิวเตอร์แถวที่สาม มีโอ๊คเดินมาเอาตัวกั้น 

“ไม่เป็นไร น้องโอเล่ ทำงานต่อไปเถิด เดี๋ยวพี่จัดการเอง  ทางเราผิดเองไม่ดูแลเครื่องให้ดี” โอ๊คเอามือตบบ่า หนุ่มตี๋ที่นั่งอยู่ พร้อมหันหน้าไปคุยกับชายทั้งสี่ ที่ยืนประดังหน้าเข้ามาราวกับเปาบุ้นจิ้นและองค์รักษ์พิทักษ์ประตูศาล

น้าแจ้กับเจ๊นกน้อยที่ยืนเกาะแขนโอ๊คคนละข้าง มีทีท่าหวั่นใจกับชายทั้งสี่ที่ยืนหน้ายักษ์อย่างเห็นได้ชัด ต่างกับโอ๊คที่แม้จะลังเลทางความคิด แต่ก็ไม่แสดงให้เห็นถึงความวิตกอันใด

“ผมขอลดสักหน่อยได้ไหมครับ นี่ก็โดนเป็นครั้งที่ห้าแล้ว ผมกลัวน้าแจ้แกจะอยู่ไม่ได้ ค่าชั่วโมงก็ลดลงทุกปี มันไม่ได้กำไรอะไรขนาดนั้นเลยนะครับเปิดร้านอินเทอร์เน็ตเนี่ย” โอ๊คยืนเผชิญหน้า แม้ไม่ได้ลดราความเก๋า แต่ก็มีน้ำเสียงที่น่าสงสาร

ชายฉกรรจ์ทั้งสี่ หันหน้าล้อมวงกันหารือ ก่อนจะพยายามกรรโชกโอ๊คต่อไปโดยอ้างบทลงโทษและสิ่งที่จะตามมาหากพวกเขาเอาเรื่องเอาความ โดยเฉพาะลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์วินโดว์ที่ผิดกฎหมาย ไม่ได้ใช้โปรแกรมแท้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

“สามหมื่น”

ระหว่างที่กำลังเจรจาต่อรอง โอเล่ที่กำลังนั่งอยู่ ก็หยิบโทรศัพท์มือถือหนึ่งในสามเครื่องของเขาที่วางตรงหน้า เปิดฝาพับ แล้วยกหูขึ้นมาโทรออก ท่ามกลางการเจรจากึ่งเถียงที่มีความดุเดือดอยู่ไม่น้อย 

“เตี่ย  ผมมีเรื่องรบกวนหน่อย  ...ผมรำคาญไอ้ลูกหมาสี่ตัวนี่จัง”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2018 01:47:57 โดย TofuChan »

ออฟไลน์ LovelyPenGirl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบๆ อ่านแล้วนึกถึงปี 99 เลย

นี่ไปตามเปิดเพลงในยูทูป เพราะนึกชื่อเพลงไม่ออกค่ะ

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Track 12 :    ก่อนดอกไม้จะผลิบาน.. ก่อนความฝันอันแสนหวาน..

“ดอยชอบสีอะไรอ่ะ อันนี้ก็สวย  อันนี้ก็ดีนะ” ปุยหยิบกางเกงฟุตบอลสีกรมท่า กับ สีดำคาดแถบขาว ที่กองอยู่ในชั้นลดราคา 50% ประจำปี ห้างพัฒนากาญจน์  โดยมีดอยยืนขำความลังเลของคนที่กำลังเลือกของให้เขา

“อะไรก็ได้ ลดราคาเอาทั้งนั้นแหล่ะ เดี๋ยวขาดก็ต้องซื้อใหม่”

“ทีหลังขาด อย่าเที่ยวไปแอ่นโชว์ให้ใครดูแบบนั้นอีกล่ะ นี่พวกไอ้โหน่งกับไอ้กอล์ฟคงเก็บไปฝันหวานแล้วมั๊ง”

“ฮ่าๆๆ  ก็มันชิน เมื่อกี้ยังเอาให้ไอ้อาร์มดูเลย ตอนบอกว่าจะมาห้าง มาซื้อตัวใหม่”

“ไม่ได้ ห้ามไม่ให้ทำอีกรู้เปล่า มันไม่เหมาะสม”

“คร้าบบบบ”




ระหว่างทางลงบันไดห้างสรรพสินค้าประจำจังหวัด ดอยกับปุยที่ถือถุงพลาสติกสกรีนโลโก้ห้าง และขนมญี่ปุ่นที่อดใจซื้อ ติดมือไว้ทานในห้องไม่ไหว  เมื่อลงบันไดเลื่อนมาถึงชั้นล่าง ก็มีของลดราคาวางเรียงราย รวมถึงรองเท้ากีฬาที่วางไว้เป็นสินค้าไฮไลท์กลางฟลอร์ห้าง มีคนรุมหยิบจับและทดลองใส่เต็มไปหมดแม้จะเป็นค่ำวันทำงาน ทำเอาปุยกับดอยรีบชวนกันไปซื้อหา  ปุยหยิบรองเท้าลำลองสีขาวคาดเชือกดำมาดูอย่างชื่นชม ดอยก็เดินดูรองเท้ากีฬาฟุตบอลที่สนใจ


“นี่ใช่เพื่อนโอ๊คไหมเนี่ย” ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวสุภาพ กางเกงยีนส์สีดำ เดินมาทักดอยที่กำลังเลือกหารองเท้าซึ่งมีปุยยืนถัดไป

“ใช่ อ้าว หวัดดี ถ้าจำไม่ผิดชื่อกลอง ใช่มั๊ย” 

“ใช่ ผมมือกลอง แล้วนี่ โอ๊คไม่ได้มาด้วยเหรอ คุณยอดดอย”

“เรียกผม ดอยเถอะ อืม มันติดร้านเน็ตมากเลยตอนนี้ อยู่ที่หอผมนั่นแหล่ะ อยู่บ่อยกว่าผมอีก”

“เห็นโอ๊คเคยเล่าเหมือนกัน ว่าชอบไปนั่งเล่นคอมที่หอเพื่อน อ๋อ แสดงว่าหมายถึงหอของดอยนี่เอง  ที่ห้องเขาก็มีคอม แถมสเปคนี่เจ๋งมาก แพนเที่ยมรุ่นล่าสุด ดันไปใช้คอมนอกบ้านเนอะ”
“มันก็คงจะเบื่อแหล่ะ เลยตามไอ้อาร์มมาเล่นเกมเพลย์ ถือโอกาสตามมานั่งคุยกับผมเกือบทุกวัน  แล้วนี่กลองต้องมาเดินคุมห้างเองเหรอครับช่วงนี้”

“ไม่หรอกครับ พอดีกำลังจะเปลี่ยนการตกแต่งใหม่หมด เลยเอาของบางตัวมาลดราคา เพราะน่าจะปิดตกแต่งประมาณเดือนกว่าเลย”

“โหวว เสียรายได้แย่ แต่ก็ดีเนอะ เพราะว่ามันจะดูทันสมัยขึ้นแน่เลย ผมมาอุดหนุนประจำ”

“แอบเห็นอยู่  ขอบคุณครับ แล้วได้อะไรยัง เดี๋ยวบอกพนักงานดูส่วนลดให้นะ”

“ไม่ต้องๆๆ ของซื้อของขาย ทำงานตามสบายเลย เดี๋ยวจะเดินเลือก นี่พาเพื่อนใหม่มาช่วยเลือกของ”  ดอยส่งยิ้มก่อน จะขอตัวเดินกลับมาเลือกรองเท้าที่เขาสนใจต่อ โดยมีลูกชายเจ้าของห้าง ยืนมองตามมา




“เพื่อนโอ๊คคนเมื่อกี้นี่หล่อมากเลยเนอะ อย่างกับคุณชาย”

“อืม รวยมากด้วย ที่บ้านกำลังทำโรงแรมใหญ่เบ้อเร่อตรงริมแม่น้ำแคว แถมไปทำที่ สุพรรณ กับ นครปฐมด้วย”

“หูยยย ได้ที่ฝึกงานแล้ว ให้โอ๊คฝากให้ดีกว่า”

“อยากไปเป็นลูกน้องไอ้กลองเหรอ” ดอยน้ำเสียงขึงขัง มือก็ยังคงเขี่ยอาหารที่อยู่ตรงหน้าด้วยปลายส้อม

“หอยทอดร้านนี้อร่อยมากเลยอ่ะดอย อร่อยมากกกก กร๊อบกรอบ”  ปุยที่กำลังเคี้ยวอาหารแก้มบวมตุ่ย รีบเปลี่ยนเรื่องคุย

“เรื่องสรรหาที่กิน ยกให้เรา” ดอยเริ่มมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า

“แล้วนี่ ต้องซื้อไปฝากโอ๊คกับอาร์มไหมอ่ะ”

“ไม่ต้องหรอก มันไม่ชอบอะไรมันๆอ่ะ เราต้องแอบมากินคนเดียวเรื่อยเลย มันเกลียดแม่ค้าด้วย ไม่ค่อยยิ้ม”

“ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องแอบแล้ว.. เดี๋ยวเรามากินเป็นเพื่อนนะ”

“ครับ”

“ว่าแต่แม้ค้าจะยิ้มได้ยังไง ดูเขาทอดดิ คนรอเป็นสิบ ควันโขมงขนาดนั้น  เป็นเรานะ เราก็คงต้องทำหน้าบึ้งเหมือนกันแหล่ะ”  ปุยก้มหน้าจัดการอาหารเลิศรสตรงหน้า โดยท้องถนน รถยนต์ ที่ยังวิ่งขวักไขว่แม้เป็นช่วงค่ำแล้ว แต่ท่ารถประจำจังหวัดยังคงเต็มไปด้วยร้านค้าแผงลอย ร้านอาหาร รวมถึงผู้คนที่เพิ่งเดินทางจากอำเภอต่างๆ มาถึง ก็แวะเวียนหาอะไรรองท้องกันใหญ่  รถบัสเที่ยวบ๊วยของแต่ละสาย ทยอยจอดเทียบท่า บ่งบอกว่าการเดินทางวันนี้ควรสิ้นสุดลง




“พี่ดอยยยยยยยย  พี่ดอยยยยยยยย” เสียงทุ้มดังจาก ก๊วนมอเตอร์ไซค์ทรงแปลกเสียงท่อไปเสียงแผดดังนับสิบคัน เมื่อคันที่ขี่มานำหน้าสุดเบรกเอี้ยด คันอื่นก็เบรกตาม ก๊วนรถหักหัวรถกลับมายังสองชายหนุ่มที่เดินเลือกผลไม้ในตลาดโต้รุ่ง 

“อ้าว ไอ้กล้า มีไร”  ดอยที่กำลังช่วยปุยเลือกแอ็ปเปิ้ลที่แผงผลไม้ รีบเอามือซ้ายที่กำลังโอบเอวปุย หลบสายตาผู้มาเยือน

“พี่ ผมมีของอยากให้สั่งเยอะมาก เมื่อไหร่พี่จะซื้อมือถือเนี่ย ติดต่อตัวได้ยากโครตๆๆ ไม่ใจเลยเฮีย” เด็กชายวัยมัธยมตอนปลาย พูดด้วยน้ำเสียงกวนบาทาได้ใจ

“มึงก็จดรายการแล้วไปฝากไว้ที่หอกูสิวะ ราคากูดูให้พิเศษอยู่แล้ว อย่ามาตีแบ๊ว”

“คนอย่างต้นกล้าราคาไม่ใช่ปัญหาเลยพี่ แต่ผมเลือกเองไม่ถูกใจ ก็อยากให้พี่ช่วยดูด้วย นี่ ไอ้เชี่ยพวกนี้แม่ง แต่งรถตามผม พี่ก็ไม่ห้ามมันเลย กะขายอย่างเดียวเลยใช่ไหม พี่แม่งโลภว่ะ เอาเจ๋งๆให้ผมดิ แล้วไม่ต้องแต่งให้ใครมาเหมือนผมสิ” กล้าพูดด้วยอารมณ์มีน้ำโห แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไร เป็นการพูดเชิงกวนประสาทเสียมากกว่า

“อ้าว กูจะรู้มั๊ย นึกว่ามึงต้องเหมือนกันเป็นก๊วน อย่างกับแกะดอลลี่ เออ เดี๋ยวกูช่วยดูให้ อยากแต่งโทนไหนก็เขียนๆมา แต่ช่วงนี้กูอยู่ค่ำๆ ไปแล้วน่ะ มึงก็ไปได้ตลอด เดี๋ยวปิดเทอมเล็ก เดือนหน้าก็ว่างเป็นเดือน”

“ให้มันจริงเหอะ ไปที่ไรพี่แม่งไม่อยู่ ออกมาเดทตลอด  แต่โหว แม่คนขาวใส น่ารักแบบนี้นี่เอง เข้าใจพี่เลยว่ะ”

“สัส มึงรีบไปป่ะ”

“เครๆๆ  ไว้แวะไปเพ่”   แล้วก๊วนมอเตอร์ไซค์ท่อดังโครมครามก็บึ้นรถออกไป เรียกความสนใจผู้คนทั้งตลาด

“ใครคือ แม่คนขาวใสอ่ะ” ปุยทำตาใสแจ๋วถามดอย

“ไม่มีอะไร ไปเหอะเดี๋ยวดึก”

“ดอยแต่งรถเก่งนี่ มีลูกค้าเป็นเด็กแนวตามผลงานเลยเหรอ นี่โอ๊ค กับอาร์มก็ชมให้ฟัง ว่าไม่เคยไว้ใจใครแต่งรถให้เลย มิน่า แบทแมน กับ โรบิน ถึงได้หล่อขนาดนั้น”

“มันก็ตามงบประมาณนะ ในเมืองไทยไม่ค่อยมีอะไหล่ขาย  เราก็เปิดสั่งของทางอีเมล์เอา คอยไปเก็บโบชัวร์ เวลามีงานมอเตอร์โชว์ช่วงเดือนเมษา แล้วก็จดที่อยู่ กับอีเมล์ ส่งเป็นจดหมายบ้าง อีเมล์บ้าง ให้เขาส่งแคทตาล็อคมาให้เลือก สะดวกดีนะ มาทีไรก็หมดทุกชิ้น ยิ่งของแต่งสีเจ็บๆ นี่วัยรุ่นชอบกันจริง”

“ไหนบอกอ่อนภาษาไง”

“ซื้อกับคนไต้หวัน ไม่ต้องใช้ภาษาเลย มาไทยจนพูดไทยได้แล้ว  ไต้หวันจะเป็นศูนย์ผลิต เพราะส่งญี่ปุ่น พวกคนญี่ปุ่นเลือกไต้หวันเป็นที่ผลิตอะไหล่ทั้งรถยนต์และรถเครื่อง เพราะว่าต้นทุนมันถูก เราเอามาขายที่เมืองไทย พอคนลือๆ กัน มีลูกค้าเชียงใหม่ ภูเก็ต โคราช อะไรพวกนี้ด้วยนะ แต่เราไม่มีตังสำรองของ ส่วนใหญ่ใครอยากได้อะไร เราก็ให้มัดจำก่อน บางล็อต เจอภาษีแล้วหลีกไม่ได้ ถึงกับมีอ๊วกเลยบางที”

“ดูแฮ็ปปี้กว่าเรียนอีกนะเนี่ย”

“ห๋า จริงดิ ฮ่ะๆๆๆ”   

“ไว้เรามีรถ เราจะเอามาให้ดอยแต่งให้นะ  คิดเราถูกๆล่ะ”

“ไม่คิดตังได้ป๊ะ”

“เห้ยย ไม่ดีหรอก ของต้องซื้อมา แต่คิดถูกๆ ก็พอนะๆๆๆ”

“ก็ให้เราแต่งให้ฟรี แล้วใช้ด้วยกัน ดีม๊ะ”

“เพื่อนกันเขาไม่ทำอย่างนั้น.. ไหนบอกเอง ว่าเป็นเพื่อนกันไง” ปุยทวงถาม

“เพื่อนใช้รถร่วมกันไม่ได้เหรอ ไม่เห็นแปลก คิดมากนะเราอ่ะ  โอ๊คมันยังใช้คันเดียวกับอาร์มได้เลย”

“เพราะนั่นเขาเป็นพี่น้องกันเหอะ” 





ถนนแม่น้ำแควที่ยิ่งคึกคักเมื่อตะวันลาลับไป เสียงดนตรีเล่นสดดังจากหัวโค้ง ยาวมาจนถึงเวิ้งกลางถนน โดยมีร้านอาหารผับ บาร์ ร้านเหล้า ต่างเปิดไฟแข่งกันสว่างไสว  มีร้านหมูกระทะล้านเวลา ที่เนืองแน่งไปด้วยผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีมอเตอร์ไซค์จอดเรียงราย โต๊ะลูกค้ากางร่มคันใหญ่สไตล์ล้านนาสีแดงไว้ที่ทุกโต๊ะ มีควันขโมงลอยล่องจากเตาไฟ เสียงหัวเราะครื้นเครงครุกรุ่นไปพร้อมกับควันไฟ

“ไอ้น้องโอเล่ นี่เจ๋งว่ะ กริ้งเดียว ไอ้พวกนั้นกระจุยเลย” อาร์มคีบหมูกระทะที่ย่างจนสุก ใส่ชามของมะนาว ก่อนจะเลยไปใส่ให้เจ๊นกน้อยที่นั่งข้างๆด้วยอีกชิ้นเป็นการแก้เขินที่ทุกสายตาบนโต๊ะจ้องมองมา

“แต่แหม น้องจะช่วยไปได้สักเท่าไหร่กันเชียววะเนี่ย  คิดแล้วก็ท้อ ตั้งแต่เซ้งร้านต่อจากน้องเบียร์มา นี่ก็โดนไปสี่ห้าครั้งแล้ว” แจ้ ผู้ที่กำลังนั่งทำหน้าเซ็ง คีบหมูกระทะเข้าปาก แกล้มด้วยเบียร์แก้วโต

“เอาน่าพี่ เดี๋ยวก็มีหนทาง หนูฟังก็ไม่เข้าใจหรอกว่า เราไม่ได้เอาไปขาย ทำไมมันถึงผิดลิขสิทธิ์ แต่ทำแบบนี้ใครจะทำกินได้ล่ะ ระวังกันไม่ไหวหรอก” นกน้อยแสดงความเห็นบ้าง พร้อมเอื้อมมือไปหยิบแก้วเบียร์ของแจ้ที่เหลือแต่น้ำแข็ง มารินเบียร์คืนให้จนเต็ม

“ไอ้เราก็สู้รบปรบมือกับตำรวจไม่ไหว ไหนจะตำรวจเก๊อีก โอยย สงสัยจะหาคนเซ้ง ไม่ก็เปลี่ยนไปทำอย่างอื่น  แต่ละคนตัวใหญ่หน้าตานี่อย่างกับตัวโกงในละครของพิศาล” แจ้หยิบแก้วเบียร์ที่เพิ่งถูกส่งมาวาง กระดกเข้าปากอีกครั้ง

“นี่ถ้า เห็นเครื่องพี่ดอยที่ไรท์แผ่นเพลงขาย นี่น่าจะโดนอีกเป็นแสนเลยนะคะ” มะนาวถามบ้าง

“เออ ไอ้ดอยแม่ง กูบอกแล้วมึงอย่างกให้มาก เดี๋ยวจะไม่คุ้มกันว่ะ” อาร์มเตือน

“อืม กูก็ว่าจะไม่ทำแล้ว แต่ไอ้พวกเด็กๆมันขอร้องมา เดี๋ยวนี้แทบไม่มีใครใช้ ฟรอปปี้เอ กันแล้ว ร้านเรามีเครื่องไรท์ มันก็มาขอร้อง” ดอยโอดครวญ

“ถึงอย่างไร มันก็มีเรื่องให้เล่นได้ตลอดแหล่ะ ไหนจะโปรแกรมปลอม ไหนจะอายุเด็ก ไหนจะเปิดเกินเวลา เบื่อโว้ย เซ็ง นี่เกือบเดือดร้อนน้องโอ๊คแล้วนะเนี่ย ดีนะที่น้องโอเล่อยู่พอดี” แจ้เสริม

“นี่พี่โอ๊คไปส่งน้องโอเล่ที่บ้านเหรอคะ” มะนาวถามอาร์ม

“ช่ายย พาน้องเขาไปเลี้ยงสเต็กด้วย  น้องอุตส่าห์เอาลูกน้องเตี่ยเขามาจัดการ” อาร์มยังคงเคี้ยวหมูย่างแก้มตุ่ย  มือก็ปิ้งย่างหมูต่อ พลางเอาชิ้นที่สุกแล้วมาส่งใส่จานของมะนาว

“เตี่ยของโอเล่นี่เขาใหญ่มากเลยเหรอ แล้วทำไมไม่ใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้านล่ะ หรือว่าขี้เหงาแบบพวกเรานะ” ปุยหันไปถามยอดดอย ที่นั่งดื่มเบียร์แต่ไม่ค่อยแตะอาหารซักเท่าไหร่

“ไม่เคยถามนะ แต่เห็นสนิทกับโอ๊คอยู่นะ เหมือนกับว่า น้องเขาดร็อปเรียน แล้วอยู่บ้านคนเดียวไม่ได้ เลยต้องออกมาใช้คอมพิวเตอร์ข้างนอก ที่มีคนดูแล รู้แต่ว่ามีพลทหารแวะเอาข้าวเอาน้ำมาส่งตลอด คือที่นั่งเขาต้องติดถนนด้วย และต้องเป็นแถวสาม ใช้ทีละสองเครื่อง โทรมาให้น้าแจ้จองให้ตลอด” ดอยแจง แล้วก็เอาส้อมจิ้มหมูย่างในจานของปุยมากินบ้าง

“หูยยย ไฮโซ โอเว่อร์ ละเมอฝันเปียก แต่ว่าน้องเขาน่ารักดีนะ นึกว่าเด็กมอปลายเสียอีก แก้มแด๊งแดง แถมยังกินเก่งมาก” เจ๊นกน้อยบรรยายตามภาพของโอเล่ที่เขาจดจำได้ “แต่โอ๊คตอนต่อกรกับไอ้พวกนั้น โหย อย่างเท่อ่ะ”

“พี่โอ๊คนะ เท่ตั้งแต่เด็กจนโตเลยล่ะคะพี่นกน้อย” มะนาวบอกนกน้อยด้วยรอยยิ้ม พร้อมพลางรำลึกถึงอดีตที่แสนหวาน โดยมีอาร์มที่ก้มหน้าใช้ตะเกียบเขี่ยอาหารตรงหน้า แล้วก็ยกแก้วเบียร์ดื่มด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ




“สรุปยอดแผ่นดินไหว ที่ประเทศตุรกี ยอดผู้เสียชีวิตสรุปมีประมาณ 17,000 คน และมีผู้บาดเจ็บอีก กว่า 40,000 คน ขณะนี้นานาชาติ ต่างยื่นมือให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์และอาหาร” เสียงโทรทัศน์ที่อยู่เหนือเคาทเตอร์บัญชีดังลอยมา จนบทสนทนาในร้านเงียบลงทันใด ก่อนจะตามด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ซอแซขึ้น

“ทำไมเสียชีวิตกันเยอะขนาดนี้ล่ะคะ ทำไมโลกมันมีอะไรน่ากลัวขึ้นทุกวัน นี่โลกจะแตกจริงๆแล้วใช่ไหม” เจ๊นกน้อยเอามือทาบอก คล้ายกำลังพรึมพรำสวดมนต์ในใจ

“7.4 ลิเตอร์ นี่แรงมากเลยนะครับ ตึกรามบ้านช่องรับไม่ไหว นี่ถ้าเมืองกาญจน์ไหวบ้าง เขื่อนแตกแน่นอน” อาร์มเสริม

“พี่อาร์มอย่าพูดอะไรแบบนั้น มะนาวกลัว”

“พักนี้ นกบิวว่อนแปลกๆ นะ มีมดแมลงโผล่ขึ้นมาจากพื้นเต็มไปหมด” แจ้เอ่ยลอยๆ ออกมา

“ไม่รวมที่เขาว่า คอมพิวเตอร์จะพังทั้งโลกกับปรากฏการณ์ วายทูเค ด้วยนะครับ” ปุยรีบเสริมอย่างกุลีกุจอ

“ผู้คนก็วุ่นวายกันไปหมดทั้งโลก อารมณ์ก็ร้อน นี่คนงานพม่าในบริษัทพ่อของผมเหมือนกำลังก่อการเคลื่อนไหวเงียบๆ  มีตามข่าวลือที่มากับอีเมล์ ผมอ่านแล้วยิ่งกลัว  ไหนจะโลกมุสลิมกับชาวคริสต์ก็หมางใจกัน คนก็คอยยั่วยุเพื่อหวังให้ตัวเองเป็นใหญ่ภายหลัง” อาร์มเล่าให้ทุกคนที่โต๊ะฟัง  “เขาว่ากันว่าถ้าขี้ครอกครองเมืองเมื่อไหร่วันนั้นเลยครับโลกถึงการดับสูญ”

“อุ๊ยต๊าย นี่เหรอเมืองพุทธ โอ๊ย หัวใจจะวาย” นกน้อยกำมือแน่นจนไก่แจ้ต้องเอื้อมเอามือมาลูบต้นแขนเบาๆ

“มันจะถึงขั้นน้ำท่วมโลก แผ่นดินไหว หรือ อุกาบาตรหล่นบนโลกอะไรแบบหนังฝรั่งไหมคะพี่อาร์ม” มะนาวถามด้วยความใคร่รู้ สีหน้าวิตก

“คงเป็นเวอร์ชั่นท่านมุ้ยไปก่อนน่ะครับ ตามงบประมาณ” อาร์มบอก พยายามเรียกเสียงหัวเราะจากคนทั้งโต๊ะ แต่เหมือนคราวนี้จะไม่ได้ผลเท่าไหร่

“ถ้ากลัวกันมาก ก็ไปหลบที่บ้านผมสิ อยู่เหนือเขื่อน ผู้คนข้างบนไม่เคยกลัวเรื่องเขื่อนแตกเลย” ดอยที่เริ่มทยอยเป็นฝ่ายย่างหมูกระทะบ้าง หลังจากที่ทุกคนรามือไปแล้ว

“บ้านดอยอยู่สูงจากเขื่อนเลยเหรอ”ปุยถามด้วยความสนใจ แต่สีหน้าก็ยังตระหนกจากสิ่งที่ได้ยิน

“บ้านแม่เราไม่สูงกว่านะ อยู่ตรงทางน้ำผ่าน แต่บ้านคุณตานี่สูงเลย แต่เขื่อนที่เขาลือว่าจะแตก มันฝั่งท่ากระดาน ที่ทับรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์  ของทางบ้านเรามันเขื่อนไม่ทับรอยเลื่อน ถึงสันเขื่อนจะแตกเพราะแผ่นดินไหว มันก็ไม่ใช่จะเทน้ำทั้งหมดลงมาในเมืองหรอก” ดอยอธิบายตามความรู้ที่แม่เขาพร่ำบอก

“ทำเก่งนะมึงอ่ะ กูเห็นซื้อห่วงยางไว้ในห้องนอนด้วยได้ข่าว” อาร์มตะโกนแซว คราวนี้ได้ผล เสียงหัวเราะดังขึ้นทั้งโต๊ะ

“ก็นอสตร้าดามุสแม่ง ไม่เคยผิดเลยนี่หว่า มันอาจไม่ใช่เขื่อนแตก แต่อาจมีอะไรมากระทบโลก หรือพุ่งชนโลกนะกูว่า”

“เอาเป็นว่า เจ๊จะไปเป็นสะใภ้บ้านน้องดอยตั้งแต่เดือนธันวาละนะ เจ๊จะปิดร้านหนีตายไปอยู่ข้างบนเลย เอาสิ” เจ๊นกน้อยยืนกราน

“เจ๊จะไปเป็น ลูกสะใภ้ หรือ น้องสะใภ้ของบ้านนั้นล่ะครับ” อาร์มขัดคอ ก่อนเสียงหวีดแซวจะดังลั่นโต๊ะเพราะผู้ถูกแซวมีอาการหน้าแดงเขิน

“การที่มะนาวกลับมาอยู่บ้าน แล้วมีน้องปุยเข้ามา มันก็ทำให้ได้ออกมากินข้าวกันนอกบ้านบ่อยดีนะ น้าชอบ” แจ้ที่เอามือป้องปากแก้ว เมื่อนกน้อยจะเอื้อมมารินเบียร์เพิ่มให้

“ใช่เลย เจ๊เห็นด้วย จะมีก็แต่น้องโอ๊คนะที่หายไป ไม่มาคลุกคลีตีโมงเหมือนแต่ก่อน”




ระหว่างทางกลับเข้าห้อง หลังจากที่ทุกคนกลับบ้านหมดแล้ว ยอดดอยเอ่ยปากถามปุยเมฆ ให้อยู่กับตนที่สวนหลังหอเป็นเพื่อนกันอีกสักพัก เพราะเขายังไม่อยากกลับเข้าห้องคนเดียว ปุยเมฆก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะเขาก็ไม่อยากรีบกลับเข้าห้องเช่นกัน ทั้งคู่จึงพากันไปนั่งเล่นใต้ต้นทองกวาว

“เดือนหน้า น่าจะเริ่มเรียนหนักแล้วเนอะ” ดอยที่นอนเอนตัวอยู่บนแคร่ เบี่ยงตัวเอาศีรษะมาหนุนที่ตักของปุย ซึ่งนั่งห้อยหาบนแคร่ไม้เดียวกัน ลมพัดเย็นเอื่อย มีแมลงรุ่มล่อไฟที่อยู่เหนือกำแพงข้างสวน

“ใช่ ต้องเริ่มออกหน่วย เก็บข้อมูล ต้องเรียนการขายตั๋วโดยสารด้วย นี่ปีหน้า เห็นว่าเขาจะแยกสาขาการโรงแรมออกจากการท่องเที่ยวไปเป็นอีกแผนกนึงเลย อยากเรียนทั้งสองอันเลยอ่ะ น่าเสียดาย”

“จบแล้วจะอยู่ที่เมืองกาญจน์ไหม หรืออยากไปอยู่ที่ไหน”

“ถ้ามันน่าอยู่แบบนี้ ก็อยากอยู่ต่อไป..” ปุยเอามือเสยผมหนุ่มคนที่นอนหนุนหน้าตักของตัวเองอยู่อย่างแผ่วเบา

“ปุยครับ”

“หืม”

“เราว่า เราชอบปุยว่ะ”

“....”

“ชอบแบบ ชู้สาวอ่ะ”

“....”

“เงียบทำไมครับ”

“กว่าจะรู้ตัว นานเนอะ”

“ก็รู้นานแล้ว แต่มันทำอะไรไม่ถูกน่ะสิ มันถูกมันควรไหม คนรอบข้างจะว่ายังไง” ดอยเอามือจับข้อมือของปุยที่เสยผมเขาก่อนจะเอี้ยวตัวลุกขึ้นมานั่งเผชิญหน้า

“แล้วถ้ามันไม่จบอย่างที่พวกเราคิดล่ะ มันคุ้มไหมดอย ถ้าเราจะทำอะไรแบบนี้ต่อไป”

“เราก็คงจะเสียใจมาก”

“หรือพวกเราไม่ควรเริ่ม ไม่ควรสานต่ออะไรให้มากไปกว่านี้ล่ะดอย”

“ไม่ได้แล้ว.. มันเริ่มไปแล้ว มันคงหยุดไม่ได้ ปุยเปลี่ยนความรู้สึกของเราไปแล้ว”

“ถ้าไม่เจอกันแต่แรก มันก็จะดีสินะ

“ไม่เลย.. ไม่ดี  เพราะเมื่อก่อน เราไม่เคยมีความสุขแบบนี้เลย”

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Track 13 :     Go,Go,Go ! Ale,Ale,Ale !

ใต้มะขามคู่ใหญ่ ริมถนนหลวง พื้นที่ถูกปูด้วยกระเบื้องตัวหนอนสีน้ำตาล มีโต๊ะม้าหินอ่อนตั้งเรียงราย ล้อมด้วยกำแพงรั้วทำจากไม้ซึ่งใช้ไม้กระถางแขวนประดับไว้  ลูกค้านั่งล้นเต็มทุกโต๊ะ ไม่รวมลูกค้าที่กำลังยืนรอหน้าเตาผัด ร้านผัดไทยโยธา  มีพัดลมตัวใหญ่ ส่ายไปมาบนลานโล่ง 

ดอย กับ ปุย ที่นั่งตัวเกร็งต่อชายสูงอายุตัวสูงใหญ่ด้านหน้า  เด็กเสิร์ฟยกจานผัดไทยมาให้ โดย ดอยแนะนำให้ปุย ลองผัดไทยวุ้นเส้นกุ้งสดชื่อดัง และตัวเขาเองทานผัดไทยไร้เส้น  ก่อนจะส่งจานผัดไทยกุ้งสดเส้นเล็กเมนูเด็ดไปยัง ธรรมเสถียร โรจน์อนันต์ทรัพย์ พ่อของปุย

“พ่อลองทานดู ผัดไทยที่นี่ขึ้นชื่อมากครับ ส้มมะขามกับน้ำปรุงเขาถึงขั้นมีคนมาขอซื้อสูตรกันเลยล่ะครับ” ดอยโฆษณาร้านดังที่เขามักพาแม่ของตัวเองมาทานเสมอ เวลาที่แม่ขึ้นมาเยี่ยมในอำเภอเมือง

“อืม ขอบใจ น่าทานเชียว..  แล้วนี่ ตกลงคือ คบกันหรืออะไรยังไง”

ปุยที่กำลังเคี้ยววุ้นเส้นอยู่ในปากแทบสำลัก ก่อนจะหยิบแก้วสังกะสีที่เทน้ำอัดลมไว้มาดื่ม

“พ่อ เพื่อนกัน ลูกเป็นผู้ชาย ถ้ามีแฟนก็เป็นผู้หญิงสิ นี่จะเรียน ไม่ได้มาหาแฟน” ปุยหันไปดอยที่นั่งอยู่ด้านข้าง ราวกับว่าจะให้สนับสนุนสิ่งที่พูด ก่อนหันหน้าไปยังพ่อที่อยู่ตรงข้าม แล้วพูดต่อ “ที่พามานี่ ก็เพราะพ่ออยากเจอหรอก”

“พ่อไม่ได้ถามลูก พ่อถามฝั่งผู้ชาย ว่าเขาจะกล้าทำกล้ารับไหม”

“ลูกก็ผู้ชาย !!”

“เออๆ  ผู้ชายก็ผู้ชาย  อ้าวว่าไงล่ะ พ่อตัวดี นี่มาจริงๆจังๆ หรือแค่เล่นๆกัน ไหนว่ามาซิ” ธรรมเสถียรวางช้อนส้อมตรงจานที่อยู่เบื้องหน้า รอชายหนุ่มผิวเข้มข้างหน้าที่นั่งเงียบ จะเอ่ยปากพูดบ้าง

“ผม.. เอ่อ.. ผม” ดอยที่มีทีท่าลังเลและหวาดหวั่นอยู่ในที มองหน้าผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า  มีเหงื่อซึมที่หน้าผากเล็กน้อย

“ถ้าไม่สามารถให้คำตอบได้ ก็ไม่ควรทำอะไรที่มันเกินเลย เป็นเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว เพื่อนเรียน เพื่อนเล่นกันไป”

“พ่อมีคำแนะนำอย่างไรดีครับ” ดอยนั่งหลังตรง จ้องตาคนที่อยู่ตรงหน้า

“เป็นคำถามที่น่าสนใจแฮะ คือ วัยอย่างพวกเธอ แน่นอนว่า บางทีมันก็มีบ้างที่หัวใจ อาจดูเต้นแรงกว่าที่ควรจะเป็น มันก็ตามวัยแหล่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อะไรที่เราคิดว่ามันใช่ มันอาจไม่ใช่ เมื่อเวลาผ่านไป”

“ที่ผมอยากได้คำแนะนำ ไม่ใช่ในส่วนของความรู้สึกหรอกครับคุณพ่อ สิ่งเดียวที่ผมไม่มั่นใจ คือชีวิตหลังจากนี้ เพราะมันเป็นทางแยกที่ใหญ่เหลือเกินครับ”

“มันอาจไม่มีทางแยกแต่แรกหรอก มันเป็นเรื่องของทางที่ลิขิตมา ว่าเราต้องเดินไปทางนี้  ต่อให้มีทางเลือก มาให้เลี้ยวซ้าย หรือขวา เราก็เลือกในสิ่งที่เราถวิลจะเดินอยู่แล้ว พ่อคิดแบบนั้น”

“ถ้าอย่างนั้น ผม..”

“ช้าก่อน หนุ่มน้อย.. พ่อแค่บอกว่า ต่อให้เรามั่นใจในทางของเรา แต่ทางนั้น มันอาจมีบ่อหลุม มีสัตว์ร้าย ข้างทางก็ไม่ได้อาจเต็มไปด้วยดอกไม้แบบในนิยายหรอกนะ มันคือพงป่า ดงหญ้า และก็มีโจรซุกซุ่มอยู่ไม่น้อย แค่อยากให้พวกลูกๆรู้ว่า ปลายทางมันไกลลิบตาเชียวล่ะ”

“พ่อจะยอมให้ลูกพ่อเดินไปกับผมด้วยไหมครับ ถ้าทางมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่พ่อว่า” ดอยถามชายตรงหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วหันไปมองปุยที่อยู่ด้านข้าง ที่บัดนี้ ก้มหน้าเขี่ยจานอาหารที่เย็นชืด

“ปุย ลูกไปเอา กระเป๋าเงินบนรถให้พ่อที” ธรรมเสถียรส่งกุญแจรถให้ลูกชาย ก่อนปุยจนเอื้อมไปหยิบกุญแจจากมือผู้เป็นพ่อ แล้วเดินออกนอกร้านอาหารไป ธรรมเสถียรมองหน้ายอดดอย แล้วก็พูดคุยกันอีกสักพัก ก่อนปุยจะเดินกลับมาที่โต๊ะ เมื่อนั่งทานกันสักพัก  ธรรมเสถียรก็ไปลูกชายและเพื่อนชายคนสนิทกับหอพัก โดยที่ไม่ได้คุยเรื่องก่อนหน้านี้อีกเลย




“Looks like we made it.. Look how far we’ve come,my baby”  เสียงหวานของ Shania Twain ลอยมาจากลำโพงหูฟังเล็กของยอดดอย  ที่บัดนี้ถอดเสื้อกางเกงเหลือเพียงชั้นในสีเทา เอนนอนอยู่บนเตียง มีเครื่องเล่นซาวน์อะเบ้าท์ AIWA วางบนหน้าท้องที่แบนเรียบไร้ไขมัน เขาหายใจกระเพื่อมเป็นระยะขึ้นลง

“กริ๊งงงงงงงงงงง  กริ๊งงงงงงงงงงงงง  กริ๊งงงงงงงงงงงงงง” โทรศัพท์ที่หัวเตียงนอน ดังขึ้น ดอยพลิกตัวขึ้นมายกหูรับ

“ครับ  อ้าวแม่..  อ่อ ไม่ได้กลับครับ กลับปิดเทอมใหญ่เลย ต้องฝึกงาน..  ใช่..  อ่อ.. ไม่ค่อยได้สูบแล้ววว   คร้าบบบ   ทราบครับ   โห่วว เหลือวันละมวนแล้ว เดี๋ยวกำลังเลิกนะครับ  อืม.. ใช่ๆๆ   พ่อเป็นไงบ้าง...  อ่อ..  ฮ่าๆๆๆ    น่าจะไปครับ คืนนี้ มีบอล  อ๋อไม่ไกล ไม่ได้ขี่รถ ว่าจะเดินไป บาร์ของเพื่อนโอ๊ค   อู้ยย ไม่เมาหรอก พรุ่งนี้ต้องพาคนเช่าห้องวีไอพีของแม่ไปวัด อืม.. ใช่ๆๆๆ  ก็ดีนะ  อืมครับ เขาชอบ   ครับๆ   ใช่ๆ  อ่อ...  ดอยได้ที่ฝึกแล้ว บริษัทพ่อโอ๊ค   อืม ครับ ได้ๆๆ  ตังเหรอ ใช้หมดแล้ว ฮ่าๆๆ   พอดีสั่งของมาแต่งรถให้ลูกค้า..  ก็  ภาษีหนักมาก  ครับ.. ครับ.. ครับ...   แม่ก็อย่าทำงานหนักนะ เดี๋ยวดอยแวะไปหา  ยังไม่มี ฮ่าๆๆ  เดี๋ยวมีก็พาไปเองแหล่ะ ครับ รักแม่นะ สวัสดีครับ”
แล้วเขาก็ล้มตัวลงนอนต่อ ก่อนคว้าปกเทปเขียนอักษร Come on Over มาอ่านเนื้อเพลง แล้วฮัมเบาๆ ก่อนจะเผลอหลับไปในเตียงที่อุ่นนุ่ม



หน้าลานกว้างของสปอร์ตบาร์ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองซึ่งเนืองแน่นด้วยลูกค้าตั้งแต่ช่วงค่ำ ป้ายนีออนขนาดใหญ่ Complex Bar พร้อมโคมลำแสงไฟท่อนส่องฟ้า ปลายท่อนไฟเวลาส่องสัมผัสกับวัตถุจะปรากฏเป็นรูปโลโก้ค้างคาว 
ลูกค้าทุกโต๊ะใส่เสื้อกีฬาสีแดง บ้างก็มีสวมผ้าพันคอ หมวกไหมพรม เสียงเอะอะโวยวายแต่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน
มีป้ายไวนิลสีดำ อักษรสีแดงตัวใหญ่ “Complex แจกสเปรย์รอยัลฟรี  วันแดงเดือด 99” 

โต๊ะหน้าสุด ตรงกลางเยื้องลานน้ำพุจำลอง อาร์ม และ โอ๊ค อยู่ในเสื้อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีมะนาว กับยอดดอย ใส่เสื้อกีฬาทีมลิเวอร์พูล นั่งอยู่บนโต๊ะเดียวกัน และปุยที่อยู่ในเสื้อสีเหลืองสด นั่งเด่นอยู่คนเดียวท่ามกลางคนทั้งร้านที่แตกต่าง

“มะนาวอ่ะ จะมาในชุดทีม ก็ไม่บอกเรา เราจะได้ไปหาใส่บ้าง” ปุยโอดครวญที่สายตาโต๊ะอื่นมักจับมามองที่เสื้อเขา

“นาวเพิ่งเปลี่ยนเมื่อก่อนเดินเข้าร้านเองล่ะปุย เดินมาเห็นคนใส่สีแดงกับพรึ่บเลย เลยเดินไปยืมเสื้อพี่ดอย ฮ่าๆๆ”

“กลับไปเปลี่ยนมั่งดีกว่า นี่บอลจะเริ่มยังล่ะ” ปุยหันไปถามดอยที่กำลังเคี้ยวหมูแส้ อาหารจาดเด็ดของที่ร้านแก้มตุ่ย

“ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก สีนี้เข้ากับปุยดีออก” โอ๊คนี่นั่งมองทีท่าสุดกังวลของปุยอยู่นาน แสดงความเห็น

“ใช่ ใส่แล้วขาวมากเลย” ดอยพูดแทรก

“นาวว่า ที่เขามองน่ะ ไม่ได้มองเสื้อหรอก เขามองปุยกันนั่นแหล่ะ” มะนาวแซวปุยที่กำลังนั่งเขินเมื่อได้ยิน

“ก็โดนมองทั้งคู่นั่นแหล่ะ ไม่ต้องเถียงกัน  นี่จะเตะปากไอ้หัวล้านอยู่เนี่ย ทำมามองมะนาวน้ำลายเยิ้ม  นี่ถ้าผีแพ้นะ กูเล่นแน่แม่งหื่นแต่หัววัน” อาร์มที่กำลังมีน้ำโห ประกาศกร้าว

“อ๊ะ มองได้ก็เอาไปไม่ได้ ไม่สนหรอก” มะนาวเสริม

“แต่บางทีเราก็ต้องดูว่า อะไรที่มันไม่ปลอดภัย ก็เพลาๆลงบ้าง” โอ๊คยังคงวางมาดขรึม ปรามมะนาว

“ค่ะพี่”




“A little bit of Monica in my life.. A little bit of Erica by my side.. A little bit of Rita is all i need..”
เสียงเพลง Mambo No.5! ของ Lou Bega บรรเลงดังลั่น บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก เหมือนฮอร์โมนชายหนุ่มที่ฉีดพล่าน

ทันทีที่ เจมี่ เรดแนพพ์ เดินนำทีมลงสนาม ดอยดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อทีมโปรดของตัวเองมีแนวโน้มน่าจะเป็นผู้กำชัย  เยื้องกันเป็นโอ๊ค ที่อ่านข้อความในเพจเจอร์ และมือถือสลับกันไป  อาร์มกับมะนาว ที่อร่อยกับอาหารที่อยู่ตรงหน้า และปุย ที่ยังคงหลบสายตาคนที่โต๊ะข้างๆ ที่มองมาไม่หยุด

“กูดุโหงวเฮ้ง ฟาวเลอร์ ยังไง หงส์ก็วินว่ะไอ้อาร์ม” ดอยข่ม

“แต่โอเว่นมึง หน้าหมองเป็นคลองแสนแสบ เดี๋ยวมึงได้มีหนาวไอ้ดอย นั่งสำรองอีกต่างหาก ฮ่าๆ”

“ผู้ตัดสินชื่อ บาร์บี้ ตลกดีเนอะ ชื่อเหมือนผู้หญิง” ปุยเมฆล้อเลียนกรรมการที่ถูกขานนาม

“แหม ปุย นี่ชื่อแมนมากเลยเนอะ” โอ๊คหยอกคืน เผยอรอยยิ้มแสนหล่อเข้าใส่

“เราอยากชื่อเมฆ แม่อ่ะดิ เรียกปุยอยู่ได้”

“ก็ยังดีกว่า บาร์บี้นะ นาวว่า นี่ใครถามชื่อจริง นาวยังไม่อยากบอกเลยว่าชื่อสมศรี โบราณมากกกก” 

“เฮ้ยยย เชดดดด มึงดูฟอร์มไรอั้น กิ๊ก ซะก่อนไอ้อาร์ม ไอ้โอ๊ค  มึงได้เลี้ยงมื้อนี้แน่” ดอยหึกเหิม

“ชิชะ ไอ้ดอย เดี๋ยวมึงจะพูดไม่ออก เฟอร์กี้ จะหักปีกหงส์คาแอนฟิลด์มึงเลยคอยดู” อาร์มสวนกลับ

“เบ็คแฮม หล่อเนอะ” ปุยชมนักกีฬา ที่อยู่ในเสื้อสีแดง เบอร์ 7 ที่กล้องจับภาพไปหาบ่อยครั้ง

“งั้นๆ แหล่ะ ชิส์” ดอยแสยะปากตอบ “อ้าวเฮ้ย ไอ้ คาราเกอร์ สัส เชี่ยยย แม่ง โหม่งเข้าประตูตัวเองทำไม โอ๊ยย” ดอย โอดครวญเอามือกุมหัวทำที่ปวดขมับ ในขณะที่ โอ๊ค กับ อาร์ม กระโดดตัวลอย กอดกัน พร้อมเสียงเชียร์เฮลั่นอีกประมาณครึ่งนึงของคนในร้าน ที่ส่งเสียงดีใจกันถ้วนหน้า ในขณะที่อีกครึ่งร้านทำหน้าเซ็ง ทั้งที่การเล่นเกมเพิ่งผ่านไปเพียงสามนาที


บรรยากาศยังคงตึงเครียดในร้าน กองเชียร์ทั้งสองฝั่งลุ้นกับการแข่งขันที่สุดระทึก
ยิ่งเมื่อนาทีที่ 18 แอนดี้ โคล โหม่งลูกให้แมนยู นำหนีไปเป็น 2-0 

ตอนนี้ ดอย และ โอ๊ค อาร์ม ที่ไม่มีแม้แต่บทสนทนา แค่พึมพรำบ้างลอยๆ กับตัวเอง 
ส่วนมะนาวที่แม้ไม่ใช่คอบอล แต่ก็อดตื่นเต้นไปด้วย ซึ่งมะนาวให้ใจแก่ทีมลิเวอร์พูลที่กำลังมีพยายามตีเสมอ
ตามประสาคนชอบเชียร์ผู้ที่ตกเป็นรอง 

ในขณะที่ปุยเอง ยังไม่ค่อยเข้าใจกับรูปแบบเกมที่เรียกว่าฟุตบอลซึ่งตัวเองเลี่ยงมาตลอดชีวิต เขาจึงรับหน้าที่คอยเติมเบียร์ให้เพื่อนในโต๊ะทุกคน ปุยพยายามยกมือ เพื่อเรียกให้เด็กเสิร์ฟเอาน้ำแข็งมาให้ แต่เหมือนบัดนี้ ทั้งร้านถูกมนต์สะกดของฟุตบอลคู่หยุดโลกที่ไม่มีแม้แต่ใครจะสนใจกันเอง แม้กระทั่งคนบนโต๊ะเดียวกัน 

“เฮ !!!” เสียงเฮดังขึ้น โดยเฉพาะที่ออกจากปากดอย ยิ่งดังลั่นกว่าคนอื่นอีกครึ่งร้าน ที่นั่งซึมมาได้ 5 นาที เมื่อ แซมมี่ ฮูเปีย หม่งลูกบอลเข้าตะข่าย ทำให้ลิเวอร์พูล ตีตื้นขึ้นมา เป็น 2-1 บรรยากาศกลับมาคึกคักถึงขีดสุด จนคนที่นั่งลุ้นผลบอล ลุกๆ นั่งๆ อย่างใจจดจ่อทุกครั้งที่ลูกบอลเปลี่ยนข้างไปอยู่ในเท้าของอีกฝ่าย

เมื่อไม่มีใครสนใจ ปุยจึงตัดสินใจ ถือถังน้ำแข็งยกขึ้น เพื่อพยายามเรียกร้องความสนใจจากบริกร

“ผมจัดการให้ครับ” ชายหนุ่มผู้เดินมาใหม่ คว้าถังน้ำแข็งจากมือปุย ก่อนส่งไปให้เด็กเสิร์ฟที่รีบเข้ามาช่วยถือทันที

“อ้าว คุณมือกลอง” ปุยทัก เมื่อชายหนุ่มลูกชายเจ้าของห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งเจอเมื่อวันก่อน เดินเข้ามาหา

“รู้ชื่อผมด้วย”

“อ้อ ก็ถามจาก ดอยเอา” ปุยมีอาการเขินเล็กน้อย พร้อมชี้นิ้วไปทางดอยที่ยังคงเชียร์ฟุตบอลอยู่อย่างใจจ่อ มีเพียงโอ๊คที่เหลือบมาเห็นพวกเขา และพยักหน้าทักมือกลอง โดยอีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ

“แอบถามถึงผมด้วย ปลื้มนะเนี่ย”

“เอ้ยยย เปล่าๆๆ ไม่ใช่อย่างนั้น” ปุยมีสีหน้าเขินสุดขีด รีบแก้ตัว

“ผมล้อเล่น เดี๋ยวจัดการให้นะ พอดีเด็กเสิร์ฟคงลุ้นทีมตัวเองกันจนไม่ดูลูกค้าเลย”

“อ้าว คุณมือกลอง เป็นเจ้าของร้านนี้เหรอครับ”

“ใช่ครับ เรียกกลองก็ได้ นี่ชื่อปุยใช่ไหม”

“อ้าว รู้ชื่อผมเหมือนกันเหรอ” ปุยแซวกลับ

“ก็แอบถามไอ้โอ๊คมาเหมือนกัน” มือกลองส่งยิ้มแบบเจ้าเล่ห์มาให้คู่สนทนา จนอีกฝั่งเขินอาย “แลดู ปุยไม่สนุกเลย ไปนั่งเป็นเพื่อนผมที่โต๊ะไหมครับ ผมนั่งอยู่คนเดียว”

“ได้ๆๆ ที่โต๊ะไม่มีใครสนใจผมเลย ฮ่าๆๆ”  แล้วปุยก็เดินตามมือกลองไปที่โต๊ะในร้าน ซึ่งมีจำนวนโต๊ะเพียงไม่กี่โต๊ะ เมื่อเทียบกับลานกว้างหน้าร้าน ตามสไตล์สปอร์ตบาร์ ที่เน้นลานด้านหน้าล้อมจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ เพื่ออรรถรสในการรับชมกีฬา คล้ายสนามกีฬาจริง   โดยมีโอ๊คที่มองตามทั้งคู่มาเป็นระยะ

“นักเรียนปีหนึ่ง ปวส.สาชาการท่องเที่ยวและการโรงแรม อายุเท่าผมกับโอ๊ค เพราะดร็อปมาหนึ่งปี คุณพ่อทำงานในสถานทูต คุณแม่เป็นคนที่นี่ แล้วก็หน้าตาดีอย่างนี้มานานแล้ว อันนี้ที่ผมสืบมา ได้แค่นี้ มีอะไรเสริมไหมครับ” มือกลอง เอนตัวลงบนโซฟาสีน้ำตาลตัวหรู มีโต๊ะหวายสังเคราะห์ตรงกลาง ฝั่งตรงข้ามเป็นปุย ในเสื้อสีเหลืองที่ไม่เข้ากับบรรยากาศด้านนอกเลย กำลังสนุกกับการขย่มโซฟาแสนนุ่ม

“ก็เป็นคนง่าย ๆ สบายๆ รีบๆจบ อยากทำงานแล้ว โหว โซฟาตัวนี้ดีชะมัด”

“แล้วสนิทกับโอ๊คได้ยังไงล่ะครับ”

“เค้าบอกว่า เขาสนิทกับผมเหรอ”

“อ้าว อันนี้ไม่รู้สินะครับ”

“เค้าก็สนิท แล้วเขาก็ห่าง แล้วเขาก็มาสนิท แล้วเขาก็ห่าง”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ  นั่นแหล่ะ นายต้นสาย ตัวจริง”

“สนิทกันมากไหม” ปุยถามกลับบ้าง

“เขาไม่เคยพูดถึงผมใช่ไหมล่ะ”

“เคยเล่าว่า พ่อแม่สนิทกัน แต่ไม่ได้คุยอะไรมาก เอ๊ะ นี่ ผมไม่ได้ถามอะไรถึงกลองนะ !!” ปุยรีบแก้ตัวพัลวัน

“ครับๆ ผมล้อเล่น  แต่ผมลองถามถึงปุย โอ๊คไม่ยอมเล่ามาก โอ๊คมันหวงล่ะมั๊ง”

“เขาจะหวงผมทำไม ก็เพื่อนกันเฉยๆ”

“ดูเขาจะชอบปุยอยู่นะ ผมดูก็รู้ เขาคิดอะไรผมรู้หมดแหล่ะ”

“นี่ก็แสดงว่าสนิทกันมากเลยสินะ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร คนเมืองนี้ ทำไมมันพิสดารกันอย่างนี้ก็ไม่รู้”

“อ้าว  ทำไมพาลอย่างนั้นล่ะครับ”

“ก็ตั้งแต่ย้ายมานะ อะไรก็ไม่รู้ วุ่นวายไปหมด บางวันทำเอาเครียดจนนอนไม่หลับ เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ”

“แปลว่า คนเมืองนี้ มีเสน่ห์สินะครับ”

“คนเมืองนี้ ขี้ตู่ตะหาก เชอะ” ปุยไม่ยอมแพ้

“อ้าว ซวยเลย  ยอมก็ได้ครับ ฮ่าๆๆ”  มือกลอง เอี้ยวตัวจากพนักพิง เอื้อมมือมาส่งแก้วที่เด็กเสิร์ฟเพิ่งมาวางไว้ ส่งให้ปุย เป็นน้ำสีเหลืองมีฟอง มะนาวฝานลอยอยู่ด้านบนผิวน้ำ ปากขอบแก้วมีเกลือป่นเกาะโดยรอบ

“พรุ่งนี้ผมต้องตื่นเช้าน่ะครับ” ปุยมีทีท่าจะปฏิเสธเครื่องดื่มที่อีกฝ่ายส่งให้

“แก้วนี้ไม่มีแอลกอฮอล์ครับ แหม ผมก็แอบทำการบ้านมานะ โอ๊คมันย้ำ ไม่ให้ปุยดื่มเหล้า” มือกลองยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายยกขึ้นดื่ม และดูพอใจกับรสของมัน “เป็นเครื่องดื่มม็อคเทลที่เป็นสูตรของเราโดยเฉพาะครับ เห็นใส่เสื้อสีเหลือง เลยนึกขึ้นได้ว่า น่าจะเหมาะที่สุดเลย ชื่อของมันคือ Sex with the owner ” 



“เฮ้ยยยยยยย ไอ้ดอยยยย โอ้คคคคค  อาร์มมมมม  บายดีป่าววะ” ชายหนุ่มผอมบางตัวเตี้ย ตาขวาเข ฟันหน้าบนเหยินออกมาจนสังเกตได้ เดินเซมาที่โต๊ะ ในช่วงเวลาพักครึ่งแรก

“อ้าว ไอ้มด ไหวไหมมึงเนี่ย เมาอะไรขนาดนี้วะ” โอ๊คถาม เมื่อสังเกตเห็นสารรูปของผู้มาเยือน

“กูหวายยยย  กูหวายยยยย โอ๊ะ นี่น้องมะนาวคนสวยยยยย  ยิ่งโตยิ่งสวยยยยยยยยยย” มดดำ ยังคงยืนพูดแบบคนสติไม่ครบครัน ยิ่งได้ใจ เมื่อเห็นสาวที่ถูกแซวมีอาการกลัว

“เออ แล้วนี่มึงมากับใคร เขาไม่ตามหามึงกันให้ควั่กแล้วเหรอวะ กลับโต๊ะไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูแวะไปทักทาย” อาร์มตัดบท

“เฮ้ยยย มันหายหัวกันไปไหนหมดตั้งแต่ ไอ้คาราเกอร์โหม่งเข้าประตูตัวเองอีกรอบ แม่งงงงงเอ้ยยย มีหวังทำแฮตทริกประตูตัวเองแหง ได้สาสสสสสสส  กูขอนั่งด้วยนะโว้ยยยยยยย เดี๋ยวเพื่อนกูก็มา รบกวนหน่อยยยยยยย” 

“เออๆ  แต่แม่งเมาเหลือเกินมึง ถ้าปากยังหมาเหมือนเดิมนี่กูมีเตะนะ” ดอยหันไปบอกคนที่ถือวิสาสะมานั่งข้าง เขาเพิ่งสังเกตว่า ปุยหายไปนาน ไม่น่าจะไปเข้าห้องน้ำหรือโทรศัพท์  จนโอ๊คที่เห็นทีท่ากังวลของดอย จึงบอกไปว่า ปุยอยู่กับมือกลองที่โต๊ะในร้าน  มะนาวจึงขันอาสาเดินไปเรียกให้ ปุย กับ มือกลอง จึงตามกลับมาสมทบ






“เห้ยยยยยยยยยย กูม่ายยกลับแล้วเว้ยยยยย  โต๊ะนี้มีแต่คนสวยยยย  สวยยยยยย ขาววววว ขาวววววว ตั้งสองงงงคน”

“กูว่ามึงน่าจะกลับบ้านได้แล้วนะ แม่งอะไรจะเมาหยำเปขนาดนี้วะ เดี๋ยวจะไปโดนส้นตีนใครเข้า” โอ๊คเตือนมดดำ

“นั่นดิ เอาม๊ะ เดี๋ยวกูไปส่ง บ้านมึงแค่นี้เอง” อาร์มขันอาสา

“ไม่เอาวววววว ไม่เอาววววว กูไม่อยากกลับบ้านนนน เขาไม่ชอบขี้หน้ากูววววววว ไม่มีใครชอบกูววววววว  ใช่ไหมวะ ไอ้ดอย  คนอย่างพวกเรา ไม่มีใครเอาวววววว  ไม่มีใครเห็นว่าดี  กูหล่ะแม่งน้อยจายยยยยย”

“คนอย่างพวกเรา” ปุยรีบถามมดดำ ที่เขาไม่คุ้นหน้า และยังไม่ได้เอ่ยสวัสดีกันด้วยซ้ำ  “คนอย่างพวกเราคืออะไรอ่ะ”

“ก็แหมมมม แม่คนขาวสวยย  ก็ไอ้เด็กสถานพินิจ อย่างเราใครจะมาสุงสิงงงงงง” มดดำสะอึกคล้ายจะอาเจียน ในขณะที่ทุกคนบนโต๊ะสัมผัสได้ถึงความอึดอัดตั้งแต่มดดำมาเยือน

“มึงเมาแล้วก็รีบกลับเหอะป๊ะ ไอ้อาร์ม ไปส่งไอ้มดมันทีวะ” โอ๊คระงับความตึงเครียด ด้วยทางออกที่ทุกคนดูจะพอใจ

“เฮ้ยยยยยย อารายยยวะ กูม่ายยยยกลับ ไอ้ดอย มึงช่วยกูด้วยยย เรามันหัวอกเดียวกานนนนนน  เรามันเด็กเหลือขอ เรามันพวกไม่มีอนาคตตตตต” มดดำสะอึกอีกยกใหญ่ แล้วอาเจียนออกมากลางวง ทำให้แตกตื่นกันไปหมด มือกลองที่นั่งดูอยู่นาน สั่งให้ลูกน้องมาจัดการ และช่วยกันพามดดำไปนอนที่โซฟาหน้าครัวหลังร้าน




“You are my fire... The one desire... Believe when i say.. that I want it that way..” เสียงเบสนุ่มทุ้มลึกจากตู้ลำโพงJBL ทรงสี่เหลี่ยมฝาปิดผ้าสีเทา ลอยล่องมา ในขณะที่จอโปรเจ็คเตอร์ขนาดยักษ์ ฉายการแข่งขันฟุตบอลครึ่งหลัง ที่กำลังเริ่มขึ้นอีกในไม่ช้า
บรรยากาศที่โต๊ะหน้ากลางยังคงอึมครึมไม่คึกคักเหมือนโต๊ะอื่น ที่ตอนนี้อึกทึกจนถึงขีดสุด ด้วยความหวังในชัยชนะของทั้งสองทีมคู่แข่งขัน ปุยเป็นคนเดียวในโต๊ะ ที่ทำตัวปกติที่สุด อย่างน้อย ก็ในความคิดของปุย  มือกลองให้เด็กเสิร์ฟ เปลี่ยนผ้าปูโต๊ะ และจานชุดใหม่ให้ทุกคน เอาเครื่องดื่มชุดใหม่มาลงที่โต๊ะเพิ่มให้ แล้วก็เดินมานั่งข้างโอ๊ค ที่เคยเป็นที่ของอาร์ม แต่ตอนนี้ อาร์มเขยิบไปนั่งโซฟาเดียวกับมะนาว

“ขอโทษด้วยนะโอ๊ค พอดีไอ้มดมันคงจะเมามาก มันเพิ่งโดนปฏิเสธงานจากบริษัทญาติมันเองแหล่ะ เดี๋ยวมื้อนี้กลองไม่คิดเงิน กินกันตามสบายนะ”

“เฮ้ย ไม่เอา ไอ้มดดำมันก็เพื่อนเรา เฮ้ยๆๆ ไม่คิดมากดิ”

“กลัวเข็ด แล้วไม่มาอีกน่ะสิ พรรคนี้ก็หายไปเลย แต่ก็พอจะเข้าใจนะ” มือกลองหันหน้าไปทางปุยที่กำลังนั่งเงียบไม่พูดอะไรมาพักใหญ่ ตั้งแต่มดดำเอ่ยคำว่า คนอย่างพวกเรา ออกไป 

“ไม่เกี่ยวสักหน่อย โอ๊คยุ่งๆด้วยล่ะ ตอนนี้ ช่วยพ่อเรื่องแปลนบ้านโครงการที่จะปลูกใหม่ แล้วเริ่มเข้าไปเรียนรู้ระบบงานขาย กับ การก่อสร้าง”

“แล้วไม่ไปช่วยเรื่องโชว์รูมรถเหรอ”

“กะจะให้ไอ้อาร์มมันดู มันน่าจะทำได้ดี เราปรับของเราได้”

“อย่าปรับมาทำโรงแรมแล้วกัน กลองกลัว”

“โหววว ใครจะกล้ามีคุณมือกลองเป็นคู่แข่งล่ะเนี่ย ขอหนีไปทำจัดสรรดีกว่า เราไม่มี เซอร์วิสมายด์บนใบหน้า ต้องอย่างกลองน่ะ ถูกแล้ว  แต่อย่ายุพ่อมาทำจัดสรรนะ มีเคือง”

“ก็ทำร่วมกันได้ อาจมีทำร่วมกันในยุคของพวกเราเนอะ”

“อืมมม ต้องรอดู พูดเหมือนจะทำรอดนะ ถ้าโอ๊คเก่งแบบกลองคงจะดี”

“อย่ามาทำไขสือ พ่อกลองนะ ชมโอ๊คตลอด เอะอะ ก็ให้เอาอย่างลูกบ้านโรจน์ทรัพย์อนันต์ นีถ้าชมแต่ลูกบ้านอื่น กลองคงมีน้อยใจล่ะ นี่ดีนะเป็นลูกบ้านนี้”

“แหมมม มือกลอง พ่อนายอาจจะหมายถึงให้เอาอย่างคนน้องแบบเราก็ได้นะครับ” อาร์มขัดจังหวะคู่สนทนา

“ก็ไม่อิจฉาทั้งคู่นั่นแหล่ะ แหม เห็นหน้ากันมาตั้งแต่เด็ก ถ้าทำอะไรแล้วสำเร็จ ก็ดีใจไปด้วยกันเลย ” มือกลองหัวเราะชอบใจ ก่อนจะหันไปทางคนที่อยู่ข้าง ๆ  “แต่ตอนนี้ เราว่าโอ๊คงานหนักนะ ต่อให้เก่งแค่ไหนก็เหอะ” มือกลองก็เอามือไปวางที่หน้าขาโอ๊ค โน้มตัวไปกระซิบ

“โอ๊คเกิดมาเพื่อผิดหวังว่ะกลอง” โอ๊คส่งยิ้มคล้ายแซวหัวใจตัวเอง

“พระเจ้าจะส่งสิ่งที่ใช่มาให้ในที่สุด คิดอย่างนี้แล้วกัน”

“อืม.. อยากมองโลกได้อย่างกลองบ้างเนอะ” 




นาทีที่ 68  เมื่อแพทริค แบเกอร์ ส่งลูกเข้าประตูไปตุงตะข่าย สาวกทีมหงส์ก็เกรียวกราวอยู่ที่โต๊ะซึ่งกระจายอยู่ทั้งร้าน เป็นเกมที่บีบหัวใจ ตื่นเต้นมากกว่าเกมไหนๆ สำหรับชาววันแดงเดือด   แล้วกองทัพชาวแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ก็นั่งกันไม่ติด เมื่อผู้เล่นหนึ่งคน โดนไล่ออกจากสนามเพราะใบแดง ทำให้เกมมีความตื่นตามากยิ่งขึ้นไป และทีมผู้ตามมีโอกาสหลายครั้งจะทำประตูเพื่อตีเสมอ

“โอเว่น โอเว่น โอเว่นกู โอ้ยยยยยย ไอ้เชี่ยยย เบียดเสาออกไปแล้ววววว” ดอย โอดครวญ เมื่อนักเตะตัวโปรดที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวเข้ามา เกือบทำประตูตีเสมอได้

“หัวใจกูจะวายแล้วเว้ยไอ้ดอย แม่งมันสัสเลยเกมนี้” อาร์มที่ดูตื่นเต้นไม่แพ้กันหันไปตอบ

“มะนาวดูรู้เรื่องไหมอ่ะ” ปุยที่นั่งเงียบไปนาน ถามกับมะนาวที่แลดูจะเริ่มอินกับเกมบ้าง เพราะอาร์มขยันอธิบายให้ฟัง ว่าอะไรคือล้ำหน้า อะไรคือฟาวล์ หรือ นักเตะตัวไหนเก่งอย่างไร แต่อาร์มพยายามโน้มน้าวให้มะนาวเชียร์ทีมของตนเอง แม้ว่ามะนาวจะใส่เสื้อทีมลิเวอร์พูลอยู่ก็ตาม

“ก็พอรู้นะ พี่อาร์มนี่อธิบายเป็นฉากๆ อย่างกับหลุดเข้าไปอยู่ข้างสนามเลย ปุยไม่สนุกเหรอ”

“ก็สนุกบรรยากาศนะ ทุกคนดูฮึกเหิมยังไงก็ไม่รู้ ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ตอนบอลโลก ปุยก็พยายามเชียร์ทีมอิตาลีนะ ดูไม่เป็นเท่าไหร่  แต่เพิ่งเคยเห็นกองเชียร์มารวมตัวอะไรกันแบบนี้เลย”

“ก็เลยนั่งมองหน้านักเตะเหรอ เชียร์อิตาลีเนี่ย” ดอยหันไปถามปุย ซึ่งเป็นประโยคสนทนาแรกตั้งแต่ มดดำทิ้งระเบิดไว้

“ก็เขาเล่นสนุกดี อิตาลีน่ะ”

“อิตาลีเนี่ยนะ อุดกองหลังทั้งแผง สนุกยังไงฮะ มีดีแค่หล่อกันทั้งทีมแหล่ะวะ” ดอยคาดคั้นจะเอาคำตอบจากปุยให้ได้

“หืยยย อย่ามาใส่ร้าย เราก็ดูทีมอื่นด้วย  ไม่พูดด้วยดีกว่า จ้องจะหาเรื่องตลอดเลย” ปุยทำหน้างอน

“แล้วนี่ มีอะไรจะถามเราไหมอ่ะ ถามได้นะ เราบอกหมดได้” ดอยที่ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม ไม่ได้มองหน้ามาปุย แต่ก็คาดเดาได้ว่า รอฟังคำตอบจากคู่สนทนาอย่างใจจดจ่อ

“ถ้าอยากบอก คงเล่าแต่แรกแล้วใช่ไหม.. ไว้อยากเล่า ค่อยเล่า ไม่อยากเล่า ก็ไม่ต้องเล่า”

“อืม  ขอบคุณนะ” ดอยเอื้อมมือไปหยิกแก้มปุยเป็นเชิงหยอก แล้วหันไปดูจอโปรเจ็คเตอร์ ด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นไปจนจบเกม




กรรมการเปล่านกหวีดหมดเวลา เสียงโห่ร้องจากผู้คนในร้านและหน้าร้านดังลั่น
ทุกคนบนโต๊ะดูสนุกกันมาก ทั้งฝ่ายดอยที่แม้อารมณ์เสียเล็กน้อยที่ ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายแพ้ แต่เขาก็รับรู้ว่ามันเป็นการแข่งขันที่สนุกที่สุด สูสีและทำได้สมศักดิ์ศรีชื่อสโมสรกันทั้งคู่  ส่วนอาร์มไม่ต้องพูดถึง ได้เกทับเยาะเย้ยดอยไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีมะนาวกับปุยหัวเราะที่ทั้งคู่เถียงกันเรื่องความเก่งเก๋าของทีมตัวเอง ทั้งหมดกินกันอีกสักพัก ก็เรียกเช็คบิลแม้ทางมือกลองจะตามมาบอกว่าขอเลี้ยง แต่โอ๊คก็ไม่ยอม แย่งควักเงินจ่ายเด็กเสิร์ฟพร้อมทิปไป   

“โอ๋ๆๆ อย่าซึมนะ น้ำใจนักกีฬาน่ะมีหน่อยไอ้ดอย”อาร์มยังไม่เลิกเบ่งทับดอย

“เดี๋ยวกูจะแช่งให้ทีมมึงถึงขาลง ไอ้อาร์ม”

“ไม่มีวันนั้นหรอกโว้ยย หู้วว ชนะโว้ยยย” อาร์มคว้าแขนมะนาว ชวนไปซื้อลูกชิ้นย่างรถเข็นที่จอดหน้าร้าน ทิ้งให้ดอยยืนกับปุยไว้เบื้องหลัง

“โอ๋ๆๆ อย่าร้องไห้นะ เดี๋ยวพาไปกินบะหมี่หมูแดงของโปรดปลอบใจ” ปุยกระซิบ

“เสียใจอ่ะ เสียใจ” ดอยยกมือสองข้าง มากำเป็นกำปั้นขยี้ตา ล้อเลียนท่าร้องไห้หวังให้ปุยสงสาร




“การตีเสมอ เป็นเรื่องยากเนอะ ไม่ว่าจะเกมไหน” มือกลองที่ตามมาส่งโอ๊คที่รถ หันไปบอกเจ้าของคาวาซากิสีดำ ผู้ซึ่งยืนมองปุย กับ ดอย อยู่จากลานจอดรถ

“แถมงานนี้ ผู้แพ้ไม่มีของปลอบใจด้วยสินะ” โอ๊คเอากำปั้นคู่ขึ้นมาขยี้ตาบ้าง เพื่อล้อเลียนแบบท่าของดอย หัวเราะเบาๆให้มือกลอง ก่อนจะคว้ารถมอเตอร์ไซค์ถอยออกมาจากที่จอด

“แล้วนี่ มากันคนละคันเหรอ”

“ใช่ อาร์มเอารถยนต์มา ต้องไปส่งทุกคนก่อน โอ๊คเอารถมาเอง พอดีพรุ่งนี้มีอะไรอีกหลายอย่างต้องทำน่ะ”

“ไว้โอ๊คแวะมารับกลองไปเที่ยวบ้างสิ อยากนั่งแบทแมนบ้าง”

“คุณหนูผู้สูงศักดิ์ จะมานั่งอะไรกับกับคาวาซากิถูกๆ เนอะแบทแมนลูกพ่อ” โอ๊คเอามือลูบถังน้ำมันรถมอเตอร์โซค์ที่คร่อมอยู่อย่างทะนุถนอม เป็นการส่งสานส์ให้ผู้ฟัง ว่าเขากับรถคันเก่ง เจียมตัวแค่ไหน

“อยากนั่งมานานแล้วคันนี้ ถ้าเจ้าของเขาจะยินยอมนะ”



“Un, dos ,tres! Ole,Ole,Ole! Un,Deux,Trois! Ale,Ale,Ale! 
Tonight’s the night we’re gonna celebrate The cup of life ! Ale , Ale , Ale !!”  เสียงเพลงดังลอยขึ้นไปบนหมู่ดาว ปิดค่ำคืนที่แสนขมอมหวานของใครบางคน

ออฟไลน์ NC Wanted

  • NC Wanted
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โกว โกว โกว
อาเล่ อาเล่ อาเล่
แล้วสะโพกอันพริ้วไหวของ ริกกี้ ก็ลอยเข้ามาในหัว 

 :ruready
 :-[ :monkeysad:

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

Track 14 : ต่างคนต่างพูดไม่ออก.. ได้แต่มองตาเท่านั้น.. 

[ Feat. มะนาว ]

สวัสดีค่ะ เห็นเพลงหลักของมะนาวเป็นเพลงเศร้าแล้วถึงกับตกใจกันเลยเหรอคะ
บุคลิกอย่างมะนาวมันควรเป็น กะโปโล แบบนิโคล เทริโอ้ ใช่ไหมคะ
ความพยายามทำตัวเองให้สดใส คือสิ่งเดียวที่จะมัดใจทุกคนไว้รวมกัน  ทุกคนในที่นี้ คือ 4 ใน 5 ที่เติมไม่เคยเต็ม

ตั้งแต่เล็กจนโต มะนาวก็ขลุกอยู่กับกลุ่มพี่โอ๊ค พี่อาร์ม เราเติบใหญ่มาด้วยกัน ตามประสาคนใกล้ชิด เด็กสาวบ้านใกล้ กับ ชายหนุ่มทั้งสอง และอีกหนึ่งสาวน้อยวัยเดียวกันกับมะนาว

พวกเราทั้งสี่คน มีแค่กันและกัน แม้ตอนไปโรงเรียนก็มีแต่คนอยากเข้าหา เพราะพ่อแม่ของพวกเรารวยล้นเหลือ มีหน้าตาในสังคม ท่านบันดาลสิ่งที่อยากได้ แต่มันก็ไม่จริงตามที่พวกอื่นคิดไปซะทีเดียว


มะนาวโตมากับความรักของคุณพ่อและคุณแม่ที่เอาใจใส่ จนกระทั่งพวกท่านเสียไป มะนาวก็ย้ายมาอยู่กับป้าที่ได้สามีชาวต่างชาติ ลุงเขยเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงดังจากออสเตรเลีย ที่คัฟเวอร์แล้ว คัฟเวอร์อีก เป็นรายได้ที่เข้ามาทุกครั้งที่เพลงถูกกลับนำมาทำใหม่   มะนาวก็ได้ความรักจากคุณป้าเช่นกัน ก่อนที่ป้าจะมีลูกของเขาเองในที่สุด


นาวก็เริ่มขลุกตัวเองกับกลุ่มพี่โอ๊ค ที่ล้วนเป็นคนใจดี มีไมตรีที่หยิบยื่นให้น้องสาวคนนี้   

ต้นสาย   :  พี่ชายแสนงดงามทั้งกายและใจ หัวใจที่ยิ่งใหญ่และเป็นผู้ให้อยู่เสมอ
กลางชล  :  พี่ชายที่ทำให้มะนาวมีรอยยิ้มในช่วงเวลาที่แย่ และคอยเช็ดน้ำตาในวันที่ท้อแท้
ปลายน้ำ :  เพื่อนรักที่สุดในชีวิต อ่อนโยนถอดแบบจากพี่ชายฝาแฝดของพวกเธอ

ตระกูลตรีโอฬารวงศ์ ทั้งพ่อและแม่ของอุ๋มอิ๋ม เพื่อนรักของมะนาว ใจดีกับมะนาวมาก รักมะนาวดุจลูกสาวอีกคน
ท่านเมตตา ท่านให้ความรัก มะนาวจึงเข้าออกบ้านอุ๋มอิ๋มเป็นนิจ เราช่วยเหลือกัน ฝากผีฝากไข้กันเฉกที่พี่น้องในไส้ทำกัน
อิ๋มมีนาว นาวก็มีอิ๋ม ตัวติดกันอย่างกับตะเกียบญี่ปุ่น  ครั้งหนึ่ง อุ๋มอิ๋มต้องไปทัศนศึกษาที่ต่างจังหวัด มะนาวนอนร้องไห้ที่ไม่ได้เจออิ๋มหลายวัน  อุ๋มอิ๋มเองก็บ่นคิดถึงมะนาวเช่นกัน
แล้วระหว่างนั้น ก็มีพี่ยอดดอยผู้ใจดีเป็นที่สุด เข้ามาเพิ่มในกลุ่มของพวกเรา จนกลายเป็นห้าคน 
พี่ดอยมีความทะเล้นน่ารัก ชอบแหย่มะนาว เราแกล้งกันไปมาอยู่เสมอ 

ถ้าสามหนุ่มเตะฟุตบอล สองสาวก็จะเล่นกระโดดยาง
ถ้าสามหนุ่มเล่นลูกข่าง  สองสาวก็จะเล่นตุ๊กตากระดาษ 
พวกเราอยู่ข้างกันไป มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตมะนาว


เหมือนฟ้าฟาดลงกลางใจ ในวันเสาร์หนึ่งที่อุ๋มอิ๋มชวนมะนาว แอบหนีเรียนพิเศษไปเดินห้างสรรพสินค้า
ระหว่างห้องน้ำชั้น 3 แสนเปลี่ยวเพราะแผนกเฟอร์นิเจอร์ซึ่งเพิ่งถูกยุบไปจนเกือบเหมือนชั้นร้าง
แต่เพราะห้องน้ำน่าจะว่าง เราจึงตัดสินใจขึ้นไปที่ชั้น 3 นั้น

เมื่อทำธุระเสร็จก็ตั้งใจจะกลับลงมาซื้อของขวัญให้พวกพี่โอ๊คในวันปีใหม่ที่ใกล้เข้ามา  แต่แล้วเราสองคนก็ถูกดึงเข้าห้องน้ำติดกันด้วยนักเรียนช่างกลกลุ่มหนึ่ง ความทรงจำของมะนาวก็ดับวูบไปหลังจากนั้น 

แน่นอนว่า คนรอบข้างอยากให้เราตื่นจากฝันที่เลวร้ายและก้าวเดินไปต่อ แต่ไม่ใช่อุ๋มอิ๋ม เพื่อนแสนเรียบร้อยที่โตมากับกรอบแห่งความรักความเอาใจใส่  และแน่นอนว่า มันเป็นหลุมดำในใจของผู้หญิงที่เพิ่งขึ้นมอปลายอย่างพวกเรา


มะนาวพยายามทำตัวให้เริงร่า ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กับอุ๋มอิ๋ม เธอไม่แกร่งพอที่จะทำอย่างนั้น  แม้พ่อกับแม่ของอิ๋มจะตามตัวคนก่อเหตุและสามารถจับขึ้นศาลเยาวชนได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้อิ๋มดีขึ้น ความอับอายที่เกิดขึ้นกับครอบครัวระดับจังหวัด แน่นอนว่าพวกเขาเลือกที่จะปิดข่าวให้เงียบ และมีคนลอยนวลจำนวนหนึ่ง 
หน้าที่ในการจัดการด้วยศาลเตี้ย จึงเป็นหน้าที่ของ พี่โอ๊ค พี่อาร์ม พี่ดอย แต่แล้วเรื่องมันก็ยิ่งเลวร้ายขึ้นไป

อุ๋มอิ๋มไม่ดีขึ้นค่ะ  เพื่อนรักของมะนาวตรอมใจและกินยาเกินขนาด จากไปในที่สุดเพียงแค่ไม่กี่เดือนหลังจากเกิดเรื่อง
มันทำให้บ้าน ตรีโอฬารวงศ์ อาดูรถึงขีดสุด บรรยากาศไม่ดีขึ้นเลย 
ประกอบกับการที่พี่ดอยต้องไปอยู่ในสถานพินิจถึงเกือบครึ่งปี 
มะนาวใช้เวลาที่อุ๋มอิ๋มไม่อยู่แล้ว แวะเวียนไปหาไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ของเพื่อนผู้จากไป พวกท่านจะสวมกอดและร้องไห้เมื่อเห็นมะนาวอยู่เสมอ ความเมตตาที่ท่านมอบให้มะนาวไม่เคยจางไป เฉกเช่นความคิดถึงที่มะนาวมีให้อิ๋มที่คงชัดเจนอยู่ในจิตใจทุกเมื่อเชื่อวัน   


พี่โอ๊ค เป็นผู้ที่คอยกระตุ้นให้ทุกคนก้าวต่อไป แม้ว่าตัวเขาเองจะหดหู่ที่สุดเมื่อพี่ดอยต้องเข้าสถานพินิจ เขาให้คุณพ่อขับรถไปเยี่ยมพี่ดอยที่สถานกักกันราชบุรีแทบทุกครั้งที่มีเวลาว่าง  พี่โอ๊คเป็นรักแรกของมะนาว และจะเป็นรักที่บริสุทธิ์ตลอดไปอยู่อย่างนั้น แม้มะนาวจะไม่ได้รักในรูปแบบเดียวกันตอบกลับมา ถึงเป็นแบบนี้ มันก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว

พี่อาร์มคนดีที่แสนร่าเริงของทุกคน ช่วงแรกหลังอิ๋มจากไปพี่อาร์มแตกต่างไปอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะกลับมาได้เร็วกว่าใคร  ความห่วงใยคนอื่นที่มีอยู่เปี่ยมล้นมอบให้คนรอบข้างสม่ำเสมอจากชายคนนี้  พลังบวกจากหัวใจอันดีงามของพี่อาร์มจรรโลงให้คนรอบข้างมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างเข้มแข็งขึ้นทุกวัน

พี่ดอย ที่ออกมาจากสถานพินิจคล้อยหลังคนอื่น ขลุกกับการอ่านหนังสือมากขึ้น อธิการผู้ใจดีก็ให้พี่ดอย ได้สอบย้อนหลังกลับมาเรียนจบพร้อมกันกับสองฝาแฝดเพื่อนรัก  พี่ดอยเงียบลงจากเดิม ไม่ใช่คนร่าเริงอย่างที่เคยเป็น แต่ยังคงเป็นพี่ยอดดอยที่หวังดีกับน้องสาวคนนี้ และเป็นคนที่มะนาวรู้สึกอบอุ่นที่จะอยู่ด้วย มะนาวรักพี่ดอยมาก และสวดมนต์ทุกวันให้เขามีชีวิตที่ดี


พี่ทั้งสามคน ไม่ยอมไปจากตัวเมืองอันแสนขุ่นมัว เขาเลือกที่จะอยู่ในที่เมืองกาญจน์  ลึกแล้วมะนาวรู้ว่า เขาห่วงใยและไม่อยากทิ้งน้องสาวคนนี้ให้อยู่ลำพัง  พี่โอ๊คได้ทุนไปเรียนต่อเมืองหลวง แต่ก็ไม่ไป  พี่อาร์มเคยอยากไปเรียนที่อังกฤษ  ก็เลือกที่จะไม่ไป  และพี่ดอย ที่ยอมทนอยู่ในเมืองที่ผู้คนตราหน้าเขาว่า เป็นเด็กจากสถานพินิจทั้งที่ไม่ใช่ความผิดเขา  เขาเลือกที่จะอยู่คู่เคียงกับมะนาว เด็กสาวที่ไม่ใช่น้องในไส้คนนี้


และน้องสาวคนนี้ ขอทำสิ่งที่ทดแทนพวกพี่บ้าง  มะนาวเลือกที่จะเป็นผู้จากไปเอง เพื่อให้พี่ทั้งหลาย ได้เดินตามความฝันของตนเองแบบไม่มีห่วง   มะนาวย้ายไปเรียนนาฏศิลป์ที่จังหวัดสุพรรณบุรี แล้วเปลี่ยนบุคลิกของตัวเองใหม่ เมื่อเป็นเด็กเรียบร้อย ก็ไม่ได้รับความยุติธรรมจากสรวงสวรรค์ มะนาวก็ขอลองเป็นเด็กที่ดูแก่แดดแก่ลม เลือกที่จะนุ่งสั้น ให้เหมือนเด็กที่ผ่านโลกมาโชกโชน ใครจะตราหน้า หรือจะว่าร้ายให้หลัง มะนาวก็ไม่เคยสนใจค่ะ ถ้าเราจะเสียหายไปแล้ว เราควรเติบโตจากมันได้  มะนาวคิดเช่นนั้น  เพื่อให้ทุกคนได้หมดห่วงและไปต่อ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จะตอบแทนพี่ทั้งสามด้วยหัวใจ


เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ทุกคนคล้ายครึ่งหลับครึ่งตื่นจากฝันร้ายคราวนั้น มะนาวก็กลับมาช่วยป้าที่เพิ่งเสียลูกและสามีไปจากอุบัติเหตุ มะนาวดีใจที่จะได้อยู่รวมกับพวกพี่ชายที่แสนรัก  แต่คราวนี้เราไม่ได้มีกันแค่ 4 คนเหมือนเคย เพราะปุยเมฆ ได้เข้ามาจนเป็นเลข 5  จำนวนซึ่งพวกเราคุ้นเคยดี


แต่เดิม มะนาวก็รู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง ตั้งแต่แรกเห็นที่ร้านพิซซ่า  คนอะไรดูดีไปทั้งตัว แถมยังดูเป็นคนน่ารัก เป็นเพื่อนที่ดี 
แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น เขาดูจะได้หัวใจพี่โอ๊ค รักแรกของมะนาวไปแล้วสิ
แค่นั้นยังไม่พอ พี่ดอย พี่ชายที่มะนาวหวงแหน ก็ดูมีความสุขขึ้นกว่าเดิมทั้งที่ เขาหม่นหมองมาพักใหญ่   ใครนะจะเป็นผู้สมหวัง แล้วใครนะจะเป็นผู้ที่แบกความทุกข์ไว้บนบ่า  บางทีการเข้ามาของปุย ก็มีทั้งข้อดี แต่ก็อาจจะทำให้อีกคนหัวใจสลาย มะนาวเลือกที่จะอยู่ตรงนี้ อยู่เคียงข้างอีกคนที่ไม่สมดังใจ


วันที่เจ๊นกน้อยเลี้ยงอาหารทะเล มะนาวสัมผัสได้ว่า พี่โอ๊คน่าจะแพ้แล้วในเกมนี้ค่ะ มะนาวแอบเห็นมือของคู่นั้นกุมกันที่ใต้โต๊ะ  แม้พี่ดอยจะยังดูมึนงงกับความสัมพันธ์ของเขาเอง แต่รอยยิ้มที่มะนาวไม่ได้เห็นบนใบหน้าเขามานาน มันบ่งบอกแล้วว่า สักวันเร็วๆ นี้ เขาจะรู้ใจตัวเองในที่สุด  มะนาวคงต้องเตรียมใจปลอบพี่โอ๊คเป็นแน่แท้


มะนาวรู้ค่ะ ว่าพี่อาร์มน่าจะมีใจให้มะนาวอยู่  ก็พี่อาร์มไม่ใช่คนที่อ่านยากอะไรขนาดนั้น  แต่จะให้มะนาวคิดกับพี่อาร์มไปเป็นอื่น มันคงจะยากเหมือนกัน เพราะทุกครั้งที่มองหน้าพี่อาร์ม ความไม่สมหวังจากพี่โอ๊ค มันก็ประทับอยู่บนใบหน้าที่เหมือนกันอย่างกับแกะ คอยตอกย้ำอยู่ว่า ความผิดหวังมันอยู่ใกล้แค่ไหน

แต่พี่อาร์มก็ยังคงเป็นพี่อาร์ม ที่ทำให้มะนาวยิ้มได้เสมอ ผู้หญิงจมทุกข์ ก็มีความสุขได้ด้วยผู้ชายที่ให้ความสดใส แต่มันจะเปลี่ยนหัวใจของมะนาวได้ไหม อันนี้ ก็ต้องขอดูกันต่อไป พี่อาร์มที่เริ่มเป็นผู้ใหญ่ มีเสน่ห์แบบที่ผู้หญิงทั้งจังหวัดใฝ่หา ใครก็อยากจะมาเป็นสะใภ้บ้านนี้ ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง มีเพียงความเศร้าเป็นฉากหลัง ที่พวกเราเท่านั้นจะมองเห็นมันได้ 
พี่อาร์มที่เข้มแข็งที่สุดในคนทั้งหมด ใช้หัวใจอันยิ่งใหญ่ของเขา แบกรับมันไว้ แล้วแสดงออกมาในทางที่ต่าง  เขาให้ความรักกับทุกคนเป็นสองเท่า เฉกเช่นที่ให้กับมะนาว ราวกับว่าโลกทั้งใบของเขา มีแค่มะนาวคนเดียว


ท้องฟ้าที่อึมครึม เหมือนที่เขาบอกว่า วันสิ้นโลกมันใกล้เข้ามา มะนาวก็ขอพรพระทุกวี่วัน ให้พวกเราผ่านช่วงนั้นกันไปให้ได้  ขอให้พี่ชายทั้งสามสมหวังกับสิ่งที่ตั้งใจ ให้คุณพ่อคุณแม่ของพวกเขากลับมาเยียวยาใจได้ดังหวัง

..และของให้อุ๋มอิ๋มที่อยู่บนท้องฟ้า รับรู้ด้วยว่า มะนาวคนนี้ยังคิดถึงเพื่อนรักอยู่เสมอ แม้เธอเลือกที่จะจากโลกนี้ไป แต่หัวใจฉันจะไม่ลืมเธอเลย  รักนะ.. รักตลอดไป..



ออฟไลน์ NC Wanted

  • NC Wanted
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หน่วงจุง  T_T  แต่เริ่มเข้าใจมะนาว

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

Track 15 : หากเธอมีใจก็บอกกันสักหน่อย.. อย่าให้ฉันคอย คอยเธออย่างนี้เลย..

หน้าหอพักของวันที่อากาศเย็นสบาย ทหารร่างกำยำสองคน กำลังยกป้าย “เบียรอินเทอร์เน็ตคาเฟ่” ออก
แล้วเอาป้ายใหม่ “Rendez Vous by OLE”  ภายในร้านเก้าอี้นวมสีดำเย็บตะเข็บแดง พิมพ์โลโก้ LazyMan

กำลังมีเจ้าหน้าที่แต่งตัวภูมิฐานจากบริษัทซอฟท์แวร์เอกชน ลงโปรแกรม Microsoft 98 ลิขสิทธิ์แท้ใหม่หมดทั้งร้าน
แบ่งโซนด้วยเครื่องเกม Play Station ไว้ริมผนังซ้าย พร้อมแผ่นลิขสิทธิ์

ตู้แช่จากบริษัทโคล่าดัง สีน้ำเงิน และสีแดง อย่างละหนึ่งตู้ กระดานเมนูไฟวิ่งรายการอาหาร จากร้านเจ๊นกน้อย
พร้อมระบุราคาบนป้ายไฟ  แอร์ตัวใหญ่ใหม่เอี่ยมพร้อมคอมเพรสเซอร์แขวนอย่างดี 


ลุงแจ้ที่ใส่เสื้อโปโลสีฟ้า พิมพ์โลโก้ รองเดซ์วู บาย โอเล่ สีขาว ในฐานะผู้จัดการ โดยหน้าร้าน มีมอเตอร์ไซค์ และ จักรยานใหม่เอี่ยม จอดเรียงริมฟุตบาตร พร้อมป้าย For Rent      แม้ว่าร้านอินเทอร์เน็ตอยู่ในระหว่างการปรับปรุงและพร้อมเปิดใหม่ในเร็วๆนี้ แต่ก็มีผู้คนที่ผ่านไปมาสนใจ โดยเฉพาะชาวต่างชาติแวะเวียนมาถามโดยตลอดเพราะนึกว่าเปิดบริการแล้ว 


ที่สวนหลังหอ ปุยที่เอาโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่า ออกมาโทรออกหาคุณพ่อซึ่งไม่สามารถติดต่อได้ตั้งแต่ช่วงสาย
ปุยรู้สึกห่วงเป็นอย่างมากเมื่อข่าวโทรทัศน์ประกาศเหตุการณ์ กลุ่มนักศึกษาพม่า จำนวน 12 คนบุกเข้าไปในสถานทูตพม่าประจำประเทศไทย ที่ถนนสาทร และ จับเจ้าหน้าที่รวมถึงประชาชนเป็นตัวประกัน ยิ่งภาพโทรทัศน์ฉายให้เห็นอาวุธปืนจำนวนมาก ตลอดจนระเบิดที่หน่วยข่าวกรองแจ้งออกมา ทำให้ปุยรู้สึกใจหล่นไปอยู่กับพื้นเพราะติดต่อพ่อไม่ได้

“ตอนนี้ชุมสายมันคงพันกัน อย่าห่วงไปเลยนะ ถ้าพ่อพอจะโทรกลับได้ เขาคงรีบโทรกลับมาแจ้งปุย คงมีเรื่องวุ่นวายให้ทำเยอะมาก” ดอยปลอบปุยที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้ใกล้ๆกับเขา

“เรากังวลมาก พ่อไม่เคยไม่รับสาย ใครๆก็บอกว่ามีระเบิด พ่อเราจะเป็นอะไรไหม” ปุยระเบิดน้ำตาออกมาอย่างไม่อาย โดยมีโอ๊ค และ อาร์ม ที่นั่งสมทบบนม้าหินอ่อนใกล้ๆ อย่างห่วงๆ

“ไอ้แฝดลิ้นดำที่เขาลือกันแน่ๆเลย มันกบดานอยู่ที่ราชบุรีน่ะ แม่งมากร่างในบ้านในเมืองเรา” อาร์มสบถด้วยความโมโห

“ไม่น่าห่วงหรอกปุย เป็นการเจรจาทางการเมือง ฝั่งนั้นคงรู้ ถ้ามีอะไรขึ้นมา ทุกอย่างไม่สำเร็จแน่ และภาพลักษณ์ของออง ซาน ซูจี จะไม่ดีขึ้นมาในทันที  อย่างไรเขาคงไม่กล้าทำให้ผู้นำทางจิตวิญญาณเขาเสียชื่อ น่าจะเป็นการขู่ และหาทางออกด้วยการหนีอย่างปลอดภัย เพราะไม่ได้ทำอะไรรุนแรง เชื่อเรา” โอ๊คที่เดินจากม้าหินอ่อนมาตบไหล่ปุยเบาๆ  ปุยเอามือจับมือโอ๊คที่อยู่บนบ่าเป็นเชิงตอบรับ และจับมันไว้อย่างนั้น

“กูว่า ที่โรงงานลำไยระเบิดเมื่อเดือนก่อนนี่แม่ง สงสัยแก๊งนี้แน่เลยว่ะ” อาร์มยังคงหงุดหงิดกับผู้ก่อการร้าย

“เฮ้ยย ไม่เกี่ยวหรอก ถ้าใช่เขาต้องแสดงความรับผิดชอบเผื่อหวังผลการขู่ ไม่เกี่ยวหรอก” โอ๊คทำตาขยิบไม่ให้อาร์มพูดอะไร ที่จะทำให้ปุยไม่สบายใจไปมากกว่านี้

“เราให้แม่โทรหาญาติที่อยู่แถวสาทร เขาอยู่ไม่ไกลสถานทูตด้วย เขาใช้ภาษาเดียวกัน กะเหรี่ยงจะสื่อสารกันเอง รอนิดนึง อาจจะมีข่าวอะไรที่ทำให้สบายใจขึ้น กินอะไรไหม เราสั่งเจ๊นกน้อยให้ไหม” ดอยเอื้อมมือไปกุมมืออุ่นของปุย ที่เพิ่งเช็ดน้ำตาเสร็จ

“ไม่อ่ะ เรากินอะไรไม่ลงเลย เราเหลือพ่อคนเดียวแล้วดอย  เราไม่มีใครแล้ว  โอ๊คเรากลัว” ปุยหันไปบอกความรู้สึกกลัวในใจแก่ผู้ที่มาคอยปลอบ  “แค่แม่ไม่อยู่แล้ว เราก็ใจสลาย เราจะเสียพ่อไปไม่ได้”

“ใจเย็นนะ ไม่มีอะไรหรอก พ่อต้องปลอดภัย” โอ๊คที่ดูกังวลกับอาการของปุยอยู่ไม่น้อย กล่อมให้ปุยใจเย็นลง






“พี่ปุยเขาโอเคไหมครับพี่โอ๊ค” ชายหนุ่มแว่นหนาตัวผอมบาง หวีผมเรียบร้อยในเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงยีนส์ฟอก ขับกับผิวขาวซีดให้ดูยิ่งขาวขึ้นไป  เอื้อมมือไปหยิบแก้วกาแฟเย็นมาดื่ม ขณะนั่งอยู่ในร้านคอมพิวเตอร์ที่กำลังตกแต่งใกล้เสร็จเต็มที

“เขาดีขึ้น นี่น่าจะหลับไปแล้ว เขาเพิ่งเสียแม่ไป เลยคงกลัวมากเป็นพิเศษ”

“ผมรู้ว่าความกลัวเป็นยังไง ต้องให้เวลาพี่เขาอีกนานเลย”

“เราเข้มแข็งมากนะโอเล่ พี่ดีใจที่เห็นเราอยู่ได้ด้วยตัวเอง แล้วก็ทำงานเก่งขนาดนี้ พี่ล่ะดูโง่ไปเลย”

“ผมก็มีดีแค่เก่งเรื่องคอม ผมไม่ฉลาดในการเข้าสังคม ถ้าพี่ไม่แวะเวียนมาคุยกับผม ผมก็แทบไม่ได้คุยกับใครเลย ขอบคุณนะครับ”

“ฮ่าๆๆ นั่นสิ วันๆไม่เห็นคุยกับใครเลย แล้วนี่ นึกอย่างไรถึงมาเซ้งร้านเน็ตเนี่ย จะสนทนากับลูกค้ารู้เรื่องเหรอ”

“ถึงต้องจ้างน้าแจ้ไงครับ ให้ดูแลแทนผม แล้วผมก็จะมีที่ประจำไปตลอด ด้วยสเปคเครื่องแรงๆ และได้วิวทำงานที่โปรดปราณ ทำเลตรงนี้ ผมจะรู้ว่า ชาวต่างชาติซื้ออะไร ชาติไหนมาเมืองเรา” 

“อารมณ์ศิลปินโดยแท้นะ  ตัวแค่นี้ ทำเงินได้ขนาดนี้ พี่ยกย่องเรานะ โอเล่  เก่งมาก รูปหล่อ พ่อรวยมากอีกต่างหาก อีกหน่อยเป็นหนุ่มเต็มตัวสาวหลงแย่”

“.........”

“เฮ้ยยย แซวเล่น ยังเด็ก อย่าเพิ่งคิดเรื่องความรักเลย มันไม่ได้ทำให้เราสุขไปซะทุกครั้งหรอก”

“ระดับพี่โอ๊คมีผิดหวังด้วยเหรอครับ”

“พี่นี่แหล่ะ เจ้าพ่อแห่งความผิดหวัง”

“ถ้าไม่ออกจากปากพี่ ใครจะไปเชื่อเนอะ สมบูรณ์แบบขนาดนี้”

“เฮ้ย จริงดิ คิดอย่างนั้นจริงเหรอ”

“ครับ พี่คือที่สุดแล้ว พี่คือความใฝ่ฝันของคนเหงา”







“ปุยๆๆ ตื่นๆๆ มีความเคลื่อนไหวแล้ว” ดอยปลุกปุยที่นอนเพลียหลับไปด้วยอาการตาบวมเพราะร้องไห้

“หืมมมม เหรอ  มีใครเป็นอะไรไหม” ปุยดึงตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างงัวเงีย

“ผู้ก่อการร้าย ขอคอปเตอร์บินไปส่งที่ชายแดน”

“ห๋า  แล้วทางเรายอมเหรอ แล้วคนอื่นๆล่ะ ตัวประกันล่ะ แล้วถ้ามันยิงทิ้งล่ะ” ปุยถามรัวด้วยอาการวิตกสุดขีด

“ไม่น่าจะต้องกลัวนะปุย เสธ.หนั่นไปสั่งการเอง มีพลซุ่มรอบอาคารเลย มีตัวประกันทยอยหนีออกมาได้ด้วย”

“เฮ้ย! นั่นแหล่ะอันตราย ถ้าตัวประกันหนี ตัวประกันที่เหลือโดนแน่ โอ้ยย ทำไม ดอย พ่อเราจะเป็นอะไรไหม”

“เรายังไม่รู้ว่าพ่อปุยอยู่ในนั้นหรือเปล่าด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ ทางญาติแม่บอกว่า มีกองกำลังกะเหรี่ยงแอบแฝงตัวแสร้งเป็นประชาชนอยู่ เขากระซิบมาว่า จะหนีไปพรมแดนตรงสวนผึ้งแล้วออกไปเลย”

“ทางไทยยอมไหม”

“ยอม แต่ว่าจะให้ปล่อยตัวประกันให้หมด แล้ว หม่อมสุขุมพันธุ์ ขอเป็นตัวประกันแทนนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปด้วย”

“ทำไมโลกนี้มันช่างวุ่นวายเหลือเกิน นี่โลกมันกำลังจะแตกแล้วใช่ไหม ทำไมมีแต่เรื่อง มีแต่สัญญาณแปลกๆ”

“ไม่มีอะไรหรอก ใจเย็นๆนะ ปุยก็อาบน้ำก่อน เราจะไปคอยฟังข่าว และพยายามติดต่อกับพ่อปุยอีกที ทางสถานทูตเขาเปิดให้ติดต่อผ่านสถานทูตแล้ว น่าจะได้ข้อมูลมากขึ้น ปุยอย่าเพิ่งตื่นตูมไป มันคงไม่ได้อะไรขึ้นมา ใจเย็นๆนะครับ”

“ครับ รีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเรานะ เราไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรแล้ว”

“แล้วดอยจะรีบกลับมานะ..”






หน้าร้านเจ๊นกน้อย หยุดรับแขกไปตั้งแต่หัวค่ำ เพราะแม่ค้าติดละครอย่างหนัก อีกทั้งทำอาหารรอให้ดอยผู้ที่เหมาของกินชุดใหญ่ไว้เลี้ยงเพื่อนฝูงในคืนวันเสาร์ นกน้อยเตรียมของเสร็จตั้งแต่หัวค่ำ แต่งองค์ทรงเครื่องนั่งรอ โดยมีแจ้ มานั่งดื่มเหล้าแกล้มอาหารทะเลไปพลางๆ เพราะพวกหลานยังเตะฟุตบอลกันไม่เลิก

“แล้วนี้จะเปิดร้านกันเมื่อไหร่ล่ะพี่ แต่งซะสวยเชียว เห็นเมนูหนูไปอยู่บนจอไฟวิ่งแล้วก็เขิน”

“อีกสามสี่วันล่ะ ต่อไปนี้ก็แว่บมาบ่อยไม่ได้ล่ะช่วงกลางวันเดี๋ยวเจ้านายใหม่เขาจะว่าเอา”

“น้องโอเล่นี่ใจถึงนะ เขาไปรวยจากไหนแล้วติดใจอะไรร้านเน็ตของพี่นะ” นกน้อยตักปลาคังลวก ใส่จานคนตรงหน้า

“เห็นว่า น้องเขาทำพวกซอฟท์แวร์ กำลังพัฒนาเว็บ มีคนจ้างเป็นมูลค่ามหาศาลเชียว เตี่ยเขาเป็นอดีตผู้ว่าทางเหนือเชียว”

“นั่นสิ เอาข้าวไปส่งไม่เคยละสายตาจากคอมพิวเตอร์และกองหนังสือเลย แถมใช้ทีละสองเครื่องอีกต่างหาก”

“เขาทำโปรแกรมเกมด้วย เห็นว่าเรียนมา คอมที่บ้านใหญ่อย่างกับหนังกลางแปลง” แจ้คุยโตแทนเจ้านายคนใหม่

“หูยยยยย” นกน้อยตกใจเอามือทาบหน้าอก

“เขาเพิ่งย้ายออกจากบ้านอาม๊านะ  เตี่ยเขาก็ห่วงๆ ไม่อยากให้อยู่คนเดียว อีกทั้ง เห็นว่าร้านเราดีตรงที่สังเกตได้หมดว่า ชาติอะไรเดินผ่าน ซื้ออะไร มาใช้คอมเข้าโปรแกรมอะไร นี่แอบติดกล้องวงจรปิดทั่วร้าน เพื่อดูว่า ฝรั่งใช้เว็บอะไร หรือใช้เน็ตเพื่ออะไร ไม่รู้ผิดกฎหมายไหม แต่ น้องน่าจะได้ประโยชน์เยอะ เลยเซ้งทันทีที่ฉันเกริ่นจะขึ้นป้ายน่ะ”

“แล้วนี่น้องปุยเป็นยังไงบ้างล่ะ เห็นร้องไห้ตามบวมตั้งแต่เที่ยง ป่านนี้คงดีขึ้นแล้วมั๊ง”

“ก็พอรู้ว่าพ่อปลอดภัย ก็หัวเราะออก นี่เดี๋ยวพ่อเขาจะแวะมาหาน้องปุยในวันสองวันนี่แหล่ะ นี่คงอยู่กับดอยตั้งแต่บ่าย”

“พี่ว่า มันเป็นขบวนการไหม หนูเห็นข่าวแนวนี้ทุกวันเลย มันน่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย”  นกน้อยรินโซดาใส่เกล้าเหล้าของแจ้ที่ดูเหมือนจะชงแก่เกินไป

“มันเป็นปีที่อะไรก็เปลี่ยนแปลง แต่เรื่องการยึดสถานทูตนี่ช่วงหลังฮิตนะ โบราณเขาว่า นักบวช นักการทูต ในทางสงครามของคนมีอารยะ เขาจะไม่ทำกัน แบบนี้ไม่ดีเลย มันสร้างความโกรธแค้นได้ง่าย เหมือนจงใจ”

“แหม เก่งจังเลยพี่เนี่ย รู้เรื่องเหตุบ้านการเมืองด้วย หนูนี่ดูแต่ประกวดนางงาม เรื่องหนังละครนี่ขอให้บอก แค่หนังสือพิมพ์เขียนอักษรย่อมา หนูล่ะร่ายยาวได้เลยว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร”

“จ๊ะ แม่คนเก่ง แล้วนี่ลูกค้าเยอะอย่างนี้ทุกวันเหนื่อยไหม ฉันคงไม่ได้มาช่วยบ่อยนะ เพราะว่าน้องโอเล่แกใจดีลงรถเช่าให้อีก ให้เป็นรายได้ของฉันด้วย เออ ใจดีไม่แพ้พี่สาวฉันเลยนะเนี่ย”

“หนูหวังว่า มันจะสิ้นสุดอะไรที่แย่ๆ แล้วก็มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาเนอะ”






“แล้วนี่มึงไม่รีบกลับไปเฝ้าเมียมึงหรือไง ไอ้ดอย” อาร์มโอบไหล่เพื่อนที่ยังเหงื่อโซกจากการเล่นฟุตบอล

“เมียพ่อง  กูไม่รู้เว้ย พอติดต่อพ่อเขาได้ กูก็หมาหัวเน่าเลย นี่เห็นคุยกับเป็นชั่วโมงเลยออกมาเตะบอลกับมึงได้เนี่ย”

“ไปกันเหอะ เขาจะปิดไฟสนามแล้ว” โอ๊คหันกลับมาบอกสองเกลอที่กำลังเดินโอบไหล่ตามกันมา

“ไอ้โอ๊คมึงแม่งไปฟิตมาจากไหนวะ ซัดทีห้าลูก ไอ้ซุ่ม” ดอยคาดคั้น

“ก็นานๆเล่นที เอาให้คุ้ม เดี๋ยวกูก็จะไม่ได้เล่นกับพวกมึงบ่อยแล้ว”

“พูดเหมือนจะไปตาย ไอ้สัส” ดอยคว้าหัวโอ๊คมาขยี้เบาๆจนผมยุ่ง ฝ่ายถูกกระทำรีบเซ็ทผมที่เสียทรงกลับมาคืนรูป พร้อมทำหน้าเคืองใส่

“กูไม่ตายง่ายๆหรอก ตราบเท่าที่ยังไม่ได้เห็นลิเวอร์พูลของมึงตกชั้น”

แล้วทั้งสามก็เดินลัดขอบสนามฟุตบอลไปยังลานจอดรถ เพื่อควบมอเตอร์ไซค์คันเก่งขี่ตามกันไปที่หอ





ที่ร้านของเจ๊นกน้อย
“เอาจริงๆ บอกมาตรงๆ ถูกเท่าไหร่ บนล่างเต็งโต๊ด ถูกเท่าไหร่ สารภาพมาเดี๋ยวนี้”  นกน้อยคาดคั้นดอย มือก็แกะเนื้อปูสด ออกจากกล้ามอวบ แล้วส่งสู่จานของแจ้ ที่ตอนนี้เมาเหล้าระดับนึงแล้ว สังเกตได้จากเสียงหัวเราะที่มักดังลั่นถ้าได้ที่

“เต็ง 200 โต๊ด 50 ตัดสองตัวบนอีก 50 บาท” ดอยยิ้มตาหยี หยิบกุ้งเข้าปาก

“สัส แสนกว่าบาท ใครเข้าฝันบอกเลขมึง เชี่ยยย ซื้อเกมบอยเครื่องใหม่ให้กูเลย ไอ้โอ๊คแย่งเล่นจนโทรมแร๊ะ” อาร์มเสนอ

“คุณตา”

“ตามึงยังไม่ตาย ได้ข่าว”

“สัส เดี๋ยวกูจะลองให้ตาเข้าฝันมึง”

“กูมีเต่าหลวงปู่หลิว ไม่กลัว”

“นั่นก็พ่อกูไหม” แจ้หันมาทำหน้าจะเอาเรื่องอาร์ม แต่เป็นเชิงหยอกล้อมากกว่า

“อุ้ย ขอโทษคร้าบบบบบ”  อาร์มยกมือท่วมหัวไหว้ขอโทษแจ้ ทำเอาทุกคนหัวเราะสนุกสนาน

“พ่อก็แบบนี้ แกชอบแวะมาแม้เราไม่ได้ร้องขอ” แจ้เล่าให้ทุกคนบนโต๊ะฟัง

“ตามึงสบายดีนะ” โอ๊คหันไปถามดอยที่นั่งข้างๆ ในมือโอ๊คเป็นน้ำเปล่าแก้วนึง ไม่เย็นไม่ใส่น้ำแข็ง เขากระแอมเป็นระยะ

“สบายดี วันก่อนยังบ่นผ่านแม่กูเลยว่าไม่แวะไปหาท่านบ้าง นี่ก็ว่าจะไปตอนปีใหม่”

“เมื่อเย็นไปลุ้นหวยใช่ไหม ไอ้เราก็เห็นว่าหายไปเป็นชั่วโมง ยังอุตส่าห์ดีใจนึกว่าไปช่วยกันฟังข่าวตามหาพ่อเรา ที่แท้แอบไปฟังหวย” ปุยทำหน้าคาดคั้นเอาคำตอบให้ได้จากดอย ที่บัดนี้ยิ้มหน้าแหยะๆ

“พี่ดอยนะปุย อย่าแปลกใจถ้าอยู่ดีๆ เขาจะหายไปทุกวันที่ 1 กับ วันที่ 16 คือบ่ายสามนี่ สแตนบายแล้ว” มะนาวเสริมความ ก่อนจะหันไปตักกุ้งที่อาร์มขยันเลือกตัวอวบแกะส่งมาให้

“เลิกแทงบอล ก็มาบ้าหวยต่อ เพื่อนกู” โอ๊คบ่น

“โหววว ก็เล่นนิดหน่อยเองป่าววะ ให้เวลากูปรับตัวบ้าง คุณพ่อ”

“เออ เดี๋ยวงวดหน้ามึงก็จะติดใจยิ่งแทงหนักเข้าไปใหญ่ อย่าให้กูรู้นะ กูจะฟ้องแม่มึง” โอ๊คชี้หน้าสั่งสอนเพื่อนรัก

“แม่กูไม่ว่าหรอก กูซื้อลังโคมให้กระปุกนึงรอไว้แล้ว ซื้อแบล็คไปให้พ่ออีกครึ่งโหล รับรองหูกูโล่ง ไม่โดนด่าแน่”

“ถ้าหลานรักไม่มาเซ่นน้าสักสองขวด น้าจะเผาหลานรักให้แม่หลานฟังเอง” แจ้สวนกลับ พร้อมยกแก้วขึ้นชนกับแก้วอาร์มแบบสะใจในความเป็นต่อ

“เออ ใครก็รุมผม เห็นผมรวยหน่อยเหยียบย่ำกันจริง ทีตอนเสียแม่ง หายย”  ทั้งโต๊ะก็ระเบิดขำกับทีท่าของยอดดอย

กระนั้นมั้นก็เป็นค่ำคืนที่สนุกสนานอีกวันหนึ่ง  โดยเฉพาะปุย ที่บัดนี้ใบหน้าเปื้อนด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ แลดูผ่อนคลายจากบรรยากาศเมื่อตอนบ่ายอย่างสิ้นเชิง เพราะเมื่อบ่ายมันช่างโกลาหลวุ่นวาย ทำให้ใครบางคนซมซานขึ้นเตียงหลับไปในอ้อมกอดของยอดดอย



ออฟไลน์ Hyenas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ LovelyPenGirl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พระเอกบ้าหวย ฮ่าๆๆ :m20:

อันนี้ฮาเหมือนกันค่ะ  :really2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Track 16 : อยู่อยู่ก็มีเรื่องเธอ.. รบกวนหัวใจ 

ณ ลานอาคารอเนกประสงค์ วิทยาลัยอาชีวะศึกษาการอาชีพ
กลุ่มนักศึกษา นักเรียน ทยอยเดินออกมาจากตึกเรียน เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน หรือไปสังสรรค์กันต่อ
มีร้านเบเกอรี่ที่เป็นของวิทยาลัยอยู่ด้านหน้าติดกับป้อมยาม มอเตอร์ไซค์และจักรยาน จอดเรียงรายบริเวณริมฟุตบาทยาวคู่กันไปจนสุดรั้วรอบกำแพงด้านข้างของวิทยาลัย

“ไอ้ปุย พักนี้แกไม่ค่อยจะไปเฮฮาปาร์ตี้กับพวกชั้นเลยนะยะ” โหน่งทำหน้างอนใส่ปุยที่พักนี้มักใช้เวลาอยู่กับดอยและเพื่อน

“โหวแก ชั้นก็ไม่ใช่จะไปไหน วันๆ ก็อ่านหนังสืออยู่ในห้อง เดี๋ยวกลับดึกพ่อก็โทรมาว่า นี่ต้องไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษด้วย แล้วช่วงวันหยุด พวกอาร์ม ก็ชวนเที่ยวกันจัง”

“พูดเหมือนแกไม่เต็มใจเลยเนอะยะ นี่หายไปทั้งปิดเทอม โทรไปก็ไม่ค่อยจะรับ ฉันขูดบัตรโทรศัพท์จนเล็บสึกหมดแล้ว”
 จอย สาวคนเดียวในกลุ่มเดินเข้ามาสมทบ

“คือ เดี๋ยวพวกเขาก็ไปฝึกงานกันหมดแล้ว ทีนี้ฉันก็จะได้ใช้เวลากับเพื่อนรักอย่างพวกแกแล้วล่ะ”

“ย่ะ ผัวทิ้งแล้วเพื่อนจะกลับมาสำคัญเนอะ” กอล์ฟที่ปกติเป็นคนเงียบกว่าคนอื่นยังอดที่จะแซวปุยไม่ได้

“ผัวบ้าอะไร พวกแกนี่ ฉันก็เพื่อนกับพวกเขานี่แหล่ะ แต่ก็ยอมรับว่าสนิทกัน”

“จร้า” สามคนที่เหลือประสานเสียง  แล้วก็เดินกันมาจนถึงหน้าประตู

ทั้งกลุ่มต้องชะงัก เพราะเห็นสาวน้อยนักศึกษารุมดูชี้ไปทางริมถนนใหญ่หน้าวิทยาลัย  มีมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สีดำสุดเท่ กับผู้ชายที่ดูเท่กว่าในกางเกงยีนส์สีดำและเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์แขนกุดสีดำ เผยให้เห็นมัดกล้ามตรงเนื้อหัวไหล่ล่ำ สีผิวขาวแต่มีความแดงจากแดดเผาอ่อนๆ  ภายใต้หมวกกันน็อคสีดำสนิทใบใหญ่




“เชี่ยยยยยยยยยยยยย”โหน่งยืนตะลึงเมื่อเห็นว่า หนุ่มมอเตอร์ไซค์เป้าทุกสายตาหันมาทางกลุ่มเขา แล้วทันใดนั้น เขาก็คว้าหมวกกันน็อคถอดออก เผยเห็นใบหน้าหล่อมีรอยยิ้มเล็กน้อย ผมที่ปัดหน้าปริ่มขนตาบน  เขาหันมาทักทุกคนที่กลุ่มของโหน่งด้วยสายตาที่เป็นมิตรกว่าทุกครั้งที่เคยเจอ

“อร้ายยยย พี่โอ๊ค” จอยเป็นคนแรกที่อุทานออกมาด้วยเสียงอันดัง ก่อนทุกคนจะรีบเร่งฝีก้าวไปหาโอ๊คกับแบทแมน  โดยไม่แคร์สายตาผู้หญิงทุกคนที่ยืนชื่นชมความหล่อของโอ๊คแถวริมถนน





“ลมอะไรหอบมาคะพี่โอ๊ค”กอล์ฟทำตาหวานเข้าใส่ มือหอบกระเป๋าจาคอปมากอดด้วยทีท่าขวนเขย

“มาแวะรับปุยครับ” โอ๊คที่ส่งยิ้มแบบผ่อนคลายให้ทุกคน แม้เขาจะดูเกร็งและเขินที่สายตาผู้หญิงจำนวนมากกำลังจ้องเขาไม่ว่าจะหน้ารั้ววิทยาลัย หรือในร้านเบเกอรี่ที่บัดนี้ บางคนแทบจะเกาะกระจกร้านส่องออกมาจนเห็นได้ชัด

“ว้า ก็พอที่นั่งเดียวสิอย่างนี้” โหน่งเอามือลูบเบาะหลังแบทแมนด้วยความเสียดาย

“นี่จะพาเพื่อนหนูไปไหนล่ะคะ” จอยถามโอ๊ค แต่แฝงด้วยสายตาล้อเลียนส่งมายังปุยที่ยังยืนเขิน

“ก็จะแวะไปหอก่อน แล้วค่อยไปหาอะไรกินกันน่ะ” ปุยตอบ แต่แก้มสุกแดงเป็นลูกตำลึง

“อุ้ย  กินกันด้วยเหรอคะ  ปกติเห็นพี่ดอยมารอรับเป็นบางวัน แต่วันนี้เป็นพี่โอ๊ค โอ๊ยย ทำไมเพื่อนฉันไม่ชัดเจนอย่างนี้นะ” โหน่งแซวแรงจนปุยมองค้อนกลับมา
“นั่นสิเนอะ แบบนี้เขาเรียกว่า เผื่อเลือกหรือเปล่าครับ” โอ๊คแหย่ปุยผ่านโหน่ง

“พูดอีกก็ถูกอีกค่ะพี่โอ๊ค เปลี่ยนมารับส่งโหน่ง รับรอง จะไม่มีเหตุการณ์วันทองสองใจเด็ดขาด โหน่งนี่รักเดียวใจเดียว พาเสียวได้ทั้งคืน คริ คริ คริ” โหน่งเอามือป้องปากหัวเราะด้วยจริตอ้อนแอ้น

“อีเพื่อนชั่ว”ปุยทำตาดุใส่  ก่อนจะหันไปควบท้ายมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปคร่อมด้านหลัง




“จับแน่นๆนะแก เดี๋ยวตกลงมาเสียโฉมไม่รู้ด้วย” จอยยื่นหน้าไปแซวเพื่อนรัก

“นั่นสิ เกาะให้แน่นสิครับ เชื่อเพื่อนบ้างอะไรบ้างนะคนดี” โอ๊คผู้ได้ทีเอี้ยวตัวหมุนคอไปด้านหลังเพื่อบอกปุย แล้วหัน
กลับมาหยิบหมวกกันน็อคสวม เขาเปิดแผ่นปิดกันลมที่หมวกกันน็อคขึ้น เผยให้เห็นดวงตาคู่สวย กับสันจมูกโด่งคม ผิวขาวตัดกับหมวกกันน็อคดำอย่างชัดเจน  “ไปนะครับสาวๆ ไว้มีโอกาส จะพาทั้งกลุ่มไปทานไอติมกันนะ”

“ขอแบบแท่งนะพี่ คริ คริ คริ  บายๆค่ะพี่โอ๊ค ขับรถดีๆ” โหน่งโบกมือบ๊าย ๆ ส่งโอ๊คที่ค่อยๆ แล่นรถออกไป โดยมีปุยที่ซ้อนท้ายหันหน้ามาแลบลิ้นใส่เพื่อนรักด้วยความแค้น




“แก ไม่น่าเชื่อว่า ไอ้พี่โอ๊คจะคุยกับพวกเราเป็นมิตรขนาดนี้ ปกติไม่เคยเห็นคุยกับใคร” จอยแสดงความเห็น

“แฝดพี่คนดังแห่งตระกูลตรีโอฬารวงศ์ หนุ่มเซเล็ปผู้มีดอกพิกุลอุดอยู่ที่ปาก  คุยกับกู เฮ้ยยย ช่างดีงามราวกับฝัน หยิกกูทีสิ หยิกกูที” โหน่งยังไม่ตื่นจากภวังค์

“ทำไมเขาช่างหล่อได้ขนาดนี้ อีปุยผู้โชคดี มีแต่คนหล่อรายล้อม” กอล์ฟพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังเคลิ้มไม่หาย

“พี่โอ๊คก็เด็ด พี่ดอยก็เผ็ด ปุยเอ้ย ชั้นกุ้มแทนแกจริงๆเลย” จอยถอนหายใจเมื่อเห็นแผ่นหลังเพื่อนจางหายไปจนลับสายตา





“ขอบคุณที่ทำตัวน่ารักกับเพื่อนเรานะโอ๊ค” ปุยที่เดินเลือกซีดีเพลงสากลอยู่ในร้านวอลลุ่ม ซึ่งมีทั้งเทป และ ซีดีวางเรียงรายเป็นระเบียบ มีการจัดอันดับเทป และ ซีดีขายดีประจำเดือน สร้างความน่าสนใจ มีเด็กวัยรุ่นยืนเลือกซื้อหาประปราย แต่ก็ไม่อาจซ่อนพิรุธได้ว่า ทุกคนล้วนหันมามองโอ๊ค สลับกับปุยอยู่เป็นนิจ

“เราก็ไม่เคยคิดร้ายกับใครนี่ เราเป็นคนแบบนี้เอง ขอโทษเพื่อนๆแทนเราด้วยนะ ถ้าที่ผ่านมาเราทำหน้าไม่เป็นมิตรน่ะ”

“ไม่สักหน่อย ทุกคนให้อภัยตั้งแต่เผยยิ้มหล่อๆส่งไปให้แล้ว ยังแผ่ไปยังพวกผู้หญิงแถวริมรั้วอีกนะ ทั้งรั้วเลย น่าตีนัก”

“ผู้หญิงหรือยอดกระถิน อะไรจะเยอะเต็มรั้วขนาดนั้น ฮ่าๆๆ  แต่มองกันจัง เขินชิปเป๋ง”

“ก็ใครใช้ให้หล่อล่ะ”

“ความหล่อมันใช้ประโยชน์ไม่ได้ทุกเรื่องหรอก จริงไหม” โอ๊คที่กำลังหยิบซีดีของ จัสติน ทิมเบอร์เลค มาพลิกดูปกหลัง หันกลับมาหาปุย แล้วส่งซีดีให้ “เอาไหม ซื้อให้”

“เอาไว้ให้ดูต่างหน้าตอนคิดถึงเหรอ สงสัยต้องเหมาทั้งร้านล่ะมั๊ง ต้องคิดถึงจนซีดีสึกแน่อ่ะ”

“พูดแล้วไม่ทำ อย่าพูดดีกว่า”

“ไม่เชื่อเราเหรอ”

“เชื่อก็ได้ เราก็คงคิดถึงปุยมากเหมือนกันนะ ไอ้ดอยอยู่นี่ คงทำคะแนนนำห่างเลยล่ะสิ”

“กัดอีกแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาแข่งกันไหมอ่ะ โอ๊คก็คือโอ๊ค แม้แต่ดอยจะมาเทียบก็ไม่ได้หรอก”

“และดอยก็คือดอย โอ๊คก็ไปเทียบไม่ได้เช่นกัน ใช่ไหมล่ะ” โอ๊คส่ายหัวขณะก้มหน้าดูซีดีต่อไป แต่หันมาส่งยิ้มให้ปุย เพื่อแสดงว่า เขาไม่ได้คิดอะไรมาก คล้ายกับบอกผ่านหน้ามุมข้างของเขาไปในอากาศ ส่งสาสน์ไปยังปุยว่า เขาไม่เป็นไร




ในคฤหาสน์หลังใหญ่ ในโครงการวิชุดาพาเลส ที่เวิ้งทานอาหารขนาดมโหฬาร ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์หลุยส์ แต่มีกลิ่นไอของความเย็นชืดในอากาศ ชายสูงอายุรูปร่างผอม กับ สตรีสูงวัยผมสีดอกเลานั่งอยู่ข้างกันที่โต๊ะทานอาหาร โดยมี หนุ่มสาวอีกคู่ นั่งคนละฝั่ง

“แล้ววันนี้ไม่ออกไปกับพวกเจ้าโอ๊คเหรอ ถึงได้มากินข้าวกับป๊าได้”

“โอ๊คมีนัดครับ ผมก็อยากพักบ้างน่ะป๊ะป๋า กินเหล้าทุกวัน เดี๋ยวจะอยู่ไม่ถึงแก่ ใครจะดูแลกิจการให้ล่ะคร้าบบ”

“ดูพูดเข้า พูดแต่ละเรื่องสรรหาอะไรที่ไม่มงคลทั้งนั้น ลูกคนนี้นี่  เอ่อ นี่มะนาว ม๊าให้แม่ครัวทำพะแนงกุ้งที่มะนาวชอบด้วยนะ ทานเยอะๆสิลูก ขอบใจสำหรับแหนมเนืองนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ม๊าจะลองชิม น่าตาน่าทานเชียว”

“ค่ะ หนูเห็นน่าทานเลยตั้งใจซื้อมาฝาก แต่พี่อาร์มคาดคั้นให้เอามาให้เอง หนูก็กลัวป๊ากับม๊าจะยุ่งกันอยู่ เกรงใจ”

“มาเถอะ มาหากันให้บ่อยนะ ป๊าก็คิดถึงหนู มาทุกวันก็ได้ นี่ม๊าเขาก็บ่นถึงอยู่บ่อย”

“ค่ะ หนูย้ายกลับมาคราวนี้ น่าจะได้แวะมาบ่อยขึ้น พี่อาร์มแวะไปรับที่วิทยาลัยครูบ่อยจนเพื่อนหนูบ่นกันหมดแล้ว”

“อ้าว ไอ้เราก็อยากเจอ ก็หายไปเป็นปี กลับก็ค่ำ นุ่งก็สั้น ก็คนมันห่วงน่ะ”

“นาวฝึกยูโดมา จะลองม๊ะ” มะนาวยักคิ้วใส่อาร์มท้าทาย โดยมี พ่อกับแม่ของอาร์มนั่งมองอมยิ้ม

“นี่โอ๊คไปแล้วคงจะเหงา ถึงปกติไม่ค่อยอยู่กินข้าวกับม๊าเลยก็เหอะ ม๊าไม่อยากให้ไปไกลเลย แต่ก็ห้ามไม่ได้หรอกลูกคนนี้ เขาจะทำอะไร ก็ไม่เคยว่าตามหลังได้ เขาเลือกของเขา แล้วมันก็ดีกับเขา แต่ม๊าก็อยากให้อยู่ที่นี่มากกว่า”

“โหว แป๊บเดียวเองน่ะม๊า พูดอย่างกะไอ้โอ๊คจะไปตาย”

“พี่อาร์ม ไม่พูดอะไรแบบนี้สิ” มะนาวปราม

“แล้วนี่ ที่ว่าจะมาช่วยงานป๊า จะเริ่มเมื่อไหร่ล่ะ ต้องมีวินัยให้ได้อย่างพี่แกนะโว้ย” ผู้เป็นพ่อย้ำจริงจัง

“ครับ ผมจะแสดงฝีมือให้ป๊ากับม๊าเห็น”





“ไม่ไปด้วยกันจริงเหรอน้าแจ้ วันนี้ปิดร้านเร็ว ก็ไปด้วยกันหน่อยไหมครับ” ดอยถามน้าแจ้ที่กำลังไล่ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทีละเครื่อง หลังจากกวาดถูร้านจนเรียบร้อยแล้ว

“ไม่หรอก เดี๋ยวจะไปช่วยแม่นกน้อย เก็บร้านสักหน่อย วันนี้ ละครอวสาน เจ้าหล่อนจะลุ้นว่า ดร.วิกานดา จะแฮ็ปปี้เอนดิ้งหรือเปล่า อย่างกับเป็นนางเอกซะเองแหน่ะ”

“เดี๋ยวผมมีฟ้อง”

“กูก็จะฟ้องแม่มึง ว่าพักนี้มึงทำอะไรที่สวน”

“อ๊ะ นี่หลานนะ นี่หลาน”  ดอยสะบัดหัวก่อนแล้วเตรียมเดินออกหน้าร้านเพื่อไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ แต่เหมือนจะลังเลตอนไปถึงประตู เขาหันกลับมาหาน้าแจ้อีกครั้ง  “แล้วน้า โอเคกับมันไหม.. หมายถึง น้าไม่ว่าอะไรผมเหรอ”

“น้ารักเอง น้ารู้แค่นี้  ที่เหลือ เองต้องคิดด้วยตัวเองเว้ย..  ดอย.. โลกจะแตกอยู่รอมร่อ อะไรมีความสุข ก็ทำไป”

“ขอบคุณครับ ผมก็รักน้านะ”







“อร้ายยยยยยยยยยยยยย เลือดสาวฉีดพล่าน” โหน่งที่กำลังเต้นโยกอย่างเมามันตะโกนร้องด้วยเสียงอันดังแข่งกับดนตรีที่กึกก้อง ในสถานหรู The Raft ที่ภายในเป็นดิสโก้เธค ยกพื้นสูง เล่นระดับรายรอบฟลอร์ขนาดใหญ่
ผู้คนอัดแน่นเต็มแม้จะยังไม่ถึงห้าทุ่มดี ทุกโต๊ะมีขวดเหล้าที่พร่องกันไป 
โหน่งยกแก้วเหล้าขึ้นมาชนแก้วเพื่อนร่วมโต๊ะ อย่างจอยกับแฟนนักฟุตบอล รวมถึงกอล์ฟ และยังมีเพื่อนจากวิทยาลัยอีกสองคนที่ขอตามแฟนของจอยมา ยืนเบียดกันจนโต๊ะกลมเล็กวางแก้วแทบไม่พอ ไม่มีใครในดิสโก้เธคนั่งกันเท่าไหร่ ทุกคนยืนแล้วเต้น แม้ไม่เต้น ก็ขยับตัวไปมาเข้ากับจังหวะเพลงที่เร่าร้อน

ถัดไป เป็นโต๊ะของปุย มีดอย และโอ๊ค ร่วมโต๊ะอยู่ เขาเพียงสามคนเท่านั้นในพื้นที่หน้าเวที ที่นั่ง ไม่ได้ลุกขึ้นเต้นตาม

“โอ๊คต้องกลับมาบ่อยๆนะ เราคิดถึง” ปุยที่นั่งตรงข้ามกับโอ๊ค ติดริมเวที ส่งเสียงออดอ้อนแม้จะถูกกลบไปด้วยเสียงเบสสุดดังจนต้องคอยตะโกนเวลาคุยอยู่บ่อยครั้ง โดยมีดอยนั่งอยู่ติดกับปุย

“พวกกูจะแวะไปหาให้บ่อย” ดอยที่ยังมีเหล้าอยู่ในมือ บอกกับเพื่อนรักด้วยสีหน้าอาลัย

“พวกมึงนี่ ทำอย่างกับจะไม่ได้เห็นกูอีก เป็นอะไรกันมากเปล่าวะ ฮ่าๆๆ  เออ ไปเที่ยวก็ไปนอนคอนโดกู ใกล้ที่ฝึกงานรับรองเดี๋ยวพาเที่ยวถึงเช้า”

“แล้วที่กรุงเทพ เขาจะตรวจบัตรประชาชนไหมวะ ไม่ปล่อยเหมือนที่เมืองกาญจน์หรอกนะเว้ย”

“ก็ไม่ต้องเข้าเธคสิวะ ไปนั่งผับเบาๆ ดูสาวญี่ปุ่นนมโตแบบที่มึงชอบไง  อุ๊บ!!” โอ๊คเอามือปิดปากตัวเองทำทีท่ากวนใส่ดอย

“สัส กูยกให้มึงหนึ่งวันแล้วกัน”  ดอยชี้หน้า แต่ก็ยังหัวเราะ

“คนเราก็หื่นจนเลื่องชื่อเลยเนอะ ไม่ต้องให้อาร์ม หรือโอ๊คเผาหรอก เราดูก็รู้”  ปุยส่งหางตาเข้าใส่ดอย

“ก็แหม เมื่อก่อนตัวเปล่าเล่าเปลือย ก็สนุกกับพวกไอ้แฝดนรกนี่สิครับ ตอนนี้หยุดแล้ววววว วอ แหวนหลายตัว” ดอยส่งตาหยีให้ผู้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หวังเปลี่ยนให้หางตาที่มองมา ดูเป็นมิตรขึ้น

“นี่ตกลง เป็นแฟนกันแล้วสิ” โอ๊คถามด้วยรอยยิ้ม แม้มันจะดูเฝื่อน แต่ก็เป็นยิ้มที่หล่ออยู่ดี 

“......................”

“อ้าว ไม่ตอบ ทำไม กลัวมีคนเสียใจเหรอ”

“มึงก็รู้ว่ากูแคร์มึงมากไอ้โอ๊ค”

“กูรู้หน่า”

“กูเห็นมึงโอเค ก็ดีแล้ว กูก็ใช้เวลาอยู่นานนะเว้ย เรื่องนี้ แม่งไม่คุ้นเลยว่ะ ไอ้เด็กเผือกนี่ทำกูเสียศูนย์ไปหมด”  ดอยหันไปหาปุยทำตาค้อนใส่บ้าง

“ความผิดเราใช่ม๊ะ ถอนตัวยังทันนะ” ปุยทำหน้าเด๋อด๋าใส่ดอย

“ไม่ทันแล้วครับ หลงไปแล้วคงถอนตัวไม่ขึ้น” ดอยยื่นนิ้วชี้ไปเขี่ยปลายจมูกเล็กๆของปุย  โดยมีโอ๊คที่นั่งอยู่ตรงข้ามยังคงมองอยู่  โอ๊คยังคงยิ้มอย่างผ่อนคลาย พร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะคว้าแก้วเหล้าเข้าปากกระดกจนหมด




“อีพี่โอ๊ค กับอีพี่ดอย แม่งหล่อเชี่ยๆ อีปุยว่าหล่อยังกลายเป็นดูสวยในหมู่ภมรเลยแกดู” กอล์ฟหันไปบอกจอยที่กำลังแดนซ์ลืมโลก ส่วนโหน่งไม่ต้องพูดถึง เต้นเอาเป็นเอาตายจนคนรอบฟลอร์ต้องตบมือให้

“นี่ฉันเห็นคนเดินไปขอเบอร์พี่โอ๊คเยอะมากเลยเนอะ นี่ถ้าพี่ดอยไม่นั่งเกยอยู่กับเพื่อนพวกเรา ก็คงต้องโดนขอเยอะเหมือนกัน  อีชะนีพวกนี้มันต้องต่างถิ่นแน่เลย มันถึงไม่รู้กิตติศัพท์สองหนุ่มหล่อนี่ เดี๋ยวฟันแล้วทิ้งไม่แยแสขึ้นมา น้ำตาจะเช็ดหัวเข่า” จอยแสดงความเห็น

“แต่แกมั่นใจในเพื่อนเราใช่ไหมว่าเอาอยู่”

“มั่นใจว่า เอา~กัน~อยู่ คริ คริ”

“อีจอย อีลามก”





“ขอชนหน่อยได้ไหมครับ” แก้วหนึ่งใบถูกยื่นมาแทรกกลางวงเหล้า

“อ้าวกลอง”ปุยยิ้มร่าทักทายผู้มาเยือนที่ยืนข้างโอ๊ค “อย่าบอกนะว่า ดิสโก้เธคนี่ ก็เป็นของที่บ้านกลองอ่ะ”

“อุ้ย ไม่ใช่ ผมไม่ได้สายกลางคืนขนาดนั้น” มือกลองตะโกนปฏิเสธ “แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้ารู้ว่าเพื่อนๆชอบที่นี่ อาจจะตามาเทคกิจการไปเลย”

“รวยจนน่าอิจฉาอ่ะ” ดอยโอดครวญ

“นี่ขอนั่งด้วยได้ไหมล่ะ พอดีเพื่อนมาจัดวันเกิด นั่งกับอยู่ตรงนู้นนน ไกลเวทีล่ะ อยากมาดูวงสด กำลังจะขึ้นเล่นแล้ว”

“เอาดิ นี่ก็เพิ่งมากัน มากันแค่สามคนนี่แหล่ะ นั่งเลย” แล้วโอ๊คก็หยิบแก้วจากมือของมือกลองมาส่งให้พนักงานชงเหล้า

“ชอบฟังดนตรีสดเหรอกลอง คือมันหนวกหนูมากเลยตรงหน้าเวที ต้องตะโกนคุยกัน” ปุยเอื้อมหน้ามาสนทนากับมือกลองที่นั่งเยื้องกัน แม้ตอนนี้ดนตรีเบาลงมาก เนื่องจากกำลังเซ็ทเสียงหน้าเวทีเตรียมถึงคิววงดนตรีที่สอง ในค่ำคืน ขึ้นเล่นแสดง

“ฮัลโหลวววว ชื่อมือกลอง คงไม่ได้มาเพราะชอบเล่นตบแผละหรอกนะ” โอ๊คบอกกับปุยเพื่อให้คลายสงสัย

“เหรอ คุณพ่อคุณแม่ต้องชอบดนตรีแน่ๆเลยสิเนี่ย ถึงขั้นต้องชื่อมือกลองน่ะ” ปุยผู้ถามดูตื่นเต้นออกนอกหน้า

“พ่อของมือกลองเป็นนักดนตรีมาจากฟิลิปปินส์” โอ๊คขยายความ ก่อนจะส่งแก้วที่เติมใหม่จากเด็กเสิร์ฟส่งให้ทุกคน

“แต่ผมไม่มีพรสวรรค์หรอก ผมไม่เหมือนโอ๊คเพื่อนคุณ ขานี้ สุดยอด” ผู้พูดหันไปหาคนข้างๆที่เอาแต่นั่งดื่มเหล้า

“จริงดิ เฮ้ยย ไม่รู้เลย เราอยากฟังโอ๊คเล่นบ้าง ปกติเล่นอะไรล่ะ”

“เล่นได้หมด สำหรับนายต้นสาย” มือกลองคุยโวแทนโอ๊ค ที่เอาแต่นั่งเขินปุย

“อุ้ย ดีจัง ดอยล่ะเล่นบ้างไหม”

“ขลุ่ย ไอ้ดอยเป่าขลุ่ยได้เซียนสุดๆ ไม่พูดถึงซอด้วงนะ ตัวแทนโรงเรียนเลย” โอ๊คเริ่มบทสนทนากับคนอื่นบ้าง

“ห๋า โอ้ยย กลุ่มนี้เจ๋งกันจัง ไว้สอนเราบ้าง เราเล่นเป็นแต่เปียโนไม่กี่เพลง เวลาเจ้าหน้าที่สถานทูตมาเยี่ยมบ้าน พ่อก็ให้เล่นโชว์  เลดี้แอนด์เจนเทอเมน มายซัน มร.เมฆ วิว โชว์ยูฮีสทาเลนท์” ปุยทำท่าผายมือประกอบจนทุกคนหัวเราะ

“ถ้ารู้ว่าดนตรีสากลมันเท่ คงเข้าชมรมกับไอ้โอ๊คไอ้อาร์มไปแล้ว นี่ดันไปอยู่ดนตรีไทย โหวว มีแต่เด็กเรียนล่ะ”

“กูว่าน่ารักดีออก มึงนุ่งจุงกะเบนขึ้นกล้องมาก กูมีถ่ายรูปเก็บไว้อยู่ เดี๋ยวจะเอาไปให้ปุยดู”

“กูบอกแล้วว่า กูให้มึงวันนี้วันเดียว วันอื่นกูฆ่า”

“วันนี้วันพิเศษอะไรเหรอครับ” มือกลองตัดบทสนทนาคู่เกลอ

“อ้าว โอ๊คไม่ได้บอกเหรอ โอ๊คจะฝึกงานที่ กรุงเทพ แล้วอาจจะอยู่ทำงานโปรเจคส์คอนโดของพ่อต่อเลย” ปุยสาธยาย แต่พอเห็นมือกลองเงียบไป ก็หยุดพูด โอ๊คก็ไม่ได้มีบทสนทนาตอบเช่นกัน ปุยเลยหันไปคุยกับดอยแก้เกี้ยว เรื่องสัมเพเหระ รอวงดนตรีที่บัดนี้กำลังจะแสดงแล้ว






ดนตรีวงวาซาบิ  ใส่อารมณ์ระเบิดความมันจนทำให้คนในเธคลุกขึ้นกระโดดตาม อาจเพราะแอลกอฮอล์เริ่มซึมเข้าเลือด หรือเพราะเสียงเบสที่ขับกล่อมจนเมาในความรู้สึก ซึ่งบัดนี้ สติของคนตั้งแต่ประตูทางเข้าจนถึงภายในเธค กรุ่นไปด้วยอารมณ์คนองสุดขีด ก่อนดนตรีจะแผ่วเสียงไปบอกเล่าว่า ใกล้เวลาเลิกวงแล้ว

“ไหนๆ วันนี้มีอดีตนักร้องนำของวงเราตั้งแต่สมัยยังเป็นวุ้น ไม่มีใครรู้จักมานั่งอยู่ตรงนี้ งั้นก็ขอเชิญ คุณต้นสายขึ้นมาขับกล่อมให้เราสักเพลงสองเพลงดีไหม” นักร้องนำผมยาวพูดจบ คนดูก็กรี้ดกร้าดโห่ร้องที่จะได้ของแถม  และยิ่งกรี้ดหนักเข้าไปอีก ที่นักร้องนำ เอื้อมมือไปดึงหนุ่มหล่อผู้นั่งอยู่หน้าเวทีให้ปีนขึ้นสเตจไปร่วมแจม 

โอ๊คภายใต้ไฟสปอร์ตไลท์ที่สาดแสงมา มันช่างดูงดงามราวกับเป็นศิลปินที่ผ่านการเจียระไนมาแล้ว ใบหน้าเขาดูโดดเด่นบนจอโปรเจ็คเตอร์ที่กล้องวีดีโอหลังบูทดีเจจับมา แม้มีอาการเขินอยู่บ้าง แต่เมื่อได้หันไปทักทายกับนักดนตรีในวง ก็ดูโอ๊คจะผ่อนคลายขึ้นมา

“วันนี้ไม่ได้แต่งตัวหล่อมาร่วมเย้วกับพวกไอ้เคน ผมก็ขอเป็นเพลงช้าแล้วกันนะครับ” หนุ่มที่นั่งเก้าบนอี้กลมเดี่ยวหน้าเวที พูดออกไมโครโฟนขณะที่กำลังปรับสายกีตาร์ไปด้วย  มีเสียงโห่เล็กน้อย เมื่อสิ้นประโยคว่าจะเป็นเพลงช้า

“ก็แหม ผมมันเพิ่งอกหัก จะร้องเพลงรักคงไม่ไหว แต่สัญญาว่า สักวันจะมาร้องเพลงรักให้ฟัง เอิ่มมม ถ้ายังมีคนจ้างวงไอ้พวกเหี้ยนี่มาเล่นที่นี่อยู่นะครับ” โอ๊คหัวเราะไปพร้อมคนดูที่กรี้ดระเบิดเมื่อวงดนตรีวงโปรดถูกแซวหนัก

เสียงกีตาร์ลอยโหยหวน มาคู่กับเสียงฮัมเพลงตอนขึ้นต้น จากบรรยากาศที่จอแจ กลับกลายเป็นเงียบสนิทกันไปทั้งฮอลล์ คล้ายโลกจะหยุดหมุน คล้ายทุกคนลืมจะหายใจ...

“ไม่บอกก็รู้ว่าเธอ... ไม่มีฉันเหลือ อีกแล้ว ...ในใจ”  เสียงกรี้ดถล่มสาดไปหน้าเวที กลบเพลงไม่อาจเปลี่ยนใจ ที่นักร้องกำลังร้อง  สาวน้อยสาวใหญ่หวีดตะโกนร้องเชียร์อ ก่อนจะพร้อมใจกันเงียบลงอีกครั้ง
“แต่มันก็สายไปแล้วใช่ไหม...” โอ๊คเอื้อนออกมาอย่างโหยหวน

“ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ.. ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉัน..” ทุกคนในดิสโก้เธคร้องประสานกับโอ๊คไปเองโดยไม่รู้ตัว  ไม่เว้นแม้แต่นักเที่ยวสูงอายุ ที่แม้ไม่รู้จักเพลงดี แต่ก็ยกมือเคลื่อนไหวตามจังหวะตามไปจนจบเพลง เสียงกรีดร้องดังตามมา “เอาอีก ๆๆๆๆ” กระหึ่มจนคล้ายเพดานจะพังลงมาตามแรงเสียงเรียกร้องนั้น





ที่ร้านข้าวต้ม อ้อมตีนไก่น้ำแดง มีสโลแกนบนป้ายไวนิลแขวนไว้ “มาเมืองกาญจน์ต้องแวะลองตีน”  ซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยวัยรุ่นจำนวนมาก กับผู้ใหญ่นักเที่ยว เดินจากอีกฝั่งถนนของดิสโก้เธคที่ทยอยปิดไฟอาคารหมดแล้ว ข้ามมายังร้านข้าวต้มอันเลื่องชื่อ เป็นการสังสรรค์กันก่อนกลับบ้าน คล้ายจะเป็นธรรมเนียมของนักเที่ยวไม่ว่าจะจังหวัดไหน หรือมุมใดในประเทศ   
โอ๊คที่พูดคุยกับเพื่อนนักดนตรียังไม่เสร็จจะข้ามฝั่งตามมาทีหลัง จึงมี ปุยและดอย นำทีมแก๊งสามช่า โหน่ง จอย กอล์ฟ มานั่งทานข้าวต้มด้วย และมือกลอง หนุ่มรูปหล่อที่ขอตามมาสมทบ

“พี่โอ๊ค ทำไมซ่อนความเผ็ดร้อนไว้ขนาดนี้ล่ะปุย แกชั้นสาบานได้ว่า อีชะนีข้างโต๊ะชั้นปลดกระดุมเม็ดบน เอาเต้าเข้าสี เวลาพี่โอ๊คเดินผ่านไปห้องน้ำ” โหน่งฟ้องปุยด้วยความโมโห

“ยังไม่รวมตอนที่ยัดเบอร์โทรใส่มือพี่โอ๊ค แต่พี่โอ๊คแกล้งลืมไว้ที่โต๊ะ นางยังตามกันเอาไปยัดให้อีกรอบ เขาไม่เล่นด้วยแล้วยังตื้อ นังพวกนี้” จอยพูดเสร็จก็ตักน้ำต้มตีนไก่เข้าปาก แล้วก็ควานหาเลือดไก่ในหม้อมากิน ซึ่งหม้อของกลุ่มจอย แยกอาหารคนละชุด กับของกลุ่มปุย แต่ร่วมโต๊ะยาวเดียวกัน

“ไม่ยอมนะ เราหวงเพื่อนเรา หวงที่สุดเลยคนนี้  แต่ว่า โอ๊คเก่งจัง อยู่บนเวทีเหมือนคนละคนเลยเนอะ ไม่ขรึมเหมือนอยู่ข้างล่าง เขาเป็นอย่างนี้ตลอดเหรอดอย” ปุยหันไปถามดอยที่นั่งซดต้มตีนไก่อย่างเมามัน

“โอ๊คมันเก่งของมันอยู่แล้ว ด้วยความที่มันไม่ค่อยคุย สร้างบทสนทนากับใครก็ไม่เป็น มันเลยชอบเล่นเบสมากกว่า แต่วงก็จะชอบบังคับให้มันร้อง เสียงมันดีขนาดนั้น” ดอยเล่าถึงความเป็นมา

“ดีสุดยอดเลยหล่ะพี่ดอย โหยย คนอะไรทั้งเก่งทั้งหล่อ  นี่ถ้ามีพี่ดอย พี่อาร์ม ไปยืนข้างบนเวที น่ากลัวคนจะเต็มร้านทุกวันเลย น้องจะตามมาดูทุกวันเลยนะ” กอล์ฟที่ปกติเงียบไม่ค่อยคุย แต่ก็พูดแจ้วตลอดทั้งคืนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

“นายต้นสาย เขาติสต์แตกตัวจริงเลยล่ะครับ” มือกลองเล่าให้ทุกคนบนโต๊ะฟังบ้าง ซึ่งมือกลองที่ยืนดูโอ๊คบนเวทีด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข แต่ก็ตัดสลับมาเศร้าเป็นระยะเมื่อมานึกถึงความหมายของเพลงที่โอ๊คร้อง 





บนเตียงสีเทาอุ่นนุ่มของยอดดอย มีปุยผู้นั่งอยู่ปลายเตียงฟังดอยเป่าขลุ่ยให้ฟัง เป็นทำนองเพลงจีน เย้ยยุทธจักร เขาไม่ใช้แรงลมเป่ามาก เพราะกลัวเสียงจะดังไปรบกวนชาวหอพักชั้นสอง เนื่องจากเป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว  ปุยซึ่งหลับตาฟังจนเคลิ้ม แต่เมื่อลืมตาขึ้น ก็เห็นดอยที่ขยับมานั่งใกล้กำลังยื่นหน้าเข้ามาจนเกือบชิด เผยอริมฝีปากเล็กน้อย  ปุยรีบเอานิ้วชี้มาแตะปรามไว้ตรงริมฝีปากที่ได้รูปนั้น

“ไม่ได้เหรอ ห้ามใจไม่ได้แล้วนะครับ” ดอยเอื้อมหัวแม่มือขวาไปสัมผัสริมฝีปากของปุยบ้าง เขาใช้หัวแม่มือนั้น เกลี่ยริมฝีปากของคนตัวขาวอย่างแผ่วเบา

“ได้ครับ แต่ขอให้มันพิเศษได้ไหม มันจะเป็น.. เอิ่ม..  จูบแรกของปุย  เราไม่เคยจูบใคร..”  ปุยหันหน้าหนีเอียงอาย

“พิเศษยังไงดีล่ะครับ”

“อยากให้จดจำไปได้นาน”

“งั้นก็...  ใต้ต้นไม้ของแม่”





ประตูจากชั้น 2 ห้อง D ถูกเปิดอยู่  มีคนยืนหน้าห้อง เรือนผมสลายดำขลับปลิวตามแรงลมอ่อน แม้ระเบียงจะมืด ไฟในห้องจะสลัว แต่จากจุดที่ยืนมองลงมา ดวงตาคู่นั้นยังเห็นได้แจ่มชัด  ว่าที่ใต้ต้นทองกวาว ชายหนุ่มสองคน กำลังจุมพิตอย่างแผ่วเบา กินระยะเวลานานจนลมที่พัดผ่านหยุดนิ่งไป 

เขาแลกจูบกันอยู่อย่างนั้น ท่ามกลางเสียงจั๊กจั่นที่ร้องไป ใบไม้ที่สั่นไหว และลมเย็นที่พัดมาอีกระลอก   ยอดดอย เอามือเชิดคางของปุยเมฆขึ้น เขาก้มไปจุมพิตที่ปากสีแดงนั่น ก่อนคว้าคนตรงหน้าเข้ามาสวมกอด  เขายืนตรงนั้นกันอีกสักพัก แล้วก็จูงมือกันกลับเข้ามา ปุยส่งยอดดอยเข้าห้อง แล้วเดินขึ้นบันไดเพื่อกลับห้องของตัวเองที่ชั้น 3 ระหว่างที่ผ่านชั้น 2 เขามองไปเห็นบานประตูหน้าห้อง D ที่เพิ่งปิดลงไปอย่างแผ่วเบา


ปุยเมฆยังคงทอดตัวอยู่บนเตียงสีขาวที่ฟูพอง เขาเกลือกตัวไปมาจนถึงหกโมงเช้าจนชุดนอนสีขาวยับไปทั้งตัว  มือกุมริมฝีปากเป็นระยะ มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นแม้ว่าจะอยู่ในห้องเพียงลำพัง
เขาหันไปมองนาฬิกาแล้วถอนหายใจ  เจ้าของห้องเอื้อมมือไปคว้ากระปุกยา เปิดฝาและส่งยาเข้าปาก ก่อนจะข่มตาเพื่อพยายามผ่านอาการนอนไม่หลับไปให้ได้  มันเป็นค่ำคืนที่ครบรสของเขาอีกหนึ่งคืนเช่นกัน..


ออฟไลน์ NC Wanted

  • NC Wanted
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Hyenas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ DekPed

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จะมีเพลง โด่เอ๊ย แล้วบอกให้แม่มาขอ มั๊ยนะ
 :-[

ออฟไลน์ NC Wanted

  • NC Wanted
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จะมีเพลง โด่เอ๊ย แล้วบอกให้แม่มาขอ มั๊ยนะ
 :-[

ใช่ๆๆๆ  ควรมีบาซู

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Track 17 :     มองทางนั้นไม่มี.. มองทางนี้ไม่เจอ.. มองทางไหนถึงเจอ..

ยามเย็นของวันเสาร์ ภายในคฤหาสน์หรูหรา มีปีกโซนที่แยกออกมาจากเวิ้งบ้านหลัก แต่อยู่ในอาณาเขตรั้วเดียวกัน ซึ่งโอบกินพื้นที่ 7 ไร่กว่า
Home Theatre Zone เป็นสิ่งก่อสร้างทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ ภายในตกแต่งวัสดุสมัยใหม่ เน้นสีดำขาว ทำเป็น มินิเธียเตอร์ขนาดบรรจุคน 20 ที่นั่ง เป็นสองแถว แถวละสิบที่นั่ง แม้ไม่ใช่ในเชิงพาณิชย์ แต่ความหรูหราที่ตกแต่งไว้ ทำให้ผู้มาเยือนสัมผัสได้ถึงความโอ่อ่า

“มือกลองน่าจะชอบค้างคาวเนอะ เห็นตุ๊กตา กับ โมเดลมีแต่รูปค้างคาวเต็มไปหมดเลย เท่จัง” ปุยรู้สึกทึ่งกับโรงหนังขนาดย่อมที่มือกลองผู้เป็นเจ้าของ เชิญเขาและเพื่อนมาที่บ้าน

“ก็เพิ่งจะหลงใหลมันมาได้ สามสี่ปีนี่แหล่ะ ทยอยเก็บสะสมครับ” เจ้าของบ้านตอบ เขากดปุ่มสวิทช์ที่ห้องควบคุมเพื่อปรับแสงสี และผ้าม่านซึ่งเลื่อนเปิดจออย่างอัตโนมัติ  ตรงที่นั่งแถวบนสุดมีมะนาวกับอาร์มนั่งอยู่ เว้นที่นั่งว่างตรงกลาง แล้วถัดมามีดอยซึ่งติดกันก็ที่ว่างของปุย
ปุยในตอนนี้เดินไปทั่วมินิเธียเตอร์ เขาสนใจอุปกรณ์ฉายโดยมีมือกลองสาธิตวิธีเซ็ทเครื่องเสียงอยู่   
ที่นั่งแถวล่างมีโอ๊คนั่งอยู่ตรงกลางเพียงลำพัง มือกำลังเคี้ยวข้าวโพดคั่วและโคล่า

“ทำไมได้ฟิล์มมาเร็วจัง เพิ่งออกโรงไปเมื่อกรกฎา นี่เองไม่ใช่เหรอ หนังซูมหรือเปล่าวะ” อาร์มที่เตรียมไก่ทอดแบรนด์ดังใส่ถังกระดาษเข้ามากิน ส่วนมะนาวก็ต้องส่ายหน้ากับความเลอะเทอะที่อาร์มก่อ จนต้องคอยช่วยเช็ดและบ่นอยู่ตลอด 

“มันออกมาเป็น Super VCD แล้ว ทำระบบเสียง SDDS แล้วเดี๋ยวคงออกมาเป็น วีดีโอ  นี่กลองเขาเล่นจาก SVCD ไม่ใช่จากฟิล์ม” โอ๊คตอบโดยไม่หันขึ้นไปมอง 

“กูไม่ชอบหนังรักว่ะ มันแบบน่าเบื่อ กูคงหลับ นี่ต้องพกเกมบอยของไอ้อาร์มมาเล่นด้วย” ดอยผู้ยังคงก้มหน้าเล่นเกมไม่สนใจ บรรยากาศ หรือ หนังที่กำลังจะฉายในไม่ช้าเลยแม้แต่น้อย

“โหว เสียน้ำใจเลยคุณดอย  ผมอยากให้วิจารณ์ระบบเสียงกันหน่อย อุตส่าห์มีเพื่อนเป็นเด็กช่างทั้งที  เดี๋ยวเวลามี แขกมาเยี่ยมบ้าน จะได้ไม่อับอายเขาครับ” เจ้าของบ้านทำปากเบะน้อยใจ แต่ดูน่ารักมากกว่าที่จะดูเหมือนโกรธจริง

“บ้านใหญ่โตอย่างกับวังขนาดนี้ ถ้าแขกบ่นบอกผม เดี๋ยวจัดให้” ดอยยักคิ้วใส่ ยกกำปั้นขึ้นมาโชว์ ก่อนจะหันกลับไปเล่นเกมบอยต่อ ซึ่งตอนนี้ ปุยเดินกลับลงมานั่งที่โซฟาข้างยอดดอย 



“เอาเบียร์ไหม มีคลอสเตอร์ที่ชอบด้วยนะ” มือกลองหย่อนตัวลงมานั่งข้างโอ๊ค ถามคนที่ยังเคี้ยวข้าวโพดคั่วอย่างอร่อย

“ยังหัววันอยู่เลย ไม่เอาดีกว่า แต่ข้าวโพดคั่วนี่อร่อยชะมัด ยี่ห้ออะไรเหรอ”

“ซื้อจากเทสโก้แล้วเอามาเวฟ จำยี่ห้อไม่ได้ ไว้ซื้อมาเผื่อนะ”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็ไม่ได้อยู่กินแล้ว”

“จะไปยาวเลยจริงๆเหรอ”

“อืม”

“เซ็งจัง เพิ่งจะมีโอกาสได้สนิทกัน ก็จะไม่อยู่ซะแล้ว”

“นี่สนิทกันแล้วเหรอ เหมือนที่ปุยเล่าเลย คนบางคนชอบขี้ตู่ว่ะ”

“......”

“เฮ้ย พูดเล่น” โอ๊ควางถังข้าวโพด แล้วเอามือไปวางบนแขนมือกลองที่ทำหน้าจ๋อยไปเลย

“......”

“นอกจากไอ้ดอย กับไอ้อาร์ม เคยเห็นโอ๊คไปไหนกับใครสองคนไหมล่ะ”

“ไม่เคยหรอก  ก็ตัวติดกันขนาดนั้น”

“ก็ไม่เคยคิดไปไหนกับใครที่ไม่สนิท ขนาดวงวาซาบิ ซ้อมเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ เราไม่ไปไหนกับใครที่เราไม่คิดคุ้นเคย เช่นไปใส่บาตรด้วยกันหลังวันแดงเดือดอะไรยังงี้” โอ๊คคว้าน้ำมะนาวโซดากระป๋อง จากมือของมือกลองมายกดื่ม

“อืม”

“อย่างกินกระป๋องเดี๋ยวกันนี่ ไม่สนิทก็เคยคิดทำ มันเหมือนโดนขโมยจูบเลย” ก่อนที่โอ๊คจะส่งคืนให้มือกลองแล้วเอนหลังลงไปยังที่นั่ง เพื่อเตรียมดูหนังต่อ

“ถ้าคิดว่าสนิทแล้ว  พอแวะไปหาที่ กทม. บ้างได้ไหมล่ะ”


“ก็กะจะชวนอยู่แล้วล่ะ แต่กลัวคุณชายจะนอนคอนโดเล็กๆ แคบๆ ไม่ได้น่ะสิครับ”






ที่เบาะแถวหลัง มีความเคลื่อนไหวลับ ๆ

“พี่อาร์มว่า พี่อาร์มเห็นอะไรไหม” มะนาวกระซิบแผ่วเบา

“เห็นดิ ตำตาขนาดนี้” อาร์มกระซิบกลับ

“พี่ชายของพี่ดูรวนๆ นะคะพักนี้”

“เออ.. จนพี่เริ่มจะรวนตามแล้วเนี่ย”

“ฝาแฝดก็ต้องเหมือนกันจริงไหมค่ะ”

“เริ่มต้นอาจเหมือน แต่ไม่จำเป็นต้องเหมือนไปตลอด”

“ก็ไม่ได้เสียหายอะไรสักหน่อย มะนาวเห็นว่า แค่รู้ว่าอะไรดีกับตัวเองก็พอแล้ว”

“ถ้างั้นแฝดน้องชนะขาดครับเรื่องนี้  เรื่องความเด็ดขาด ไอ้แฝดพี่มันไม่เคยได้เรื่องเลย”






“มันชื่อเรื่องอะไรนะ ทำไมตัวอย่างหนัง มีแต่พระเอกเดินไปมา ไม่เห็นมีอะไรเลย” ดอยกระซิบถามปุยที่อยู่ข้างๆ

“รักบานฉ่ำที่น็อตติ้งฮิลล์”

“โหวว นั่นชื่อเหรอ ฟังดูเวิ่นเว้อ”

“สนุกจะตาย เราดูไปรอบนึงแล้วตอนเปิดตัวเมื่อเดือน พฤษภา นี่ตั้งใจมาดูพากษ์ไทยครั้งแรก”

“ทำไมต้องบานฉ่ำล่ะ จบแฮ็ปปี้เหรอ”

“เปล่า ทุกเรื่องที่ จูเลีย โรเบิร์ต เล่น จะมีคำว่าบานฉ่ำเวลาตั้งชื่อไทยเป็นสัญลักษณ์”

“ยังกับหนังของเฉินหลง”

“ยังไงอ่ะ”

“ก็ทุกเรื่องจะมีคำว่า ฟัด หรือของ พี่หลิวเต๋อหัว จะแบบ ผู้หญิงข้า ลูกสาวเจ้าพ่อข้า หัวใจข้า คือฟังแล้วรู้เลย พี่หลิวมา”

“ฮ่าๆๆ จริงสิ ไม่เคยดูหนังจีน ไว้เช่ามาให้เราดูหน่อยสิ”

“มันโครตๆ เลยขอบอก”







“Without saying a word you can light up the dark” เพลงประกอบลอยมา ในฉากที่พระเอกใช้เวลากับตัวเอง

“เพลงนี่เลี่ยนมาก แต่โครตดังเลย กูนี่ร้องตามได้แต่ตั้งแต่กลางปีมาแล้ว” อาร์มที่ดูจะอินกับหนังน้อยที่สุด โพร่งออกมา

“ชอบเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ ของ ทีน่า อารีน่า มากกว่า” ปุยพูดขึ้น

“อ้าวมันมีเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้อีกเหรอปุย เราว่าเพราะมาก เรารู้จักแต่เพลงนี้ แต่ไม่รู้จักหนัง” มะนาวหันมาถามบ้าง

“ใช่ มีหลากหลายเวอร์ชั่นมาก่อนนี้ แต่อันนี้น่ะดังสุด น่าจะยุคต้นเก้าศูนย์เลยมั๊ง” ปุยหันไปตอบมะนาว

“1988”  เสียงลอยมาจากที่นั่งด้านหน้า ก่อนโอ๊คจะเอี้ยวตัวหันมาทางปุย “จุดเริ่มต้นของทุกสิ่งอย่าง คือ 1988”



สองชั่วโมง สี่นาที ผ่านไป

“ไอ้ดอย มึงร้องไห้” อาร์มตะโกนบอกทุกคน ตอนที่ห้องสว่างขึ้น เมื่อมือกลองกดรีโมทเปิดไฟในห้องชมภาพยนตร์

“เชี่ยยยย ดอย มึงอ่อนไหวโครต” โอ๊คที่ยืนขึ้นแล้ว หันกลับมาที่เบาะหลัง โอ๊คหัวเราะรู้สึกแปลกใจกับเพื่อนตัวเองที่นั่งมี
รอยน้ำตาซึม และดวงตาแดงเรื่อ โอ๊คหันไปเห็นปุยที่นั่งเอามือกุมปากกลั้นหัวเราะ

“พี่ดอยยยยย  ตายแล้ว พี่มีอารมณ์ศิลปินนะเนี่ย มะนาวรู้สึกทึ่ง”

“นี่แปลว่า ระบบจอกับระบบเสียงของมินิเธียเตอร์บ้านผมใช่ได้ใช่ไหมครับ”

“ไอ้ดอย มึงอยากเปิดร้านหนังสือเหมือนพระเอกไหมเดี๋ยวป๋าอาร์มจัดให้ ฮ่าๆๆ”

“โอ้ยยยยย !!  กูจะไปห้องน้ำ ปวดฉี่”  ดอยลุกจากไปทิ้งให้ทุกคนหัวเราะตามไล่หลังมา







ที่ร้าน รองเดซ์วู อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ชาวต่างชาติเต็มร้านไปหมด เกือบทุกโต๊ะมีเครื่องดื่มและของว่างวางข้างจอ ชาวญี่ปุ่นตรงโต๊ะริมกระจกใสสั่งกับข้าวมาเต็มโต๊ะขณะที่ใช้คอมพิวเตอร์ไปด้วย  แต่ไม่เท่าคนฮอลแลนด์ในโต๊ะถัดไป ที่มีทั้งเบียร์ขวดเปล่าครึ่งโหล กับขวดที่เจ็ดซึ่งพร่องไปครึ่ง พร้อมปอเปี๊ยะทอดกับหมูมะนาวปลายจวักนกน้อยผู้บรรจงปรุงสุดฝีมือ

โอเล่ที่วันนี้ไม่ได้ทำงาน แต่ปล่อยให้เครื่องรันโปรแกรมด้วยตัวเอง มีกองกระดาษจดโน้ตเต็มโต๊ะ ไม่รวมกองหนังสือที่แทบสูงกว่าหน้าจอวางอยู่ 

“เดี๋ยวปลายเดือนผมอาจจะต้องลางานสักวันสองวันนะครับ น้องโอเล่” น้าแจ้เอ่ยปากบอกกับเจ้านายตัวน้อย

“ได้สิครับน้า บอกผมล่วงหน้าอีกทีตอนใกล้ๆแล้วกัน ผมจะได้ให้ลูกน้องพ่อมาช่วยดู เผื่อผมต้องไปสัมมนา หรือ พ่อให้ไปประชุมเป็นเพื่อน ช่วงนี้งานค่อนข้างเยอะครับน้า”

“ขอบคุณครับ แล้วนี่จะทานอะไรหน่อยไหม เดี๋ยวผมให้นกน้อยทำข้าวผัดปูมาให้ไหมครับ เห็นไม่ได้ทานอะไรเลย”

“ได้สักจานก็ดีครับน้า ขอบคุณครับ”





“แม่คุณปุยเสียยังไง ผมถามได้ไหม” มือกลองที่กำลังเช็ดจานและช้อนส้อมด้วยกระดาษทิชชู่ ถามปุยที่นั่งอยู่ตรงหน้า ก่อนที่มือกลองจะส่งจานซึ่งถูกเช็ดแล้วมาวางเบื้องหน้าโอ๊คผู้นั่งถัดไปแล้วก็เป็นมะนาว โดยมีดอยนั่งติดกับปุย และอาร์มนั่งตรงข้ามกับมะนาว 
พวกเขานั่งทานข้าวกลางแม่น้ำแม่กลอง เป็นร้านอาหารที่จัดเป็นแพลอยไว้กลางตลิ่งขนาดใหญ่
ลมพัดแรงและเย็น ประดับไฟไว้สวยงาม มีป้ายเขียน ครัวท่าล้อ กับป้ายสปอนเซอร์เบียร์ ที่สีตัดกับบรรยากาศธรรมชาติ

“มะเร็งตับ”ผู้ตอบ กำลังสนใจต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อน เมนูน่าทานตรงหน้าที่เพิ่งถูกเสิร์ฟ ปุยเอาทัพพีเขี่ยวหัวกุ้งพลิกดู

“เสียใจด้วยนะครับ” มือกลองรู้สึกผิดที่เอ่ยถาม แต่ทุกคนที่เหลือไม่เคยกล้าถามกลับอยากรู้ โดยเฉพาะดอย จึงทำให้ดอยสนใจเป็นพิเศษ พอๆกับโอ๊ค

“มันรักษาไม่ได้เลยใช่ไหม ในทางปฏิบัติ” อาร์มตัดบรรยายกาศที่กลัวจะเครียดเกิน

“ถ้าเป็นตำแหน่งอื่น เจอเร็วพอได้ แต่ตับเนี่ย เห็นคุณหมอท่านบอกว่า ลุกลามเร็ว ชิ้นส่วนตับถ้าถูกมะเร็งกินจะไม่สามารถ ใช้งานได้ตามปกติ ทำให้เสียชีวิตได้ง่ายกว่า แต่ถ้าตรวจเจอเร็วก็พอมีทาง เราถึงได้ทะเลาะกับพ่อจนทุกวันนี้ไง”

“ยังไงเหรอ” ดอยวางช้อนส้อม และทอดมันกุ้งตรงหน้า หันมารอคำตอบปุย

“ตอนมีอาการเริ่มต้น พ่อก็ไม่ว่างพาไปหาหมออ่ะ คือแม่เราจะเดินเหินก็ลำบาก เราขับรถไม่เป็น เคยอยากจะหัดพ่อก็ไม่ยอม พอเกิดเรื่องก็ทำมาเป็นห่วงเรา แม่คือคนที่ต้องการคนอยู่ด้วยไม่ใช่เรา”

“มันจะเป็นกรรมพันธุ์ไหมคะปุย มะเร็งเนี่ย มะนาวเคยได้ยินว่า มันมีส่วนเหมือนกัน”

“ใช่ครับมะนาว ตาเราก็เป็นโรคนี้ คือคนประเทศนี้เป็นกันเยอะ”

“หืม ประเทศนี้ ?? ” โอ๊คเอะใจ

“คือ.. ตาเราเป็นคนญี่ปุ่นน่ะ”

“มิน่า ปุยถึงขาวน่ารักขนาดนี้ เรายังว่า ผิวแบบนี้มันผิวคนทางตะวันออกไกล” มะนาวเอามือเอื้อมมาลูบที่แขนปุย

“หูยยยย หนุ่มกะเหรี่ยงสอยคนงามแดนปลาดิบ เว้ย” อาร์มเอาข้อศอกสะกิดดอย มีโอ๊คที่ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร

“กะเหรี่ยง ?” มือกลองถามบ้าง

“ไอ้ดอย ตามันเป็นคนกะเหรี่ยง ศิษย์หลวงพ่ออุตตมะ” โอ๊คตอบให้ความกระจ่าง

“มิน่า คุณยอดดอยถึงมีดวงตาสีนี้ หล่อดีนะครับ ผมอยากได้จมูกแบบนี้บ้าง น่าอิจฉา” มือกลองเอามือมาจับจมูกตัวเอง

“หล่อกว่าเราป๊ะ” โอ๊คตักยำก้านคะน้ากรอบส่งใส่จานมือกลอง ซึ่งเพราะตรงหน้าของมือกลองมีแต่หม้อต้มยำตั้งบังกับข้าวทุกอย่าง

“คนละแบบสิ”

“แค่ถามว่าหล่อกว่าหรือเปล่า”

“เอาเลยคุณกลอง  ไม่ต้องเกรงใจผม” ดอยหัวเราะ

“ก็ยังไม่เคยเห็นใครหล่อกว่านี้” ก่อนมือกลองจะก้มหน้าที่แดงก่ำ ทานอาหารโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาอีกพักใหญ่






หน้าทะเลสาปแห่งรันตี เวิ้งน้ำใสแต่ลึกจนมองไม่เห็นพื้น สายน้ำไหลช้า คนในหมู่บ้านกะเหรี่ยงหลับใหล ผู้เฒ่าสูงใหญ่ยืนเปลือยท่อนบน พันผ้าสีเทาเข้มที่บั้นเอว ยืนถือไม้เท้ามองจากตลิ่งลงมาที่แม่น้ำ ดวงตาที่ดุดัน หลับพริ้มลง ลมที่เคยพัดเอื่อย หมุนตีแรงจนใบไม้ส่ายไหว ฝูงปลาว่ายทวนทิศทางอย่างไม่เป็นระเบียบ นกร้องบินวนอยู่เหนือทะเลสาป ดวงจันทร์ถูกเมฆบดบังไปครึ่งหนึ่ง 

ผู้เฒ่าลืมตาขึ้น ยื่นปลายไม้เท้าไปแตะที่ผิวแม่น้ำ ปลาน้อยใหญ่กระโดดลอยตัว แล้วว่ายหนีแตกตื่นไป ฟ้าคำรามจนมีเสียงเด็กร้องไห้ดังขึ้นมาจากกระท่อมที่อยู่ริมตลิ่ง ผู้เฒ่าตื่นจากภวังค์แล้วเดินกลับกระท่อมไป





“พี่โอ๊คไม่ค่อยแวะมาเลยนะครับพักนี้ ไม่ชอบร้านที่ผมแต่งใหม่เหรอ” หนุ่มขาวตัวผอมในแว่นหนา ถามหนุ่มหล่อที่ช่วยเขาเก็บกองหนังสือให้เป็นระเบียบ ซึ่งบัดนี้ในร้านคอมพิวเตอร์ไม่มีลูกค้าหลงเหลือแล้ว  คงมีแค่คอมพิวเตอร์สองเครื่องที่เปิด

“พี่ต้องเตรียมตัวเรื่องไปฝึกงาน แล้วก็ขนของอีกเยอะเลยว่ะ”

“พี่โอ๊คคงไม่ได้ไปแค่ฝึกงานใช่ไหมครับ”

“น่าจะอยู่นานนะ  เราน่ะ ดูแลตัวเองดีๆ แล้วก็ดีกับเตี่ยให้มากๆล่ะ”

“ผมไปอยู่กับพี่ที่กรุงเทพได้ไหม”

“เฮ้ย ขนาดนั้นเลย”

“ผมไม่รบกวน เดี๋ยวผมซื้อห้องใหม่ติดกัน”

“ทำไมพักนี้รอบกายพี่มีแต่เศรษฐีวะ ฮ่าๆๆ”

“ก็มีแค่ผม กับไอ้รวยขาวหล่อลูกเจ้าของโรงแรม”

“เขาชื่อมือกลอง เรียกเขาดีๆหน่อยสิครับ”

“ขอโทษครับพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

“โอเล่อยู่ได้ พี่รู้ เราน่ะเก่งและพร้อมจะโตเป็นหนุ่มแล้ว” โอ๊คเอามือตบหลังโอเล่เพื่อเป็นการบอกลา ก่อนจะออกจากร้านไป ทิ้งไว้ให้หนุ่มน้อยที่นั่งมองจอคอมพิวเตอร์ว่างเปล่า 

เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องที่หนึ่งดับไปขึ้นสกรีนเซฟเวอร์เป็นรูปหัวใจสีดำบนพื้นสีแดง และอักษรสีดำ L.O.V.E  ก่อนอีกเครื่องถัดไปจะดับลง แล้วขึ้นเป็นสกรีนเซฟเวอร์สีขาวอักษรดำ O.A.K.


ออฟไลน์ LovelyPenGirl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่ดอยผู้อ่อนไหว โถ๋ๆๆๆ :impress2:
แต่นิดนึงเพื่อน. เราดู น็อตติ้งฮิล ไม่คิดว่ามีฉากให้ต้องร้องไห้เลย มันเหมือนหนังเล่าเรื่อง. สงสัยเป็นแบบอาร์มนะ คือ ชอบน็อตติ้ง แต่คงไม่ถึงกับร้องไห้

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

Track 18 :    ทิ้งความเคยผูกพัน.. มันทำร้ายกันรู้ไหม..

ที่ถนนลูกรังซอยหนึ่งใกล้สะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่ดินขนาดสองงานเศษ ถูกไถจนเตียน มีกอไม้ที่มีร่องรอยของการเผาจนเป็นตะโกดำเมี่ยมขี้เถ้าฟุ้ง หนุ่มใหญ่ที่ยืนกับลูกชายกำลังชี้แนวเขตของที่ดิน โดยมีชายในชุดนักเรียนช่างยืนดูอยู่ห่างๆ

“หัวที่น่ะติดซอยนี้ ท้ายที่ติดอีกซอยนึง ระหว่างทางเชื่อมเป็นถนนเล็กติดที่ด้วย เท่ากับเราได้ที่ดินติดทางสามด้าน”

“อย่างนี้รถก็เลี้ยวเข้าออกได้สะดวกเลยสิครับพ่อ”

“ใช่ แต่มันก็ยังไกลจุดสัญจร คงอีกนานกว่าจะเจริญใกล้สถานที่ท่องเที่ยวก็จริง แต่คนเดินมายังไม่ค่อยถึงร้านค้า หรือว่าร้านอาหารจึงไม่มีเลย ถ้าทำหอพัก คงจะลำบาก

“ก็เดี๋ยวปุยเรียนจบ กว่าจะฝึกงาน กว่าจะลองงาน เดี๋ยวก็อาจถึงเวลาก็ได้นะพ่อ”

“คือ พ่ออยากให้ปุย ลองหาทางเลือกเผื่อหลายๆ อย่าง ไม่จำเป็นต้องเสียดายที่ดินหรอก ถ้าถึงเวลา ธุรกิจโรงแรม หรือ ที่พักมันไม่เวิร์ค ที่ดินแปลงนี้เราก็ขายได้”

“ไม่ !! มันเป็นที่ของแม่ พ่อจะขายไม่ได้” ปุยที่อยู่ดีๆ ก็เป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมา ตวาดใส่พ่อ จนผู้ฟังถึงกับตกใจ

“พ่อยังไม่ได้บอกว่าจะขาย แค่บอกว่า ถึงวันหนึ่ง หาก..”

“ไม่ ปุยบอกว่าไม่ ก็คือไม่ !! พ่อไม่มีสิทธิอะไร มันเป็นที่ดินของแม่”

“ลูกนี่ พูดไม่รู้เรื่อง พ่อไม่อยากจะให้ลูกไปคาดหวังกับสิ่งที่ยังไม่เกิด ความฝันของแม่ ลูกไม่จำเป็นต้องเอามาเป็นภาระตัวเองถ้าไม่ชอบ อย่าเพิ่งเข้าใจพ่อผิดสิ”

“ดอย กลับหอกันเหอะ เดินไปก็ได้ ใกล้ๆ แค่นี้เอง” ปุยสะบัดหลังใส่คู่สนทนา แล้วเดินไปยังดอยที่ยืนทำหน้าเหวออยู่ที่รถยนต์เมอร์ซิเดสสีดำ

“ปุย อย่าทำอย่างนี้” ดอยเขย่าแขนของปุยที่บัดนี้มายืนตรงหน้า

“เราขี้เกียจจะพูดแล้ว เถียงกันไม่จบไม่สิ้น”

“ก็คุยกันดีๆ มีเหตุผลหน่อย ฟังคุณพ่อบ้าง เรื่องมันยังมาไม่ถึง ต่างฝ่ายก็ต่างเก็บไปคิดก่อนได้”

“ไม่ มันเป็นที่ของแม่ ไม่ทำโรงแรมเราไม่ว่า แต่อย่ามาขายที่ของแม่” ปุยร้องไห้ไปด้วยขณะเถียงกับยอดดอย จนดอยโอบปุยมากอดไว้ครู่หนึ่ง ก็ละจากปุยเดินมาหาธรรมเสถียร ที่ยืนมองคอตกเพราะลูกชายตัวเองไม่เคยคิดฟังเหตุผลสักที

“คุณพ่อครับผมว่า” ดอยเอ่ย แต่โดนอีกฝ่ายดักคำพูดด้วยคำถาม

“เธอกับลูกของฉัน เป็นอะไรกัน”

“....”

“จนบัดนี้ เธอยังให้คำตอบฉันไม่ได้ใช่ไหม”

“ผมให้ได้ครับ ผมรู้คำตอบมาพักใหญ่ แต่ผมยังไม่อยากจะให้เรื่องนี้ มาถูกขยายในช่วงที่มีความวุ่นวาย ผมพร้อมจะตอบให้คุณพ่อแล้ว แค่ไม่ใช่ตอนที่มีเรื่องอื่นมากระทบใจ”

“ฉันเข้าใจที่เธอพูด”

“เดี๋ยวถ้าปุยอารมณ์เย็น ผมก็จะช่วยพูดให้ เผื่อเขาจะเข้าใจในสิ่งที่พ่อจะสื่อ แต่วันนี้ ตอนนี้ ผมขอพาเขากลับไปสงบอารมณ์ก่อน ถ้าอย่างไร ผมจะโทรบอก หรือส่งอีเมล์ไปเล่าความคืบหน้าครับ”

“ขอบใจ.. ฝากดูแลลูกฉันด้วย”  ธรรมเสถียรเดินขึ้นรถไปโดยไม่ได้หันกลับมามองลูกชายอีกเลย เขานึกตลกตัวเองที่ตัวเขาแม้จะเจรจาพาทีกับคนนานาชาติมานับต่อนับ แต่ไม่สามารถสื่อสารใจความกับลูกชายตัวเองได้  แต่ขณะที่เด็กอีกคน เป็นใครมาจากไหน ยังมีวาทศิลป์ทางการทูตดีกว่าเขาด้วยซ้ำ

เขาขับรถออกไปโดยมองกระจกส่องหลัง เห็นชายหนุ่มสองคนโอบกอดกัน คนหนึ่งร้องไห้ทางแก้มไว้ที่บ่าของอีกคน ในขณะที่อีกคน เอามือลูบศีรษะปลอบประโลม




ที่ถนนเพชรบุรี รถราที่ติดยาวจนหางแถวมาจรดสี่แยกปทุมวัน ห้างสรรพสินค้าที่ขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แห่งหนึ่ง แน่นไปด้วยผู้คนเพราะเป็นวันหยุด ที่ชั้นสองของห้าง มีร้านคอมพิวเตอร์ทั้งซื้อขาย และซ่อมเรียงราย ร้านซึ่งอยู่หน้าบันไดเลื่อนขาขึ้น เป็นร้านที่เตะตะเพราะมีขนาดใหญ่กว่าใคร แถมกั้นเป็นห้องกระจกหรูหรา ภายในมีลูกค้าแน่นร้าน พนักงานชายหกคนก็วิ่งวุ่นกับการรับออเดอร์ และรับซ่อมเครื่องคอมพิวเตอร์

“พี่โอ๊คหิวไหมครับ ไปรอผมที่ร้านไก่ทอดหน้าห้างก็ได้นะครับ แอร์เย็นกว่าตรงนี้”

“เดี๋ยวรอกินพร้อมโอเล่เลยแล้วกัน พี่ยังไม่หิวเท่าไหร่ ว่าแต่ทำไมร้านนี้คนเยอะจัง”

“เขาซ่อมแมคบุ้คโดยเฉพาะครับ อะไหล่หิ้วเข้ามา ที่อื่นยังไม่มีอะไหล่ของรุ่นนี้ เพราะรุ่นนี้เพิ่งวางขายได้ไม่กี่เดือน”

“แล้วทำไมมันพังเร็วจังล่ะ”

“เปล่าครับผมมาอัพแรมให้เป็น 64GB”

“สีส้มแป๊ดเชียว รุ่นอะไรเนี่ย... อ่อ..  iBOOK G3 Clamshell” โอ๊คอ่านจากใบรับซ่อมที่เจ้าหน้าที่ส่งให้โอเล่เมื่อสักพัก

“ต้นปีหน้าถึงจะออกสีดำครับ เดี๋ยวค่อยซื้ออีกเครื่อง สเปคสูงด้วย แรม 64 จากโรงงานเลย เล่นเกมมันโครต”

“เฮ้ย จริงดิ ไว้เล่นบ้าง”

“เครื่องนี้ก็เล่นได้ มันกระตุกหน่อยบางช่วง แต่โดยรวมดีเชียว”

“ถือไปไหนโครตอายเลย เหมือนกระเป๋าสตรีสูงอายุ”

“....”

“เฮ้ย ล้อเล่นนนนนนนน”

“เดี๋ยวผมไปห้องน้ำก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวรอพนักงานเอา เอ็กเทอนัล ฮาร์ดดิสก์ มาส่งก็ไปกันได้เลยครับ”

“อะเคร”







“เฮ้ยมะนาว วันนี้แฟนมารับเร็วเชียว นู่น มานู่นแล้ว แคมรี่ป้ายแดงคันหรู คู่คุณหนูอย่างหนูมะนาว”

“นังเดียร์ แฟนเฟินอะไร พี่อาร์มกับฉันเพื่อนกันแต่เด็กเปล่าวะ”

“มารับที่นี่เกือบทุกวัน แหม วิทยาลัยครูมันไม่ได้ใกล้วิทยาลัยช่างของเขาเลยนะยะ”

“อ๊ะ เพื่อนกันก็เป็นห่วงกัน พ่อแม่เขารักฉันอย่างกับลูกสาว”

“เออค่ะ ไม่ใช่แฟน ก็ไม่ใช่ ระวังเหอะ สาวทั่วเมืองกาญจน์อยากจะคาบจะตาย ลูกชายตระกูล ตรีโอฬารวงศ์ อีตาคนพี่ผู้หล่อเหลา กับแฝดน้องแสนน่ารักมาดกวน นี่ถ้าใครเหลือ ขอมาสักคนเหอะ เพี้ยง”

“นังเดียร์ อีบ้า พี่อาร์มเขาไม่ได้ชอบตุ๊ด นังนี่ ไปดีกว่า”

“เหลือพี่โอ๊คให้ฉันก็ยังดี คนบ้านนี้ทำไมมันทั้งรวยทั้งหล่อกันอย่างนี้นะ  พี่อาร์ม สวัสดีค่ะ อุ๊ย ถืออะไรมาฝากน้องเดียร์”

“แหม ก็เห็นโดนัทน่ากิน เลยนึกถึงน้องเดียร์ อุตส่าห์คอยดูแลมะนาวให้พี่”

“อ๊ายยย  กำลังอยากทาน ว่าแต่ เห็นของหวานแล้วนึกถึงน้องเดียร์เลยเหรอคะ อีมะนาว หล่อนน่ะถูกลืม เตรียมตัวเลย”

“พี่อาร์มเขาเห็นว่า ขนมอะไรมีรู หรอกย่ะ เลยนึกถึงแก นังเดียร์” มะนาวหยอกเพื่อนรักที่กำลังทำหน้าฝันหวาน

“ชิส์ นังชะนี เดี๋ยวบิดให้เนื้อเขียวเลย ไปๆ ไปได้แล้ว ชั้นจะไปเด้อผู้ชาย”

“เด้อ ?” อาร์มถามแบบอยากรู้มาก

“อ่อ ก็ไปสร้างสัมพันธไมตรีกับชายแปลกหน้าน่ะค่ะพี่อาร์ม ไปดีกว่า ไว้เจอกันค่ะ สวัสดีค่ะ” แล้วเดียร์ ก็เดินส่ายก้นจากไป

“นังคนนี้นี่” มะนาวส่ายหัว เมื่อเห็นเพื่อนสาวในร่างชาย ยกมือมาบ๊ายบาย โดยไม่หันหลังกลับมา

“เขาน่ารักดีออก มีเขาอยู่พี่ล่ะสบายใจเวลามะนาวกลับดึก ไปเหอะ ม๊าพี่จะให้มะนาวไปช่วยเลือกของขวัญให้ป๊าหน่อย








“โป๊ไหมครับ โป๊ไหม” ชายหนุ่มยื่นซีดีที่ปกเป็นภาพปริ้นท์สีรูปสาวญี่ปุ่นเปลือยอก ให้โอเล่ดู ที่หน้าห้องน้ำ

“ไม่อ่ะพี่” โอเล่ส่ายหน้าตกใจ แม้เขาเจอประจำตอนเดินออกจากห้องน้ำที่ห้างนี้ทุกที

“ผู้ชายก็มีนะครับ ไทย ฝรั่ง ญี่ปุ่นแบบไม่เซนเซอร์” หนุ่มนักขายเปลี่ยนมาโชว์ซีดีเป็นรูปผู้ชายมีกล้าม เขียนปกว่า Lukas Stories และ อีกปกเป็นชายชาวเอเชียใส่ชุดนักฟุตบอล ยื่นให้โอเล่ดู

“ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณครับ” โอเล่เดินเร่งฝีเท้ามา เขาไม่อยากให้โอ๊ครอนาน ในใจรู้สึกปลื้มมาก ที่โอ๊ครับปากเข้ากรุงเทพมาเป็นเพื่อนเขา แม้ว่าพ่อของเขาจะให้นายทหารเตรียมรถตู้มารับส่งแล้วก็ตาม แต่เขายืนกรานจะขอมากับโอ๊คที่เข้ากรุงเทพเหมือนกัน โดยมีกำหนดค้างคอนโดแถวย่านเพลินจิต

โอเล่รู้สึกใจหาย ที่โอ๊คจะเข้ามาฝึกงานในกรุงเทพ แถมโอ๊คบอกทุกคนว่าอาจจะอยู่ศึกษาโครงการคอนโดของเพื่อนพ่อจนกว่าจะถึงวันรับประกาศนียบัตร ปวส. แล้วก็อาจกลับมาทำงานที่กรุงเทพยาวเลย 

เมื่อคิดแบบนี้ เขาก็อยากจะให้เวลากับโอ๊คให้มากขึ้น แม้ว่าวันๆ เขาจะไม่ได้พูดคุยกับโอ๊คมากขนาดนั้น แต่ข้อความในเพจเจอร์ หรือที่ส่งผ่านมือถือ อีเมล์ โอ๊คไม่เคยละเลยจะตอบมา ไม่ว่าดึกแค่ไหน  โอ๊คเป็นคนเดียวที่โอเล่คุยด้วยได้ เขารู้สึกหวงแหนโอ๊คถ้าจะมีใครมาเอาตัวโอ๊คออกห่าง  เขายอมได้ถ้าคนนั้นเป็น ยอดดอยเพื่อนซี๊พี่โอ๊ค  หรือจะเป็นกลางชลคนแฝดน้อง แต่ไม่ใช่กับ มือกลอง ลูกเจ้าของห้าง เจ้าของโรงแรม เจ้าของอะไรต่อมิอะไรอีกมาก

โอเล่ต้องมาหยุดที่หน้ากำแพงกระจก ร้านอิเมจินคอมพิวเตอร์ ที่เขาเอาคอมพิวเตอร์มาทำ เมื่อเห็นโอ๊คกำลังเปิดดูรูปในแฟ้มบนโน๊ตบุ้ค เขายืนมองเห็นหนุ่มหล่อคนนั้นเปิดรูปสไลด์ดูไปมาอย่างสนใจ ก่อนจะรีบปิดแฟ้ม แล้วกลับมาเปิดหน้าเกมเหมือนเดิมเมื่อเหลือบมาเห็นเขายืนดูอยู่  โอเล่จึงเดินเข้าไปในร้านเพื่อสมทบ




ฟ้าครึ้มบอกเวลาอาทิตย์เริ่มจะลับตา มีผู้คนสัญจรเข้ามามากมายในอาณาเขตวัด มีศาลานวดไทยที่เพิ่งสร้างเสร็จ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยและคนชราที่ยังมีรอยเจิมด้วยอักษรสีขาว ห่างจากศาลามา มีผู้ชายผู้หญิงผลัดผ้าเป็นผ้าถุงบ้าง กางเกงขาสั้นบ้าง บางคนก็ตัวเปียกเดินออกมา บางคนก็กำลังเดินเข้าไปในฉากที่กั้นไว้ เขียนด้วยป้ายกระดานว่า บ่อน้ำร้อนวังขนาย

“ไม่น่าเชื่อว่าจะมีน้ำแร่พุร้อนที่อำเภอท่าม่วงนี่เนอะ ใกล้ตลาด ริมทางหลวงอย่างนี้” ชายสูงวัยในรูปร่างกำยำคล้ายหนุ่ม ผมสีดำแซมเทา เปลื้องเสื้อนั่งอยู่ในบ่อน้ำเล็กที่เป็นหลุมสแตนเลสเรียงราย มีชายหนุ่มผิวสีเข้มหน้าตาคมสันอยู่ในบ่อข้างๆ ใกล้พอที่จะสนทนากันได้อย่างไม่ยากเย็น มีควันร้อนลอยพุ่งขึ้นจากอ่าง ซึ่งตอนนี้ ทั้ง 57 อ่าง ไม่ว่าจะเป็นบ่อแช่ทั้งตัว และบ่อแช่เฉพาะเท้า อ่างไฟเบอร์ หรือจะเป็นอ่างกระเบื้อง ถูกจับจองเต็มไปหมด

“หลวงพ่อท่านนิมิตครับ ว่ามีคนชุดขาวมาเข้าฝัน ให้ขุดบ่อหน้าวัด จะทำให้วัดเจริญขึ้นมา ผมกับน้าแจ้ยังมาดูตอนที่เขาเริ่มขุดบ่อเมื่อสามปีก่อนอยู่เลย คนแถวนี้ตื่นเต้นกันมาก”

“ขนาดนั้นเชียวเหรอ แล้วนี่ดอย มาบ่อยไหม คนเยอะเหมือนกันนะเนี่ย”

“ไม่กี่ครั้งครับคุณพ่อ ที่นี่เพิ่งสร้างเสร็จปีนี้เลย เมื่อปีที่แล้วเขายังทำประชาพิจารณ์กันอยู่เลยว่า บ่อน้ำไม่ควรอยู่หน้าวัด มันผิดฮวงจุ้ย ชาวบ้านก็คัดค้านบ้าง แต่พอลองเอาตัวอย่างน้ำไปให้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เช็คดู โอ้โห คุณประโยชน์เยอะ ชาวบ้านเริ่มเห็นดีด้วย”

“อืม ของบางอย่าง การพิสูจน์เท่านั้น มันจะชนะใจได้ แล้วนี่ ชวนฉันมา แต่ไม่ชวนไอ้เจ้าคนขี้งอนมาด้วย มีอะไรจะพูด”

“ผมอยากเรียนรู้ปุยผ่านคุณพ่อครับ”

“อยากรู้อะไรล่ะ”

“ก่อนอื่น ผมต้องบอกก่อนครับว่า ผมไม่คิดจะชักนำปุย ไปในทางที่ผิด  แต่บังเอิญมันเกิดขึ้นแล้ว ผมใช้เวลาครึ่งปีมานี้ทบทวน แล้วก็รอดูความสัมพันธ์ของเรา ตอนนี้ผมมั่นใจครับ ว่า..”

“ช้าก่อน พ่อหนุ่มน้อย ฟังพ่อก่อนนะ”

“ครับ”

“ปุยเคยทานยากล่อมประสาทจนเข้าขั้นเสพติดเมื่อปีที่แล้วตอนแม่เสีย”

“....”

“เธอว่า ถ้ามีอะไรมากระทบใจเขา เขาจะกลับไปสู่วงจรนั้นไหม ลองบอกฉันหน่อย บอกแบบที่ผู้เป็นพ่อได้อุ่นใจ เอาให้อุ่นกว่าน้ำในบ่อนี้นะ เฮ้ออออ มันช่างสบายเหลือเกิน ไม่แพ้บ่อน้ำแร่ธรรมชาติที่หินดาด อำเภอทองผาภูมิเลยนะเนี่ย  มีแต่คนอิจฉาจังหวัดกาญจนบุรี มันช่างมีแต่อะไรที่เต็มไปด้วยความพิเศษ”

“ยกเว้นคุณพ่อ ที่เหมือนไม่ค่อยอยากอยู่ที่นี่”

“งานของพ่อ มันต้องย้ายไปเรื่อย แต่มันก็ไม่ควรจะต้องทำให้ปุยมาลำบากไปด้วย แล้วตอนนี้เขาก็โตพอที่จะดูแลตัวเอง”

“พ่อไม่สามารถปักหลักที่นี่ได้เลยเหรอครับ”

“จริงๆมันก็ได้นะ เพราะพรมแดนที่กำลังเปิด มีเรื่องราวมากมายที่ต้องจัดการ แต่ความทรงจำเกี่ยวกับแม่ของปุยอยู่ที่นี่ ฉันไม่อยากจะจมอยู่กับมันแล้ว มันเจ็บปวดเกินไป”




ที่บนคอนโดชั้นที่ 8 เป็นคอนโดมิเนียมสไตล์ โลว์ไรซ์ที่หาได้ยากในบริเวณนี้ ตกแต่งไว้หรูหรา ขนาดห้องแม้ไม่ใหญ่มาก แต่มีสาธารณูปโภคพร้อม โอ๊คกับโอเล่ ที่ว่ายน้ำในสระเสร็จก็ขึ้นมาที่ห้อง แก้ห่ออาหารซึ่งซื้อจากข้างนอกมา ประกอบกับพิซซ่าจากพนักงานที่มาส่งเมื่อสักครู่ อิ่มจนทำเอาโอ๊คตาปรือเตรียมตัวอยากจะเข้านอนเต็มที่  ในขณะที่โอเล่ดูจะพูดน้อยลงตั้งแต่บ่าย แต่ยังคงดีใจและยิ้มไม่หุบเมื่อโอ๊คชวนให้นอนค้างด้วยกันที่คอนโด

“โอเล่ชอบพี่เหรอครับ” โอ๊คโพร่งออกในขณะที่อีกฝ่ายก้มหน้าไม่พูดอะไร  “พี่ไม่ได้ตั้งใจเปิดคอมพิวเตอร์ของโอเล่นะแต่พี่เห็นปกอัลบั้มเขียนว่า batman พี่ก็เลยถือวิสาสะเปิดดู ทำไม มีแต่รูปพี่ล่ะ ไปเอามาจากไหน”

“ผมขอโทษครับ”

“เฮ้ย ขอโทษทำไม พี่ไม่ได้ว่า”

“ผมกลัวพี่จะหาว่าผมไม่ปกติ ผมไม่ได้แอบถ่าย ผมก็ถ่ายธรรมดาต่อหน้าพี่นี่แหล่ะ”

“ทำไมพี่ไม่รู้”

“เพราะพี่ไม่เคยมองมาทางผมเลยสักครั้งครับ พี่โอ๊ค”






บนรถเมอร์ซิเดสสีดำ ระหว่างทางกลับจากอำเภอท่าม่วงมายังอำเภอเมืองกาญจน์ ซึ่งกินระยะเวลาแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้น ธรรมเสถียรเอื้อมมือไปปรับลดวอลลุ่มแอร์  เนื่องจากคนที่นั่งข้างๆ กำลังกอดอกด้วยความหนาวเย็น

“ไหนลองเล่าให้ฟังหน่อยสิว่า อนาคตอยากทำอะไร”

“คงกลับไปเป็นผู้ใหญ่บ้านครับ พ่ออยากให้เป็นผู้ใหญ่บ้านต่อจากพ่อ”

“หมายถึงว่า ดอยน่ะ อยากเป็นอะไร”

“ผมอยากเปิดร้านแต่งรถมอเตอร์ไซค์ครับ”

“มันทำเงินเหรอ”

“จากที่ทำอยู่ มันก็ดีไม่น้อยครับ แต่ตอนนี้ผมไม่มีทุนขนาดนั้น แฮ่ะๆๆ”

“แล้วถ้าอีกหน่อยพวกโชว์รูมเขาเอาของมาขายเองล่ะ เขาจะถูกกว่าเราไหม กิจการเราจะอยู่รอดเหรอ”

“เขาก็จะขายไม่ออกแบบที่โชว์รูมในญี่ปุ่นครับ ผมตามข่าวอยู่ ค่าจัดการเขาสู้ร้านเล็กไม่ได้ครับ”

“ของเราจะดียังไง เล่าให้พ่อฟังหน่อยสิ”

“สไตล์ รสนิยม และสเปคที่เหมาะสม ผมดูเองครับ แต่ก็ไม่ทิ้งการเรียนรู้เทรนด์ใหม่ ถ้าสักวันมันจะเริ่มเบา หรือไม่ดี ป่านนั้น เราคงมีช่องทางอะไรอีกมากให้เล่น ให้ได้ทำเงิน มอเตอร์ไซค์ไม่เคยตายจากใจวัยรุ่นครับ”

“แล้วมันทำให้ดอยมีความสุขไหม”

“อาจทำให้ผมมี แต่อาจไม่ทำให้พ่อกับแม่มีเท่าไหร่ครับ ยังไม่เคยได้คุยกันเรื่องนี้ จริงๆ ผมยังไม่เคยบอกใครเลย”

“ขอบใจนะ ที่เล่าให้พ่อฟังเป็นคนแรก ขอบใจ”






บนเตียงขนาดใหญ่ ผ้าปูเตียงสีน้ำเงินเข้ม มีโลโก้ค้างคาวจากขบวนการซุปเปอร์ฮีโร่บนผ้าห่มนวมคลุมร่างของชายสองคนซึ่งนอนหันหลังเข้าหากัน บนหัวเตียงมีรูป เจมส์ ดีน และ โรเบิร์ต เดอ นีโร สีขาวดำตกแต่งไว้ 

“มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ครับ โอเล่” โอ๊คที่เงียบไปตั้งแต่โอเล่สารภาพรัก เป็นคนเอ่ยปากถามก่อน แต่เขายังคงหันหลังให้อยู่

“ตั้งแต่ที่พี่ช่วยผมจากแก๊งเด็กช่างขูดรีดเงิน พี่อยู่ในใจผมตั้งแต่วันนั้น” เสียงแผ่วเบาตอบจากอีกฝั่ง

“บางทีอาจแค่มองพี่เป็นฮีโร่ อะไรแบบนี้หรือเปล่า ทึ่งในความเท่ประมาณนั้น”

“ผมก็เคยถามตัวเองแบบนั้น จนกระทั่งผมรู้ตัวอีกที ผมก็มานั่งที่ร้านคอมทุกวัน นั่งมองพี่จากแถวที่สาม แม้คนจากแถวสองที่หันหน้าชนกันไม่เคยจะมองมา” โอเล่ที่บัดนี้หันตัวกลับมา ลุกขึ้นนั่ง มองไปที่แผ่นหลังของโอ๊คในชุดนอนสีฟ้าอ่อน

“พี่คงกำลังวุ่นวายกับหัวใจตัวเองครับ พี่ขอโทษนะ”

“ผมไม่เคยว่าพี่ เรื่องที่พี่เจอมันก็หนักอยู่แล้ว อกหักถึงสองครั้ง มันคงทำให้พี่ไม่มีเวลามองใคร”

“นี่รู้ลึก รู้จริงเลยนะเนี่ย” โอ๊คที่หัวเราะในลำคอ ลุกขึ้นนั่งบ้าง หันลำตัวเข้าหาโอเล่

“ผมรู้แม้กระทั่งว่า พี่เลือกที่จะมาอยู่กรุงเทพเพราะอะไร พี่เหงาแค่ไหนเวลาที่คนรอบข้างมีความสุข ก็อย่างที่บอก ผมมองพี่อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มองอยู่อย่างนั้นตลอดมา”

“เฮ้ย พี่ขอโทษ พี่ไม่เคยรู้มาก่อน พี่คงอยู่กับตัวเองมากไป เลยไม่ได้สนใจคนอื่น”

“แต่พี่ก็กลับรับรู้ความรู้สึกของนายมือกลอง”

“.......”

“นั่นแหล่ะที่ผมจะทนไม่ได้”






รีสอร์ตขนาดใหญ่ที่หนังสือแนะนำการท่องเที่ยวต่างชาติให้คะแนนถึง 4 ดาว ติดแม่น้ำแควใหญ่อันเงียบสงบ
ห้อง M20 ที่รองรับแขกวีไอพีมานับต่อนับ ไม่ว่าจะเป็นคนดังหรือคนในตระกูลระดับสูงจากยุโรป เอาเป็นว่า ใครก็ตามที่มาเยือนกาญจนบุรีแล้วหาโรงแรมที่คู่ควรไม่ได้  M20 คือทางเลือกแรกเสมอ 

ธรรมเสถียร นอนเอนตัวลงบนเตียง เขาเปลือยเปล่ามีเพียงกางเกงชั้นในสีขาว กับถุงเท้าขาวที่สวมไว้มาครึ่งหน้าแข้ง รูปร่างของชายวัยกลางคนยังดูกระชับแน่นไม่แตกต่างจากคนวัยหนุ่ม  กระเป๋าเดินทางที่ไม่มีรอยรื้อวางไว้ที่ข้างทีวีสี มีชุดสูทแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าที่เปิดฝาตู้ค้างไว้  เสียงแอร์เงียบแต่เย็นเฉียบลอยมา 

เขาเปิดกระเป๋าสตางค์ หยิบรูปออกมาดูอยู่อย่างนั้นได้พักใหญ่แล้ว  รูปของหญิงสาวผิวขาวจัด ผมหน้าม้าดวงตากลมโตสวย กับเด็กชายผิวขาวตัวผอมที่กำลังยืนอิงกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม รูปเริ่มเหลืองเก่าจากร่องรอยการหยิบเข้าออก  เขาเอามืออีกข้างที่ว่างลูบไล้ผิวรูปอย่างแผ่วเบา จากใบหน้าสาวผมหน้าม้าผู้เป็นภรรยาซึ่งได้ลาโลกนี้ไปแล้ว เขาไล้นิ้วมาเกลี่ยใบหน้าของเด็กในรูปอย่างเอ็นดู ลูกชายที่กำลังปั้นปึงใส่เขา   เขาดับไฟที่หัวเตียง แล้วคล้อยหลับไป..

ออฟไลน์ DekPed

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่ดอยขี้แยชะมัด ก๊ากก
ว่าแต่ พี่โอ๊คจะเลือกใคร  :z2:

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

Track 19 : เห็นเธอซึมบ่อยๆ ฉันก็เลยกร่อยๆ จะปล่อยเธอไว้ได้ยังไง...

[ อาร์ม ]

วันนี้ นายกลางชล คนเก่งจะได้มาเป็นพระเอกกันบ้างนะครับ
แหม ให้ผมเป็นพระรองอยู่นาน ขอสักตอนนะเถิดท่านผู้อ่าน
เห็นผมเฮฮา ร่าเริง แต่ผมนี่ตัวทำชีวิตชาวบ้านชิปหายวายป่วง ยิ่งกว่าเจ้าชายปารีสแห่งกรุงทรอยซะอีกครับ
ตัวผมน่ะ ก็ไม่เคยคิดจะหาเรื่องใคร แต่ทำไมใครก็ชอบหาเรื่องผมจัง 


ชีวิตที่มีกันสามคนพี่น้อง ก็สนุกดี โอ๊คที่ผมไม่เคยเรียกมันต่อหน้าว่าพี่ กับ อุ๋มอิ๋ม ที่ติดผมแจ ก็ไอ้โอ๊คหน้าแม่งโครตดุ
บทอารมณ์มันจะติสต์แตก ก็ไม่คุยไม่พูด อุ๋มอิ๋มจึงขลุกอยู่แต่กับผม แล้วจนวันที่มีไอ้ดอยเพื่อนรักของผมเข้ามา กับ น้องมะนาวคนสวยข้างบ้านที่แวะเวียนมาสม่ำเสมอ พวกเราก็เหมือนจะเป็นทีมที่สมบูรณ์ เป็น 5 ยอดมนุษย์ไฟฟ้า เป็นขบวนการเรนเจอร์  แต่ความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน

ผมเสียใจแทบคลั่งในวันที่อิ๋มจากไป ผมแค้นและอยากจะฆ่ามันให้ตายทุกคน ผมคว้าปืนของลุงยามไปตะเวณหมายเก็บมันทีละคน แต่ผมก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น ถ้าไอ้ดอยกับโอ๊คไม่ช่วยผมออกมาจากวงล้อมฝ่าตีน ผมก็อาจจะตายไปแล้ว และจากวันนั้น ไอ้ดอยก็ต้องมาซวยเพราะผมไปด้วย ออกรับแทน จนมันต้องกลายเป็นคนผิดในข้อหาทำร้ายร่างกายและพกอาวุธปืน  โชคดี ที่พ่อผมเคลียร์ได้ 

พอมันออกจากสถานพินิจ ผมก็ปฏิญาณว่า ผมจะต้องดูแลมันจนวันตาย เพื่อนตายมันหาไม่ได้ง่าย โอ๊คยังบอกว่า ถ้าดอยชอบผู้หญิงคนเดียวกับพวกเรา ก็ต้องยกให้มัน ลูกผู้ชายมีบุญคุณที่ติดค้างรอวันทดแทนซึ่งผู้หญิง อาจจะไม่เข้าใจ

ดอยแม่งหล่อ คม ตามันสีอ่อน หน้ามันกวนส้นตีนแต่หล่อโครต  ก็คุณตามันเป็นกะเหรี่ยงหล่อเหลา แต่ไม่เตี้ยล่ำเหมือนคนอื่นในชนเผ่า ตัวใหญ่เบ้อเร่อ   มันคงได้ตามันมาเยอะอยู่ คล้ำแต่มาดแมนแฮนซั่ม ไอ้ดอยมันเป็นคนดีโครต แบบที่ผมกับโอ๊คต้องซูฮก คิดดูว่า วินาทีที่ผมกับแฝดพี่เดินเข้าโรงเรียนไหน คนก็มารุมเอาใจเพราะบ้านเรารวย ไอ้ดอยมันยังคงกวนตีนใส่ในแบบที่ทุกคนไม่กล้าทำ มันแสดงน้ำใจด้วยการกระทำไม่ใช่คำพูด มันเป็นคนจริงและก็ไม่เก็บเรื่องเล็กเรื่องน้อยมาใส่หัว กล้าได้กล้าเสีย แต่ก็กลัวคุณตาของมันขี้หดตดหายเหมือนกัน 

พอรู้ว่าไอ้ดอยไม่ได้สนใจมะนาวเท่ากับปุย ผมล่ะดีใจโครต ใส่เกียร์เดินหน้าเต็มพิกัด  มันมีพรสวรรค์ในการแต่งรถ คนโง่ภาษาอย่างมันยังสามารถติดต่อสั่งของ  ไปธนาคารโอนตังกับเมืองนอกเมืองนา สรรหาอุปกรณ์ประดับยนต์มาแต่งมอเตอร์ไซค์ขายได้ ผมไว้ใจมันคนเดียว จึงเอาโรบิน คาวาซากิเขียวในตำนานให้มันดูแล

มะนาวก็อีกคน โตมาด้วยกันแต่ไม่เคยเห็นผมในสายตา ในวันที่ทุกคนเสียใจเรื่องอุ๋มอิ๋ม ผมเสียใจเป็นสองเท่าเพราะไอ้พวกกากเดนเหล่านั้นมันทำกับมะนาวด้วย ผมอยากจะตัดหำมันทิ้งให้หมดทุกคนแล้วไปเสียบประจานที่หน้าจวนผู้ว่า  แต่มะนาวเข้มแข็งมาก ถ้าน้องสาวผมเข้มแข็งได้เท่าเธอ ครอบครัวเราคงไม่หม่นหมองแบบนี้ 

มะนาวซ่อนความกลัวในใจไว้ได้ดี แม้ผมแอบเห็นเธอตัวสั่นในคืนวันแดงเดือด  ในตอนเจอไอ้ขี้เมาอย่าง มดดำ หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ  น้องมะนาวเก็บอาการได้ดีมาก ไม่เกรี้ยวกราดแต่อย่างใด ส่วนหนึ่งเพราะไอ้มดดำมันก็แค่คนที่ยืนดูไม่ได้ร่วมทำร้ายด้วย แถมยังให้ความร่วมมือกับตำรวจในการบอกข้อมูลในช่วงทำแผน จนตามล่าได้ครบทุกคน แถมสังคมก็ลงโทษมันสาสมประมาณนึงแล้ว   

มะนาวคือผู้หญิงในฝันของผม หลังจากเธอรู้ว่า โอ๊คไม่มีใจให้ เธอก็ไม่ได้คิดคบหาใคร กับไอ้ดอยก็ไม่ชัดเจน จนปุยผ่านเข้ามา ผมล่ะโครตดีใจเลยที่มีปุย มึงอย่าเพิ่งออกจากกลุ่มไปไหนนะปุย กูขอ  ไอ้ดอยที่แมนเต็มตัวหันมาคั่วไอ้หนุ่มตัวขาวติดกันเป็นตังเม ทางไปสู่หัวใจของมะนาวของผมก็โปร่งโล่งเหมือนห้างพาต้าชั้นสวนสัตว์


มะนาวมีแต่คนจีบ ก็สวยขาวอึ๋มซะขนาดนี้ แถมยังใส่สั้นจู๋จนหูผมแข็ง แต่เพื่อนผู้หญิงรอบข้างมักอิจฉา คอยขุดเรื่องอดีตของเธอไปพูดนั่นนี่ จนผู้ชายหลายคนไม่กล้ามายุ่ง มะนาวคงรู้ดีครับ ผมไม่เคยเห็นเธอรุกหาใคร เธอเจียมตัวกับชะตาชีวิตของเธอ  พอมี น้องเดียร์ตุ๊ดน้อยหอยสังข์มาเป็นเพื่อน ผมล่ะโครตรักมันเลย มันดูแลมะนาวแทนในช่วงที่ผมไม่อยู่ได้ดีมาก ผมจะเลี้ยงดูมันเสมือนเมียน้อยคนนึงเลย จัดเพื่อนเจ้าบ่าวให้ด้วยเอาสิ



โอ๊ค พี่ชายที่แสนดี เอาจริงนะผมอยู่ใต้เงามันมาตลอด เราเป็นฝาแฝดที่หน้าเหมือนอย่างกับแกะ แต่พี่แกเสน่ห์แพรวพราว สาวกรี้ดกว่าผม คนว่าผมดูเด็ก ก็เลยจะถูกชมไปทางน่ารักซะมากกว่า  นมของม๊าเต้าขวา คงแย่งสารอาหารเต้าซ้ายไป ผมถึงได้หัวทื่อพอกับไอ้ดอย เรียนอะไรก็ตกมั่ง ขอลอกโอ๊คมั่ง ทั้งห้องนี่ผมชนะไอ้ดอยคนเดียว

พอเรียนสายสามัญไม่ไหว จะไปสายช่าง ป๊าก็เป็นห่วง แต่ผมก็ไม่อยากฝืนตัวเองแถมชอบงานสายช่างมากกว่า ที่จะไปทนเรียนอะไรซึ่งไม่ชอบ โอ๊คก็มาเรียนตามเพราะรู้ว่าถ้ามีเขา ป๊าก็จะไม่ห่วงผม ทั้งที่มันได้ทุนเรียนดี เรียนต่ออะไรอีกมาก แต่ความเป็นพี่ชายของมันชัดเจน จนบางทีผมก็เคยตัว รู้ว่ามีมันอยู่ข้างหลังตลอด ผมก็ง่าย ๆ สบาย ๆ ไปเรื่อยเปื่อย 

ขนาดพ่อแม่จะให้ผมเริ่มออกมาช่วยงาน  พี่ชายฝาแฝดของผมก็แย่งไปทำเองแล้วให้ผมโฟกัสกับการเรียน โอ๊คมันทำทุกอย่างเหนื่อยเป็นสองเท่าเพื่อให้ผมได้เที่ยวเตร่เตะฟุตบอล แล้วเงินเดือนที่ป๊าให้ มันก็มาแบ่งผมอีก พี่ผมประเสริฐไหมครับ

ถามว่าผมอิจฉาพี่ชายผมไหม แม้เขาจะเป็นส่วนหนึ่งของผม ก็ต้องพูดแบบใจจริงว่า ไม่มีใครอยากอยู่ใต้เงา แบทแมน ไปตลอดหรอกครับ  โรบิน มันไม่เท่ มันไม่ใช่พระเอก สาวคงไม่กรี้ดโรบินกัน เขาหันไปมองแต่แบทแมน  แต่คุณงามความดีของพี่ชายผม มันทำให้ผมอิจฉาไม่ได้นาน เอาเข้าจริง โอ๊คเหมือนเทวดาประจำตัวผมด้วยซ้ำ   แล้วตอนนี้ ผมก็จะต้องทำบางสิ่งบางอย่างให้พี่มั่ง     

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมเหนือกว่าโอ๊ค คือผมเผชิญกับปัญหาซึ่งหน้าได้ ไม่แอบทนทุกข์ ไม่หนี ไม่หลีกเลี่ยงแบบที่โอ๊คทำมาทั้งชีวิต นายอาร์มคนนี้ เป็นคนคิดแบบเหตุและผล ไม่ใช้ใจในการนำพามากนัก ผมชอบวิทยาศาสตร์แม้จะเกือบติดเอฟวิชานี้



โลกจะแตกแล้ว จะทำอะไรก็รีบทำกันเหอะครับ ผมล่ะโคตรกลัวชะมัด ก็ยังไม่ทันได้ถลุงสมบัติป๊ากับม๊าเลย  ครั้งเมื่อตั้งแต่เสียอุ๋มอิ๋มไป ป๊าล่ะลุยลงทุนแบบไม่กลัวเสี่ยงเจ๊ง แต่ดันรุ่งเรืองไปซะทุกอย่าง เหมือนสวรรค์ปลอบหัวใจช้ำของม๊ากับป๊าด้วยความสำเร็จทางการเงิน 

พอผมฟังไอ้เด็กโอเล่ เล่าให้โอ๊คฟังเรื่อง หนอนเมลิสซ่า ที่แพร่ระบาดในอีเมล์ตั้งแต่ต้นปี ผมมีทฤษฎีว่า โลกจะพินาศก็เพราะคนประสงค์ร้ายแน่นอน ไม่ใช่เพราะสิ่งมหัศจรรย์อะไรพิลึกพิลั่นหรอก คิดดูสิครับทุกท่าน แผ่นดินไหวที่ตุรกี ตายกันไปเท่าไหร่ มหาอำนาจมันต้องลองอาวุธกันใต้แผ่นพิภพเป็นแน่ ผมเชื่อแบบนั้น มันหย่อนความขัดแข้งไปในความเชื่อ ศาสนา แล้วย่ำยีให้คนโกรธแค้นกัน แข่งกันไปนอกโลก ไหนจะความลับในนาซ่า

ผมอ่านหนังสือแต่ละเล่มแล้วผมจะบ้าตาย โอเล่มันยังบอกอีกว่า มีการสอดแนมผ่านโปรแกรม MSN ที่กำลังฮิต แล้วไอ้เลขฐาน 2 ฐาน 4 อะไรนี่อีก คอมพิวเตอร์ทั่วโลกจะพินาศ เครื่องบินจะตก ดาวเทียมจะพัง คนจะแฮ็กข้อมูลมาโจรกรรม ผมว่า ใครมีอะไรต้องสะสาง รีบทำกันนะครับ นี่ลือกันให้ทั่วในอีเมล์ ว่าปลายปีนี้จะก่อวินาศกรรมกันแถวทะเลดำ แล้วจะสร้างระเบิดลูกใหญ่มาถล่มทะเล เฮ้ย หัวใจมึงทำด้วยอะไรกันวะ

คนรอบข้างผมดูหวาดหวั่นกันไปหมด โดยเฉพาะน้าแจ้กับเจ๊นกน้อยนี่ แอบไปขวัญผวากันตอนดึกอยู่หลายหน มีแค่ไอ้โอ๊คที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องวันพิพากษานี่เท่าไหร่ ความจริงคนเราถ้าสนใจเรื่องตัวเองและคนรอบข้างให้มากขึ้นกว่าเรื่องการเมือง ที่นับวัน ผมเริ่มรู้สึกว่า มันไกลตัวมนุษย์ปุถุชนเข้าไปทุกที 

เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมสรุปให้อย่างง่ายเลยนะครับ กับคนรอบข้างตัวของผมทั้งหมด ว่าทุกอย่างจะจบลงเป็น เรื่องเศร้า หรือแฮ็ปปี้เอนดิ้ง


ไอ้ดอย เพื่อนเกลอ  มึงต้องพาเมียมึงไปหาคุณตาที่ดุอย่างกับเสือให้ได้ ผ่านพ่อมึง ผ่านแม่มึง แล้วก็ด่านตามึงเป็นปราการหินสุด ถ้าทุกอย่างลงตัว ชีวิตมึงจะสวยหรู  ป๊าม๊ากูปลื้มมึงมากกับสิ่งที่มึงทำให้พวกกูสองพี่น้อง มึงอยากจะเปิดร้านขายห่าเหว อะไร รับรองเขาดันมึงสุดตัว กูก็จะเอาสมบัติกูนี่แหล่ะช่วยเหลือมึงจนวันตาย  แต่ปัญหาเรื่องหัวใจ มึงต้องพึ่งตัวเองนะเพื่อนรัก  กูจะอยู่ข้างมึงเสมอ เหมือนสเปรย์รอยัล เคียงข้างโซดา  แต่กูชมมึงเลย กล้าพาว่าที่พ่อตาไปแช่น้ำแร่คุยปัญหาชีวิต มุกนี้กูยืมไปใช้ได้ไหมวะ เจ๋งโครต


โอ๊คพี่สุดที่รัก มึงก็อีกตัว ขอหยาบคายหน่อยเหอะ น้องตกใจเหมือนกันที่ทำไมอยู่ดีๆ พี่ก็เปลี่ยนแนว เลิกฟันสาว มีแต่ผู้ชายรุมล้อม เอาเป็นว่า พี่เป็นอะไรผมก็รัก ไปใช้ชีวิตซะ ไปเรียนต่อหรือจะไปเที่ยวรอบโลกมึงก็ไปเหอะ กูจะหาเงินเลี้ยงมึงเองนะคุณพี่บังเกิดเกล้า ทำเพื่อคนอื่นมามาก ไปทำอะไรให้ตัวเองบ้าง เดี๋ยวบุญมันจะท่วมตัวไม่ทันได้ใช้  แต่ตอนนี้ น้องมีเทใจเชียร์ให้ไอ้มือกลองว่ะ รวยชนรวย กิจการเราจะรุ่ง แถมพ่อแม่เขาก็ปลื้มมึง ป๊าม๊ามึงก็ปลื้มเขา  แต่ไอ้เด็กโอเล่นี่ก็น่าสน เด็กอะไรวะ โครตเก่ง เก่งเหมือนมึงเลยนั่นแหล่ะไอ้โอ๊ค เลือกให้ดี น้องคนนี้เอาใจช่วย  อย่าช้าเหมือนตอนจีบปุย ดูไอ้ดอยคาบไปแดก เจ็บไหมล่ะหัวใจ


มะนาวคนสวยของพี่ มีปัญหานึงที่แก้ไม่ตก และถ้าสักวันหนึ่ง มะนาวรู้เข้า มะนาวจะยังยอมให้พี่เดินหน้าจีบไหม เราสองคนเข้ากันได้ดี มีแต่คนอิจฉา แม้ว่าน้องไม่ได้รักพี่เลยแต่เริ่มต้น แต่ตอนนี้พี่รู้ได้ว่าน้องเริ่มมีใจ ใต้ต้นจามจุรียักษ์น้องอธิฐานอะไรทำไมหันมามองที่พี่  หรือตอนไปน้ำตกเอราวัณน้องก็ไม่ร้องตามไปหาไอ้ดอย หาไอ้โอ๊คแบบทุกที เลือกที่จะอยู่กับพี่อาร์มคนนี้ไม่แสดงท่าทีเบื่อ  ไหนจะลองจับมือในโรงหนังน้องก็ไม่บ่น พี่แอบเห็นนะ ว่าในไดอารี่มีเขียนชื่อพี่อยู่เต็มไปหมด  หนูเดียร์เพื่อนสาวที่พี่ส่งส่วยให้ช่วยเชียร์ก็แอบส่งข่าวว่าน้องพูดแต่ถึงพี่ เอาล่ะงานนี้พี่ต้องเร่งความเร็ว เดินหน้าท้าชน ขออย่างเดียว แม่ห้อง 2D อย่าเพิ่งเผยตัวออกมา มิเช่นนั้นพี่อาจจะแห้ว 


มะนาว.. พี่ไม่เคยรังเกียจอดีตของมะนาวเลย อะไรที่ผ่านไปแล้ว ก็ผ่านไปเถิดนะ อย่าเกิดมาคิดและจมกับมัน ลบความทรงจำที่เลวร้ายไปให้หมด แล้วมาเริ่มต้นใหม่กับพี่ เราจะก้าวข้ามผ่านมันไปไม่ได้ถ้ายังเอามันมาย้ำตัวเอง  ดอกไม้สีสวย มันเฉาได้ แต่ความงามยังตราใจผู้คนที่เห็น กลิ่นของมันยังติดอยู่ เหมือนความงามของมะนาว ความผุดผ่องบริสุทธิ์ของเด็กสาวที่พี่คุ้นเคยมาทั้งชีวิต ไม่มีเดรัจฉานตนใดจะพรากความทรงจำแสนหวานของพี่ได้ มะนาวนั่นแหล่ะ ต้องเป็นฝ่ายล้างใจโทรมช้ำ แล้วมาเริ่มกันใหม่นะ.. พี่จะรอ



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DekPed

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่อาร์ม คนจริง 1999

ออฟไลน์ Hyenas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คนแบบอาร์มหายากนะ คนอื่นอาจมองว่าเป็นตัวประกอบ แต่เอาเข้าจริง ทำให้ทุกสิ่งลงตัว ก็ด้วยความตั้งใจ

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

Track 20 : ใจที่ฉันให้เธอ เธอก็แค่รับไป เธอไม่ต้องมอบสิ่งไหน กลับคืนมาให้ฉัน..

“ปุย แม่ตุ๋นต้มมะระเห็ดหอมของโปรดลูกไว้เต็มหม้อเลย  รีบลงมากินสิลูก”

“ครับแม่ เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จผมจะรีบลงไปครับ”

สองแม่ลูกซึ่งสนทนากันอย่างสนุกสนานในความทรงจำสีขาวดำที่ค่อยเลือนไป นั่นเป็นมื้อสุดท้ายของหนุ่มน้อยคนหนึ่งจะรำลึกถึง โต๊ะทานข้าวไม้สีน้ำตาล กับวันคืนที่ไม่มีแม่อีกเลย   ภาพเหล่านี้คอยหวนกลับมาหาปุยเมฆยามฝัน เขาไม่ได้สะดุ้งตื่นแบบในละครหลังข่าวยามในภวังค์อันหดหู่วนเวียนเข้ามา  แต่มันก็ทำเอาเขาน้ำตาซึมอยู่ไม่น้อย  ปุยคว้ากระปุกสีขาวตรงหัวนอน เทยาออกมาหนึ่งเม็ด แล้วกลืนกินลงไป พยายามที่จะข่มตานอน เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เขาก็หลับไป





“ทำไมต้องไปซื้อคอนโดเตี้ยๆแพงล่ะ โอ๊คกลัวความสูงเหรอ” ชายหนุ่มหน้าตาดีผิวพรรณสะอาด ใส่เสื้อโปโลสีขาว นั่งทานไอศกรีมร้าน ติ๊กไอศกรีม ที่แต่งเป็นร้านกระจกใสติดสติ๊กเกอร์สีสัน และเพ้นท์รูปการ์ตูนเต็มไปหมด

“เปล่า ป๊าไปซื้อไว้เพราะว่าจะให้ไปเรียนรู้ระบบการจัดการ ส่วนกลาง แปลนจอดรถ หลายๆอย่างน่ะ” หนุ่มหน้าหล่อคมถามอีกคนที่กำลังตัดแพนเค้กแผ่นอวบฟู ราดด้วยน้ำผึ้ง และมีกล้วยที่ฝานเป็นแผ่นบางโปะอยู่เต็มหน้า 

“แล้วทำไมไม่ซื้ออันสูงๆล่ะ ปลูกแล้วสวยดีจะตาย เรายังอยากให้โรงแรมพ่อเราทำสูงๆเลย”

“ไม่ได้ เมืองกาญจน์เรามีผังเมือง ห้ามสูงเกินกำหนด เพราะเราเป็นเขตเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวนะกลอง ต้องเป็นโลว์ไรส์”

“เหรอ เราไม่เคยรู้มาก่อนเลย พอพ่อให้ไปบริหารโรงแรม ก็ได้แต่ทำงาน ความรู้ใหม่เลยนะเนี่ย”

“คอนโดสไตล์ โลว์ไรส์ปลูกยาก ถ้าตกแต่งได้ไม่ดีจะเหมือนกับอพารท์เม้นท์หรือพวกแฟลตไปเลย ที่จอดรถมักจะไม่ได้อยู่ใต้อาคารด้วย ผังมันวางยากกว่า ป๊าก็จะดูว่า ที่ดินแปลงไหนในมือบ้านเราพอจะทำได้ ถ้าไม่ได้ก็จับแปลงใหม่”

“แล้วนี่ที่ต้องไปอยู่นานๆ คือ ไปปลูกที่กรุงเทพก่อนเหรอ” มือกลองใช้ช้อนยาวกวาดไอศกรีมที่ก้นแก้วจนเกลี้ยงเข้าปาก

“เปล่าๆ ไม่ใช่ พอดีเพื่อนป๊าเขากำลังปลูกที่ศาลาแดง ป๊าบ่นอยากเรียนรู้งาน โอ๊คเลยขั้นอาสาไปเอง อยู่นี่ก็ไม่มีอะไรทำ”

“ไม่ได้หนีอะไรเนอะ”

“ทำเป็นรู้ดี”

“โอ๊ค”

“หึมมม”

“โอ๊ค รู้เปล่าว่า ตอนเด็กเวลาเราต้องตามพ่อไปประชุมสโมสรโรตารี่ แล้วถ้าบ้านโอ๊คไม่ไปอ่ะ เราก็ไม่รู้จะคุยกับใคร”

“เหมือนกันเลย เวลาเราต้องตามป๊าไป เราก็ไม่รู้จะคุยกับใครเหมือนกัน ต้องมองหามือกลองก่อนเลย”

“ไม่เหมือนอาร์มเนอะ คุยกับผู้ใหญ่คล่องเชียว”

“มันกะล่อน อันนี้ต้องยอมมัน ใครก็พากันพูด ว่าแฝดน้องน่ารัก เป็นเด็กดี”

“แล้วแฝดพี่ล่ะ”

“เขานินทากับว่ายังไงล่ะ เล่ามาสิ ยิ่งพวกลูกท่านหลานเธอที่นั่งเชิดกันโต๊ะเดียวกับกลองน่ะ”

“แฝดพี่ชอบไปยืนทำเก๊กหล่อหลบอยู่หลังถาดบุฟเฟต์”

“ไม่ได้เก๊ก มันหล่อเองเว้ย”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“หรือจะเถียง”

“ไม่เถียงหรอก.. ไม่มีใครคิดจะเถียงกับใครเรื่องความหล่อของแฝดพี่เลย”






ช่วงบ่ายแก่ ๆ ของอากาศที่เริ่มเย็น มีรถไก่ย่างเข็นผ่านหน้าร้านอาหารเจ๊นกน้อย ซึ่งเจ้าของร้านวิ่งออกไปเรียกรถเข็นให้หยุดพร้อมซื้อหาของทานเล่นมาเติมที่โต๊ะสังสรรค์  มีแจ้ที่กำลังเริ่มซัดเบียร์แก้วโต  กับโอเล่ในแว่นหนา ที่ตักกับข้าวฝีมือนกน้อยทานด้วยความอร่อยอย่างออกหน้าออกตา

“เจ้านี่ตูดไก่อร่อยมากเลยน้องโอเล่ เจ๊คอนเฟิร์ม อ่ะแบ่งให้สองไม้พอ เดี๋ยวจะติดใจลืมเนื้อไปเลย”

“ผมไม่เคยทานเลยครับ มันแหยะๆ” หนุ่มน้อยตัวบาง ขยับแว่นหนาพิจารณาไม้เสียบไก่ที่ถืออยู่ในมือ

“คุณโอเล่ ลองแล้วจะติดใจ น้าแจ้คนนี้ท้าเลย ตูดไก่นี่มันทั้งมัน ทั้งนุ่มลิ้น ถึงกินมากจะอ้วนก็เหอะ ลองดูสิครับ”

โอเล่ที่ทนเสียงทันทานไม่ไหว ลองส่งตูดไก่ชิ้นแรกในชีวิตเข้าปาก เขาหลับตาปี๋เคี้ยวอยู่พัก ก็ต้องลืมตาโตก่อนจะดึงขนไก่ ออกจากปากพร้อมกระดูกแกนชิ้นเล็ก

“เจ๊ว่าแล้ว ติดใจตูดเข้าอีกรายแล้วสินะ คริ คริ”








ในห้องนอนของชั้น 3 ห้อง A มีชายหนุ่มสองคนนอนอยู่บนเตียง ปุยเมฆนอนหงายหน้านุนหมอน มียอดดอยนอนตะแคงเอามือท้าวหนุนศีรษะอยู่ข้างๆ มืออีกข้างของดอยไต่อยู่บนเนินอกที่ขาวเนียนของปุย

“คนญี่ปุ่นเขาต้องนมโตๆ ไม่ใช่เหรอ”

“ไอ้คนบ้า หื่นชะมัด” ปุยรีบเอามือทั้งสองข้างกุมที่หน้าอก ป้องกันการโดนนิ้วไต่ไปมาจนเขาจั๊กจี้

“อ้าว เห็นแต่ละคน นมนี่อย่างตู้ม”

“คนกะเหรี่ยงเขาก็ไม่ใส่กางเกงในกันไม่ใช่เหรอ นี่แหน่ะ” ปุยทำทีใช้มือไปคว้ายอดน้อยแบบทีเล่นทีจริง แต่ปลายนิ้วดันไปสัมผัสกับบางอย่างเข้าโดยไม่ตั้งใจ จนปุยเงียบและหน้าแดงไป

“ไง.. เจอกะเหรี่ยงน้อยเข้าให้ สาวยุ่นเป็นใบ้ไปเลยเหรอ”

“ไอ้บ้า ไอ้คนทะลึ่ง กะเหรี่ยงผีทะเล” ปุยรีบหันพลิกตัวหนีหน้า ไปอีกทาง ทำเอายอดดอยหัวเราะ และเอื้อมแขนมาโอบกอดจากด้านหลังของปุยเมฆ  เขาหอมลงตรงต้นคอที่ขาวเนียน ใต้ไรผมที่เพิ่งไถตัด ยอดดอยเอาคางที่มีตอเคราซึ่งเพิ่งจะโกนเมื่อสองวันก่อน ถูตรงหลังคอนั้นอย่างแผ่วเบา วนไปมา จนปุยขนลุก

“หันหลังให้นี่คือยอมแล้วใช่ไหม”

“ทำไมในหัวมีแต่เรื่องพวกนี้ล่ะ”

“ไม่รู้สิ ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย นะครับ นะ.. นะ..”

“ไม่”

“นะ.. นะ..”  ดอยยังคงเอาปลายคางของเขา ควงถูจากท้ายทอยแล้วมาสู่ซอกคอของปุย เขายกคางขึ้นแล้วเปลี่ยนเป็นก้มลงมาจูบที่ซอกคอ เขาฝังจมูกลงไปสูดกลิ่มหอมจากหนุ่มน้อยในอ้อมกอด  ก่อนที่ปุยจะพลิกตัวมาเผชิญหน้า ลมหายใจที่รดใส่กันมันอุ่นร้อนจนแทบดึงสติของทั้งคู่ไม่อยู่

“ไว้ขอให้พร้อมกว่านี้นะครับ..”

“อย่านานนะ สงสารกะเหรี่ยงน้อย” ดอยเอื้อมไปหอมที่หน้าผากของปุย แล้วกอดปุยไว้อย่างนั้น จนปุยหลับไปทั้งรอยยิ้ม





โต๊ะอีกตัวถูกยกมาวางต่อกัน เมื่อมีผู้มาเยือนเพิ่ม นกน้อยหยิบจานและช้อนส้อมให้กับ อาร์มและมะนาว ที่เพิ่งเดินทางมาถึง เห็นกับข้าวมาวางเพิ่ม มะนาวก็แสดงสีหน้าตื่นเต้นกับความน่ากินของมัน

“ตั้งแต่มีหนูมะนาวกับหนูปุยเนี่ย พวกเราได้นั่งนาน นั่งพูดคุยกับบ่อยดีนะ” แจ้เอ่ยปากเป็นคนแรก พร้อมยกแก้วเบียร์ชนกับอาร์ม ที่ดูมีท่าทีเขิน

“มานั่งกินกันให้บ่อยเลยนะ เจ๊เหงา กับข้าวนี่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเลย ของในครัวใครจะกินอะไรบอก เจ๊ยินดี”

“มะนาวชอบฝีมือพี่นกน้อยมากเลยค่ะ ยำนี่เครื่องถึงมาก นี่ถ้าลูกค้าไม่แน่นร้านแทบทุกวัน คงต้องแวะมารบกวนบ่อย”

“เจ๊ก็คิดตังบ้าง ผมจะได้ไม่ต้องเกรงใจ เอาแบบที่ไอ้ดอยเลี้ยงตอนถูกหวยอย่างนั้นก็ได้ พวกผมซื้อของสดให้เจ๊ทำให้ แล้วก็มานั่งกินด้วยกัน” อาร์มเสนอ

“เออ เป็นความคิดที่ดี น้าเห็นด้วย” แจ้ชนแก้วกับอาร์มอีกครั้ง ยิ้มมีเลศนัยระหว่างสองหนุ่ม ทำเอามะนาวหยิกที่แขนอาร์ม

“แล้วนี่ ร้านคอมกำไรดีไหมคะโอเล่” มะนาวถามหนุ่มที่ไม่ค่อยพูด แต่ก็ดูคล้ายอยากมีส่วนร่วมในบทสนทนาเป็นระยะ เพียงแต่หาจังหวะไม่ได้  มะนาวจึงพยายามชวนคุยแทนทุกคน

“ก็ดีนะครับ แต่ผมไม่ได้หวังกำไรอะไรอยู่แล้ว แค่เซ้งไว้เป็นโต๊ะทำงาน”

“น้องเขามานั่งเฝ้าพี่ชายของพี่ใช่ไหมล่ะ” อาร์มแหย่

“......”

“เฮ้ยยย อย่าซีเรียส ใครก็ดูรู้น่า เอาใจช่วยนะ พี่ล่ะชอบคนทำกิน”

“แต่ผมว่า เฮียอาร์มคงเชียร์ผิดคนแล้วล่ะครับ” โอเล่ก้มหน้าไปที่จานที่ตอนนี้ว่างเปล่า มือใช้ส้อมเขี่ยเศษเปลือกกุ้งออก

“เรียกเฮียเลยว่ะ กลัวเพี้ยนชิบหาย อ้าว เฮียก็เฮีย คือ เฮียไม่รู้หรอกว่า โอ๊คมันจะไปทางไหน เอาเป็นว่า โอเล่มากินมาเที่ยวกับพวกเฮียได้ โดยไม่ต้องลังเล มาสนิทกับเฮีย กับมะนาว ติดสอยห้อยตาม เดี๋ยวถ้าโอ๊คมันจะชอบทางไหน มันก็คงจะแสดงให้เห็นเองแหล่ะ ของแบบนี้ มันต้องมีความหวังสิวะ”

“ผมนึกว่าเฮียอาร์มจะอยู่ฝั่งพี่มือกลอง”

“ห๋า น้องมือกลองคุณหนูแห่งตระกูล สุวรรณปุระ อ่ะนะ  เจ๊ตกข่าว หรือนี่ พี่แจ้ทำไมไม่บอกหนู ให้ความลับมันตายไปกับหัวเถิกล้านนั่นเลยไป”

“โถว อย่างอนตะลุบตุ๊บป่องไปสิ อะไรที่ยังไม่ชัดเจน เราก็ไม่ควรเอามาพูด” แจ้แก้ตัวให้นกน้อยฟัง

“น้า ป่านนี้แล้ว เอาเป็นว่า มุมแดงมือกลอง กับมุมน้ำเงินโอเล่ งานนี้ มีลุ้น นายอาร์มคนนี้ เอาความหล่อเป็นประกัน”








“เชื่อเรื่องวันสิ้นโลกไหมอ่ะ” ปุยที่ลืมตาขึ้นได้สักพัก ยังสลึมสลืออยู่ในอ้อมกอดของผู้ถูกถาม

“มันก็ส่งสัญญาณแปลกๆนะ นี่ว่าถามคุณตา ว่าจริงไหม คุณตาก็บอกว่าให้สนใจการเรียนแทน” ยอดดอยเอากุมหน้าผาก

“ตานี่ปากร้ายเนอะ แล้วท่านใจดีไหม อาร์มเล่าว่า ท่านเป็นผู้นำจิตวิญญาณของคนทางนั้นเลยเหรอ”

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น คือ พม่า จะมี มอญกลุ่มนึง  กะเหรี่ยงก็กลุ่มนึง แถวบ้านตา เป็นกะเหรี่ยงเผ่าโพล่ ตาก็เหมือนเป็นออง ซาน ซูจี แห่งเผ่าเขตนี่แหล่ะ คุณตาดูอนาคตได้ด้วย ชาวบ้านเรียกท่านว่า ท่านเป็นบุตรแห่งสายน้ำรันตี”

“อ้าว อย่างนี้ ที่สะพานมอญ ก็เป็นคนมอญ ไม่ใช่คนกะเหรี่ยงน่ะสิ เรายังนึกว่า ทั้งหมดคือพม่า”

“ทั้งหมดอยู่ในพม่า แต่ มอญเอง กับ กะเหรี่ยงก็แย่งพรมแดนกันมาตลอด พม่าก็ผลักเราออก คนไทยน่ะดีนะ ต้อนรับชนเผ่าคุณตา ทุกคนเลยอพยบมาพรมแดนไทย ใต้พระบรมโพธิสมภาร ทุกอย่างดูปลอดภัย ผู้คนกินได้ นอนหลับ ไทยเหมือนที่พักพิง แต่ด้วยการเมือง มันก็ยังต้องรบกันไปอีกสักพักล่ะ”

“หลวงพ่ออุตตมะ ที่คุณตาเป็นลูกศิษย์ นี่ท่านดังมากเลยเหรอ”

“ที่สุดรูปนึงเลยล่ะปุย  ท่านเป็นคนมอญ แต่โอบอ้อมคนกะเหรี่ยงมาอยู่ด้วยกัน ที่สังขละบุรี เราจะไม่ได้ยินคนมอญและคนกะเหรี่ยงทะเลาะกัน ตราบเท่าที่เราเป็นศิษย์หลวงพ่ออุตตมะด้วยกัน”

“ท่านอายุเท่าไหร่แล้ว”

“89”

“เล่นไปกี่งวดล่ะ”

“ทุกงวด เฮ้ยย ไม่ใช่ นี่ปุยทำไมมองดอยเสียหมด”  ดอยฟัดที่ซอกคอปุยเป็นการแก้เกี้ยว

“ไว้พาเราไปไหว้ท่านบ้างนะ เราอยากเจอ  อยากเจอคุณตาด้วย ท่านดุมากไหม ได้ข่าวว่าหลานรักเลยนี่เราน่ะ”

“คุณตารักเรามาก ท่านไม่ดุ แต่ลูกคุณตากลัวท่านกันทุกคน โดยเฉพาะน้าแจ้ โดนด่าประจำ แต่กับเรา ท่านดีมาก”

“ท่านเดาอนาคตพวกเราได้ด้วยไหม”

“ดีไม่ดี  ท่านมองเห็นมันไปแล้วด้วยซ้ำ”








“ดนตรี นั้นคือชีวิต จังหวะคอยลิขิตให้ชีวิตก้าวไป.. แสงสีที่สวยสดใส นั้นเป็นจิตใจที่สดใสเสรี” นกน้อยเอาขวดพริกไทยกระป๋องใหญ่ มาเลียนแบบไมโครโฟน พร้อมเต้นเข้าจังหวัดตู้คาราโอเกะหยอดเหรียญซึ่งวางซ่อนสายตาตำรวจที่หมั่นตรวจลิขสิทธิ์เพลง ดังจากท้ายร้านมา  ที่โต๊ะหน้าร้าน บัดนี้มี โอ๊ค และ ปุย กับ ดอย ตามมาสมทบ

“แหม ตั้งแต่จะย้ายถิ่นฐาน รู้สึกว่าจะมีคนเลี้ยงส่งทุกวันเลยนะคุณโอ๊ค   ไอ้อาร์มมึงดูหัวบันไดบ้านมึงด้วย อย่าให้เปียก”

“แฉะเลยว่ะไอ้ดอย กูนี่งงเลย หัวบันไดบ้าน หรือน้ำตกเอราวัณ” อาร์มซึ่งประสานกับดอย แท็กทีมกันแซวโอ๊ค ที่ไม่ได้แสดงทีท่าสะท้านเสียงแซวจากเพื่อนตามประสาคนมาดนิ่ง มีโอเล่ที่นั่งหน้าเฉยอยู่ตรงข้าง กับน้าแจ้ที่บัดนี้เมาได้ที่

“แล้วนี่ ไปฝึกงานตั้งเดือนหน้า จะรีบย้ายของไปไหนล่ะ” ปุยที่มีรอยผื่นแดงที่ซอกคอ พยายามเอาคอเสื้อปิดบังสายตาโอ๊ค

“บริษัทมันใหญ่ พีเรียดฝึกงานสั้น ขอเขาไปก่อนจะไปร่วมกับแผนกเคาะตัวถังก่อน แต่พอเดือนหน้าก็ฝึกเรื่องสีจริง”

“ขยันโครต ที่กูคือหาวิธีไหนที่จะอู้งานให้ได้มากที่สุด ยิ่งบริษัทป๊ากูเองด้วย เดี๋ยวพาไอ้ดอยเข้าไปเล่นเกมห้องผู้จัดการ” อาร์มเสนอทางเลือกเชิงสร้างสรรค์

“ไม่เอาอ่ะ กูอยากเรียนรู้จริงว่ะงานนี้ ถ้าบริษัทไอ้โอ๊คขอรับกู ก็อยากไปกับมันหรอกนะ แต่นี่เขาคัดจากเกรดเฉลี่ย ได้ฝึกบริษัทป๊ามึง กูยิ่งต้องขยัน” ดอยยืนกราน








ร้านหวานเย็น มะลิซ้อน ที่หัวมุมทำเลดีของตลาดโต้รุ่ง มะนาวกำลังจัดการบัวลอยไข่หวานตรงหน้า ในขณะที่อาร์มที่เพิ่งซัดข้าวต้มสามเหลี่ยมน้ำวุ้นจนหมดถ้วยไป ก็สั่งเฉาก๊วยลูกจาก มาทานเพิ่ม

“มะนาวชอบนั่งทานกันที่ร้านพี่นกน้อยจังพี่อาร์ม เหมือนเป็นครอบครัวใหญ่ สนุกดีเนอะ”

“ชอบก็ไปกันบ่อยๆสิ อยากมาเมื่อไหร่ ก็เพจมาบอก พี่จะรีบโทรกลับเลย”

“พี่อาร์มนี่เหมือนสารถีประจำตัวมะนาวเลยเนอะ”  มะนาวตักไข่หวานที่เธออยากทานเพียงครึ่งเดียวส่งเข้าปากอาร์ม

“พี่อยากเป็นมากกว่านั้น ถ้ามะนาวไม่โกหกตัวเอง มะนาวก็รู้”

“ขอบคุณที่ดีกับมะนาวนะพี่อาร์ม ขอมะนาวเรียนให้จบก่อน ยังไงคงไม่ใช่คนอื่นไปหรอกค่ะ” เจ้าตัวเขินอาย และก้มลงเขี่ยบัวลอยจนแป้งติดกันเป็นก้อน

“พี่ไม่ได้รู้สึกว่าต้องรอนะ ถ้าพี่ไม่ใช่คนนั้นของมะนาว พี่ก็ไม่ดื้อดึง แต่พี่อยากจะดูแลมะนาวไปอย่างนี้ ในฐานะพี่ชาย และก็ผู้ชายคนหนึ่ง”

“มะนาวมีคำตอบในใจตั้งนานแล้วล่ะคะ”




ออฟไลน์ Hyenas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Track 21 :   ปล่อยให้ไหลไป.. ให้ลอยลงสู่ทะเลให้หายไป..ให้มันอย่าคืนย้อนมา

“ยกโคมเลยพี่ เอาเป็นซีนอน 14000K  ท่อชุบดำแบบมีขอบโครเมี่ยมตรงปลายท่อด้วย”

“มึงอยากไดโปรเจคเตอร์ซีนอน หรือ เอาแค่แหวนซีซีเอฟแอลล่ะ ชุบชั้นเดียวหรือสองชั้น”

“โก๊ดอยก็เลือกให้ผมดิ งั้นโก๊จะกินกำไรผมทำซากอะไร”

“ปั๊ดเดี๋ยวเหอะไอ้กล้า เดี๋ยวกูเตะให้ มึงก็ต้องช่วยดูสิวะ ว่าอยากได้แบบไหน เดี๋ยวส่งมาไม่ถูกใจกูไม่ให้คืนนะ”

“ผมเคยคืนของเฮียด้วยเหรอ”

“เดี๋ยวเรียกเฮียเดี๋ยวเรียกโก๊ มึงเอาให้แน่”

“เรียกเฮียดอย น่ารักกว่า เฮียดอยกับซ้อปุย อะไรอย่างนี้”

“เออ เข้าท่า เฮ้ย มาแล้วหยุดก่อนเลยมึง”  ดอยที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับลูกค้าขาโจ๋  กล้า วัยรุ่นหนุ่มที่ขยันสั่งของมาแต่งรถมอเตอร์ไซค์ที่มีเป็นสิบคัน จนดอยเองต้องเกรงใจ คิดราคาพิเศษให้อยู่ตลอด   ดอยเบรกกล้าที่กำลังแซวเขากับปุย ซึ่งตอนนี้ ปุยเดินเข้าร้านคอมใต้หอมาถึงที่หน้าประตูแล้ว

“นินทาอะไรเรา” ผู้มาใหม่ทำให้ดุใส่

“เปล่าจ้า ไอ้กล้ากำลังคุยเรื่องของแต่งรถ”

“ใช่ครับซ้อ เอ้ยยย พี่ปุย นี่ผมกำลังให้เฮียดอย สั่งของล็อตใหญ่”

“อ้าว แล้วที่เพิ่งสั่งมาเมื่อตอนถูกหวยตั้งเยอะล่ะ”

“โหว นั่นขายหมดไปตั้งนานแล้วครับพี่ปุย จนเสียหวยไปอีกสามรอบแล้ว” กล้ารีบแถลงแทน

“มึงนี่น่าจะโดนตีนนะ เดี๋ยวกูไม่จ่ายค่าหวยป๊ะป๋ามึงแล้วไอ้กล้า ทีตอนถูกกันเยอะ ป๊ะป๋ามึงก็จะเฉลี่ย แต่พอกูเสียไม่เห็นเฉลี่ยให้ซะที แม่ง” ดอยทำหาเอาเรื่องกล้า ลูกเจ้าของโต๊ะหวยที่ใหญ่อันดับต้นของจังหวัด

“โถ่ เฮียดอย บ้านผมนี่ จ่ายเยอะกว่าใคร แถมทั้งลด ทั้งแถม ไปดูหวยบ้านตาช้างแดง ปีนึงเฉลี่ยกี่ครั้ง ไปเล่นเกมต่อดีกว่า เอาตามนี้พี่ แล้วก็ แฮนด์แต่งของเพื่อนๆผมด้วย เอาสีจ๊าบๆนะเฮีย”

“เออ เดี๋ยวมาแล้วกูโทรไปบอก พอดีกูจะไปส่งปุยที่วิทยาลัย แต่กระเป๋าหนังข้างรถของพ่อมึงนี่เอาจริงเหรอวะ แก่ชิบหาย สั่งหลายอันด้วยกูไม่รับคืนนะ”

“สั่งมาเลยเฮีย เดี๋ยวผมขอมัดจำป๊ะป๋ามาเพิ่มให้ก็ได้ เขาจะแขวนฮาร์เลย์เขา ที่เหลือก็ของเพื่อนก๊วนไท้เก๊กเขาน่ะ ขับฮาร์เลย์ไปเล่นไท้เก๊ก บางทีก็ควรสงสารภาพลักษณ์รถบ้างนะ”

“เออ มาแล้วกูโทรบอก แล้วคืนนี้ไปลอยกระทงที่ไหนล่ะมึง ไม่เข้าเรียน ดอดมาเล่นเกมเนี่ย” ดอยถามกล้าที่ควรจะอยู่ในโรงเรียนในเพราะเป็นวันจันทร์

“ก็เย็นนี้ผมต้องไปประกวดหนุ่มน้อยนพมาศห่าอะไรก็ไม่รู้ ครูจะจับตัดผมด้วย เซ็งชิบหาย นี่ให้ผมออกมาซอยผม แล้วเอาห่วงที่หูออก แล้วเปลี่ยนบ๊อกเซอร์ออกใส่กางเกงใน ไม่งั้นมันจะเห็นขอบตอนใส่จุงกะเบน ไม่ใจเลย โห่ว”

“หน้าอย่างมึงเนี่ยนะ จะเป็นหนุ่มน้อยนพมาศ กูล่ะสงสารนางนพมาศน้อย ที่จะเดินแห่รอบเมืองคู่ชะมัด ไอ้จิ้งเหลนผี ไปแหล่ะ” แล้วดอยกับปุยก็เดินออกจากร้านไป  ปล่อยให้กล้าเล่นเกมที่ร้านอยู่กับชาวต่างชาติเต็มร้าน โดยมีน้าแจ้คอยเดินเสิร์ฟน้ำ แล้วก็โอเล่ที่นั่งทำงานไป






ชายหนุ่มฉกรรจ์ 7 คน เปลื้องเสื้อจะเป็นกล้ามเนื้อที่เป็นมัดล่ำ แต่ละคนมีรอยแผลเป็นและรอยทาแป้งขาวตามตัว ทุกคนกำลังกลุกุจอปักคบไฟก้าน ไว้ตามริมตลิ่งแม่น้ำ มีโดมไฟที่ร้อยจากหวายแขวนอยู่เชิงสะพานรันตี มีรอยต่อแคร่ใหม่เอี่ยมยื่นออกไปที่กลางน้ำ ริมตลิ่งมีสาวชาวบ้านใส่ชุดผ้าทอมือลวดลายพื้นบ้าน นั่งทำกระทงใบตองอยู่ตามแคร่พักผ่อนริมน้ำ

บทสนทนาภาษากะเหรี่ยงพันตูกันด้วยความสนุกสนาน สาวน้อยหลายคนดูตื่นเต้นกับยามค่ำคืน มองไปที่ตลิ่งที่น้ำเอ่อล้นสูงที่สุดในรอบปี จนเกือบแตะพื้นดินขอบหญ้า เด็กน้อยถือทองโย๊ะเคี้ยวกินอย่างอร่อยลิ้น ผู้เฒ่านั่งสูบย่าเส้น บ้างก็เคี้ยวหมากจนปากแดง  ชาวบ้านเอาผักมาตากแห้งเพื่อเตรียมผัดทำกับข้าวในงานประจำปีคืนนี้ เหล้าที่หมักฝังในพื้นดิน ก็ถูกขุดกันขึ้นมาเปิดฝา เพื่อให้ลมกับน้ำกล่อมกันอย่างเข้าที่ทันเวลา 18.15 น  ตามความเชื่อของคนในท้องถิ่น ที่ให้เริ่มลอยกระทงกันได้

แม้จะเป็นคืนวันจันทร์อันว้าวุ่นของคนทั่วไป แต่ชนเผ่าก็ไม่ได้ยี่หระในวันจันทร์อันเร่งรีบของใคร เอาเข้าจริง จะวันจันทร์หรือวันไหน มันก็แทบไม่ต่างกัน จะมีแค่คืนวันศุกร์ กับ วันเสาร์ ที่พวกเขามักจะต้องแต่งตัวพื้นเมืองไปเดินโชว์บนสะพานมอญที่อยู่ถัดไป บ้างก็ใส่เสื้อผ้ากะเหรี่ยงอันเป็นจุดขาย ไปเดินในเมือง ก็จะสร้างยอดขายได้มากขึ้นในช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมมากัน แต่ในวันธรรมดาแล้ว ชีวิตของพวกเขาก็แทบไม่ต่างไปจากวิถีชนของบรรพบุรุษเผ่า






“เธอๆ แว่นหนาๆ ไปไหนแล้วล่ะ” กล้าหันไปถามชายหนุ่มตัวบางที่นั่งอยู่ข้างๆ

“วันนี้ขี้เกียจใส่ ใส่คอนแท็คเลนส์แทน”

“มองคอม แล้วไม่ปวดตาเหรอ ตั้งสองจอ เมื่อยกระบอกตาแย่เลย”

“มันก็เรื่องของฉันป๊ะ” โอเล่ที่ปลายนิ้วยังคงวางบนแป้นคีย์บอร์ดหันไปตอบคนที่นั่งข้างอย่างไม่สบอารมณ์

“พูดกับลูกค้าวีไอพีอย่างนี้ได้ไง เรายกพวกมาใช้เน็ตร้านเธอเป็นหมื่นแล้วมั๊ง พูดกับพี่กล้าดีๆหน่อยสิครับ”

“อดนมยังเหอะไอ้น้อง ฉันเป็นผู้ใหญ่กว่าเธอ ดูก็รู้ ไปเตรียมเอ็นทรานซ์เหอะ ฉันจะทำงาน”

“เราอายุเท่ากันนะ เท่าที่แอบสืบมา”

“ก็ถ้าประกวดหนุ่มน้อยนพมาศ ก็เพิ่งจะมอปลายเองไม่ใช่เหรอ”

“อั้นแหน่ะ มีคนแอบฟัง”

“คุยกันซะดังขนาดนั้น ใครก็ได้ยินสิวะ”

“เราเรียนซ้ำไปปีนึง ตอนย้ายกลับมาเมืองกาญจน์ จริงๆก็ต้องปีหนึ่งเท่าเธอนั่นแหล่ะ แค่เธอไม่ได้เรียนต่อ อุ๊บ”

“....” ไม่มีเสียงตอบจากโอเล่ มีเพียงปากสีชมพูสดที่พึมพรำคล้ายคนบ่น เหมือนรำคาญคู่สนทนา

“ขอโทษๆๆๆ ไม่ได้ตั้งใจ   คืนนี้ไปลอยกระทงกับใคร พี่โอ๊คป๊ะ”

“ใครเล่าอะไรให้ฟังเนี่ย”

“ไม่มี แต่ใครดูก็รู้ โถ่ว เฝ้ามาเป็นปี ตาไม่บอดนะครับ ได้ข่าวว่า พี่โอ๊คเริ่มใจอ่อนแล้วสิ”

“ถ้าไม่พูดบ้างก็ได้นะ จะดูหล่อขึ้นกว่านี้”

“แต่ก็ยังหล่ออยู่ใช่ม๊า น้องๆ พี่โอ๊คเลยใช่ม๊ะ”

“ฝันไปเหอะ”

“ใส่แว่นแบบเดิมดีกว่า น่ารักจะตาย”





หน้าร้าน นกน้อยโภชนา เจ๊นกน้อยที่วันนี้ งดขายอาหารตามสั่ง แต่ทำเป็นข้าวแกง ข้าวไข่เจียว และ ลูกชิ้นทอด วางโต๊ะที่ทำกระทงใบตองเรียงรายไว้จำหน่าย

“หูยยย ทำไมมันสวยไม่แพ้แม่ค้าเลยล่ะจ๊ะเนี่ย” แจ้ที่เพิ่งเดินมาถึงยืนดู นกน้อยที่กำลังนั่งหน้าร้านทำกระทงเพิ่ม

“ก็แหม ร้านอื่นเขาใช้กระทงกระดาษสวยงาม หนูเลยมาแนวอนุรักษ์ธรรมชาติดีกว่า เดินตามรอยพ่อหลวง ใช้วัสดุกระทง ที่ทำจากธรรมชาติ ย่อยสลายได้เอง” นกน้อยเอาไม่กลัดเสียบใบตองที่ม้วนพับเป็นกลีบสามเหลี่ยมวางเรียงราย

“ดีแล้ว ฉันล่ะอิจฉาคนที่จะเก็บพระประทีปได้ในวันพรุ่งนี้ นี่ถ้าฉันอยู่ใกล้ๆ แม่น้ำเจ้าพระยา ฉันจะไปลอยคอในน้ำเฝ้าเลย”
 
“แหม.. ขนาดนั้นเลย แล้วคืนนี้ พี่จะไปลอยกระทงที่ไหนล่ะ”

“แก่จนป่านนี้แล้ว จะไปไหน ก็ลอยกันแถวนี้แหล่ะ ก็ต้องอยู่ที่ว่า คนแถวนี้เขาว่างกันกี่โมง”

“คนแถวนี้ นี่คือยัยห้อง 2D หรือเปล่าจ๊ะพี่”

“อย่ามาหาเรื่องกันสิ แหม.. วันเพ็ญเดือนสิบสอง เรามาใจเย็นๆ คิดแต่สิ่งดีๆ กันนะ”

“ให้มันจริงเหอะ อย่าให้หนูรู้นะ ว่าเดินเข้าออกกันเป็นว่าเล่น ทั้งน้า ทั้งหลาน”







“รู้สึกว่า  รถจักรยานแกจะเป็นหม้ายนะยะอีปุย ไม่เห็นหยิบจับมานานแล้ว มีแต่คนผลัดกันมารับมาส่ง ” โหน่งเหน็บเพื่อนที่ลงจากการซ้อนมอเตอร์ไซค์ของดอย เดินมายังโรงอาหารที่มี โหน่ง จอย และ กอล์ฟ นั่งรออยู่

“ก็ต้องแวะกินข้าวก่อนค่อยมา โรงอาหารมีแต่ของเผ็ดๆอ่ะ”

“แล้วนี่พี่เขาไม่ต้องไปวิทยาลัยเขาหรือไง ถึงได้ต้องเทียวรับ เทียวส่งแกเนี่ย ฉันรู้ว่า สองวิทยาลัยมันไม่ไกลกัน แต่เขาก็ต้องมีชีวิตของเขาป๊ะ แกจะมาใช้มารยาหลอกล่อให้เขามารับมาส่งทุกวันเลยหรือไง ฉันอิจฉา !” โหน่งทำหน้าเค้นเอาความจริง

“เขาไม่เรียนแล้ว เตรียมฝึกงานแล้วเว้ย ชั้นก็ไม่ได้ขอให้มาส่งสักหน่อย แค่บอกว่า โอ๊คจะมาส่ง เขาก็รีบแย่งมาส่ง แค่นั้น”

“สวยได้อีก เพื่อนชั้น” จอยหัวเราะกลั้วขำ

“ชั้นหล่อ ไม่ใช่สวย พูดแบบนี้อีก งอนแล้วนะ”

“จ้า พ่อรูปหล่อ มีแต่คนหล่อโครตมารุมจีบ” กอล์ฟแทรกบ้าง

“แล้วพ่อแกว่าไงบ้างล่ะนี่” โหน่งถามปุยด้วยความเป็นห่วง

“ไม่รู้ว่ะ เขาไปคุยกันเองกับดอย ไม่ให้ชั้นไปมีส่วนร่วม ดอยเขาชวนพ่อชั้นไปอาบน้ำแร่ คุยกันเรื่องนี้สองคน”

“ห๋า อีพี่ดอย ล้ำมาก ชวนพ่อตาไปอาบน้ำแร่” กอล์ฟเอามือทาบหน้าอดตกใจด้วยความทึ่ง

“ถ้าเป็นอย่างพวกชั้น ออกสาวแตกแหกค่ายขนาดนี้ พ่อแม่ก็พอจะเดาออก แต่แกนี่ ถ้าตัดเอาเรื่องความสวยเกินชายออกไป ก็ดูไม่ออกว่าจะมีการไปตกล่องปล่องชิ้นกับผู้ชายด้วยกัน พ่อแกก็น่าจะกุ้มใจอยู่” โหน่งนึกถึงเหตุผล

“ชั้นก็ยังไม่มั่นใจอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากเลยว่ะ เผลอแป๊บเดียว ก็ตกปากรับคำเป็นแฟนกันไปแล้ว”

“เล่าช่วงเวลานั้นให้ฟังหน่อยสิ โรแมนติกไหมยะ” จอยสนใจจริงจัง

“ไม่เลย ไม่ได้ขอเป็นแฟนกันอะไร คือ จูบกันเฉยๆ”

“อีใจง่าย” กอล์ฟอุทานด้วยความตกใจ

“เฮ้ยย ก็เขาบอกรู้สึกดีกับเรา เราก็รู้สึกดีกับเขา เหมือนจะมากกว่าชอบ แต่รักหรือเปล่า ก็ยังไม่รู้ รู้อีกทีก็จูบกันแล้ว”

“จูบกันที่ไหน” จอยยิงคำถามใส่ไม่ยั้ง

“ใต้ต้นไม้ของแม่เขา.. ใต้ต้นทองกวาว”












“ฮืออออ  ฮือออออ  ชะนีทิ้งให้ชั้นต้องลอยกระทงแต่เดียวดาย” เดียร์ รำพึงกับตัวเองตอนยืนส่งมะนาวขึ้นรถอาร์มไป

“ทำท่าซะเว่อร์ ก็บอกให้ไปลอยด้วยกันนังนี่” มะนาวที่กำลังจะก้าวขึ้นรถหันกลับมายืนเท้าเอวบ่น

“ใช่ ไปด้วยกันไหมเดียร์ ไปหลายคนสนุกจะตาย” อาร์มในชุดเสื้อช็อปช่างกล ยืนที่ฝั่งประตูคนขับ ตะโกนลอยมา

“ก็อยากไปนะคะ แต่เพื่อนเดียร์มันอยากจะไปลอยกับพี่แค่สองคน น้องเดียร์ถูกทอดทิ้ง ฮือๆๆ”

“นังเดียร์ !” มะนาวตาลุกโต ต่อว่าต่อขานเพื่อนสาว พอหันไปเห็นอาร์มก็ทำตาตื่นยิ้มหราเข้าให้

“แหม ล้อเล่นก็ได้ ไปดีว่า สุขสันต์วันลอยกระทงนะคะพี่อาร์ม คืนนี้ เขาว่า วันลอยกระทงเป็นวันเสียตัวแห่งชาติ เดียร์ต้องไปรักษาสถิติให้ประเทศนะค่ะ”

“ก็เลยจะไป เด้อ ผู้ชาย ใช่ไหม ฮ่าๆๆๆ” 

“ว้ายยยยยยย  ไปดีกว่า โชคดี สำลีแปะหัวนะนังชะนี” แล้วเดียร์ก็เดินจากไป มะนาวกับอาร์มจึงขึ้นรถขับออกจากวิทยาลัย
 
“ว๊า อุตส่าห์ดีใจเรื่องที่เดียร์บอก นึกว่าจะพูดจริงซะอีก”

“เพื่อนของมะนาวคนนี้ แม้จะวี๊ดว๊าดกระตู้ฮู้  แต่ไม่เคยเลยสักครั้ง ที่จะโกหกใคร”








ในบ้าน “ตรีโอฬารวงศ์” หลังหรูหรา ริมสระว่ายน้ำ ที่ชายหญิงสูงวัย กำลังลอยกระทงในสระว่ายน้ำ มีสุนัขพันธุ์ชาเป่ย นั่งหน้ายู่ตัวย่นสีเทาเข้าอยู่ข้างสระ

“อ้าว ลอยซะหัววันเลยล่ะม๊า”  อาร์มที่เพิ่งมาถึง ทักผู้เป็นแม่ ซึ่งเพิ่งรับไหว้มะนาว

“ก็ป๊าเราน่ะสิ จะชวนไปดินเนอร์ที่บ้านเพื่อนในหุบเขาที่ไทรโยคนู่น ในไร่ไม่มีแม่น้ำ เลยจะลอยก่อน แม่อุตส่าห์นั่งทำกระทงซะสวย ไม่ได้อวดใครเลย  แล้วพรุ่งนี้เช้าอย่าลืมให้ คนงานเอากระทงแม่ขึ้นจากสระไปลอยที่แม่น้ำให้ด้วยนะ”

“ได้ครับ แล้วนี่ โอ๊คไปไหนแล้ว”

“ก็เห็นว่าไปลอยกระทง ยังนึกว่าไปกับพวกดอยซะอีก” ผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาเสริม พร้อมรับไหว้มะนาว

“นี่พวกพี่ดอยก็รอพี่อาร์มไปรับนี่แหล่ะค่ะ ยังนึกว่า พี่โอ๊คจะไปพร้อมกัน”

“สงสัยม๊าจะได้ลูกสะใภ้เร็วๆนี้มั๊ง” อาร์มหัวเราะร่า

“อะไรนะ” พ่อทำหน้าตกใจแต่ก็หัวเราะตาม

“พี่อาร์มนี่ก็ ว่าไป ยังเลือกอยู่มั๊งคะ”

“อกอีแป้นจะแตก สองคนเลยเหรอ” ผู้เป็นแม่ทำตาลุกวาว

“ไว้ถามเจ้าตัวเองแล้วกันล่ะม๊า ผมไปอาบน้ำก่อน มะนาวรอตรงนี้เนอะ”

“ค่ะ เดี๋ยวมะนาวนั่งคุยกับม๊า ตรงนี้แหล่ะ พี่อาร์มอย่าลืมเอาผ้าพันคอไปเผื่อพี่ดอยด้วย อากาศน่าจะเย็น”



[ TBC ]  ต่อด้านล่างจ้า






ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
[ ต่อ ]

ถนนสองแคว เลียบริมแม่น้ำ เป็นจุดบรรจบของแม่น้ำสองสาย คือแม่น้ำแควใหญ่ ที่มาจากทางศรีสวัสดิ์ และ แม่น้ำแควน้อย ที่มาจากสังขละบุรี เป็นมหาธารา มารวมกันเป็นแม่น้ำแม่กลองเพื่อไหลไปยังจังหวัดอื่น ก่อนลงสู่ทะเลไป จุดบริเวณนี้ เห็นแม่น้ำสองสายตัดกันต่างสีอย่างชัดเจน  แควใหญ่แกมเขียวคล้ำ แควน้อยแกมแดงน้ำตาล 

ที่ถนนสองแควนี้เองที่เทศบาลเมือง ใช้จัดงานประเพณีในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นปีใหม่ สงกรานต์ ตักบาตรในวันมงคล หรือวันลอยกระทงอย่างวันนี้ แม้ปีนี้จะตรงกับวันจันทร์ แต่ผู้คนก็ยังทยอยออกมาร่วมงานประเพณี ภายใต้ดวงจันทร์กลมโต น้ำที่นองอยู่เต็มตลิ่งปูน สองข้างทางมีข้าวของจากร้านค้าวางขาย มีโคมลอยจำหน่าย มีกระทงวางเรียงรายให้เลือกหา วัยรุ่นแต่งกายเต็มยศมาเดินงาน มีวงดนตรี และการแสดงพื้นบ้านจากคณะของโรงเรียนในเมืองผลัดกันขึ้นมา

“เอาล่ะสิ” อาร์มกระซิบใส่หูดอยที่เดินอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นโอ๊คเดินมาแต่ไกล  โดยมีมะนาวกับปุย กำลังเลือกหากระทง

“กูนึกว่า จะมากับมือกลองซะอีก” ดอยกระซิบคืน

“เออ พลิกล็อคว่ะ โลเลชิบหาย จนบัดนี้ยังไม่ชัดเจน ใครว่าฝาแฝดต้องเหมือนกันวะ กูนี่เข้าไม่ถึงพี่กูเลยว่ะ”

“อย่าว่าแต่มัน กูนี่ยังงงกับตัวกูเอง เหลือมึงคนเดียวแล้วที่ยังไม่ถูกมนต์ดำ มึงเป็นความหวังเดียวของกลุ่มเรานะเว้ย”

“เชี่ยยย พูดซะกูกดดัน นี่ถ้าวันนึงกูชอบผู้ชายกับเขาบ้างนี่กูคงโดนประนาม เอาตัวฝังทรายโดนก้อนหิ้นเขวี้ยงใส่ใช่ไหมวะ”

“เอาเป็นว่า กูกับโอ๊คนี่เสียหมาไปแล้ว มึงเป็นความหวังเดียวของกลุ่มเลยเว้ย”

“ขอบใจนะ ไอ้สัส”






“และผู้เข้ารอบ ห้าคนสุดท้าย ของนายนพมาศน้อย 1999 ได้แก่....” พิธีกรบนเวทีกลาง ประกาศผลคนเข้ารอบเพื่อ ซึ่งจะผ่านการตอบคำถามก่อนจะตัดสิน เป็นการคั่นเวลาที่จะประกาศ นางนพมาศ กาญจนบุรี 1999 ที่เป็นรางวัลใหญ่ของงาน โดยด้านหน้าเวที เป็นลานเบียร์ และมีซุ้มอาหารจำหน่ายผ่านคูปองหลากหลาย มีญาติผู้เข้าประกวดนั่งกันอยู่เต็มไปหมด ที่โต๊ะเกือบจะติดหน้าเวที มีวัยรุ่นหนุ่มสาวกำลังนั่งรายล้อมโต๊ะ มีอาหารวางอยู่เต็มไปหมด

“นี่เดินไปเดินมายังไม่ได้ลอยกระทงเลย เมากันซะแล้วเนี่ย” ปุยเอ็ดดอยที่หน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์

“พี่อาร์มก็พอกันเลย ห่างเหล้าเบียร์เป็นไม่ได้ นี่กว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่ตับคงแข็งซะก่อนนะ มะนาวว่า”

“คนงานบ้านพี่กินตั้งแต่หนุ่มจนมันแก่หงำเหงือกยังสบายๆเลยมะนาว” อาร์มเถียงแต่ใช้น้ำเสียงโทนนุ่ม ขอความเห็นใจ

“แม่เรา ไม่ดื่มนะ แต่ก็เป็นมะเร็งตับ” ปุยเล่าให้ฟัง “มันเกาะกินเร็วมากเลยตับเนี่ย ไม่ทันได้สนุกกับชีวิตเท่าไหร่เลย”

ดอยกับอาร์มที่ดูจะทิ้งเวลาการแตะแก้วเบียร์ตรงหน้าไปอึดใจใหญ่หลังเรื่องเล่าของปุย จนโอ๊คเป็นคนเริ่มคว้าเบียร์เข้าปากก่อนใคร ค่อยทำให้คนที่เหลือเริ่มหยิบแก้วมาดื่มตาม

“เฮ้ย ไอ้ห่ากล้า แม่งติดท็อปห้าด้วยเว้ย” ดอยส่งน้ำเสียงดีใจเชียร์ลูกค้าวีไอพีของตนเองบนเวที

“จะว่าไปมันก็หล่อนะเว้ย ดูโตกว่าเด็กมอปลายทั่วไป ตัวแม่งล่ำเชียว บนเวทีนี่กูว่ามันหล่อสุดแล้ว” อาร์มเสริม

“เขาเรียนซ้ำน่ะพี่อาร์ม จริงๆ ก็อายุเท่าผมแหล่ะ” โอเล่ที่พูดน้อย เล่าถึงข้อมูลที่ตนก็เพิ่งจะได้ทราบมาวันนี้

“อ๋ออย่างนี้นี่เอง มันถึงได้เป็นหัวโจกแก๊งรถซิ่งทั่วเมือง แต่เด็กมันฉลาดดีนะ จริงๆ ก็เป็นเด็กดีอยู่ แต่แม่งกวนส้นตีน” ดอยส่ายหัวเพราะนึกถึงวีรกรรมของกล้า “เอาเข้าจริง รู้สึกถูกชะตาเพราะความกวนตีนของมันนี่แหล่ะ”

“ไม่ใช่เพราะป๊าป๋าเขาเป็นเจ้ามือหวยเหรอคะพี่ดอย มะนาวเห็นพี่ดอยเองก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบ้านน้องเค้าเลยนะ”

“อ้าว เล่นพวกเดียวกันทำมายยยย” ดอยโอด “ป๊ะป๋าน้องเขาใจดี พี่เคยแวะเอาค่าหวยไปจ่าย หูยเห็นเป็นตึกแถวแต่ภายใน ตกแต่งอย่างหรูอ่ะ สาบานได้ว่ามีคนคอยยืนข้างหลังสองคนตลอดเวลา อย่างกับมือปืน”

“ป๊ะป๋าเขา ก็ใหญ่โต พอกับเตี่ยของของโอเล่นี่แหล่ะ แต่จะสายสีเทากว่า เตี่ยโอเล่นี่น่าจะบารมีสายทหารเยอะ”โอ๊คเล่า

“เห้ย อำนาจ ชน บารมี  นี่ถ้ามีลูกด้วยกัน โตมาเป็นมาเฟีย” อาร์มเบรกตัวเองก่อนจะนึกได้ว่า โอเล่คงจะเขิน

“ไหนพี่อาร์มบอกจะอยู่ฝ่ายน้ำเงิน ทำไมไปทิ้งขว้างน้องให้คนอื่นอย่างนี้ล่ะ” มะนาวอดที่จะหันหน้าไปแซวโอเล่ไม่ได้







“ทำกันไม่ทันเลยนะเนี่ย แม่ค้าสวยก็อย่างนี้แหล่ะนะ” แจ้ที่ยืนดูนกน้อยซึ่งยังคงนั่งทำกระทงเพิ่มอย่างไม่หยุดหย่อน
โต๊ะที่วางอยู่หน้าร้านอาหาร นกน้อยโภชนา ปูด้วยผ้าสีแดงสด จุดเทียนขาวไว้ มีกระทงสวยวางเรียงราย แม้พร่องไปเยอะมากแล้ว แต่โต๊ะที่มีแสงเทียนไสว ช่างดูโดดเด่นกว่า จุดขายกระทงเวิ้งอื่น จนใครเดินผ่านต้องเหลียวมอง

“น่าจะเพราะเขารณรงค์ให้ใช้วัสดุธรรมชาติด้วยล่ะพี่ปีนี้ กระทงหนูเลยเข้าฝัก โดนใจ ดูสิคนเดินผ่านก็ซื้อกันตลอด”

“สวย ทันสมัย แหม.. นี่ถ้าไปนั่งขายที่ถนนสองแควท่าน้ำ คงจะขายดีมากเลยนะ”

“หนูชอบตรงนี้มากกว่าพี่ วัยรุ่นมันน้อย เป็นชาวต่างชาติอย่างนี้แหล่ะดีแล้ว เอ่อ.. พี่ลอยกระทงแล้วหรือยังล่ะ”

“ก็รออยู่นี่แหล่ะ เดี๋ยวขายหมดก็แวะไปลอยกันสิ ที่น่าน้ำวัดญวนก็ได้ ใกล้ๆนี้เอง”

“จ๊ะ สักห้าทุ่ม หนูก็จะเก็บแล้ว เล็บแทบฉีก เดี๋ยวหนูเดินไปเรียกในร้านนะ” 







“มือกลองไปไหนล่ะวันนี้ กูนึกว่า มึงจะไปลอยกับมือกลอง” ดอยที่เอามือคล้องคอโอ๊ค มีอาการเมากรึ่มแต่ยังมีสติดี ถามเพื่อนรัก “คือ กูก็แค่แอบดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วงๆ นะเพื่อน”

“จะรีบกันกูออกจากแฟนมึงมากกว่ามั๊ง ไอ้ดอย”

“โหว เสียน้ำใจเลยว่ะ คิดอะไรอย่างนั้น กูน่ะ อยากให้มึงมีความสุขเว้ย” ดอยหัวเราะในความรู้ทันของโอ๊ค

“กลองเขามีจัดงานที่โรงแรมแหล่ะ น่าจะเสร็จดึกเลย กูก็ไม่ได้เรียกชวนเขามา น่าจะยุ่งอยู่ว่ะ”

“มึงไม่คิดจะถามเขาเลยเหรอ หรือเพราะมึงมีน้องโอเล่มาลอยด้วยอยู่แล้ว”

“เฮ้ย พักนี้โอเล่ก็ติดสอยห้อยตามพวกเราทั้งกลุ่มป๊ะ เขาเซ้งร้านคอมของแม่มึงนะ ฮัลโหลววว”

“อันนั้นกูก็รู้ แต่แค่กูไม่รู้ใจมึง”

“เป็นเพื่อนภาษาห่าอะไร”

“ก็เป็นเพื่อนที่รู้ใจมึงกว่าใครก็แล้วกัน แต่คนอย่างมึงน่ะ ขนาดกูว่าสนิท กูยังสัมผัสได้ไม่ถึงครึ่งของใจมึง มึงน่ะต้องผ่อนปรนให้คนอื่นบ้างว่ะโอ๊ค  สงสารคนที่จะมาเป็นแฟนมึง  ได้คนหล่อไป แต่ใจเป็นหิน กูว่ามันก็น่าสงสารเขานะ”

“เออ พ่อคนอบอุ่น เดี๋ยวกูถีบตกน้ำ”

“เอาจริงๆ มึงน่ะ เปิดโอกาสให้ใครมั่งสิ เสียของ เสียดายหัวใจสีชมพูสดดวงนี้ กับหน้าหล่อๆของมึง”

“มึงก็ยกปุยให้กู จบม๊ะ”

“ตีน”

“เหอะ แล้วก็บอกว่ารักเพื่อน”







ที่ริมตลิ่งปูน ถนนแม่น้ำแคว ตรงจุดมหาธาราแม่น้ำสองสี เทศบาลจัดท่าแพมาเทียบกับตลิ่ง ให้คนได้เดินลงไปที่แพ แล้วลอยกระทงได้โดยง่าย ซึ่งระดับน้ำสูงจนปริ่มขอบแพ  มีตะเกียงไฟพร้อมที่กั้นลม เพื่อให้คนที่มาลอยกระทงได้จุดเทียนไฟได้ตามประสงค์ เวลานี้เริ่มดึกแล้ว ผู้คนเริ่มทยอยกลับจนบางตา ยังมีวัยรุ่น และคู่รักหนุ่มสาวมาขอขมาพระแม่คงคา

ดอยนำทีมของตน ซื้อโคมลอยมา ทุกคนล้อมจับรอบโคม ดอยจุดไฟที่เชื้อเพลิงโคม จนโคมพองป่องเต็มพิกัด ทุกคนที่หลับตาพริ้มอธิษฐานอยู่นาน ลืมตาขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน โอ๊คที่ลืมตาเป็นคนสุดท้าย หันไปมองรอบๆ เห็นเพื่อนที่รอคอยสัญญาณว่าพร้อม จึงพยักหน้าเห็นพ้องและปล่อยมือ..  โคมสีขาว ดวงไฟลุกโชนอยู่ภายใน ลอยล่องไปสู่ท้องฟ้า พร้อมกับโคมของคนอื่นอีกมากมาย คล้ายดวงดาวระยิบ กับท้องฟ้าที่มืดสนิทแม้เป็นวันเพ็ญเดือนสิบสอง

“ก่อนอธิษฐาน ถอนไรผมมาใส่สักเส้นสิครับ มะนาว” อาร์มที่ตอนนี้ ยืนอยู่กับมะนาวสองคนตรงมุมแพด้านซ้ายสุด มะนาวเอื้อมหัวให้อาร์มเด็ดไรผมออกมาแล้วใส่กระทงไว้

“พี่อาร์มไม่เอาเล็บ หรือผมใส่ลงไปเหรอคะ”

“ความทุกข์ของพี่ไม่มีครับ พี่มีแต่ความสุข กระทงของเราจะลอยเอาความเศร้าและเรื่องเลวร้ายของมะนาวเท่านั้นไปกับแม่น้ำ  ขอให้พระแม่คงคงทรงรับมันไป ต่อไปนี้ มะนาวจะมีแต่ความสุขนะ พี่สัญญาต่อหน้ากระทง ว่าพี่จะทำให้มะนาวมีแต่รอยยิ้ม...  ไม่เอาครับ คนเก่ง ไม่ร้องไห้สิ.”  อาร์มเอาชายเสื้อแขนเสื้อของเขา เช็ดน้ำตาของมะนาว ก่อนจะควักเงินให้เด็กคนหนึ่งที่ลอยคออยู่ในแม่น้ำ เพื่อรอหาเหรียญในกระทง อาร์มส่งเงินหนึ่งร้อยบาท เพื่อให้เอากระทงลอยไปไว้ที่กลางลำน้ำ เป็นการตอกย้ำว่า ความเศร้าของมะนาว ถูกดันออกไปจนไกลสุดตลิ่งกว่ากระทงของใคร



ถัดไปที่กลางแพ ปุยกำลังอธิฐาน พร้อมกับดอยที่ใช้กระทงเดียวกัน นั่งยองกับพื้นทั้งคู่ เพื่อจะส่งกระทงให้ลอยน้ำไป

“ปุยครับ กระทงนี้ จะนำพาความทุกข์ที่ผ่านมาของปุยไปด้วย ดอยให้สัญญากับพ่อของปุยไว้ ว่าจะทำให้ปุยดีขึ้นจากอดีตที่ผ่านมา เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะครับ”

“แม่คงอยากเจอดอย ถ้ายังอยู่”

“งั้นเราฝากใจที่คิดถึงแม่ ไปให้พระแม่คงคาช่วยดูแลกันเนอะ  ที่สายน้ำนี้ คุณตาของดอย ท่านดูแลได้ทุกคน ปุยจงหมดห่วงนะ..” ดอยพูดจบ ก็บรรจงจุมพิตลงที่หน้าผากของปุยหนึ่งที โดยไม่สนว่าจะมีคนนับสิบยืนมองอยู่ เขาเอื้อมมือไปโอบไหล่ของปุยมาแนบกับวงแขน แล้วส่งกระทงลงน้ำไป

“ผมจะเข้มแข็งขึ้น พระแม่คงคาจงเป็นพยาน.. เพื่อแม่ เพื่อทุกคน”  ก่อนที่ปุยจะพิงหัวไปที่ไหล่ของคนข้างกาย โดยไม่ใส่ใจกับสายตาหลายต่อหลายคู่ที่จับจ้องเช่นเดียวกัน






ที่ปลายหัวแพทางขวา โอ๊คที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวเก่ง เสื้อยืดสีเทามีรอยน้ำกระเด็นขึ้นมาโดนจากเด็กเก็บเศษสตางค์ที่กระโดดน้ำเล่นกัน  เขายืนรอโอเล่ที่กำลังยืนอุ้มกระทงอธิฐาน  กระทงของโอเล่อันใหญ่ ทำจากใบตองและดอกดาวเรือง ซ้อนเป็นชั้นอันใหญ่กว่าใครในระแวก เขาอุ้มมันอธิษฐาน มีคราบน้ำตาไหลออกมาจากตาที่ใส่คอนแท็คเลนส์อยู่ โอ๊คเอานิ้วมือเช็ดคราบน้ำตาเบาๆ แล้วเดินโอบประคองโอเล่มายังริมตลิ่ง

“พระแม่คงคา คงจะรับภาระหนักนะครับวันนี้ แต่ท่านคงมีที่ว่าง ให้กระทงของอีกคน ที่จะส่งผ่านความทุกข์ทั้งหมดฝากท่านไป ขอให้ท่านรับเคราะห์ และความโศกา ของเด็กคนนี้ทิ้งลงแม่น้ำไป เพื่อให้เขาได้เป็นคนใหม่ในเร็ววัน”

“พี่โอ๊คไม่อธิษฐานหน่อยเหรอครับ”

“กระทงนี้ เป็นของโอเล่คนเดียวเลยครับ ความทุกข์ของพี่ พี่ขอสะสางด้วยตัวของพี่เอง” โอ๊คคว้าแบงค์ร้อยหนึ่งใบ ใส่ไปในกระทงของโอเล่ “ฝากขอขมาพระแม่คงคาด้วยนะครับ คนที่บ้านผมใช้น้ำเปลืองเหลือเกิน ขอพระแม่โปรดอภัย”  ก่อนโอ๊คจะส่งแบงค์ยี่สิบให้เด็กเก็บสตางค์ เพื่อไม่ให้มาแย่งเงินในกระทงของโอเล่  แล้วโอเล่ ก็ส่งกระทงลงแม่น้ำไป 

กระทงลอยไปทางขวาใกล้กับตลิ่ง ก่อนจะไปกระแทกกับกระทงที่ทำจากดอกกล้วยไม้สีม่วงเป็นพุ่มสวย สองกระทงเกี่ยวติดกันหมุนตามน้ำไปมา  โอเล่หันไปมองกระทงของตนเอง ก่อนจะเหลือบไปเห็นเจ้าของอีกกระทง เป็นชายหนุ่มหล่อในชุดไทยจุงกะเบนซึ่งหันกลับมามองเช่นกัน  โอเล่หันหน้าหนี เมื่อเห็นเจ้าของตำแหน่งนายนพมาศน้อยคนล่าสุด แห่งปี 1999 ส่งยิ้มมาให้  เขารีบดึงโอ๊คกลับมาสมทบกับคนอื่นที่ลอยกระทงกันเสร็จแล้วมายืนรวมกันตรงทางขึ้นตลิ่งปูน





“อ้าว เด็กๆกลับกันมาเร็วจัง นึกว่างานนี้จะมีโต้รุ่ง” แจ้หัวเราะร่า เพราะได้จิบเบียร์ไปหลายกระป๋องแล้ว ระหว่างรอนกน้อยที่เพิ่งเก็บร้านจนเสร็จ

“พรุ่งนี้มีเรียนกันเกือบทุกคนเลยค่ะน้า วันอังคาร เลยไม่อยากจะไปสายกัน มะนาวก็ว่าจะกลับแล้วล่ะค่ะ”

“แล้วนี่ขายดีไหมเจ๊นกน้อย กระทงที่ถนนสองแควขายดีมาก แต่ร้านก็เยอะ บางร้านเหลือเต็มเลย” อาร์มที่ดูอารมณ์ดี ถาม

“เกลี้ยงจ้า เหลือแค่ 2 กระทง ที่ตั้งใจจะเก็บไว้บรรจงเรียงอย่างสวยสุดฝีมือ” นกน้อยพูดพลางเอามือจัดกลีบกระทงให้เข้าที่เข้าทาง พร้อมกับยื่นกระทงที่จัดเสร็จให้แจ้ถือ “กระทงนี้ เจ๊ลอยกับพี่แจ้ มันใหญ่ก็เลยลอยร่วมกันน่ะ อย่าแซวนะเขิน”

“ใครจะกล้าแซวเจ๊คนสวยของผมล่ะครับ ว่าแต่อีกอันล่ะของใคร” ดอยถามน้าแจ้

“ก็คนที่นั่งรอในร้านเน็ต มาได้พักนึงแล้วล่ะ สงสัยคืนนี้ น้องโอ๊คต้องลอยเบิ้ลกับน้าอีกรอบแล้วล่ะ”

มือกลองในชุดเสื้อเชิ้ตขาวปลดกระดุมคอ เดินออกมาจากร้านเน็ต  ตรงเข้ามาหยิบกระทงของตัวเองที่ซื้อเจ๊นกน้อยไว้  มะนาวหันไปยิ้มกับปุย ก่อนจะขอตัวกลับก่อน โดยมีอาร์มไปส่ง  ดอยกับปุยขอเดินกลับห้อง  โอเล่ส่งยิ้มเฝื่อนให้โอ๊ค แต่ก็พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยที่ให้โอ๊คไปลอยกระทงกับคนอื่น  แม้เขาจะต้องหลับตาข่มอารมณ์ที่เห็นหลังของคนสี่คนเดินลาลับไป แต่ลึกแล้วเขาก็เป็นสุขอยู่บ้าง ที่เห็นรอยยิ้มจางบนใบหน้าของโอ๊ค ยิ้มแสนหล่อของคนที่เขามองตามอยู่เสมอ



ที่ริมตลิ่งท่าน้ำวัดญวน บนถนนแม่น้ำแคว ที่ใกล้กับหอพักเพียงเดินถึง แม้ตลิ่งจะไม่สวยเหมือนของถนนสองแคว แต่ผู้คนวัยทำงาน และคนหาเช้ากินค่ำยังคงแวะเวียนมาลอยกระทงที่เวิ้งนี้ มีของขายอยู่บ้างบางตา มีการประดับไฟไว้ประมาณหนึ่ง มีหนังกลางแปลงฉายภาพยนตร์อนิเมชั่น มู่หลาน ซึ่งหนังเพิ่งเริ่มขึ้น มีเสียงเด็กรบเร้าจะดู มีเสียงผู้ปกครองที่เห็นว่าดึกแล้วจึงต้องปรามไว้ คนขายไข่นกกระทายืนหาว  ข้างรถเข็นสายไหมหยอดเหรียญที่ตู้ว่างเปล่า

“โอ๊คเลยต้องมาลอยสองครั้งเป็นเพื่อนกลองเลยสินะ”

“เปล่าสักหน่อย เมื่อกี้ไม่ได้ลอย.. ไปเป็นเพื่อนเฉยๆ”

“โอ๊คอธิษฐานก่อนสิ” มือกลองส่งกระทงใบตองอันสวยให้โอ๊ค คนรับกระทงมามองกระทงอยู่อึดใจ ก่อนยกขึ้นมาที่ระดับหน้าอก แล้วอธิษฐาน โอ๊คลืมตาและมองตาคนตรงหน้า ก่อนจะหลับตาไปพักใหญ่ เขาลืมตาอีกครั้ง ส่งรอยยิ้มให้มือกลองพร้อมยื่นกระทงให้  มือกลองเอากระทงไปอธิษฐาน ก่อนทั้งคู่จะส่งกระทงลงแม่น้ำแควใหญ่ไป เขาเชื่อว่ามันจะลอยไปสมทบกับจุดแม่น้ำสองสีของอีกถนนหนึ่ง แต่แม้ว่ามันจะล่องลอยไปไม่ถึงจุดหมายตามตั้งใจ มันก็คงไม่ทำให้พวกเขานึกเสียใจ  เพราะว่าเขาได้ทิ้งทุกอย่างที่ค้างคาใจ ลอยไปกับสายน้ำแห่งค่ำคืนนี้จนหมดสิ้นแล้ว.. 




หลังจากที่ล่ำลา เจ๊นกน้อยกับน้าแจ้ ที่ขอแยกตัวไปเดินเล่นริมตลิ่งและหาซื้อของกินกลับบ้าน  โอ๊คกับมือกลองเดินกลับผ่านจอหนังกลางแปลง ที่ยังคงมีผู้คนนั่งดูบนพื้นหญ้าอยู่ไม่น้อย

“ Why is my reflection Someone i don’t know ?.. Somehow i cannot hind.. Who i am.. Though i’ve tried... When will my reflection show Who I am indside ?... When will my reflection show.. Who I am.. Inside..” เสียงเพลงลอยมาจากหนังกลางแปลง  โอ๊คคว้าแขนให้มือกลองหยุดเดิน

“แป๊บนึงสิ ตอนโปรดเลยอ่ะ ฉากพ่อกับมู่หลาน”

“ฉากดอกไม้ในตำนาน.. ชอบฉากนี้เหมือนกัน.. เอิ่ม.. พรุ่งนี้ไม่ได้เรียนเช้าใช่ไหม.. อยู่ดูกันไหมล่ะ”

“ได้เหรอ เอาสิ”  แล้วโอ๊คก็ยื่นเงินสิบบาท เป็นค่าเช่าเสื่อน้ำมัน ปูที่ตรงกลางลานหญ้า เป็นที่นั่งวีไอพีที่เวิ้งนี้ป้าเจ้าของเสื่อน้ำมันให้เช่าได้จองโควต้าไว้ เป็นที่นั่งที่ดีที่สุดของค่ำคืน

“ขอบคุณที่มาหานะ” โอ๊คเอามือตบที่เสื่อน้ำมัน เป็นการเรียกให้มือกลองกระเถิบมานั่งชิดเขา

“ต้องรวมความกล้าอยู่นาน กว่าจะบากหน้ามาหาเนี่ย เสี่ยงหน้าแตกมากเลยรู้ไหม”

“คนขี้ป๊อดอย่างเรา นี่ต้องเจอคนจริงแบบนี้สินะ”

“โอ๊ค..”

“ครับ”

“ถ้ามันจบตอนนี้ มันจะเป็นคืนวันลอยกระทงที่เราฝันไว้เลย”

“นางเอกเลิกงานดึก มาชวนพระเอกลอยตอนเที่ยงคืนอะไรอย่างงี้เหรอ”

“โรแมนติกหน่อยสิครับ”

“ที่ฝันไว้ คือจะให้จบแค่นี้ใช่ไหม”

“คนเจียมตัว ก็กล้าที่จะฝันได้แค่นี้แหล่ะ”

“ป๊อดเหมือนกันแหล่ะวะ”

“ก็....” แล้วปากของมือกลองก็ไม่สามารถจะเอื้อนเอ่ยอะไรอีกต่อไปได้ แม้เป็นเพียงเวลาอึดใจอันแสนสั้น แต่ลมหายใจที่แผ่วเบามาพร้อมกับริมฝีปากที่แผ่วบางเป็นรอยจุมพิตจากชายที่ชื่อโอ๊ค มอบให้เขา มันทำเอามือกลองแทบหยุดหายใจ..

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Track 22 :  เธอกินผู้ชายเป็นอาหาร.. และอันตธานไปในยามราตรี..

ถนนแม่น้ำแคว ยามสายจนแดดจะคร่อมศีรษะ เส้นทางที่เงียบเหงา บาร์ผับที่ปิดประตู คราบโซดา เหล้าเบียร์ที่หกเลอะพื้นปูนยังไม่ทันจะแห้งดี มีเสียงดุริยางค์ดังก้องมาแต่ไกล สาวบาร์น้อยใหญ่ที่นอนเฝ้าร้านแง้มประตูหน้าต่างออกมาดู ผู้คน ที่มีอาชีพค้าขายตามปกติ ก็ออกมายืนริมฟุตบาต รอขบวนรถแห่ที่ประดับด้วยผ้าจับจีบอย่างสวยงาม

คันตรงกลางเป็นรถบุพชาติ มีการตกแต่งดอกไม้ไว้ บนรถมีเก้าอี้สองตัว หนุ่มสาวคู่หนึ่งนั่งอยู่ ฝ่ายหญิงโบกมือสะบัดทักทายผู้คนที่ยืนดูอยู่ริมถนน มีสายสะพายคาดลำตัว เขียนว่า นางนพมาศน้อย ถัดไปเป็นชายหนุ่มที่คาดสายแบบเดียวกันเขียน นายนพมาศน้อย ทำหน้าบอกบุญไม่รับโบกมือตามคำสั่งผู้เป็นครู ซึ่งดูแลกองอำนวยการและกำลังเดินคุมขบวนพาเหรดไป

“เฮ้ยมาแล้ว ไอ้กล้า ไอ้รูปหล่อของกู มึงแม่งอย่างหล่อ ยิ้มเว้ย ยิ้ม โบกมือเว้ย โบกมือ” ดอยตะโกนเมื่อขบวนพาเหรดผ่านหน้าหอพัก โดยมีน้าแจ้ และเจ๊นกน้อยมายืนรอดูด้วยท่าทีตื่นเต้น  มีเพียงโอเล่ ที่โดนเจ๊นกน้อยลากออกมายืนทำหน้าบึ้งตึง แต่ก็เหลือบมองไปที่หนุ่มเจ้าของรางวัล นายนพมาศน้อย ประจำปี 2542 ซึ่งเพิ่งได้ตำแหน่งมาเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ผู้มีทีท่าสุดยียวนกวนประสาท และคนจะทำตาล้อเลียนโอเล่อยู่เสมอ ไม่เว้นแม่แต่ตอนที่กำลังนั่งตัวแข้งทื่ออยู่ในชุดประหลาดตาบนขบวนบุพชาติ เขายังคงหันมาทำหน้าล้อเล่นกับโอเล่จนครูคนเดิมต้องเตือนให้ทักทายผู้คนให้ทั่ว

“โอ๊ย น้องกล้าสุดหล่อ ไว้แต่งชุดนี้มาที่ร้านนะ เจ๊จะเลี้ยงตีนไก่ของโปรดหนูเลยจ้า” นกน้อยตะโกนสุดเสียง อวดสาวบาร์ทั้งหลายที่ทำปากเบะใส่ด้วยความหมั่นไส้  แม้กล้าจะยิ้มแหยะๆตอบกลับก็ตาม 

“นี่ เกรงใจ นางนพมาศ กับ หนุ่มนพมาศ รุ่นใหญ่ ที่หลังขบวนด้วยนะ เดี๋ยวเขาจะหมั่นไส้เอา” แจ้หันไปเตือนนกน้อย กับหลานที่ตะโกนเชียร์กล้าไม่หยุดด้วยเสียงแปดหลอด

“แหม รุ่นใหญ่เขาเดินสายมานับต่อนับ เจนเวทีกันซะขนาดนั้น หนูจะเชียร์รุ่นเล็กบ้าง จะไปผิดอะไรล่ะพี่ก็”

“จ๊ะ ๆๆ  เดี๋ยวใครแอบเอาหนูมาปล่อยในร้านตอน อย. มาตรวจ จะสมน้ำหน้าให้เลยคอยดู”

“ใจร้าย”


ในวิทยาลัยการอาชีพ ปุยที่เข้ามาวิทยาลัยในวันหยุด เพื่อมารับข้อมูลจากอาจารย์ที่ปรึกษา สำหรับเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแสดงทัศนะ หัวข้อ วัยรุ่นกับการพกถุงมีชัย เพื่อวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ซึ่งได้รับเลือกจากคณะเหล่า คณาจารย์ที่ลงมติให้เจ้าประจำ อย่างปุยไปออกงาน ด้วยบุคลิกภาพ รูปลักษณ์ ความนอบน้อมในการพูด ตลอดจนความฉลาดในด้านวิชาการ จนเหล่าอาจารย์มักจะวางใจ นายนิติพันธ์ โรจน์อนันต์ทรัพย์ อย่างสม่ำเสมอ

ซึ่งปุยเมฆก็จะได้คะแนนพิเศษ และจิตพิสัยเต็มจากอาจารย์ทุกท่าน โดยเป็นคำข้องจากอธิการบดี แม้แต่ครูที่ดุที่สุดอย่างอาจารย์ละออ หรือ ใจหินด้านคะแนนที่สุด อย่างอาจารย์บุษกร ก็ไม่คิดจะกล้าขัดท่านอธิการบดีแม้แต่น้อย

“อ้าวทำไมเสร็จเร็วจังล่ะ ไม่ต้องรีบนะ รอได้” ดอยที่ขันอาสามาส่งปุยที่วิทยาลัย แม้ปกติวันหยุดมักจะใช้เวลาในการเล่นเกมอยู่เป็นนิจ แต่ครึ่งปีมานี้ วันหยุดสิ่งที่เขาติดยิ่งกว่าเกม ก็คือคนที่อยู่ตรงหน้า

“เสร็จแล้ว ก็ไม่มีอะไรมาก แบบเดิมๆที่ไปกันอยู่ เดี๋ยวบางหัวข้อปรึกษาโอ๊คเล็กน้อย ก็ค่อยคิดคำคมๆไว้ใช้เพิ่ม”

“อยากเป็นที่ปรึกษาให้ได้อย่างโอ๊คบ้างจัง”

“เดี๋ยวโอ๊คไม่อยู่ ก็ต้องช่วยเราแหล่ะ”

“ไม่เก่งเหมือนไอ้โอ๊คน่ะสิ จะช่วยอะไรได้”

”เริ่มจากหัวข้อนี้ก่อนเลย พกถุงมีชัยเนี่ย น่าจะถนัด พวกหื่น น่าจะชำนาญกว่าโอ๊ค”

“อย่าประมาทไอ้โอ๊คคนดีของเธอนะ จะหาว่ายอดดอยคนนี้ไม่เตือน”

“ขายเพื่อนอ่ะ นิสัย”




“ผ่านมาทางนี้เมื่อไร ให้เธอเข้ามาทักทายบ้าง.. อาจยังมีที่ตรงกลาง ให้เธอเข้ามาพักใจ.. อย่าทำห่างเหิน หมางเมินกันจน เหมือนคนไม่มีเยื่อใย..”  เพลงเปิดลอยมาจากเสียงตามสายในห้างสรรพสินค้าอันดับหนึ่งของจังหวัด มีผู้คนมาจับจ่ายซื้อของแม้เป็นช่วงกลางสัปดาห์

บนชั้นสอง มีแผนกเครื่องกีฬา หนุ่มหล่อรูปร่างสูงโปร่ง ใส่เสื้อฟุตบอลสีขาวมีปก คาดลายดำแดง มีอักษร SHARP VIEWCAM ใต้ยี่ห้อเสื้อ UMBRO และตราทีมฟุตบอล  คู่กับกางเกงยีนส์สีฟอกตัวเก่ง กับแว่นตาดำอันโปรด กำลังเลือกหารองเท้ากีฬาที่ประยุกต์ใส่เป็นลำลองได้ 

“อ้าว ลูกโอ๊คใช่ไหม” ชายสูงอายุสำเนียงไม่บ่งบอกว่าไม่ใช่เชื้อชาติไทยแท้ ทักโอ๊คที่กำลังเลือกรองเท้า

“คุณพ่อสวัสดีครับ ต้องมาดูตรวจห้างเองเลยเหรอครับ แสดงว่า มือกลองเบี้ยวงานล่ะสิครับเนี่ย” โอ๊คที่แม้จะดูคล้ายหนุ่มห้าว แต่ยามที่คุยกับผู้ใหญ่ เขาช่างมีความสุภาพนอบน้อม จนฝั่งพ่อของมือกลองรู้สึกเอ็นดู

“เปล่าเลย พ่อให้เขาพักบ้าง ทำงานทุกวัน ไหนจะที่ไปเปิดร้านเหล้าอีก พ่อล่ะอยากให้เขากลับไปเรียนที่ฟิลิปปินส์ ก็ไม่ยอมไป นี่ต้องบังคับให้พักบ้าง..  แต่ก็นอนอยู่ข้างบนนี่แหล่ะ ชั้นที่.. เอ่อ..”

“ชั้นที่สาม”

“อืม..  นี่พ่อก็สั่งเปลี่ยนใหม่หมดนะ ไม่ให้มันรกร้าง ตกแต่งใหม่หมด มีกล้องวงจรปิด มียามเดินตรวจตรา พ่อ..  พ่อ..”

“พ่อครับ เรื่องอะไรที่แล้วไปแล้ว ก็แล้วกันไปนะครับ ไม่ใช่เป็นความผิดของห้างหรอกครับ  ผมและป๊ะป๋าเข้าใจดี”

“แต่ถ้าพ่อปิดตายมันไปซะเลยแต่แรก..”

“ป๋ากับม๊า ฝากความคิดถึงมายังคุณพ่อเสมอนะครับ แต่ผมไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอคุณพ่อเลย”

“พ่อดีใจที่แวะมานะ  ขึ้นไปหามือกลองหน่อยสิ เขาไม่ค่อยจะเข้าสังคมเท่าไหร่ นี่ถ้าไม่ได้พรรคพวกที่เรียนด้วยกันมาชวนเปิดร้านเหล้า วันๆคงแทบไม่ค่อยออกไปไหน ยิ่งพอเห็นว่า โอ๊คจะไปอยู่กรุงเทพพักใหญ่ นี่ดูซึมไปเลย”

“ครับเดี๋ยวผมเสร็จธุระแล้วจะแวะไปครับ”

“ไว้แวะมากินข้าวกันนะ” แล้วชายสูงวัยก็เดินไปตบไหล่ ปล่อยให้โอ๊คเลือกของตามลำพัง แต่ก็ส่งสัญญาณพนักงานขาย เป็นเชิงบอกว่า ไม่ให้คิดเงิน ตามประสาเจ้าของห้าง ที่มักรับรองลูกค้าวีไอพีด้วยการให้สินค้าฟรี เพื่อนเป็นสานสัมพันธ์ แต่กับหนุ่มน้อยคนนี้ ผู้เป็นเจ้าของห้างไม่ได้แค่อยากเอาใจ  แต่ส่วนหนึ่งเพราะรู้สึกผิดที่ห้างของเขาเป็นต้นเหตุให้เกิดโศรกนาฏกรรมแก่ครอบครัวที่เคยชิดเชื้อ  แล้วก็รู้สึกถูกชะตาและเอ็นดูโอ๊คเป็นพิเศษ 

พ่อของมือกลองไม่คุ้นกับระบบยุติธรรมในเมืองไทย เพราะที่ฟิลิปปินส์ มีวิถีและขบวนการที่ต่างกันออกไป ในขณะที่ทุกคนกำลังโศกา แต่โอ๊คได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ใหญ่ และประสานงานกับเจ้าหน้าที่ ตลอดจนเป็นตัวแทนพ่อกับแม่ในการติดต่อกับตำรวจ

มร.โทนี่ จึงรู้สึกว่า เขาติดค้างครอบครัวนี้ เขาหาโอกาสดี ที่จะปรับปรุงชั้นสามใหม่หมด  ไม่ให้เปลี่ยวร้าง  เฟอร์นิเจอร์ที่ปิดแผนกไปนาน ถูกขนของเอามาเลหลังขายถูกจนหมดเกลี้ยง  ตู้เกมและเครื่องเล่นที่เป็นแหล่งซ่องสุมวัยรุ่น ถูกเอาไปบริจาคให้สภากาชาดจังหวัดไว้ออกรางวัล  แต่เขาก็รู้สึกอดสูทุกครั้ง ที่ต้องแวะมาเยี่ยมมือกลอง ลูกชายที่ยืนกรานขอย้ายมานอนที่ชั้นสามของห้าง มร.โทนี่ จึงตกแต่งชั้นสามให้กลายเป็นศูนย์รวมอุปกรณ์ไอที ศูนย์อาหาร และห้องนอนที่ตกแต่งไว้อย่างดีของลูกชาย ตามความประสงค์ของมือกลอง



ในร้าน รองเดวูซ์ อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ แน่นไปด้วยชาวต่างชาติมาใช้บริการอินเทอร์เน็ต ไม่แพ้เกสต์เฮ้าส์ โรงแรมในระแวกที่ต่างก็ถูกจับจองเต็มเช่นกัน เนื่องจากเข้าสู่ สัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว เทศกาลใหญ่ที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรี โดยในงานจะมีมหกรรมสินค้ามาขาย มีการแสดงไลท์แอนด์ซาวด์ จำลองประวัติศาสตร์สงครามโลกโดยใช้สะพานข้ามแม่น้ำแควเป็นฉากจริง แล้วก็มีเครื่องเด็กเล่นแบบงานวัด มีลานเต้นรำ ลานเบียร์สด ตลอดจนการแสดง และงานประกวด จากเหล่าหน่วยงานในท้องถิ่นแต่ละอำเภอ โรงเรียน วิทยาลัย และสถาบันศึกษาทุกหน่วยเหล่า

“นี่น้าเอาจริงเหรอครับ นึกยังไงไปประกวดเนี่ย ไปบ้าจี้ตามเจ๊นกน้อย” ดอยที่อดสงสัยไม่ได้ เอ่ยถามผู้เป็นน้า

“ก็เทศบาลเขาขอความร่วมมือมา แล้วเขาก็เห็นว่าข้าคุณสมบัติครบถ้วน”

“คุณสมบัติก็คืออะไรครับน้า”

“ก็แน่นอน ต้องหล่อว่ะหลาน แล้วก็ไม่ถึงกับสูงนัก ตัวล่ำ แล้วก็...”

“หัวล้าน !” อาร์มตะโกนจากโต๊ะคอมพิวเตอร์มาแทรกบทสนทนา

“เพื่อนหลาน กูก็เตะได้นะ” แจ้ถลึงตาใส่

“โห่ว น้า ก็ประกวด ขุนช้างแห่งทางสายมรณะ ชื่อแม่ง ก็บอกแล้วว่า หัวล้านๆ แล้วก็ดู ผีๆ”

“กูย้ำว่า เพื่อนหลาน กูก็เตะได้นะ”

“แหม ล้อเล่นนน ในบรรดาคนวัยดึกในตลาด น้านี่เหมาะจะเป็นขุนช้างสุดแล้ว หล่อก็หล่อ คุณสมบัติก็ครบ” อาร์มแก้

“คุณสมบัติก็คืออะไรครับเพื่อน” ดอยถามซ้ำประโยคเดิม แต่กับอาร์ม ไม่ใช่กับน้าแจ้

“เตี้ย ล่ำ หัวล้านว่ะ” อาร์มระเบิดเสียงหัวเราะ ทำเอาคนไทยในร้านหัวเราะตามไปด้วย มีเพียงชาวต่างชาติที่ฟังไม่ออก

“เดี๋ยวถ้ากูได้รางวัลขึ้นมา มึงอย่ามาแตะ Suzuki Sprint รุ่นใหม่ ของกูกันล่ะ”

“โหย อย่างเท่อ่ะน้า ออกปีนี้ จะได้สติ๊กเกอร์รุ่นฉลองยอดขายรวมซูซูกิ 40 ล้านคันทั่วโลก เฮ้ย เดี๋ยวผมแต่งให้ น้าเอารางวัลมาให้ได้” ดอยเกิดอยากจะเป็นหลานรักขึ้นมา

“อ้าว ทำไมทิ้งกูเป็นศัตรูล่ะไอ้ดอย ไอ้สาสส”  อาร์มรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง หันกลับไปเล่นเกมต่อ

“แล้วขุนช้าง นี่มันเป็นตัวร้ายไม่ใช่เหรอครับน้าแจ้” โอเล่ที่นั่งฟังแล้วสงสัย จึงถามบ้าง

“ขุนช้างน่ะน้องโอเล่ ว่ากันว่า เป็นเพื่อนเล่นขุนแผนแต่ยังเด็ก แล้วก็หลงรักนางพิม แต่โดนขุนแผนแย่งความรักไป”

“อ้าว แล้วทำไมขุนแผนถึงได้เป็นพระเอกล่ะน้า” อาร์มที่ฟังแล้วยังงง ก็ถามขึ้นมาบ้าง

“คือ ขุนช้างเนี่ย รักนางพิมมาก ก็เลยทำทุกวิถีทางที่จะให้ได้นางพิมมาเป็นเมีย แต่มันไม่ถูกขั้นตอนนัก”

“ทำรุนแรงเหรอครับ” ดอยเริ่มสนใจบ้าง

“จะว่าไป เวลาขุนแผนตอบโต้ รุนแรงกว่านะ ถึงขั้นฆ่ากัน เลือดตกยางออก”

“อ้าว แล้วทำไม ขุนแผนเป็นพระเอก แล้วขุนช้างเป็นตัวร้ายล่ะครับ” โอเล่เร่งเอาคำตอบ

“คือ..”

“หรือว่า ขุนช้างเจ้าชู้ ไม่รักนางพิม” อาร์มแสดงความเห็น

“ไม่ๆๆ ขุนช้างรักนางพิมคนเดียว ต่อให้นางพิมไปมีขุนแผน ก็ยังรักนางพิม แม้นางพิมไม่รัก คิดแค่เป็นเพื่อน”

“เห็นว่าขุนแผนก็มีเมียหลายคน เจ้าชู้” โอเล่เสริม

“อ้าวเฮ้ย” ดอยอุทานก่อนจะถามต่อ  “แล้วสรุปยังไงล่ะครับน้า”

“ก็เรื่องไปถึง พระพันวษา ซึ่งให้นางพิมเลือกว่าจะอยู่กับใคร นางพิมเลือกไม่ได้ ก็เลยถูกประหาร”

“โห่ว ทำไมมันแซดเอนดิ้งล่ะน้า” อาร์มผิดหวังกับเรื่องเล่าปรัมปรา

“แม้นางพิมจะเลือกไม่ได้ เพราะรักขุนแผน แต่ก็สงสารความดีของขุนช้าง จึงเลือกความตายให้ตนเองไป โดนตราหน้าว่าเป็นนางวันทองสองใจ แต่ขุนช้างเศร้ามาก ออกบวชและไม่สึกอีกเลย ส่วนขุนแผน ก็มีเมียใหม่ต่อไป”

“ผมไม่เห็นเหตุผลที่ขุนแผนได้เป็นพระเอกเลยครับน้าแจ้” โอเล่แสดงความเห็นด้วยน้ำเสียงเซ็ง

“คือ คนโบราณ เรื่องรักมันเรื่องรองว่ะ คุณงามความดีที่ทำให้บ้านเมืองต่างหาก มาก่อนเสมอ ขุนแผนแม้จะมีนิสัยเจ้าชู้ประตูดิน แต่ก็เก่งกาจในการรบ ช่วงบวชเป็นเณรที่วัดส้มใหญ่ในกาญจนบุรีบ้านพ่อเขา  ขุนแผนมีอาคมเก่งกล้าสามารถ และสามารถเอาชัยชนะเหนือศัตรูบ้านเมืองมาตลอด จนได้ฉายาขุนแผนแสนสะท้าน ส่วนเรื่องความรัก มันแล้วแต่คนมอง”

“คนโบราณถึงได้มีเมียกันเยอะเนอะน้า มันเป็นแบบนี้นี่เอง” อาร์มเหมือนดวงตาเห็นสัจจะธรรมเอ่ย

“คนเมืองกาญจน์ ก็บอกว่า ขุนแผน เป็นเรื่องของเมืองกาญจน์  คนสุพรรณ เขาก็ว่า ขุนแผนเป็นเรื่องของจังหวัดเขา ประวัติศาสตร์มันยาวนานจนสืบกันยาก แต่เราที่ดูอยู่ห่างๆ ก็เอาแก่นของมันมาใช้ก็แล้วกัน อะไรที่ดี ก็เก็บไว้ อะไรที่มันไม่ดี ไม่ทันยุคสมัย ก็ตัดออกไป” แจ้สั่งสอนหลานและเพื่อนพ้อง

“เหมือนที่เราควรเอาความเด็ดเดี่ยวของขุนแผน กับความรักใครได้มากเท่าขุนช้างมาเรียนรู้เนอะครับน้า” โอเล่สรุป

“หรือ หล่อให้ได้เท่าขุนแผน แล้วหัวล้านได้เท่าน้าแจ้ เอ๊ย รักเดียวได้อย่างขุนช้าง” อาร์มหยอก

“เดี๋ยวมึงได้โดนขุนช้างกระทืบ เอาให้ศิลาจารึกได้กล่าวถึงเลยดีไหม”



ปลายบันไดเลื่อนขาขึ้นของห้าง ส่งโอ๊คที่หิ้วถุงใส่กล่องรองเท้ากีฬาพาตัวขึ้นมายังชั้นสามของห้าง นานแล้วที่คนในสมาชิกครอบครัว “ตรีโอฬารวงศ์” ได้ขึ้นมาสถานที่แห่งนี้ ถ้าไม่รวมช่วงที่ทำแผนคดี ก็น่าจะเป็น ปลายน้ำ..  อุ๋มอิ๋ม น้องสาวของเขานั่นเอง  แต่บัดนี้ ชั้นที่เคยปล่อยให้เป็นชั้นร้าง ได้รับการตกแต่งใหม่อย่างดี ใช้โทนสีขาวสว่าง มีร้านหนังสือและมุมให้อ่านหนังสือซึ่งเรียกเด็กนักเรียนได้เยอะพอสมควร มีโรงภาพยนตร์สองโรง แม้ขนาดไม่ใหญ่เท่าห้างในกรุงเทพ แต่ด้วยราคาขายตั๋วเพียง 60 บาท แถมโปรแกรมหนังมักถูกใจคนท้องถิ่น ก็ทำให้คนดูแน่นโรงอยู่เสมอ

ถัดไปเป็นเวิ้งสินค้าไอทีมีเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งจำหน่ายและรับซ่อมเรียงราย และเวิ้งไกลนั้น  มีแผนกศูนย์อาหาร ที่มีร้านอาหารแบ่งเป็นล็อคเรียงรายอยู่ไม่น้อย ยกเว้นส่วนของเครื่องดื่มที่แยกออกมา ถ้าเขาจำไม่ผิด รายได้ของส่วนเครื่องดื่มเป็นโควตาของลูกเจ้าของห้าง ก็คือเจ้าของห้องนอนวีไอพีที่อยู่ไกลสุดตรงนั้น ตรงที่เคยเป็นห้องน้ำเดิม  เขาตรงไปเคาะประตู จนสักพักมีเสียงบอกให้คอยแล้วเดินมาเปิด  คนเปิดประตูแม้มีสภาพงัวเงียแต่ก็แต่งตัวในชุดทำงานไว้แล้ว มีรอยยับเล็กน้อย จนโอ๊คอนุมานได้ว่า เขาคงลงไปทำงานได้สักพัก จนพ่อไล่ให้ขึ้นมานอนงีบ เสื้อเลยยับยู่ยี่ผิดวิสัยคนแต่งตัวเนี้ยบอย่างมือกลอง

“เข้าไปได้ไหมครับ” โอ๊คถามมือกลองที่ทำหน้าตกใจเมื่อเห็นเขา

“นี่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”

“อยากให้โอ๊คลอกหยิกแก้มดูไหมล่ะ จะเอาให้ร้องจ๊ากเลย”

“จะทำร้ายกันไปถึงไหน แล้วนี่ก็เงียบหายไปตั้งแต่วันลอยกระทง”

“กรรม.. ก็เห็นไม่พูดไม่จาตั้งแต่ดูหนังกลางแปลงจบ”

“มันก็มีเรื่องให้คิดหรือเปล่าล่ะครับ ไม่เหมือนบางคน กลับไปคงนอนหลับปุ๋ยเลยสิ พวกที่ทำแบบนั้นกับใครก็ได้”

“โอ๊คไปทำอะไรกลองเหรอครับ”

“ยังจะมาพูดอีก”

“จะเชิญเข้าห้องไหมล่ะ หรือจะให้เผลอทำไอ้ที่ว่ากับใครก็ได้ตรงนี้เลยดีไหม”



ที่หน้าประตูบ้านสองชั้นในหมู่บ้านจัดสรรที่ค่อนข้างแออัด แต่บ้านมีสภาพค่อนข้างดูดีกว่าหลังอื่นเพราะทาสีขาวใหม่ทั้งหลัง ตัดกับหลังคาลอนกระเบื้องสีแดงใหม่เอี่ยม รถคัมรี่สีเขียวเข้มจอดอยู่หน้าบ้าน มะนาวนั่งรออยู่บนรถด้านหน้าซ้าย  โดยมีอาร์มช่วยหิ้วของเดินไปส่งเดียร์ซึ่งเพิ่งกล่าวลากับมะนาวเพื่อกลับเข้าบ้าน

“พี่อาร์มๆๆ มานี่เร็ว” อาร์มที่วางของที่ม้าหินหน้าบ้านเสร็จ ก็เดินมาหาเดียร์ที่มีอาการลับๆล่อๆ

“ว่าไงจ๊ะคนสวย”

“พี่ พักนี้มีเพื่อนต่างสาขา ชื่ออร่าม มาจีบแฟนพี่นะ”

“ห๋า ไอ้ตี๋ท้วมๆ ที่ชอบขับเบนซ์ไปรับไปส่งสาวๆ อ่ะนะ”

“อ้าวพี่รู้จักเหรอ”

“พ่อมัน ก็เพื่อนพ่อพี่นี่แหล่ะ มันก็รู้จักมะนาวอยู่ก่อนแล้ว”

“นั่นแหล่ะพี่ มันทั้งส่งข้อความเข้าเพจ มาชวนกินข้าวบ้าง ฝันดีบ้าง แถวยังซื้อชานมไข่มุกมาฝากมะนาวทุกคาบบ่าย”

“แล้วมะนาวก็รับอ่ะนะ ใส่ยาอะไรให้กินหรือเปล่าก็ไม่รู้ เดี๋ยวเหอะ”

“พี่อย่าไปบอกล่ะว่าเดียร์บอก แต่มะนาวไม่มีทีท่าว่าชอบนะ เหมือนกับขำๆ เขายังเอาข้อความให้เดียร์ดู ว่าไม่มีอะไร”

“อืม ขอบใจมากน้องเดียร์ ฝากดูด้วยนะ”

“ค่ะพี่ รีบไปเหอะ เดี๋ยวมะนาวจะสงสัย”






ระหว่างรอมือกลองส่งอีเมล์ให้แผนกคงคลังสินค้า โอ๊คที่นั่งอยู่ในห้องซึ่งตกแต่งไว้อย่างดี ไม่เสียชื่อลูกจ้างของโรงแรมใหญ่อันดับต้นของจังหวัด เขามองไปรอบๆ มีสัญลักษณ์และตุ๊กตาค้างคาวอยู่หลายจุด ซึ่งเขาแอบสังเกตมาตั้งแต่ที่สปอร์ตบาร์ และมินิเธียเตอร์ที่บ้านมือกลองแล้ว แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถาม กระทั่ง ตุ๊กตาแบทแมนสีเทา ผ้าคลุมกับหน้ากากสำดำสนิท ตัวใหญ่ประมาณสองฟุต ที่วางตรงโซฟาที่เขานั่ง เขาเผลอใจที่จะหยิบมาดูไม่ได้ เขาจับมันทำท่าบินแบบที่คุ้นเคย โดยมีมือกลองที่กำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์แอบมองมาตลอด

“นี่มันเหมือนกับตัวที่เราเคยเอาไปจับรางวัล ตอนที่สโมสรโรตารี่จัดงานปีใหม่เลยเนอะ” โอ๊คยังคงจับแบทแมนมาทำท่าเหาะอย่างอารมณ์ดี

“ไม่เหมือน แต่มันคือตัวนั้นเลย”

“ห๋า จริงดิ ยังเก็บไว้อีกเหรอ หลายปีแล้วนะ”

“สิ้นเดือนหน้า ก็ครบ สี่ปี” มือกลองจ้องตาโอ๊ค ที่เงียบไป เขาจึงตัดบรรยากาศด้วยการส่งรีโมททีวีให้โอ๊ค

“เดี๋ยวถ้าโอ๊คไปอยู่กรุงเทพแล้ว กลองก็ออกไปเจอเพื่อนฝูงบ้างล่ะ มีแต่คนอยากคบหา ทำแต่งาน ดูหดหู่ชะมัด”

“เหมือนใครก็ไม่รู้เนอะ”

“นี่ถ้าอยู่ด้วยกัน สงสัยโลกนี้คงจะมีแค่เราสองนะ แบบคู่อินดี้อะไรอย่างนี้”

“.....”

“ใจเย็น ไม่ได้พูดให้คิด”

“ก็เป็นซะอย่างนี้ทุกที”




[ TBC ]


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2018 22:40:21 โดย TofuChan »

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
[ ต่อ ]

ท่าน้ำหนองบัว เป็นตลิ่งดินแห้ง ทอดแนวยาว อยู่ในตำบลหนองบัว อำเภอเมือง ของจังหวัดกาญจนบุรี ลำน้ำจากแม่น้ำแควใหญ่ ไหลแรงมาจากเขื่อนเก็บน้ำท่าทุ่งนา ที่กัก และปล่อยเป็นเวลา น้ำจึงมีความใสและเหมาะกับการเล่นน้ำพักผ่อน แม้จะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว แต่ด้วยตัวจังหวัดที่กลางวันร้อนจัดไม่ว่าจะฤดูอะไร พอคล้อยบ่ายแก่ ผู้คนก็มักแวะเวียนมาเล่นน้ำที่แห่งนี้ประจำ เนื่องจากลำน้ำมีความตื้นไม่อันตราย แถมยังมีความเชี่ยวของน้ำสูง วัยรุ่นนี้ยมเช่าห่วงยาง ให้แรงน้ำพัดจากหัวสะพาน ลอยคล้ายล่องแก่งไปสู่โค้งน้ำ โดยตลิ่งข้าง ถูกจับจอง ปูเสื่อ มีแม่ค้า มาจอดรถกระบะขายเครื่องดื่ม และส้มตำ ตลอดจำอาหารประเภทกับแกล้มไว้บริการ

“แม่งนี่ขนาดหน้าหนาว คนยังตรึม” อาร์มที่กำลังซัดต้มตีนไก่เป็นชามที่สอง พูดไปเคี้ยวไป

“เมืองกาญจน์เรา มีแต่ฤดูร้อน กับร้อนชิบหายว่ะ ไม่เคยเจอว่าหนาวเกินห้าวันสักที” ดอยตอบ

“แล้วแถวบ้านดอย ที่ทองผาภูมิหนาวไหม” ปุยที่กำลังแกะกุ้ง แล้วส่งเนื้อใส่จานดอยถามบ้าง

“บ้านเราหนาวกว่าบ้านคุณตา  คือทองผาภูมิ เช้ากับค่ำหนาวมาก  แต่ที่สังขละแดดมันจะแรงกว่า แต่อากาศดีกว่าในเมือง นี่อยากไปใช่ม๊ะ ถามทุกวันเลย”

“ฮั่นแน่ ปุยอยากไปตีสนิทผู้ใหญ่ล่ะสิ” โอ๊คยิ้มหน้าตาย ทำเอาปุยไม่รู้ว่าแซวด้วยรอยยิ้มแบบจริงใจหรือเปล่า

“คุณตาพี่ดอยดุเหรอคะ เห็นพี่อาร์มบอก” มะนาวตักต้มตีนไก่น้ำแดง เติมใส่ถ้วยแบ่งให้อาร์ม

“ไม่ดุนะ แกเคยบอกว่า จะมีคนหน้าเหมือนกันมาเป็นเพื่อนตายของพี่ ถ้าพี่จากบ้านจากเมืองมา ก็มาเจอไอ้แฝดนรกคู่นี้ บอกว่า พี่จะมาเริ่มต้นในเมือง ให้ทิ้งทุกอย่างที่นั่นให้เป็นอดีต ก็งงอยู่”

“เขานั่งทางในเหรอคะ”

“คุณตามีญาณสัมผัส ภาษากะเหรี่ยงเรียกอะไรไม่รู้ แม่เคยบอกว่า แค่ตาจุ่มเท้าลงในน้ำ เขาก็รับรู้ความเป็นไปของคนที่เขาอยากรู้ได้ เขาเลยให้พี่อยู่ใกล้แม่น้ำไว้ แต่ว่าแม่น้ำแควน้อยของคุณตา กับ แม่น้ำแควใหญ่ที่พี่อยู่ มันก็คนละเส้น แต่มันไปเชื่อมกันที่จุดน้ำสองสี บางทีเวลาพี่คิดถึงคุณตา ก็จะไปนั่งเล่นที่แม่น้ำสองสี”

“โอ๊คเคยไปเจอคุณตายัง” ปุยถาม “แล้วอาร์มล่ะ”

“โอ๊ย โอ๊คนี่ แทบจะหลานรักเลย ส่วนเรานะปุย ท่านบอกว่า เราจะนำความเดือดร้อนมาให้หลานเขา พูดแล้วก็ทำตาดุๆใส่ ขนนี่ลุกซู่เลย” 

“ขึ้นไปหากันบ่อยเลยเหรอคะ ช่วงที่มะนาวไปเรียนที่อื่น”

“พี่ไปบ่อย ไปทีไรก็โดนด่าตลอด แต่โอ๊คไปครั้งเดียว คุณตาไอ้ดอยก็ให้ลูกประคำมาเส้นนึง โอ๊คมันไว้ที่หัวเตียง เอาเป็นว่า พี่แอบดู มันสื่อสารกับคุณตาได้ด้วยว่ะ ผ่านลูกประคำ” อาร์มเล่าได้น่าสนใจจนคนทั้งโต๊ะมองไปที่โอ๊ค

“เฮ้ย มึงนี่เอง นินทากูให้คุณตาฟัง” ดอยจะเอาเรื่องโอ๊ค แต่เป็นการพูดเชิงล้อเล่นเสียมากกว่า

“ตามึงเพียรถามกูเรื่องมึงในภวังค์ตลอด”

“ในฝันเหรอคะ” มะนาวใคร่รู้

“ไม่ใช่ฝันนะ ท่านจะมาพี่เฉพาะช่วงครึ่งหลับครึ่งตื่น หรือตอนที่พี่เศร้าสุดขีด”





ใกล้เวลาค่ำ ผู้คนที่ตลิ่งเริ่มซา เหลือเพียงวัยรุ่นและนักศึกษาวิทยาลัยครูที่อยู่ใกล้หาดน้ำจืด มะนาวกับปุยช่วยกันเก็บของที่กินกันจนแทบเกลี้ยงทุกอย่างใส่ถุงพลาสติกเพื่อเตรียมนำไปทิ้งถังขยะที่อยู่หน้าห้องน้ำสาธารณะของเทศบาลสร้างไว้อย่างสะอาดเพื่อบริการประชาชน  อาร์มเอาห่วงยางที่เช่าไปคืนร้าน พร้อมจ่ายเงินค่าอาหาร  โอ๊คกับดอยที่ยังคงแช่น้ำใกล้หัวสะพานก็เตรียมลอยคอมายังจุดที่นั่งของกลุ่มเขา เพื่อเตรียมขึ้น

“คุณตาคุยอะไรกับมึงบ้าง”

“ก็เรื่องทั่วไป เรื่องมึง เรื่องกู”

“ถามถึงเรื่องเมียมึงไหมล่ะไอ้โอ๊ค”

“ถามแต่เรื่องเมียมึง ซึ่งกูเล่าหมดไม่มีกั๊ก”

“กวนตีนแล้วเพื่อน”

“กูก็ไม่รู้ ทุกครั้งมันเหมือนเกือบจะตื่น บ้างก็เหมือนจะฝัน แต่ในฝัน มันมีการพูดคุย แต่คล้ายกูจะฟังท่านพูดมากกว่า”

“ท่านพูดอะไรเยอะสุด”

“ก็บอกนั่น บอกนี่กู”

“บอกอะไรล่ะ”

“บอกว่า กูไม่มีอะไรที่ต้องติดค้างหลานท่าน”





“โอ้วเหล้าจ๋า หันมา หันมา ยิ้มโหน่ยยยยยซิ ยิ้มซิ ยิ้มซิ ที่ร๊ากกกก ยิ้มนานหน่านนนน” ชายหนุ่มเดินเมามาจากตลิ่งน้ำ เพื่อที่จะกลับขึ้นรถกระบะ ซึ่งจอดอยู่ใกล้กับรถคัมรี่สีเขียวของอาร์ม  “อ้าวเห้อ ไอ้ดอยเกลอร๊ากกกกกกก

“ไอ้มด เจอทีไรสภาพเหมือนหมาทุกทีเว้ยเฮ้ย” ดอยประคองมดดำ ที่มีอาการเซ “แล้วนี่มึงขับรถกลับไหวเหรอ”

“เพื่อนกูขับมา มันยังเล่นน้ำกันอยู่เว้ยยยยย นี่มันให้กู มานอนรอที่โร้ดดดดดดด” มดดำสะอึก

“นี่จะอ้วกแบบเมื่อวันแดงเดือดอีกไหมอ่ะ” ปุยกระซิบมะนาว ที่มีอาการยืนเกร็งตั้งแต่เห็นมดดำเดินเข้ามา

“เมาใส่รถเรา มีกระทืบแน่เลยปุย” อาร์มกำหมัดชูให้ปุยดู “ป๊ะ มะนาว ไปนั่งรอบนรถก่อน”

“น้องมะนาวคนสวยยยยยยย  ยังไม่หายโกรธพี่อีกเหรอจ๊ะ โถวๆๆๆ ไอ้แห้งนี่มันดูแลน้องไม่ได้หรอก ต้องพี่นี่” มดดำเบ่งกล้ามโชว์ให้มะนาวดู ด้วยทีท่าที่เมามาย  “พี่นี่ จะปกป้องน้องเอง น้องมะนาวคนสวยยยยยย”

โอ๊คต้องเอามือโอบเอวกั้นอาร์มที่พร้อมจะพุ่งไปมีเรื่องกับมดดำได้ทุกเมื่อ ดอยที่เห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี จึงพยายามดันให้มดดำ เดินกลับไปนอนรอในรถกระบะแทน 

“แถมพี่ ก็รักเดียวจายยยยเดียว ด้วยนะ พี่ไม่ได้แอบนอกใจไปขึ้นห้อง 2D แบบใครสองคนแถวนี้หร๊อกกกกก” มดดำทิ้งระเบิดลูกใหญ่ ลูกสุดท้ายก่อนล้มตัวลงไปในเบาะของรถกระบะ ก่อนดอยจะหมุนเปิดหน้าต่างรถ แล้วจับมดดำเอนเบาะแล้วปิดประตูให้ ก่อนทั้งหมดจะขึ้นรถกลับบ้านไปด้วยบรรยากาศที่อึมครึม  ไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุยจากปากของมะนาวและปุยเมฆตลอดทางกลับบ้าน






“ต้องซ้อมตอบคำถามไหมพี่” นกน้อยที่กำลังย้อมผมที่เหลือน้อยให้กับแจ้ ที่นั่งเปลือยท่อนบน นุ่งผ้าขาวม้าตัวเดียว มีผ้าขนหนูเก่า รองที่บ่าเพื่อกันน้ำยาย้อมผมกระเด็นใส่ผิว

“ไม่น่ามีอะไรนะ ถ้าคำถามของขุนช้าง มันก็น่าจะ คิดอย่างไรกับคำว่ารักเดียวใจเดียว อะไรแบบนี้แหล่ะ”

“หืม เก่งจริงๆเลยพี่เนี่ย  ตอนหนูขึ้นประกวดธิดาจำแลงปีนู้นก็ตื่นเต้นตรงตอบคำถามนี่แหล่ะ เลยได้แค่รองหนึ่ง”

“ตอนนี้ ไปประกวดก็ยังได้เลยนะ ยังสาวยังสวย รับรองสายสะพายต้องเป็นของน้องนก”

“พี่นี่ก็ คริ คริ”  นกน้อยเอาข้อศอกที่ยังไม่เปื้อนยาย้อมผม ไปกระแทกแก้เขินที่หลังเปล่าเปลือยของแจ้ มือยังคงสวมถุงมือพลาสติกที่บัดนี้เลอะสีน้ำตาลแกมดำ  นกน้อยต้องหุบยิ้มและทีท่าเขินอายลง เมื่อมีร่างอรชนอ้อนแอ้นเดินจากหอลงมาที่ร้านคอมพิวเตอร์ ที่ทั้งสองกำลังนั่งปฏิบัติภารกิจ ปิดผมขาว ให้กับแจ้อยู่

“พี่แจ้คะ แมว เอาเทปมาคืน ขอบคุณนะคะ แล้วก็นี่ซื้อคุกกี้ที่พี่ชอบมาฝาก ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์เย็บปลอกหมอนให้แมว  อ้าวพี่น้อย มายืนตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ทันเห็น สวัสดีค่ะ” ผู้พูดวางถุงคุ้กกี้จากน่านฟ้าเบเกอรี่อันโด่งดังวางไว้ที่ข้างโต๊ะคอม แล้วก็เยื้องย่างออกไป ผมดำขลับที่ปลิวสลายเมื่อต้องลม เผยให้เห็นผิวขาวเนียว ตัวบางเล็กสูง แขนขาดูยาวในชุดสายเดี่ยวสีดำ ผู้มาเยือนยืนรอรถยนต์วอลโล่สีทองมารับขึ้นรถที่หน้าร้าน แล้วก็ลาลับไป 

ไม่มีเสียงสนทนาหลังจากนั้น ยกเว้นเสียงร้องเจ็บตอนที่นกน้อยรูดหวีสางผมที่กำลังย้อมแรงไปจนแจ้รู้สึกแสบหนังศีรษะ จนเมื่อย้อมเสร็จ นกน้อยก็ขอตัวเดินกลับบ้าน ทิ้งแจ้ที่หมักย้อมผมจนได้ที่ ได้เวลาต้องไปล้างยาย้อมออก   เป็นจังหวะเดียวกับที่ ปุยเดินบึ้งตึงกลับเข้าหอพัก โดยมีดอยเดินตามง้อ โอ๊คที่เพิ่งลงจากรถ มีความเป็นห่วงทั้ง อาร์มที่นั่งตัวเกร็งขับรถไปส่งมะนาวที่ไม่พูดไม่จา  อีกทั้งปุยก็เกินงอนดอยขึ้นห้องไป  เจ๊นกน้อยที่เดินจะกลับบ้านมาเห็นโอ๊คที่ยืนทำหน้าเซ็ง

“รู้เรื่องแล้วเหรอ” นกน้อยถามหนุ่มหล่อที่ยืนตรงหน้า  โอ๊คพยักหน้าตอบเชิงรับ แต่ไม่ได้เล่าอะไรมาก นกน้อยส่ายหัว สงสารชะตากรรมของอาร์มกับดอย  แต่ก็อดโมโหตัวต้นเรื่องไม่ได้  “อีนังแมว”

ออฟไลน์ LovelyPenGirl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ยิ่งอ่านยิ่งอินค่ะ รักพี่ดอย  :hao7: รอคอยพี่โอ๊ค  :-[

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Track 23 : Just turn around now.. ‘Cause you’re not welcome anymore!!”

หน้าร้าน นกน้อยโภชนา อุปกรณ์ภาชนะอาหารถูกจับมาล้างทำความสะอาดแพ็คใส่กล่องพลาสติกใส โดยมีรถกระบะที่อาร์มขอยืมของคนงานมา เพื่อช่วยบรรทุกอุปกรณ์การเปิดร้านสัญจร ทั้งนี้นกน้อยได้จองบูธไว้ 12 วัน เพื่อออกร้านในสัปดาห์งานสะพานข้ามแม่น้ำแคว โดยปีนี้ นกน้อยขนทีมอันประกอบไปด้วย มะนาว และ ปุยเมฆ ซึ่งดูตื่นเต้นกับการไปช่วยออกร้าน ขนมจีนน้ำยารสเลิศ  สมทบด้วยโอเล่ที่ขันอาสาขอไปดูพฤฒิกรรมผู้บริโภค

ทีแรก โอเล่ ขอเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเช่าบูธทั้งหมด แต่นกน้อยไม่ยอม เพราะเกรงใจ โอเล่จึงได้แต่ออกไอเดีย และช่วยดูเมนู รวมถึงการตั้งราคา ทำป้ายไวนิล  มะนาวกับปุย ที่ช่วงนี้เป็นช่วงที่การเรียนเข้าสู่ความผ่อนคลายในปลายปีมากขึ้น จึงอยากมีส่วนร่วมกับการออกร้านของนกน้อย อีกทั้ง มะนาวกับปุย ที่ตอนนี้มักจะคุยกันถูกคอและสนิทกันมาก โดยเฉพาะตั้งแต่กลับจากท่าน้ำหนองบัวที่เจอกับมดดำ ซึ่งเล่าเหตุการณ์ในอดีตบางอย่างของ ดอย และ อาร์ม จนทำให้มะนาวกับปุยกลายเป็นคู่หู โดยมีโอเล่ ที่เริ่มกล้าคุยกับมะนาว และ ปุยมากขึ้น มาคอยอยู่ใกล้ๆ และให้ลูกน้องพ่อเอารถตู้คันหรู มารับมาส่งไม่ว่าโอเล่และเพื่อนอยากจะไปที่ไหน

ที่สวนหลังหอพัก ดอยที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบเก็บคะแนน วิชาเครื่องปรับอากาศรถยนต์ ที่ม้านั่ง โดยมีโอ๊คนั่งติว อยู่ใกล้ๆ ส่วนอาร์มก็อ่านหนังสือเตรียมซ่อม วิชานิวเมติกส์ และไฮดรอลิกส์ ที่ตัวเองได้คะแนนน้อยกว่าเกณฑ์

“น้ำยาแอร์ถ้าผ่านคอมเพรสเซอร์เข้าตู้แอร์ในรถจะมีสภาพเป็นก๊าซ ไม่ใช่ของเหลว” โอ๊คอธิบาย

“อ้าวแล้วที่มันหยดลงที่พื้นเป็นน้ำนั่นอะไรล่ะ”ดอยซัก

“มันคือน้ำทิ้งที่มากับท่อระบายน้ำ แต่ไม่ใช่น้ำยาแอร์ ถ้ามันรั่วมันจะมีสภาพเป็นก๊าซ มีกลิ่นฉุนและแสบตาจนรู้สึกได้”

“งั้นก็น้ำยามันก็ไม่ใช่น้ำยาน่ะสิ”

“มันก็ยังเป็นน้ำยาอยู่ดี แค่สถานะเปลี่ยนไป”

“แม่ง ไม่ใช่แค่ชีวิตคนเนอะ ที่ยุ่งยากชิบหาย” ดอยโอดโอย

“มันถึงต้องมีช่าง มีอาชีพเฉพาะทางไง  ไม่ดีหรอกเหรอ” โอ๊คแก้ต่างให้

“อืม เพื่อนกูนี่แม่ง มองโลกในแง่โครตดีเลย”

“ไม่ใช่ว่ากูมองโลกในแง่ดี แต่มันคงไม่มีอะไรเชี่ยไปกว่านี้แล้วแหล่ะ ชีวิตกูเนี่ย”

“มึงก็นะ ชอบทับถมตัวเองจัง แล้วนี่เป็นไง ตั้งแต่ลอยกระทงเบิ้ลสองรอบ ก็เห็นมึงนั่งยิ้มคนเดียวทั้งวันเลยนะเว้ย”

“ไอ้ดอยมึงต้องเห็นตอนมันเดินขึ้นห้องนอน แม่งเดินมองแต่ข้อความในเพจเจอร์ จนชนเสาบ้านดังตู้ม กูนี่ต้องแก้ต่างให้ม๊าฟังว่ามันนอนน้อยไป” อาร์มแฉแฝดผู้พี่ให้เพื่อนฟัง

“เฮ้ย ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ไอ้โอ๊ค มึงนี่เป็นเอามาก” ดอยคว้าไหล่โอ๊คมาโอบกอด “ดูดีใจที่มึงยิ้มได้นะ ถึงท้ายที่สุด ใครมันจะใช่ หรือไม่ใช่ คนนั้นก็ตาม กูแค่ชอบที่มีดูมีความสุขกับปัจจุบัน”

“อืม ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงในช่วงที่ผ่านมา กูเป๋ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” โอ๊คหันไปมองดอยที่ยังสวมกอดเขาอยู่

“เอาเป็นว่าไอ้อาร์มกับกู ต้องนินทามึงทุกทีที่พวกกูอยู่กันสองคนน่ะ”

“เออ ขอบคุณที่เสือกได้ทุกเรื่องนะ ฮ่าๆๆๆ” โอ๊คหันไปมองน้องฝาแฝดแล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา  “ว่าแต่นี่ มะนาวกับปุยหายโกรธพวกมึงกันหรือยังเนี่ย”

“กูว่า คงยาวล่ะงานนี้ มึงว่า กูกับไอ้ดอยควรเล่าความจริงไหมวะ” อาร์มถามแฝดผู้พี่

“ถ้าเล่า ก็เหมือนแก้ตัว” โอ๊คบอกต่อ “มันควรออกมาจากปากของคนที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย”

“มึงก็เล่าให้มะนาวฟังทีสิ” อาร์มวิงวอน

“กูพี่มึงป๊ะ อันนี้เขาเรียกเข้าข้าง” ก่อนโอ๊คจะหันไปมองดอย “ส่วนปุยน่ะ กูเคลียร์ให้ได้”


ที่ลานกว้างริมถนนใหญ่ทางหลวงสาย 323 ซึ่งวันธรรมดาจะเป็นที่ดินว่างเปล่าของสนามกีฬา แต่ในช่วงเวลานี้ของทุกปี จะถูกเนรมิตให้เป็นงานประจำปีขนาดใหญ่ เนืองแน่นไปด้วยสินค้าที่มาออกร้าน มีบูธสอยดาวของกาชาดเป็นศูนย์กลางของงานบริเวณสามแยกใหญ่ในงาน ทางเชื่อมจาก บริเวณงาน Light & Sound แสง สี เสียง ของสะพานข้ามแม่น้ำแควจนมาถึงบูธกาชาด จะเป็นร้านขายเสื้อผ้า และสินค้าราคาโรงงาน  และทางจากบูธกาชาดยาวไปจนถึงถนนใหญ่ จะเป็นโซนเปิดท้ายขายของ  ส่วนแยกสุดท้าย เป็นแยกที่ยาวที่สุดไปจนถึงสนามกีฬาเป็น บูธอาหาร บูธแสดงโชว์รถยนต์ ลานเบียร์ งานคอนเสิร์ต ตลอดจนสถานที่แสดงสินค้าพื้นเมืองและหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนที่เรียงรายมาประชาสัมพันธ์องค์กรตัวเองด้วยผลิตภัณฑ์ มาสคอต พรีเซนเตอร์ชายหญิง

วันก่อนเริ่มงาน 1 วัน ร้านค้าก็จะต่างมาประกอบบูธเข้าที่ ด้วยความชำนาญเพราะมักเป็นร้านค้าเดินสายออกงานทั่วภาคกลางอยู่แล้ว จะมีก็แต่ ร้านเด็กเส้น by เจ๊นกน้อย ที่ขลุกขลักจากการตกแต่งร้านเป็นครั้งแรก แถมยังมีลูกมือเพียงปุยและมะนาว ที่หยิบจับอะไรก็ดูไม่ค่อยชำนาญ    นกน้อยได้ทำเลดี เพราะจับฉลากได้บูธที่อยู่ถัดจากกาชาดมานิดเดียว คาดว่าน่าจะมีคนสัญจรค่อนข้างมาก อีกทั้งพื้นที่บริเวณนี้ มีการปูพื้นด้วยตาข่ายพลาสติก ทำให้ไม่มีฝุ่นฟุ้งเหมือนบริเวณอื่น 

“นี่ใช่บูธของคุณนกน้อย คล้อยบินมาเดียวดาย หรือเปล่าครับ” พนักงานที่สวมชุดหมีสีเทาเข้ม ขับบรรทุกขนาดเล็ก มีบูธสำเร็จรูปสภาพดี ขนอยู่เต็มหลังรถ ถามกับเจ้าของบูธที่ออกอาการงง 

“คือ มันไม่ใช่นามสกุลของฉันหรอกค่ะ แต่ดิฉันชื่อนกน้อยค่ะ”

“อ้าว พี่กลอง เล่นผมแล้วสิ  คืองี้ครับ พอดี คุณมือกลอง ให้เอาบูธออกร้านมาให้คุณนกน้อยดูว่า มีอันไหนที่จะหยิบยืมหรือเหมาะสม ก็เลือกได้เลยครับ คุณมือกลองเห็นว่า เผื่อจะช่วยให้ร้านดูสวยงามขึ้น”

“ห๋า จริงเหรอคะ อุ๊ย น้องกลองของเจ๊ ช่างใจดีอะไรอย่างนี้ เกรงใจจัง ก็ไหนๆ เอามาแล้ว เอาลงทั้งหมดนี่แหล่ะคะ เอาทั้งหมดเลยค่ะ”  แล้วนกน้อยก็กุลีกุจอหาน้ำท่ามาให้พนักงานสี่คนที่ช่วยยกของจัดจนเสร็จได้นั่งพักเหนื่อย ซึ่งตอนนี้ บูธขนมจีนของนกน้อยดูโดดเด่นและสะอาดตา แถมได้บูธที่ดูโมเดิร์นจนน่ามอง   ซึ่งร้านขนมจีนตอนนี้ ดูสวยงามจรทำเอานกน้อยยิ้มไม่หุบ แต่รอยยิ้มก็ต้องหยุดชะงักเมื่อโอเล่และนายทหารอีก 6 คนเพิ่งมาถึง

“ก็คงไม่มีอะให้ช่วยแล้ว อย่างนั้นก็กลับกันได้แล้ว พวกนายฝากบอกเตี่ยด้วย ว่าห้างสรรพสินค้าอันดับหนึ่งของจังหวัด เขาส่งคนมาช่วยแล้ว แต่ก็ขอบใจมาก” โอเล่ที่หันไปมองรอยสกรีนชื่อห้าง หลังชุดหมีของพนักงานที่นั่งดื่มน้ำท่าอยู่จึงได้คำตอบว่า เขาพาลูกน้องเตี่ยมาช่วยช้ากว่าใครคนหนึ่ง

“แหม น้องโอเล่ ไหนๆ ลูกน้องเตี่ยอุตส่าห์มีน้ำใจ เรียกพวกเขามาแวะทานของว่าง มาดื่มน้ำดื่มท่าก่อน นะๆๆ” นกน้อยใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นโอเล่พยักหน้าเป็นเชิงให้ นายทหารได้อยู่ต่อ นกน้อยจึงตักขนมจีนที่ตั้งใจจะมาแบ่งให้บูธข้างๆ ได้ลองชิมตามประสาคนชอบผูกมิตรสัมพันธ์ มาให้พนักงานทั้งจากห้างของมือกลอง และนายทหารที่อุตส่าห์มาช่วยงานตามคำสั่งของเตี่ยน้องโอเล่  และก็ถือโอกาสฟังคำติชมเมนูหลักที่จะเตรียมมาขายในวันพรุ่งนี้ ซึ่งก็ได้รับคำตอบแสดงบนหน้าผิวจานที่ว่างเปล่าแทบจะไม่เหลือแม้แต่คราบน้ำยากะทิ


ในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ใต้หอพักนาตยา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แจ้ที่กำลังลองชุดม่อฮ่อมสีน้ำเงินหน้ากระจกวิ่งมารับสาย

“ฮัลโหล ไก่แจ้อีสสปีคกิ้ง”

“ทะเล้นพอกันเลย น้ากับหลาน”

“อ้าวพี่ ทำไมวันนี้โทรเข้าเครื่องข้างล่าง ไอ้ดอยมันไม่รับเหรอ”

“ฉันจะโทรหาน้องชายฉันบ้างไม่ได้เหรอ”

“แหมร้อยวันพันปีถามหาแต่ลูกชาย น้องนุ่งมันจะไปสำคัญอะไร เชอะ”

“เดี๋ยวจะให้พ่อส่งกระแสจิตไปด่า ดีไหม”

“อย่านะพี่ มากับลมหนาวทีไร ขนลุกทุกที”

“แล้วนี่ เห็นเจ้าดอยบอกว่า จะไปประกวดชายงามอะไรกับเขา”

“มันก็พูดไป เทศบาลเขามาขอร้อง อยากจะให้ไปประกวดขุนช้าง สนุกๆกัน”

“โล่งอก นึกว่าอยากจะเป็นชายงามเอาตอนวัยนี้ เป็นเจ๊ดันให้ไม่ไหวหรอกนะ”

“เดี๋ยวฉันได้รางวัลมาจะหนาว ผัวพี่จะได้หุบปากซะทีว่าฉันทำอะไรก็ไม่สำเร็จ”

“แกก็จะไปอะไรมากมาย ฉันเป็นเมียฉันยังเลิกสนใจมันมานานแล้วเลย เฮ้อ.. ว่าแต่ เรื่องเจ้าดอยไปถึงไหน”

“ก็ดี แต่กำลังงอนกันเล็กน้อย คือ ผู้ชายเมื่อก่อนมันไม่มีแฟน มันก็ซุกซนกันบ้างล่ะน่า นี่อีกฝ่ายเขาจับได้ กำลังง้อกันอยู่”

“เฮ้อ.. น้าหลานคู่นี้ พอกันเลย คิดถูกไหมเนี่ย จับไปอยู่ด้วยกันแบบนั้น”




ปุยเมฆในชุดเสื้อแจ็คเก็ตสีฟ้าอ่อนกันลม AIIZ ตัวใหม่เอี่ยม กับกางเกงสามส่วนสีขาว และรองเท้า Converse All Star สีขาวคู่เก่ง ลงจากหอพักชั้นสาม เพื่อเตรียมตัวไปนัดกับคนสำคัญสองคน พ่อและโอ๊ค  ระหว่างทางปุยผ่านชั้นสองและเหลือบไปทางระเบียงไกลมุมตรงข้าม เห็นเงาของคนผมยาวสลวยยืนแปรงผมอยู่ที่ระเบียง ส่งสายตาและรอยยิ้มมาให้ ปุยไม่ได้ยิ้มตอบแต่ก็ไม่ได้ทำให้บึ้งตึงใส่ เขาแค่เดินลงบันไดต่อไปมายังหน้าร้านอินเทอร์เน็ตที่มีโอ๊คนั่งรออยู่ 
สักพักมีรถยนต์มาจอดหน้าร้านเพื่อรับหนุ่มน้อยสองคนขึ้นรถไป โดยปุยเมฆนั่งเบาะหน้าซ้ายคู่กับคนขับผู้เป็นพ่อ และโอ๊คนั่งที่ท้ายเบาะหลัง แล้วรถก็ออกแล่นไป มีจุดหมายที่กระเทียมเรสเตอรอง สาขาของร้านอาหารดังที่เพิ่งมาเปิดริมแม่น้ำแม่กลอง ห่างจากหอพักไม่มากนัก  ซึ่งธรรมเสถียรผู้เป็นพ่อ เอ่ยชวนโอ๊คมาทานเพื่อตอบแทนที่ช่วยดูแลลูกชายเป็นอย่างดี เมื่อทราบจากลูกชายว่า โอ๊คกำลังจะย้ายไปฝึกงานและอาจทำงานที่กรุงเทพเป็นระยะเวลานาน เขาจึงอยากพบปะ และรู้จักเพื่อนสนิทของลูกชายไว้ เพราะเรารู้จักเพียงยอดดอยเพียงคนเดียว

“ไวน์สักแก้วไหมลูกโอ๊ค” ว่าแล้วธรรมเสถียรก็เอ่ยปากขอให้บริกรรินไวน์แดงราคาแพงที่เขาเพิ่งได้เป็นของขวัญจากท่านทูต ให้รินใส่แก้วแล้วเสิร์ฟให้โอ๊ค

“ทำไมลูกไม่ได้ดื่ม” ปุยที่ท่าทางอยากลิ้มรสไวน์บ้างเมื่อทราบว่าเป็นยี่ห้อแพงเอ่ยถาม

“มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ปุยยังไม่ถึงวัย” พ่อตอบ

“โอ๊คก็อายุเท่าลูก”

“แต่เขารู้จักขอบเขตว่าเท่าไหร่คือพอ อันนี้คือจากที่พ่อได้ยินมา แน่นอนว่า นั่นคือความเป็นผู้ใหญ่ในความคิดของพ่อ”

“เชอะ”

“ปีนี้น่าจะเป็นปีที่วุ่นวายของสถานฑูตทุกแห่งเลยนะครับ ตั้งแต่ต้นปีมีแต่เรื่องการเมืองที่วุ่นวาย ทูตเฉพาะสถานฑูตเหมียนหม่า ที่น่าจะยังไม่หายตกใจจากหลายเหตุการณ์ที่เกิด” โอ๊คตัดบทเพื่อให้ปุยไม่งอแงต่อหน้าพ่อ

“อืม แต่เราก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเหตุนั้น เราเพิ่งได้รู้สิ่งที่คนจำนวนนึงอยากให้เป็น เรามองข้ามมาตลอด”

“แล้วคุณพ่อว่า จะมีผลต่อการชักนำทางความคิดของแรงงานต่างด้าวในเขตชายแดนไหมครับ”

“เป็นคำถามที่น่าสนใจ พ่อคิดว่า ตอนนี้ พวกเขามีเป้าหมายร่วมที่ไม่ยอมบอกเราแน่นอน  ไหนโอ๊คลองอ่านใจพวกเขาที”

“ผมว่า คนพม่าสมัยนี้ไม่เหมือนเมื่อสิบปีก่อน ที่เข้ามาแล้วก็อยู่เป็นแรงงานทาศ  เขาเริ่มซื้อโทรศัพท์มือถือ แล้วก็เริ่มมีการ รวมกลุ่มกันยามค่ำคืน ผมว่าทุกอย่างรอสัญญาณจากผู้นำทางจิตวิญญาณอย่างท่านอองซานซูจี”

“พ่อก็ว่าอย่างนั้น ตอนนี้มีความเคลื่อนไหวในจังหวัดสมุทรสาคร ระนอง แล้วก็ราชบุรี แต่เขาก็เคลื่อนไหวกันโดยสงบนะ”

“คนงานในบริษัทของป๋าผม มีการมองหาช่องทางในการกลับประเทศมากขึ้นครับโดยเฉพาะผู้หญิง แต่ผู้ชายไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะเขาค่อนข้างพอในใจค่าแรง แต่ทางบ้านผมคงจะทยอยเพิ่มสัดส่วนแรงงานไทยให้มากขึ้น แม้ว่าจะเลือกงานเหลือเกินนะครับ หยิบจับอะไรนี่อู้งานมาก ไม่เหมือนแรงงานพม่า ค่อนข้างขยันมากกว่า”

“โอ๊ยยยย คุยอะไรกันไม่รู้เรื่อง คุยเรื่องไปเที่ยวสังขละกันดีกว่า พ่อจะไปกับลูกไหม นี่ว่าจะไปกันหลายคนสนุกดี”

“เฮ้อ ลูกคนนี้นี่  แล้วนี่นึกยังไงอยู่ดีๆก็โทรมาหาพ่อล่ะ โมโหเรื่องที่ดินของแม่อยู่ไม่ใช่เหรอ”

“ก็โอ๊คบอกว่า ลูกมองเรื่องนี้ไม่ลึกพอ นี่ก็เอาใจโอ๊ค เพราะจะย้ายไปอยู่เมืองหลวงหรอกนะ” ปุยหันไปค้อนโอ๊ค

“นี่โอ๊คกับดอย คงสนิทกันมากสินะ ดูคล้ายกันหลายอย่างเลย” พ่อถาม

“ไม่เห็นจะเหมือนเลย อีตานั่นน่ะ ซื่อบื้อแล้วก็วันๆคิดแต่เรื่องลามก” ปุยที่ยังคงงอนไม่เลิก ใส่อารมณ์โกรธลงไปด้วย

“พ่อว่าเขาเหมือนกันมาก ดูใจเย็น ใจดี ชอบช่วยเหลือคนรอบข้าง แล้วที่สำคัญ ดูแล้วทั้งคู่น่าจะห่วงลูกพ่อมากเลย จริงไหมล่ะ โอ๊ค”

“เอ่อ.. ผมก็ช่วยดูแล เพราะว่าปุยเขาตัวคนเดียวน่ะครับ แล้วบังเอิญก็.. ถูกชะตากันด้วย”

“ถูกใจกันตั้งแต่เห็นกันครั้งแรกสินะ” พ่อยิ้ม

“จริงๆ เคยเจอกันมาก่อนแล้วครั้งหนึ่งครับ”

“ห๋า เมื่อไหร่” ปุยดูตกใจกับสิ่งที่ได้ยินไม่แพ้ผู้เป็นพ่อที่รอฟังเรื่องเล่า

“เมื่อปี 1988  เราเคยเจอกันครั้งหนึ่ง ที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว”

“เราเคยเจอกันตอนนั้นเหรอ”

“ปุยคงจำไม่ได้ มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ที่ช่วยปุยดึงขาที่ติดออกมาจากร่องไม้หมอน”

“เออ.. พ่อจำได้”

“ปุยก็จำได้  นั่นโอ๊คเหรอ”

“เราก็ไม่มั่นใจว่าเป็นปุย จนใช้เวลาด้วยกัน ผิวขาวใส กับตากลมคู่นี้ จนพักนึง เราก็นึกออก”

“เฮ้ย ไม่น่าเชื่อเลย” ปุยยังคงรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง

“พ่อยังจำได้ว่า เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารัก กำลังมานั่งอยู่ตรงเชิงสะพานนั้นพอดี พ่อตกใจมากเพราะตอนขาของปุยติดที่ร่องไม้หมอน ได้ยินเสียงหวูดรถไฟดังมาแต่ไกล ใจนี่หล่นวูบไปถึงตาตุ่ม ฮีโร่น้อยคนนั้น คือหนุ่มหล่อคนนี้อย่างนั้นเหรอ”

“โอ๊ค โหยยย โอ๊คคือเทวดาประจำตัวของเรานี่เอง”





ที่บูธของนกน้อย ที่บัดนี้ได้เอาผ้าขาวมาขึงกันคนเข้าเนื่องจากเป็นเป็นเวลายามค่ำ ร้านอื่นก็เช่นกันที่พักผ่อนเอาแรงเนื่องจากพรุ่งนี้จะเป็นงานเปิดเทศกาลวันแรก คนอื่นจึงทยอยแยกย้ายกันกลับบ้าน หรือเข้าที่พัก ส่วนร้านค้าที่มาจากต่างจังหวัด ก็อาศัยนอนในบูธกันเลย มีห้องน้ำที่เป็นรถสุขา และห้องน้ำสำเร็จรูปที่ใช้เฉพาะกิจ เก็บค่าเข้าครั้งละ 2 บาท อยู่ทุกจุดของพื้นที่จัดงาน  นกน้อยเดินตรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะควบมอเตอร์ไซค์คันเก่งกลับก่อน เพราะโอเล่ชวนมะนาวกลับพร้อมกันด้วยรถตู้ของเตี่ย ซึ่งมีพลทหารคอยขับให้ 

รถตู้ก็ออกตามเส้นทางสัญจรแคบๆ ที่ทำไว้เป็นทางเท้า เนื่องจากมีเต็นท์ร้านค้าล้อมเต็มไปจนสุดลูกหูลูกตา ซึ่งเต็นท์ได้ครอบคลุมพื้นที่ข้างถนนยาวหลายร้อยเมตรจนคล้ายกับตัวหนอนขนาดยักษ์ถ้ามองจากบนฟ้าลงมา

“ยังโกรธพี่อาร์มอยู่ในไหม” โอเล่หันไปถามมะนาว

“ก็ไม่ถึงกับโกรธหรอก แต่ผิดหวัง”

“มันน่าจะเป็นเรื่องของสรีระ ฮอร์โมน อะไรหลายอย่าง ถ้าอธิบายทางวิทยาศาตร์ต้องเข้าใจพวกผู้ชายเขา”

“แล้วทำไมพี่โอ๊คไม่เป็นล่ะ”

“พี่โอ๊คเขาอินดี้กว่าใคร ใจเขามั่นคง จะเปลี่ยนหรือโลเลไม่ง่ายนัก ไม่ใช่ว่าเขาดีกว่าพี่อาร์ม หรือพี่ดอย แต่เขาเป็นของเขาอย่างนั้น แม้แต่คุณแมว จะไปใกล้ชิดคงไม่กล้า ก็ต้องกระเจิงออกมา” โอเล่อธิบายยาว เพื่อให้มะนาวสบายใจขึ้น

“ถึงได้เทิดทูนพี่โอ๊คมากเลยใช่ไหมเราน่ะ”

“มะนาวก็เหมือนกันแหล่ะ เมื่อก่อนก็เคยชอบพี่โอ๊คนี่นา”

“ตอนนี้ก็ยังชอบอยู่ ไม่มีผู้หญิงคนไหนลืมรักแรกของตนหรอกนะ”

“แล้วทำไมถึงมาเชียร์ให้เราลุยเรื่องพี่โอ๊คล่ะ”

“เรื่องของเรากับพี่โอ๊ค ความเป็นไปได้คือ ศูนย์ เลยนะ แล้วเราก็ไม่หึงหรอกถ้าพี่โอ๊คจะไปเป็นแฟนโอเล่ หรือมือกลอง”

“เก่งนะ ทำใจได้”

“ก็ไม่หรอก ถ้าพี่โอ๊คจีบผู้หญิง หรือเป็นแต่งงานกับใคร คงโมโหมากว่าทำไมไม่ใช่เรา แต่ถ้าชอบผู้ชายเราไม่ว่าหรอก ก็น่ารักดีออก เห็นผู้ชายชอบกันหนุงหนิงกัน น่ารักดี”

“มีด้วยเหรอ ผู้หญิงอะไร ชอบดูผู้ชายลงเอยกันเอง ประหลาด”




ที่สวนหลังหอ ที่มีแมลงรุมไฟสนามอยู่เป็นจำนวนหนึ่ง บริเวณที่โอ๊คกับปุยนั่งจึงปิดไฟ เพื่อไม่ให้แมลงมารบกวน โอ๊คหันไปมองห้องของดอยที่เปิดไฟทิ้งไว้ แสดงว่าเจ้าตัวยังไม่หลับ แต่คงไม่กล้าออกมาทักทายปุยที่น่าจะยังโกรธมากอยู่

“พ่อเราดูจะชอบโอ๊คมากเลยล่ะ”

“เราเข้าทางผู้ใหญ่เก่ง”

“นี่ก็ชอบพูดเล่นอยู่เรื่อย”

“ไว้ถ้าไม่พูดเล่นขึ้นมาจะหนาว เราน่ะเห็นอย่างนี้ เวลาเดินหน้านี่ ใครก็เอาไม่อยู่นะ”

“เชื่อๆ ไม่งั้น มือกลองกับน้องโอเล่จะตามติดขนาดนี้เลยเหรอ ขนาดเราว่าหวงเพื่อนยังเห็นใจพวกเขาแทนเลย”

“อ้าวทำไมไปอยู่ข้างคนอื่นซะล่ะ”

“อยากให้โอ๊คมีความสุข”

“เราก็อยากให้ดอย กับปุย มีความสุข”

“นี่จะมาพูดเพื่อช่วยเพื่อนใช่ไหมอ่ะ”

“ถ้าจะมีใครสักคนอยากให้ปุยโสด ก็น่าจะเป็นเรานี่แหล่ะ เราจะไปช่วยทำไม”

“หยอดเก่งนะพักนี้”

“ก็ต้องเรียนรู้บ้าง เดี๋ยวจะแห้วไปทั้งชีวิต”

“เราว่า เราจะไม่เดินหน้าต่อแล้ว เรารับไม่ได้”

ยอดดอยที่นัดแนะกับโอ๊คแอบเปิดช่องลมหน้าต่างห้องน้ำที่อยู่ใกล้สวน ให้เสียงในบทสนทนาได้ลอยเข้ามาในห้องเพื่อแอบฟัง โดยโอ๊คพยายามช่วยจัดมุมให้ได้อยู่ใกล้ห้องนอนของดอยที่สุด แต่พอดอยได้ยินสิ่งที่ปุยเอ่ย ก็ใจหล่นวูบ เขาเองก็รู้สึกผิดในเรื่องของเขากับแมว  รวมไปถึงเห็นใจกับสิ่งที่อาร์มกำลังเผชิญเช่นกัน แต่เบื้องลึกเขาเชื่อว่า โอ๊คจะช่วยเขาได้





“มะนาวฟังพี่ก่อนได้เปล่าครับ” อาร์มที่ดักรออยู่หน้าประตูบ้านของมะนาวเสียงอ่อย เมื่อเห็นมะนาวเดินลงจากรถตู้ของโอเล่แล้วเตรียมจะเข้าบ้านเลยโดยไม่หันมาทักทาย

“ไม่มีอารมณ์ค่ะพี่อาร์ม ไว้ค่อยคุยกัน”

“พี่สัญญาว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก สาบานเลยก็ได้” อาร์มยกมือขึ้นมาชูสามนิ้วแบบลูกเสือ

“อย่าเลยค่ะ สาบานไปก็ตายเปล่า ไหนว่าชอบมะนาวมาโดยตลอด แต่ก็มีผู้หญิงคนอื่น”

“คือ.. แมวไม่ใช่ผู้หญิง”

“อะไรนะ !’

“พี่อยากอธิบายนี่ไง”

“โอ๊ย ไม่ฟังแล้ว กลับบ้านเถอะพี่อาร์ม ไว้มะนาวอารมณ์ดีค่อยคุยกัน ก่อนมะนาวจะเดินหุนหันเข้าบ้านไป แน่นอนว่า มะนาวนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงนอนไม่หลับ เธอเพิ่งรับรู้ว่า อาร์มมีผลต่อจิตใจเธอมากขนาดไหน ทำไมคนที่เธอวิ่งหนี แฝดน้องที่เธอไม่เคยสนใจที่จะรักกันฉันชู้สาว ถึงได้ทำให้เธอปั่นป่วนมากมาย
มะนาวพยายามข่มตาหลับ เพราะพรุ่งนี้ยังมีเรื่องให้จัดการอีกมาก ไหนจะต้องไปวิทยาลัยเพื่อจัดการรายงานให้เรียบร้อยก่อนวันหยุดยาว ไหนจะต้องไปช่วยเจ๊นกน้อยที่เธอรู้สึกผูกพันและถูกชะตามากที่บูธในงานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแควที่จะเปิดวันแรกในวันพรุ่งนี้




“แมวเป็นเด็กสถานพินิจ อยู่กับดอย และมดดำมาจนสนิทกัน พอหกเดือน ดอยก็ย้ายกลับออกมาเพราะพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด ส่วนมดดำที่ชดใช้กรรมตามออกมาพร้อมกับแมว ที่ต้องโทษคดีขายบริการ ก็พ้นโทษพอดี” โอ๊คเล่า

“ยังไม่เจอวลีที่เรารู้สึกใจเย็นลงเลย”

“ใจเย็นสิปุย นี่ไง เราจะเล่าต่อ  แล้วพอแมวที่สมัยนั้นยังไม่แต่งตัวเป็นผู้หญิง ไม่มีงานเลย ไม่มีใครรับเข้าทำงาน ก็กลับมาเจอดอยเข้าอีกครั้ง  ดอยก็เลยให้ที่พักแล้วก็กลับมาสนิทกัน ซึ่งมารู้ตอนหลัง ว่าแมวแอบชอบดอยอยู่นานแล้ว”

“ก็เลยเข้าออกห้องกันตลอดแบบที่มดดำเล่า”

“มดดำมันก็ไม่รู้อะไร ผู้หญิงห้องข้างๆ ก็เอาไปลือกัน คือจริงอยู่สมัยที่อยู่สถานพินิจ ก็มีความบ้าระห่ำตามประสาวัยรุ่น ในนั้นมันมีการแบ่งพรรคพวก มีการแสดงความเก๋าของตนเพื่อให้รอดพ้นจากการถูกรังแก ไหนจะเรื่องการทำตัวให้อยู่รอด ไอ้ดอยมันได้เป็นใหญ่ในนั้น ซึ่งก็ปกป้องแมวให้รอดพ้นจากอันตรายได้

“ซาบซึ้งดีจัง”

“แต่แล้ว แมวที่เริ่มค่อยๆ เปลี่ยนตัวเองเป็นผู้หญิงจนสวยขนาดนี้ ก็ดันมีไอ้อาร์มที่เมามาก ไปติดบ่วงความสวย”

“อาร์มนี่ก็คน ไหนว่าชอบมะนาวมากนักหนา ชอบมาแต่เด็ก แต่ก็ยังนอกใจได้”

“อาร์มไม่ได้นอกใจ.. อาร์มแค่นอกกาย”

“ดูพูดเข้า โอ๊คนี่เข้าข้างน้องนี่นา”

“เราไม่ได้จะมาบอกว่าน้องเราไม่ผิด แต่ว่า ความเมา ความคะนอง แล้วเวลาไอ้ดอยกับไอ้อาร์มมันอยู่ด้วยกันมันก็ซ่ามาก ปุยก็คงจะเห็นพวกมันเวลาเมา นี่ดีขึ้นแต่ก่อนแล้ว สมัยก่อนยิ่งกว่านี้มาก แน่นอน มันมีบางอย่างเกิดขึ้น แต่เชื่อเราเหอะ มันจะไม่เกิดขึ้นอีก เรารู้ดี” โอ๊คร่ายยาว เพื่อหวังว่า ปุยจะใจเย็นลง

“โอ๊คไม่รู้ใช่ไหม ว่าทุกวันนี้ ดอยยังส่งตังให้แมวใช้”

“....”

“นี่ล่าสุดเราเปิดดู มีการโอนเงินเข้าบัญชี หลักร้อยบ้าง หลักพันบ้าง เราเห็นรอยดินสอที่ถูกลบไป เอามาส่องไฟ มันเขียวว่า แมว อย่านึกว่าเราไม่รู้นะ จะส่งเงินให้กันทำไม ถ้าไม่ได้มีอะไรกันแล้ว”

“....” 

“เราว่า โอ๊คก็เข้าข้างเพื่อนมากไปนะบางที”

ที่ระเบียงหน้าประตูห้อง 2D มีเงาของคนผมยาวเดินกลับเข้าห้องไป ถูกปิดลงอย่างช้า แมวเดินกลับไปนอนลงบนเตียง น้ำตาไหล ร้องไห้สะอื้นออกมา แมวเหลือบไปดูรูปของเธอและดอยถ่ายคู่กันซึ่งตอนนั้นเธอยังไว้ผมทรงรองทรงสั้นเต่อ ถัดจากรูปนั้น มีรูปของเธอใส่ชุดราตรีสีเหลืองอ่อน พร้อมสายสะพานสีน้ำเงินเขียน “ธิดาจำแลง ๒๕๓๙” ยืนคู่กับอีกคนที่ใส่ชุดสีฟ้าพร้อมสายสะพาย “รองอันดับ ๑ ธิดาจำแลง ๒๕๓๙” แมวเช็ดน้ำตาแล้วพยายามข่มตานอนลงบนเตียงนุ่มนั้น




“สวัสดีครับท่านพ่อแม่พี่น้อง ผมนายไพศาล ลับบัวงาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี ขอชี้แจงเรื่องการจำหน่ายบัตรในงานสัปดาห์งานสะพานข้ามแม่น้ำแควที่เริ่มขึ้นนี้เป็นวันแรก...”  เสียงจากเคเบิ้ลทีวีท้องถิ่นดังขึ้น ปลุกให้ยอดดอยที่เปิดทีวีค้างคืนไว้ตื่นขึ้น  เขาลุกขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวทำธุระและไปวิทยาลัยในการเคลียร์รายงานที่ค้างก่อนจะเข้าสู่ฤดูกาลฝึกงาน แล้วตอนบ่ายก็มีนัดรับของที่ไปรษณีย์เพื่อเอามาตกแต่งรถให้ลูกค้า ตอนเย็นก็ตั้งใจจะไปช่วยเจ๊นกน้อยในการออกร้านเป็นวันแรก ซึ่งน่าจะวุ่นวายพอดู   เขาทำธุระเสร็จเปิดประตูออกมา เห็นปุยที่เดินลงจากบันไดมา เขารีบจะเอ่ยทักแต่ปุยก็หันหนีไปเสียก่อน   “วันพิพากษามาก่อนคำทำนายแล้วเว้ยไอ้ดอย”  เขาพรำกับตัวเอง



“ไหวนะน้องปุยของเจ๊ สู้ๆนะ” นกน้อยตะโกนให้กำลังใจ เมื่อเห็นสภาพอิดโรยของปุยเมฆ ซึ่งฟ้องว่าอดนอนมาแน่นอน ปุยขี่รถจักยานพร้อมสะพายเป้ที่เต็มไปด้วยหนังสือไว้ที่หลัง กำลังบังคับแฮนด์เมื่อผ่านร้านของนกน้อย

“ผมอยู่ได้ครับ ก่อนหน้านี้ ผมก็อยู่ของผมคนเดียวได้  และต่อไปนี้ ผมจะอยู่ได้ด้วยตัวเอง”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2018 23:04:08 โดย TofuChan »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด