พิมพ์หน้านี้ - All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: KOKURO ที่ 02-12-2011 22:29:08

หัวข้อ: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 02-12-2011 22:29:08
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
หัวข้อ: Re: All I want # the Opening
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 02-12-2011 22:39:10
รถเบนซ์สีดำงามจอดสนิทอยู่หน้าโรงฝึกยูโดเก่าแก่  ใกล้กันนั้น  มีชายหนุ่มร่างสูงอายุประมาณ 30 ปียืนทอดอารมณ์อยู่  แม้รูปร่างอันกอปรด้วยกล้ามเนื้อดูแข็งแรงได้สัดส่วนจะดูเหมือนนักกีฬาสักเท่าไร  แต่แค่มองด้วยหางตาเพียงชั่วแวบไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้ว่าชายหนุ่มไม่ใช่คนที่จะมาฝึกศิลปะการป้องกันตัวที่โรงฝึกแห่งนี้เป็นแน่

ด้วยร่างสูงนั้นมีเรือนผมสีทองยาวประบ่า  ในมือมีบุหรี่ซึ่งเจ้าตัวค่อย ๆ ละเลียดสูดควันสีเทาเข้าปอดก่อนจะพ่นออกมาช้า ๆ  ปิดบังใบหน้าด้วยแว่นกันแดดสีดำ  ยิ่งเมื่อรวมเข้ากับสูทสีดำที่พับแขนขึ้นมาถึงข้อศอก  ผู้ที่ได้พบเห็นก็คงจะสรุปความเอาง่าย ๆ ได้ว่าชายหนุ่มเป็น  “คนของโลกเบื้องหลัง”  ที่เกี่ยวข้องกับอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและศีลธรรมอันดีเป็นแน่

แต่ด้วยรอบ ๆ โรงฝึกยูโดแห่งนั้นเป็นย่านที่อยู่อาศัยเล็ก ๆ ที่ไม่มีผู้คนผ่านไปมามากมายนัก  ทำให้ไม่มีสายตาสงสัยปนหวาดระแวงจ้องมองมาให้ชายหนุ่มได้รำคาญใจเหมือนในเมืองใหญ่ที่เขาใช้ชีวิตอยู่เป็นประจำ

คนเรามันก็แปลก  กลัวทั้งกลัวแต่ก็ยังอดสงสัยและส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามไปยังสิ่งที่ตนหวาดระแวงไม่ได้  จะถามออกมาตรง ๆ ก็ไม่กล้า  ได้แต่หลบ ๆ ซ่อน ๆ สายตาตนเองไม่ให้ฝ่ายถูกมองรู้เข้า...แต่มีหรือที่คนถูกมองจะไม่รู้  สายตาแบบนั้นเองที่ทำให้ชายหนุ่มรำคาญใจอยู่เสมอ

ชายหนุ่มรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนใจร้อนบุ่มบ่ามเหมือนที่อันธพาลระดับล่าง ๆ มักจะเป็นเวลาที่ถูกมองด้วยสายตาแบบนั้น  เขาไม่เคยปรี่เข้าไปหาเรื่องหรือตั๊นหน้าใครเวลาที่ถูกมอง  แต่ก็ยอมรับอยู่ในใจว่าหงุดหงิดไม่น้อยถ้าถูกมองบ่อย ๆ...โดยเฉพาะเจ้าพวกเด็กในโรงฝึกนี้

ร่างสูงทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นแล้วใช้เท้าขยี้ดับ  รอบ ๆ ตัวมีก้นบุหรี่เช่นนั้นหล่นอยู่ 3 – 4 ตัวแล้ว  คนที่เขารอยังไม่ออกมา  เขาเหลือบมองข้ามกำแพงสูงไปยังตัวอาคารไม้ที่อยู่ด้านใน  ก่อนจะส่ายหน้า...ยังไงเขาก็เกลียดสถานที่อย่างนี้จริง ๆ สิน่า

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์  เข้าไปต้องสำรวมทั้งกายและใจ  ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับอย่างเคร่งครัด  วางท่าให้ดูภูมิฐานน่าเชื่อถือ...โกหกทั้งเพ  ไอ้เรื่องพรรค์นั้นมันก็แค่กดความเป็น  “คน”  ในตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้น  สุดท้าย  เมื่อก้าวออกมาจากสถานที่นั้น  ไอ้ที่สร้างภาพเอาไว้ก็กระเทาะหลุดออกจนหมด

ดังนั้น  ชายหนุ่มจึงชอบ  “โลก”  ที่ตัวเองใช้ชีวิตอยู่มากกว่า  โลกที่ทุกคนเผยตัวตนและความปรารถนาจากก้นบึ้งของจิตใจตนเองออกมา  โลกที่ไม่มีการเสแสร้งจอมปลอม...โลกของตัณหาและราคะ

เสียงเจี๊ยวจ๊าวของบรรดาลูกศิษย์ของโรงฝึกดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตูโรงฝึก...นั่นไง  พอสลัดชุดยูโดออก  คราบความสำรวมที่พอกเอาไว้ก็ถูกสลัดออกไปด้วย  ไม่รอแม้แต่จะให้พ้นประตูโรงฝึกเสียด้วยซ้ำ  พร้อม ๆ กับเสียงพูดคุยเอะอะโวยวาย  เด็กหนุ่มกลุ่มใหญ่ก็ทยอยกันออกมาจากประตูใหญ่อันเป็นไม้หนาหนัก  เกือบทุกคนลอบปรายตามองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างประตูพลางเงียบเสียงลงคนละชั่วอึดใจโดยไม่รู้ตัว  ก่อนจะพูดคุยกันเสียงดังขึ้นมาอีกหลังจากเห็นว่าไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จากชายหนุ่ม
แล้วร่างสูงก็ขยับตัวเมื่อเห็นว่าคนที่เขากำลังรอได้ออกมาจากโรงฝึกแล้ว

ในขณะที่เด็กหนุ่มคนอื่น ๆ เดินออกมากันเป็นกลุ่ม  แต่คนที่ชายหนุ่มกำลังรออยู่กลับเดินแยกตัวออกห่างจากคนอื่น...ไม่สิ  ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งด้วยต่างหาก  ทั้งที่ใครคนนั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มร่างเล็ก  มีความสูงน้อยกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมากพอสมควร  ทำให้แม้จะอายุ 18 และอยู่มัธยมปลายแล้วแต่ก็มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กมัธยมต้นอยู่เสมอ  แม้เรือนผมสีดำที่ซอยเลี้ยงด้านหลังเป็นหางยาวลงมาเลยบ่าจะผิดกฎของโรงฝึก  แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร  ด้วยเด็กหนุ่มไปกลับโรงฝึกทุกวันด้วยรถเบนซ์สีดำคันนี้

ลูกชายยากุซ่า

คือสิ่งที่ทุกคนเข้าใจตรงกันโดยไม่ต้องบอก  ไม่เพียงแต่รถเบนซ์บอกฐานะคันนั้น  แต่ยังมีชายหนุ่มร่างสูงผมทองเป็นบอดี้การ์ดควบตำแหน่งคนขับรถอีกด้วย

แต่ถ้าดูจากการแสดงออกและถ้อยคำที่มีต่อเด็กหนุ่มแล้ว  จะบอกว่าชายหนุ่มอยู่ในตำแหน่งที่ว่านั่นจริง ๆ ก็พูดได้ไม่เต็มปาก

“วันนี้ช้านะ  โทโมะ”  ชายหนุ่มล้วงกุญแจรถออกจากกระเป๋ากางเกงยีนส์พลางยกมือขึ้นเสยผมด้วยท่าทางเบื่อหน่าย

“ก็ไม่เคยบอกให้มารับสักครั้ง  อยากมาเองทำไม”  เด็กหนุ่มย้อนเข้าให้พลางตวัดดวงตากลมเหลือบมองร่างสูงชั่วแวบก่อนจะเมินไปทางอื่น

“แกไม่เคยบอก  แต่ฉันต้องทำตามคำสั่งท่านประธาน”  พูดแล้วก็กดสวิตช์เปิดล็อกก่อนจะเปิดประตูรถให้  “เชิญครับ  คุณหนูโทโมกิ”

โทโมกิไม่พูดอะไร  เด็กหนุ่มส่งกระเป๋ากีฬาให้ร่างสูง  ซึ่งชายหนุ่มก็ยื่นมือมารับ  พลันมือของทั้งสองก็สัมผัสกันโดยไม่ตั้งใจ  แต่นั่นส่งผลให้โทโมกิถึงกับกระชากมือกลับอย่างรวดเร็วจนกระเป๋าหล่นลงพื้น  ผู้ได้ชื่อว่าเป็นบอดี้การ์ดมองเจ้านายตัวเล็ก  ก่อนจะถอนใจพลางส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วก้มลงไปหยิบกระเป๋าขึ้นมา  โทโมกิอาศัยจังหวะนั่นก้าวขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังแล้วปิดประตูโดยไม่รอให้อีกฝ่ายปิดให้

ร่างสูงเปิดประตูหน้าแล้วเหวี่ยงกระเป๋ากีฬาใบนั้นโยนโครมไว้บนเบาะหน้าด้านข้างคนขับอย่างไม่มีการทะนุถนอมอะไรทั้งสิ้น  แล้วก็เดินอ้อมรถไปนั่งประจำที่คนขับรถ  กระชากรถออกอย่างแรงจนบรรดาศิษย์สำนักยูโดที่ยังเตร่อยู่แถวนั้นต้องรีบโดดหลบกันจ้าละหวั่น

บรรยากาศในรถเงียบจนน่าอึดอัด  ซ้ำยังกรุ่นไปด้วยกลิ่นบุหรี่ของร่างสูง  แม้จะคุ้นเคยกับกลิ่นนั้นอยู่แล้ว  แต่โทโมกิก็ไม่อยากจะถูกห่อหุ้มด้วยกลิ่นนั้น  ด้วยมันเกี่ยวข้องกับความทรงจำที่เขาแสนจะชิงชังโดยตรง

มือเล็กเอื้อมไปกดปุ่มเปิดกระจก  ก่อนจะพบว่ามันล็อก  เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแล้วพยายามอีกครั้ง...ใช่เลย  มันล็อก...และคนล็อกก็ไม่ใช่ใครหรอก  เจ้าคนที่นั่งขับรถอยู่ข้างหน้านี่แหละ  ประตูและกระจกของรถคันนี้เป็นแบบเซ็นทรัลล็อกที่สามารถควบคุมการเปิดปิดประตูทั้งสี่ด้านได้จากปุ่มที่ข้างประตูด้านคนขับ

“วายะ  เปิดกระจกหน่อย”  แม้จะไม่อยากเสวนากับบอดี้การ์ดคนนี้นัก  แต่ในที่สุดโทโมกิก็บอกออกไป

“ไม่”  คำปฏิเสธห้วนสั้นสวนกลับมาทันที

“ฉันบอกให้เปิด”  เด็กหนุ่มยังไม่ยอมแพ้

“ไม่”

“วายะ!!”  คนตัวเล็กขึ้นเสียง  หากที่ตอบกลับมาคือน้ำเสียงเรียบ ๆ เรื่อย ๆ ไม่แสดงอารมณ์อะไรของคนที่ถูกเรียกว่าวายะ

“ฉันสอนให้เรียกฉันว่าอะไร  โทโมะ?”

ร่างเล็กกัดริมฝีปากตัวเอง  คิ้วเรียวขมวดมุ่น  กระแทกตัวลงกับเบาะแล้วมองเมินออกไปนอกหน้าต่างอย่างขัดใจ...ไม่อยากเปิดให้ก็ไม่ต้องเปิด  มันไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นหรอก

แต่เพราะหงุดหงิดเสียแล้ว  เด็กหนุ่มจึงไม่สามารถสงบใจลงได้ด้วยการมองดูข้างทาง  เขาหยิบวอล์คแมนออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทเครื่องแบบนักเรียน  แต่ก่อนจะเสียบหูฟังเข้าหู  น้ำเสียงห้าวต่ำของคนที่ทำหน้าที่สารถีก็ดังขึ้น

“วันนี้ต้องออกไปงานเลี้ยงกับท่านประธานนะ”

“หา?”

ไม่มีการทวนคำซ้ำนอกจากการเหลือบสายตามองมาทางกระจกหลัง  แล้วหันกลับไปมองถนนต่ออย่างไม่ใส่ใจ

“งานเลี้ยงอะไร?”  โทโมกิถาม...เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าไม่ได้ยิน  แค่ตกใจจนอยากจะถามซ้ำเท่านั้น  แต่เจ้าคนนิสัยเสียนั่นก็ดันกวนอารมณ์เสียได้

“ก็งานเลี้ยงลูกค้าอะไรทำนองนั้น  ไม่ต้องห่วงหรอก  ยังไงท่านประธานก็ไม่เอาแกไปรับรองแขกอยู่แล้ว  เพราะงั้นจะงานเลี้ยงอะไรก็เหมือนกันนั่นแหละ”

โทโมกิกัดฟันกรอด...เกลียดหมอนี่เหลือเกิน  เกลียดจนไม่อยากจะหายใจร่วมกับมันเสียด้วยซ้ำ

“ไม่ไป”

“ไม่ได้  ท่านประธานสั่งมาแบบนี้”

“ไม่ไป!!”  ร่างเล็กขึ้นเสียงอีกครั้ง

“ไม่เกี่ยวกับฉัน  แกไปบอกท่านประธานเอาเอง”  พูดพลางก็หักพวงมาลัยตีโค้งอย่างแรงจนโทโมกิเสียหลักล้มลงนอน

“วายะ!”  โทโมกิแหวอย่างหัวเสียทันทีที่ยันตัวขึ้นมาได้

“ฉันสอนแกว่ายังไง  โทโมะ?”  ขาดคำก็หมุนพวงมาลัยหักเลี้ยวจนโทโมกิล้มลงไปนอนอีกครั้ง

“ไอ้บ้าชุน!!!!”  โทโมกิโวยวายทั้งยังนอนกลิ้งอยู่บนเบาะ

ร่างสูงอมยิ้มน้อย ๆ กับคำบริภาษนั้น  ก่อนจะเอ่ยเรียบ ๆ

“แกจะไปหรือไม่ไปฉันไม่รู้  แต่ดูเหมือนฮิโรอากิจะเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แกแล้วนะ”

...

รถเบนซ์คันงามเข้าจอดตรงหน้าเรือนไม้ขนาดใหญ่แบบญี่ปุ่นแท้  ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ 2 – 3 คนรีบวิ่งเข้ามาที่รถก่อนจะตั้งแถวรับ  “คุณหนูเล็ก”

ตามปกติแล้วคนขับรถจะต้องเป็นคนลงมาเปิดประตูให้คุณหนู  แต่โทโมกิกลับรีบเปิดประตูลงมาเองทันทีที่วายะปลดเข็มขัดนิรภัย

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ  คุณหนู!”

คำกล่าวต้อนรับจากเหล่าชายชุดดำดูขึงขังหนักแน่น  แต่กลับทำให้โทโมกิรู้สึกอึดอัด...ไม่ว่ายังไงก็ไม่ชินกับการต้อนรับแบบนี้เสียที

“กลับมาแล้วเหรอ  โทโมกิ?”  เสียงทักทายดังมาจากระเบียงด้านที่ติดกับสวนญี่ปุ่นหน้าเรือนใหญ่

“กลับมาแล้วครับ  คุณพี่ฮิโรอากิ”  โทโมกิหันไปค้อมศีรษะให้ผู้ทักทาย

ผู้ที่อยู่ตรงระเบียงคือชายหนุ่มรูปร่างสันทัดในช่วงวัย 20 กลาง ๆ  ใบหน้ารูปไข่ล้อมด้วยเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยาวเกือบถึงเอวดูอ่อนหวาน  หากดวงตาเรียวกลับซ่อนประกายซุกซนตามประสาคนขี้แกล้ง

ฮิโรอากิก้าวฉับ ๆ ตรงมาหาโทโมกิอย่างกระตือรือร้น  “รออยู่ตั้งนาน  นึกว่าจะไม่กลับบ้านเสียแล้ว  ฉันเตรียมชุดเอาไว้ให้แน่ะ  วายะบอกแล้วใช่มั้ย  เรื่องงานเลี้ยงน่ะ?”

“บอกแล้วครับ  แต่...”  โทโมกิอ้อมแอ้มตอบ

“อย่าบอกนะว่าจะไม่ไป  คราวนี้หนีไม่ได้หรอก  คุณพ่อเขาอยากเปิดตัวลูกชายคนเล็กของเขาเสียที  นายเบี้ยวมาหลายหนแล้วนะ”  ฮิโรอากิคว้ามือผู้เป็นน้องแล้วลากดุ่ย ๆ ไปตามระเบียงอย่างไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายปฏิเสธ

“แต่ผมไม่ถนัดกับงานแบบนี้นี่ครับ”

“แค่ไปเสนอหน้าให้คนอื่นเห็นเท่านั้นเองน่า  ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเสียหน่อย”

“คุณพี่ไม่ยาก  แต่ผมยากนี่นา”  โทโมกิบ่นอุบอิบ

“ทีเวลามีเลี้ยงที่โรงเรียนกับเพื่อน ๆ ทำไมไปได้?”  ฮิโรอากิย้อน

“ไม่เคยไป”  เด็กหนุ่มเถียงห้วน ๆ

ฮิโรอากิหันมามองคนตัวเล็กกว่าก่อนจะยิ้มนิด ๆ  “นั่นสินะ  ไม่เคยไปสินะ”

พูดแค่นั้นแล้วก็ไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก  ฮิโรอากิรู้ดีว่าโทโมกิมีเพื่อนน้อยยิ่งกว่าน้อย  หรือจะเรียกว่าไม่มีเลยก็อาจจะได้ด้วยซ้ำ  เด็กหนุ่มตัวเล็กคนนี้ค่อนข้างจะเก็บเนื้อเก็บตัวทีเดียว  มีแต่เขานี่แหละที่สามารถลากโทโมกิไปโน่นมานี่ได้บ่อย ๆ

“แต่ถึงจะพูดแบบนั้น  วันนี้ก็หนีไม่ได้หรอกนะ  คุณพ่อสั่งมาโดยตรงแบบนี้ยังไงก็ต้องไปละ”  ฮิโรอากิพูดพลางเลื่อนประตูห้องที่กรุด้วยกระดาษให้เปิดออก  “คุณพ่อโทรมาสั่งให้ฉันเตรียมชุดไว้ให้นาย  หาแทบตาย  นายเล่นไม่เคยตัดสูทเอาไว้เลย  ไม่รู้คุณพ่อพลาดเรื่องนี้ไปได้ไง  ขนาดคิริฮาระซังยังมีสูทใหม่ใส่ทุกงาน  แต่นายกลับไม่มีสูทจะใส่เสียได้”

โทโมกิเพียงแต่มองตามพี่ชายที่เดินไปหยิบสูทสองสามตัว 2 – 3 ชุดที่แขวนไว้ที่ฝาห้องโดยไม่พูดอะไร  เพราะเขาไม่เคยคิดว่าจะไปออกงานอะไร  ถึงได้บ่ายเบี่ยงที่จะมีสูทของตัวเองมาตลอด

“ฉันไปค้นได้สูทตัวเก่าของฉันมา  ไม่แน่ใจว่านายจะใส่ได้มั้ย  มาลองดูหน่อยซิ”

ลองฮิโรอากิเจ้ากี้เจ้าการแบบนี้  เด็กหนุ่มก็ไม่มีทางปฏิเสธได้  เขาถอดเครื่องแบบนักเรียนของตัวเองออกแล้วเดินเข้าไปหา  พลันประตูห้องก็เลื่อนเปิดอีกครั้ง

“มาช้านะ  วายะซัง”  ฮิโรอากิหันไปพูดกับผู้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่  “เป็นบอดี้การ์ดประสาอะไร  ปล่อยให้คนอื่นเอาเจ้านายไปต่อหน้าต่อตาได้”

“เพราะเป็นคุณหนูฮิโรอากิลากมาถึงได้ปล่อยให้มาน่ะสิ”  วายะย้อนพร้อมกับยิ้มบาง ๆ  “ลองชุดหรือยัง?”

“ยังเลย  กำลังจะลองอยู่เดี๋ยวนี้แหละ  เอ้า  โทโมกิ  มานี่สิ  เอาชุดนี้ไปลองซิ”  ประโยคสุดท้ายบอกกับโทโมกิ

การจะลองสูทก็ต้องถอดทั้งเสื้อและกางเกงเพื่อสวมทั้งชุด  ร่างเล็กขยับตัวอย่างอึดอัด

“...วายะ  ออกไปก่อน”  เด็กหนุ่มเอ่ยเบา ๆ

“ไม่”  ปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย

โทโมกิส่งประกายตาวาววับไปให้อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ  หากคนถูกมองไม่สะดุ้งสะเทือน

“เอาน่า  อย่าเพิ่งทะเลาะกัน  ยิ่งไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วย  ถอดเสื้อผ้าซะ  โทโมกิ  ฉันไม่ปล่อยให้เจ้าบ้านั่นทำอะไรนายหรอกน่า”  ฮิโรอากิออกตัวห้ามทัพก่อนที่ทั้งสองจะพูดอะไรมากไปกว่านี้

โทโมกิจำใจถอดเสื้อผ้าออกอย่างเสียมิได้  เขาพยายามไม่สนใจร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงประตูห้อง...วายะเป็นบอดี้การ์ดของเขา  วายะแค่ทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น  ไม่มีอะไรอื่น...โทโมกิพร่ำบอกตัวเองเช่นนั้น

“อืม...เอาชุดสีเทานี่แล้วกัน  ตัวอื่นไม่พอดี  ใส่แล้วไม่สวย”  ฮิโรอากิตัดสินให้ในที่สุด  ชุดที่เลือกคือสูทสีเทาอ่อนที่เมื่อโดนแสงก็จะสะท้อนเป็นประกายเหลือบเงินตามเนื้อผ้า

โทโมกิลอบถอนใจ  เขาไม่คิดว่าสูทชุดนั้นเข้ากับเขาสักนิด  แต่คนที่ยืนดูอยู่ตลอดกลับบอกว่า

“ก็ดี  กำลังว่าจะบอกเหมือนกันว่าตัวนั้นดูดีที่สุด”

“ใช่มะ?  ฝีมือมั้ยล่ะ”  ฮิโรอากิหันไปเออออกับวายะ  “เอาละ  ทีนี้ก็ไปอาบน้ำซะ  เหม็นเหงื่อเชียว  ฝึกจนจะได้สายดำแล้ว  ไม่รู้จะขยันไปทำไมทุกวัน  โรงฝึกเนี่ย”

“ก็ยังไม่ได้สายดำนี่”  โทโมกิว่าพลางถอดสูทที่สวมอยู่ออก  ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่บนราวพาดผ้ามาพันท่อนล่างไว้

“ให้เรียบร้อยภายใน 6 โมงครึ่งนะ  เดี๋ยวฉันก็จะไปเตรียมตัวเหมือนกัน  อ้อ...วายะซังด้วย  แต่งตัวดี ๆ นะ”  ฮิโรอากิบอก

“แค่เบ๊  จะแต่งอะไรดีนักหนา”

“ยังไงซะก็อย่าให้เสียชื่ออดีตโฮสต์อันดับ 1 ของลูนาติก  คลับก็แล้วกัน”  พูดแล้วชายหนุ่มก็จากห้องไป

เมื่อเหลือกันอยู่สองคนกับวายะ  ในห้องก็เงียบเท่าเข็มตกได้ยิน  โทโมกิยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างไม่กล้าขยับเขยื้อน  และเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของวายะ  เด็กหนุ่มก็ถึงกับสะดุ้งน้อย ๆ

“ไปอาบน้ำซะ  มีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง  จัดการตัวเองให้เรียบร้อยล่ะ”

เสียงเลื่อนประตูกระดาษเปิดและตามมาด้วยเสียงปิด  ทันทีที่เหลืออยู่คนเดียวในห้อง  โทโมกิก็ลอบถอนใจ...ผ่านมาหลายปีแล้ว  แต่ความกลัวที่มีต่อผู้ชายคนนั้นยังคงเกาะแน่นอยู่ในหัวใจของเขา

...แบบนี้แล้ว...เมื่อไรจะฆ่ามันได้เสียที...


6 โมงครึ่งแล้ว  แต่ประตูห้องของโทโมกิยังปิดเงียบเชียบ  ฮิโรอากิซึ่งเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วทนรออยู่ที่รถไม่ไหวต้องส่งวายะมาตามตัว

ร่างสูงใช้ข้อนิ้วเคาะเบา ๆ ที่กรอบไม้ของบานประตูกรุกระดาษ

“โทโมะ  ยังไม่เสร็จหรือไง?”

เงียบ...ไม่มีเสียงตอบจากสวรรค์
หัวข้อ: Re: All I want # the Opening
เริ่มหัวข้อโดย: hampotpie ที่ 02-12-2011 22:43:46
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกก <3
โทโมกิน่ารักที่สุดในสามโลก
มาคราวนี้เป็นตอนของวายะ (ตัวใหญ่ๆ)
เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้ รออ่านตอนต่อไปนะคะคนเขียน
หัวข้อ: Re: All I want # the Opening
เริ่มหัวข้อโดย: EVE910 ที่ 02-12-2011 22:46:35
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: All I want # the Opening
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 02-12-2011 23:01:10
อั๊ยยะ! รอเรื่องนี้อยู่เลยนะเนี่ย ห้าๆ
หัวข้อ: Re: All I want # the Opening
เริ่มหัวข้อโดย: tent bodyslam ที่ 02-12-2011 23:51:33
อิอิ  ชอบๆ  มาต่อเร็วๆนะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: [Edit] All I want # the Opening (ผิดพลาดบางประการ แก้ไขแล้วครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 03-12-2011 07:43:53
เมื่อคืนผมทะลึ่งลงแค่ครึ่งตอนโดยไม่รู้ตัวครับ สงสัยเนทตัด...ง่าวได้อีก...
แก้ตัวครับแก้ตัว

All I want # 1 (ต่อ)

“โทโมะ  ตายอยู่ในนั้นหรือไง?”

ในห้องยังคงเงียบ

“โทโมะ  ช่วยตัวเองอยู่หรือไง  ให้ฉันช่วยดีกว่ามั้ย?”

คราวนี้ได้ผล  มีเสียงแหวสวนกลับออกมาจากในห้องทันที

“เงียบปากไปซะ  ไอ้วิปริต!!”

“ทำอยู่จริง ๆ สินะ”  วายะเปิดประตูห้องทันที...ข้อเสียของประตูเลื่อนแบบนี้ก็คือถ้าไม่ปรับปรุงให้มีที่ล็อกกุญแจ  ไม่ว่าใครก็เข้าได้ทั้งนั้น  และห้องของโทโมกิก็ไม่ได้มีกุญแจ

“ไม่ได้ทำ!  ใครมันจะไปบ้าคิดแต่เรื่องพรรค์อย่างนั้นแบบนายเล่า”  ร่างเล็กที่นั่งอยู่บนขอบหน้าต่างยังอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ด้วยซ้ำ

“ทำไมยังไม่แต่งตัวอีก?”

“ฉันไม่ไป”  บอกสั้น ๆ แค่นั้นแล้วก็มองออกไปนอกหน้าต่าง

ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ  “ไม่ไป?  จะขัดคำสั่งท่านประธานงั้นเหรอ?”

“ก็ไปบอกคุณพ่อโอโนเสะสิว่าฉันไม่สบาย  ไม่ไป”

“คนที่ไปเรียนยูโดตั้งแต่หลังเลิกเรียนแบบแกน่ะนะ  ไม่สบาย  ท่านประธานไม่โง่นะ  ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าแกป่วยการเมือง”  วายะเดินไปหยิบสูทที่แขวนไว้ที่ผนัง  “เปลี่ยนชุดซะ  อย่าเรื่องมาก”

“ไม่ไป  ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับงานแบบนี้หนิ  ทำไมจะต้องไปด้วย”  โทโมกิพูดโดยไม่หันไปมอง

“เกี่ยวสิ  ในเมื่อท่านประธานรับแกเข้าตระกูลโอโนเสะแล้วนี่”  หางเสียงดูราบเรียบก็จริง  แต่สำหรับคนที่คุ้นเคยจะรู้ได้ทันทีว่าวายะกำลังประชด

“อยู่ได้ก็ใช่จะมีศักดิ์มีสิทธิ์อะไรนี่  เพราะงั้นนะ  งานนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน  ฉันไม่ไป”  โทโมกิกระแทกเสียง

“โทโมะ  อย่ามาเรื่องมาก  เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ”  วายะตรงเข้าไปคว้าแขนของเด็กหนุ่มแล้วดึงลงมาจากขอบหน้าต่าง

“เจ็บนะ!!”  โทโมกิแหวเข้าให้

“ไม่อยากเจ็บตัวก็เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ”  พูดพลางยัดสูทใส่มือให้

“ก็บอกว่าไม่ไปไงเล่า!”  เด็กหนุ่มขว้างเสื้อผ้าในมือลงพื้น  “ไปบอกคุณพ่อโอโนเสะว่าฉันไม่สบาย  บอกคุณพี่ฮิโรอากิก็ได้  ฉันไม่สบาย  ฉันไม่ไป!!”

ขาดคำ  มือแกร่งก็คว้าหมับเข้าที่ลำคอเพรียวบาง  แม้จะไม่ได้ออกแรงกดบีบอะไร  แต่แค่นั้นก็ทำให้คนตัวเล็กกว่าถึงกับสำลักคำพูด

“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉัน  ฉันเคยสอนแกแล้วใช่มั้ย  โทโมะ?”

“ฮึก...ปล่อ...ย...”  โทโมกิจิกทึ้งแขนของร่างสูง  แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย

“เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ  เดี๋ยวนี้”  ร่างสูงออกคำสั่ง

กลัวทั้งกลัว  แต่โทโมกิยังดื้อดึง  “ไม่...ไป...”

วายะจ้องหน้าโทโมกินิ่งอยู่เป็นครู่  “ก็ได้...ไม่ไปก็ได้  แต่ฉันไม่ใช่คนชอบโกหก  ในเมื่อแกอ้างว่าแกไม่สบาย  ไปไม่ไหว...งั้นฉันจะช่วยทำให้แกไปไม่ไหวจริง ๆ เอง  ดีมั้ย?”

โทโมกิเบิกตากว้าง  ทำไมเขาจะไม่เข้าใจความหมายที่แฝงมาในคำพูดนั้น  ก็ในเมื่อผู้ชายคนนี้...ผู้ชายคนนี้น่ะ...

“ปล่อย!  ไม่เอา!!  ปล่อยฉันนะ”  เด็กหนุ่มดิ้นรนเตะถีบเป็นพัลวัน

หากร่างสูงไม่ใส่ใจ  เขาเหวี่ยงโทโมกิลงกับพื้น  “ถ้าไม่อยาก  ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ  เร็ว ๆ  ฮิโรอากิรออยู่”

โทโมกิจิกเล็บลงกับเสื่อทาทามิ  ทำไมเขาถึงไม่เคยเอาชนะผู้ชายคนนี้ได้...ทำไมเขาถึงต้องกลัว...หากในขณะที่ความเจ็บแค้นพลุ่งพล่านอยู่ในอก  มือใหญ่ก็วางลงบนเรือนผมของเขาอย่างเบามือ

“โทโมะ  นึกเสียว่าเป็นหน้าที่  ในฐานะที่แกอยู่ที่นี่ในตอนนี้  นี่เป็นงานที่แกต้องทำ  เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ  ให้ท่านประธานรอนานมันไม่ดี”  พูดจบร่างสูงก็เดินออกจากห้องไป

...แบบนี้ทุกที  ข่มขู่เขา  ทำร้ายเขาสารพัด  แล้วสุดท้ายก็มาทำเป็นพูดดีด้วย...คิดจะปั่นหัวเขาไปถึงไหน  เขาไม่ใช่เด็กที่ไม่เข้าใจอะไรเลยแล้วนะ...

...

แม้จะช้าไปสักนิด  แต่สุดท้ายโทโมกิก็มาถึงงานเลี้ยงจนได้  ทันทีที่ก้าวเข้าสู่สถานที่จัดงาน  เด็กหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันชวนอึดอัด...ผู้คนมากมายยิ้มแย้มพูดคุยทักทายกันก็จริง  แต่...นั่นก็แค่หน้ากาก  ภายใต้เสื้อผ้าสวยหรูและเครื่องประดับสูงค่า  เบื้องหลังรอยยิ้มนั้นคือความคิดด้านธุรกิจผลกำไร  ความคิดที่จะประหัตประหารกันเพื่อความเป็นหนึ่งในโลกธุรกิจ...มันคือรอยยิ้มจอมปลอมที่น่าสะอิดสะเอียน

เพราะรับรู้ความรู้สึกนึกคิดพวกนี้ได้  เขาถึงไม่อยากมางานเลี้ยงแบบนี้  แม้จะบอกว่าเป็นหน้าที่ก็เถอะ

บรรยากาศน่าอึดอัดนั้นกดทับลงมาที่เขาอย่างช้า ๆ  และฉับพลันมันก็โถมเข้าใส่ราวกับคลื่นลูกใหญ่  เมื่อฮิโรอากิพาเขาไปหาชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง

“คุณพ่อครับ  ผมพาโทโมกิมาแล้วครับ”  ฮิโรอากิบอก

“กำลังรออยู่พอดีเลย  โทโมกิ”  ร่างในชุดสูทหรูหันมาทัก

“สวัสดีครับ  คุณพ่อโอโนเสะ”  เด็กหนุ่มเอ่ยเบา ๆ

แต่นั่นก็ทำให้หลายหูที่เปิดรอรับข้อมูลอยู่แล้วรีบซึมซับข่าวสารเข้าไปทันที


...ลูกชายนอกสมรสของโอโนเสะ  ฮิซาโนบุ!!...


ปากต่อปากซุบซิบนินทากันให้แซ่ด  ไม่มีใครคิดว่างานเลี้ยงครั้งนี้จะเป็นการเปิดตัวลูกชายคนสุดท้องที่เกิดจากภรรยานอกสมรสที่เป็นข่าวลือกันมานานของโอโนเสะ  ฮิซาโนบุ  เจ้าของลูนาติก  ลัสท์  เครือข่ายบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกธุรกิจใต้ดิน

หากจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ  ลูนาติก  ลัสท์ก็คือกลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านความบันเทิง  เครือข่ายของลูนาติก  ลัสท์มีบริษัทลูกย่อย ๆ มากมาย  ทั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์  บริษัทนิตยสาร  โมเดลลิ่ง  รวมไปคลับบาร์ที่เปิดให้บริการยามราตรี...หากทั้งหมดนั้น  ล้วนแต่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น!

ลูนาติก  ลัสท์เน้นหนักที่เรี่องราวทางเพศ  ทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทมุ่งเน้นไปที่สื่ออันยั่วยุกามารมณ์  แน่นอนว่าในประเทศที่ใจกว้างขนาดให้มีหนังสือและภาพยนตร์ประเภทปลุกใจเสือป่าวางขายตามร้านสะดวกซื้อและแผงหนังสือทั่วไปได้นี้  สินค้าทางเพศจะเป็นเรื่องปกติธรรมดา  ทว่าสินค้าของลูนาติก  ลัสท์อยู่ลึกกว่าระดับทั่วไปขั้นหนึ่ง  ภาพยนตร์และนิตยสารของลูนาติก  ลัสท์ไม่มีการเซ็นเซอร์  คลับของลูนาติก  ลัสท์มี Sex show ให้ดูทุกคืน  นายแบบนางแบบในสังกัดโมเดลลิ่งลูนาติก  ลัสท์ทุกคนพร้อมที่จะให้บริการแก่สมาชิกหรือลูกค้าผู้มีมาตรฐานด้านการเงินสูงพอ  รวมไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีรสนิยมทางเพศแบบที่สังคมทั่วไปเรียกว่า  “วิปริต”  เช่น  กลุ่มรักร่วมเพศ  หรือผู้ที่ชื่นชอบความรุนแรงด้วย

แม้ในวงการธุรกิจจะรู้ดีว่าโอโนเสะ  ฮิซาโนบุคือผู้ที่กุมอำนาจอยู่ ณ จุดสูงสุดของเครือข่ายบริษัทผิดกฎหมายนี้  หากด้วยอุปนิสัยส่วนตัวและการดำเนินการเพื่อสังคมภายใต้ชื่อบริษัทลูกที่ถูกกฎหมาย  ทำให้มีคนนับถือชื่นชมเขามากมาย  และคนใหญ่คนโตจำนวนไม่น้อยที่เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของลูนาติก  ลัสท์

ด้านชีวิตส่วนตัว  ทุกคนรู้ดีว่าโอโนเสะแต่งงานมีครอบครัวตามหน้าที่ของผู้นำตระกูลใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อย  ด้วยมือที่เปื้อนบาปนั้น  โอโนเสะดูแลภรรยาและลูกชายทั้ง 3 คน  รวมไปถึงคนในตระกูลและญาติพี่น้องเป็นอย่างดี  เกือบทุกคนทำงานให้กับลูนาติก  ลัสท์  ไม่เว้นแม้แต่ลูกชายคนโตที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลบริษัทเล็ก ๆ ในเครือเพื่อเตรียมความพร้อมในการสืบทอดกิจการบาปนี้ต่อจากผู้เป็นพ่อโดยมีลูกชายคนรองเป็นผู้ช่วย  มีเพียงฮิโรอากิ  ลูกชายคนเล็กที่ดูเหมือนจะไม่ได้มีบทบาทอะไรในวงการธุรกิจ  แม้จะมาร่วมงานเลี้ยงกับโอโนเสะอยู่บ่อย ๆ ก็ตาม  แต่ทุกคนก็คาดการณ์ไว้ว่าอีกไม่นานนัก  หนุ่มน้อยท่าทางสำอางเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลยาวหน้าตาน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงคนนี้  จะต้องได้รับมอบตำแหน่งสำคัญอะไรสักอย่างในเครือบริษัทเป็นแน่  เพราะเท่าที่เห็น  ผู้เป็นพ่อดูเหมือนจะรักและตามใจลูกชายคนเล็กคนนี้มากทีเดียว

ทว่าเมื่อ 3 ปีก่อน  มีข่าวลือแพร่สะพัดไปในวงการว่าโอโนเสะได้รับเอาเด็กชายคนหนึ่งมาเป็นบุตรบุญธรรม  และถึงกับให้เข้ามาอยู่ในบ้านใหญ่ของตระกูลโอโนเสะร่วมกับภรรยาและบุตรชายทั้ง 3

ทุกคนที่ได้ยินข่าวลือนั้นลงความเห็นตรงกันว่า  เด็กคนนั้นคงจะเป็นลูกที่เกิดจากภรรยาลับ ๆ ของโอโนเสะ  แต่การที่ให้ลูกนอกสมรสเข้าไปอยู่ในบ้านใหญ่นั้น  แสดงว่าโอโนเสะคงจะมีความผูกพันทางใจที่ลึกซึ้งกับแม่ของเด็กมากทีเดียว

นั่นคือเรื่องที่ทุกคนในโลกธุรกิจรู้กัน  หากไม่มีใครเคยเห็นหน้าลูกนอกสมรสของโอโนเสะคนนั้น...จนกระทั่งวันนี้

ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทา  โอโนเสะพาโทโมกิไปทำความรู้จักกับคนใหญ่คนโตในงานหลายคนเสียจนเด็กหนุ่มเวียนหัว  ยังดีที่ฮิโรอากิอยู่ด้วย  ไม่อย่างนั้นเขาคงเครียดจนแทบบ้ากับสายตาที่ลอบมองมาที่เขาราวกับเป็นสิ่งประหลาดจากต่างดาว

ส่วนเจ้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบอดี้การ์ดของโทโมกิ  อยู่ห่างออกไปนิดหน่อย  และถูกรุมล้อมด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา  วายะอยู่ในชุดสูทสีดำพับแขนขึ้นมาจนถึงใต้ศอกกับกางเกงยีนส์และเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมเม็ดบนออกเผยให้เห็นแผ่นอกกว้าง  ด้วยการแต่งกายแบบนั้นและเรือนผมสีทองที่ยาวประบ่าทำให้วายะดูไม่เข้ากับบรรยากาศในงานนี้อย่างสิ้นเชิง  ทั้งยังดูไม่เหมือนบอดี้การ์ดอีกด้วย  แต่ชายหนุ่มกลับโดดเด่นและเป็นที่สนใจของคนชั้นสูงในงาน

ก็ไม่แปลก  ในเมื่อครั้งหนึ่ง  วายะ  ชุน  เคยเป็นถึงโฮสต์อันดับหนึ่งของลูนาติก  คลับ  ที่คอยรับรองคู่ค้าของโอโนเสะหลายคน  ซึ่งส่วนมากก็คือคนที่อยู่ในงานเลี้ยงนี้  และวายะไม่ใช่โฮสต์ธรรมดา  หากเป็นถึงคิง  ออฟ  เอส  (King of S)  ซึ่งเน้นการให้บริการทางเพศแบบใช้รุนแรงโดยเฉพาะ  แต่เมื่อ 2 ปีก่อน  ชายหนุ่มกลับเลิกทำงานโฮสต์ไปโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ  และกลับมาปรากฎตัวอีกครั้งในวันนี้...ในฐานะบอดี้การ์ดของลูกชายคนสุดท้องของโอโนเสะ

ใช่...ไม่มีใครทราบสาเหตุ  นอกจากคนในบ้านใหญ่ของตระกูลโอโนเสะเท่านั้น


“วายะ  ไม่ได้เจอตั้งนาน”  เสียงที่ดังขึ้นใกล้ ๆ ทำให้ทุกคนที่ห้อมล้อมวายะอยู่หันไปมอง  พอเห็นว่าเป็นใครก็ยอมเปิดทางให้โดยดี

“ว่าไง  คิริยู  ท่าทางสบายดีนี่”  ร่างสูงโอบเอวของร่างเพรียวที่เดินเข้ามาใกล้ดึงรั้งเข้าไปแนบชิดทันที

“ก็ตามเคยนั่นแหละ  แต่ไม่คิดเลยนะว่าจะมาเจอนายที่งานนี้”  คนที่ถูกเรียกว่าคิริยูยกแขนขึ้นโอบรอบคอวายะ  พลางเสียดปลายจมูกเข้าที่ปลายคางของอีกฝ่าย

“หึ...ตามมาดูพ่อเจ้าประคุณเขาหน่อย”  วายะตอบพร้อมกับจูบเบา ๆ ที่เรือนผมสีแดงยาวนุ่มมือ

“โอโนเสะซังให้มาเปิดตัวเหรอ?”

“ทำนองนั้น  ดื้อฉิบ  กว่าจะเอาตัวมาได้”  ปากบ่นแบบนั้นหากมือใหญ่กลับค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามเรือนร่างอันเปี่ยมเสน่ห์

“หึ ๆ...เคยบอกว่าชอบเลี้ยงแมวดื้อ ๆ ไม่ใช่เหรอ?”  ร่างเพรียวเบียดกายเข้าหาอย่างเย้ายวน

“ดื้อกว่าแกอีก  ยิ่งใช้นามสกุลโอโนเสะแล้วยิ่งดื้อหนักเข้าไปใหญ่”

“ก็พ่อเขาเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นี่นา”

“ไม่เห็นเกี่ยวสักนิด”

“แต่นายก็ชอบแมวดื้อนั่น”

“หึ  อย่ามาทำเป็นรู้ดี”

ท่ามกลางบทสนทนานั้น  ชายหนุ่มทั้งสองเบียดกายและสัมผัสกันและกันราวกับจะปลุกไฟปรารถนาให้ลุกโชนขึ้นมาตรงนั้น  โดยไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่กลั้นใจมองอยู่...ไม่ใช่ไม่สนใจหรอก  พวกเขาจงใจทำเพื่อดึงดูดความสนใจเลยละ  ร่างเพรียวเจ้าของเรือนผมสีแดงในอ้อมกอดของวายะคือคิริฮาระ  ยู  นายแบบระดับท็อป 5 ตลอดกาลของลูนาติก  ลัสท์  ที่แม้จะมีอายุล่วงเข้าวัย 20 ตอนปลายแล้ว  หากยังเป็นที่ต้องการของบรรดาลูกค้าและมักถูกเรียกตัวให้มารับรองคู่ค้าคนพิเศษของโอโนเสะอยู่เสมอ  ซ้ำค่าตัวก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นทุกที  และว่ากันว่าชายหนุ่มคงจะอยู่ในตำแหน่งนี้ไปจนกว่าจะถอนตัวออกจากวงการเลยทีเดียว

“วันนี้ถูกเรียกมารับรองแขก?”  วายะถามขึ้นขณะที่ยังเคล้าคลออยู่กับข้างแก้มของคิริฮาระกระตุ้นอารมณ์คนรอบข้างที่เฝ้าดูอยู่

“ใช่  คนที่กำลังคุยกับฮิโรอากิคุงอยู่ตรงนั้นแหละ”  คิริฮาระบอกพลางไล้ปลายนิ้วไปบนแผ่นอกที่โผล่พ้นสาบเสื้อของร่างสูงออกมา

“เดี๋ยวกระต่ายน้อยก็หึงแย่”  หมายถึงคนรักของนายแบบหนุ่มที่ตอนนี้เรียนอยู่ที่เยอรมัน

“คิโยะเข้าใจดีน่า  นี่มันก็แค่งาน”

“นั่นสินะ...ไอ้หมอนั่นจ้องแกตาเป็นมันเลย”  วายะลอบมองคนที่จะเป็นคู่นอนของคิริฮาระในคืนนี้

“ฮะ ๆ  งั้นปลุกอารมณ์ให้เขาอีกนิดสิ”  พูดจบก็โน้มคอร่างสูงมาประกบจูบอย่างเร่าร้อน

ไม่เพียงแต่คนที่ถูกเอ่ยถึงเท่านั้น  ทุกคนที่เห็นถึงกับลอบกลืนน้ำลาย  นาน ๆ ครั้งหรอกที่จะได้เห็นคิริฮาระกับวายะอยู่ด้วยกันในงานเลี้ยงแบบนี้  และเมื่อวายะถอนตัวจากการเป็นโฮสต์  ก็ยิ่งมีโอกาสน้อยลงไปอีก  เกือบทุกคนยอมรับกับตัวเองว่าสองคนนี้ดูเหมาะสมกันไปหมดทุกอย่าง  หนังสือรวมภาพฉบับพิเศษที่คิริฮาระประกบคู่กับวายะถูกขอให้พิมพ์ซ้ำนับสิบครั้ง  และถึงกับมีการแอบลุ้นกันเงียบ ๆ เกี่ยวกับเรื่องความรักของทั้งคู่  ความแข็งแกร่งแบบลูกผู้ชายที่ดูดิบเถื่อนเหมือนสัตว์ป่าของวายะ  ขับความสวยหวานและเร่าร้อนราวกับกุหลาบเพลิงของคิริฮาระให้โดดเด่นขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้

หากทั้งสองคนรู้ดี  พวกเขาไม่เคยคิดอะไรต่อกันมากไปกว่านี้...อย่างดีก็แค่คู่นอนที่รู้ใจกันมากหน่อยเท่านั้น...นี่ก็แค่งาน  หน้าที่ของคิริฮาระและนายแบบนางแบบของสังกัดลูนาติก  ลัสท์ในงานเลี้ยงไม่ใช่แค่  “จับ”  คู่ค้าคนสำคัญของโอโนเสะหรือแขกที่ได้รับมอบหมายให้ได้เท่านั้น  แต่ยังต้องดึงดูดคนอื่น ๆ ที่อาจจะเป็นเป้าหมายในการทำธุรกิจครั้งต่อไปหรืออยากจะใช้บริการอีกด้วย  เพื่อการนั้น  ทุกคนจะต้องหว่านเสน่ห์ให้เต็มที่  โดยเฉพาะคิริฮาระ  การที่ใครสักคนเรียกใช้บริการเขานั้น  หมายถึงรายได้ก้อนโตที่จะเข้าสู่บัญชีของบริษัทและกระเป๋าของนายแบบหนุ่มเอง  ดังนั้นชายหนุ่มจึงต้องแสดงตนมากเป็นพิเศษ...และมันง่ายขึ้น  เมื่อมีวายะอยู่ด้วย

“คิริยู  ท่านประธานเรียกแล้วแน่ะ”  วายะบอกทั้งยังเคล้าคลอริมฝีปากอยู่ไม่ห่าง

“หือม์?  หมดเวลาแล้วเหรอ  แย่จริง”  คิริฮาระบ่นอู้อี้  เขากำลังเพลินกับรสจูบของวายะเลยทีเดียว

“เครื่องยังไม่ร้อนพอหรือไง?”

“ถ้าได้อีกนิดจะเยี่ยมมาก”

“ไม่ได้ใส่ไวเบรเตอร์มาหรือไง?”  ถามเพราะรู้ว่าบางครั้งคิริฮาระก็ต้องทำถึงขนาดนั้นเพื่อกระตุ้นตัวเองให้พร้อมกับกิจกรรมบนเตียงทุกขณะเมื่อรายงานเกี่ยวกับความสามารถทางเพศของคู่นอนบอกว่า...ไม่ได้เรื่อง

“เขาว่าคนนี้ลีลาดี”

“งั้นก็ไปต่อกับเขา  ไป๊”  วายะบอกแล้วก็ผละออกดื้อ ๆ

“หึ ๆ...ไว้อยากกินอะไรหนัก ๆ แล้วจะไปหานะ  วายะ”  นายแบบหนุ่มใช้ปลายนิ้วแตะริมฝีปากร่างสูงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วเดินจากไป

“หึ...จะรอ”  วายะโบกมือให้นิดหน่อย...เจ้าแมวดื้อของเขาโตขึ้นมาเป็นเสือร้ายเต็มตัวจริง ๆ  ทั้งสวยงามและเร่าร้อน...น่าภาคภูมิใจจริง ๆ

“ดีจังน้า  วายะซังเนี่ย  ผมก็อยากให้คิริฮาระซังจูบแบบนั้นบ้างเหมือนกันนะ”

เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างตัว  พอหันไปดูก็พบฮิโรอากิยืนอยู่ข้าง ๆ

“ถ้าอยากก็ขอมันสิ  เป็นคุณหนูฮิโรอากิทั้งที  คิริยูมันไม่ปฏิเสธหรอก”

“กลัวว่ามันจะไม่หยุดแค่จูบแล้วพ่อจะหักคอโทษฐานกินของขายในบ้านเอาน่ะสิ”  ฮิโรอากิส่ายหน้าดุกดิก

“หึ  ท่านประธานเองก็กินเหมือนกันแหละ  ไม่เป็นไรหรอกมั้ง”  คิริฮาระเองก็เป็นคู่นอนที่โอโนเสะถูกใจมากทีเดียว

“เพราะงั้นไง  ถึงได้ไม่กล้ากิน”  พูดแล้วก็ทำหน้ามุ่ย  “ว่าแต่  วายะซังเถอะ  โดดงานบอดี้การ์ดมาทำงานโฮสต์ซะงั้น  ปล่อยเจ้านายไว้นั่นได้ไง”

“มีทั้งท่านประธานทั้งเคนซัง  จะกลัวอะไร”  วายะยักไหล่พลางมองดูโทโมกิที่ยังเดินตามโอโนเสะไปทักทายคนนั้นคนนี้ต้อย ๆ โดยมีบอดี้การ์ดประจำตัวโอโนเสะเดินคุมหลังให้

“ก็ไปช่วยเคนซังทำงานซี่  ไปไป๊”  ฮิโรอากิไล่

“หึ ๆ  ก็ได้...ไปก็ได้”  วายะโคลงหัวแล้วเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับบุคคลที่ยังคงตกเป็นเป้าสายตาของแขกเหรื่อในงานเลี้ยง



(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: [Edit] All I want # the Opening (ผิดพลาดบางประการ แก้ไขแล้วครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 03-12-2011 07:48:34
ปล.
ผมยังคงเขียนนิยายที่มีฉากเป็นญี่ปุ่นและตัวละครเป็นญี่ปุ่นนะครับ ทั้งนี้เพราะผมโตมากับการ์ตูนญี่ปุ่น จะว่ามันฝังหัวก็ไม่ผิด
และผมรู้สึกว่าสถานการณ์และสิ่งที่เกิดขึ้นในพล็อตของผมมันไม่เหมาะกับฉากในเมืองไทยและสังคมไทยเท่าไรนักน่ะครับ
อย่างที่เห็น...นี่จะเรียกว่าภาคต่อของ Come closer ก็ได้ แต่ผมก็พยายามเีขียนให้แม้แต่คนที่ไม่ได้อ่านภาคที่แล้วมาเข้าใจในทุกตัวละครได้ครับ
ยังไงก็ฝาก All I want ด้วยนะครับ

ส่วนภาคพิเศษของ Come closer มีแค่ในหนังสือรวมเล่มเท่านั้นน่ะครับ เพราะผมถือเป็นธรรมเนียมของผมเองที่จะให้ของขวัญพิเศษกับผู้อ่านที่รักตัวละครของผมอย่างจริงจัง (ใน KOUSOKU ก็ทำแบบนี้ละครับ)

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: [Edit] All I want # the Opening (ผิดพลาดบางประการ แก้ไขแล้วครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: Forget_Me_Not ที่ 03-12-2011 09:43:19
 :impress2:  วายะมาแล้ว
หัวข้อ: Re: [Edit] All I want # the Opening (ผิดพลาดบางประการ แก้ไขแล้วครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 03-12-2011 09:46:56
 :mc4: o13  ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [Edit] All I want # the Opening (ผิดพลาดบางประการ แก้ไขแล้วครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 03-12-2011 15:34:08
อั๊ยย่ะ ในที่สุดตอนที่หนึ่งก็ออก  :-[
มาต่อไวๆนะคับ   ^^
หัวข้อ: Re: [Edit] All I want # the Opening (ผิดพลาดบางประการ แก้ไขแล้วครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 03-12-2011 15:52:46
วายะ ... :m3:
หัวข้อ: Re: [Edit] All I want # the Opening (ผิดพลาดบางประการ แก้ไขแล้วครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ENG❤LUCKY ที่ 03-12-2011 17:01:17
น่าอ่านแฮะ แต่ยังไม่ได้อ่านอีกเรื่องเลย  :impress2:
สงสัยต้องตามไปอ่านส้ะล้ะ :z1:
หัวข้อ: Re: [Edit] All I want # the Opening (ผิดพลาดบางประการ แก้ไขแล้วครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: MM ที่ 06-12-2011 20:31:57
ตามมา ติดตามหละ  :L2:
หัวข้อ: Re: [Edit] All I want # the Opening (ผิดพลาดบางประการ แก้ไขแล้วครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ENG❤LUCKY ที่ 06-12-2011 20:55:17
อ่านอีกเรื่องจบแล้วน้า มาต่อได้ล้ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 09-12-2011 20:41:19
All I want # 2

ร่างเล็กในชุดสูทสีเทาอ่อนเดินเกร่อยู่ริมสระว่ายน้ำของโรงแรม  เขาแอบหนีออกมาจากงานเลี้ยงที่ชวนอึดอัดน่าเวียนหัวได้ในที่สุด  เมื่อโอโนเสะเรียกคิริฮาระไปแนะนำต่อคู่ค้าของตน  โทโมกิเคยเจอคิริฮาระมาแล้ว  และเขายอมรับว่าผู้ชายคนนั้นมีเสน่ห์เหลือล้นจริง ๆ  ทั้งกิริยาท่าทาง  การพูดจา  หรือแม้แต่ประกายตานั่น  สามารถดึงดูดใครต่อใครได้ไม่ยาก

และผู้ชายคนนี้เอง...ที่วายะคิดจะ...

เด็กหนุ่มสะบัดหน้าแรง ๆ ไล่ความคิดที่เกิดขึ้นออกจากสมอง  วายะจะคิดอะไรมันไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว  ตอนนี้เขาปลอดภัยดีอยู่ในบ้านตระกูลโอโนเสะ  มีชีวิตที่ดีกว่าแต่ก่อนเยอะ  แม้จะรู้สึกอึดอัดบ้างในบางครั้งแต่ก็ไม่มีอะไรหนักหนาสาหัส  ถ้าทำตามกฎระเบียบที่นายแม่วางเอาไว้ได้ก็อยู่ในบ้านได้อย่างสบาย ๆ...ถ้าเพียงแต่วายะจะไม่มาเป็นบอดี้การ์ดของเขา

“นึกว่าหายไปไหน  หาแทบแย่”  อยู่ ๆ ร่างสูงที่อยู่ในความคิดก็โผล่มา  ทำเอาโทโมกิสะดุ้ง  “อะไร?  ตกใจทำไม  หรือว่าคิดไม่ดีกับฉันอยู่?”

“เปล่า  อยู่ ๆ ก็โผล่มา นึกว่าผีตายโหงที่ไหนซะอีก”  พอระงับความตกใจได้ก็สวนกลับไปแบบนั้น

“ปากดีนักนะ”  วายะชี้หน้า  แต่ไม่ได้เก็บมาเป็นอารมณ์อะไร  เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้สำหรับนอนอาบแดดที่ตั้งอยู่ริมสระก่อนจะจุดบุหรี่สูบ

ควันสีเทาค่อย ๆ ลอยขึ้นไปในอากาศอย่างช้า ๆ  บรรยากาศในค่ำคืนนี้นิ่งสงัดไม่มีลมแม้แต่น้อย  ทำให้กลิ่นบุหรี่ของชายหนุ่มลอยอวลอยู่ในบริเวณนั้น  โทโมกิรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที  เขาไม่ชอบกลิ่นบุหรี่  มันทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดีและรบกวนความรู้สึกมากเกินไป  โดยเฉพาะกลิ่นบุหรี่ที่เจือมากับกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ...ไม่เอา...อย่าไปนึกถึงมัน...อย่าคิด...เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้า

“ไม่สบายเหรอ?”

เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างตัว  โทโมกิสะดุ้งสุดตัวหันขวับไปดู  แล้วก็พบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบอดี้การ์ดยืนอยู่ข้าง ๆ  มือใหญ่เอื้อมมาแตะหน้าผากของเขา

“ไม่มีไข้หนิ”

กลิ่นน้ำหอมที่วายะคงจะพ่นเอาไว้ที่ข้อมือด้วยลอยมากระทบจมูก  ในระยะใกล้แค่นี้กลิ่นของมันช่างชัดเจน  ทั้งยังกลิ่นบุหรี่ที่ชายหนุ่มยังคาบไว้ที่ปาก...สองกลิ่นที่มักจะโอบล้อมเขาไว้  และขยี้สติสัมปชัญญะจนกระเจิดกระเจิง...

“อย่าแตะนะ!”  โทโมกิปัดมือนั้นออกเต็มแรงพร้อมกับถอยกรูด

วายะจ้องหน้าโทโมกิ  แวบหนึ่งที่ดูเหมือนจะมีความโกรธเคืองวูบเข้ามาจับในแววตา  หากมันก็หายไปในชั่วพริบตา  ชายหนุ่มอัดควันลึกเข้าปอดอีกครั้งแล้วเดินไปทิ้งก้นบุหรี่ลงในที่ที่จัดไว้ให้ทิ้ง

“กลับกันดีกว่ามั้ย?  ดูท่าทางแกไม่ค่อยดี”

“งานยังไม่เลิกเลย”

“เลิกแล้วหรือยังไม่เห็นจะสำคัญตรงไหน  ยังไงแกก็หนีออกมาแล้วนี่  ก็แค่กลับบ้านไปเลยเท่านั้นเอง”

“ให้กลับไปกับนายสองคนน่ะเหรอ  ไม่หละ”  โทโมกิหันหน้าหนี

“แล้วไอ้หลังเลิกเรียนนี่ไม่ได้กลับกันสองคนงั้นเรอะ?”  วายะย้อนถาม

“มันไม่เหมือนกัน”  ถ้ากลับไปตอนนี้  นายแม่ก็คงจะเข้านอนแล้ว  และถึงนายแม่จะยังไม่เข้านอน  ห้องของเขาก็อยู่คนละปีกของเรือนอยู่ดี...แล้วจะให้กลับไปกับวายะตามลำพังสองคนน่ะนะ...

“กลัวเกิดอารมณ์แล้วห้ามใจไม่อยู่ปล้ำฉันเข้าให้หรือไง?”

เสียงต่ำ ๆ กระซิบที่ข้างหู  พอหันไปก็พบว่าวายะเข้ามาประชิดตัวเสียแล้ว  ยังไม่ทันที่โทโมกิจะได้โวยวายหรือทำอะไรมากกว่านั้น  แขนแกร่งก็โอบรวบเอวเขาเข้าไปแนบชิด

“ที่หมู่นี้ทั้งดื้อทั้งขี้โวยวายนี่เพราะมีอารมณ์กับฉันแต่ไม่กล้าขอให้ทำให้หรือไง?”

“ไม่!  ไอ้บ้า  พูดอะไรของแกน่ะ  ปล่อยนะ!!”  โทโมกิออกอาการดิ้นรน

หากวายะจับบิดล็อกเพียงเบา ๆ ก็ยึดเด็กหนุ่มให้อยู่นิ่งได้  “จะหนีให้พ้นจากฉันมันต้องออกแรงให้มากกว่านี้  รู้ไม่ใช่เรอะ?”

“ปล่อย!  บอกให้ปล่อย  ไม่งั้นฉันจะบอกคุณพ่อโอโนเสะ”

“ฟ้องพ่อ?  นี่แกมีนิสัยแบบคุณหนูอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร  หา?”  ชายหนุ่มขมวดคิ้ว  “อย่ามาตอแหลนะ  ขนาดฮิโรอากิมันเป็นคุณหนูแท้ ๆ มันยังไม่เคยบอกใครว่ามันจะไปฟ้องพ่อเลย  แล้วแกเป็นใคร  โทโมะ?  เด็กอย่างแกน่ะ...”

“ใช่เซ่!  ฉันมันเด็กที่คุณพ่อโอโนะเสะเก็บมาเลี้ยง  แล้วไงเล่า!?”  โทโมกิตะโกนใส่หน้า

“รู้ตัวดีนี่  เพราะงั้นนะ...อย่าเสือกทำตัวเฮงซวยเหมือนไอ้พวกคุณหนูงี่เง่าไร้สมองในงานนั่น”

ขาดคำชายหนุ่มก็กระชากร่างเล็กมาบดจูบอย่างรุนแรง  โทโมกิผงะหนีและพยายามจะร้อง  แต่นั่นทำให้เรียวลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าไปช่วงชิงความหวานแปลกที่ไม่เคยมีใครได้ลิ้มลองจนได้  เด็กหนุ่มส่งเสียงอึกอักอยู่ในลำคออย่างไม่ยินยอม  ยกมือขึ้นยันใบหน้าของร่างสูงให้ออกห่าง  แต่ก็ถูกปัดออก  แถมมือใหญ่ยังจับล็อกใบหน้าของเขาไว้ไม่ได้หนีไปจากจุมพิตจาบจ้วงที่บังคับให้ต้องลิ้มรสได้  สุดท้ายโทโมกิก็กระทืบลงไปบนหลังเท้าของวายะเต็มแรง  ทำให้ชายหนุ่มเผลอตัวผงะออก

ดวงตาคมที่มีแววขุ่นเคืองจับจ้องมาที่ใบหน้าหวานซึ่งแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น  แต่แล้วชายหนุ่มก็ยิ้มน้อย ๆ ออกมา

“ทำได้ดีนี่  ไม่เสียแรงที่เขาส่งไปเรียนอะไร ๆ ตั้งแยะ”

“ปล่อย!  ฉันจะบอกคุณพ่อโอโนเสะแน่  ว่าแกทำแบบนี้อีกแล้ว”  โทโมกิตะโกนอยู่ลั่น ๆ

“ฟ้องอีกแล้วเรอะ?”  วายะขมวดคิ้ว  “ฉันเกลียดไอ้คุณหนูงี่เง่าขี้ฟ้องแบบนี้ที่สุดเลยว่ะ”

ริมฝีปากร้อนฉกวูบลงมาประกบกับเรียวปากอิ่มอีกครั้ง  คราวนี้เร่าร้อนและดุดันกว่าเดิม  โทโมกิพยายามปัดป้องและดิ้นรนสุดกำลัง  เด็กหนุ่มกระทืบเท้าของร่างสูงครั้งแล้วครั้งเล่า  แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้วายะจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น  ชายหนุ่มแทรกต้นขาเข้าไปตรงหว่างขาของร่างเล็ก  ใช้แขนข้างที่โอบเอวบางไว้ดึงร่างนั้นให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่บนต้นขาของตน  ด้วยขนาดของร่างกายที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก  โทโมกิถึงกับลอยขึ้นจากพื้น  เด็กหนุ่มผวาขึ้นทั้งตัว  เผลอยึดเสื้อของวายะไว้ด้วยกลัวหล่น  นั่นทำให้การคุมคามเป็นไปได้ง่ายขึ้น  ชายหนุ่มกำรวบเรือนผมบริเวณท้ายทอยของร่างเล็กขยุ้มดึงเบา ๆ ให้แหงนเงยขึ้นรับจูบของเขาได้ถนัด ๆ  เรียวลิ้นร้อนแทรกเข้าไปเกี่ยวกวัดคลุกเคล้ากับลิ้นนุ่มที่ยังไม่ยอมตอบสนอง  แรกเริ่มก็เป็นไปด้วยความร้อนแรงปานจะแผดผลาญร่างในอ้อมกอดให้มอดไหม้เป็นจุณ  ก่อนที่จะตวัดหลอกล่อไล้เลียช้า ๆ  ค่อย ๆ ปรนเปรอความหวานให้ทีละน้อย...กระทั่งโทโมกิเริ่มตอบสนอง

จูบที่มีรสชาติของบุหรี่  ซ้ำยังอวลไปด้วยกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ...กลิ่นอายของวายะเริ่มเข้ามาครอบคลุมเขาอีกแล้ว  รู้สึกราวกับสติค่อย ๆ ล่องลอยไกลออกไป...ไม่เอานะ  ต้องไม่ใช่แบบนี้  เขาไม่อยากกลับไปเป็นอย่างตอนนั้นอีกแล้ว...

มือที่เกาะยึดเอาไว้ปล่อยออกแล้วสะบัดตบใบหน้าของร่างสูงเต็มแรง  ในขณะที่วายะกำลังงุนงงอยู่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น  โทโมกิก็ผลักสุดกำลังพร้อมกับกระโดดถอยหนี

ชายหนุ่มเหลือบมองคนที่หนีไปจากอ้อมแขนของเขา  ใบหน้าของร่างเล็กแดงก่ำและยังหายใจหอบถี่  แต่แววตาและท่าทางนั้นบอกให้รู้ว่าระวังตัวและพร้อมสู้เต็มที่

“ดี...ทำได้ดี”  ร่างสูงยิ้มออกมาน้อย ๆ  “การจะเอาตัวรอดจากฉัน  ไม่ใช่เอาแต่ฟ้องท่านประธาน  แต่ต้องด้วยกำลังของตัวเอง  ถ้าทำไม่ได้  แกก็หนีไปไหนไม่พ้น”

เด็กหนุ่มยกหลังมือขึ้นเช็ดริมฝีปากที่ถูกล่วงเกินเมื่อครู่  ทั้งโกรธวายะและเกลียดตัวเองกับเรื่องที่เกิดขึ้น

“ถ้าแกเกลียดฉัน  ก็ไม่ใช่เอาแต่กลัว  อย่าเอาแต่ผวา  อย่าเอาแต่หนี...อย่าเอาแต่เห่าใส่ฉันโดยคิดว่ามีท่านประธานคุ้มหัวอยู่  ท่านประธานจะช่วยอะไรแกไม่ได้เลยถ้าฉันคิดจะทำอะไรลงไปจริง ๆ  กว่าเขาจะมาถึง  ฉันก็ข่มขืนแกได้เรียบร้อยไปแล้ว”  น้ำเสียงของวายะเรียบเรื่อย  ทว่าแต่ละถ้อยคำเสียดแทงเข้าไปในหัวใจของโทโมกิ  “ถ้าแกอยากหนีให้พ้นจากฉัน  แกต้องเอาชนะความกลัวของตัวเองให้ได้  และเอาชนะฉันให้ได้  ไม่อย่างนั้นแกก็ต้องทนอยู่กับฉันไปทั้งชีวิตแบบนี้แหละ...เข้าใจใช่มั้ย?”

“รู้อยู่แล้วน่า”  โทโมกิกระชากเสียง

“...นั่นเป็นเหตุผลที่ท่านประธานให้ฉันอยู่ข้างกายแก  จนกว่าแกจะฆ่าฉันได้  หรือไม่ก็...”  ประโยคสุดท้ายนั้นไม่ดังไปกว่ากระซิบ  และชายหนุ่มก็พูดค้างไว้แค่นั้นโดยที่โทโมกิไม่ได้ยิน

“ฉันจะฆ่าแก!”  เด็กหนุ่มเข่นเขี้ยว

“ถ้าอยากจะฆ่าฉัน  ก็อย่าเอาแต่กลัวอย่างที่ทำอยู่แบบนี้  อยากจะฆ่าฉันก็ต้องลงมือเลย...ลองดูสิ  แกก็เรียนอะไรต่อมิอะไรมาตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ?  ไอ้วิชายูโดที่แกภูมิใจนักหนานั่นก็ได้  ลองจัดการฉันดูสิ”  วายะผายมือออกเหมือนจะเชิญชวน  ดวงตาเป็นประกายอย่างท้าทาย

โทโมกิกำมือแน่น  เขารู้ว่ามันไม่ได้ยากเกินไปสำหรับเขา  โดยเฉพาะคู่ต่อสู้ที่ไม่ได้มีท่าทีป้องกันตัวและประมาทแบบนั้น...แต่เพราะเป็นวายะ  เขาถึงได้ทำไม่ได้

“หึ...ไปฝึกมาเพิ่มซะ  ได้สายดำเมื่อไรแล้วจะเป็นคู่ซ้อมให้”  วายะไม่ได้มีระดับความสามารถในวิชาป้องกันตัวอะไรมากมายนัก  หากรู้ดีว่าถึงโทโมกิจะได้สายดำแล้ว  แต่ถ้ายังกลัวเขาจนฝังในแบบนี้  จะสายดำกี่ขั้นก็ไม่ได้มีความหมายอะไรทั้งนั้น  ถึงได้พูดออกไปแบบนั้น

ชายหนุ่มเดินเข้าไปขยี้เรือนผมสีดำนุ่มมือนั้นเบา ๆ  “แต่สำหรับคืนนี้  เดี๋ยวจะกลับไปปูฟูกแล้วเป็นคู่ซ้อมบนเตียงให้แล้วกัน  จะได้หายเสี้ยนหายหงุดหงิดเสียที”

เพียงเท่านั้นโทโมกิก็เลือดขึ้นหน้า  เด็กหนุ่มจับแขนของร่างสูงไว้แล้วบิดม้วนตัวอย่างรวดเร็ว  สอดขาขัดเข้าท่าทุ่มอย่างสวยงามตามแบบผู้ชำนาญเชิงยูโด  กว่าวายะจะรู้ตัวอีกทีก็ลงไปนอนวัดพื้นเสียแล้ว

“ฉันจะฆ่าแก  ชุน!  จำเอาไว้เลย  ฉันจะฆ่าแกให้ได้!!”  โทโมกิตะโกนใส่แล้ววิ่งหนีไป

ร่างสูงที่ไม่คิดว่าคนตัวเล็กกว่าจะทำจริงจุกจนลุกไม่ขึ้น  ได้แต่ยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเอง

“จะฆ่าแล้ววิ่งหนีทำไมวะ  ไอ้เด็กบ้า”
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 09-12-2011 20:45:22
โทโมกิวิ่งออกมานอกบริเวณโรงแรม...เมื่อกี้เขาทำอะไรลงไป  เขาทุ่มวายะงั้นเหรอ...แย่แน่  วายะจะต้องโกรธแน่  ถ้าถูกตามตัวเจอละก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะมีฐานะเป็นคนในตระกูลโอโนเสะก็เถอะ  แต่สำหรับวายะแล้ว  ผู้ชายคนนั้นไม่เคยเห็นเขาอยู่ในตำแหน่งนั้นสักนิด  วายะยังคงเห็นเขาเป็นเพียงแค่...

“ไม่ใช่นะ!  ไม่ใช่...ไม่ใช่แบบนั้น  มันจบไปตั้งนานแล้ว  จะมาคิดอะไรอีก”  โทโมกิต่อว่าตัวเอง

ใช่...มันจบไปหลายปีแล้ว  เขาควรจะลืม  ควรจะเลิกกลัววายะเสียที...

แต่ไม่ว่ายังไงก็ทำไม่ได้  แม้ว่าจะพยายามสักเท่าไรก็ทำไม่ได้...เขากลัววายะ  เป็นความกลัวที่แปลกประหลาด  การมีวายะอยู่ใกล้ ๆ ทำให้เขาประหม่าจนแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเอง  แต่กระนั้น...ในส่วนลึกของหัวใจกลับรู้สึกอบอุ่น

ด้วยวายะคือคนเพียงคนเดียวในโลกที่เคยกอดเขาไว้

ไม่ใช่แค่การกอดไว้ในอ้อมแขนแต่เพียงผิวเผิน  หากเป็นการกอดไว้ในอก...อย่างหวงแหน...อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ  ความอบอุ่นของอ้อมกอดนั้นยังคงตกค้างเป็นตะกอนอยู่ที่ก้นบึ้งของหัวใจ...

ทว่าตัวเขาเองที่ปฏิเสธความรู้สึกนี้ของตัวเอง

สองเท้าค่อย ๆ หยุดวิ่งและเปลี่ยนเป็นก้าวช้า ๆ ก่อนจะหยุดสนิท  เขารู้ดีว่าวายะได้พยายามแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเพื่อชดเชยให้กับสิ่งที่ทำลงไปในอดีต  คนดื้อรั้นเอาแต่ใจและเห็นตัวเองเป็นใหญ่อย่างวายะจะเป็นโฮสต์ไปเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องสนใจคำสั่งของโอโนเสะก็ได้  แต่วายะกลับทิ้งตำแหน่งโฮสต์อันดับ 1 มาเป็นบอดี้การ์ดของเขา...ทั้งหมดก็เพื่อพิสูจน์ตัวเอง...เพื่อเขา
มีเพียงเขาที่พ่ายแพ้ต่อตัวเอง  พ่ายแพ้ต่อความกลัวที่ฝังแน่นอยู่ในหัวใจ  จนไม่กล้าที่จะเปิดใจยอมรับความรู้สึกของตัวเอง...และความรู้สึกของวายะ  ทั้งที่ก็รู้อยู่เต็มอก  ถึงความรู้สึกที่พวกเขามีแก่กันและกัน...


อ้อมแขนแข็งแรงรวบตัวโทโมกิไว้แน่นพร้อมกับมือแกร่งที่ตะปบลงที่ปาก  เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัว...วายะงั้นหรือ...ไม่ใช่!!...เขาตอบตัวเอง  นี่ไม่ใช่วายะ...แล้วใคร!?

โทโมกิพยายามดิ้นรนต่อสู้สุดชีวิต  แต่มันไม่ได้มีแค่หนึ่ง  ชายฉกรรจ์อย่างน้อย 2 คนช่วยกันรวบตัวโทโมกิไว้แน่น  หากเขาไม่เผลอ  วิชายูโดที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมาอาจจะพอช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง  แต่กว่าจะรู้ตัว  โทโมกิก็ถูกรวบเอาไว้จนไม่มีทางสู้เสียแล้ว  แถมพวกนั้นยังเป็นมืออาชีพ  ทั้งรูปร่างก็สูงใหญ่และแข็งแรงกว่าโทโมกิมากนัก  เรี่ยวแรงของเด็กหนุ่มที่มีอยู่แทบจะไม่มีผลอะไรกับพวกนั้น

แต่การจัดการกับเหยื่อที่ขัดขืนดิ้นรนมันยุ่งยาก  พวกมันจึงจัดการหยุดการเคลื่อนไหวของโทโมกิด้วยกำปั้นลุ่น ๆ ที่อัดเข้ามาที่ลิ้นปี่...จุกจนร้องไม่ออก

...ชุน!  ช่วยด้วย!!...

เด็กหนุ่มร้องอยู่ในใจ  แล้วก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังเรียกหาใคร

รถเก๋งสีดำติดฟิล์มมืดเข้ามาจอดเทียบกลุ่มที่กำลังชุลมุนกันอยู่อย่างรวดเร็ว  เกือบจะพร้อม ๆ กับที่ใครบางคนวิ่งมาจนเกือบถึงที่นั่น

“เฮ้ย!  ทำบ้าอะไรวะ...โทโมะ!!?”  คำสุดท้ายร้องเสียงหลงเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังถูกลากขึ้นรถไปเป็นใคร

วายะกระชากปืนที่เหน็บไว้ที่เอวกางเกงด้านหลังออกมาทันที  แต่ไม่เร็วไปกว่าพวกมันที่พากันขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างไม่สนใจชายหนุ่ม  ร่างสูงยกปืนขึ้นเล็ง  แต่แล้วก็คิดได้...โทโมกิอยู่ในรถคันนั้น  พลาดพลั้งอะไรขึ้นมาโทโมกิจะเป็นอันตรายได้  เขารีบคว้าโทรศัพท์มือถือออกมากดปุ่มสปีดไดอัลพลางวิ่งตามรถคันนั้นไป

“เคนซัง!  พวกไหนไม่รู้  จับตัวโทโมะไปแล้ว!”  วายะพูดกรอกลงไปในโทรศัพท์  ซึ่งอีกฟากหนึ่งของสายคือคันซากิ  เคนผู้เป็นบอดี้การ์ดประจำตัวของโอโนเสะ  และเป็นครูของเขาด้วย

“แล้วพวกไหน?”  เสียงจากปลายสายถามกลับมา

“จะไปรู้ได้ไงวะ  ไอ้พวกบ้าพวกนั้นมันก็ใส่สูทดำ ๆ เหมือนกันไปหมด”  วายะตะโกน  “ฉันจะพยายามตามรถของพวกมันไป  ช่วยหาตำแหน่งสัญญาณติดตามตัวโทโมะให้ด้วย  แล้วรีบตามมาเร็ว ๆ”

“รู้แล้ว  เดี๋ยวติดต่อกลับไป”  โทรศัพท์ตัดสายไป

วายะรีบไปที่รถแล้วเอารถออกทันที  รถของพวกมันยังอยู่ในสายตายังไปไหนไม่ไกล  โทโมกิอยู่ในนั้น...บางทีอาจจะยังทัน...

...

โทโมกิถูกบังคับให้นั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถเก๋งสีดำติดฟิล์มกรองแสงมืดทึบ  ขนาบข้างด้วยชายสองคน  อาการจุกเสียดจากการโดนต่อยเข้าที่ท้องเต็มแรงบรรเทาลงมากแล้ว  เด็กหนุ่มจึงพยายามอาละวาด  แต่อีกฝ่ายใช้ไม้แข็งในการหยุดยั้งเขา  ปืนกระบอกหนึ่งกดเข้าที่ข้างขมับของโทโมกิ

“เป็นเด็กดีว่าง่าย ๆ หน่อย  คุณหนู...เราไม่อยากให้ตัวประกันคนสำคัญเป็นอะไรไปหรอกนะ”  มันพูดด้วยเสียงเข้ม ๆ

“ตัวประกัน?”  แม้จะกลัวปืนในมือผ่ายตรงข้าม  แต่โทโมกิก็อดตั้งคำถามไม่ได้

“ตัวประกันสำหรับต่อรองทางธุรกิจของเจ้านายฉัน  เกิดมาเป็นคุณหนูบ้านโอโนเสะก็ลำบากหน่อยนะ  คุณหนู”  แม้จะเรียกอย่างนั้นแต่หางเสียงก็แสดงความดูแคลนอย่างชัดเจน

“ที่จริงคุณหนูจะไม่ต้องลำบากหรอกนะ  ถ้าไม่โผล่หน้ามาในงานนี้”  อีกคนหนึ่งพูดขึ้น

โทโมกิเหลือบไปมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

“ก็คุณหนูอยากมาเปิดตัวทำไม  ทำตัวเป็นลูกเมียเก็บนิ่ง ๆ อยู่กับบ้านก็ดีอยู่แล้ว  นี่มาประกาศตัวเสียโจ่งแจ้ง  เป้าหมายจากที่ควรจะเป็นคุณพี่ชายผมยาวนั่นก็เลยกลายมาเป็นลูกแมวน้อยไร้การระวังตัวอย่างคุณหนูไง...โอโนเสะ  ฮิโรอากิมันเป็นลูกของจิ้งจอกเฒ่านั่นมาแต่เกิด  รู้วิธีระวังตัวดี  เข้าถึงตัวยาก  แต่กับคุณหนูน่ะ...มีใครเขาวิ่งหนีบอดี้การ์ดมาแบบนั้นกันบ้าง  หึ ๆ”  เสียงหัวเราะต่อท้ายเยาะหยันเต็มที่

“แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ  คุณหนู  ถ้าทำตัวดี ๆ ว่าง่าย ๆ ก็ไม่มีใครทำให้คุณหนูบุบสลายหรอก...แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับพ่อของคุณหนูด้วยละนะ  ว่าจะทำตัวดี ๆ ว่าง่าย ๆ หรือเปล่า”

โทโมกินิ่งเงียบ  ความโชคร้ายมาเยือนเขาอย่างไม่รู้ตัว  ไอ้การเป็นลูกของคนใหญ่คนโตนี่มันไม่มีอะไรดีสักอย่าง  ไหนจะต้องทำตัวอยู่ในกฎเกณฑ์ของบ้าน  ไหนจะต้องฝึกวิชาการป้องกันตัว  ไหนจะต้องระวังเรื่องบ้า ๆ แบบนี้อีก...แต่เอาเถอะ  ยังไงเสียตอนนี้เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นคนของตระกูลโอโนเสะอยู่แล้วนี่  ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องผ่านเรื่องแบบนี้บ้างสักครั้งละนะ...แต่พวกมันจะรู้ไหมนะ  ว่าที่จริงแล้ว  เขาเป็นแค่คนที่ไม่มีความหมายอะไรกับตระกูลโอโนเสะเลย

“ถ้าคิดว่าคุณพ่อโอโนเสะจะยอมทำอะไรตามที่พวกแกเรียกร้องได้...จะลองดูก็ได้”  โทโมกิพูดอย่างเฉยเมย

“หึ...คุณหนูไม่คิดว่าตัวเองสำคัญ  แต่รู้อะไรไหม...ลูกเมียเก็บน่ะ  ใช้การได้ดีกว่าลูกเมียหลวงอีกนะ”

...ถ้าเป็นลูกเมียเก็บจริง ๆ น่ะก็ใช่หรอก...แต่เขาน่ะ...ไม่ใช่อะไรแบบนั้นหรอกนะ...

พลันก็มีเสียงมาจากคนขับรถ

“เฮ้ย  มีคนตามมา”

“หือ?”  ชายที่นั่งคุมตัวโทโมกิหันไปมอง  “แน่ใจเรอะ?”

“แน่ใจ  มันตามมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว  ไอ้รถสีดำนั่นน่ะ”  คนขับยืนยัน

โทโมกิหันไปมองด้วย  แน่นอนว่าเขาจำได้ทันที  นั่นคือรถที่โอโนเสะยกให้เขาใช้เป็นรถประจำตัว  และคนขับจะต้องเป็นวายะอย่างไม่ต้องสงสัย...ถ้าเขาไม่ทะเลาะกับวายะก็ดีหรอก  เรื่องพรรค์นี้จะได้ไม่เกิดขึ้น  แต่ก็ทำลงไปแล้วนี่  แล้ววายะต่างหากที่เป็นคนผิด...

“เอาไงดี  สอยเลยมั้ย?”  เหล่าชายในชุดดำเริ่มถามความเห็นกัน

“อย่าเลย  เดี๋ยวจะเอกเกริกเกินไป  สลัดให้หลุดแล้วกัน”

“ตกลง”

ความเร็วรถเพิ่มขึ้นทันที  และด้วยความชำนาญของผู้บังคับรถทำให้มันเคลื่อนเลาะซอกแซกไปกลางการจราจรคับคั่งของเมืองหลวงไปอย่างรวดเร็ว  แม้จะมีเสียงบีบแตรด่าพ่อล่อแม่มาบ้างก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจอะไร


เมื่อรถที่กำลังติดตามอยู่เร่งความเร็วขึ้น  วายะก็รู้ได้ทันทีว่าฝ่ายนั้นรู้ตัวแล้วว่าเขาตามมา  ชายหนุ่มพยายามสุดความสามารถที่จะไล่กวดไป  ไม่ต้องตามทันก็ได้  แต่อย่างน้อยก็ต้องไม่ให้คลาดสายตา

ทว่า...แม้วายะจะเป็นคนขับรถที่บ้าระห่ำแค่ไหน  ก็ใช่ว่าจะมีฝีมือทัดเทียมกับคนขับรถที่ชำนาญงานมาหลายปี  ไม่เกินสิบนาที  รถที่ลักพาตัวโทโมกิไปก็ลับหายไปในกระแสจราจร

“โธ่เว้ย!!”  วายะทุบกำปั้นลงกับพวงมาลัย  ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเรียกไปยังเคน

“ว่าไง?”  ปลายสายตอบรับ

“รอดตาไปแล้ว  โทษที”  ชายหนุ่มบอกตรง ๆ

“ไม่เป็นไร  เย็นไว้  ทางนี้พอจะรู้แล้วว่าพวกไหน”  เสียงตอบกลับมาราบเรียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“พวกไหน?”

“คิดว่าเป็นพวกไซงะ  เมื่อกี้ไซงะคนน้องเพิ่งออกจากงานไปอย่างมีเลศนัย  ท่านประธานให้คนตามไปแล้ว”

ไซงะกรุ๊ปคือกลุ่มอิทธิพลใหม่ที่เพิ่งมีชื่อขึ้นอันดับในวงการธุรกิจใต้ดินเมื่อไม่กี่ปีมานี้  แต่ด้วยฝีมือการบริหารงานกลุ่มของสองพี่น้องไซงะทำให้ธุรกิจในมือเติบโตอย่างรวดเร็วและแผ่อิทธิพลอย่างกว้างขวาง  แต่กระนั้นก็ยังมีกระดูกชิ้นใหญ่อย่างลูนาติก  ลัสท์ของตระกูลโอโนเสะขวางคออยู่  และทางนั้นพยายามหาทางกำจัดทิ้งให้เร็วที่สุด

หรือหากกำจัดทิ้งไม่ได้  ก็ต้องหาทางให้กลุ่มของตนมีส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้...ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม  และนั่นอาจจะเป็นข้อต่อรองในการลักพาตัวโทโมกิในครั้งนี้

“เดี๋ยวยามานากะซังจะตามรอยคุณหนูโทโมกิอีกทาง  ถ้ารู้ที่แล้วจะรีบบอกให้”

“เอ๊ะ?”  วายะอุทาน  ทำไมยามานากะที่เป็นทั้งเลขา ฯ และมีศักดิ์เป็นหลานชายของโอโนเสะถึงจะตามรอยโทโมกิได้  ขนาดเขาที่ตามมาติด ๆ ยังคลาดสายตาไปแล้วเลย

“นาฬิกาข้อมือของคุณหนูมีระบบติดตามตัวผ่านดาวเทียม  ไม่รู้เรอะ?”  เคนพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

“เอ๊ะ?  ไม่เห็นเคยรู้”  ชายหนุ่มรู้แค่ว่านาฬิกาเรือนนั้นโอโนเสะซื้อให้โทโมกิเมื่อวันเกิดปีที่แล้ว  และบอกให้พยายามใส่ติดตัวไว้ตลอดเวลา

“วายะ...กลับมาฉันจะจัดการอบรมนายอีกรอบ  เป็นบอดี้การ์ดประสาอะไร  เรื่องพื้น ๆ แค่นี้ก็ไม่รู้”

“ไม่มีใครบอกแล้วจะรู้ได้ไง...เฮ้ย!  เดี๋ยวเซ่ะ  เคนซัง!  ตัดสายแบบนี้เลยเรอะ  ไอ้บ้า!!”  วายะได้แต่สบถด่าให้ตัวเองฟังอยู่คนเดียวเมื่อคู่สนทนาตัดสัญญาณไปแล้ว

ชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าจอดข้างทาง  แม้จะเป็นห่วงโทโมกิสักแค่ไหนแต่ในตอนนี้เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากรอคอยคำสั่งจากเคน

ถ้าเมื่อกี้นี้เขาไม่ชวนโทโมกิทะเลาะก็ดีหรอก  แต่ไอ้เด็กนั่นอยากทำตัวงี่เง่าก่อนเองทำไม...มาทำตัวเป็นคุณหนูอะไรเอาตอนนี้  น่าหมั่นไส้นัก...ถ้าเอาตัวกลับมาได้จะด่าเสียให้เข็ด...

...

โทโมกิถูกพามาที่โกดังซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในท่าเรือแห่งหนึ่งในสภาพถูกใส่กุญแจมือไพล่หลังไว้  กลุ่มคนที่ลักพาตัวเขามาคอยผลักให้เขาเดินไปในทิศทางที่ต้องการ  เด็กหนุ่มกวาดตามองไปรอบ ๆ ตัว...มันก็เหมือนโกดังขนส่งสินค้าทั่ว ๆ ไป  มีลังไม้สำหรับบรรจุสินค้าวางซ้อนกันไว้อย่างเป็นระเบียบ  แต่โทโมกิแน่ใจว่าของที่อยู่ในลังเหล่านั้นไม่น่าจะเป็นของที่ถูกกฎหมาย  ธุรกิจของพวกยากุซ่านั้นน้อยนักที่จะเป็นไปตามครรลองคลองธรรม  แม้แต่ธุรกิจของตระกูลโอโนเสะเองก็เถอะ

เหล่าชายชุดดำพาโทโมกิเข้าไปถึงกลางโกดัง  ตรงจุดนั้นถูกเคลียร์ไว้เป็นที่โล่งค่อนข้างกว้างขวาง  รายล้อมไปด้วยกำแพงลังสินค้า  มีอุปกรณ์และเครื่องไม้เครื่องมือหลายอย่างที่เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่ามีไว้ทำอะไรกันแน่วางไว้...แต่ไม่ว่ามันจะเอาไว้ใช้ทำอะไรก็ตาม  มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ

ผู้ลักพาตัวคนหนึ่งผลักโทโมกิลงบนฟูกหนาเหมือนฟูกที่ใช้รองรับคนเวลาเกิดไฟไหม้  “รออยู่นี่แหละ  อีกเดี๋ยวบอสจะมาว่าธุระด้วย”

โทโมกิถอนใจเฮือก  ธุระที่ว่านั่นคงไม่ได้เกี่ยวกับเขาหรอก  แต่คงเป็นธุระที่จะเกี่ยวไปถึงโอโนเสะเสียมากกว่า  ดูจากสภาพของที่นี่แล้ว  ถ้าเรื่องไม่จบลงโดยเร็ว  เขาคงจะได้อยู่ที่นี่ไปอีกนานทีเดียว  เป็นที่คุมขังที่โดดเดี่ยวห่างไกลผู้คน...แต่อย่างน้อยก็กว้างขวางกว่าที่ที่เขาเคยถูกขังเอาไว้มากมายนัก
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 09-12-2011 20:49:51
หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นระรัวด้วยความหวาดหวั่นมาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว  ถูกเอาปืนจ่อหัวแบบนั้น  ใครบ้างจะไม่กลัว  เขาก็เพียงแค่ทำเป็นเยือกเย็นไว้อย่างที่โอโนเสะเคยสอน  และก็รู้ว่าทำได้ยากเหลือเกินในสถานการณ์เช่นนี้  มือของเขาสั่นและชื้นเหงื่อไปหมด...บอสคนที่จะมาพบเขาเป็นใครกันนะ  เป็นคนแบบไหน  และตั้งใจจะทำอะไรกับเขา  แล้วถ้าเขาไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือต่อรองกับโอโนเสะได้ละ...คงไม่แคล้วถูกฆ่าถ่วงอ่าวโตเกียวเป็นแน่  แต่แบบนั้นมันคงดีกว่าถูกชำแหละเป็นส่วน ๆ แล้วส่งกลับไปให้โอโนเสะละมั้ง

...อย่างไหนก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ...โทโมกิบอกกับตัวเอง  เขาต้องเชื่อสิว่าโอโนเสะจะมาช่วยเขา  โอโนเสะจะพาเขาออกไปจากที่นี่  เขาต้องเชื่อในอำนาจและอิทธิพลของตระกูลโอโนเสะ  และต้องเชื่อมั่นในตัวผู้นำตระกูล  โอโนเสะ  ฮิซาโนบุเคยช่วยเขามาแล้วครั้งหนึ่ง  เพราะอย่างนั้น...เขาจึงต้องเชื่อในตัวคุณพ่อโอโนเสะของเขา

เสียงประตูเหล็กของโกดังลั่นยาวและตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหลายคู่  หัวใจของโทโมกิกระตุกวาบ...บอสของพวกมันมาแล้ว

ผู้ที่ก้าวเข้ามาในลานโล่งกลางโกดังเป็นชายหนุ่มอายุราว ๆ 35 ปี  รูปร่างสูงโปร่ง  ใบหน้าคมสันมีเค้าของสายเลือดตะวันตกเห็นได้ชัด  ท่าทางเจ้าสำอางไม่น้อย  ริมฝีปากมีรอยยิ้มแต้มพรายอยู่...หากดวงตาไม่ใช่  ดวงตาเย็นชาราวกับอสรพิษร้ายเต็มไปด้วยความเด็ดขาดโหดเหี้ยม  ขัดกับรูปลักษณ์ที่เห็นภายนอกอย่างสิ้นเชิง

โทโมกิถึงกับเผลอกระถดหนีทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ได้เข้ามาใกล้  เขากลัวผู้ชายคนนี้  แม้จะไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน  แต่สัญชาตญาณบอกให้เขาระวังและอย่าได้เข้าใกล้คนแบบนี้

“ยินดีที่ได้รู้จัก  คุณหนูคนเล็กของตระกูลโอโนเสะ”  เสียงทุ้มเอ่ยอย่างนุ่มนวล  “หวังว่าคนของผมจะไม่ได้ทำอะไรรุนแรงกับคุณนะครับ”

“ถ้าเรื่องเอากำปั้นกระซวกท้องกับเรื่องปืนจ่อหัวไม่นับเป็นเรื่องรุนแรง  ก็ไม่มีอะไรรุนแรงหรอก”  โทโมกิสวนเข้าให้ทันที  เมื่อแรกเขารู้สึกกลัว  แต่พอได้ยินน้ำเสียงและวิธีการพูดของคนตรงหน้าแล้ว  ก็สรุปกับตัวเองได้ว่าเขาไม่ชอบหน้าหมอนี่  ไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม

ร่างสูงเลิกคิ้วเหมือนจะประหลาดใจ  เด็กคนนี้กล้าต่อปากต่อคำกับเขาแม้จะอยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้...มันก็น่าสนุกดี

“อย่างนั้นหรือครับ  ก็ต้องขอโทษด้วย  และก่อนอื่น...ให้ผมแนะนำตัวหน่อยนะ  ผมไซงะ  คาซุกิ  รองประธานกรรมการไซงะกรุ๊ป”

การแนะนำตัวอย่างเป็นพิธีการนั้นช่างเสแสร้ง  มันน่าสะอิดสะเอียนเสียจนโทโมกิเบือนหน้าหนี  หากชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้แล้วจับปลายคางของเด็กหนุ่มบังคับให้หันมามองหน้า

“แล้วคุณชื่ออะไรครับ?  จะให้เรียกคุณหนูโอโนเสะไปเรื่อย ๆ มันคงไม่สะดวก  จริงมั้ย?”

“ถึงขนาดพาตัวผมมาที่นี่ได้  แค่ชื่อก็น่าจะรู้ได้ไม่ยากไม่ใช่เหรอ?”  โทโมกิย้อน  หากก็ไม่กล้าสบตา

“นั่นสินะ”  คาซุกิยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น  “แต่ผมอยากฟังจากปากคุณมากกว่านี่นา”

ขาดคำ  เรียวปากของชายหนุ่มก็ฉกวูบลงมาประกบจูบโทโมกิอย่างรวดเร็ว  ด้วยไม่ทันระวังตัว  ลิ้นร้อนจึงสามารถรุกรานเข้ามาได้อย่างง่ายดาย  เด็กหนุ่มดิ้นรนอย่างไม่ยินยอม  แต่ด้วยสองมือถูกพันธนาการไว้จึงไม่สามารถทำอะไรได้ถนัด  ขาที่ยังเป็นอิสระอยู่พยายามเตะถีบ  แต่อีกฝ่ายที่ชำนาญเกมกว่าเพียงแค่ปัดป้องเล็กน้อยและกดคนตัวเล็กกว่าลงกับฟูกแน่น  ยิ่งขัดขืน  จูบที่ถูกบังคับให้ต้องรับก็ยิ่งดุดันมากขึ้น  ไม่เพียงแต่เรียวลิ้นจะกวัดพันไปทั่ว  ฟันเรียบยังขบกัดริมฝีปากอิ่มซ้ำแล้วซ้ำอีก  จนสุดท้ายโทโมกิก็หยุดดิ้นรน  ปลายลิ้นที่ล่วงล้ำเข้ามาจึงได้ผ่อนปรนลง

“เร้าอารมณ์ดีนะ  คุณหนู”  คาซุกิหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง  “ว่าแต่...อีกสักนิดดีมั้ย?”

พูดจบชายหนุ่มก็ประทับริมฝีปากลงอีกครั้ง  และครั้งนี้  โทโมกิรู้สึกได้ว่าถูกบังคับให้กลืนอะไรบางอย่างลงคอไป

“อะ...อะไร...?”

“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ  ก็แค่ลูกกวาด  แต่เป็นลูกกวาดที่จะทำให้คุณหนูลืมโลกทั้งโลกไปได้เลย”  คาซุกิหัวเราะอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของโทโมกิ  “ไม่ต้องห่วง  ไม่ใช่ยาเสพติดหรอก  แล้วก็ออกฤทธิ์ไม่นานนักด้วย  แต่ก็คงนานพอที่จะทำให้ผมถือไพ่เหนือกว่าคุณพ่อของคุณหนูได้”

โทโมกิไม่เข้าใจที่ชายหนุ่มพูดแม้แต่น้อย  แต่รองประธานของไซงะกรุ๊ปก็เหมือนจะไม่ได้สนใจ  เขายังพูดต่อไปเรื่อย ๆ

“ที่จริงผมกะเอาไว้ว่าจะใช้การพูดคุยหารือกับคุณพ่อของคุณหนูเรื่องให้ลูนาติก  ลัสท์หลีกทางให้ไซงะกรุ๊ปสักหน่อย  หรือไม่ก็เป็นไปในแง่การทำธุรกิจร่วมกันอะไรทำนองนั้น  แต่พยายามไปครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่เป็นผล  ดูแล้วคุณพ่อของคุณหนูที่มีทั้งฐานกำลังและอำนาจเงินเพียบพร้อมคงไม่มีวันยอมฟังกลุ่มธุรกิจเล็ก ๆ อย่างเราแน่  ก็เลยต้องเล่นลูกเล่นนิดหน่อยน่ะครับ”

“แล้วมันเกี่ยวกับผมตรงไหน?”

“ไม่รู้เหรอครับ  ลูกที่เกิดกับภรรยาลับมักจะเป็นลูกที่ได้รับความรักมากกว่าลูกที่เกิดกับภรรยาหลวงที่แต่งงานกันเพราะฐานะหน้าที่บังคับ...น่าอิจฉานะครับ  ที่เกิดมาจากความรักของทั้งพ่อและแม่  ไม่ใช่เกิดมาเพราะหน้าที่ที่ต้องสืบทอดตระกูลต่อไป”

โทโมกิเม้มปากแน่น...ไม่ใช่หรอก  มันไม่ใช่อย่างที่คาซุกิคิดแม้แต่นิดเดียว  เรื่องที่เขาเป็นลูกของภรรยาลับของโอโนเสะอะไรนั่นมันก็ข่าวลือทั้งเพ  ทุกคนคิดกันไปเองและร่ำลือกันไปเองทั้งนั้น

“เกิดจากความรักเนี่ยนะ  จะขำตาย”  โทโมกิแค่นเสียงเหมือนจะสบถกับตัวเอง

“ไม่ใช่หรอกเหรอครับ?  อย่าพยายามฝืนปิดบังไว้ดีกว่า  ไม่ว่ายังไงคุณก็หลอกใครไม่ได้หรอก”

“ใช่...หลอกใครไม่ได้  เพราะทุกคนหลอกตัวเองทั้งนั้น”  โทโมกิจ้องหน้าร่างสูง  “ผมไม่ใช่ลูกของเมียเก็บคนไหนทั้งนั้นแหละ  ไม่ใช่ลูกของคุณพ่อโอโนเสะด้วยซ้ำ”

คาซุกิเลิกคิ้วอีกครั้ง  “อย่างนั้นเหรอครับ?  แต่ที่ผมเห็นมันไม่ใช่นะ  อย่างที่งานเลี้ยงวันนี้  ท่านประธานโอโนเสะพลีสคุณจะตายไป  แล้วไหนจะฮิโรอากิซังที่เป็นลูกคนเล็กอีก  ฐานะคุณกับฮิโรอากิซังเสมอกันเลยนี่ครับ”

จริงอยู่  ที่โอโนเสะปฏิบัติต่อเขาประหนึ่งลูกแท้ ๆ ของตัวเอง  ให้ทุกอย่างเท่าเทียมกับลูกทุกคนจนเขาเกรงใจและหวั่นใจไปพร้อม ๆ กัน  และด้วยความเกรงใจนี้  ทำให้เขายอมเชื่อฟังโอโนเสะและนายแม่ทุกอย่าง...แต่ความจริงก็คือความจริง  เขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลโอโนเสะเลยแม้แต่น้อย

“เอาเถอะ  คุณหนูอาจจะพูดความจริงก็ได้”  คาซุกิเอ่ยขึ้นหลังจากจ้องตาโทโมกิอยู่สักพัก  “แต่การได้คนในตระกูลโอโนเสะมาไว้ในมือแบบนี้  จะทำให้การเจรจากับคุณพ่อของคุณง่ายขึ้นมากทีเดียว...และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง  เมื่อลูกกวาดนั่นออกฤทธิ์...”

คาซุกิพยักหน้าให้ลูกน้องคนหนึ่ง  ชายคนนั้นรีบกุลีกุจอไปหยิบกล้องวิดีโอและขาตั้งมากางไว้ข้าง ๆ ฟูกที่โทโมกินอนอยู่  คนอื่น ๆ อีกสองสามคนก็หยิบเอากล้องวิดีโอขนาดเล็กออกมา

“อะไร...?”  โทโมกิถามพลางกระถดหนี

คาซุกิเหยียดยิ้มกว้าง  “ก็แค่จะถ่ายวิดีโอของคุณหนูไว้สักนิดหน่อยน่ะครับ  เดี๋ยวผมจะเอาไปให้คุณพ่อของคุณหนูดู  แล้วดูซิว่าคราวนี้เขาจะกล้าปฏิเสธความร่วมมือกับไซงะกรุ๊ปอีกหรือเปล่า  เมื่อเห็นลูกชายคนสุดท้องถูกผู้ชายรุมโทรม”

โทโมกิเย็นวาบไปทั้งตัว  รุมโทรม...หมายความว่ายังไง...คนพวกนี้คิดจะทำอะไรกับเขา...ไม่นะ...

“อย่านะ!!”  เด็กหนุ่มตวาด  แต่ก็ได้เพียงเสียงหัวเราะมาแทนคำตอบ

“คุณหนูจะพูดคำนี้สักกี่ครั้งก็ได้  ระหว่างที่ลูกกวาดยังไม่ออกฤทธิ์”  คาซุกิพูดพลางจุดบุหรี่สูบ  “แต่ผมจะคอยดูว่าคุณหนูยังจะพูดคำนี้อีกมั้ย  เมื่อลูกกวาดของผมแสดงผลเต็มที่แล้ว...”

...ยาปลุกเซ็กส์!!...คำคำนี้ผุดขึ้นมาในหัวของโทโมกิ  ไม่ผิดแน่  สิ่งที่คาซุกิบังคับให้เขากลืนลงไปเมื่อกี้ต้องเป็นยาประเภทนั้นแน่ ๆ

“ไม่ต้องห่วงนะครับ  ลูกน้องของผมทั้งหกคนนี้จะบริการคุณหนูให้ถึงใจจนกว่าจะหมดฤทธิ์ยาเลยทีเดียว  ระหว่างนั้นคุณหนูก็พยายามระงับตัวเองหน่อยนะครับ  ไม่งั้นคุณพ่อของคุณหนูคงเสียใจแย่ถ้าเห็นลูกชายตัวเองส่งเสียงครวญครางแถมยังส่ายสะโพกให้ผู้ชายเหมือนโสเภณี”

โทโมกิลุกขึ้นจากฟูกและพยายามจะหนี  แต่ใครบางคนคว้าขาของเขากระชากให้ล้มลงอีก

“อย่าพยายามโดยไร้ประโยชน์เลยครับ  เก็บแรงไว้สนุกดีกว่า  เดี๋ยวผมจะคอยกำกับให้เขาถ่ายคุณหนูให้สวย ๆ เอาแบบเห็นหน้าชัด ๆ เลย  ดีมั้ยครับ?”  คาซุกิเดินไปนั่งที่ลังไม้ใกล้ ๆ  “ท่านประธานโอโนเสะคงไม่อยากให้วิดีโอนี่ถูกแพร่ไปที่ไหนแน่  และอาจจะยอมยกกิจการสิ่งพิมพ์หรืออะไรพวกนั้นให้ไซงะกรุ๊ปช่วยดูแลให้  พร้อมกับที่เราก็ช่วยดูแลไม่ให้วิดีโอของคุณหนูหลุดรอดไปไหนได้...เป็นการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมดีใช่มั้ยล่ะครับ?”

“ยุติธรรมบ้าอะไร!  ปล่อยนะ!  ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่ลูกของคุณพ่อโอโนเสะ  ทำเรื่องพรรค์นี้ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก!”  โทโมกิโวยวาย

“นั่นสินะครับ  ถ้าเป็นความจริง  ท่านประธานโอโนเสะคงไม่สนใจจริง ๆ...แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ  ลองดูก็ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอครับ  ถ้ามันไม่ได้ผล  ผมก็แค่ปล่อยคุณกลับบ้านไป  แล้วเอาวิดีโอนี่ไปขายหากำไรทดแทนรายได้ส่วนที่ไม่ได้รับจากลูนาติก  ลัสท์  ก็แค่นั้นเอง”  ร่างสูงอัดควันเข้าปอด  “เอาละ  อย่าเสียเวลาอีกเลย  มาเริ่มกันเลยเถอะ  ระหว่างที่ยายังไม่ออกฤทธิ์นี่ช่วยทะนุถนอมคุณหนูเขาหน่อยนะ  ถึงลูนาติก  ลัสท์จะเรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน SM ก็เถอะ  แต่คุณหนูคงจะยังไม่เคยมือผู้ชายมาก่อน  ไว้พอยาได้ที่แล้วจะทำตามใจชอบยังไงก็เชิญตามสะดวก  เอาละ...เริ่มได้แล้ว”

สิ้นคำสั่ง  เหล่าชายฉกรรจ์ก็เข้ามากลุ้มรุมร่างที่นอนอยู่บนฟูกอย่างไร้ทางสู้  เสื้อผ้าของโทโมกิถูกกระชากทึ้งออกอย่างไม่ไยดี  เด็กหนุ่มกรีดเสียงก้องไปทั้งโกดัง  หากไร้ความหมาย  พวกมันกระชากดึงและลูบไล้ลวนลามเขาไปทั้งเรือนร่าง  และเมื่อเสื้อเชิ้ตตัวในถูกดึงออก  ร่องรอยประหลาดบนด้านหลังไหล่ด้านซ้ายก็ปรากฏแก่สายตา

“หือ?  นั่นอะไรน่ะ?”  คาซุกิเดินเข้ามาดูด้วยความสนใจ

บนผิวกายขาวนวลมีลวดลายคล้ายรอยสักสีแดงประทับอยู่  ทว่ามันไม่ใช่รอยสัก  หากเป็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ  สลักเสลาเป็นตัวอักษรคันจิตัวหนึ่ง

“ฮารุ...?”  คาซุกิอ่านคำนั้นเบา ๆ  “ฤดูใบไม้ผลิงั้นรึ?  หมายความว่ายังไงน่ะ  คุณหนู  ตระกูลโอโนเสะเขาทำสัญลักษณ์บนตัวคนในตระกูลด้วยวิธีนี้งั้นเหรอ?”

ใช่...อักษรตัวนั้นอ่านว่าฮารุ  แปลได้ว่าฤดูใบไม้ผลิ...แต่โทโมกิรู้ดีว่ามันไม่ได้อ่านอย่างนั้น  และคนที่ทิ้งร่องรอยนี้ไว้ก็ไม่ใช่คนในตระกูลโอโนเสะ  หากเป็นคนที่เขาชิงชังทุกลมหายใจเข้าออก

“ก็ดีนะ  ดูน่าตื่นเต้นดี  คุณหนูของตระกูลโอโนเสะที่ถูกสลักหลังเอาไว้เป็นแผลเป็น  สมเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีอิทธิพลที่สุดของวงการ SM เลยนะ  แม้แต่กับคนในตระกูลก็ไม่วายซาดิสม์”  คาซุกิเบ้หน้าอย่างดูแคลน  “ถ้าแบบนี้คงไม่ต้องออมมือให้แล้วละมั้ง  เต็มที่ไปเลยก็แล้วกัน  ถ้าอยากได้อุปกรณ์อะไรมากกว่าผู้ชายเป็น ๆ ก็บอกได้นะครับ  คุณหนูโอโนเสะ”

ร่างบางส่งเสียงกรีดร้องและดิ้นรนสุดชีวิต  มันต้องไม่ใช่แบบนี้...เรื่องแบบนี้น่ะ...มันต้องไม่เกิดขึ้นอีก  คนที่จะทำอย่างนี้กับเขาได้มีแค่คนเดียวเท่านั้น...คนเพียงคนเดียวที่เคยกอดเขาไว้  คนเพียงคนเดียวที่ตีตราเอาไว้บนร่างของเขา...และด้วยแรงผลักดันจากจิตใต้สำนึก  โทโมกิร้องออกมาสุดเสียง


“ชุน!!  ช่วยด้วย!  ช่วยฉันด้วย  ชุน!!!!”




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: windel ที่ 09-12-2011 21:44:11
สนุก ...  :oni2:  มว๊ากกกกก
แต่เราไม่เคยอ่่านอีกเรื่องนึงอ่ะ (ว่างๆต้องไปตามอ่านแล้วละสิ  :a2:)
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-12-2011 22:38:36
ชุน มาเร็วๆๆ เข้าสิ โทโมกิแย่แล้ว
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 09-12-2011 22:57:49
ว้าว ดีใจจัง ได้เจอวายะอีกแล้ว

ร้อนแรงแต่ต้นเรื่องเชียว
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: MM ที่ 09-12-2011 23:26:45
ถ้าไม่ใช่ฤดูใบไม้ผลิ ... อย่าบอกนะว่าเป็นคำว่าชุนหนะ ... อ๊ากกก ยอดมาก :z1: :z1: 

ทันไม่ทันไม่รุ้แต่ว่า .... ฉากต่อไป อร๊ายยยย นั่งจิ้นล่วงหน้า :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 10-12-2011 00:04:52
เฮ่ยย ย    หน้าแรกอยู่นะ เพื่อน



ไว้จิง อะไรจัง
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: momo9476 ที่ 10-12-2011 00:39:56
ไปอ่านตอน 24 มาแล้ว (มันสนุกมากทนไม่ไหว ต้องไปหาอ่านให้ได้) บอกคำเดียวเศร้ามาก ทำเอาร้องไห้เลยทีเดียว

โดยเฉพาะตอนแหวนคู่ที่วายะฝากมาให้รันจัง เฮ้อ วายะอย่าเอาโทโมกิเป็นตัวแทนใครนะ รักโทโมกิที่เป็นโทโมกินะ

     สุดท้ายขอบคุณนักเขียนนิยายคุณสนุกมาก
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 10-12-2011 01:25:15
นั่งรอๆ  :z2:
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: PPiing ที่ 10-12-2011 08:00:36
มาต่อเร็วๆนะ ชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 10-12-2011 08:27:17
 :mc4:
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: nona159 ที่ 10-12-2011 08:48:43
ชอบมั้กอ่ะคร้าาาาาาาา

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 10-12-2011 11:11:11
อร๊ากก ไม่น๊า   :serius2:
ชุน นายอยู่หนายย  :sad4:
มาต่อไวๆนะคับ  ^^
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 10-12-2011 11:47:12
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
แฟนวายะเหรอถึงว่าชื่อตัวละครคุ้นๆ
ลุ้นมากๆชุนจะช่วยทันไหมนะ
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจัง ที่ 11-12-2011 05:03:56
ตอนอ่านเรื่องของคิริยูไม่ค่อยชอบวายะเลย

แต่พอได้รู้ความหลังฝังใจ

วายะก็น่าสงสารเหมือนกันเนอะ

เหล้า ยา ทำให้เกิดความรุนแรงได้มากขึ้นจริงๆ  :เฮ้อ:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: none_ny ที่ 11-12-2011 21:58:45
แอบหนีไปอ่านถึงตอน 24 แล้ว ลุ้นมาก ๆ > < มาต่อทางนี้ให้ทันน้า
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 12-12-2011 12:59:45
อ๊ายย >.<

FC วายะๆๆ

แอบปลื้มมานานแล้ว

ในที่สุดๆๆๆ   5555    :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 12-12-2011 14:04:03
แทบจะดิ้นตายเมื่อเห็นเรือ่งนี้มา
ยังติดใจกระต่ายน้อยกับคิริยูไม่หาย
มาเจอวายะกับโทโมะอีก
แม่เจ้าโว้ยยย
รักเหลือเกิน ลูนาติก  ลัสท์ เนี่ย
หนึ่งเดียวในดวงใจจิงๆ
วายะก็ยังคงเป็นวายะ
เหมือนโหดแต่ก้อห่วงมากมาย
อัยย่ะ อยากกรี๊ด อยากอ่านต่อมากๆๆๆ เวอร์ๆๆๆ

ps ติดตามตลอดไปค่ะ คลิกไลค์
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 12-12-2011 23:11:11
ชื่อโทโมะนี่มีในเรื่องที่แล้วมั้ยน้าาา

นึกไม่ออกง่ะ
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 15-12-2011 17:44:21
อ่านทันแล้ว
วายะนี่เถื่อนได้ใจจริงๆ o13
หัวข้อ: Re: All I want # 2 (NC17) อัพเพิ่ม 9/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: sin ที่ 15-12-2011 19:20:24
มาต้อนรับ all i want u

โทโมะ กับวายะมาเยือนเล้าแล้ววว >..<
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 15-12-2011 21:34:03
All I want # 3


ในวันที่ใบของต้นเมเปิลเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มและต้นแปะก๊วยถูกย้อมเป็นสีเหลืองทองสะท้อนแสงแดดเป็นประกายระยับ  วายะ  ชุนในวัย 25 ปีเดินเลาะเลียบรั้วมหาวิทยาลัยเก่าแก่ไปตามทางเท้า  เขาไม่ได้เรียนที่นี่  และแม้จะเคยมีคนรู้จักเคยเรียนที่นี่  แต่คนพวกนั้นก็จบจากที่นี่ไปหมดแล้ว...ก็มีทั้งเรียนจบ  และจบชีวิตการเรียนไปเฉย ๆ  แต่ไม่ว่าคนพวกนั้นจะเรียนอยู่ที่นี่หรือไม่ก็ตาม  ชายหนุ่มก็ไม่ได้มีธุระกับสถานที่แห่งนี้

วายะไม่รอให้สัญญาณไฟคนข้ามเปลี่ยนเป็นสีเขียว  เขาเดินข้ามทางม้าลายทันทีที่เห็นว่าถนนว่างพอ  จุดมุ่งหมายของเขาคือร้านกาแฟเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ฟากตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยแห่งนั้น

เสียงกระดิ่งที่แขวนไว้หน้าประตูดังขึ้น  เกือบจะพร้อมกับเสียงทักทายที่คุ้นเคยของเจ้าของร้าน

“ยินดีต้อนรับครับ”

“หวัดดี  มาสเตอร์”  วายะทักตอบ

“สวัสดีครับ  วายะซัง  นั่งก่อนสิ”  เจ้าของร้านซึ่งเป็นชายหนุ่มอายุน้อยกว่าวายะ 2 – 3 ปีเชื้อเชิญอย่างเป็นกันเอง  เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์และสวมผ้ากันเปื้อนเหมือนกับที่วายะเคยเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน  ผมสีน้ำตาลยาวเคลียบ่ารวบไว้อย่างลวก ๆ  อิชิกาวะ  นัตสึเมะ  คือชื่อของเขา  แต่วายะถนัดที่จะเรียกเขาว่ามาสเตอร์มากกว่า

“อากาศเย็นลงมากแล้วนะ”  ผู้เป็นลูกค้าชวนคุย

“ครับ  อีกเดี๋ยวคนกวาดถนนคงได้ทำงานกันสนุกไปเลย”  นัตสึเมะพูดพลางก็มองผ่านกระจกที่กรุไว้แทนผนังออกไปนอกร้าน  พออากาศเย็นลงกว่านี้  ใบไม้สีแดงและสีทองที่เห็นอยู่นั่นจะแย่งกันร่วงลงมาคลุมถนนและทางเท้าจนแทบไม่เหลือที่ว่าง

“ดีใจที่เป็นโฮสต์ก็ตอนนี้แหละ”

“แค่ตอนนี้เหรอครับ?”  นัตสึเมะย้อนถาม  ใบหน้าแต้มรอยยิ้มกึ่ง ๆ จะล้อเลียน

“อย่างน้อยก็ไม่ต้องกวาดถนน”

“ผมคิดว่าคุณแฮปปี้ทุกคืนเสียอีก”  ว่าพลางก็กดสวิตช์เครื่องบดเมล็ดกาแฟ

“คนเรามันไม่ได้หื่นอยากมีเซ็กส์ทุกคืนหรอกนะ  มาสเตอร์...หรือว่ามาสเตอร์เป็น?”  ประโยคสุดท้ายแกล้งย้อนให้  ในขณะที่ตาก็จับจ้องไปยังผงกาแฟละเอียดที่ไหลออกมาจากเครื่องบด

“ไม่หรอกครับ  แต่ได้ยินว่าวายะซังทำงานโฮสต์มาหลายปีแล้ว  เลยคิดว่าน่าจะชอบงานนี้”  เมื่อได้ผงกาแฟในปริมาณพอเหมาะ  นัตสึเมะก็ตักมันใส่เบ้าตวงสำหรับเครื่องชงกาแฟ

“ก็ไม่ได้ลำบากอะไร  งานก็ไม่ได้ยาก  เงินก็ดี  จะว่าไปแล้ว  สบายกว่าเป็นนายแบบด้วยซ้ำ”  วายะมองมือของนัตสึเมะที่ขยับอย่างคล่องแคล่วเป็นจังหวะเหมือนการเล่นดนตรี  “ไม่ต้องรักษาหุ่น  ไม่ต้องปั้นหน้าเสียวเวลากล้องจับมา  แค่หวดให้แรง  เฆี่ยนให้หนักตามที่ลูกค้าเรียกร้องก็พอแล้ว”

“บรรยายซะอีโรติกเลยนะครับ”  นัตสึเมะยิ้ม  หยิบถ้วยกาแฟใส่เข้าไปวางไว้ใต้เครื่องชง

“มาสเตอร์น่าจะชินแล้วนะ  ได้ยินว่าเป็นเพื่อนกับคิริยูมาตั้งแต่ ม. ต้นไม่ใช่เหรอ”  โฮสต์หนุ่มหมายถึงคิริฮาระ  ยู  นายแบบ SM ระดับท็อป 5 ที่สังกัดบริษัทเดียวกันกับเขา

“ครับ  แต่เรื่องที่คิริฮาระเล่าให้ฟัง  มันก็คนละเรื่องกับที่คุณเล่า  มองผ่าน ๆ แล้วผมคิดว่าเหมือนกันนะ  แต่พอฟังรายละเอียดจริง ๆ แล้วต่างกันเยอะเหมือนกัน”  น้ำแรงดันสูงถูกผลักดันให้ไหลผ่านผงกาแฟกลั่นออกมาเป็นน้ำสีน้ำตาลเข้มหอมหวลทิ้งตัวลงสู่ถ้วยกาแฟ

“อืม...ไม่เหมือนกันหรอก  งานของฉันไม่ได้ยุ่งยากเท่าหมอนั่น”  วายะยกมือขึ้นเสยเรือนผมสีทองของตน  ขยับตัวออกจากเคาน์เตอร์ให้นัตสึเมะวางถ้วยกาแฟให้ตรงหน้า  “ว่าแต่หายหัวไปเลยนะ  เจ้านั่นน่ะ”

“ป่านนี้คงนั่งเฝ้าหน้าจอคอมรอเมลล์จากซาคากิซังอยู่ละมั้งครับ”

“อ้อ  กระต่ายที่เยอรมัน...ดันทะลึ่งส่งเขาไปเอง  แล้วทีงี้มาทำท่าจะเป็นจะตายเพราะคิดถึงแฟน...คิริยูเอ๊ย...”  หางเสียงลากยาวแสดงความสมเพชอย่างเห็นได้ชัด

“ก็เพื่ออนาคตของทั้งคู่ละนะครับ”  นัตสึเมะพูดยิ้ม ๆ  “ถึงจะคร่ำครวญยังไง  ก็ได้แค่คร่ำครวญแหละนะ  ถ่ายแบบสักรอบหรือได้เฆี่ยนใครสักยกก็หายเอง”

“หึ ๆ...นึกภาพออกเลย”  วายะหัวเราะชอบใจ  สมกับที่รู้จักคิริฮาระมานาน  นัตสึเมะมองผู้ชายคนนั้นได้ทะลุปรุโปร่งจริง ๆ

เสียงกระดิ่งที่ประตูร้านลั่นกริ๋ง  เรียกให้ผู้เป็นเจ้าของร้านหันไปทักทายแขกผู้มาเยือนอีกครั้ง

“ยินดีต้อนรับครับ...อ้าว  พูดถึงก็มาพอดีเลย  คิริฮาระ”

ผู้มาเยือนคือคนที่กำลังเป็นหัวข้อนินทาอยู่แหมบ ๆ เมื่อกี้นี้  เจ้าของเรือนผมสีแดงเป็นประกายสวมแจ็กเก็ตหนังลายเสือกับกางเกงยีนส์เข้ารูปอย่างที่ชอบใส่เป็นประจำ  หากใบหน้าค่อนข้างสวยนั้นหม่นหมองและซีดเซียว

“ไม่มีเมลล์มาเหรอ?”  นัตสึเมะถามขึ้นเมื่อเห็นอาการของเพื่อนรัก

“มี”  คิริฮาระตอบสั้น ๆ พร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้เคาน์เตอร์ข้าง ๆ วายะ

“มีแล้วทำหน้าแบบนั้นทำไม?”  ถามพลางก็บดเมล็ดกาแฟสำหรับชงให้คิริฮาระ

“มันสั้น...”  เสียงตอบงึมงำอยู่ในลำคอ

“ก็เขียนหากันแทบทุกวัน  จะให้เอาอะไรมาเขียนนักหนา  หือ?”

“แต่คราวนี้สั้นไป  สามบรรทัดเอง”  คิริฮาระว่า

“เขาเบื่อนายแล้วมั้ง”  คนขัดจังหวะคือวายะ  “อยากส่งเขาไปเยอรมันเอง  ป่านนี้ได้แฟนใหม่ไปแล้วละ”

ดวงตาคมกริบปรายมองวายะอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ  “ไม่มีทาง  คิโยะของฉันไม่นอกใจฉันหรอก  ไม่เหมือนพวกร่อนไปทั่วแบบนายนี่”

“ฉันไม่เคยนอกใจใครนะ”  วายะเถียง

“เออ  ฉันรู้  เพราะนายยังหาคนของนายเป็นตัวเป็นตนไม่ได้  อิจฉาใช่มั้ยล่ะ?  ฉันหาได้ก่อนเนี่ย  นั่งกินกาแฟไปเงียบ ๆ เลยไป”  นายแบบหนุ่มพาล

วายะยักไหล่อย่างยียวน  ไม่สนใจเสียงก่นโคตรที่ลอดริมฝีปากบางออกมาอีกชุดใหญ่  ส่วนนัตสึเมะก็เพียงแต่ยิ้ม ๆ

เมื่อ 2 ปีก่อน  ซาคากิ  คิโยฮารุซึ่งเป็นคนรักของคิริฮาระได้รับทุนไปเรียนต่อที่เยอรมัน  ในตอนนั้นคิริฮาระมีปัญหาในชีวิตไม่น้อย  แต่เจ้าตัวนั่นแหละที่ขอร้องแกมบังคับให้คิโยฮารุไปเรียนต่อ  ถึงกับยื่นคำขาดว่าถ้าคิโยฮารุไม่ยอมไปก็จะตัดสัมพันธ์กันเดี๋ยวนี้  เงื่อนไขนี้ทำให้นัตสึเมะและวายะอึ้งทีเดียว  เพราะทั้งคู่รู้ดีว่าทั้งสองคนรักกันมากแค่ไหน  ยิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมาด้วยกัน  ก็ยิ่งผูกพันจนแทบจะไม่สามารถแยกจากกันได้  การที่คิริฮาระยื่นคำขาดแบบนี้  ก็ต้องยอมรับนับถือในความเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งของเขาจริง ๆ...ถ้าเพียงแต่...จะไม่มางอแงบ่อยนักน่ะนะ

“เพิ่งเจอกันไปเมื่อหน้าร้อนนี่เองไม่ใช่เหรอ  ซาคากิซังน่ะ  ผ่านมาไม่นานเลยนะ”  นัตสึเมะว่า

“ไม่รุ  อยากเจอนี่นา”  คิริฮาระเถียงพลางยกถ้วยเอสเปรสโซที่นัตสึเมะชงให้ขึ้นมาจิบ

“ดีจังนะ  คนมีเจ้าของหัวใจเนี่ย”  วายะแกล้งเปรยขึ้น

“ก็หาเองสักคนเซ่ะ”  นายแบบหนุ่มพูดเสียงห้วน  “จะได้ไม่ต้องมาแขวะคนอื่นเขา  ฉันรู้นะว่านายเคยรังแกกระต่ายของฉัน”

“เรื่องผ่านมาตั้งชาตินึงแล้ว  อย่าขุดมาพูดเลยน่า”  วายะส่ายหน้า...เจ้าหมอนี่นิสัยบางอย่างยังกับผู้หญิง  โดยเฉพาะไอ้เรื่องชอบจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่  พูดได้เป็นฉาก ๆ อย่างกับเกิดขึ้นเมื่อวานอย่างนั้นแหละ

“นายก็เลิกพูดมากได้แล้ว  เจ้าบ้า”

วายะนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟตลอดบ่าย  จนกระทั่งได้เวลาที่ต้องเตรียมตัวไปทำงาน

“เอาละ  ต้องไปเสียที”  โฮสต์หนุ่มว่าพลางลุกจากเก้าอื้

“เออ  ไปเสียที  กาแฟถ้วยเดียวนี่กะจะนั่งจนร้านปิดเลยหรือไงก็ไม่รู้”  คิริฮาระยังคงพาล

“ของนายก็ถ้วยเดียว  ถ้วยเล็กกว่าของฉันด้วย  ยังมีหน้ามาพูดมากอีก”  วายะย้อน

“ฉันเป็นลูกค้ากิตติมศักดิ์ของร้านนี้เฟ้ย  ไสหัวไป  ไป๊!”  ไม่ว่าเปล่ายังโบกมือไล่อีกต่างหาก

“หึ...ไอ้เหมียวอันธพาล”  วายะเพียงแต่ยิ้ม ๆ  “ถ้ามันเสี้ยนนักจะไปโชว์พิเศษให้หายเสี้ยนมั้ยล่ะ?  จะได้เตรียมเวทีไว้รอ”

“ไม่โว้ย  ไปได้แล้ว  ไอ้บ้านี่!”  คิริฮาระเงื้อมืออย่างเอาเรื่อง  กะว่าถ้าวายะยังไม่ไปเสียทีเขาจะทุบให้สักเปรี้ยง

“หึ ๆ ๆ  ไปแล้ว ๆ  แล้วเจอกันนะ  มาสเตอร์  ระวังไอ้เหมียวงุ่นง่านนี่มันปล้ำเอาล่ะ”  ชายหนุ่มทิ้งท้ายก่อนจะก้าวยาว ๆ เดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็วก่อนที่คิริฮาระจะแก้แค้นได้ทัน

...

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นโฮสต์หรือผู้ชายขายบริการ  แต่หน้าที่การงานของวายะก็แตกต่างไปจากโฮสต์ที่คนทั่ว ๆ ไปรู้จัก  เขาทำงานในคลับลับเฉพาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเซ็กส์ที่ใช้ความรุนแรงหรือที่เรียกกันว่า SM  ที่ทำงานของเขาอยู่ชั้นใต้ดินของโฮสต์คลับธรรมดาที่เปิดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย  เพียงแต่เมื่อก้าวลงบันไดไป 2 – 3 ชั้น  ก็จะพบว่าโลกข้างล่างนั้นแตกต่างกับข้างบนอย่างสิ้นเชิง

ลูนาติก  คลับชั้นบนจะมีพนักงานเป็นหนุ่มน้อยวัยรุ่นหน้าตาใส ๆ  เซ็ทผมแต่งหน้าตามแฟชั่นในชุดสูทหรูหราเหมือนหลุดออกมาจากหน้านิตยสาร  ให้บริการนั่งคุยหรือเป็นเพื่อนดื่มกับลูกค้าที่เป็นหญิงสาวเสียเป็นส่วนมาก  แต่ก็มีบ้างที่จะมีผู้ชายมาใช้บริการ  ส่วนจะถูกใจกันจนซื้อตัวไปต่อที่อื่นหรือจะมีอะไรกันนั้นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนอกคลับ  หรือหากจะใช้บริการห้องพักของคลับก็ทำได้  เพียงแต่ค่าใช้จ่ายจะแพงหูดับ  จึงมีเพียงแต่สาวใหญ่เงินหนาเท่านั้นที่จะเปิดห้องพักที่ตกแต่งไว้อย่างดีสมราคา
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 15-12-2011 21:40:11
แต่ลูนาติก  คลับชั้นใต้ดินไม่ใช่  คลับใต้ดินมีที่นั่งบุนวมชั้นดีล้อมรอบด้วยม่านทึบ  ที่นั่งทั้งหมดหันหน้าไปทางเวทีที่จะมีการแสดงทางเพศที่รุนแรงเพื่อสนองความใคร่ของลูกค้าทุกค่ำคืน  ม่านที่ล้อมที่นั่งจะให้ความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้ที่ซื้อบริการจากพนักงานในคลับ  ลูกค้าสามารถกอดจูบนัวเนียหรือแม้แต่ให้พนักงานทำออรัล  เซ็กส์  (Oral sex) ให้ได้โดยไม่ต้องอายสายตาใคร  หรือถ้าใครเกิดความต้องการจนไม่สามารถระงับได้  ก็สามารถซื้อตัวโฮสต์ไปรับรองที่ห้องพิเศษที่ชั้นบนซึ่งจัดไว้สำหรับกิจกรรมทางเพศแบบ SM โดยเฉพาะได้...อาจจะเรียกได้ว่าที่นี่เป็นแหล่งขายบริการทางเพศและการแสดงโชว์ผิดกฎหมายก็ไม่ผิดนัก  ผู้ที่มาใช้บริการก็มีทั้งชายและหญิง  มีทั้งที่ชอบใช้ความรุนแรง  และชอบที่จะถูกกระทำอย่างรุนแรง  เงื่อนไขเพียงอย่างเดียวสำหรับผู้ที่จะมาใช้บริการก็คือ  ต้องเป็นสมาชิกของลูนาติก  ลัสท์เท่านั้น

วายะอยู่ในกลุ่มของโฮสต์ที่ขายความรุนแรงให้ลูกค้าหรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่าสาย S  เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก็สามารถก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งของลูนาติก  คลับได้อย่างไม่ยากเย็นนัก  ด้วยบุคลิกและลักษณะนิสัยส่วนตัว  วายะเป็นคนที่มีความดิบเถื่อนอยู่ในตัวอย่างไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมากนัก  น้ำเสียงและวิธีพูดของเขาก้าวร้าวและดุดัน  แต่กลับมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างน่าประหลาด  ดวงตาสีสนิมเหล็กมองโลกอย่างเย็นชาราวกับทุกสิ่งรอบตัวไม่มีความหมายสำหรับเขา  หากในดวงตาคู่นั้นกลับมีประกายอย่างอสรพิษร้าย  ยามสบตาใครมักจะทำให้คนคนนั้นทั้งหวั่นไหวและหวาดกลัวได้พร้อม ๆ กัน  รูปร่างของชายหนุ่มสูงใหญ่แบบคนมีเลือดผสม  ตัวเขาเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันผสมอะไรบ้าง  แต่นั่นทำให้เป็นข้อได้เปรียบกว่าโฮสต์คนอื่น  แถมเจ้าตัวยังหมั่นดูแลตัวเองเป็นอย่างดีทำให้ทั้งร่างนั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อได้สัดส่วน  ทั้งฝีไม้ลายมือและลีลาทางเพศก็แสนเร้าใจ  จนร่ำลือกันว่าหากใครได้ลองสักครั้งจะถึงกับถอนตัวไม่ขึ้น  เมื่อประกอบทุกอย่างเข้าด้วยกัน  วายะก็เป็นคนที่มีเสน่ห์ของความเป็นชายเปี่ยมล้นจนแม้แต่ผู้ชายด้วยกันก็ยังอดอิจฉาไม่ได้

แต่...แม้งานจะง่ายและเงินจะดีแค่ไหน  บางครั้งวายะก็รู้สึกเบื่อ  เขาเป็น S ออกมาจากส่วนลึกของจิตใจก็จริง  แต่การที่ต้องแสดงตนว่าตัวเองเป็น S อยู่ทุกวี่วันมันน่าเบื่อ  แม้ว่าเขาจะมีบุคลิกเถื่อน ๆ อย่างเป็นธรรมชาติจนกางเกงหนังหรือกุญแจมือที่โฮสต์สาย S คนอื่นมักจะห้อยไว้ที่เอวเพื่อแสดงบารมีจะไม่จำเป็นสำหรับเขา  แต่งานแบบนี้ก็เลือกลูกค้าไม่ได้  ถ้าบังเอิญเจอไอ้แก่อ้วนน่าเกลียดมาคลานแทบเท้าวิงวอนให้เขาเฆี่ยนเข้าวันไหน  วายะจะเซ็งต่อไปอีกหลายวัน  แต่ถึงจะเบื่อและบางครั้งก็ทำงานแบบขอไปที  ก็ยังมีลูกค้ามากมายเรียกใช้บริการเขาอย่างสม่ำเสมอทั้งชายและหญิง  คนพวกนี้ให้เงินหนัก  แต่ส่วนมากก็หน้าเดิม ๆ  ค่าตัวของวายะสูงเกินกว่าพวกหน้าใหม่จะกล้าแตะต้อง...หรือไม่อีกที  แม้จะมีเงินมากก็ยังไม่กล้าพอที่จะลิ้มลอง  ด้วยกลัวว่าความเร่าร้อนของวายะจะแผดเผาตนเองจนไหม้เป็นจุณ

ที่ผ่านมา  คนเดียวที่สามารถทำให้วายะตื่นเต้นได้เสมอก็คือคิริฮาระ  ชายหนุ่มที่เขาเป็นคนล่อลวงให้มาเข้าสังกัดและปลุกปั้นจนกลายเป็นนายแบบที่มีค่าตัวสูงยิ่งกว่าเงินเดือนของเขาทั้งเดือนเสียอีก  คิริฮาระมักจะแหกกฎของนายแบบมาเล่นสนุกกับเขาอยู่เสมอ  จนกระทั่งถูกซาคากิ  คิโยฮารุ  หนุ่มหน้าตาใสซื่อที่เป็นเพื่อนร่วมสถาบันช่วงชิงหัวใจไป  คิริฮาระก็มาหาเขาน้อยลง  หรือถ้าเจอกันที่ร้านกาแฟของนัตสึเมะ  คิริฮาระก็จะเอาแต่พูดถึงคนรักซึ่งตอนนี้อยู่ไกลถึงเยอรมันให้ฟังไม่ขาดปาก

ชายหนุ่มเคยอยากได้คิริฮาระ  แต่เขาเองที่เป็นคนสอนให้เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นอิสระ  ไม่ขึ้นกับใคร  และไม่มีวันเป็นของใคร  เขาเชื่ออย่างนั้นจนกระทั่งได้รู้ว่าคิริฮาระมอบหัวใจให้คิโยฮารุ  ผู้ซึ่งไม่ว่าจะมองอย่างไรวายะก็ไม่สามารถนิยามคนคนนั้นได้มากไปกว่ากระต่าย  กระต่ายตัวเล็ก ๆ อ่อนแอ  เปราะบาง  คงเพราะความบอบบางนั่นเองที่ทำให้คิริฮาระอยากจะปกป้อง  แต่เมื่อเวลาผ่านไป  กระต่ายน้อยในสายตาของวายะกลับพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถเข้มแข็งได้ยิ่งกว่าใคร  ในเวลาที่คิริฮาระอ่อนแอถึงขีดสุด...ดังนั้นเขาจึงปล่อยมือ

ที่จริงวายะก็รู้สึกยินดีที่เห็นคิริฮาระมีความสุข  ด้วยการเป็นคนที่เฝ้าดูคิริฮาระมาตั้งแต่แรก  เขาเข้าใจช่องว่างและปมในหัวใจของคิริฮาระในระดับหนึ่ง  มันเป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรคิริฮาระได้  นอกจากคอยเติมเต็มความต้องการในชั่วข้ามคืนหรือคอยขจัดความรู้สึกที่กัดกินหัวใจดวงนั้นให้  เมื่อมีคนมากลบช่องว่างและคลายปมนั้นออกได้  เขาก็ย่อมจะดีใจด้วยเป็นธรรมดา

แต่ลึก ๆ ในหัวใจนั้น  วายะรู้สึกได้...ความรู้สึกดำมืดบางอย่างก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ...ความรู้สึกของคนที่ถูกช่วงชิงสิ่งที่เคยเป็นของตนไป

แม้ชายหนุ่มจะรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนที่รู้จักคิริฮาระดีกว่าใคร  แต่เขาเชื่อว่าในส่วนที่เขารู้นั้น  ไม่มีใครรู้  เขาคอยประคับประคองคิริฮาระมาตลอดในส่วนที่ไม่มีใครทำได้แม้แต่เพื่อนรักอย่างนัตสึเมะ  ทุกครั้งที่คิริฮาระมาหา  เขาพร้อมที่จะอ้าแขนรับและทำตามคำขอของคิริฮาระทุกอย่างโดยไม่ถามถึงเหตุผล  เพราะในตอนนั้น  คิริฮาระเป็นของเขา...ของเขาคนเดียวเท่านั้น

แต่ตอนนี้คิริฮาระเป็นของคนอื่น...ทั้งตัวและหัวใจ...ตัวเขาไม่มีความหมายกับคิริฮาระอีกต่อไป  มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด  เป็นความรู้สึกที่เขาได้ลิ้มรสมันครั้งแล้วครั้งเล่า...คนที่เขาต้องการ  ไม่เคยเป็นของเขาจริง ๆ...ไม่ว่าจะตอนนี้หรือเมื่อก่อน...ไม่ว่าจะเป็นคิริฮาระ...หรือใครอีกคนที่เขาทิ้งไว้ในอดีต

ไม่เคยมีใครเป็นของเขา

...

โฮสต์หนุ่มเดินขึ้นบันไดหนีไฟไปยังทางออกที่นำไปสู่ซอยเล็ก ๆ ด้านหลังลูนาติก  คลับ  จุดบุหรี่อัดควันเข้าปอดก่อนจะค่อย ๆ พ่นออกมาช้า ๆ  ควันบุหรี่สีเทาลอยอ้อยอิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงได้ถูกสายลมเย็น ๆ ของฤดูใบไม้ร่วงพัดกระจายไป

วายะเพิ่งเสร็จจากการรับรองลูกค้ารายหนึ่งเมื่อครู่นี้เอง  เขาเฆี่ยนอย่างไร้อารมณ์  แต่แม่สาวนั่นก็ดันชอบเสียอีก  เงื่อนไขการใช้บริการของเธอไม่ได้ต้องการเซ็กส์  เพียงแค่เฆี่ยนและทรมานเธอเท่านั้นก็พอแล้ว  เขาก็เลยทำให้ตามที่เธอต้องการอย่างแกน ๆ  กระนั้นเจ้าหล่อนก็ปริ่มสุขไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

บางที  มันคงเป็นพรสวรรค์จริง ๆ ละมั้ง...วายะมองมือตัวเองแล้วคิดแบบนั้น  ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจที่มีความสามารถอันเปี่ยมบาปนี้ติดตัว  แต่เอาเถอะ...อย่างน้อยก็ได้เงิน

ได้เงินแล้วไง?...ชายหนุ่มถามตัวเอง  แต่ก็ไม่มีคำตอบ  เงินที่ได้มาไม่อาจให้ในสิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ ได้  แล้วเขาต้องการอะไร...คำถามนี้ตอบไม่ยาก  วายะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว  เพียงแต่ไม่เคยพูดออกมา  ยิ่งถ้าพูดให้คิริฮาระได้ยินมีหวังถูกหัวเราะเยาะไปจนถึงโลกหน้า

แต่มันจะแปลกตรงไหน  ถ้าคนอย่างเขาจะอยากได้ใครสักคนที่เป็นของเขาจริง ๆ

เป็นของเขาเพียงคนเดียว  และจะไม่ไปเป็นของใครอีก


เป็นของเขา...ทั้งตัว...และหัวใจ...


โฮสต์หนุ่มดีดก้นบุหรี่ทิ้งราวกับจะดีดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไปพร้อมกับมัน

...อิจฉาใช่มั้ยล่ะ?...ถ้อยคำของคิริฮาระเมื่อกลางวันยังก้องอยู่ในหู  เออ...เขาอิจฉา  แต่มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องพูดออกมาด้วย  ขืนให้ท้ายมาก ๆ คิริฮาระก็เหลิงเสียเท่านั้น  แค่นี้ก็นิสัยเสียกว่าตอนที่เจอกันใหม่ ๆ ไม่รู้เท่าไรแล้ว

อย่ากระนั้นเลย  กลับลงไปที่คลับแล้วหาลูกค้าอีกสักคนดีกว่า  ถ้าได้คนแบบต้องการเซ็กส์ก็ดี  ได้ออกแรงมาก ๆ ก็หายฟุ้งซ่านเองแหละ

ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเดินกลับเข้าไปในคลับ  พลันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งอย่างรวดเร็วเข้ามาในซอย...ใครมันมาวิ่งเล่นแถวนี้ในเวลาแบบนี้...เขาหันไปดู  ก่อนจะปะทะโครมเข้ากับร่างเล็ก ๆ ที่พุ่งเข้ามาเหมือนไม่ทันเห็นเขา  ถึงจะไม่ทันตั้งตัวแต่วายะก็รับร่างนั้นไว้ได้ด้วยขนาดตัวที่ต่างกันมาก  ฝ่ายนั้นคงรู้สึกเหมือนวิ่งชนกำแพงเลยทีเดียว

“ถอยไปนะ!!”  เสียงใส ๆ แหวขึ้น  ไม่ขอโทษแม้สักคำ

“ถอยบ้าอะไร  วิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือเอง”  โฮสต์หนุ่มสวนเข้าให้  สองมือยังจับไหล่เล็ก ๆ นั้นไว้

“ปัดโธ่!  ไอ้บ้านี่...ถอยไป!”  เจ้ารถไฟหัวกระสุนขี้โวยวายสะบัดตัวออกจากการจับกุมของวายะ

ตอนแรกวายะคิดว่านี่คงเป็นสาวบริการที่ไหนสักแห่งที่พยายามหนีจากขี้เมาสักคนมา  แต่เมื่อเห็นชัด ๆ ก็พบว่าคนที่วิ่งเข้ามาชนเขาเป็นเพียงเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ที่เสียงยังไม่แตกพานดีด้วยซ้ำ  จากอาการปัดป้องและเสียงที่ตะโกนอยู่ลั่น ๆ บอกได้ว่าคงเอาเรื่องไม่น้อย

วายะไม่ชอบเด็กแบบนี้เท่าไรนัก  และเพราะไม่ชอบ  ถึงได้อยากแกล้งขึ้นมา

“หนีใครมา  สารวัตรนักเรียนหรือพวกหัวงูขี้เมา?”  ชายหนุ่มแกล้งไม่ยอมปล่อยมือ

“จะหนีใครมาก็ไม่ใช่เรื่องของนาย  ปล่อยนะ!”  หนุ่มน้อยยังพยายามดิ้นให้หลุด

“อาการแบบนี้  ทำความผิดมาละสิ”  วายะพูดเรื่อย ๆ  แต่ดวงตามีประกายซุกซน

“บอกว่าไม่เกี่ยวกับนาย  ไอ้บ้านี่!!”

โฮสต์หนุ่มกำลังคิดว่าจะแกล้งอีกแค่นิดหน่อยแล้วจะปล่อยไปอยู่แล้ว  แต่ก็มีเสียงคุ้นเคยดังขึ้น

“เฮ้ย!  วายะ  พอดีเลย  จับไอ้หนูนั่นไว้นะ!”

วายะหันไปมองที่มาของเสียง  แล้วก็พบโทคิโตะผู้เป็นเพื่อนร่วมอาชีพกำลังวิ่งตรงเข้ามา  ถึงตอนนี้  ไอ้ตัวเล็กที่เขาจับเอาไว้ก็ออกแรงเตะถีบเป็นพัลวัน  แต่ชายหนุ่มเพียงแค่จิกนิ้วกดลงตรงเหนือกระดูกไหปลาร้าหนัก ๆ เจ้าตัวร้ายก็สะดุ้งขึ้นทั้งตัวและหยุดดิ้นรนทันที...ก็แค่เทคนิคเล็กน้อยที่ใช้ในการหยุดคู่ต่อสู้เท่านั้นเอง

“อะไรเหรอ  โทคิโตะ?”  วายะหันไปถามเพื่อนร่วมงาน

“ไอ้เด็กบ้านี่มันล้วงกระเป๋าฉัน”  โทคิโตะก้าวอาด ๆ เข้ามาหา  หน้าตาดูขุ่นเคืองอย่างไม่เก็บอาการ

“เปล่านะ!”  หนุ่มน้อยเถียงเสียงดัง

“เปล่า?  แล้วไอ้ในมือแกนั่นมันอะไร  หา?”  โทคิโตะตะคอกพร้อมกับเงื้อมือหมายจะตบให้สักฉาด

ในตอนนั้นวายะถึงได้เห็นกระเป๋าเงินใบหนึ่งในมือเด็กหนุ่ม  มันเป็นกระเป๋าที่โทคิโตะเพิ่งเอามาอวดให้เขาดูเมื่อไม่นานมานี้เองแถมยังคุยว่าสั่งทำเป็นพิเศษเสียด้วย  ดังนั้นเขาจึงจำได้ดี...หลักฐานคามือแบบนี้ต่อให้ปฏิเสธอย่างไรก็ไม่พ้นข้อหาไปได้หรอก
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 15-12-2011 21:48:07
“มันหล่น  ฉันก็แค่เก็บขึ้นมา”  ไอ้ตัวเล็กแถ

“หล่นพ่อมึง!  ล้วงไปจากกางเกงกูเห็น ๆ ยังจะมาเถียงอีก”  คราวนี้ร่างสูงไม่แค่เงื้อ  แต่ตบเปรี้ยงจนหัวคะมำ  นี่ถ้าวายะไม่จับเอาไว้เจ้าเด็กนั่นคงลงไปกองกับพื้นแล้ว

“เจ็บ!!  ไอ้เบื๊อกนี่!  ไอ้คนเฮงซวย  ดีแต่ใช้กำลัง  เสื่อมสมรรถภาพ!!”  ตอนแรกวายะนึกเป็นห่วงที่เห็นโทคิโตะตบเต็มแรงแบบนั้น  แต่ฟังจากเสียงแจ้ว ๆ นี่คงไม่มีปัญหาอะไรละมั้ง

“เสื่อมเรอะ...มาลองดูเลยมั้ย  จะได้รู้ว่าเสื่อมไม่เสื่อม”  โฮสต์หนุ่มทำท่าจะรูดซิปกางเกงเสียด้วยซ้ำ

“เฮ้ย...พอทีน่า  ทั้งคู่แหละ”  วายะปราม  เกือบจะยิ้มออกมาด้วยซ้ำเมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานลดตัวลงไปทะเลาะกับเด็กเสียเป็นจริงเป็นจัง  “ไอ้เปี๊ยก  เอากระเป๋าคืนเขาไปซะ  ถ้าล้วงเงินออกมาแล้วก็คืนเงินไปด้วย”

“ไม่ใช่ไอ้เปี๊ยกนะ!!”  เด็กหนุ่มหันมาจ้องหน้าวายะอย่างเอาเรื่อง  ดูท่าคำที่วายะพูดไปจะเป็นคำต้องห้ามสำหรับเจ้าเด็กนี่สินะ

“ไอ้ตัวเล็ก”  วายะเปลี่ยนสรรพนามให้  “คืนเขาไปซะ”

“ไม่ใช่ไอ้ตัวเล็กนะ!  ไอ้ยักษ์ปักหลั่น  ไอ้วัวบ้า!!”

ปากเสียจนวายะนึกอยากจะช่วยโทคิโตะตบสักฉาด  แต่ถึงจะทำแบบนั้น  เด็กพรรค์นี้ก็คงไม่พูดดีขึ้นมาได้หรอก  วายะเพียงแต่จ้องตาเด็กหนุ่มนิ่ง ๆ แล้วพูดเบา ๆ  ไม่มีรอยยิ้มในสีหน้าอีกต่อไป

“คืนกระเป๋าให้โทคิโตะซะ”

เด็กหนุ่มหน้าซีดเผือด  ดูท่าทางเจ้าตัวจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากำลังหาเรื่องผิดคน  ผู้ชายสองคนนี้ตัวใหญ่กว่าเขาเยอะ  แถมยังดูไม่ใช่คนที่จะทะนุถนอมออมมือให้เด็กแบบเขาเสียด้วย  คิ้วเรียวขมวดมุ่น  ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น  ก่อนจะหันไปขว้างกระเป๋าเงินใส่โทคิโตะอย่างเสียมิได้

โฮสต์หนุ่มรับกระเป๋าของตัวเองไว้ได้อย่างสวยงามแล้วเปิดออกมานับจำนวนเงิน  “ก็แค่นั้น”

เห็นแบบนั้น  วายะก็ปล่อยไหล่เล็ก ๆ ที่จับไว้แน่นออก  พวกเขาไม่ค่อยจะมีเรื่องกับใครอยู่แล้ว  พวกเขามาที่นี่เพื่อทำงาน  ไม่ใช่เอาแรงที่ควรจะใช้ในหน้าที่การงานไปเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง  ถ้าเรื่องไหนสามารถทำให้มันจบได้ด้วยการข่มขู่เพียงเล็กน้อย  ก็จะให้มันจบเพียงแค่นั้น  มีแค่ครั้งหรือสองครั้งที่จะมีเหตุถึงขั้นที่คนอื่น ๆ เรียกว่า  “ยกพวกตีกัน”  เกิดขึ้น  อย่างไรเสีย  ขึ้นชื่อว่าโฮสต์แล้ว  จะเป็นโฮสต์ธรรมดาหรือโฮสต์สายพิเศษแบบพวกเขา  ก็ต้องรักษาหน้าตาให้ดูดีไว้ก่อนอยู่แล้ว  คงไม่มีใครอยากซื้อบริการโฮสต์ที่ปากแตกหรือตาปูดเพราะไปทะเลาะกับใครมาหรอก

“จำไว้  ไอ้หนู  ไปฝึกมือกับพวกมนุษย์เงินเดือนขี้เมาโง่ ๆ นั่นให้เก่งเสียก่อน  แล้วค่อยมาล้วงกระเป๋าพวกฉัน”  โทคิโตะเอานิ้วจิ้มหน้าผากเจ้าหัวขโมยตัวเล็กถี่ ๆ พร้อมกับเน้นคำพูดทีละคำ  เสร็จแล้วก็หัวเราะเสียงดังอย่างสะใจ  เดินหายเข้าร้านไป

วายะหัวเราะออกมาเบา ๆ  โทคิโตะก็เป็นคนแบบนี้  โกรธง่ายหายเร็ว  แต่ถ้าของขึ้นแล้วจะเรื่องบ้าระห่ำแค่ไหนก็ทำได้  ดูอย่างเมื่อกี้ที่ทำท่าจะรูดซิปกางเกงเพื่อปล้ำเจ้าหนูนี่ก็ได้...คนดี ๆ ที่ไหนเขาจะรีบร้อนทำแบบนั้นกัน

“หัวเราะบ้าอะไรเล่า!”  ไอ้ตัวเล็กหันมาแว้ดใส่วายะ  “ถ้านายไม่เกะกะนะ  ป่านนี้ไอ้บ้านั่นก็จับฉันไม่ได้แล้ว”

“โทษตัวเองที่วิ่งไม่ดูทางมาชนฉันดีกว่านะ”  วายะเคาะบุหรี่ออกจากซอง  ใส่ปากคาบไว้แล้วจุดสูบ  ทำเป็นมองไม่เห็นความเกรี้ยวกราดของเด็กหนุ่ม

“ฉันดูทางแล้ว  แต่นายเกะกะ  ตัวใหญ่เกะกะ!”

“อิจฉาเรอะ  ไอ้เปี๊ยก?”  วายะปรายตามองพร้อมกับกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างยียวน

“อิจฉาบ้าอะไรเล่า!  ไอ้ควายไบซัน!!”  ไม่โวยเปล่า  แต่ยังกระทืบเท้าลงบนหลังเท้าของวายะอีกด้วย  แต่เพราะชายหนุ่มใส่รองเท้าหนังหัวเหล็ก  จึงไม่สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย

โฮสต์หนุ่มนึกแปลกใจนิดหน่อยว่าปากเล็ก ๆ นั่นมันเที่ยวไปสรรหาคำด่าจากไหนมาใช้นัก  ถ้ายังปล่อยให้ด่าต่อไปอีก  เด็กนี่จะย้อนชาติตระกูลเขาไปจนถึงยุคไดโนเสาร์เลยไหมนะ  อย่ากระนั้นเลย...ไล่ไปให้พ้น ๆ เร็ว ๆ ดีกว่า  ยังไงเสียแถวนี้ก็ไม่ใช่ที่ที่เด็กอายุเท่า ๆ เจ้าหนูนี่ควรจะมาเตร็ดเตร่อยู่ในเวลาแบบนี้

“ไอ้หนู  กลับบ้านไปกินนมนอนได้แล้วไป”

ชายหนุ่มพูดพลางเอามือยันหน้าเด็กหนุ่มเบา ๆ  แต่คนตัวเล็กกว่าถึงกับถอยไป 2 – 3 ก้าว  ตรงนั้นมีแสงไฟพอดี  ทำให้วายะเพิ่งจะได้เห็นหน้าคู่กรณีตัวเล็กชัด ๆ เป็นครั้งแรก


หัวใจเหมือนจะหยุดเต้นไปในพริบตานั้น


ภาพความทรงจำเก่า ๆ...ภาพใบหน้าของใครบางคนผุดขึ้นมาในหัว  ใครคนนั้น...ที่เขาไม่เคยลืมแม้ชั่วลมหายใจ  คนที่เขาทิ้งไว้ที่บ้านเกิด...

เด็กหนุ่มตรงหน้าวายะน่าจะยังอายุไม่ถึง 15 เสียด้วยซ้ำ  ร่างเล็ก ๆ นั้นยังเป็นแค่เด็กชายในสายตาของเขา  ใบหน้ารูปหัวใจหากมีแก้มนิดหน่อยทำให้ดูค่อนข้างกลม  ริมฝีปากอิ่มที่พ่นคำผรุสวาทไม่หยุดอยู่เมื่อครู่  ตอนนี้เม้มแน่นอย่างขัดเคือง  ดวงตากลมสีดำขลับจ้องเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ  ผมที่ดูนุ่มมือไว้ยาวปรกหน้าและซอยไล่เลี้ยงรากไทรด้านหลังยาวเลยบ่าเป็นสีเดียวกับดวงตา  เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายดูปราดเดียวก็รู้ว่าหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่นสไตล์พังค์ทั้งกระบิ  ถ้าดูจากอายุและลักษณะท่าทางภายนอกแล้ว...เด็กนี่คงเป็นวายร้ายคนหนึ่งของโรงเรียนเลยทีเดียว

แม้จะบอกว่าเหมือนคนในความทรงจำจนน่าใจหาย  แต่บรรยากาศนั้นผิดกันโดยสิ้นเชิง  หากดวงตาสีดำคู่นั้นดูคุ้นเคย  แววตาดื้อดึงที่ไม่ยอมลงให้ใครนั้น  เหมือนกับคิริฮาระไม่มีผิด

...ไม่ใช่หรอก...วายะบอกกับตัวพลางสะบัดหน้าแรง ๆ เหมือนจะไล่ภาพนั้นให้พ้นไปจากสมอง  ก่อนจะจ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง

“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เด็ก ม. ต้นจะมาเพ่นพ่านในเวลาแบบนี้หรอกนะ  กลับบ้านไปซะ”

“พูดมาก!  ฉันไม่อยากให้ผู้ชายขายตัวอย่างนายมาสั่งสอนฉันหรอกนะ”  เด็กหนุ่มรู้ดีว่าผู้ชายที่ทำงานแถวนี้ส่วนมากก็โฮสต์ทั้งนั้น  แล้วโฮสต์จะทำหน้าที่แบบไหนล่ะ...ถึงจะเรียกให้ดูดีว่างานบริการแต่เอาเข้าจริงแล้วก็แค่อาชีพที่เอาร่างกายเข้าแลกกับเงินเหมือนพวกโสเภณีผู้หญิงนั่นแหละ

“อ้อ...งั้นเรอะ  ไม่อยากให้ฉันสอน...”  ร่างสูงพ่นควันบุหรี่ให้กระจายไปในอากาศ  “ก็รีบไสหัวไปเร็ว ๆ  แล้วไม่ต้องมาแถวนี้อีก  เพราะครั้งหน้า...นายอาจจะโดนสอนเรื่องอื่น...ที่ยิ่งกว่านี้”

น้ำเสียงเรียบ ๆ หากคำพูดกินนัยเกินกว่าสิ่งที่พูดไปมากนัก  และมันก็บาดหูเจ้าหนูสิ้นดี  เด็กหนุ่มกำหมัดทุบอั้กเข้าที่อกกว้างเต็มแรง  วายะสะดุ้งนิดหน่อย  แต่น้ำหนักหมัดของไอ้ตัวเล็กไม่ระคายผิวเขาเท่าไรนัก  เพียงแค่ยื่นมือไปยันหน้าผากเอาไว้เด็กหนุ่มก็ทำอะไรเขาไม่ได้แล้ว  ด้วยช่วงแขนที่ยาวต่างกันเกินไป

เจ้าหนูแผดเสียงด่าทอด้วยความโกรธเคือง  แต่ก็ยังทำอะไรชายหนุ่มไม่ได้  แถมฝ่ายนั้นยังหัวเราะเรื่อย ๆ อย่างกวนอารมณ์เสียอีก  ยิ่งทำให้ปรอทความโกรธในหัวมันพุ่งทะลุเกินขีดจำกัด

เด็กหนุ่มผละถอยออกมา  ใบหน้าแดงก่ำ  หายใจหอบด้วยทั้งเหนื่อยและโกรธ  และโดยที่ไม่มีใครคาดคิด  เขาถอดรองเท้าขว้างใส่วายะ

รองเท้ากึ่งบู้ทข้างนั้นลอยไปกระทบอกของวายะถนัดถนี่  ส่วนประดับของมันเกี่ยวดึงห่วงเงินเล็ก ๆ ที่ชายหนุ่มเจาะร้อยไว้ที่หัวนมหลุด  เลือดไหลซึมออกมาทันที

“เฮอะ!  น่าจะโดนหน้านะ”  หนุ่มน้อยทำเสียงเยาะหยันพร้อมกับยิ้มกว้างที่สามารถเอาคืนได้

แล้วรอยยิ้มนั้นก็เลือนหายไปอย่างฉับพลันเมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองมา  วายะไม่ได้มองเขาเหมือนแมวซน ๆ ที่จ้องจะเล่นกับหนูอีกแล้ว  หากแววตาคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยไฟโทสะที่โหมไหม้  จ้องมองเขาราวกับงูสะกดเหยื่อ...ใช่...เป็นแบบนั้น  เด็กหนุ่มสะท้านไปทั้งร่าง  รู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็น ๆ ที่ไหลผ่านกลางหลังทั้งที่อากาศเกือบจะหนาวเสียด้วยซ้ำ  สองขาเหมือนถูกตรึงแน่นกับที่ไม่สามารถหนีไปไหนได้แม้จะเห็นว่าร่างสูงเดินเข้ามาใกล้

มือใหญ่สะบัดตบหน้าเด็กหนุ่มเต็มแรงจนถลาไปกระแทกกำแพง  ก่อนจะตามเข้าไปดึงร่างที่ทรุดกองอยู่กับพื้นให้ลุกขึ้นแล้วตบซ้ำอีกครั้ง

จะด่าทออะไรเขาก็ไม่ว่าหรอก  คนอย่างเขาถูกด่ามาเสียจนชาชินแล้ว  แต่การขว้างด้วยรองเท้านี่มันมากไป...มันแสดงความหยามหมิ่นกันเกินไป  แล้วยิ่งคนขว้างเป็นเด็กอายุเพียงเท่านี้  ถ้ายังปล่อยให้มันทำนิสัยเสีย ๆ แบบนี้เรื่อยไป  โตขึ้นไปมันจะเลวร้ายสักแค่ไหน

“แกมีอำนาจอะไร  ถึงจะมาดูถูกคนอื่นถึงขั้นนี้ได้?  แกมีดีอะไร  ถึงได้กล้าขว้างรองเท้าใส่ฉัน”  น้ำเสียงของวายะแข็งกร้าวเสียยิ่งกว่าตอนใช้กับลูกค้าที่ต้องการบทรุนแรงที่สุด  มือแข็งราวกับคีมเหล็กจับแขนเล็ก ๆ ไว้แน่นบังคับไม่ให้ทรุดลงไปกับพื้นอีก  “แกคงคิดว่าตัวเองแน่มากใช่มั้ย  ที่กล้ามาเดินแถวนี้ในเวลาแบบนี้  แน่มาก...ที่กล้าล้วงกระเป๋าคนที่ดูน่ากลัวอย่างโทคิโตะ  แกคิดว่าแกเจ๋ง  แกเก่ง...แต่ฉันจะสอนให้แกรู้  ว่าแกไม่ได้มีอะไรเลย  แกมันก็แค่เด็กที่หลงตัวเองที่ไม่มีน้ำยาอะไร  เป็นได้แค่สัตว์เลี้ยงในกรงของฉันเท่านั้น!”

ใช่...มีแค่หน้าตาเท่านั้นที่เหมือน  แต่นอกนั้นไม่ใช่เลย  และวายะไม่ชอบใจที่จะให้ใครสักคนทำเรื่องเลว ๆ ด้วยใบหน้าแบบนั้น  ใครคนนั้นของเขาไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้

“ไหนล่ะ?  มองฉันแบบเมื่อกี้อีกสิ  เมื่อกี้แกอยากจะฆ่าฉันไม่ใช่เหรอ  ตาของแกมันฟ้อง...มองฉันแบบนั้นอีกสิ”  วายะช้อนปลายคางของเด็กหนุ่มขึ้นบังคับให้มองหน้าเขา

แต่ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว  ร่างทั้งร่างสั่นน้อย ๆ อย่างหวาดผวา  ความเจ็บปวดที่ได้รับเมื่อครู่ทำให้สมองมึนชา...ไม่เคยมีใครลงไม้ลงมือกับเขาแบบนี้มาก่อน  แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่เคย  แต่ผู้ชายตรงหน้านี้ไม่ยั้งมือให้เขาเลย  ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเขาจะยังเด็กหรือตัวเล็กกว่าแค่ไหน  ผู้ชายคนนี้จะฆ่าเขาเมื่อไรก็ได้ถ้าต้องการ...เขาต้องตายแน่...ไม่เอานะ  เขายังไม่อยากตาย...

วายะเห็นหยาดน้ำตาแห่งความหวาดกลัวค่อย ๆ ไหลรินออกมาจากดวงตาของเด็กหนุ่ม  ทั้ง ๆ ที่เหมือนใครคนนั้นของเขาและคิริฮาระมากถึงขนาดนี้  แต่กลับไม่เหมือนเลยสักนิด...ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดอย่างหาสาเหตุไม่ได้  หงุดหงิดมากจนระงับอารมณ์ไม่ได้  กำปั้นลุ่น ๆ อัดเข้าที่ลิ้นปี่ของเด็กหนุ่มเคราะห์ร้ายเต็มแรง  เจ้าตัวเล็กสำลักอากาศเฮือกหนึ่งก่อนจะหมดสติวูบไป

โฮสต์หนุ่มช้อนร่างนั้นขึ้นพาดบ่า  บางที...การมีสัตว์เลี้ยงให้ฝึกสอนสักตัว  อาจจะทำให้เขาลืมความเบื่อและความหงุดหงิดที่คอยรังควานชีวิตอยู่ในตอนนี้ได้กระมัง...




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 15-12-2011 22:12:20
ไม่น่าเลยเด็กน้อยยยย
ถ้าไม่เขวี้ยงรองเท้าใส่เค้า อาจจะไม่เจ็บตัวก้ได้
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: MM ที่ 15-12-2011 22:39:58
 :z13:  :z13: อ่านแล้วอยากอ่านต่ออ่ะ ...
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 15-12-2011 22:52:59
เอ่อ ที่โดนขังนั่น ไม่ใช่โดนลักพาตัว. แต่เป็นโดนวายะขังเหรอเนี่ย

แต่ยังไงก็.  :z2: ดีใจจังที่วายะมีเรื่องเป็นของตัวเอง แอบถูกใจตัวนี้ตั้งแต่เรื่องที่แล้วละ งวดนี้ออกมาอาละวาดเต็มที่เลยนะ

ขอเม้าส์เรื่องที่แล้วหน่อยนะ
เรื่องที่แล้ว ภาษา อารมณ์ พล็อตนี่. เราชอบมากๆเลย. เพราะว่า. เราหาเรื่องแนวนี้อ่านได้ยากมากๆ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า. เอ. เรื่องนี้เราเคยเห็นในงานนิยายนี่นา. ตอนนั้นไม่คิดว่าจะสนุกขนาดนี้เลยไม่ได้ซื้อ
ส่วนตอนนี้เราจะซื้อดีรึเปล่า เราก็ยังลังเล เพราะว่า เราไม่ชอบแนวที่ตัวเอกเรามีอะไรกับหลายๆคน แล้วเรื่องอาคนนั้น กับยูจังนี่ เอ่อ  o22เรา...รับไม่ได้อ่ะ
แต่ก็ยังลังเลอีกรอบ อืม แต่ ตัวเอกเจาะนะ ชอบไม่ใช่เหรอ มัดด้วยนะ. เอาไงๆ

สรุปว่าเราขอเวลาไปคิดๆดูก่อนดีกว่า จะหยิบมาอ่านก็กลัวๆ จะไม่เอาก็กลัวคิดถึงวันหลัง. ค่อยๆคิดไปดีกว่า :เฮ้อ:

ปล. คนเขียนออกมาคุยเล่นกันมั้งก็ดีนะคะ
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 16-12-2011 00:33:13
หน้าเหมือนแล่้วใช่ไม๊อ่ะ
ไอย่ะ
รอคำเฉลย

ว่าแต่หนูโทโมะเนีี่ย
ไปกระตุกหนวดเสือเข้าจิงๆเลยเน้อ....
ฮิฮิ
อยากอ่านตอนต่อไป อยากเห็นวายะลงโทษเด็กน้อยยยย
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 16-12-2011 02:48:33
เราว่าเนื้อเรื่องเจ๋งตั้งแต่เรื่องที่แล้วแล้วนะ แต่อันนี้ฮาร์ดขึ้นมาอีกขั้น
แต่พอเห็นปกcome closerแล้ว....


เราอยากฉีกทิ้งแล้วทำใหม่ชะมัด
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: MadamLilac ที่ 16-12-2011 15:01:01
มาลงชื่อเพื่อบอกว่า "รวมเล่มอย่าลืมบอกกันนะจ๊ะ"
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 16-12-2011 15:26:24
รักซาดิสแต้ๆ :-[
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 16-12-2011 17:01:26
เด็กน้อยเอ๋ย เจ้าจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ???????
รอตอนต่อไปฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 16-12-2011 19:11:06
ไปทำวายะเขาเองนี่... o18
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 16-12-2011 20:09:20
อ้างถึง
เราว่าเนื้อเรื่องเจ๋งตั้งแต่เรื่องที่แล้วแล้วนะ แต่อันนี้ฮาร์ดขึ้นมาอีกขั้น
แต่พอเห็นปกcome closerแล้ว....


เราอยากฉีกทิ้งแล้วทำใหม่ชะมัด

ฉีกทิ้งเลยเหรอครับ ผมวาดเองหมดเลยนะครับนั่น...(เสียใจ...)

ปล. คนเขียนออกมาคุยเล่นกันมั้งก็ดีนะคะ

คุยเรื่องอะไรดีล่ะครับ ผมไม่ค่อยถนัดน่ะครับ แต่ถ้าชวนผมคุยผมก็คุยนะครับ ลองชวนคุยมาสิครับ
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 16-12-2011 21:38:29
ชอบเรื่องแนวนี้จังเลยค่ะ!
ภาษาดี บรรยายดี เนื้อเรื่องก็ดี สนุกมากๆเลย ถูกใจสุดๆ  :-[
แต่ว่าแอบสมน้ำหน้าเด็กนั่นนิดหน่อยนะเนี่ย ซ่าเกิน โดนดัดนิสัยซะบ้างก็ดี
รอต่อนะคะ!

ปล. +เป็ดให้ค่า
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 16-12-2011 22:55:58
มาต่อให้อยากแล้วจากไป

ค้างๆๆๆๆๆๆ

อ๊ายยย >.< วายะ
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 17-12-2011 01:24:56
เอาแล้วไง..ค้างตามๆกัน
อ่อยยยย
โทโมะโดนวายะขู่เพราะความเฟี้ยวของตัวเองตอนเด็กป่ะเนี่ย?
สมควรๆ 55555555


 o13 o13
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: nopnom ที่ 17-12-2011 21:29:33
ชอบมากๆๆๆ!!!อ่ะ o13
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 18-12-2011 00:47:47
พรึบ!
เข้ามาปูเสื่อนอนรอ
ไม่ได้กดดันนะ แค่อยากให้รู้ว่านอนรอ  :t3: :t3:
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 18-12-2011 22:26:45
พรึบ!
เข้ามาปูเสื่อนอนรอ
ไม่ได้กดดันนะ แค่อยากให้รู้ว่านอนรอ  :t3: :t3:

นอนรอไปก่อนนะครับ อาทิตย์หน้าเจอกัน
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 21-12-2011 02:19:37
อร๊าคคคคค   


อยากอ่านนนน

ไม่ไหวแล้วววว เอิ๊คคค
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 22-12-2011 20:32:00
All I want # 3

เพดานห้องที่กรุด้วยวัสดุประเภทไฟเบอร์พื้นผิวขรุขระคือภาพแรกที่ปรากฏสู่สายตาของร่างเล็กที่ปรอยปรือขึ้นอย่างมึนงง  เป็นเพดานห้องที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  จะมีใครทำเพดานด้วยวัสดุแปลกประหลาดแบบนั้นนอกจากพวกห้องซ้อมดนตรีกันนะ...หรือว่าเขาจะเผลอหลับไปตอนมานั่งดูเพื่อนซ้อมดนตรีกัน

ดวงตากลมกวาดไล่ลงมาตามผนัง  ทั้งหมดกรุด้วยวัสดุแบบเดียวกับบนเพดานทั้งสิ้น...เขาคงจะหลับไปในห้องซ้อมจริง ๆ สินะ...คิดแล้วก็ค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้น  หากพื้นที่ข้างตัวกลับยุบยวบลงอย่างอ่อนนุ่มแทนที่จะเป็นพื้นปูพรมแข็ง ๆ ของห้องซ้อมดนตรีที่เขาคุ้นเคย

เด็กหนุ่มก้มลงดูแล้วพบตัวเองอยู่บนเตียงควีนไซส์ที่ปูด้วยผ้าปูที่นอนสีน้ำเงินเข้ม  นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเขา  และไม่ใช่ของเพื่อนคนไหนที่เขาเคยไปค้างด้วยทั้งนั้น  ไม่มีเพื่อนคนไหนร่ำรวยขนาดมีเตียงควีนไซส์อยู่ในห้องนอนหรอก...แล้วที่นี่ที่ไหน!?

ร่างเล็กผุดลุกขึ้นนั่งแล้วเหลียวมองไปรอบ ๆ  ห้องนั้นไม่ใหญ่นัก  ทั้งห้องเป็นผนังทึบตันไม่มีหน้าต่าง  มีเพียงเครื่องปรับอากาศเครื่องหนึ่งติดตั้งอยู่เหนือเตียงนอนกับกระจกบานใหญ่บานหนึ่งเท่านั้น  ผนังทุกด้านรวมไปถึงเพดานกรุด้วยไฟเบอร์ซับเสียงทั้งหมด  สลัวรัวรางด้วยแสงจากเทียนหลายแท่งที่จุดไว้บนชั้นข้างประตู

...นี่มันเกิดอะไรขึ้น...เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้า  เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ในที่แบบนี้ได้...ใจเย็น ๆ  ค่อย ๆ คิดสิ...คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อพยายามทบทวนความทรงจำ

“อ้อ  รู้สึกตัวแล้วเรอะ?”  เสียงห้าวทุ้มของใครบางคนดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตู

เด็กหนุ่มรีบเงยหน้าขึ้นมอง  ทันทีที่เห็นเจ้าของเสียงชัด  ความทรงจำก็หวนคืนมา

“...แก...!!”  ร่างเล็กลุกพรวดพราดขึ้น  แต่แล้วก็คู้ตัวลงไปอย่างเดิมเมื่อรู้สึกเจ็บเสียดขึ้นมาที่บริเวณหน้าท้อง  ส่งเสียงครางออกมาอย่างลืมตัว

“พ่อแม่แกสอนให้เรียกคนที่เพิ่งเจอหน้ากันว่าแกหรือไง  ไอ้หนู”  ร่างสูงใหญ่เจ้าของเรือนผมสีทองยาวประบ่าปิดประตูห้องแล้วยกมือขึ้นกอดอก  ทอดสายตามองคนบนเตียงอย่างไม่แสดงความรู้สึกอะไร

“...แกพาฉันมาที่นี่ทำไม?”  หนุ่มน้อยส่งเสียงลอดไรฟันออกมา  ดวงตาจับจ้องไปที่ใบหน้าคมเข้มเต็มไปด้วยความแค้นเคือง  เขานึกออกแล้วว่าผู้ชายตรงหน้านี้ทำอะไรไว้กับเขา

“ก็ดูท่าทางแกจะไม่ค่อยมีใครสั่งสอน  ฉันเลยคิดว่าจะสอนให้น่ะ”  ชายหนุ่มยืนพิงประตูพลางตอบอย่างเฉยเมย

“สอนบ้าอะไร!?  ผู้ชายขายตัวอย่างแกเนี่ยนะ”  ร่างเล็กแหวเอา  “คนอย่างแกสอนใครได้ด้วยหรือไง!?”

ขาดคำนั้น  โดยที่เด็กหนุ่มไม่ทันได้ตั้งตัว  ร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้แล้วสะบัดมือตบฉาดเข้าให้เต็มหน้า  ใบหน้านั้นขึ้นปื้นแดงทันตาเห็น  หนุ่มน้อยยกมือขึ้นกุมแก้ม  ทั้งเจ็บทั้งตกใจ  หากแค่ชั่วพริบตาเดียวก็หันไปจ้องร่างสูงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ทำบ้าอะไรวะ  ไอ้ควายบ้า!!”

มือใหญ่ขยุ้มเรือนผมดำกระชากเข้ามาหาตัว  ไม่สนใจกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด  “ไม่มีใครสอนหรือไงว่าเวลาพูดกับคนแปลกหน้าให้พูดจาดี ๆ น่ะ  หา”

“...คนแปลกหน้าสถุล ๆ อย่างแกน่ะนะ...”  เด็กหนุ่มพยายามแกะมือที่ขยุ้มผมของเขาออก  “ทำไมจะต้องพูดดีด้วยวะ”

“ถ้าแกไม่ทำตัวสถุลก่อน  ฉันก็ไม่สถุลกับแกอย่างนี้หรอก”  ชายหนุ่มแค่นยิ้ม  “แต่เอาเถอะ  ถ้าไม่อยากเป็นคนแปลกหน้า  อยากพูดจาสถุล ๆ กันแบบนี้ก็ได้  ฉันชื่อวายะ...วายะ  ชุน  จำใส่กระโหลกไว้  ไอ้เปี๊ยก”

“ไม่จำโว้ย!  ทำไมฉันจะต้องจำชื่อคนเฮงซวยอย่างแกให้รกสมองด้วย  ไอ้ควายบ้า...โอ๊ย!  ปล่อยนะ”  เด็กหนุ่มดิ้นรนพลางโวยวายเมื่อมือแข็ง ๆ ที่ขยุ้มผมเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเสียที

วายะลอบยิ้มกับตัวเอง...เด็กนี่มันปากร้าย  แถมท่าทางก็ร้ายไม่ใช่น้อย  เมื่อครู่เขาคงลงมือรุนแรงไปหน่อยถึงได้กลัวหงอเสียขนาดนั้น  แต่ถ้าแค่นี้ก็ดูท่าจะไม่เป็นอะไรนี่นะ...ก็ดี  ถ้ากลัวมากเกินไปก็สอนกันไม่ได้  มันต้องแบบนี้สิ  ถึงจะเป็นแบบที่เขาชอบ

“หึ...ไม่อยากจำก็ต้องจำ  เพราะสัตว์เลี้ยง...มันควรจะจำเจ้านายตัวเองได้”

“อะไรนะ...?”  เด็กหนุ่มไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

วายะไม่ตอบหากย้อนถาม  “แกชื่ออะไร?”

“ทำไมฉันต้องบอกแกด้วย”  ร่างเล็กแหวเอาอีก  “แล้ว...เมื่อกี้แกว่าอะไร  ใครเป็นสัตว์เลี้ยงของแก!?”

“แกไง...”  ตอบพร้อมกับเหยียดยิ้มที่มุมปาก

“ไอ้...ปล่อยนะ!  ไอ้ควายบ้า  ใครเป็นสัตว์เลี้ยงของแก  ไอ้...”  ยังไม่ทันพูดให้จบประโยค  ก็ถูกกระชากขึ้นมาใกล้...ใกล้เสียจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย

“เพราะแกไม่มีคนสั่งสอน  ถึงได้นิสัยเสียแบบนี้...เพราะงั้น  ฉันจะเลี้ยงแกไว้สักพัก”  ประโยคถัดมาลดเสียงลงจนแทบจะไม่เกินกระซิบ  “หรือไม่ก็...เลี้ยงไว้จนกว่าจะตายกันไปข้าง”

“ไม่เอา!!!!”  เด็กหนุ่มตะโกนใส่หน้า  “ปล่อยฉัน!  ฉันจะกลับบ้าน!!”

“กลับบ้าน...?  อย่างแกเนี่ยนะ”

“แล้วไงวะ!?”

“คนที่เขามีบ้านให้กลับ  เขาไม่ไปเตร่อยู่แถวนั้นในเวลาอย่างนั้นหรอก”  วายะพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย  “อย่างแก...ถ้าไม่ใช่ไม่มีบ้านให้กลับ  ก็คงไม่มีใครรอให้แกกลับบ้านมากกว่า  จริงมั้ย?”

คำพูดเรียบ ๆ กับสีหน้าไม่แสดงอารมณ์นั้นเสียดลึกเข้าไปในหัวใจของเด็กหนุ่ม  ไอ้บ้านี่มันจะมารู้อะไร...มันเป็นใคร...จะมาเข้าใจอะไรเขา...ไอ้คนพรรค์นี้น่ะ...

ร่างเล็กอาละวาดดิ้นรนสุดชีวิต  ทั้งเตะถีบพัลวันจนวายะต้องปล่อยมือ  ทันทีที่เป็นอิสระ  เด็กหนุ่มก็ถลาลงจากเตียงพุ่งไปที่ประตู  แต่นั่นไม่ไวไปกว่าเจ้าของห้องที่เตรียมรอไว้อยู่แล้ว  วายะคว้ารวบเอวเล็ก ๆ ดึงกลับมาหาตัวได้ทันก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะคว้าลูกบิดประตูได้  คนตัวเล็กกว่าหันมากระหน่ำกำปั้นเข้าใส่ไม่นับ...แต่นั่นก็แค่อาการของเด็กที่อาละวาดด้วยความโมโห  ซึ่งแทบจะไม่มีผลอะไรกับร่างสูงเลย  เด็กคนนี้ไม่ได้มีทักษะด้านการต่อสู้อะไรเลยด้วยซ้ำ  วายะบอกกับตัวเอง...เด็กนี่อาจจะเป็นวายร้ายของโรงเรียนก็จริง  แต่คงไม่ใช่พวกหาเรื่องต่อยตีกับใครเป็นแน่...ไม่เหมือนเขา...

วายะเพียงแค่คว้าข้อมือของเด็กหนุ่มไว้แล้วจับบิดเบา ๆ  เจ้าตัวเล็กก็ร้องเสียงหลง  หากชายหนุ่มไม่หยุดแค่นั้น  เขาจับแขนเล็กนั่นบิดมาไขว้ไว้ข้างหลังแล้วจับล็อกไว้แน่น

“เจ็บ!!”  หนุ่มน้อยร้อง  แต่ยิ่งพยายามจะดึงแขนให้หลุดจากการจับยึดก็ยิ่งเจ็บจนทนไม่ได้  สุดท้ายก็ต้องหยุดดิ้นไปเอง

“ถ้าแกไม่ดิ้นก็ไม่เจ็บ”  วายะพูดทั้งที่อีกฝ่ายหยุดดิ้นไปแล้ว

“เจ็บ...ปล่อย!  ไอ้ควายบ้า!  ไอ้หมีตกมัน!”

ดูเหมือนว่าความเจ็บปวดจะหยุดปากที่เอาแต่พ่นคำผรุสวาทนั่นไม่ได้  วายะส่ายหน้าอย่างระอาใจ

“ฉันไม่ใช่สัตว์  และห้องฉันก็ไม่ใช่สวนสัตว์นะโว้ย  เลิกว่าฉันเป็นไอ้นั่นไอ้นี่เสียที”

“ไอ้ผู้ชายขายตัว!!”

“เอา...เอาเข้าไป  ไอ้เด็กบ้านี่...”  ร่างสูงเกือบจะหัวเราะออกมาเสียด้วยซ้ำ  “ฉันชื่อวายะ  ชุน  บอกไปแล้วไง”

“ฉันไม่ได้อยากรู้  ปล่อยฉันนะ  ไอ้ควายบ้านี่!!”

แมวดื้อมันน่าเลี้ยง  น่ากำราบ...แต่แมวที่ร้องมากเกินไปมันก็น่ารำคาญ

วายะเอื้อมมือไปจับใบหน้ามนให้หันมาหาแล้วบดริมฝีปากลงไปอย่างดุดัน  ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก  พอตั้งสติได้ก็พยายามจะดิ้น  แต่มือแกร่งยึดเขาไว้ไม่ยอมปล่อย  หากริมฝีปากร้อนเพียงแต่บดคลึงอยู่ภายนอกเท่านั้นไม่ได้คิดจะล่วงล้ำเข้ามา  และเพียงไม่นานนักก็ถอนออก

ทว่าก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้โวยวายอะไร  มือที่จับใบหน้าของเขาไว้เมื่อครู่ก็ค่อย ๆ เลื่อนลงสู่ลำคอและแผ่นอกของเขา  หนุ่มน้อยรีบคว้ามือนั้นไว้แน่น

“จะทำอะไรน่ะ!?”

“ตรวจร่างกายแกไง”

“จะบ้าเรอะ!  ตรวจบ้าอะไร  ปล่อยฉัน!”

“จะสำรวจร่างกายสัตว์เลี้ยงที่เพิ่งเก็บมาได้  มันผิดตรงไหน”  พูดพลางก็เลื่อนมือต่ำลงไปอย่างไม่สนใจอีกมือที่พยายามจะห้าม

“ฉันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของแกนะ!”

“ถ้าฉันบอกให้เป็น...แกก็ต้องเป็น”  มือใหญ่เลิกชายเสื้อยืดของเด็กหนุ่มขึ้นแล้วมุ่งไปสู่ผิวเปลือยเปล่าที่อยู่ข้างใต้นั้น

“ไม่!!  หยุดนะ...บอกให้หยุด!”  เจ้าตัวเล็กทั้งร้องทั้งดิ้น  แต่ทำอะไรไม่ได้ถนัดนัก  ด้วยยิ่งดิ้น  แขนที่ถูกยึดไว้แน่นก็ยิ่งเจ็บ  ได้แต่ทุบตีและจิกข่วนมือที่รุกล้ำเข้าไปใต้เสื้อของเขา

หากวายะไม่สนใจ  ไอ้แบบที่หนุ่มน้อยทำอยู่นี่  เขาโดนมาเสียจนชินชาแล้ว  แผลที่เกิดจากเล็บเล็ก ๆ นั่นไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขาหรอก  แถมการกระทำที่ไร้ประโยชน์แบบนั้นยังจะกระตุ้นอารมณ์ของเขาเสียด้วยซ้ำ  ปลายนิ้วกร้านสะกิดยอดอกเล็กเบา ๆ  แต่ทำให้ร่างที่ถูกเขายึดเอาไว้ผวาขึ้นทั้งตัว  ปฏิกิริยาน่ารักแบบนั้นทำให้เขาอดจะแกล้งไม่ได้  ชายหนุ่มใช้สองนิ้วบีบคลึงมันเบา ๆ...ได้ผล  ร่างเล็กหวีดหวานออกมาทันที  มือที่จิกทึ้งมือของเขารีบปล่อยไปตะปบปากตัวเองทันทีที่ได้ยินเสียงอันเกิดจากการลืมตัวนั้น

“ไอ้ตัวเล็ก...แกชื่ออะไร?”  วายะถามคำถามที่ถูกลืมไปแล้วซ้ำ

“...ไม่...ปล่อยนะ”  แม้จะยังขัดขืนอย่างดื้อดึง  แต่เสียงนั้นก็สั่นอย่างห้ามไม่ได้

“จะบอกฉันเอง  หรือให้ฉันตั้งชื่อให้ใหม่?”  พูดพลางก็ใช้นิ้วบีบและดึงตุ่มไตเล็ก ๆ ในมือเบา ๆ

หนุ่มน้อยหวีดเสียงแล้วก็รีบกัดปากตัวเองแน่น  แล้วพยายามใช้มือที่ยังเป็นอิสระอยู่ดึงมือที่คุกคามเรือนร่างของตนออก  แต่มือนั่นเพียงแค่เคลื่อนตัวย้ายมาหยอกล้อกับยอดอกอีกข้างของเขาเท่านั้น
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 22-12-2011 20:35:28
“อึ๊...อย่า...อย่านะ...”

“บอกชื่อแกมา  ไอ้ตัวเล็ก”  เสียงทุ้มต่ำกระซิบที่ข้างหู

“ไม่...ทำไม...ฉันต้องบอกแกด้วย...”  ทั้งที่หวามไหวด้วยความรู้สึกอันไม่อาจบอกได้แต่เด็กหนุ่มยังปากแข็ง

“หึ...”  วายะหัวเราะเบา ๆ  “งั้นฉันจะทำจนกว่าแกจะยอมบอกก็แล้วกัน”

ริมฝีปากร้อนขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหู  ร่างเล็กสะดุ้งขึ้นทั้งตัว  หากพอแอ่นอกขึ้นก็ถูกนิ้วกร้านดุนดันและเคล้นคลึงจุดไวสัมผัสเล่นราวกับจะกลั่นแกล้ง  ได้แต่ทิ้งกายเบียดกับอกกว้างอย่างไม่มีทางหนี  เรียวปากและลิ้นร้อนที่และเล็มอยู่ที่ใบหูทำให้ร่างทั้งร่างสะท้านสั่น  เสียงลมหายใจที่ดังอยู่ใกล้ ๆ ทำให้ร้อนวูบวาบไปหมดทั้งตัว  ฝ่ามือและปลายนิ้วค่อย ๆ เลื่อนต่ำลงไปยังหน้าท้องเมื่อหยอกเย้าจนยอดอกเล็ก ๆ นั้นแข็งเป็นไตแล้ว  จนเมื่อมันไต่ไปจนถึงขอบกางเกงและทำท่าจะปลดเข็มขัดออก  เด็กหนุ่มก็รีบคว้ามือนั้นไว้

“ยะ...อย่า...”

“อืม...ยังไม่ถอดก็ได้”  เสียงกระซิบที่ข้างหูฟังดูแหบต่ำ  เรียวลิ้นตวัดต่างหูที่เจาะร้อยไว้ดึงเข้าปากก่อนจะค่อย ๆ เล็มดุนติ่งหูนิ่มเบา ๆ

วายะผละมือจากขอบกางเกงของหนุ่มน้อยหากเลื่อนต่ำไปเคล้นคลึงส่วนกลางกายผ่านเนื้อผ้าหนาเบา ๆ  ร่างในอ้อมแขนผวาเยือกและเกร็งสะท้าน  มืออันชำนาญเชิงกามรู้ดีว่าร่างที่สัมผัสอยู่เริ่มมีปฏิกิริยาบ้างแล้วจากสัมผัสกระตุ้นเร้าที่แกล้งกระทำมาตลอดตั้งแต่เมื่อครู่  เด็กอายุเท่านี้จะมีความรู้ประสบการณ์ด้านนี้สักเท่าไรกันเชียว  แค่การเล้าโลมพื้น ๆ ก็สามารถขยี้สำนึกให้กระจัดกระจายไปถึงไหนต่อไหนได้แล้ว  เด็กหนุ่มคู้กายลงด้วยเสียดเสียวตรงจุดที่ถูกสัมผัส  หุบขาเบียดเข้าหากันอย่างพยายามปิดป้อง  หากก็ไม่สามารถกั้นนิ้วที่เคลื่อนไหวราวกับสิ่งมีชีวิตที่รู้ว่าควรจะรุกรานเข้าไปตรงไหนถึงจะสามารถจู่โจมจุดอ่อนไหวนั้นได้  วายะรู้สึกได้ว่าสะโพกที่พยายามกระถดหนีจนมาบดเบียดอยู่กับร่างของเขาเกร็งจนสั่น  ชายหนุ่มจึงถอนมือออกจากจุดอ่อนไหวด้านหน้ามานวดคลึงก้อนเนื้อแน่นนั้นหนัก ๆ

“อ๊ะ...หยุดนะ!”  พอพยายามหนีออกห่าง  แขนที่ถูกล็อกไว้จนแทบหมดความรู้สึกก็เจ็บแปลบขึ้นมาอีก

สุดท้ายมือใหญ่ก็เลื่อนไปปลดเข็มขัดและกระดุมกางเกงของเด็กหนุ่มออกจนได้  และไม่ว่าจะพยายามปิดป้องอย่างไรซิปก็ยังถูกรูดลง  วายะดึงกางเกงของคนในอ้อมแขนร่นลงไปไว้ที่สะโพก  พอบั้นท้ายส่วนที่เปลือยเปล่ารู้สึกได้ว่าสัมผัสกับกางเกงยีนส์เนื้อหนาของชายหนุ่มก็รีบผละออก  แต่ก็ไปเจอกับอุ้งมือที่ดักรออยู่แล้ว

ในสภาพที่ไม่มีทางหนี  ร่างเล็กถูกมือใหญ่หยาบสอดล้วงเข้าไปในกางเกงชั้นใน  เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากแน่น  อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีเมื่อมือนั้นควักเอาร่างอันไวสัมผัสของเขาออกมา...แน่ละ  ไม่เคยมีใครสัมผัสเขาแบบนี้  แม้จะเคยเรียนรู้เรื่องพวกนี้ตามประสาเด็กผู้ชายที่กำลังจะเป็นวัยรุ่นมาจากหนังสือหรือวิดีโออะไรก็เถอะ  แต่ประสบการณ์ทางเพศของเขาก็เหมือนกับคนวัยเดียวกันทั่วไปที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเป็นผู้ดู  และไม่เคยถูกใครสัมผัสนอกจากมือของตัวเองเท่านั้น...ทว่า  ในตอนนี้  มือของผู้ชายที่บอกว่าตัวเองชื่อวายะกำลังกอบกุมร่างของเขาเอาไว้  ซ้ำยังเคล้นคลึงกระตุ้นเร้าเสียจนแทบทนไม่ได้

“ไม่...ไม่เอา...ปล่อย...”  หนุ่มน้อยร้อนผ่าวไปทั้งหน้า  เขาหลับตาแน่น  ไม่อยากจะรับรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาพน่าอับอายแค่ไหน

“หึ...ไม่ต้องอายหรอก  มันเรื่องธรรมชาติน่ะ”

คำพูดนั้นไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มอายน้อยลงเลย  ยิ่งมือนั้นกำรวบร่างของเขาแล้วขยับรูดเบา ๆ เขาก็ยิ่งอับอายมากขึ้นเท่านั้น...ด้วยรู้ว่าจุดอ่อนไหวของตนตอบสนองสัมผัสนั้นมากเพียงใด  ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างพึงใจที่ข้างหู  ก็ยิ่งอยากจะหายตัวไปเสียตรงนั้นเลย

วายะคลึงร่างที่ตื่นตัวขึ้นในอุ้งมือของตนอย่างจะหยอกล้อ  เขาใช้เทคนิคอันชำนาญเชิงรุกไล่และหยอกเอินกับร่างนั้นจนแข็งขึงและส่วนปลายยอดเป็นสีแดงก่ำ  เขาไม่แปลกใจหรอกถ้าเด็กหนุ่มคนนี้จะเคยผ่านการช่วยตัวเองมาบ้างแล้ว  เด็กรุ่น ๆ นี้บางคนก็โตเร็วกว่าวัย  บางคนก็เรียนรู้เรื่องพวกนี้เร็วกว่าคนอื่น  ยิ่งเด็กลักษณะแบบนี้ยิ่งไม่ต้องสงสัย  เพราะตัวเขาเองก็เคยเป็นแบบนั้นมาเหมือนกัน...เติบโตขึ้นมาก่อนใคร  และเรียนรู้เรื่องรักและเซ็กส์มาก่อนหน้าคนอื่น...

ร่างเล็กสั่นสะท้านไปกับการกระทำที่ทั้งปรนเปรอและกลั่นแกล้งของมือหยาบใหญ่นั้น  มือที่เคยพยายามจิกทึ้งให้ร่างสูงปล่อยกลับเปลี่ยนเป็นเกาะยึดไม่ให้ทรุดลงกับพื้น  สองขาไม่ได้พยายามป้องกันตัวเองอีกต่อไป  เพียงแค่วายะเตะข้อเท้าของเขาเบา ๆ  เขาก็แยกขาออกตามคำสั่งด้วยร่างกายนั้นอย่างว่าง่าย  คู้ตัวงอพลางหอบสะท้านกับความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่าราวกับมันจะไม่สิ้นสุด  แน่นในอกราวกับจะขาดใจด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน  การใช้มือของวายะกระตุ้นเขาได้ยาวนานกว่าที่เคยทำให้ตัวเอง  ทุกครั้งที่เขาใกล้จะถึงขีดจำกัด  มือนั้นก็จะค่อย ๆ ผ่อนปรนหรือไม่ก็บีบรัดไว้ไม่ให้เขาไปถึงจุดที่ต้องการได้  หยาดน้ำเหนียวใสหลั่งเยิ้มชุ่มมือใหญ่จนหยาดย้อยลงบนพื้น

“พะ...พอ...พอที...ไม่ไหว...”  เสียงร้องขอสั่นสะท้านและขาดห้วง  ไม่มีความดื้อดึงจองหองอีกต่อไป

วายะยิ้มกับตัวเอง  ที่จริงเขาเพิ่งจะเริ่มเกมได้สิบกว่านาทีเท่านั้นเอง  แต่สำหรับเด็กตัวแค่นี้ก็ถือว่านานทีเดียวสำหรับสิ่งที่เขาทำให้  เขาจับเด็กหนุ่มให้ไปยืนข้างเตียง  ใช้ขาทั้งสองของตัวเองสอดเข้าไปตรึงแยกขาของคนที่จับยึดไว้  ดึงร่างนั้นให้แอ่นกายขึ้น  ก่อนจะขบเบา ๆ ที่ใบหูอีกครั้ง

“เอาละ  ทีนี้บอกมาซิ  ว่าแกชื่ออะไร”

“ฮึก...โทโม...กิ...ซานาดะ...โทโมกิ...”  เสียงสั่นกระเส่าครางตอบแผ่วหวิว

“โทโมกิงั้นเรอะ...”  ทวนคำพลางขยับมือกำรูดร่างบอบบางของเด็กหนุ่มหนัก ๆ หากยังใช้ปลายนิ้วอุดส่วนปลายยอดไว้แน่น

“ฮะ...อ๊า...ใช่...โทโมกิ...”  หนุ่มน้อยครางตอบ  ซ่านเสียวจนแทบยืนไม่อยู่

“ก็แค่นั้น”

ขาดคำ  วายะก็ปล่อยนิ้วที่ปิดกั้นร่างของโทโมกิออก  กระชากรูดร่างนั้นหนัก ๆ  และส่งเด็กหนุ่มถึงสวรรค์ในไม่กี่อึดใจ  หยาดน้ำรักสีขาวขุ่นพวยพุ่งออกมาอย่างเต็มกลั้น  เปรอะเลอะผ้าปูที่นอนสีเข้มเห็นชัดไปจนถึงกลางเตียง  ร่างเล็กเกร็งสะท้านพลางส่งเสียงหวีดหวาน  กระตุกกายตามมือของชายหนุ่มเป็นจังหวะจนไม่เหลืออะไรจะหลั่งริน  สุดท้ายก็ถูกผลักให้ทบท่าวลงกับคราบไคลของตน  แขนที่ถูกจับล็อกไว้ชาดิก  หอบสะท้านเหมือนจะขาดใจ  ไร้เรี่ยวแรงจะขยับตัว

แต่แล้วก็ถูกพลิกให้นอนหงาย  ดวงตาสีดำปรอยปรือเมื่อร่างสูงค่อย ๆ คร่อมทับลงเหนือร่างของเขา

“...อะ...อะไร...”  กระซิบถามเสียงแผ่ว  รู้สึกหวาดหวั่นในตัวคนตรงหน้าไม่น้อย

“ไม่มีอะไร  ก็แค่...ฉันยังไม่ได้ทำเลยสักยก”

น้ำเสียงเหมือนพูดเรื่องลมฟ้าอากาศ  แต่เนื้อหาของคำพูดนั้นไม่ใช่  โทโมกิพยายามกระถดหนี  แต่สภาพตัวเองในตอนนี้จะหนีไปไหนได้  ทั้งเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยและร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรง  เด็กหนุ่มรู้ดีว่าตนไม่มีทางต่อกรกับผู้ชายคนนี้ได้เลย  กระนั้นสัญชาตญาณระแวงภัยก็กระตุ้นเตือนให้เขาป้องกันตัว  สองมือยกขึ้นผลักไสร่างสูง

“ปล่อย...ฉันจะกลับบ้าน”

“พูดแบบนี้อีกแล้วเรอะ...แน่ใจเหรอว่าแกอยากกลับน่ะ”

“มันเรื่องของฉัน  ปล่อยฉัน”  ทั้งที่น้ำเสียงกระชากเหมือนจะเอาเรื่อง  แต่โทโมกิกลับไม่กล้าสบตาวายะ

“ไม่”  คำตอบสั้นห้วน  “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันยังไม่ได้ทำเลยสักยก  ในขณะที่แกเรียบร้อยไปแล้ว”

“ฉันไม่ได้บอกให้แกทำนี่โว้ย!”  กำปั้นเล็ก ๆ หวดใส่ด้วยความฉุนเฉียวจนลืมตัว  หากวายะคว้าไว้ได้

ชายหนุ่มเหยียดยิ้มที่มุมปาก  “ยังมีแรงเหลืออีกเยอะนี่  จะทำอีกสักยกสองยกคงไม่เป็นไรมั้ง”

ว่าแล้วก็กดมือที่ยึดไว้ลงกับที่นอน  เอื้อมมือไปปลดกระดุมและซิปกางเกงตัวเองออก  โทโมกิดิ้นอย่างไม่ยินยอม  พยายามดึงมือที่ถูกกดไว้ออกจากอุ้งมือใหญ่แต่ไม่สำเร็จ  มืออีกข้างที่ยังเป็นอิสระอยู่จึงกระหน่ำทุบตีเต็มแรงเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้  ปากก็ส่งเสียงผรุสวาทด่าทอไม่ขาด  แต่นอกจากวายะจะไม่สะดุ้งสะเทือนอะไรแล้วยังจับมือนั้นกดตรึงไว้เสียด้วยกัน  แถมยังยักคิ้วให้เหมือนจะล้อเลียน

“ไม่ต้องร้อนรนไป  เดี๋ยวจะสอนให้หมดทุกอย่างเลย”

โทโมกิหน้าแดงซ่าน  ไอ้ทุกอย่างที่ชายหนุ่มพูดมานั่นมันกินความไปถึงไหนกัน...แต่...ไม่ใช่เวลาจะมาคิดอะไรแบบนั้นนะ  ไม่ว่าอย่างไหนเขาก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละ

“ปล่อย!  ไอ้ควายบ้า!!  ไอ้วิตถาร!!”

“เรียกได้ดี...ไหน ๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นคนยังไง  งั้นก็ลองดูเสียหน่อยแล้วกันนะ”

หลังรอยยิ้มที่เหมือนจะแสยะ  ชายหนุ่มทาบท่อนล่างลงกับร่างกึ่งเปลือยของเด็กหนุ่ม  ครั้งแรกโทโมกิดิ้น  แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อรู้สึกได้ว่าท่อนล่างของตนกำลังสัมผัสอยู่กับอะไร

ร่างของวายะที่สัมผัสได้นั้นไม่เล็กเลย  ทั้งที่ยังไม่ตื่นตัวเต็มที่ก็ขนาดนี้แล้ว  หากอยู่ในช่วงเวลาที่แข็งขืนถึงขีดสุดจะมีขนาดเท่าไรก็ไม่รู้  เกินกว่ามาตรฐานชายญี่ปุ่นจริง ๆ...พอรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่  โทโมกิก็หน้าแดงซ่าน...นี่ไม่ใช่เวลาจะมาชื่นชมอะไรแบบนี้ไม่ใช่หรือ  เด็กหนุ่มขยับตัวดิ้นรนอีกครั้ง  หากร่างนั้นกลับกดเบียดลงมาแนบแน่นมากขึ้น  ซ้ำบั้นเอวแกร่งยังขยับเสียดสีสิ่งนั้นกับร่างของเขาที่เพิ่งจะปลดเปลื้องอารมณ์ไปเมื่อครู่เบา ๆ

“อย่า!  จะทำอะไรน่ะ?”  โทโมกิร้อง  รู้สึกขยะแขยงจนขนลุกเกรียว

“ก็แค่ทำให้ของแกมันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง  วิธีกระตุ้นน่ะมีหลายอย่างนะ  โทโมกิ”  วายะพูดพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า  ขยับเอวบดเบียดร่างนั้นไม่หยุดหย่อน

“ไม่...ไม่เอา”  มันจะเป็นไปได้ยังไง  ในเมื่อเขาเพิ่งจะถึงจุดสุดยอดไปเมื่อกี้นี้เอง  จะปลุกให้มันตื่นตัวขึ้นอีกครั้งน่ะเป็นไปไม่ได้แน่
หัวข้อ: Re: All I want # 3 (NC17) อัพเพิ่ม 15/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 22-12-2011 20:41:47
โทโมกิทั้งร้องทั้งดิ้นรน  หากวายะยังขยับกายอย่างต่อเนื่อง  และยิ่งโทโมกิดิ้นมากเท่าไร  ร่างของทั้งสองก็บดเบียดเสียดสีกันมากขึ้นเท่านั้น  พลันความรู้สึกแปลกประหลาดก็วาบขึ้นมาจากจุดที่สัมผัสกันอยู่  เป็นความร้อนวาบราวกับถูกจี้ด้วยบุหรี่  จุดความร้อนนั้นแผ่ลามอย่างรวดเร็วไปทั้งร่างอันบอบบางของโทโมกิ  เด็กหนุ่มรู้สึกได้ว่าร่างกายของตนกำลังเกิดปฏิกิริยาขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้  กล้ามเนื้อตรงท้องน้อยกระตุกรับอาการเกร็งของจุดที่ต่ำกว่า  ร้อนวูบวาบราวกับมีกระแสลาวาไหลอยู่ในเส้นเลือดบริเวณนั้น  เอวบางเผลอเดาะขึ้นรับสัมผัสอย่างลืมตัว

“อึ๊...อา...”  เสียงครางสั่นเครือลอดริมฝีปากอิ่มออกมา  ก่อนที่เจ้าตัวจะระงับไว้ทัน

“เป็นไง  วิธีวิตถารแบบนี้ก็ดีใช่มั้ยล่ะ?”

คำถามของร่างสูงทำเอาเด็กหนุ่มร้อนไปทั้งหน้าราวกับถูกตบ  เขาสะบัดหน้าหนีจากการถูกจ้องมอง  กัดริมฝีปากแน่นจนแทบจะห้อเลือด  นึกรังเกียจร่างกายตัวเองที่ทรยศต่อจิตใจ

“อย่าฝืนไปเลย  โทโมกิ  ปล่อยตัวตามสบาย  แล้วฉันจะทำให้แกรู้สึกดีกว่าที่แกเคยรู้สึกมาทั้งชีวิตเลย”

เสียงห้าวทุ้มกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูตามมาด้วยลิ้นร้อนที่ไล้เลียแผ่วเบาทำเอาสติของหนุ่มน้อยกระเจิดกระเจิง  ยิ่งลิ้นนั้นค่อย ๆ เคลื่อนต่ำลากผ่านซอกคอขาวลงไปยังเรือนร่างของเขา  โทโมกิก็เกร็งสะท้าน  ปิดตาแน่นอย่างไม่ต้องการรับรู้อีกต่อไปว่าผู้ชายตรงหน้ากำลังจะทำอะไรกับเขา...ทว่า  ยิ่งหลับตา  ประสาทสัมผัสทางกายก็ยิ่งขัดเจน  ยอดอกที่ถูกครอบครองด้วยริมฝีปากและปลายลิ้นที่ขบเม้มอย่างหยอกเย้าผ่านเนื้อผ้าของเสื้อยืดตัวหนาร้อนวาบและกระตุกแข็งเป็นตุ่มไตจนปวดหนึบไปหมด  รู้สึกได้ว่าท่อนล่างที่ถูกชายหนุ่มบดคลึงและถูไถอยู่นั้นเริ่มสั่นไหวรับกับจังหวะที่อีกฝ่ายปรนเปรอให้  แล้วก็ค่อย ๆ รับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งที่ทาบทับ  มันแข็งขืนยิ่งกว่าครั้งแรกที่สัมผัส  และความรู้สึกกดทับนั้นดูจะหนักแน่นและใหญ่โตจนน่าหวั่นใจ  หากโทโมกิก็รู้อีกว่าตนกำลังขยับเอวรับทุกสัมผัสที่วายะมอบให้  ท้องน้อยรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ไม่รู้ว่าออกมาจากร่างของตนหรือของอีกฝ่าย  ได้ยินกระทั่งลมหายใจหอบฮักและหัวใจที่เต้นระรัวอยู่ในอก

วายะก้มลงมองร่างที่ตนกำลังทาบทับอยู่แล้วก็ยิ้มกับตัวเองอย่างพึงพอใจ  ทั้งที่ปฏิเสธอยู่จนถึงเมื่อครู่  แต่ตอนนี้โทโมกิกลับเคลื่อนไหวตามทุกจังหวะของเขา  ดวงหน้าภายใต้เรือนผมที่ปรกระลงมาบางส่วนแดงระเรื่อ  ดวงตาที่ปิดแน่นเปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำที่จับอยู่บนแพขนตาหนา  ริมฝีปากอิ่มก็แดงช้ำจากการพยายามจะกลั้นเสียงร้องอันเกิดจากสัญชาตญาณของร่างกาย...ทั้งน่าเอ็นดูและน่ารังแกไปพร้อม ๆ กัน

ชายหนุ่มปล่อยมือที่กดตรึงไว้กับเตียงออกแล้วขยับลุกจากการทาบทับ  ดวงตาดำขลับปรอยปรือมองเขาอย่างไม่เข้าใจ  หากวายะไม่อธิบาย  ในตอนนี้เขาตื่นพร้อมแล้วที่จะประกอบกิจต่อไปแล้ว...แต่โทโมกิยัง...เขาประคองเอวบางขึ้นจากเตียงแล้วดึงกางเกงของเด็กหนุ่มจนหลุดออกทางปลายเท้าพร้อมกับกางเกงชั้นใน  เมื่อท่อนล่างเปลือยเปล่า  โทโมกิก็สะท้านสั่นด้วยผิวกายสัมผัสกับความเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศโดยตรง  ในสมองพร่ามัวราวกับมีหมอกบาง ๆ มาครอบคลุมไว้  เขาไม่ได้คิดจะหนีด้วยซ้ำเมื่อวายะผละไปหยิบอะไรบางอย่างที่ชั้นวางของข้างประตู  จนเมื่ออะไรบางอย่างที่ลื่นและเย็นสัมผัสเข้าที่บั้นท้ายตรงร่องลับที่ไม่เคยมีใครสัมผัสมาก่อนจึงได้สะดุ้งขึ้นทั้งตัว

“อะ...อะไร!?”  เด็กหนุ่มรีบถามด้วยอาการเกือบจะสำลัก  แล้วก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าตนถูกวายะจับขาข้างหนึ่งยกขึ้นวางพาดไว้บนไหล่หนา  ส่วนอีกข้างพาดอยู่บนตักที่สวมกางเกงยีนส์ซึ่งถูกรูดซิปลงจนเผยให้เห็นร่างแห่งความเป็นชายอย่างไม่อายสายตาใคร  และตัวชายหนุ่มกำลังทำอะไรง่วนอยู่กับท่อนล่างของเขา

“เควาย...เจลหล่อลื่นน่ะ  รู้จักมั้ย?”  ตอบพลางก็ยกหลอดยาหน้าตาเหมือนหลอดยาสีฟันให้ดู  ก่อนจะบีบตัวยาสีขุ่นลงบนนิ้วแล้วละเลงลงไปที่จุดเร้นลับของโทโมกิ

“อึ๊!  ไม่...จะทำอะไรน่ะ  อย่านะ!!”  เด็กหนุ่มเริ่มโวยวายอีกครั้ง  แต่ในท่วงท่านี้เขาไม่สามารถดิ้นรนได้ถนัดนัก

วายะเพียงแต่จับเอวบางกดไว้กับเตียงแล้วใช้นิ้วกร้านลูบไล้ป้ายทาสารหล่อลื่นไปจนทั่วร่องลับนั้นจนชุ่มโชก  ช่องทางสู่สวรรค์เป็นสีเข้มและยังหุบปิดแน่นเหมือนดอกตูม  สีของกลีบดอกยังใสอย่างไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน  ชายหนุ่มกดนิ้วลื่น ๆ ของตนเข้าที่ปากทางนั้นแล้วก็รู้สึกได้ถึงแรงต่อต้าน  ไม่เพียงแต่จุดนั้นเท่านั้น  โทโมกิเกร็งไปหมดทั้งร่างทีเดียว  แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...ด้วยเจลจำนวนมากที่เขาละเลงไว้จะทำให้โทโมกิต่อต้านเขาได้ไม่นานหรอก  ปลายนิ้วหยาบตามแบบผู้ชายค่อย ๆ นวดคลึงส่วนนั้นช้า ๆ  สะกิดเขี่ยและบดบี้  พยายามคลี่กลีบดอกที่ปิดสนิทนั้นให้แย้มบาน  เด็กหนุ่มงอร่างขึ้นมาคว้ามือของเขาไว้  แต่เมื่อเขาลูบไล้ไปจนถึงด้านหน้าและบีบนวดกระตุ้นแก่นกายที่ดูเหมือนอารมณ์จะมอดไปด้วยความตื่นกลัวที่เกิดขึ้น  โทโมกิก็ปล่อยมือและทิ้งร่างลงกับเตียง  บิดเร่าด้วยซ่านเสียวจนแทบทนไม่ได้

ไม่เพียงแค่จุดสัมผัสลี้ลับนั้นเท่านั้น  วายะยังขบจูบไปตามเรียวขาขาวที่พาดอยู่บนไหล่  ทิ้งร่องรอยไว้ตามเนื้ออ่อนขาวนวลเนียนราวกับผิวของเด็กสาว  หากโทโมกิบริสุทธิ์กว่านั้น  สำหรับวายะแล้วเด็กคนนี้ยังเป็นแค่หนุ่มน้อย...ยังไม่เป็นวัยรุ่นเต็มตัวเสียด้วยซ้ำ  แม้กริยาอาการที่แสดงออกจะก้าวร้าวและเป็นผู้ใหญ่เกินวัย  แต่ธรรมชาติของร่างกายบอกชัดถึงภายในที่ยังปราศจากซึ่งมลทินใด ๆ มาแพ้วพาน  และเขาก็ปรารถนาที่จะได้ลิ้มรสชาติความบริสุทธิ์นั้นเป็นคนแรก...เพียงแค่คิดก็ใจเต้น  ดังนั้นเขาจะรีบร้อนไม่ได้  หากผลีผลามทำอะไรพลาดไปแม้แต่น้อย  ของดีที่ได้มาไว้ในมือจะสูญค่าทันที  เขาจะต้องใจเย็น  และค่อย ๆ ลิ้มรสชาติที่เรือนร่างนี้จะมอบให้เขาอย่างบรรจงที่สุด

ก็ดูสิ...ดอกตูมที่สั่นระริกนั่นมันเชิญชวนแค่ไหน  อีกแค่นิดเดียวเขาก็จะสามารถทำให้มันแย้มบานได้  ชายหนุ่มทดลองกดปลายนิ้วเข้าไปช้า ๆ...ได้ผล  เรียวนิ้วผลุบเข้าไปได้อย่างง่ายดายแม้จะตามมาด้วยแรงบีบรัดและเสียงหวีดร้องอันไม่อาจบอกอารมณ์ได้ก็ตาม  ปลายนิ้วค่อย ๆ รุกคืบเข้าไปช้า ๆ จนกระทั่งสุดความยาว  ร่างของโทโมกิตอดตุบและเกร็งสะท้านไปหมด  แต่เมื่อเข้าไปได้อย่างนี้แล้วก็ไม่มีปัญหา...วายะขยับนิ้วสอดเข้าออกเนิบช้าจนรู้สึกว่าเด็กหนุ่มเริ่มคุ้นชินกับสัมผัสนั้นแล้ว  จึงได้สอดเข้าไปอีกนิ้ว  โทโมกิร้องพลางเดาะเอวขึ้นอย่างลืมตัว  จิกเล็บลงกับหน้าขาของเขา...แบบนี้ดีแล้ว  โทโมกิไม่ต่อต้านหรือปฏิเสธเขาอีกต่อไป

ช่องทางที่ถูกรุกรานด้วยเรียวนิ้วร้อนวูบวาบไปหมด  โทโมกิรู้สึกว่านิ้วทั้งสองของวายะขยับเคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายของตนราวกับสิ่งมีชีวิต  มันสะกิดเขี่ยไปทั่วราวกับพยายามค้นหาอะไรบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในร่างของเขา  ทุกการเคลื่อนไหวของมันนำมาซึ่งความกระสันเสียวที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต  เขารู้ว่ามันมีการกระทำอย่างนี้อยู่ในโลก  แต่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง  ไม่เคยคิดแม้แต่จะลอง  นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเขาก็ไม่แน่ใจนัก  เรื่องทั้งหมดมันเริ่มขึ้นตรงไหนและนำมาจนถึงจุดนี้ได้อย่างไร  เด็กหนุ่มก็นึกไม่ออก  ในหัวเหมือนถูกย้อมด้วยสีขาวโพลน  มีเพียงสัมผัสจากปลายนิ้วของวายะเท่านั้นที่ขัดเจน...พลันก็ต้องกระตุกผวาขึ้นสุดตัว  เมื่อนิ้วของวายะสัมผัสโดนจุดหนึ่งเข้า  มันร้อนวาบราวกับโดนไฟจี้  และเสียดแปลบเหมือนถูกไฟช็อต  ความรู้สึกนั้แผ่ลามไปจนถึงปลายนิ้ว  และยิ่งชายหนุ่มเอาแต่บดคลึงอยู่ตรงนั้น  โทโมกิก็ส่งเสียงครางระงมไม่ขาดปาก

“อา...อย่า...พอแล้ว...พอ...อา...อ๊ะ  หยุด...อ๊า...”

“หาตั้งนาน  อยู่ตรงนี้เอง”  วายะพูดเบา ๆ กับตัวเองพลางฟังเสียงคร่ำครวญของเด็กหนุ่มด้วยความรู้สึกเพลิดเพลิน  ร่างเล็ก ๆ บิดกายเร่าด้วยการกระทำของเขา  ไม่เหลือสภาพเจ้าเด็กปากร้ายตัวแสบอีกเลย

ชายหนุ่มกวาดตามองไปทั่วร่างของโทโมกิ  ดวงตาเลื่อนลอยฉ่ำชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตา  ใบหน้าซับสีเลือดระเรื่อ  ริมฝีปากที่เผยอหอบและส่งเสียงครวญแดงก่ำ  อกบางสะท้อนขึ้นลงตามแรงหายใจที่บางครั้งก็สะท้านขาดห้วง  ท้องน้อยเปรอะไปด้วยหยาดน้ำเหนียวใสที่หลั่งรินออกมาจากร่างที่เขากระตุ้นเอาไว้เป็นจำนวนมาก  และช่องทางเร้นลับก็กระตุกบีบรัดนิ้วของเขาอยู่ตลอดเวลา...หากทำมากกว่านี้  โทโมกิอาจจะเสร็จอีกรอบก็เป็นได้

ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ดีแน่  โทโมกิเพิ่งจะถูกทำให้ถึงสวรรค์ไปเมื่อสักพักนี้เอง  ถ้าให้ไปอีกครั้งตอนนี้อาจจะทนไม่ไหววูบไปตอนที่เขาเดินเครื่องเต็มที่ก็ได้  ถ้าแบบนั้นก็เท่ากับสวรรค์ล่ม  การนอนกับคนที่ไม่มีสติก็ไม่ต่างอะไรกับการมีเซ็กส์กับตุ๊กตายาง  ซึ่งวายะไม่ชอบ...คู่นอนของเขาจะต้องรู้สึกตัวอยู่เสมอในอ้อมกอดของเขา  ไม่ว่าจะสามารถสนองการกระทำของเขาได้อย่างเท่าเทียมหรือได้แค่กรีดร้องด้วยความรวดร้าวก็เถอะ  จะต้องรับรู้ถึงตัวตนของเขาตลอดเวลาที่มีความสัมพันธ์กัน

ชายหนุ่มถอนนิ้วออก  สะโพกกลมเกร็งวาบก่อนจะผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็วอย่างรู้สึกโล่ง  หากมือที่ชุ่มไปด้วยเจลหล่อลื่นกลับกอบกุมร่างอันแข็งขึงของตนและชโลมเจลสีขุ่นทั้งหมดที่ติดอยู่บนฝ่ามือจนทั่ว  ก่อนจะจับมันไปจรดเข้าที่ปากทางสวรรค์ที่ได้เตรียมความพร้อมเอาไว้แล้ว  หากแค่เริ่มดุนดันเข้าไป  โทโมกิก็กรีดร้องลั่น

“อ๊า!!!!  เจ็บ!!”

 เด็กหนุ่มพยายามกระถดถอยหนี  แต่ถูกล็อกสะโพกไว้แน่น  ความเจ็บปวดนั้นตามเข้ามารุกรานร่างของเขาอีกครั้ง  เขาจิกเล็บลงกับมือที่ยึดร่างของเขาเอาไว้เต็มที่  อีกมือก็ขยุ้มผ้าปูที่นอนสีน้ำเงินเข้มแทบจะฉีกทึ้งมันให้ขาดติดมือ  ร้าวรานจนเกินจะทนได้...โทโมกิรู้สึกเหมือนร่างกายค่อย ๆ ถูกขยายกว้างจนเกินขีดจำกัดและปริฉีกออก  แสบร้อนตรงจุดที่ถูกล่วงล้ำ  แม้จะมีสารหล่อลื่นชโลมอยู่ไม่น้อย  แต่นั่นก็แค่ทำให้อีกฝ่ายรุกล่วงเข้ามาในร่างของเขาได้ง่ายขึ้นเท่านั้น  ไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดลดน้อยลงได้เลย...เด็กหนุ่มพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นความจากทรมานนั้น  แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บมากขึ้นทุกที  จนในที่สุดเขาก็เรียนรู้ที่จะอยู่นิ่ง ๆ และปล่อยให้วายะรุกรานเข้ามาในร่างของเขาตามใจชอบ...แบบนั้นจะเจ็บน้อยกว่า

ชั่วเวลาไม่กี่วินาที  แต่สำหรับโทโมกิแล้วมันยาวนานราวกับไม่มีที่สิ้นสุด  เขาทั้งร้องไห้และส่งเสียงกรีดร้องระบายความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น  จิกเล็บขูดข่วนลงกับแขนของวายะครั้งแล้วครั้งเล่า  ทรมานจนแทบสิ้นสติ...หากก็ยังรับรู้ได้อยู่ตลอดเวลา...จนเมื่อร่างสูงกระทั้นกายเข้ามาให้สุดทาง  เด็กหนุ่มเสียดแน่นไปหมดทั้งช่องท้อง  แต่ความราวร้านแทบขาดใจนั้นกลับลดลงอย่างแทบไม่น่าเชื่อ

วายะมองร่างที่พยายามสูดลมหายใจหอบเหนื่อยด้วยความรู้สึกอันแปลกประหลาด  เขาไม่คิดหรอกว่าโทโมกิจะสามารถรับทั้งหมดของเขาเข้าไปได้  แต่เมื่อลองฝืนทำดู...ร่างของพวกเขาก็เบียดแนบชิดกันจนไม่มีช่องว่าง  มีเพียงโลหิตสีแดงก่ำเท่านั้นที่ไหลรินออกมาจากบาดแผลที่ฉีกขาดเพราะการกระทำของเขา  ร่างเล็ก ๆ นี้โอบรัดเขาแน่นจนแทบจะอึดอัด  มันแตกต่างไปจากทุกคนที่เขาเคยสัมผัส  ร่างที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัวนี้  บีดรัดเขาราวกับกลัวว่าเขาจะหนีจากไป  ทุกจังหวะการหายใจของโทโมกิ  เขาสามารถรู้สึกได้จากส่วนที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกันนั้น...

ไม่ไหวแล้ว...เขาทนมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว  ร่างนี้เรียกร้องต้องการเขาเหลือเกิน  และเขาก็ต้องการทั้งหมดของโทโมกิเดี๋ยวนี้...เอวหนาขยับถอนร่างออกก่อนที่จะสอดสวนกายกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว  คนที่อยู่ข้างใต้ร่างของเขาหวีดร้องด้วยความเจ็บปวด  ดวงหน้าที่เปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตานั้น...เขาเห็น  แต่หยุดตัวเองไม่ได้...ชายหนุ่มกระแทกร่างกระทั้นเข้าใส่ร่างบางอย่างไม่ปรานีปราศรัย  บดขยี้ด้วยความเร่าร้อนของเพลิงราคะที่โหมลุกราวกับจะแผดเผาทุกสิ่งให้มอดไหม้เป็นจุณ

โทโมกิส่งเสียงร้องจนแหบพร่า  อ้าปากหอบฮักเหมือนจะไล่งับอากาศ  ทุกจังหวะการแทรกกายของวายะทำให้เขาจุกตื้อในอกเหมือนจะหายใจไม่ได้  ในหัวแดงฉานไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน...หากในความรวดร้าวนั้น  กลับมีอะไรบางอย่างที่ค่อย ๆ แผ่ขยายไปทั่วร่าง...ซ่านเสียว  และอิ่มเอม...แม้จะไม่ควรพูดอย่างนั้น  แต่โทโมกิกลับรู้สึกว่าสิ่งแปลกปลอมที่รุกรานอยู่ในร่างของเขากำลังช่วยเติมเต็มความรู้สึกบางอย่างที่ขาดหายไปให้  และเขาคงตกใจทีเดียวถ้ารู้ว่าตัวเองเรียกความรู้สึกนั้นว่า...ความสุข...

ความรู้สึกนั้นขยายตัวกว้างจนกลืนกินตัวตนทั้งหมดของเด็กหนุ่มเข้าไป  บีบรัดอัดแน่นจนแทบจะเหลือเพียงอณูเล็ก ๆ...สุดท้ายก็ระเบิดกระจายออกเต็มแรง  ผลักดันให้เกิดเป็นหยาดน้ำรักสีขาวขุ่นพวยพุ่งหลั่งรินออกมาจากร่าง

ในช่วงเวลาที่ทะยานขึ้นสู่จุดสุดยอดนั้น  โทโมกิรู้สึกว่าร่างที่ฝังกายอยู่ในตัวของเขาผละออกไปและร่างกายของเขากระตุกบีบรัดแน่นเป็นจังหวะ  แต่ในขณะที่ทั้งร่างกำลังหดเกร็งด้วยความเสียวสะท้านนั้นเอง  วายะก็แทรกกายเข้ามาอีกครั้ง

เด็กหนุ่มกรีดร้องอออกมาสุดเสียง  ร่างกายของเขากำลังปิดตัวเองลงในตอนที่วายะรุกเข้ามา  ชำแรกบาดแผลเดิมให้เปิดออกอีก  ความเจ็บปวดทรมานเหมือนเมื่อครั้งแรกย้อนกลับมาอีกครั้งอย่างรุนแรงกว่าเดิม  ในเมื่อวายะกำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ที่โหมกระพือสุดขีด  เขาจับแขนของโทโมกิมาโอบรอบคอของเขาไว้แล้วสวนกายเข้าใส่อย่างไม่บันยะบันยัง  เรียวเล็บของเด็กหนุ่มจิกกรีดฝากรอยแผลไว้บนแผ่นหลัง  แต่นั่นก็แค่ความเจ็บปวดเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อคิดว่ามันจะแลกกับความสุขที่แง้มประตูรออยู่ตรงหน้า  ร่างที่เพิ่งถึงจุดสุดยอดนี้บีบรัดเขายิ่งกว่าเดิมเสียอีก  และเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยได้จากใครมาก่อน...ทั้งโอบกอดและดูดรั้งราวกับต้องการจะดื่มกินทั้งหมดของเขาเดี๋ยวนี้...ได้...ถ้าร่างกายนี้ต้องการอย่างนั้น  เขาจะให้อย่างที่อยาก  เพราะเขาเองก็ไม่อาจรั้งตัวเองไปได้ไกลกว่านี้อีกแล้ว

“...อึก...โทโมะ...โทโมะ!...”

ชายหนุ่มขยับสะโพกถี่เร็วเป็นจังหวะสุดท้าย  ก่อนจะคว้าเด็กหนุ่มขึ้นมากอดไว้แน่น  กดริมฝีปากประทับจุมพิตเร่าร้อน  แล้วกดร่างเบียดแนบกับร่างของโทโมกิจนไม่เหลือช่องว่าง  ฉีดพ่นความปรารถนาอันร้อนแรงเข้าไปจนหมดทุกหยาดหยด

ชั่ววินาทีนั้นยาวนานเหมือนชั่วนิรันดร์กว่าวายะจะถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง  โทโมกิทิ้งกายอ่อนเปียกอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง  ปล่อยให้หยาดรักของวายะไหลรินออกมาอาบเรียวขาทั้งที่ยังไม่ได้แยกกายออกจากกันด้วยไม่อาจรับทั้งหมดเข้าไปได้...สัมผัสสุดท้ายที่รับรู้ได้คือกลิ่นหอมอ่อน ๆ ปนด้วยกลิ่นบุหรี่จากผิวกายของร่างสูง  อ้อมกอดอบอุ่น  และเสียงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู...


“...โทโมะ...”




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)


ตอนนี้มาเร็วนิดหน่อยนะครับ พอดีช่วงคริสต์มาสจะไปเที่ยวกับเพื่อนน่ะครับ
ตอนต่อไปก็...น่าจะช่วงสิ้นปี...ละมั้งนะ
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 22-12-2011 21:46:29
อืม. ตกลงมันแรงกว่า หรือเบากว่าเรื่องที่แล้วกันแน่นะ

แต่อ่านมาจนถึงตอนนี้ เราก็ยังชอบอยู่ โชตะ เอส เอ็ม ลั๊ล ลา~

แล้วโทโมะจังจะโดนฝึกอีกนานไม๊ กว่าคุณพ่อจะไปช่วยออกมาน่ะ อืมๆ

ว่าแต่ เรืีองในอดีตนี้ ใครเป็นคนนึกอยู่กันนะ. วายะนึกระหว่างตามไปช่วยใช่ป่ะคะ

ปล. ค่อยๆลงทีละตอนแบบนี้ก็ดีนะ จะได้ดูกระแสคนอ่านไปเรื่อยๆไง (เราเสนอไปอย่างนี้ คงโดนคนอ่านที่ชอบอ่านยาวๆตบ)
ก็ยิ่งมีการเม้นต์ คนเขียนก็ยิ่งมีกำลังใจนี่นา แล้วเราคนอ่านก็เหมือนมีเพื่อนอ่านด้วยกันเยอะๆด้วย.

เม้นต์กันเยอะๆนะ คนเขียนจะได้มีกำลังใจเขียน แนวนี้ยิ่วหายากๆอยู่ด้วย
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 22-12-2011 22:01:29
@คุณ jiki
ผมก็ชอบอ่านคอมเม้นต์ละครับ แต่รู้สึกว่าคนไม่ค่อยชอบเม้นต์กัน
บางทีอ่านหลายๆความเห็นแล้วก็สนุกนะครับ จะมีทั้งคนชอบตัวละคร ด่าตัวละคร อะไรงี้...วายะนี่เป้าใหญ่เลยครับ โดนเยอะ (ที่อีกบอร์ด)
ด่าได้นะครับ ถ้าไม่ชอบอะไร...อย่างตัวละคร หรือคนเขียน ยกเว้นเนื้อเรื่อง ฮ่าๆๆ ด่ายังไงก็แก้ไม่ได้แล้วครับ ผมเีขียนไปแล้ว
ขอบคุณที่อ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 22-12-2011 22:09:24
เอาน่ะ เราสังเกตว่า การลงเป็นระยะๆ ทีละตอน คนเค้านะเม้นต์มากกว่า เวลาโพสติดๆกัน
บางทีเราก็เป็นนะ เพราะ ยาวเกิน มะกี้คิดไรอยู่นะ ลืมแล้ว. เลยเม้าได้นิดเดียวเอง

แต่ก็นะ บางทีอ่านแล้วมันค้าง เราจะลงมือserchหาอ่านที่บอร์ดอื่นทันทีเลยเหมือนกัน. ก็เค้าอยากรู้นี่.

กอดๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 23-12-2011 00:57:14
สำหรับเรานะ...

อ่านไดทั้งนั้น แบบสั้นหรือยาว (อย่าเอาคำพูดนี้คิดไปถึงวายะ ขอร้อง)

อ่านแบบลงทีละตอนก็ดี...รอลุ้นรอติดตาม

ว่าแต่...นี่คือความคิดใคร นั่นสิ ใครคิด? ใช่โทโมก หรือจะเป็นวายะ(เราไม่เคยอ่าน อ่านเรื่องนี้เรื่องแรก ไม่รู้ว่าคนเขียนจะเอามาต่อจากเรื่องไหนรึเปล่าไง  :z3: )

แต่บทรักของวายะ...เอ่อ...ถ้าจะไม่สงสารโทโมกิเลย

แล้วแกจะบอกว่านุ่มนวลแต่แรกทำไมฮะ!!

ของน้องช้ำหมดแล้วววว  :angry2: :angry2: :angry2:

สู้ๆนะคะคนเขียน... :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 23-12-2011 01:57:35
ต่างฝ่ายต่างหา......
โทโมกิไม่รู้ตัว แต่วายะน่ะสิรู้หรือเปล่าว่าหาอะไรอยู่
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 23-12-2011 05:44:43
*Θ*
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 23-12-2011 10:49:57
ร้อนแรงกันจริงๆ  :pighaun:
นี่สินะที่ทำให้กลัวกันมากขนาดนั้น....หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 23-12-2011 13:18:54
 :m25: ไม่มีคำพูด
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Huasia ที่ 23-12-2011 13:39:22
มารอนะคะ


เรื่องนี้สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 23-12-2011 15:37:04
 :jul1: เจ็บแทน
รออ่านตอนต่อไปนะคะ ไม่รู้ต้องหามกันไปหาหมอรึเปล่า ลุ้นด้วยว่าวายะจะตามไปช่วยทันรึเปล่า :เฮ้อ:
ขอบคุณที่มาลงบอร์ดนี้ค่ะ ไม่งั้นไม่รู้จะไปตามอ่านที่ไหน :pig4:
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 23-12-2011 17:34:28



   ว้าวววว เรื่องของวายะซังเหรอเนี่ย
   คราวนี้หันมาเลี้ยงแมวดื้อ
   อย่างนี้ต้องติดตามซะแล้วววววว




หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Viper_Wa ที่ 23-12-2011 22:18:43
 :a5:.... :pighaun: :jul1: อั๊ยยะ!!!! ประกาศหาเลือดกรุ๊ป AB ด่วนนนนนนนนนนนนนนนน

ซาดิสม์+เถื่อนได้ใจผมมากเลยคร๊าฟ หุๆอย่างนี้แหละโดน  o13

แต่สงสารโทโมะนะ วายะก็รุนแรงไปยังไงไม่รู้ :o12:(เทวดาเข้าแทรก)....แต่ถึงงั้นก็เหอะยังไงก็...(เทวดาโดนเตะออกจากร่าง)

พระเอกซาดิสม์+เถื่อนจงเจริญ  :oo1: :laugh:

เป็นกำลังใจอัพต่อไปนะคร๊าฟผม  :call: :กอด1:
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 23-12-2011 22:39:20
 :jul1:  จมกองเลือดตายไปตามๆกันเลยยย
 :sad4:  โทโมะคงเจ็บมากเลยล่ะสิ   :o12:
รอตอนต่อไปนะฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 26-12-2011 15:08:54
โอ้บักวายะ ร้อนแรงจริงๆ *0*
รอดูผลงานจากการสอบของนาย -..- ~
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 26-12-2011 16:38:34
จะสงสารหรือสะใจดี

ช่วยไม่ได้ไปหาเรื่องเค้าก่อน
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 26-12-2011 21:26:41
จุก พูดไม่ออก
เอาไงดี .........................


สุดยอดค่า 55555555555555555555

 o13
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 26-12-2011 22:59:42
เจ็บเลยโทโมกิ แต่หนูก็รับไหวใช่ไหม
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 26-12-2011 23:19:05
หุหุ และแล้วโทโมะก็เสร็จวายะเรียบร้อย  :haun4:
ดูเหมือนวายะจะปิ๊งๆโทโมะนะเนี่ย ถึงร้ายแต่ก็น่ารักชิมิล่า  :o8:
แต่แบบ อืม.. วายะนี่ไม่มีออมแรงเลยนะ เดี๋ยวโทโมะก็ช้ำหมดหรอก  :z6:
ปล. อยากรู้จังว่าตอนนี้คนเขียนเขียนเรื่องไหนอยู่อ่ะคะ? อยากตามอ่านให้หมดเลย 55 ติดใจจริงจัง
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 26-12-2011 23:26:01
^
^
ลองหาเรื่อง come closer ในห้องจบแล้วดูนะคะ
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Mimimimi ที่ 29-12-2011 00:00:20
ชอบวายะ  ^ ^  ชอบมานานแล้ว  ดีใจอ่ะได้อ่านวายะต่อ
แต่เราก็คิดนะ ว่าวายะเหมาะกับคิริยูมากๆเลย
เป็นสองตัวละครที่ชอบมากๆเลยค่ะ
ส่วนกระต่ายน้อย  ไม่เท่าไหร่ 
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 30-12-2011 22:04:25
มาส่งท้ายปลายปีครับ

All I want # 5


ไอเย็นสัมผัสผิวจนรู้สึกหนาว  มือเล็ก ๆ ควานเปะปะหาผ้าห่มมาคลุมกาย  แต่ความตะครั่นตะครอไม่สบายตัวทำให้ไม่อาจหลับต่อได้  มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ...ทำไมถึงได้ร้าวระบมไปทั้งตัวแบบนี้  หรือว่าเขากำลังเป็นหวัด...แม้จะถามตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ได้คำตอบ  นอกจากอาการปวดเมื่อยที่มากขึ้นทุกที

สุดท้าย  โทโมกิจึงตัดสินใจลืมตาตื่น  ยิ่งรู้สึกตัวเต็มที่ก็ยิ่งร้าวระบมไปหมดทั้งตัว  เด็กหนุ่มค่อย ๆ พลิกตัวให้นอนหงาย  ในหัวมึนตื้อ  เขาพยายามนึกย้อนไปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

แต่สวรรค์ไม่ปล่อยให้เขาคิดนาน  เมื่อร่างสูงใหญ่ของใครบางคนเปิดประตูห้องเข้ามา  โทโมกิลุกพรวดขึ้นทันที  แต่แล้วก็ต้องคู้ตัวงอ  ยกมือขึ้นกดท้องน้อยครางโอดโอย

“อย่าอวดเก่งทำเป็นลุกได้ตอนนี้เลย  สภาพแกเมื่อคืนน่ะไม่ใช่คนที่จะออกไปไหนได้ในวันนี้หรอกนะ”  ผู้มาใหม่บอกพลางวางจานใส่อาหารเช้าลงบนเตียง

“ใช่เซ่!  แล้วมันเพราะใครกันล่ะ  ไอ้ควายวิตถาร!!”  โทโมกิขึ้นเสียง  แล้วก็รีบกัดปากงอตัวแทบจะเป็นกุ้งเมื่อความเจ็บปวดแล่นปลาบไปทั้งช่องท้อง

“หึ...ถึงฉันจะวิตถาร  แต่ใครบางคนก็วิตถารพอที่จะเสร็จด้วยฝีมือฉันเหมือนกันนี่นะ”  ถ้อยคำของวายะทั้งเหน็บแนมและเย้ยหยัน  “เอาละ  ไม่ต้องพูดมากแล้ว  กินซะ  แล้วจะได้กินยา”

โทโมกิมองจานอาหารตรงหน้าด้วยดวงตาเป็นประกายวาบ  ก่อนจะปัดมันลงจากเตียงเต็มแรง  แล้วก็จ้องหน้าวายะอย่างเอาเรื่อง  หากร่างสูงนิ่ง  ราวกับรู้อยู่แล้วว่าจะต้องได้เห็นปฏิกิริยาแบบนี้จากเด็กหนุ่ม

“กะแล้วว่าแกต้องทำแบบนี้ถึงได้ใช้จานพลาสติก”  น้ำเสียงเรียบเรื่อยฟังดูเหนื่อยหน่าย

แต่ในพริบตานั้น  วายะก็ฟาดมือลงกลางหลังโทโมกิทั้งที่สีหน้ายังไม่เปลี่ยน  เล่นเอาสำลักกระอักกระไอ  เขาลากเด็กหนุ่มลงจากเตียงแล้วผลักไปบนเศษอาหารที่กระจายอยู่บนพื้น

“แม่ไม่เคยสอนหรือไงว่าอย่าทำแบบนี้กับของกินน่ะ  หา”

ตรงจุดที่โดนฟาดเจ็บแปลบ  ไม่ต้องเห็นโทโมกิก็รู้ว่ามันคงขึ้นเป็นปื้นแดงเห็นชัด

“ไอ้ควายบ้า!  เจ็บนะโว้ย!!”  เจ็บทั้งเจ็บแต่ก็ยังตะโกนด่าอยู่ลั่น ๆ

“เก็บขึ้นมากินซะ  เสียของ”

“...หา?”  ไอ้ของที่กระจายอยู่บนพื้นเนี่ยนะ...ให้เขาเก็บกิน...เห็นเขาเป็นอะไร...  “จะบ้าหรือไง?  ไม่กิน!!”

“ฉันทำมาให้แกกิน  แกอยากกวาดมันลงพื้นเองทำไม  กินซะ  เดี๋ยวนี้!”  คำหลังเน้นเสียงสั่ง

“ไม่กิน!!”

ร่างสูงนั่งลงตรงหน้าโทโมกิ  แล้วก็ตบป้าบเข้าให้กลางอก  แรงสะเทือนนั้นราวกับจะทำให้หัวใจหยุดเต้นได้  และอย่างน้อยมันก็ทำให้ลมหายใจสะดุดขาดห้วงไปชั่วขณะ  วายะรู้ดีว่าการตบแบบนี้จะไม่ทิ้งรอยฟกช้ำไว้เหมือนการต่อย  แถมยังสร้างความเจ็บปวดได้มากกว่าเสียอีก

“กินเข้าไปซะ  หรือจะให้ฉันจับยัดปาก?”

หากโทโมกิยังคงนิ่งอย่างดื้อดึง  ชายหนุ่มมองดูอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ส่ายหน้าก่อนจะหยิบเศษอาหารบนพื้นมาวางคืนในจาน

“เอ้า  กินซะ”

จานอาหารยื่นพรวดไปตรงหน้าโทโมกิ  อาหารในจานวางเป็นระเบียบเรียบร้อยก็จริง  แต่อย่างไรเสียมันก็คือของที่ตกลงพื้นหมดแล้วทั้งนั้น  เด็กหนุ่มเบือนหน้าหนี

“ไม่กิน”

“โทโมะ...อย่าทำให้ฉันโกรธดีกว่านะ”

“คนที่โกรธน่ะ  มันฉันต่างหาก!!”

โทโมกิสะบัดหลังมือตบหน้าวายะเข้าให้เต็มรัก  แล้วก็รู้สึกว่าไม่ควรไปแหย่หนวดเสือแบบนั้น  แต่ก็สายไปเสียแล้ว  เมื่อถูกกระชากแขนดึงให้ลุกขึ้น  แรงบีบจากมือใหญ่และความเจ็บปวดที่ยังคงหลงเหลือจากเมื่อคืนทำให้เด็กหนุ่มร้องลั่น  แต่อีกฝ่ายไม่ฟังเสียง

วายะลากร่างเล็กถูลู่ถูกังไปที่ห้องอาบน้ำ  ผลักเจ้าเด็กที่ยังออกอาการขัดขืนดื้อดึงอยู่ลงไปในอ่างที่ใส่น้ำอุ่นไว้เต็ม  น้ำสาดกระจายไปทั้งห้อง  เด็กหนุ่มกลืนน้ำเข้าไปหลายอึกด้วยความตกใจก่อนจะตั้งสติตะกายขึ้นจากอ่างได้

“ทำบ้าอะไรของแก...!”  โทโมกิโวยทันทีหลังจากที่เลิกสำลักน้ำ

“ไม่อยากกินข้าวก็ต้องอาบน้ำ  สกปรก”  พูดพลางก็ปิดประตูห้องแล้วบิดล็อก

“สกปรกบ้าอะไรเล่า!  ฉัน...”  ในตอนนั้นเองที่โทโมกิเพิ่งรู้สึกตัวว่าทั้งร่างของตนยังคงเปลือยเปล่า

“เมื่อคืนแกวูบไปก่อน  แล้วฉันก็เหนื่อยเต็มที  เลยปล่อยให้แกนอนไปทั้งอย่างนั้น  ทีนี้รู้แล้วใช่มั้ยว่าตัวเองสกปรกแค่ไหน”  วายะถอดเสื้อยืดเนื้อหนาของตนออกโยนไว้ที่มุมหนึ่งของห้องอาบน้ำ  มันเปียกไปเยอะแล้ว  เขาไม่อยากสวมเสื้อเปียก ๆ นานนักในฤดูแบบนี้

“ทั้งหมดนั่น...เพราะแกไม่ใช่หรือไง!  ไอ้ควายวิปริต!”  เด็กหนุ่มคว้าขวดแชมพูใกล้มือเงื้อขึ้นหมายจะขว้าง  แต่ชายหนุ่มคว้าไว้ทัน

“เลิกฤทธิ์มากเสียทีได้มั้ย”  วายะแย่งขวดแชมพูจากมือโทโมกิ  ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงต้นขากระชากให้เสียหลักล้มลงไปในน้ำอีกครั้ง

โทโมกิพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นหากมือแกร่งจับเขากดไว้ไม่ปล่อย  อึดอัด...ทรมาน...พออ้าปากจะหายใจ  สิ่งที่ไหลเข้าไปในปอดกลับเป็นน้ำอุ่นร้อน  แล้วในวินาทีที่รู้สึกเหมือนสติกำลังจะหลุดลอย  ก็ถูกดึงขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็ว

วายะจับร่างเล็กพาดกับไหล่แล้วตบหลังแรง ๆ  โทโมกิสำรอกออกมาเป็นน้ำพลางกระอักไออยู่หลายครั้ง  กว่าจะสงบลงได้ก็ไร้เรี่ยวแรง  เด็กหนุ่มหอบสั่นอยู่กับไหล่หนากว้าง...ผู้ชายคนนี้น่ากลัว...เขาบอกกับตัวเอง...ไม่มีทางรู้เลยว่าวินาทีต่อไปวายะจะทำอะไรกับเขา  แม้จะไม่อยากยินยอมแต่สัญชาตญาณได้เรียนรู้แล้วว่าถ้าหากยังดื้อดึงต่อไปก็มีแต่จะเจ็บตัวมากขึ้นเท่านั้น  จึงได้แต่ซบนิ่งอยู่อย่างนั้น

โฮสต์หนุ่มเทสบู่เหลวลงบนใยขัดตัวแล้วค่อย ๆ ขัดถูฟองนุ่ม ๆ ไปบนเรือนร่างของโทโมกิ  ร่างกายนั้นรุมร้อน...เขารู้ดี  นั่นคือพิษไข้  แต่ถ้าไม่ทำความสะอาดเลยละก็อาการคงจะแย่กว่านี้...ถูกละ  ไม่ใช่ร่างกายภายนอกหรอกที่สกปรก  แต่เขาหมายถึงคราบไคลที่เขาทิ้งเอาไว้ในร่างของเด็กหนุ่มต่างหากที่ต้องจัดการให้ดี

เรียวนิ้วที่ลื่นด้วยสบู่แตะเข้าที่ร่องลับตรงบั้นท้าย  โทโมกิผวาขึ้นสุดตัว

“ไม่นะ!!”  ความเจ็บปวดที่ฝังอยู่ในสมองนำความกลัวแล่นมาจับหัวใจ  เด็กหนุ่มผลักร่างสูงออกห่างทันที  หากถูกรั้งเอาไว้

“อยู่นิ่ง ๆ  โทโมะ  ไม่งั้นจะเจ็บกว่านี้เยอะเลยนะ”  เสียงทุ้มต่ำกระซิบเหมือนจะปลอบ  แต่เนื้อหานั้นฟังยังไงก็เป็นการข่มขู่ชัด ๆ

หากโทโมกิก็ยอมอยู่นิ่ง  แม้จะเกร็งไปหมดทั้งร่าง  แต่เขาก็หวาดกลัวเกินกว่าจะขัดขืน...เขาไม่อยากจะเจ็บตัวแบบนั้นอีกแล้ว  ทว่าเมื่อนิ้วกร้านค่อย ๆ แทรกเข้ามาในร่าง  เด็กหนุ่มก็หวีดร้องออกมา  บาดแผลที่เกิดขึ้นเมื่อคืนถูกขยี้ให้เปิดออกอีกครั้ง  นิ้วของวายะไม่เพียงแต่ล่วงล้ำเข้าไปแต่ยังกวาดควานไปทั่วภายในที่ร้าวระบมนั้น  โทโมกิไม่รู้หรอกว่าวายะทำไปเพื่ออะไร  เขารู้แต่เพียงว่ามันเจ็บปวดแสนสาหัส  ไม่ได้น้อยไปกว่าที่โดนกระทำเมื่อคืนเลย  ทั้งร่างสั่นระริก  สองแขนยกขึ้นโอบกอดร่างสูงพลางซบหน้าลงกับไหล่แล้วสะอื้นฮัก

ชายหนุ่มกวาดเอาของเหลวขาวขุ่นที่จับตัวเป็นก้อนเหมือนเยลลี่ออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า  กระทั่งไม่มีอะไรติดนิ้วออกมาอีกจึงได้หยุด  แต่นั่นก็ทำให้โทโมกิทรมานจนแทบขาดใจ  เด็กหนุ่มร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย  เขาทั้งเจ็บปวดและอับอายเสียจนไม่มีอะไรจะให้อายอีกแล้ว  การกระทำของวายะหยามศักดิ์ศรีของเขาไม่เหลือดี  แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้น...เขากลับกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่นราวกับจะยึดเอาเป็นที่พึ่งเมื่อต้องทนรับความรวดร้าวอันยากจะทานทนนั้น

วายะอุ้มโทโมกิขึ้นจากอ่างแล้วล้างตัวให้เรียบร้อย  ถึงตอนนี้เขาก็เปียกเท่า ๆ กับคนในอ้อมแขนไปแล้ว  แต่ธุระยังไม่จบ  เขาใช้ผ้าขนหนูผืนใหญ่ห่อร่างเล็กไว้แล้วอุ้มกลับไปที่ห้องเดิม  วางลงบนเตียงตรงที่ไม่มีร่องรอยเลอะเทอะก่อนจะผละไปหาเสื้อมาให้ใส่

“...เสื้อผ้าของฉันล่ะ?”  โทโมกิถามขึ้นอย่างอ่อนล้าเมื่อวายะยื่นเสื้อผ้าสำลีตัวโคร่งใหญ่มาให้

“ทิ้งไปแล้ว”

ไม่รู้ว่าคำตอบนั้นจริงหรือเล่น  แต่โทโมกิก็เลือกที่จะไม่ถามต่อ  เขาล้าไปหมดทั้งร่างและรู้สึกอยากนอนเต็มทีทั้งที่เพิ่งตื่นมาได้สักพักนี่เอง

เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่ยอมรับเสื้อที่ส่งให้  วายะก็โยนมันกองไว้ข้างตัวเด็กหนุ่มแล้วจัดการคลี่ผ้าเช็ดตัวออกเช็ดร่างที่ยังเปียกชื้นให้จนเรีบร้อย  เสื้อที่วายะสวมให้ยาวคลุมสะโพก  ให้สัมผัสนุ่มนวลและอุ่นสบาย  โทโมกิค่อย ๆ เอนกายลงบนเตียง  ดวงตาปรอยปรือ  ทำท่าเหมือนจะหลับเสียเดี๋ยวนั้น

“อย่าเพิ่งนอน  ยังไม่ได้กินยาเลย”  เสียงของวายะราวกับลอยมาจากที่ที่ไกลแสนไกล

“...ไม่กิน...ง่วง...”  กระซิบตอบไปอย่างนั้นแล้วก็ขดตัวอยู่บนฟูกนุ่ม

วายะส่ายหน้าแล้วช้อนร่างนั้นขึ้นจากเตียง  โทโมกิหลับไปแล้วจึงไม่ได้เห็นว่าห้องที่เขาอาศัยนอนเมื่อคืนนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของห้องชุดในแมนชั่นระดับกลางแห่งนึ่งย่านชานเมือง  ลักษณะของห้องเหมือนกับห้องสำหรับครอบครัวทั่วไปที่มีสองห้องนอน  กับหนึ่งห้องโถง  มีเคาน์เตอร์ครัวขนาดเล็กและเฟอร์นิเจอร์นิดหน่อย  มันใหญ่เกินไปสำหรับอยู่คนเดียวก็จริง  แต่วายะก็ชอบที่จะอยู่ในห้องกว้าง ๆ มากกว่าห้องเดี่ยวสำหรับคนโสด  เหตุเพราะรสนิยมบนเตียงของเขา  มันไม่สนุกแน่ถ้าจะทำอะไรแล้วเพื่อนบ้านได้ยินกันหมด  ดังนั้นเขาจึงสั่งกรุผนังห้องนอนห้องหนึ่งให้มีสภาพเป็นห้องเก็บเสียง  และใช้ห้องนั้นหาความสำราญกับคู่นอนที่นาน ๆ จะพามาถึงบ้านสักคน  ในห้องโถงตกแต่งอย่างเรียบง่าย  มีเพียงโต๊ะกลางห้องกับตู้เย็นและชั้นวางของ  สภาพโดยรวมเรียกได้ว่ารก...ก็ตามประสาคนหนุ่มทั่วไป  วายะไม่ได้ทำตัวเป็นระเบียบเรียบร้อยอะไรนัก  หากถึงที่สุดจริง ๆ ก็จะจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดสักครั้ง  มีเพียงห้องนอนส่วนตัวและห้องเก็บเสียงเท่านั้นที่เขาลงมือทำความสะอาดเอง
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 30-12-2011 22:09:22
ชายหนุ่มใช้เท้ายันประตูห้องนอนให้เปิดออก  ในห้องนั้นมีเพียงเตียงเล็ก ๆ เตียงหนึ่งกับตู้เสื้อผ้าแบบติดผนังเท่านั้น  แต่ก็สว่างและดูปลอดโปร่งด้วยประตูกระจกที่เปิดออกไปสู่ระเบียงถูกรูดม่านเปิดให้แสงแดดของฤดูใบไม้ร่วงเข้ามาไล่ความมืดมนซึมเซาออกไป

วายะเขี่ยผ้าห่มออกแล้ววางร่างเล็กลงบนเตียง  โทโมกิหลับสนิทไปแล้วก็จริงแต่ยังไงก็ต้องให้กินยา  ตัวร้อนขนาดนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นไข้...และรู้ด้วยว่าเป็นไข้เพราะอะไร  ไม่มีใครหรอกที่มีเซ็กส์ครั้งแรกรุนแรงขนาดนั้นแล้วจะยังสบาย ๆ ได้อยู่น่ะ...

ชายหนุ่มออกจากห้องไปหยิบยาและน้ำเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง  แขนแกร่งช้อนร่างที่เพิ่งหลับสนิทขึ้นมาในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน  ยาลดไข้เม็ดเล็กค่อย ๆ ถูกป้อนเข้าปากที่อ้าเผยอน้อย ๆ  ก่อนจะจูบป้อนน้ำให้  โทโมกิที่ไร้สติสำลักนิดหน่อยแต่เมื่อวายะป้อนน้ำเพิ่มให้ก็ยอมดื่มเข้าไปโดยดี  พอเห็นว่าหนุ่มน้อยกินยาเรียบร้อยแล้ววายะก็วางร่างนั้นลงนอน

หมดธุระไปอีกหนึ่ง  แต่ยังไม่เรียบร้อย  เขายังต้องจัดการเอาผ้าปูที่นอนที่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งกามกิจไปซักแล้วเปลี่ยนผืนใหม่เสียก่อน  เขาจะให้โทโมกิอยู่ในห้องนั้น  ดังนั้นนอกจากเครื่องนอนแล้วยังต้องจัดการเรื่องอื่นอีกด้วย

ระหว่างที่ยืนมองเครื่องซักผ้าหมุนไปเรื่อย ๆ ชายหนุ่มก็ได้แค่ครุ่นคิด  เขาต้องการให้โทโมกิอยูที่นี่แต่ก็แน่ใจว่าเด็กหนุ่มต้องหนีแน่  ทำอย่างไรโทโมกิถึงจะไม่หนีไปจากเขา...ที่จริงมันก็ง่ายนิดเดียว  ก็แค่หาอะไรมาล่ามไว้เสียก็หมดเรื่อง  แต่มันยากตรงที่เขาไม่ชอบล่ามใครไว้โดยไม่จำเป็นนี่สิ  แมวดื้อ ๆ ที่ถูกล่ามมักจะทำตัวเองให้เจ็บตัวเสมอ...แต่เอาเถอะ  ลองล่ามไว้ดูก่อนแล้วกัน  ถ้าอย่างนั้น...ก็ต้องออกไปซื้อโซ่  ไหน ๆ ก็จะออกไปแล้ว  แวะไปหากาแฟดื่มเสียหน่อยก็คงได้  ยังไงเสียโทโมกิคงจะหลับไปอีกนานเป็นแน่

...

“ยินดีต้อนรับครับ  วายะซัง”  นัตสึเมะ  มาสเตอร์หนุ่มของร้านกาแฟเจ้าประจำเอ่ยทักทันทีที่เห็นหน้าวายะ

“หวัดดี  มาสเตอร์  เอาอย่างเดิมแล้วกัน”  โฮสต์หนุ่มสั่งแล้วก็นั่งลงที่เคาน์เตอร์

“ได้ครับ  รอสักครู่นะครับ”  แม้จะคุ้นเคยกันมากแล้ว  แต่นัตสึเมะก็ยังใช้ภาษาสุภาพกับวายะอย่างเสมอต้นเสมอปลาย  สมกับเป็นคนค้าขายที่ดี

“วันนี้ไอ้เหมียวจิตตกไม่มาเหรอ?”  ถามพลางเหลียวมองไปรอบ ๆ ร้านที่มีลูกค้าอยู่สองสามโต๊ะ

“คิริฮาระน่ะเหรอครับ  เห็นว่าวันนี้มีงานถ่ายแบบ  อาจจะแวะมาตอนเย็น ๆ มั้งครับ”  นัตสึเมะชงกาแฟตามขั้นตอนอย่างคล่องแคล่ว  ไม่ว่าจะเห็นสักกี่ครั้งก็ดูได้ไม่เบื่อ  นั่นเป็นเหตุผลที่วายะชอบนั่งที่เคาน์เตอร์อยู่เสมอ

“แปลว่าวันนี้มันจะไม่จิตตก”  พูดแล้วก็หัวเราะ

“ท่าทางอารมณ์ดีนะครับ  วันนี้  มีอะไรดี ๆ หรือเปล่า?”

“ก็นิดหน่อยน่ะ”  วายะตอบอย่างอมพะนำ

“ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรครับ  แต่อารมณ์ดีก็ดีแล้ว  ผมเห็นคุณดูไม่ค่อยดีมาหลายวันเต็มที”  พูดพลางก็ส่งถ้วยมัคสีดำเคลือบผิวทรายเป็นประกายระยิบ  ตรงขอบปากตัดเป็นเส้นสีเงินบาง ๆ ให้

“ถ้วยนี่อะไรกันน่ะ?”  ชายหนุ่มเลิกคิ้ว  เขารู้ว่าถ้วยกาแฟในร้านของนัตสึเมะไม่ได้เข้าเซ็ตเป็นโหล ๆ  แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นถ้วยใบนี้

“ไอ้เหมียวจิตตกมันซื้อมาให้ครับ  บอกว่าของวายะซัง”  นัตสึเมะบอกยิ้ม ๆ

“คิริยูน่ะนะ  ซื้อมาให้?”  วายะหมุนถ้วยตรงหน้าดู

“ครับ  ถ้วยประจำตำแหน่ง  เห็นว่างี้”

โฮสต์หนุ่มหัวเราะหึ  เขารู้ว่าคิริฮาระเป็นคนเลือกถ้วยกาแฟในร้านของนัตสึเมะ  เวลาไปเจอถ้วยสวย ๆ ที่ไหนก็จะซื้อมาให้  ทำให้ถ้วยกาแฟของร้านนี้ไม่เหมือนกันแม้แต่ชุดเดียว  แต่มีไม่กี่คนหรอกนะที่คิริฮาระจะซื้อถ้วยประจำตำแหน่งให้  เท่าที่เห็น...นอกจากเขาแล้วก็มีเพียงคิโยฮารุเท่านั้น  แม้แต่เจ้าตัวเองก็ยังไม่มีเสียด้วยซ้ำ  แล้วทั้งที่มักจะบ่นว่าจิกกัดเขาเสมอที่เจอกันที่นี่  แต่ก็ยังมีกระใจซื้อของแบบนี้มาไว้ให้  แถมยังเป็นถ้วยแบบที่เขาชอบเสียด้วย...ไอ้เหมียวบ้า  ปากกับใจไม่ตรงกันจริง ๆ

วายะละเลียดกาแฟอยู่ครู่หนึ่งก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขายังมีธุระอื่นที่ต้องทำ  ไม่สิ  ไอ้กาแฟนี่มันแค่ผลพลอยได้ในการออกจากบ้านมาเท่านั้น  คิดแล้วก็รีบดื่มกาแฟจนหมดก่อนจะจากมา

...

ร่างเล็กที่ยังหลับสนิทถูกวางลงบนเตียงที่เปลี่ยนผ้าปูที่นอนแล้ว  โซ่เส้นเท่านิ้วโป้งคล้องเข้าที่ลำคอเล็กเพรียวบางแล้วถูกล็อกเอาไว้ด้วยแม่กุญแจดอกเขื่อง  ปลายโซ่อีกด้านพันเข้ากับเสาเหล็กของหัวเตียงและล็อกด้วยแม่กุญแจเช่นกัน  วายะมองร่างที่ถูกพันธนาการนั้นแล้วก็ถอนใจเบา ๆ  เขาเป็น S ก็จริง  แต่ไม่ใช่ว่าจะชอบเรื่องพันธนาการเท่าไรนักหรอกนะ  ก็การทำให้ฝ่ายตรงข้ามยอมจำนนด้วยกำลังของตัวเองมันสนุกกว่ากันเยอะเลยนี่นา  แต่ตอนนี้เขายังไม่มีเวลาดูแลแมวตัวนี้เท่าไรนัก  ทำแบบนี้ไปก่อนแล้วกัน...หวังว่าเจ้านี่คงจะไม่อาละวาดจนเจ็บตัวเหมือนแมวตัวก่อนนะ

ชายหนุ่มคิดแล้วก็ออกไปทำงาน

...

แต่มันไม่เป็นไปอย่างที่วายะหวังไว้  โทโมกิกำลังอาละวาดกระชากโซ่ที่ล่ามคอไว้ตอนที่เขากลับมา  และคงทำแบบนั้นมานานพอสมควรแล้ว  เพราะที่ลำคอปรากฏแผลถลอกจนเลือดไหลซึมอยู่โดยรอบ  ชายหนุ่มรีบปราดเข้าไปรวบตัวไว้

“โทโมะ!  หยุด!!”

“ปล่อยฉัน!  ไอ้สารเลว!!  แกทำบ้าอะไร!  เอาโซ่นี่ออกไปนะ”  โทโมกิดิ้นรนทุบตีวายะไม่นับ

“หยุดดิ้นเดี๋ยวนี้นะ!  ฉันบอกให้หยุด!”  ร่างสูงคว้ามือเด็กหนุ่มยึดไว้แน่น  มือที่แข็งราวกับคีมเหล็กออกแรงบีบข้อมือเล็กราวกับจะให้แหลกรานคามือ  แต่โทโมกิที่โกรธจนคลั่งไม่ฟังเสียง

“ปล่อย!  ปล่อยกู!!  ไอ้สวะ  ไอ้ชาติชั่ว!  ปล่อยนะ!!”  พอใช้มือไม่ได้ก็เตะถีบเป็นพัลวัน  ทั้งที่ยังมีไข้อยู่แท้ ๆ  ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนะ

ยื้อไว้อย่างนี้ก็เสียแรงเปล่า  วายะฉกริมฝีปากกดแนบเข้ากับเรียวปากอิ่มที่กำลังโวยวายอยู่  ได้ผล...โทโมกิชะงักไปทันที  เรียวลิ้นร้อนรุกเข้าไปเกี่ยวกวัดรุกเร้ารวดเร็วอย่างไม่ให้ตั้งตัว  พอเห็นว่าเด็กหนุ่มเลิกดิ้นรนแล้ว  จึงได้ถอนปากออก

“หายบ้าแล้วใช่มั้ย?”

โทโมกิจ้องหน้าวายะราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ  กระชากมือที่ถูกยึดไว้ออกเต็มแรง  แต่ก็หลุดมาง่าย ๆ เมื่ออีกฝ่ายยอมปล่อยโดยดี  เด็กหนุ่มรู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางเอาชนะวายะได้  จึงเปลี่ยนเป้าหมายกลับไปที่สายโซ่ที่ล่ามเขาเอาไว้กับเตียง  มือเรียวกระชากสายโซ่เต็มแรง  แน่นอนว่ามันไม่มีผลอะไรนอกจากฝ่ามือที่เจ็บแปลบจากการถูกบาด

“ไอ้เด็กบ้า!  บอกให้หยุด!!”  วายะพุ่งเข้ามาคว้ามือนั้นไว้

สองมือถูกแย่งชิงอิสรภาพไปแล้ว  แต่คนที่กำลังโกรธจนคลั่งยังดิ้นรนต่อสู้  ฟันเรียบกัดฉับเข้าที่แขนของวายะ  ด้วยถูกจู่โจมแบบไม่ทันรู้ตัวทำให้โฮสต์หนุ่มสะบัดแขนออก

เมื่ออีกฝ่ายผละไปโทโมกิก็หันไปกระชากโซ่ต่อด้วยอาการเหมือนจะคุ้มคลั่ง  วายะกุมข้อมือที่ถูกกัดเมื่อกี้  ยืนมองเด็กหนุ่มนิ่ง  แค่ถูกล่ามเอาไว้นิดเดียวก็อาละวาดเสียขนาดนี้เชียวหรือ  สมกับเป็นแมวเถื่อน ๆ ที่เลี้ยงไม่เชื่องจริง ๆ...แต่แบบนี้สิ  มันถึงจะน่าเลี้ยง

ชายหนุ่มปลดเข็มขัดของตนออก  พันด้านที่เป็นหัวเข็มขัดไว้กับมือแล้วสะบัดฟาดลงกลางแผ่นหลังบอบบางของคนที่ยังสาละวนอยู่กับเครื่องพันธนาการอย่างแรง

“โอ๊ย!!!!”  โทโมกิสะดุ้งสุดตัว  หันขวับมาทันที

“ฉันบอกให้หยุด  ไม่ฟังใช่มั้ย”  ชายหนุ่มสะบัดเข็มขัดฟาดพื้นเป็นเชิงขู่  อีกฝ่ายถอยกรูดแต่สีหน้าแววตาไม่ได้บอกเลยว่าจะยอมฟัง  “ถ้ายังดึงโซ่อีก  ฉันจะฟาดแกให้ยับเลย”

โทโมกิกระถดถอยหลังไปอีกแต่ยังจ้องวายะไม่วางตา  พอชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ก็โถมเข้าใส่ทั้งตัวจนเสียหลักล้มไปลงบนพื้นด้วยกันทั้งคู่  เด็กหนุ่มตั้งตัวได้ก่อน  เขาคร่อมร่างวายะไว้แล้วกระหน่ำทุบตีไม่นับปากก็ตะเบ็งเสียงด่าพ่อล่อแม่ให้ลั่นไปหมด

วายะยกแขนขึ้นปัดป้อง  จริงอยู่ว่าเรี่ยวแรงของโทโมกินั้นแทบจะทำอะไรเขาไม่ได้  แต่เจ็บก็คือเจ็บ  และวายะไม่ชอบเป็นฝ่ายถูกทำให้เจ็บ  ทีแรกเขาคิดจะอดทนและหาทางสวนกลับด้วยวิธีที่ละมุนละม่อมกว่านี้ด้วยเห็นว่าอีกฝ่ายยังเด็ก  แต่พอมันชักจะเจ็บเข้าทุกที  ก็เหมือนฟิวส์ในสมองขาดออก

วายะผลักโทโมกิเต็มแรงจนหงายไปกระแทกเตียง  ลุกขึ้นยืนจังก้า  และก่อนที่โทโมกิจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร  สายหนังของเข็มขัดก็ฟาดเข้าที่แก้มเต็มรัก  ยังไม่ทันจะได้ร้องก็โดนซ้ำที่เข้าที่แขน  และหลังจากนั้นก็คือพายุสายหนังที่กระหน่ำเข้าใส่อย่างไม่ปรานี  โทโมกิพยายามถอยหนี  แต่วายะก็ตามมาเฆี่ยนตีไม่นับ  จนสุดท้ายต้องยกแขนขึ้นปิดป้องใบหน้าและขดตัวเพื่อป้องกันตัวเอง  เจ็บไปหมดทุกส่วนของร่างกาย  วายะไม่ได้สนใจเลยว่าสายหนังนั่นจะฟาดโดนตรงไหนบ้าง  ทั้งยังไม่ใส่ใจเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเด็กหนุ่มอีกด้วย

...ไม่ควรเลย  ไม่ควรไปทำให้วายะโกรธเลย...ในความเจ็บปวดที่ถูกประเคนเข้าใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า  โทโมกิรู้สึกราวกับจะขาดใจ...ถ้าตายเสียตรงนี้ก็จบ  เขาจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดอีก  ไม่ต้องถูกผู้ชายคนนี้ทำบ้า ๆ ด้วยอีก...แต่ยังมีอะไรที่เขายังไม่ได้ทำอีกตั้งเยอะ  เขายังอยากไปทะเล  อยากไปเทศกาลดอกไม้ไฟ  อยากลองกินสเปเชียลพาร์เฟต์ของร้านดังที่ชิบุยะ...และอยากมีความรัก...ถ้าตายไปในตอนนี้  เขาจะไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเดียว...แบบนั้นน่ะ...ไม่เอาหรอก...
หัวข้อ: Re: All I want # 4 (NC17) อัพเพิ่ม 22/12/54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 30-12-2011 22:17:49
“ขะ...ขอโทษ...ขอโทษครับ...”

เสียงแผ่วโหยร้องขอชีวิต  วายะชะงักมือ  เด็กหนุ่มนอนหายใจรวยรินอยู่ตรงหน้า  บนผิวส่วนที่พ้นเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ที่เขาเอาให้สวมปรากฏรอยแดงเป็นปื้นเต็มไปหมดและบางแห่งก็แตกจนเลือดซิบ  ไม่เว้นแม้แต่ที่ใบหน้า  โฮสต์หนุ่มยืนหอบหายใจจ้องร่างตรงหน้านิ่งงันไปชั่วขณะ  ก่อนจะปล่อยเข็มขัดลงพื้นแล้วรวบร่างนั้นขึ้นมาวางบนเตียง

โทโมกิสะอื้นน้อย ๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาเงียบ ๆ  ที่ผ่านมาเมื่อกี้คือความเจ็บปวดที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชีวิต  ตอนไปมีเรื่องวิวาทกับคนอื่นก็ยังไม่เคยต้องเจ็บตัวขนาดนี้มาก่อนเลย  วายะคงคิดจะฆ่าเขาให้ตายจริง ๆ สินะ...เขาทำผิดขนาดนั้นเชียวหรือ  แค่มีเรื่องกับผู้ชายคนนี้นิดหน่อยนี่  โทษของเขาร้ายแรงถึงขั้นนี้เชียวหรือ...แต่ในเมื่อคิดจะฆ่าเขาแล้ว  ทำไมถึงได้ทำสีหน้าแบบนั้น  ทำไมถึงได้มองเขาด้วยสายตาลังเลสับสนแบบนั้น...คนที่เจ็บปวดและสับสนน่ะมันเขาต่างหาก  แล้วทำไมวายะถึงทำหน้าแบบนั้น...

มือใหญ่ปาดเช็ดน้ำตาให้แผ่วเบาก่อนจะลุกออกจากห้องไป  โทโมกิหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน  ทั้งร่างแสบร้าวระบม  ไม่ใช่แค่นอกร่มผ้าหรอก  แต่เนื้อหนังข้างใต้เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งนี่ก็คงจะเต็มไปด้วยริ้วรอยและแตกยับไปหมด...วายะไม่เคยขู่เลย  เขาลงมือจริง ๆ อย่างที่พูดเสมอ

เสียงประตูห้องเปิดขึ้น  โทโมกิปรือตาขึ้นมอง  วายะกลับมาพร้อมกับอ่างน้ำเล็ก ๆ และผ้าขนหนู  โดยไม่มีคำพูด  ชายหนุ่มประคองร่างของโทโมกิขึ้นแล้วถอดเสื้อที่เด็กหนุ่มสวมอยู่ออก

ร่างเปลือยเปล่านั้นเต็มไปด้วยริ้วรอยจากการเฆี่ยนตี  วายะโอบร่างนั้นมาเอนพิงแนบอกของเขาไว้  ก่อนจะใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นค่อย ๆ เช็ดซับไปตามเรือนร่าง

“...เจ็บ...”  เด็กหนุ่มอุทธรณ์เสียงสั่น

“เช็ดตัวแล้วจะทายาให้  ทนหน่อย”  วายะบอกพร้อมกับพยายามเบามือลง  แต่ความอุ่นร้อนที่แนบลงไปโดนแผลก็ยังคงทำให้เจ็บแสบ

“...เจ็บ...ไม่เอาแล้ว...”  โทโมกิขยับหนี  แต่ก็ทำไม่ได้มากนักเพราะอ้อมแขนแกร่งโอบกอดไว้แน่น

“อย่าดื้อ  แล้วจะไม่เจ็บมาก”  โฮสต์หนุ่มบอกด้วยเสียงเข้ม ๆ

โทโมกิไม่เคยเชื่อคำว่า  “แล้วจะไม่เจ็บมาก”  ของวายะเลย  ค่าที่ว่ามันไม่เคยเป็นจริง  แต่เด็กหนุ่มก็ยอมนอนนิ่ง ๆ ให้วายะเช็ดตัวให้  พอเจ็บขึ้นมาก็ขยุ้มเสื้อของชายหนุ่มไว้แน่น  จนกระทั่งวายะจัดการกับร่างกายของเขาจนสะอาด

แต่ที่ตามมาเจ็บกว่านั้น  ยาทาแผลและบรรเทาอาการฟกช้ำแบบขี้ผึ้งที่วายะนำมาทาให้แสบร้อนจนแทบทนไม่ไหว  โทโมกิดิ้นรนพลางสะอื้น

“ไม่เอา...ไม่เอาแล้ว...พอแล้ว...”

“ทนหน่อยสิ  ทาแค่รอบเดียวเท่านั้นแหละ  พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องทาแล้ว”  วายะบอก  แต่เด็กหนุ่มไม่ฟังเสียง

“มันแสบ...ไม่เอา...”

โฮสต์หนุ่มถอนใจอย่างรำคาญ ๆ แล้ววางโทโมกิลงนอน  แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเลิกทายาให้  เขาขยับไปนั่งด้านปลายเท้าของเจ้าตัวเล็กแล้วค่อย ๆ ป้ายยาลงบนแผลที่น่องอย่างเบามือ  โทโมกิชักขาหนีด้วยรู้สึกเจ็บแปลบแต่วายะคว้าข้อเท้าของเขาไว้แล้วดึงกลับมา  จูบเบา ๆ ที่ปลายเท้าก่อนจะไล้ลิ้นไปตามเรียวขา  มือก็ค่อย ๆ กระจายเนื้อยาลงบนร่องรอยการบาดเจ็บบาง ๆ

เด็กหนุ่มสั่นระริก  ความรู้สึกสับสนไปหมดระหว่างความเจ็บปวดและความกระสันเสียว  ตัวยาให้ความร้อนและเจ็บแสบ  หากลมหายใจและริมฝีปากที่แนบลงมาบนผิวกายก็รุมร้อนราวกับเหล็กเผาไฟ  ชักพาสติให้กระเจิดกระเจิงหลงลืมความเจ็บปวดไปได้ชั่วขณะ

ในขณะที่ทำประหนึ่งการเล้าโลม  วายะก็ค่อย ๆ จัดการกับแผลของเด็กหนุ่มจนเรียบร้อย  จากที่ขา  ก็เป็นแขน  และแผ่นอก...ยอดอกสีกุหลาบถูกเรียวลิ้นหยอกล้อและครอบครองครั้งแล้วครั้งเล่า  ระหว่างนั้นมือใหญ่ก็ละเลงยาขี้ผึ้งลงบนบาดแผลที่หน้าท้องแบนราบ  ลูบไล้วนเวียนไปมาจนเจียนคลั่ง  สองแขนบอบบางยกขึ้นโอบรอบคอร่างสูง  แล้วก็ถูกดึงร่างให้พลิกขึ้นมานอนทาบทับอยู่บนอกกว้างของวายะ

“เห็นมั้ย  ถ้าไม่ดื้อก็ไม่เจ็บมาก”  ชายหนุ่มลูบผมสีดำนุ่มมือเบา ๆ

โทโมกิไม่ตอบหากเบียดกายเข้าหาน้อย ๆ เหมือนลูกแมวต้องการไออุ่น

“แต่ยังไม่เสร็จนะ  ทนต่ออีกหน่อยแล้วกัน”  ว่าพลางก็ป้ายขี้ผึ้งจากกระปุกมาทาลงบนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยแดงของโทโมกิเบา ๆ

“อ๊า...อือ...”  เด็กหนุ่มยิ่งกอดร่างสูงแน่นขึ้น  กดริมฝีปากกับแผ่นอกที่กรุ่นด้วยกลิ่นบุหรี่เพื่อระงับเสียงร้อง

“ถ้าเจ็บจนทนไม่ไหวละก็  จะจูบหรือกัดเล่นก็ได้นะ”  วายะบอก

ได้ตามคำนั้น  โทโมกิฝังเขี้ยวลงบนผิวของวายะครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อถูกป้ายยาลงบนแผลจัง ๆ  ในขณะที่ทำอย่างนั้นทั้งร่างก็กระตุกสั่นไปพร้อมกัน  ยิ่งมือใหญ่เคลื่อนต่ำลงไปหาสะโพกมากเท่าไร  ส่วนที่คร่อมอยู่บนต้นขาของร่างสูงก็ยิ่งบดเบียดเข้าหาจนกระทั่งรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นผ่านเนื้อผ้า

“แย่จริง  มีเซ็กส์ไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้น  ก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้วรึ”  วายะหัวเราะเบา ๆ  ทำสีหน้าเหมือนจะเอ็นดู

โทโมกิก้มหน้างุด  “มะ...ไม่รู้...”

“เอาเถอะ...จะเป็นยังไงก็เป็นไป  เอาแค่ไม่เจ็บไม่ร้องโวยวายก็พอแล้ว”

เซ็กส์และเรื่องลามกอนาจารเป็นสิ่งที่ทำให้หลงลืมความเจ็บปวดได้เป็นอย่างดี...นั่นเป็นเรื่องที่วายะเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง  และตอนนี้เขาก็ได้พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นแบบนั้นจริง  เด็กหนุ่มที่ก่ายเกยอยู่บนร่างของเขายังคงส่งเสียงคร่ำครวญก็จริง  แต่ไม่ใช่ด้วยความเจ็บปวด  หากเป็นเพราะถูกกระตุ้นจนซ่านเสียว  ในขณะที่มือหนึ่งทายาลงบนสะโพกบาง  อีกมือที่ว่างอยู่ก็หยอกล้อกับยอดอกเล็ก ๆ ที่แข็งเป็นตุ่มไต  แผลที่ช่องทางเร้นลับที่เขาทำเอาไว้เมื่อคืนก็ต้องทายา  ชายหนุ่มจึงป้ายนิ้วลงไปในหลืบร่อง

โทโมกิผวาขึ้นทั้งตัว  เกร็งร่างด้วยความหวาดกลัว  แม้การกระตุ้นที่ทำมาตลอดทั้งเรือนร่างจะให้ความรู้สึกดี  แต่ตรงจุดนั้นที่ถูกบังคับให้รับความเจ็บปวดแสนสาหัสมาแล้วมันคนละเรื่องกัน  ที่ตรงนั้นยังเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัว  กลีบดอกที่บอบช้ำหุบปิดแน่น

“ไม่เป็นไร  แค่ข้างนอกก็ได้  ข้างในของแกไม่ได้มีแผลอะไรหรอก”  วายะบอกพลางใช้ปลายนิ้วกดและบดคลึงลงบนปากทางนั้น

ตัวยาลื่น ๆ ให้ความรู้สึกแสบร้อน  โทโมกิแหงนเงยใบหน้าขึ้นเผยอหอบด้วยความรู้สึกทรมาน  แล้วก็ถูกเรียวลิ้นร้อนล่วงล้ำเข้าไปเกี่ยวกวัดค้นหาความหวานอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว  จูบครั้งนี้ไม่ได้ดุดันหรือขืนบังคับแม้แต่น้อย  ดังนั้น  ไม่นานนักเด็กหนุ่มก็ปล่อยอารมณ์ตัวเองให้เพริดไปกับรสจูบนั้น

ร่างเล็ก ๆ ผ่อนคลายลงจนปลายนิ้วกร้านผลุบเข้าไปในส่วนลี้ลับได้  วายะรู้สึกได้ถึงแรงกระตุกเกร็งรับสัมผัสนั้น  เขาไม่ได้ล่วงล้ำมากไปกว่านั้น  เป้าหมายในคืนนี้ไม่ใช่เซ็กส์...โทโมกิรับเขาไม่ไหวหรอกในสภาพร่างกายแบบนี้  หากหักโหมมากเกินไป  อะไร ๆ ที่เขาหวังไว้ว่าจะได้จากเจ้าเด็กตัวแสบคนนี้ก็จะพังทลายลงเสียหมด  เพราะงั้น  ตอนนี้เอาแค่ทายาให้เรียบร้อยก่อนก็พอ

ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกแล้วกระซิบถาม  “ไม่เจ็บนะ”

“มะ...ไม่...”  คำตอบสั่นกระเส่า

“ดี...ทีนี้ก็ที่คอ”  มืออีกข้างที่ว่างอยู่ดันสายโซ่ที่ล่ามคล้องลำคอเพรียวบางขึ้นให้พ้นรอยแผลถลอกอันเกิดจากการกระชากดึง

“อือ...อย่า...”

“พูดอยู่กับใครอยู่  หือ?”  ชายหนุ่มแกล้งถาม

“กับ...กับนายแหละ”

“แล้ว...ฉันชื่ออะไร  บอกไปแล้วใช่มั้ย?”  ริมฝีปากร้อนประทับลงบนรอยแผลเบา ๆ

“อ๊ะ...อือ...”  โทโมกิได้แต่ครางโดยไม่มีคำตอบ

“ลืมไปแล้วรึ  โทโมะ?”

“...อื้ม”  คำตอบรับอย่างว่าง่ายนั้นช่างน่าเอ็นดู

“งั้นจะบอกอีกครั้ง  จำไว้นะ  แล้วก็เรียกซะด้วย”  โฮสต์หนุ่มกระซิบมาจากที่ซอกคอ  “ฉันชื่อวายะ  ชุน  เรียกซิ”

“วา...ยะ...”  เสียงสั่นดังมาปนหอบด้วยปลายนิ้วที่ค้างคาอยู่ในร่างขยับเบา ๆ

“ไม่สิ  เรียกชื่อของฉัน”

“...ชุน...”

“ดีมาก”  วายะยิ้มแล้วขบหนัก ๆ ที่ลำคอขาว

“อา...ชุน...ไม่...ไม่เอา...โซ่...”  เด็กหนุ่มร้องขอ

“ไม่ชอบสินะ”

แทนคำตอบคือการพยักหน้ารับ

“ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกัน”  ชายหนุ่มพูดพลางใช้กุญแจที่ห้อยไว้กับสร้อยคอของตนไขแม่กุญแจที่ล็อกล่ามลำคอของโทโมกิออก  แล้วปลดโซ่ให้

ร่างเล็กถอนใจเยือก  แล้วก็ถูกมือใหญ่ขยับรั้งร่างเข้ามาแนบชิดมากขึ้น

“เดี๋ยวทายาที่คอก็เสร็จแล้ว”

ขี้ผึ้งใส ๆ ป้ายลงที่บาดแผล  แม้จะคุ้นชินกับความแสบร้อนที่เกิดจากยาแล้วแต่โทโมกิก็ยังสะดุ้งด้วยที่ตรงนั้นเป็นแผลสด  เรียวนิ้วที่ฝังอยู่ในร่างรีบขยับควานใช้ความซ่านเสียวเข้าหลอกล่อ

“อึ๊...อา...ชุน...”

“อีกนิดเดียว  ถ้าทนได้จะให้รางวัลนะ”

หลังจากถ้อยคำนั้นไม่เท่าไร  การทายาก็เสร็จสิ้นลง  โทโมกิซบร่างลงกับแผ่นอกของวายะอย่างไร้เรี่ยวแรง  แต่แล้วก็ต้องกระตุกวาบเมื่อวายะถอนนิ้วออกจากช่องทางเร้นลับ

“อดทนได้ดี  เอาละ  จะทำให้มีความสุขนะ”

โทโมกิไม่เข้าใจคำพูดนั้นจนกระทั่งมือใหญ่กอบกำร่างอันไวสัมผัสที่ตื่นตัวขึ้นมาแล้วของเขาไว้  อีกมือหนึ่งกำรวบเรือนผมที่ท้ายทอยแล้วดึงเบา ๆ ให้เงยหน้าขึ้นรับจูบอันแสนหวาน...เนิบช้า  นุ่มนวล...ทั้งจุมพิตและรสสัมผัสจากมือใหญ่โน้มนำความรู้สึกของเด็กหนุ่มให้หลงเคลิ้มตามไปได้ไม่ยาก  มือเล็ก ๆ เกาะขยุ้มเสื้อของร่างสูงไว้แน่น  ขยับสะโพกตามจังหวะการรูดรั้งอย่างลงตัว

แล้วที่สุดของปลายทางก็มาถึง  ทันทีที่รู้สึกว่าสะโพกบางกระตุกเกร็ง  วายะก็โอบร่างของโทโมกิมากอดไว้แนบแน่นกับอก  เขาขยับมือเร่งเร้าอีกไม่กี่ครั้งก็สามารถส่งเด็กหนุ่มถึงสวรรค์อย่างไม่ยากเย็น  หยาดแห่งอารมณ์หลั่งรดลงบนเสื้อของร่างสูง  แต่ความเปรอะเปื้อนนั้นไม่สำคัญอะไร  ที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดคือเด็กคนนี้ยอมรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจต่างหาก

ร่างเล็กซบนิ่งอยู่กับแผ่นอกหนา  ตัวยาที่ถูกทาไว้ทั่วร่างบรรเทาความแสบร้อนลงแล้ว  ไออุ่นจากผิวกายของวายะทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด...นานเท่าไรแล้วที่ไม่เคยได้สัมผัสไออุ่นแบบนี้  แล้วเสียงที่ดังอยู่ข้างหูเป็นจังหวะเนิบช้านี่คืออะไร...ไม่รู้สิ...แต่ตอนนี้ง่วงเหลือเกิน  ขอหลับสักพักแล้วค่อยคิดต่อได้ไหม...


คนในอ้อมกอดผล็อยหลับไปแล้ว  วายะจึงวางร่างนั้นลงกับเตียงแล้วทายาที่แก้มให้  ในห้องนี้ไร้แสงเดือนแสงตะวัน  แต่วายะก็รู้ว่านี่คงจะใกล้สางเต็มทีแล้ว  เขาห่มผ้าให้ร่างเล็กจนถึงคอแล้วเดินออกจากห้องไปสูบบุหรี่

เสื้อที่เปื้อนคราบไคลของเด็กหนุ่มถูกโยนลงตะกร้าผ้า  นึกอยากสนุกกับตัวเองเหมือนกันด้วยเหตุว่าเมื่อครู่นี้เขาต้องใช้ความอดกลั้นอย่างสูง  ทั้งสีหน้า  อาการ  และน้ำเสียงของโทโมกิมันยั่วยวนน้อยอยู่เมื่อไรล่ะ...แต่ในตอนนี้เขามีเรื่องกังวลใจที่จะต้องคิดให้ตก  จึงไม่มีอารมณ์พอที่จะปลดปล่อยตัวเองได้

ถ้าไม่ล่ามโซ่ไว้  โทโมกิก็จะหนี  แต่ถ้าล่ามไว้  ก็จะเป็นแบบวันนี้อีก...ส่วนตัวแล้วเขาก็ไม่ชอบโซ่  แต่ก็ยังไม่อยากให้โทโมกิหนีไปตอนนี้  ไอ้เรื่องที่ว่าการกระทำของตนตอนนี้มันจะนำมาซึ่งความผิดข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวอะไรนั้นเขาไม่ได้สนใจหรอก  เพียงแต่...เขาอยากเลี้ยงแมวตัวนี้  อยากเลี้ยงให้เติบโตไปเป็นเสือร้ายที่ใครต่อใครก็ต้องยอมสยบให้  เหมือนกับที่เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อนานมา

แล้วจะทำอย่างไรให้โทโมกิรอเขาอยู่นิ่ง ๆ ที่ห้องจนกว่าเขาจะเลิกงานกลับมา  ถ้าจับมอมเหล้าได้มันก็ง่ายหรอก  แต่เหล้าน่ะมันออกฤทธิ์ได้ไม่นานพอที่เขาต้องการ  แล้วถ้าเมาค้างขึ้นมาก็หมดสนุกกันพอดี  จะมีอะไรที่ทำให้โทโมกิอยู่นิ่งได้นานกว่าเหล้ามั้ยนะ...อะไรที่ออกฤทธิ์ได้นานและไม่ถึงกับหมดสภาพจนสนองความต้องการของเขาไม่ได้

พลันภาพหนึ่งก็แวบเข้ามาในสมอง...งานปาร์ตี้ที่มึนเมาไปด้วยเหล้าและยาที่เขาเคยไปร่วมด้วยในบางครั้ง  ใช่...ยา  แต่ต้องไม่ใช่ยาเสพติดอะไรพวกนั้น

วายะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์ที่ต้องการ  รอสายอยู่ไม่นานอีกฟากหนึ่งก็ตอบกลับมา

“สวัสดี  คุณหมอ...พอจะมียากล่อมประสาทบ้างมั้ย?”



(โปรดติดตามตอนต่อไป...ปีหน้าครับ)
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: theduchess ที่ 30-12-2011 22:47:51
-..- น่ากลัวตรงคำว่าปีหน้านี่แหละฮะ !
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 30-12-2011 23:29:39
วายะโหดไปไหม
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 30-12-2011 23:39:15
เป็นอีกเรื่องที่จะไม่พลาด  :L2:
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 31-12-2011 00:01:53
ตอนนี้มันหลายอารมณ์เหลือเกินค่ะ
จริงอยู่ที่น้องมันฤทธิ์มาก แต่ถอดเข็มขัดมาฟาดเนี่ย โหดจริงจังอะ วายะ สงสารน้องอะ
ที่จริง นายชอบเฆี่ยนด้วย ชอบทำแผลด้วยใช่ไหม
ชอบตอนโทโมกิเป็นแมวน้อยเถื่อนๆนะ เป็นแมวเถื่อนที่ไม่เชื่องแต่คิดว่าคงจะรู้จักปรับตัวให้เข้ากับความ S ของวายะได้
แต่ไอ้ยากล่อมประสาทเนี่ย.....กะทำให้น้องเป็นแมวซึมใช่ไหมวายะ แล้วมันจะไปสนุกอะไรเล่า!
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 31-12-2011 01:08:46
ตอนที่โทโมขดตัวร้องไห้นี่ เราร้องตามเลยนะ. อ่านไปร้องไป มาโซโหมดอีกแล้ว ตัวฉัน

สวัสดีปีใหม่. รออ่านต่อปีหน้าค่า ทั้งคุณคาคุโระ แล้วก็เพื่อนๆร่วมทู้นะ. มีความสุขทุกวันค่ะ
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 31-12-2011 12:02:17
วายะเล่นยากล่อมประสาทเลยแฮะ :a5:
โหดดีจริงๆ o13
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 31-12-2011 13:45:43
โว๊ะ ตอนแรกกำลังจะชมวายะว่าอ่อนโยนกับเค้าเป็นด้วยรึ
ไปๆมาๆ นี่กะเล่นยากล่อมประสาทกันเลยเร๊อะ !!!!
แต่ก็เอาเถอะ อย่างที่นายคิดถ้าไม่ทำอย่างนั้น แมวน้อยก็ไม่ยอมสงบ -..- ~

รออ่านต่อจ้า ^0^
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 31-12-2011 13:58:03
โฮ่ยยยยยยยยยย วายะเชี่ยวสุดยอดอ่ะ
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: ronlbb ที่ 31-12-2011 14:49:25
ปีหน้า  พรุ่งนี้นะ  เย้ๆๆ
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 31-12-2011 14:57:01


    จะว่าโหด. . . ก็ใช่
    จะว่าอ่อนโยน. . . ก็ใช่อีกนั่นแหละ
    ไงกันแน่ล่ะเนี่ย
    แต่ถึงขนาดต้องใช้ยากับเด็กตัวกระเปี๊ยกเลยเหรอ
    แล้วรอบที่แล้วยูคุงโดนอะไรเข้าไปล่ะ



หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 31-12-2011 15:15:07
เรืองนี้ SM แบบสมบูรณ์แบบมากๆ  ชอบๆ
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 31-12-2011 17:52:19
คำจำกัดความเรื่องนี้

สนุก โหด ค้าง เหมือนเดิม  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:



 :z6: :z6: :z6: :z6:


 :a5: :a5: :a5: :a5:

 
:z10: :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 31-12-2011 18:08:04
ยากล่อมประสาทเลยเหรอ o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 31-12-2011 20:34:32
วายะโหดไปป้ะอ่ะ

สงสารน้อง

เฮ้ออออออ
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 01-01-2012 10:02:22
วายะบ้าอ่ะ บทจะโหดก็โหด บทจะพระเอก็พระเอ๊กพระเอก
 :angry2: :angry2:

สนุกมาก จะติดตามตอนต่อไปนะค่ะ
อยากให้อัพเร็วๆ ว๊อนอย่างแรง 55555555555 55

สวัสดีปีใหม่ค่าา~ มีความสุขกับการเขียนมากๆน้า.. : )

 :กอด1:


หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 01-01-2012 14:41:20
อุตส่าห์มองว่าวายะอ่อนโยนที่ไหนได้...
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 03-01-2012 12:17:10
เง้ออออ เล่นยากล่อมประสาทกันเลยเรอะ   o22
แต่ก็นะ.... รอตอนต่อไปฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 03-01-2012 23:49:49
รออ่านอยู่น่าา
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: sapphire_yaoi ที่ 04-01-2012 18:47:51
ชอบค่ะหนุกมากมาย :o8:

มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Beast12honey ที่ 05-01-2012 03:58:35
=w= ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 05-01-2012 16:00:53
มันจะเร็วไปไม๊ถ้าเค้าจะมานั่งรอเนี่ย
ไม่สนละ ปู้ชเสื่อกางเต๊นท์รอเลยละกัน จะมาเมื่อไหร่ก็มา สู้
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 05-01-2012 16:48:20
เจ็บแทนเลย ฟาดกระหน่ำขนาดนั้น แต่ค่อยดีมาหน่อยตอนมาปลอบทีหลัง
นี่ก็อีกรูปแบบของตบจูบแบบพิศาล อิอิ
รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 07-01-2012 11:56:11
สวัสดีปีใหม่ครับ
ไม่อยากจะบอกว่าเมื่อคืนลืมครับ...มัวแต่เล่นเกม  แหะๆ

All I want # 6

ร่างเล็กบอบบางซบนิ่งอยู่กับแผ่นอกกว้างของวายะ  ร่างแห่งความปรารถนาอันแข็งแกร่งยังคงฝังกายอยู่ในช่องทางเร้นลับของเขา  โทโมกิหอบฮักและสั่นระริกไปทั้งร่าง

“ทำต่อสิ  โทโมะ”  บอกพลางขยับเอวเข้าหาเป็นการกระตุ้น

“มะ...ไม่ไหว...แล้ว...”  เด็กหนุ่มตอบด้วยเสียงสั่นกระเส่า

“ยังจะพูดแบบนั้นอีก  ร่างกายแกยังมีความต้องการอยู่ไม่ใช่หรือไง”  วายะย้อนแล้วจับร่างนั้นให้ลุกขึ้นนั่ง

ใช่...ยังต้องการอย่างเปี่ยมล้นเลยละ  ก็ในเมื่อหลายชั่วโมงก่อนวายะได้บังคับให้เขากินยาแปลก ๆ เข้าไป  และมันทำให้เขามีความต้องการมาจนถึงตอนนี้  แต่...ร่างกายของโทโมกิไม่ไหวแล้ว  เขาถูกทำให้เสร็จสมครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่เหลือเรี่ยวแรงจะขยับตัวอีกแล้ว

แต่ในเมื่อวายะสั่ง...ก็ต้องทำ...

เด็กหนุ่มวางมือทั้งสองลงกับหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแล้วพยายามจะขยับสะโพก  แต่สองขาก็อ่อนล้าเกินกว่าจะพยุงตัวไหว  วายะถอนใจฉิว ๆ

“เอาละ  ไม่ไหวก็ไม่ไหว  แต่ถ้าอยากให้ฉันทำให้จนเสร็จละก็  ลองบังคับฉันให้ได้ดูสิ  แบบที่สอนไปไง”

โทโมกิเบิกตากว้าง...แบบที่สอนงั้นหรือ...จะให้เขาตวาดหรือทุบตีวายะน่ะเหรอ  จะเป็นไปได้ยังไง  ถ้าทำลงไปมีหวังโดนเฆี่ยนด้วยเข็มขัดหนังอีกแน่  ก็ที่ผ่านมา  ทุกครั้งที่ดื้อดึงกับวายะก็จะถูกสั่งสอนอย่างทารุณ...ไม่เอาหรอก  เขาทำไม่ได้หรอก...

เด็กหนุ่มส่ายหน้า  “ไม่เอา...ทำไม่ได้...”

“ยังไม่ได้ลองจะรู้ได้ยังไง  ปกติก็อาละวาดสารพัด  มาตอนนี้จะบอกว่าทำไม่ได้ได้ยังไง  หือ?”  มือใหญ่ขยุ้มเรือนผมสีดำขลับดึงให้เงยหน้าขึ้นมามองเขา  “ตบฉันสิ  โทโมะ”

ด้วยดวงตาที่จ้องมาอย่างบังคับขู่เข็นนั้น  โทโมกิยกมืออันสั่นเทาขึ้นแล้วตบเข้าที่ใบหน้าของชายหนุ่มด้วยแรงทั้งหมดที่มี

“แรงกว่านี้”

เด็กหนุ่มตบซ้ำอีกครั้ง

“แรงกว่านี้อีก”

...และอีกครั้ง

“ทำได้แค่นี้หรือไง!?”  มือใหญ่หวดป้าบเข้าที่กลางหลังของโทโมกิอย่างขัดเคืองจนเด็กหนุ่มสำลักอากาศ  “ให้มันแรงกว่านี้อีกเซ่!”

โทโมกิหลับหูหลับตากระหน่ำกำปั้นทุบตีโฮสต์หนุ่มตามคำสั่งนั้น  แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มไม่สะดุ้งสะเทือนซ้ำยังมองมาด้วยสายตาดุดันก็ชะงักมือและสั่นด้วยความหวาดกลัว

เขาทำตามที่วายะสั่งไม่ได้...ไม่เคยทำได้...ต้องโดนเฆี่ยนอีกแน่...

“ขอโทษ...ขะ...ขอโทษ...ขอโทษครับ...”  โทโมกิยกมือขึ้นปิดหน้า  ร้องบอกปนสะอื้น

วายะขมวดคิ้วอย่างขัดใจ  มือแกร่งยกร่างเล็กขึ้นจากร่างของตน  โทโมกิหวีดร้องออกมาเบา ๆ เมื่อสิ่งที่ฝังกายอยู่ในกายเขามาเป็นเวลานานจนรู้สึกราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายถูกถอนออก

เด็กหนุ่มถูกผลักลงนอนบนเตียง  เขามองคนที่ผละจากไปอย่างไม่เข้าใจ  คลื่นความร้อนแห่งความปรารถนายังคงซ่านไปทั้งร่าง...ไม่นะ...อย่าทิ้งเขาไว้แบบนี้

แต่เพียงไม่นานนัก  วายะก็กลับมาพร้อมกับแท่งซิลิโคนที่ทำเป็นรูปอวัยวะเพศชาย  เขาแยกขาของโทโมกิออกแล้วสอดสิ่งนั้นเข้าไปในร่าง

“อ๊า!!”  โทโมกิกระตุกขึ้นทั้งร่าง  กระถดหนี

หากวายะยึดสะโพกนั้นไว้แล้วดันสิ่งนั้นเข้าไปจนสุดทางก่อนจะกดสวิตช์ให้มันสั่นสะเทือนและหมุนควง

“ไม่!...ไม่เอา...อ๊า!!”  เด็กหนุ่มดิ้นเร่า

“ไม่เอาอะไรล่ะ  ไอ้นี่ก็ทำให้แกเสร็จได้เหมือนกันแหละ”  โฮสต์หนุ่มลุกมายืนดูข้างเตียง

โทโมกิส่งเสียงครางด้วยริมฝีปากสั่นระริก  ใช่...เขารู้ว่าเจ้าของเล่นนี่ทำให้เขาถึงสวรรค์ได้  แต่เขาต้องการวายะ...ต้องการไออุ่นของอ้อมกอดนั้น  แม้มันจะโหดร้ายสักแค่ไหนก็ตาม...อย่าปล่อยเขาไว้คนเดียวอย่างนี้

มือเล็กเอื้อมมาหาร่างสูง

“...ชุน...”

พูดได้แค่นั้นแล้วก็ผวาเยือก  เมื่อท่อนยางนั้นกระทบเข้ากับจุดอ่อนไหวในร่าง

“อ๊า!...อือ...ไม่เอา...”  ทั้งที่เกร็งจนสั่นไปหมดแต่โทโมกิก็พยายามไขว่คว้าหาวายะ  “ชุน...ช่วยด้วย!...ชุน!!”

เสียงร้องเรียกทั้งน้ำตาทำให้หัวใจของชายหนุ่มกระตุบวูบ  เขารีบโอบร่างเล็กขึ้นจากเตียงมากอดไว้แล้วดึงเจ้าของเล่นนั่นออก  ก่อนจะแทนที่ด้วยร่างของตน  โทโมกิสะดุ้งเฮือกโอบกอดร่างสูงไว้แน่น  สองแขนแกร่งสอดเข้าใต้เข่าพับของเด็กหนุ่มยกดันขึ้นให้ร่างนั้นเปิดกว้างเพื่อรองรับเขาได้เต็มที่  แก่นกายแข็งขึงรุมร้อนเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไปของโทโมกิจนไม่เหลือช่องว่าง  โทโมกิจิกเล็บกดครูดแผ่นหลังกว้างเพื่อระบายความกระสันเสียวที่กระแทกเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า  โอบรัดสองขาเข้ากับบั้นเอวแกร่งราวกับจะเรียกร้องให้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน  ซึ่งก็ได้รับการตอบสนองด้วยอุ้งมืออุ่นร้อนที่เข้ากอบกำร่างที่พร้อมจะปะทุขยับรูดให้  ในสภาพที่เหมือนลอยอยู่กลางทะเลคลั่ง  โทโมกิคร่ำครวญเรียกชื่อผู้ที่ครอบครองเขาอยู่ไม่ขาดปาก

“ชุน...อ๊ะ...ชุน...ไม่ไหว...แล้ว...”

ไม่ใช่แค่โทโมกิหรอก  วายะเองก็แทบจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน  ร่างเล็กบอบบางนี้โอบรัดเขาแน่นเสียจนเจียนคลั่ง  ไหนจะเสียงหวานกระเส่าที่กระซิบเรียกชื่อเขาอยู่ข้างหูนี่อีกล่ะ...ตั้งแต่รู้จักเรื่องบนเตียงมา  ยังไม่เคยมีใครแสดงความต้องการในตัวเขามากเท่าเด็กคนนี้มาก่อนเลย...ทั้งที่ต่อต้านและหวาดกลัว  แต่กลับต้องการอ้อมกอดของเขา...ทั้งที่เป็นอย่างนั้น...

“อึ่ก...โทโมะ...”

ปลายทางสวรรค์เปิดรออยู่ตรงหน้าแล้ว  วายะโถมกายเข้าหาร่างเล็กสุดกำลังเป็นครั้งสุดท้าย

“อะ...อ๊า!  ชุน!!...อ๊า!!!!”

โทโมกิหวีดก้องเมื่อความปรารถนาทั้งหมดถูกขับดันให้ทะลักทลายออกมาพร้อม ๆ กับที่ชายหนุ่มก็ฉีดพ่นความต้องการเข้าไปในร่างของเขา

ภาพตรงหน้าดับวูบเหมือนเทปที่ฟิล์มขาด  สิ่งสุดท้ายที่รู้สึกได้คืออ้อมแขนที่กอดร่างของเขาไว้แน่น...อบอุ่น...และมั่นคง...

...

ร่างไร้สติถูกนำลงอ่างอาบน้ำและได้รับการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน  มือใหญ่ขัดถูลูบไล้ไปตามเรือนร่างเล็กบอบบางช้า ๆ อย่างทะนุถนอม  บนร่างกายของโทโมกิยังมีรอยช้ำกระจายอยู่เต็มไปหมด  ทั้งรอยจูบและร่องรอยจากมือของเขาที่มักจะออกแรงบีบหรือกดไว้แน่น...เขาทำรุนแรง...ใช่  เขารู้ว่าเขาทำแรงเกินกว่าที่โทโมกิจะรับได้ด้วยซ้ำ  ทั้งนี้ก็เพราะเขาต้องการให้เด็กคนนี้เป็นอย่างใจเขามากเกินไป

วายะรูดคราบไคลที่ติดอยู่บนเรือนผมสีดำนุ่มมือออก  บางทีเขาอาจจะฝืนทำจนเกินไป  แต่ตอนที่ทำกับคิริฮาระก็แบบนี้ไม่ใช่หรือ  เอาละ...คิริฮาระในตอนนั้นอายุมากกว่าโทโมกิก็จริง  แต่ก็ไม่เท่าไรไม่ใช่หรือ  แล้วทำไมโทโมกิถึงยังเป็นแบบนั้นไม่ได้เสียที

“...หรือเพราะเราใช้ยามากเกินไป”  โฮสต์หนุ่มพึมพำกับตัวเองพลางจูบซับหยาดน้ำจากขนตาที่ปิดพริ้ม  ก่อนจะอุ้มโทโมกิขึ้นจากอ่างอาบน้ำแล้วห่อร่างด้วยผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่

นับตั้งแต่วันที่โทโมกิอาละวาดกระชากโซ่ที่เขานำมาล่ามคอไว้จนเป็นแผล  วายะก็เปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นที่จะใช้กักตัวเด็กหนุ่มเอาไว้ได้  เขาคิดถึงยากล่อมประสาทที่มักจะใช้ในปาร์ตี้มั่วสุม  แต่มันอาจจะแรงเกินไปสำหรับเด็กตัวแค่นี้และที่สำคัญคือมันเป็นยาเสพติด  เขาไม่ต้องการให้โทโมกิใช้การไม่ได้ก่อนเวลาอันควร  ชายหนุ่มจึงโทรไปหาหมอเถื่อนที่รู้จักกัน  ยากล่อมประสาทแบบที่ใช้กับผู้ป่วยน่าจะให้ผลอย่างที่เขาต้องการได้

เขาผสมยาลงไปในอาหารและเครื่องดื่มที่ทำให้โทโมกิ  แม้เด็กหนุ่มจะทำท่าปฏิเสธอาหารของเขาอยู่เสมอแต่ดูท่าจะไม่ระแคะระคายว่ามีอะไรปนอยู่ในนั้นเลย  หลังจากได้รับยาเข้าไป  โทโมกิก็เป็นเด็กดีว่าง่ายอยู่ในห้องของเขา  ระหว่างที่เขาออกไปทำงานจนกระทั่งกลับเข้าบ้าน  โทโมกิจะมึนซึมด้วยฤทธิ์ยาอยู่บนเตียง  ไม่อาละวาดหรือพยายามจะหนีอีกต่อไป

แต่เพราะอย่างนี้หรือเปล่า  ดูเหมือนโทโมกิจะจำสิ่งที่เขาสอนไม่ค่อยได้เลย

วายะวางร่างเล็กในเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขาลงบนเตียง  ไม่ใช่ในห้องเก็บเสียงที่ใช้กักขังโทโมกิเอาไว้  แต่เป็นในห้องนอนของเขาเอง  อย่างน้อยในยามหลับ  เขาก็อยากให้เด็กหนุ่มได้นอนสบาย ๆ บ้าง

พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว  แต่ในห้องนอนของวายะยังคงมืดสลัวด้วยผ้าม่านหนาหนักรูดปิดประตูกระจกที่เปิดไปสู่ระเบียงไว้  สำหรับคนที่ใช้ชีวิตตอนกลางคืนอย่างเขา  ตอนนี้คือเวลาเข้านอน  วายะเอนกายลงข้าง ๆ โทโมกิแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มคลุมให้  อากาศในช่วงเดือนนี้เย็นลงมากแล้ว  และคงเพราะอย่างนั้น...พอรู้สึกถึงไออุ่นจากร่างของวายะ  เด็กหนุ่มก็ขยับซุกตัวเข้าหาทันที

โฮสต์หนุ่มยิ้มบาง ๆ กับท่าทางนั้น...สักวันหนึ่ง  เมื่อเขาสอนทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้ว  โทโมกิจะต้องเป็นได้ยิ่งกว่าคิริฮาระคนนั้นแน่...
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 07-01-2012 12:00:29
บ่ายกว่าแล้วที่วายะลุกจากเตียงมาอาบน้ำแต่งตัวและออกจากบ้าน  เขาทิ้งโทโมกิไว้ที่ห้องนอน  เพราะอย่างไรเสียเด็กหนุ่มก็คงไม่ตื่นง่ายนักและเขาก็ต้องกลับเข้าไปก่อนออกไปทำงานอยู่แล้ว  ร่างสูงเดินเรื่อยเปื่อยไปตามถนนที่เริ่มมีเศษใบไม้ร่วงกระจายอยู่  จุดมุ่งหมายคือร้านกาแฟเล็ก ๆ ข้างมหาวิทยาลัยที่เขามักแวะเวียนไปเป็นประจำ  ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีเสียงเอ่ยทัก

“สวัสดีครับ  วายะซัง”

“หวัดดี  มาสเตอร์  วันนี้ขายดีมั้ย?”  วายะทักทายคนในชุดผ้ากันเปื้อนที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์

“ลูกค้าเพิ่งหมดเมื่อสักพักนี่เองครับ  สงสัยเขารู้ว่าวายะซังจะมา”  นัตสึเมะบอกพลางหัวเราะ  “เอาเหมือนเดิมสินะครับ”

“อื้ม”  รับคำสั้น ๆ แล้วก็ลงนั่งที่เก้าอี้ไม้ตัวสูงหน้าเคาน์เตอร์  เขาชอบมาที่ร้านนี้ตอนบ่ายก็เพราะไม่ค่อยมีลูกค้าแล้วนี่แหละ  เขาไม่ชอบอะไรที่มันวุ่นวายเกินไปนัก

“นัตสึเมะ!!”  ความเงียบสงบของวายะถูกทำลายลงด้วยร่างเพรียวที่เปิดประตูเข้ามา

“จะตะโกนทำไม  ร้านก็มีอยู่แค่นี้  เรียกเบา ๆ ก็ได้ยินแล้ว”  นัตสึเมะบ่นพลางตวงผงกาแฟเข้าเครื่องชงอย่างไม่สนใจอะไรมากนัก

“เดี๋ยวนี้พูดงี้เหรอ  ใจร้าย”  อีกฝ่ายบ่นกระปอดกระแปด

“ก็นายมันหนวกหู”  คนที่สวนกลับไปคือวายะ  เป็นผลให้ร่างที่ยืนอยู่หน้าประตูส่งสายตาขุ่นเขียวมาทันที

“ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่  วายะ?”

“แล้วทำไมจะมาไม่ได้  มาสเตอร์เขาไม่ได้ห้ามไม่ให้ฉันมานี่  คิริยู”  วายะยักไหล่พลางส่งยิ้มยียวนไปให้เจ้าของเรือนผมสีแดงยาวที่ก้าวฉับ ๆ เข้ามาหา

“นัตสึเมะไม่ห้าม  แต่ฉันห้ามเฟ้ย”

“นี่ ๆ...นายมีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้ลูกค้าเข้าร้านฉันเนี่ย  คิริฮาระ”  นัตสึเมะวางถ้วยกาแฟลงตรงหน้าวายะพลางถามด้วยสีหน้าเบื่อ ๆ

“ไม่รุ  ฉันช่วยนายทำร้านมา  ฉันมีสิทธิ์”  เถียงไปข้าง ๆ คู ๆ แล้วก็ทำหน้าหงิก

“ไปกินรังแตนมาจากไหนอีกแล้วล่ะ”  วายะถาม  เขารู้ว่าที่คิริฮาระโวยวายแบบนี้ไม่ได้มีอะไรหรอก  ก็แค่เด็กที่อยากเอาชนะเท่านั้นเอง

“ก็โอโนเสะซังน่ะสิ”  คิริฮาระเริ่ม  “บอกให้ฉันไปทำงานที่คลับระหว่างที่ยังไม่มีงานถ่ายแบบ”

“ที่คลับ?”  นั่นหมายถึงโฮสต์คลับใต้ดินที่วายะทำงานประจำอยู่  โดยปกติคิริฮาระอาจจะแวะไปที่คลับบ้างเมื่อมีจัดโชว์พิเศษ  หรือบางทีไม่มีโชว์ก็ไปพบวายะเพื่อหาความสนุกตื่นเต้นให้ชีวิตบ้างอยู่แล้ว  ไม่เห็นมีอะไรต้องหัวเสียสักนิด  “แล้วไง?”

“แล้วไงเรอะ  ก็ฉันไม่อยากทำ”  นายแบบหนุ่มยังดูหงุดหงิดเต็มที่

“เกิดจะดัดจริตไม่อยากทำขึ้นมาอะไรตอนนี้  ปกติก็แวบไปบ่อย ๆ ไม่ใช่เรอะ”

“แต่คิโยะไม่อยากให้ฉันทำงานโฮสต์”

โฮสต์ของลูนาติก  ลัสท์ก็ไม่ต่างอะไรกับการขายตัว  เพราะส่วนมากแล้วมักจะไม่จบแค่การเฆี่ยนตีในห้องพิเศษ  หลายครั้งที่มันต้องไปจบบนเตียงก็เพราะโฮสต์เองนั่นแหละที่ระงับความต้องการของตัวเองไม่ได้  และคิริฮาระก็รวมอยู่ในพวกที่มักจะเป็นแบบนั้นเสียด้วย...ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก  เพียงแต่ตอนนี้นายแบบหนุ่มมีพันธะหัวใจเสียแล้ว  จึงพยายามเต็มที่ที่จะทำตามสัญญาที่ให้กับคนรักให้ได้  คิริฮาระพยายามทำงานอยู่แค่ในขอบข่ายของงานนายแบบ  จะมาหาเศษหาเลยบ้างก็ต่อเมื่อมีความต้องการจนทนไม่ไหวแล้วเท่านั้น

“ก็บอกท่านประธานไปสิว่ากระต่ายของนายไม่ให้ทำ”

“บอกแล้ว  แต่โอโนเสะซังบอกว่าถ้าอยากได้เงินไปซื้อบ้านเดี่ยวก็ต้องทำงานเยอะ ๆ”

วายะกับนัตสึเมะส่ายหน้า  เรื่องบ้านเดี่ยวนั่นคือสัญญาที่คิริฮาระให้ไว้กับคิโยฮารุผู้เป็นคนรัก  โดยหมายมั่นปั้นมือจะลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวด้วยกันในสักวันหนึ่ง...ซึ่งในความคิดของทั้งสองคนแล้ว  มันเด็กสิ้นดี  พวกเขาไม่คิดว่าคิริฮาระจะซื้อบ้านจริง ๆ ด้วยซ้ำ

“งั้นก็ไปทำซะ  จบ”  วายะตัดบทเอาดื้อ ๆ แล้วยกกาแฟขึ้นดื่ม

“แต่...ไม่อยากทำโฮสต์นี่  ถ้าคิโยะรู้ว่าผิดสัญญาละก็ต้องโกรธแหงเลย”  คิริฮาระทำหน้ามุ่ยพลางรับถ้วยกาแฟจากนัตสึเมะ  “แต่ถ้าแค่ขึ้นโชว์ก็ไม่เป็นไร”

“แล้วมันต่างกันตรงไหนวะนั่น?”  วายะขมวดคิ้ว...ก็ในเมื่อการขึ้นโชว์ที่ว่านั่นหมายถึงการแสดงการร่วมเพศบนเวทีให้แขกชมดี ๆ นี่เอง

“เวลาโชว์ก็แค่กับนายไง”

“กับฉันแล้วมันต่างจากกับแขกตรงไหน?”

“กับวายะไม่ถือว่านอกใจหรอก”

วายะกับนัตสึเมะอึ้งไปชั่วขณะ...ใครมันกำหนดไว้ตั้งแต่เมื่อไรว่ามีเซ็กส์กับวายะไม่ถือว่าเป็นการนอกใจคิโยฮารุ...คำถามนั้นคงจะแสดงออกทางสีหน้า  คิริฮาระจึงตอบอย่างเสียมิได้

“ก็นายเป็นคนสอนฉันทุกเรื่องเลยนี่หว่า  เพราะงั้นไม่นับ”

ได้ยินคำตอบแล้ววายะก็ระเบิดหัวเราะออกมา  ตรรกะของคิริฮาระมันป่วนสิ้นดี...รู้สึกผิดกับคนรักถ้าไปนอนกับแขก  แต่ถ้ากับเขาไม่เป็นไรงั้นรึ...สำหรับคิริฮาระแล้ว  คงเพราะเขาเป็นคนพาเข้าสู่เส้นทางนี้และเสี้ยมสอนอะไรต่อมิอะไรที่เด็กมัธยมปลายคนหนึ่งไม่ควรจะได้เรียนรู้ให้  คิริฮาระคงรู้ดีว่าพวกเขาใกล้ชิดกันเกินกว่าที่จะพัฒนาความรู้สึกไปสู่ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของได้...จึงไม่รู้สึกผิดถ้าจะมีอะไรกับเขา

“บ๊ะ  เอาเถอะ  จะจัดเป็นคิวโชว์ให้แล้วกันนะ  แต่บอกไว้ก่อนนะว่าได้เงินน้อยกว่ารับแขก”

“เอาน่า  ไอ้เงินเยอะ ๆ ไว้ตอนถ่ายแบบก็โอเคแล้ว  ไม่ต้องรับแขกที่คลับก็พอ”  ได้ฟังแบบนี้แล้วนายแบบหนุ่มก็ค่อยยิ้มออก

วายะส่ายหน้า  คิริฮาระก็เป็นเสียแบบนี้  ทั้งที่ทำงานมาจนเป็นมืออาชีพขนาดนี้แล้ว  ก็ยังมีร่องรอยของความเป็นเด็กหลงเหลือให้เห็น...เป็นเจ้าเหมียวที่หยิ่งยโส  อวดเก่ง  และถือตัว  แต่ถ้าเมื่อไรที่อยากอ้อนก็จะรี่มาหาแล้วทำอะไรน่ารักแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นให้ดู..ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนับจากวันนั้นที่พบกัน...และวายะก็ชอบคิริฮาระที่เป็นแบบนี้  แม้ว่าคิริฮาระจะไม่มีวันเป็นของเขาก็ตาม

แต่ไม่เป็นไร...อีกไม่นาน  เขาก็จะมีแมวแบบนี้เป็นของตัวเองแล้ว...อีกไม่นานหรอก

...

“อา...ชุน...พะ...พอแล้ว...พอ...”

เสียงครางกระเส่าจากร่างเล็กไม่ได้ทำให้วายะชะงักการเคลื่อนไหวลงเลย  เขาฝังกายอยู่ในร่างของโทโมกิมานานพอควรแล้ว  ท่ามกลางแสงจากจอโทรทัศน์  โทโมกิสะอื้นฮักด้วยถูกวายะลากเกินขีดจำกัดมาไกลแล้ว

“พอเหรอ?  ฉันแค่ทำตามในหนังเท่านั้นเองนะ”  บอกพลางก็กระทั้นกายเข้าหาหนักหน่วง

“ฮึก...ไม่...ไม่ไหว...พอที...”  ดวงตาฉ่ำน้ำปรือขึ้นมองโทรทัศน์ที่กำลังฉายภาพการร่วมรักอย่างเร่าร้อนรุนแรง

ชายหนุ่มผมแดงที่รับบทเป็นฝ่ายรับในหนังอยู่ในเครื่องพันธนาการสีดำเป็นเงา  ถูกกดให้อยู่ในท่าหมอบเช่นเดียวกับโทโมกิในตอนนี้  ที่ต่างกันก็คือคนในหนังดูจะสามารถทานทนกับการกระทำเช่นนั้นได้มากกว่าเด็กหนุ่มหลายเท่า

“ดูไว้ซะ  โทโมะ  แบบนั้นแหละ...ทำให้ได้แบบนั้น...”  เสียงทุ้มต่ำของวายะบอกมาจากเบื้องหลัง

โทโมกิหรี่ตาอย่างรวดร้าว...มันจะเป็นไปได้อย่างไร  จะให้เขาเป็นอย่างคนในหนังนี่น่ะนะ...เป็นไปไม่ได้หรอก  บทรักที่ต่อเนื่องยาวนานแบบนั้น  เขาทนไม่ไหวหรอก...ที่ยังทนมาได้ถึงตอนนี้ก็เพราะยาที่วายะบังคับให้กินเท่านั้นแหละ

“ไม่...ไม่เอา...ไม่เอาแล้ว...อ๊า!!!!”  โทโมกิหวีดร้องพร้อม ๆ กับที่เกร็งร่างกระตุกสั่น  เขาถูกทำให้ถึงจุดสุดยอดไปหลายครั้งจนไม่เหลืออะไรจะหลั่งออกมาอีกแล้ว

ร่างเล็กฟุบลงกับที่นอนที่เปรอะเปื้อนคราบไคลของตนและแน่นิ่งไปทั้งอย่างนั้น  วายะจิ๊ปากอย่างขัดใจก่อนจะค่อย ๆ ถอนกายออก  ปล่อยสะโพกบางที่ยึดไว้ลงกับเตียง  หยิบรีโมทเครื่องเล่นดีวีดีมากดปุ่มหยุดไว้

ไม่ได้ดั่งใจเลย...หลายวันมาแล้วที่เขาใช้ดีวีดีแผ่นนี้เป็นตัวสอนบทเรียนให้โทโมกิ  แต่เด็กหนุ่มไม่เคยทำได้...เอาเถอะ  อย่างน้อยวันนี้ก็ทนได้มากกว่าทุกครั้ง  จะยอมยกให้ก็ได้

ชายหนุ่มอุ้มร่างที่อ่อนปวกเปียกขึ้นจากเตียง  อาการหอบน้อย ๆ และขยับซุกเข้าหาแผ่นอกของเขาบอกให้รู้ว่าโทโมกิยังไม่สิ้นสติเสียทีเดียว  ริมฝีปากอุ่นจึงจูบเบา ๆ ที่หน้าผากชื้นเหงื่อ

“...ชุน...”

“อื้อ  ฉันเอง”

“ขอโทษ...ไม่ไหว...แล้ว...ขอ...โทษ...”  เสียงสั่นพร่าพึมพำเบา ๆ ที่พูดต่อไม่ได้ก็คือ...อย่าตีเขาเลย

“ไว้ทำให้ฉันได้แผลเสียก่อนแล้วค่อยขอโทษ”

ทำให้ได้แผลรึ...มันจะเป็นไปได้ยังไง...แค่คิดว่าถ้าตบไปแล้ววายะจะสวนกลับมาหรือเปล่าก็น่ากลัวพอแล้ว  ถ้าถึงขนาดทำให้ได้แผลละก็...เขาต้องถูกฆ่าแน่

น้ำอุ่นจัดทำให้ร่างกายสบายขึ้น  วายะลงแช่พร้อมเขาและอาบน้ำทำความสะอาดให้แบบนี้ทุกครั้ง...นี่มันผ่านมากี่วันแล้วนะ  นับจากวันที่วายะพาเขามาที่นี่...จำอะไรแทบไม่ได้เลย  โทโมกิไม่รู้ว่าวันหนึ่ง ๆ ของเขาหายไปไหน  โลกมันดูแปลกไปจากที่เคยรู้สึกอยู่ทุกวัน  เหมือนกับล่องลอยอยู่ในความฝัน...ที่จดจำได้ชัดเจนก็มีแค่ตอนที่กินข้าวที่วายะทำให้  และ...ตอนที่ถูกกอด

ทุกครั้งที่รู้สึกตัว  ก็จะถูกผู้ชายคนนี้กอด  บทรักที่เร่าร้อนรุนแรงกระชากกายและใจของเขากระเจิดกระเจิงจนเกินขีดจำกัดของความสุข...ทั้งเจ็บปวด  ทั้งทรมาน...บ่อยครั้งที่วายะมักจะออกคำสั่งแปลก ๆ กับเขาระหว่างมีเซ็กส์  บอกให้เขาข่วน  ทุบตี  หรืออะไรคล้าย ๆ แบบนั้น  พอไม่ได้ดังใจก็สวนกลับเอาแรง ๆ จนเขาหวาดผวา  โทโมกิไม่เข้าใจว่าวายะให้เขาทำอย่างนั้นไปทำไม  ความเจ็บปวดทรมานอะไรแบบนั้นน่ะ  ทำไปแล้วได้อะไรขึ้นมา...หรือวายะจะเป็นพวกที่ชอบความรุนแรง...ถ้าแบบนั้นก็น่าจะไปหาคนอื่นที่ทำเป็นสิ  ไม่ใช่มาบังคับให้เขาทำแล้วพอไม่ได้ดังใจก็ทุบตีแบบนี้
หัวข้อ: Re: All I want # 5 (NC17) อัพเพิ่ม 30/12/54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 07-01-2012 12:05:01
บทเรียนของวายะกินเวลานานและหนักหน่วงเสมอ  แรก ๆ ก็ทำเพียงแค่เท่าที่เขาทนได้  แต่ต่อมาก็ถึงกับให้เขากินยาอะไรบางอย่างที่ทำให้เกิดความต้องการไม่สิ้นสุด  พอเกิดความกระสันอยากจนทรมาน  วายะก็จะบอกให้เขาทำอย่างที่ต้องการ  ถ้าไม่ได้อย่างที่บอกก็จะถูกทิ้งให้ทรมานอยู่อย่างนั้นจนแทบขาดใจ

แต่สุดท้ายของบทเรียนรักมักจะจบที่อ้อมแขนแกร่งและอกอุ่นกว้างเสมอ  เป็นอ้อมกอดที่โทโมกิไม่เคยได้รับจากใครเลยในชีวิตนี้...นั่นทำให้เกิดความโหยหาอย่างประหลาด  แม้จะรู้ว่าสิ่งที่มาก่อนความอบอุ่นเช่นนั้นคือสิ่งที่หนักหนาสาหัสเพียงใด

ทั้งความเจ็บปวดทรมานและความสุขสมจากการได้ปลดปล่อย  หลอมรวมกันอยู่ในใจของโทโมกิจนเจียนคลั่ง...ด้วยความขัดแย้งทั้งสองนั้นได้รับมาจากผู้ชายคนเดียวกัน

ความทรมานทำให้หวาดกลัว  แต่ในขณะเดียวกันก็ปรารถนาความสุขที่วายะเป็นผู้มอบให้  บางครั้งความขัดแย้งนั้นก็รุนแรงราวกับจะฉีกทึ้งหัวใจของเขาเป็นชิ้น ๆ จนต้องระบายออกมาเป็นเสียงกรีดร้องและน้ำตา  ซึ่งวายะดูจะไม่สนใจ  แถมยังมีท่าทีพึงพอใจที่เขาเป็นแบบนั้นด้วยซ้ำ


โทโมกิคงจะเคลิ้มหลับไปตอนที่อยู่ในอ่างอาบน้ำ  มารู้สึกตัวอีกทีก็พบตัวเองอยู่ในเสื้อเชิ้ตนุ่มตัวโตที่วายะให้สวมตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่  เขาไม่รู้ว่าเสื้อผ้าที่เขาใส่มาไปไหนแล้ว  รอบกายของเขามีแต่กลิ่นอายของวายะอบอวลอยู่  กลิ่นน้ำหอมที่ปนมากับกลิ่นบุหรี่อ่อน ๆ กลายเป็นกลิ่นที่โทโมกิคุ้นเคย  แม้จะกระสากลิ่นในยามหลับก็ยังจำได้...แต่แม้มันจะโอบอุ้มเขาอย่างอย่างอ่อนโยน  แต่กลิ่นอายเดียวกันนี้แหละที่บดขยี้เขาอย่างไม่ปรานี

เตียงนุ่มที่นอนอยู่ทุกวันอยู่คนละห้องกับห้องเก็บเสียงที่ใช้มีเซ็กส์  แม้จะรู้ว่าสามารถหนีจากที่นี่ได้ถ้าอยู่ในห้องนี้  แต่โทโมกิก็ไม่มีแรงเหลือพอที่จะหนี  ทุกครั้งที่อยู่ในห้องนี้...เขาอยากนอน  อยากพักวางทุกอย่างทั้งความทรมานและความรู้สึกบางอย่างที่กัดกินหัวใจลงไปให้หมดสิ้น...บนเตียงนี้  ในอกอุ่นกว้างนั้น...

“...ชุน...”

เสียงกระซิบเรียกเบา ๆ ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังเช็ดผมให้แห้งหันมามอง

“ยังไม่หลับเหรอ  โทโมะ”

มือเรียวเอื้อมมาหาแทนคำตอบ

วายะถอนใจพลางยกมุมปากขึ้นเหมือนจะยิ้ม  นั่งลงบนเตียงและรวบร่างนั้นขึ้นมากอดไว้...โทโมกิเรียกร้องเขาแบบนี้เสมอ  ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม...แม้แต่ตอนมีเซ็กส์  โทโมกิจะถึงจุดสุดยอดเต็มที่ที่สุดเมื่อเขากอดเอาไว้แน่น

ไม่นานนัก  โฮสต์หนุ่มก็รู้สึกว่าลมหายใจของคนในอ้อมกอดแผ่วเบาและผ่อนคลายลง  จึงได้วางโทโมกิลงกับฟูกแล้วห่มผ้าให้  ตัวเขาเองยังอยากเก็บห้องนอนข้าง ๆ ให้เรียบร้อยเสียก่อน

วายะดึงผ้าปูที่นอนที่เปรอะไปด้วยคราบไคลออกไปโยนลงในเครื่องซักผ้า  แล้วจัดการปูผ้าผืนใหม่ลงไปแทน  พอเรียบร้อยก็หันไปหาโทรทัศน์และตั้งท่าจะปิด  พลันก็เห็นภาพของใครบางคนที่ยังค้างอยู่บนจอภาพ  ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้แล้วเอื้อมมือไปแตะที่จอภาพเบา ๆ

“อีกไม่นานหรอก  คิริยู...เดี๋ยวเด็กคนนี้ก็จะเป็นแบบนาย..”

...

“วันนี้ขายดีขนาดนั่งดูทีวีได้เลยเหรอ  มาสเตอร์”  วายะทักเมื่อเปิดประตูร้านกาแฟเข้าไปแล้วเห็นนัตสึเมะกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่  ปกติเขาเห็นโทรทัศน์เล็ก ๆ เครื่องนี้เป็นแค่ของแต่งร้านเสียด้วยซ้ำ

“ก็นิดหน่อยครับ  หมอนั่นมันอยากดู”  นัตสึเมะบุ้ยปากไปทางคิริฮาระที่นั่งจ้องจอภาพเหมือนจะมีจานบินบินออกมาในวินาทีถัดไปงั้นแหละ

“มันอะไรกันล่ะนั่น?”  ถามพลางก็เดินไปนั่งที่ประจำ

“เห็นว่ามีภัยพิบัติที่เยอรมันครับ  เลยจิตแตก  วิ่งมาตามข่าวถึงที่นี่”  นัตสึเมะตอบพลางเริ่มต้นบดเมล็ดกาแฟเตรียมชงให้วายะ

“อ้อ...เป็นห่วงกระต่าย  ก็ยังว่าอยู่ว่าเมื่อคืนที่โชว์ด้วยกันก็อาการยังดี ๆ อยู่  แล้วมันมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง”

“ถ้าไม่เกิดแถวเมืองที่ซาคากิซังอยู่ก็ดีหรอกครับ”

“นั่นสินะ...เฮ้ย  คิริยู  ถึงมันจะเกิดที่นั่นนายก็แล่นไปช่วยเขาไม่ทันหรอก  มาดื่มกาแฟมา”

“เดี๋ยว  แป๊บนึง”  คิริฮาระตอบกลับมา  เขารู้ว่าวายะเข้าใจความรู้สึกของเขา  ไอ้ที่พูดมานั่นก็แค่พยายามทำให้เขากังวลใจน้อยลงเท่านั้น

วายะส่ายหน้า  ถ้าเป็นเรื่องของคิโยฮารุละก็ไม่ว่าใครก็ดึงความสนใจไม่ได้ทั้งนั้นสินะ...แต่ที่คิริฮาระจ้องอยู่นั่นมันไม่ใช่ข่าวภัยพิบัติตรงไหนเลยนะ...อย่าบอกนะว่ากำลังจ้องโทรทัศน์เพื่อรอข่าวต้นชั่วโมงอยู่

“อย่างที่คิดแหละครับ”  นัตสึเมะพูดขึ้นมาเหมือนจะเดาได้ว่าวายะคิดอะไรอยู่

“อีกตั้ง 20 นาทีกว่าข่าวจะมา  แล้วนั่งจ้องอยู่แบบนั้นน่ะนะ”

“ครับ  จ้องมาตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว  เพราะไม่มีข่าวที่เยอรมัน”  ผู้เป็นเจ้าของร้านตอบพลางส่ายหน้าอย่างระอาใจ

“เอาเถอะ...มันก็เป็นงี้ละนะ”  พูดเหมือนจะตัดบท  แล้วก็รับกาแฟจากนัตสึเมะมาดื่ม

ไม่นานนักข่าวที่คิริฮาระเฝ้ารอก็ปรากฏขึ้นบนจอภาพ  จบข่าวนั้นคิริฮาระก็ถึงกับลุกมาโดดกอดนัตสึเมะ

“โล่งอก!!  อยู่คนละซีกโลกกับที่คิโยะอยู่เลย!”

“ก็บอกแล้วไงว่านายตื่นตูมเกินไป”  นัตสึเมะตบหลังผู้เป็นเพื่อนเบา ๆ

“ก็ใครจะไปรู้วะ  อะไรก็เกิดขึ้นได้”

“แผ่นดินไหวที่ฟุคุโอกะไม่สะเทือนถึงโตเกียวฉันใดก็ฉันนั้นแหละน่า”

“แต่แผ่นดินไหวที่สุมาตรายังเกิดสึนามิไปถึงอินเดียเลยนะเฟ้ย”

วายะฟังทั้งสองเถียงกันแล้วก็ทอดถอนใจ...ปกติก็ดูดีเป็นผู้ใหญ่กันทั้งคู่  แต่ดูเหมือนว่าเฉพาะตอนที่อยู่กันตามลำพังเท่านั้นที่เวลาของทั้งคู่ย้อนกลับไปเป็นเด็กมัธยมต้น...ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่สอดปากเข้าไปยุ่ง  ปล่อยให้เพื่อนรักทั้งสองเถียงกันไปเรื่อย ๆ แล้วหันไปให้ความสนใจกับโทรทัศน์

พลันภาพที่ปรากฏขึ้นบนจอก็ทำให้หัวใจแทบจะหยุดเต้น!

“...ต่อไปเป็นข่าวผู้หายสาบสูญครับ  ซานาดะ  โทโมกิ  วัย 14 ปีที่ผู้ปกครองแจ้งความไว้ว่าหายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนวันที่...”

ภาพที่ประกอบกับข่าวนั้นคือภาพของเด็กหนุ่มหน้าหวาน  ผู้มีดวงตาสีดำกลมโตฉายแววเอาเรื่อง  และเรือนผมสีดำขลับยาวเลยไหล่แบบเด็กนอกลู่นอกทาง...เด็กหนุ่มที่วายะได้เห็นหน้าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!!

แม้จะเคยคิดอยู่บ้างว่ามันจะต้องมีข่าวแบบนี้ออกมาบ้าง  แต่วันเวลาที่ผ่านไปทำให้เขาลืมเรื่องนั้นไปจนหมดสิ้นแล้ว...โทโมกิอยู่ในห้องของเขา  และเขากำลังสอนให้เป็นอย่างที่เขาต้องการ...ทุกวันนี้เขารู้สึกแค่นี้จริง ๆ


ลืมไปแล้วว่าเขาลักพาตัวโทโมกิมาเอง!


“วายะ  เป็นอะไรไปน่ะ  สีหน้าไม่ดีเลย”  เสียงนุ่ม ๆ ที่ดังขึ้นข้างหูดึงโฮสต์หนุ่มออกจากภวังค์

“อ๊ะ...เอ่อ...ไม่มีอะไร”  ร่างสูงบอกปัดง่าย ๆ

“จริงเหรอ  แต่หน้าตาดูไม่ดีเลยนะ”  คิริฮาระถามซ้ำ

“เพราะเมื่อคืนเล่นกับนายมากไปมั้ง”  พูดแล้วก็เหยียดยิ้มยียวนมาให้

คิริฮาระจ้องตาวายะนิดหนึ่งแล้วก็ถอนใจ  “เอาเหอะ  ไม่อยากบอกก็ช่างหัวนาย  จะเป็นจะตายก็เรื่องของนายละนะ”

นั่นสินะ...ถ้าไม่บอกแล้วใครจะรู้ได้...

“ก็ไม่มีอะไรจริง ๆ  นายก็แค่ดีใจจากเรื่องซาคากิมากเกินไปจนเห็นใคร ๆ ก็สีหน้าไม่ดีไปหมดมากกว่า...ดูทำหน้าเข้า  หน้าบานเต็มร้านแล้ว”  วายะแกล้งเบี่ยงประเด็น

“มากไป ๆ ...ฉันก็แค่โล่งใจเท่านั้นเอง”

“อยากโล่งใจมากกว่านี้ก็โทรไปหาซะสิ”

“อ้อ  โทรแน่หละ  ไม่ต้องมาทำเป็นแนะนำหรอก”  คิริฮาระปรายตามองมาอย่างถือดี

“ไอ้แมวจองหองเอ๊ย”  โฮสต์หนุ่มหัวเราะเบา ๆ

“นายนั่นแหละสอนมา”  นายแบบหนุ่มสะบัดหน้าพรึ่ดใส่

ใช่...เขาสอนคิริฮาระมากับมือ  เปลี่ยนเด็กหนุ่มขี้กลัวให้กลายเป็นราชินีที่อยู่เหนือทุกคนในวงการ  ในขณะที่เขายังเป็นโฮสต์อยู่ในคลับใต้ดิน  คิริฮาระกลับก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายแบบระดับท็อป 5 ของลูนาติก  ลัสท์...ก็ไม่แปลก  ในเมื่อคิริฮาระมีพร้อมทั้งคุณสมบัติและรูปสมบัติ  แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าคุณสมบัติทั้งหลายทั้งปวงที่คิริฮาระมีอยู่ในตอนนี้  เกิดจากการปั้นแต่งของเขา...ก็ไม่เป็นไร  เขาพอใจแล้วกับความภูมิใจเงียบ ๆ แบบนี้  แค่เห็นคิริฮาระสยบหัวใจของใครต่อใครไว้ได้  แค่ได้สนุกถึงใจในเวลาที่ต้องการกันและกันบ้าง...เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

ใช่...เขาสอนคิริฮาระมาได้...แล้วทำไมจะสอนโทโมกิไม่ได้

โทโมกิเด็กกว่าคิริฮาระในตอนที่พบกันครั้งแรก  ก็อาจจะต้องใช้เวลามากหน่อย...แต่ครั้งนี้เขาจะไม่ส่งโทโมกิให้ลูนาติก  ลัสท์หรอก  เขาให้เสือร้ายที่แสนสง่างามไปตัวหนึ่งแล้ว  แค่นั้นก็พอแล้ว...สัตว์ร้ายตัวถัดไปที่เขากำลังเสี้ยมสอนอยู่  จะเป็นสมบัติของเขา...ของเขาคนเดียวเท่านั้น...ไม่มีวันยกให้คนอื่น


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 07-01-2012 12:50:51
แอบสงสารโทโมกิ  :m15:
สามคำ>>>พระ เอก จิต  :z10:
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 07-01-2012 12:57:55


    แอบสงสารหนูโทโมกิเลยอ่า
    ทำไมวายะต้องพยายามปั้นตามเงาของยูคุงตลอดเลยก็ไม่รู้




หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 07-01-2012 13:26:19
สงสารโทโมะ
แอบย้อนอดีตหลายตอนแล้ว
อยากรู้ปัจจุบันที่โทโมะโดนจับตัวไปจะเป็นไงแล้วบ้าง
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 07-01-2012 13:31:32
วะว๊ากกกกกกกกกก กก โทโมะ
อายุ 14 เอง  o22 o22

เกินไปรึเปล่าวายะ ?
แต่พระเอกจิตเบาๆ แอบชอบ
55555555555 555
 :o8: :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 07-01-2012 13:42:06
 :o8: :really2: :o8: :o8: :o8:
ไม่รู้จะสงสารดีไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 07-01-2012 13:45:43
วายะยังไม่รูู้ตัวว่ารักโทโมะไปแล้ว หวงซะขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Viper_Wa ที่ 07-01-2012 13:46:06
พระเอกเป็นโลลิค่อนนนนนนนน o22 :serius2:

โรคจิต&SMอีกต่างหาก....แต่....ชอบ!!! o13
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 07-01-2012 13:54:12
ในที่สุดก็มาแล้ว. หลั่งนน้ำตาด้วยความดีใจ o7

มันเป็นความรักแบบแปลกๆ โหยหากันยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก
คนหนึ่งก็แค่อยากถูกรักเท่านั้น
อีกคนก็แค่อยากมีใครที่รักและเป็นของตัวเองอย่างที่สุดเท่านั้น
ที่เหลือมันก็แค่ "รสนิยม" o16
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 07-01-2012 14:09:21
วายะน่ากลัวอ่ะ แต่ก็แอบมีใจให้โทโมะอยู่ใช่มั๊ยล่ะ อุอุ
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 07-01-2012 14:14:48
โทโมกิรับศึกหนักทุกคืน กลัวจะช้ำในตายซะก่อน  :o12:
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: kim_khun_kwan ที่ 07-01-2012 15:25:36
พระเอก เท่ได้อีกอะ  ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกก



 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 07-01-2012 17:24:31
เถื่อนดิบได้ใจมาก o13
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: windel ที่ 07-01-2012 18:07:05
วายะ คุณมันโลลิคอนตัวsจริงๆ  o18
อ่านทีแล้ว... :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 07-01-2012 19:33:30
โว๊ะ นี่ถึงขนาดลืมไปเลยหรอว่าลักพาตัวเค้ามานะ  :z3:
รอตอนต่อไปฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: twenty8 ที่ 07-01-2012 21:03:03
เลือดหมดตัว  :jul1:

สงสารโทโมกิมากเลยจ้าาา ตาชุนเบามือหน่อยนะได้โปรด แง่งง

 :sad4:
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: sapphire_yaoi ที่ 07-01-2012 21:39:18
เลือดจะหมดตัว :jul1: สงสารหนูโทโมกิจัง :sad4:

แต่ชอบเรื่องนี้มากเลยอยากได้ผู้ชายอย่างวายะสักคน  :z1:
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 07-01-2012 23:03:36
อ่านๆไป แล้วรู้สึกว่ากำลังรู้สึกเหมือนโทโมกิ "ความทรมานทำให้หวาดกลัว  แต่ในขณะเดียวกันก็ปรารถนาความสุขที่วายะเป็นผู้มอบให้ " o18
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 07-01-2012 23:15:22
ยาเสพติดเป็นภัยต่อชีวิตนะคะ อย่าใช้ยาเล้ย สงสารโทโมกิอะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 08-01-2012 13:13:00
แอบสงสารโทโมะเล็กๆ เจ็บปวดแต่ก็มีความสุขสินะ
ว่าแต่โทโมะนี่เป็นไงมาไงถึงมาเป็นลูกโอโนเสะได้หว่า รอติดตามต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 08-01-2012 15:18:03
เฮือก!!

NC แบบ Non Stop  o13 o13 o13 o13

เยี่ยม!!

แต่!...พ่อแม่เค้าตามหาลูกเค้าแล้วนะวายะ

จะเอาไปคืนเค้ารึเปล่า จะอยู่สอนต่อจริงๆเหรอ?

สงสารโทโมกิบ้างนะ  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 08-01-2012 18:43:01
 :z3: :z3: :z3:
จิตอ่ะอีตา วายะ ชุน เนี่ยยย...รังแกลูกแมวน้อยตลอดๆ
หวานบ้างอะไรบ้างสิคะ...แบบว่าช่วงนีแม่ยกต้องการความหวานในชีวิต
แอร๊ยยยยยยยยย :-[
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 08-01-2012 20:17:11
พื้นฐานนิสัยกับความต้องการมันต่างกันนินา

จะให้ใครเหมือนใครมันเปนไปได้ที่ไหน

ไหนจะวิธีการสอนนั่นอีก
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 08-01-2012 20:39:11
ประเด็นคือ อยากให้เป็นอย่างคิริยู เหรอ?
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 09-01-2012 02:04:02
ตามมาอีกคนจากเรื่องที่แล้ววว  o13 o13 :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: missair ที่ 09-01-2012 16:52:31
สงสารก็สงสาร กลัวก็กลัว มั่วไปหมดแล้วจร้า แง้ ๆๆๆ
สู้ ๆ นะ รอ ๆๆๆๆ สนุกมากจริง ๆแต่ให้พระเอกลดความจิตลงนิดหนึ่งได้มั้ย
บางทีแอบสงสารโโทโมกิอะ นะ
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 10-01-2012 11:20:09
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 10-01-2012 12:19:00
กลัวจะฝึกแล้วไม่ได้อย่างแมวตัวแรกอ่ะจิ*-*
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Mimimimi ที่ 10-01-2012 22:29:14
เผลอคิดไปว่า   ก็เอาแมวตัวแรกกลับมาสิคะ 

แหะๆ
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: TontS ที่ 11-01-2012 22:43:22
สงสารโทโมะเบาเบา  แต่ชอบจ้าาา :D
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 12-01-2012 10:16:44
ยังไม่มาเหรอคะ ป่านนี้โทโมะมิน่วมไปแล้วเร้อ :z2:
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: ENG❤LUCKY ที่ 12-01-2012 20:46:58
วายะเริ่มน่ากลัว -w-
แล้วตอนนี้โทโมกิโดนจับไปอยู่ไม่ใช่เร้อะ-0- ค้างๆ
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 13-01-2012 20:47:29
All I want # 7

จวนเช้าแล้ว  เวลาของบทเรียนรักอันแสนทรมานเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว  โทโมกิหวีดร้องไปกับการกระทำอันแสนดุดันของวายะ  หลายวันมานี้ดูวายะหัวเสียและรุนแรงกว่าเคย  ทั้งฝืนบังคับ  ตะคอกดุด่าและลงไม้ลงมืออยู่ตลอดเวลา  นั่นยิ่งทำให้โทโมกิหวาดกลัว...ยิ่งกลัวก็ยิ่งทำอย่างที่วายะต้องการให้ทำไม่ได้  ผลที่ได้รับกลับมาคือความเจ็บปวดแสนสาหัส

หลายครั้งที่ถูกทิ้งให้ถึงจุดสุดยอดกับเครื่องเพศเทียมโดยไม่มีแม้แต่อ้อมกอด  แล้วโทโมกิก็ได้เรียนรู้ว่าสำหรับเขาแล้ว...นั่นคือความทรมานเหนือสิ่งอื่นใด

ร่างกายถูกทำให้เสร็จสมก็จริง  แต่ในหัวใจกลับกลวงเปล่าจนไหววูบอยู่ในอก  แม้จะเอื้อมมือไขว่คว้าหา  หากวายะกลับปัดมือของเขาออก  เพียงเท่านั้น...ความรู้สึกบางอย่างที่เคยหลงลืมไปแล้วก็ท่วมท้นออกมาจากบาดแผลลึกที่ก้นบึ้งของหัวใจ


...ความรู้สึกว่าถูกทอดทิ้งและไม่เป็นที่ต้องการ...


อย่าทิ้งเขาไว้แบบนี้...ในตอนที่เขาเจ็บปวดทรมานที่สุด  อย่าปล่อยเขาไว้คนเดียวลำพังแบบนี้...เขาผ่านมันไปไม่ได้  ความทรมานนี้จะต้องฆ่าเขาแน่...จับมือเขาไว้...กอดเขาไว้...ได้โปรด!!

หากมือนั้นไม่เอื้อมมาหาเขา  วายะเพียงแต่ยืนมองเขาทนทรมานอยู่อย่างนั้น...ทำไม...เขาทำอะไรผิด  ทำไมต้องลงโทษเขาถึงขนาดนี้ด้วย...


วันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่วายะผละจากโทโมกิหลังจากที่เด็กหนุ่มไม่สามารถต่อต้านขัดขืนการกระทำของเขาได้ตามที่ต้องการและจบลงที่ร้องไห้พลางขอโทษ  ชายหนุ่มผลักโทโมกิลงกับเตียงเต็มแรงก่อนจะตบเข้าให้เต็มรัก

“ไม่ได้เรื่องเลย!!”  วายะลุกจากเตียงไปคว้ากางเกงมาสวม

“...ชุน...”  โทโมกิพยายามยันกายขึ้น  ความปรารถนายังคงพลุ่งพล่านด้วยฤทธิ์ยา  มือเล็กเอื้อมไปหาแต่วายะกลับเดินหนีไปหยิบบุหรี่มาจุดสูบ

เด็กหนุ่มหลับตาลงด้วยความรวดร้าว  ร่างกายสั่นระริกด้วยความต้องการที่ยังแผดเผาอยู่ภายใน  แม้จะทำตามไม่ได้  แต่เสียงครางครวญจากโทรทัศน์ยังคงกระตุ้นอารมณ์ของเขาอยู่ตลอดเวลา

“...ชุน...ช่วยด้วย...”  โทโมกิกระซิบสั่นพร่า  คู้ตัวลงพลางกดท้องน้อยไว้แน่น

“ช่วยตัวเองไปสิ”  คำตอบเย็นชา

โทโมกิเบิกตากว้าง  ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง  ที่ผ่านมาแม้จะไม่กอดเขาเอาไว้แต่อย่างน้อยก็ยังหาของเล่นมาช่วยปลดเปลื้องอารมณ์ให้เขาไม่ใช่หรือ...แล้วทำไม...

“ไม่...ไม่เอา...ชุน...ช่วยด้วย...”  โทโมกิเอื้อมมือไปคว้ามือใหญ่จับไว้แน่น...ไม่ต้องกอดก็ได้  แค่สัมผัสก็ยังดี...หากวายะสะบัดมือนั้นออก

“นาน ๆ ที  เสร็จด้วยตัวเองซะบ้างก็ไม่เลวไม่ใช่เหรอ  แกไม่ได้อยากทำกับฉันอยู่แล้วนี่”  ร่างสูงถอยไปยืนพิงผนัง  ทอดสายตามองภาพในโทรทัศน์  “แค่จะทำอย่างที่ฉันต้องการก็ยังทำไม่ได้  แล้วยังคิดจะให้ฉันช่วยอีกงั้นเหรอ?”

โทโมกิเหลือบมองโทรทัศน์แล้วก็หันกลับมามองวายะ...สายตาของร่างสูงที่มองจอภาพนั้นทำให้เขาเจ็บปวด

วายะเอาหนังมาให้เขาดูหลายแผ่น  ทุกแผ่นล้วนแต่มีตัวเอกคนเดียวกัน...ผู้ชายผมสีแดงคนนั้น  ผู้ชายที่งดงาม  เร่าร้อน  และดุดันราวกับกุหลาบที่มีหนามแหลมคมคนนั้น...วายะอยากให้เขาเป็นแบบนั้น  วายะพยายามสอนเขา  ให้เขาทำทุกอย่างแบบเดียวกับที่ผู้ชายคนนั้นทำ  แสดงบทรักแบบเดียวกับที่ผู้ชายคนนั้นได้รับ...วายะต้องการให้เขาเป็นตัวแทนของผู้ชายคนนั้น...เป็นกุหลาบเพลิงที่เขาไม่รู้จัก!

วายะไม่ได้ต้องการเขา...ในตอนนี้โทโมกิเพิ่งจะเข้าใจ...วายะเพียงแค่ต้องการผู้ชายคนนั้น  แต่ในเมื่อไม่อาจได้มาจึงพยายามสร้างเขาขึ้นมาเป็นตัวแทน...อ้อมกอดนั้นไม่ได้มีให้เขา  แต่มีให้เงาของคนคนนั้นที่วายะเห็นมันซ้อนทับอยู่ในตัวเขา...เพราะอย่างนี้  ถึงได้ทิ้งให้เขาทรมานได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร

โทโมกิสะอื้นฮัก  ไม่ว่าจะด้วยฤทธิ์ยาหรืออะไร  แต่ในใจของเขาปวดแปลบ...ทั้งความทรมานทางกายและอารมณ์รวดร้าวบางอย่างถาโถมเข้าใส่...ทรมานจนแทบจะหายใจไม่ออก

เด็กหนุ่มยันกายลุกจากเตียงแล้วโขกศีรษะเข้ากับผนังที่หัวเตียงเต็มแรง

“โทโมะ!?”

โทโมกิได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจเต็มสองหู  แต่เขาไม่หยุด...เขาเจ็บปวด  เขาทรมาน...หากทำให้เกิดแผลที่เจ็บปวดมากกว่าความทรมานนั้นก็จะหายไปได้ไม่ใช่เหรอ...วายะไม่ได้ต้องการเขา  วายะไม่เคยคิดจะกอดเขา...วายะเพียงแค่ต้องการผู้ชายอีกคนหนึ่งซึ่งเขาไม่เคยรู้จักและไม่มีวันเป็นได้...อ้อมกอดอบอุ่นนั้นไม่ใช่ของเขา...แต่ทั้งที่รู้อย่างนั้นก็ยังโหยหาจนน่าเจ็บใจ

“โทโมะ!  หยุด!!”  โฮสต์หนุ่มปราดเข้ามาคว้าร่างเล็กไว้

“ปล่อย!”  โทโมกิผลักร่างสูงเต็มแรง

“หยุด!!  หัวแตกแล้ว  หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”  วายะพยายามจับล็อกร่างนั้นไว้  แต่ด้วยอารมณ์คุ้มคลั่งทำให้โทโมกิมีแรงมากกว่าเคย

“ปล่อย!!  ไม่เอาแล้ว!  ไม่เอาแล้ว!!”  เด็กหนุ่มอาละวาดทุบตีวายะไม่หยุด  “มันเจ็บนี่!!  ไม่เอาแล้ว!!”

ชายหนุ่มหรี่ตาลงวูบหนึ่ง  หลายวันมานี่เขาคงจะทำกับโทโมกิเกินไปจริง ๆ นั่นแหละ  ทั้งกระทำรุนแรงและลงโทษเอาหนัก ๆ  โทโมกิก็คงรู้ตัวถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นแต่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร  ถ้าย้อนกลับไปดูแล้ว  เด็กหนุ่มพยายามทำทุกอย่างให้ได้ดังใจเขา  และทำได้ดีกว่าที่เคยเสียด้วยซ้ำ  แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่พอใจ...เขาร้อนใจและรู้สึกกดดันจนเอาไปลงกับโทโมกิ  โดยที่เด็กคนนี้ไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลยสักนิด

แต่ที่เขาร้อนรนได้ถึงขนาดนี้...ก็เรื่องโทโมกินั่นแหละ...

ริมฝีปากอุ่นร้อนฉกวูบเข้าช่วงชิงเรียวปากอิ่มที่กำลังส่งเสียงกรีดร้องอยู่  เรียวลิ้นเข้าเกี่ยวกวัดพัวพันกับปลายลิ้นที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว  โทโมกิหยุดอาละวาดไปชั่วขณะ...วายะแทบจะไม่เคยจูบเขา  นอกเสียจากเพื่อสั่งสอนให้รู้จักความเจ็บปวดจากจุมพิตที่ดุดันราวกับจะกัดกิน  มือใหญ่เลื่อนลงไปยังสะโพกกลมกลึง  ยกร่างนั้นขึ้นมาวางคร่อมหน้าขาของตนไว้  เรียวนิ้วหยาบกร้านสอดเข้าไปควานคลึงในช่องทางเร้นลับที่ยังเปี่ยมไปด้วยความปรารถนา  โทโมกิกระตุกเฮือกเหมือนจะสำลัก  หวีดครางในลำคอเบา ๆ ด้วยวายะยังไม่ยอมปล่อยริมฝีปากของเขาให้เป็นอิสระ  เรียวแขนเล็กเลื่อนโอบรอบลำคอของร่างสูง  เบียดกายเข้าหา

แม้จะไม่ใช่อ้อมกอดที่มีให้เขา...แต่แค่ตอนนี้เท่านั้น...ตอนที่เขาทรมานถึงเพียงนี้...ได้โปรดกอดเขาไว้...

แก่นกายแกร่งแทรกเข้าในร่างบางลึกล้ำ  โทโมกิกรีดเสียงออกมาด้วยความรู้สึกก้ำกึ่งกันระหว่างความเจ็บปวดและความสุขสม...อีกครั้งแล้ว  ที่ความรู้สึกขัดแย้งที่วายะมอบให้ฉีกกระชากจิตใจของเขาจนแทบบ้า...แม้จะไม่อยากยอมรับว่าตนเองต้องการวายะมากเพียงใด  แต่ร่างกายที่ซื่อตรงกว่าหัวใจกลับแสดงความปรารถนานั้นออกมาตรง ๆ

สองมือกอดก่ายและลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของร่างสูง  เรียวขาโอบรัดรอบเอวไว้แน่น  ขยับสะโพกรับแรงกระทั้นที่กระแทกเข้ามาอย่างเร่าร้อน

“ชุน...ชุน...”  เสียงครางกระเส่าพร่ำเรียกชื่อผู้ที่ครอบครองเขาไว้ไม่ขาดปาก

“...โทโมะ...”  ชายหนุ่มครางต่ำในลำคอพลางไล้เลียเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลที่หน้าผากของร่างเล็กให้

ให้ตายเถอะ...กับคิริฮาระเขายังไม่เคยใจอ่อนแบบนี้เลยแท้ ๆ  หากยังทำไม่ได้ดังใจเขา  เขาก็จะบังคับหรือไม่ก็ปล่อยให้ทรมานถึงที่สุดจนกว่าจะทำได้  ไม่ใช่ว่าคิริฮาระไม่เคยทรมานจนทำร้ายตัวเองแบบนี้  แต่ในตอนนั้นเขาก็แค่เฝ้ามองอยู่เฉย ๆ...สุดท้ายแล้วคิริฮาระก็จะเลิกสร้างความเจ็บปวดให้ตัวเองแล้วเอาความคลั่งแค้นนั้นมาลงที่เขา  พอถึงตอนนั้นเขาก็จะสนองให้สมใจอยาก

แต่กับโทโมกิ...ทำไมนะ...ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นไม่ได้  ทำไมเขาจะต้องใจอ่อนยอมลงให้เสียทุกครั้ง  เพราะการแสดงออกงั้นหรือ...หรือเพราะสายตาที่มองมา  สายตาที่เต็มไปด้วยแววอ้อนวอนนั้นมีอะไรบางอย่างที่ลึกล้ำกว่าความปรารถนาทางเพศ...โทโมกิต้องการเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ  แม้จะไม่เข้าใจว่าความต้องการนั้นคืออะไร  แต่นั่นทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธเสียงร้องขอนั้นได้

“...ชุน...กอด...”  เสียงกระซิบลอดมาจากริมฝีปากที่คลอเคล้าอยู่ข้างใบหู

เพียงเท่านั้นแขนแกร่งก็โอบรั้งร่างบางเข้ากับแผ่นอกกว้างของตนแน่น  แรงบีบรัดจากช่องทางที่ฝังกายอยู่บอกให้รู้ว่าคนในอ้อมกอดใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที...และตัววายะเองก็เช่นกัน

โฮสต์หนุ่มวางร่างเล็กลงกับเตียงแล้วโถมกายเข้าใส่อย่างไม่ปรานี  พลันที่หัวไหล่ก็รู้สึกเจ็บแปลบ  แต่ในตอนนี้เขาไม่มีเวลาจะไปสนใจเรื่องนั้น  วายะเร่งการเคลื่อนไหวเป็นจังหวะสุดท้ายก่อนจะส่งทั้งตนเองและโทโมกิไปถึงปลายทางแห่งห้วงอารมณ์

เมื่ออาการกระตุกเกร็งสงบลง  เรียวแขนที่โอบกอดวายะไว้ก็รูดลงอย่างไร้เรี่ยวแรง  สองขาคลายออกแล้วสะโพกบางก็หล่นลงบนฟูกนุ่มปล่อยให้แก่นกายของวายะหลุดจากร่างโดยธรรมชาติ  ดวงตาสีดำขลับปรอยปรือ  ได้ยินเสียงของร่างสูงที่ยังกอดตนไว้แน่นหอบเบา ๆ

“...บ้าฉิบ...ไม่มีเวลาแล้วแท้ ๆ...”

...ไม่มีเวลาอะไร...โทโมกิไม่อาจเข้าใจถ้อยคำที่หลุดออกมาพร้อมกับเสียงหอบหายใจนั้นได้  สำหรับเขาแล้ว  ในห้องนี้คือโลกไร้กาลเวลา  คือโลกที่มีเพียงเขากับวายะและห้วงอารมณ์แปรปรวนอันไร้ที่สิ้นสุด...แล้วไม่มีเวลาคืออะไร...

สมองมึนงงเกินกว่าจะเข้าใจคำนั้นบอกกับตัวเองให้เลิกคิด  โทโมกิค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง  แล้วก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นนุ่มประทับลงบนริมฝีปาก...จูบ...แสนหวาน...เกินกว่าจะคิดว่าคนอย่างวายะจะทำได้...
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 13-01-2012 20:51:59
...แต่จูบนี้...เพื่อเขาจริง ๆ งั้นเหรอ...หรือว่า...

ลมหายใจของคนในอ้อมแขนผ่อนคลายเป็นจังหวะเนิบช้า  วายะค่อย ๆ เกลี่ยเส้นผมที่ปรกลงมาระใบหน้าขาวเผือดออกให้อย่างเบามือ  จูบซับเลือดที่หน้าผากให้อีกครั้ง

...ไม่มีเวลาแล้ว...อีกไม่นานทุกคนจะตามรอยโทโมกิมาถึงที่นี่...อีกไม่นานโทโมกิจะถูกช่วงชิงไป...เขายังทำให้โทโมกิเป็นของเขาไม่ได้เลยแท้ ๆ...

แต่...ไม่มีเวลาแล้ว...

...

“เฮ้  รอยอะไรเนี่ย?”  คิริฮาระจิ้มลงที่บ่ากว้างของวายะ  “นี่ยอมให้ลูกค้ากัดมาเลยเหรอ?”

วายะปรายตามองร่างของตนบนกระจก  “รอยเก่าแล้วน่า”

พูดอย่างนั้นแต่ก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่แผลเก่าอะไร

“แต่ปกตินายไม่ยอมให้ลูกค้าทิ้งรอยไว้แบบนี้นี่นา  โห...ที่หลังก็มีรอยเพียบเลยแฮะ  ถูกใจมากหรือไงถึงได้ยอมขนาดนี้น่ะ”  นายแบบหนุ่มไล้ปลายนิ้วไปบนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยเล็บ

“...ทำนองนั้น”  โฮสต์หนุ่มรูดเข็มขัดแล้วหยิบแส้ม้าใกล้มือมาตีมือซุกซนนั้นเบา ๆ

“โอ๊ย!  เจ็บนะ  ไอ้หมาบ้า!”  คิริฮาระสลัดมือป้อย ๆ แล้วฉวยเข็มขัดหนังที่วางพาดอยู่บนพนักเก้าอี้มาหวดลงพื้น  “นั่ง!  อย่ามาดื้อนะ  ไอ้หมาบ้า  นั่ง!!”

“เฮ้ย  ฉันไม่ใช่หมาในคณะละครสัตว์นะ”  วายะเอาแส้ม้าเคาะหัวคิริฮาระ

“ที่จริง...วันนี้เล่นบทนี้น่าจะสนุกนะ”

“ถ้าให้ฉันเป็นคนฝึกแกละสนุกแน่”  พูดแล้วก็ยิ้มชั่วร้ายใส่

“ไม่  ฉันต้องเป็นคนฝึกสิ”  คิริฮาระเถียงพลางยิ้มตอบอย่างถือดีไม่แพ้กัน

“งั้นเดี๋ยวลองดูก็ได้  ใครชนะก็ได้เป็นคนฝึก...โอเค?”  ดวงตาคมเป็นประกายวาบ

“โอเค”  นายแบบหนุ่มรับคำด้วยแววตาเหมือนเด็กซุกซน

เซ็กส์กับคิริฮาระคือความสนุกสนาน  ต่างกับโทโมกิโดยสิ้นเชิง  วายะเคยต้องการคิริฮาระก็จริง  แต่ถึงตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาไม่มีวันได้ผู้ชายคนนี้ไว้ในมือและปล่อยวางไปนานแล้ว  หากคิริฮาระคือต้นแบบที่สมบูรณ์พร้อมซึ่งเขาปั้นแต่งมาเองกับมือ  เพราะอย่างนั้นเขาจึงอยากให้โทโมกิเป็นได้อย่างคิริฮาระและเป็นของเขาตลอดไป...แต่เขาผิดพลาดตรงไหนงั้นหรือ  ในเมื่อเขาก็สอนโทโมกิเหมือนกับที่เคยสอนคิริฮาระ  แต่ทำไมโทโมกิถึงไม่สามารถเป็นอย่างคิริฮาระได้เสียที

โชว์ในวันนี้ไม่หนักหนาสาหัสอะไรนัก  หลังจบโชว์วายะยังมีแรงและมีเวลาเหลือเฟือพอจะไปนั่งดื่มกับลูกค้าต่อได้อีก  คิริฮาระก็เช่นกัน  แต่หนักไปทางแวะเวียนไปทางนั้นทางนี้แล้วหลอกล่อให้เปิดเหล้าแพง ๆ เสียมากกว่า

หลังคลับปิด  วายะเตรียมตัวจะกลับแต่ก็ถูกผู้จัดการร้านเรียกตัวเอาไว้ก่อน  ไม่ใช่แค่เขา  แต่เป็นทุกคนในร้านรวมไปถึงคิริฮาระด้วย

“มีเรื่องอะไรเหรอ?”  นายแบบหนุ่มถามขึ้น  ถ้าเป็นการประชุมภายในร้านก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับเขานี่นะ

“ไม่รู้สิ”  วายะส่ายหน้า  แต่ก็เดินไปรวมกลุ่มกับเหล่าพนักงาน

“ขอโทษที่ทำให้ต้องเสียเวลานะ  ทุกคน”  ผู้จัดการร้านกล่าวขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกคนมารวมตัวกันเรียบร้อยแล้ว  “แต่พอดีว่าเมื่อกี้มีตำรวจเข้ามาติดต่อที่คลับข้างบนน่ะ”

ด้านบนของลูนาติก  คลับคือโฮสต์คลับที่มีชื่อเดียวกัน  แต่เป็นโฮสต์คลับธรรมดา ๆ เหมือนที่มีอยู่ทั่ว ๆ ไป  ตำรวจท้องที่ทุกคนรู้จักคลับใต้ดิน  แต่ก็ไม่ใคร่จะอยากลงมายุ่งด้วยสักเท่าไรนัก  ถ้ามีอะไรจะต้องติดต่อก็มักจะเลือกฝากเรื่องไว้ผ่านโฮสต์คลับข้างบนเสียมากกว่า

“ที่จริงก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราเท่าไรนัก  แต่เขามาขอความร่วมมือจากเราน่ะ  คืองี้...พอดีมีเด็กคนหนึ่งหายตัวไป  ผู้ปกครองเขาก็ตามหาอยู่  ทีนี้จากการสอบปากคำก็ดูเหมือนว่าจะมีคนเห็นครั้งสุดท้ายแถว ๆ นี้แหละ  เขาเลยอยากให้พวกเราช่วยดูหน่อย  เผื่อว่าเด็กนั่นจะแอบมาทำงานผิดกฎหมายอะไรแถวนี้”  คำพูดของผู้จัดการทำให้ทุกคนหัวเราะออกมาเบา ๆ...ก็พวกเขาทุกคนนี่แหละที่ทำงานผิดกฎหมายอยู่

“แล้วก็นี่เป็นภาพของเด็กคนนั้น  ถ้ายังไงก็ช่วย ๆ กันดูหน่อยนะ”

ผู้จัดการคลี่กระดาษแผ่นหนึ่งให้ดู  วายะมองภาพบนกระดาษแผ่นนั้นแล้วสะดุ้งวาบ...


โทโมกิ!!


“เอาละ  ก็แค่นี้แหละ  ถ้าใครเจอเด็กคนนี้ก็ช่วยมาบอกด้วยแล้วกัน  แล้วฉันจะไปบอกตำรวจให้”  พูดอย่างนั้นเพราะรู้ดีว่าคนที่คลับแห่งนี้ไม่มีใครอยากไปเสวนากับตำรวจพอ ๆ กับที่ตำรวจก็ไม่อยากยุ่งกับพวกเขานั่นแหละ

“วายะ  เป็นอะไรหรือเปล่า?  สีหน้าไม่ดีเลย”  เสียงที่ดังขึ้นข้างตัวดึงโฮสต์หนุ่มกลับสู่ความเป็นจริง

“หือ?  เปล่านี่”  พอรู้สึกตัวก็รีบคลายมือที่กำแน่นไว้แล้วปรับสีหน้าเป็นปกติทันที

คิริฮาระจ้องหน้าวายะอย่างพิจารณา  “ดูไม่ดีจริง ๆ นั่นแหละ  บอกมาซิว่าเป็นอะไร”

วายะโบกมือแล้วยิ้มบาง ๆ  “แค่เหนื่อยเพราะมีเซ็กส์กับแกติด ๆ กันหลายวันนั่นแหละ”

คิริฮาระไม่พูดอะไรอีก  แต่เขารู้ว่าวายะมีอะไรอยู่ในใจ  ทุกครั้งที่ยิ้มแบบนี้นั่นคือตอนที่วายะพยายามจะกลบเกลื่อนอะไรบางอย่างไว้ไม่ให้เขารู้  เอาละ...ไม่อยากให้รู้ก็ไม่เป็นไร  เขาเองก็ไม่ใช่คนชอบเซ้าซี้ให้น่ารำคาญ  ไว้ถึงเวลาที่วายะอยากจะบอกก็จะบอกออกมาเอง

“เอาเถอะ  ฉันกลับละ  นายจะกลับเลยหรือเปล่า?”  นายแบบหนุ่มตัดบท

“กลับสิ”  พูดแล้วก็รีบเดินออกจากคลับทันที

คิริฮาระมองตามหลังวายะไป...ไม่ผิดแน่  วายะกำลังมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ  เรื่องไม่ดีเอามาก ๆ เสียด้วย


ร่างสูงลงจากแท็กซี่แล้วก้าวยาว ๆ ไปบนทางเท้า  มุ่งหน้าสู่แมนชั่นของตน  หลังจากถึงหน้าห้องแล้วก็รีบไขกุญแจอย่างร้อนรน

...ยังอยู่...วายะถอนใจกับตัวเองเมื่อเห็นร่างเล็ก ๆ ค่อย ๆ ยันกายขึ้นจากที่นอนในห้องเก็บเสียงเมื่อเขาเปิดประตูผัวะเข้าไป

ดวงตาของโทโมกิยังเลื่อนลอยด้วยฤทธิ์ยาเหม่อมองมาที่วายะ  พอสมองเริ่มจำได้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร  สีหน้าก็ปรากฏแววตื่นกลัวขึ้นมาวูบหนึ่ง...ได้เวลาของบทเรียนอันแสนโหดร้ายอีกแล้วหรือ

แต่วายะไม่ได้เดินไปเปิดเครื่องเล่นดีวีดีเหมือนทุกวัน  เขาเดินตรงมาหาโทโมกิแล้วคว้าตัวไปกอดไว้แน่น  เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกแล้วตั้งท่าจะขัดขืน  แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่อยู่นิ่ง ๆ ในอ้อมแขนนั้น  การรับรู้ของเขายังไม่ชัดเจนนัก  บางทีนี่อาจจะเป็นความฝัน...วายะไม่เคยกอดเขาแบบนี้ถ้าไม่ใช่ตอนที่มีอะไรกัน

แขนเรียวเล็กยกขึ้นกอดวายะตอบ  ในอกนี้อุ่น...เป็นความอบอุ่นที่ไม่เคยได้รับจากใครในโลก  เพราะงั้น  ถึงมันจะโหดร้ายไปบ้างก็ช่างเถอะ  ขอให้วายะกอดเขาก็พอ

“...ไม่มีเวลาแล้ว”  เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหู

ไม่มีเวลาอะไรกันนะ...โทโมกิซบหน้าลงกับไหล่กว้างแล้วหลับตาลง  สูดกลิ่นอ่อน ๆ ของน้ำหอมเจือกลิ่นบุหรี่ที่คุ้นเคย...ดูเหมือนว่าวายะจะเคยพูดแบบนี้มาแล้วใช่ไหม  ในห้องที่ไร้กาลเวลาแห่งนี้  ทำไมถึงพูดว่าไม่มีเวลาแล้วกันนะ...

อ้อมแขนแกร่งรัดร่างเล็กแน่นเข้า  รู้สึกได้ถึงความสูญเสียที่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามา...โทโมกิที่ยังไม่เป็นของเขา  หากหลุดจากมือเขาไปคงไม่มีวันได้กลับคืนมาอีก  ต้องทำยังไง...เด็กคนนี้ถึงจะเป็นของเขาทั้งตัว...และหัวใจ...โดยไม่มีวันไปเป็นของใครอีก

“...ชุน...”  อาจเพราะรู้สึกได้ถึงอาการผิดปกติของวายะ  เสียงแผ่ว ๆ จึงกระซิบเรียก

วายะค่อย ๆ ดันโทโมกิออกห่าง  มือใหญ่ลูบผมที่ระปรกใบหน้าออกให้  เด็กหนุ่มมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจการกระทำ  วายะเคยอ่อนโยนกับเขาอย่างนี้ด้วยหรือ...ทั้งที่แทบจะไม่เคยจำได้  แต่ทำไมสัมผัสแบบนี้ถึงได้คุ้นเคยอย่างประหลาด...โทโมกิเคลียแก้มเข้ากับฝ่ามือหยาบนั้น  แล้วก็รู้สึกได้ถึงริมฝีปากร้อนที่แนบลงบนแผลที่หน้าผาก...นี่จะต้องเป็นความฝันแน่...ใช่...วายะเคยสัมผัสเขาแบบนี้ในความฝัน...

...ในห้องที่ไร้กาลเวลา...ขออย่าให้ความฝันนี้จบลงเลย...

นั่นเป็นค่ำคืนอันแปลกประหลาด  ไม่มีบทเรียนรักอันเร่าร้อนหรือความเจ็บปวดรวดร้าวใด ๆ  วายะเพียงแต่กอดโทโมกิเอาไว้อย่างนั้น  กระทั่งผล็อยหลับไปด้วยกันทั้งคู่

...

“อรุณสวัสดิ์ครับ  ผู้จัดการ”  เสียงห้าวเอ่ยขึ้น  ค่ำแล้วก็จริงแต่คำว่าอรุณสวัสดิ์นี่มันก็เป็นแค่ธรรมเนียมทักทายก่อนเริ่มงานเท่านั้น

“โอ้  อรุณสวัสดิ์  โทคิโตะคุง”  ผู้จัดการคลับใต้ดินเงยหน้าจากเคาน์เตอร์ขึ้นมาทักทายพนักงาน  “หน้าตาผ่องใสมาเชียวนะ  หายหวัดแล้วเหรอ?”

“ได้นอนเต็มที่ตั้งสามสี่วันติดกันแบบนี้  ไม่หายก็แปลกแล้วครับ  นี่ไง  ปึ๋งปั๋งเหมือนเดิมแล้ว”  พูดพลางก็เบ่งกล้ามแขนอวดเสียด้วย

“ฮะ ๆ ๆ  ก็ดีแล้ว  ลูกค้าบ่นถึงแน่ะ”
หัวข้อ: Re: All I want # 6 (NC17) อัพเพิ่ม 7/1/55 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 13-01-2012 20:57:32
“แย่เลย  ยอดขายเดือนนี้ก็หล่นวูบน่ะสิ  ไอ้วายะเอาไปกินอีกแหง”

“ยังกับยอดขายเธอสู้เขาได้นักนี่  นั่นน่ะเขาอันดับหนึ่งเชียวนะ”  ผู้จัดการว่ายิ้ม ๆ

แม้จะมีอันดับห่างกันไม่น้อย  แต่ดูเหมือนโทคิโตะกับวายะจะสนิทกันในระดับหนึ่ง  ทั้งคู่เป็นเด็กจากต่างจังหวัดเหมือนกันจึงพอจะมีบางอย่างที่เข้ากันได้  ในแง่ของนิสัยแล้วโทคิโตะออกจะเป็นคนเอะอะโวยวายและตลกโปกฮาอยู่เสมอ  คนในคลับไม่มีใครเกลียดขี้หน้าชายหนุ่มได้ลง  แม้จะมีลูกค้าประจำอยู่หลายคน  แต่ด้วยลักษณะภายนอกแบบนี้  ในฐานะโฮสต์แล้วอดคิดไม่ได้ว่าโทคิโตะไม่เท่และไม่เหมาะจะเป็นโฮสต์สาย S เลยสักนิด  ทำให้แขกหน้าใหม่ไม่ใคร่สนใจอยากลิ้มลองชายหนุ่มเท่าไรนัก  อันดับจึงอยู่แค่ระดับกลาง ๆ มาตลอด  แต่เจ้าตัวก็ดูจะพอใจที่เป็นอยู่อย่างนี้  เหนือสิ่งอื่นใดคือชายหนุ่มซื่อสัตย์และรักร้านที่ตนทำงานรวมไปถึงเพื่อนร่วมงานด้วย  ที่ได้สนิทกับวายะก็ดูเหมือนจะมาจากเรื่องที่ไปช่วยกันกระทืบกลุ่มยากุซ่าที่หาเรื่องเด็กสาย M ในร้านนั่นเอง

โทคิโตะยักไหล่  แล้วก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้  “เออ  ผู้จัดการ  ไอ้รูปประกาศจับที่แปะอยู่ที่คลับข้างบนนั่นมันอะไรกันครับ?”

“รูปประกาศจับ?”  ผู้จัดการนึกอยู่นิดหน่อย  “อ๋อ...บ้า  ไม่ใช่ประกาศจับ  เด็กคนนั้นหายตัวไปน่ะ  ที่บ้านเขาตามหาอยู่  เห็นว่าหายไปแถว ๆ นี้ตำรวจเขาเลยขอความร่วมมือน่ะ”

“อ๋อ...ก็ว่า  เห็นหน้าเด็ก ๆ  นึกว่าไปก่อคดีอะไรร้ายแรงเอาไว้ถึงขนาดต้องมาประกาศจับในโฮสต์คลับ”

“เธอนี่ก็คิดไปได้...อ้าว อรุณสวัสดิ์  วายะคุง”  ประโยคสุดท้ายของผู้จัดการเอ่ยทักผู้ที่เข้ามาใหม่

“อรุณสวัสดิ์ครับ”  วายะกล่าวพลางก้มหัวให้เล็กน้อย  ก่อนจะหันไปหาโทคิโตะ  “หายหวัดแล้วเรอะ  โทคิโตะ”

“หายแล้ว  ว่าแต่...ทำไมหน้าตาแกดูไม่ดีเลย  อย่าบอกนะว่าติดหวัดฉัน”

“เปล่าหรอก  แค่นอนไม่พอมั้ง”  วายะบอกปัดแต่ก็ไม่ได้โกหกเสียทีเดียว  ด้วยความที่เขานอนหลับไม่สนิทมาหลายวันแล้ว  อาการจึงแสดงออกมาชัด

“ก็ว่าเนอะ  คนบ้าก็ไม่น่าเป็นหวัดหรอก”  พูดแล้วโทคิโตะก็หัวเราะเสียงดัง

“ยังกับแกดีกว่านักนี่”  วายะโบกผัวะจนโทคิโตะหัวทิ่ม  แล้วรีบเดินหนีไปยังห้องแต่งตัว

“เฮ้ย!  เล่นทีเผลอ  กลับมานะเฟ้ย!  ไอ้วายะ  ไอ้หมาบ้า!!”

โทคิโตะวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว  ปล่อยให้ผู้จัดการยืนรอฟังเสียงตุบตับมาจากข้างในร้าน...เดี๋ยวโทคิโตะก็คงมาฟ้องว่าแพ้วายะอีกตามเคย


ผ่านไปค่อนคืนแล้ว  วายะที่เพิ่งรับรองแขกพิเศษเสร็จไปคนหนึ่งแอบหลบออกมาสูบบุหรี่ที่หลังคลับด้านบน  สายลมหนาวพัดผ่านลงมาระหว่างซอกตึก  อีกไม่นานหิมะคงจะตก  ชายหนุ่มยืนพิงกำแพงอย่างอ่อนล้า...ไม่ใช่ร่างกายหรอกที่เหนื่อยอ่อน  แต่เป็นจิตใจต่างหาก...ทุกครั้งที่เผลอตัว  เขาจะคิดเรื่องโทโมกิซ้ำแล้วซ้ำอีก  วนเวียนเหมือนเขาวงกตที่ไร้ทางออก

ทำไมเขาถึงทำให้โทโมกิเป็นอย่างที่เขาต้องการไม่ได้...ทำไมเขาถึงใจอ่อนอยู่เสมอ  ทั้งที่มือของโลกภายนอกคืบคลานเข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นทุกทีแล้ว  แต่เขายังทำให้โทโมกิเป็นของเขาไม่ได้...ถ้ามือนั้นคว้าโทโมกิแล้วพากลับไปได้ละก็...เขาจะสูญเสียโทโมกิไปตลอดกาล...

แล้ว...ทำไมถึงได้ต้องการเด็กคนนั้นมากขนาดนั้น...

วายะตอบตัวเองไม่ได้  บางครั้งที่เหมือนจะมีคำตอบมารออยู่ที่ริมฝีปาก  แต่พริบตาเดียวมันก็หายไป...เขารู้เพียงแค่ว่าเขาอยากได้โทโมกิมาเป็นของตัวเอง  เป็นของเขาเพียงคนเดียวและจะไม่มีวันไปเป็นของคนอื่นแบบคิริฮาระ...จะไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือไปเหมือนใครคนนั้น...

ควันบุหรี่สีขาวลอยอวลอยู่ในอากาศ  ดวงตาคมของชายหนุ่มทอดมองพื้นหรี่ซึม  ที่ผ่านมาวายะเคยต้องการใครบางคนอยู่บ้าง  แต่ก็ไม่เคยได้มาครอบครอง...ไม่สิ  เขาไม่เคยคิดจะครอบครองต่างหาก  เขาไม่เคยแสดงความปรารถนาที่จะเป็นเจ้าของออกมา  และได้แต่เฝ้ามองให้คนที่ต้องการนั้นไปเป็นของคนอื่น  คงเพราะ...กลัว...ความรู้สึกว่าสิ่งที่เป็นของตัวเองมาตลอดได้หลุดลอยไปจากมือนี้ยังคงตามหลอกหลอนเขามาตั้งแต่วันนั้น...วันที่เขาได้ทำสิ่งผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต...

“โอ๊ะ  มาแอบอู้งานอยู่นี่อีกแล้ว  พ่อโฮสต์อันดับหนึ่ง”  เสียงห้าว ๆ ดึงวายะหลุดจากห้วงภวังค์  หันไปก็เห็นโทคิโตะโผล่ออกมาจากประตูหลังร้าน

“แกก็อู้  โทคิโตะ”  วายะตอบกลับเบา ๆ  ทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นแล้วเหยียบให้ดับ

“เพิ่งไปส่งแขกมาเมื่อกี้  แกเหอะ  น่าจะมีลูกค้ารออยู่หลายคนไม่ใช่หรือไง  มายืนดูดบุหรี่อยู่ได้”  ว่าแล้วโทคิโตะก็หยิบบุหรี่ของตัวเองออกมา  วายะจุดไฟแช็กยื่นไปให้ต่อ  “ขอบใจ”

“มีลูกค้าเยอะมันก็ดีหรอก  แต่คนเรามันก็ต้องพักกันบ้างไม่ใช่เรอะ”  วายะเก็บไฟแช็กลงกระเป๋าเสื้อ

“เหนื่อยเรอะ  ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้ยินจากปากแก”

วายะไม่ตอบอะไรนอกจากเอนหลังพิงกำแพง...ดูเถอะ  ขนาดมีคนอยู่ด้วยแบบนี้เขายังเผลอคิดถึงโทโมกิเข้าจนได้

“แกนี่...เหนื่อยจริง ๆ สินะ  ฉันไม่อยู่สองสามวันเกิดอะไรขึ้นวะ  ท่าทางแย่”  โทคิโตะนั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆ วายะ  กระชับเสื้อโค้ทของตัวเองแน่นเข้าเมื่อมีลมหนาวพัดมาวูบหนึ่ง

“ก็แค่มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อย”

“ไม่หน่อยแล้วม้าง...อาการแบบนี้  หรือว่ามีแฟน?”  โฮสต์หนุ่มชูนิ้วก้อยขึ้นมา  อันมีความหมายถึงแฟนสาว  “เอ๊ะ  หรือควรจะเป็นนิ้วโป้ง...เอานิ้วไหนดี  วายะ?”

ร่างสูงหันไปชูนิ้วกลางให้ทีหนึ่ง  “เก็บไปทั้งสองนิ้วแหละ  ไม่งั้นฉันจะจับตอกเล็บทั้งสองนิ้วเลย”

“ไรวะ  โหดว่ะ  นึกว่าจะโหดแต่บนเตียงซะอีก”  โทคิโตะบ่นงึมงำ

“อยากลองรึไง?”

“แต่เห็นที่โชว์บนเวทีก็เกินพอละ...ไม่ต้องให้ลองก็ได้หรอก”

“ก็แกมันยุ่งไม่เข้าเรื่อง”

“โธ่  ก็คนเป็นห่วง  เห็นหน้ากันมาหลายปีไม่เคยเห็นแกเป็นงี้นี่...ตกลง  เรื่องแฟนเรอะ?”

“เปล่า...เรื่องอื่นน่ะ”

“ไม่อยากบอกสินะ...เอ้า  ไม่เป็นไร  ไว้อยากบอกก็บอกละกัน”  โทคิโตะตัดบทง่าย ๆ

วายะเหลือบมองเพื่อนร่วมงาน  โทคิโตะก็เป็นเสียแบบนี้...แต่ก็ดี  ความที่เป็นคนง่าย ๆ อย่างนี้ทำให้คบได้สบายใจ  จะว่าไปแล้ววายะเองก็ไม่มีเพื่อนสนิท  นอกจากคิริฮาระกับนัตสึเมะแล้ว  โทคิโตะเป็นคนเดียวที่เขาคุยด้วยบ่อยที่สุดในบรรดาเพื่อนร่วมงาน

“ว่าแต่...ครั้งสุดท้ายที่เราโดดงานมาอยู่แถวนี้ด้วยกันนี่...นานแล้วเหมือนกันนะ”  จู่ ๆ โทคิโตะก็พูดขึ้น

“หือ?”

“วันนั้นไง  ที่ไอ้เด็กบ้านั่นมันล้วงกระเป๋าฉันแล้ววิ่งมาเจอแกเข้าน่ะ”

วายะเบิกตากว้างแล้วหันขวับมามองโทคิโตะ...เขาลืมไปแล้ว  เหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นในวันนั้น  ลืมไปแล้วว่าโทคิโตะก็อยู่ด้วย!!

“ดีนะที่วันนั้นแกโดดงานมาอยู่ตรงนี้  ไม่งั้นป่านนี้กระเป๋าตังค์สุดเจ๋งของฉันก็ไปกับสายลมแล้ว”  โทคิโตะพูดต่อไปโดยไม่ได้สังเกตอาการของคนข้าง ๆ  “นึกแล้วก็โมโห  ถึงจะได้ของคืนก็เหอะ  แต่ไอ้เด็กนั่นก็เหลือเกิน  ตัวแม่งเล็กนิดเดียวยังกล้าทำอะไรแบบนั้นได้  ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งนะ  พ่อตบหูฉีกไปแล้ว  เป็นเด็กเป็นเล็กริเป็นขโมย  เมืองใหญ่นี่ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ”

“เรอะ...”  วายะตอบรับอย่างเลื่อนลอย

“ก็ใช่เซ่ะ  แต่ก่อนตอนแม่จับได้ว่าพี่ชายฉันขโมยเศษตังค์ในบ้านนะ  โดนตีจนนิ้วซ้นเหอะ”  โทคิโตะยังว่าไปเรื่อย

“ฉัน...จะกลับเข้าไปทำงานละ”  พูดแล้วก็รีบผลุนผลันกลับเข้าไปในร้านทันที

“อ้าว  เฮ้ย  กำลังสนุกเลย  วายะ!  จะรีบไปไหนวะ  อู้มาตั้งนานจะอู้ต่ออีกหน่อยก็ไม่ได้  โธ่!”

วายะไม่ได้สนใจเสียงบ่นที่ตามหลังมา  เขาก้าวยาว ๆ ตรงไปยังคลับใต้ดิน  ในใจรุมร้อนยังกับถูกไฟลน...ใกล้เข้ามาอีกแล้ว  เขาไม่มีเวลาแล้ว!!


“ขอตัวก่อนนะครับ  ผู้จัดการ”

“อ้อ  เหนื่อยหน่อยนะ  โทคิโตะคุง”  ผู้จัดการทักทายตอบพนักงานที่หิ้วกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้าน  “โทษทีนะ  ที่ต้องให้รับรองในส่วนของวายะคุงด้วยน่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ  ผมก็ได้ยอดขายเพิ่มด้วย”  โทคิโตะโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ  “ว่าแต่...หมอนั่นน่าเป็นห่วงจังน้า  อยู่ ๆ ก็รีบกลับไปกะทันหันเนี่ย  เป็นอะไรมั้ยก็ไม่รู้”

“ติดหวัดเธอละมั้ง”

“เป็นแบบนั้นก็ดีสิครับ  กลัวจะเป็นอะไรมากกว่านั้นมากกว่าน่ะสิ”  พอนึกถึงอาการของวายะแล้วมันชวนให้คิดแบบนั้นจริง ๆ  “เอาเถอะ  คนบ้ามักจะไม่ค่อยป่วย  อาจจะใช้น้องชายหนักไปหน่อย  เดี๋ยวมันก็คงดีขึ้นเองแหละเนอะ”

“นั่นสินะ  ฮะ ๆ”

“งั้น...เจอกันพรุ่งนี้นะครับ”  ว่าแล้วโทคิโตะก็ก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากคลับมา

บันไดทางขึ้นจากชั้นใต้ดินเชื่อมต่อมาถึงส่วนหลังร้านของลูนาติก  โฮสต์คลับ  ทำให้พนักงานของทั้งสองร้านพอจะคุ้นหน้าคุ้นตากันไม่น้อย  แต่พวกพนักงานของคลับใต้ดินนิยมกลับบ้านทางประตูด้านหลังเสียมากกว่า  จากบันไดไปจนถึงประตูทางออกจะผ่านกระดานข่าวสารเล็ก ๆ ที่ใช้ติดข่าวที่ต้องการแจ้งให้พนักงานทั้งสองร้านทราบ  ตอนนี้บนบอร์ดมีเพียงภาพของเด็กหนุ่มคนหนึ่งแปะอยู่

โทคิโตะชะลอฝีเท้า  เมื่อตอนหัวค่ำที่มาทำงาน  เขาคิดไปว่านี่เป็นภาพประกาศจับคนร้ายหรืออะไรทำนองนั้น  ไม่คิดเลยว่าจะเป็นประกาศตามหาคนหาย  พอพิจารณาดูดี ๆ แล้วก็ถึงได้เห็นรายละเอียดของภาพและข้อความในประกาศ

“...หายตัวไปเป็นเดือนแล้วนี่หว่า  แล้วทำไมเพิ่งมาตามหาเอาตอนนี้วะ”  โทคิโตะอ่านรายละเอียดพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง  ก่อนจะเลื่อนสายตาไปพิจารณาภาพถ่าย  คนในภาพแม้จะดูร้ายกาจอยู่สักนิดแต่ก็จัดได้ว่าหน้าตาดีทีเดียว  “อีแบบนี้ไม่โดนส่งขายไปไหนแล้วเร้อ...เสียดาย  อายุยังน้อยแท้ ๆ”

พลันอะไรบางอย่างก็สะกิดใจโฮสต์หนุ่มขึ้นมา...ไอ้หน้าตาแบบนี้มันคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน...ที่ไหนกันนะ...โทคิโตะพยายามคิด  เขาไม่น่าจะไปรู้จักเด็กมัธยมต้นที่ไหนนี่นา  ปกติกว่าเขาจะตื่นมาใช้ชีวิตก็เป็นเวลาที่เด็กพวกนี้กลับบ้านกลับช่องกันไปหมดแล้ว  ไม่อย่างนั้นก็ไปสุมกันอยู่ในโรงเรียนสอนพิเศษ...อ้อ  ไอ้เด็กในภาพนี่มันคงไม่เรียนพิเศษหรอกมั้ง...สมองที่มีแอลกอฮอล์ออกฤทธิ์อยู่ไม่น้อยพยายามรื้อฟื้นความทรงจำอย่างหนัก  ต้องใช่แน่  เขาต้องเคยเห็นเจ้าเด็กคนนี้มาก่อน...ไม่ใกล้ไม่ไกลจากแถวร้านนี่แหละ...เป็นตอนกลางคืนด้วย...แล้วก็...

“อ๊ะ!”

โทคิโตะรีบอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการหายตัวไปของเด็กหนุ่มในภาพ  ไม่ผิดแน่...ช่วงวันที่หายตัวไป  ตรงกับสิ่งที่เขานึกขึ้นมาได้พอดี...เด็กนี่คือคนที่ล้วงกระเป๋าเขาเมื่อตอนนั้น!!




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 13-01-2012 21:11:00
ลุ้นอะ ว่าจะปล่อยโทโมกิออกมายังไง รึจะโดนจับได้ก่อน :z3:
แต่ทำไมมันแอบเศร้าด้วยก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 13-01-2012 21:36:01
รักเค้าแล้วทำไมไม่บอกเค้าไปทรมารกันไปทำม้ายยยยยยยย
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 13-01-2012 21:51:12
สามคำ>>>เข้ม ข้น มาก  :sad4:
( ส่อแววมาม่า)
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 13-01-2012 22:14:54
ทรมานโทโมกิอย่างนี้เข้าคงไม่อยากอยู่ด้วย
รักเขา
ก็ทำกับเขาดีๆสิ โด่ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 13-01-2012 22:31:16
บีบหัวใจจริงๆ แล้วก็น่าติดตามมากๆเหมือนกัน
 :pig4: o13
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: kim_khun_kwan ที่ 13-01-2012 22:39:36
น่ารักปนจิตเบาๆ โทคิโตะ เดี่ยวค่อยเจอไม่ได้หรอ อยากอ่านเอ็นซีต่อ :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 14-01-2012 11:59:42
อ่านแล้วสงสารทั้ง2คนเลย :monkeysad:
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 14-01-2012 14:05:11
อย่าเพิ่งหาโทโมะเจอนะ ... ;[ 5555555 รอวายะสอนให้ได้ก่อนไง ,,   สงสารตอนน้องเอาหัวโขกผนัง วายะก็เกิ้นป๊ายยยย ~
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 14-01-2012 15:33:33
โขกหัว น้องเค้าเริ่มมีอาการทางจิตแล้วแฮะ
อ่านไปก็จะร้องไห้ สงสารแบบไม่รู้จะสงสารใคร
คงต้องสงสารตัวเองที่กว่าจะได้อ่านต่อก็อีกหลายวันแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 14-01-2012 15:58:23
วายะ!!!
รับเอาโทโมกิไปเก็บ เอ้ย! ไปซ่อน ไปไหนก็ได้เดี๋ยวก็มีคนเจอหรอก
เอาไปไกลๆเลย ด่วนๆ ไม่งั้นนายเสร็จแน่!!
ตอนนี้โทอะไรสักอย่าง(จำไม่ได้ -0-) เริ่มจำได้แล้วนะ อ๊ากกกก ลุ้นฉี่ราดแล้ววว
ต่อไวๆนะคะ ><


 :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 14-01-2012 19:06:03
อ่า ทำไมวายะถึงบอกว่าโทโมะยังไม่เป็นของวายะอีกอ่ะ

นี่ก็เป็นทั้งตัวและหัวใจแล้วนา งงง๊งงง -*-
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 14-01-2012 20:17:54
เฮ้ยๆ โทคิโตะอย่าแม้แต่จะคิดไปบอกใครน๊าาาาาาาา    :sad4:
เริ่มสงสารชุนง่ะ   :o12:
รอตอนต่อไปฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: sapphire_yaoi ที่ 14-01-2012 20:26:41
สงสารทั้ง2คน  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 14-01-2012 20:38:13
หวา...โทโมะจะหลุดมือวายะไปหรือเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: MM ที่ 14-01-2012 22:27:24
 :กอด1: โทโมะจัง จะน่าลักไปไหนเนี่ย  :-[  ( โดนวายะกระทืบ 555+ )
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: TontS ที่ 14-01-2012 23:07:19
วายะท่าจะหลังเด็กน้อยซะแล้วววววว ><
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Zam_Zammy ที่ 14-01-2012 23:54:39
น่าสงสารอ่า  :o12:
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 15-01-2012 01:20:02
อ่านตอนนี้แล้ว น้ำตาซึม แอบสงสารวายะ(น้อยหน่อย)กับโทโมะ เฮ้อ เศร้า รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 15-01-2012 11:32:08
บีบคั้นหัวใจจริงๆ
สงสารโทโมกิ
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: sapphire_yaoi ที่ 17-01-2012 21:30:57
ชอบเรื่องนี้มากมายเขียนเก่งเวอร์ o13 ตามอ่านอีกที่มาถึงตอนที่26แล้วมาต่อในเล้วเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 17-01-2012 22:04:20
รันทด....
กว่าจะรักกัน ช่างเจ็บปวดด โฮก....
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: kogomon ที่ 18-01-2012 23:19:45
จะเกิดอะไรต่อไป!!!
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: TontS ที่ 18-01-2012 23:19:55
รออยู่น๊า าาาา
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 19-01-2012 00:20:10
โอ๊ะโอ วายะ นายจะโดนจับได้แล้วนะ
จะทำยังไงดีละ......

หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 20-01-2012 05:39:24



    แง่มๆๆ
    ทำไมรู้สึกว่าตอนนี้มันหวานปะแล่มๆน้าาาา




หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 20-01-2012 21:34:00
All I want # 8

วายะลูบไล้เรือนผมสีดำนุ่มมือของคนที่กำลังซบหลับสบายอยู่บนอกของตน  พลางนึกอิจฉานิด ๆ อยู่ในใจ  เด็กนี่กำลังหลับสบายในขณะที่เขาไม่สามารถข่มตาลงได้แม้จะเลยเวลานอนของตนมานานแล้ว...นอนไม่หลับ...คืออาการที่กำลังคุกคามวายะอยู่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้  แม้จะไม่ถึงกับง่วงงุนจนทำงานไม่ได้ก็เถอะ  แต่ดูเหมือนว่าอาการอดนอนจะแสดงออกจนใครต่อใครก็สังเกตเห็นได้ชัด

โฮสต์หนุ่มรู้สาเหตุที่ตนนอนไม่หลับดี  เพียงแต่ยังไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร...เขากำลังเป็นกังวลเรื่องโทโมกิ  รู้สึกว่ามือของโลกภายนอกกำลังเอื้อมมาใกล้พวกเขามากขึ้นทุกที  และอีกไม่นานคงจะคว้าตัวโทโมกิแล้วพากลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้...จะต้องสูญเสียคนที่ต้องการไปอีกครั้งงั้นหรือ...

ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น...แต่จะต้องทำอย่างไร  โทโมกิถึงจะเป็นของเขาไปตลอดกาลได้

...คิดไม่ออก...และเพราะคิดไม่ออกถึงได้นอนไม่หลับ...

...

“อรุณสวัสดิ์ครับ  ผู้จัดการ”

“อ้าว  อรุณสวัสดิ์  วายะคุง”  ผู้จัดการลูนาติก  คลับเอ่ยทักโฮสต์หนุ่มที่เปิดประตูเข้ามา  “นี่...เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย  สีหน้าแย่มากเลยนะ”

“แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”  นั่นไง...ทักอีกคนแล้ว

“อื้ม  ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย  หรือว่าติดหวัดจากโทคิโตะคุงจริง ๆ”  ผู้มากวัยกว่าแสดงอาการเป็นห่วงเป็นใย

“ไม่หรอก  แค่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ”  ถึงขนาดนี้จะกลบเกลื่อนว่าไม่เป็นอะไรคงไม่ได้แล้วละนะ

“งั้นเหรอ  แล้ว...ไหวมั้ยเนี่ย  วันก่อนก็ขอลากลับก่อนไม่ใช่เหรอ”

“ไหวน่า  แค่อาจจะเฆี่ยนได้ไม่หนักเท่านั้นแหละ”  วายะยิ้มน้อย ๆ

“อืม...กลับไปพักดีมั้ย?  วันนี้ยังไม่มีลูกค้าติดต่อจองตัวมาเป็นพิเศษด้วย”

“ยอดขายก็ตกหมดน่ะสิ”

“ขาดงานวันเดียวคงไม่ทำให้หลุดอันดับหรอกมั้ง”

“ก็นะ...”  กลับไปได้ก็ใช่ว่าจะนอนหลับนี่นา...บางที  เขาก็น่าจะกินยากล่อมประสาทที่ให้โทโมกิกินบ้างแล้วละมั้ง

“เอาน่า...กลับไปพักเถอะ  ฝืนไปก็ไม่ดีต่อร่างกายเปล่า ๆ  ไหนจะต้องรับแขก  ไหนจะต้องดื่มเหล้าด้วย  กลับไปนอนไป”  ผู้จัดการคะยั้นคะยอแถมยังออกจากเคาน์เตอร์มารุนหลังให้ชายหนุ่มออกจากร้านเสียด้วย

“เอ้อ...ถ้าพูดถึงขนาดนั้นก็ได้”

แต่ยังไม่ทันที่วายะจะเดินไปถึงประตู  ก็มีคนสวนเข้ามาเสียก่อน

“อรุณสวัสดิ์ครับ  ผู้จัดการ...โอ๊ะ  วายะ  เจอพอดีเลย”  ผู้ที่เข้ามาใหม่คือโทคิโตะ

“มีอะไรเหรอ?”  ไม่เห็นต้องทำหน้าตาแตกตื่นแบบนั้นนี่นา

“มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย  มานี่ซิ”  ไม่พูดเปล่า  โทคิโตะยังดึงแขนวายะไปที่ประตูด้วย

“เฮ้ย  มีอะไรพูดกันตรงนี้ก็ได้”

“ไม่ดีหรอก  ไปข้างนอกดีกว่า”

“อะไรของแก...”

“ไปเถอะ  วายะคุง  แล้วก็พักผ่อนซะด้วยล่ะ  ส่วนโทคิโตะคุงเสร็จธุระแล้วก็รีบลงมาเตรียมตัวเร็ว ๆ นะ”  ผู้จัดการร้านบอกกับทั้งสองคน

“งั้น...แล้วเจอกันนะครับ”  วายะบอกได้แค่นั้นแล้วก็ถูกโทคิโตะลากตัวออกไป

ตรอกหลังร้านมืด ๆ คือที่ที่โทคิโตะลากวายะออกมา

“อะไรของแก  ทำไมจะต้องมาคุยกันที่หนาว ๆ แบบนี้ด้วยวะ”  วายะถามพลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ

“คือ...ไอ้ประกาศหาคนหายที่แปะอยู่ที่บอร์ดนั่นน่ะ”  โทคิโตะเข้าเรื่องทันที  ไม่ทันสังเกตว่าเพื่อนร่วมงานชะงักมือที่กำลังจุดไฟแช็กไปนิดหนึ่ง

“แล้วยังไง?”  วายะปรับเสียงตัวเองให้ราบเรียบ

“นายจำไอ้เด็กนั่นได้มั้ย?”

ลมหายใจของวายะสะดุดขาดห้วง...มีหรือจะจำไม่ได้

“ไม่หนิ”  คำตอบสั้นห้วน

“จำไม่ได้เหรอ  ไอ้เด็กเปรตนั่นไง  ที่ล้วงกระเป๋าตังค์ฉันน่ะ”  โทคิโตะพยายามฟื้นความทรงจำให้

ไม่ต้องย้ำวายะก็นึกออกอยู่แล้ว  แต่เขาไม่อยากให้โทคิโตะนึกอะไรออกมากไปกว่านี้...หากความปรารถนาของวายะไม่เป็นจริง

“ที่วันนั้นมันวิ่งมาชนนาย  นายก็เลยช่วยจับไว้ให้ไง  จำไม่ได้จริง ๆ น่ะเหรอ?”

อย่ามาเร้าหรือให้รำคาญใจได้ไหม...

“นึกออกละ  แล้วไง?”

“ก็นั่นน่ะ  คนเดียวกับที่เขาปิดประกาศอยู่นั่นไง”

“ป่านนี้โดนเอาไปขายซ่องที่ไหนแล้วมั้ง”  โฮสต์หนุ่มทำเป็นปัดเรื่องนี้ให้พ้นตัว

“ฉันก็คิดแบบนั้น...แต่...อย่าพูดแบบนั้นสิ  วายะ  เจ้าเด็กนั่นมันหายตัวไปช่วงที่ได้เจอกับพวกเราเลยนะ”  ดูจากวันที่เขียนไว้บนประกาศ  โทคิโตะแน่ใจว่าตัวเองจำไม่ผิดแน่

“งั้นเหรอ?”

ท่าทีเฉยชาของวายะทำให้โทคิโตะอึดอัดใจ

“นี่...วายะ  วันนั้นหลังจากที่ฉันกลับเข้าร้านไปแล้ว  นายยังอยู่ที่นี่ต่อ...แล้ว...ไอ้เด็กนั่นล่ะ...มันไปไหน  นายเห็นหรือเปล่า?”

คำถามของโทคิโตะบีบรัดหัวใจ...เห็นสิ  เห็นมาตั้งแต่วันนั้น...

“นายจะสนใจทำไมนัก?”

“ถ้าเราพอรู้อะไรบ้างก็น่าจะบอก ๆ ตำรวจไปนะ”

“บอกทำไม?”  ถึงจะเคยเห็นหน้าหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็กที่หายตัวไปก็เถอะ  แต่วายะก็ไม่เข้าใจว่าทำไมโทคิโตะถึงอยากหาเรื่องใส่ตัวแบบนั้น

“ป่านนี้พ่อแม่เขาเป็นห่วงแย่แล้ว  เป็นเดือนแล้วนะที่ลูกหายตัวไปน่ะ  เด็กนั่นดูยังไงก็เด็ก ม. ต้นไม่ใช่เหรอ”  โทคิโตะทำสีหน้าราวกับว่านี่เป็นเรื่องปกติที่วายะก็ควรจะรู้สึกได้เอง

“เรื่องแค่นั้นน่ะนะ”

“ไม่แค่นั้นหรอก  นี่เรื่องใหญ่นะ  นี่ถ้าหลานฉันมันหายตัวไปแบบนี้บ้าง  ฉันก็คงเป็นห่วงแทบบ้าเหมือนกันแหละ”

“หลาน?”

“...ฉัน...มีหลานอายุพอ ๆ กับเจ้าเด็กนั่นอยู่ที่บ้านเกิดสองคนน่ะ”  โทคิโตะถอนใจเฮือกใหญ่

วายะนิ่งเงียบ...ที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าโฮสต์สักคนจะมีครอบครัวและญาติมิตรที่สนิทกัน  ถึงโทคิโตะจะเป็นโฮสต์สาย S แต่ดูจากภายนอกแล้วก็เหมือนชายหนุ่มธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น  ต่างจากวายะซึ่งดูยังไงก็เป็นคนอันตรายที่ไม่น่าเข้าใกล้  แต่ที่วายะไม่เข้าใจก็คือ...ความรู้สึกที่มีต่อครอบครัว  สามารถทำให้คิดถึงคนอื่นที่ไม่มีความเกี่ยวข้องด้วยได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ

ชายหนุ่มจ้องมองเพื่อนร่วมงาน  โทคิโตะกำลังเอาภาพหลาน ๆ ของตัวเองไปทับซ้อนกับโทโมกิ  และเอาความรู้สึกของตัวเองไปคิดแทนครอบครัวของโทโมกิ...ความกังวลใจนั้นแสดงออกทางสีหน้า  บางที...พ่อแม่ของโทโมกิก็คงกำลังร้อนรนแบบนี้  และอาจจะมากกว่านี้อีกหลายเท่า...

วายะทิ้งก้นบุหรี่ลงกับพื้นแล้วเหยียบให้ดับ  หมุนตัวเดินออกไปทางปากซอย

“ฉันกลับละ”

“เฮ้ย!  เดี๋ยวสิ  วายะ!  นายไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าเด็กนั่นไปไหนน่ะ”  โทคิโตะพยายามรั้งไว้

โฮสต์หนุ่มทำเป็นไม่ได้ยินเสียงที่ตะโกนไล่หลังมา  ก้าวยาว ๆ ออกจากที่นั่นไปอย่างรวดเร็ว

...แปลก...โทคิโตะคิดอยู่ในใจเมื่อถูกทิ้งไว้ตามลำพังคนเดียว  ปกติวายะเป็นคนเย็นชาก็จริง  แต่ก็ไม่ได้เฉยเมยถึงขนาดนี้  ปกติแล้วถ้าเป็นเรื่องพวกนี้  วายะอาจจะหัวเราะแล้วพูดทำนองว่าเด็กนั่นอาจจะถูกพาไปขายแถวตะวันออกกลางแล้วก็ได้  พอพูดเสร็จก็จะแบ่งรับแบ่งสู้ว่าถ้ารู้อะไรก็จะบอกผู้จัดการแล้วกัน...แต่วายะไม่เคยทำท่าทีแบบนี้  มันต้องมีเรื่องอะไรแน่...

เอาเถอะ...ถึงวายะจะไม่อยากบอกอะไร  แต่เขาจะบอกละ...อย่างน้อยผู้จัดการหรือตำรวจก็ควรได้รู้ว่าพวกเขาเคยเจอเด็กคนนั้นมาก่อน  เคยมีเรื่องกันมาด้วย...และบางที...พวกเขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่พบเห็นเด็กคนนั้นก็ได้

...

ไม่ได้การแล้ว...วายะคิดขณะที่ก้าวยาว ๆ ไปตามถนนยามค่ำคืน  โทคิโตะจะต้องบอกผู้จัดการหรือไม่ก็ตำรวจแน่  เร็วเกินไปแล้ว...ถ้าไม่มีโทคิโตะมายุ่งด้วยเขาจะมีเวลาคิดหาวิธีการทำให้โทโมกิเป็นของเขามากกว่านี้อีกนิด  แต่ถ้าเป็นแบบนี้ละก็...

โฮสต์หนุ่มถอนใจหนัก ๆ  เดินช้าลงราวกับขาทั้งสองถ่วงด้วยตะกั่วหนักอึ้ง  ความจริงแล้วเขาคิดออกอยู่วิธีหนึ่ง  แต่ก็เป็นวิธีที่ไม่อยากใช้เท่าไรนัก...ถ้ายังไม่ได้หัวใจมา  ให้ได้ตัวก่อนก็ยังดี...ไอ้วิธีการแบบนั้นมันเหมือนคนขี้แพ้  เขาไม่อยากทำ  แต่...สถานการณ์ในตอนนี้...ไม่มีทางเลือกไม่ใช่หรือ...

แค่ตีตราว่าโทโมกิเป็นของเขา  ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเมื่อไรก็เป็นของเขาเสมอ...แค่ทำสัญลักษณ์ที่ไม่มีวันลบเลือนได้ทั้งชีวิตไว้บนตัวโทโมกิก็พอ

เป็นวิธีง่าย ๆ...แต่ก็ไม่ใช่จะทำกันได้ง่ายนัก  เขาต้องการเครื่องมือและเวลาอีกนิดหน่อย

ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาหมายเลขที่ต้องการแล้วรอสัญญาณจากอีกฟากของสาย  ไม่นานนักอีกฝ่ายก็รับสาย

“ฉันเอง  หมอ...ว่างหรือเปล่า?  มีเรื่องจะปรึกษานิดหน่อยน่ะ...งั้นเดี๋ยวฉันจะไปหา...โอเค  แล้วเจอกัน”

วายะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟ  สถานที่ที่เขาต้องการไปอยู่ไกลจากที่นี่สักหน่อย  แต่ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็ถึง

...

“มีดเซรามิกซ์?”  ชายร่างค่อนข้างท้วมในชุดเสื้อกาวน์สีขาวแบบแพทย์เลิกคิ้วขึ้นทวนคำของอีกฝ่าย

“เออ”  โฮสต์หนุ่มตอบแค่สั้น ๆ  เขาเพิ่งมาถึงที่นี่และเริ่มคุยธุระกับเจ้าของสถานที่เมื่อสักครู่นี้เอง

แม้สถานที่แห่งนี้จะเรียกได้ว่าโรงพยาบาล  แต่ก็เป็นเพียงโรงพยาบาลเถื่อนที่รับดูแลรักษาพวกคนในโลกมืดที่สังคมไม่ต้องการเท่านั้น  สภาพภายนอกเป็นตึกเก่า ๆ ทรุดโทรมผิดจากห้องที่วายะนั่งอยู่ลิบลับ  ภายในของโรงพยาบาลเถื่อนแห่งนี้สะอาดสะอ้าน  กรุ่นไปด้วยกลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อ  มีเครื่องไม้เครื่องมือครบครันชนิดที่สามารถทำการผ่าตัดใหญ่ได้  ข้าวของในโรงพยาบาลได้มาจากการจัดหาของเจ้าของคนก่อนที่เกษียณตัวเองไปแล้ว  เงินที่ได้มาจากการเก็บค่ารักษาที่แพงหูฉี่รวมไปถึงการทำผิดกฎหมายอย่างการลักลอบค้าอวัยวะจะถูกนำมาซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์เตรียมไว้สำหรับเจ้าพวกเดนมนุษย์ที่มีเรื่องเจ็บตัวกันได้ทุกวัน

หมอคนที่โฮสต์หนุ่มนั่งคุยด้วยอยู่นี้ชื่อ  โทชิ  เป็นผู้ช่วยเจ้าของโรงพยาบาลรุ่นก่อนมาตั้งแต่ยังหนุ่ม  เขาเคยเป็นนักเรียนแพทย์ที่บังเอิญเกิดปัญหาชีวิตปัจจุบันทันด่วนจึงเผลอทำเรื่องผิดกฎหมายถึงขั้นถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย  และได้เจ้าของโรงพยาบาลเถื่อนแห่งนี้รับไว้เป็นผู้ช่วย  ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่นั้นมาตลอดจนกระทั่งตอนนี้ได้ขึ้นเป็นหมอและเป็นเจ้าของที่นี่ไปโดยปริยาย

วายะได้รู้จักกับโทชิเมื่อตอนที่ถูกคิริฮาระเล่นงานด้วยความลืมตัวถึงขั้นกระดูกแตก  ตอนนั้นเองที่เขาได้รู้ว่าลูนาติก  ลัสท์เรียกใช้บริการหมอเถื่อนคนนี้เสมอ  และดูท่าจะใช้บริการมาตั้งแต่รุ่นก่อนแล้ว  ด้วยความที่พักรักษาตัวอยู่นานทำให้วายะคุ้นเคยกับโทชิเป็นอย่างดี  และขอคำปรึกษาหารือบ้างในบางครั้ง

ยากล่อมประสาทที่ใช้กับโทโมกิก็ได้โทชินี่แหละช่วยหาให้

“จะเอามีดผ่าตัดแบบนั้นไปทำอะไร?”  โทชิยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ  เวลาที่โฮสต์หนุ่มมาหาจะต้องมีเรื่องขอร้องแปลก ๆ มาทุกทีสิน่า

“ก็เอาไปทำอะไร SM นิดหน่อย”

“จะเอาไปฆ่าหั่นศพลูกค้าปากบอนเรอะ?”

“ถ้าจะฆ่าหั่นศพน่ะ  ส่งให้หมอทำง่ายกว่าน่า  ก็แค่จะเอาไปทำรอยแผลน่ะ”  วายะยักไหล่ราวกับสิ่งที่พูดเป็นเรื่องปกติในชีวิต

“แผล...อ้อ  ไอ้ที่เรียกว่าสการ์น่ะเหรอ?  เบื่อรอยสักแล้วหรือไง?”  คนเป็นหมอเข้าใจทันทีว่าสิ่งที่วายะพูดถึงคือการทำตำหนิบนร่างกายแทนการสัก  ด้วยการสร้างบาดแผลที่เป็นลวดลายตามต้องการ  วิธีนี้จะทำให้ตำหนินั้นคงทนถาวรไม่ลบเลือน  แต่ไม่เป็นที่นิยมนัก  เพราะแลกกับความเจ็บตัวแล้วดูจะไม่ค่อยคุ้มค่า

“นั่นแหละ  พอดีเพื่อนที่คลับมันอยากทำ”  โฮสต์หนุ่มโกหกคำโต

“หาลายมาสิ  จะทำให้สวยเลย”  โทชิบอกพลางยิ้มธุรกิจ
หัวข้อ: Re: All I want # 7 (NC17) อัพเพิ่ม 13/1/55 หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 20-01-2012 21:44:44
“ไม่ไหวม้าง...หมอ  ค่าลงมีดหมอน่ะ  ต่อให้สวยแค่ไหนก็ได้ไม่คุ้มเสียหรอก  สู้ทำกันเองยังจะดีซะกว่า”  วายะโบกมือปฏิเสธ

“อะไรกัน  ของแบบนี้มันต้องให้ผู้ชำนาญการทำให้สิ  ถึงจะดี”  โทชิยังพยายามหว่านล้อม

“ไม่เอาน่า  ขอแค่มีดกับยาชาก็พอแล้ว”  ร่างสูงยังปฏิเสธนิ่มนวล

“บ๊ะ  ใจแข็งจริง”  หมอเถื่อนทิ้งตัวลงพิงเก้าอี้  “เอาเถอะ  ไว้เดี๋ยวมันอักเสบติดเชื้อขึ้นมาก็ค่อยไปเก็บค่ารักษาตรงนั้นเอาก็ได้”

“หมอนี่น่าจะไปเป็นนักธุรกิจมากกว่าเป็นหมอนะ”  วายะส่ายหน้า

“ก็เป็นหมอไปด้วยเป็นนักธุรกิจไปด้วยไง  ว่าแต่...มีดใช่มั้ย  อย่างอื่นล่ะ?”

“ก็พวกยา...”

คำพูดของวายะถูกขัดขึ้นด้วยเสียงเอะอะโวยวาย  โทชิรีบถลันออกจากห้องไปทันที

“เกิดอะไรขึ้น!?”

“ช่วยด้วยค่ะ  หมอ  แฟนหนูโดนไฟไหม้!!”

ผู้ที่ตะโกนตอบมาคือหญิงสาวรูปร่างหน้าตาดี  แต่ดูจากลักษณะการแต่งตัวแล้วก็เข้าใจได้ไม่ยากว่าเป็นหญิงขายบริการ  ข้าง ๆ เธอคือชายหนุ่มที่ถูกประคับประคองมาด้วยเพื่อนชายอีกสองคน  มีร่องรอยการถูกไฟไหม้บนร่างน่าสยดสยองจนวายะเผลอเบือนหน้าหนี

“โดนอะไรมาน่ะ!?”  แผลไฟไหม้แบบนี้แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นนอกจากตอนที่เกิดไฟไหม้จริง ๆ  แล้วหมอนี่ไปได้แผลมาจากไหน

“ระเบิดขวดน่ะ หมอ”  คนตอบคือเพื่อนผู้พาตัวคนเจ็บมา

พอทราบสาเหตุแล้วผู้เป็นหมอก็ไม่รอช้า  เขาก้าวเร็ว ๆ นำทางกลุ่มคนเจ็บไป

“พาเข้าห้องเร็ว!  เคนโงะ!!  อยู่ไหนวะ  เตรียมห้องผ่าตัดเร็ว!  เคนโงะ!!”  โทชิร้องเรียกบุรุษพยาบาลผู้ช่วยขณะที่รีบรุดพาคนเจ็บเข้าห้องพยาบาล  ไม่นานนักบุรุษพยาบาลที่วายะคุ้นหน้าก็โผล่มา  คนเป็นหมอรีบสั่งทันที  “เตรียมน้ำเกลือ  ยาฆ่าเชื้อ  แล้วก็อุปกรณ์ผ่าตัด”

เพื่อนและคนรักของคนเจ็บถูกสั่งให้รออยู่ข้างนอก  เพราะอาจจะทำอะไรเกะกะขัดขวางการพยาบาลได้  แต่วายะถือว่านี่เป็นโอกาส

“หมอ  ให้ฉันเข้าไปด้วย!”

“จะเข้าไปทำบ้าอะไร?”

“หมอต้องลอกเปิดผิวใช่มั้ย?  ให้ฉันดูด้วย  เดี๋ยวฉันต้องเอาไปทำนะ”

สีหน้าจริงจังของโฮสต์หนุ่มทำให้โทชิถึงกับจิ๊ปากอย่างขัดใจ  “เออ!  ก็ได้  แต่แค่ดูนะ  ห้ามยุ่งห้ามเกะกะอะไรทั้งนั้น  ไปเปลี่ยนเสื้อซะ  ชุดฆ่าเชื้ออยู่โน่น”

ในที่สุดวายะก็ได้เข้าไปชมการผ่าตัดครั้งนั้นอย่างใกล้ชิด  ชายหนุ่มพยายามจดจำทุกขั้นตอนในการลอกชั้นผิวหนังอย่างละเอียด  ทั้งการฆ่าเชื้อ  การซับเลือด  และการเลาะเนื้อเยื่อออกจากกัน

...ยาก...ชายหนุ่มบอกตัวเอง  แต่ก็ไม่ใช่จะทำไม่ได้เสียทีเดียว  ต้องใจเย็น  และประณีต  ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะเสียหมด  และอีกฝ่ายจะต้องอยู่นิ่งด้วย  สลบไปเลยได้ยิ่งดี...เอาละ  เขารู้แล้วว่าเขาต้องการอะไรบ้าง

...

“เอ๊ะ  เธอกับวายะคุงเคยเห็นเด็กคนนั้น?”

“ครับ  ไม่ใช่แค่เห็นด้วย  แต่มีเรื่องกันเลยละ”  โทคิโตะค่อนข้างเกร็งกับอาการตกใจของผู้จัดการคลับที่มีต่อคำบอกเล่าของเขาเรื่องเด็กที่หายตัวไป

“แต่ไม่เห็นวายะคุงพูดอะไรเลยนี่”  สีหน้านั้นยังดูสับสนอย่างเห็นได้ชัด

“ผมก็ผิดสังเกตเหมือนกัน  หมอนั่นบอกว่าจำไม่ได้...แต่ผมว่าเป็นไปไม่ได้หรอก  หมอนั่นไม่ค่อยสนใจใครก็จริง  แต่อย่างแขกที่เจอกันในงานเลี้ยงแค่ครั้งเดียวหมอนั่นยังจำได้  ประสาอะไรกับเด็กเปรตที่มีเรื่องด้วยแบบนี้”  ถึงตรงที่มีเรื่องจะค่อนข้างมืด  แต่อย่างไรเสียโทคิโตะก็มั่นใจว่าวายะจะต้องเห็นหน้าเด็กคนนั้นแน่  ก็ขนาดเขายังจำได้เลย

“แปลกจัง  รู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้สิ”  ผู้จัดการคลับยกมือขึ้นแตะคางอย่างใช้ความคิด  “แบบนี้ก็แปลว่าวายะคุงรู้เรื่องแต่จงใจที่จะไม่ให้ความร่วมมืองั้นเหรอ”

“ก็เป็นไปได้  หมอนั่นอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องยุ่งยากถ้าจะเอาตัวไปเกี่ยวข้องด้วย  แต่ที่ผมติดใจก็คือ  ผมถามหมอนั่นแล้วแต่หมอนั่นกลับทำเหมือนผมยุ่งไม่เข้าเรื่อง”

“จะว่างั้นมันก็ไม่ผิดละนะ”

“อ้าว  ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ  ผู้จัดการ”  โทคิโตะทำหน้าโฉดใส่ทันที

“ก็ปกติแล้วพวกเราก็ไม่ค่อยจะอยากยุ่งกับพวกตำรวจเท่าไรนี่นะ  แต่เธอกลับแล่นมาบอกข้อมูลสำคัญแบบนี้มันก็ออกจะแปลกอยู่” 

“ก็รู้สึกว่าปล่อยไปไม่ได้นี่นา”  โฮสต์หนุ่มบ่นงึมงำ

“ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย  ตัวก็โต  ทำเป็นขี้ใจน้อยไปได้  เอาละ  เธอไปทำงานเถอะ  มีแขกรออยู่ไม่ใช่เหรอ  ไว้เดี๋ยวเสร็จงานแล้วเราค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน”  ผู้จัดการตัดบท

“ครับ  งั้นขอตัวนะครับ”  โทคิโตะบอกแล้วออกจากห้องไป

เมื่อโฮสต์หนุ่มออกไปแล้ว  ผู้จัดการลูนาติก  คลับก็ทิ้งตัวพิงเก้าอี้แล้วถอนใจหนักหน่วง  บางทีเรื่องมันอาจจะใหญ่โตกว่าที่เขาคิด  ถ้าหากคนในคลับมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเด็กคนนั้นจริงละก็  นั่นแปลว่าจะต้องมีการกักขังหน่วงเหนี่ยวเอาไว้จนถึงตอนนี้  ถ้าเรื่องถึงตำรวจ  โทษสำหรับความผิดนั้นไม่เบาเลยทีเดียว...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ถ้าหากคนที่เกี่ยวข้องด้วยนั้นคือวายะ  โฮสต์อันดับหนึ่งของคลับ...เอาเถอะ  แม้จะยังสรุปไม่ได้ว่าวายะมีส่วนในคดีนี้ก็ตาม  แต่เขาต้องคิดในแง่ที่เลวร้ายที่สุดไว้ก่อน...ถ้าหากเป็นวายะ  ถ้าหากวายะถูกตำรวจจับไป  ไม่เพียงแต่ทางคลับจะสูญเสียรายได้มหาศาลที่จะได้จากลูกค้าของวายะ  ชื่อเสียงของคลับแห่งนี้...ไม่สิ  ชื่อเสียงของลูนาติก  ลัสท์จะต้องมัวหมองไปด้วย  แม้การกักขังหน่วงเหนี่ยวจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ้างในวงการ SM  แต่ก็ไม่เป็นที่ยอมรับของคนส่วนมาก  และนี่ยังเป็นคดีพรากผู้เยาว์...ถ้ามันเป็นแบบที่เขาคิดไว้จริงละก็  เป็นเรื่องใหญ่แน่

ผู้จัดการลูนาติก  คลับสะบัดหน้าแรง ๆ  ดูท่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องที่เขาจะตัดสินใจตามลำพังได้เสียแล้ว  เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขภายใน  รอสายอยู่ไม่นานนักก็มีเสียงตอบรับ

“อ๊ะ  ยามานากะซัง  ผมโอคุระครับ  ไม่ทราบว่าท่านประธานอยู่หรือเปล่าครับ?  ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษา...”

...

“ยาสลบ?  นี่นอกจากมีดแล้วยังจะเอายาสลบอีกเรอะ?”  โทชิโวยเมื่อโฮสต์หนุ่มบอกสิ่งที่ต้องการเพิ่มเติม

“ก็ถ้าไม่สลบแล้วจะไปเลาะหนังออกมาได้ไง”  วายะพูดพลางยักไหล่ตามนิสัย

“เป็น SM กันไม่ใช่หรือไง  ก็เลาะกันสด ๆ ไปเลยก็ได้”  โทชิทำมือโบกไล่อย่างรำคาญ ๆ

“เฮ่ย  ถึงจะ SM ยังไง  ถ้ามันเจ็บเกินกว่าเหตุก็ไม่สนุกหรอกนะ”  ที่ว่ามานั่นเป็นเรื่องจริง  คนเป็น S อาจจะสนุกกับการได้เห็นอีกฝ่ายเจ็บปวด  แต่คนที่ถูกกระทำนั้น  ถ้ามากเกินไปมันก็ไม่บันเทิงตรงไหนสักนิด

“นึกว่าจะสนุก  เห็นเวลาเรียกตัวทีไรก็เลือดตกยางออกทุกที  ก็นึกว่าชอบ”

“นั่นมันอุบัติเหตุน่า”  วายะส่ายหน้า  โทชิชอบขุดเรื่องที่เขากระดูกแตกมาเหมารวมกับการเป็น SM ทุกที

“แต่ว่านะ...ยาสลบทางการแพทย์น่ะ  มันต้องคนใช้เป็นถึงจะใช้ได้  อย่างพวกนาย...เอาแค่พวกยาสลบแบบป้องกันตัวเป็นไง  ออกฤทธิ์ไว  ให้ผลประมาณ 2 ชั่วโมง  น่าจะพอได้”  โทชิให้คำแนะนำในที่สุด

“อืม...แล้วจะทำงานทันเหรอ?”  วายะถาม  ก็ขนาดโทชิที่เชี่ยวชาญแล้วก็ยังใช้เวลาในการจัดการแผลเมื่อครู่นานทีเดียว

“อยู่ที่ฝีมือแล้ว  อันนั้นน่ะ”  หมอเถื่อนบอกปัดอย่างไร้ความรับผิดชอบ  ทำเอาวายะเบ้หน้า  “ทำหน้าแบบนั้นทำไม  ไม่มั่นใจสิท่า  งั้นเอาแบบฤทธิ์แรง ๆ ก็ได้นะ  ออกฤทธิ์ประมาณ 4 ชั่วโมง  แต่ฟื้นขึ้นมามีผลข้างเคียงหนักหนาเอาการอยู่”

“ผลข้างเคียง?”

“หลัก ๆ เลยก็อ้วก  มึนหัวผะอืดผะอม  แล้วก็...อ้วกอีก...”  โทชินับนิ้วค้างไว้แล้วก็ยิ้มกว้าง

“สรุปคือแค่อ้วกใช่มั้ย?”  โฮสต์หนุ่มทำหน้าเบื่อหน่าย

“ไม่ต้องห่วง  อ้วกหนักกว่าที่นายคิดแน่นอน  ระวังตัวไว้ได้เลย”  หมอเถื่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่ใบหน้ายังมีรอยยิ้ม  จนวายะนึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง  “เอาเป็นว่า  ฉันจะหาให้แค่มีด  ส่วนยาสลบนายไปหาเอาข้างนอก  หาได้ใช่มั้ยล่ะ?”

“คิดว่าได้  ถ้าหาไม่ได้แล้วจะมาบอก”

“ให้ฉันหาเนี่ย  ราคาแพงนะ”

“รู้แล้วน่า  ไม่ต้องขู่หรอก”  ราคาขูดเลือดขูดเนื้อของโรงพยาบาลแห่งนี้เป็นที่รู้กันดีในโลกมืด  แต่สำหรับวายะแล้วถ้ามันสะดวกกว่าจะต้องไปหาเอง  เขาก็ไม่เกี่ยงราคา

“งั้น  เดี๋ยวได้ของแล้วจะโทรไปบอกนะ”

“โอเค  ฝากด้วยนะ  หมอ”

ต่างฝ่ายต่างตัดบทกันสั้น ๆ  แล้ววายะก็ขอตัวกลับ

...

ยังถือว่าหัวค่ำนักสำหรับคนที่ใช้ชีวิตตอนกลางคืนอย่างวายะ  แต่โฮสต์หนุ่มก็ตรงกลับบ้าน  โทโมกิยังนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องนอนของเขาหลังจากกินอาหารและเครื่องดื่มผสมยากล่อมประสาทที่เขาทำให้เข้าไป  วายะทรุดกายลงนั่งบนเตียงข้าง ๆ ร่างเล็ก  เด็กหนุ่มหายใจลึกและแผ่วเบาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ  มือใหญ่แตะลงบนหน้าผากของโทโมกิเบา ๆ  แผลที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนดีขึ้นมากแล้ว  ตอนที่เห็นโทโมกิเอาหัวโขกกับผนัง  วายะยอมรับว่าใจหายวูบ  ก็น่าแปลก  เขาเคยเห็นเลือดและการบาดเจ็บมามากมาย  แต่ทำไมแค่แผลเล็ก ๆ ของโทโมกิเขาถึงใจหายได้ขนาดนั้น  ทั้งที่กับคิริฮาระเขาก็เคยตบจนเลือดกลบปากมาแล้ว

จะบอกว่าไม่อยากเห็นโทโมกิต้องเจ็บ...แล้วที่เขาทำอยู่ทุกวันนี่มันไม่ได้ทำให้โทโมกิเจ็บหรอกเหรอ  วายะไม่เข้าใจตัวเอง  สิ่งที่เขารู้สึกอยู่ในใจกับสิ่งที่เขากระทำลงไปมันขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง  เขาอยากจะให้ความสำคัญ  แต่ในขณะเดียวกันก็ปรารถนาให้โทโมกิเป็นของตนมากเสียจนจะให้ใช้วิธีใดก็ได้

โทโมกิมีลักษณะของคนสองคนที่วายะเคยคิดจะครอบครอง  หนึ่งคือคนสำคัญที่เขาสูญเสียไปเมื่อนานมาแล้ว...ใบหน้าของโทโมกิเหมือนใครคนนั้นมาก  แต่โทโมกิกลับมีบรรยากาศและกลิ่นอายคล้ายคลึงกับคิริฮาระ  ผู้ซึ่งวายะเคยแต่งปั้น  กอดตระกอง  และบดขยี้!...นี่กระมังที่ทำให้ความรู้สึกของวายะที่มีต่อโทโมกิปั่นป่วน

อีกไม่นาน  มือนี้จะทำให้โทโมกิต้องเจ็บปวดแสนสาหัสอีกครั้ง...มันจะเหมือนครั้งนั้นที่เคยคว้าคอใครคนนั้นแล้วบีบเค้นราวกับจะให้แหลกรานคามือไหมนะ...เพียงแค่คิดขึ้นมา  ปลายนิ้วที่แตะหน้าผากของโทโมกิก็กระตุกวาบ  วายะดึงมือที่สั่นระริกมากุมไว้แน่น...ไม่หรอก  มันจะไม่เหมือนกัน  ครั้งนี้จะไม่ใช่การทำร้ายเพื่อที่จะสูญเสีย  แต่เป็นการทำเพื่อให้โทโมกิเป็นของเขาไปตลอดกาล  ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน  กับใคร  ทุกคนจะได้รู้ว่าโทโมกิเป็นของเขาเท่านั้น...และไม่มีวันไปเป็นของคนอื่น!

ชายหนุ่มก้มหน้านิ่ง...เชื่อสิ  มันจะไม่เหมือนครั้งก่อน...วายะบอกกับตัวเอง...ทำแบบนี้ดีแล้ว  โทโมกิจะเป็นของเขาตลอดไป  แบบนี้ดีแล้ว...

“ใช่...แบบนี้...ดีแล้ว...”

วายะกระซิบเบา ๆ ราวกับจะย้ำกับตัวเอง...แต่หางเสียงที่แหบโหยนั้นไร้ซึ่งความเชื่อมั่นโดยสิ้นเชิง...



(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 20-01-2012 22:14:17
วายะโหดอ่ะ  :sad5:
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 20-01-2012 22:19:08
-Δ-!!
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 20-01-2012 23:19:35
 o22
สามคำให้วายะ>>>ฉัน กลัว แก   :m15:
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 20-01-2012 23:48:41
หวา....วายะน่ากลัวนะนั่นน่ะ
ทั้งรักทั้งหวงจนจะทำสัญญลักษณ์ไว้เลยเหรอ
ท่านประธานจะเคลียร์ยังไงล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 20-01-2012 23:52:38
ชอบบบบบ


สนุกมากกกก

 o13
คึคึคึ
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 21-01-2012 00:30:03
โหดหลาย
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 21-01-2012 00:33:35
อารายยยยยยยยยยยยเนี่ย วายะจะทำจริงๆเหรอ สงสารโทโมะอ่าาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 21-01-2012 02:06:18
รักเค้าใช่มั้ยละ วายะ
โหดขนาดนี้ จะไหวมั้ยน้อ
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 21-01-2012 12:32:50
น่ากลัวอ่ะ ไม่อยากจะคิดเลย
ถ้าวายะคิดจะทำจริงๆ โทโมะต้องเจ็บที่ไหน

T______________T กลัว  :z3:
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 21-01-2012 12:49:50
กรี๊ดตาโหด สงสารน้องอ่่ะ!!
อยากได้เค้าก็ไปขอกะพ่อ กะแม่เค้าดีๆสิยะ มาทำร้ายน้องอีกแบบนี้เห้อ!!
สักธรรมดาก็ได้นะ เป็นห่วงกลัวติดเชื้ออ่่ะ...(เวอร์จริง) ยังไงก็รอติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: kim_khun_kwan ที่ 21-01-2012 12:53:14
โหดไปแล้วนะ แล้ววายะทำไงต่ออะ อยากรู้ๆๆ ตามมมมมๆๆ             :z10: :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 21-01-2012 13:49:07
วายะโหดได้อีก โทโมะจะรอดมั้ยเนี่ยย
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: chompoonut139 ที่ 21-01-2012 14:52:55
นี่แหละ พระเอกในฝัน

ชอบจริงๆๆๆเลยมันโดนใจมากๆๆๆ

FC วายะสุดๆๆ
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 21-01-2012 15:04:37
 o22 สยอง ไม่ต้องรักเค้ามากขนาดนี้ก็ได้ กลัวอะ
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 21-01-2012 15:42:23
ขนลุกอะค่ะ ขั้นตอนที่ว่า ต้องกรีด ลอกเนื้อเยื่อ อะไรนั่น ต่อให้สลบอยุ่ก็เถอะ ยังไงก็คนเป็นๆนะ แถมยังเป็นคนที่รักด้วย ... แต่ถ้าวายะก็คงทำได้นั่นล่ะนะ แต่สำหรับคนอ่านแล้ว...อ่านแล้วมือไม้อ่อน จินตนาการแล้วก็ซีดเลยล่ะค่ะ // สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 21-01-2012 15:58:00
วายะอย่างเถื่อนอ่ะ o18
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 21-01-2012 15:58:54
เพราะเวลาะที่กระชั้นชิดเข้ามา
เพราะหวงว่าโทโมกิจะหายไปแล้วไม่ใช่ของตัวเองอีก
เพราะต้องการครอบครองไว้เพียงผู้เดียว
เลยต้องทำสิ่งที่ร้ายแรงต่อโทโมกิเลยสินะ
วายะ...นายทำผิดมากเลยนะ โทโมกิไม่ได้รู้เรื่องที่นายต้องการให้เป็นเลย
แต่กลับต้องมารับการกระทำที่แสนเจ็บปวด
สงสารทั้งคู่ สงสารตัวเอง...ค้างมาก


  :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: sapphire_yaoi ที่ 21-01-2012 19:44:56
วายะโหดอ่ะ แต่ไม่เป็นไรยังไงก็รักวายะเสมอ :o12:
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 21-01-2012 19:49:17
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกก มาต่อไวๆนะจ๊ะ วายะเอ๋ย รักเค้าแต่ก็แสดงออกสมเป็น s จริงๆ
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 21-01-2012 20:15:05
อร๊ากกกก เห็นภาพเลย  :sad4:
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนะ.....รอตอนต่อไปฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: vocaloid ที่ 21-01-2012 20:28:32
วายะโหดอะ สงสารโทโกิจ้ง
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: sanfran ที่ 21-01-2012 21:23:36
อาร้ายยย
ทำไมตัดกันอย่างนี้อะ
ใจร้ายยยย

แต่เรายังรอ
555
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 21-01-2012 21:49:17
กรี๊ดดด  อยากจะเป็นลม
อะไรมันจะโหดขนาดน้านนน
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: TontS ที่ 21-01-2012 22:13:10
รอตอนต่อไปนะะ รีบมาๆๆ 555
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 21-01-2012 23:24:39
กำลังหมดแรง อ่านแล้วนิ่งหมดแรง
สรุปเราsmกันทางจริงใจใช่ป่ะ? หมายถึงคนเขียน กับ คนอ่านอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 22-01-2012 23:13:24
ความคิดนี้โหดแทบรับไม่ได้
คิดไ้ด้ไงเนี๊ย
บ้าที่สุด
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 23-01-2012 00:59:38
โหดดด ไปม้ายยยย วายะ  :z3:
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: shockoBB ที่ 23-01-2012 03:36:34
วายะโหดมากกก
สนุกมากค่าาา  รออ่านตอนต่อไป
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 23-01-2012 05:16:33




  เฮ้ย ถึงขั้นต้องลากขึ้นเขียงแล้วกระซวกกันเลยเหรอ




หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: dear77 ที่ 23-01-2012 16:23:25
เลือดสาดดดด สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 23-01-2012 16:27:00
*-* เป็นสไตล์ที่เขียนไม่หลุดคอนเซปต์

ความรักมีหลายแบบ  แบบนี้ก็หวานไปอีกอย่าง   *-* 
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 23-01-2012 22:42:40
เฮ้อ เฮ้อ เฮ้อ
วายะ นายนี่มัน เฮ้อ  :เฮ้อ:
ค่อนข้างไปทางเลวมาก :z6:

โธ๋ๆ ทำเด็กน้อยเปื้อนราคีแล้วยังไม่ยอมปล่อย

แล้วโทโมะจะเป้นยังไงต่อไปล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 24-01-2012 01:42:44
ย้อนอดีตเพลินเลย ระวังโทโมกิ จะโดนโทรม ก่อน ชุนจะไปช่วยทันนะ
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: keezbt ที่ 24-01-2012 18:56:43
หนุกมากเลยอ่ะ ชอบๆ โทโมะน่าสงสารอ่า ชุนก็โหดเกิ๊นนน มาต่อเร็วๆๆ
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 24-01-2012 21:08:00
อ่านไปร้องไห้ไป  อยากให้มาต่อเร็วๆยิ่งอ่านยิ่งอยากติดตามต่อๆไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 26-01-2012 20:16:10
พรุ่งนี้จะมาลงแล้วใช่ไม๊
เค้าอยากอ่านแล้วอ่ะ ตัวเอง
พรุ่งนี้ลงเร็วๆนะ
คิดลูกแมวเปื่อยๆโทโมะแย่แล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 27-01-2012 22:08:58
มาแล้วครับ ขอบคุณที่รอนะครับ

All I want # 9

ชั้น 29 ของตึกลูนาติก  ลัสท์  ซึ่งก็คืออาคารเดียวกันกับลูนาติกโฮสต์คลับและคลับใต้ดิน  บนชั้นสูงสุดของตัวอาคารนั้น  คือห้องทำงานส่วนตัวของชายผู้กุมอำนาจสูงสุดของบริษัททั้งหมดในเครือลูนาติก  ลัสท์

โอโนเสะ  ฮิซาโนบุ...ผู้เป็นทั้งประธานบริษัทและหัวหน้าตระกูลโอโนเสะซึ่งมีอิทธิพลอำนาจในแวดวงธุรกิจโลกมืดมาหลายชั่วอายุคน

ตระกูลโอโนเสะประกอบธุรกิจผิดกฎหมายโดยมีเบื้องหน้าเป็นห้างหุ้นส่วนและบริษัทที่โปร่งใสในเครือมากมาย  ทำให้ชื่อเสียงของลูนาติก  ลัสท์ขจรขจายไปในแวดวงการค้าและวงการใต้ดิน  จะเรียกว่าผู้มีอิทธิพลหรือยากุซ่าก็ไม่ผิด แต่ตระกูลโอโนเสะวางตัวเองไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมและไม่ใคร่จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่นนอกเหนือไปจากสายธุรกิจของตนนัก  จนกลายเป็นกลุ่มธุรกิจที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง

ในยุคของโอโนเสะ  ฮิซาโนบุ  ลูนาติก  ลัสท์ได้เติบโตขึ้นอีกโดยขยายขอบเขตไปในด้านธุรกิจบันเทิง  ลูนาติก  ลัสท์สร้างนายแบบนางแบบมากมายขึ้นมาประดับวงการใต้ดิน  ผลิตภาพยนตร์และหนังสือออกมาเพื่อรองรับตลาดของผู้ที่มีความนิยมทางเพศแบบผิดปกติ  รวมไปถึงเปิดคลับและบาร์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ที่มีรสนิยมทางเพศแบบเดียวกันได้มาพบปะและแลกเปลี่ยนความหฤหรรษ์ซึ่งกันและกัน  สิ่งเดียวที่ลูนาติก  ลัสท์ไม่แตะต้องคือการค้ามนุษย์  อย่างมากก็แค่เพียงทำสัญญาเช่าตัวนายแบบนางแบบไปใช้บริการเป็นระยะยาวเท่านั้น  แต่ไม่มีการซื้อขายใด ๆ  ซึ่งสัญญานั้นจะต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจของนายแบบนางแบบเองด้วย

ในตอนนี้  โอโนเสะกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานและฟังเรื่องราวที่โอคุระ  ผู้จัดการของคลับใต้ดินขึ้นมาปรึกษาถึงห้องทำงานด้วยตนเอง

“แปลว่าเด็กของเราเคยพบเห็นเด็กที่ตำรวจติดต่อมาขอความร่วมมือให้ตามหางั้นสินะ”  โอโนเสะสรุปพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้

“ครับ  อย่างน้อยโทคิโตะก็ยืนยันว่าเคยมีเรื่องกับเด็กคนนั้น”  โอคุระตอบด้วยเสียงนอบน้อม

“เด็กแค่คนเดียว...ดูเป็นเรื่องใหญ่จังนะ”  ท่านประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์หมุนเก้าอี้หันหน้าออกไปทางหน้าต่างกระจกบานใหญ่ด้านหลัง  ทอดสายตามองทิวทัศน์ยามราตรีของเมืองใหญ่

“ดูท่าทางพ่อแม่ของเด็กจะมีฐานะดีไม่น้อยน่ะครับ  รู้สึกจะออกข่าวทีวีด้วย”  ผู้ที่บอกมาคือยามานากะผู้เป็นเลขานุการส่วนตัวซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล

“ฐานะดี...ออกข่าวทีวี...แล้วไหงปล่อยให้เลยมาเป็นเดือนแบบนี้ถึงค่อยตามหาตัว?”  คำถามนั้นไม่ได้ต้องการคำตอบ  เพียงแต่เปรยขึ้นมาตามที่นึกสงสัยเท่านั้น  แต่ก็มีคำตอบมาให้

“เขาอาจจะเพิ่งรู้ก็ได้มั้งครับว่าลูกเขาหายไป”  คนตอบคือยามานากะ

“เป็นเดือนถึงเพิ่งรู้ตัวเนี่ยนะ?”  โอโนเสะย้อนถาม  มันฟังดูไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไรนัก

“ก็ทีฮิโรอากิคุงแอบไปเที่ยวเกียวโตกับเพื่อนตั้งอาทิตย์นึง  ท่านประธานก็ยังไม่รู้นี่ครับ”  ยามานากะอ้างถึงลูกชายคนเล็กของโอโนเสะ

โอโนเสะอึ้งไปนิดหน่อยกับเหตุผลที่เลขา ฯ กล่าวอ้าง  เขาเหลือบตามองร่างท้วม ๆ ของยามานากะ  เลขา ฯ คนนี้เป็นลูกของพี่สาวคนโตของโอโนเสะ  มีศักดิ์เป็นหลานชายของเขาดังนั้นจึงกล้าต่อปากต่อคำและสร้างเหตุผลป่วน ๆ ให้กับเขาอยู่เสมอ  แต่เพราะเรื่องการทำงานไร้ที่ติ  โอโนเสะจึงไม่ค่อยจะใส่ใจกับปากของยามานากะเท่าไรนัก

“พ่อแม่รวย ๆ เขาก็ยุ่งอยู่กับงานกับสังคมของเขา  บางทีลืมลูกไปเลยก็มีบ้างละครับ”

“ก็เป็นไปได้...”  โอโนเสะพึมพำเบา ๆ

“เอ้อ...แล้วเรื่องวายะคุงล่ะครับ  ท่าน?”  โอคุระที่เงียบฟังอยู่นานถามขึ้น

“โทคิโตะบอกว่าวายะอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่มีเรื่องกับเด็กคนนั้นด้วย  แต่กลับทำเป็นไม่สนใจใช่มั้ย...ก็น่าคิดอยู่  แต่ก็ยังสรุปไม่ได้ไม่ใช่เหรอว่าวายะมีส่วนในการหายตัวไปของเด็กคนนั้น”  โอโนเสะตอบด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ

“ครับ  ผม...คงจะคิดมากไปเอง”  ผู้จัดการคลับใต้ดินมีสีหน้ากังวลใจนิดหน่อย

“ไม่หรอก  ดีแล้วละที่คิดถึงในแง่เลวร้ายที่สุดไว้ก่อน  มันจะทำให้เราลงมือทำอะไรได้อย่างรอบคอบมากขึ้น”  โอโนเสะหมุนเก้าอี้กลับมาหาโอคุระแล้วยิ้มน้อย ๆ  นั่นทำให้ผู้จัดการคลับใต้ดินใจชื้นขึ้นมากทีเดียว  “ตอนนี้โทคิโตะทำงานอยู่ใช่มั้ย?”

“ครับ”

“งั้นถ้าเสร็จจากแขกคนนี้แล้ว  ถ้าเขาไม่เหนื่อยมากเกินไปก็เรียกตัวขึ้นมานี่หน่อย  ฉันอยากถามรายละเอียดจากเขาน่ะ”  โอโนเสะบอก  “เอาละ  ลงไปได้แล้ว  อ้อ...ถ้าโทคิโตะไม่ไหวแล้วก็ไม่ต้องให้มานะ  ไว้พรุ่งนี้ก็ได้”

“ครับผม  งั้น  ผมขอตัวก่อนนะครับ”  โอคุระโค้งให้แล้วออกจากห้องทำงานไป

ท่านประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์ลุกจากเก้าอี้เดินเกร่ไปที่หน้าต่าง  ไขว้มือไว้ที่ด้านหลังพลางเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย

“คิดว่าไง  ยามานากะ?”

“เดี๋ยวโทคิโตะก็ขึ้นมาครับ  โฮสต์สาย S ของเราอึดทุกคน  ไม่มีหมดแรงง่าย ๆ”  ยามานากะตอบหนักแน่น

“ไม่ใช่เรื่องนั้น...”  โอโนเสะส่ายหน้าอย่างระอาใจ

“ถ้าเรื่องวายะ  ผมคิดว่าน่าจะฟังรายละเอียดจากโทคิโตะก่อนแล้วค่อยเรียกวายะมาคุยครับ  ตอนนี้ก็ยังคิดอะไรไม่ได้หรอกครับ  เรายังไม่รู้เรื่องทั้งหมดเลย”  บทจะเป็นการเป็นงานขึ้นมาก็ทำได้...แต่ไม่ค่อยทำ

“นั่นสินะ  งั้นเราก็มารอดูกันเถอะว่า  โฮสต์สาย S ของเราจะอึดพอจะขึ้นมาหาเรา  หรือแขกของเราจะอึดกว่าโฮสต์”


ราว ๆ หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น  โทคิโตะก็ขึ้นมาถึงห้องทำงานส่วนตัวของโอโนเสะในสภาพที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยพร้อมจะกลับบ้าน  เขาไม่เคยถูกเรียกตัวขึ้นมาที่ห้องนี้ตามลำพังจึงค่อนข้างจะเกร็ง  ครั้งสุดท้ายที่มาที่นี่ก็ตอนที่มีเรื่องกับยากุซ่าแถว ๆ นี้  แต่ตอนนั้นก็ขึ้นมาด้วยกันหลายคน  รวมทั้งวายะด้วย

โอโนเสะนั่งอ่านเอกสารรออยู่ที่โต๊ะทำงาน  ในขณะที่ยามานากะซึ่งออกไปรับโทคิโตะที่หน้าประตูนิรภัยกลับไปยุ่งกับการจัดแฟ้มงานที่กองอยู่บนโต๊ะรับแขกกลางห้อง

จากลิฟท์มาจนถึงห้องทำงานแห่งนี้  กั้นไว้ด้วยประตูนิรภัยซึ่งคนที่รู้รหัสเปิดประตูเท่านั้นที่จะเข้ามาถึงห้องนี้ได้

โทคิโตะเดินเกร็ง ๆ ไปที่หน้าโต๊ะทำงานของท่านประธานบริษัทแล้วโค้งเพื่อทำความเคารพ

“เรียกผมเหรอครับ?”

“ใช่  มีเรื่องอยากจะถามหน่อยน่ะ”  โอโนเสะวางเอกสารในมือลงบนโต๊ะแล้วถอดแว่นสายตาออก  เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ตามสบาย  “ได้ยินว่าเธอเคยเห็นเด็กที่ตำรวจติดประกาศตามหาตัวอยู่เหรอ?”

“ครับ  เคยเห็น”  โทคิโตะตอบอย่างสงวนถ้อยคำ

“เธอเล่าให้โอคุระฟังว่าไม่ใช่แค่เคยเห็น  แต่เคยมีเรื่องกันด้วยใช่มั้ย?  ไหนลองเล่ามาให้ฟังหน่อยซิ”

“ก็...เด็กคนนั้นล้วงกระเป๋าตังค์ผมตอนที่ผมออกไปซื้อของใกล้ ๆ นี่น่ะครับ  ก็เลยมีเรื่องกันนิดหน่อย”  โทคิโตะอ้อมแอ้ม  การมีเรื่องกับเด็กแบบนั้นมันออกจะน่าอาย  แม้ว่าเขาจะมีเหตุผลที่ดีพอก็เถอะ

“เห็นว่าวายะก็เกี่ยวข้องด้วย  ไหนเล่ามาให้ละเอียด ๆ ซิ  ไม่ต้องอ้ำอึ้งไป  ฉันไม่ว่าอะไรเธอหรอก”

พอโอโนเสะบอกอย่างนั้น  โทคิโตะก็ค่อยผ่อนคลายลง

“เด็กนั่นล้วงกระเป๋าผมแต่พอดีผมรู้สึกตัว  ก็เลยวิ่งไล่น่ะครับ  เด็กนั่นวิ่งเข้ามาในตรอกด้านหลังคลับแล้วก็คงชนกับวายะเข้า  ผมตามมาทันพอดีเลยขอให้วายะจับตัวไว้ให้  แล้วก็เอากระเป๋าตังค์คืนน่ะครับ  ก็...มีตบหัวสั่งสอนไปบ้างสองสามครั้ง  แต่ไม่ได้อะไรมาก  แล้วผมก็กลับเข้ามาในคลับ  ส่วนวายะยังอยู่ข้างนอก...แล้ว...ก็ไม่รู้แล้วละครับ  ผมรู้แค่นี้”

“เธอคุยเรื่องนี้กับวายะแล้ว?”

“ครับ  ผมถามเขาว่าจำเด็กในประกาศของตำรวจได้มั้ย  เขาบอกว่าจำไม่ได้  ผมเลยขุดเรื่องนี้ขึ้นมาพูด  แล้วเขาก็ทำท่านึกขึ้นมาได้...คือ...ยังไงดีล่ะ  ผมไม่คิดว่าหมอนั่นจะจำไม่ได้นะครับ  คนเคยมีเรื่องกันแบบนั้น  วายะไม่น่าจะลืม  เพราะเขาทั้งขู่ทั้งเคี่ยวเข็ญให้เด็กนั่นคืนกระเป๋าให้ผมด้วย”  โทคิโตะกรอกตามองพื้น  ที่เขาพูดไปเหมือนจะใส่ความวายะ  แต่นั่นคือสิ่งที่เขาคิดจริง ๆ

“วายะนึกได้แล้วยังไงอีก?”  โอโนเสะถามต่อ

“หมอนั่นก็ว่า...ประมาณว่า...ป่านนี้คงถูกเอาไปขายที่ไหนแล้วมั้ง  แล้วก็ทำท่าไม่สนใจ  พอผมบอกว่าน่าจะบอกผู้จัดการ  เขาก็ว่าผมหาเรื่องใส่ตัวน่ะครับ”

“อืม...งั้นเรอะ?  แค่นี้ใช่มั้ย?”

“ครับ”  โทคิโตะพยักหน้า  แล้วก็พูดต่อ  “แต่ผมว่ามันแปลก ๆ...คำพูดกับท่าทางของวายะน่ะครับ  หมอนั่นไม่ค่อยสนใจใครก็จริง  แต่ปกติแล้วจะไม่ทำท่าทีเฉยชาแบบนั้นนะครับ  ถ้าผมเร้าหรือมาก ๆ ก็มักจะด่าหรือไม่ก็หัวเราะกลับมา  แต่นี่อยู่ ๆ หมอนั่นก็ตัดบทว่าจะกลับบ้านแล้วก็ไปเลยน่ะครับ  ผมตะโกนเรียกก็ทำเป็นไม่ได้ยิน...คือ...มัน...ไม่สมกับเป็นหมอนั่นยังไงไม่รู้”

โอโนเสะพยักหน้ารับ  เท่าที่ฟังก็ออกจะแปลกอยู่เหมือนกัน  เท่าที่เขารู้จักวายะ  เด็กนั่นเป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง  เย่อหยิ่ง  ไม่ค่อยสนใจใคร  แต่ขณะเดียวกันก็ขี้แกล้งและชอบทำอะไรซุกซนตามแบบที่ตัวเองคิดว่าสนุก  ถึงขนาดเคยแอบพาคิริฮาระที่ตอนนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะเข้ามาทำงานในคลับใต้ดิน  เพียงเพราะรู้สึกสนใจและสนุกที่จะมีสัมพันธ์ด้วย  วายะมักจะยิ้มอย่างยียวนเสมอ  และไม่ค่อยเกรงใจใครแม้กระทั่งกับเขาที่เป็นประธานบริษัท  แต่ถึงจะหยิ่งและรักสันโดษ  แต่เมื่อไรที่เรียกใช้หรือตอนที่ใครเดือดร้อนอะไร  วายะจะยื่นมือเข้าไปช่วยเสมอ...ไม่ใช่คนที่จะทำเฉยชากับคำพูดของคนอื่นแบบนั้น

แต่ก็ยังสรุปอะไรไม่ได้  แค่มีข้อสงสัยเกิดขึ้นเท่านั้น  วายะอาจจะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องเลยก็ได้

ประธานสูงสุดของลูนาติก  ลัสท์คิดใคร่ครวญแล้วก็มองหน้าโทคิโตะก่อนจะยิ้มให้

“เอาละ  ไว้ฉันจะเรียกวายะขึ้นมาถามทีหลังเอง  ได้ยินว่าวันนี้หมอนั่นลาป่วยเหรอ?”

“อ้อ  ครับ  ดูเหมือนจะนอนไม่พอ  หน้าตาแย่มากเลยครับ”  โทคิโตะรายงาน

“เหรอ...แปลกนะ  คนที่ทำสถิติลาป่วยน้อยที่สุดอย่างวายะเนี่ย  ถึงคราวจะต้องลาก็ลาด้วยสาเหตุนี้งั้นเหรอ  โฮสต์อันดับหนึ่งมันก็เหนื่อยแบบนี้ละนะ  เธอเองก็พยายามขยับอันดับหน่อยสิ  โทคิโตะ”

“โอ๊ย  ผมไม่สู้หรอกครับ  ปล่อยท่านวายะไปเถอะ  รูปไม่หล่อ  หุ่นไม่เร้าอย่างผมอยู่อย่างนี้ดีแล้ว”  โฮสต์หนุ่มส่ายหัวดุกดิก

“หึ ๆ...ทะเยอทะยานหน่อยก็ได้...เอาละ  ไปได้แล้วละ  ขอบใจนะ”  โอโนเสะพยักหน้าน้อย ๆ ให้

“งั้นขอตัวละครับ”  โทคิโตะโค้งให้ท่านประธานอย่างสุภาพแล้วก็หันไปโค้งให้ยามานากะด้วย  “ไปนะครับ  ยามานากะซัง”

“อื้ม  ราตรีสวัสดิ์”  ยามานากะเงยหน้าจากงานตรงหน้ามาพยักหน้าให้นิดหนึ่ง

เมื่อโทคิโตะไปแล้ว  ยามานากะก็เปรยขึ้นเบา ๆ ทั้งยังเก็บเอกสารเข้าแฟ้ม

“ตกลงว่าไงครับ?”

“พรุ่งนี้ก็เรียกวายะมาคุย...แต่ฉันว่ามันไม่มีอะไรหรอก  เรื่องแค่นี้เอง”  โอโนเสะบอกอย่างไม่ใส่ใจ

“นั่นสินะครับ  บางทีโอคุระซังก็ตื่นตูมแปลก ๆ เหมือนกัน”

บทสนทนาจบลงแค่นั้นเมื่อต่างก็หันกลับไปสนใจกับงานตรงหน้า  การเป็นผู้บริหารระดับนี้  โอโนเสะมีเรื่องให้ต้องสนใจมากกว่าเรื่องของเด็กคนหนึ่งมากมายนัก

...

“หน้าตาดูไม่ได้อย่างที่เขาว่าจริง ๆ ด้วยนะ”

นั่นคือคำทักทายที่ดังขึ้นทันทีที่วายะก้าวเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของท่านประธานลูนาติก  ลัสท์

“ใครว่าครับ?”  วายะยกมือขึ้นเสยเรือนผมสีทองของตน  ไม่มีคำทักทายตามมารยาทด้วยซ้ำ

“หลายคน  อยากให้ระบุตัวเรอะ?”  โอโนเสะประสานมือรองใต้คาง  สีหน้ายิ้ม ๆ

“ไม่ต้องก็ได้ครับ  ว่าแต่...เรียกผมมาตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดินแบบนี้  มีธุระอะไรครับ?”  นี่ยังไม่ใช่ช่วงเวลาออกมาใช้ชีวิตของวายะเสียด้วยซ้ำ

“อยากถามเรื่องเด็กในประกาศของตำรวจหน่อยน่ะ”  โอโนเสะเข้าประเด็นทันที  โดยไม่ทันสังเกตอาการเกร็งเล็กน้อยที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของโฮสต์หนุ่ม  “เห็นว่าเธอเคยเจอเด็กคนนั้นเหรอ?”

“ครับ...จะว่างั้นก็ได้”  น้ำเสียงตอบรับเรียบเป็นปกติ  หากความตึงเครียดก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ

“เล่ารายละเอียดหน่อยได้มั้ย?”

วายะลอบถอนใจยาว  ก่อนจะเอ่ยปาก “เด็กนั่นล้วงกระเป๋าโทคิโตะแล้ววิ่งหนีมาชนผม  ผมก็เลยช่วยจับไว้ให้เท่านั้นเองครับ”

“แค่นั้นเหรอ?  เห็นโทคิโตะบอกว่ามีเรื่องกันด้วยนี่”

“ก็สั่งสอนนิดหน่อยครับ  ตบกระโหลกบ้างอะไรแบบนี้”  พูดพลางก็ยักไหล่  เขาไม่ได้โกหกอะไรนี่นะ
หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 27-01-2012 22:20:15
“แล้วหลังจากที่โทคิโตะกลับเข้าไปทำงานแล้ว  เธอทำยังไงกับเด็กนั่นล่ะ?”  โอโนเสะยังถามต่อไปเรื่อย ๆ

วายะเริ่มรู้สึกอึดอัดที่จะตอบ  แต่ก็ไม่ต้องการแสดงพิรุธอะไรออกมา  “ก็มีด่ากันนิดหน่อย  ไอ้เด็กนั่นเอารองเท้าปาผม  ผมเลยตบซะสลบไปเลย  แล้วก็ทิ้งไว้ตรงนั้นแหละครับ”

“แค่นั้น?”

“แค่นั้น”  โฮสต์หนุ่มตอบสั้น ๆ ทั้งที่รู้ดีว่ามันไม่ใช่แค่นั้นอย่างที่พูด

“เธอทิ้งเขาไว้ตรงนั้น  แล้วเขาก็หายตัวไปงั้นสินะ”

“คงงั้นมั้งครับ  ผมจะไปรู้ได้ไง”

“อืม...ก็แค่นั้นแหละ  ไม่มีอะไรแล้วหละ”  โอโนเสะบอกพลางลุกจากเก้าอี้

“แค่เนี้ย!?”  วายะร้อง  “เรียกผมออกมาแต่วันเพื่อถามแค่เนี้ย?”

“ก็แค่นี้แหละ  มีคนมาบอกแค่นี้  ฉันก็ถามแค่นี้แหละ  อยากให้ถามอะไรอีกหรือไง?  หรือว่าไปทำอะไรผิดมาอีก?”  ชายผู้มากวัยกว่าขยับเนคไทและจัดสูทให้เข้ารูป

“เปล่า”  วายะกำมือแน่น  ก้มหน้ามองพื้น...ถ้าจะมีอะไรที่ผิดละก็...

“ที่เรียกมาแต่วันเพราะฉันต้องไปธุระต่อ  ว่างแค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ  เธอกลับบ้านไปพักผ่อนซะไป  สีหน้าแย่มากนะ  ดูแลตัวเองหน่อย  ถ้าโฮสต์อันดับหนึ่งเป็นอะไรไปสักคน  รายได้จะสูญไปไม่ใช่น้อย  ยังมีคนอยากให้เธอเฆี่ยนอีกเยอะ”

“ห่วงแค่นั่นน่ะนะ”  โฮสต์หนุ่มส่ายหน้า  ยกมุมปากขึ้นเหมือนจะยิ้ม

“แค่นั้นแหละ  เอาละ  ไปกันเถอะ”  โอโนเสะเดินนำออกจากห้องโดยมียามานากะตามไปด้วย

เมื่อเจ้าของห้องไม่อยู่แล้วก็ไม่มีเหตุผลที่วายะจะต้องอยู่  ชายหนุ่มเดินลากเท้าตามไปอย่างเอือมระอา...แต่ก็ยังดีที่ดูเหมือนว่าโอโนเสะจะไม่ใส่ใจคำบอกเล่าของเขามากนัก  เพียงแค่เรียกมาสอบถามตามหน้าที่เท่านั้น

แต่...ใกล้เข้ามาอีกนิดแล้ว...เขาควรจะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับโทโมกิให้เด็ดขาดเสียที...

...

อุ่น...ความอบอุ่นที่อวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ เจือด้วยกลิ่นบุหรี่นี้แทบจะเป็นโลกทั้งโลกของโทโมกิ  เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นช้า ๆ...นั่นไง  อกกว้างที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อปรากฏแก่สายตา  ก่อนจะรู้สึกได้ถึงแขนแกร่งที่หนุนนอนอยู่ต่างหมอน  พอเงยหน้าขึ้นก็พบกับใบหน้าคมสันเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งความเป็นชาย  ซึ่งตอนนี้พริ้มตาหลับดูสงบสุขอยู่ในห้วงนิทรา  เรือนผมที่ถูกย้อมเป็นสีทองยาวล้อมกรอบใบหน้าทำให้ไม่อาจบอกเชื้อสายของคนตรงหน้าได้แน่ชัด...ทั้งหมดคือภาพที่โทโมกิได้เห็นอยู่บ่อยครั้งตอนที่ฤทธิ์ยากล่อมประสาทหมดลง

วายะที่กอดเขาอย่างเร่าร้อนรุนแรง  ก็มีช่วงเวลาที่สงบเยือกเย็นเช่นนี้ด้วย

โทโมกิเลื่อนมือขึ้นไปแตะปลายคางที่สากด้วยไรเครา...นานเท่าไรแล้วที่โลกของเขามีเพียงแค่ผู้ชายคนนี้...จากการพบเจอที่แสนเลวร้ายนั้น  เวลาผ่านมานานเท่าไรแล้ว...เด็กหนุ่มถามตัวเองอยู่บ่อยครั้ง  แต่ก็ไม่เคยมีคำตอบ  สมองและความคิดของเขาพร่ามัวอยู่เสมอด้วยยาที่วายะให้กินเข้าไป  มีเพียงสัมผัสทางกายเท่านั้นที่กระจ่างชัด  จนแทบจะรับรู้และจดจำทั้งหมดของผู้ชายคนนี้ได้แม้แต่ในความฝัน

ในตอนที่วายะหลับสนิทอยู่อย่างนี้  ถ้าจะหนีไปก็ทำได้แท้ ๆ

หากโทโมกิไม่เคยไป  ทั้งที่ความโหดร้ายของวายะจะทำให้เขาทั้งเกลียดทั้งกลัวสุดประมาณ  แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยึดเขาไว้ที่นี่...

อาจเพราะรู้สึกได้ว่าคนในอ้อมกอดขยับตัว  แขนแกร่งจึงโอบรั้งร่างนั้นเข้ามาแนบอกทั้งที่ยังไม่ลืมตา  ริมฝีปากแตะลงกับเรือนผมสีดำอย่างนุ่มนวล...นี่เองคือสิ่งที่ทำให้โทโมกิไม่อาจหนีจากวายะไปได้

ความอบอุ่นที่ไม่เคยได้รับจากใครในชีวิต...อ้อมกอดที่เรียกร้องต้องการเขาเพียงหนึ่งเดียวในโลก

หยาดน้ำอุ่น ๆ ไหลรินออกมาจากดวงตา...ไม่หรอก  นี่ไม่ใช่อ้อมกอดของเขา  วายะไม่เคยต้องการเขา  วายะต้องการเพียงใครอีกคนหนึ่งที่ไม่มีวันได้ครอบครอง  จึงพยายามทำให้เขาเป็นแบบนั้น...อ้อมกอดนี้ต้องการเพียงกุหลาบเพลิงดอกนั้นเท่านั้น...และเขาเป็นไม่ได้  สักวันวายะก็จะต้องเบื่อกับการพยายามทำให้เขาเป็นอย่างผู้ชายคนนั้นและจะทอดทิ้งเขาไปอย่างไม่ไยดี
รู้ทั้งรู้...แต่กลับโหยหาและต้องการ...จนถึงขนาดทิ้งโลกทั้งโลกไว้ข้างนอกได้

ถ้าสักวันหนึ่งจะต้องถูกทิ้งล่ะ...ถ้าสักวันหนึ่งที่ถูกปล่อยตัวออกไปจากห้องนี้ล่ะ...จะทำยังไง...

เพียงแค่คิด  โทโมกิก็เผลอสะอื้นฮัก...เขาปรารถนาอิสระที่จะได้หลุดไปพ้นจากห้องนี้อยู่เสมอ  ปรารถนาที่จะไปให้พ้นจากความโหดร้ายของวายะ...แต่ในขณะเดียวกัน  ก็กลับรู้สึกขึ้นมาว่าตนจะกลับไปใช้ชีวิตโดยปราศจากอ้อมกอดนี้ได้อย่างไร  ในเมื่อได้เรียนรู้ถึงความอบอุ่นของมนุษย์แล้ว...

ไม่ควรเลย...วายะไม่ควรสอนให้เขารู้จักมันเลย...

ร่างบางขดกายซุกกับอกกว้าง  ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นสะอื้น  หากน้ำตายังไหลไม่ยอมหยุด  แต่แม้จะกลั้นเสียงไว้แค่ไหน  ร่างกายก็สั่นสะท้านจนคนที่กอดเขาเอาไว้รู้สึกได้  ชายหนุ่มกอดร่างในอ้อมแขนแน่นเข้าแล้วลืมตาขึ้น

“ร้องไห้ทำไม  โทโมะ?”  เสียงทุ้มต่ำกระซิบถามเบา ๆ

เด็กหนุ่มไม่ตอบหากสะอื้นหนักขึ้น  โฮสต์หนุ่มถอนใจเบา ๆ แล้วแนบริมฝีปากลงกับหน้าผากมน

“เจ็บเหรอ?”  เพราะไม่ได้ใช้ยากระตุ้นและยากล่อมประสาทก็หมดฤทธิ์แล้ว  ก็เป็นไปได้ว่าโทโมกิอาจจะเจ็บจากการกระทำของเขาก็ได้

แต่โทโมกิกลับส่ายหน้าแล้วเลื่อนแขนไปโอบกอดวายะไว้แน่น

โฮสต์หนุ่มลูบเรือนผมสีดำนุ่มมือเบา ๆ  คิ้วเข้มขมวดมุ่น  บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจการกระทำของโทโมกิ  เด็กคนนี้กลัวเขาอย่างเห็นได้ชัด  แต่ก็มักจะกอดหรือซุกตัวเข้าหาเขาอยู่บ่อยครั้ง...แม้แต่ในห้วงอารมณ์ที่เร่าร้อนดุดัน  ทั้งที่กรีดเสียงร้องและหลั่งน้ำตา  แต่โทโมกิก็จะไขว่คว้าเขาเอาไว้และถึงจุดสุดยอดในอ้อมกอดของเขาทุกครั้ง...หากไม่กอด  ก็ดูจะทรมานแสนสาหัสและไม่มีวันถึงจุดได้เต็มที่

เจ้าแมวดื้อ...โทโมกิก็เหมือนแมวจรจัดที่ทั้งเกลียดทั้งกลัวคนที่ไล่ตี  แต่ก็มาอาศัยมุมเล็ก ๆ ซุกนอนเสมอ...แม้อยากจะเลี้ยงเอาไว้  แต่ก็ไม่ยอมให้เลี้ยง

ริมฝีปากอุ่นแนบลงบนหน้าผากมนอีกครั้ง  ก่อนจะระลงมาที่เปลือกตาและจูบซับน้ำตาให้แผ่วเบา  โทโมกิเงยหน้าขึ้นรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ  เรียวปากจึงเคลื่อนมาแตะริมฝีปากที่เผยอสะอื้น  บดคลึงอย่างนุ่มนวลแล้วถอนออก  ประทับซ้ำลงครั้งแล้วครั้งเล่า  กระทั่งเรียวลิ้นร้อนของหนุ่มน้อยขยับออกมาแตะเลียริมฝีปากของวายะอย่างเรียกร้อง  ชายหนุ่มจึงแนบจุมพิตตอบสนองอย่างเร่าร้อน  ปลายลิ้นสอดเข้าเกี่ยวกวัดพัวพันกับลิ้นนุ่มที่เอาแต่ตั้งรับ...โทโมกิยังคงจูบไม่เก่ง  วายะแทบจะไม่เคยจูบเด็กหนุ่มเลย  ไม่เคยสอนถึงสัมผัสนุ่มนวลและความหวานล้ำของการจุมพิต  จูบของวายะมีแต่บังคับขืนราวกับจะกลืนกินเข้าไป...นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มมอบจูบที่แสนอ่อนโยนให้

ริมฝีปากอุ่นนุ่มยังคงเคล้าคลออยู่ไม่ห่างแม้จะถอนลิ้นออกแล้ว  โทโมกิเผยอริมฝีปากหอบน้อย ๆ  สองแขนยังโอบกอดร่างสูงไว้ไม่ปล่อย  มือเล็กลูบไล้เปะปะไปบนแผ่นหลังกว้าง  แล้วก็รู้สึกได้ว่ามือของวายะค่อย ๆ เลื่อนลงมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวหลวมโคร่งที่เขาสวมอยู่ออกทีละเม็ด  ก่อนจะแหวกสาบเสื้อออกแล้วฝังริมฝีปากขบทิ้งรอยจุมพิตไว้บนลาดไหล่ขาวเนียน

ทั้งที่ยังอยู่ใต้ผ้านวมหนา  แต่วายะก็ขยับกายเลื่อนริมฝีปากไปครอบครองแผ่นอกบาง  เมื่อตวัดปลายลิ้นเล็มเม็ดทับทิมที่ไวสัมผัส  อกนั้นก็แอ่นขึ้นรับอย่างลืมตัว  มือแกร่งที่ยังโอบรัดร่างเล็กไว้ไม่ปล่อยลูบไล้ลงไปยังเรียวขา  สอดล้วงเข้าไปใต้ชายเสื้อเพื่อสัมผัสผิวกายนุ่ม

โทโมกิบิดกายเข้าหาสัมผัสของวายะ...สัมผัสเขาให้มากกว่านี้อีก...ครอบครองเขา...และอย่าได้ปล่อยเขาไป...

บั้นท้ายที่ยังคงมีร่องรอยเปียกชื้นจากกามกิจเมื่อคืนชักนำให้เรียวนิ้วกร้านเคลื่อนเข้าไปหา  โทโมกิยกขาขึ้นเกี่ยวก่ายต้นขาของชายหนุ่มเพื่อเปิดทางให้  ร่างกายของเด็กหนุ่มเรียนรู้ที่จะเคลื่อนไหวตามที่วายะต้องการแม้จะไม่ทันรู้สึกตัวก็ตาม  วายะถูไถปลายนิ้วบดวนร่องลับก่อนจะค่อย ๆ สอดคืบเข้าไปในช่องทาง  อาศัยคราบไคลที่ตนเป็นคนทิ้งไว้ช่วยในการรุกล้ำเข้าหา  ปากก็ขบจูบหยอกล้อกับยอดอกเล็กที่แข็งเป็นตุ่มไต  โทโมกิกอดศีรษะของวายะไว้แน่น  มือเล็กจิกขยุ้มเรือนผมสีทองแน่นพลางกดเข้าหาตัว  หอบฮักไปกับความรู้สึกพลุ่งพล่านที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นจากสัมผัสที่จุดเร้นลับ

โฮสต์หนุ่มเลื่อนตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม  ริมฝีปากและเรียวลิ้นไล้เล็มลงมายังหน้าท้องที่เครียดเกร็ง  แวะฝังรอยจูบไว้ที่ร่องสะดือเพื่อเพิ่มความซ่านเสียว  รับรู้ถึงความรู้สึกของโทโมกิผ่านช่องทางที่กระตุกรัดนิ้วของตน  วายะเคล้าคลออยู่แถวท้องน้อยโดยไม่แตะต้องร่างอันอ่อนไหวตามนิสัยขี้แกล้ง  เพลิดเพลินกับเสียงครางเครือด้วยความกระสันเสียวของเด็กหนุ่ม  ลมหายใจรุมร้อนเป่ารดลงบนแก่นกายของหนุ่มน้อยอย่างจงใจ  มันขยับยกขึ้นน้อย ๆ สนองสัมผัสนั้นราวกับมีชีวิต  หากชายหนุ่มไม่ได้แตะต้องมัน  เขาเคลื่อนปลายลิ้นลงไปยังจุดต่ำกว่า  แตะวนเข้าที่ปากทางเร้นลับที่ฝังนิ้วเอาไว้...ช่องทางนั้นกระตุกรัดพร้อมกับที่ร่างบางบิดกายเร่า  ส่งเสียงหวีดหวาน

โทโมกิครางเครือแผ่วหวิว  ที่ใต้ผ้าห่ม...วายะกำลังเล่นสนุกกับเรือนร่างของเขาโดยที่เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าวินาทีต่อไปตนจะถูกทำอะไร  ได้แต่แยกเรียวขาของตนออกกว้างเพื่อเปิดทางให้ชายหนุ่มกระทำได้ถนัด  แต่วายะก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าเคลื่อนไหวราวกับจะหยอกเอินกับช่วงกลางลำตัวของเขา  มือข้างที่ยังว่างลูบไล้ไปบนผิวกายและบางครั้งก็เลื่อนขึ้นมาบีบคลึงที่ยอดอก  หนุ่มน้อยแอ่นอกผวาตะปบคว้ามือนั้นไว้  แล้วก็ถูกบีบเม็ดทับทิมแรง ๆ เหมือนจะหยิกจนต้องปล่อยมือที่พยายามจะหยุด  ได้แต่ลูบไล้ไปตามมัดกล้ามของแขนแกร่ง

สัมผัสที่ส่วนกลางลำตัวเนิบช้า  ไม่ได้กระตุ้นเร้าให้ความรู้สึกปะทุขึ้นจนเจียนคลั่งเหมือนทุกครั้ง  พอถูกสัมผัสแบบนี้โทโมกิก็ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร  วายะเคยแต่บังคับด้วยคำพูดและการกระทำให้เขาทำอย่างที่ต้องการ  แต่ในตอนที่ชายหนุ่มทำกับเขาราวกับเล่นตุ๊กตาแบบนี้...เขาควรจะทำอย่างไรดีนะ...แต่แม้จะรู้สึกสับสนลึก ๆ  หากสัมผัสนั้นก็แสนหอมหวานและเพลิดเพลิน  โทโมกิเปิดเปลือกตาปรอยปรือ  แล้วพลันก็รู้สึกตัว...ที่นี่ไม่ใช่ห้องเก็บเสียง  วายะกำลังกอดเขาในห้องนอนของตัวเอง!!

หัวใจเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะอย่างช่วยไม่ได้  นี่เป็นครั้งแรกที่วายะสัมผัสเขาแบบนี้  ในห้องนี้...ในสภาพที่เขามีสติสมบูรณ์พร้อม!

แต่แล้วห้วงอารมณ์ก็ถูกกระชากรุนแรง  เมื่อโพรงปากอุ่นร้อนเข้าครอบครองแก่นกายของเด็กหนุ่ม  โทโมกิกระตุกขึ้นทั้งตัว  หวีดเสียงร้องด้วยความตกใจระคนเสียวซ่าน  วายะดูดกลืนร่างของเขาเข้าไปจนหมดแล้วลูบไล้ด้วยเรียวลิ้น  โทโมกิรู้สึกได้ว่าร่างของตนขยายตัวแข็งขึงจนแทบจะปะทุได้ในวินาทีนั้น  ในสติที่พร่าพราย...หูก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างพึงใจมาจากใต้ผ้านวม  เด็กหนุ่มขยุ้มเรือนผมของวายะแล้วกดศีรษะนั้นเข้าหาอย่างลืมตัว  ซึ่งก็ได้รับการตอบสนองดีเยี่ยมด้วยการดูดดุนหนัก ๆ และเรียวนิ้วที่สอดเพิ่มเข้าไปในร่าง

“อ๊ะ...อ๊า!  ชุน...ชุน...!”

สะโพกบางบิดเร่าและกระดกขึ้นลงตามจังหวะการสูบกลืน  ส่งเสียงครางระงมไม่ขาดปากกับสัมผัสที่ไม่เคยพบมาก่อน...ในโพรงปาก  ให้ความรู้สึกดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ...วายะไม่เคยสัมผัสเขาแบบนี้มาก่อนเลย  มีแต่เขาที่ถูกบังคับให้ทำครั้งแล้วครั้งเล่า  สำเนียงประหลาดที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของปากและลิ้นที่เปียกชื้นแว่วมาให้ได้ยิน  และมันกระตุ้นอารมณ์ของเด็กหนุ่มให้พลุ่งพล่านมากขึ้น

แล้วเรียวนิ้วก็ถูกถอนออก  วายะจับขาของโทโมกิวางบนบ่าของตนแล้วค่อย ๆ ขยับยกตัวขึ้นนั่ง  สะโพกของร่างบางถูกยกขึ้นพร้อม ๆ กันจนลอยคว้าง  มือแกร่งทั้งสองช่วยกันประคองร่างของโทโมกิไว้พลางนวดคลึงก้อนเนื้อนุ่มอย่างเร่าร้อน

ในท่วงท่าอันแปลกประหลาด  ตอนนี้โทโมกิเห็นแล้วว่าวายะกำลังทำอะไรกับตน...และรู้ดีว่าเขาไม่มีทางหนี...ไม่สิ  เขาไม่อยากไปไหนหรอก  เขาอยากให้วายะสัมผัสเขาให้มากกว่านี้  เขาอยากรู้จักลีลาการใช้ปากของวายะให้มากกว่านี้...มือเรียวจิกเล็บลงบนหน้าขาที่สวมกางเกงวอร์มเนื้อนุ่มของร่างสูง  แต่ก่อนที่โทโมกิจะถึงจุด  ชายหนุ่มก็ถอนปากออกแล้วตวัดลิ้นเลียร่างบอบบางตั้งแต่โคนถึงปลายเป็นครั้งสุดท้าย

“ดีมั้ย?”  วายะกระซิบถามพร้อมกับรอยยิ้ม

หนุ่มน้อยที่ยังอารมณ์ค้างได้แต่พยักหน้า  เนื้อตัวยังสั่นสะท้านด้วยความกระสันอย่างสุดขอบ  แต่ก็รู้ดีว่าวายะไม่มีวันให้สิ่งที่เขาต้องการง่าย ๆ

“หึ...”  โฮสต์หนุ่มพ่นลมหายใจเหมือนจะหัวเราะให้ดวงตาปรอยปรือที่เต็มไปด้วยความต้องการ  “ถ้าดี  ก็ทำให้ฉันบ้างสิ”

พูดแล้ววายะก็ขยับไปเอนกายพิงหมอนกึ่งนั่งกึ่งนอน  ก่อนจะออกคำสั่ง  “หันสะโพกมาทางนี้  คร่อมหน้าอกฉันไว้นี่”

โทโมกิทำตามอย่างว่าง่าย  ร่างของวายะตื่นตัวรอให้เขาสัมผัสอยู่ใต้เนื้อผ้าของกางเกง  เด็กหนุ่มดึงขอบกางเกงลงเพื่อปลดปล่อยมันออกมา  หมอบลงไปหาและเริ่มต้นสัมผัสมันอย่างที่วายะเคยสอน  วางร่างอันแข็งขึงของตนแนบลงกับแผ่นอกกว้าง  บดเบียดถูไถมันเข้ากับยอดอกของวายะที่เจาะร้อยห่วงเงินไว้  ห่วงโลหะที่เกี่ยวครูดเข้ากับส่วนปลายยอดให้ความรู้สึกแสนวิเศษ  ยิ่งเมื่อวายะสอดนิ้วกลับเข้าไปในช่องทางเร้นลับที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า  อารมณ์ของโทโมกิก็ยิ่งเร่าร้อนจนสุดจะระงับ  เด็กหนุ่มเอาความพลุ่งพล่านนั้นไประบายกับร่างที่ครอบครองอยู่  หากด้วยขนาดของมันทำให้ไม่อาจกลืนกินเข้าไปได้หมด  ร่างบางจึงอาศัยมือเข้าช่วยและเน้นดูดดุนที่ส่วนปลายยอดซึ่งดูเหมือนจะทำให้รู้สึกดีได้พอกัน

หัวข้อ: Re: All I want # 8 (NC17) อัพเพิ่ม 20/1/55 หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 27-01-2012 22:26:46
“ยกสะโพกขึ้นซิ  โทโมะ”

คำสั่งของวายะลอยเข้ามาในอนุสติ  แม้จะเสียดายสัมผัสอันเพลิดเพลินแต่เด็กหนุ่มทำตามคำพูดนั้น  มือแกร่งเข้ากอบกุมร่างอันอ่อนไหวที่ตอนนี้หลั่งหยาดน้ำใสเหนียวออกมาจนเปรอะเต็มแผ่นอกของชายหนุ่มเต็มไปหมด  ก่อนจะขยับรูดให้อย่างหนักหน่วง

“อ๊ะ...ฮ้า...”  โทโมกิผวาเยือก  ความรู้สึกจากส่วนกลางกายแล่นปลาบไปทั้งร่างจนไม่อาจใช้ปากปรนเปรอให้วายะต่อไปได้  หนุ่มน้อยซบหน้าลงกับร่างนั้นแล้วสะท้านสั่น

“ทำต่อด้วยสิ  โทโมะ”

“อา...ครับ...”  โทโมกิกระซิบแผ่วหวิว  แล้วก็พยายามกลืนร่างของวายะเข้าไปอีกครั้ง

โฮสต์หนุ่มยิ้มกับภาพตรงหน้า...ช่องทางเล็ก ๆ ขยายกว้างออกและตอดรัดนิ้วของเขาราวกับจะดูดกลืน  แก่นกายที่หลั่งหยาดแห่งอารมณ์ออกมาไม่หยุด  โพรงปากและสองมือที่พยายามมอบความสุขให้เขาอย่างเต็มที่...ถ้าแค่นี้ละก็  โทโมกิทำอย่างที่เขาอยากได้ได้ทุกอย่าง...แต่ก็ไม่มากไปกว่านี้...แล้ววายะก็ถอนนิ้วออก

“พอแล้ว  โทโมะ”

ร่างเล็กถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งและรอคำสั่งต่อไป  วายะขยับตัวนั่งพิงหัวเตียงแล้วตบบั้นท้ายนุ่มเบา ๆ

“หันหน้ามานี่สิ”

โทโมกิขยับตัวเปลี่ยนท่า  เขารู้ว่าจะต้องวางสะโพกไว้ตรงไหน...วายะชอบท่านี้  ชอบที่จะให้เขาทำเหมือนจะควบคุมเกม...ไม่สิ  วายะต้องการให้เขาเป็นคนคุมเกม  แต่เขาไม่เคยทำได้

“เอาละ  ใส่ของฉันเข้าไปในตัวแกซะ  ตอนที่ใส่ก็ดูซะให้ชัด ๆ ด้วยล่ะ”

ดูงั้นหรือ...โทโมกิหน้าแดงซ่าน  เขาเคยเห็น...สภาพร่างกายของตนที่ถูกวายะรุกคืบเข้าไปภายใน  วันนั้นวายะอุ้มเขาไปทำที่หน้ากระจกบานใหญ่  เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะสามารถรับร่างอันใหญ่โตของชายหนุ่มเข้าไปได้ทั้งหมด  แต่มันก็เป็นไปแล้ว...และภาพนั้นทำให้เขาทะลักทลายออกมาแทบจะทันที...แล้วตอนนี้  วายะบอกให้เขาดู...

ไม่มีทางปฏิเสธ...เด็กหนุ่มประคองร่างของวายะมาจรดที่ปากทางเข้าของตน  ก้มลงดูมันเต็มตาทั้งใบหน้าแดงก่ำและอยากจะหลบตาหนี  สะโพกบางค่อย ๆ ทิ้งกายลงสวมทับแก่นกายแข็งขึงราวกับเป็นปลอกดาบ...เนิบช้า...ภาพร่างของวายะค่อย ๆ หายเข้าไปในร่างของตนทำให้แก่นกายของโทโมกิปวดหนึบ  หยาดน้ำใสเหนียวไหลอาบลงมาจนถึงจุดที่เชื่อมต่อกัน  เมื่อมั่นใจแล้วว่าจะไม่หลุด  โทโมกิก็แอ่นสะโพกขึ้น  วางมือลงกับหน้าขาของชายหนุ่มและกดร่างลงนั่งโดยไม่ใช้มือช่วย  ความแข็งแกร่งใหญ่โตที่ล่วงล้ำเข้ามาคับแน่นและทำให้อึดอัดจนต้องอ้าปากหอบ

“กระแทกลงมาเลย  โทโมะ  มันไม่หักหรอก”  คำพูดนั้นกลั้วมากับเสียงหัวเราะและลมหายใจหอบน้อย ๆ  วายะเองก็กำลังอดกลั้นกับความเสียดเสียวที่เกิดขึ้นจากการสอดใส่เช่นกัน

แม้รู้ว่าการทำตามคำสั่งนั้นจะทำให้เจ็บ  แต่โทโมกิก็ทิ้งตัวลงสวมร่างของวายะเข้าไปจนสุดทางในรวดเดียว

“อ๊า!!”  เด็กหนุ่มหวีดร้อง  หยาดน้ำรักสีขาวขุ่นกระเซ็นเปรอะแผ่นอกของร่างสูง...แต่นั่นไม่ใช่การถึงที่สุด  เป็นเพียงแค่ขีดแห่งความกระสันที่ไม่อาจทนได้เท่านั้น

“เก่ง...ทำได้ดีมาก  โทโมะ”  ชายหนุ่มดึงแขนเรียวไปโอบรอบคอของตน  จูบหนัก ๆ ที่ริมฝีปากพร้อมกับรั้งร่างบางมากอดเบียดไว้

“อืม...ชุน...”  โทโมกิครางรับจุมพิตนั้น  บทเรียนรักวันนี้ช่างแปลกประหลาด...วายะไม่เคยทำอะไรกับเขาแบบนี้เลย

“เอาละ  ทีนี้ก็ขยับซิ  ยกสะโพกให้เกือบหลุดแล้วนั่งลงมาใหม่”  เสียงทุ้มกระซิบสอนข้างหู

โทโมกิทำตามที่วายะบอกช้า ๆ...มันเสียวซ่านยิ่งกว่าทุกครั้ง  ช่องทางที่ชุ่มลื่นไปด้วยคราบไคลที่ตกค้างอยู่ตั้งแต่เมื่อคืนโอบรัดร่างของชายหนุ่มไว้เป็นอย่างดี  เมื่อค่อย ๆ ทำ  โทโมกิก็รู้ว่าจังหวะไหนและตำแหน่งไหนที่จะทำให้ตนรู้สึกดี  การควบขี่วายะในครั้งนี้จึงมอบความสุขให้เขามากกว่าทุกครั้ง

วายะปล่อยให้โทโมกิทำตามใจชอบ  จูบเบา ๆ ที่ข้างขมับของเด็กหนุ่มที่ซบหน้าลงกับไหล่ของเขาและหลับตาพริ้มด้วยความเพลิดเพลินกับรสสัมผัส  มือเล็ก ๆ จิกเล็บลงกับแผ่นหลังของเขาเป็นระยะ  แต่นั่นก็ทำให้รู้สึกดี  พอจับสะโพกบางกดตรึงไว้กับร่างและเบียดกายบดคลึงอยู่ไม่กี่ครั้ง  เด็กหนุ่มก็เรียนรู้ที่จะทำด้วยตัวเอง  โทโมกิขย่มกายสลับกับบดคลึงตามจังหวะที่ตัวเองต้องการ  และเร่งความเร็วขึ้นทีละน้อย

...ยอดเยี่ยม...แบบนี้เองเหรอ  ความรู้สึกดีของการได้ควบคุม...เด็กหนุ่มแลบลิ้นเลียริมฝีปากราวกับได้ลิ้มรสอาหารรสโอชา  ที่ผ่านมาวายะเอาแต่ทำให้เขาทำตามหนังที่เอามาให้ดู...พยายามให้เขาเป็นอย่างใครคนนั้น  การฝืนกระทำทำให้เขาไม่เคยมีความสุขและไม่เคยรู้สึกดี...แต่วันนี้แตกต่างออกไป...

วายะมองร่างที่ขยับเคลื่อนไหวราวกับจะเริงระบำอยู่บนร่างของตน  แม้จะไม่ใช่แบบที่เขาชอบ  แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ช่างแสนวิเศษ...งั้นรึ...เขาทำผิดมาตลอดงั้นรึ  ที่พยายามรีบทำให้โทโมกิเป็นอย่างคิริฮาระ...ต้องแบบนี้งั้นหรือ  โทโมกิถึงจะทำอย่างที่เขาต้องการได้

“...โทโมะ...”


เสียงกริ่งหน้าประตูห้องแผดสนั่น  กระชากวายะกลับจากห้วงอารมณ์  โฮสต์หนุ่มจิ๊ปากอย่างขัดใจ...ใครกันวะ  มาเอาตอนนี้...ทีแรกเขาคิดจะทำเป็นไม่อยู่บ้าน  แต่หลังจากเสียงกริ่งเงียบไป  เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้นมาแทน  ตามมาด้วยเสียงฝากข้อความที่ตวาดลั่นทันทีหลังสิ้นเสียงสัญญาณรับฝาก

“วายะ!!  ฉันรู้นะว่าแกอยู่บ้าน!  ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ!!”

เสียงลั่น ๆ นั้นวายะจำได้...คิริฮาระ...และเจ้าตัวก็คงจะอยู่ที่หน้าห้องนี่แหละ

โฮสต์หนุ่มมองคนในอ้อมแขน  โทโมกิกำลังหลงเพริดไปในห้วงอารมณ์จนไม่รับรู้อะไรแล้วทั้งนั้น...อาจจะไม่ดีแต่คงต้องขัดอารมณ์เสียแล้ว  คิริฮาระที่มาโวยวายแบบนี้จะต้องมีเรื่องอะไรแน่

วายะรั้งสะโพกบางที่กำลังเคลื่อนไหวไว้แล้วค่อย ๆ ยกร่างบางออกจากตัว  เด็กหนุ่มปรือตาขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ...เขาทำอะไรผิดงั้นหรือ  ทำไมวายะถึงจะผละไป...

“รอเดี๋ยวนะ  แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ”

บอกเพียงแค่นั้นแล้วชายหนุ่มก็ลุกจากเตียง  สวมกางเกงให้เข้าที่แล้วออกจากห้องนอนไป  ทิ้งให้โทโมกิมึนงงอยู่ตามลำพัง

วายะเปิดประตูห้องโดยไม่สนใจจะดูคนข้างนอกผ่านช่องตาแมว  เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องพบนายแบบหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีแดงยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่แบบนี้ยังไง

“ชักช้า!”  คิริฮาระแหวเอา

“บ้าอะไรของแก?”  วายะถามห้วน ๆ อย่างอารมณ์เสีย

“เออ  บ้า!  บ้ามากด้วย”  คิริฮาระแว้ดใส่หน้า  “ไปที่คลับกับฉันเดี๋ยวนี้เลย”

“ไม่”  วายะปฏิเสธอย่างเย็นชา  อาการแบบนี้ดูปราดเดียวก็รู้ว่านายแบบหนุ่มกำลังต้องการให้เขาปลดเปลื้องอารมณ์ให้  แต่เขากำลังอารมณ์ค้างและหัวเสียเกินกว่าจะตามใจคิริฮาระได้ในตอนนี้

คิริฮาระนิ่งงันไปชั่วขณะหนึ่ง  “หมายความว่าไง  ไม่...นั่นน่ะ”

“หมายความว่าไม่  ไปเล่นกับท่านประธานซะไป”

นายแบบหนุ่มงุนงงหนักกว่าเก่า  ปฏิเสธเขายังไม่พอ  ยังถึงกับออกปากไล่ให้เขาไปหาโอโนเสะ...นี่วายะเป็นอะไรไป  วายะไม่เคยปฏิเสธเขาเลยไม่ใช่หรือ...บางครั้งที่ห้วงอารมณ์พลุ่งพล่านถึงขีดสุดและหาทางออกไม่ได้  คิริฮาระจะมาให้วายะช่วยอยู่เสมอ  และทุกครั้งวายะก็จะสนองความต้องการให้จนอิ่มเอม...ตั้งแต่รู้จักกันมา  วายะไม่เคยแม้แต่จะบอกปัดเขา...แต่นี่วายะกลับบอกว่า...ไม่

คิริฮาระมองคนตรงหน้าหัวจรดเท้า  นี่มันก็วายะคนเดิมที่เขารู้จัก  เพียงแต่ดูอารมณ์เสียนิดหน่อยเท่านั้น  ซึ่งก็อาจเพราะเขามาปลุกถึงห้องแถมยังโวยใส่อีกด้วย...แต่ก็ไม่น่าจะถึงขนาดปฏิเสธเขานี่...พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับร่างที่ดันกางเกงวอร์มที่ร่างสูงสวมอยู่จนนูนออกมา

“เอ๊ะ...หรือว่านายกำลัง...?”  นายแบบหนุ่มเบิกตากว้าง...วายะพาใครมากกที่ห้องแต่หัววันเนี่ยนะ...?

“ไม่เกี่ยวกับแก  กลับไปได้แล้ว”  วายะตอบด้วยน้ำเสียงกระชาก ๆ และทำท่าจะปิดประตู  แต่คิริฮาระรีบดึงไว้

“เดี๋ยวเซ่!  ใครอยู่ในห้องน่ะ?”  ความงุนงงเปลี่นเป็นความสงสัยใคร่รู้  ปกติวายะไม่ค่อยพาใครมาถึงห้อง...แต่ก็นั่นแหละ  อาจจะพามาบ่อย ๆ ตอนที่เขาไม่เคยเจอก็ได้  ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำห้องนอนสำรองเป็นห้องเก็บเสียงหรอก

“ไม่เกี่ยวกับแก!!”  คราวนี้ถึงกับตวาด

“...วายะ?”  คิริฮาระตะลึงงัน

แต่ก่อนที่ทั้งสองจะได้พูดอะไรกันต่อ  เสียงเรียกเบา ๆ ก็ดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องนอนที่เปิดออก

“...ชุน...?”

วายะหันไปตามเสียงเรียกแล้วสะดุ้งเฮือก  ชายหนุ่มหันกลับมาผลักคิริฮาระเต็มแรง

“กลับไปซะ!!”

ประตูห้องปิดใส่หน้าคิริฮาระ  นายแบบหนุ่มยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น...เมื่อกี้นี้ใคร...เขาตาไม่ฝาดไปใช่ไหม  มีใครบางคนอยู่ในห้องของวายะ  และใครคนนั้นก็เป็นเด็กตัวเล็กนิดเดียว  ไม่น่าจะเกินมัธยมต้นเสียด้วยซ้ำ...แล้ว...สภาพกึ่งเปลือยเมื่อกี้...แล้ว...เดินออกมาจากห้องนอน...

ห้องนอน...!?  คิริฮาระกระตุกวาบในใจ...เขาเองยังไม่เคยได้เข้าไปนอนในห้องนอนของวายะเลยด้วยซ้ำ  ถ้ามาที่นี่ก็ได้นอนแต่ในห้องเก็บเสียง  แล้วเด็กคนนั้นเป็นใคร...!?

“ไอ้บ้านั่น...เลี้ยงต้อยเรอะ...?”

สรุปได้แค่นั้นแล้วคิริฮาระก็รีบก้าวยาว ๆ ลงจากอพาร์ทเมนต์ของวายะทันที  มันก็ไม่แปลกถ้าวายะจะมีใครสักคน...แต่เด็กขนาดนั้น...นี่มันเรื่องอะไรกัน!?

ความคิดอันสับสนของนายแบบหนุ่มถูกขัดด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือ  ชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมากดรับสายทันทีที่เห็นชื่อที่แสดงบนหน้าจอ

“ครับ  โอโนเสะซัง...งานเหรอครับ?...ครับ  ได้ครับ...เดี๋ยวผมจะไปครับ  ครับ...แล้วเจอกันครับ”

พอตัดสายแล้วคิริฮาระก็ยกมือขึ้นกุมขมับ  ถ้าไม่มีงานด่วนเข้ามาแบบนี้เขาคงจะแล่นไปหานัตสึเมะ...เขาทั้งพลุ่งพล่าน  ว้าวุ่น  และสับสนอย่างประหลาด...วายะ  ผู้เป็นเหมือนพี่ชายของเขา  พาเด็กตัวแค่นั้นเข้าห้อง...แล้วสอนเรื่องแบบนั้นด้วยงั้นรึ...นั่นมันผิดไม่ใช่หรือไง  นั่นมันไม่ได้ต่างไปจากที่เขาถูกกระทำในวัยเด็กเลยนะ...แล้ววายะคนนั้นเป็นคนทำ...เรื่องแบบนี้...

คิริฮาระพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก  หยุดก่อน...ตอนนี้เขาต้องไปเตรียมตัวทำงาน  เรื่องวายะไว้ค่อยว่ากันทีหลัง  ยังมีเวลาได้คุยกันอีกเยอะ...ชายหนุ่มเรียกแท็กซี่แล้วมุ่งหน้าไปยังสำนักงานใหญ่ของลูนาติก  ลัสท์


...ผู้ชายที่หน้าห้องเมื่อกี้...ผู้ชายผมสีแดงคนนั้น...!?

“โทโมะ!  ออกมาทำไม!!?”

เสียงตวาดดึงความคิดของโทโมกิกลับคืน  ตามมาด้วยฝ่ามือที่สะบัดตบเข้าที่แก้มจนถลาไปกองกับพื้น

“ฉันบอกให้รอใช่มั้ย!?  แล้วออกมาทำไม!?”  วายะกระชากร่างเล็กขึ้นมาเขย่าอย่างคาดคั้น

“อ๊ะ...ขะ...ขอโทษ...ขอโทษ...”  โทโมกิละล่ำละลัก

แต่ในตอนที่คิดว่าจะถูกลงโทษหนักกว่านั้นแน่  ร่างสูงก็กระชากเด็กหนุ่มเข้าไปกอดไว้แน่น

“บ้าเอ๊ย!  ไอ้เด็กบ้า!!”

โทโมกิรู้สึกได้ว่าร่างที่กอดเขาไว้สั่นสะท้าน  มันเป็นแรงสะท้อนจากความรู้สึกบางอย่างที่เด็กหนุ่มก็คิดว่าตนเองเข้าใจ  มือเรียวยกขึ้นกอดวายะตอบแน่นไม่แพ้กัน


...เวลา...กำลังจะหมดลงแล้ว...





(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 27-01-2012 22:53:25
ฮือออออออออออออออออออออ
ไม่เอาๆๆๆ คิริฮาระต้องไปบอกโอโนเสะแน่อ่ะ T[ ]T
ไม่ยอมๆๆ วายะ พาโทโมกิหนีไปเลย หนีไปให้ไกลๆ
ไม่งั้นนายจะเป็นบ้าตาย
ไม่เอาๆๆ ไม่อยากให้โทโมกิต้องหายไปจากวายะ
วายะดูจะหวงมากเลยอ่ะ คนลุ้นอยากตายให้ได้  :z3:
รีบมาต่อไวๆเน้อ +1 จ้าาาา



ปล.รักคนเขียน ชอบ SM เรื่องนี้มาก ไม่แรงต่อความรู้สึกเกิดไป มีเหตุมีผล เนื้อเรื่องดี FC เลยค่ะ  o13
ปล.๒ เม้นคนแรก เย้ะ! รอมานาน 5555555
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 27-01-2012 22:59:45
อ่านไปแล้วรู้สึกเหมือนวายะกับโทโมะเลย กดดัน สับสน บีบคั้นอารมณ์สุดๆ
 :pig4: o13
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: chompoonut139 ที่ 27-01-2012 23:01:00
ใกล้หมดเวลาสนุกแล้วสิ โทโมะกับวายะ

หึหึ
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 27-01-2012 23:05:23
สามคำ>>>มา ม่า มา  :m15:
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 27-01-2012 23:12:47
นี่ ! คนเขียนรู้บ้างมั้ย ? มานั่งรอตั้งแต่ รร.เลิก
เปิดคอมตั้งแต่สี่โมงกว่า นั่งอ่านนิยายในบอร์ด
เกือบจะหมดแล้วรู้มั้ย ? 555555555555555555 55 บ่นๆ
 :o12: :o12: คิดว่าจะไม่มาซะแล้ว ดีใจ :D

แอบใจหายเบาๆ เหลือเวลาอีกไม่นาน
เร่าร้อนเหมือนเดิม ยังคงคอนเซปต์เดิม เนี่ย ! วายะเห็นมั้ย ?
แบบนี้โทโมะเร่าร้อนกว่าเยอะ ไม่ต้องบังคับให้เป็นอย่างงู้นอย่างงี้หรอก~
แบบนี้แหละชอบ  555555555555 55

คนเขียนอยากให้มาอัพต่อบ่อยๆจัง อาทิตย์ละครั้งแบบนี้
เค้าจะขาดใจตาย  :o8:
รีบๆมาต่อเหอะนะ ค้างงงงงงงงงงงงงงง งง อย่างรุนแรง
ขอบคุณมากๆค่า
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 27-01-2012 23:24:32
อ๊ากกกกก :z3:กรี๊ดร้องอย่างบ้าคลั่ง

ทำไมเพิ่งเอามาลงตอนนี้. พรุ่งนี้เค้ามีสอบ เล่นมาซะดึกเลย

รอร้อรออย่างรู้ความเป็นไปใจแทบขาด

ตอนนี้เค้ารู้สึกถ้าความกลัวของวายะเลย ลนลานๆ

ปล. ไว้สอบเสร็จจะมาเม้นต์เต็มอารมณ์อีกทีนะ
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 27-01-2012 23:47:07
ตอบคำุถาม...ไม่สิ คำตัดพ้อว่าผมลงนิยายดึกนะครับ
แบบว่าเนทที่บ้านเป็นแอร์การ์ดครับ หนืดบรรลัยจักร ใช้ได้ดีหลังสี่ทุ่มเป็นต้นไปน่ะครับ
ระหว่างลงนิยายมีแอบหลุดก็บ่อย ขออภัยนะครับ ฮะๆๆ
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 27-01-2012 23:57:34
มาต่อแล้ววววววววววววววว
ใจหายเลยทีเดียวที่โทโมกิออกมาจากห้อง และคิริยูเห็นเข้าแล้ว ประมาณ " แย่ล่ะ โดนจับได้แล้ว! "
อุตส่าห์ได้รักกันดีๆ ในสภาพยินยอมพร้อมใจ และไม่ต้องพึ่งยากล่อมประสาทแท้ๆเลย
ขอบคุณคนเขียนค่ะ +1 เป็นกำลังใจ ^^
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 28-01-2012 00:28:18
วายะทั้งจิต ทั้งโหดเลยนะ

ตอนแรกอ่านไม่คิดว่าจะบังคับให้โทโมะทำขนาดนี้ 555

หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 28-01-2012 00:52:58
ตอบคำุถาม...ไม่สิ คำตัดพ้อว่าผมลงนิยายดึกนะครับ
แบบว่าเนทที่บ้านเป็นแอร์การ์ดครับ หนืดบรรลัยจักร ใช้ได้ดีหลังสี่ทุ่มเป็นต้นไปน่ะครับ
ระหว่างลงนิยายมีแอบหลุดก็บ่อย ขออภัยนะครับ ฮะๆๆ


เอาน่ะคนเขียน...ขอให้ได้ลง เค้ารอ รอได้..รออย่างจดจ่อ ชอบมว้ากกกกกกกก สู้ๆ
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Mimimimi ที่ 28-01-2012 01:39:24
ดูรักกันแล้วนะคะ  เหมือนเข้าใจ และเหมือนไม่เข้าใจ 
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: TontS ที่ 28-01-2012 02:51:39
วายะรักได้รุนแรงมาก กำลังจะรู้เรื่องแล้ววว ><
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 28-01-2012 03:49:05




   แง้วๆๆ คงไม่ความแตกเพราะคิริฮาระหรอกใช่ไหม T T





หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 28-01-2012 10:17:30
ง่ะ  เวลาใกล้หมดแบบนี้ชุนจะทำไงล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 28-01-2012 10:48:37
เห็นไหมไม่ต้องใช้ยาโทโมกิก็เร่าร้อนได้
ตอนนี้วายะคงไม่อยากให้โทโมะเป็นตัวแทนของใครเเล้วล่ะเน้อออ
รอดูว่าจะมีคนรู้เรื่องโทโมกิกับวายะเมื่อไร
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 28-01-2012 10:56:27
วายะเอ๊ย ใจเย็นๆหน่อยสิ โทโมะไม่รู้เรื่องอะไรนี่นา

ถ้ารักก็แสดงออกไปเถอะ ก่อนที่โทโมะจะน้อยใจมากกว่านี้น่ะ
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: keezbt ที่ 28-01-2012 11:26:15
รู้สึกกดดันตามวายะเลยอ่ะ ไม่อยากปล่อยโทโมะ
ไม่ใช่เพียงเพราะความต้องการ แต่เป็นเพราะความรู้สึกที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น
สงสารโทโมะเหมือนกันที่ต้องคิดว่าตัวเองเป็นตัวแทนของใคร แต่ก็ยังทนอยู่ น่าสงสารอ่า
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 28-01-2012 11:52:08
 :z3:
ปัญหากำลังมีตามมาแล้วใช่มั้ย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 28-01-2012 12:18:59
รู้สึกเหมือนกำลังสงสารวายะมากขึ้นเรื่อยๆ

ขออย่าให้ทั้งคู่ต้องแยกกันเลยน่าาาา
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 28-01-2012 12:52:25
อยากจะกรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
ให้โลกแตก(ได้ข่าวว่าแกกรี๊ดไปแล้วนะ)ยูมาขัดจังหวะได้ไงเนี้ยะ
เวลาใกล้หมดแล้วนะ
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Beast12honey ที่ 28-01-2012 15:06:09
มีกำลังใจในการรอคอย
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D ที่ 28-01-2012 16:43:07
มาลงอีกไวๆนะครับผม

ค้างๆๆๆ
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: kim_khun_kwan ที่ 29-01-2012 12:19:33
 :o12:  โทโมะ วายะ  หนีไปเลยยย  คนแต่งมาต่อด่วนเลย อยากรู้ :z3:
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 31-01-2012 14:40:44
ไม่น๊าาาา 


โอ๊ยยยย


แต่ตอนนี้ก็เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นอีกครั้ง

ชอบมากๆๆๆ

รอค่ะ รอ
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 31-01-2012 16:12:52
เพิ่งเข้ามาอ่านแม่เจ้ามันเศร้า
แต่มันหยุดอ่านไม่ได้
แต่ตอนนี้มันค้างแล้วคะอยากอ่านต่อ
รออยู่นะคะ

 :pig4: คะ
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 01-02-2012 21:35:21
เอาล่ะ มาเม้นต์อย่างเต็มที่ สักที

เริ่มที่คนสองคน คนหนึ่งก็ไม่ก็ต้องการความรักเหลือเกิน ต้องการความรักเป็นของตัวเองเท่านั้น
อีกคนหนึ่งก็ต้องการ สิ่งที่เป็นของตัวเองเท่านั้น
จิ๊กซอว์ที่ต่อกันลงตัว แต่ว่าต่างคนก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร  ไม่สนใจ รู้ว่าดีแต่มันคงไม่ใช่ :เฮ้อ:

อ่านไปก็นึกถึงสองคนที่อยู่ในโลกส่วนตัว คนหนึ่งมองไม่เห็นใคร คนหนึ่งปกป้องโลกนี้ไว้ให้นานที่สุด

ไม่เจ็บจี๊ดแต่กดดันสุดตัวเลยอ่ะ

ชอบตอนสุดท้ายที่โทโมะตกใจที่ชุนตบแล้วกอดตัวเองไว้แน่ แล้วโทโมะก็กอดตอบ. เหมือนหัวใจจะสื่อถึงกันแล้วเลยนะ


ส่วนเรื่องตัดพ้อ ใช่เลย ตัดพ้อ เพราะน้อยใจเล็กๆอ่ะ แบบว่าอยากรู้เรื่วตอนต่อไปเร็วๆ แต่พรุ่งนี้สอบ มันเลยกระวนกระวาย จนอ่านหนังสือไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะ แค่นั้นเองแหละ แต่ไม่เป็นไรนะ กว่าจะสอบอีกทีก็ อีกนานเลยล่ะ
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 03-02-2012 22:26:46
อาทิตย์หน้า วันที่ 10 ผมจะไม่อยู่บ้านนะครับ
เพราะงั้น...ลงควบ 2 ตอนโลดครับ จะให้ดีก็ทยอยอ่าน ไม่งั้นอาทิตย์หน้าไม่มีอะไรอ่านนะครับ ฮ่าๆๆ
ลุยไปเลยครับ

...

All I want 10

ในค่ำคืนกลางฤดูหนาวที่ท้องฟ้ามืดมิดด้วยกลุ่มเมฆ  บนทางเท้าที่ร้างไร้ผู้คน  ร่างสูงก้าวยาว ๆ ตรงไปยังอพาร์ทเมนต์ที่พักอาศัยของตน  อากาศหนาวก็จริงแต่มือที่สอดอยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ทกลับชื้นไปด้วยเหงื่อ  ปลายนิ้วแตะไล้ถุงกระดาษที่นอนนิ่งอยู่ก้นกระเป๋า  นาน ๆ ครั้งก็จะหยุดเดินและทอดถอนใจ


“ฉันพยายามหายาที่มีผลข้างเคียงน้อยที่สุดมาให้  แต่ยังไงซะมันก็คงช่วยไม่ได้มากละนะ”  หมอเถื่อนบอกกับวายะพลางเลื่อนขวดแก้วบรรจุน้ำยาใส ๆ ให้

“แค่ให้ดมใช่มั้ย?”  โฮสต์หนุ่มรับขวดยามาพลิกดู

“ถ้ายังไงก็โปะเอาดีกว่า  เอายาเทใส่ผ้าแล้วโปะน่ะ”  โทชิอธิบายวิธีใช้

“อืม...รู้แล้ว”  วายะหยิบขวดยาสลบใส่ลงถุงเดียวกับมีดเซรามิกส์ที่ได้รับมาก่อนแล้วก็หยิบกระเป๋าออกมาควักเงินจ่ายให้  “แค่นี้ใช่มั้ย?”

โทชินับเงินแล้วก็พยักหน้า  “อืม  ครบ  มีแต่นายนี่แหละที่ไม่ยอมหาของเอง  ทั้งที่ซื้อจากฉันมันออกจะแพงแท้ ๆ”

“ฉันขี้เกียจ  ลำพังแค่งานก็ยุ่งพออยู่แล้ว”  วายะยักไหล่แล้วลุกจากเก้าอี้

“นี่ขนาดยุ่งก็ยังอุตส่าห์หาเรื่องใส่ตัวกันนะ  ไม่เข้าใจพวกนายเลยจริง ๆ”  หมอเถื่อนส่ายหน้า

“ไม่ต้องเข้าใจแหละดีแล้ว”  โฮสต์หนุ่มยิ้มน้อย ๆ  “แล้วเจอกันนะ”

“อื้อ  แล้วเจอกัน”


ชายหนุ่มไขกุญแจเข้าห้อง  บรรยากาศในห้องตอนนี้เย็นพอ ๆ กับข้างนอกด้วยไม่ได้เปิดเครื่องทำความร้อนเอาไว้  มีแสงไฟลอดออกมาจากใต้ช่องประตูห้องนอนสำรอง  วายะเดินไปเปิดประตูบานนั้น

ในห้องนั้นอบอุ่น  และที่บนเตียง...ร่างเล็ก ๆ ยังนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม

วายะถอดเสื้อโค้ทพาดไว้กับชั้นวางของแล้วนั่งลงบนเตียง  เอื้อมมือไปลูบไล้เรือนผมสีดำนุ่มมือแผ่วเบา  ดวงตาที่หลับพริ้มอยู่ค่อย ๆ ปรอยปรือขึ้นแล้วเลื่อนมาจับที่ใบหน้าของเขา

“...ชุน?”

“กลับมาแล้ว”  นั่นเป็นคำพูดที่ชายหนุ่มแทบจะไม่เคยพูดกับใครนับตั้งแต่ออกจากบ้านมาอยู่คนเดียว  แต่ระยะหลังมานี้เขาพูดคำคำนี้กับโทโมกิบ่อยครั้ง

อย่างน้อย...ที่นี่ก็ยังมีคนรอให้เขากลับมา...

แต่อีกไม่นาน...จะไม่มีแล้ว...

วายะถอนใจอีกครั้งแล้วดึงร่างเล็ก ๆ นั้นมากอด  หนุ่มน้อยที่ยังมึนเมาด้วยฤทธิ์ยากล่อมประสาทยกแขนขึ้นกอดตอบพลางซุกเข้ากับอกกว้าง...ทั้งที่แนบชิดกันถึงขนาดนี้  แต่วายะกลับรู้สึกถึงความสูญเสีย...อีกไม่นาน  โทโมกิจะจากเขาไป  จะต้องมีคนมาพาโทโมกิไปจากเขาแน่...

...เพราะอย่างนั้น  ถึงต้องทำ...ไม่ว่าโทโมกิจะไปอยู่ที่ไหน  ก็จะไม่มีวันเป็นของใครได้...เขาจะตีตราความเป็นเจ้าของไว้  ให้โทโมกิเป็นของเขาไปตลอดกาล!!

โฮสต์หนุ่มอุ้มโทโมกิขึ้นจากเตียง

“ไปอาบน้ำกันนะ”


ร่างสูงทอดสายตามองตัวอักษรที่เขียนด้วยพู่กันบนผิวเนียนขาวบริเวณสะบักซ้ายของคนที่หลับสนิทอยู่บนเตียง  ตัวอักษร  “ฤดูใบไม้ผลิ”  คือชื่อของเขา  ไม่ได้อ่านว่า  “ฮารุ”  แต่เป็น  “ชุน”...เด็กผู้ชายที่เกิดตอนซากุระบาน...ชื่อที่ดูสดใสและเปี่ยมด้วยความหวังนี้ไม่ได้เข้ากับตัวเขาเลยสักนิด  แต่วายะก็ชอบชื่อนี้

วายะล้างมือด้วยแอลกอฮอล์แล้วนั่งลงข้างกายโทโมกิ  มันยากที่จะทำใจในการที่จะทำให้ร่างอันแสนปรารถนานี้เกิดแผลฉกรรจ์  แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้...ก็ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว  โทโมกิจะต้องเจ็บทรมานและร้องไห้แน่...แต่ไม่เป็นไร  เขาจะดูแลเป็นอย่างดี  จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด

“ไม่เป็นไรนะ...โทโมะ...ไม่เป็นไร...”  ชายหนุ่มกระซิบกับร่างที่หลับไหล

ร่างสูงหยิบมีดเซรามิกส์ที่แช่อยู่ในแก้วแอลกอฮอล์ขึ้น  บังคับมือตัวเองไม่ให้สั่น...ต้องไม่หวั่นไหว...ความลังเลเพียงชั่วพริบตาจะสร้างความเจ็บปวดให้โทโมกิแสนสาหัส  รอยตีตรานี้จะติดตัวโทโมกิไปชั่วชีวิต...ดังนั้นมันจะต้องเป็นรอยตราที่ไม่อายใคร  เขาจะต้องทำสุดฝีมือ...วายะหลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก  เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง...ในดวงตาคู่นั้นก็ไร้ซึ่งความลังเล

ปลายมีดเซรามิกส์แตะกรีดลงบนผิวขาวของโทโมกิ  ลากไปตามแนวเส้นที่วาดไว้อย่างแน่วแน่...จารึกชื่อของวายะ  ชุนไว้บนร่างนี้ไปตลอดกาล

...

“เธอนี่มันเหลือเกินจริง ๆ นะ  ยู  ไปทำแบบนั้นกับแขกได้ยังไง”  โอโนเสะบ่นเบา ๆ ขณะที่ใช้เครื่องหนังสีดำรัดข้อมือทั้งสองข้างของคิริฮาระไว้

“ก็แขกคนพิเศษของคุณมันห่วยนี่”  นายแบบหนุ่มเถียงทั้งที่ถูกพันธนาการจนไร้ทางขัดขืน

“ถึงจะห่วยแค่ไหนเธอก็ไม่ควรจะจับท่านมัดแล้วก็เฆี่ยนเป็นทาสแบบนั้นนะ  ฉันส่งเธอไปเป็นทาสท่านต่างหาก”  ชายผู้มากด้วยวัยมองร่างขาวเพรียวในเครื่องพันธนาการด้วยสายตาชื่นชมแต่ก็ส่ายหน้า

“ก็เป็นให้แล้วไง  แต่เจ้านายไม่ได้ความมันก็ต้องโดนทาสสั่งสอนบ้าง”  คิริฮาระยังเถียงคำไม่ตกฟาก

“เฮ่อ...บอกไปกี่ครั้งแล้วว่าห้ามทำแบบนั้น  ให้บทไปแบบไหนก็เล่นตามบทที่ให้สิ”  โอโนเสะจับร่างเพรียวพลิกลงนอนคว่ำแล้วยกสะโพกนั้นขึ้น  “เธอมันชอบเปลี่ยนบทเองอยู่เรื่อย”

“เขาก็ชอบนี่”

“ไอ้นั่นมันก็อีกเรื่อง  แต่เล่นเฆี่ยนเสียปางตายแบบนั้น...ท่านเป็น ส.ว. เชียวนะ  ขาดงานไปในลักษณะแปลก ๆ แบบนี้เดี๋ยวโดนขุดคุ้ยขึ้นมาจะว่ายังไง”  ไวเบรเตอร์รูปไข่ถูกสอดใส่เข้าไปในร่างของนายแบบหนุ่ม  เมื่อกดสวิตช์ให้มันสั่น  คิริฮาระก็สะดุ้งเฮือก  แต่โอโนเสะยังไม่หยุดแค่นั้น  เขาสอดอวัยวะเพศเทียมขนาดย่อมเข้าไปด้วย  “ถ้าเรื่องมาถึงบริษัทเรามันจะแย่เอานะ”

“อึ๊!...คุณ...ก็ห่วงแค่เรื่องนี้แหละ”  คิริฮาระกัดฟันกรอด  โอโนเสะมักจะรู้วิธีทรมานเขาเป็นอย่างดีเสมอ

“เป็นประธานบริษัท  ไม่ให้ห่วงบริษัทแล้วจะให้ห่วงอะไร”  ว่าพลางก็หยิบคลิปติดกระดิ่งเงินไปหนีบเข้าที่ยอดอกสีเข้มทั้งสองข้าง

“ก็ห่วงผมเซ่!”  พูดได้แค่นั้นแล้วก็ผวาเยือกเมื่อถูกจัดเปลี่ยนท่า

“จะห่วงไปทำไม  เธอเอาตัวรอดได้มาตั้งแต่เข้าวงการใหม่ ๆ แล้วนี่  ปีนี้เฆี่ยนลูกค้าที่ควรจะเป็นนายไปกี่คนแล้ว  หือ?”  โอโนเสะประคองคิริฮาระให้ซบพิงอกเขา  แล้วใช้ไวเบรเตอร์อีกอันหยอกล้อทรมานส่วนกลางกายของนายแบบหนุ่ม

“อ๊ะ...อือ...ก็...แขกของคุณมันห่วย  อึ๊!  ไม่เคยทำให้...ผมเสร็จได้...สักคน”

จนถึงขนาดนี้แล้วยังจะเถียง...โอโนเสะยิ้มกับตัวเอง  เด็กคนนี้มันก็น่ารักตรงนี้แหละ  คิริฮาระที่เย่อหยิ่ง  อวดดี  และเร่าร้อน  คือนายแบบระดับท็อป 5 ที่นำรายได้มาสู่บริษัทมากมายมหาศาล  ด้วยลักษณะแบบคุณชายชั้นสูงโดยธรรมชาติ  ทำให้ใครต่อใครก็อยากจะลองสยบเขาไว้ใต้เท้า...แต่ไม่เคยมีใครทำได้  โดยปกติแล้วคิริฮาระจะอดทนกับแขกพิเศษที่ไร้น้ำยาและเอาความอัดอั้นนั้นมาระบายกับเขาหรือไม่ก็พวกโฮสต์ที่คลับใต้ดินอยู่เสมอ  แต่ถ้าเมื่อไรที่แจ็กพ็อตไปเจอแขกไร้น้ำยาตอนที่งุ่นง่านเต็มที่เข้า  ก็มักจะสนองตัณหาตัวเองด้วยการสลับบทบาทจับแขกเป็นทาสเอาดื้อ ๆ...เมื่อสองสามวันก่อนก็เฆี่ยนแขกที่เขาให้ไปรับรองเสียหนำใจ  ถ้ารู้ก่อนว่าคิริฮาระกำลังติดสัดก็จะเตรียมอะไร ๆ ให้พร้อมก่อนหน้านั้นอยู่หรอก

“นี่โชคดีนะที่ท่าน ส.ว. ติดใจแส้ของเธอน่ะ”

“ก็ดีแล้วนี่...จะได้แขกประจำเพิ่ม...อีกคน...”  นายแบบหนุ่มหอบฮักเมื่อแก่นกายที่แข็งขึงเต็มที่ถูกรัดพันด้วยเครื่องพันธนาการหนังที่ทำให้ไม่สามารถถึงจุดสุดยอดได้

“ไม่ชอบแขกประจำที่ไร้น้ำยาไม่ใช่เรอะ?”  โอโนเสะค่อย ๆ สอดก้านดอกคอสมอสเข้าไปในท่อทวารเบาของเด็กหนุ่มช้า ๆ

“อ๊า!”  คิริฮาระหวีดร้อง  ก้านบอบบางของดอกไม้ครูดผนังด้านในที่แทบจะไม่เคยมีอะไรไปสัมผัส  สร้างความซ่านเสียวจนลืมตัว

“ที่จริงคอสมอสก็ไม่เหมาะกับเธอเท่าไรนัก  แต่ไม่มีดอกไม้ที่เหมาะจะใช้งานไปกว่านี้แล้วละนะ”  ท่านประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์ขยับหมุนดอกไม้นั้นเบา ๆ  หยาดน้ำเหนียวใสก็ไหลทะลักออกมาจากร่างของนายแบบหนุ่มทันที

“อา...อือ...”  คิริฮาระกัดริมฝีปากแน่น  นี่ถ้าไม่ถูกรัดเอาไว้เขาอาจจะถึงจุดสุดยอดไปแล้วก็ได้

“ไหน...ทีนี้ลองบอกมาซิ  มันเรื่องอะไรถึงได้หงุดหงิดงุ่นง่านถึงขนาดเฆี่ยนท่าน ส.ว. จนเข้าโรงพยาบาลแบบนั้น?”  โอโนเสะเริ่มไต่สวน  เกมรักวันนี้คือการลงโทษ  และคิริฮาระเองก็รู้ว่าตัวเองทำผิดค่อนข้างร้ายแรงถึงได้ยอมให้ทำโทษแต่โดยดีแบบนี้

“ก็มัน...อยาก...”  นาน ๆ ก็จะมีสักครั้งที่เขาปรารถนาความรุนแรงมากจนควบคุมตัวเองแทบไม่ได้  “ไปหาวายะ...แล้ว...แต่...”

“วายะก็ไม่ถึงใจเหรอ?”  ผู้มากวัยกว่าขยับสิ่งที่สอดคาไว้ในช่องทางเร้นลับเข้าออกช้า ๆ

“ฮึก...ไม่...วายะ...ไม่ยอมทำให้...”  นายแบบหนุ่มตอบกระท่อนกระแท่นด้วยความกระสันเสียว

“แปลกจริง  ทำไมอย่างนั้นล่ะ?”  ทั้งบริษัทรู้กันดีว่าถึงแม้จะทำท่าเหมือนจะทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลา  แต่วายะตามใจคิริฮาระทุกครั้ง
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 03-02-2012 22:33:45
“หมอนั่น...มี...เด็ก...อยู่ในห้อง...”

“เด็ก?...แฟนเหรอ?”

“ไม่รู้...แต่เด็ก...เด็กมาก...ไม่น่า...เชื่อ...”  คิริฮาระกัดฟันแน่นเมื่อโอโนเสะทรมานเขาทั้งด้านหน้าและหลังพร้อม ๆ กัน

...เด็ก...โอโนเสะสะดุดขึ้นมาในใจ  หวนคิดไปถึงเมื่อหลายวันก่อนที่ผู้จัดการลูนาติก  คลับและโทคิโตะขึ้นมาพบเขาเพื่อปรึกษาเรื่องเกี่ยวกับเด็กที่หายตัวไป...ในวันนั้น  มีชื่อของวายะเข้ามาเกี่ยวข้อง  และเขาก็ได้เรียกวายะมาสอบถามแล้ว  ก็ไม่ได้ความว่ากระไร...ว่าแต่...แน่ใจหรือว่าวายะไม่ได้โกหกเขา

“เด็กอายุสักเท่าไร?”  โอโนเสะลองตะล่อมถาม

“ไม่น่าเกิน...ม. ต้น...”

“ยู  ถ้าเห็นเด็กคนนั้นอีกครั้ง  เธอจะจำได้มั้ย?”

คิริฮาระพยักหน้าแทนคำตอบ  เขาต้องจำได้อยู่แล้ว  ถึงจะแค่แวบเดียวก็เถอะ  แต่แรงช็อกรุนแรงนั่นมันทำให้ภาพของเด็กคนนั้นประทับตรึงอยู่ในใจจนถึงตอนนี้เลยทีเดียว...ก็ถ้าเจ้าพี่ชายตัวแสบของเขาจะมีใครสักคน  มันก็ไม่ควรจะเป็นเด็กตัวแค่นั้นไม่ใช่หรือ  แถมยังอาการปิดบังซ่อนเร้นนั่นอีก...นี่เป็นครั้งแรกที่คิริฮาระแคลงใจในตัววายะ  และความรู้สึกนั้นเองที่ทำให้หงุดหงิดมากขึ้นหลายเท่าจนต้องไปลงกับแขกที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่

โอโนเสะผละจากนายแบบหนุ่มแล้วต่อโทรศัพท์  รอสายอยู่ไม่นานนักอีกฟากก็รับสาย

“นี่ฉันเอง  ช่วยเอาประกาศคนหายที่ตำรวจให้มาขึ้นมานี่หน่อยซิ”

ถ้าเป็นไปในแง่เลวร้ายที่สุด...ถ้าเรื่องทุกอย่างปะติดปะต่อกันได้...ถ้าโฮสต์อันดับหนึ่งของบริษัทเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย  เขาต้องรีบลงมือก่อนที่ตำรวจจะไหวตัว  ในแง่ของคดีแล้วนี่เป็นเรื่องใหญ่  ถ้าพูดในแบบนักธุรกิจหน้าเลือด...ถ้าตำรวจได้ตัวโฮสต์อันดับหนึ่งของเขาไป  นั่นหมายถึงการสูญเสียรายได้มหาศาลนานหลายปี  เพราะไม่ใช่ทุกคนจะขึ้นสู่อันดับหนึ่งกันได้ง่าย ๆ  และไม่ใช่ลูกค้าจะยอมรับคนใหม่ได้เสมอไป  ดังนั้นเขาจำเป็นจะต้องรักษาวายะไว้  แน่นอนว่าจะต้องมีการลงโทษ...วิธีการของเขามันไม่ได้เสียเวลามากเหมือนวิธีลงโทษทางสังคม  แต่รับประกันว่าจะได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสมทีเดียว

...ถ้าวายะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้จริงละก็นะ...

...

“ฮึก...โอ้ก!!...แค่ก ๆ...”

“หายใจลึก ๆ  โทโมะ...เข้มแข็งไว้”  วายะค่อย ๆ ลูบหลังร่างเล็กที่กำลังโก่งคออาเจียนจนสั่นเกร็งไปทั้งตัว

หลายชั่วโมงแล้วที่โทโมกิคลื่นไส้อาเจียนอยู่อย่างนี้และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้ว่าในกระเพาะจะไม่เหลืออะไรให้ออกมาอีกแล้ว  เด็กหนุ่มไร้เรี่ยวแรงจนต้องเอนกายพิงวายะไว้ตลอดเวลา  เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  เพียงแต่รู้สึกว่าตนเองได้หลับไปนานมาก  และทันทีที่รู้สึกตัวตื่น  อาการคลื่นไส้วิงเวียนอย่างรุนแรงก็เข้าจู่โจม  วายะแทบจะคว้าถังขยะไม่ทันด้วยซ้ำเมื่อเขาอาเจียนออกมาครั้งแรก  ไม่ว่าจะดื่มน้ำอุ่นหรือพยายามทำยังไง  อาการนี้ก็ไม่หายไปเสียที...ทรมานจนนึกอยากจะตายไปเสียให้พ้น ๆ

ไม่ใช่แค่อาการคลื่นไส้เท่านั้นที่ทรมานโทโมกิอยู่ในตอนนี้  ที่สะบักด้านซ้ายก็แสบร้อนราวกับโดนไฟเผา  ความเจ็บปวดแล่นปลาบไปทั้งแขนจนขยับไม่ไหว...เจ็บปวด  ทรมาน...นี่มันเกิดอะไรขึ้นตอนที่เขาหลับไปกันแน่...

วายะมองใบหน้าชื้นเหงื่อที่ซีดเผือดด้วยความเป็นกังวล  แม้โทชิจะเคยบอกเรื่องอาการข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นเพราะฤทธิ์ยาสลบ  แต่เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่ามันจะรุนแรงถึงเพียงนี้  ริมฝีปากของโทโมกิซีดเขียวและสั่นระริก  แต่ไม่ว่าจะให้ดื่มน้ำธรรมดาหรือน้ำเกลือแร่  โทโมกิก็พ่นออกมาจนหมด...อีกนานเท่าไร  ความทรมานนี้จะจบลง...ถ้าทำได้...เขาขอทรมานเสียเองดีกว่า

“...ชุน...ฮึก...”  เสียงแผ่วกระซิบเรียก

“ฉันอยู่นี่”  วายะกระชับอ้อมกอดแน่นเข้าอีก

“...ที่ไหล่...เจ็บ...”  หยาดน้ำตาหยดไหลออกมาอย่างไม่อาจฝืนได้อีกต่อไป

โฮสต์หนุ่มหลับตาแน่น  น้ำตานั่นทำให้เขารวดร้าวเสียยิ่งกว่าทุกครั้งที่เคยผ่านมา  ริมฝีปากอุ่นแนบลงกับหน้าผากเย็นชืด

“ไม่เป็นไรนะ  เดี๋ยวก็จะดีขึ้น”  พูดออกไปอย่างนั้นทั้งที่ไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่

หากโทโมกิพยักหน้า  เขาเชื่อ...ถ้าวายะพูด...มันก็จะเป็นไปตามนั้น...แม้ว่าความถี่ของการอาเจียนจะห่างออก  แต่ความทรมานนั้นไม่ได้ลดน้อยลงเลย  เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะโก่งคอเค้นให้น้ำย่อยไหลย้อนออกมา

แทบจะทนดูไม่ได้แล้ว...วายะรีบโทรไปหาโทชิตั้งแต่แรก ๆ ที่โทโมกิรู้สึกตัวและเริ่มอาเจียน  แต่คำตอบที่ได้รับคือเขาทำได้แค่เฝ้าดูและพยายามประคับประคองไม่ให้โทโมกิสำลัก  แม้โทชิจะบอกว่าในกรณีที่ดีที่สุด  ถ้าดื่มน้ำเกลือแร่เข้าไปสักนิดหน่อยอาจจะค่อย ๆ ดีขึ้น  แต่ดูเหมือนว่าโทโมกิจะอยู่นอกเหนือกรณีนั้น  ที่พอจะวางใจได้เพียงอย่างเดียวก็คืออย่างน้อยโทโมกิก็ไม่มีอาการแพ้ยาอย่างที่โทชิบอก

โฮสต์หนุ่มค่อย ๆ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดซับไปตามร่างที่ชื้นเหงื่อสลับกับเอายาดมให้ดม  แต่โทโมกิก็ยังกระสับกระส่ายทรมานอยู่อย่างนั้น  ไม่ใช่แค่อาการคลื่นไส้...โทโมกิเจ็บแผล  วายะเข้าใจดี  แผลที่เขาทำไว้ไม่เล็กเลย  และมันจะต้องเจ็บปวดแสนสาหัสเป็นแน่  ในตอนนี้โทโมกิยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองก็จริง  แต่ทันทีที่อาการคลื่นไส้ดีขึ้น...เขานึกไม่ออกเลยว่าโทโมกิจะทรมานอยู่กับบาดแผลนั้นแค่ไหน

แต่ก็ทำลงไปแล้ว...และไม่ได้คิดจะเลิกกลางคัน  ระหว่างที่ค่อย ๆ กรีดและเลาะผิวหนังของเด็กหนุ่มออกมาทีละน้อย  เลือดที่ไหลออกมามากมายทำให้วายะใจหายก็จริง  แต่เขาก็ไม่หยุด...เขาไม่มีความลังเลในสิ่งที่ตนได้ตัดสินใจทำลงไปแล้ว  และไม่ได้รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเอง...แต่เมื่อเห็นโทโมกิต้องทรมานถึงขนาดนี้  หัวใจก็ปวดแปลบราวกับถูกกรีดเสียเอง

โทโมกิค่อย ๆ สงบลง  ในที่สุดเมื่อให้ดื่มน้ำเกลือแร่เข้าไปเด็กหนุ่มก็ไม่ได้อาเจียนออกมาอีก  วายะจึงค่อย ๆ ป้อนน้ำให้ทีละน้อยจนพอ  ร่างบางพิงกายเข้าหาเขาอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง  ลมหายใจแผ่วล้า  และเนื้อตัวเย็นเฉียบ  ชายหนุ่มแตะผ้าซับไปตามเรือนร่างอ่อนเปียกเบา ๆ

“...ชุน...”

“ฉันอยู่นี่”  วายะคอยกระซิบตอบเป็นระยะ  ดูเหมือนโทโมกิจะยังมึนงงด้วยฤทธิ์ยาและความทรมานจนแทบจะไม่รับรู้ถึงตัวตนของเขา

“เหนื่อย...”  หนุ่มน้อยครางออกมาดังไม่เกินกระซิบ

“แน่ละ  อ้วกไปเยอะขนาดนั้นก็ต้องเหนื่อยสิ”

“...เจ็บ...ไหล่...”

ไม่มีคำตอบสำหรับคำอุทธรณ์นั้น  วายะเพียงแต่จูบลงที่หน้าผากแล้วค่อย ๆ เลื่อนมาที่เปลือกตา  จูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

โทโมกิระบายลมหายใจยาว  เขาเหนื่อยเหลือเกิน...ทั้งเจ็บทั้งทรมาน...แต่เขาไม่รู้เลยว่าความทรมานทั้งหมดมันเกิดขึ้นได้อย่างไร  บางทีวายะคงจะรู้กระมัง...แต่ทำไมถึงไม่ยอมบอกกันนะ...เอาเถอะ  ตอนนี้ขอพักก่อน  เขาเหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้ว  ถ้าได้หลับสักพักคงจะดีขึ้น...หลับในที่พักพิงที่อบอุ่นที่สุด...ที่อกกว้างนี้...

วายะค่อย ๆ วางร่างที่หลับสนิทไปด้วยความเหนื่อยอ่อนลงกับหมอน  จัดท่าให้นอนตะแคงเพื่อไม่ให้แผลได้รับความกระทบกระเทือน...เลือดออกมากเหลือเกิน  ตอนนี้ผ้าก็อซที่ปิดปากแผลและพันเอาไว้เปียกชุ่มไปหมด  เขาจะต้องทำแผลให้ใหม่  จากนั้นค่อยเตรียมของที่จำเป็นสำหรับดูแลโทโมกิเพิ่มอีก...มีเรื่องต้องคิดอีกมาก  เขาไม่มีเวลาจะมาอ่อนล้าหรืออะไรทั้งสิ้น  แม้ว่าจะยังไม่ได้พักเลยมาหลายชั่วโมงแล้ว  ตอนที่เขาทำสการ์และทำแผลให้โทโมกิเสร็จได้ไม่นาน  ยาสลบก็หมดฤทธิ์  หลังจากนั้นเขาก็ต้องรับมือกับอาการคลื่นไส้อาเจียนของโทโมกิมาตลอดหลายชั่วโมง  แม้ว่าจะล้าไปหมดแล้วแต่เขาก็ต้องทน...นี่เป็นสิ่งที่เขาเลือกจะทำเอง  ดังนั้นเขาต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด

“หมอ...ฉันอยากได้ผ้าก็อซกับอุปกรณ์ทำแผลเพิ่ม...อื้ม  ได้  เดี๋ยวจะไปเอา...ยังมีพอ...แล้วมีอะไรที่ทำให้เลือดไหลน้อยลงบ้างมั้ย?...อื้ม  เข้าใจแล้ว...หาไว้ให้ด้วยนะ...ขอบใจ  แล้วเจอกัน”

โฮสต์หนุ่มปิดโทรศัพท์แล้วทรุดตัวลงนั่งกับพื้น  เขาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้โทโมกิเรียบร้อยแล้วแต่เลือดยังไหลซึมออกมาไม่หยุด  เขาควรจะหาอะไรที่จะช่วยลดความเจ็บปวดมาไว้ให้โทโมกิด้วย...วายะยันตัวลุกขึ้นแล้วก็เซถลาแต่ก็ยันผนังไว้ได้ทัน  เขาชักล้าเต็มที...แต่ยังก่อน  เขายังมีเรื่องต้องจัดการ...ชายหนุ่มคว้าเสื้อโค้ทมาสวมทับแล้วออกจากห้องไป

...

...ร้อน...ร้อนอย่างกับอยู่ในกองไฟ...ทั้งร่างกายรุมร้อนราวกับถูกแผดเผา  โดยเฉพาะที่สะบักซ้าย  แสบร้อนยังกับโดนนาบด้วยเหล็กเผาไฟ...ภาพตรงหน้าพร่าพรายไปหมด  นี่มันเกิดอะไรขึ้น...ทำไมถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้...

มือเล็กค่อย ๆ ยกขึ้นเมื่อเห็นร่างเงาของใครบางคนอยู่ตรงหน้า

...ชุน...นั่นชุนเหรอ...มันร้อนไปหมดเลย  แล้วก็ปวด...ปวดแขนซ้าย...ปวดไปหมดเลย...มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ  ชุน...

ในความรู้สึกที่เหมือนร่างถูกยกประคองขึ้น  แล้วหยาดน้ำเย็น ๆ ก็ไหลเข้ามาในปาก  หากก็ล้าแรงเกินกว่าจะกลืนเข้าไป  หยาดน้ำนั้นไหลย้อยออกทางมุมปาก

...หิวน้ำ...ให้ได้กินน้ำหน่อยเถอะ...
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 03-02-2012 22:40:49
แล้วสัมผัสนุ่มนวลก็แตะลงที่ริมฝีปาก  ก่อนที่หยาดน้ำเย็นจะไหลรินเข้ามาอีกครั้ง  คราวนี้มันล่วงสู่ลำคออย่างง่ายดาย  ลมหายใจระบายผ่อนยาวอย่างรู้สึกสบายขึ้น  จมูกกระสากลิ่นอายหอมเย็นที่คุ้นเคย

...ชุนสินะ...นี่คือชุนสินะ...ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรแล้ว...

บอกกับตัวเองเช่นนั้นแล้วก็ค่อย ๆ จมลงสู่ห้วงนิทรา

วายะกอดประคองคนในอ้อมแขนไว้แนบอก  โทโมกิมีไข้สูงเพราะพิษบาดแผลซึ่งตอนนี้อักเสบบวมแดงจนน่ากลัว  ชายหนุ่มได้แต่อาศัยเจลเย็นพันผ้าประคบให้ตามมีตามเกิด...เขาเองก็ไม่ได้นอนมาสองสามวันติดแล้ว  ไม่ได้ไปทำงานเสียด้วยซ้ำ  อาการของโทโมกิแย่กว่าที่คิด  แม้จะไปซื้อยามาจากโทชิแล้วแต่ก็ดูจะไม่ดีขึ้นเท่าไรนัก

มีโอกาสที่แผลจะเป็นหนอง...ถ้าถึงตอนนั้นคงเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้  เขาคงต้องพาโทโมกิไปโรงพยาบาล...แต่เท่าที่ดูสภาพในตอนนี้  แผลอยู่ในสภาพสะอาดเรียบร้อยดี  เพียงแต่อักเสบเท่านั้น

ทุกครั้งที่เปิดผ้าพันแผลออกมาเห็นรอยแผลที่เป็นชื่อของตัวเอง  ชายหนุ่มก็สะท้อนวาบในใจ...การทำให้โทโมกิเป็นของเขาตลอดไป  แลกมาด้วยความเจ็บปวดทรมานถึงเพียงนี้...แม้สถานการณ์จะต่างกัน  แต่ความทรมานนี้ไม่ได้ต่างกันเลย  มันกัดกินหัวใจของเขาเท่า ๆ กับเมื่อหลายปีก่อนที่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

...คนเราจะต้องทำผิดซ้ำกี่ครั้งถึงจะเข้าใจ...

วายะทอดถอนใจ  มือนี้เคยทำให้ใครคนหนึ่งต้องบอบช้ำจนเกินจะเยียวยา...และทำให้ตัวเองต้องทรมานมาจนถึงทุกวันนี้...แต่มือนี้ก็ยังทำผิดซ้ำอีก  ยังคงทำให้คนอื่นเจ็บปวดและทรมานตัวเองซ้ำอีก...

...ไม่หรอก...ชายหนุ่มบอกกับตัวเองพลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น  ครั้งนี้จะไม่เหมือนกับครั้งก่อน...โทโมกิจะไม่มีวันหลุดมือเขาไปเหมือนใครคนนั้น  เขาจะไม่ปล่อยสิ่งมีค่าหลุดมือไปเหมือนครั้งก่อน...

...

“วายะไม่มาทำงานอีกแล้วเหรอ?”  โอโนเสะถามขึ้นเมื่อยามานากะตัดสายโทรศัพท์จากโอคุระ

“ครับ  หยุดงานมาหลายวันแล้ว  แล้วก็ไม่ติดต่อมาด้วยน่ะครับ”

“วายะมาทำงานวันสุดท้ายเมื่อไร?”

“น่าจะ...ก่อนมีปาร์ตี้รับรองแขกนะครับ  อ้อ  ก่อนที่ท่าน ส.ว. จะโดนคิริฮาระคุงเฆี่ยนน่ะครับ”  นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นในบริษัท  ถ้าพูดขึ้นมาไม่ว่าใครก็นึกออกทันที

“งั้นรึ...”

ท่านประธานของลูนาติก  ลัสท์นึกย้อนไปถึงเรื่องที่คุยกับคิริฮาระเมื่อหลายวันก่อน  นายแบบหนุ่มยืนยันว่าเด็กชายที่เขาเห็นที่ห้องของวายะคือคนเดียวกันกับที่อยู่ในประกาศตามหาตัวของตำรวจ  ทันทีที่รู้สึกตัวว่าเรื่องเป็นไปอย่างไรมาอย่างไร  คิริฮาระเองก็ดูจะสับสน  เพราะคำพูดของเขาเองที่เป็นหลักฐานว่าวายะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเด็กคนนี้

“โอโนเสะซัง  คุณจะไม่ส่งวายะให้ตำรวจใช่มั้ยครับ?”  ในวันนั้นคิริฮาระละล่ำละลักถามออกมาอย่างนั้น

“ไม่หรอก  แต่ยังไงซะก็ต้องทำอะไรสักอย่างละนะ”

“ทำไม...หมอนั่นถึงทำแบบนั้นนะ...”  วายะที่เขารู้จักคนนั้นไม่น่าจะไปยุ่งเกี่ยวกับเด็กที่ยังไม่น่าจะใช้การได้แบบนั้นไม่ใช่หรือ

“ไว้เธอลองถามเขาดูเองแล้วกัน”

แต่หลังจากวันนั้นคิริฮาระก็ไม่มีเวลาว่างพอเลย  มีงานประดังเข้ามาเหมือนจะแกล้งให้ไม่มีโอกาสได้เจอวายะ  ทางบริษัทเองที่ตอนแรกวางแผนไว้ให้คิริฮาระเป็นคนไปติดต่อวายะที่บ้านเมื่อไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้  ก็ต้องเปลี่ยนแผนเมื่อไม่มีใครในคลับแม้กระทั่งโทคิโตะรู้ว่าวายะอยู่ที่ไหน  เวลาจึงล่วงเลยมาจนถึงวันนี้

“ท่านประธานครับ  ทราบที่อยู่ของวายะแล้วครับ”  คนที่เดินเข้ามารายงานคือคันซากิ  เคนผู้เป็นบอดี้การ์ดของโอโนเสะ

“เฮ่อ...เสียเวลาจริง ๆ”  โอโนเสะส่ายหน้าพลางลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน  “เอาละ  เราไปจัดการธุระให้เรียบร้อยกันดีกว่า”

...

ความทรมานดูเหมือนจะไม่สิ้นสุด  ยาแก้อักเสบแทบจะไม่ช่วยให้โทโมกิอาการดีขึ้นเลย  ในที่สุดวายะก็ตัดสินใจให้ยากล่อมประสาทกับโทโมกิในปริมาณมาก  และนั่นดูจะเป็นสิ่งเดียวที่สามารถช่วยให้โทโมกิพ้นจากความทรมานที่เกิดขึ้นได้

แต่ในห้วงสติที่เลื่อนลอยของเด็กหนุ่ม  วายะก็นึกหวาดหวั่น  ยากล่อมประสาทที่มากเกินไปจะส่งผลต่อสมองและระบบประสาท  โทโมกิอาจจะกลายเป็นคนเลื่อนลอยไร้สติไปเลยก็ได้  แต่ถ้าให้ยาตามปกติที่เคยให้  ก็จะไม่พอกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น...ในบางครั้ง  วายะจึงยอมปล่อยให้โทโมกิทนทรมานบ้าง  แม้ว่ายิ่งเห็นโทโมกิเจ็บปวดมากเท่าไร  เขาก็ทรมานใจจนเจียนคลั่งมากเท่านั้นก็ตาม

“ชุน...เจ็บ...ไม่เอาแล้ว...ขอยา...”  โทโมกิคร่ำครวญทั้งน้ำตา

“ทนอีกนิดนะ  โทโมะ  พอตื่นมาอีกครั้งแล้วฉันจะให้”  วายะพยายามปลอบ

“ไม่เอา...ไม่ไหวแล้ว...เจ็บ...”  ร่างบางสะอื้นฮัก  ยกมือขึ้นทุบร่างสูงเพื่อระบายความรวดร้าว

เรี่ยวแรงที่อ่อนล้าไม่ได้ทำให้วายะรู้สึกเจ็บ  แต่ที่ทำให้สะท้านไปทั้งร่างคือความทรมานที่ถ่ายทอดมากับการกระทำนั้น  ในที่สุดก็ต้องยอมให้ยาตามที่เด็กหนุ่มร้องขอ

โทโมกิหลับไปอีกครั้งหนึ่งแล้ว...ไม่สิ  ไม่ได้หลับ  ดวงตาคู่นั้นยังปรอยปรือ  แต่ประสาทสัมผัสไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว  โทโมกิหลงเข้าไปในความฝันอันหอมหวานที่ฤทธิ์ยามอบให้  แต่อีกไม่นานหรอก  เดี๋ยวโทโมกิก็จะรู้สึกตัวและร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง

วายะนั่งลงที่ข้างเตียง  ซุกหน้าลงระหว่างหัวเข่าทั้งสองข้าง  เขาควรจะพักเพื่อเอาแรงไว้คอยดูแลโทโมกิต่อ  แต่ก็นอนไม่หลับ...เขาหลับไม่ลงมาหลายวันแล้ว  เขาหยุดงานและคอยดูแลโทโมกิทั้งที่ร่างกายอ่อนล้าลงทุกที  บางทีเขาก็นึกสงสัยว่าโทโมกิจะหายดีก่อนหรือว่าเขาจะหมดแรงขาดใจตายไปเสียก่อนกันแน่

ในห้วงเวลาที่บิดเบี้ยว...ในห้องที่ไร้กลางวันกลางคืน...วายะไม่รู้หรอกว่าเวลาได้ผ่านมานานเท่าไรแล้วนับตั้งแต่เขาได้สลักชื่อของตัวเองลงบนแผ่นหลังของโทโมกิ  รู้เพียงแต่ว่าเขาจะต้องร่วมรับรู้และทรมานไปด้วยกันกับเด็กหนุ่ม...นี่คือการลงโทษสำหรับการกระทำที่โหดร้ายของเขา...ยิ่งโทโมกิเจ็บปวด  เขาก็จะยิ่งเจ็บปวดมากกว่าหลายเท่า  หลายครั้งที่รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกขึ้นมากะทันหัน  ในหัวมึนตื้อและปวดจนแทบระเบิด  แต่เมื่อเห็นโทโมกิทรมานเขาก็ต้องฝืนความเจ็บปวดของตัวเองคอยปลอบประโลมและดูแลเด็กหนุ่มให้ถึงที่สุด

ในตอนที่โทโมกิสงบลงและรอบกายเงียบสงัด  บางครั้งสมองที่มึนซึมจนเหมือนจะว่างเปล่าของวายะก็กระหวัดถึงใบหน้าของใครบางคนที่มองเขาด้วยสายตาเหมือนกับมองคนแปลกหน้า  ทั้งที่อยู่ด้วยกันมาตลอดชีวิต...แต่สายตานั้น...ไม่มีตัวตนของเขาอยู่ในแววตาคู่นั้น  พอเอื้อมมือไปเหมือนจะไขว่คว้า  ภาพของโทโมกิที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็ซ้อนทับกับภาพนั้น  แม้ช่วงวัยจะต่างกัน  แต่ใบหน้าที่คล้ายคลึงนั้นทำให้วายะแยกไม่ออก...แม้จะรู้สึกว่าหยาดน้ำตาที่หลั่งรินออกมาจะทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวด  แต่เขาไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ร้องไห้อยู่ในความทรงจำของเขา  แม้อยากจะเอ่ยปลอบ...แต่เขาควรจะเรียกชื่อใคร...เขาควรจะเรียกโทโมกิหรือใครคนนั้น...ไม่สิ  แม้อยากจะเรียกชื่อนั้น  แต่ก็ไม่อาจเอ่ยออกมาได้  เขาไม่มีความกล้าพอ...เพราะไม่ว่าจะเรียกออกไปสักกี่ครั้ง  สายตาที่มองกลับมาก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง...สายตาที่มองดูคนแปลกหน้า  และเขาทนสายตานั้นไม่ได้
โทโมกิจะไม่มองเขาแบบนั้นใช่ไหม...ไม่ว่าอย่างไร  โทโมกิจะจำเขาได้...ไม่ว่าจะหวาดกลัวหรือชิงชังแค่ไหนก็ตาม...
หรืออย่างน้อย...รอยแผลที่เขาสลักไว้บนร่างก็จะทำให้โทโมกิจำได้  ว่ามีคนโหดร้ายคนหนึ่งได้ทิ้งร่องรอยนั้นเอาไว้...และคนโหดร้ายคนนั้นก็คือเขา...

ถ้าวันหนึ่ง...ถ้ามีใครพรากโทโมกิไปจากเขา...แล้วถ้าได้เจอกันอีกครั้งในที่ไหนสักแห่ง  เมื่อเห็นเขา  โทโมกิจะจำชื่อของเขาได้...แม้จะไม่เอ่ยมันออกมา  แต่โทโมกิจะจำได้...จะไม่มองเขาอย่างคนแปลกหน้า

...เขาไม่อยากจะถูกลืม...


ชายหนุ่มถูกดึงออกมาจากห้วงภวังค์ด้วยเสียงครางเบา ๆ ของโทโมกิ  เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว  ยาหมดฤทธิ์แล้วหรือ  วายะลุกขึ้นไปชะโงกกายเหนือร่างที่นอนอยู่บนเตียง

“เจ็บเหรอ?”  เสียงทุ้มกระซิบถาม

ไม่มีคำตอบนอกจากอาการพยักหน้าน้อย ๆ และน้ำตาที่ไหลริน

วายะถอนใจเบา ๆ แล้วเหลือบดูบาดแผล  ผ้าก็อซที่พันเอาไว้มีคราบเลือดปนน้ำเหลืองซึมอยู่บาง ๆ  นี่นับว่าดีขึ้นมากแล้วเมื่อเทียบกับวันแรก ๆ ที่ต้องเปลี่ยนผ้าซับเลือดครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดวัน  ปกติแล้ววายะจะเปลี่ยนผ้าพันแผลให้โทโมกิเมื่อให้ยาและโทโมกิหลับไปแล้ว  แต่เมื่อกี้นี้เขาลืม...เขาคงเหนื่อยเกินไปจนไม่ทันคิด  แต่จะเปลี่ยนผ้าพันแผลตอนนี้ก็ไม่ได้  แค่นี้โทโมกิก็เจ็บมากเกินพอแล้ว

“ยังให้กินยาตอนนี้ไม่ได้หรอก  ทนหน่อยได้มั้ย?”

แม้จะพยักหน้าตอบ  แต่สีหน้าไม่ได้บอกอย่างนั้นเลย...วายะเองก็รู้อยู่แก่ใจ

ชายหนุ่มเอาน้ำผลไม้และข้าวต้มกึ่งสำเร็จรูปมาให้และค่อย ๆ ป้อน  โทโมกิกินได้ไม่มากนัก  แต่อย่างน้อยน้ำผลไม้ก็ช่วยให้ร่างกายสดชื่นขึ้น  ในตอนที่ไม่ให้ยา  ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะอยากให้เขาอยู่ใกล้ ๆ มากที่สุด  ดังนั้นวายะจึงแทบจะผละไปไหนไม่ได้  อาการเบียดซุกทำให้เขารู้ว่าโทโมกิต้องการเขามากเพียงใดในช่วงเวลาแบบนี้...มันทั้งรู้สึกดีและแย่ไปพร้อม ๆ กัน

โฮสต์หนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองทำผิด...เหมือนกับว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลวร้ายขนาดนี้ก็ได้  อย่างไรเสียโทโมกิก็เป็นของเขาอยู่แล้ว...แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่ามันไม่จริง  โทโมกิจะไม่มีวันเป็นของเขาตลอดไป  จะต้องมีคนมาพาโทโมกิไปจากที่นี่  ดังนั้นเขาจึงต้องทำแบบนี้...มีทางนี้ทางเดียวเท่านั้น

“ชุน...เจ็บจัง...”  โทโมกิครางเบา ๆ พร้อมกับสะอื้นฮัก

วายะได้แต่จูบเบา ๆ ที่หน้าผากมน  “อดทนหน่อยนะ  กินยามากไปมันไม่ดี”

“ฮึก...เจ็บ...”  คำอุทธรณ์นั้นหมายถึงไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว

แต่อย่างไรเสีย  วายะก็ทนแข็งใจไม่ให้ยากล่อมประสาทกับโทโมกิ  เพราะหลายวันที่ผ่านมานี้  การให้ยาในปริมาณมากเริ่มแสดงผลชัด  โทโมกิเลื่อนลอยและเริ่มมีอาการติดยา...เพราะไม่อยากเจ็บปวดจึงต้องการยา...เพราะยาทำให้รู้สึกสบายจึงต้องการยา...แต่ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป  โทโมกิจะต้องเสพติดยากล่อมประสาทนี้แน่...ชายหนุ่มครุ่นคิดหาทางอื่นที่จะทำให้คนในอ้อมกอดบรรเทาความเจ็บปวดลง

พลันก็สะดุดวาบขึ้นมาในใจ  ที่เขาเคยอ่านเจอจากหนังสือที่ไหนสักแห่ง...เรื่องลามกจะช่วยเบี่ยงเบนความเจ็บปวดในคนไข้ที่ได้รับบาดเจ็บได้...ในบทความบอกว่ามีการทดลองและพิสูจน์ได้ว่าจริง  วายะเองก็เคยพิสูจน์มาแล้วว่ามันใช้ได้...นี่คงถึงเวลาต้องใช้วิธีนั้นอีกครั้ง  และจะได้รู้กันว่ามันจะทำให้ลืมความเจ็บปวดสาหัสขนาดนี้ได้หรือเปล่า

ชายหนุ่มเชยคางโทโมกิขึ้นแล้วแนบริมฝีปากอุ่นร้อนลงไป  บดคลึงอย่างนุ่มนวลก่อนจะค่อย ๆ สอดปลายลิ้นเข้าไประหว่างริมฝีปากที่เผยอรับ  กวาดควานคลุกเคล้าลิ้มชิมความหอมหวานและปรนเปรอสัมผัสนุ่มนวลให้  โทโมกิรับการรุกรานนั้นอย่างเงอะงะด้วยไม่ทันตั้งตัว  แต่ชั่วไม่นานนักก็ค่อย ๆ ปล่อยตัวเองไปตามการชักนำของวายะ  และหลงเพริดไปในห้วงอารมณ์หวามไหวในที่สุด

ไม่เพียงแค่จูบ  วายะยังใช้มือลูบไล้ไปตามเรือนร่างนั้นและกระตุ้นจุดอ่อนไหวต่าง ๆ ให้อย่างเนิบช้าและอ่อนโยน  กระทั่งถึงจุดไวสัมผัสที่ส่วนกลางกาย  โฮสต์หนุ่มใช้เทคนิคที่มีอยู่ปรนเปรอให้โทโมกิอย่างเต็มที่  หนุ่มน้อยแอ่นกายเข้าหาพลางเกาะกอดร่างสูงไว้แน่น  ส่งเสียงคร่ำครวญไม่ขาดปากด้วยความกระสันเสียวที่ซ่านไปทั้งร่าง  จนในที่สุดก็เปียกปอนอยู่ในอุ้งมืออุ่นร้อน

วายะทอดสายตามองร่างที่หอบระทวยอยู่ในอ้อมแขน...หากตอนนี้มีกระจก  ชายหนุ่มคงไม่มีวันเชื่อแน่ว่าตนจะสามารถมองใครได้อ่อนโยนถึงเพียงนี้...เขาค่อย ๆ วางโทโมกิที่ผ่อนคลายเต็มที่ลงนอน  แต่มือเล็ก ๆ ยังคงกำเสื้อของเขาไว้แน่น

“...ชุน...”

เด็กหนุ่มรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นแนบลงบนหน้าผากพร้อมกับเสียงกระซิบ

“ฉันอยู่นี่  นอนซะ”

โทโมกิพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะผล็อยหลับไปท่ามกลางกลิ่นอายหอมเย็นเจือด้วยกลิ่นบุหรี่ที่ห้อมล้อมอยู่รอบกาย...


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 03-02-2012 22:46:13
All I want 11

สัญญาณจากอีกฟากของโทรศัพท์ดังจนตัดเข้าระบบรับฝากข้อความหลายต่อหลายครั้ง  แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าของสายสัญญาณทางฟากนั้นจะรับสาย  คิริฮาระกดปุ่มตัดสายแล้วส่ายหน้า

“ไม่รับสายเลยครับ”  นายแบบหนุ่มบอกกับผู้เป็นเจ้านาย

“งั้นคงมีทางเดียว  ต้องขึ้นไปหาเขาแล้วละนะ”  โอโนเสะพูดพลางกวาดตาอ่านเอกสารตรงหน้าก่อนจะเซ็นชื่อตรงท้าย

“ตกลง...วายะ...จับเด็กคนนั้นไว้จริง ๆ เหรอครับ?”  เสียงที่หลุดออกมาแผ่วเบาและแหบโหย  คิริฮาระไม่อยากจะเชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้น

“เธอเป็นพยานคนสำคัญ  ยู  มีแค่เธอเท่านั้นที่เห็นว่าเด็กคนนั้นอยู่ที่บ้านวายะ  คนอื่นเพียงแต่คาดการณ์ไปตามเรื่องเท่านั้น  รวมทั้งฉันด้วย  ถ้าเธอบอกว่าเด็กคนนั้นอยู่ที่บ้านเขา...มันก็แปลว่าอย่างนั้น”  ท่านประธานของลูนาติก  ลัสท์รวบเอกสารทั้งหมดไว้เป็นกองแล้วใส่เข้าแฟ้มแล้ววางไว้บนเบาะข้างตัว

“แล้ว...คุณจะทำยังไงกับวายะ?”  คิริฮาระรู้ดีว่าโอโนเสะไม่ต้องการส่งตัววายะให้ตำรวจถึงได้ลงมือเอง  แต่เขาก็คาดเดาไม่ได้ว่าโอโนเสะคิดจะทำยังไงต่อ

“ก็ต้องแล้วแต่สถานการณ์  เรื่องที่บ้านวายะจะบอกเองว่าเราควรจะทำยังไงกับเขา”  โอโนเสะตอบอย่างใจเย็น  เขาพาคิริฮาระมาเผื่อจะให้โอกาสสุดท้ายกับโฮสต์หนุ่ม  แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีการตอบสนองใด ๆ เขาก็คงจะต้องบุกถึงตัว  ท่านประธานผู้มากด้วยวัยเปิดประตูรถแล้วก้าวลงไป  “เอาละ  ไปสะสางธุระกันได้แล้ว”

...

วายะได้ยินเสียงโทรศัพท์  แต่เขาก็มิได้ใส่ใจ...ได้ยินกระทั่งเสียงของคิริฮาระที่เข้ามาในระบบฝากข้อความ  แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ...โทโมกิกำลังต้องการให้เขาบรรเทาความเจ็บปวดให้แม้ว่าจะเพิ่งให้ยาไป

วิธีการของเขาผิดพลาด...เด็กหนุ่มเสพติดทั้งยาและตัวเขาไปพร้อมกัน  โทโมกิต้องการยาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและต้องการเขาเพื่อทำให้ลืมเลือนความเจ็บปวด  ร่างที่มึนเมาด้วยฤทธิ์ยาเกาะกอดเขาไว้แน่น  ตอบสนองทุกสัมผัสที่มอบให้ด้วยความเต็มใจ  ขยับเคลื่อนไหวเท่าที่เรี่ยวแรงจะเอื้ออำนวย

“...ชุน...ฮึก...กอด...”  ถ้อยคำร้องขอที่เลื่อนลอย  โทโมกิไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหนในตอนนี้  ทั้งหมดที่รู้คืออ้อมแขนของวายะ

โฮสต์หนุ่มฝังกายเคลื่อนไหวอยู่ในร่างของเด็กหนุ่ม  พยายามระวังเต็มที่ที่จะไม่ให้กระทบกระเทือนบาดแผล  แม้โทโมกิจะไม่แสดงอาการรวดร้าวเพราะฤทธิ์ยา  แต่ก็ใช่ว่าแผลจะดีขึ้น  จากการกระทำของเขาทำให้มีเลือดไหลซึมออกมาบ้าง...ผ้าพันแผลหมดแล้ว  และวายะไม่มีเวลาออกไปซื้อ  โทโมกิต้องการเขาเมื่อไม่มียา  และเขาคาดไม่ได้เลยว่ายาจะหมดฤทธิ์เมื่อไร  เขาจึงอยู่กับโทโมกิเสมอ...ไม่สิ  เขาเองก็ไม่รู้ว่าเวลามันหายไปไหนหมด  บางทีเขารู้สึกว่าตนแค่นั่งพักที่ข้างเตียงชั่วไม่นาน  แต่แล้วพริบตานั้นยากล่อมประสาทที่ให้โทโมกิกินก็หมดฤทธิ์  เขายังไม่ทันได้ไปไหนหรือทำอะไรเลย...ขนาดจะโทรไปลางานก็ยังไม่ได้ทำด้วยซ้ำ

แต่ไม่เป็นไรหรอก...จนกว่าแผลของโทโมกิจะหายดี  เขาจะอยู่ด้วย...และจะอยู่ไปตลอดเท่าที่โทโมกิต้องการ  ในห้องที่ไร้กาลเวลาแห่งนี้...

เสียงกริ่งหน้าประตูแทรกเข้ามาในห้วงสติอันเลื่อนลอย...ไม่หรอก  แค่หูแว่วเท่านั้นแหละ...โฮสต์หนุ่มบอกกับตัวเอง  ไม่มีใครมาที่นี่นานแล้ว  และเขาก็ไม่ได้ออกไปจากที่นี่นานแล้ว...นี่คงเป็นเสียงจากห้องข้าง ๆ เสียมากกว่า

แต่เสียงกริ่งก็ดังรัวซ้ำแล้วซ้ำอีก...หนวกหูจริง  น่าจะรู้นี่นาว่าเจ้าของห้องไม่อยู่  จะตื๊อทำไมกันนะ...วายะคิดแล้วก็จูบโทโมกิเบา ๆ

“วายะ...วายะ!”

เสียงเรียกชื่อเขาดูจะลอยมาจากที่ไกลแสนไกล  ชายหนุ่มกอดกระชับร่างบางในอ้อมกอดไว้อย่างหวงแหนด้วยสัญชาตญาณ

“วายะ!!  ฉันรู้นะว่านายอยู่!  เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!!”

เสียงที่คุ้นเคยยังคงเรียกหาเขา...ไม่ใช่ตอนนี้  อย่าเพิ่งมารบกวนเขาตอนนี้  โทโมกิยังต้องการเขาอยู่

“วายะ!!”

สิ้นเสียงตะโกนเรียกครั้งสุดท้าย  ก็ตามมาด้วยเสียงประตูลั่นโครมเหมือนถูกของหนัก ๆ กระแทก  วายะสะดุ้งเฮือก  เสียงนั้นดึงเขาหลุดจากห้วงภวังค์อันลึกล้ำ

...เมื่อกี้นี้...เสียงอะไร...!?

คำตอบตามมาเกือบจะในทันที  ประตูห้องถูกกระแทกอีกโครมใหญ่  วายะหยุดทุกการกระทำแล้วหันขวับไปตามเสียงนั้น...มีใครบางคนพยายามจะพังประตูห้องเข้ามา!!

ชายหนุ่มหันกลับมามองโทโมกิที่จ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาเลื่อนลอยและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงหยุดไปเสียเฉย ๆ

“...ชุน...?”  เสียงกระซิบแผ่วพร้อมกับมือเล็กที่ยกขึ้นแตะปลายคางครึ้มไปด้วยเคราที่ละเว้นจากการโกนแต่ง

ดวงตาคมจ้องมองคนในอ้อมกอด...โทโมกิยังอยู่ในอ้อมแขนของเขา  แต่ใครข้างนอกนั่นกำลังจะมา...มาพรากโทโมกิไป!!

ไม่...เขาไม่ให้...โทโมกิเป็นของเขา!!

โฮสต์หนุ่มได้ยินเสียงกระแทกจนประตูเปิด  เขาปิดตัวคล้องประตูไว้ก็จริง  แต่เขารู้ว่าใครข้างนอกนั้นจะต้องเข้ามาได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง...คนที่อยู่ข้างนอกไม่ใช่แค่คิริฮาระ  นายแบบหนุ่มคนนั้นพังประตูห้องของเขาไม่ไหวหรอก...จะต้องมีคนอื่นอีก  คนอื่นที่สามารถรุกล้ำเข้ามาในโลกของเขาได้  และเมื่อถึงตอนนั้นเขาจะต้องสูญเสียโทโมกิไป

วูบหนึ่งในอนุสติ  ความรู้สึกหนึ่งที่วายะพยายามลืมมาตลอด  ปะทุขึ้นมาในใจราวกับภูเขาไฟระเบิด...จะต้องสูญเสียอีกแล้วหรือ...จะต้องสูญเสียคนที่ต้องการไปตลอดกาลอีกแล้วหรือ...เหมือนกันเมื่อตอนนั้น...


...รันจัง...

...คุณเป็นใคร...


ดวงตาสีดำขลับที่จ้องมองมาอย่างไร้ร่องรอยของความคุ้นเคย...ความห่างเหินที่ไม่เคยสัมผัส...พลันภาพนั้นก็ทับซ้อนเข้ากับโทโมกิ

พอออกจากที่นี่ไป  สักวันโทโมกิจะลืมเลือนเขา  สักวันโทโมกิจะมองเขาด้วยสายตาของคนแปลกหน้า...ถ้าจะต้องถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นอีกครั้ง  เขาต้องทนไม่ได้แน่...เขาจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร...ถ้าถูกมองแบบนั้น...

...ไม่!...เขาจะไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้น  มันจะต้องไม่มีวันเกิดขึ้น...จะต้องไม่มีวันที่โทโมกิจะมองเขาแบบนั้น  เขาจะไม่ให้มันเกิดขึ้น...โทโมกิจะต้องอยู่กับเขา...เป็นของเขาไปตลอดกาล!!

เสียงปืนลั่นเปรี้ยงขึ้นนัดหนึ่ง  ตามมาด้วยเสียงประตูเหวี่ยงเปิดเต็มแรงจนกระแทกผนังห้อง  วายะกดร่างในอ้อมแขนลงกับเตียง...โทโมกิจะเป็นของเขาไปตลอดกาล!

มือแกร่งคว้าเข้าที่ลำคอเพรียวบางแล้วกดบีบ  ร่างเพรียวกระตุกเฮือกด้วยตกใจกับการกระทำที่ไม่คาดคิดของชายหนุ่ม  มือเล็กคว้ามือของวายะไว้เพื่อหยุด  แต่ไม่เป็นผลอะไร...วายะเป็นอะไรไป...ทำไมถึงทำอย่างนี้!?

“...ชุ...น...”

เสียงเรียกแทบจะไม่หลุดพ้นลำคอ  มือแข็งราวกับคีบเหล็กยังกดเกร็งลงบนลำคอของโทโมกิแน่น...และแน่นขึ้นทุกขณะ...เด็กหนุ่มลมหายใจขาดห้วง

...วายะจะฆ่าเขา...มันเรื่องอะไร...ทำไม...

คำถามต่าง ๆ ไม่หลุดออกมาจากปาก  มีเพียงแววตาที่จ้องมองไปเท่านั้น...ทำไมถึงมองเขาด้วยแววตาน่ากลัวแบบนั้น...เขาทำอะไรผิด  ทำไมวายะถึงจะฆ่าเขา...ไม่มีคำตอบนอกจากมือที่บีบรวบเข้ามาราวกับจะหักคอของเขาทิ้งเสีย

ร่างบางกระตุกเกร็ง  มือเรียวจิกทึ้งแขนของชายหนุ่มเพื่อเอาชีวิตรอด  แต่ไม่มีทางเลย...เขาหยุดวายะไม่ได้...หยาดน้ำใส ๆ ไหลรินออกจากสองตา  ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น  เมื่อกี้วายะยังกอดเขาอ่อนโยน...ยังกระซิบข้างหูอย่างอ่อนหวาน...แล้วนี่อะไร...

...ยังไม่อยากตาย...โทโมกิกรีดร้องอยู่ในใจ  เขายังมีอะไรที่อยากทำอีกเยอะ  เขายังอยากไปทะเล  ยังอยากไปเทศกาลดอกไม้ไฟ  อยากลองขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่เคยไปด้อม ๆ มอง ๆ ไว้...แต่วายะกำลังจะช่วงชิงทุกอย่างไปจากเขา  ถ้าตายตอนนี้เขาจะไม่ได้ทำสิ่งเหล่านั้นอีก...แต่ทำอะไรไม่ได้เลย...ทุกอย่างกำลังจะจบสิ้นลงตรงนี้แล้ว

สติกำลังจะหลุดลอยไปพร้อมลมหายใจ  ในสำนึกสุดท้ายของโทโมกิเขากระสากลิ่นอายที่คุ้นเคย...กลิ่นหอมเย็นของน้ำหอมที่วายะใช้เป็นประจำ  เจือมาด้วยกลิ่นบุหรี่อ่อน ๆ...กลิ่นที่มักจะโอบล้อมเขาไว้ด้วยความเร่าร้อน...กลิ่นที่โอบกอดเขาอย่างอ่อนโยนเสมอใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน...

ในตอนนี้...กลิ่นอายนี้กำลังจะฆ่าเขา...!!

...คนเดียวในโลกที่ต้องการเขา  กำลังจะฆ่าเขา...

...ทำไมต้องเป็นชุนด้วย!?...

ภาพตรงหน้ามืดลงทุกขณะ  โทโมกิมองไม่เห็นใบหน้าของวายะอีกแล้ว...หากในตอนที่ความมืดเข้าครอบคลุมทุกอย่าง  หยาดน้ำอุ่น ๆ หยดหนึ่งก็ตกลงต้องแก้มของเขา

ริมฝีปากของร่างบางขมุบขมิบเป็นครั้งสุดท้าย  แม้ไม่มีเสียงจะเอื้อนเอ่ย  หากกังวานก้องไปในหัวใจ


...ชุน...

...
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 03-02-2012 22:51:38
“วายะ!  ปล่อยเด็กซะ!!”

เสียงหนึ่งตะโกนก้อง  พร้อมกับแรงเหนี่ยวกระชากที่ดึงไหล่ของโฮสต์หนุ่มเต็มแรงจนผงะออกจากร่างที่คร่อมทับอยู่  สองมือหลุดจากลำคอเพรียวบางที่กำรวบไว้และเสียหลักลงมากองกับพื้นห้อง

“ทำบ้าอะไรของแก!?”  อีกเสียงตวาดกร้าว  เท้าที่ยังสวมรองเท้าเตะเข้าที่กลางลำตัวของวายะเต็มแรงก่อนจะก้าวข้ามเขาไป

“ยังไม่ตายครับ!”  เสียงแรกตะโกนด้วยเสียงอันดัง

ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย  วายะยังมึนงง  ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรลงไป...แล้วใครกันที่เข้ามาโวยวายอยู่ในห้องของเขา

“โทโมะ...”

จิตใต้สำนึกบอกเขาแค่นั้น  ชายหนุ่มยันกายขึ้นแล้วถลาไปที่เตียง  แต่ก็ถูกแขนแกร่งกันไว้แล้วสะบัดตบเต็มแรงจนทรุดลงไปอีกครั้ง  คราวนี้วายะรู้ชัด...คนพวกนี้จะมาเอาโทโมกิไป!!

“อย่านะ!!”  วายะตวาดลั่น  ถลันลุกขึ้นอีกครั้ง  แต่มือแข็ง ๆ ของผู้ชายหลายคนกดเขาให้นั่งลงตามเดิม  เท้าของใครบางคนถีบเข้าที่ท้อง  จุกจนร้องไม่ออก

“แกนั่นแหละ  อย่า”  เสียงที่ตอบมาสุขุมเยือกเย็น

...เสียงที่คุ้นเคย...ใคร...?

วายะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง  ภาพตรงหน้าเป็นเงาดำตัดกับแสงไฟกลางห้อง  หากร่างเงานั้นคุ้นตา...ไม่ผิดแน่  โอโนเสะ  ฮิซาโนบุ  เจ้านายสูงสุดของเขา

โอโนเสะเอื้อมมือมาขยุ้มเรือนผมสีทองของวายะ  จิกดึงให้แหงนเงยหน้าขึ้น

“แกทำอะไรเด็กคนนี้?”  เบื้องหลังคำถามราบเรียบยังมีเสียงใครบางคนวุ่นวายกับการโทรศัพท์

...เด็กคนนี้...หมายถึงโทโมกิเหรอ...

วายะไม่ได้ตอบในทันที  เขาถามตัวเอง...นี่มันเรื่องอะไรกัน...ทำไมโอโนเสะถึงมาอยู่ที่นี่...แล้วทำไมถึงถามเรื่องโทโมกิ...แล้ว...เกิดอะไรขึ้นกับโทโมกิ...

“โทโมะ...!?”  ชายหนุ่มหันไปทางเตียง

ร่างเล็กบางยังนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น  ดวงหน้าซีดเผือด  ดวงตาปรอยปรือยังมีน้ำตาไหลริน...เกิดอะไรขึ้นกับโทโมกิ...เขาทำอะไรลงไป!?...

“ท่านประธานครับ  ท่าจะแย่กว่าที่คิด”  เคนหันมาบอกโอโนเสะ

ประธานของลูนาติก  ลัสท์ผละจากวายะไปดูอาการของคนที่นอนอยู่บนเตียง  มีรอยเลือดซึมอยู่บนผ้าปูที่นอนใต้ไหล่ซ้าย  โอโนเสะค่อย ๆ พลิกร่างนั้นขึ้นแล้วเบิกตากว้าง  เขาให้เคนประคองเด็กหนุ่มไว้แล้วหันมาหวดกำปั้นเข้าที่ใบหน้าของวายะเต็มแรง  เลือดไหลปรี่ออกมาจากมุมปากทันที

“แกทำบ้าอะไร  วายะ?”  เสียงของโอโนเสะยังคงราบเรียบ  แต่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดซ่อนอยู่ในนั้น

วายะไม่ตอบหากก้มหน้านิ่ง...คนที่จะพาโทโมกิไปคือโอโนเสะงั้นหรือ...

“เด็กตัวแค่นั้น...แกทำถึงขนาดนั้นเชียวเรอะ!?”  กำปั้นของโอโนเสะซัดเปรี้ยงเข้าอีก  หากไม่มีคนจับเอาไว้โฮสต์หนุ่มคงลงไปกองกับพื้นเป็นแน่

ไม่เคยมีใครเห็นโอโนเสะเดือดดาลถึงขนาดนี้  แม้แต่ยามานากะเองก็ยังถือหูโทรศัพท์ค้างไปชั่วขณะ  ก่อนจะตั้งสติได้

“ท่านประธานครับ  ผมบอกให้ทางโรงพยาบาลเตรียมพร้อมไว้แล้ว  เราพาตัวไปได้เลยครับ”

โอโนเสะพยักหน้ารับรู้  มือแกร่งกระชากผมวายะให้เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง  “แกจะได้รับการลงโทษที่สาสมแน่  วายะ”

พูดแล้วก็ผละจากโฮสต์หนุ่มไปข้างเตียง  ควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาสอดเข้าไปใต้แผลของร่างเล็กที่มีเลือดไหลซึมออกมาก่อนจะโอบอุ้มขึ้นมาอย่างเบามือ  เคนหยิบเสื้อเชิ้ตที่กองอยู่บนเตียงคลุมร่างนั้นให้

“ฉันจะพาเด็กคนนี้ไป  ส่วนแก...เตรียมใจรับโทษทัณฑ์ของแกให้ดี  ฉันจะกลับมาจัดการทีหลัง”

โอโนเสะก้าวออกไปจากห้อง  วายะมองตามร่างนั้นไป...โทโมะ...โอโนเสะเอาโทโมะของเขาไปแล้ว...ไม่!  เขาไม่ให้!!...โทโมะเป็นของเขา!!

“โทโมะ!!”  วายะสะบัดร่างหลุดจากการจับยึด  แล้วถลาตามไป  “เอาคืนมา!!”

เคนผู้เป็นบอดี้การ์ดของโอโนเสะเตรียมพร้อมรับอยู่แล้ว  เขาคว้าแขนของโฮสต์หนุ่มไว้  หมุนตัวบิดแล้วจับทุ่มเต็มแรง  เพียงครั้งเดียวก็จอดไม่ต้องนับ  หากวายะยังคงพยายามเอื้อมมือไปหา  แต่ก็ถูกผู้ติดตามของโอโนเสะจับล็อกไว้พร้อมทั้งจ่อด้วยปืน

...ไม่นะ...อย่าเอาโทโมกิไปจากเขา...อย่าพรากโทโมกิไปแบบนี้...

วายะตะโกนสุดเสียง

“โทโมะ...โทโมะ!!”

โอโนเสะไม่ได้สนใจหันกลับไปมอง  หากก็เห็นร่างในอ้อมแขนหลั่งน้ำตาออกมาเงียบ ๆ  ริมฝีปากขมุบขมิบน้อย ๆ เหมือนจะขานตอบเสียงเรียกนั้น


...ชุน...

...

สายโซ่สีเงินดูเก่าคร่ำเส้นใหญ่ขึงติดอยู่กับหมุดล็อกบนเพดานลากโยงมายังข้อมือที่ถูกสวมไว้ด้วยกุญเจมือ  ผิวหนังบริเวณที่มันสัมผัสถลอกเป็นแผลเลือดซิบ  แต่นั่นแค่แผลเล็กน้อยเมื่อเทียบกับร่องรอยบนร่างแกร่งหนาที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อได้รูป  ส่วนมากแล้วคือรอยเฆี่ยน  แต่เป็นการเฆี่ยนอย่างไม่ออมแรงจนแตกยับไปทั้งตัวด้วยแส้หนังแท้และแส้เชือกที่ขมวดปมไว้ตรงปลาย  นอกจากนั้นก็ยังมีรอยฟกช้ำดำเขียวเปรอะไปทั่วท่อนบนเปลือยเปล่า  ท่อนล่างของร่างที่ถูกพันธนาการคือกางเกงหนังขายาวเข้ารูปชวนอึดอัด  สองขาถูกล่ามขึงกับโซ่ที่ร้อยไว้กับห่วงเหล็กซึ่งยึดติดอยู่บนพื้นปูน  บังคับให้ต้องยืนแยกขาทั้งที่ปลายเท้าแตะพื้นเพียงน้อยนิด  หากเอวกางเกงหนังนั้นกลับปลดกระดุมและรูดซิปออกเผยให้เห็นส่วนกลางกายชูชันเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาลึกล้ำ  และสิ่งที่ติดอยู่ตรงส่วนปลายยอดคือห่วงเงินขนาดย่อม...สิ่งที่เชื่อมอยู่กับห่วงเงินนี้ฝังอยู่ในช่องทวารเบา

เรือนผมสีทองระปรกลงมาปิดบังใบหน้าที่ก้มนิ่ง  คิ้วคมขมวดมุ่นอย่างพยายามจะระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในกาย  แต่ก็ไม่สู้จะเป็นผลนัก  ด้วยอารมณ์นั้นเกิดขึ้นเพราะฤทธิ์ยา  ฟันเรียบกัดลงกับท่อนยางที่สอดค้างไว้ในปากเพื่อปิดกั้นเสียงร้อง  แต่ถึงจะไม่ทำอย่างนั้น  ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะร้องอยู่แล้ว...ถึงจะเป็นครั้งแรกที่ถูกทรมานแบบนี้  แต่เรื่องเจ็บตัวมักจะเกิดกับเขาบ่อย ๆ อยู่แล้ว  จะเรียกว่าภูมิต้านทานก็ไม่ผิด...เพียงแต่การถูกกระตุ้นค้างไว้แบบนี้มันสุดขีดของความทรมานจริง ๆ

แล้วประตูห้องอันเรียกได้ว่า  “ห้องขัง”  ก็เปิดออก  ผู้ที่ถูกพันธนาการไว้เงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนผ่านม่านผม  เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็พ่นลมออกจมูกเหมือนจะหัวเราะ

ร่างสูงเพรียววางถาดอาหารลงบนเตียงที่ไม่เคยถูกใช้งานนับตั้งแต่  “นักโทษ”  ถูกพาเข้ามาในห้อง  เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วค่อย ๆ ปลดขลุมปากออกให้

“สบายดีหรือเปล่า  วายะ?”

“วันนี้เป็นแกเหรอ  คิริยู?”  เสียงแหบเหือดถามกลั้วเสียงหัวเราะเบา ๆ ทันทีที่ปากเป็นอิสระ

“ก็เป็นฉันแทบทุกวันอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง?”  คิริฮาระยักไหล่  โยนท่อนยางนั้นลงบนเตียงอย่างไม่ใส่ใจ  นิ้วเรียวเชยคางที่ครึ้มไปด้วยเคราขึ้น  “วันนี้เขาให้ฉันมาอาบน้ำหมา  ว่าง่าย ๆ หน่อยล่ะ”

“หึ...ยังกับฉันจะทำอะไรแกได้นี่”

“นั่นสินะ  ต่อให้อยากทำก็ทำไม่ได้”  เรียวนิ้วไล้ลงไปยังแผ่นอกที่เต็มไปด้วยรอยช้ำ  “ฉันก็ไม่ได้อยากมาอาบน้ำให้แกนักหรอกนะ  แต่เดี๋ยวมันจะเน่าไปมากกว่านี้”

วายะเพียงแต่ยิ้มกับคำพูดนั้น  คิริฮาระมักจะใช้คำพูดได้เหมาะสมกับบทบาทอยู่เสมอ...ในตอนนี้เขาเป็นทาส  และคิริฮาระเป็นเจ้านาย

“ยิ้มอะไร?”  คิ้วเรียวขมวดอย่างขัดใจ

“เปล่า”

“อยู่สภาพนี้มาสามวันแล้วยังอารมณ์ดีอยู่อีกนะ  เพิ่งรู้ว่าแกเป็นมาโซ”  ว่าพลางก็ขยี้ปลายนิ้วลงบนยอดอก  ทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก

“ก็ดีกว่าอยู่ในห้องคนเดียว”

คิริฮาระจ้องเข้าไปในดวงตาคม  ดวงตาคู่นั้นจ้องตอบอย่างไม่มีแววหวั่นไหว  นั่นคือดวงตาที่นายแบบหนุ่มคุ้นเคยมานานปี  วายะมองโลกด้วยดวงตาแบบนี้อยู่เสมอ...ยกเว้นวันนั้น...วันที่โอโนเสะพาคนบุกไปถึงห้องของวายะเพื่อช่วยใครบางคนออกมา  ในวันนั้นเขาได้เห็นดวงตาที่เลื่อนลอยไร้สติ...ดวงตาของคนที่สูญเสียความหมายของการมีชีวิตอยู่

“...ฉันมีเรื่องอยากถามนายเยอะเลย”  คิริฮาระพูดขึ้นเบา ๆ  เปลี่ยนสรรพนามเป็นเหมือนอย่างที่เคยใช้อยู่เสมอ
หัวข้อ: Re: All I want # 9 (NC17) อัพเพิ่ม 27/1/55 หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 03-02-2012 23:01:26
“ก็ถามสิ  นายไม่เคยเกรงใจอยู่แล้วนี่”  วายะยิ้มบาง ๆ

“อืม...”  นายแบบหนุ่มผละไปหยิบผ้าเย็นที่วางอยู่บนถาดอาหารมาสะบัดคลี่  แล้วกลับมาเช็ดไปตามใบหน้าของวายะช้า ๆ  “เด็กคนนั้น...เป็นใคร?”

“...โทโมะ”  คำตอบห้วนสั้น  หากคิริฮาระรู้สึกได้ถึงแรงสะท้านบางอย่างที่ออกมากับเสียงนั้น  “เป็นแมวที่เก็บมาเลี้ยง”

“เรียกเขาแบบนั้นเหรอ?”

“ชื่อนี้แหละ”  จะว่าตามตรง  วายะจำชื่อจริงของเด็กคนนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ  จะโทโมกิหรือโทโมยะก็ไม่แน่ใจนัก

“นายมันชอบตั้งชื่อใหม่ให้คนนั้นคนนี้ไปเรื่อย  ฉันเองก็ไม่ได้ชื่อคิริยูซะหน่อย”  คิริฮาระส่ายหน้า  ค่อย ๆ เช็ดลงมาตามซอกคอชื้นเหงื่อ  “ไปเก็บมาจากไหน...ใช่อย่างที่โทคิโตะว่าหรือเปล่า?”

“อืม...”  นั่นคือคำตอบรับเมื่อไม่อยากพูดอะไรมาก

“แล้ว...”  คิริฮาระรู้สึกอึดอัดที่จะถามคำถามนี้  แต่เขาก็อยากรู้  “...ทำไมถึงทำขนาดนั้น?”

“อยากได้”

“แค่นั้น!?”

“ต้องมีอะไรมากกว่านี้อีกเรอะ?”

นายแบบหนุ่มจ้องตาวายะอีกครั้ง  จริง...ไม่จำเป็นต้องมีอะไรมากกว่านั้น  วายะมีวิธีการของตัวเองถ้าคิดจะครอบครองอะไรสักอย่าง  แต่เขาไม่เคยคิดว่าการต้องการเด็กสักคนจะทำให้วายะใช้วิธีการที่โหดร้ายถึงเพียงนั้น...นั่นมันเกินกว่าที่เขาเคยถูกกระทำมาเมื่อตอนเป็นเด็กด้วยซ้ำ  แม้จะเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ  แต่เขาก็ไม่เคยถูกกักขังและทรมานแบบนั้น...วายะก็รู้เรื่องนี้ดี  แล้วทำไม...คนที่เขาเชื่อใจเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง  ถึงได้ทำกับเด็กตัวเล็ก ๆ แบบนั้นได้

วายะพอจะเข้าใจความรู้สึกของคิริฮาระ  ก็ไม่แปลกที่ชายหนุ่มจะสูญเสียความเชื่อใจในตัวเขา  เจ้าเสือร้ายที่ไม่เคยเป็นของใครคนนี้มีจุดอ่อนเพียงข้อเดียว  คือถ้าเชื่อและไว้วางใจใคร  ก็จะเชื่อจนหมดหัวใจ...และตอนนี้  เขาได้ทำลายความเชื่อมั่นที่คิริฮาระมีให้ไปแล้ว  โดยไม่มีข้อแก้ตัว...ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่มองมาสับสนและหวั่นไหว...เหมือนเมื่อตอนพบกันครั้งแรกไม่มีผิด...ถ้าไม่ได้ถูกพันธนาการไว้อย่างนี้ก็อยากจะกอดคนตรงหน้าอยู่หรอก  แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ต้องการก็เถอะ

“...โทโมะเหมือนนาย”

“เอ๊ะ?”

“แมวดื้อที่ไม่มีวันเป็นของใคร”

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนไหวระริก  ด้วยคำพูดนั้นทำให้วายะเหมือนคนแปลกหน้า...วายะไม่เคยพูดกับเขาแบบนี้  ไม่ว่าเมื่อไร  แม้แต่ในตอนที่เขาตกต่ำถึงขีดสุด  วายะก็ไม่เคยมองเขาด้วยสายตาแบบอื่น...แต่ในตอนนี้  แววตาที่เขาคุ้นเคยกลับดูแตกต่างออกไปเมื่อวายะเอ่ยคำนั้นออกมา...ในหัวใจสั่นไหวจนต้องหลบตา

“...ขอโทษ”

“จะขอโทษทำไม  การที่นายจะมีเจ้าของ  ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องขอโทษหรอกนะ”  โฮสต์หนุ่มยิ้ม  “ว่าแต่...อาบน้ำนี่มีบริการโกนหนวดด้วยมั้ย  รำคาญเต็มทีแล้ว”

“อย่ามาเรียกร้องนะ  ไอ้หมาบ้า”  คิริฮาระผลักอกที่กำลังเช็ดอยู่ทันที  “จะให้เชือดซะเลยมั้ยล่ะ  เดี๋ยวจะทำให้”

“หึ...ค่อยสมเป็นแกหน่อย  กล้าเชือดก็ลองดูสิ”  ร่างสูงยิ้มอย่างท้าทาย...ใช่  คิริยูของเขาต้องเป็นแบบนี้  ไม่ใช่ทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้อย่างเมื่อกี้

“ได้ตามคำขอ  แล้วอย่ามาร้องก็แล้วกัน”  คิริฮาระผละไปหยิบมีดโกนที่เตรียมมาด้วย  แล้วเดินกลับมาหา  “เอาสักกี่แผลดี?”

“เอาแบบไม่เสียโฉมแล้วยังเป็นโฮสต์ต่อได้น่ะ”

“หึ...เรื่องมากนักนะ”

นายแบบหนุ่มขยับกายเข้าหาวายะ  แทรกต้นขาเข้าไปกดเบียดส่วนกลางกายที่ยังชูชันอยู่  แล้วก็ได้ยินเสียงร่างสูงครางอย่างสะกดกลั้น  คิริฮาระยิ้มกับตัวเอง...อารมณ์เปลี่ยวในจิตใต้สำนึกของเขาถูกปลุกขึ้นมาแล้ว...ไม่บ่อยครั้งหรอกนะที่เขาจะได้ควบคุมวายะไว้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้  โอโนเสะบอกให้เขาลงมือให้เต็มที่และอนุญาตให้ทำตามใจชอบทุกอย่าง...เพราะงั้นเขาจะไม่ปฏิเสธโอกาสดีแบบนี้หรอกนะ

มีดโกนแบบใบมีดเดี่ยวค่อย ๆ แตะลงตรงสันกรามได้รูปตามแบบฉบับชายฉกรรจ์  นิ้วเรียวควบคุมใบมีดให้ครูดลงบนผิวของวายะช้า ๆ  จงใจขูดให้แสบ ๆ คัน ๆ บ้างเป็นบางครั้ง...คิริฮาระไม่เคยใช้มีดโกนแบบนี้โกนหนวดหรอก  ในเมื่อมีมีดโกนที่สะดวกกว่านี้แล้วจะมาเสียเวลาระวังมีดบาดทำไม...แต่พอเอามาใช้กับคนอื่นนี่ก็ให้ความหวาดเสียวถึงใจดีเหมือนกันแฮะ

ร่างเพรียวหัวเราะเบา ๆ เมื่อแกล้งเบียดต้นขาเข้าคลึงส่วนกลางกายจนวายะสะดุ้งและถูกมีดบาดเป็นแผล  คิริฮาระจูบเลียเลือดให้เบา ๆ ก่อนจะครูดใบมีดมาจนถึงใต้คาง

“เชือดคอหอยไปเลยดีมั้ย?”  ไม่พูดเปล่ายังแกล้งลากใบมีดผ่านจนเกิดแผลบาง ๆ มีเลือดไหลซึมออกมา

“เชือดฉันแล้วแกจะเสียใจ  เวลาติดสัดขึ้นมาใครจะช่วย”

“หึ!  ทำเป็นพูดดีไป  คราวก่อนแกก็ไม่ได้ช่วยไม่ใช่หรือไง!?”  คิริฮาระแหวเข้าให้แล้วผละออกห่าง  เรียวนิ้วเกี่ยวเข้ากับที่ห่วงโลหะที่ติดอยู่กับท่อทวารเบาของร่างสูงแล้วกระตุกดึง  ลูกปัดโลหะสีเงินหลุดออกมาตามแรงดึงนั้นพร้อมกับหยาดน้ำเหนียวใส

“อึ๊!!”  วายะสะดุ้งเกร็งท้องน้อยวูบ

“เป็นไง  ชอบมั้ย  มันคาอยู่ในนี้มาตั้งแต่เมื่อวานใช่หรือเปล่า  เดี๋ยวฉันจะเอาออกให้ดีมั้ย?”  พูดพลางก็ค่อย ๆ ลากลูกปัดพวกนั้นให้หลุดออกมาทีละเม็ด

“อึ่ก...อ๊ะ!”  สัมผัสของลูกปัดที่ครูดส่วนลึกล้ำภายในนั้นสุดจะทานทน  ปฏิกิริยาของร่างกายที่อยู่เหนือการควบคุมของจิตใจหลั่งออกมาเป็นหยาดน้ำหยดเป็นสายลงบนพื้น  เขาอาจจะทนได้มากกว่านี้ถ้าไม่ถูกฉีดยาปลุกเซ็กส์เข้าไปก่อนหน้านั้น

แล้วคิริฮาระก็หยุด  วายะถึงกับหอบฮักกับการกระทำนั้น

“โอโนเสะซังให้ฉันมาอาบน้ำให้แก  ไม่ได้บอกให้เอาไอ้นี่ออก  งั้นคาไว้ก่อนแล้วกันนะ”

วายะรู้ดีว่านายแบบหนุ่มจงใจแกล้ง  ถึงพวกเขาจะมีความรู้สึกที่ใกล้ชิดกันเพียงไหน  แต่ในช่วงเวลาแบบนี้  สันดานดิบของคิริฮาระจะทำงานเต็มที่จนไม่สนใจอะไรนอกไปจากความเพลิดเพลินของตน  ชายหนุ่มได้แต่ยืนนิ่ง ๆ ให้คิริฮาระจัดการโกนหนวดเคราให้จนเสร็จ  ผ้าเย็นที่เช็ดไปตามใบหน้าอย่างไม่ปรานีปราศรัยไม่ได้ทำให้เขารู้สึกแย่ไปกว่าสายสร้อยลูกปัดที่คาอยู่ตรงจุดไวสัมผัส  ทุกครั้งที่คิริฮาระไปโดนมันจนขยับแกว่ง  วายะก็เจียนคลั่ง

“ให้ตายสิ  เป็นหมาที่สกปรกจริง ๆ  ดีนะที่เตรียมผ้ามาหลายผืน”  คิริฮาระแสร้งบ่นพลางจูบเบา ๆ ที่แผลเล็ก ๆ บนแก้มของวายะ

“ถ้าจะจูบละก็...ที่ปากดีกว่านะ”  ร่างสูงบอกออกไปทั้งที่ยังกัดฟันกลั้นอารมณ์ไว้

มือเรียวสะบัดตบแก่นกายของชายหนุ่มทันที  ดวงตาวาววาบ  “อย่ามาพูดกับฉันถ้าฉันไม่ได้ถาม  เจ้าหมาสกปรก”

วายะกัดกรามกรอด  ทรมานจนแทบจะทนไม่ไหว  แต่ด้วยทิฐิเขาจึงไม่ปริปากแม้แต่น้อย  คิริฮาระยังคงใช้ผ้าเช็ดไปตามร่างของเขา  ทุกสัมผัสทั้งกลั่นแกล้งและยั่วยวน  ปลุกกระตุ้นเร้าอย่างชำนาญเชิง...ถ้ายังเป็นอิสระ  เขาคงจับคนตรงหน้านี่ขย้ำแน่  แต่ในตอนที่หมดทางขัดขืนแบบนี้  ชายหนุ่มได้แต่ทน...คิริฮาระเป็นผู้คุมที่ยอดเยี่ยมซึ่งโอโนเสะส่งมาเพื่อทรมานเขาโดยเฉพาะ  เพราะรู้ว่าคิริฮาระจะทารุณเขาอย่างไม่ออมมือ  แต่ในขณะเดียวกันก็จะไม่ล้ำเส้นไปมากนัก

ผ้าเย็นที่กรุ่นด้วยกลิ่นหอมจาง ๆ นั้นวายะรู้ดีว่ามันมีส่วนผสมของยาปลุกเซ็กส์ด้วย  ตลอดหลายวันมานี่โอโนเสะสั่งให้กระตุ้นเขาไว้ตลอดเวลาจนร่างกายแทบไม่ได้พัก  ความต้องการทางเพศรบกวนเขาอยู่ตลอด...แต่ทั้งที่กระหายอยาก  กลับไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ...หากบางทีก็นึกสงสัย  หลังจากที่ยั่วยวนเขาแล้ว  คิริฮาระไประบายออกกับใคร

“ตรงนี้มันเหมือนจะระเบิดได้เลยนะ”  นายแบบหนุ่มลูบไล้ร่างที่แข็งขึงราวกับท่อนไม้พลางหัวเราะคิก  “ฉันรู้ว่านายอยากเข้ามาในตัวฉัน  ใช่มั้ย?”

“ไม่สักนิด”  คำตอบนั้นตรงข้ามกับหัวใจ...ไม่สิ  บางทีเขาอาจจะไม่ได้อยากทำกับคิริฮาระจริง ๆ ก็ได้

“อา...นั่นสินะ  ไม่อยากทำ  แต่ถ้าแบบนี้คงอยากจะทำขึ้นมาบ้างละมั้ง”

ร่างเพรียวถอดเสื้อคลุมที่สวมไว้ออกเผยให้เห็นอาภรณ์ภายในซึ่งเป็นชุดที่ทำจากสายหนังสีดำมันรัดรึงไปบนร่าง...เป็นชุดที่ออกแบบมาสำหรับรับบทเป็นทาสโดยเฉพาะ  นายแบบหนุ่มดึงโซ่ที่ร้อยติดกับปลอกคอของตนไปพันรอบคอร่างสูง

“เสียดายนะ  ที่คนแต่งชุดนี้ให้ฉันไม่ใช่แก...รู้สึกเป็นไงบ้าง  ที่ถูกทาสของคนอื่นควบคุมน่ะ”

นั่นคือการหยามศักดิ์ศรี  แม้จะไม่ได้มีข้อกำหนดตายตัว  แต่สำหรับพวกเขาที่ใช้ชีวิตอยู่ในวงการนี้แล้วรู้ดี  เครื่องแต่งกายจะถูกเลือกใช้ให้เหมาะกับบทบาทที่จะแสดงในแต่ละครั้ง  ในกรณีของวายะกับคิริฮาระแล้ว  มักจะใช้ชุดที่มีลักษณะกลาง ๆ ไม่ระบุชัดว่าเป็นทาสหรือเจ้านาย  แต่เมื่อไรที่ระบุบทบาทชัดเจน  เสื้อผ้าก็จะเปลี่ยนไปตามนั้น...หากในครั้งนี้  โอโนเสะจงใจย่ำยีวายะโดยตรงด้วยการส่งคิริฮาระมาให้เขาในบททาส...กดให้เขาต่ำเสียยิ่งกว่าทาส...เป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยงที่ไร้เขี้ยวเล็บเท่านั้น

“ฉันไม่รังเกียจชุดทาสนี่หรอกนะ  แต่ก็ไม่คิดเลยว่าเวลาที่ใส่ชุดแบบนี้แล้วได้ควบคุมคนอื่น...มันจะรู้สึกสุดยอดขนาดนี้”  คิริฮาระกระซิบพลางเบียดกายเข้าหา  ดึงสายโซ่ให้รัดลำคอของวายะแน่นเข้า  ยกขาขึ้นเกี่ยวก่ายกับโคนขาแกร่ง  เบียดส่วนกลางกายของตนเข้าถูไถกับร่างไวสัมผัสที่ถูกพันธนาการไว้  ริมฝีปากบางแนบลงกับเรียวปากที่เม้มแน่น  แลบลิ้นไล้เลียอย่างยั่วเย้า  หากพออีกฝ่ายพยายามจะครอบครอง  กลีบปากบางนั้นก็ผละออก

“ทรมานให้คลั่งตายซะเถอะ  วายะ  แกจะไม่ได้ทำอย่างที่แกอยากจนกว่าจะพ้นโทษนั่นแหละ”

ร่างเพรียวถูไถสะโพกกดเบียดเข้ากับร่างที่ไม่มีทางได้แตะต้องเขา  ใช้ร่างสูงสร้างความเพลิดเพลินให้ตนเอง  กระซิบถ้อยคำหยาบโลนที่ข้างหู  ยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายพยายามสะบัดดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการก็ยิ่งพึงใจ  หยาดแห่งห้วงอารมณ์หลั่งรินอาบร่างไวสัมผัสที่เสียดสีกันจนเปียกชุ่มชนิดไม่รู้ว่าเป็นของใคร  สัมผัสชุ่มลื่นยิ่งทำให้เสียดเสียว

“พอ...พอที...คิริ...”  เสียงครางด้วยความทรมานดังขึ้นที่ข้างหู

นายแบบหนุ่มหัวเราะเบา ๆ  แล้วถอยห่าง  ทอดสายตามองคนที่เครียดเกร็งไปทั้งร่างอย่างสาแก่ใจ “ถึงกับอ้อนวอนฉันเลยเหรอ  วายะ  แกไม่เคยเป็นแบบนี้นี่”

หากการทรมานยังไม่จบแค่นั้น  คิริฮาระลากเก้าอี้ไม้ที่มุมห้องมาตั้งตรงหน้าวายะแล้วเริ่มต้นเล่นสนุกกับตัวเอง

“ยิ่งเห็นแกอยู่ในสภาพนี้แล้ว  ฉันยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่เลย  รู้มั้ย วายะ  ถ้ายังไง...จะลองหลั่งทั้ง ๆ ที่ถูกอุดไว้แบบนั้นให้ฉันดูสักครั้ง  ฉันอาจจะยอมขี่แกให้ก็ได้นะ”

ภาพตรงหน้าทำให้วายะพลุ่งพล่านจนแทบคลั่ง  คิริฮาระอยู่ใกล้จนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของมือที่รูดไล้ไปบนความเปียกชื้น  เกิดเป็นสำเนียงแปลกประหลาดที่แสนกระตุ้นเร้า  นายแบบหนุ่มส่งเสียงครางเครือด้วยความกระสัน  อีกมือที่ยังว่างเคลื่อนต่ำไปเล่นสนุกกับช่องทางเร้นลับของตน

โฮสต์หนุ่มจ้องปลายนิ้วที่เคลื่อนไหวเข้าออกแล้วนึกอยากให้นั่นเป็นนิ้วของเขา...เขาจะไม่ทำอะไรอ่อนหัดแบบนั้นแน่  นิ้วของเขาจะทะลวงเข้าไปในร่างนั้น  จะขยี้คลึงจุดอ่อนไหวที่สุดของร่างนั้น  จะทำให้ดิ้นพล่านและหวีดร้อง...แต่ในตอนนี้  เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากจ้องมองมันอย่างกระสันอยาก  ยิ่งเมื่อนิ้วนั้นถูกแทนที่ด้วยดิลโด้อันเขื่องวายะก็กัดฟันกรอด  หลับตาแน่น  ส่วนกลางกายปวดหนึบไปหมด  ความเครียดขึ้งนั้นลามไปจนถึงหน้าขาและท้องน้อย  ความต้องการขมึงเกลียวอยู่ในร่างและต้องการที่จะระเบิดออกมา  หากก็ทำไม่ได้เพราะลูกปัดโลหะที่พันธนาการเอาไว้

คิริฮาระขยับของเล่นรุนแรงขึ้น  จับจ้องดูปฏิกิริยาของวายะทุกขณะ...โฮสต์หนุ่มเต็มกลั้นแล้ว  เขาได้ยินมาว่าโอโนเสะให้ยากระตุ้นอ่อน ๆ กับวายะติดกันมาหลายวัน  แต่ไม่ให้ปลดปล่อยแม้แต่ครั้งเดียว  ตอนนี้คงจะถึงขีดจำกัดแล้วกระมัง...ดูสีหน้าทรมานนั่นสิ  ดวงตาที่จ้องมาราวกับจะกัดกินเขาแดงก่ำ...เหมือนสัตว์ร้ายที่เห็นเหยื่ออยู่ตรงหน้าแต่ไม่อาจตรงเข้าขย้ำได้เพราะอยู่ในกรงขัง...ให้ตายสิ  เขาเองก็อยากถูกวายะบดขยี้เต็มทีแล้ว  หลายวันมานี้เขาได้แต่มายั่วยวนคนคนนี้แล้วไปหาทางระบายที่อื่น  แต่ก็ไม่เคยได้สมใจอยากสักเท่าไรเลย

ไม่ใช่แค่วายะหรอก...คนที่ถึงขีดจำกัดก็ตัวเขาเองด้วย

คิริฮาระคว้าสายสร้อยที่สอดคาอยู่ในร่างของวายะกระตุกดึงออกอย่างรวดเร็ว  ร่างสูงร้องออกมาคำหนึ่งพร้อมกับหยาดน้ำสีขาวขุ่นที่ทะลักพรั่งพรู  นายแบบหนุ่มไม่สนใจอาการนั้น  เขาโยนของเล่นในมือทิ้ง  ตรงเข้าไปโอบรอบคอวายะ  ยกขาขึ้นเกี่ยวก่ายและพยายามจับแก่นกายนั้นจรดเข้ากับช่องทางของตน...มันไม่ใช่ท่วงท่าที่ถนัดนัก  แต่เขาไม่สนใจ...เขาต้องการวายะ  ตรงนี้...เดี๋ยวนี้!!

แต่ก่อนจะได้ดังใจอยาก  ประตูห้องขังก็เปิดผัวะออก  ชายร่างกำยำหลายคนตรงเข้ายึดร่างของคิริฮาระไว้แล้วดึงออกห่างจากวายะ  นายแบบหนุ่มหวีดเสียงอย่างขัดเคือง  พยายามดิ้นรนต่อสู้แต่ก็ถูกพาตัวออกจากห้องไปอย่างง่ายดาย...ห้องนี้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ใครช่วยปลดเปลื้องให้ผู้ถูกคุมขัง

วายะสบถกับสวรรค์ที่ถูกพรากไปต่อหน้าต่อตา  เขาก้มหน้ากัดฟันเพื่อพยายามสะกดอารมณ์ของตัวเองอีกครั้ง  แต่ที่คิริฮาระปลุกเร้าไว้มันดูจะเกินระงับได้  ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าหัวใจตัวเองเต้นระรัว  อึดอัดในอกจนแทบจะหายใจไม่เป็นจังหวะ

แล้วใครบางคนก็เข้ามาในห้อง  กดปุ่มปล่อยโซ่ที่ขึงไว้บนเพดานให้ผ่อนลง  โฮสต์หนุ่มทรุดฮวบลงทั้งยืน  หลายวันที่ถูกพันธนาการมาทำให้เขาไร้เรี่ยวแรงจนไม่อาจยืนได้อีกต่อไป  จานอาหารถูกยกมาวางตรงหน้า  แต่วายะไม่นึกอยากอะไรทั้งนั้น...ตอนนี้เขาต้องการแค่คิริฮาระเพื่อจะปลดเปลื้องอารมณ์เปลี่ยวของตน

“วันนี้ฉันยกให้  สนุกกับตัวเองซะให้พอ”  เสียงคุ้นเคยดังขึ้น  ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองวายะก็รู้ว่าเป็นโอโนเสะ

“...หึ...มาเยี่ยมถึงคุกเลยเหรอ  พัศดี...”

โอโนเสะไม่พูดอะไร  เขาหันหลังเดินกลับไปที่ประตูห้องขัง

“ยังไม่จบแค่นี้หรอก โทษของแกยาวนานเท่าคืนวันที่แกกักขังเด็กคนนั้นเอาไว้...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น  วายะ”





(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 03-02-2012 23:54:23
สงสารวายะนะ แต่ก็ทำเกินไปจริงๆแหละ โทโมะ เพิ่งจะม.ต้น
แต่ต้องมาโดนแบบนี้ก็สมควรที่วะยะจะโดนทำโทษนะ

สงสารโทโมะมากกกก นึกสภาพที่ต้องอ๊วก และเจ็บปวดขนาดนั้น
ทนไ้ก็ถือว่าดีมากแล้วววว


ปล.จะำม่มีอ่านจนอาทิตย์หน้าเลย เรอะ ทำไงดี อ่านไปหมดแล้วอ๊าาาา
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 04-02-2012 00:07:09
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยย
อ่านไปอยากร้องไป T^T
วายะน่าสงสารถึงขนาดจะฆ่าโทโมกิเพื่อไม่ให้ใครได้ไปเลยเหรอ?
ฮือออออออออออออ
แล้วนี่ยังต้องทรมาณกับการปลุกเซ็กซ์นั่นอีก
ตายแน่ๆๆ ทรมาณๆๆๆ
ฮึก!! ต่อไปวายะจะทำยังไง ไม่คลั่งเลยเหรอ?


อ่า...คนเขียนมาอัพไวๆนะ เค้ารออยู่ๆ ^^v
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 04-02-2012 00:15:34
เข้าใจโอโนเสะ ปล่อยชุนให้ทรมานไปก่อน แล้วหนูน้อยโทโมะเป็นยังไงมั่ง ไม่บอกกันเลย
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 04-02-2012 00:32:39
อ่าาาาาาาาาาาาาาาาา โอโนเสะโหดมากกกกกกกกกกกกกกก

ที่จริงวายะก็แค่ไม่อยากเสียโทโมะไปเองนะ เพียงแต่เลือกวิธีการผิดไปหน่อย

เริ่มสงสารวายะขึ้นมาตะหงิดๆ -*-
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: chompoonut139 ที่ 04-02-2012 01:01:29
ค้าง มากมาย
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 04-02-2012 01:15:39
อ่านๆ ไปนึกว่านายเอกจะตายก่อน :a5:

แล้วเรื่องก็จบ โดนทรมานซะขนาดนั้น

แล้วนี่วายะโดนจับมาทรมาน หรือเจอของชอบกันแน่  :laugh:
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 04-02-2012 01:34:10
วายะสติหลุดไปเลยทำร้ายโทโมะเข้าให้
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 04-02-2012 09:33:35
ดราม่ากันให้พอ  :serius2: :serius2: :serius2:
ไม่ไหวแล้วสงสารทั้งสองคน
เอาโทโมะไปจากวายะแล้ว ไม่น้าาาาาาาา าา
อย่าพรากกันแบบนี้  ทำใจไม่ได้

กี่ตอนจบเอ่ย ? อยากให้จบไวๆซะแล้ว ไม่อยากรอ
ค้างคา มันติดอยู่ในใจ อยากอ่านต่อ คนเขียนทรมานเรา
555555555555

ขอบคุณมากๆนะค่ะ // คนเขียนหนีเที่ยว :P 5555555555
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 04-02-2012 09:35:57
เอาโทโมะไปแล้ววายะจะโดนอะไรอีกนะ
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 04-02-2012 09:47:38
ฮือๆ แล้วทีนี้โทโมะจะเปงยังไงอ่าา   :sad4:
รึที่เกลียดชุนก็เพราะตอนนั้นอ่ะ  :z3:
รอตอนต่อไปฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 04-02-2012 10:48:10
เค้ามาเม้นต์ตอน10ก่อน

คือตอนนี้ไม่รู้จะบอกความรู้สึกยังไงดี

คือกับโทโมะน่ะ สงสารอยู่แล้ว แต่ว่าวายะนี่สิ ทั้งสงสารทั้งสมน้ำหน้าเลยล่ะ

งั้นสงสารตัวเองละกัน มีสองตอนอยู่ตรงหน้า แต่ต้องเก็บไว้อ่านทีหลัง กระซิกๆ
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 04-02-2012 10:55:14
โทโมะ  วายะ  เลือกสงสารใครดี?  คิดๆดูตามปกติต้องสงสารนายเอกของเรื่องสิเนอะ
ตอนหน้าขอน้องโทโมะนะคร้าบบบบบบ   อิตาวายะปล่อยให้ทรมานไปเถอะ -_-
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 04-02-2012 14:13:14
สงสารวายะอ่ะ T^T
สงสารโทโมะด้วย โอ๊ยยยยยยยยยยย ป่านี้จะเป็นยังไงมั๊ง
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 04-02-2012 15:31:22
สนุกมากกกกกกกกกกกกก



ชอบว๊ากกกก



ว่าแต่โทโมะเป็นไงบ้างละเนี้ยย
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 04-02-2012 15:48:29
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
อย่าเอาโมะกิไปจากวายานะ
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: greentea2598 ที่ 04-02-2012 16:10:09
แรกเดิมที สงสารโทโมะนะฮะ แต่ตอนนี้สงสารวายะเว้ยเฮ้ย !! แมร่งงงง!! จิตทั้งเรื่องจิงๆ กร๊ากกกกก~~~ :z3: :z3:
แต่ก็นะ NC ทุกตอน เยี่ยมพะยะคะ!! :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: kim_khun_kwan ที่ 04-02-2012 18:42:32
 :sad4:  สงสารทั้งสองคนเลยอะ โทโมะจะเป็นยังไงบ้างนะ  o22
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 04-02-2012 20:01:48
สงสารทั้งคู่เลย :monkeysad:
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 05-02-2012 15:33:28
อ๊ากกก โอโนเสะ โหด !!!
ตอนนี้ไม่ใช่แค่วายะคนเดียวหรอกนะที่ทรมาณ คิริฮาระก็ทรมาณไม่แพ้กันสินะ -..-

แล้วโทโมกิ เป็นยังไงบ้างหว่า ???~
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 07-02-2012 15:23:19



   แง๊ ในที่สุดก็โดนจับพรากกันไปซะได้
   แถมบทลงโทษก็. . . ท่าทางครั้งนี้โอโนเสะจะโกรธมากจริงๆอ่านะ




หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 07-02-2012 16:18:32
สงสารก็สงสารวายะอยุ๋หรอกนะ
คงทรมานทั้งกายและใจ T^T

แต่ทำไงได้ ก็นายอยากเลวแต่แรกทำไม

เอาเถอะ ขอให้เวลาอึดอัดทรมานของนายจบลงเร็วๆ
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 07-02-2012 19:34:48
จิตมากเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 08-02-2012 16:15:49
วันนี้วันที่ 8 ฮรึก!!!
*เดินไปนั่งที่ชานชาลา*
รอ..รอต่อไป อีกสองวันเท่านั้ ฮึก!!
อ๊ากกกกกกกกกกกกกก
คิดถึงวายะแบบขั้นจะลงแดงตายให้ได้

 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

นิยายที่ชอบมักจะ...ทำให้ค้างเสมอ...  :z13: :z13:

คนเขียบน..เค้าคิดถึงมากกกกกกกกกกกกกนะ Y[]Y
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 08-02-2012 18:36:15
น่าสงสารวายะจัง   

โทโมะจะเป็นยังไงบ้างนะหายแล้วหรือยัง

หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 10-02-2012 02:10:44
เย้!!!!!


ตอนแรกเข้าใจว่าคนเขียนจะมาวันที่ 10 แต่พอไปอ่านใหม่อีกครั้ง อ่าว..วันที่ 10 ไม่อยู่

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก  :a5: :a5: :a5:


เห็นม่ะ..เค้ารอตัวอยู่จริงๆนะ


 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 10-02-2012 10:09:36
บทลงโทษเบาๆ ขั้นเริ่มต้นสำหรับวายะเท่านั้น บทต่อจากนี้สนุกกว่านี้แน่ๆ...
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 10-02-2012 12:26:37
ตามมาทันจนได้
วายะทำเกินเหตุจริงๆ ค่ะ
ท่านประธานเห็นแล้วยังโกรธวูบขึ้นมา
คงจะมีสภาพที่น่าสงสารน่าดูสินะคะ
ว่าแต่ว่าเอาตัสโทโมะไปรักษายัไงเนี่ย
แม้ว่าจะยังดูหวาดกลัววายะอยู่มาก
แต่ก็ดูเป็นเด็กปกตินะคะ
ทั้งที่น่าจะมีลักษณะที่วิปลาศมากกว่านี้แท้ๆ
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 10-02-2012 16:07:52
เอ่ออออ ตอนนี้เราตามอ่านอดีตอยู่สินะค้า ยังไม่ถึงตอนแรกที่โทโมะ ถูกจับไป แล้วเรียกหาชุน ใช่มั้ยยยยย
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 12-02-2012 22:55:23
สงสารโทโมะจัง
 คู่นี้เหมือนการสร้างโครงไม้ที่ไม่เหมาะสมตั้งแต่ราก จนสูงขึ้นๆ แล้วต้องมาเติมซ้าย ถ่วงขวาให้อยู่รอดไปวันๆเลย สักวันมันก็พัง
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 17-02-2012 20:23:22
สวัสดีครับ  ผมลงจากดอยมาแล้วครับ
รอนานแล้วใช่มั้ยครับ  สำหรับคนที่เป็นห่วงโทโมกิคุงอยู่ก็มาตามดูแลกันได้เลยครับ
...

All I want # 12

ลำแสงอ่อนจางลอดเข้ามาใต้เปลือกตา  ปลุกให้ร่างเล็กที่จมอยู่ในห้วงนิทราลืมตาขึ้น  หน้าต่างกว้างบนผนังสีขาวคือภาพแรกที่ได้เห็น  นอกหน้าต่างนั้นคือตึกระฟ้าของมหานครใหญ่ที่เริ่มประดับประดาด้วยแสงไฟ  ไกลออกไป  ท้องฟ้ายามเย็นแดงฉานราวกับจะลุกไหม้ด้วยแสงสุดท้ายของวัน

ท้องฟ้าหรือ...นี่เขาไม่ได้เห็นท้องฟ้ามานานแค่ไหนแล้วนะ...รู้สึกอย่างกับหลับมานานเหลือเกิน  และอยู่ในฝันร้ายมานานจนคิดว่าจะไม่อาจตื่นขึ้นมาได้อีกแล้ว...ว่าแต่  นี่คือความจริงหรือความฝันที่ต่อเนื่องกันมาล่ะ

คำตอบของคำถามคือเสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นด้านหลัง  เด็กหนุ่มพยายามจะหันกลับไปดูแต่มีบางอย่างยันแผ่นหลังของเขาไว้ไม่ให้พลิกตัวได้

ผู้ที่เข้ามาคือพยาบาลสาว  เธอเดินมายืนตรงหน้าผู้ที่ยังนอนอยู่บนเตียงและง่วนอยู่กับการเช็คเครื่องมืออุปกรณ์และปรับน้ำเกลือ  ดูท่าจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเด็กหนุ่มตื่นแล้ว

“เอ่อ...”  ร่างเล็กพยายามเอ่ย  “ที่นี่...ที่ไหน...?”

นางพยาบาลชะงักไปนิดหนึ่งแล้วรีบก้มลงมองคนตรงหน้า  เธอเบิกตากว้าง

“เมื่อกี้...ถามว่าที่ไหนใช่มั้ยคะ?”  เธอถามอย่างไม่แน่ใจ

“...ครับ”  เสียงแหบโหยตอบแผ่วเบา

“ได้สติแล้ว...”  เธอพึมพำออกมา  ก่อนที่จะรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องแล้วตะโกนเสียงดังอย่างลืมตัวว่าอยู่ในโรงพยาบาล  “คุณหมอคาไซคะ  ซานาดะคุงได้สติแล้วค่ะ!!”

มีเสียงฝีเท้าวิ่งมาตามระเบียงอย่างรีบร้อนและเข้ามาในห้อง  เด็กหนุ่มยังคงไม่สามารถหันกลับไปมองได้  แต่ก็ไม่จำเป็น  เมื่อนายแพทย์วัยกลางคนคนหนึ่งเดินมาหาเขาแล้วลากเก้าอี้สำหรับเฝ้าไข้มานั่งตรงหน้า

“เอ้อ...สวัสดี  ซานาดะคุง”  หมอคาไซเอ่ยขึ้น

หนุ่มน้อยมองผู้มาใหม่อย่างเลื่อนลอย  ถ้าคนคนนี้เป็นหมอ...ที่นี่ก็เป็นโรงพยาบาลสินะ...ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ

“เธอ...จำชื่อตัวเองได้มั้ย?”  คุณหมอถามอย่างอ่อนโยน

“...ซานาดะ...โทโมะ...”  พูดออกไปแล้วก็ขมวดคิ้วนิด ๆ...ไม่ใช่  ชื่อของเขาไม่ได้มีแค่นี้  เขาชื่อ...  “...โทโมกิ...ซานาดะ  โทโมกิ”

“เยี่ยม!  แบบนี้โอโนเสะซังคงจะโล่งใจได้ละนะ”

โอโนเสะซังเหรอ...ใครกันนะ...โทโมกิพยายามจะนึกแต่ก็นึกไม่ออก  เขาไม่เคยรู้จักคนชื่อโอโนเสะมาก่อนเลยนี่นา

“เอาละ  ซานาดะคุง  หิวหรือเปล่า  อยากทานอะไรมั้ย?”

โทโมกิส่ายหน้าแทนคำตอบ  เขาสงสัยว่าทำไมเขาถึงเจ็บแปลบ ๆ ที่ไหล่ซ้ายมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว  แถมยังพลิกตัวไม่ได้อีกต่างหาก  ทำไมเขาต้องนอนตะแคงอยู่ท่านี้ด้วย...แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาล

ยังไม่ทันจะได้ถามอะไร  ก็มีผู้มาเยือนอีกคน  หมอคาไซลุกขึ้นยืนต้อนรับผู้มาใหม่ทันที

“โอ๊ะ  สวัสดีครับ  โอโนเสะซัง”

“สวัสดีครับ  คุณหมอ  เจ้าตัวเล็กเป็นยังไงบ้างครับ?”

“พอดีเลยครับ  แกได้สติพอดี”

“จริงเหรอครับ?  ยอดเลย”

เจ้าของเสียงที่อยู่เบื้องหลังโทโมกิก้าวฉับ ๆ มาอยู่ตรงหน้าเขา  เขาไม่รู้จักคนคนนี้จริง ๆ นั่นแหละ...แต่ทำไมคนคนนี้ถึงได้ยิ้มให้เขาแบบนั้นกันนะ  ทำไมถึงได้ดูโล่งใจและดีใจแบบนั้น

“ว่ายังไง  เจ้าตัวเล็ก”

สรรพนามที่ใช้เรียกนั้นขัดหูโทโมกิ  แต่ตอนนี้เขาเหนื่อยและมึนงงเกินกว่าจะโกรธเคือง  เด็กหนุ่มถามออกไปแผ่วเบา

“คุณเป็นใครครับ?”

“ฉันชื่อโอโนเสะ  เป็นคนพาเธอมาที่นี่”

“พามาที่นี่...?”  คิ้วเรียวขมวดมุ่น  “เกิดอะไรขึ้นกับผมเหรอ?”

มือใหญ่เอื้อมมาลูบผมสีดำนุ่มมือเบา ๆ  “เรื่องมันยาว  ตอนนี้เธอยังดูเหนื่อยอยู่เลย  พักก่อนดีกว่านะ  เรายังมีเวลาคุยกันอีกเยอะ”

มือที่อบอุ่นและอ่อนโยน...โทโมกิหลับตาลงอย่างว่าง่าย  แม้จะรู้สึกโหวง ๆ ในอกราวกับหลงลืมอะไรบางอย่างที่สำคัญมากไป  แต่เขาก็หลับสนิทลงในเวลาไม่นาน

“ทีนี้เราจะทำยังไงต่อครับ  คุณหมอ?”  โอโนเสะถามขึ้นเมื่อเห็นว่าร่างเล็กหลับไปแล้ว

“ก็ง่ายขึ้นละครับ  ถ้าพูดกันรู้เรื่องแบบนี้  ถ้าเป็นอย่างก่อนหน้านี้สิครับแย่  พูดอะไรกันไม่เข้าใจเลย”

“ต้องบำบัดต่อสินะครับ”

“ครับ  นี่เราแค่ใช้ยาช่วยเท่านั้น  แต่ยังต้องทำการบำบัดทางจิตต่ออีกนานเลยละครับ  โดนกักขังและทารุณกรรมแบบนี้  ปล่อยไปก็แย่ครับ”  หมอบอกพร้อมกับทำสีหน้าหนักใจ

“เต็มที่เลยครับ  เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วง  ผมจะจัดการให้ทุกอย่าง”  โอโนเสะลุกขึ้นยืน

“เอ้อ...แต่พ่อแม่ของเด็ก...”  หมอคาไซอ้อมแอ้มออกมา

ท่านประธานของลูนาติก  ลัสท์ย่นคิ้ว  พ่อแม่ของเด็กคนนี้งั้นรึ...แค่นึกถึงก็หงุดหงิดแล้ว  เขาเคยได้เจอสองคนนั้นแล้ว  ทั้งสองแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพงท่าทางภูมิฐานและดูเป็นผู้มีอันจะกิน  สมกับที่ยามานากะคาดการณ์ไว้  เมื่อแรกพบฝ่ายแม่ก็กล่าวขอบคุณเขาจนแทบจะลงกราบเท้าบอกว่าเป็นบุญเหลือเกินที่เขาช่วยลูกชายของเธอเอาไว้  คนพ่อก็แสดงอาการซาบซึ้งไม่แพ้กัน  แต่พอคุยกันเป็นการส่วนตัวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับโทโมกิสักพักท่าทีของทั้งคู่ก็เริ่มเปลี่ยนไป  คนเป็นพ่อทำหน้าตารังเกียจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินว่าลูกชายถูกจับไปกักขังหน่วงเหนี่ยวและกระทำชำเรา  ส่วนแม่ก็วิ่งไปอาเจียนทันทีที่รู้ว่าคนที่จับตัวลูกชายเธอไปได้สลักรอยแผลไว้ที่หลังของเด็กหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายด้วย

...นั่นเป็นปฏิกิริยาที่มีต่อลูกของตัวเองงั้นรึ...

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เข้าไปดูอาการลูกชายที่ยังนอนไม่ได้สติด้วยอาการปึ่งชา  พวกเขามองดูโทโมกิที่ผ่ายผอม  ซูบเซียวด้วยพิษไข้  และเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลด้วยสายตาที่เหมือนกับมองสัตว์บาดเจ็บตัวหนึ่งเท่านั้น  แล้วต่างก็รีบกลับทันทีโดยไม่มีใครเฝ้าไข้ลูก  วันต่อ ๆ มาพวกเขามาดูอาการ  แต่เมื่อโทโมกิยังเลื่อนลอยด้วยฤทธิ์ยาและพูดจาไม่รู้เรื่องก็รีบกลับไปโดยบอกว่ามีธุระต้องไปทำต่อ...ได้ยินจากหมอแค่นั้นโอโนเสะก็ขัดใจเต็มทีแล้ว

แต่ยิ่งกว่านั้นคือ  วันหนึ่งทั้งสองคนเริ่มต้นทุ่มเถียงกันว่ามันเป็นความผิดของใครที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

“ถ้าคุณอยู่บ้านดูแลมันให้ดี  มันก็ไม่ไปเที่ยวเพ่นพ่านให้เขาจับไปได้หรอก”

“แล้วยังกับคุณดีนักนี่  คุณก็ไม่เคยอยู่บ้านเลยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ!”

“ผมทำงาน  หน้าที่ดูแลลูกมันหน้าที่ของแม่บ้านไม่ใช่หรือไง”

“ทำงาน!?  ที่ไปกกไอ้อีที่ไหนนี่คุณเรียกว่าทำงาน?  อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าคุณมีเมียน้อยอยู่กี่คนน่ะ”

“แล้วทีคุณมีชู้ล่ะ!?  ผมยังไม่พูดสักคำเลยนะ  ไปสร้างรังรักกับมันด้วยไม่ใช่เรอะ  ไอ้เด็กนี่มันก็เหมือนคุณแหละ  แรดไปให้คนเขาเอาได้ง่าย ๆ!!”

“อย่ามาว่าฉันแบบนี้นะ!  คนเฮงซวย!!  คุณเป็นฝ่ายนอกใจก่อนนะ!”

“ผมมีคนอื่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีได้นะ!”

“เห็นแก่ตัวที่สุด!!  ไอ้ผู้ชายเส็งเคร็ง!!”

“แล้วไง?  ก็ดีกว่าผู้หญิงไร้ยางอายอย่างคุณนั่นแหละ”

“อีตาบ้า!  ถ้ารู้ว่าคุณจะเฮงซวยแบบนี้นะ  ฉันไม่แต่งกับคุณหรอก!”

“ยังกับผมอยากแต่งกับคุณนักนี่  บ้านคุณมันก็แค่หวังสมบัติของตระกูลผม  ถึงได้ยัดเยียดคุณมาให้ผมเนี่ย!”

“ใครหวังสมบัติใครกันแน่  พูดให้ดี ๆ นะ!  แม่คุณแทบจะมากราบกรานขอให้ฉันแต่งกับลูกชายไม่ได้ความของท่านเชียวนะ!!”

การทะเลาะทุ่มเถียงกันดำเนินต่อไปจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ  ถึงตอนนี้โทโมกิที่นอนเลื่อนลอยไม่ได้สติก็กรีดร้องและอาละวาด  ต้องใช้หมอกับบุรุษพยาบาลหลายคนช่วยกันจับถึงจะเอาอยู่  สุดท้ายก็ต้องฉีดยาให้สงบลง...บางทีเสียงทะเลาะกันของพ่อกับแม่คงจะไปกระตุ้นเด็กหนุ่มเข้าทางใดทางหนึ่ง

แล้วหลังจากวันนั้น  ทั้งสองก็จ้างพยาบาลพิเศษให้ดูแลโทโมกิโดยไม่โผล่หน้ามาที่โรงพยาบาลอีกเลย  แม้ว่าโทโมกิจะไม่เคยอาละวาดอีกก็ตาม

หมอคาไซ  จิตแพทย์เจ้าของไข้ของโทโมกิติดต่อไปที่โอโนเสะและบอกเล่าเรื่องราวให้ทราบ  โอโนเสะจึงได้เข้ามารับผิดชอบดูแลโทโมกิให้  จริงอยู่ว่าพ่อแม่ของเด็กจ่ายค่ารักษาพยาบาลทุกบาททุกสตางค์...แต่เด็กที่เจอเหตุการณ์อย่างนั้นมาต้องการการดูแลที่มากกว่าการรักษาพยาบาลทางกายภาพ...เขาก็ว่าเขาไม่ใช่พ่อที่ดีสักเท่าไรนัก  แต่ก็ไม่เคยดูแลครอบครัวขาดตกบกพร่อง  อาจจะโชคดีที่เขาได้ภรรยาแสนวิเศษคอยดูแลพวกลูกชายให้อยู่กับร่องกับรอยอยู่เสมอ

“ทางหมอศัลย์ ฯ บอกมาว่าแผลของเขาไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ยครับ?”  โอโนเสะเปลี่ยนเรื่องคุยไปให้พ้นจากคนที่ทำให้เขาหงุดหงิดใจ

“อ่ะ...ครับ  แผลไม่อักเสบหรือติดเชื้อแล้วก็ค่อย ๆ ดีขึ้นแล้วด้วย  เพียงแต่...คงจะกลายเป็นแผลเป็นแน่ ๆ น่ะครับ”

โอโนเสะระบายลมหายใจยาว  “มันก็แบบนั้นละนะ...ไอ้เรื่องแบบนี้มันก็ทำเพื่อให้เป็นแผลเป็นอยู่แล้ว”

แผลที่หลังของโทโมกิคือตัวอักษรคำว่า “ฤดูใบไม้ผลิ”  โอโนเสะเข้าใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแล้วว่ามันหมายถึงอะไร  วายะจงใจสลักชื่อของตนลงบนร่างของเด็กคนนี้  เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ  ไม่ต่างอะไรกับเด็ก ๆ ที่เขียนชื่อลงบนของเล่นหรือของใช้ของตน...แต่ทำแบบนี้กับคนเนี่ยนะ...คิดจะเป็นเจ้าของโทโมกิไปตลอดกาลงั้นรึ
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 17-02-2012 20:29:24
“เริ่มแรกก็คงต้องตรวจสอบสภาพจิตใจของเขา  หลังจากนั้นจะเยียวยารักษากันอย่างไรก็ต้องดูกันอีกทีละครับ”  หมอคาไซอธิบายต่อ

“ครับ”  โอโนเสะพยักหน้ารับรู้  “เดี๋ยวผมต้องไปธุระต่อ  ฝากคุณหมอดูเด็กคนนี้ด้วยนะครับ  ถ้ามีอะไรก็ติดต่อผม  ผมจะมาเยี่ยมเขาให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้”

“ทราบแล้วครับ”

...

ประตูห้องขังเปิดออกให้ร่างสูง ๆ ของใครบางคนเข้ามาในห้องพร้อมถาดอาหาร  ผู้มาเยือนยังไม่ทันได้พูดอะไร  คนที่นั่งอยู่บนเตียงเล็ก ๆ ที่มุมห้องก็ชิงเอ่ยขึ้นก่อน

“ฉันไม่ยอมให้แกเฆี่ยนแน่ ๆ  โทคิโตะ”

“ฉันก็ไม่ได้จะมาเฆี่ยนแกสักหน่อยนี่  วายะ”  โทคิโตะปิดประตูแล้ววางถาดอาหารให้ตรงหน้า  “ท่าทางยังสบายดีอยู่นี่”

“เห็นแบบนั้นเรอะ  มาลองถูกฉีดยากระตุ้นทุกวันโดยไม่มีเซ็กส์ดูบ้างมั้ย...แม่งจะไม่ตั้งอยู่แล้ว”  วายะทำหน้าบอกบุญไม่รับทั้งที่ยังนั่งพิงผนังอยู่

“เฮ่ย  ถู ๆ เข้าหน่อยก็ตั้งได้เองแหละ  เอ้า  กินซะ  เดี๋ยวหมอจะมาแล้ว”  โทคิโตะเลื่อนถาดอาหารไปให้

วายะโน้มกายมาหยิบขนมปังในจาน  “คิริยูไปไหนซะล่ะ  ทำไมถึงเป็นแกไปได้?”

“คิริฮาระน่ะเรอะ  ก็หมอนั่นมันจะขี่แกนี่หว่า  เขาเลยไม่ให้มันมาคุมแล้ว  โดนส่งไปถ่ายหนังเรื่องใหม่โน่น”

“วะ...แย่จริง”  พูดพลางก็กัดขนมปังพร้อมกับหยิบส้อมมาเขี่ยอะไรที่ดูเหมือนจะเป็นผักต้ม  “อาหารมังสวิรัตหรือไงวะเนี่ย”

“เขาว่ากินแบบนี้จะทำให้เซ็กส์จัดน้อยลงนะ”

“น้อยลงพ่อ...”  วายะสบถพร้อมกับนึกว่าเขาควรจะด่าพ่อใครกันแน่...พ่อคนเอาอาหารมาให้  พ่อคนทำอาหาร  หรือพ่อคนสั่งให้ทำอาหาร...สรุปแล้วก็ได้ด่าโคตรเหง้าศักราชตระกูลโอโนเสะทั้งตระกูลอยู่ในใจ

“ในนี้...ออกจะหนาวอยู่นะ”  โทคิโตะทักขึ้น

“โดนยาเข้าไปก็ไม่ค่อยหนาวหรอก  จะหนาวก็ตอนนอนแหละ  ผ้าห่มไม่พอ”  วายะกวาด ๆ อาหารเข้าปากไปให้พออิ่มโดยพยายามไม่สนใจรสชาติ

“ไว้จะเอามาให้เพิ่ม  เสื้อที่แกใส่อยู่นั่นมันก็คงไม่พอกับฤดูนี้ละนะ”  พูดพลางก็พยักเพยิดไปทางเสื้อเชิ้ตผ้าสำลีที่วายะสวมอยู่

“เขาให้ใจดีกับนักโทษด้วยเรอะ?  เดี๋ยวก็โดนเล่นไปด้วยหรอก”

“หักลบกับความดีความชอบแล้วน่าจะเจ๊ากัน”  โทคิโตะยักไหล่  แล้วก็โน้มตัวเข้ามาใกล้  “ว่าแต่...แกทำจริง ๆ เหรอวะ  วายะ  ไอ้เด็กนั่นน่ะ...”

ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย  หากก็ตอบกลับไปหนักแน่น  “จริง”

“ทำไมวะ?  เด็กตัวแค่นั้น...”

“โทคิโตะ...”  วายะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ  ดันถาดอาหารออกห่างตัว  “ถ้าแกต้องการใครสักคนชนิดที่ไม่อยากยกให้คนอื่นเมื่อไร  แกจะเข้าใจ”

“ไอ้เด็กนั่นน่ะนะ!?  ปากก็เสีย  ขี้วีนก็เท่านั้น  แถมยังขี้ขโมยอีก  เอาไปทำอะไรได้วะ?  ฉันเคยเห็นแต่แกจ้องจะงาบคิริฮาระมันคนเดียว  แล้วไหงถึงกลายเป็นเด็กปากคาบขวดนมไปได้วะ?”  โทคิโตะร้องออกมาอย่างไม่เข้าใจ

“เฮ่อ...แกไม่เข้าใจหรอก  แกไม่ใช่ฉัน...ไม่มีใครเข้าใจหรอก”

ใช่...ไม่มีใครเข้าใจ  เพราะงั้น  เขาจึงไม่อธิบาย

โทคิโตะระบายลมหายใจยาว  “เอาเถอะ  เอาเป็นว่าแกอยากได้ไอ้เด็กนั่นถึงขนาดทำเรื่องน่ากลัวแบบนั้นลงไป...ฉันจะเข้าใจไว้แค่นี้พอ”

“ขอบใจ”  วายะเหยียดยิ้ม  “หมอจะมาแล้วใช่มั้ย?”

“อ๊ะ  เออ  จริงด้วย  มาแล้วมั้ง  เอาละ  ไปกันเลยมั้ย?”  โทคิโตะลุกขึ้นพลางเก็บถาดอาหาร

วายะลุกจากเตียงเท้าเปล่าสัมผัสพื้นปูนเย็นเฉียบ  เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ที่สวมอยู่ไม่ได้กันความหนาวได้สักเท่าไรอยู่แล้ว  ดีแต่ว่าในตึกมีระบบทำความร้อนด้วยน้ำอุ่นที่ทำงานตลอดเวลาอยู่แล้วจึงทำให้อยู่ได้ไม่ลำบากนัก  สองมือของชายหนุ่มยังถูกสวมกุญแจมือทิ้งไว้  การลงโทษยังไม่จบ  เขายังคงโดนเฆี่ยนตีและทรมานสารพัดรูปแบบแล้วแต่โอโนเสะจะจัดอะไรมาให้  แต่สิ่งที่จัดมาระยะนี้...สำหรับเขาแล้วมันเกินจะทนเสียยิ่งกว่าแส้หรือยาปลุกเซ็กส์เสียอีก

ห้องเล็ก ๆ ที่หน้าตาเหมือนห้องทำงานธรรมดา ๆ ห้องหนึ่ง  มีโต๊ะตั้งอยู่กลางห้องพร้อมกับเก้าอี้สองตัว  นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีอะไรนอกจากหน้าต่างบานหนึ่ง  แต่วายะเกลียดห้องนี้...ไม่สิ  เขาเกลียดคนที่นั่งรอเขาอยู่ในห้องนั้นต่างหาก

ถึงจะไม่เต็มใจแต่ชายหนุ่มก็ถูกพาตัวมาถึงห้องและต้องจำยอมเข้าประตูไปอย่างเสียมิได้  ผู้ที่รออยู่คือชายสูงวัยในชุดเสื้อกาวน์สีขาว  ผมทั้งศีรษะขาวจนดูเป็นสีเงินไปหมด  ดวงตาที่อยู่หลังแว่นซึ่งจับจ้องมาที่เขามีแววเข้มงวด

“นั่งสิ  หรือจะยืนคุยกันตรงนั้นฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ”  ฝ่ายที่รออยู่เชื้อเชิญแกมประชด

วายะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวที่ว่าง  เสมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายอย่างไม่ปิดบัง

“ไง  วันนี้มีอะไรจะคุยหรือยัง?”  ผู้มากวัยกว่าเริ่มการสนทนา

“ผมบอกหมอไปแล้วไงว่าไม่มี”  วายะตอบห้วน ๆ

“เรอะ?”  หางเสียงขึ้นสูงอย่างยียวน  “งั้นเราก็มานั่งเงียบ ๆ กันไปจนกว่าฉันจะต้องไปกินข้าวเย็นแล้วกัน”

โฮสต์หนุ่มปรายตามองคนตรงหน้าอย่างขัดเคือง  ยกเท้าขึ้นวางบนโต๊ะที่กั้นระหว่างพวกเขาอย่างไม่สนใจมารยาท

คนตรงหน้าวายะคือซาคุมะ  มาซาฮิเดะ  อดีตเจ้าของโรงพยาบาลเถื่อนที่ตอนนี้เป็นของโทชิ  หลังจากเกษียณตัวเองแล้วแกก็แยกตัวไปอยู่ตามลำพัง  ไปเที่ยวตรวจตามบ้านบ้างหรือรับงานตามที่มีคนวิ่งมาตามถึงบ้านบ้างไปตามเรื่อง  ได้ยินมาว่ารายได้ที่แกได้จากการลักลอบค้าอวัยวะที่ทำมาตลอดชีวิตนั้นมีพอให้แกอยู่สบาย ๆ แถมเกิดใหม่อีกชาติหนึ่งก็ยังใช้ไม่หมด  ด้วยความเป็นหมอจึงรักการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมโดยนิสัย  แกจึงศึกษาด้านจิตวิทยาเพิ่มเติมจนเชี่ยวชาญ...และโอโนเสะก็ใช้บริการแกบ่อย ๆ เวลาที่เด็กในสังกัดมีปัญหาต้องการจิตแพทย์

วายะไม่ถูกโรคกับคนแบบนี้  เขาไม่ถูกกับคนช่วงวัยเดียวกับหมอมาซาฮิเดะ  มันทำให้คิดถึงตาที่บ้านเกิดที่ไม่เคยมีความทรงจำดี ๆ อะไรเลย  แถมหมอยังชอบมองเขาด้วยสายตาที่เหมือนจะทะลุเข้าไปถึงหัวใจ...ก็รู้ละนะว่าหมอคุ้นเคยกับคนอย่างพวกเขาดี  บางทีก็อาจจะรู้ก็ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่  แต่เขาก็ไม่ชอบสายตาที่มองมาเหมือนจะรู้ทันทุกอย่างนี่เลยจริง ๆ

“หมอ  เราต่างคนต่างกลับไปนอนกันดีกว่า  นั่งไปก็ปวดหลังเปล่า ๆ”

“ฉันไม่ปวดนี่”  มาซาฮิเดะยักไหล่  “แต่มันก็เสียเวลาจริง ๆ ละนะ  เอาละ  ถ้าเธอไม่เล่า  ฉันก็จะถามแล้วกัน”

แม้ว่าหมอจะยังมีท่าทีสบาย ๆ  แต่วายะก็เกร็งไว้รอกับคำพูดนั้น  นึกในใจว่าเขาจะไม่ตอบอะไรแน่ ๆ

แต่หลังจากทนอดกลั้นไปได้ไม่กี่คำถาม  ก็โดนแทงใจดำเข้าให้เต็มรัก

“เธอเป็นโฮสต์สาย S สินะ...ไอ้ที่ทำลงไปแบบนั้น  หรือเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีปัญญาจะเล่นกับพวกเดียวกันแล้วมีความสุข  ไม่มีน้ำยาจะทำกับคนรุ่นเดียวกัน  เลยไปลงกับเด็กมันสินะ”  ดวงตาคมหลังแว่นเป็นประกายเจ้าเล่ห์  “ข่มขืนเด็กมันคงสนุกกว่าสินะ”

อะไรบางอย่างในสมองขาดผึง  วายะลุกขึ้นถีบโต๊ะตรงหน้าจนคว่ำ  แต่หมอก็ไวทายาด  เขาถีบเก้าอี้ที่มีล้อถอยหลังไปก่อนที่โต๊ะจะล้มมาใส่

“ฉันไม่ได้ทำเพราะอยากข่มขืนโทโมะนะ!!!!”  ชายหนุ่มตวาดลั่น  ก้าวอาด ๆ เข้าไปหาอย่างเอาเรื่อง  “ฉันไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น!  ไม่ได้ข่มขืน!!”

“แล้วที่เธอทำไปมันต่างกันตรงไหน?”  มาซาฮิเดะยังนั่งอยู่ที่เก้าอี้อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“ฉันแค่...แค่...”

“แค่...?”

“ฉันแค่ต้องการโทโมะ!  ต้องการให้โทโมะเป็นของฉัน!  เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น!!  ไม่ไปเป็นของคนอื่นอย่างคิริยู  ไม่มีวันลืมฉันแบบรันจัง!!”

วายะตวาดลั่นแล้วยืนนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น  ราวกับเพิ่งรู้ตัวว่าตนได้พูดอะไรออกไป  ลมหายใจหอบถี่  สะท้านสั่นไปทั้งตัว

มาซาฮิเดะยิ้มน้อย ๆ แล้วลุกจากเก้าอี้มาจับไหล่ของโฮสต์หนุ่มตบเบา ๆ  “นั่งก่อน  ใจเย็น ๆ...ไม่ต้องร้อนรนไปหรอก”

วายะทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ตามเดิม  ในหัวเบาโหวงจนน่าใจหาย  คนเป็นหมอก็ลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าเขาแล้วเอื้อมมือมาแตะเข่าของเขาเบา ๆ

“ตอนนี้มีแต่คนมองเธอแบบนี้ทั้งนั้น  คงจะมีฉันเป็นคนแรกมั้งที่ได้รู้...ขนาดนี้แล้ว  มีอะไรอยากเล่าให้ฉันฟังหรือเปล่า  วายะคุง?  ฉันรู้จักคิริยูของเธอนะ  แต่ยังไม่รู้จักรันจังเลย  เขาเป็นใครเหรอ?”

น้ำเสียงของหมออ่อนโยนอย่างเหลือเชื่อ  และกระแสบางอย่างในน้ำเสียงนั้นสั่นไหวจิตใจของชายหนุ่ม  วายะก้มหน้านิ่งแล้วยกมือขึ้นปิดหน้า...และเริ่มต้นเล่าทุกสิ่งที่เขาไม่เคยลืมได้แม้แต่วินาทีเดียว
หัวข้อ: Re: All I want # 10 ~ 11 (NC17) อัพเพิ่ม 3/2/55 หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 17-02-2012 20:34:00
วายะถูกนำตัวกลับไปที่ห้องคุมขังสักพักหนึ่งแล้ว  มาซาฮิเดะจึงได้ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากห้อง  ระหว่างที่รอลิฟท์อยู่เขาก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ฟังมาจากโฮสต์หนุ่ม  พลันประตูลิฟท์ก็เปิดออก  ท่านประธานของลูนาติก  ลัสท์อยู่ในนั้นพอดี  เขาเอ่ยทักทาย

“อ้าว  เจอพอดี  สวัสดีครับ  คุณหมอซาคุมะ  ขอโทษที่ต้องรบกวนบ่อย ๆ นะครับ”

“สวัสดี  โอโนเสะซัง”  มาซาฮิเดะทักตอบแล้วก้าวเข้าไปในลิฟท์

“ไอ้หมาบ้าของผมเป็นยังไงบ้างครับ  มันยอมคุยกับหมอหรือยัง?”  โอโนเสะไถ่ถามถึงวายะ

“อืม...ก็ซับซ้อนเอาเรื่องนะ  มีปมอะไรเยอะแยะไปหมด  จะให้ดีก็ค่อย ๆ บำบัดจิตไปเรื่อย ๆ ดีกว่า  มันน่ะยังใช้งานได้  แต่ก็ต้องแก้เรื่องพวกนั้นให้เรียบร้อยก่อน”  มาซาฮิเดะพูดเนิบ ๆ

“อะไรเหรอครับ  ไอ้เรื่องเยอะแยะที่ว่า”

“อืม...เรื่องมันยาว  ถ้าให้เล่าก็คงต้องใช้เวลาเท่า ๆ กับที่ไอ้เด็กนั่นมันเล่าให้ผมฟังละนะ  ผมเกรงว่าคุณจะไม่มีเวลาพอเสียมากกว่า  พ่อนักธุรกิจใหญ่”  รอยยิ้มบาง ๆ ของหมอผู้มากด้วยวัยแฝงแววเจ้าเล่ห์

“ไม่อยากบอกสินะครับ”  โอโนเสะหัวเราะเบา ๆ

“ตอนนี้ที่บอกได้ก็แค่  เจ้าเด็กวายะนั่นมันเหมือนคอมพิวเตอร์ที่ชำรุด  บอดี้ยังดีอยู่  มีแค่โปรแกรมบางอย่างในสมองที่ติดไวรัส  จะล้างออกลงโปรแกรมใหม่หรืออัพเกรดแอนตี้ไวรัสซะ  ยังพอจะซ่อมได้”

“ไม่ยักรู้ว่าคุณหมอสนใจคอมพิวเตอร์”  ช่างเป็นคำเปรียบเปรยที่ไม่สมกับวัยของผู้พูดเอาเสียเลย

“ก็เล่น ๆ อยู่บ้าง  เอาไว้ส่งเมล์คุยกับไอ้ลูกชายที่อยู่เมืองไทยน่ะ”  มาซาฮิเดะยักไหล่

“เอ๊ะ  คุณหมอมีลูกชายด้วยเหรอครับ?”  รู้จักกันมานานปี  แต่โอโนเสะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามาซาฮิเดะมีลูกชาย

“จะว่ามีก็มี  แต่หายหัวไปนานแล้ว  ส่วนมากก็ไม่ได้คุยกับมันหรอก  คุยกับแฟนมันน่ะ”

สีหน้าของคุณหมอสูงวัยดูมีความสุขเมื่อพูดถึงลูกหลาน  จนโอโนเสะอดยิ้มออกมาไม่ได้  “แล้วลูกชายหมอไปทำอะไรที่เมืองไทยครับ?”

“เป็นชาวประมง”

“หา?”

บทสนทนามาถึงตรงนี้ลิฟท์ก็ถึงชั้นล่างพอดี  มาซาฮิเดะหัวเราะแล้วเดินออกจากลิฟท์ไปก่อน

“ไอ้เด็กเวรของผมก็คล้าย ๆ ไอ้หมาบ้าของคุณนี่แหละ  ไม่ต้องห่วงนะ  เดี๋ยวผมจะคอยดูแลเจ้าวายะให้  ระหว่างนี้คุณก็อย่าใจร้ายกับมันนักล่ะ  มันบ่นว่าคุณให้ยาปลุกกับมันจนมันจะไม่ตั้งแล้ว”

ยังไม่ทันที่โอโนเสะจะร่ำลา  มาซาฮิเดะก็เดินลับหัวมุมทางเดินไป  ประธานของลูนาติก  ลัสท์ส่ายหน้าแล้วยิ้มกับตัวเอง...ไวรัสงั้นรึ  งั้นอย่างมาซาฮิเดะคงจะเป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสชั้นยอดสำหรับวายะเชียวละ...เอาเถอะ  ก็รอดูกันไป  ตอนนี้เขาก็ทำได้แค่นี้ละนะ

...

โอโนเสะไปถึงโรงพยาบาลก็เลยเที่ยงคืนแล้ว  แม้จะเลยเวลาเยี่ยมแล้วก็ตาม  แต่ด้วยความที่เขาคือโอโนเสะ  ฮิซาโนบุ  ทางโรงพยาบาลจึงอนุญาตให้เข้าเยี่ยมตอนไหนก็ได้เป็นกรณีพิเศษ  เขากำลังจะเดินไปถึงห้องของโทโมกิอยู่แล้วในตอนที่พยาบาลรีบออกจากห้องมาอย่างลุกลี้ลุกลน

“มีอะไรเหรอ?”

“เอ้อ...คือ...ซานาดะคุง...คือว่า...”  พยาบาลอ้ำอึ้ง

“เกิดอะไรขึ้น  อาการแย่ลงเหรอ?”  แม้น้ำเสียงจะราบเรียบแต่ก็แฝงแววกังวล

“เปล่าค่ะ  แต่...”  ใบหน้าค่อนข้างสวยแดงเรื่อ

โอโนเสะรู้สึกเอะใจ  แต่ไม่ได้ถามอะไรต่อ  เขารีบเข้าไปในห้องพักของโทโมกิ

ในห้องปิดไฟมืด  มีเพียงแสงไฟจากห้องน้ำลอดออกมาทำให้เห็นสิ่งต่าง ๆ ในห้องเป็นเงาสลัว  ร่างเล็กบางยังนอนตะแคงอยู่บนเตียง  แต่ดูกระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก  มีเสียงพึมพำเบา ๆ ฟังไม่ได้ศัพท์แว่วมาให้ได้ยิน...สภาพแบบนั้นของโทโมกิและท่าทีของพยาบาลทำให้โอโนเสะต้องรีบเข้าไปดู

“ไอ้ตัวเล็ก!?  เป็นอะไรไป?”  มือใหญ่เอื้อมไปแตะ  แต่แล้วก็ต้องชะงัก

โทโมกิบิดกายไปมาอย่างอึดอัด  ชุดคนไข้ที่สวมอยู่ถลกขึ้นมาอยู่ที่เอว  มือเรียวกอบกุมอยู่ที่ส่วนกลางกายของตนที่ตอนนี้แข็งขึงและมีหยาดน้ำเหนียวใสไหลเยิ้มออกมา

“ฮึก...ชุน...ชุน...”  ริมฝีปากสั่นระริกกระซิบเรียกชื่อที่เคยเรียกมาตลอดไม่ขาดปาก  คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยท่าทางทรมาน  น้ำตาไหลรินเป็นทาง

โอโนเสะนิ่งอึ้งไป  จริงอยู่ว่าหมอเคยบอกเขาไว้เหมือนกันว่าเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศมีโอกาสสูงที่จะมีอาการเสพติดเซ็กส์  แต่หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาโทโมกิไม่เคยมีอาการแบบที่ว่ามาก่อนเลย  จู่ ๆ ก็เพิ่งมาเป็นเอาคืนนี้...แถมยังเรียกชื่อคนที่ทำร้ายตัวเองแสนสาหัสขนาดนั้น

“ไอ้ตัวเล็ก  ใจเย็น ๆ...ไม่เป็นไรนะ”  โอโนเสะประคองร่างเล็กขึ้นจากเตียง

เด็กหนุ่มผวากอดโอโนเสะแน่น  “ชุน!  ชุน...ช่วยด้วย  ไม่เอา...ไม่เอาแล้ว...ทรมาน...ช่วยด้วย...”

ทรมาน?...หมายถึงเรื่องช่วยตัวเองนี่น่ะเหรอ  หรือกำลังหลอนตัวเองเรื่องที่ถูกวายะกระทำเอา...โอโนเสะขมวดคิ้ว  คำพูดของโทโมกิมันแปลก  บอกว่าทรมานแต่กลับต้องการให้วายะช่วย...หรือบางทีอาจจะหลอนขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้

...ความสัมพันธ์ของเด็กคนนี้กับวายะมันยังไงกันแน่...

เอาละ...นั่นยังไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดตอนนี้...โอโนเสะบอกกับตัวเอง  ตอนนี้ช่วยปลดเปลื้องให้โทโมกิก่อนแล้วกัน  ดูจากสภาพและร่องรอยแล้วท่าทางจะพยายามช่วยตัวเองมานานแต่ไม่สามารถถึงสวรรค์ได้...อ้อ  ที่ว่าทรมาน  คงเรื่องนี้สินะ

โอโนเสะกอดประคองหนุ่มน้อยไว้โดยพยายามไม่ให้โดนบาดแผลที่แผ่นหลัง  มือใหญ่ลูบไปที่กลางลำตัวที่ร่างอันอ่อนไหวยังชูชัน

“อ๊า...”  ทันทีที่ถูกสัมผัส  โทโมกิก็ส่งเสียงหวาน

“เดี๋ยวฉันจะช่วยเอง  ทำตัวตามสบายนะ  อย่าเกร็ง”  ผู้มากวัยกว่าบอกเบา ๆ พลางใช้มือกระทำให้อย่างชำนาญเชิง

“ฮึก...อ๊า...อือ...”  เด็กหนุ่มกดริมฝีปากลงกับสูทหรูเพื่อกลั้นเสียง  สะโพกโยกไหวไปตามแรงรูดเร้าอย่างควบคุมไม่ได้  “ชุน...อือ...ชุน...”

“จะไปเรียกหามันทำไม  หือ?”  คำถามนั้นไม่ได้ต้องการคำตอบ  โอโนเสะเพียงแต่สงสัยเท่านั้น

ด้วยการเคลื่อนไหวของมืออันเชี่ยวชาญ  ชั่วไม่นานนักโทโมกิก็กระตุกเกร็งไปทั้งร่าง  ปลายทางแห่งความสุขสมกำลังจะมาเยือน

“อ๊า...ไม่เอา...ไม่ไหวแล้ว...ชุน...กอด...ไม่ไหว...”  สองแขนโอบกอดรอบลำคอหนาแล้วเบียดกายเข้าหาแนบแน่น  รอให้อีกฝ่ายโอบแขนรัดร่างของตนไว้

แต่โอโนเสะไม่เข้าใจอาการนั้น  เขาเพียงแต่เร่งมือที่กระตุ้นความต้องการให้อย่างรวดเร็ว  เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง  อ้าปากเผยอเหมือนจะไล่งับอากาศ  คลื่นแห่งความปรารถนาบิดเกลียวปั่นป่วนอยู่ในร่าง  สุดท้ายก็ทะลักทลายออกมาอย่างสุดกลั้น...หากโทโมกิกรีดเสียงลั่น

 “อ๊า!!!!”

เสียงนั้นเกินกว่าจะเป็นเสียงร้องด้วยความสุขสม  แต่เต็มไปด้วยความทรมานจนแทบจะเจ็บปวด

โอโนเสะมองคนที่ประคองไว้ด้วยความตกใจ  โทโมกิทิ้งตัวลงกับเตียงแล้วขดตัว  สองมือกดท้องน้อยไว้แน่น  ขยับร่างกระเสือกกระสนเหมือนปลาขาดน้ำ

“อา...ทำไม...แบบนี้...ไม่เอา...อึ๊...ชุน...ทำไม...ชุน...”

การถูกทำให้ถึงจุดสุดยอดโดยไร้อ้อมกอดทำให้โทโมกิถึงกับช็อค  วายะไม่เคยปล่อยให้เขาเสร็จแบบนี้นอกเสียจากจะลงโทษ...แล้วนี่เขาทำผิดอะไร  ทำไมถึงจะต้องถูกลงโทษแบบนี้ด้วย...ทำไมชุนถึงไม่กอดเขาไว้เหมือนอย่างเคย  เพราะเขาเกิดอารมณ์แล้วพยายามช่วยตัวเองงั้นเหรอ...เขาผิดเหรอ...เพราะแบบนี้ถึงได้ถูกลงโทษงั้นเหรอ...

โทโมกิสะอื้นจนตัวโยน...แล้วทำไมชุนถึงไม่บอกว่าไม่ให้ทำ  ทำไมอยู่ ๆ ก็มาลงโทษ  ทุกทีชุนจะต้องบอกก่อนไม่ใช่เหรอว่าอยากให้เขาทำอะไรไม่อยากให้ทำอะไร...แล้วทำไมวันนี้ถึงได้...

“ฮึก...ขอโทษ...ชุน  ขอโทษ...จะไม่ทำอีกแล้ว...ไม่ทำแล้ว...”

ใช่...แบบนี้แหละ  เดี๋ยวชุนจะต้องกอดเขาไว้  แล้วทำให้เขามีความสุขอีกครั้ง...ขอแค่ขอโทษ  ขอแค่เป็นเด็กดี  ชุนจะตามใจและจะทำแบบที่ชอบให้

แต่มีเพียงมือใหญ่ที่ลูบลงกับเรือนผมพร้อมกับเสียงกระซิบปลอบโยน

“ไม่เป็นไร  ไม่มีใครทำอะไรเธอแล้วนะ  ไม่ต้องกลัว”

กลิ่นกรุ่นของน้ำหอมที่โชยมาจากข้อมือนั้นต่างไปจากกลิ่นที่คุ้นเคย  กลิ่นเปรี้ยวนิด ๆ ของเบอร์กามอทต่างกันโดยสิ้นเชิงกับกลิ่นเมนทอลอันเป็นกลิ่นประจำกายของวายะ...แล้วคนคนนี้เป็นใคร...คนที่กระชากเขาไปถึงจุดสุดยอดเมื่อกี้เป็นใคร...โทโมกิเบิกตากว้าง  คนที่ทำให้เขาเมื่อกี้ไม่ใช่วายะ...วายะไปไหน...ชุนหายไปไหน...

ภาพลูกกรงอะลูมิเนียมที่ใช้กั้นข้างเตียงผ่านเข้ามาในความรับรู้  ไม่ใช่แค่นั้น...ถัดไปข้างหลังคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือหน้าต่างบานใหญ่ที่ติดลูกกรงไว้เช่นกัน  ภาพทิวทัศน์เมืองใหญ่ยามราตรีปรากฏอยู่ที่นั่น...พลันเด็กหนุ่มก็รู้สึกตัวเต็มที่...ที่นี่ที่ไหน!?...โลกของเขากับชุนคือห้องเล็ก ๆ ที่ไม่มีหน้าต่าง  ไร้ผู้คน  และไร้กาลเวลา...แล้วนี่เขาอยู่ที่ไหน  ชุนหายไปไหน?

ความหวาดกลัวแล่นเข้ามาจับหัวใจ  อยู่ ๆ เขาก็มาอยู่ในที่ที่ไม่รู้จัก  โลกของเขาหายไป...คนเพียงคนเดียวในโลกของเขาหายไป...เขาอยู่ที่ไหน  แล้วใครกันที่แตะต้องเขาเมื่อกี้นี้!?

โทโมกิยกมือขึ้นขยุ้มผมตัวเอง  ขดกายเกร็งแน่น  ดวงตาเบิกกว้างและส่งเสียงครางไม่ได้ศัพท์ออกมาด้วยความสับสน...ตรงไหนคือความจริง...ตรงไหนคือความฝัน...เหมือนแผ่นดินพลิกกลับ  เขาควรจะอยู่ตรงไหนของโลกใบนี้  คำถามที่ตอบไม่ได้ประดังเข้ามาในสมองในชั่ววินาทีนั้น...ที่นี่ที่ไหน  เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง  คนตรงหน้าเขาเป็นใคร  ชุนหายไปไหน  โลกที่เขาเคยรู้จักหายไปไหน  เขาออกมาจากห้องนั้นได้ยังไง...

แล้วร่างกายก็จำได้ถึงความเจ็บปวดบางอย่าง...ความรู้สึกแสบร้อนที่สะบักซ้าย  ลำคอถูกบีบรัดจนแทบจะแหลกราน  หายใจไม่ออก  เขาต้องการอากาศ...ชุน...ชุนกำลังจะฆ่าเขา...

เด็กหนุ่มหวีดร้องลั่น  เขาจำได้แล้ว...ชุนจะฆ่าเขา  ชุนบีบคอเขา...เขาเป็นของเล่นไร้ค่าที่จะถูกทำลายทิ้งเมื่อเจ้าของเบื่อมันแล้ว  เขาทำอย่างที่ชุนต้องการไม่ได้  เป็นอย่างที่ชุนต้องการไม่ได้  ชุนเบื่อเขาแล้ว  ชุนจะไม่กอดเขาอีกต่อไปแล้ว...ชุนจะฆ่าเขา!!

โอโนเสะคว้าร่างนั้นขึ้นมากอดไว้แน่น  อีกมือหนึ่งกดปุ่มเรียกแพทย์ฉุกเฉินแม้จะรู้ดีว่าเดี๋ยวพวกหมอและพยาบาลจะแห่กันมาด้วยเสียงของโทโมกิ

“ไม่เป็นไรแล้ว!  ไม่มีใครทำอะไรเธอได้แล้ว  วายะไม่อยู่ที่นี่!  ไม่มีใครทำร้ายเธอได้อีกแล้ว”

แต่เสียงนั้นส่งไปไม่ถึงเด็กหนุ่ม  โทโมกิยังคงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวอยู่เช่นนั้น  กระทั่งหมอเข้ามาและจัดการระงับอาการนั้นด้วยยาหนึ่งเข็ม


ยาฤทธิ์แรงให้ผลชะงัด  โทโมกิซุกกายขดซึมอยู่ในอ้อมแขนของโอโนเสะในเวลาไม่ถึงนาที  คราวนี้เขาได้ยินเสียงใครบางคนที่เหมือนจะลอยมาจากที่ไกลแสนไกล

“ไม่เป็นไร...วายะทำร้ายเธอไม่ได้อีกแล้ว  ไม่ต้องกลัวนะ”

โทโมกิค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง  รู้สึกว่าตัวเบาหวิวราวกับไร้น้ำหนัก  ในอ้อมกอดนี้อบอุ่นและปลอดภัย  เขาคงจะหลับลงได้อย่างเป็นสุข...


ในอ้อมกอดนี้ไม่มีกลิ่นบุหรี่และกลิ่นน้ำหอมหอมเย็น

...ที่นี่  ไม่มีชุน...




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: chompoonut139 ที่ 17-02-2012 20:43:22
มาม่าชามโต

แต่ชอบมากๆๆๆๆ

=,.=
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 17-02-2012 21:17:00
เอ่อ รู้สึกว่าตอนนี้เขียนดีมากๆ บรรยายดีมากๆเลยล่ะโดยเฉพาะความรู้สึกของโทโมะ ถึงมันจะน่ากลัวแบบโศกๆก็เหอะ

วันนี้นั่งดูcriminal mindตอนที่มีการกักขัง ข่มขืน แล้วกรีดทำรอยแผลบนตัวด้วย เราคิดถึงเรืี่องนี้เลย มีแค่คนร้ายที่อยู่ในโลกจินตนาการของตัวเอง คนภายนอกจะรู้สึกอีกอย่างเลย ส่วนเหยื่อ ต่างกับโทโมะแน่ๆ เพราะโทโมะมีปมทางใจที่เข้าล็อคกับวายะพอดี แต่ในหนัง...ช่างมันเถอะ 6ศพได้. ประเด็นที่อยากพูดถึงคือ เหยื่อลักพาตัวจะมีการปรับตัวตามสถานการณ์ ซึี่ง all i wantทำได้ดีมากๆๆๆ ยกนิ้วๆ ส่วนเรื่องที่ความบกพร่องของวายะกับโทโมะมันเข้ากันได้ เลยทำให้คดีกลายเป็นโรมานส์ไปเลย

(วันนี้เค้าจัดเต็มเรื่องคอมเม้นต์เลยเนอะ ^ ^)
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 17-02-2012 21:24:09
อ๊ากกกก สงสารน้องอ่ะ
ถึงว่าทำไมพอน้องหายแล้วถึงได้ติดใจว่าวายะจะฆ่าตัวเอง
ทั้งที่รักมากแท้ๆ
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 17-02-2012 21:25:34
คนเขียนเราสอบเสร็จแล้วเย่ ! ดีใจที่ได้สอบ  o22
เพราะมันทำข้อสอบไม่ได้

ดีใจมาก ! เริ่มเข้าใจเค้าลางเรื่องแล้วล่ะ
เพราะย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก ง่ำ ! แบบนี้นี่เอง
คุณลุงคนนั้น ชื่ออะไร ? เลยเอาโทโมะเป็นูกเลี้ยง
แล้ววายะก็เป็นบอดีการ์ด ..
แล้วปัจจุบันมันก็ถึงตอนที่โทโมะกำลังจะโดนข่มขืน
แล้วตอนพวกนี้กำลังย้อนอดีต 5555555555 55 แบบนี้เข้าใจถูกแล้วใช่มั้ย ?
แต่คนเขียนแต่งเก่งเว่อร์อ่ะ ทำไมชอบการเขียนแบบนี้ก็ไม่รู้
แบบวางพลอตเรื่องดีมากเลยอ่ะ กว่าจะเดาได้ก็เกือบครึ่งเรื่อง (หรือมีแต่เราที่กำลังเดาออก ?  :-[ )
ครึ่งเรื่องยัง ? อยากให้คนเขียนมาอัพบ่อยๆอ้า~ ว๊อนนนนนนนนนน นน  :z10:  :z10:
อยากอ่านตอนที่โทโมะจะโดนข่มขืนเร็วๆ จะรอดูว่าวายะจะมาช่วยทันมั้ย ?
ลุ้นจนตัวโก่งแล้วนะเนี่ยคนเขียน คิดถึงคนเขียนจัง ไปเที่ยวมาสนุกมั้ยค่ะ ?  :กอด1:
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: sanfran ที่ 17-02-2012 21:36:04
โมะ อยากอย่าต่อ มาต่ไวน้าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 17-02-2012 22:38:23
 :o12:อ่านแล้ว ความรู้สึกในตอนนี้คือ>> :m20:กดดัน แล้วก้อรอคอย มันทำให้มีความหวัง แต่ไม่รู้จะสมหวังรึเปล่า?
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 17-02-2012 22:40:59
โทโมะขาดวายะไม่ได้แล้วละสิท่า 
ลุ้นๆๆ อยากอ่านต่อๆ
รออ่านตอนต่อไปจ้า ^0^
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 17-02-2012 23:03:56
  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 18-02-2012 00:18:34
ความสัมพันธ์แบบจิตๆอาจจะเริ่มด้วยปมในอดีตของชุน
แต่เห็นอาการทั้งสองฝ่ายแล้ว .... สรุปได้อย่างเดียว
เคสนี้มันไม่ใช่ Sex Addiction แต่เป็น Love Addiction ชัดๆ
แยกกันไม่ได้หรอกคู่นี้ พอเห๊อะ ยิ่งแก่ยิ่งแย่นะเออ ขอเตือน
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 18-02-2012 02:57:27
โอ๊ย...ดรามามาก เด้กน้อยมีอาการทางจิตไปเสียแล้ว..
พี่ชุนจ๊๊ะ...แล้วจะทำยังไงเนี่ย? จะพาน้องออกจากความรู้สึกแบบนี้ได้ยังไง
เพราะชุนเองก็จะเอาตัวไม่รอดแย้ว..กร้าก..
ขอบคุณ และรออ่านต่อนะจ๊๊ะ
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: NYz ที่ 18-02-2012 04:02:23
ซู้ดดด~~ ซดมาม่า = =

แต่หนุกอ่ะ ชอบๆ >_<
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 18-02-2012 06:45:53
แล้วเมื่อไหรจะเข้าใจกัน
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 18-02-2012 07:52:14
อร๊ากกกกก  โทโมะอ่าา  :sad4:
เฮ้ออ~ จะสงสารใครดีล่ะเนี่ย??
รอตอนต่อไปฮะ ^^
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 18-02-2012 08:12:56
โทโมะกิ น่าสางสารที่สุด
ดูสับสนกับชีวิตเน้อะ ถูกขังซะนานเเยกไม่ออกเลย
วายะก็อันนี้ก็แอบสงสารเเต่ก็แอบสมน้ำหนักด้วย
ทำโทโมกิซะขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 18-02-2012 13:04:25




    ลูกแมวน้อยกะลังสับสน
    น่าสงสารจังเลยง่ะ T T



หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 18-02-2012 13:53:15
โทโมะเราเสพติดชุนอย่างแรง
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 18-02-2012 18:03:32
อยากรู้เรื่องรันจังเร็วๆจัง มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 18-02-2012 21:39:54
โมโมะกลัวหรือรักชุนกันแน่นะ
อารมณ์คนนี่ซับซ้อนจัง o13
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 19-02-2012 03:45:02
ไม่ค่อยได้อ่านพวก SM มากนะ เพราะไม่ใช่แนวนี้ แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้มาอ่าน แล้วก็ติดจนตามอ่านทัน ภายในคืนเดียว

สงสารทั้งโทโมะ ทั้งชุน แล้วก็คนรอบข้างนะ รู้สึกเจ็บปวด หายใจไม่ทัน อึดอัดอะ ไม่ใช่ฉากที่โดนกระทำหรือฉากรุนแรงทางกายนะ
แต่เป็นตอนที่บอกให้รู้ถึความรู้สึกของชุนที่มีต่อโทโมะ แล้วก็ตอนที่โทโมะคร่ำครวญหาชุนอะ เป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนดีจัง
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 19-02-2012 18:54:04
แบบนี้จะสงสารใคร..... ชุนหรือโทโมะดี


หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 19-02-2012 19:30:50
คือแบบ  คนเขียนสุดยอดมากก

ณ จุดนี้คือ หายใจไม่ออกเลยอ่ะ มันลุ้นมากกก

ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆมให้อ่านนะคะ


มันสนุกมาก อยากได้ซักเล่มเลย

รอต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: vocaloid ที่ 19-02-2012 19:53:29
สงสารโทโมะจัง ตงลงว่ารักหรือกลัวกันแน่อะ
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 19-02-2012 20:29:18
ก็เข้าใจนะคะ ว่าุชุนก็มีเหตุผลอ่ะ
แุถมยังเป็นพวกยึดติดอีกตะหาก
การกระทำที่ส่งผลมาจากจิตใจที่บิดเบี้ยว
เนื่องจากประสบการณ์ในอดีตที่เรายังไม่่ทราบ

ตอนนี้สงสารโทโมะมากกว่าค่ะ
ออกแนวสับสนแล้วนะเนี่ย
อยากรู้มากว่าจะรักษาอย่างไร
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: jitsupa apple ที่ 19-02-2012 20:37:06
อ่านตามทันแล้วววววว
 o13
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 20-02-2012 10:48:31
ตอนนี้บีบหัวใจมากอ่ะ
โทโมกิยังต้องการสัมผัสจากวายะเหมือนติดยาเสพติดก็ไม่ปาน
โอโนเสะที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็คิดเองว่าทำอย่างนี้ดี อย่างนั้นดี
แต่หารู้ไม่ว่า..โทโมกิไม้ได้ต้องการแบบนั้น มันค่อนข้างรุนแรงต่อจิตใจของโทโมกิมากเลยนะ
ส่วนวายะ...ใครคือรันจัง รันจังคือใคร...อีกไม่นานคงรู้กัน
แต่อยากให้วายรู้บ้างจังว่าตอนนี้โทโมกิเป็นยังไง
อาการโทโมกิสาหัสมากอ่ะ เข้าขั้นจิตอย่างรุนแรง
ชอบการสัมผัสแต่กลับระแวง อ่านไปจะร้องไห้อ่ะ
สงสารทั้งสองคน


สุดท้าย...ยังย้ำเหมือนเดิม เรื่องนี้คือ SM เรื่องแรกที่เราโคตรชอบเลย
อ่านวนไปเวียนมาอยู่นั่น...

คนเขียนอย่าลืมมาอัพอีกนะ ชอบเรื่องนี้จริงๆ

+ให้ทุกตอนแล้วจ้าาา

 o13 o13 o13 o13 o13 o13


ปล.ชอบตอนโอโนเสะเรียกโทโมกิว่าไอ้ตัวเล็กจัง ><
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: kim_khun_kwan ที่ 21-02-2012 06:18:42
ดอโนเสะ รีบๆปล่อยชุนมากอดเร็ว   :z3:
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 22-02-2012 20:58:53
เครียด เพราะโทโมะกิทรมานปานจะขาดใจ
เข้าใจผิดไปแล้ว ชุนเขาไม่ได้ตั้งใจจะฆ่านายนะ

แต่โอโนะเสะ ไปแตะต้องเด็กน้อยของชุน
เดี๋ยวลมหึงหวงอย่างกับหมาบ้าจะอาละวาดให้โรงพยาบาลแตกหรอก

โทโมะกิคงจะเกลียดชุนแน่เลย T^T
ชุนกลัมากอดและปลอบโยนเด็กน้อยทีเถอะ
เข้าใจมากขึ้น และได้รักกันสักที

แต่คงอีกนาน(รึ่ว) ก็นี่ไม่ใช่เรื่องสั้นนี่เนอะ
นึกๆ อยากให้เป้นเรื่องสั้น เพราะอยากให้ชุนกับโทโมะอยุ่ด้วยกันสักที

แต่ๆๆๆ รันจัง ใครกันนะ --?
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 23-02-2012 08:48:55
ก็เลยเป็นเหตุให้โอโนเสะรับโทโมะจังไปดูแลสินะ
สงสารวายะอะ..........
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 23-02-2012 14:45:07
วายะเป็นคอมติดไวรัสเหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 23-02-2012 16:45:07
มารออ่านค่ะ^^
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 23-02-2012 21:28:09
ชอบเรื่องนี้มาก T^T
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 24-02-2012 22:05:32
สวัสดีศุกร์สุดท้ายของเดือนครับ

All I want # 13

เกร็ดหิมะร่วงหล่นลงมาจากฝืนฟ้าสีเทาหม่นไม่ขาดสายและย้อมสรรพสิ่งบนพื้นดินเบื้องล่างให้กลายเป็นสีขาวโพลน  ในมหานครแห่งนี้หิมะไม่ค่อยตกหนักนัก  เมื่อนาน ๆ จะตกสักครั้งทิวทัศน์ตรงหน้าจึงดูแปลกตา  ว่ากันว่านี่อาจจะเป็นหิมะสุดท้ายของปี

โทโมกินั่งอยู่บนเตียงในห้องพักผู้ป่วยแผนกจิตเวช  ทอดสายตาเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างที่มีลูกกรงเหล็กกั้นไว้  แผลที่สะบักหายดีแล้วและสภาพร่างกายของเขาก็ฟื้นตัวเรียบร้อยแล้ว  มีเพียงจิตใจที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางดีนัก  แต่ก็นับว่าดีขึ้นมาเมื่อดูจากวันแรกที่ถูกพาตัวมาโรงพยาบาล

คำอธิบายที่หมอคาไซค่อย ๆ บอกกลับทำให้เด็กหนุ่มปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้  เหมือนกับเหตุการณ์และเรื่องราวบางอย่างมันหายไป  หมอบอกว่าอาจเป็นเพราะสมองได้รับความกระทบกระเทือนจากฤทธิ์ยากล่อมประสาทที่ได้รับมาเป็นเวลานานก็ได้  แต่รูกลวงโบ๋ในหัวใจนั้นกลับถูกถมเต็มทันทีที่โอโนเสะเป็นคนเล่าทุกอย่างให้ฟัง

“เธอถูกผู้ชายคนหนึ่งลักพาตัวไปเกือบสองเดือน  จำได้มั้ย?”  โอโนเสะเริ่มเรื่องมาอย่างนั้น  เล่นเอาหมอคาไซสะดุ้ง

โทโมกิพยักหน้า  จิกเล็บลงกับแขนตัวเองแน่น

“เขาลักพาตัวเธอไปกักขัง...และทารุณกรรม...”  ประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์นิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดให้ชัดๆ  “...เขาข่มขืนเธอ”

“โอโนเสะซัง!?”  คนเป็นหมอร้อง

“คุณอยู่เฉย ๆ เถอะ”  โอโนเสะปรามพลางสังเกตอาการของโทโมกิ

เด็กหนุ่มตัวสั่นเทากอดตัวเองแน่น  ดวงตาเบิกกว้าง  หมอคาไซก็มองโทโมกิอย่างหวั่นกลัวว่าเด็กหนุ่มอาจจะกรีดร้องขึ้นมาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง  ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นการรักษาอาจจะต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่จากศูนย์...โอโนเสะเสี่ยงเหลือเกิน

แต่เมื่อผ่านไปหลายนาทีแล้วโทโมกิไม่ได้แสดงอาการคุ้มคลั่งออกมา  โอโนเสะก็พูดต่อ

“ไม่ใช่แค่ข่มขืน  เขายังใช้ยากล่อมประสาทกับเธอด้วย  นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงจำเรื่องราวอะไรไม่ค่อยได้  และไม่มีสติในบางครั้ง”

โทโมกิพยักหน้า  รูปร่างของอะไรบางอย่างค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในสมอง  ความทรงจำหลากหลายค่อย ๆ หวนคืนมา  แม้จะยังผสมปนเปกันชวนสับสนอยู่บ้าง  แต่ก็ไม่ว่างเปล่าเสียทีเดียว

“และที่ร้ายแรงที่สุด...”  โอโนเสะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ  “เขาสลักชื่อของตัวเองไว้บนหลังของเธอ”

เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปจับสะบักซ้ายของตนทันที...นั่นเองหรือ  สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดทรมานมาตลอด...มันคือรอยแผลที่ถูกกรีดลงบนร่างของเขางั้นหรือ

ภาพของใครบางคนค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้นในความทรงจำ  เรือนผมสีทองยาวประบ่า  จมูกโด่งเป็นสัน  เรือนร่างสูงใหญ่และรูปหน้าที่ไม่อาจบอกชาติพันธุ์ได้ชัดเจนนั้น...รวมไปถึงกลิ่นอายกรุ่นหอมที่เจือมากับกลิ่นบุหรี่...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะลืมคนคนนั้นไปได้...

...คนโหดร้ายคนนั้น...

“เธอจำเขาได้มั้ย?”

คำถามของโอโนเสะเหมือนสายฟ้าที่ฟาดเปรี้ยงลงกลางหัวใจ...มีหรือ  ที่โทโมกิจะจำไม่ได้...

“รู้จักชื่อของเขามั้ย?”

...ไม่เพียงแต่รู้จัก  หากนั่นคือชื่อเพียงชื่อเดียวที่เด็กหนุ่มเรียกมาตลอดเวลาที่อยู่ในห้องนั้น...

โทโมกิพยักหน้า


“...ชุน”


จากวันนั้นที่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด  โทโมกิมักจะนั่งนิ่งเงียบอยู่บนเตียงแล้วเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง  และจะนั่งอยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมง ๆ  แม้หมอคาไซกับพยาบาลออกจะเป็นห่วงว่าเด็กหนุ่มจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าแทรกซ้อน  แต่จากการพูดคุยหลายครั้งก็พบว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง  เพียงแต่โทโมกิดูจะสับสนกับอะไรบางอย่างในใจที่ยังไม่สามารถบอกกับใครได้

“ไง  ไอ้ตัวเล็ก  กินข้าวหรือยัง?”  โอโนเสะซึ่งมาเยี่ยมโทโมกิแทบทุกวันเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับทักทายทันที

“กินแล้วครับ”  เด็กหนุ่มตอบเบา ๆ  เขาคุ้นเคยกับผู้ชายคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่สติสตังของเขาเริ่มเข้าที่เข้าทางดีขึ้น  โอโนเสะมาเยี่ยมเขาบ่อยกว่าพ่อตัวเองล้านเท่า

“คืนนี้ฉันมีงาน  เลยมาแต่วันหน่อย”  โอโนเสะนั่งลงข้างเตียง  “ดูหิมะอยู่เหรอ?”

โทโมกิพยักหน้าแล้วทอดสายตามองหิมะอีกครั้ง  “ผม...เคยคิดว่า...จะไม่ได้เห็นอีกแล้ว”

“ตอนที่อยู่กับวายะน่ะเหรอ?”  โอโนเสะถามราบเรียบราวกับมันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร

หนุ่มน้อยผู้เคราะห์ร้ายยกมือขึ้นแตะรอยแผลที่สะบักซ้ายด้วยอาการสะดุ้ง  กอดตัวเองไว้สั่นไปทั้งร่าง  แต่ก็ยังพยักหน้าตอบคำถามของโอโนเสะ

“ถูกขังไว้นาน  ก็คงจะคิดแบบนั้นบ้างละนะ”  มือใหญ่วางลงบนเรือนผมสีดำนุ่มมือเบา ๆ

“ไม่ใช่...”  โทโมกิเค้นเสียงออกมา  หากแทบจะไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ  “ผมคิด...ตอนที่...”

มือเล็กเลื่อนมาแตะลำคอของตน  ที่นั่นยังมีรอยช้ำสีม่วงจาง ๆ มองเห็นได้ชัด  โอโนเสะมองอาการนั้นแล้วก็เข้าใจ  โทโมกิจดจำตอนที่ถูกวายะบีบคอได้และหวาดกลัวเกินจะเอ่ยออกมา...เด็กคนนี้เฉียดใกล้ความตายนิดเดียว  ถ้าเพียงแต่เขาจะเข้าไปช้ากว่านั้นอีกแค่นาทีเดียวเท่านั้น

“ไม่เป็นไร  ไม่ต้องกลัว  เธอเข้มแข็งออกอย่างนี้  หมอนั่นทำอะไรเธอไม่ได้แล้วละ”

เด็กหนุ่มระบายใจอย่างติดขัดแล้วพยักหน้าน้อย ๆ ทั้งที่ตัวยังสั่น  คำพูดของโอโนเสะทำให้ใจเขาสงบลงได้อย่างน่าประหลาด

“เอาละ  เธอพักสักหน่อยดีกว่า  อากาศหนาว ๆ แบบนี้เหมาะที่จะขดอยู่ในผ้าห่มอุ่น ๆ แล้วหลับให้สบาย  รู้มั้ย?  ขนาดฉันเองยังอยากนอนเลย”  โอโนเสะบอกพลางตบหมอนให้

“ก็นอนสิครับ”  โทโมกิพูดออกไปอย่างที่ใจคิด

“ยังมีงานรอฉันอยู่อีกเยอะน่ะ  เธอนอนเผื่อฉันด้วยแล้วกันนะ  ไอ้ตัวเล็ก”

“ไม่ใช่ไอ้ตัวเล็กนะฮะ”  เด็กหนุ่มทำหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมเอนตัวลงนอนโดยดี

“หึ...ถ้าไม่อยากให้เรียกแบบนี้ก็กินเยอะ ๆ นอนเยอะ ๆ โตเร็ว ๆ แล้วฉันจะไม่เรียก”  ท่านประธานของลูนาติก  ลัสท์ยิ้มอย่างอ่อนโยน  ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเล็กให้  “เอาละ  ฉันไปก่อนนะ  ถ้าว่างจะมาเยี่ยมอีก”

“ครับ”  โทโมกิตอบแล้วหลับตาลง  หูเงี่ยฟังเสียงฝีเท้าที่เดินจากไปและตามด้วยเสียงปิดประตู

ทันทีที่ออกมาจากห้องพักผู้ป่วย  โอโนเสะก็เจอหมอเข้าของไข้ของโทโมกิที่ยืนรออยู่แล้ว

“พูดเรื่องน่ากลัวกับเด็กได้หน้าตาเฉยเลยนะครับ  โอโนเสะซังเนี่ย”  หมอคาไซส่ายหน้าหากมีรอยยิ้ม  คำพูดและการกระทำของโอโนเสะทำเขาใจหายใจคว่ำมาหลายหนแล้ว  แต่นั่นดูจะเป็นผลดีกับโทโมกิ

“ถ้าเด็กมันรับเรื่องร้ายแรงที่สุดได้  เดี๋ยวมันก็หายเอง  ประหยัดเวลาดีด้วยน่ะครับ”  โอโนเสะตอบยิ้ม ๆ

“แต่น่าตกใจไปหน่อยนะครับ”

“ก็นะ  ว่าแต่  อาการแบบนี้นี่ถือว่าดีหรือเปล่าครับ?”

“สุดยอดเลยละครับ  ถือว่าฟื้นตัวเร็วมาก  โดยเฉพาะในด้านจิตใจ...บางทีวิธีการของโอโนเสะซังอาจจะดีกว่าที่ผมร่ำเรียนมาก็ได้นะครับ”

“อย่าเอาวิธีห่าม ๆ แบบนี้ไปใช้กับใครเลยครับ  กรณีของเจ้าเด็กนั่นมันเข้มแข็งด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว  ไม่งั้นตอนรู้เรื่องทั้งหมดคงคลั่งไปแล้วละครับ  ผมแค่ลองดูเผื่อฟลุ๊คแล้วมันก็ดันได้ผล”  โอโนเสะพูดทีเล่นทีจริงจนหมอคาไซไม่อยากจะเชื่อถือ  “แล้ว...แบบนี้พอจะออกจากโรงพยาบาลได้หรือยังครับ?”

“จะว่าได้ก็ได้แล้วนะครับ  เพียงแต่ต้องคอยระวังไม่ให้ไปอยู่ในจุดที่กระตุ้นแผลในใจเข้า  ถ้าไม่เจอคนที่ทำร้ายเขาไปเลยตลอดชีวิตได้ก็จะดีละครับ  ส่วนเรื่องแผลนั่น...อีกไม่นานก็จะคุ้นชินแล้วลืม ๆ มันไปได้เอง”

“ก็คงจะไม่ได้เจอแล้วละ”

โอโนเสะไม่เคยนึกห่วงเรื่องวายะแม้แต่น้อย  ตราบใดที่อีกฝ่ายเป็นวายะ  เขาเชื่อว่าเขาสามารถจัดการควบคุมทุกอย่างได้  วายะทำอะไรโหดร้ายอย่างนั้นลงไปก็จริงแต่ก็ไม่ใช่คนบ้าคลั่งไร้เหตุผล  ดูจากที่ยอมรับโทษแต่โดยดีนี่ก็ได้  มันแปลว่าโฮสต์หนุ่มรู้ดีถึงความผิดของตน...แต่นั่นอาจเพราะวายะทำใจเอาไว้แล้วก็ได้  ว่าสักวันจะต้องถูกแยกจากโทโมกิไปตลอดกาล  และเพราะทำใจไว้อย่างนั้นถึงได้สลักชื่อของตนลงไปบนร่างของเด็กหนุ่ม...เมื่อตีตราความเป็นเจ้าของไว้แล้ว  ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องดิ้นรนให้ได้ครอบครองโทโมกิอีก

ที่โอโนะเสะเป็นห่วงจริง ๆ คือสภาพครอบครัวของโทโมกิต่างหาก  เท่าที่ดูด้วยตาและได้ยินจากหมอกับพยาบาลแล้ว...พูดได้คำเดียวว่าย่อยยับ  สำหรับเขาแล้วนั่นไม่เรียกว่าครอบครัวเสียด้วยซ้ำ  แล้วจะต้องส่งโทโมกิที่สภาพจิตใจยังไม่สมบูรณ์พร้อมกับไปอยู่กับพ่อแม่แบบนั้น...บางทีให้อยู่กับวายะเสียยังจะดีกว่า...แต่ก็ไม่มีทางเลือก  โทโมกิยังไม่บรรลุนิติภาวะ  จำเป็นจะต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง  แต่ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย  ให้ตายสิ...

เอาเถอะ...อะไรที่เขาทำได้และควรจะทำ  เขาก็ได้ทำไปหมดแล้ว  กังวลใจกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึงไปก็เปล่าประโยชน์...โอโนเสะกล่าวลาแพทย์ผู้ดูแลโทโมกิแล้วมุ่งหน้าไปจัดการกับงานของตนเองต่อ

...

ประตูห้องพักหรูหราของแมนชั่นชั้นสูงในย่านที่อยู่อาศัยราคาแพงถูกเปิดออก  ห้องชุดนั้นสะอาดเอี่ยมและเรียบร้อยราวกับเป็นห้องตัวอย่างไม่ใช่ห้องที่มีคนอาศัยอยู่จริง

“เอ้า  เข้าไปสิ  จะรอให้ใครเชิญหรือไง”  เสียงแหลม ๆ แหวขึ้นที่หน้าประตู

ร่างเล็ก ๆ ที่มีผมดำยาวเลยบ่าจึงก้าวช้า ๆ เข้ามาในห้องด้วยท่าทางลังเล  เด็กหนุ่มมองไปรอบ ๆ ห้อง  เขาไม่ได้เห็นที่นี่มานานเหลือเกิน  ในความรู้สึกแล้วมันยาวนานกว่าระยะเวลาที่เขาจากไปหลายเท่า...ทั้งที่อาศัยอยู่ที่นี่มาตลอด  แต่เขาไม่เคยรู้สึกหรือสังเกตเลยว่ามีแจกันดอกไม้ตั้งอยู่บนโต๊ะกินข้าว  ทั้งห้องนั้นก็กว้างใหญ่จนรู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก...เขาไม่คุ้นเคยกับห้องนี้เลย

กระเป๋าใส่เสื้อผ้าใบเขื่องถูกโยนโครมลงบนพื้นห้อง  ตามด้วยเสียงปิดประตูที่ค่อนข้างจะดังเกินจำเป็น

“สะอาดดีนี่  แม่บ้านบริษัทนี้นี่ดีแฮะ  ขนาดไม่มีคนอยู่ยังดูแลได้เยี่ยม”  เสียงห้าว ๆ ของชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยความพึงพอใจ

“เหอะ!  ถ้าไม่มีของหายเลยละก็นะ”  ผู้หญิงที่เข้ามาก่อนกระแทกเสียงอย่างประชดประชัน

“ไม่เคยมีอะไรหายไม่ใช่เรอะ”

“ที่มันไม่หายเพราะโทโมกิอยู่บ้าน”

“คุณก็รู้ว่ามันไม่เคยอยู่บ้าน”  ฝ่ายชายทำเสียงเย้ย ๆ  “ออกไปแรดอยู่นอกบ้านจนเป็นเรื่องนี่ไง  ใช่มั้ย  โทโมกิ?”

เด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะเหลือบตากลับไปมองสองคนที่ทุ่มเถียงและประชดประชันกัน  เขาล้วงมือลงในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตแล้วลูบไล้กระดาษแข็งแผ่นหนึ่งเบา ๆ ราวกับจะขอความเชื่อมั่นจากมัน

“อย่ามาพูดอย่างนี้นะ  คุณหมอบอกไว้แล้วไม่ใช่หรือไง?”  คนเป็นแม่เริ่มขึ้นเสียง

“แล้วยังไง?  มันก็รู้ตัวดีอยู่แล้วนี่ว่ามันทำอะไรลงไป”

โทโมกิยืนนิ่ง  ใช่...เขารู้ว่าทำอะไรลงไป  และมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแม่ของเขาเลย

“เหอะ!  เถียงไม่ออกละสิว่าแกสร้างความเดือดร้อนแค่ไหน  แกมันก็เหมือนแม่แกนั่นแหละ”

“อย่ามาว่าฉันนะ!!”

“ก็ถ้าคุณอยู่กับมัน  เรื่องพรรค์นี้ก็ไม่เกิดขึ้นหรอก  แล้วนี่นะ...ยังมีเรื่องยุ่ง ๆ ที่ผมต้องจัดการอีกเยอะเลย  อย่างน้อยก็เรื่องโรงเรียน...แต่ที่จริงเขาก็คงอยากเฉดหัวมันออกมาเต็มทีแล้วละมั้ง  ครูฝ่ายปกครองของแกคงจะสบายใจขึ้นแล้วละ  โทโมกิ  อย่างน้อยก็หมดตัวปัญหาไปอีกคน”

“จะให้ย้ายโรงเรียนเหรอ?”  หัวข้อสนทนาเปลี่ยนมาที่เรื่องนี้ทันที

“แหงละ  หรือคุณจะเป็นคนไปตอบคำถามว่าไอ้ลูกชายตัวดีของคุณมันไปทำอะไรถึงได้หายหัวไปเป็นเดือน”

“แต่เข้าโรงเรียนใหม่มันต้องใช้เงินไม่น้อยเลยนะ”

“อ้อ  แปลว่าคุณจะไปบอกเขางั้นสิ”

“มันเป็นเหตุจำเป็นที่อธิบายได้นะ”

“งั้นคุณก็ไปอธิบายเลยสิว่า  ลูกชายคุณออกไปแรดนอกบ้านจนถูกไอ้หน้าไหนก็ไม่รู้ลักพาตัวไปกักขังน่ะ”

“คุณ!?”
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 24-02-2012 22:15:59
ผู้เป็นแม่ตะโกนด้วยเสียงอันดัง  และฝ่ายพ่อก็พอจะรู้สึกตัวได้ว่าเขาพูดมากเกินไปเสียแล้ว  ทั้งสองลอบมองเด็กหนุ่มที่ยังยืนนิ่งอยู่กลางบ้าน

โทโมกิไม่ได้สะดุ้งสะเทือน  เขาคุ้นชินกับการทำหูทวนลมเมื่อได้ยินบทสนทนาของพ่อแม่มานานแล้ว  ไม่มีอะไรที่ควรจะเก็บมาใส่ใจ  เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นเขาคงเป็นบ้าไปนานแล้ว  ค่าที่ว่าพ่อไม่เคยเห็นอะไรดีในตัวเขา  และแม่ก็ไม่เคยทำอะไรเพื่อปกป้องเขาแม้แต่น้อย...ดีก็แต่ว่าทั้งสองไม่เคยลงไม้ลงมือกับเขาเท่านั้น

“เฮอะ!  ช่างมันเถอะ  มาว่าเรื่องที่ต้องจัดการกันดีกว่า”  พ่อเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาชุดที่ตั้งอยู่กลางห้องนั่งเล่น

“เรื่องโรงเรียนสินะ”  ผู้เป็นแม่เดินไปนั่งด้วย  แต่เป็นที่โซฟาอีกตัวหนึ่งในมุมที่ห่างที่สุดราวกับเธอไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้มากไปกว่านี้อีกแล้ว

“ใช่  คุณไปหาโรงเรียนใหม่มาซะ  ยังมีเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะเปิดเทอมกลาง”  เพราะการเข้ารักษาตัวทำให้โทโมกิไม่สามารถเข้าเรียนในฤดูใบไม้ผลิได้  จึงต้องเลื่อนการเข้าไปเรียนไปเป็นตอนฤดูใบไม้ร่วงแทน  และอาจจะต้องซ้ำชั้น

“ทำไมถึงต้องเป็นฉัน!?”

“ก็มันเป็นหน้าที่ของแม่ไม่ใช่หรือไง”  คนเป็นพ่อย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องที่เธอควรจะรู้อยู่แล้ว

“แล้วคุณจะให้ฉันไปบอกเขายังไงไม่ทราบ”

“ก็บอกว่ามันป่วยหนักหรือประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บร้ายแรงอะไรมาก็ได้  ได้ทั้งนั้นแหละ  อ้อ  เป็นโรงเรียนประจำได้ยิ่งดี  มันจะได้ไม่ออกไปหาเรื่องใส่ตัวที่ไหนอีก”

“โรงเรียนประจำ!?”  คนเป็นแม่ขึ้นเสียงสูง  “จะหาเงินที่ไหนมายัดมันเข้าไปไม่ทราบยะ?”

“ก็เงินที่ไอ้แก่นั่นจ่ายมาเป็นค่าปิดปากเราไง”

โทโมกิสะดุ้งเฮือก  เขารู้ว่าโอโนเสะจ่ายเงินให้พ่อแม่ของเขาเป็นจำนวนไม่น้อยเพื่อแลกกับการที่ทั้งสองจะไม่ฟ้องร้องเอาเรื่องวายะซึ่งเป็นเด็กในสังกัดของตน  แม้ความทรงจำจะไม่ปะติดปะต่อนัก  แต่โทโมกิก็อยู่ด้วยในตอนที่โอโนเสะเจรจากับทั้งสองคน  ตอนนั้นเองที่เขาถึงได้รู้ว่าวายะเป็นถึงโฮสต์อันดับหนึ่งอันเป็นแหล่งรายได้ใหญ่ของลูนาติก  คลับซึ่งโอโนเสะไม่ต้องการเสียไปเพราะต้องถูกไต่สวนและมีคดีติดตัว  และเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะลามมาถึงบริษัทต้นสังกัด  โอโนเสะยินดีจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อตัดความยุ่งยาก  แน่นอนว่าพ่อกับแม่ของเขาที่ไม่ได้อยากมีเรื่องถึงโรงถึงศาลอยู่แล้วรีบตะครุบเงินก้อนนั้นทันที...เพราะรู้อยู่แล้ว  โทโมกิจึงไม่ได้ตกใจเรื่องที่โอโนเสะจ่ายเงินปิดปากพ่อแม่เขา  แต่ตกใจจนสะดุ้งเพราะได้ยินพ่อเรียกโอโนเสะว่าไอ้แก่ต่างหาก

ผู้ชายพรรค์นี้ไม่มีสิทธิ์จะมาเรียกโอโนเสะที่คอยดูแลเขามาตลอดในขณะมันไม่เคยมาดูดำดูดีเขาแบบนั้น!

โทโมกิเดินไปที่ประตูห้องแล้วกระชากมันเปิดอย่างรวดเร็ว

“นั่นแกจะไปไหน  โทโมกิ?”  พ่อของเด็กหนุ่มตะโกนถามทันที

มือที่จับค้างไว้ที่ประตูสั่นน้อย ๆ  แต่เสียงที่ตอบกลับมาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด  “ไม่เกี่ยวกับคุณ!”

เด็กหนุ่มกระแทกประตูปิดแล้วก้าวยาว ๆ ตรงไปยังลิฟท์ที่เพิ่งขึ้นมาเมื่อครู่  เขารู้ว่าไม่มีใครตามเขามาแน่  จากนี้ไปก็จะมีแต่เสียงทะเลาะทุ่มเถียงกับลั่นบ้าน  บางทีคนข้างห้องอาจจะนึกแปลกใจเพราะไม่ได้เกิดเรื่องเอะอะแบบนี้มานานแล้วนับตั้งแต่สามีภรรยาคู่นี้ต่างก็ไปอยู่กับชู้รักโดยทิ้งลูกชายไว้ที่นี่คนเดียว

โทโมกิเดินย่ำไปบนทางเท้าที่มีกลีบซากุระกระจายอยู่ประปรายอย่างไร้จุดหมาย  เขาเพียงแต่โกรธจนระงับไม่ได้  หากต้องอยู่ในห้องนั้นต่อไปเรื่องมันคงเลยเถิดไปถึงการทะเลาะกับพ่อเป็นแน่...เขาไม่อยากทำ  ครั้งสุดท้ายที่เขาทะเลาะกับพ่อ  พ่อตบเขาด้วยความลืมตัวแล้วก็หันไปเล่นงานแม่เสียหนัก  ซึ่งแม่ก็เอาเรื่องนี้กลับมาด่าเขาอีกทีหนึ่ง...ซวยทั้งขึ้นทั้งล่อง  ดังนั้นเขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ชวนให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีก

แต่จะไปที่ไหนดี...โทโมกิชะลอฝีเท้าลง  เขาผลุนผลันออกมาโดยไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองไม่มีเงินสักเยนเดียว  แม้จะเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้วแต่อากาศยังคงหนาวและเขาก็ไม่มีปัญญาจะเข้าไปอาศัยร้านอาหารหรือคาเฟ่ที่ไหนเพื่อหลบหนาวจนกว่าพ่อกับแม่จะแยกย้ายกันกลับรังรักของตนด้วย...ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร  บางทีสองคนนั้นอาจจะคุยเรื่องเขานานกว่าที่คิด

มือเล็กซุกลงในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตเพื่อหาไออุ่น  พลันก็สัมผัสกับแผ่นกระดาษแข็ง  โทโมกิรีบดึงมันขึ้นมาทันที  สิ่งนั้นคือนามบัตรของโอโนเสะ  ฮิซาโนบุที่ให้เขาไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน

“เดี๋ยวเธอก็จะกลับบ้านได้แล้ว”  โอโนเสะบอกกับเด็กหนุ่มในวันนั้น  “ทีนี้  ที่ฉันเป็นห่วงคือครอบครัวของเธอ”

โทโมกิพยักหน้า  ไม่ต้องพูดอะไรมากเขาก็รู้ว่าโอโนเสะเป็นห่วงเรื่องอะไร

“ถ้ามีปัญหาอะไร...”  ชายผู้มากด้วยวัยสอดมือเข้าในไปเสื้อสูทแล้วดึงเอานามบัตรออกมาส่งให้เขา  “ติดต่อมาหาฉัน  เข้าใจนะ”

...อย่างตอนนี้ถือว่ามีปัญหาหรือเปล่านะ...โทโมกิถามตัวเอง  ถ้าติดต่อไปตอนนี้จะน่าเกลียดหรือเปล่า  เขาเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลมาวันนี้เอง

เด็กหนุ่มอ่านตัวหนังสือเล็ก ๆ บนนามบัตรเรียบหรูนั้น  โทรศัพท์มือถือของเขาคงจะถูกวายะโยนทิ้งไปแล้วและเขาไม่มีเงินจะโทรศัพท์ไปหาโอโนเสะก็จริง  แต่ถ้าไปตามที่อยู่นี่อาจจะได้เจอก็ได้  แต่...มันจะดีจริง ๆ น่ะเหรอ...

ทั้งที่ความคิดยังสับสน  โทโมกิก็เดินเรื่อยมาจนถึงย่านที่เขียนไว้ในนามบัตร  กว่าจะมาถึงที่นี่ก็เป็นเวลาที่เมืองแห่งสีสันเริ่มตื่นจากหลับใหล  ร้านรวงและผับบาร์เปิดไฟสว่างไสวสวยงาม  หนุ่มสาวหน้าตาดีเริ่มออกมาเรียกแขกตามท้องถนน  โทโมกิแทรกฝูงชนไปตามทางเดินพลางมองหาตึกอันน่าจะเป็นสถานที่เขียนเอาไว้ในนามบัตร

พลันเด็กหนุ่มก็ชะงัก  เขารู้จักที่นี่...รู้จักเมืองแห่งสีสันนี้  ไม่ใช่แค่รู้จัก  แต่ถึงขั้นคุ้นเคยเลยทีเดียว  ในเมื่อเขามักจะมาเที่ยวเตร่แถวนี้อยู่บ่อย ๆ...รวมถึงวันที่เจอกับวายะก็ด้วย

หัวใจของเด็กหนุ่มกระตุกวาบ  สองเท้าพาตัวเองมุ่งไปตรงสัญชาตญาณ...ที่อยู่ในนามบัตรนี่คงไม่ใช่...!!

ไม่ผิดเลย...โทโมกิมายืนอยู่หน้าตึกแห่งหนึ่งแล้วแหงนหน้าขึ้นมอง  ชั้นล่างตรงหน้าเขาคือโฮสต์คลับที่ติดป้ายเอาไว้ว่า  “ลูนาติก  คลับ”  หากป้ายไฟที่ติดไว้ข้างตึกมีรายชื่อสถานประกอบการเรียงรายอยู่บอกให้รู้ว่าชั้นบน ๆ คือบริษัทลูกของลูนาติก  ลัสท์  และสำนักงานใหญ่ของลูนาติก  ลัสท์เองด้วย

เด็กหนุ่มมองเข้าไปที่ตรอกเล็ก ๆ ข้างตึกนั้นแล้วก็สะท้านเยือกไปทั้งร่าง  เขาจำได้...ที่นั่น...จุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดทั้งปวงอยู่ที่นั่น

“ถ้าจะมาหา  ก็เข้าทางด้านหลังล่ะ”  เสียงของโอโนเสะในวันนั้นผุดขึ้นมาในหัว

ด้านหลังของตึก  จะต้องเดินผ่านตรอกนั้นเข้าไป...มันอาจจะมีทางอื่นอีกแต่เขาไม่รู้...ต้องเดินผ่านเข้าไปงั้นหรือ  ทางเดินมืด ๆ แคบ ๆ นั่น...ถ้าหากว่า...กลางทางนั้นมีใครบางคนยืนอยู่ล่ะ...ถ้าใครคนนั้น...

โทโมกิก้าวถอยหลังด้วยสองขาที่สั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้  เขาไม่กล้าเข้าไป  ไม่ว่ายังไงก็เข้าไปในตรอกนั้นไม่ได้...เขากลัว  ยอมรับด้วยหัวใจเลยว่ากลัว...กลัวมากกว่าตอนที่นั่งฟังโอโนเสะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเขาให้ฟังเป็นครั้งแรกเสียอีก

แต่นั่นคือหนทางเดียวที่จะไปหาโอโนเสะ...ทว่าเขาเข้าไปไม่ได้...แบบนี้การที่เขาอุตส่าห์มาถึงที่นี่ก็ไม่มีความหมายอะไรเลย

ในตอนที่โทโมกิกำลังยืนนิ่งอยู่หน้าตึกลูนาติก  ลัสท์อย่างสิ้นหวัง  เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลัง

“เด็กที่ไหนมายืนเกะกะอยู่เนี่ย?”

เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัว  รีบหันกลับไปดู...คนตรงหน้าเขาคือชายหนุ่มร่างสูงเพรียว  เรือนผมสีแดงยาวเคลียบ่า...ผมสีแดง!?  นี่มันกุหลาบเพลิงที่เป็นยอดปรารถนาของวายะไม่ใช่หรือ

โทโมกิถอยกรูด  ไม่ผิดแน่...เขาไม่มีทางจำผิดไปได้  ในเมื่อได้เห็นหน้าผู้ชายคนนี้ในดีวีดีนับครั้งไม่ถ้วนตอนที่ถูกวายะขังไว้ในห้องนั้น  และยังได้เห็นตัวจริงแวบหนึ่งที่หน้าห้องของวายะอีกด้วย

“เธอ...”  หางเสียงของคิริฮาระขาดหายไปในลำคอ  เขาเองก็จำเด็กคนนี้ได้เช่นกัน  ไม่ใช่แค่จากภาพประกาศหาคนหายของตำรวจ  แต่แค่พริบตาที่ได้เจอกันวันนั้น  เด็กหนุ่มคนนี้ก็ฝังอยู่ในความทรงจำของเขามาตลอด...เด็กผู้ชายที่วายะปรารถนาจนถึงขั้นทำเรื่องร้ายแรงขนาดนั้นลงไป

คิริฮาระรู้ว่าโอโนเสะนำเด็กคนนี้ไปรักษาตัวในโรงพยาบาล  วันนั้นเขาก็อยู่ที่นั่นด้วย...แต่...เด็กคนนี้มาทำอะไรที่นี่?

นายแบบหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง  “มาทำอะไรเหรอ?”

โทโมกิยังคงจ้องมองคนตรงหน้าด้วยแววตาหวาดหวั่น  เขายังปรับความรู้สึกไม่ได้เมื่ออยู่ ๆ คนที่วายะเคยพยายามเคี่ยวเข็นให้เขาเป็นอย่างนั้นก็มาปรากฏตัวตรงหน้า  ยิ่งเห็นกันในระยะใกล้แบบนี้...โทโมกิบอกกับตัวเองว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเป็นอย่างผู้ชายคนนี้ได้  ต่อให้วายะจะฆ่าเขาก็เถอะ...คนตรงหน้าสูงสง่าและมีบรรยากาศแปลกประหลาดที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ลึกลับบางอย่าง  ท่าทางของเขาดูไม่น่าจะเป็นคนที่ทำงานแบบเดียวกับวายะได้เลย  ซ้ำยังแตกต่างจากในดีวีดีอย่างสิ้นเชิง

คิริฮาระมองเด็กหนุ่มอย่างนึกเห็นใจ  เด็กคนนี้มาที่นี่ด้วยเหตุอะไรไม่รู้  แต่การมายืนในที่ที่ตัวเองถูกลักพาตัวไปคงจะทำให้หวาดกลัวมากสินะ  แล้วชายหนุ่มก็เหลือบไปเห็นนามบัตรในมือเล็ก ๆ

“มาหาใครที่นี่เหรอ?”  เขาถามแม้เกือบจะแน่ใจแล้วว่าเด็กหนุ่มมาหาใคร

“อะ...เอ้อ...”  โทโมกิตอบไม่ถูก  ได้แต่ยื่นนามบัตรให้นายแบบหนุ่ม

คิริฮาระรับมาดูแล้วก็พยักหน้าน้อย ๆ...ไม่ผิดจริง ๆ  เด็กคนนี้มาหาโอโนเสะ...เขาส่งนามบัตรคืนให้

“เข้าด้านหน้าไม่ได้หรอกนะ  ต้องเข้าทางประตูหลังสำหรับพนักงานน่ะ”  ว่าพลางพยักเพยิดไปทางตรอกเล็ก ๆ ข้างตึกนั้น

เพียงแค่มองเข้าไป  โทโมกิก็ผงะถอยอีกครั้ง...เขาเกือบจะแน่ใจว่าเห็นเงาของใครบางคนอยู่ในนั้นด้วยซ้ำ

คิริฮาระเห็นอาการนั้นแล้วก็ขมวดคิ้ว  “กลัวเหรอ?”

ร่างที่สั่นน้อย ๆ พยักหน้ารับ  นายแบบหนุ่มไม่ถามอะไรอีกแต่จับมือเด็กหนุ่มไว้  โทโมกิเงยหน้าขึ้นมองคิริฮาระอย่างไม่เข้าใจ

“มากับฉัน  ฉันจะพาเธอไปหาโอโนเสะซังเอง  ฉันกำลังจะไปพบเขาพอดี”  เมื่อเห็นหนุ่มน้อยยังคงมองเขาด้วยความหวั่นกลัว  คิริฮาระก็ยิ้ม  “ไม่ต้องห่วง  ฉันไม่พาเธอไปไหนหรอก  ขืนแตะต้องเธอโอโนเสะซังก็เล่นฉันตายพอดี  ไปด้วยกันนะ”

แม้จะยังไม่มั่นใจนัก  แต่โทโมกิก็ตัดสินใจจะเชื่อผู้ชายคนนี้  อะไรบางอย่างในน้ำเสียงทำให้เขารู้สึกไว้วางใจ

มือเรียวเอื้อมมาโอบไหล่เด็กหนุ่มดึงเข้าไปใกล้แล้วพาเดินไปยังตรอกเล็ก ๆ นั้น  ทันทีที่ย่างเท้าเข้าไปสู่เงามืด  โทโมกิก็ดึงเสื้อแจ็กเก็ตของคิริฮาระไว้แล้วหยุดเดิน...ไม่สิ  สองขาของเขาก้าวต่อไปไม่ได้  ความหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจสั่งให้มันหยุดอยู่กับที่  ทั้งร่างสั่นมากกว่าเดิม

หากมือที่โอบไหล่เขาไว้ตบเบา ๆ  “อย่ากลัว  ค่อย ๆ เดินก็ได้  ช้า ๆ ก็ได้...เอาละ  ก้าวเท้าขวาออกมาสิ”

โทโมกิแทบจะกอดเอวคิริฮาระไว้เมื่อค่อย ๆ กลั้นใจบังคับให้เท้าขวาก้าวไปข้างหน้า

“ดีแล้ว  ทีนี้ก็เท้าซ้าย...ค่อย ๆ...ช้า ๆ นะ”  น้ำเสียงนั้นปลอบประโลมอ่อนหวาน

เด็กหนุ่มซุกหน้าลงกับเสื้อแจ็กเก็ตของนายแบบหนุ่ม  หลับตาแน่น  แต่ก็ค่อย ๆ ก้าวเท้าซ้ายออกไป...เพียงเท่านั้น  ร่างกายของโทโมกิก็ดูผ่อนคลายมากขึ้น  เขาค่อย ๆ เดินตามคิริฮาระไปช้า ๆ ทีละก้าว

หลอดไฟให้แสงสว่างดวงหนึ่งติดไว้ข้างประตูบานเล็กที่ผนังตึก  โทโมกิจำได้...ที่ตรงนั้นเองที่เขาได้พบกับ...!!

“...นั่นใครน่ะ?”  เด็กหนุ่มกระซิบอย่างรวดเร็วและหยุดเดินทันที

คิริฮาระก้มลงมองหนุ่มน้อยแล้วหันกลับไปมองตรงหน้า...ซึ่งว่างเปล่า  ไม่มีใครอยู่ในซอกนั้นนอกจากพวกเขาสองคน

“ไม่มีใครหรอก”

“แต่...แต่...”  โทโมกิชี้มือไปตรงหน้า  ที่ซึ่งเขาเห็นใครบางคนยืนพิงกำแพงอยู่ตรงนั้น  “ไม่เอา...ไม่เอาแล้ว...ผมจะกลับ...”

คิริฮาระมองความมืดสลัวที่ไม่มีอะไรเลยตรงหน้า  เขาพอจะเข้าใจ...จากเรื่องราวที่วายะเล่าให้ฟัง  โทโมกิเจอกับวายะที่นี่  และมีเรื่องกันแถว ๆ นี้...ตอนนี้เด็กคนนี้คงกำลังเห็นภาพหลอนของวายะสินะ

นายแบบหนุ่มกระชับอ้อมแขนดึงโทโมกิเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้น  “ฟังฉันนะ  ไม่มีใครอยู่ที่นี่ทั้งนั้น”

“แต่ว่า...”  โทโมกิเถียงเสียงสั่นปนสะอื้น

“วายะยังไม่ถูกปล่อยตัวกลับมาทำงาน  เขาจะต้องถูกขังไว้นานเท่า ๆ กับที่เขาขังเธอไว้”  น้ำเสียงของคิริฮาระหนักแน่น

เด็กหนุ่มเงยหน้ามองชายหนุ่มอีกครั้ง...คนคนนี้รู้เรื่องทุกอย่างงั้นหรือ...

“เพราะงั้นตอนนี้วายะไม่ได้อยู่ที่นี่  ที่เธอเห็นเป็นแค่ภาพที่เธอสร้างขึ้นมาเองเท่านั้น”

โทโมกิเหลือบไปที่ประตูบานนั้น  สาบานได้ว่าเขาเห็นกระทั่งเรือนผมสีทองที่สะท้อนแสงไฟอยู่ที่นั่น...มือเล็กที่สั่นเทาขยุ้มเสื้อของคิริฮาระไว้แน่นกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: All I want # 12 (NC17) อัพเพิ่ม 17/2/55 หน้า 9 - 10
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 24-02-2012 22:21:03
“เธอต้องไปต่อ  ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่ได้เจอโอโนเสะซังนะ”  คิริฮาระกระตุ้นเตือนจุดหมายของเด็กหนุ่ม  “ฉันรู้ว่าเธอกลัว  แต่เธอจะไม่เป็นอะไรเมื่ออยู่กับฉัน  ต่อให้หมอนั่นอยู่ที่นั่นจริง  ฉันก็ไม่ปล่อยให้เขาแตะต้องเธอได้แม้แต่ปลายนิ้ว  ถ้าเธอเชื่อฉันก็เดินต่อ  จะหลับตาหรือยังไงก็ได้  แต่เธอต้องไป  ถ้าเธอปล่อยมือฉันแล้ววิ่งกลับไปตอนนี้  เธอจะก้าวข้ามความกลัวนี้ไปไม่ได้  และไม่มีวันได้เจอโอโนเสะซังไปตลอดกาล”

คำพูดนั้นช่างคล้ายคลึงกับคำพูดของโอโนเสะ...เขาจะต้องก้าวข้ามความเจ็บปวดนี้ไป  เพื่อสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า

โทโมกิพยักหน้าแล้วซุกใบหน้าลงกับเสื้อของคิริฮาระที่กอดเขาไว้แน่นกว่าเดิม  ค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินตามนายแบบหนุ่มไป  สายลมเย็นยังคงพัดมากระทบผิวกาย  วูบหนึ่งที่โทโมกิรู้สึกว่าภาพของวายะที่เขาเห็นขยับตัว  มือใหญ่เอื้อมมาที่เขาและพยายามจะไขว่คว้า  เด็กหนุ่มเกร็งร่าง...เขาจะต้องถูกกระชากออกไปจากคิริฮาระแน่

แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นเมื่อคิริฮาระพาเขาเดินเลี้ยวอ้อมไปด้านหลังตึก  โทโมกิค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมอง  ทางเดินด้านหลังนี้กว้างและสว่างกว่าด้านข้างตึกที่เขาเพิ่งผ่านเข้ามา  นายแบบหนุ่มพาเขาเดินผ่านประตูอัตโนมัติบานใหญ่ไปสู่โถงลิฟท์ที่มียามนั่งเฝ้าอยู่...สถานที่ที่ดูอบอุ่นและปลอดภัย  อยู่ห่างจากจุดที่เขาถูกลักพาตัวแค่นี้เอง

“เอาละ  ปลอดภัยแล้ว  เห็นมั้ย  ไม่มีอะไรเลย”  คิริฮาระปล่อยมือที่โอบเด็กหนุ่มไว้ก่อนจะกดปุ่มเรียกลิฟท์

โทโมกิไม่พูดอะไร  ตัวยังสั่นน้อย ๆ และลมหายใจยังไม่เข้าที่เท่าไรนัก  เขาปล่อยให้คิริฮาระตบไหล่ของตนราวกับจะปลุกปลอบ  แล้วเขาก็ถึงได้เห็นว่าคิริฮาระถือกระเป๋าใส่ไวโอลินมาด้วย  แต่ก่อนที่จะได้ถามอะไร  ลิฟท์ก็มาถึงพอดี

ทั้งสองก้าวเข้าไปในลิฟท์แก้ว  แสงไฟของทิวทัศน์ในเมืองใหญ่ส่องมากระทบกระจกและกระจายตัวเป็นแสงระยับเหมือนเกร็ดเพชร  นายแบบหนุ่มยืนพิงกระจกแล้วทอดสายตาออกไปข้างนอก  ริมฝีปากบางแย้มเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ  เห็นแบบนั้นแล้วโทโมกิก็ไม่นึกอยากจะชวนคุย  จึงมองออกไปบ้าง  แล้วก็รู้ว่าทำไมคิริฮาระถึงยิ้ม...ทิวทัศน์ยามราตรีที่เห็นจากลิฟท์นี้ช่างแสนงดงาม...โทโมกิจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างลืมตัว  กระทั่งลิฟท์ขึ้นมาถึงชั้นบนสุด

“เอาละ  ถึงแล้ว  ไปกันเถอะ”  เสียงของคิริฮาระปลุกเด็กหนุ่มจากห้วงภวังค์  โทโมกิรีบเดินตามชายหนุ่มออกจากลิฟท์ไป

ที่หน้าประตูกระจกนิรภัย  คิริฮาระกดปุ่มอินเตอร์โฟนเรียกเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของโอโนเสะ  มีเสียงผู้ชายที่ไม่ใช่โอโนเสะตอบกลับมา

“คิริฮาระคุงเหรอ?”

“ครับ  ยามานากะซัง”

“จะเรียกเข้ามาทำไม  เธอก็มีรหัสผ่านอยู่แล้วนี่”

“คือ...ผมไม่ได้มาคนเดียวครับ  มีคนอยากมาขอพบโอโนเสะซัง  ไม่ทราบว่าจะอนุญาตให้พบหรือเปล่า”  คิริฮาระบอกด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

“หือ  ใครกันล่ะ?”

“เอ...ไม่รู้สิครับ  เขาไม่ได้บอกชื่อผมนี่”  นายแบบหนุ่มดูสนุกในขณะที่โทโมกิกลับรู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง  “งั้นถามเจ้าตัวดูเลยนะครับ”

คิริฮาระรุนหลังเด็กหนุ่มให้มายืนหน้าอินเตอร์โฟน  โทโมกิอิดออดนิดหน่อยแต่ก็ยอมกดปุ่มสนทนา

“ผม...เอ้อ...ซานาดะ...ซานาดะ  โทโมกิครับ”

อีกฟากของสายเงียบไปนิดหนึ่ง  ก่อนที่ยามานากะจะอนุญาตให้ทั้งสองคนเข้าไปได้

ห้องทำงานของโอโนเสะกว้างใหญ่  มีส่วนสำหรับรับแขกพร้อม  มุมหนึ่งคือโซนทำงานของยามานากะผู้เป็นเลขา ฯ มีตู้เก็บเอกสารตั้งติดผนังทั้งสองด้านและอีกด้านหนึ่งมีประตูที่เชื่อมต่อไปยังห้องพักส่วนตัว

โทโมกิเดินตามหลังคิริฮาระเข้าไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ  โอโนเสะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลหลายครั้งจนรู้สึกคุ้นเคย  แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับรู้ถึงฐานะและตำแหน่งที่แท้จริงของท่านประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์

โอโนเสะเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารตรงหน้า  มองผู้มาเยือนลอดแว่นสายตาก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยทัก

“ว่ายังไง?”

“ผมเก็บลูกแมวหลงทางมาได้  ไม่ทราบว่าคุณจะรับเลี้ยงมั้ยครับ?”  คิริฮาระพูดยิ้ม ๆ

ท่านประธานผู้มากด้วยวัยถอดแว่นตาออกแล้วมองเด็กหนุ่มที่ยืนเยื้องไปด้านหลังคิริฮาระ  “นั่นมันแมวมีเจ้าของ  ฉันเลี้ยงไว้ไม่ได้หรอกนะ  ยู”

“ผมนึกว่าคุณจะอยากเลี้ยงซะอีก  เห็นไปคอยดูแลเป็นประจำ  งานการไม่เป็นอันทำ”  นายแบบหนุ่มยักไหล่พลางทำสำเนียงเหมือนจะล้อเลียน

“ฉันไม่เคยโดดงานนะ  อย่ามากล่าวหา”  ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่เมื่อดูจากปริมาณเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะแล้ว  โอโนเสะคงจะมีงานค้างไม่น้อยทีเดียว  “เอาละ  นั่งกันก่อนสิ  ยามานากะ  ขอชาให้หน่อยนะ”

“โอ๊ะ  ยามานากะซังไม่ต้องชงหรอกครับ  เดี๋ยวผมจัดการให้  ทำงานไปเถอะครับ”  คิริฮาระเสนอตัวแล้วตรงไปยังเคาน์เตอร์เครื่องดื่มเล็ก ๆ ที่มุมห้อง

โอโนเสะลุกจากโต๊ะทำงานแล้วพยักหน้าให้โทโมกิ  “นั่งก่อนสิ  เจ้าตัวเล็ก”

“ไม่ใช่เจ้าตัวเล็กนะครับ”  เด็กหนุ่มทำหน้ามุ่ย  แต่ก็นั่งลงที่โซฟารับแขกโดยดี

“ก็ยังไม่โตขึ้นเลยไม่ใช่เหรอ”  โอโนเสะยิ้มอย่างเอ็นดูแล้วเดินมานั่งฟากตรงข้าม  “มาหาฉันถึงนี่  มีอะไรเหรอ  เธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาลวันนี้นี่นา”

โทโมกิขยับตัวอย่างอึดอัดใจ  เขาไม่ได้ตั้งใจจะมารบกวนโอโนเสะเลย  เขาแค่ทนคนที่บ้านไม่ได้เลยหนีออกมาเฉย ๆ แท้ ๆ  แถมแค่ดูก็รู้แล้วว่าโอโนเสะกำลังยุ่งแค่ไหน  เขายังจะมากวนใจอีก

“เปล่าครับ”  เด็กหนุ่มตัดสินใจพูดออกไปเบา ๆ

“สีหน้าไม่ได้บอกอย่างนั้นเลยนะ  มีอะไรก็พูดมาเถอะ  ฉันบอกแล้วไงว่ามีปัญหาอะไรก็ติดต่อมาได้เสมอ  นี่ถึงขนาดมาหาแบบนี้  คงจะมีเรื่องกลุ้มใจมากสินะ”

“มันก็...”  โทโมกิไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหน  ก็พอดีน้ำชาหอมกรุ่นก็ถูกวางลงตรงหน้า

“ดื่มตอนร้อน ๆ จะอร่อยนะ”  คิริฮาระยิ้มให้แล้วก็วางถ้วยชาอีกใบลงตรงหน้าโอโนเสะ  และวางถ้วยสำหรับตัวเองไว้ที่อีกมุมหนึ่งของโต๊ะ  ก่อนจะเดินไปหายามานากะ  “อันนี้ของยามานากะซังครับ”

“โอ้  อุตส่าห์ชงเผื่อ  ขอบใจนะ”  เลขา ฯ ผู้ดูจะมีงานยุ่งพอ ๆ กับเจ้านายยิ้มกว้าง

โทโมกิหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ  กลิ่นหอมและความอุ่นร้อนของน้ำชาทำให้ร่างกายผ่อนคลายขึ้นมาก  เขาเหลือบมองโอโนเสะ  คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขากำลังมองมาด้วยแววตาอ่อนโยน...แววตาที่ไม่เคยได้รับจากผู้เป็นพ่อแท้ ๆ แม้แต่ครั้งเดียว

ความอบอุ่นบางอย่างวาบขึ้นมาในหัวใจ...แล้วโทโมกิก็ไม่อาจหยุดถ้อยคำของตนได้  เขาเล่าทุกอย่างที่พ่อกับแม่พูดกันในห้องไปจนหมด  ระหว่างนั้นโอโนเสะก็เพียงแต่พยักหน้ารับ  ไม่ได้แสดงอารมณ์หงุดหงิดหรือโกรธเคืองแต่อย่างใด

“...ผมไม่รู้จะไปไหน  พอรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่หน้าตึกแล้ว...”

คำบอกเล่าของโทโมกิจบลงแค่นั้น  แล้วทั้งห้องก็ถูกครอบคลุมด้วยความเงียบไปชั่วขณะ  มีเพียงเสียงนาฬิกาบนผนังเท่านั้นที่ดังก้องจนน่าแปลกใจ

แล้วคิริฮาระก็เป็นคนแรกที่ขยับตัว  ชายหนุ่มหยิบกล่องใส่ไวโอลินที่วางไว้ข้างโซฟาขึ้นมาเปิด  บรรจงหยิบไวโอลินออกมาแล้วลุกขึ้นยืน  กรีดคันซอลงบนสายลวดเพื่อตั้งเสียง  โทโมกิเหลียวมองตามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม  หากคิริฮาระไม่ได้พูดอะไร  เขาจรดคันซอลงกับไวโอลินแล้วเริ่มต้นบรรเลงเพลง

ท่วงทำนองที่หลั่งรินออกมาจากไวโอลินของคิริฮาระทำเอาโทโมกิอ้าปากค้าง  สำเนียงแว่วหวานที่โลดเล่นไปบนจังหวะกระชับฉับไวนั้นราวกับจะเชิญชวนให้ลุกขึ้นเริงระบำ  แม้เด็กหนุ่มจะสังเกตเห็นกระเป๋าไวโอลินของคิริฮาระแต่แรก  แต่ก็ไม่ได้คิดเลยว่านายแบบหนุ่มคนนี้จะสามารถบรรเลงเพลงได้ไพเราะถึงเพียงนี้  ท่วงท่าหยัดยืนสง่างาม  ริมฝีปากบางเฉียบอย่างคนเอาแต่ใจยกยิ้มน้อย ๆ  ขยับคันซอไปตามท่วงทำนองด้วยท่าทางมีความสุข...นี่คือคนคนเดียวกันกับที่เขาเห็นในดีวีดีลามกนั่นจริง ๆ หรือ

“ยูน่ะ  ถ้าไม่มาทำงานกับฉัน  ป่านนี้คงตระเวนแสดงดนตรีอยู่แถว ๆ ยุโรปแล้วละนะ”  โอโนเสะเอ่ยขึ้นเบา ๆ เมื่อเห็นโทโมกิจ้องคิริฮาระตาไม่กระพริบ

“...แล้วทำไม...?”  ในเมื่อมีความสามารถถึงเพียงนั้น  ทำไมถึงมาเป็นนายแบบในวงการค้าที่น่าจะผิดกฎหมายแบบนี้ล่ะ

“ผู้ใหญ่...มีเหตุผลของตัวเอง  มีทางเดินที่ตัวเองต้องเลือกเอง  มีกำแพงให้ต้องก้าวข้าม  เธอเพิ่งอยู่ที่จุดเริ่มต้นของการเป็นผู้ใหญ่เท่านั้น  โทโมกิคุง”

นั่นเป็นครั้งแรกที่โอโนเสะเรียกชื่อเขา  เด็กหนุ่มสะท้านไปทั้งร่าง

“เธออายุยังน้อยก็จริง  แต่ในตอนนี้เธอมีกำแพงที่จะต้องข้าม  มีเส้นทางที่เธอต้องเลือก  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัวหรือเรื่องโรงเรียนใหม่นั่น  เธอจะต้องฝ่าฟันไปด้วยตัวเอง”

“ตะ...แต่...ผม...”  โทโมกิก้มหน้ามองถ้วยชาในมือนิ่ง  เขาไม่มีความมั่นใจแม้แต่นิดเดียวว่าจะทำอย่างที่โอโนเสะพูดได้

“ต้องทำได้สิ  เมื่อกี้เธอยังเดินผ่านข้างตึกมาได้ทั้งที่กลัวแทบตายไม่ใช่เหรอ”  เป็นคิริฮาระที่เอ่ยขึ้น  โทโมกิไม่ทันรู้ตัวเลยว่าบทเพลงจบลงตั้งแต่เมื่อไร

“แต่นั่นเพราะมากับคุณ...”

“ก็ใช่  แต่จากนี้ไปเธอต้องเดินมาเองแล้ว  ฉันไม่ได้อยู่แถวนี้ทุกวันหรอกนะ”  ชายหนุ่มจรดไวโอลินอีกครั้ง  “คราวหน้าถ้ามาหาโอโนเสะซังอีก  เธอต้องเดินผ่านตรงนั้นคนเดียวแล้วละ  มีทางเลือกสองทางว่าเธอจะกลับบ้านหรือกลั้นใจเดินมาให้ถึงที่นี่...ก็แค่นั้น”

คิริฮาระเริ่มบรรเลงเพลงใหม่  โทโมกิก้มหน้านิ่ง  เฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงคำพูดนั้น...กำแพง...ทางเลือก...มีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจทั้งนั้น  อย่างคิริฮาระน่ะมีกำแพงอะไรขวางเขาได้งั้นหรือ  ท่าทางแบบนั้น...ต่อให้มีกองทัพขวางหน้าอยู่ก็คงจะบุกทะลวงไปได้กระมัง...ต่างจากเขา  เขาที่ไร้เรี่ยวแรงจะไปสู้รบตบมือกับใคร  ไม่เคยช่วยตัวเองได้  ที่ทำมาก็แค่ทำตัวมีปัญหาและแส่หาเรื่องไปวัน ๆ เพื่อให้ตัวเองดูเจ๋งก็เท่านั้นเอง...เขาจะก้าวข้ามความหวาดกลัวนี้ไปได้ยังไงกัน

โอโนเสะวางมือใหญ่ลงบนเรือนผมดำของโทโมกิ  “เจ้าตัวเล็ก  ยังไม่ต้องคิดตอนนี้ก็ได้  เธอมีเวลาที่จะเติบโตอีกเยอะ  ค่อย ๆ คิดไปก็ได้  รู้แค่ว่าอย่างไรเสียฉันก็อยู่ที่นี่  ให้เธอติดต่อมาหาได้ทุกเวลา  แต่ยังไงก็โทรเข้ามาก่อนก็ดี  ถ้าเผื่อว่าฉันติดธุระอะไรจะได้ไม่ต้องมาเก้อ  เข้าใจนะ”

โทโมกิพยักหน้าน้อย ๆ...เขานั่งอยู่ที่นั่นอีกหลายชั่วโมง  คิริฮาระบรรเลงเพลงให้ฟังไปเรื่อย ๆ โดยปราศจากบทสนทนาใด ๆ  กระทั่งโอโนเสะทำงานเสร็จ  เขาจึงพาเด็กหนุ่มไปส่งที่บ้าน  ส่วนคิริฮาระยังคงอยู่ที่ห้องทำงานนั้น...โทโมกิแน่ใจ  นายแบบหนุ่มไม่ได้มาหาโอโนเสะเพียงเพื่อเล่นไวโอลินให้ฟังเป็นแน่

เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณโอโนเสะที่อุตส่าห์มาส่งแล้วเดินไปขึ้นลิฟท์  ชั้นห้องพักของเขาเงียบสงัด  ไม่มีแสงไฟลอดมาจากใต้ประตูห้องของเขา...พ่อกับแม่คงไม่อยู่แล้ว  โทโมกิไขกุญแจเปิดประตูเข้าไป

ในห้องเงียบสนิท...อย่างที่มันเคยเป็นและเป็นมาตลอด  แต่ทำไมกันนะ  โทโมกิถึงได้รู้สึกหนาวเยือกและอ้างว้างขึ้นมาจับจิต  เขาตรงเข้าไปยังห้องนอนของเขาที่ไม่ได้กลับมาเสียนาน  ทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงขดตัวนิ่งอยู่ในนั้น...นอกจากเสียงลมที่พัดมากระทบหน้าต่างแล้ว  ก็มีเพียงเสียงหัวใจของตัวเองที่ดังก้องอยู่ในความมืด...ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ  ที่เขาคุ้นเคยกับการมีเสียงหัวใจอีกดวงอยู่ข้างกาย...ตั้งแต่เมื่อไรที่เขาคุ้นเคยกับการมีไออุ่นของใครอีกคนอยู่ข้าง ๆ...น้ำตาไหลรินออกมาเงียบ ๆ ก่อนจะค่อยแปรเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้น

...ไม่ควรเลย...วายะไม่ควรสอนให้เขารู้จักความอบอุ่นของมนุษย์เลย...แล้วจากนี้ไป...เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างไร...เมื่อปราศจากมัน...




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 24-02-2012 22:47:34
รอจ้ะ
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: jitsupa apple ที่ 24-02-2012 22:58:15
โทโมกิน่าสงสารจัง
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 24-02-2012 23:04:39
จะเอาวายะ จะเอา จะเอา จะเอา จะเอา จะเอา จะเอา จะเอา จะเอาวายะ

ลุงชุนหายไปไหน อร๊ายยยย จะเอาๆๆๆๆวายะ ><"

ยูน่ารักอ่ะ แอบกินใจตรงที่เห็นลูกแมวแล้วคงนึกถึงตัวเองเมื่อก่อน

เลยอยากช่วยให้ก้าวผ่านกำแพงนั้นไปได้  ช่วยๆกันหน่อยสปีชีส์แมวเหมือนกันนี่นา 5555+

คาดว่าตอนนี้ ยูคงกลายเป็นไอดอลของโทโมะไปแล้วแหละ

ห่วงก็แต่จะโทโมะชอบเปรียบเทียบตัวเองกับยู ให้ตายเถอะเด็กหนอเด็ก   

จัดบวก รอตอนหน้าจ้า 

ปล. ป๊ะป๋าโอโนเสะใจดีซะ ระวังเจ้าของลูกแมวมันออกมางับคอซะละ
 
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 24-02-2012 23:36:11
ชอบเรื่องนี้มากๆ คุณถ่ายทอดเรื่องราว และความรู้สึกของตัวละครได้ดีจริงๆ
 :pig4:  o13
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: kim_khun_kwan ที่ 24-02-2012 23:50:20
 :sad4: เศร้าจังเลย  โทโมกิสู้ๆนะ  ไปลากชุนมาจัดการเลยๆๆ   แค้นเบาๆ 555
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 25-02-2012 00:02:49
วายะโดนลงโทษไปเท่าไหร่แล้วล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 25-02-2012 00:14:56
ง่า

สงสารโทโมะอ่ะ คิดถึงอีกคนเเล้วถ้าเจอกันตอนนี้จะเป็นยังไงนะ


แล้วตอนนี้วายะเป็นยังไงมั้งเนี๊ย
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 25-02-2012 00:19:17
แล้วโทโมกิจะได้เจอวายะอีกมั้ยน้า
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 25-02-2012 00:24:04
เอาชุนกลับมาเถอะ
สงสารโทโมะกิจับใจ
วายะเองก็น่าสงสาร T^T
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 25-02-2012 00:31:24
ตอนี้ สงสารโทโมกิจับใจ :m15: พ่อกับแม่เป็นซะอย่างงั้นอะ :z3:
ตกลงตอนนี้วายะก็ต้องโดนขังไปอีก 2 เดือนงี้ เฮ้อ  :เฮ้อ: อยากให้กลับมาอยู่ด้วยกันนะ :serius2:
แต่ไม่เอาวายะแบบโหดร้ายอีก :call:
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 25-02-2012 01:23:39
แล้วต่อจากนี้ก็มาดูกันเถอะว่าวายะเมื่อเจอโทโมกิมาป้วนเปี้ยนแถวนี้จะคลั่งขนาดไหน
คงอยากจะถลาเข้ามาคว้าตัวเข้าไปกอด
จูบสักฟอดให้หายคิดถึง
เฮ้อ....วายะ คิดถึงแกๆๆ คนเขียนไม่ยอมเอาออกมาสักทีง่ะ
หลบอยู่หลังฉากอยู่นั่น...แต่นะ...รอได้จ้าาา


 +1 ทุกตอนแล้วจ้าาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 25-02-2012 07:06:22
เอาวายะคืนมา
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 25-02-2012 10:29:09
โทโมะน่าสงสารเกินไปแล้ว  :z3: :z3:
อยากให้เจอวายะเร็วๆจัง
ตอนนี้วายะไม่มีบทบาทเลยแห้ะ โทโมะโซโล่ล้วนๆ
555555555555 55

รอตอนต่อไปค่า กี่ตอนจบเอ่ย ?
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 25-02-2012 13:15:03
ถึงจะเจ็บปวดและทรมาน แต่ก็มีความสุขสินะ

คงไม่มีใครเข้าใจชุนกับโทโมะนอกจากเจ้าตัวเอง Y^Y
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 25-02-2012 14:10:52
งวดนี้วายะไม่ออกมาโดนขังลืมอยู่อ่ะนะ ว่าแต่ โดนขังสองเดือนน่ี่. อกมามันจะยังแข็งได้อยู่อีกไม๊เนี่ย

ส่วนหนูน้อยหลงทาง อืมๆ ทำไมตอนนี้เราไม่ค่อยสงสารเลยนะ สงสัยเพราะตอนนี้ เค้ามีคนคอยปลอบเยอะอยู่แล้วมั้ง

ปล.เจอคำผิด คิดสิบบาท...ล้อเล่นนะ
ทันทีที่ออกมาจากห้องพักผู้ป่วย  โอโนเสะก็เจอหมอเข้าของไข้ของโทโมกิที่ยืนรออยู่แล้ว ---ต้อง้ป็น คุณหมอเจ้าของคนไข้ดิ
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 25-02-2012 14:35:12
โทโมะเข้มแข็งอยู่แล้ว...รีบๆมาเป็นลูกบ้านโอโนะเสะเร็วๆเถอะ คุณพ่อโอโนะเสะดีเสียขนาดนั้น
ส่วนวายะโดนขังสองเดือน..มันจะยังใช้การได้อยู่ไหม??
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 25-02-2012 17:04:23



   เรื่องร้ายที่สุดผ่านไปแล้ว แต่ก็ยังมีเรื่องอื่นๆตามมาหลอกหลอนอีกละนะ
   สู้ๆนะโทโมะ




หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 25-02-2012 19:03:14
ทำไมมันน่าสงสารงี้ล่ะ
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: sanfran ที่ 25-02-2012 19:15:34
รอฉันรอฌธออยู่แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด ...

เธอมาเมื่อไหร่ เราก็จะตามไปเมื่อนั้นล่ะ
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 25-02-2012 19:21:12
สงสารชุน :monkeysad:
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 25-02-2012 20:10:39
ชอบคำนี้อ่ะ ที่นี้ไม่มีชุน t^tแลดูน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 25-02-2012 21:45:26
โอว...แล้วจะข้ามผ่านไปได้ยังไงกันนะ...
สู้เค้านะ ต้องเข้มแข็ง จะได้ไปเผชิญหน้ากันเร็วๆ ไงล่่ะ
ขอบคุณ และรออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: megatef4 ที่ 25-02-2012 22:33:24
แบบว่ามาอ่านรวดเดียวเลย 

พระเอก จิต มาก  :a5:     

สนุกๆ มาต่อไวๆ นะ  ติดตามจ้าาาา   :กอด1:

รอ รอ รอ  :z2:
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 25-02-2012 23:22:38
ง่ะ ตัวเล็กกกก   :o12:
เข้มแข็งเข้าไว้น๊าา 
รอตอนต่อไปฮะ ^^
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: i-love-you ที่ 25-02-2012 23:56:32
เข้าใจวายะน๊ะ  แต่โหดร้ายเกิ๊นไปมั้ง
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: kiinono ที่ 26-02-2012 02:26:45
 :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: EvilivE ที่ 26-02-2012 03:45:44
โอยยยยยยยยย … เมื่อไหรจะได้เจอก๊านนนนนนน
อยากให้เจอกันจนทนไม่ไหวแล้ว!!!!!!! … /ลงไปนอนดีดดิ้น

ปล.มีเรื่องรบกวนถามด้วยความสงสัยค่ะว่า …
ต้นแบบของคิริฮารากับวายะคือสุหงิโซกับเจ มือกีต้าร์กับมือเบสของวง Lunasea รึเปล่าคะ?
แอบรู้สึกสะกิดๆที่ผมแดงเล่นไวโอลิน+ลักษณะการแต่งตัว
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 26-02-2012 21:17:16
ปล.มีเรื่องรบกวนถามด้วยความสงสัยค่ะว่า …
ต้นแบบของคิริฮารากับวายะคือสุหงิโซกับเจ มือกีต้าร์กับมือเบสของวง Lunasea รึเปล่าคะ?
แอบรู้สึกสะกิดๆที่ผมแดงเล่นไวโอลิน+ลักษณะการแต่งตัว

ถูกต้องแล้วครับ ที่จริงยังมีสมาชิก LUNA SEA อีกสองคนที่เป็นต้นแบบคาแรกเตอร์ในซีรี่ยส์นี้ครับ
แล้วก็ยังมีเจร็อคคนอื่นๆอีกด้วยครับ
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 26-02-2012 22:49:58
สู้ๆ นะโทโมกิ ต้องทำได้สิ

หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 27-02-2012 04:31:32
เพิ่งตามอ่านทัน
สมกับเป็นวายะ เล่นแรงโคตรรร
รอตอนต่อไป  :impress:
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: EvilivE ที่ 27-02-2012 23:22:29
ถูกต้องแล้วครับ ที่จริงยังมีสมาชิก LUNA SEA อีกสองคนที่เป็นต้นแบบคาแรกเตอร์ในซีรี่ยส์นี้ครับ
แล้วก็ยังมีเจร็อคคนอื่นๆอีกด้วยครับ

ห้ามบอกนะว่า คิโยฮารุ=คิโยฮารุ ...  o22
เพราะเรานึกภาพคิโยฮารุเป็นริวอิจิ(Lunasea)มากกว่า ...
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: hyuk_knok ที่ 28-02-2012 15:20:48
สนุกมาก ชื่นชมๆ
แต่วายะอย่าโหดกับโทโมะนัก
หวานๆบ้างก๊ได้นะ อิอิ
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 28-02-2012 22:42:32
ห้ามบอกนะว่า คิโยฮารุ=คิโยฮารุ ...  o22
เพราะเรานึกภาพคิโยฮารุเป็นริวอิจิ(Lunasea)มากกว่า ...

คิโยฮารุเป็นอิโนรันครับ
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 29-02-2012 22:37:31
ใจจะขาดบีบคั้นเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 02-03-2012 04:42:39
โอ้วววววววววววว เจ้าตัวเล็กผ่านมันไปให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 02-03-2012 10:10:42
ชอบอ่ะ สนุกอ่ะ
มาต่อเร็วๆน้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 02-03-2012 21:36:43
อยากอ่านต่ออ่ะ :impress:
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 02-03-2012 21:52:30
ยังลงไม่หมด!!!
แน่ะๆๆๆ คนเขียน...เค้ารู้นะ เอามาลงซะดีๆ
ปกติลงสามเม้นนะ รอๆๆๆ ><



เมื่อกี้เค้าได้อ่านนะ!!! อ๊ากกกกกกกกกกกกก
เกินไรขึ้น ฮือออออออออออออออ
อ๊ากกกกกกกก
คนเขียนเอามาลงเดี๋ยวนี้ เค้ารอมาเป็นอาทิตย์เลยนะ
 :a6: :a6: :a6: :a6:



เอามาลงเดี๋ยวนี้..ขอร้อง  :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: All I want # 13 (NC17) อัพเพิ่ม 24/2/55 หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 02-03-2012 21:55:58
ขอโทษมายังผู้อ่านทุกท่านนะครับ และขออนุญาตถ้าผมจะหยาบคายไปบ้าง กำลังฟิวส์ขาดครับ
เมื่อกี้ผมลงนิยายไปเกือบจบตอนแล้ว เนทแม่งตัด แล้วแม่งต่อไม่ได้อีกเลยเป็นสิบๆรอบ
ผมโมโหเต็มที่เลยถอดแอร์การ์ดเขวี้ยงลงพื้นแม่ง...พังสมใจอยาก...

ที่ยังออนไลน์ได้นี่เพราะใช้ไอแพดครับ โชคร้ายที่มันไม่มีนิยายของผมอยู่ในนี้
สรุปคือ...จะไม่ได้อ่าน All I want กันไปจนกว่าผมจะได้มีโอกาสซื้อแอร์การ์ดอันใหม่น่ะครับ
ผมอยู่บ้านนอกที่กันดารกว่าที่คุณคิดเยอะครับ เลยยังไม่รู้ว่าจะฟื้นฟูตัวเองได้ตอนไหน

เลยต้องขอโทษมาณที่นี้ด้วยนะครับ ที่ผมบ้าระห่ำเกินไปจนสร้างความเดือดร้อนให้กับคนที่ติดตามงานของผมอยู่ในตอนนี้
แต่อาทิตย์หน้าจะเข้ากรุงครับ ยังไงศุกร์หน้าคงได้มาลงต่อละครับ ขอโทษจริงๆนะครับ
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: kim_khun_kwan ที่ 02-03-2012 22:32:20
แงงงงงงงงงง   :o12:   โทโมกิของเรา

ไม่เป็นไรๆๆ  ใจเย็นๆนะคนเขียน    ยังไงเราก็รอได้ กระซิกๆ :sad4:
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 02-03-2012 22:35:21
เข้ามาอ่านแบบ......................................................................................








อื้ม...ระ...รอได้ก็ได้ ได้..วายะ...รอได้อยู่แล้ว *กัดฟันน้ำตาไหล*
คนเขียน..ใช้แอร์การ์ดของอะไร โทรไปด่าศูนย์แม่งเลย
เพื่อนเค้าเคยทำ มันด่าซะเละเลย ทางศูนย์มันก็ส่งเน็ตมาให้เกือบๆเท่าที่ซื้อไป
เห้อ...สู้ๆเน้อะ





 :t4: :t4: :t4: :t4: :t4: :t4: :t4: :t4: :t4:
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: wolfram ที่ 02-03-2012 22:38:25
คนเขียนใจเย็นๆน้า

เรารอได้จ้า!!  :sad4:
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 02-03-2012 22:38:56
จะรอค่ะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: chompoonut139 ที่ 02-03-2012 22:41:25
หงะ


รอได้เสมอ
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 02-03-2012 22:43:42
โอ้แม่เจ้า!!! ม้นเกิดขึ้นจริงๆหรือเนี่ย

เข้าใจอารมณ์อยากปาข้าวของนะ พังไปแล้ว ช่างมันเถอะ รออาทิตย์หน้าจ้า

ปล. เข้ากรุงไปดูลาร์คอ่ะดิ เราก็ชอบนะ แต่คงไม่ไปดู แบบว่า เกลียดBECจากตอนคอนเสิร์ตXน่ะ น้ำท่วมขนาดนั้น ไม่เห็นใจคนทีต้องอพยพเลย ตอนแรกเราจะเข้ามาดู แต่ทะเลาะกันที่บ้านใหญ่โต เป็นวันมืดมนของชีวิตวันหนึ่งเลยละ. คราวนี้เลยหมดรมณ์ ไม่ไปมันซะเลย คงหาคอนเสิร์ตมานั่งดูผิวเนียนๆของไฮด์แทนอ่ะ
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 02-03-2012 22:54:39
เดาไปในทางร้ายสุดๆ ว่าอาจจะต้องติดธุระเป็นเดือนๆ
แต่นี่ไม่ใช่แฮะ
เพราะฉะนั้น รอได้ค่ะ ไม่ต้องห่วง อาทิตย์เดียวเอ้งงงง!!!

เราก็เข้าใจอารมณ์อยากทำลายข้าวของอยู่นะคะ
แต่เราไม่เคยทำลงเลยสักครั้ง (งกนั่นเอง)
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 02-03-2012 22:58:40
ใจเย็นๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนตลอดๆนะคะ
แค่บอกว่าจะมาต่อแน่ก็ใจชื้นแล้วคะ

ตอนที่เห็นว่ามีแจ้งขอโทษก็ใจหล่น คิดไป่า จะไม่แต่งต่อแล้วเรอะ
รีบกดเข้ามาในกระทู้ทันที พอเห็นประกาศก็โล่งอกคะ
มาต่ออาทิตย์หน้าก็จะรอคะ
เป็นกำลังใจและผู้อ่านที่รออย่างใจจดใจจ่อต่อไปคะ
ลุ้นกับวายะและโทโมกิสุดๆด้วยยยย

เค้ารอออน่าาาาา
สู้ๆคะ
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 02-03-2012 23:17:53
 :กอด1:นึกว่าจะลาจากการเขียนเรื่องนี้ซะอีก ใจแว้บเลย
(อารมณ์แอร์การ์ดช่วงนี้ก้อเป็น ยิ่งมีรายงานออนไลน์ เด๋วหลุดๆ แต่ไม่กล้าทำร้ายมัน เพราะยังต้องใช้อยู่)
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: none_ny ที่ 02-03-2012 23:18:16
ดีนะ ที่เราอ่านจบแล้ว อิอิอิ  :z1:
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 02-03-2012 23:56:23
มารอด้วยคน อาทิตย์หน้า รอได้จ้า...
ว่าแต่กันดารขนาดไหนหนอทำฟิวส์ขาดได้ขนาดนี้...ใจเย็นจ้า...
เป็นกำลังใจให้ และรออ่านต่อไปจ๊๊ะ
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 03-03-2012 00:48:46
ไม่เป้นไรหรอกค่ะ ใจเย็นๆนะ :3123:
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 03-03-2012 08:43:23
ง่ะ :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 03-03-2012 08:51:53


 
    อะง่า. . . โอเคค่ะ
    จะรอละกันนะ



หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: jitsupa apple ที่ 03-03-2012 11:38:05
ใจร่มๆนะ จะรอต่อไปค่ะ
 :bye2:
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: @Kanda@ ที่ 03-03-2012 14:36:39
เราอ่านเรื่องนี้ในบอร์ดของคนแต่งที่แต่งไปถึงตอนที่นู่นนนนนแล้วอ่ะค่ะ(ไกลมาก) :o8: แล้วเราก็สมัครสมาชิกเพื่อนเม้นท์เรื่องนี้(ในอีกบอร์ด)โดยเฉพาะ เต็มสตรีมมาก จำได้ว่าเม้นในตอน 20 กว่าๆ ราวๆสองกระทู้เลยล่ะค่ะ 555555 เลยไม่ได้อ่านในนี้ซ้ำอีกที

แต่ว่านะ......ขว้างแอร์การ์ดทิ้งเลยหรอคะ แอบ S นะตะเอง..... o22
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 03-03-2012 16:15:43
คนเขียนใจเย็นๆนะ

 o22 o22

รอเสมอ .. ฮื้อ~  o18
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 04-03-2012 23:34:13
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกอ้างว้างจริงๆ สงสารโทโมะจัง
คิริยูอย่างเท่อ่ะ ไลค์เลย!
มาต่อไวๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจัง ที่ 05-03-2012 01:30:58
แอร์การ์ดสั่งซื้อทางเน็ตก็มีนะคะ

เล็งๆais 1490 บาทกับ ifox อยู่เหมือนกัน
ตัวเก่าพังไปนานแล้ว  ราคาถูกลงเยอะ
แต่โปรเน็ตแพงขึ้นเรื่อยๆ เศร้า ><

ปล.ชอบนิยายของคุณ ไม่ได้จึ้กๆกะเอสเอ็มอย่างเดียว
แต่มีความรู้สึกนึกคิดของตัวละครที่น่าติดตาม
ขอบคุณค่ะ รอรวมเล่ม(ขอให้เก็บตังค์ได้เร็วๆ)
ลองซาวเสียงในเล้าก่อนก็ได้ค่ะ จะได้ไม่เจ็บตัวเหมือนเล่มแรก

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 05-03-2012 09:51:37
ใจเย็นค่ะ บ้านเราก็อยู่ตจว.เหมือนกัน ถึงไม่กันดารมากเท่าไหร่แต่เน็ตก็ห่วยเหมือนกัน
อยากจะเปลี่ยนบริษัทเน็ตแต่ก็ห่วยพอๆกัน ทนใช้กันไป มาช้าหน่อยคนอ่านก็เข้าใจค่ะ  :a2:



ปล.อยากให้โทโมะกับวายะเจอกันแล้วอะ :sad4:
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 06-03-2012 14:54:03
รอต่อไปคะ  สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 06-03-2012 15:35:57
เราเข้าใจ มันทำให้เราฟิวส์ขาดแบบนี้บ่อยๆ o18
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 08-03-2012 22:48:23
All I want # 14

ในค่ำคืนอันเงียบงัน  สายฝนยังคงตกกระทบหน้าต่างกระจกไม่ขาดสาย  กระแสลมแรงพัดละอองฝนให้หมุนวนไปในอากาศ...ความปั่นป่วนนอกหน้าต่างนั้นดุจเดียวกับอารมณ์ของคนที่นอนขดอยู่ในผ้านวมในตอนนี้

อากาศหนาวเหน็บด้วยไอฝนที่ครอบคลุมไม่อาจทำให้ความเร่าร้อนของโทโมกิลดลงได้เลย  เด็กหนุ่มบิดกายอยู่บนเตียงพลางหอบคราง  มือเรียวกอบกุมอยู่ที่ส่วนกลางกายซึ่งเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำเหนียว

ร่างกายของเขา...เกิดความต้องการขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้  มันถูกสอนให้เป็นอย่างนี้  แม้จะพยายามยับยั้งอารมณ์ตัวเองอย่างที่หมอบอกให้ฝึกมาได้หลายวัน  แต่พอถึงเวลากลางคืนที่ต้องอยู่คนเดียวจริง ๆ  โทโมกิก็รู้ว่ามันช่างยากเย็นเหลือเกิน  แม้ว่าเขาจะไม่แตะต้องร่างกายของตนเลย  แต่มันก็ตามไปรังควานเขาในความฝัน...ทุกเช้า  เด็กหนุ่มจะต้องตื่นขึ้นมาพร้อมกับกางเกงที่เปรอะเปื้อนคราบไคลของตัวเอง

ตอนกลางคืนที่จะต้องอยู่ตามลำพังทำให้เขาโหยหา...อ้อมกอดที่ใครคนหนึ่งเคยให้เขา  อ้อมกอดที่มอบความอบอุ่นให้แม้จะไม่มีความรักเลยก็ตาม  แต่เมื่อรอยแผลเกิดเจ็บปวดขึ้นมาด้วยอากาศที่หนาวเย็น  ความโหยหานั้นก็เปลี่ยนไปเป็นความหวาดกลัว  ภาพของวายะที่ได้เห็นตามมาหลอกหลอนครั้งแล้วครั้งเล่า...พร้อมกับสัมผัสของมือแกร่งที่บีบลงบนลำคอของเขา

โทโมกิผวาเยือกขึ้นทั้งร่าง  ดวงตากลมเบิกกว้าง...วายะจะฆ่าเขา!!...เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่ง  ยกมือขึ้นกอดตัวเองแน่น  ทั้งร่างสั่นสะท้าน

นานทีเดียวกว่าโทโมกิจะค่อย ๆ สงบลงได้  เขากวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อให้แน่ใจว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องของวายะและเขาอยู่ที่นี่คนเดียว

ใช่...อยู่คนเดียว...นี่เขาต้องอยู่คนเดียวแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว  ทั้งที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาได้เดือนกว่าเท่านั้น  แต่นั่นกลับนานนับปีในความรู้สึกของเขา...ซานาดะ  โทโมกิ  อยู่ในห้องพักแห่งนี้ตามลำพัง...

พ่อกับแม่แวะมาบ้างในช่วงเย็น  มาถึงก็เอาแต่ทะเลาะกันเรื่องที่เรียนใหม่ที่จะหาให้เขา  พ่อยังคงยืนกรานจะให้เขาไปเข้าโรงเรียนประจำ  แต่แม่กลับอยากให้เขาอยู่บ้านเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย...น่าแปลก  แม่ที่ไม่เคยสนใจว่าเงินจำนวนมากที่ให้เขาในแต่ละเดือนนั้นเขาจะเอาไปทำอะไรบ้างกลับมาพูดเรื่องประหยัดในตอนนี้  พ่อก็คงจะสังเกตเห็นเช่นกัน  จึงยกประเด็นนี้ขึ้นมาเป็นหัวข้อทะเลาะกันใหม่...โทโมกิแอบคิดอยู่คนเดียวในใจ  บางทีเขาอาจจะได้น้องต่างพ่อเร็ว ๆ นี้ก็ได้  แม่ถึงได้ไม่อยากจะจ่ายอะไรให้เขาอีกแล้ว  แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก  เงินที่พ่อกับแม่เคยให้เขาไว้ยังมีเหลืออยู่พอสมควร  ถ้าไม่ได้เอาไปโยนทิ้งน้ำก็คงไม่หมดเร็วนักหรอก

หลังจากที่ทะเลาะกันจนพอใจแล้ว  ทั้งพ่อทั้งแม่ก็จะแยกย้ายกันกลับรังรักของตัวเอง  โดยไม่ได้สนใจโทโมกิที่ปิดประตูขังตัวเองไว้ในห้องนอนแม้แต่น้อย  จนทุกอย่างเงียบดีแล้วนั่นแหละ  เด็กหนุ่มถึงได้ออกมากินมื้อเย็นที่แม่บ้านทำเอาไว้ให้

จะเรียกว่าเหงา...ก็คงไม่ใช่  แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยรู้จักความอบอุ่นของสิ่งที่เรียกว่า  “ครอบครัว”  อยู่แล้ว  แต่อาการโหยหาความอบอุ่นจากร่างกายของใครสักคนที่เกิดขึ้นนี่...มันเป็นความผิดของวายะทั้งนั้น!  ถ้าหากไม่สอนให้เขารู้จักมันก็คงไม่ต้องทรมานถึงเพียงนี้

ไม่ไหวแล้ว...โทโมกิบอกกับตัวเอง  เขาพยายามช่วยตัวเองมานานแล้วแต่ยังไม่สามารถถึงจุดสุดยอดได้เลย  เขาต้องการให้ใครสักคนช่วย...ใช่  มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว  ตอนนั้นโชคดีที่โอโนเสะมาช่วยเขาไว้ได้  และยังได้ช่วยเขาอีกหลายครั้ง...แต่ตอนนี้ที่นี่ไม่มีใคร  และเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร...แบบนี้มันทรมาน  มีความต้องการแต่ไม่สามารถเสร็จสมได้นี่มันเป็นที่สุดของความทรมานทีเดียว  วายะเคยใช้วิธีนี้ลงโทษเขามาหลายครั้งหลายหนจนซึ้งแก่ใจดี...แต่จะต้องทำยังไงล่ะ  ถึงจะบำบัดอาการนี้ได้...

“ไปหาโอโนเสะซังดีมั้ย...”  โทโมกิพึมพำกับตัวเองพลางเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง

ลมยังแรงและฝนยังคงตกไม่ขาดสาย  เด็กหนุ่มเดินไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก...ยังมีรถวิ่ง  ฝนก็ไม่ได้ตกหนักเท่าไรนัก  เขาคงพอจะหาแท็กซี่ได้  โทโมกิเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบออกจากห้องไปทันที


แท็กซี่จอดได้แค่ริมถนนใหญ่เพราะในช่วงกลางคืนแบบนี้ย่านที่ตึกลูนาติก  ลัสท์จะเป็นถนนคนเดินที่อนุญาตให้แค่รถส่งของเข้าไปได้เท่านั้น  แต่จากตรงนั้นไปก็ไม่ไกลแล้ว  โทโมกิจ่ายเงินแล้วลงจากรถ  แถวนี้ลมไม่แรงเท่าแถวแมนชั่นของเขา  แต่ละอองฝนก็ยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย

แม้ฝนจะตกแต่ผู้คนในย่านบันเทิงแห่งนี้ก็ยังพลุกพล่าน  โทโมกิเดินฝ่าละอองฝนไปท่ามกลางสายตาคนบางคนที่นึกสงสัยว่าทำไมเด็กตัวแค่นี้ถึงมาเดินอยู่แถวนี้ในเวลาเช่นนี้ได้  แต่เด็กหนุ่มไม่สนใจ  เขาแค่ต้องการพบโอโนเสะให้เร็วที่สุดเท่านั้น

หากเด็กหนุ่มก็ต้องชะงักลงตรงหน้าปากซอยเล็ก ๆ มืด ๆ ข้างลูนาติก  คลับ...โอโนเสะไม่ได้บอกทางเข้าด้านหลังให้เขา  นี่จึงเป็นทางเดียวที่จะเข้าไปหาโอโนเสะได้...แต่มันน่ากลัว...ในความมืดนั่นจะมีอะไรอยู่ก็ไม่รู้  ถ้าหากว่า...ใครคนนั้นอยู่ที่นั่นล่ะ...ถ้าหากว่า...เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกล่ะ...แล้วถ้า...

โทโมกิสะบัดหัวแรง ๆ เพื่อไล่ความคิดออกไปจากสมอง  ครั้งก่อนคิริฮาระเคยพูดกับเขาเอาไว้  ถ้ากลัวก็จะผ่านที่นี่ไปไม่ได้  และจะไม่ได้พบโอโนเสะ...ใช่  ครั้งนี้คิริฮาระไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย  ปาฏิหารย์ไม่ได้จะเกิดขึ้นกับเขาเสมอไป

...

ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีทองยาวประบ่าเดินออกจากลิฟท์มาพลางยกมือเสยผมด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย  เขาเพิ่งเสร็จจากการรับรองลูกค้าไปรายหนึ่งซึ่งต้องการแค่ความเจ็บปวดแต่ไม่มีเซ็กส์  และเพราะอะไรไม่รู้เขาถึงได้รู้สึกว่าลูกค้าคนนั้นน่ารำคาญในอารมณ์เลยเฆี่ยนเสียหนำใจจนสลบคาแส้ไป  ตอนนี้หน่วยพยาบาลของทางคลับได้พาตัวไปปฐมพยาบาลแล้ว  แต่แบบนี้มีหวังโดนเจ้านายด่าอีกเป็นแน่...ก็ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา  เขาเฆี่ยนลูกค้าจนน่วมไป 4 – 5 รายแล้ว

ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ คลับที่มีผู้คนนั่งดื่มกินและเคล้าคลอกันอยู่  ยังไม่มีใครเรียกใช้เขา...เพราะงั้นจะอู้สักพักคงได้  เขาหยิบกล่องใส่บุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วเดินเกร่ไปที่ทางออกด้านหลัง

“เฮ้ย  วายะ  จะไปไหนน่ะ?”  เสียงหนึ่งทักขึ้นจากโต๊ะลูกค้าใกล้ ๆ  พอหันไปดูก็พบโทคิโตะที่ไม่ได้กำลังรับลูกค้าแต่คอยช่วยผสมเหล้าอยู่

“ไปสูบบุหรี่”  วายะตอบอย่างเฉยเมยพลางยกกล่องใส่บุหรี่ที่ทำจากเงินขึ้นมาโชว์ให้ดู

โทคิโตะทำหน้าเหมือนจะบอกว่าสูบในคลับก็ไม่มีใครว่าอะไรอยู่แล้ว  แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจขอตัวคนในโต๊ะแล้วลุกตามมาด้วย

“ไปด้วยคนสิ”

“จะตามไปคุมสินะ”

“อย่าคิดแบบนั้นน่า”

วายะแค่นยิ้ม  เขารู้ว่ามีคำสั่งจากเบื้องบนให้คนในคลับคอยตามดูเขาอย่างใกล้ชิดหลังจากพ้นโทษคุมขังและทรมานออกมาแล้ว  โทคิโตะเป็นคนที่คอยประกบเขาบ่อยที่สุด  ในสายตาคนอื่นอาจเป็นเพราะตัวไล่เลี่ยกันและคงจะสามารถรับมือเขาได้แน่  แต่ที่เขาคิดก็คือ...บางทีหมอนี่อาจจะคิดว่าที่เขาทำความผิดจนต้องโทษนั้นเป็นความผิดของตนส่วนหนึ่งก็ได้...ช่างเป็นคนดีเสียเหลือเกิน  แต่ก็เอาเถอะ  เขาไม่ได้เกลียดชังอะไรโทคิโตะหรอก  แถมมีคนอยู่ด้วยก็ดีกว่าอยู่คนเดียวเยอะ

หลังจากพ้นโทษคุมขังเกือบสองเดือน  สิ่งที่กลับไปพบที่บ้านคือความรู้สึกเหมือนบางอย่างในชีวิตขาดหายไปและความฟุ้งซ่านอย่างน่าประหลาด  วายะไม่อายที่จะบอกว่าหลังจากถูกปล่อยตัวเขาฝันร้ายทุกคืน  มันสับสนปนเปไปหมดระหว่างความทรงจำเก่าแก่กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้...บางครั้งที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วมองมือตัวเอง...ว่าคนที่มันบีบคอไปในความฝันนั้นคือใครกันแน่...

ควันบุหรี่สีเทาลอยตัวแทรกผ่านละอองฝนที่โปรยปรายขึ้นไปสู่ท้องฟ้ามืดมิด  วายะอัดควันเข้าปอดพลางฟังโทคิโตะบ่นกระปอดกระแปดว่าทำไมเขาต้องหาเรื่องมายืนตากฝนให้บุหรี่มันชื้นแบบนี้  วายะเพียงแค่ยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไร...มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าเขาชอบหิมะกับฝน  หิมะสีขาวที่ปกคลุมทุกสิ่งเหมือนจะกลบฝังความเลวร้ายทั้งมวลย้อมโลกทั้งโลกให้บริสุทธิ์  และสายฝนก็จะช่วยชำระล้างทุกสิ่งให้สะอาดสะอ้าน...คิริฮาระเคยค่อนบ่อย ๆ ว่าเรื่องนี้มันช่างโรแมนติกไม่สมกับเป็นความคิดของเขาเลย  ซึ่งที่จริงมันก็ไม่ใช่ความคิดของเขาหรอก  เพียงแต่ใครบางคนเคยบอกกับเขาอย่างนี้  เมื่อคิดตาม...ก็พบว่ามันจริงอย่างที่ว่า

หากหิมะก็ยังไม่อาจกลบฝังความผิดของเขาและสายฝนก็ยังไม่อาจล้างความรู้สึกบางอย่างในหัวใจได้

“เฮ้ย  รีบ ๆ สูบแล้วรีบ ๆ กลับเข้าไปกันเถอะ  วายะ  หนาวแล้ว  เดี๋ยวคิริฮาระจะมีโชว์ด้วยไม่ใช่เรอะ”  โทคิโตะเร่งมา

“หนาวก็เข้าไปก่อนสิ”  วายะตอบอย่างเฉยเมย  วันนี้คิริฮาระมีโปรแกรมมาโชว์ที่คลับ  แต่เล่นบทราชินีซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องช่วย  และเขาไม่มีวันยอมเล่นเป็นทาสแน่

“เอาแต่ใจจริงวุ้ย  ถือว่ายอดขายกลับมาที่เดิมแล้วหยิ่งเรอะ”  โทคิโตะอดค่อนไม่ได้  หลังจากถูกคุมขังไปสองเดือน  พอกลับมาได้ไม่ทันไรยอดขายของวายะก็เด้งกลับมาสู่อันดับหนึ่งอย่างเดิมทันที  เร็วจนน่าหมั่นไส้  แถมยังคงอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง

“ขออีกเดี๋ยวน่า”  โฮสต์หนุ่มหัวเราะกับคำค่อนนั้น...เขาไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ ๆ  แต่ดูเหมือนเกือบสองเดือนที่ต้องโทษลูกค้าประจำของเขาจะอดอยากปากแห้งกันไม่น้อย  พอเขากลับมาทำงานก็ถึงกับแย่งกันจองคิวจนแทบไม่มีเวลาได้พักเลยทีเดียว

“รอก็ได้วะ”  โทคิโตะว่าแล้วก็ดีดบุหรี่ไปยังถนนชื้น ๆ ที่นองไปด้วยน้ำ  พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเงาคนเดินเข้ามาในซอยเล็ก ๆ แห่งนั้น  ชายหนุ่มขยับตัวทันที  “ใครวะ  มาเดินแถวนี้เอาป่านนี้”

วายะเหลือบมองตาม  แล้วบุหรี่ในมือก็ร่วงลงพื้น  ดวงตาคมเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง  ชื่อหนึ่งหลุดลอดริมฝีปากออกมาดังไม่เกินกระซิบ
หัวข้อ: Re: All I want แจ้งขอโทษผู้อ่านทุกท่านครับ (หน้า12)
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 08-03-2012 22:58:35
เจอกันแล้ว จะเป็นยังไงเนี่ย ลุ้นๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: wolfram ที่ 08-03-2012 23:41:49
เจอกันแล้วๆๆๆ!!  :กอด1:

โทโมะจะหายกลัวรึยังเนี่ย!!

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 08-03-2012 23:45:39
All I Want 14 ต่อ

“...โทโมะ...”

ร่างที่เดินเข้ามาในซอกมืด ๆ นั้นหยุดชะงักอยู่ตรงสุดขอบของแสงไฟนีออน  ดวงตากลมที่มองตอบมาเบิกกว้างเช่นเดียวกับวายะ...หากเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกระคนหวาดกลัว  เหมือนเลือดในกายกลายเป็นน้ำแข็ง  ทั้งร่างเย็นเยียบเสียยิ่งกว่าหิมะ

...นั่นเป็นภาพลวงตา  ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ  นี่เป็นแค่สิ่งที่คิดไปเอง...

เด็กหนุ่มบอกกับตัวเองแบบนั้นหากร่างกายที่ไม่ยอมฟังคำสั่งของหัวใจอีกแล้วก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ  แต่พอขยับถอย  ร่างที่คิดว่าเป็นภาพลวงตาก็กระโจนพรวดเดียวถึงตัว  มือแกร่งคว้าแขนของเขาไว้แน่น

“โทโมะ!?”

เสียงนั้นเรียกชื่อเขาดังลั่นเหมือนกับตวาด...ไม่ผิดแน่  คนตรงหน้าไม่ใช่ภาพลวงตา  น้ำเสียงนั้น  กลิ่นบุหรี่นั้น  สัมผัสจากมือนั้น...นี่คือวายะตัวจริง!!

“ไม่!!!!”  โทโมกิร้องออกมาสุดเสียงพร้อมกับสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม

หากวายะรีบรวบร่างนั้นมากอดไว้แน่น

“โทโมะ!  โทโมะจริง ๆ เหรอเนี่ย?  โทโมะ...”

โทโมกิผลักร่างสูงสุดแรงพลางกรีดร้องอย่างไม่คิดชีวิต  เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อกลับสู่อ้อมแขนของคนคนนี้  เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะถูกฆ่า!

“ไม่!!  ไม่เอา!  อย่า!!”  เด็กหนุ่มดิ้นรนแต่ไม่เป็นผลอะไรเลย

วายะเองก็ไม่ฟังอะไรอีกแล้ว  เขากอดร่างเล็ก ๆ นั้นไว้แน่น  ยอมให้ทุบตี...จะด่าว่าหรืออย่างไรก็เถอะ  แต่เขาจะไม่ปล่อยโทโมกิไปอีกแล้ว

มือแกร่งขยุ้มลงบนไหล่เสื้อของโทโมกิบริเวณบาดแผลที่ตนเคยทำเอาไว้  มันไม่ได้ทำให้เจ็บ  แต่ในใจของโทโมกิกลับรู้สึกได้ถึงคมมีดที่กรีดลงบนผิว

“อ๊า!!!!”

เสียงหวีดร้องดังก้องไปในซอยมืดนั้น  โทคิโตะพลันได้สติ  ในตอนแรกเขาออกจะตกใจที่อยู่ ๆ วายะก็พรวดพราดออกไป  แต่พอได้ยินเสียงร้องอันเป็นเสียงของเด็กที่ยังไม่ทันโตเป็นผู้ใหญ่เขาก็เริ่มนึกออก...คู่กรณีของวายะเป็นแค่เด็กมัธยมต้นเท่านั้น  และนี่คงใช่...

“วายะ!  หยุด!!”  โฮสต์หนุ่มปราดเข้าไปกระชากเพื่อน

แต่วายะที่ขาดสติเสียแล้วหวดกำปั้นมากระแทกเข้าหน้าพอดีจนโทคิโตะล้มลง

...จะให้โทโมะร้องไม่ได้  เดี๋ยวใครได้ยินเข้าจะมาพาตัวไปอีก...จะให้ใครเห็นไม่ได้...

คิดได้แค่นั้นก็ขยุ้มผมที่ท้ายทอยของโทโมกิดึงให้ต้องเงยหน้าขึ้นแล้วประกบริมฝีปากลงบดจูบอย่างรุนแรง  โทโมกิผวาเยือก  กลิ่นของบุหรี่เข้ามาพร้อมกับปลายลิ้นร้อน...สัมผัสที่คุ้นเคย  รสชาติและกลิ่นอายนั้นรุกล้ำเข้ามากัดกินเขา  เขาจำได้ทั้งที่ไม่อยากจะจำ!

โทคิโตะเห็นท่าไม่ดีรีบกลับเข้าไปในคลับ  คนเดียวที่จะหยุดวายะได้ในตอนนี้อยู่ที่นั่น...ต้องรีบแล้ว!

ประตูห้องแต่งตัวเปิดผลัวะ  ทำเอาคนในห้องสะดุ้ง  แต่พอหันมาเห็นว่าเป็นใครก็แหวเอา

“อะไรของนาย  โทคิโตะ!  จะเข้ามานี่เคาะประตูหน่อยไม่ได้หรือไง?”

“คิ...คิ...คิริฮาระ...”  โทคิโตะพยายามพูดทั้งที่หอบฮัก  “มะ...มา...มาด้วยกันเร็ว”

“อะไร?  ยังไม่ถึงเวลาโชว์นี่  มีลูกค้าเรียกหรือไง?”  คิริฮาระสะบัดเรือนผมสีแดงของตนแล้วตรวจเช็คความเรียบร้อยในกระจก

“ไม่...ไม่ใช่...วายะน่ะ...วายะมัน...”  โฮสต์หนุ่มยังกระท่อนกระแท่น

“วายะทำไม?”

“เด็กคนนั้น...เด็กคนนั้นมาที่นี่...แล้ววายะก็บ้าไปแล้ว!”

ไม่ต้องรอให้โทคิโตะอธิบายเพิ่ม  คิริฮาระคว้าเสื้อคลุมมาสวมแล้วผลุนผลันออกจากห้องแต่งตัวโดยคว้าแส้ที่แขวนไว้ข้างประตูไปด้วย

...ถูกฆ่า...จะต้องถูกฆ่าแน่...จูบที่เร่าร้อนนั้นช่วงชิงเอาอากาศไปจนเด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกบีบคอ  โทโมกิดิ้นรนสุดแรงเกิดเพื่อเอาชีวิตรอด  ทั้งที่วายะถอนริมฝีปากออกหลายครั้งแต่ทำไมเขาถึงหายใจไม่ได้  ต้องหนีให้พ้นจากผู้ชายคนนี้ถึงจะรอดตาย...โทโมกิบอกกับตัวเองแบบนั้น  แต่ดูเหมือนร่างกายจะล้าแรงลงทุกทีจนไม่ยอมฟังคำสั่งของสมอง  สองมือที่จิกทึ้งและทุบตีร่างสูงค่อย ๆ เคลื่อนไหวช้าลง  ในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นยึดเสื้อโค้ทของชายหนุ่มไว้  สติล่องลอยออกไปไกล

พลันก็รู้สึกได้ถึงท่อนขาที่แทรกเข้ามาตรงหว่างขาของตน  ส่วนกลางกายที่คุกรุ่นด้วยอารมณ์ใคร่มาตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมาตอบสนองกับสัมผัสนั้นทันที  วายะรู้ดีที่สุดว่าจะต้องสัมผัสเด็กหนุ่มอย่างไรจึงจะกระตุ้นอารมณ์ได้  ไม่เพียงแต่ต้นขาที่บดเบียดอยู่สองมือก็ยังลูบไล้ไปทั้งเรือนร่างนั้นเหมือนจะสำรวจให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดไปจากที่เคยได้กอด

ทว่าในขณะที่ร่างกายตอบสนองกับการกระทำของวายะ  โทโมกิกลับรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจตาย  เขาหายใจไม่ออก  แม้ว่าวายะจะปล่อยริมฝีปากของเขาให้เป็นอิสระแล้วก็ตาม  ที่ลำคอปวดแน่นและแสบร้อน  สัมผัสของมือแกร่งที่เคยบีบรัดมันหลอกหลอนให้รู้สึกเสมือนจริง  โทโมกิอ้าปากไล่งับอากาศ...เขากำลังจะตาย...

เสียงของอะไรบางอย่างที่เป็นเส้นเรียวแหวกอากาศและกระทบเข้าที่แผ่นหลังของวายะอย่างแรงจนสะดุ้ง  พอหันกลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นสิ่งนั้นก็ฟาดมาที่ใบหน้าจนผงะหงาย

“ปล่อยเด็กซะ  ไอ้หมาบ้า!”

เสียงตะโกนแหวมาพร้อมกับท่อนแขนที่หวดใบหน้าของเขาซ้ำ  คราวนี้วายะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น  เขาจำเสียงนั้นได้ดี...คิริฮาระ
แค่เรี่ยวแรงกับแขนเล็ก ๆ ของคิริฮาระไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มบาดเจ็บสักเท่าไรนัก  แต่แส้ม้าที่หวดตามมาซ้ำแล้วซ้ำอีกทำให้ต้องล่าถอยออกจากร่างที่ปล่อยให้ทรุดลงกับพื้น  คิริฮาระใช้แส้ได้คล่องเหลือเกิน  นั่นเป็นครั้งแรกที่วายะนึกแค้นใจตัวเองที่สอนให้นายแบบหนุ่มเชี่ยวชาญถึงเพียงนี้  ในตอนนี้เขาได้แต่ยกแขนขึ้นป้องกันตัวเองและไม่สามารถเข้าใกล้คิริฮาระได้  พลันก็เหลือบไปเห็นโทคิโตะค่อย ๆ ประคองร่างเล็กขึ้น

“อย่าแตะต้องโทโมะนะ!!”  โฮสต์หนุ่มตวาดแล้วก็ต้องรีบยกมือขึ้นป้องหน้าตัวเองเมื่อปลายแส้หวดมาอีกครั้ง

“ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเรอะ!  แกนั่นแหละที่ไม่มีสิทธิ์จะแตะต้องเขา”  คิริฮาระร้องแล้วก็อาศัยจังหวะที่วายะยังไม่ทันตั้งตัวถีบเข้าที่ยอดอกจนร่างสูงทรุดลงนั่ง

“ทำไมจะไม่มี...”  วายะเข่นเขี้ยว  ดวงตาแข็งกร้าวยังจับจ้องไปที่โทคิโตะกับโทโมกิ

“เพราะแกถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้เด็กคนนี้อีกแล้วตลอดชีวิต  ชัดมั้ย?”  ส้นรองเท้าบู้ทหนากระแทกซ้ำลงบนไหล่ของโฮสต์หนุ่ม  กดให้หมอบลงกับพื้น  พอทำท่าจะขืนตัวลุกขึ้นมาคิริฮาระก็กระหน่ำแส้ฟาดไม่ยั้ง  “แกควรจะจำได้ว่าแกไม่มีสิทธิ์แตะต้องเขาอีกแล้ว  แกทำถึงขนาดนั้นแล้ว  ก็ไม่มีสิทธิ์จะครอบครองเขาอีก”

วายะกัดฟันกรอด  เขารู้ว่าโอโนเสะพิพากษาเขาไว้เช่นนั้น  เขาสลักชื่อของเขาไว้บนร่างกายของโทโมกิ  ในเมื่อแสดงความเป็นเจ้าของไว้แบบนั้นแล้ว  แม้จะไม่ได้พบไปตลอดชีวิตก็คงไม่เป็นไร...ชายหนุ่มเองก็ทำใจไว้ว่ามันจะต้องเป็นแบบนั้น  แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่าโทโมกิจะมาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง  มาถึงที่ของเขา  ก้าวเข้ามาในโลกของเขา...พริบตาที่เห็นร่างนั้นอยู่ตรงหน้า  ความยับยั้งชั่งใจทั้งหลายทั้งปวงก็มลายหายไปจนหมดสิ้น  แม้กระทั่งในตอนนี้ถูกคิริฮาระกระหน่ำเฆี่ยนตีอยู่อย่างนี้  เขาก็ยังคิดจะครอบครองโทโมกิ

“โทคิโตะ  พาเด็กนั่นไปหาโอโนเสะซังซะ”

โฮสต์หนุ่มได้ยินคิริฮาระออกคำสั่ง  เขาขยับตัวหมายจะห้าม  แต่ปลายเท้าชองนายแบบหนุ่มก็ตวัดเข้าที่หน้าจนผงะหงาย  ตามมาด้วยด้ามแส้ที่กระแทกเข้ามาที่คอหอยจนสำลัก

“ฉันไม่ให้แกไป  วายะ”  คิริฮาระพูดเสียงเย็นเยียบ  มองมาด้วยสีหน้าเหมือนนายที่มองดูทาส  หากแววตาเป็นประกายประหลาด  “ถ้าแกแตะต้องเด็กคนนั้นตอนนี้  ทุกอย่างก็จบ  เพราะงั้นฉันจะไม่ให้แกไป”

วายะนิ่งอึ้ง  จ้องตาคิริฮาระอย่างไม่เข้าใจ  กระทั่งหัวใจที่พลุ่งพล่านค่อย ๆ สงบลง  เขาปิดตาลงเบา ๆ แล้วพยักหน้าน้อย ๆ เป็นเชิงรับรู้

“โอกาสยังมี  แต่ไม่ใช่ตอนนี้”  ด้ามแส้ที่กดอยู่ที่ลำคอผละออกไป  คิริฮาระถอยออกห่าง  “แกยังต้องรับโทษที่ทำลายชีวิตเด็กคนนึงมากกว่านี้”

เสียงฝีเท้าดังห่างออกไป  วายะกอดเข่าแล้วซบหน้าลงกับท่อนแขน  คำพูดของคิริฮาระดังก้องอยู่ในสมอง

“เมื่อโทษทัณฑ์จบสิ้นลง  ถึงตอนนั้น...แกจะทำอะไรก็ทำ”

เกร็ดหิมะตกลงมาต้องร่างกายที่แสบร้อนไปด้วยรอยแส้  วายะรู้ว่าโทคิโตะพาโทโมกิไปไหน  แต่เขาไม่ได้ตามไป  คิริฮาระพูดถูก...เขายังต้องรับโทษทัณฑ์อีกยาวนานนัก  และเขาเตรียมใจไว้แล้ว  ถ้าหากโทโมกิไม่มาที่นี่ในคืนนี้เขาก็คงไม่ไปตามหาหรือพยายามไขว่คว้ามาครอบครอง  แต่ในใจก็ยังหวังเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งข้างหน้า  เมื่อทุกอย่างดีขึ้นกว่านี้เขาก็อยากพบโทโมกิอีกสักครั้ง  ไม่ว่าการพบกันนั้นจะเป็นไปในรูปแบบใด  จะดีขึ้นหรือเลวร้ายกว่านี้  เขาก็ยังปรารถนาจากส่วนลึกของหัวใจ  คิริฮาระรู้และเข้าใจดีว่าเขาคิดอะไรถึงได้พยายามหยุดยั้งเขาไว้ทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ความปรารถนาของเขาสูญเปล่า  และเขาก็นึกขอบคุณ

...แต่แบบนี้มันก็ออกจะเกินไป...วายะส่ายหน้า  คิริฮาระทำกับเขาเหมือนทำกับทาสอย่างสมบูรณ์แบบ  ไม่ไหวเลย  เขาไม่น่าปั้นคิริฮาระมาให้สมบูรณ์แบบขนาดนี้เลย  แต่ช่างเถอะ...แบบนี้ก็ดีแล้ว  ร่างสูงลุกขึ้นปัดหิมะออกจากตัวแล้วกลับเข้าไปในคลับ  พยายามลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่และตัดใจจากคนที่ถูกพาตัวไปไกลเกินเอื้อมเสียให้สิ้น

โทโมกิซุกกายสั่นเทาอยู่ข้างกายโอโนเสะ  ทันทีที่หลุดพ้นจากวายะมาได้เขาก็หายใจออก  แต่อาการหวาดกลัวไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย  โทคิโตะพาเขาขึ้นมาถึงชั้นที่ 29 นี้ด้วยสภาพเหมือนจะอุ้ม  นั่นทำให้โอโนเสะกับยามานากะตกใจทีเดียว  พอเห็นหน้าโอโนเสะ  หนุ่มน้อยก็ผวาเข้ากอดแล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย  ปล่อยให้โทคิโตะเป็นคนเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้โอโนเสะฟัง
มือใหญ่ลูบไล้เรือนผมสีดำขลับที่ยาวเคลียบ่าเหมือนจะปลอบโยนพลางบอกกับโทคิโตะ  “ทำได้ดีมาก  แล้วก็บอกยูด้วยล่ะว่าเก่งมากที่เอาไอ้หมาบ้านั่นจนอยู่”

โทคิโตะโค้งรับคำชมนั้นเล็กน้อย  แต่ยังมองร่างเล็ก ๆ ที่นั่งสั่นอยู่ข้างโอโนเสะด้วยแววตาเป็นห่วงเป็นใย  และท่านประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์ก็รู้ถึงสายตานั้น

“ไม่เป็นไรแล้วละ  ถึงมือฉันแล้วนี่”

“เอ้อ...ครับ”  โทคิโตะแน่ใจว่าถ้าอยู่กับโอโนเสะแล้วจะไม่มีใครแตะต้องหนุ่มน้อยได้แน่  แต่เรื่องของจิตใจมันก็อีกเรื่องหนึ่ง

“เธอลงไปทำงานเถอะ  กระตุ้นยอดขายหน่อย  เผื่อสิ้นเดือนจะมีรางวัลพิเศษให้มากกว่านี้”  โอโนเสะเอ่ยยิ้ม ๆ

โทคิโตะกล่าวคำลาอย่างอิดออดนิดหน่อย  แต่เขาคิดว่าโอโนเสะคงจะมีวิธีรับมือกับเด็กคนนั้นได้จึงกลับลงไปที่คลับใต้ดิน...ไม่คิดเลยว่าอยู่ ๆ วายะจะคลั่งขึ้นมาได้แบบนั้น  วายะเป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้ดีเสมอ  และมักจะสอนพวกเด็กใหม่เสมอว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการเล่น SM คือการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง  ดังนั้นเมื่อเห็นวายะสูญเสียการควบคุมแบบนั้นเขาจึงตกใจไม่น้อย  แค่เด็กคนนั้นมาอยู่ตรงหน้าก็ทำให้วายะเสียสติไปได้ถึงขนาดนั้นเชียวหรือ...ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองที่โดนกำปั้นของวายะหวดเอาเมื่อครู่  มันเพิ่งจะเจ็บขึ้นมาตอนนี้  จากนี้ไปเขาคงต้องให้ความร่วมมือกับคิริฮาระในการคอยดูแลวายะให้มากกว่านี้แล้วละมั้ง...ถ้าหากวายะจะไม่แหกอกเขาเสียก่อนน่ะนะ

“ไอ้ตัวเล็ก  เลิกร้องไห้ได้แล้ว  ไม่เป็นไรแล้วนะ”  โอโนเสะโอบร่างเล็ก ๆ ไว้แล้วเขย่าเบา ๆ เหมือนจะปลุกปลอบ

โทโมกิพยักหน้าแต่น้ำตายังไม่ยอมหยุดไหล  เมื่อครู่เขาคิดว่าจะต้องตายเสียแล้ว  ไม่รู้ว่าทำไม  ทั้งที่วายะไม่ได้แตะต้องลำคอของเขาเลยแม้แต่น้อยแต่เขากลับหายใจไม่ได้  มันเจ็บไปหมดเหมือนวันนั้นที่ถูกบีบคอ

“วายะไม่ได้ทำอะไรเธอใช่มั้ย?”

“...ครับ”  ตอบออกไปแล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าวายะกอดและจูบเขาอย่างเร่าร้อน  เพียงแต่ในตอนนั้นสมองของเขาไม่รับรู้อะไรแล้วเสียมากกว่า

“ถ้างั้นก็เลิกร้องไห้ได้แล้ว”

“ผม...นึกว่าจะไม่ได้...เจอคุณแล้ว...”  โทโมกิพูดปนสะอื้น

“ทำไมจะไม่ได้เจอล่ะ?”

“ผมหายใจ...ไม่ออก...เหมือนจะตาย...”

โอโนเสะลอบสบตากับยามานากะ  ก่อนจะถามเด็กหนุ่ม  “เขาบีบคอเธออีกเหรอ?”

“เปล่าครับ...เขาไม่ได้ทำอะไร...แต่ผมหายใจไม่ออก  ผม...กลัว...”

โอโนเสะไม่ได้เป็นจิตแพทย์โดยตรงแต่คิดว่านี่คงเป็นอาการข้างเคียงจากการช็อคอย่างรุนแรงในครั้งนั้น  แค่อยู่ใกล้วายะสมองก็จะสั่งให้หยุดหายใจเหมือนตอนที่ถูกบีบคอทันที...เขาลอบถอนใจหนักหน่วง  อาการแบบนี้คงต้องรักษากันอีกนาน

“เอาละ  ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว  หมอนั่นก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย  ไม่ต้องกลัวแล้วนะ”

โทโมกิพยักหน้าน้อย ๆ แต่ยังเกาะโอโนเสะไว้แน่น

“ว่าแต่...มาหาฉันถึงที่นี่มีอะไรเหรอ?”

ในตอนนั้นเองที่เด็กหนุ่มเพิ่งนึกออกถึงจุดประสงค์ที่เขามาที่นี่  ความตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาลืมเรื่องนั้นไปจนหมดสิ้น  แต่กระนั้นร่างกายที่ตอบสนองกับสัมผัสของวายะเมื่อครู่กลับยังไม่ลืม...โทโมกิสะท้านน้อย ๆ ไปทั้งร่างก่อนจะกระซิบเสียงสั่น

“ผม...มีอารมณ์...แล้วไม่รู้จะทำยังไงครับ...มัน...ทรมาน”

แค่คำพูดสั้น ๆ โอโนเสะก็เข้าใจได้  โทโมกิมีอาการแบบเดียวกับตอนที่อยู่โรงพยาบาลอีกแล้ว  ตอนที่รักษาตัวอยู่อาการแบบนั้นมักจะเกิดขึ้นตอนที่เด็กหนุ่มรู้สึกตัวครึ่ง ๆ กลาง ๆ  ซึ่งหมอก็ได้บำบัดรักษาจนดีขึ้น  ในช่วงก่อนออกจากโรงพยาบาลเขาไม่ได้มีความต้องการทางเพศเลย  แต่ก็นั่นแหละ  ที่สมองของโทโมกิโดนทำลายด้วยยากล่อมประสาทก็เป็นความจริง  ในบางครั้งอาการแบบนั้นอาจจะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวได้  และหมอก็ยังบอกเอาไว้อีกว่าโทโมกิกำลังเป็นวัยรุ่น  การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจะกระตุ้นความต้องการอย่างช่วยไม่ได้  อาจจะต้องคอยระวังและให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษ

...ให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษ...บางทีโอโนเสะก็นึกอยากยกหน้าที่นี้ให้ใครสักคน  แต่กลัวว่าสุดท้ายมันจะไปลงอีหรอบเดียวกับที่วายะทำ  พวกเด็ก ๆ ในสังกัดของเขามันเป็นมืออาชีพก็จริง  แต่มีของน่ากินมาล่ออยู่ตรงหน้าบ่อย ๆ เป็นใครก็อยากตะครุบ  อย่ากระนั้นเลย...เขาจัดการเองดีกว่า

หลังจากพาเด็กหนุ่มเข้าไปช่วยปลดเปลื้องความต้องการให้ในห้องพักแล้ว  โอโนเสะก็กลับมาสะสางงานของตัวเองต่อโดยปล่อยให้โทโมกิหลับอยู่ในห้อง

“แย่นะครับ”  อยู่ ๆ ยามานากะก็เอ่ยขึ้น

“อะไรแย่?”

“ดึกป่านนี้แล้ว  ลูกชายหายออกมาอยู่ในที่แบบนี้ทั้งคน  แต่พ่อแม่ของซานาดะคุงกลับไม่ติดต่อมาเลย”

โอโนเสะชะงักเอกสารที่กำลังอ่านอยู่แล้วเหลือบมองยามานากะ  เลขา ฯ คนสนิทกำลังเหม่อมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนัง  เที่ยงคืนกว่าแล้ว  แต่ไม่มีใครตามหาหรือเป็นห่วงเด็กหนุ่มที่นอนอยู่ในห้องของเขาเลย

โอโนเสะไม่แก้ตัวว่าพ่อแม่ของเด็กคงกำลังยุ่ง  เพราะเขารู้ดีว่ามันไม่ใช่  จากที่โทโมกิเคยเล่าให้ฟังก็บอกอะไรได้หลายอย่างอยู่แล้ว  โทโมกิถูกทอดทิ้งและไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่นานแล้ว  เพราะรู้แบบนั้นเขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กคนนี้สามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวคนเดียวให้ได้  เขาไม่เคยอ้อมค้อมหรือปลอบประโลมโทโมกิเกินความจำเป็น  ด้วยคิดว่าโทโมกิจะต้องก้าวข้ามกำแพงตรงหน้านี้ไปให้ได้  มิฉะนั้นจะไม่สามารถมีชีวิตต่อไปตามลำพังได้  เขาให้ความช่วยเหลือโทโมกิได้เท่าที่เขาเคยให้กับคิริฮาระ  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากจะชักจูงเด็กหนุ่มเข้ามาในเส้นทางเดียวกับคิริฮาระ  โทโมกิยังเด็กนัก  ควรจะมีอนาคตที่ดีกว่านี้

“ไว้เสร็จแล้วค่อยไปส่งเขาที่บ้านก็แล้วกัน”  โอโนเสะตัดบทแล้วกลับไปทำงานต่อ

ยามานากะมองผู้ที่เป็นทั้งเจ้านายและน้าชายด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก  บางทีเขาอยากจะแนะนำอะไรบางอย่าง  แต่มันก็เป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าจะพูดพล่อย ๆ ออกไปได้  คงต้องรอเวลาและสถานการณ์ที่เหมาะสมแล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น

...

อากาศเริ่มอุ่นขึ้นบ้างแล้วในตอนที่ครอบครัวซานาดะอยู่กันพร้อมหน้า  แต่บรรยากาศในห้องนั้นไม่ได้อบอุ่นเหมือนอากาศภายนอกเลย

“โทโมกิ  ตั้งแต่เทอมหน้าไปแกต้องไปเรียนที่นี่”  ผู้เป็นพ่อโยนเอกสารแนะนำโรงเรียนลงบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้าโทโมกิที่นั่งอยู่บนโซฟาด้านตรงข้าม

ผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวอีกตัวจ้องเอกสารนั้นแล้วเบิกตากว้าง  “โรงเรียนหน้าตาแบบนี้มันแพงหูดับเลยนี่คุณ”

“แล้วไง  ก็จ่าย ๆ ไปเถอะน่า  คนรู้จักของผมแนะนำมา  พอลองดู ๆ แล้วมันก็น่าจะเหมาะกับไอ้ลูกชายของคุณด้วย”

คนได้ชื่อว่าเป็นแม่ของโทโมกิคว้าเอกสารใบบนสุดไปอ่าน  เด็กหนุ่มจึงกวาดตามองเอกสารที่เหลือซึ่งส่วนมากเป็นภาพถ่ายของโรงเรียนที่อยู่ท่ามกลางต้นไม้รายล้อม  มีอาคารเรียนและหอพักที่สวยงามครบครัน  แต่เมื่อดูจากกำแพงรั้วที่สูงและหนาแน่นแล้ว  โทโมกิก็บอกกับตัวเองว่านั่นคือเกาะกลางทะเลป่า...เป็นคุกที่พ่อจะเอาเขาไปลอยแพชัด ๆ

เขาคิดไว้แล้ว  มันคงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แน่  แต่เอาเถอะ  แค่ถูกจับเข้าโรงเรียนประจำก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายนี่นะ  แถมบรรยากาศของโรงเรียนก็ดูดีทีเดียว  ได้ไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบนั้นเขาคงสงบลงได้บ้างละมั้ง  ถ้าจะเสียดายก็มีแค่เรื่องที่เขาคงไม่ได้เจอโอโนเสะอีกเท่านั้นแหละ

หากสายตาก็เหลือบไปเห็นป้ายชื่อโรงเรียน  โทโมกิคว้าเอกสารขึ้นมาดูให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ตาฝาด  พออ่านได้ความแล้วความโกรธชนิดเลือดขึ้นหน้าก็ปะทุพล่านไปทั้งร่าง  โทโมกิลุกพรวดขึ้นแล้วปาเอกสารลงตรงหน้าพ่อด้วยท่าทางเอาเรื่อง

“หมายความว่าไง!?”

“หมายความอะไรของแก?”  ผู้เป็นพ่อจ้องตอบอย่างนึกฉุนอยู่ในใจเหมือนกัน

“ไอ้โรงเรียนบ้านี่มันหมายความว่าไง!?  สถานดัดสันดานใช่มั้ย?  พ่อจะส่งผมไปอยู่สถานดัดสันดานใช่มั้ย!?”  โทโมกิตะโกนใส่หน้า

ผู้เป็นแม่ที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกรีบดูเอกสารในมือ  เมื่อกี้เธอมัวแต่สนใจรายละเอียดเรื่องค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ จนลืมสนใจเรื่องโรงเรียนไปทั้งที่ชื่อโรงเรียนก็เขียนไว้หราบนปกหน้าอยู่แล้วว่า

“สถาบันบำบัดและดูแลพฤติกรรมเยาวชนเซนต์โจเซฟ”

ใบหน้าของเธอซีดเผือด  รีบหันขวับมามองหน้าสามีที่กำลังจ้องตากับลูกชายเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

“ก็แกทำตัวแบบนี้น่ะสิ  ฉันถึงได้จะส่งแกไปที่นั่น!”  เขาตวาดลั่น  “ใครมันสั่งมันสอนให้แกทำอย่างนี้กับพ่อวะ!  แกกล้าดียังไงโยนของใส่หน้าฉัน  ไอ้เด็กบ้า!!”

“พ่อเรอะ!?  คนอย่างคุณมันมีค่าพอจะให้ใครเรียกว่าพ่อหรือไง”  โทโมกิขึ้นเสียงอย่างไม่ยอมแพ้

ผู้ได้ชื่อว่าเป็นพ่อหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ  เขาชะโงกตัวข้ามโต๊ะมาตบโทโมกิจนถลาล้ม  แล้วหันไปตวาดเอากับภรรยา  “ดูมันนะ!  ลูกคุณน่ะ  ดูมันพูดกับผม  คุณเลี้ยงมันภาษาอะไร!?”

“อย่ามาว่าฉันนะ!!”  หญิงสาวตวาดแว้ด  ลุกพรวดขึ้นยืน  “จะมาโทษฉันไม่ได้นะ  โทโมกิก็เหมือนคุณนั่นแหละ  นิสัยเหมือนกันไม่มีผิด  ไอ้นิสัยเลว ๆ อะไรน่ะได้คุณมาทั้งนั้นแหละ  ไม่ใช่ความผิดของฉันนะ!!”

“นี่คุณว่าผมเหรอ!?”  เขาปราดเข้าไปหา  แต่เธอที่คุ้นชินกับพฤติกรรมของสามีอยู่แล้วหลบอย่างรวดเร็ว

“จะทำอะไรฉัน!?  ถ้าคุณตบฉันอีกคราวนี้ฉันจะเอาให้ตายเลย  เรื่องถึงศาลก็ให้มันถึงไปเลย!!”

โทโมกิที่ยังนั่งอยู่กับพื้นปล่อยให้เสียงพวกนั้นไหลผ่านหูไป  เขาฟังมามากพอแล้ว  เรื่องที่ว่าเขานิสัยเลวเหมือนใครหรือใครเลี้ยงเขามาให้เลวนั่นน่ะ...ไม่อยากจะบอกเลยว่าที่เขาเป็นอย่างนี้ก็เพราะทั้งสองคนนั่นแหละ  แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขาถูกเลี้ยงมาแบบไหนหรือมีนิสัยเหมือนใครหรอกนะ  เพราะคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแม่ไม่เคยสนใจเขาเลยต่างหาก  ในบ้านของเขาไม่เคยมีภาพถ่ายครอบครัว  ไม่ว่ามันจะเป็นภาพที่ถ่ายมาเพื่อโกหกตัวเองว่าครอบครัวของพวกเขาสมบูรณ์แบบหรืออะไรก็ตาม  ไม่เคยมีอ้อมกอดไม่ว่าจะจอมปลอมหรือเสแสร้ง...เขาเป็นเด็กที่ไม่มีใครต้องการมาตั้งแต่แรกแล้ว  และเขาไม่ได้ทำตัวแบบนี้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนไร้ความรับผิดชอบทั้งสองคนนี้เลยสักนิด  เขาเป็นอย่างนี้เพราะเขาอยากเป็น  เพราะไม่มีใครเคยบอกสอนหรือห้ามปรามอะไรเขาจึงทำทุกอย่างที่เขาอยากทำตามใจชอบ  ไม่เคยอยู่ในกฎเกณฑ์อะไรเพราะที่บ้านไม่เคยมีใครมากำหนดอะไรเขา  ไม่มีใครชื่นชมผลการเรียนของเขา  เขาจึงไม่สนใจที่จะเรียน  พวกครูก็เห็นว่าเขาเป็นแค่ขยะในโรงเรียนและพากันเอือมระอา  แต่นั่นจะแปลกอะไรในเมื่อที่บ้านเขาก็เป็นขยะที่ไม่มีใครเหลียวแลอยู่แล้ว

ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่เขาจะไม่มีวันยอมไปอยู่สถานดัดสันดานแบบนั้น  นิสัยร้ายกาจและแส่หาเรื่องอาจจะนำภัยมาถึงตัวเขาก็จริง  แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดจะต้องโดนส่งไปอยู่ที่นั่น  เขาไม่เคยล้ำเส้นไม่เคยทำผิดกฎหมาย  อย่างน้อยโอโนเสะก็ไม่เคยบอกว่าเขาเป็นเด็กเลวก็แล้วกัน

โอโนเสะ...ใช่...ทั้งที่เป็นคนนอก  ทั้งที่รู้ว่าเขาโดนกระทำย่ำยีมาขนาดไหนก็ไม่เคยด่าว่าหรือมองเขาด้วยสายตารังเกียจเหมือนสองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแม่ของเขาเลย  ไม่ว่าเขาจะซมซานไปขอให้ช่วยปลดเปลื้องอารมณ์ให้ไม่รู้กี่ครั้งกี่หน  โอโนเสะก็ไม่เคยว่าอะไรสักคำนอกจากปลอบโยนและให้กำลังใจเขา...แล้วเขาผิดอะไรถึงจะต้องไปอยู่สถานดัดสันดานนั่น

“หุบปากได้แล้ว!!”

โทโมกิตะโกนลั่นจนพ่อกับแม่ที่ด่าทอกันอยู่ชะงัก  เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วจ้องทั้งสองด้วยสายตาแข็งกร้าว

“ผมจะไม่ไปอยู่โรงเรียนบ้า ๆ นั่น  และคุณก็ไม่มีสิทธิ์บังคับผม”

“ไม่มีสิทธิ์เรอะ!?  ฉันเป็นพ่อแกนะ  ฉันมีสิทธิ์จะสั่งให้แกทำอะไรก็ได้ที่ฉันต้องการ  และแกต้องทำตาม!”  พ่อย่างสามขุมเข้ามาหาโทโมกิ

“ไม่  คนอย่างคุณผมไม่นับเป็นพ่อหรอก  ก็แค่ผู้ชายขี้เอาที่ทำให้ผมเกิดมาเท่านั้นเอง”

ถ้อยคำนั้นคงบาดเข้าไปในหัวใจของผู้ชายคนนั้น  รู้สึกตัวอีกทีโทโมกิก็กองอยู่กับพื้นและโดนตบไม่นับ  มิไยที่ผู้เป็นแม่จะพยายามเข้ามาห้าม  แต่สามีของเธอก็หน้ามืดเต็มที่จนไม่ฟังเสียงอะไรแล้ว  เขากระหน่ำทุบตีเด็กหนุ่มเต็มแรงแค้น

บาดแผลแค่นี้มันเด็ก ๆ...เทียบกับที่โดนวายะเฆี่ยนด้วยเข็มขัดหนังแล้วมันเป็นแค่เรื่องเล็กนิดเดียว  จริงอยู่ว่ามันเจ็บ  แต่ไม่ได้ครึ่งของความทรมานในหัวใจที่วายะเคยมอบให้

ในหัวใจของโทโมกิตอนนี้ว่างเปล่าและมืดดำเหมือนบ่อลึกไร้ก้น  ไม่มีความเจ็บปวด  ไม่มีความโกรธแค้น...ไม่มีอะไรเลย  ไร้ซึ่งความรู้สึกทุกอย่าง...กระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ตัว

“โทโมกิคุง  ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

โทโมกิเงยหน้าขึ้นตามเสียงที่เริ่มคุ้นเคยนั้น  ตรงหน้าคือโอโนเสะกับยามานากะ  เขาขยับปากอยากจะตอบแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรจึงได้แต่นิ่งเงียบ

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ  ทำไมหน้าตาถึงเป็นแบบนี้!?”  โอโนเสะรีบนั่งลงแล้วประคองใบหน้าของเด็กหนุ่มไว้

หน้าตาเขาเป็นแบบไหนเหรอ...ไม่รู้สิ  เขาไม่รู้อะไรเลย...บางทีคงเพราะพ่อตบเขาแรงเกินไปละมั้ง  มันคงมีรอยช้ำ...ใช่  เขาโดนพ่อตี  จนหนำใจแล้วพ่อก็ออกจากบ้านไป  แม่ได้แต่ร้องไห้แล้วก็ทำอะไรไม่ถูกอยู่อย่างนั้น  ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย  ดังนั้นเขาจึงออกมาหาโอโนเสะ...เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามาถึงที่นี่ได้อย่างไร  บางทีอาจจะเป็นแท็กซี่  ไม่รู้ว่าตัวเองเดินผ่านซอกเล็ก ๆ ที่หวาดกลัวนักหนานั่นมาได้อย่างไร  เขารู้แค่ว่าเดินผ่านยามและขึ้นลิฟท์มาข้างบนนี้  แต่โอโนเสะไม่อยู่และเขาไม่มีรหัสเข้าไปในห้อง  จึงได้นั่งรออยู่ที่หน้าประตูนิรภัยนี้  แม้ไม่รู้ว่าโอโนเสะจะมาหรือเปล่า...เขารู้แค่นั้น

ในสมองและดวงตาที่ว่างเปล่า  โทโมกิพยายามใช้ความคิด...เขามาที่นี่เพราะมีเรื่องอยากคุยกับโอโนเสะ  แต่มันเรื่องอะไรกันนะ...เรื่องสำคัญมาก  ทำให้ต้องรีบมาที่นี่ทั้งที่เห็นอยู่แล้วว่าตัวเองมีเลือดออกจากที่ไหนสักแห่ง  อาจจะเป็นในปาก...เรื่องอะไรกันนะ  เรื่องที่พ่อทำร้ายเขางั้นหรือ...ไม่ใช่หรอก  นั่นมันแค่เรื่องเล็ก ๆ ไม่ได้สำคัญอะไรเลย...หรือว่าเรื่องที่พ่อจะส่งเขาไปเข้าสถานดัดสันดาน  อาจจะเป็นได้  แต่เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้  เรื่องที่ต้องบอกกับโอโนเสะโดยตรง  เกี่ยวข้องกับโอโนเสะโดยตรง...มันติดอยู่ที่ริมฝีปากนี่เอง...เรื่องที่อยากขอร้อง...

ริมฝีปากที่กรังไปด้วยเลือดแห้ง ๆ ขยับน้อย ๆ เป็นเสียงกระซิบที่แทบจะไม่ได้ยินจนโอโนเสะต้องเงี่ยหูฟัง


“ให้ผม...เป็นลูกคุณได้มั้ยครับ...”

หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 09-03-2012 00:14:31
มาบ่อยๆๆนะคะ  อยากอ่านมากเลยเรื่องนี้ 
ความรู้สึกเหมือนอยุ่ในสถานการณ์จริง
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: wolfram ที่ 09-03-2012 00:17:48
โทโมะ นายรีบๆหายหลอนซะทีสิ!!
ชุนก็อย่ารุนแรงกับโทโมะมากนักสิ!!

สู้ๆนะคะ!!  :กอด1:

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 09-03-2012 01:11:21
 :กอด1: :กอด1:
ติดตามๆ ถึงโทโมกิจะน่าสงสารก็เถอะ แต่ก็สงสารวายะ(?)ด้วยแหะ
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 09-03-2012 01:44:02
อารายกานเนี่ย......โดนแล้วโดนอีก โทโมะสู้ๆน้อ
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 09-03-2012 01:54:54
+1 ชอบอ่ะ เพราะ แต่ละละคนมีเรื่องที่กลัวกันทั้งนั้น แล้วเรา ต้องผ่านมันไปให้ได้ ทั้งวายะและโทโม๊ะ :z2:สู้ๆ น่ะ
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: elieanna ที่ 09-03-2012 02:08:36
กรีดดดดด
ชอบวายะอ่ะ SM :z3:
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 09-03-2012 06:57:54
ใกล้ถึงปัจจุบันแล้วป่ะ
สงสารโทโมะ
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: Minako ที่ 09-03-2012 07:17:25
ชอบแนวนี้มากๆอ่ะ อยากได้ อยากซื้อ Come closer รู้สึกจะรู้ตัวว่าชอบช้าไป T^T สอยไม่ทัน
ถ้าเล่มนี้ตีพิมพ์ จองคนแรก 5555  :impress2:
ปล. อยากได้เล่มก่อนๆด้วยอ่ะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 09-03-2012 07:33:54
ชอบแนวนี้มากๆอ่ะ อยากได้ อยากซื้อ Come closer รู้สึกจะรู้ตัวว่าชอบช้าไป T^T สอยไม่ทัน
ถ้าเล่มนี้ตีพิมพ์ จองคนแรก 5555  :impress2:
ปล. อยากได้เล่มก่อนๆด้วยอ่ะ  :sad4:

Come closer ยังมีให้สอยนะครับ
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: Minako ที่ 09-03-2012 07:36:34
Come closer ยังมีให้สอยนะครับ

>< เย่ ........แต่ต้องรออีกราวๆเกือบสี่เดือนเลยอ่ะ ฮือๆ T_T
ว่าแต่ ราคาประมาณเท่าไรหรอคะ?
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 09-03-2012 08:41:55
มาร้อ...มารอ
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 09-03-2012 08:57:01
โอ้ น๋อ คุณพ่อ คุณเเม่ ประเสริฐที่สุดดดด
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 09-03-2012 11:27:21
โกรธพ่อโทโมะ แทนโทโมะ  :fire: :fire: :fire:
รุนแรงไปป้ะ '___________________'
ใกล้จะกลับมาความจริงแล้วคนเขียน เย่ ๆ
เรื่องนี้ประมาณกี่ตอบจบค่ะ ?

ขอบคุณมากๆค่า  :-[
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 09-03-2012 11:48:45
บีบคั้นหัวใจรุนแรง 
ขอบคุณที่มาต่อนะ  คิดถึงคนเขียนมากๆ
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 09-03-2012 12:02:23
ลูกเจี๊ยบอยากได้พ่อใหม่แล้ว เย้ๆ แต่ว่าพ่อแม่เก่าคงฟันค่าตัวลูกหัวแบะเลยเนี่ย
แต่ลูกเจี๊ยบที่อยู่บ้านพังพินาศอย่างนั้น มันน่าสงสารนี่นา

โอ๋ๆ รักนะ โทโมะ
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 09-03-2012 12:09:18
อ่านแล้วก็บีบหัวใจ เฮ้อ  :pig4:
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 09-03-2012 12:56:45
พ่อกับแม่โทโมะที่เลวสุดจะบรรยายจริงๆ แย่ที่สุดเลย ทำแบบนั้นกับลูกตัวเองได้ยังไง
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 09-03-2012 14:14:00
เหมือนจะยังไม่จบมั้ย?
มันไม่มีคำว่า
ติดตามตอนต่อไปอ่ะ T[]T
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 09-03-2012 14:20:39
อ่านแล้วสงสารวายะ กับ โทโมะ
วายะก็ดูจะมีปมลึกเหมือนกันแถมล่าสุดไปบีบคอไว้เกือบตาย กว่าจะหายกลัวคงเลยปัจจุบันไปอีก = ="
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 09-03-2012 14:50:10



   โอว. . . หนูน้อยที่น่าสงสาร
   มาเป็นลูกของปะป๋าโอโนเสะด้วยวิธีนี้เลยเหรอ



หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: dear77 ที่ 09-03-2012 15:14:59
ยังเป็นงานเขียนที่คงความเป็นเอกลักษณ์ สนุกจังค่ะ
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 09-03-2012 17:36:52
ใกล้จะได้กลับมาปัจจุบันแล้วววว
ตอนนี้โทโมกิคงไม่เป็นไรใช่มั้ย โดนลักพาตัว ไม่มีใครตามเลยยย
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 09-03-2012 21:31:37
>< เย่ ........แต่ต้องรออีกราวๆเกือบสี่เดือนเลยอ่ะ ฮือๆ T_T
ว่าแต่ ราคาประมาณเท่าไรหรอคะ?

หนึ่งชุด สองเล่ม 600 บาทครับ
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 09-03-2012 21:34:43
เหมือนจะยังไม่จบมั้ย?
มันไม่มีคำว่า
ติดตามตอนต่อไปอ่ะ T[]T

เมื่อวานให้เพื่อนเอาไอดีมาลงให้ครับ เขาเลยไม่รู้ว่าต้องใส่ไอ้คำนี้ด้วย
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 09-03-2012 22:32:50
คิริฮาระเท่มาก
ีที่จริงก็แอบเอาใจช่วยวายะอยู่สินะคะ
รอวันที่วายะจะเข้ามาดูแลโทโมะอยู่เช่นเดียวกัน
ยังสงสัยอยู่ว่าเข้ามาอยู่ใกล้โทโมะอีกครั้งได้ยังไง
หรือว่าเป็นการลงโทษอย่างหนึ่ง

หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: may_beast ที่ 10-03-2012 00:22:04
หนงัสือมีเหลืออยู่บ้างไหมค่ะ ทั้งสองภาคเลยอ่ะค่ะ
ถ้าเหลือจะได้สั่งค่ะ อยากได้ มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: may_beast ที่ 10-03-2012 00:47:08
อยากได้หนังสือค่ะ มีเหลืออยู่ใช่ไหมคะ
เผื่อสั่งจองอ่ะค่ะ.....
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: may_beast ที่ 10-03-2012 00:50:07
อยากได้หนังสือค่ะ มีเหลืออยู่ใช่ไหมคะ
เผื่อสั่งจองอ่ะค่ะ..... :impress2: :impress2:

มีทวิตไหมคะจะได้คุยสะดวก

@may_beast
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 10-03-2012 07:41:47
อยากได้หนังสือค่ะ มีเหลืออยู่ใช่ไหมคะ
เผื่อสั่งจองอ่ะค่ะ..... :impress2: :impress2:

มีทวิตไหมคะจะได้คุยสะดวก

@may_beast

ทวิตเคยมีแต่เล่นไม่ได้ครับ
ถ้าสนใจสั่งซื้อ ดูรายละเอียดได้ที่นี่ครับ

http://kokuro.exteen.com/20100711/come-closer

แต่ไม่มีโดจินชิแถมแล้วนะครับ ถ้าต้องการก็เล่มละ 30 บาทครับ
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: jitsupa apple ที่ 10-03-2012 10:03:46
น่าสงสาร :sad4:
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 10-03-2012 16:06:34
ตอนนี้สงสารวายะจัง :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 10-03-2012 17:53:51
สนุกมากๆ น่าติดตามจริงๆค่ะ +1+เป็ด
ตอนนี้ สงสารทั้งวายะทั้งโทโมะ มีปมถูกทิ้งกันมาทั้งคู่ :monkeysad:
อยากรู้ว่ารันจังเป็นใคร
ป.ล. โอโนเสะซังเท่ อบอุ่น ชอบจัง :-[

หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: chompoonut139 ที่ 11-03-2012 11:16:24
เห้อน่าสงสารที้สุด
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 11-03-2012 20:53:13
ฮือออออออออออออ

จะร้องไห้ ฮืออออออออออ



โทโมะ  น่าสงสารจัง
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: Beast12honey ที่ 12-03-2012 03:02:22
T______________T สงสารนะเเต่ก็ชอบ
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 15-03-2012 15:28:00
โทโมกิอ่าา  นายคิดถูกแล้วล่ะที่พูดแบบนั้นออกไป   :กอด1:
รอนะฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 16-03-2012 22:13:57
All I want # 15

“ว่ายังไงนะ?”

“ฉันบอกว่าโอโนเสะซังรับเด็กคนนั้นไปเป็นลูกบุญธรรมแล้ว”

ดวงตาคมเบิกกว้าง  ยกมือขึ้นเสยเรือนผมสีทองของตนอย่างรู้สึกสับสน  วายะไม่อยากจะเชื่อคำพูดนั้น  บางทีคิริฮาระอาจจะแกล้งอำเขาเล่นก็ได้  แต่อีกใจก็รู้ดีว่านายแบบหนุ่มไม่มีวันล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้

เป็นลูกบุญธรรมตระกูลโอโนเสะ...นั่นหมายความว่าโทโมกิจะอยู่สูงเกินกว่าเขาจะเอื้อมคว้าได้ไปตลอดกาล

ถ้วยกาแฟใบสวยที่มีควันกรุ่นลอยออกมาถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับเสียงนุ่ม ๆ

“ดื่มให้ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะครับ  วายะซัง”  เป็นนัตสึเมะที่เอ่ยขึ้นเบา ๆ

วายะพยักหน้ารับรู้แต่ไม่มีทีท่าว่าจะรับถ้วยไปดื่ม  สองมือกุมขมับ  ว้าวุ่นใจเสียจนไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับความรู้สึกของตนดี

คิริฮาระได้แต่มองอาการแบบนั้นของโฮสต์หนุ่มแล้วก็ถอนใจ  นี่เป็นข่าววงในที่ไม่มีใครรู้นอกไปจากคนในตระกูลโอโนเสะ  ซึ่งเขาเองก็รู้มาจากโอโนเสะ  ทาคายะที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาและเป็นน้องชายของท่านประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์อีกที

“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าพี่เขาคิดอะไร  มันออกจะกะทันหันเอาเรื่อง  พี่สะใภ้ก็เก่งเหลือเกิน  ท่าทางจะยอมรับได้ง่าย ๆ เลยละ”

นั่นคือคำบอกเล่าของทาคายะ  ซึ่งคิริฮาระเองก็ไม่อยากจะเชื่อ  แต่ในเมื่อเป็นเรื่องที่ออกมาจากปากของคนในตระกูลเองก็แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องโกหก

โอโนเสะ  ฮิซาโนบุมีลูกชายแล้วสามคน  คนโตได้รับบริษัทลูกเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของลูนาติก  ลัสท์ไปบริหารดูแล  คนรองกำลังเป็นเลขา ฯ ของประธานบริษัทเครือเดียวกัน  ส่วนคนเล็กกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยและไม่ได้มีท่าทีว่าจะจับงานด้านนี้ต่อ

ถ้าให้มองจากภายนอก  ไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่าเด็กที่โอโนเสะรับไปเป็นลูกบุญธรรมจะต้องเกี่ยวข้องกับโอโนเสะไม่ทางใดทางหนึ่งเป็นแน่  เรื่องลูกนอกกฎหมายของนักธุรกิจระดับนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด  เพียงแต่...นั่นมันดีกับโอโนเสะและโทโมกิแล้วจริงหรือ

ในที่สุดวายะก็เงยหน้าขึ้นและเอื้อมมือไปหยิบกาแฟที่นัตสึเมะชงให้มาจิบ  ก่อนจะถอนใจยาวราวกับจะระบายความอัดอั้นในใจออกไป

“ทีนี้...นายคงตัดใจได้แล้วสินะ”  คิริฮาระเอ่ยขึ้นเบา ๆ

หากโฮสต์หนุ่มส่ายหน้า  “ไม่หรอก  ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่  ในเมื่อฉันรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนในตอนนี้”

หากไม่รู้ว่าโทโมกิอยู่ที่ไหน  เขาก็จะไม่ฟุ้งซ่าน  ไม่ร้อนรน  ไม่คิดจะออกตามหาหรือดิ้นรนจะไปเจอหน้า  เขาคงแค่ทำใจว่าโทโมกิคงจะมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้...โดยที่มีตราประทับของเขาติดตัวไปตลอดกาล  แต่นี่เขารู้แล้วว่าโทโมกิอยู่ที่ไหน  และมันไม่ได้ไกลจากตัวเขาเลย  แค่ขึ้นลิฟท์ด้านหลังไปก็มีโอกาสจะได้พบ...แล้วเขาจะหักห้ามใจตัวเองได้อย่างไร

“วายะซังครับ  ผมคิดว่าบางทีแบบนี้มันอาจจะดีกว่า”  เป็นนัตสึเมะที่ทำลายความเงียบขึ้น

“ดีกว่ายังไง?”  โฮสต์หนุ่มขมวดคิ้ว

“ดีที่จะตัดใจครับ”  มาสเตอร์หนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังอย่างที่นาน ๆ จะได้เห็นสักครั้ง  “ตระกูลโอโนเสะเป็นตระกูลใหญ่  และถ้าจะพูดกันตรง ๆ คือมันอยู่คนละโลกกับเราโดยสิ้นเชิง  คนอย่างพวกเราไม่มีวันจะได้เหยียบย่างเข้าไปในโลกของพวกเขาเหล่านั้น”

“แต่เวลามีงานมันก็มีโอกาสได้เจอนี่”  วายะเถียง  เขาเคยได้เจอพวกลูกชายของโอโนเสะหลายครั้ง  จนได้พูดคุยกันเสียด้วยซ้ำ

“ผมไม่คิดว่าโอโนเสะซังจะให้เด็กคนนั้นออกงานนักหรอกนะครับ”

“ทำไม?”

“อย่างแรกคือเขายังเด็กมาก  โดยทั่ว ๆ ไปยังไม่อยู่ในช่วงวัยที่ควรจะได้รู้และสนใจเรื่องธุรกิจประจำตระกูลด้วยซ้ำ  อย่างที่สองคือการเป็นลูกบุญธรรมน่ะ...มันตีความไปได้หลายอย่างนะครับ  บางทีมันก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงและหน้าตาของวงศ์ตระกูลโดยตรงด้วย”  นัตสึเมะอธิบาย

วายะนิ่งคิดแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย  “แต่ถ้าเกิดวันนึงได้ไปเจอกันที่งานเข้าล่ะ  จะทำยังไง?”

“กว่าจะถึงตอนนั้นยังอีกหลายปีครับ  บางทีวายะซังอาจจะไม่ได้เป็นโฮสต์หรือไม่ได้เกี่ยวข้องกับลูนาติก  ลัสท์แล้วก็ได้  เรื่องจะได้เจอกันก็เป็นอันจบ  หรือถ้ายังอยู่และได้ไปเจอกันจริง ๆ...ถึงตอนนั้นถ้ายังต้องการเขาอยู่  จะลองดูอีกสักทีก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”

น่าแปลกที่คำพูดของนัตสึเมะทำให้วายะใจเย็นลงได้อย่างประหลาด

“ตอนนี้ก็คิดเสียว่าเด็กคนนั้นได้ตายจากคุณและไปอยู่ในโลกอื่นแล้วก็แล้วกันนะครับ”  ผู้เป็นเจ้าของร้านพูดแล้วก็พยักเพยิดไปทางกาแฟที่ชายหนุ่มถืออยู่ในมือ  “เดี๋ยวจะเย็นซะหมดนะครับ  กาแฟชืด ๆ มันไม่อร่อยหรอก”

วายะพยักหน้าแล้วดื่มกาแฟอีก  ก่อนจะสังเกตว่ารสชาติแปลกไปกว่าที่เคยดื่ม  “ทำไมวันนี้กาแฟมันนุ่ม ๆ กว่าปกติล่ะ  มาสเตอร์?”

“เห็นดูเครียด ๆ ก็เลยชงอะไรนุ่ม ๆ ให้หน่อยน่ะครับ  ก็กาแฟปกติที่วายะซังเคยดื่มนั่นแหละ  แต่เติมโกโก้ลงไปเพิ่มให้มันเป็นมอคค่าน่ะครับ”

“อะไรกัน  ทำไมฉันได้ดื่มแต่เอสเปรสโซล่ะ  ทีวายะยังได้ดื่มกาแฟแปลก ๆ เลย”  คิริฮาระโวยขึ้น

“คนเริ่มดื่มกาแฟจากเอสเปรสโซก็ดื่มเอสเปรสโซต่อไปเถอะ  กาแฟอย่างอื่นมันไม่อร่อยหรอก”  นัตสึเมะยักไหล่

“นี่นายพูดแบบนี้มาสี่ปีแล้วนะ”

“แล้วจะพูดต่อไปด้วย”

วายะนั่งฟังเพื่อนรักคนละขั้วต่อล้อต่อเถียงกันไปพลางก็คิดถึงคำพูดของนัตสึเมะ...เขากับโทโมกิอยู่กันคนละโลก  มันก็จริง  ถึงเขาจะทำงานให้ลูนาติก  ลัสท์และโอโนเสะ  แต่เขาไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตระกูลโอโนเสะเลย  รู้แต่ว่าเป็นตระกูลใหญ่ที่มีธุรกิจมากมายในมือ  ซึ่งเขารู้จักแต่ธุรกิจสกปรกอย่างโฮสต์คลับหรือธุรกิจผิดกฎหมายเท่านั้น  นอกจากนั้นแล้วเขาก็ไม่ได้รู้อะไรอีก  เขาเป็นเพียงแค่ลูกจ้างคนหนึ่งในจำนวนหลายพันคนของโอโนเสะที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดนายใหญ่เป็นพิเศษบ้างเท่านั้น  หากไม่ใช่เพราะตำแหน่งโฮสต์อันดับหนึ่งเขาคงไม่มีวันได้เผยอหน้าเข้าไปในสังคมของโอโนเสะเป็นแน่  แม้ตอนนี้ก็เถอะ  โลกของโอโนเสะอยู่เกินความเข้าใจของเขา  ที่นัตสึเมะพูดมาเรื่องลูกบุญธรรมนั่น  เขาไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกี่ยวพันไปถึงชื่อเสียงหน้าตาของตระกูล

โทโมกิตายไปแล้ว...ตายจากโลกของเขาและไปอยู่ในโลกใหม่ที่เขาไม่รู้จักแล้ว

หากไม่ได้พบกันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ  สักวันความสับสนเร่าร้อนในใจก็คงจะบรรเทาลงได้  เหมือนที่มันเคยสงบมาได้หลายเดือนก่อนหน้านี้  สุดท้ายมันอาจจะกลายเป็นความทรงจำที่เขาจะเก็บกอดไปตลอดชีวิต  ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยต้องการใครคนหนึ่งมากมายเพียงไหน...เหมือนกับที่ความทรงจำที่มีต่อใครอีกคนยังคงตกตะกอนอยู่ในหัวใจของเขา

...

โทโมกินั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่างห้องนอนพลางทอดสายตาออกไปยังสวนญี่ปุ่นที่อาบไล้ด้วยแสงจันทร์ปลายฤดูร้อน  ฟูกนอนปูเอาไว้กลางห้องกว้างขนาดสิบเสื่อที่ตกแต่งเรียบง่าย  มีเพียงโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่มุมด้านหนึ่งของห้อง  ชั้นวางของที่มีทั้งโทรทัศน์และเครื่องเสียง  กับตู้เสื้อผ้าและราวแขวนผ้า  บรรยากาศสมกับเป็นห้องญี่ปุ่นในเรือนแบบญี่ปุ่นจริง ๆ

แต่ทั้งที่ห้องก็กว้างขวาง  แต่โทโมกิกลับรู้สึกอึดอัด  เขาไม่เคยอยู่ในห้องแบบนี้มาก่อน  ที่แมนชั่นของพ่อกับแม่นั้นเป็นสไตล์ตะวันตก  เครื่องเรือนทั้งหมดก็เป็นแบบตะวันตก  ถ้าไม่นับการไปเข้าค่ายทัศนศึกษาตอนเด็ก ๆ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้นอนฟูกปูพื้น  แต่แม้จะนอนมาเป็นอาทิตย์แล้วก็ยังไม่ชิน  เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจว่าถ้ายังไม่ง่วงจริง ๆ เขาจะยังไม่นอน  เพราะนอนไปก็ได้แต่พลิกตัวไปมาไม่ยอมหลับอยู่ดี

เสียงประตูกระดาษเปิดครืดดึงให้โทโมกิหันมามอง  พอเห็นผู้มาเยือนก็รีบกระเด้งลงมาจากขอบหน้าต่างเหมือนโดนเข็มแทง  แต่นั่นก็ไม่เร็วไปกว่าสายตาคมกริบที่จ้องมองมา

“ไปนั่งอยู่ตรงนั้นอีกแล้วเหรอคะ  โทโมกิซัง  บอกกี่ครั้งแล้วคะว่ามันอันตราย  ห้ามขึ้นไปนั่งอีก”  เสียงเข้มงวดเต็มไปด้วยแววตำหนิ

“ขะ...ขอโทษครับ  นายแม่”  โทโมกิลงมานั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนเสื่อทาทามิ

“แล้วทำไมถึงยังไม่นอนคะ  ดึกป่านนี้แล้ว  พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า  เดี๋ยวก็ไม่มีแรงหรอกค่ะ  แล้วดูสิ  เปิดมุ้งลวดทิ้งไว้ยุงก็เข้ากันหมดพอดี”  ว่าพลางเธอก็เดินมาดึงมุ้งลวดหน้าต่างปิด

โทโมกิขยับตัวอย่างอึดอัด  เธอคนนี้คือโอโนเสะ  ยูคาริ  ภรรยาคู่บุญของโอโนเสะ  ฮิซาโนบุ  นายแม่ผู้ควบคุมดูแลจัดการงานทุกอย่าง  รวมไปถึงทุกคนที่อาศัยอยู่ในเรือนใหญ่ของตระกูลโอโนเสะนี้ด้วย  แม้จะมีหัวหน้าแม่บ้านคอยช่วยดูแลบรรดาคนรับใช้แล้ว  แต่ยูคาริก็รับหน้าที่ดูแลโทโมกิด้วยตัวเอง  เธอมีหน้าที่อบรมและฝึกฝนเขาในฐานะคนของตระกูลโอโนเสะคนหนึ่ง  เหมือนกับที่เคยทำให้ลูกชายทั้งสามคน

“เอาละค่ะ  ทีนี้ก็นอนได้แล้ว  ราตรีสวัสดิ์  โทโมกิซัง”  เธอก้มหัวให้น้อย ๆ

“ระ...ราตรีสวัสดิ์ครับ  นายแม่”  โทโมกิรีบโค้งตอบทั้งที่ยังนั่งอยู่อย่างนั้น

ยูคาริปิดไฟแล้วออกจากห้องไป  โทโมกิจึงได้ถอนใจยาว...ไม่ชินจริง ๆ...ยังไงก็ไม่ชินอยู่ดีนั่นแหละ  แต่นี่เป็นทางที่เขาเลือกเอง  เพราะงั้นไม่ว่าจะเป็นยังไงเขาก็จะต้องเดินต่อไป


จากวันนั้นที่โทโมกิพาร่างอันสะบักสะบอมไปหาโอโนเสะ  เวลาได้ผ่านมาร่วมสองเดือนแล้ว  ด้วยคำพูดคำนั้นของเด็กหนุ่มทำให้โอโนเสะต้องตัดสินใจครั้งใหญ่  มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรับเด็กสักคนมาเป็นลูกบุญธรรม  แต่เมื่อดูจากสภาพครอบครัวและสถานการณ์แล้ว  โอโนเสะก็ไม่คิดว่ามันจะยากเกินไปนัก

ในคืนนั้นเขาให้โทโมกินอนพักที่ห้องพักส่วนตัวที่อยู่ติดกับห้องทำงาน  อาการของโทโมกิไม่ค่อยดีนัก  ทางด้านร่างกายยังไม่เท่าไร  แต่ทางด้านจิตใจนับว่าแย่ทีเดียว  เด็กหนุ่มเหม่อลอยและพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง  ต้องใช้เวลาพักใหญ่จึงจะกล่อมให้หลับไปได้

“เอายังไงดีครับ  คุณน้า?”  ยามานากะถามขึ้นเมื่อโอโนเสะออกมาจากห้องพัก  สรรพนามที่ใช้เรียกแปลกไปกว่าเคย  บอกให้รู้ถึงจุดมุ่งหมายของการพูดคุยว่านี่เป็นเรื่องในครอบครัวที่จะคุยกันฉันญาติ

โอโนเสะเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน  “นั่นสินะ”

ยามานากะถอนใจเบา ๆ  “ที่จริง...ผมเคยคิดจะบอกคุณน้าอยู่เหมือนกัน  แต่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่แล้วก็เป็นเรื่องที่จะเกี่ยวข้องกับครอบครัวของคุณน้าด้วย  ผมก็เลยไม่ได้พูดอะไรออกไป  แต่ดูจากอะไรหลาย ๆ อย่างแล้ว  ทั้งตัวเด็กคนนั้นเอง  แล้วก็สิ่งที่คุณน้าทำลงไป...ผมว่านี่อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็ได้นะครับ”

“หมายความว่าจะให้ฉันรับเด็กคนนั้นมาเป็นลูกงั้นเรอะ?”  โอโนเสะช้อนตาขึ้นมอง

“ครับ  ผมคิดแบบนั้น”  ยามานากะตอบอย่างหนักแน่น

ท่านประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์ยกสองมือขึ้นมาประสานกันบนโต๊ะ  หลุบตาลงต่ำ  และครุ่นคิด  “นี่มันเรื่องใหญ่มากนะ”

“ผมทราบครับ  ทั้งใหญ่ทั้งยุ่งยาก  แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้”

“จะเอาเหตุผลอะไรไปแย่งลูกเขามาล่ะ?”

“ดูท่า...ไม่ต้องมีเหตุผลเขาก็คงแทบอยากยกลูกให้แล้วละครับ”  ยามานากะทำสีหน้ารังเกียจขึ้นมาแวบหนึ่งเมื่อพูดถึงพ่อแม่ของโทโมกิ  “แต่ถ้าคุณน้าจะหาเหตุผล  ก็อย่างเช่น...คุณน้านึกอยากจะดูแลลูกเล็กสักคน  เพื่อทดแทนส่วนที่ไม่เคยได้ดูแลลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองเลย  พอนึกได้ว่าอยากจะทำอย่างนั้น  ฮิโรอากิคุงก็โตเกินไปเสียแล้ว  ตอนนี้ก็เลยอยากหาเด็กมาซ้อมมือไว้เผื่อเอาไว้รับมือหลานบ้าง...อะไรแบบนี้ดีมั้ยครับ?”

โอโนเสะหยิบยางลบบนโต๊ะขว้างหัวยามานากะแล้วก็แม่นเสียด้วย  “พูดอะไรระวังปากหน่อย  เดี๋ยวก็โดนหรอก”

“ก็โดนแล้วนี่ครับ”  ยามานากะลูบหัวตัวเองป้อย ๆ  “แต่...ถ้าพูดกันตามตรง  คุณน้าก็เป็นห่วงเด็กนั่นใช่มั้ยล่ะครับ?”

ไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้ว  ทั้งโอโนเสะและยามานากะอยู่กับโทโมกิตั้งแต่เข้ารักษาตัวและบำบัดจิตตั้งแต่แรก  เขาเห็นสภาพแหลกเหลวเกินเยียวยาของครอบครัวซานาดะที่ไม่ว่าโทโมกิจะเข้มแข็งสักแค่ไหนก็ไม่น่าจะผ่านไปได้ด้วยตัวคนเดียว  ซ้ำสภาพจิตใจของเด็กหนุ่มก็ยังเป็นแบบนี้อีก  มันยากเกินไปที่เด็กคนหนึ่งจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ตามลำพังได้  จริงอยู่ว่าพวกเขาทำธุรกิจด้านมืดผิดกฎหมายและได้เห็นคนผิดปกติทางใจมากมายเสียจนไม่ใช่เรื่องแปลก  แต่ถ้าเป็นไปได้  เขาก็ไม่อยากให้เด็กคนไหนโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ผิดปกติแบบนั้น  โอโนเสะรู้ว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้ปกตินัก  แต่ลูกชายทั้งสามก็ยังโตมาเป็นคนปกติได้ภายใต้การดูแลของภรรยาที่แสนดีของเขา...ต้นไม้ที่เกิดมาจากเมล็ดพันธุ์ไม่ดีอาจจะโตขึ้นมาอย่างบิดเบี้ยวและแคระแกร็น  แต่ถ้าบำรุงดูแลรักษาดี ๆ ก็สามารถโตขึ้นเป็นไม้ใหญ่ที่สวยงามได้...เด็ก ๆ ก็เป็นเช่นนั้น...โทโมกิต้องการคนดูแลเอาใจใส่มากกว่านี้  เพื่อที่จะโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งมั่นคงต่อไป

หลังจากนิ่งคิดอยู่นาน  ในที่สุดโอโนเสะก็เอ่ยขึ้น

“ยามานากะ  บอกให้ทนายรวบรวมข้อมูลซิว่าการจะรับบุตรบุญธรรมต้องทำยังไงบ้าง  เตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยเท่าที่จะทำได้  ขาดเหลืออะไรให้มาคุยกับฉัน”

“ครับ”

“แล้วก็...ช่วยจัดคนไปคอยดูแลโทโมกิที่แมนชั่นด้วย  อย่าให้เกิดเรื่องอย่างคืนนี้ขึ้นอีก”

เช้าวันรุ่งขึ้น  ยามานากะก็จัดให้ชายหนุ่มคนหนึ่งไปส่งโทโมกิที่แมนชั่นและคอยดูแลเด็กหนุ่มในเรื่องการเรียนด้วย  ผู้ที่ยามานากะส่งมาเป็นคน  “ใน”  บ้านโอโนเสะที่อายุราวยี่สิบกว่า ๆ  ชายหนุ่มคุ้นเคยกับการดูแลรับใช้คนในบ้านโอโนเสะเป็นอย่างดีและยังมีความรู้ความสามารถพอที่จะเป็นครูสอนพิเศษได้

โทโมกิไม่ได้ไปโรงเรียนมากว่าครึ่งปีแล้วจึงจำเป็นต้องเรียนพิเศษเพื่อจะได้เรียนทันคนรุ่นเดียวกันโดยไม่ต้องซ้ำชั้น  โดยพื้นฐานแล้วโทโมกิไม่ได้สนใจเรื่องเรียนเท่าไรนัก  ความรู้จึงอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าปกติเล็กน้อย  หากคนเป็นครูก็ใจเย็นเอาเรื่อง  ค่อย ๆ ตะล่อมสอนเอาจนได้แม้นักเรียนร่ำ ๆ จะอาละวาดอยู่หลายครั้ง

ผ่านไปราวหนึ่งอาทิตย์  ระหว่างที่โทโมกิกำลังเรียนพิเศษอยู่  พ่อกับแม่ก็ปึงปังมาที่ห้องพร้อมกับเสียงเอะอะเอ็ดตะโร

“โทโมกิ!  แกอยู่ไหน  ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!  โทโมกิ!!”

โทโมกิชะงักมือที่กำลังทำแบบฝึกหัด  ทอดถอนใจแล้ววางดินสอลง  ก่อนจะเยี่ยมหน้าออกไปดูที่ห้องนั่งเล่น  พ่อยืนกระฟัดกระเฟียดอยู่กลางห้อง  ส่วนแม่นั่งไร้เรี่ยวแรงอยู่ที่โซฟา  และในห้องนั้นยังมีผู้ชายอีกคนที่โทโมกิไม่เคยเห็นหน้า

“อ้อ!  มาแล้วเหรอ  ไอ้ตัวดี  มานี่เลย!”  ผู้เป็นพ่อปราดเข้ามาหมายจะคว้าแขน  แต่ถูกครูสอนพิเศษขวางไว้

“อย่าแตะต้องเขานะครับ”

“อะไร?  แกเป็นใครกันเนี่ย  มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”  พ่อมองชายหนุ่มหัวจรดเท้า

“ผมเป็นครูสอนพิเศษของซานาดะคุงที่ท่านโอโนเสะส่งมาครับ”  เขาอธิบายอย่างราบเรียบ

“อ้อ  คนของไอ้แก่นั่น...”  น้ำเสียงเหมือนจะเข่นเขี้ยว  “แต่แกไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องในครอบครัว  ถอยไปซะ”

มือใหญ่เอื้อมมาจะคว้าร่างของโทโมกิอีกครั้ง  แต่ถูกครูสอนพิเศษปัดเฉไปง่าย ๆ

“ถึงจะเป็นเรื่องในครอบครัว  แต่ผมมีหน้าที่ดูแลไม่ให้ซานาดะคุงถูกทำร้ายด้วยครับ”

ซานาดะผู้พ่อตั้งท่าจะโวยวายอีก  แต่สายตาคมกริบที่ส่งมาจากคนที่อ้างตัวว่าเป็นครูสอนพิเศษทำให้ต้องหุบปากเงียบ  แล้วก็ถูกแทรกขึ้นมาด้วยเสียงเรียบ ๆ ที่เคร่งขรึมเป็นทางการ

“ผมว่าซานาดะซังใจเย็น ๆ แล้วมานั่งคุยกันดีกว่าครับ  คุณผู้หญิงก็รออยู่แล้วด้วย”

ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเทาเข้มผายมือไปยังโซฟาราวกับเป็นเจ้าบ้านเสียเอง  โดนคนที่รับมือได้ยากกระหนาบหน้าหลังแบบนี้  ผู้เป็นพ่อของโทโมกิก็ไม่มีทางเลือก  ได้แต่เดินกระแทก ๆ ไปนั่งที่โซฟาตัวเดียวกับภรรยา

“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ  ทีนี้ก็เชิญซานาดะคุงด้วยครับ”  ชายหนุ่มผายมือไปที่โซฟาอีกตัว
หัวข้อ: Re: All I want 14 (หน้า13) 08/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 16-03-2012 22:26:44
โทโมกิยังงุนงงกับสถานการณ์จึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง  จนครูสอนพิเศษรุนหลังให้เดินไปนั่งจึงทำตามอย่างว่าง่าย  เด็กหนุ่มนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับพ่อและแม่โดยมีครูสอนพิเศษกับชายแปลกหน้านั่งขนาบข้าง  แม้จะยังไม่เข้าใจอะไรดีนัก  แต่โทโมกิรู้สึกว่าชายแปลกหน้าคนนี้เป็นพวกเดียวกับเขา

“เอาละ  เรามาเข้าเรื่องกันนะครับ  เมื่อครู่ผมได้อธิบายไปแล้วว่าผมเป็นใคร  แต่ซานาดะคุงยังไม่รู้  เพราะฉะนั้นให้ผมแนะนำตัวอีกครั้งนะครับ  ผมโทงาวะ  เรนยะ  เป็นทนายความประจำตระกูลโอโนเสะครับ  ที่มาพูดคุยกับพวกคุณในวันนี้ก็เพราะโอโนเสะซังขอให้มาจัดการเรื่องการรับซานาดะ  โทโมกิคุงไปเป็นลูกบุญธรรมน่ะครับ”

เหมือนมีระเบิดทิ้งลงกลางวง  โทโมกิตะลึงงัน  เมื่อกี้เขาหูฝาดไปหรือเปล่า  ลูกบุญธรรมงั้นหรือ...ที่เขาพูดไปในวันนั้น  โอโนเสะรับไปคิดจริงจังหรือนี่

พ่อของเด็กหนุ่มโวยวายทันที  เขาเอ็ดตะโรว่าโทโมกิไปพูดอะไรบ้า ๆ กับโอโนเสะและโอโนเสะไม่ควรจะต้องมารับเด็กคนนี้ไปเป็นลูกบุญธรรมในเมื่อครอบครัวของเขาไม่มีปัญหาอะไร  โทโมกิกำมือแน่นแต่ไม่ได้โต้ตอบ  ทนายความประจำตระกูลโอโนเสะก็ใจเย็นเหลือเชื่อ  พวกเขารอให้ชายหนุ่มเหนื่อยจนหยุดไปเอง  ในระหว่างนั้นผู้เป็นแม่ไม่ได้เอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว

ทนายโทงาวะเข้าเรื่องอย่างไม่ได้สนใจสิ่งที่พ่อของโทโมกิเอะอะโวยวายแม้แต่น้อย  เขากล่าวถึงสภาพครอบครัวซานาดะที่แตกแยกแหลกแหลว  การที่พ่อแม่ทอดทิ้งโทโมกิให้อยู่คนเดียวมาเป็นเวลานานแล้ว  สภาพที่ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อบรมสั่งสอนของโทโมกิ  และเรื่องอื่น ๆ อีกหลายเรื่องซึ่งล้วนแต่ทำให้พ่อกับแม่ของเด็กหนุ่มได้แต่นั่งเงียบไร้ข้อโต้แย้งด้วยแทงถูกใจดำเข้าเต็มรัก  โทโมกิเองก็ได้แต่นั่งสะใจอยู่ลึก ๆ แกมสมเพชตัวเองและครอบครัวที่ทำเป็นเฉยเมยกับเรื่องนี้จนต้องให้คนอื่นมาพูดใส่หน้า

“...และเท่าที่สืบทราบ  คุณทั้งสองคนต่างก็มีคนรักของตัวเองและไปอยู่อาศัยด้วยกันนานแล้ว  ดังนั้น...”

“นี่มันเรื่องส่วนตัวนะ!  คุณกล้าดียังไงถึงได้มาละลาบละล้วงขนาดนี้  ผมจะฟ้อง!!”  ผู้เป็นพ่อสวนขึ้นมาทันที

“อ้อ  ครับ  ผมคิดว่าน่าจะฟ้องในข้อหาล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้ละครับ  แต่ที่ผมต้องไปสืบค้นมาก็เพื่อให้หลักฐานในการขอรับซานาดะคุงไปเป็นลูกบุญธรรมมันแน่นหนาขึ้นเท่านั้นเอง  ไม่ได้มีเจตนาจะไปล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวอะไรของคุณทั้งสองเลยครับ  แต่อย่างที่เห็น  คุณทั้งสองต่างก็มีครอบครัวใหม่แล้ว  แม้จะไม่ได้จดทะเบียนหย่าอย่างเป็นทางการแต่ทางพฤตินัยแล้วก็ถือว่าแยกกันอยู่แล้วใช่มั้ยครับ  เมื่อผู้เป็นบิดามารดาต่างแยกย้ายกันและไม่ได้ใส่ใจดูแลบุตร  ก็ถือว่าขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้ปกครองเยาวชน...ผมคิดว่าตรงจุดนี้น่าจะเป็นเหตุเป็นผลมากพอในการที่โอโนเสะซังจะยื่นขอซานาดะคุงไปเป็นลูกบุญธรรมน่ะครับ”  โทงาวะกล่าวเรียบ ๆ  และวางภาพถ่ายทั้งสองกับคู่รักของตนลงบนโต๊ะให้ดู

โอโนเสะสั่งให้โทงาวะไปหาหลักฐานที่จะสามารถกดดันพ่อกับแม่ของโทโมกิให้เงียบมาให้ได้  ทนายหนุ่มจึงจ้างนักสืบให้ตรวจสอบเรื่องราวของทั้งสองและเรื่องของโทโมกิ  ก่อนจะพบว่าทั้งสองได้ทิ้งโทโมกิไว้ที่แมนชั่นแห่งนี้ตามลำพังตั้งแต่ประถมสาม  ที่ทำก็เพียงแค่จ่ายเงินค่าเลี้ยงดูต่อเดือนให้เป็นจำนวนมากเท่านั้น  ทำให้โทโมกิเติบโตมาอย่างไร้การอบรมสั่งสอน  ผลการเรียนต่ำ  และเป็นตัวปัญหาของโรงเรียนมาตลอด

จนด้วยคำพูดและการโต้แย้ง  ผู้เป็นพ่อและแม่ของโทโมกิไม่ได้ว่าอะไรอีก  เพียงแต่ขั้นตอนการดำเนินการทางกฎหมายยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก  ระหว่างนั้นโทโมกิจึงอยู่ในความดูแลของครูสอนพิเศษและทนายโทงาวะไปพลาง ๆ ก่อน

เรื่องทางกฎหมายนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง  โทโมกิก็ไม่รู้  มันเกินขอบเขตความเข้าใจของเขา  รู้แต่เพียงว่าหลังจากนั้นประมาณหนึ่งเดือนทนายโทงาวะก็บอกให้เขาเก็บข้าวของทั้งหมดและเตรียมย้ายเข้าบ้านใหญ่ของตระกูลโอโนเสะ...โดยที่พ่อกับแม่ไม่ได้โผล่มาให้เห็นหน้าแม้แต่ครั้งเดียว

เด็กหนุ่มยังจำได้ถึงความรู้สึกแรกที่ลงจากรถเบนซ์คันหรูที่โอโนเสะจัดไปรับและลงมายืนอยู่หน้าทางเข้าของคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลโอโนเสะ  เรือนไม้หลังใหญ่แบบญี่ปุ่นดูเรียบขรึมทว่าสง่างามและยิ่งใหญ่  ข่มเขาจนเหลือตัวนิดเดียว  เหงื่อเย็น ๆ ไหลออกฝ่ามือจนชื้น  และถ้าไม่โกหกตัวเองเขาก็รู้สึกว่าขาสั่นน้อย ๆ...นี่คือที่ที่เขาจะต้องอาศัยอยู่จากนี้ไปจริง ๆ หรือ...ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกถึงภาระหนักหน่วงในการเข้ามาเป็นคนในตระกูลโอโนเสะแม้แต่น้อย  ทุกครั้งที่พบกับโอโนเสะคือที่สำนักงาน  แม้จะรู้ว่าโอโนเสะมีตำแหน่งฐานะใหญ่โตแต่ก็ไม่เคยคิดมาถึงบ้านใหญ่ของตระกูลแม้แต่ครั้งเดียว...นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตนไม่มีอะไรคู่ควรในการเป็นคนของตระกูลโอโนเสะเลย

...เขาแค่หลุดปากออกไปอย่างเด็กเอาแต่ใจคนหนึ่งเท่านั้น...

หญิงวัยกลางคนในชุดกิโมโนงามหรูเป็นคนออกมารับโทโมกิ  จากการที่ชายในชุดสูทสีดำที่รายล้อมอยู่โค้งทำความเคารพเธอทำให้โทโมกิรู้ว่าเธอจะต้องเป็นคนสำคัญของที่นี่แน่จึงทำความเคารพด้วย  และได้มารู้ในเวลาต่อมาว่าเธอคือ  “นายแม่”  ของบ้านโอโนเสะ

“ฮิซาโนบุซังกำลังรออยู่แล้วค่ะ  เชิญข้างใน”  น้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวลทว่าเด็ดขาดและมีอำนาจอยู่ในตัว  เด็กหนุ่มตามเธอไปอย่างเก้ ๆ กัง ๆ

ระเบียงไม้แบบโบราณนำมาสู่ห้องโถงกว้างที่ปูด้วยเสื่อทาทามิ  ฉากตรงหน้าเหมือนกับภาพยนตร์ที่เคยผ่านตาแค่ในโทรทัศน์  โทโมกิตกประหม่าเมื่อประตูกระดาษถูกเลื่อนเปิดออก  ในห้องมีคนในชุดสูทเรียบหรูนั่งอยู่หลายคนโดยมีโอโนเสะนั่งเป็นประธานอยู่ที่ยกพื้นด้านหนึ่งของห้อง  แค่ดูด้วยตาก็เดาได้ว่าทุกคนในห้องนี้คือคนสำคัญในตำแหน่งต่าง ๆ ของเครือบริษัทลูนาติก  ลัสท์  และคนสำคัญในสาขาต่าง ๆ ของตระกูล  ที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งใกล้กับโอโนเสะมากที่สุดคือชายหนุ่มสามคน  ซึ่งโทโมกิเดาว่าเป็นลูกชายทั้งสามของโอโนเสะที่ได้ยินคนพูดถึงบ่อยครั้ง  ลูกชายคนโตท่าทางเคร่งขรึมเป็นนักธุรกิจเต็มตัวอายุประมาณ 35  คนรองน่าจะอายุราวยี่สิบตอนปลาย  ดูเป็นคนทำงานเต็มตัวแล้วเช่นกันแต่หูตายังแพรวพรายอย่างคนมีอารมณ์ขัน  ส่วนคนสุดท้าย...แปลกตาที่สุด  เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุราว ๆ ยี่สิบ  ไว้ผมยาวถึงกลางหลังและเป็นสีน้ำตาลอ่อน  ใบหน้าค่อนข้างหวานประพิมประพายคล้ายคลึงกับนายแม่เสียมากกว่าโอโนเสะ  แต่แววตาที่มองมาที่โทโมกิเป็นประกายระยิบและแฝงความร้ายกาจเล็ก ๆ เอาไว้อย่างคนขี้แกล้ง

โอโนเสะให้โทโมกิที่สะท้านไปทั้งตัวด้วยความประหม่านั่งลงข้าง ๆ และแนะนำเขากับบรรดาคนสำคัญทุกคนที่มารวมตัวกันในห้องนั้น  ก่อนจะแนะนำให้โทโมกิรู้จักกับคนเหล่านั้นทีละคน  ซึ่งก็มากพอที่เด็กหนุ่มผู้กำลังตื่นเต้นจะรู้สึกว่าเกินกำลังสมองจะจดจำ  แต่อย่างไรเสียเขาก็คงไม่ได้มีโอกาสข้องเกี่ยวอะไรกับคนพวกนั้นเท่าไรนัก  ด้วยความที่เขาเป็นเพียงเด็กที่โอโนเสะเก็บมาเลี้ยงด้วยความสงสารแกมสมเพช  ในอนาคตคงไม่ได้มีหน้ามีตาอะไรในตระกูลมากไปกว่าพนักงานธรรมดา ๆ คนหนึ่งเป็นแน่

“จากนี้ไปยูคาริจะเป็นคนสั่งสอนและดูแลเธอทุกอย่าง  จงเชื่อฟังและปฏิบัติกับเธอในฐานะแม่นะ  โทโมกิ”  โอโนเสะบอกเด็กหนุ่มไว้อย่างนั้น  และเขาก็น้อมรับ

ทว่าการเป็นเด็กในตระกูลโอโนเสะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  ทุกวันยูคาริจะต้องเคี่ยวเข็ญกิริยามารยาทให้โทโมกิใหม่ทุกอย่างนับตั้งแต่เรื่องการใช้ตะเกียบไปจนถึงการเข้าสังคม  ไม่เคยมีใครสั่งสอนโทโมกิในเรื่องพวกนี้มาก่อนเลยและออกจะเป็นเรื่องยากทีเดียวที่จะต้องมาฝึกฝนทุกอย่างใหม่เอาในวัยขนาดนี้...วัยต่อต้าน...เด็กหนุ่มไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมการจับตะเกียบกินข้าวจะต้องถือให้มันถูกต้องด้วย  และในเมื่อเขาคงไม่ได้มีความสำคัญอะไรในตระกูลโอโนเสะก็ไม่เห็นมีความจำเป็นจะต้องฝึกเข้าสังคมเลยนี่นา  เขาเป็นเด็กที่ตระกูลควรจะเก็บเอาไว้เป็นความลับเสียด้วยซ้ำไม่ใช่หรือ

แต่ทั้งอย่างนั้นโทโมกิก็อดทนยอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้โอโนเสะต้องผิดหวังที่รับเขามาเป็นลูกบุญธรรม

ทุกวัน  โทโมกิต้องตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกายและฝึกจิตนั่งสมาธิ  หลังจากนั้นจึงกินมื้อเช้า  ซึ่งก็คือการฝึกมารยาทการกินอาหาร  และในตอนนั้นเองที่เด็กหนุ่มจะได้พบกับฮิโรอากิ  ลูกชายคนเล็กของโอโนเสะที่มากินข้าวด้วยเกือบทุกเช้าตามคำสั่งของนายแม่  ยกเว้นวันที่ไปเที่ยวเตร่จนไม่กลับบ้านนั่นแหละ...ซึ่งนั่นทำให้โทโมกิสงสัยว่าตอนเด็ก ๆ ฮิโรอากิเคยได้รับการฝึกแบบเขาจริง ๆ หรือ

หลังจากนั้นคือการเรียนพิเศษ  โทโมกิถูกเคี่ยวมากกว่าตอนที่อยู่ที่แมนชั่นหลายเท่า  นอกจากจะเรียนเสริมส่วนที่เขาขาดไปจากการไม่ร่ำเรียนแล้ว  ยังต้องเรียนวิชาที่ควรจะต้องได้เรียนในเทอมที่เขาหยุดมาตลอดนี่อีกด้วย  เพียงเท่านี้ก็กินพลังงานของโทโมกิมากจนเกินพอ  เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนสมองมันร้อนฉ่าและมีไข้รุม ๆ อยู่ตลอดเวลา  แต่กระนั้นผลการเรียนของโทโมกิก็เป็นที่น่าพอใจของยูคาริ  เธอสรุปว่าโทโมกิไม่ใช่เด็กโง่เพียงแต่ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่เหมาะสมเท่านั้นเอง  ถ้าหมั่นทบทวนฝึกหัดไปเรื่อย ๆ ก็จะสามารถเรียนทันคนอื่นและไม่เป็นรองใครแน่  โทโมกิไม่หวังขนาดไม่เป็นรองใครหรอก  แค่เอาตัวให้รอดไปจากการติวหฤโหดนี่ได้ก็นับว่าสุดยอดของเขาแล้ว

ตอนเที่ยงก็กินข้าว  เรียนต่อแล้วก็ได้พักตอนช่วงเย็นก่อนจะกินมื้อเย็น  ในตอนที่ได้พักนั่นเองที่โทโมกิมักจะไปนั่งเงียบ ๆ พักสมองอยู่ในสวนญี่ปุ่นที่อยู่กลางวงล้อมของเรือนใหญ่ที่ปลูกไว้เป็นกรอบสี่เหลี่ยม  สวนญี่ปุ่นมีเสน่ห์ของตัวมันเองเสมอ  มันทำให้จิตใจของด็กหนุ่มสงบลงได้อย่างน่าอัศจรรย์  จากห้องนอนของโทโมกิก็สามารถมองเห็นสวนนี้ได้  ดังนั้นในตอนกลางคืนเขาจึงมักจะนั่งอ้อยอิ่งอยู่ที่หน้าต่างเพื่อมองสวนนี้ใต้แสงจันทร์เสมอ


โทโมกิละสายตาจากสวนนอกหน้าต่างแล้วนอนลงบนฟูกที่ปูเตรียมไว้ก่อนจะตวัดผ้าห่มผืนบางมาคลุมกาย  พยายามหลับตาลงท่ามกลางกลิ่นสมุนไพรไล่ยุงที่จุดไว้ในที่ใส่ยากันยุงรูปหมูซึ่งทำจากดินเผาแบบดั้งเดิม  เสียงแมลงร้องระงมดังมาจากในสวน  อากาศเย็นลงบ้างแล้วแต่ยังคงมีกลิ่นอายของฤดูร้อน...บรรยากาศทั้งหมดล้วนแตกต่างจากชีวิตที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง

บ้านใหญ่ตระกูลโอโนเสะอยู่ค่อนมาทางชานเมือง  แม้จะตั้งอยู่ในแถบที่อยู่อาศัยแต่ก็มีอาณาบริเวณกว้างขวางเสียจนให้ความรู้สึกว่านี่เป็นโลกอีกโลกหนึ่งต่างหาก  ในรั้วบ้านมีเรือนต่าง ๆ ตั้งแยกกันออกไปอีก  ซึ่งส่วนมากก็เป็นเรือนของคนในตระกูลและเรือนสำหรับพนักงานที่ขึ้นกับบ้านใหญ่โดยตรง  ในเรือนใหญ่มีเพียงยูคาริ  ฮิโรอากิ  โทโมกิ  และคนรับใช้ใกล้ชิดเท่านั้นที่อาศัยอยู่  โอโนเสะนั้นพยายามกลับมานอนที่เรือนใหญ่เท่าที่จะทำได้  แต่ถ้ามีงานติดพันก็มักจะนอนที่ตึกลูนาติก  ลัสท์เสียมากกว่า

โทโมกิเกิดและเติบโตมาในแมนชั่นกลางเมือง  เสียงที่คุ้นเคยคือเสียงอันพลุกพล่านของเมืองใหญ่  ความเงียบสงัดของบ้านโอโนเสะทำให้รู้สึกวังเวง  แม้จะเริ่มคุ้นเคยบ้างแล้วแต่ก็ยังมีบางเวลาที่เด็กหนุ่มรู้สึกว่าตนอยู่ผิดที่ผิดทาง  นายแม่ยูคาริใส่ใจดูแลเขาอย่างที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน  แต่ความเข้มงวดกวดขันนั้นก็ทำให้คนที่เป็นอิสระมาตลอดชีวิตอย่างเขารู้สึกอึดอัด  ส่วนฮิโรอากินั้นแทบจะไม่ได้คุยอะไรกับเขาเลย  นอกจากสายตายิ้ม ๆ ที่ส่งมาให้บ่อย ๆ ตอนที่กินข้าวด้วยกัน  เขาไม่รู้ว่าพี่ชายคนนี้คิดกับเขาอย่างไร  ชอบเขาหรือไม่  บางทีฮิโรอากิอาจจะไม่ชอบขี้หน้าเขาก็ได้  ด้วยอยู่ ๆ ผู้เป็นพ่อก็รับเด็กที่ไหนไม่รู้เข้ามาเป็นลูกอีกคนหนึ่ง  คิดตามมุมมองของลูกคนเล็กแล้วก็คงจะต้องไม่ชอบหน้าเขาเป็นธรรมดา

เด็กหนุ่มถอนใจแล้วหลับตาลง  ความรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนอยู่คนเดียวในโลกแล่นเข้ามาจับหัวใจไม่ต่างอะไรกับตอนอยู่ที่แมนชั่น...เขาไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโลกนี้  ไม่ว่าที่ไหนเขาก็เป็นส่วนเกิน...ยกเว้นที่นั่นเท่านั้น...

แต่โลกแห่งนั้นไม่มีอยู่อีกแล้ว  มันถูกทำลายลงแล้ว...เขาไม่เป็นที่ต้องการของวายะอีกต่อไป

ทว่า...แม้กระนั้นก็ยังโหยหา  โทโมกิรู้ดีว่าส่วนลึกในหัวใจเขาต้องการอ้อมกอดของวายะมากแค่ไหน  มันเป็นสิ่งเดียวที่ยืนยันว่ายังมีคนต้องการเขาอยู่ในโลกใบนี้  แม้ว่าสุดท้ายมือคู่นั้นจะทำลายเขาทิ้งอย่างไม่ใยดีก็ตาม

บางครั้ง  ในค่ำคืนอันว้าเหว่เช่นนี้  ความโหยหานั้นก็ยิ่งทวีความปรารถนาแรงกล้า  สัมผัสของมืออุ่นร้อนที่ลูบไล้ไปตามเรือนร่างเหมือนจะถูกปลุกให้ฟื้นคืนมาทั้งที่ลบเลือนหายไปหมดแล้ว  โทโมกิกอดตัวเองแล้วเลื่อนมือไล่ตามสัมผัสลวงตานั้นไป...หัวไหล่  แผ่นอก  หน้าท้อง...สะโพก...และส่วนกลางกาย  ความอบอุ่นนั้นเคยโอบล้อมร่างของเขาไว้เช่นนั้น

แม้จะเป็นมือของตัวเอง  แต่ร่างกายของเด็กหนุ่มก็ตอบสนองกับสัมผัสลวงตานั้น...เรียวนิ้วยาวกร้าน  อุ้งมืออุ่นร้อน...โทโมกิกอบกำร่างของตัวเองไว้แล้วเริ่มต้นขยับรูดเบา ๆ  แม้จะรู้ดีว่าเขาไม่อาจเสร็จสมได้ด้วยตัวเองแต่ทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น...เขาก็ไม่อาจหยุดมันได้

หนุ่มน้อยปล่อยให้ตนเพริดไปในห้วงอารมณ์เร่าร้อนดังเปลวไปลุกโหม  จินตนาการและความทรงจำเข้าโอบอุ้มเขาไว้จนไม่รู้ทิศรู้ทาง  มือเรียวรูดไล้ร่างของตนไปพลางก็กัดริมฝีปากกลั้นเสียงคราง  แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก  เสียงอันเปี่ยมไปด้วยอารมณ์เล็ดลอดออกมาจากเรียวปากอิ่มอย่างไม่อาจสะกดไว้ได้  ลมหายใจหอบถี่  ทั้งร่างบิดเร่าด้วยความเสียดเสียวและทุกข์ทรมาน  ทั้งไออุ่นและเสียงกระซิบที่ไม่มีอยู่จริงกระตุ้นเร้าความต้องการให้อัดแน่นราวกับจะระเบิดร่างกายแตกเป็นเสี่ยง ๆ...หากอีกใจก็รู้ว่า...ไม่มีอ้อมกอดนั้นอีกแล้ว

“ฮึก...อา...อ๊ะ...ชุน...ชุน...”

เสียงครางกระเส่ากระซิบเรียกชื่อที่ติดอยู่ในความทรงจำ  แล้วก็หลอกตัวเองว่ามีเสียงทุ้มต่ำกระซิบตอบที่ข้างหูพร้อมกับเรือนผมที่ปัดระใบหน้า  ลมหายใจสะดุด...อีกเดี๋ยวความเจ็บปวดจะตามมา...เพียงแค่คิดถึงความทรงจำในครั้งนั้น  ก็ทรมานจนหายใจแทบไม่ได้

ทันใดนั้นประตูห้องก็เลื่อนเปิดออก  โทโมกิสะดุ้งสุดตัว  รีบชักมือออกจากกางเกงนอนทั้งที่ยังมีหยาดแห่งอารมณ์เปียกชุ่ม

คนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือโอโนเสะ  ฮิโรอากิที่อยู่ในชุดยูกาตะสำหรับใส่นอน  ดวงตาที่ทอดมองมาสงบนิ่ง  แต่ทำให้โทโมกิประหม่าจนถึงขั้นหวั่นเกรง

“มะ...มีอะไรเหรอครับ  คุณพี่?”  เด็กหนุ่มพยายามปรับเสียงไม่ให้สั่นแล้วถามออกไป  ในห้องที่มืดขนาดนี้ฮิโรอากิคงไม่เห็นหรอกว่าเขาหน้าแดงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

ผู้เป็นพี่ชายด้วยกฎหมายไม่ตอบหากเลื่อนประตูปิดแล้วเดินเข้ามาใกล้  คุกเข่าลงข้างฟูกก่อนจะยื่นหน้าเข้ามากระซิบ

“ไม่มีอะไรหรอก  แต่เห็นครางเสียขนาดนั้นเลยเข้ามาดูซะหน่อยน่ะ”

แม้จะอยู่ในความมืดแต่โทโมกิก็ร้อนวาบไปทั้งใบหน้า  ฮิโรอากิอยู่ห้องติดกับเขาก็จริงแต่เขาไม่คิดว่าชายหนุ่มจะได้ยินเสียงเขาช่วยตัวเองนี่นา  แม้ประตูจะกรุด้วยกระดาษแต่ผนังห้องก็ไม่ได้บางถึงขนาดนั้นไม่ใช่หรือ  แล้วทำไม...

“หึ ๆ...สงสัยเหรอ?  ฉันก็แค่นั่งดื่มที่ห้องนั่งเล่นแล้วกำลังจะกลับห้อง  ก็พอดีได้ยินเสียงนายเข้าเท่านั้นเอง  ท่าทางจะกำลังได้อารมณ์เลยสิท่า”  น้ำเสียงนั้นหยอกเย้าอยู่ในที

โทโมกิไม่ตอบหากก้มหน้างุด  มือเรียวของผู้เป็นพี่เอื้อมมาแตะแก้ม

“แต่เสียงดูทรมานเชียว  ไม่เสร็จเหรอ?”

คำถามตรงไปตรงมายิ่งทำให้เด็กหนุ่มอับอายเข้าไปใหญ่  เขาพยายามเช็ดมือที่เปรอะเปื้อนกับขากางเกงนอนแต่ก็ถูกคว้าไว้  ภายใต้แสงสลัวจากภายนอก  ดวงตาของฮิโรอากิเป็นประกายวาววับ

“ถ้าทำเองไม่ได้ยังไง...ให้ฉันช่วยมั้ย?”


แม้จะพยายามขัดขืนแต่สุดท้ายโทโมกิก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของฮิโรอากิจนได้  ในท่านั่งซ้อนหลัง  ฮิโรอากิจับร่างบางที่ถูกถอดกางเกงนอนออกแล้วขึ้นนั่งตักก่อนจะใช้เข่าข้างหนึ่งสอดเข้าตรงหว่างขาบังคับให้แยกออก  มือหนึ่งกอดรัดร่างเล็กไว้กับตัว  ส่วนอีกมือก็ลูบไล้ลงไปที่จุดไวสัมผัส

“อ๊ะ!  คุณพี่...ไม่เอาครับ...อย่า...”  โทโมกิพยายามห้ามแต่ร่างกายกลับตอบสนองมือนั้นอย่างจริงจัง

“เอาน่า  ฉันจะช่วยไง  ให้คนอื่นทำให้ก็น่าจะรู้สึกดีกว่าไม่ใช่เหรอ”  กระซิบข้างหูพลางก็ขยับมือกระตุ้นเร้า

“แต่...แต่...นายแม่...อึ๊...!”  เด็กหนุ่มตะครุบปากตัวเองเมื่อเริ่มจะกลั้นเสียงไม่อยู่

“ที่ปีกเรือนนี้มีแค่นายกับฉันเท่านั้นแหละ  ถ้าจะมีใครอื่นก็พวกคนใช้  ไม่ต้องห่วงหรอก  พวกนั้นปิดปากเงียบทุกเรื่องแหละ”  ริมฝีปากอุ่นและเล็มไปตามใบหู

“ไม่...ไม่เอา...”  ถ้าจะมีคนอื่นได้ยินด้วยแบบนี้  เขาไม่ยอมหรอก

“ปล่อยตัวตามสบายเถอะ  ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำมากไปกว่าใช้มือให้นายหรอก”  ฮิโรอากิพูดพลางก็ฝังจมูกลงกับซอกคอขาว  สูดกลิ่นกายใสบริสุทธิ์เข้าปอดอย่างย่ามใจ

“อ๊ะ...อา...คุณพี่...อย่าครับ...”  มือที่พยายามจะหยุดยั้งแปรเปลี่ยนเป็นเกาะยึดแขนของฮิโรอากิไว้แน่น  คู้ตัวงอ  ร่างไวสัมผัสหลั่งหยาดน้ำเหนียวใสออกมาจนชุ่มมือที่ครอบครองอยู่  “อย่า...มัน...สกปรก...”

“ไม่หรอกน่า  ของธรรมชาติแบบนี้ไม่สกปรกหรอก  อย่าคิดมากสิ”  ริมฝีปากบางแนบลงกับลำคอชื้นเหงื่อ  ขบจูบเบา ๆ  มือที่กอดรั้งร่างบางไว้ก็หยอกล้อกับยอดอกเล็ก ๆ ที่แข็งขึงเป็นไต

ในที่สุด  โทโมกิก็หมดกำลังจะต่อต้าน  ร่างกายของเขาตอบสนองทุกสัมผัสของฮิโรอากิด้วยความยินดีเกินระงับ  สะโพกบางเริ่มเขย่าไหวไปตามแรงกระตุ้น  ส่งเสียงครางกระเส่าอย่างไม่คิดจะกลั้นไว้อีก  สะดุ้งผวาทุกครั้งที่เรียวปากร้อนประทับแนบลงบนลาดไหล่  อุ้งมืออุ่นร้อนชักพาให้อารมณ์หวั่นไหวและกระเจิดกระเจิง...ครั้งหนึ่งก็เคยมีคนทำแบบนี้กับเขา...

“อ๊ะ!  ไม่...ไม่ไหวแล้ว...พอ...พอ...”  โทโมกิครางระงมอย่างสุดจะทานทนได้อีกต่อไป

“ปล่อยออกมาเลย  โทโมกิ”  เสียงนุ่ม ๆ กระซิบบอก  มือที่ครอบครองอยู่เร่งจังหวะเร็วแรงขึ้น

“อึ่ก...อ๊ะ  อ๊า!!”

สิ้นเสียงหวีดหวาน  โทโมกิก็ปลดปล่อยอารมณ์ทั้งหมดให้พร่างพรูออกมา  หยาดน้ำรักสีขาวขุ่นฉีดพ่นไปเปรอะอยู่บนเสื่อทาทามิ  หลังจากกระตุกเกร็งอยู่สามสี่ครั้ง  หนุ่มน้อยก็เอนซบลงกับแผ่นอกของผู้เป็นพี่อย่างอ่อนแรง  ดวงตากลมหลับพริ้มลง  ลมหายใจยังหอบฮักเหมือนออกกำลังกายมาอย่างหนัก

“เป็นไง  ดีมั้ย?”  ฮิโรอากิกระซิบถามเบา ๆ

โทโมกิไม่ตอบ  เขารู้สึกสบายเสียจนอยากวูบหลับไปเดี๋ยวนั้น  และฮิโรอากิก็รู้ใจ  เขาเอาร่างบางลงนอนกับฟูกแล้วจัดการแต่งตัวให้  ก่อนจะทำความสะอาดสิ่งที่เด็กหนุ่มทำเลอะเทอะไว้จนเรียบร้อย

ชายหนุ่มทอดสายตามองร่างที่ขดหลับไปใต้ผ้าห่มแล้วพลางยิ้มน้อย ๆ...เจ้าน้องชายคนใหม่นี่น่ารัก  ให้พูดตามตรงก็คือสเป็คของเขาเลย  ฮิโรอากิไม่ได้เป็นเกย์  แต่เป็นพวกชอบสนุกกับเรื่องแบบนี้เสียมากกว่า  เขาเคยคิดว่ามันคงเป็นลักษณะประจำตระกูลที่แก้ไม่หาย  แต่ก็ไม่ได้อนาทรร้อนใจอะไรกับมัน  เพียงแต่โทโมกิมีศักดิ์เป็นน้อง  ครั้นจะครอบครองออกหน้าออกตาก็คงเป็นไปไม่ได้  แต่ถ้าหาเศษหาเลยเอาแบบนี้อาจจะพอไหว  โทโมกิยังเด็กนัก  แต่ดูจากการเล่นสนุกที่เขาทำให้เมื่อครู่แล้ว  เด็กคนนี้มีประสบการณ์มาบ้างเหมือนกัน  และบางทีอาจจะตอบสนองสิ่งที่เขาอยากทำได้ก็ได้

ฮิโรอากิจูบเบา ๆ ที่หน้าผากน้องชายคนใหม่เบา ๆ  ก่อนจะออกจากห้องไปเงียบ ๆ

“ราตรีสวัสดิ์  โทโมกิ”




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 16-03-2012 23:19:56
โอ๊ะ!!!!! ตายล่ะ ไม่ใช่ไปๆมาๆฮิโรอากิจะหลงรักโทโมะเข้าอีกคนนะ

ถ้าเป็นแบบนี้ก็สงสารวายะอ่าาาาาาาาาาาาาาาา

โทโมะยังเข้าใจผิดว่าวายะไม่รักไม่ต้องการตัวเองอยู่เลย Y^Y
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 17-03-2012 01:01:10
เง้อ โทโมกิมะใช่ของเล่นนะ o12
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 17-03-2012 01:27:26
เวนแล้วไง

อันตรายจากพี่ข้างห้อง 555555
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 17-03-2012 01:33:22
ไมคุณพี่คิดงี้ล่ะคะ
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 17-03-2012 04:11:52



   เหอๆๆ วายะไปไหนแล้วง่ะ เดี๋ยวโทโมะจะโดนคุณพี่งาบไปรับประทานซะก่อนนะ




หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 17-03-2012 08:38:38
โทโมกิ เสน่ห์แรงนะเนี่ย คุณพี่ก็จ้องจะกิน เสียงั้น
โอโทเสะคงไม่ได้บอกอดีตของโทโมกิไว้แน่ๆเลย
อย่าทำให้โทโมกิกลัวนะ คุณพี่


วายะ จะตัดใจจริงเรอะ?
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 17-03-2012 08:50:46
และแล้วตัวละครที่สร้างความวุ่นวายาก็เพิ่ม
มาอีกตัว เฮ้อออออ .. สงสารวายะซัง  :z3: :z3:
รีบๆทำคะแนนเข้าล่ะ

อยากให้ถึงปัจจุบันเร็วๆจัง
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 17-03-2012 09:19:46
อ้าว ฮิโรอากิ ทำไม้ป็นคนแบบนี้

โทโมะหนีไม่พ้นต้องเป็นของเล่นอีกจนได้ *ทึ้งผ้าเช็ดหน้า*
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 17-03-2012 09:49:01
เฮ้ยยยยย   ฮิโรอากิแกคิดไรเนี่ยยยยย   :angry2:
รอนะฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 17-03-2012 11:17:46
ม๊ายยยยยยย  โทโมะเป็นของวายะเท่านั้นนนนนนนนน                                         
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 17-03-2012 12:06:01
เชียร์คุณพี่ซะเลย...
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 17-03-2012 12:46:05
วายะเริ่มสงบลงบ้างแล้ว
โทโมกิก็ได้มีชีวิตใหม่ นายแม่อาจจะเข้มงวด แต่มันก็ดีในอนาคต
แถมยังมีฮิโรอากิช่วยให้หายทรมาน โดยไมคิดล่วงล้ำ :o8:
แต่ที่ฮิโรอากิหวังจากโทโมกิคืออะไรหนอ
อ้างถึง
บางทีอาจจะตอบสนองสิ่งที่เขาอยากทำได้ก็ได้
:m28:
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: jitsupa apple ที่ 17-03-2012 15:28:25
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 17-03-2012 17:57:53
ตอนนี้วายะจะทำอะไรอยู่นะ
สงสารวายะจริงๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 17-03-2012 18:44:52
คุณพี่อย่าหาเศษหาเลยกับน้องบ่อยนะ

เกินควบคุมอารมณ์ขึ้นมาไม่ได้เเล้วจะเเย่
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 17-03-2012 20:50:10
สงสัยเพราะฮิโรอากิคิดแบบนี้ล่ะมั้ง
วายะถึงได้เข้ามาดูแลโทโมกิอย่างใกล้ชิดได้อีกครั้ง
รออยู่นะ
เมื่อไหร่จะถึงตอนนั้น
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 17-03-2012 21:54:56
โทโมกินี่เหมือนลูกกวางน้อยเลยน้า
โดนจ้องจะกินตลอดเลย  :z1:
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 18-03-2012 01:13:21
ถ้าเป็นฮิโรอากิ อาจจะดีกว่าก็ได้..แต่ร่างกายโทโมกิ มันเรียกร้องหาแต่วายะนี่นา..
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 18-03-2012 02:54:48
เอาแล้วไง  จากปากเสือ มาเป็นปากจะเข้  ชีวิตหนูรันทดได้่อีกนะลูก
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 18-03-2012 22:18:29
คุณพี่อันตรายใช่ย่อยนะเนี่ย แต่แบบนี้ก็ดีกว่าตั้งแง่รังเกียจกันล่ะ
รอต่อค่ะ อยากอ่านแล้วว
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: iyng1338 ที่ 19-03-2012 15:23:23
วายะ กับ โทโมกิ น่าสงสารจัง  :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 23-03-2012 22:23:13
All I want # 16

เปิดเทอมใหม่แล้ว  โทโมกิได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนที่โอโนเสะฝากฝังให้  ความจริงเด็กหนุ่มจะสอบเข้าเองก็ได้แต่เพราะเป็นเทอมกลางจึงต้องอาศัยเส้นสายนิดหน่อย  แม้จะนึกห่วงว่าในฐานะเด็กเส้นอาจจะโดนเขม่นบ้างแต่โทโมกิอยู่มัธยมต้นปีที่สามแล้ว  อดทนอีกนิดหน่อยก็จะได้ย้ายโรงเรียนจึงไม่น่าเป็นปัญหานัก  โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนที่ฮิโรอากิเรียนจบมัธยมต้นมาเช่นกัน  บรรดาคณาจารย์จึงคุ้นเคยกับเด็กบ้านโอโนเสะดี  เพื่อไม่ให้เป็นปัญหา  ไม่เข้าไปยุ่งด้วยเป็นดีที่สุด  หากโทโมกิก็ไม่ได้ก่อปัญหาอะไรกับที่โรงเรียนนี้

“วันนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างคะ  โทโมกิซัง”  ยูคาริถามขึ้นในขณะที่ทุกคนกำลังกินมื้อเย็น  วันนี้พี่ชายคนโต  จูอิจิโร่และคนรอง  เซย์ยะกลับมาค้างที่บ้านด้วย  บรรยากาศจึงดูคึกคักเป็นพิเศษ  มีเพียงโทโมกิที่รู้สึกประหม่า

“ก็...ไม่มีอะไรพิเศษครับ  แต่มะรืนนี้มีสอบภาษาอังกฤษ”  เด็กหนุ่มอ้อมแอ้มตอบ  และพยายามจับตะเกียบให้ถูกต้องที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ภาษาอังกฤษเหรอ...ยากนะ  ตอนเด็ก ๆ ฉันก็ไม่ได้เรื่องเลยเหมือนกัน”  จูอิจิโร่พูดพลางหัวเราะน้อย ๆ  แม้จะดูเคร่งขรึมเมื่ออยู่ในฐานะนักธุรกิจ  แต่เมื่ออยู่กันตามลำพังในครอบครัวเขาก็ดูผ่อนคลายและคุยง่ายทีเดียว

“ไอ้ภาษาเนี่ยมาเรียนซ้ำเอาตอนโตก็ได้  ตอนนี้พี่ก็พูดเป็นไฟเลยนี่นา”  ฮิโรอากิว่ายิ้ม ๆ

“มันก็ได้หรอก  แต่ถ้าพื้นฐานดีแต่เด็กก็ไม่ต้องมาเสียเวลาเรียนซ้ำแบบฉันใช่มั้ยล่ะ”

โทโมกิไม่ได้ตอบ  เขาแสร้งทำเป็นสนใจกับข้าวตรงหน้า  แม้ทุกคนจะมีท่าทีสบาย ๆ ก็ตาม  แต่เขาก็ไม่คุ้นและรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินทุกครั้งไป  ซ้ำเซย์ยะยังมองมาทางนี้เป็นระยะ ๆ ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว  ไม่รู้จะตำหนิอะไรเขาหรือเปล่า  แล้วเซย์ยะก็เปิดปาก  โทโมกิเกร็งตัววาบโดยไม่ตั้งใจทันที

“โทโมกินี่  ตัวเล็กนะ...น่าจะเล่นกีฬาสักนิด  จะได้สูงกว่านี้”

เด็กหนุ่มลอบถอนใจอย่างโล่งอก  เซย์ยะเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่  ดูหนาบึกบึนยิ่งกว่าจูอิจิโร่เสียอีก  คงจะสนใจด้านกีฬาเป็นพิเศษจึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา

“อย่าไปเอาอย่างฮิโระมัน  ดูซิ  ผอมบางแบบนั้น  จับเขย่าแรง ๆ ก็หักครึ่งแล้ว”

“นี่  อย่ามาค่อนผมนะ  เพราะเวลาเล่นกับพี่แล้วพี่เล่นแรงนั่นแหละ  ผมเลยไม่ชอบเล่นกีฬาไปเลย”  ฮิโรอากิเถียง

“ฉันก็เล่นของฉันตามปกติ  นายห่วยเอง”

แล้วสองพี่น้องก็เถียงอะไรกันต่อไปอีกนิดหน่อยโดยมีจูอิจิโร่นั่งฟังไปหัวเราะไป  กระทั่งนายแม่ออกปากห้ามปราม

“ไม่ใช่เด็ก ๆ กันแล้วนะคะ  ทั้งสองคน  ยังจะมาเถียงกันเรื่องไร้สาระอยู่ได้”  เสียงเข้ม ๆ ทำให้เซย์ยะกับฮิโรอากิหยุดปากได้ทันที  แต่กระนั้นก็ยังไม่วาย

“แต่พี่เขาว่าผมก่อนนะครับ”

“พอแล้วค่ะ  เซย์ยะซังเขาก็พูดถูก  ฮิโรอากิซังน่ะออกกำลังน้อยเกินไปจริง ๆ นั่นแหละค่ะ”  นายแม่ตัดบท

“ก็ผมไม่ชอบนี่นา”  ฮิโรอากิทำหน้ามุ่ยแล้วก็กินข้าวต่ออย่างไม่สนใจอะไร

“โทโมกิซังเอง...ก็น่าจะเล่นกีฬาบ้างนะคะ”

ประโยคนั้นทำเอาโทโมกิแทบสำลักข้าว  ไหงเรื่องมันวนมาถึงเขาได้  “ผะ...ผมไม่ชอบเล่นกีฬาเหมือนกันครับ”

“ยังไม่เคยลองอย่าเพิ่งพูดว่าไม่ชอบสิ”  เซย์ยะส่ายหน้า

“คือ...ผมไม่เคยเล่นอะไรได้ดีเลย  ก็เลย...ไม่ชอบน่ะฮะ”  โทโมกิอ้อมแอ้มตอบ  อย่าว่าแต่เล่นไม่ดีเลย  ที่ผ่านมาเขาโดดวิชาพละมาตลอดด้วยซ้ำ

“เอาเถอะ  ไว้ถ้าได้ลองแล้วอาจจะชอบก็ได้นะ  บางทีนายอาจจะมีความสามารถพิเศษซ่อนอยู่ก็ได้”  จูอิจิโร่ช่วยตัดบทให้ก่อนที่เซย์ยะจะจับโทโมกิไปลองเล่นอะไรสักอย่าง  ซึ่งเด็กหนุ่มก็นึกขอบคุณอยู่ในใจ

หลังอาหารเย็น  โทโมกิปลีกตัวไปนั่งเล่นในสวน  ปล่อยให้นายแม่กับพวกพี่ชายนั่งคุยกันไป  เขาไม่อยากแทรกตัวเข้าไปตรงนั้น...ตรงที่ไม่มีที่ว่างสำหรับเขา  เด็กหนุ่มเดินทอดน่องไปตามทางเดินปูด้วยหิน  สวนกลางแห่งนี้ใหญ่พอ ๆ กับสวนสาธารณะย่อม ๆ  ตกแต่งอย่างญี่ปุ่นและมีพรรณไม้นานาชนิดปลูกไว้เต็มไปหมด  ตอนนี้ต้นเมเปิ้ลที่ยืนต้นอยู่ที่มุมหนึ่งของสวนกำลังเริ่มมีสีส้มจาง ๆ แทรกตามโคนใบแล้ว  อีกไม่นานฤดูใบไม้ร่วงจะมาเยือน

เด็กหนุ่มนั่งลงที่ก้อนหินริมสระน้ำที่มีตะไคร่และหญ้ามอสคลุมอยู่ตรงโคน  คนสวนเปิดไฟตามโคมหินแล้ว  โคมในสวนเปลี่ยนเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมด  แต่แสงสลัว ๆ ที่เรืองออกมาก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนจุดคบไฟ  เสียงแมลงหน้าร้อนยังหลงเหลืออยู่บ้าง

ชีวิตที่นี่ให้ความสงบร่มเย็นต่างกับเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง  โทโมกิคิดถึงตัวเองเมื่อก่อนแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ  มันเพิ่งจะผ่านมาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นที่เขาออกจากแมนชั่นกลางเมืองนั้นมา  แต่มันกลับเนิ่นนานนับปีในความรู้สึก  พอมองย้อนกลับไปเขาก็รู้ตัวดีว่าเขาเคยทำตัวมีปัญหาเพื่อเรียกร้องความรักความสนใจจากพ่อและแม่  แต่เมื่อการเรียกร้องนั้นไม่เป็นผลมันก็กลายเป็นความเจ็บแค้นและผลักดันให้ทำตัวมีปัญหาเรื่อยมา  เมื่อมาอยู่ในความดูแลของนายแม่  แม้จะอึดอัดกับกฎระเบียบที่ไม่คุ้นเคย  แต่การได้พยายามทำอะไรบางอย่างเพื่อใครสักคนก็ทำให้ชีวิตดูมีความหมายขึ้น...ชีวิตที่ไม่มีใครสนใจ  แม้จะมีอิสระเหลือเฟือ  แต่สุดท้ายมันก็อ้างว้างเปล่าเปลี่ยว

หนุ่มน้อยรู้ว่าคนในครอบครัวพยายามเป็นกันเองกับเขา  ต้อนรับเขาอย่างไม่รังเกียจเดียดฉันท์  เขาไม่รู้ว่าโอโนเสะบอกกับทุกคนอย่างไรในการรับเขามาเป็นลูกบุญธรรม  แต่ความเอื้ออาทรที่ทั้งนายแม่และพวกพี่ชายมีให้ทำให้เขาอยากทำตัวดี ๆ ตอบแทนความเมตตานั้น  เพียงแต่เขาไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับใคร  ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร  จึงได้แต่หวังว่ากาลเวลาจะช่วยสอนให้เขารู้ถึงวิธีการที่จะถ่ายทอดความรู้สึกนั้นแก่ทุกคนได้  ในตอนนี้เขาจะเป็นเด็กดี  พยายามทำทุกอย่างให้ได้อย่างที่ทุกคนต้องการ

มีเพียงเรื่องเดียวที่คาใจ  นั่นคือฮิโรอากิ  นับจากคืนนั้นมา  พี่ชายคนเล็กมักจะแตะต้องเขาเช่นนั้นเสมอ  แม้จะไม่มีอะไรมากไปกว่าการส่งเขาขึ้นสวรรค์ด้วยมือ  แต่บางครั้งความกระดากอายที่เกิดขึ้นหลังจากการกระทำนั้นก็ทำให้เขาเข้าหน้าฮิโรอากิได้ยาก  ถึงมันจะเป็นเรื่องดีที่ช่วยบรรเทาความต้องการของเขาได้โดยไม่ต้องรบกวนโอโนเสะ  แต่ก็ทำให้เขาไม่แน่ใจว่าฮิโรอากิคิดอย่างไรกับเขา  บางทีอาจจะไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นน้องแต่เป็นของเล่นชิ้นใหม่ที่สามารถหยิบมาเล่นได้ทุกครั้งที่ต้องการก็เป็นได้...หากวันไหนที่ฮิโรอากิคิดจะครอบครองเขาจริง ๆ แล้ว  จุดยืนของเขาจะอยู่ในฐานะอะไร...คงไม่อาจอยู่ที่นี่ในฐานะลูกบุญธรรมของโอโนเสะได้อีก

“น้ำค้างลงแล้วนะ  โทโมกิ”

เสียงที่ดังขึ้นข้างหลังทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัว  เมื่อหันไปมองก็พบคนที่กำลังคิดถึงอยู่เมื่อครู่  ทำเอาใจเต้นไม่เป็นส่ำ

“ตกใจเหรอ  นั่งคิดอะไรอยู่ล่ะ”

“ก็...ไม่มีอะไรครับ”  โทโมกิตอบเบา ๆ

ฮิโรอากิไม่ได้ซักไซ้ต่อ  “เข้าบ้านเถอะ  อากาศเย็นเดี๋ยวจะเป็นหวัด  แม่บ้านเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้แล้วด้วย”

“คุณพี่อาบแล้วเหรอครับ?”

“ยังหรอก  ก็ไปอาบเสียด้วยกันเลยไง”

โทโมกิสะดุ้งวาบกับคำพูดนั้น  เผลอเอื้อมมือไปตะปบไหล่ซ้ายของตัวเองโดยไม่ทันคิด...ที่ตรงนี้มีตราบาปที่เขาไม่อยากให้ใครเห็นอยู่  ถ้าถูกเห็นเข้ามันจะต้องตามมาด้วยคำถามมากมายที่เขาไม่อยากตอบ  เพราะนั่นหมายถึงความทรงจำที่เขาไม่อยากนึกถึง...ความทรงจำของการถูกคนที่เคยต้องการเขาทอดทิ้ง

“คะ...คุณพี่ไปอาบก่อนเถอะครับ  เดี๋ยวผมขอนั่งเล่นอีกเดี๋ยว”  เด็กหนุ่มบ่ายเบี่ยง

“หือ?  ไม่เอาเหรอ”  ถามออกมาเบา ๆ แล้วแววตาก็ส่องประกายเจ้าเล่ห์  “ฉันไม่ทำอะไรหรอกน่า  ถึงจะอยากลองทำในอ่างอาบน้ำสักครั้งก็เถอะ”

โทโมกิรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าว  ได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ  “มะ...ไม่ครับ  ไม่ใช่แบบนั้น...ผม...เอ้อ...”

ฮิโรอากิหัวเราะเบา ๆ  “เอาเถอะ  ไม่อาบก็ไม่อาบ  เสียดาย  จะหาคนช่วยถูหลังซะหน่อย  แต่รีบเข้าบ้านนะ  น้ำค้างลงแล้ว  เดี๋ยวเป็นหวัดไปจะแย่”

พูดจบชายหนุ่มก็เดินกลับเข้าเรือนใหญ่ไป  โทโมกิได้แต่ลอบถอนใจ  ปลายนิ้วไต่ไล้ไปบนไหล่ที่มีรอยแผลเป็นประทับอยู่  เขาอยากลืมเรื่องราวในตอนนั้นให้หมดสิ้น  แต่เพราะมีสิ่งนี้อยู่เขาจึงไม่อาจลืมได้

“...ชุน...”



คืนนั้น  โทโมกินอนไม่หลับ  เขาพลิกกายกระสับกระส่ายอยู่ใต้ผ้าห่ม  เนื้อตัวรุมร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนจะเป็นไข้  เด็กหนุ่มรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น  ร่างกายของเขากำลังเกิดความต้องการขึ้นอีกแล้ว  แต่เขาไม่อยากทำ  ในคืนนี้ปีกเรือนด้านนี้ไม่ได้มีแต่เขากับฮิโรอากิแต่มีจูอิจิโร่กับเซย์ยะอยู่ด้วย  โทโมกิสูดลมหายใจลึกและพยายามระงับอารมณ์ตัวเองอย่างที่หมอเคยบอกมา  แต่มันช่างยากเย็น...ร่างกายของเขาเคยถูกสอนให้เกิดความปรารถนาอยู่ทุกคืนวัน  ซ้ำยังโดนกล่อมด้วยยากระตุ้นมาเป็นเวลานาน  จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะแก้ไขอาการดังกล่าวนี้ได้  ซ้ำร้ายยังถูกสอนให้เสร็จสมในอ้อมกอดของคนอื่น  ถึงได้ต้องรบกวนโอโนเสะอยู่บ่อยครั้ง  ระยะหลังมาอาการนี้เว้นช่วงไปบ้างด้วยต้องใช้สมองและกำลังในการทำอะไรที่ไม่คุ้นเคยจนเหนื่อยอ่อน  แต่ก็นับว่าเกิดขึ้นถี่กว่าคนปกติ  และทุกครั้งเขาก็มักจะได้ฮิโรอากิช่วยเอาไว้

แต่คืนนี้โทโมกิไม่อยากทำ  มือเล็ก ๆ กอดตัวเองแน่น  พยายามที่จะไม่แตะต้องส่วนกลางกายที่เริ่มร้อนมากขึ้นทุกที  รู้สึกได้เลยว่ามันกำลังขยายตัวและต้องการการสัมผัสลูบไล้  เด็กหนุ่มกดปากตัวเองลงกับหมอน  กลั้นเสียงสะอื้น...แบบนี้มันทรมาน  ไม่ต่างอะไรกับตอนที่ถูกวายะกระตุ้นด้วยยาปลุกเซ็กส์เลย  ในช่วงเวลาแบบนี้เองที่เขานึกเกลียดวายะจับใจที่ทำให้ร่างกายของเขาเป็นแบบนี้  แม้ในตอนที่อารมณ์เพริดไปกับห้วงแห่งความปรารถนาตนจะเผลอเรียกชื่อชายหนุ่มออกมาทุกครั้งก็ตาม

“ฮึก...อือ...”  เกินกว่าจะสะกดกลั้น  โทโมกิหลุดเสียงครางออกมาเบา ๆ  มือค่อย ๆ เลื่อนไปยังศูนย์รวมแห่งความเร่าร้อน

...ไม่เอา...หนุ่มน้อยพยายามบอกตัวเอง  จิกเล็บลงกับฟูกนอนแน่น  บิดกายเบียดฟูกหมายจะระงับอารมณ์  แต่แรงเสียดสีนั้นยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง

“อ๊ะ!  อา...อือ...”  ในที่สุดอุ้งมือชื้นเหงื่อก็กอบกุมร่างอันอ่อนไหว  ร่างนั้นตื่นตัวขึ้นตอบสนองสัมผัสนั้นอย่างยินดี

“ไม่...ไม่เอา...”

โทโมกิพยายามเตือนสติตัวเอง  แต่ร่างกายไม่ฟังคำสั่งอีกแล้ว  เด็กหนุ่มได้แต่กัดผ้าปูที่นอนเพื่อกลั้นเสียงของตน  เขาคุ้นเคยกับการส่งเสียงไปตามอารมณ์หวามไหวมากกว่าจะพยายามรั้งตัวเองไว้แบบนี้

หลังจากดิ้นรนด้วยความทรมานอยู่ครู่ใหญ่  ประตูห้องก็เปิดออกอย่างแผ่วเบา  โทโมกิชะงักการกระทำ  ได้แต่ซุกเงียบอยู่ใต้ผ้าห่ม  หากลมหายใจหอบสะท้านไม่อาจหยุดได้  แล้วผ้าห่มก็ถูกดึงเปิดออก  มืออุ่นแตะเข้าที่แก้มร้อนผ่าว

“ต้องการอีกแล้วเหรอ?”  เสียงที่คุ้นเคยกระซิบถาม  โทโมกิพยักหน้าน้อย ๆ  “ลำบากหน่อยนะ  พวกพี่ ๆ ก็อยู่ด้วยแบบนี้”

ใช่...นั่นแหละที่ทำให้เขาไม่อยากทำในคืนนี้  แต่ร่างกายมันก็ทรยศเกิดอารมณ์ขึ้นจนได้

ฮิโรอากินิ่งเงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะบอกว่า  “รอแป๊บนึงนะ”  แล้วก็ออกจากห้องไปเงียบ ๆ

โทโมกิรอคอยการกลับมาของฮิโรอากิอย่างนึกสงสัยอยู่ในใจว่าทำไมวันนี้จะต้องรอ  แต่ไม่ต้องรอนานนักชายหนุ่มก็กลับมา  แล้วก็มุดเข้ามาในโปงผ้าห่มด้วย

“คืนนี้ต้องแอบ ๆ ทำหน่อย  แต่เดี๋ยวมันจะเลอะฟูก  เลยไปหาอะไรมาป้องกันไว้ก่อน”  ฮิโรอากิบอก  แต่ไม่ได้สร้างความกระจ่างให้กับหนุ่มน้อยเลยแม้แต่นิด

ฮิโรอากิขยับขยุกขยิกอยู่ในความมืดใต้ผ้าห่ม  แล้วโทโมกิก็ได้ยินเสียงฉีกซองพลาสติก  ก่อนที่สัมผัสลื่น ๆ ของอะไรบางอย่างจะครอบลงมาที่ส่วนปลายของร่างที่ตื่นตัวเต็มที่แล้ว

“อ๊ะ!”  เด็กหนุ่มกระถดตัวหนีด้วยไม่รู้ว่าสัมผัสนั้นคืออะไร

“จุ๊ ๆ...ถุงยางน่ะ  จะได้ไม่เลอะเทอะไงล่ะ”  พูดพลางก็รูดอุปกรณ์นั้นให้กระชับกับส่วนปลายยอดของเด็กหนุ่ม

“อือ...มัน...แปลก...”  โทโมกิเกาะเสื้อของฮิโรอากิไว้แน่น  เขาไม่เคยใช้ถุงยางอนามัยมาก่อน

“เอาน่า...เดี๋ยวดีเอง”  ชายหนุ่มละมือจากร่างเล็กไปจัดการกับตัวเองด้วย  เสร็จสรรพเรียบร้อยก็โอบรั้งเอวบางเข้าหาตัว  “เอาละ  ทีนี้ก็...เงียบ ๆ นะ...”

ฮิโรอากิเบียดเอวเข้าหาโทโมกิ  ขยับแก่นกายที่ยังไม่มีปฏิกิริยาเต็มที่นักของตนเข้าเสียดสีกับร่างเล็กที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์  หนุ่มน้อยสะท้านเยือก  ผวากอดผู้เป็นพี่ไว้แน่น  กดเอวเข้าหาด้วยความปรารถนา

“อ๊ะ อา...”

“ชู่ว...อย่าส่งเสียงสิ”  ชายหนุ่มกระซิบปราม

โทโมกิกัดริมฝีปากแน่น  แต่ความรุมร้อนหวามไหวที่เกิดขึ้นตรงจุดที่เสียดสีกันรุนแรงเกินกว่าจะระงับเอาไว้ได้  เสียงครางหวานจึงลอดริมฝีปากออกมาอีกครั้ง  หากก็ถูกผลักดันกลับไปด้วยเรียวปากอุ่นร้อนและปลายลิ้นที่แทรกเข้ามากระหวัดลิ้มลองความหวานแปลกที่ยังไม่เคยได้ชิม

เด็กหนุ่มโอบรอบคอร่างสูง  ปล่อยให้ฮิโรอากิทำตามต้องการ  เมื่อมือใหญ่เข้ากอบกุมร่างอันไวสัมผัสก็เดาะเอวเข้าหาอย่างเรียกร้อง  ฮิโรอากิรวบร่างของโทโมกิและร่างของตนไว้ในอุ้งมือก่อนจะขยับรูดไปพร้อม ๆ กัน

หัวข้อ: Re: All I want 15 (หน้า14) 16/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 23-03-2012 22:39:28
“ฮึก...อืม...”

เสียงครางที่ไม่อาจเปล่งออกมาได้ก่อให้เกิดเสียงอึกอักในลำคอ  หากเร้าอารมณ์ยิ่งนัก  ริมฝีปากที่ขยับหนีครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนจะหาอากาศหายใจ  หลอกล่อให้ฮิโรอากิไล่ตาม  เรียวลิ้นร้อนกวัดเกี่ยวพัวพันกับลิ้นเล็ก ๆ ที่พยายามจะตอบสนอง...ทั้งที่ดูช่ำชองในเชิงกาม  แต่โทโมกิกลับจูบไม่เก่งเอาเสียเลย

มือข้างที่ว่างของฮิโรอากิลูบไล้ไปตามก้อนเนื้อหนั่นนุ่มที่สะโพกกลม  นวดเฟ้นกระตุ้นอารมณ์เพิ่มเติมให้  ก่อนจะค่อย ๆ แทรกเรียวนิ้วเข้าไปในกลีบเนื้อนุ่มและแตะเข้าที่ปากทางที่หุบแน่นเหมือนดอกตูม

“อึ๊!  ไม่...”  โทโมกิผละริมฝีปากออกและร้องห้าม  แต่เสียงนั้นก็ถูกระงับไว้ด้วยฟันเรียบที่ขบเบา ๆ

“อย่าส่งเสียงดังสิ”  ชายหนุ่มกระซิบเข้ม ๆ เหมือนจะดุ  แต่ก็ดูยั่วเย้าอยู่ในที  ปลายนิ้วกดน้ำหนักย้ำลงที่จุดเร้นลับอีกครั้ง

“อื๊อ...ไม่เอา...ตรงนั้น...”  เด็กหนุ่มเกร็งไปทั้งร่าง

“อย่าดื้อน่า  โทโมกิ...ฉันจะทำให้รู้สึกดีกว่าช่วยตัวเองหลายร้อยเท่าเลยละ”  สิ้นเสียงกระซิบ  ริมฝีปากอุ่นร้อนก็ฉกวูบลงมาปิดปากไม่เปิดโอกาสให้ประท้วง

ปลายนิ้วบดคลึงครั้งแล้วครั้งเล่าหมายจะขยี้กลีบดอกที่หุบแน่นให้คลี่บานออก  โทโมกิสะท้านสั่น  สะโพกเกร็งไปหมดเหมือนพยายามจะปิดกั้นไม่ให้ฮิโรอากิรุกล้ำเข้ามาได้  แต่ร่างกายที่คุ้นชินกับการกระทำเช่นนั้นก็ค่อย ๆ สนองตอบ  เรียวขาขยับยกขึ้นก่ายเกยสะโพกของผู้เป็นพี่  เปิดทางให้แตะต้องสัมผัสเขาได้มากขึ้น  ลิ้นร้อนในโพรงปากถูกดูดดุนอย่างหิวกระหาย...ร่างกายเล็ก ๆ นี้ช่างเรียกร้องเสียเหลือเกิน

ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างย่ามใจ...เด็กคนนี้ไม่ได้เพิ่งเคยมือเขาเป็นคนแรก  แต่การแสดงออกทุกอย่างมันช่างไร้เดียงสาน่ารัก  เขาค่อย ๆ กดปลายนิ้วให้ผลุบหายเข้าไปในร่างบาง  โทโมกิผวาขึ้นทั้งตัว  เกาะกอดเขาไว้แน่น  ช่องทางตอดรัดรุนแรงราวกับจะกัดนิ้วนั้นให้ขาดสะบั้น  แต่นั่นยิ่งเป็นการกระตุ้นให้อีกฝ่ายอยากรุกรานหนักขึ้น  นิ้วของฮิโรอากิค่อย ๆ คืบคลานเข้าไปในส่วนลี้ลับที่รุ่มร้อน  เยื่อเมือกอ่อนนุ่มตอดตุบดูดกลืนการล่วงล้ำนั้นเป็นจังหวะเดียวกับแก่นกายที่ถูกกระตุ้นเร้าด้วยมือ  ร่างชื้นเหงื่อเบียดกายเข้าหา  ลมหายใจหอบถี่เหมือนจะขาดใจทั้งที่ยังถูกปิดกั้นริมฝีปากไว้

ฮิโรอากิรู้ว่าตนต้องการที่จะครอบครองเด็กคนนี้จนถึงขั้นสุดท้ายมากแค่ไหน  แต่ยังก่อน...เขายังมีเวลาเสี้ยมสอนและเล่นสนุกกับโทโมกิไปทั้งชีวิต  ตอนนี้ค่อย ๆ ตะล่อมอย่าให้ชอกช้ำเสียดีกว่า...ด้วยความคิดคะนองของวัยหนุ่ม  อีกนิ้วหนึ่งค่อย ๆ ดุนดันและสอดหายเข้าไปในร่างเล็ก  โทโมกิแอ่นกายเกร็งสะท้านแต่ก็ไม่ได้มีอาการต่อต้าน  สองนิ้วช่วยกันควานคลึงไปทั่วภายในส่วนเร้นลับ  เด็กหนุ่มบิดกายเร่าเมื่อเรียวนิ้วแตะต้องส่วนที่อ่อนไหว  สะโพกกลมขยับรับทุกจังหวะการรุกราน  ที่ทรมานมากก็คือเขาไม่อาจส่งเสียงออกมาได้

แล้วฮิโรอากิก็ถอนนิ้วออก  พลิกกายขึ้นคร่อมโทโมกิไว้  ริมฝีปากค่อย ๆ ถอนออกช้า ๆ หากยังเคล้าคลออยู่ไม่ห่าง  ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเปิดไฟ  อยากจะเห็นว่าหนุ่มน้อยที่รุมร้อนไปหมดทั้งร่างนี้จะทำสีหน้าอย่างไหน  การสะกดกลั้นเสียงแห่งความปรารถนาคงจะทำให้ทรมานไม่น้อยทีเดียว  เขานึกอยากเห็นสีหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ด้วยความทรมานนั้นเสียแล้วสิ...แต่ถ้าทำแบบนั้นทุกคนก็จะสงสัยเอาได้  ช่างเถอะ...ไว้ตอนที่ไม่มีคนอยู่ค่อยลองดูก็แล้วกัน

ร่างสูงทิ้งสะโพกกดเบียดกับส่วนกลางกายที่แข็งขืนตื่นตัวเต็มที่ของโทโมกิ  ขยับเอวเสียดสีเข้าหาอย่างรวดเร็ว  เด็กหนุ่มลืมตัวส่งเสียงครางหวาน  แล้วก็รีบตะปบปากตัวเองแน่น  แยกสองขาออกรับสัมผัสนั้นอย่างกระหาย  การกระทำที่แสนทรมานนั้นดำเนินอยู่เป็นครู่  ก่อนที่ฮิโรอากิจะกำรูดร่างของพวกเขาด้วยจังหวะแรงเร็ว  โทโมกิบิดกายเร่า  ส่งเสียงอึกอักอยู่ในคอเหมือนจะสำลัก  ชายหนุ่มคว้ามือที่ปิดปากนั้นออกแล้วแทนที่ด้วยริมฝีปากของตน  จุมพิตที่ดื่มด่ำเร่าร้อนนั้นชวนให้คิดถึงใครอีกคนที่เคยสัมผัส...หากจูบนั้นร้อนแรงกว่า  และเรียกร้องต้องการเขามากกว่า  โทโมกิโอบกอดร่างสูงแน่น  สองขายกขึ้นเกาะเกี่ยวกับสะโพกของฮิโรอากิในท่วงท่าที่คุ้นเคย...หากไม่มีการสอดใส่...แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว  เมื่อฮิโรอากิเร่งมือหนักหน่วงอีกไม่กี่ครั้ง  โทโมกิก็ถึงสุดยอดแห่งความปรารถนา

ทั้งสองเกร็งร่างเข้าหากันและปลดปล่อยหยาดรักออกมาเต็มถุงยางนุ่ม ๆ ที่ห่อหุ้มร่างของตนอยู่  กระทั่งอาการเกร็งค่อยคลายลง  ฮิโรอากิจึงถอนริมฝีปากออกแล้วซบร่างลงกอดหนุ่มน้อยเอาไว้  เสียงหอบหายใจที่ข้างหูแสดงถึงความสุขสมอิ่มเอม  ช่างเป็นร่างกายที่ซื่อตรงและน่าเอ็นดูเหลือเกิน

“ที่จริง...ก็อยากเข้าไปในตัวนายหรอกนะ  แต่เอาไว้ก่อนก็ได้”  เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบา

โทโมกิไม่ตอบ  เขารู้สึกว่าส่วนเร้นลับของเขากระตุกรัดตอบสนองต่อคำพูดนั้น  หากภาพที่ปรากฏขึ้นในหัวไม่ใช่คนที่ตระกองกอดเขาเอาไว้...แต่เป็นใครอีกคนหนึ่งที่มีเรือนผมสีทองยาวประบ่า...ถ้าสักวันภาพนั้นจะกลายเป็นฮิโรอากิจริง ๆ ก็ดีสิ  เขาคงจะลืมคนที่แสนโหดร้ายนั่นได้เสียที

เด็กหนุ่มถอนใจเบา ๆ แล้วหลับตาลง  และจมสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว

...

เสียงปลดล็อกประตูนิรภัยดังขึ้นทำให้โอโนเสะกับยามานากะเงยหน้าขึ้นจากงานบนโต๊ะ  เขาไม่ได้เรียกใครมาพบและไม่มีใครติดต่อว่าจะเข้ามาพบด้วย  จึงออกจะน่าประหลาดใจ  แต่เมื่อเห็นร่างที่พ้นประตูเข้ามา  โอโนเสะก็ส่ายหน้า  ฮิโรอากิ  ลูกชายคนที่สามของเขานั่นเอง

“สวัสดีครับ  คุณพ่อโอโนเสะ”  เด็กหนุ่มทักทายเสียงใส  เรือนผมสีน้ำตาลที่ยาวถึงกลางหลังขัดใจผู้เป็นพ่อยิ่งนัก

“หวัดดี  มากระแดะเรียกอะไรแบบนั้น  ไอ้ตัวเล็ก”  โอโนเสะพูดพลางกลับไปสนใจกับงานตรงหน้า

“ไม่เล็กแล้วนะครับ  ถ้าผมตัวเล็กแล้วโทโมกิจังของคุณพ่อจะเรียกอะไรล่ะ”  เจ้าลูกคนเล็กยอกย้อน

“เรียกเล็กจิ๋วละมั้ง  ลมอะไรหอบแกมาล่ะนั่น”  ตามปกติแล้วฮิโรอากิที่ยังชอบเที่ยวเล่นตามประสาวัยรุ่นไม่ค่อยได้มาหาเขาที่นี่เท่าไรนัก

“มาขอเงินไปเที่ยวครับ”  ฮิโรอากิตอบอย่างหน้าชื่นตาบาน

“ไปเอาที่แม่โน่น  ฉันให้แม่แกไว้หมดแล้ว”  ว่าพลางก็ขมวดคิ้ว  ที่ผ่านมามันก็เป็นแบบนั้นนี่นา  วันนี้จะมาไม้ไหนกันแน่นะ

“ขืนขอ  นายแม่ก็จะได้เฉ่งเอาปะไรล่ะครับ”  เด็กหนุ่มทำเสียงเบื่อหน่าย  “ล้อเล่นหรอกครับ  ผมแค่อยากมาคุยกับคุณพ่อเฉย ๆ”

“คุยเรื่องอะไรล่ะ  จะไปขอสาวเหรอ?”  โอโนเสะพูดเรื่อย ๆ อย่างไม่ใส่ใจ  ซ้ำยังไม่ละสายตาจากเอกสารที่อ่านอยู่

“เปล่า  แหม...คุณพ่อก็รู้ว่าผมยังไม่ได้จริงจังกับใคร”  ฮิโรอากินั่งลงที่โซฟารับแขกอย่างถือวิสาสะ  “แต่ถ้าจะขอ  ก็มีอยู่คนนึงละครับ”

“เรอะ  ใครล่ะ?”

“ก็ลูกชายคนสุดท้องของคุณพ่อไงล่ะครับ”

โอโนเสะชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมองฮิโรอากิ  เด็กหนุ่มส่งรอยยิ้มซน ๆ มาให้  ดวงตาเป็นประกายวาววับ

“สนใจจะฟังแล้วใช่มั้ยล่ะครับ”

ท่านประธานของลูนาติก  ลัสท์ถอนใจก่อนจะถอดแว่นสายตาและวางเอกสารลง  “ไหน  ว่ามาซิ  จะขอโทโมกิไปทำไม”

“เด็กคนนั้นน่ะ...น่าสนุกมากเลยนะครับ”  ฮิโรอากิเริ่ม  “ผมคิดว่าคุณพ่อน่าจะรู้แล้ว  เขามีความต้องการทางเพศสูงมากเลยนะครับ  ช่วยตัวเองแทบจะวันเว้นวันด้วยซ้ำ”

โอโนเสะพยักหน้า  “ฉันรู้  แล้วยังไง?”

“แต่ทำไมไม่รู้  ดูเขาไม่ค่อยดีเวลาช่วยตัวเองเลย  ผมก็เลย...ไปช่วยอยู่บ่อย ๆ”

ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้วเหมือนจะประหลาดใจนิดหน่อย  แต่อาการนั้นก็หายไปในแทบจะทันที

“น่ารักมากเลยละครับ  เวลาที่เขากอดอ้อนเนี่ย  แต่แปลกนะครับ...เขาชอบเรียกใครไม่รู้ที่ไม่ใช่คุณพ่อ  เห็นเรียกว่าชุน  คุณพ่อรู้จักมั้ยครับ”

“รู้จัก  แต่ไม่เกี่ยวกับแกหรอก”  โอโนเสะยังพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เอ๋  แล้วไม่เจ็บใจเหรอครับ?”  หางเสียงขึ้นสูงเหมือนจะหยั่งเชิง

“ทำไมจะต้องเจ็บใจด้วย?”

“อ้าว  ก็คนที่เรากอดไม่เรียกหาเราแต่ดันไปเรียกคนอื่นน่ะสิครับ  ผมนี่เจ็บจี๊ดเลยนะครับ”  ฮิโรอากิทำหน้าเศร้าอย่างเสแสร้ง

“ก็ฉันไม่ได้อยากให้โทโมกิเรียกฉันนี่หว่า  แกมันโลภมาก  ฮิโรอากิ”

“อ้าว  คุณพ่อไม่ได้รับเด็กคนนั้นมาเพื่ออย่างว่าหรอกเหรอครับ?”  เด็กหนุ่มชูนิ้วก้อยอันแสดงความหมายอีกนัยว่าชู้รัก

“จะบ้าเรอะ!  ใครจะบ้าเอาเด็กที่เด็กกว่าลูกตัวเองมาทำเมีย”  โอโนเสะทำเสียงเขียว  ในบรรดาลูกทั้งสามคน  ฮิโรอากิเกรงใจเขาน้อยที่สุด  อาจเพราะเป็นลูกคนเล็กและเขาค่อนข้างจะตามใจพอสมควรก็ได้  บางทีถึงได้พูดอะไรลามปามแบบนี้อยู่เรื่อย

“ไหงงั้น  ผมคิดว่าคุณพ่อเอาเด็กคนนั้นเข้าบ้านเพราะเรื่องแบบนั้นซะอีก  ยังแปลกใจเลยว่าทำไมนายแม่ยอมได้”  ฮิโรอากิส่ายหัวดุกดิก  “แต่แบบนี้ก็ดี...งั้นผมขอโทโมกินะครับ  คุณพ่อ”

“นั่นคนนะ  ไม่ใช่อะไรที่จะมาขอกันได้ง่าย ๆ แบบนั้น”  ท่านประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์ลุกจากโต๊ะทำงานแล้วเดินมาที่โซฟา  ตบไหล่ลูกชายหนัก ๆ  “และฉันก็ไม่ได้รับโทโมกิมาเป็นลูกเพื่อให้แกทำแบบนั้นด้วย”

“แต่พวกผมสนิทกันมากแล้วนะครับ  คุณพ่อ  โทโมกิน่ะ  เวลาที่เกิดอารมณ์จะกอดแล้วก็อ้อนผมเหมือนแมว  น่ารักสุด ๆ ไปเลยนะครับ”

“แกกอดเขาไปกี่ครั้งแล้ว?”

“แหม  ก็ทุกครั้งที่เขาต้องการละครับ  ก็ไม่ถึงกับไปหาผมที่ห้องหรอกนะครับ  แต่คุณพ่อก็รู้ว่าห้องพวกเราอยู่ติดกัน  บางทีเขาเผลอตัวครางออกมาบ้างอะไรบ้าง  ผมได้ยินเข้าก็ไปช่วยตามที่ทำได้ละครับ”  พูดพลางก็ว่าท่าเหมือนกับว่าตนเป็นสุภาพบุรุษเสียเหลือเกิน  ทำให้โอโนเสะอดเคาะหัวด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้

“แล้วยังไงอีก  เขายอมให้แกทำด้วยเหรอ?”

ฮิโรอากิยักไหล่  “ก็ยังไม่เคยทำถึงที่สุดหรอกครับ  นี่ผมก็รออยู่ว่าถ้าวันไหนเขาไปหาถึงห้องจะจับกินซะเลยอยู่หรอก”

โอโนเสะถอนใจหนัก ๆ แล้วนั่งลงตรงข้ามลูกชาย  “ฟังนะ  ฮิโรอากิ  ถ้าแกรู้ว่าเด็กคนนั้นผ่านอะไรมาบ้าง  แกจะไม่พูดแบบนี้ออกมาหรอก”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้วกับท่าทีของผู้เป็นพ่อ  “ผ่านอะไรมา...หมายความว่ายังไงครับ?”

“ฉันไม่อยากพูดหรอกนะ  อดีตบางเรื่องของใครบางคนไม่ใช่เรื่องน่าขุดคุ้ย  แต่ถึงฉันจะไม่เล่า  แกก็คงไปคาดคั้นเอากับเขาอยู่ดี  และเด็กคนนั้นก็คงไม่อยากจะนึกถึงมันนัก  ถ้าให้พูดออกมาจากปากเขาเองมันคงเจ็บปวดเกินไป”

“อะไรกันครับ?  คุณพ่อพูดเหมือนมันร้ายแรง...”  ฮิโรอากิชักใจเสียกับความจริงจังของพ่อ

“ฮิโรอากิ  พ่อจะเล่าให้ฟังแค่ครั้งเดียวนะ  แล้วแกก็ไม่ต้องไปถามอะไรโทโมกิอีก  สัญญานะ”  น้ำเสียงหนักแน่น  แววตาที่มองตรงมาแน่วแน่

เด็กหนุ่มพยักหน้า  “สัญญาครับ”

“โทโมกิน่ะ  เคยถูกลักพาตัวไปกักขังและข่มขืนมาก่อน”

เหมือนฟ้าผ่าลงมาที่สมอง  ฮิโรอากิมึนงงไปหมดกับคำพูดของผู้เป็นพ่อ  เขาต้องใช้เวลาพักหนึ่งจึงจะประมวลผลและแปลความหมายของคำพูดนั้นได้  ริมฝีปากอ้าค้างโดยไม่มีคำพูดใดลอดออกมาด้วยอาการตะลึงงัน

“ฝ่ายนั้นทำกระทั่งว่ากรีดเนื้อลอกหนังโทโมกิแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้เลย  ที่ไหล่ซ้ายของเด็กคนนั้นมีแผลเป็นอยู่...แต่อย่าไปขอเขาดูเลยนะ  มันจะทำให้เขาเจ็บเสียเปล่า ๆ”

“อะ...อะไรกันครับ...เรื่องแบบนั้น...”

“ไม่น่าเชื่อใช่มั้ย?”

“คุณพ่อไม่ได้หลอกผมเล่นนะครับ”  ฮิโรอากิตกใจจริง ๆ

“ใครจะเอาเรื่องพรรค์นี้มาพูดเล่นได้”  โอโนเสะทำเสียงดุ ๆ  “และเพราะเคยถูกทำแบบนั้นมา  ร่างกายจึงเกิดความเคยชินและมีความต้องการทางเพศมากกว่าคนปกติ  ที่แกช่วยเขาบ้างมันก็ดีอยู่หรอก  แต่ไม่ใช่คิดจะเอาจริงจังแบบนั้น”

ฮิโรอากินิ่งเงียบอย่างรู้สึกผิด

“แล้วพ่อแม่เขาก็ไม่เคยใส่ใจดูแล  ขนาดว่าโทโมกิเป็นขนาดนี้แล้วก็ยังไม่เคยหันมาสนใจ  ฉันก็เลยรับเขามาเป็นลูกนี่แหละ  ไม่ได้เอาเข้าบ้านเพราะมีนัยแฝงอะไรหรอก  แม่แกก็รู้ดี  ฉันเล่าให้ฟังหมดแล้ว”

“เอ้อ...ผม...ขอโทษครับ”

“ไม่เป็นไร  แกไม่รู้เรื่องก็แล้วไปเถอะ  แต่ให้รู้ไว้ว่าพ่อรับโทโมกิมาเป็นลูกแท้ ๆ  ไม่ว่าใครจะมองยังไงหรือนินทาว่าอะไรก็ช่าง  ให้รู้ว่าโทโมกิก็เป็นลูกคนนึงของพ่อ  เป็นน้องของแก  พ่ออยากให้แกดูแลน้องในฐานะน้อง...อย่าได้คิดอะไรกับโทโมกิแบบนั้นอีก  ได้มั้ย  ฮิโรอากิ”

ดวงตาที่มองมาอ่อนโยน  ไม่ได้มีแววคาดโทษเขาแม้แต่น้อย  ฮิโรอากิรู้สึกผิดและละอายเสียจนแทบแทรกแผ่นดินหนี  เขาพยักหน้าน้อย ๆ

“ครับ  คุณพ่อ”

“อ้อ  แต่ถ้าโทโมกิต้องการความช่วยเหลืออะไรอีก  ก็ช่วย ๆ น้องไปเถอะนะ  อาการแบบนั้นมันต้องใช้เวลาบำบัดนาน  แกก็ช่วยผ่อนหนักผ่อนเบาให้หน่อยแล้วกัน”

“แปลว่า...นั่น...ได้?”  เด็กหนุ่มชูนิ้วก้อยขึ้นมาอีก

โอโนเสะชะโงกตัวข้ามโต๊ะเล็กไปดีดหน้าผากเจ้าลูกชายแรง ๆ  “ยังจะมาทะลึ่งอีก!  ไม่ได้โว้ย  เป็นพี่จะมาเคลมน้องได้ยังไง”

“โอ๊ย!  เจ็บนะครับ  ผมก็หมายถึงแค่ที่เคยทำมานั่นแหละ  ไม่ได้คิดมากกว่านั้นซะหน่อย  คุณพ่อแหละคิดมาก”

“ถ้าแกรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่  ก็แปลว่าแกก็คิด  ไอ้ตัวเล็ก  อย่ามาพูดมาก  ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับบ้านไปเลยไป”  โอโนเสะออกปากไล่

“ใจร้าย...”  บ่นอิดออดแต่ก็ยอมลุกจากโซฟาโดยดี

“ฮิโรอากิ”  ท่านประธานเรียกไว้เมื่อลูกชายกำลังจะเดินออกจากห้องไป

“ครับ?”

“ฝากดูน้องด้วยนะ”

“ครับ  จะรับฝากไว้นะครับ  รีบ ๆ มาเอาคืนล่ะ”  พูดแล้วเด็กหนุ่มก็จากไป

“รับฝากงั้นเรอะ  ไอ้ตัวแสบเอ๊ย”  โอโนเสะส่ายหน้า  “นั่นมันของของฉันเสียเมื่อไรกัน  ฉันก็รับฝากไว้เหมือนกันนั่นแหละ”

“แล้วเจ้าของมันจะได้มาเอาคืนเหรอครับ?”  ยามานากะเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งเงียบมาตลอด

“ถ้ามันมีปัญญาน่ะนะ”  ชายผู้มากด้วยวัยกว่าลุกกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน

“ผมนึกว่าคุณน้าจะเล่นงานฮิโรอากิคุงซะอีก”

“จะไปทำมันทำไม?”

“ก็ดูพูดเข้าสิครับ...น่าตีน้อยเมื่อไร”

“จะไปตีมันทำไม  เดี๋ยวเฉามือตายกันพอดี”  พูดแล้วก็หยิบเอกสารขึ้นมาอ่านต่อเหมือนจะตัดบท

ยามานากะส่ายหัวดุกดิก  “ตามใจเกินไปแล้ว...แต่ก็เสียคนซะขนาดนี้แล้ว  คงไม่เป็นไรแล้วมั้ง”

“ได้ยินนะ”

“ก็พูดให้ได้ยินละครับ”

พูดเสร็จก็รวบแฟ้มเอกสารบนโต๊ะแล้วออกจากห้องทำงานไป  ทิ้งให้โอโนเสะเข่นเขี้ยวอยู่ที่โต๊ะ  เขารู้ว่ายามานากะไม่ได้ไปติดต่องานที่ไหนหรอก  แค่จะหนีให้พ้นรัศมีมือเท้าของเขาเท่านั้นเอง




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

ผลงานชิ้นอื่นๆครับ
Daylight
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31210.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31210.0)

Parallel Reality
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31255.msg1811578#msg1811578 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31255.msg1811578#msg1811578)

SINLESS
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18056.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18056.0)

ในค่ำคืนอันเงียบงัน
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17805.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17805.0)

Kiss of Ice-Scream
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18472.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18472.0)

Hilight & Deep shade
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17315.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17315.0)

No word
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31467.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31467.0)

เธอไม่อยู่แล้วหรือ...
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31791.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31791.0)

Dark side Romance
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32265.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32265.0)
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: wolfram ที่ 23-03-2012 22:45:24
 :z13:

ชอบฮิโรอากิจัง!!  :กอด1:
ดีแล้วล่ะที่โอโนเสะบอกให้ฮิโระรู้ เค้าจะได้ไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นกับโทโมะอีก!!

แล้วเจ้าของโทโมกิที่ว่านี่ใช่ ชุน รึป่าว อิอิ ถ้าใช่ก็จะรอเค้ามารับคืนไวๆ!!

ตามไปอ่านเรื่องอื่นต่อ!! 55+  :L2:
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 23-03-2012 22:59:32
มีแววว่าคุณพี่จะเคลมคุณน้องโทโมกิแบบถาวร  :a5:
วาย๊าาาาาาาา มาซะทีเซ่!
สามคำ>>>มา ไว ไว ( ไม่เอามาม่านะคนเขียน T^T)
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 23-03-2012 23:15:17
ฟู่วววววววววว โล่งอกไปที ตอนแรกนึกว่าโทโมะจะเสร็จฮิโรอากิซะอีก

ดีแล้วล่ะที่โอโนเสะเล่าเรื่องโทโมะให้ฟัง ฮิโรอากิจะได้ไม่ทำอะไรให้โทโมะเสียใจกว่านี้

ตอนนี้ฮิโรอากิรู้แล้วก็เอ็นดูน้องให้มากๆนะ ^^
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 23-03-2012 23:18:27
เพิ่งรู้ว่าแต่งเรื่องไว้มากมายขนาดนี้ ต้องตามอ่านกันเสียแล้ว
แต่เรื่องนี้นี่....อยากให้ชุนมารับตัวโทโมะเร็วๆจัง o18
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 23-03-2012 23:53:50
อ่าวว นอกจาเรื่องของยูคุงแล้ว ไม่เคยเห็นเรื่องอื่นเลย ไม่ได้ๆต้องไปอ่าน
อ่า ชุนหนอชุน แล้วจะมีวันได้โทโมกิ กลับมามัยเนี้ยยย :z2:
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 24-03-2012 00:26:06
ตอนนี้มันร่าเร้ิงร่าเริงนะ คงเพราะมีฮิโรอ่กิมาสร้างสีสันมั้ง

แต่ถ้าม่บ่อยไคงต้องยกโทโมะให้ไปเลยซะแล้ว
เค้าชอบดูลูกแมวเล่นกันน่ะ
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 24-03-2012 01:34:11
ฮิโระน่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: Minako ที่ 24-03-2012 06:22:12
เย่ๆ ชอบๆ
โอโนเสะพูดแบบนี้แปลว่าให้วายะมาทวงคืนได้ใช่ปะ  :-[

ตามไปอ่านเรื่องต่อไป  :man1:
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 24-03-2012 07:07:35
รอให้ชุนคิดได้และก็ทำตัวดีๆนะ เราถึงจะยกโทโมกิให้อะ
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 24-03-2012 08:25:34
โห.. คนเขียนเขียนไว้เยอะแยะเลย
ทำไมเราไม่เคยเห็น

ชอบตอนนี้มากเลย เบาสมอง คุณพี่น่ารักเกินไปแล้วนะ
ชอบตอนคุณพ่อเรียกว่าตัวเล็ก รู้สึกดีแปลกๆ
ตอนนี้ไม่มีวายะเลยแห้ะ แกหายหัวไปหนายยยยยยยยย ?
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 24-03-2012 12:25:03
เมื่อไหร่  ชุนจะมีปัญญาเอา โทโมกิกลับมาหล่ะเนี่ย สงสัยคนอ่านรอจนเหี่ยวแน่ๆ
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 24-03-2012 18:10:58
ดีใจที่เจ้าของเรื่องเอาเรื่องอื่นๆๆมาให้อ่าน 
*-*
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 24-03-2012 20:17:46
รักคนเขียน
รอคอยวันที่วายะกับโทโมกิเจอกันอีกครั้ง ><v :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: Beast12honey ที่ 25-03-2012 00:50:14
Ahhhhhhhhhh...>..<
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: KoTo_Nat ที่ 25-03-2012 13:53:52
เอ่อ น่าสนใจเหมือนกันนะครับ

สำหรับนักเขียนและนักแต่งนิยายคนอื่น

ที่นำผลงานมาต่อท้ายเรื่องแบบนี้ ทำให้ติดตามได้ง่ายถ้าชอบแนวแต่งของเขา สะดวกด้วย

เป็นไอเดียที่ดีมากครับ

ยังไงก็รีบมาต่อนะครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 25-03-2012 16:32:55
อ้างถึง
เขามีความต้องการทางเพศสูงมากเลยนะครับ  ช่วยตัวเองแทบจะวันเว้นวันด้วยซ้ำ
o22 อย่างนี้อย่างเราก็เรียกว่า... :-[ (อั๊ยๆๆๆ)

ฮิโรอากิเห็นใจโทโมะแล้วสิ ทะนุถนอมน้องด้วยเน้อ  :กอด1:

เรื่องอื่นๆเด๋วตามอ่านฮ่ะ
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 25-03-2012 17:52:31



   แหม ดีนะที่มาขอคุณพ่อซะก่อน ยังไม่ได้งาบไปจริงๆ
   งี้สวัสดิภาพของโทโมะก็เพิ่มขึ้นอีกนิด
   ถ้าโอโนเสะพูดอย่างนี้แสดงว่าถ้าวายะมีปัญญามาเอาตัวคืนก็จะให้ใช่ไหมเนี่ย



หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 26-03-2012 15:15:22
กรี๊ดดดด
ดูแลน้อง(แทน)ดีๆ นะคะ อย่าทำร้ายมากนัก
ไม่ต้องสอนมากด้วย หวงอ่ะค่ะ กร้ากกก
เมื่อไหร่แผลใจน้องจะหายหนอ?
รออ่าน และขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 30-03-2012 21:04:19
All I want # 17

โทโมกิไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับฮิโรอากิ  รู้เพียงแค่ว่าในค่ำคืนที่เกิดความต้องการ  พี่ชายคนเล็กไม่ค่อยแกล้งเขาเท่าที่เคยเป็น  กลับทำตามที่เขาชอบและค่อนข้างจะเอาใจใส่ความรู้สึกของเขามากกว่าแต่ก่อน  นั่นทำให้เด็กหนุ่มสบายใจและเริ่มเปิดใจกับผู้เป็นพี่ชายมากขึ้นทีละน้อย

ระยะหลังมานี้  โทโมกิเรียนทันคนอื่นแม้คะแนนจะไม่ได้อยู่ระดับแนวหน้าก็ตาม  การบ้านส่วนที่ไม่เข้าใจฮิโรอากิจะเป็นคนช่วยสอน  ส่วนครูสอนพิเศษก็หมดหน้าที่และกลับไปทำงานของตัวเองแล้ว  แม้กฎระเบียบในบ้านจะยังคงทำให้เด็กหนุ่มอึดอัดแต่เมื่อคุ้นชินแล้วก็ค่อยคลายความตึงเครียดลง  มีเพียงความเข้มงวดของนายแม่ที่ยังเสมอต้นเสมอปลาย

“นายแม่ก็งี้แหละ  ถ้าทำให้พอใจได้ก็เลิกบ่นเอง”  ฮิโรอากิบอกขณะที่นั่งรถกลับจากไปซื้อของด้วยกัน  หิมะหลังปีใหม่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย  แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทับถมเป็นกอง

“งั้นผมคงทำให้นายแม่พอใจไม่ได้หรอกครับ”  โทโมกิทำหน้ามุ่ย  วันนี้เขาเพิ่งโดนดุเรื่องคะแนนสอบมาหมาด ๆ

“พยายามเข้าเถอะน่า  ไม่มีอะไรที่คนเราทำไม่ได้หรอก  ถ้าพยายามน่ะนะ”

โทโมกิคิดอยากจะบอกไปว่าเพราะฮิโรอากิดีทุกอย่างน่ะสิถึงได้พูดได้  ชายหนุ่มก็พูดต่อพอดี

“เมื่อก่อนฉันโง่เลขจะตาย”

“เอ๊ะ?”  เด็กหนุ่มทำหน้าไม่อยากเชื่อ  ในเมื่อฮิโรอากิเป็นคนสอนการบ้านเลขให้เขามาตลอด  แถมยังอธิบายให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ด้วย

“โง่มาจนจบประถมหกนั่นแหละ  ฉันก็บอกว่าฉันโง่  แล้วก็โดนนายแม่ตอกว่า  โง่หรือยังไม่ได้พยายามทำกันแน่...ตาสว่างเลย  คือมันไม่ชอบก็เลยไม่เรียนแล้วก็ไม่ทำความเข้าใจไง  แล้วนายแม่ยังบอกอีกว่า  ถ้าไม่สู้แล้วจะชนะศัตรูได้หรือ  ฉันก็เลยกลับมาฮึดสู้กับศัตรูซะหน่อย...แล้วก็พบว่ามันก็ไม่ได้ยากอย่างที่รู้สึกมาตลอดน่ะนะ”  ฮิโรอากิบอกยิ้ม ๆ

โทโมกินิ่งคิด...ศัตรูเหรอ...ถ้างั้นเขาคงมีศัตรูอยู่รอบตัวไปหมด  ไหนจะเรื่องเรียน  เรื่องการดำเนินชีวิต  เรื่องมารยาทสังคม...แล้วยังเรื่องของตัวเอง  เขามีกำแพงที่ต้องก้าวข้ามไปให้ได้อยู่  และตอนนี้กำแพงนั้นสูงใหญ่มองไม่เห็นทางไป  ได้แต่เดินวนเวียนอยู่ที่ฐานกำแพง  หากพยายามข้ามไปก็ไม่รู้จะตกมาตายหรือเปล่า

“เอ้า  คิ้วผูกโบว์กันแล้ว”  ไม่พูดเปล่า  ฮิโรอากิยังเอื้อมมือมาขยี้หว่างคิ้วที่ขมวดมุ่นของเด็กหนุ่มอีกต่างหาก  “ยังไม่ต้องคิดมากตอนนี้ก็ได้  ค่อย ๆ ทำไปก็พอแล้ว”

“ครับ”  โทโมกิพยักหน้าแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างรถ  พลันก็เอะใจเมื่อเห็นทิวทัศน์คุ้นตา  “เอ๊ะ  เราไม่ได้กลับบ้านกันเหรอครับ  คุณพี่?”

“กลับน่ะกลับแน่  แต่แวะก่อน  ถึงแล้วละ”

รถเลี้ยวเข้าลานจอดรถใต้ดินของตึกลูนาติก  ลัสท์  โทโมกิก้าวลงรถตามพี่ชายมาอย่างหวาด ๆ

“มาที่นี่ทำไมเหรอครับ?”

“มาดูงาน”  ฮิโรอากิบอกพลางทำหน้ามุ่ย

“ดูงาน?”  เด็กหนุ่มก็งงเหมือนกัน  ปกติฮิโรอากิเอาแต่ลอยชายไปวัน ๆ เห็นไปเรียนที่มหาวิทยาลัยบ้างก็จริง  แต่รวม ๆ แล้วเหมือนจะเที่ยวเล่นเสียมาก

“คุณพ่อบอกว่าจะให้ฉันฝึกบริหารงานลูนาติกโฮสต์คลับ  เรียนจบก็จะให้เริ่มทำงานเลย  วันนี้เลยเรียกมาดู ๆ ไว้ก่อน”  ฮิโรอากิส่ายหน้าแล้วก็เดินนำไปเรื่อย ๆ

โทโมกินึกดีใจที่จะได้เจอโอโนเสะ  เพราะระยะนี้ท่านประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์มีงานรัดตัวเสียจนแทบไม่ได้เจอหน้า  ดังนั้น  แม้จะนึกกลัว ๆ ที่นี่อยู่บ้างแต่ก็เดินตามหลังฮิโรอากิไป

ทว่าเด็กหนุ่มต้องผิดหวังเมื่อคนที่ออกมาต้อนรับฮิโรอากิคือผู้จัดการลูนาติกโฮสต์คลับ  และแจ้งว่าโอโนเสะไปพบลูกค้า  โดยฝากให้เขาดูแลฮิโรอากิเอง

โฮสต์คลับคือศูนย์รวมของเด็กหนุ่มหน้าตาดี  และแม้จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นโฮสต์เหมือนกันแต่โฮสต์ที่นี่ต่างกับโฮสต์ที่คลับใต้ดินที่โทโมกิเคยเห็น  คนที่ทำงานที่นี่รูปหล่อและดูสุภาพเรียบร้อย  ท่าทางช่างประจบและเอาอกเอาใจเสียจนเด็กหนุ่มจั๊กจี้ในหัวใจ  หลังจากชมสถานที่  ฟังคำอธิบายเรื่องการบริหารงาน  และดมกลิ่นน้ำหอมสารพัดแบบที่โชยมาจากตัวโฮสต์แต่ละคนจนเวียนหัวแล้ว  โทโมกิก็แอบเลี่ยงออกไปนอกคลับคนเดียวเงียบ ๆ  พลางคิดว่าอย่างวายะหรือโฮสต์อีกคนที่เขาเคยเจอไม่มีวันได้ทำงานในโฮสต์คลับนี่เด็ดขาดเลย

และเพราะเดินไปอย่างเลื่อนลอย  ในที่สุดโทโมกิก็หลงทาง  เขาจำได้ว่าเดินขึ้นบันไดเรื่อยเปื่อยมาสองสามชั้นและแอบเข้ามาดูตามชั้นต่าง ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น  บริเวณนี้ส่วนมากหน้าตาเหมือนห้องพัก  แต่เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าเป็นห้องพักพนักงานหรือห้องในลักษณะโรงแรมกันแน่  หลังจากเดินดูจนเบื่อเพราะห้องส่วนมากล็อกเอาไว้  ก็หาทางกลับแต่จำทางไม่ได้  ได้แต่เดินวนเวียนไปมาจนชักเริ่มกลัว

มีเสียงฝีเท้าดังมาข้างหลัง  โทโมกิรีบหันกลับไปดู  แล้วนิ่งงันไปด้วยความตกใจ  อีกฝ่ายก็อยู่ในอาการเดียวกันกับเด็กหนุ่ม  ดวงตาคมเบิกกว้าง  จ้องคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

ร่วมครึ่งปีแล้วที่โทโมกิไม่ได้เห็นใบหน้านั้น  ดวงหน้าคมเข้มแบบคนมีเชื้อสายตะวันตกกับเรือนผมสีทองยาวประบ่านั้น...ถึงตายก็ไม่มีวันลืมได้

“...โทโมะ”  เสียงแผ่วโหยเอ่ยเรียกไม่ดังไปกว่ากระซิบ  “ทำไมมาอยู่ที่นี่...”

โทโมกิไม่ตอบหากผงะถอย  ก่อนจะกลับหลังหันวิ่งหนีทันที...ทำไมต้องเป็นที่นี่  ทำไมต้องเป็นตอนนี้  เขาไม่ควรออกมาคนเดียวเลย...ใครก็ได้  ช่วยด้วย!...ความทรงจำอันแสนเจ็บปวดทะลักเข้ามาในสมอง  ต้องรีบหนีไปให้พ้นก่อนที่จะถูกมันครอบงำ  ถ้าถึงตอนนั้นเขาจะไม่มีทางป้องกันตัวได้เลย

เสียงฝีเท้าไล่หลังมา  โทโมกิรู้ดีว่าผู้ชายคนนั้นจะต้องไล่ตามเขามาแน่  จึงวิ่งไม่คิดชีวิต  แต่ภาพที่ฝังอยู่ในสมองกลับผุดออกมาอย่างรวดเร็ว...ทั้งตอนที่เจ็บปวด...และตอนที่อ่อนโยน...น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว  อย่าให้เขาต้องสัมผัสกับความรู้สึกนั้นอีกเลย  มือที่ทอดทิ้งเขาไปครั้งหนึ่งแล้ว...อย่าได้แตะต้องเขาอีกเลย

วายะลังเลอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะไล่กวดเด็กหนุ่มไป...ถ้าคว้าร่างนั้นไว้ได้แล้วจะทำยังไงต่อ  ตอนนี้เด็กคนนั้นคือ  โอโนเสะ  โทโมกิ...ไม่ใช่คนที่เขาจะแตะต้องได้อีกแล้ว  โทโมกิได้ตายจากเขาไปและไปอยู่ในโลกอื่นแล้ว...ทั้งที่เคยตัดใจได้แบบนั้นแล้วแท้ ๆ  แล้วทำไมจะต้องมาปรากฏตัวตรงหน้าเขาด้วย  ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะไล่ตามไปให้ได้อะไรขึ้นมา  แต่รสสัมผัสที่ติดอยู่ในอุ้งมือนี้กลับเรียกร้องให้ไขว่คว้าร่างนั้นเอาไว้โดยไม่นึกถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา

ในที่สุด  มือใหญ่ก็คว้าแขนบอบบางไว้ได้  เหตุผลทั้งหลายหายไปจากสมองในวินาทีนั้น  ชายหนุ่มดึงร่างนั้นมากอดไว้ก่อนใจคิด  เสียงหวีดร้องดังก้องไปทั้งระเบียงทางเดิน...เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวด...ถูกละ  โทโมกิต้องกลัวแน่  ในเมื่อเขาเคยทำเรื่องโหดร้ายขนาดนั้นเอาไว้...แต่ขอให้เขาได้กอดเด็กคนนี้เอาไว้อย่างนี้เถอะ  แม้ว่าจะเป็นการกอดครั้งสุดท้ายก็ตาม...

...

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ  นายท่าน!!”

เสียงตะโกนต้อนรับจากเหล่าชายในชุดสูทสีดำที่ตั้งแถวอยู่ดังกึกก้องไปทั้งบริเวณบ้านพร้อมกับก้มหัวทำความเคารพ  เมื่อชายวัยกลางคนในชุดสูทสีเทาเข้มภูมิฐานก้าวลงจากรถเบนซ์สีดำคันงามติดฟิล์มฉาบปรอท  ที่โถงหน้าประตูบ้าน  สุภาพสตรีวัยใกล้กันในชุดกิโมโนแบบลำลองยืนรอต้อนรับอยู่

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ  ฮิซาโนบุซัง”  เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากสีหน้าไม่สู้สบายใจนัก

“โทโมกิเป็นยังไงบ้าง  ยูคาริ”  ผู้นำตระกูลโอโนเสะถามพลางเดินนำเข้าบ้าน

“ไข้ขึ้นสูงค่ะ  หมอให้ยาแล้วเพิ่งหลับไปเมื่อสักครู่นี่เอง”  ยูคาริบอก

โอโนเสะก้าวยาว ๆ ไปตามระเบียงด้านในมุ่งหน้าสู่ปีกเรือนด้านตะวันออก  แม้อากาศจะหนาวแต่ที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่งมีชายในชุดสีดำนั่งเฝ้าอยู่สองคน  พวกเขาก้มหัวทำความเคารพนายใหญ่ทันทีและเปิดประตูให้

“คุณพ่อ!”  ฮิโรอากิรีบลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นผู้เป็นพ่อ

โอโนเสะเพียงแต่พยักหน้าให้แล้วหันไปถามแพทย์ประจำตระกูล  “โทโมกิเป็นยังไงบ้างครับ  หมอ”

“โดยรวมปลอดภัยแล้วครับ  มีไข้สูงก็จริงแต่น่าจะเกิดจากอาการช็อกอย่างรุนแรงมากกว่า  ขอให้ไข้ลดก่อน  อย่างอื่นคงจะดีขึ้นครับ”  ผู้เป็นหมอรายงาน

โอโนเสะพยักหน้าน้อย ๆ แล้วนั่งลงที่ข้างฟูกนอน  ใต้ผ้าห่มผืนหนา  ร่างเล็ก ๆ นอนเหมือนจะจมหายไปในฟูก  ใบหน้าแดงก่ำด้วยพิษไข้  ลมหายใจหอบน้อย ๆ  แม้จะหลับอยู่แต่ก็ดูจะไม่สบายนักด้วยคิ้วเรียวนั้นขมวดเป็นครั้งคราวและขยับตัวกระสับกระส่ายเป็นระยะ

เมื่อหมอจ่ายยาให้และขอตัวกลับไปแล้ว  โอโนเสะก็เริ่มต้นถามฮิโรอากิ

“มันเกิดอะไรขึ้น  เล่ามาซิ”

เด็กหนุ่มผมยาวรีบก้มหัวลงติดพื้น  “ขอโทษครับ  คุณพ่อ  เป็นความผิดของผมเอง!”

โอโนเสะโบกมือ  “เดี๋ยวฉันจะตัดสินเองว่าเป็นความผิดใคร  ตอนนี้แกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาให้ละเอียดซิ  ฮิโรอากิ”

ฮิโรอากิเม้มปากนิดหนึ่งก่อนจะเริ่มต้นเล่า

“ผมไปที่ลูนาติกโฮสต์คลับตามที่คุณพ่อบอกครับ  แล้วก็เลยพาโทโมกิไปเปิดหูเปิดตาด้วย  ตอนที่เดินฟังผู้จัดการอธิบายเรื่องการทำงานของคลับ  รู้สึกตัวอีกทีโทโมกิก็หายไปแล้ว  พวกผมก็ตามหากัน...แต่คุณพ่อก็รู้ว่าตึกลูนาติก  ลัสท์ซับซ้อนจะตายไป  ผมก็เลยให้หาทางกล้องวงจรปิด  ก็เจอเขาอยู่ที่ชั้นสี่...กับผู้ชายคนนั้น...”

“แล้วยังไงอีก?”

เด็กหนุ่มลอบถอนใจอย่างอึดอัด  “ผมเห็นเขาพยายามจะ...ปล้ำโทโมกิครับ”

นายแม่ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ  หากโอโนเสะเพียงแต่พยักหน้า

“พวกผมก็เลยรีบขึ้นไป  แล้วก็แยกโทโมกิมาได้  ส่วนเขา...ก็ควบคุมตัวเอาไว้”  เสียงของฮิโรอากิแผ่วหวิว  ภาพที่เกิดขึ้นที่ตึกลูนาติก  ลัสท์ยังติดตา

ตอนที่เขาไปถึง  โทโมกิอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มคนหนึ่ง  ทั้งสเว็ตเตอร์และเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่ถูกปลดกระดุมหลุดลุ่ย  เสื้อถูกแหวกเปิดจนเห็นแผ่นอกและลาดไหล่ขาว  รวมไปถึงกางเกงยีนส์ก็ถูกรูดซิปลง  ชายคนนั้นกำลังแนบริมฝีปากลงกับเรียวปากของโทโมกิแนบแน่น  หากเด็กหนุ่มทิ้งกายอ่อนระทวยไร้แรงต่อต้านไปเสียแล้ว  ฮิโรอากิจำได้ว่าตนปราดเข้าไปกระชากผู้ชายคนนั้นออกแล้วต่อยไปเต็มแรง  ชายคนนั้นเงื้อมือขึ้นหมายจะสวนกลับแต่แล้วก็ชะงักไปเมื่อเห็นว่าเขาเป็นใคร  ฮิโรอากิเองก็ตะลึงงันไปเช่นกันเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร...วายะ  ชุน  โฮสต์อันดับหนึ่งของลูนาติก  SM  คลับ...ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่  แล้วทำไมถึงทำอย่างนี้...!?

วายะทำหน้าเหมือนเพิ่งได้สติ  เมื่อผู้ติดตามของฮิโรอากิเข้ามารวบตัวไว้ก็ยอมปล่อยโทโมกิแต่โดยดี  ฮิโรอากิคว้าร่างที่ล้มลงกับพื้นมากอดประคองไว้พลางเขย่าเรียกสติ  โทโมกิแน่นิ่งเหมือนกับตายไปแล้ว  ต้องเขย่าเรียกกันอยู่พักใหญ่เด็กหนุ่มจึงสำลักอากาศกระอักไอ  พอได้สติก็ผวากอดฮิโรอากิไว้แน่นแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร  ฮิโรอากิงุนงงกับเหตุการณ์จนทำอะไรไม่ถูก  ได้แต่มองคนในอ้อมแขนกับวายะสลับกันไปมา  ซึ่งโฮสต์หนุ่มก็เอาแต่ก้มหน้าแล้วพึมพำออกมาเบา ๆ

“ขอโทษ...”

ฮิโรอากิไม่เข้าใจคำพูดนั้น  เขาได้แต่สั่งให้คนคุมตัววายะไปขังไว้รอให้ผู้เป็นพ่อมาจัดการแล้วก็พาโทโมกิกลับบ้านทันที  ระหว่างทางโทโมกิก็ไข้ขึ้นและเริ่มเพ้อ  ฮิโรอากิรีบโทรบอกนายแม่ให้เรียกหมอมารอไว้

เมื่อถึงบ้าน  หลังจากที่หมอปฐมพยาบาลแล้วฮิโรอากิก็จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้โทโมกิ  ในตอนนั้นเองที่เขาได้เห็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่สะบักด้านซ้ายของเด็กหนุ่ม...นี่เอง  รอยแผลที่พ่อเล่าให้เขาฟัง

โอโนเสะฟังเรื่องทั้งหมดด้วยอาการสงบนิ่ง  ฮิโรอากิก้มหัวลงติดพื้นอีกครั้ง

“ขอโทษครับ  คุณพ่อ  ถ้าผมระวังให้มากกว่านี้  โทโมกิคงไม่...”

“ไม่ใช่ความผิดของแกหรอก”

“แต่เพราะผม  วายะซังถึงได้...”  ใช่  เพราะเขาปล่อยให้โทโมกิคลาดสายตาไป  ถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

“ถึงแกอาจจะผิดที่ปล่อยน้องไว้คนเดียว  แต่ที่วายะทำแบบนั้น  มันไม่ใช่ความผิดของแกหรอก”  โอโนเสะวางมือใหญ่ลงบนหน้าผากร้อนผ่าวของโทโมกิ

“คุณพ่อ...หรือว่า...ที่คุณพ่อเล่าให้ผมฟัง...”  ฮิโรอากิฉุกคิดขึ้นมาได้

โอโนเสะพยักหน้า  “ใช่  วายะเป็นคนที่ลักพาตัวโทโมกิไป”

“แผลที่หลังนั่น...”

“นั่นแหละ  ชื่อมันละ”

ฮิโรอากิสะดุ้งวาบ  ภาพตัวอักษร  “ใบไม้ผลิ”  แดงเรื่อตัดกับผิวขาวของโทโมกิยังติดตา...โทโมกิเพิ่งจะอายุ 15 เท่านั้นเอง  แล้วโดนทำเรื่องแบบนั้น...แค่คิดก็ใจหาย

“เอาละ  ฉันจะไปจัดการเรื่องให้มันเรียบร้อย  แกให้เขาคุมตัวมันไว้ที่ตึกใช่มั้ย?”  โอโนเสะลุกขึ้นยืน

“ครับ”

“ดี  ถ้าโทโมกิรู้สึกตัวแล้วก็โทรบอกฉันด้วย”  ท่านประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

ฮิโรอากิเหลือบมองหน้านายแม่  “คุณพ่อ...คงไม่ฆ่าวายะซังใช่มั้ยครับ?”

“ไม่หรอก  คุณพ่อเขามีวิธีการของเขาน่ะค่ะ  ฮิโรอากิซังไม่ต้องกังวลไปหรอก  ห่วงแต่โทโมกิซังเถอะค่ะ”  ยูคาริค่อย ๆ ใช้ผ้าชุบน้ำซับไปบนหน้าผากชื้นเหงื่ออย่างเบามือ

ฮิโรอากิมองร่างเล็กแล้วก็สะท้อนใจ  ถ้ารู้ว่าโทโมกิเคยมีประสบการณ์เลวร้ายแบบนี้มาก่อน  เขาจะไม่แตะต้องโทโมกิเลย...ถึงพ่อจะบอกว่าไม่ใช่ความผิดของเขา  แต่ถึงอย่างไรเขาก็รู้สึกผิด  วิธีเดียวที่จะชดใช้ให้เด็กคนนี้ได้  มีเพียงการดูแลเป็นอย่างดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้...คงมีแค่นั้นจริงๆ

...

ในห้องคุมขังเล็ก ๆ ที่เคยมาใช้ชีวิตอยู่สองเดือนกว่า  ชายหนุ่มที่ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องกลับมาที่ห้องนี้อีกนั่งก้มนิ่งอยู่บนเตียง  เรือนผมสีทองยาวทิ้งตัวลงมาปรกใบหน้า  มันสมควรแล้วที่เขาจะต้องมาอยู่ที่นี่อีกครั้ง  ในเมื่อสูญเสียการควบคุมตัวเองเสียขนาดนั้น  มันก็จำเป็นจะต้องมีใครช่วยกระตุ้นเตือนสติเขาบ้าง  แล้วครั้งนี้...จะถูกลงโทษแบบไหนกันนะ

ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาข้างใน  วายะไม่ใส่ใจจะเงยหน้าขึ้นมอง  เขารู้อยู่แล้วว่าคนที่เข้ามาเป็นใคร

“ไม่คิดเลยว่าเธอจะชอบที่นี่ถึงขนาดหาเรื่องให้ได้กลับมาอีก”  คำพูดประชดประชันเอ่ยขึ้นโดยไม่มีคำทักทาย

“จะบ้าเหรอครับ  ท่านประธาน  ใครมันจะชอบที่นี่ลง  นอกจากพวกแขกที่มาใช้บริการเป็นครั้งคราวน่ะ”  โฮสต์หนุ่มทำเสียงเหนื่อยหน่ายก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้า

“ก็เธอนี่ไง”  โอโนเสะพูดพลางก็ลากเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างเตียงมานั่ง  “เอาละ  ไหนว่ามาซิ  มันเรื่องอะไรถึงไปปล้ำลูกฉันเข้าอีก”

วายะยักไหล่  “ก็แค่จิตหลุด...”

“ไปให้หมอซาคุมะบำบัดอีกดีมั้ย?”

“พอเถอะครับ  ผมยังดีอยู่  แค่...ไม่น่าไปเจอโทโมะเข้าแบบนั้น”  โฮสต์หนุ่มยกมือขึ้นเสยผมแล้วเอนตัวไปพิงกำแพงห้อง  กับโอโนเสะแล้วเขาแทบจะไม่เคยทำตัวสุภาพเรียบร้อยเลย  แต่ท่านประธานก็ไม่เคยว่าอะไร

“คราวก่อนก็แบบนี้สินะ”  ด้วยภาพจากกล้องวงจรปิดที่เพิ่งดูมากับจากปากคำของโทคิโตะเมื่อครั้งนั้นทำให้โอโนเสะพอจะนึกภาพออกว่าวายะมีสภาพอย่างไรในตอนนั้น

“ครับ  เห็นหน้าเขาแล้ว...ก็ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย”

“ทำไมกันล่ะ?”

วายะนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบา ๆ  “ผม...ต้องการเด็กคนนั้นครับ”

“ต้องการ?”  โอโนเสะขมวดคิ้ว  “จะเอาไปทำไม  เด็กตัวแค่นั้น”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน  เพียงแต่...ผมอยากให้เขาเป็นของผมคนเดียว  ไม่ไปเป็นของใครอีก”  น้ำเสียงนั้นเลื่อนลอยราวกับกำลังมองเห็นความฝัน

“เธอก็จารึกชื่อเธอไว้บนตัวเขาแล้วไง  แค่นั้นยังไม่พอใจอีกเหรอ”  น้ำเสียงเข้มเขียวด้วยความไม่พอใจ  นึกถึงรอยแผลที่แผ่นหลังของโทโมกิทีไรเขาจะต้องโกรธขึ้นมาทุกที
หัวข้อ: Re: All I want 16 (หน้า15) 23/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 30-03-2012 21:12:47
“ผมก็คิดแบบนั้น...แต่พอเห็นหน้าเขาแล้ว  ก็ถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่...ถ้าในชีวิตนี้จะไม่ได้เจอเขาอีกเลย  ผมคงทำใจให้ตัวเองคิดแบบนั้นได้  แต่พอรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน  รู้ว่าเขาเป็นยังไง  แล้วยิ่งได้เจอหน้า...ผมก็คิดแบบนั้นไม่ได้อีกต่อไป  ผมต้องการโทโมะ”  ประโยคสุดท้ายหนักแน่น

“โลภมากจริงนะ  ทั้งเรทสึทั้งยู  นายแบบระดับท็อปไฟว์เกือบทุกคนเธอก็ได้มาหมดแล้วนี่  ยิ่งกับยูเนี่ย  ติดเธอเต็มที่เลยไม่ใช่เหรอ  ติดสัดขึ้นมาทีไรก็ต้องวิ่งไปหาเธอทุกทีไป  หรือว่าเบื่อคนเชี่ยว ๆ แล้วเลยอยากจะสอนเด็กซิง ๆ บ้างล่ะ?”  แม้จะเอ่ยเรียบ ๆ แต่มีความไม่พอใจอยู่ในน้ำเสียงนั้น

“ตอนแรกผมก็คิดแค่นั้นจริง ๆ นั่นแหละ  แค่เด็กวายร้ายที่อยากจะดัดนิสัย  แต่พอลองแล้วก็คิดว่าน่าจะปั้นให้เหมือนคิริยูได้เลยลองทำดู...แล้วมันก็แปลก  ที่ไม่ว่ายังไงก็ทำไม่ได้  ทั้งที่ก็สอนเขาเหมือนกับที่สอนคิริยูทุกอย่าง  แล้วสุดท้ายก็เป็นผมเองที่ใจอ่อน...เป็นผมเองที่ไม่กล้าหักดิบกับเขา  อาจเพราะ...โทโมะเหมือนคนคนนั้นมากเกินไป...”  หางเสียงแผ่วโหยทันทีที่ภาพของใครคนหนึ่งในความทรงจำหวนกลับมา

“แบบนี้...เธอก็แค่ต้องการโทโมกิไปเป็นตัวแทนของใครสักคนไม่ใช่เหรอ”

นั่นเป็นสิ่งที่วายะเองก็คิดมาตลอด  และมันคงไม่ดีเลยถ้าจะยึดเด็กคนนั้นเอาไว้เพื่อเป็นตัวแทนของคนอื่น  เขาจึงยอมปล่อยให้โทโมกิจากไป...แต่ในตอนที่พบเจอกันอีกครั้ง  เขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่...

“ผมเคยสูญเสียครับ  ท่านประธาน  ครั้งแล้วครั้งเล่า  คนที่ผมเคยเชื่อว่าจะเป็นของผม  หลุดมือผมไปคนแล้วคนเล่า”  ดวงตาของวายะเหม่อซึม  กล่องแห่งความทรงจำค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ  “ครั้งนี้ผมอยากจะเชื่อว่าโทโมะจะเป็นของผมจริง ๆ  ไม่สิ...ผมคิดจะทำให้โทโมะเป็นของผมคนเดียวจริง ๆ  ถึงได้สลักชื่อของผมลงไปบนตัวเขาแบบนั้น  ผมไม่อยากจะสูญเสียเขาไปอีกแล้ว”

โอโนเสะจ้องคนตรงหน้า  วายะในตอนนี้ไม่เหมือนวายะที่เขารู้จักเลย  โฮสต์หนุ่มปากร้าย  ขี้เล่น  และไม่เคยมีท่าทีเกรงกลัวใคร  แต่ตอนนี้กลับดูแสนเศร้า...ราวกับมีความหลังในอดีตที่แบกรับเอาไว้คนเดียวตามลำพัง  ความลับที่ไม่เคยบอกใคร

“ผมแค่อยากให้โทโมะอยู่ข้าง ๆ  ตอนกลับบ้านไปก็จะได้เจอเขาที่บ้านทุกวัน...แค่นั้นเอง”

“คนอย่างเธอก็วาดฝันถึงชีวิตครอบครัวด้วยเหรอเนี่ย?”

“หึ...ความหมายต่างกันนิดหน่อยมั้งครับ  ผมไม่ศรัทธากับสถาบันครอบครัวอะไรแบบนั้นหรอกนะ”  ในน้ำเสียงประชดประชันแฝงความรู้สึกอื่นเอาไว้ด้วย  “ก็แค่...เหมือนกลับบ้านไปแล้วมีแมวสักตัวรอให้เราเอาข้าวให้กินอยู่ที่บ้านน่ะ”

โอโนเสะไม่ได้พูดอะไร  คนที่มาทำงานกับเขามักจะมาจากครอบครัวที่มีปัญหาบางอย่าง  ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป  สำหรับวายะแล้วดูเหมือนว่าจะมีแต่แม่อยู่ที่บ้านเกิด  ส่วนผู้เป็นพ่อนั้นไม่มีระบุอยู่ในเอกสาร  คงเพราะแบบนี้ละมั้ง  ที่ทำให้ผู้ชายคนนี้พูดว่าไม่ศรัทธาในครอบครัว

หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง  ท่านประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์ก็เอ่ยปากออกมา  “ถ้าเธอยังคิดอยู่แค่นั้น  ฉันยอมให้เธอเข้าใกล้โทโมกิไม่ได้หรอกนะ  วายะ”

โฮสต์หนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย  “พูดยังกับว่าถ้าผมไม่คิดแบบนี้แล้วคุณจะให้ผมเข้าใกล้เด็กคนนั้นงั้นแหละ”

“ก็คงงั้น...”

วายะขมวดคิ้ว  “ที่คุณรับเขาไปเป็นลูกบุญธรรมก็เพื่อกันเขาให้ห่างจากผมไม่ใช่เหรอ?  แล้วพูดอะไรออกมาน่ะ”

“ฉันรับเขาไปเพราะเขาขอร้องต่างหาก”  โอโนเสะยักไหล่

“ขอร้อง?”

“เรื่องส่วนตัว  ไม่เกี่ยวกับเธอ”

วายะจิ๊ปากอย่างขัดใจ  โอโนเสะก็แบบนี้ทุกครั้ง  ชอบพูดอะไรออกมาให้อยากรู้แล้วก็อมพะนำเสีย  กวนโมโหสิ้นดี  แต่จะไปทำอะไรได้  ในเมื่อเขาเป็นเจ้านายสูงสุดของลูนาติก  ลัสท์นี่นะ

“โทโมกิน่ะ  เป็นมนุษย์...ไม่ใช่หมาแมวหรอกนะ”

“รู้แล้วละน่า”

“แต่ที่เธอพูดมาเมื่อกี้แปลว่าเธอรู้  แต่เธอไม่ได้คิดแบบนั้นแม้แต่นิดเดียว  เธอเห็นโทโมกิเป็นแค่สัตว์เลี้ยงน่ารักที่เธออยากเลี้ยงไว้ใกล้ ๆ ตัวเท่านั้นเอง”

“อย่างคิริยูก็เป็นแค่แมวตัวนึงเหมือนกันแหละ”  วายะเถียง

“แต่เธอก็คบหาเขาแบบมนุษย์คนนึง  ใช่มั้ย?”  โอโนเสะสวนกลับทันที  “เธอพูดคุยเรื่องทั่วไปกับเขา  ไปเที่ยวเล่นกับเขา  ปฏิบัติต่อเขาอย่างมนุษย์คนนึง  จริงมั้ย?  แต่กับโทโมกิมันไม่ใช่  เธอไม่เคยทำกับเขาเหมือนมนุษย์  เธอบังคับเขา  ใช้กำลังบังคับให้หวาดกลัว  แบบเดียวกับการฝึกสัตว์  ใช้ยาทำให้เขาไร้เรี่ยวแรงต่อต้านเพื่อที่จะกักขังเขาไว้ในบ้านไม่ให้หนีไปไหนได้  ควบคุมกระทั่งสติสัมปชัญญะ  ขังเขาไว้ในกรงเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวนึง  เธอทำแบบนั้น...ใช่มั้ย?”

โฮสต์หนุ่มนิ่งอึ้ง  จริงทุกอย่าง...ที่โอโนเสะพูดมาจริงทุกอย่างเลย  เขาทำกับโทโมกิอย่างนั้น  ทำกระทั่งตีตราความเป็นเจ้าของเหมือนคนในฟาร์มทำกับปศุสัตว์ของตน

“เธอไม่เคยเห็นโทโมกิเป็นมนุษย์  แต่เธอกลับพูดเอาแต่ได้ว่าอยากให้เขาอยู่ข้าง ๆ  เอาแต่พูดว่าต้องการเขา  ทั้งที่การกระทำของเธอมันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด  แล้วแบบนี้จะให้ฉันยอมให้เธอเข้าใกล้เขาได้ยังไงล่ะ?”

โอโนเสะแทบไม่ได้ใส่อารมณ์ในคำพูดเหล่านั้น  แต่นั่นแหละที่ทำให้วายะรู้สึกว่ารับมือยาก  ถ้าโอโนเสะโกรธไปเสียเลยยังจะเข้าใจง่ายกว่า  อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าต้องขอโทษหรือต้องทะเลาะโต้เถียงยังไง  แต่พูดมาเรื่อย ๆ แบบนี้  เขาเดาความหมายในสิ่งที่โอโนเสะพูดไม่ออกเลยจริง ๆ

วายะก้มหน้านิ่ง  จริงอยู่ว่าเขามักจะมองคิริฮาระเหมือนแมวดื้อ ๆ ที่สวยงามตัวหนึ่ง  แต่เขาก็ชื่นชมในสิ่งที่คิริฮาระเป็น  อาจจะหมั่นไส้ในรสนิยมการเลือกเสื้อผ้าบ้าง  แต่เคารพความคิดเห็นของนายแบบหนุ่มอยู่เสมอ  ผิดกับตอนที่อยู่กับโทโมกิ  เขากักเด็กหนุ่มเอาไว้ในโลกลวงตาของยากล่อมประสาท  ขังเด็กหนุ่มเอาไว้ในห้องไม่ให้เจอแสงเดือนแสงตะวัน  เอาแต่กอดและพยายามให้เด็กหนุ่มเป็นอย่างที่เขาอยากให้เป็น  แม้กระทั่งเซ็กส์ก็ยังยัดเยียดแต่สิ่งที่เขาชอบให้...เขาเอาแต่บังคับให้โทโมกิเป็นอย่างคิริฮาระ  เขาไม่เคยมองตัวตนที่แท้จริงของโทโมกิเลย  ไม่เคยถามความต้องการหรือทำความเข้าใจความรู้สึกของเด็กหนุ่มเลย  ไม่รู้กระทั่งความหมายของน้ำตาหรืออาการเบียดซุกที่มักจะมีเสมอ  รู้แต่ว่าเมื่อโทโมกิกอดเขาอย่างเรียกร้อง...เขาก็ดีใจ

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมตนเองถึงดีใจขนาดนั้น

“ถ้า...ผมไม่คิดว่าเด็กคนนั้นเป็นแมวที่อยากเลี้ยง  คุณจะยอมให้ผมเข้าใกล้เขางั้นเหรอ  ท่านประธาน?”  ในที่สุดชายหนุ่มก็เอ่ยถามแผ่วเบา

“ถ้าเธอเห็นเขาเป็นมนุษย์  เธอก็คงไม่คว้าตัวเขาไปเลี้ยงตามใจชอบใช่มั้ยล่ะ?”

วายะพยักหน้า...ก็ลองเอาคิริฮาระไปเลี้ยงแบบที่ทำกับโทโมกิสิ  มีหวังโดนแหกอกแน่ ๆ

“ถ้าเธอปฏิบัติต่อเขาในฐานะมนุษย์  แล้วใครจะว่าเธอได้”

“คุณพูดเหมือนจะให้โอกาสผม...”  โฮสต์หนุ่มแค่นหัวเราะ

“แล้วเธอจะรับโอกาสนั้นมั้ยล่ะ?”

ชายหนุ่มเงยหน้ามองโอโนเสะอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“ฉันอยากให้โอกาสเธอ  แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเธอเองว่าจะรับหรือไม่รับ  และก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะเปลี่ยนความคิดของตัวเองไปได้แค่ไหน  ถ้าเธอพูดว่าเธอต้องการโทโมกิจริง ๆ ละก็นะ...”

วายะจ้องเข้าไปในดวงตาของโอโนเสะเพื่อค้นหาสิ่งที่อาจจะซ่อนอยู่ในนั้น  แต่ก็ไม่พบวี่แววของคำโกหกใด ๆ

“...ทำไม...?”

“เธอ...ควรจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปกับชีวิตของเด็กคนนั้น  เธอควรจะได้เห็นผลลัพธ์ของการกระทำของตัวเองว่ามันมีผลกระทบต่อชีวิตของคนคนนึงมากแค่ไหน  เธอควรจะได้รู้ว่าเธอสร้างปัญหาให้เด็กคนนั้นมากมายแค่ไหน  และ...เธอควรจะต้องเป็นคนแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านั้นด้วยตัวเธอเอง”

น้ำเสียงนั้นเด็ดขาดหนักแน่น  แต่นั่นแสดงถึงประตูแห่งโอกาสที่เปิดรออยู่ตรงหน้า  และอาจจะเป็นครั้งเดียวที่มันเปิดออก...หากวายะยังไม่รีบพรวดพราดเข้าไปในประตูบานนั้น

“...ผม...ทำอะไร...?”  โฮสต์หนุ่มย้อนถาม  พูดตามตรงแล้ว  เขาจำช่วงเวลาก่อนที่โอโนเสะจะมาพาตัวโทโมกิไปไม่ได้ด้วยซ้ำ  ในตอนนั้นสติของเขาพร่าเลือนเต็มที่  ที่จำได้อย่างเลือนรางที่สุดคือโอโนเสะพรากโทโมกิไปต่อหน้าต่อตา...จำได้แค่นั้นเอง

“ตอนนี้โทโมกิเข้ารับการบำบัดยาเสพติดจนหายดีแล้ว  แต่ยังมีผลด้านจิตใจอยู่บ้าง”

“ยาเสพติด?”

“ก็ไอ้ยากล่อมประสาทที่เธอบังคับให้เขากินทุกวันนั่นแหละ  ไม่รู้หรือไงว่ามันเป็นยาเสพติด”  คราวนี้โอโนเสะแว้ดเข้าให้อย่างนึกขัดใจกับสีหน้าโง่ ๆ ของโฮสต์หนุ่มเต็มที

วายะทำสีหน้าปั้นยาก  เขาลืมนึกไปว่าไม่ว่ายาอะไร  ถ้ากินต่อเนื่องเป็นเวลานานก็กลายเป็นยาเสพติดได้ทั้งนั้น  และตอนช่วงที่โทโมกิทรมานกับพิษบาดแผล  เขาก็ให้ยาไปค่อนข้างมากและเด็กหนุ่มก็ออกอาการเสพติดมันจริง ๆ เสียด้วย

“นอกจากนั้น  โทโมกิยังเสพติดเซ็กส์”  พูดแล้วโอโนเสะก็ถอนใจเฮือกใหญ่  “อาการคล้าย ๆ กับยูเมื่อก่อนนี้  พอเกิดความต้องการแล้วจะควบคุมตัวเองไม่ได้  แต่ยังดีกว่ายูตรงที่แค่ใช้มือก็พอบำบัดได้  ไม่จำเป็นต้องมีคู่นอน”

...ไม่หรอก...วายะเถียงอยู่ในใจ  เขารู้จักโทโมกิในส่วนนั้นดีกว่าใคร  โทโมกิจะไม่มีวันเสร็จสมได้ด้วยตัวเองถ้าไม่มีคนช่วย  เพราะเขาเป็นคนฝึกให้โทโมกิเป็นแบบนั้น  ถ้าอาการของโทโมกิลุกลามไปในลักษณะเดียวกับที่คิริฮาระเคยเป็นจนถึงขั้นต้องขายตัวก่อนที่จะได้มาเป็นนายแบบละก็...ไม่มีอะไรเลวร้ายมากไปกว่านั้นอีกแล้ว

“และสุดท้าย  เขากลัวเธอถึงขั้นจิตหลอน”

“เอ๊ะ?”

“ไม่สังเกตเลยเหรอ  ปฏิกิริยาตอนที่เธอกอดเขาน่ะ  ทั้งตอนที่ยูกับโทคิโตะมาห้ามเอาไว้  แล้วก็ในวันนี้ด้วย”

วายะกลอกตาอย่างนึกทบทวนความจำ  “เขา...กรีดร้อง...แล้วไม่นานก็...แน่นิ่งไป...”

“เขาขาดอากาศหายใจจนหมดสติ”

“อะไรนะ?”

“มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองกับความทรงจำในตอนนั้น  ที่เธอบีบคอเขา”

“อะไรนะ!?”  วายะตะโกนแล้วลุกพรวดขึ้นยืน  โอโนเสะผงะถอยด้วยตกใจกับอาการนั้นของโฮสต์หนุ่มเช่นกัน  “คุณว่าผมทำอะไรนะ!?”

โอโนเสะขมวดคิ้ว  “เธอบีบคอเขา...จำไม่ได้งั้นเหรอ?”

“ผม...ผมเนี่ยนะ...”  ดวงตาคมเบิกกว้าง  มือที่กำแน่นสั่นระริก...โอโนเสะพูดบ้าอะไรออกมา...

ท่านประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์จ้องหน้าโฮสต์หนุ่ม  ในดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสับสนต่อสิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกไป  ทั้งที่เขายังจำภาพที่วายะบีบคอโทโมกิได้ติดตา  และเขาเองที่เป็นคนไปกระชากวายะลงจากเตียง...แต่ตัววายะเองกลับจำไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ

“วายะ...ใจเย็น ๆ  นั่งลงก่อน”  โอโนเสะพยายามกล่อม

โฮสต์หนุ่มทิ้งตัวลงนั่งกับเตียงแล้วยกมือขึ้นกุมหัว  ท่าทางสับสนและไม่เข้าใจในคำพูดของโอโนเสะอย่างเห็นได้ชัด

“...ผม...ผมบีบคอ...โทโมะ...ผมน่ะเหรอ...”

“ตอนที่ฉันพังประตูห้องนอนเข้าไป  เธอกำลังจะฆ่าเด็กคนนั้น  วายะ”

วายะจ้องมองมือที่สั่นระริกของตน  นี่มันไม่จริง...เขาทำอย่างนั้นลงไปงั้นหรือ...

“แค่เสี้ยวนาทีจริง ๆ  ถ้าฉันช้ากว่านั้นอีกนิด  โทโมกิก็คง...”

“...ผม...ผมจำไม่ได้...เลย...”  น้ำเสียงแหบโหยอย่างที่โอโนเสะไม่เคยได้ยินมาก่อน  ทั้งร่างสั่นสะท้าน...ไม่ใช่แค่สับสน  แต่ยังดูหวาดกลัวอีกด้วย

เขาทำความผิดแบบเดิมซ้ำอีกแล้ว  เขาเกือบจะฆ่าคนที่เขาต้องการที่สุดอีกคนหนึ่งแล้ว...และเขาก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำแบบนั้นลงไป

“...แล้ว...แล้ว...โทโมะ...?”

“โทโมกิกลัวเธอมาก  เสี้ยววินาทีที่เฉียดตายในตอนนั้นยังตามหลอกหลอนเขาอยู่  แม้โดยปกติแล้วจะไม่มีอาการให้เห็น  แต่มันจะถูกปลุกขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าเธอ  ยิ่งเมื่อถูกเธอสัมผัส  ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาโดยอัตโนมัติ  หลอดลมจะปิด  และหายใจไม่ออก  แบบเดียวกับคนที่เกิดความเครียดสูง”  โอโนเสะอธิบายตามที่เคยได้รับฟังจากจิตแพทย์มา

เพราะแบบนี้เองหรือ...โทโมกิถึงได้หวาดกลัวเขาถึงเพียงนั้น  แค่แตะต้องก็ถึงกับแน่นิ่งไป...นั่นไม่ใช่เพราะสมยอม  แต่เป็นความกลัวที่มีต่อมัจจุราชที่เคยหยิบยื่นความตายให้

โอโนเสะสังเกตอาการของโฮสต์หนุ่ม  นั่นไม่ใช่การแกล้งทำ  วายะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นไม่ได้จริง ๆ

“ดูท่า...นอกจากโทโมกิแล้ว  คงต้องบำบัดเธอด้วยสินะ”

วายะไม่พูดอะไรนอกจากยกมือขึ้นปิดหน้า  ตัวยังสั่นไม่หยุด

“จากนี้ไป  ฉันจะให้คุณหมอซาคุมะมาบำบัดเธอจนกว่าอะไร ๆ จะดีขึ้น”  โอโนเสะบอก

วายะนึกอยากจะเถียงว่าไม่เอามาซาฮิเดะ  แต่ก็คงไม่มีคนที่เหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว  จึงได้แต่พยักหน้าอย่างจำยอม

“แล้วก็...ฉันจะปลดเธอออกจากการเป็นโฮสต์ซะ”

“หา!?”  ชายหนุ่มรีบเงยหน้าขึ้นทันที

“เธอต้องรับการบำบัดจิต  ไม่มีเวลาว่างมาเป็นโฮสต์อยู่หรอก”  โอโนเสะพูดเรื่อย ๆ ราวกับไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร

“เดี๋ยว...จะบ้าเหรอ?  นั่นมันหน้าที่การงานของผมนะ!  ผมยังต้องส่งเงินกลับไปที่บ้านเกิดทุกเดือนนะ”  วายะโวยวาย  หายสั่นหายสับสนในทันที

“ฉันจะให้งานใหม่เธอ  รายได้อาจจะไม่ดีเท่าเป็นโฮสต์  แต่รับรองว่ามีพอส่งกลับบ้านแน่”

“จะบ้าเหรอ!  คุณรู้หรือไงว่าผมส่งเงินกลับไปมากแค่ไหน  ครึ่งนึงเชียวนะ!  ครึ่งนึงของรายได้เชียวนะ!”  วายะตะโกนใส่หน้าโอโนเสะ

ท่านประธานเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ  ทางบ้านของวายะมีธุระอะไรนักหนาถึงได้ต้องใช้เงินจำนวนมากขนาดนั้นทุกเดือน...หรือบางทีอาจจะเป็นหนี้หลายสิบล้านอยู่กระมัง

“เธอส่งเงินกลับบ้านไปหลายปีแล้วนี่  ลดจำนวนเงินลงหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง”

“ไม่ได้!  เขายังเดินไม่ได้เลย...!”  หลุดปากออกมาแค่นั้นแล้วก็นิ่งเงียบไป

“เขา...?”

“ไม่เกี่ยวกับคุณ”  วายะบอกปัดสั้น ๆ  นึกอยากตบปากตัวเองที่พูดออกไปเสียได้

โอโนเสะจ้องมองโฮสต์หนุ่มอย่างพิจารณาอีกครั้ง  คราวนี้สิ่งที่แสดงออกมาคือความโกรธและเป็นกังวลแสนสาหัส  วายะที่เขาเห็นอยู่เสมอเป็นคนเยือกเย็น  ไม่คิดเลยว่าจะแปรปรวนมากขนาดนี้

“ทั้งเธอ  ทั้งโทโมกิจะต้องได้รับการบำบัด”  ผู้มากด้วยวัยกว่าพูดขึ้นในที่สุด  “สิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำของเธอจะแก้ไขได้ก็ต่อเมื่อมีเธออยู่ด้วย  และความคิดของเธอจะเปลี่ยนได้ก็ต่อเมื่ออยู่กับโทโมกิ  เพราะงั้น  บำบัดมันไปซะทั้งคู่พร้อม ๆ กันจะดีที่สุด”

วายะเหลือบมองโอโนเสะอย่างไม่แน่ใจนัก  หากท่านประธานเพียงแต่ลุกจากเก้าอี้และทำท่าจะกลับ

“ฉันจะจ่ายเงินให้เธอเพียงพอกับที่ต้องส่งกลับบ้าน  แต่ไม่มีเงินเดือนให้”

“แล้วผมจะกินอยู่ยังไง?”  ไหนจะค่าเช่าห้อง  ค่าเสื้อผ้าอีกเล่า

“เรื่องห้องเช่าของเธอ  เตรียมตัวย้ายออกซะ  เดี๋ยวฉันจัดการค่าธรรมเนียมย้ายออกให้เอง”

“แล้วจะให้ผมไปอยู่ที่ไหน?”  วายะรุกถาม  เขาไม่แน่ใจว่าโอโนเสะกำลังคิดอะไรอยู่

“เรือนใหญ่ของตระกูลโอโนเสะ”

โฮสต์หนุ่มถึงกับอึ้งกับคำตอบที่ไม่คาดว่าจะได้ยินนั้น

“เธอจะต้องรับการฝึกฝนในทุกด้าน  และเข้าทำงานในฐานะบอดี้การ์ดของโทโมกิ”




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

ผลงานชิ้นอื่นๆครับ
Daylight
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31210.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31210.0)

Parallel Reality
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31255.msg1811578#msg1811578 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31255.msg1811578#msg1811578)

SINLESS
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18056.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18056.0)

ในค่ำคืนอันเงียบงัน
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17805.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17805.0)

Kiss of Ice-Scream
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18472.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18472.0)

Hilight & Deep shade
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17315.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17315.0)

No word
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31467.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31467.0)

เธอไม่อยู่แล้วหรือ...
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31791.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31791.0)

Dark side Romance
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32265.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32265.0)

Incubus's Dream
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29924.0;topicseen (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29924.0;topicseen)

Incubus's Dream : Sweet Cake with Vodka
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30216.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30216.0)

ยังหาไม่เจออีกเรื่องนึง...ใครช่วยหาทีสิครับ เรื่อง Oyasumi
หัวข้อ: Re: All I want 7 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 30-03-2012 21:19:36
มาต่อแล้ว ว ว ว  :sad4:


จะถึงตอนปัจจุบันแล้ว วว วว  หนูโทโมกิชาตินี้คงหนีวายะไม่พ้นแล้วหล่ะ   :laugh:
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 30-03-2012 21:33:30
 :o12: :o12: :o12:

ใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีแล้ว
แอบตื่นเต้นกับหน้าีที่ใหม่ของวายะ  :z3: :z3:

อยากให้ถึงตอนหน้าเร็วๆจัง

สู้ๆน้าคนเขียน ..  :กอด1:
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 30-03-2012 22:05:15
วายะสู้ๆ
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 30-03-2012 23:07:29
อ๊ากกกกก เข้มข้นเข้าไปทุกที โอโทเสะซังงงงงสุดยอดเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 30-03-2012 23:07:54
 :mc4:มาแล้วๆๆๆ
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 30-03-2012 23:48:16
คุณเขียนได้ดีจริงๆ  o13... เรียนแพทย์? / จิตวิทยา? ถ้าไม่ใช่คุณก็หาข้อมูลได้ดีมากๆอ่ะ
 :pig4: เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :กอด1: รอตอนต่อไปอยู่น้า^^
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 31-03-2012 01:08:16
วายะ นาย...รักโทโมะจริงๆแล้วล่ะ o13
 :ped149: วายะสู้ๆ
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 31-03-2012 01:59:20
โอ้ ดีจัง ยังไงก็ได้อยู่ใกล้ๆกัน

เพิ่งรู้ว่าคนเขียนมีผลงานอื่นๆเยอะขนาดนี้ ไม่ทันสังเกตเลยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 31-03-2012 01:59:51
+1  :impress2:ยาวสะใจมาก :o8:จะเจอกันแล้วอิ้ว :-[
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: Beast12honey ที่ 31-03-2012 03:50:20
 :L1: ดีใจที่ได้อ่าน  :sad4:
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 31-03-2012 10:13:05
โอ้จะได้ไปเป็นบอดี้การ์ดแล้ว
ต่อไปต้องตื่นเต้นเร้าใจแน่ๆ
อยากรู้ปฏิกิริยาแมวน้อยจัง
ขอบคุณ และรออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 31-03-2012 12:27:55
อ่านแล้วเครียดแทนโอโนเสะ ต้องมารักษาทีละคน มีหวังหัวหงอกไวแน่ๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 31-03-2012 13:42:49
ปวดตับจับจิต (-"-)*

สู้ๆเขานะลูกเอ๊ย
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 31-03-2012 13:53:23
ความจริงที่ว่าวายะไม่รู้ตัวบีบคอโทโมะนี่เอง
เลยทำให้โอโนเสะยอมวายะได้กลับเข้ามาในชีวิตโทโมะ

รออยู่ตั้งนาน
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 31-03-2012 14:01:45
มีอีกเรื่องนึงนะคะ "Come closer" อ่า แหมๆๆๆๆๆๆ คนเขียนลืมเรื่องนี้ไปได้ไง คิริยูน้อยใจแย่ Y_Y

เป็นเรื่องแรกที่เราอ่านเลย แล้วก็ติดตามมาจนถึงเรื่องนี้อ่ะค่ะ ^^

ส่วนอันนี้ลิ้งค์เรื่อง Oyasumi นะคะ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29563.0
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 31-03-2012 14:39:37
เป็นโอโนเสะนี่วุ่นแย่เลย
ใกล้ตอนแรกๆแล้วป่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 31-03-2012 15:15:06
ช่างเป็นคู่ที่มีปัญหาจิตใจซะจริง
ดีใจที่วายะจะได้อยู่กับโทโมะ แต่สงสัยโทโมะคงได้สลบอีกหลายรอบ(รึเปล่า?)
ปลื้มโอโนเสะซังที่ซู๊ดดดด :-[
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 31-03-2012 15:24:35
โหหหหหหหหหหห ปฏิกิริยาตอบรับเวลาเจอหน้าวายะของโทโมกิ น่ากลัวอะ
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 31-03-2012 19:25:07



   เข้าใกล้ความจริงแว้ววววว




หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 31-03-2012 21:53:23
คุณเขียนได้ดีจริงๆ  o13... เรียนแพทย์? / จิตวิทยา? ถ้าไม่ใช่คุณก็หาข้อมูลได้ดีมากๆอ่ะ
 :pig4: เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :กอด1: รอตอนต่อไปอยู่น้า^^

จบศิลปกรรมมาครับผม ดีใจที่คุณชอบนะครับ
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 31-03-2012 22:35:52
ใกล้จะได้เจอกันทุกวันแล้วสินะคะ
รอตอนนั้นอยู่นะเนี่ย
ให้อารมณ์เหมือนน้องหมากับน้องแมวอ่ะค่ะ
ที่ถ้าจับมาอยู่ด้วยกัน คงตีกันแน่นอน
เลยอยากรู้จังว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 01-04-2012 00:42:19
กรี๊ซซซซจะได้กันแล้ว
เอ้ยไม่ใช่...จะได้ไปอยู่ใกล้ๆกันแล้ว
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 01-04-2012 11:21:46
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ได้เวลาเผชิญหน้าแล้ววว >,,<
อ๊ากกก วายะสู้ๆ แต่...นายต้องจำให้มั่นนะ โทโมกิไม่ใช่สัตว์แต่เป็นมนุษย์
โย้วๆ
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: jitsupa apple ที่ 01-04-2012 13:13:53
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 01-04-2012 21:36:26
ในที่สุุดก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว ฮู้วว
แอบแปลกใจที่วายะจำไม่ได้เรื่องที่บีบคอโทโมะ ขาดสติได้น่ากลัวสุดๆเลยนะเนี่ย
มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 01-04-2012 21:49:15
ได้โอกาสในการแก้ตัวแล้วนะวายะ รักษามันเอาไว้ให้ดี
แล้ว"เขา"คนที่ยังเดินไม่ได้นี่มัน?????

ว่าแต่..อยู่บ้านเดียวกับโทโมกิ..จะอดใจไม่แตะต้องได้เหรอ?
+1 ให้นะคะ^^
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: aishiteru. ที่ 02-04-2012 11:49:59
อื้อหืออ เรื่องนี้ อ่านไปก็ลุ้นไป สนุกมากค่ะ อ่านเพราะอยากลุ้นเมื่อไหร่โทโมะจะยอมรับชุนได้สักที
อ่านตอนที่ชุนsmใส่โทโมะแล้วก็สงสาร โฮกกกกกก ปกติไม่ชอบอะไรรุนแรงไม่ชอบsmนะนี่ ฮะฮะ
แต่ว่าถ้าทั้งหมดเป็นไปด้วยความรัก จะยอมหยวนๆให้นะ วายะ ชุน

เรื่องราวตอนต้นกับตอนปัจจุบันใกล้จะบรรจบกันแล้ววว
ตอนนี้ยังห่วงอยู่ว่า โทโมะถูกจับตัวไปนี่หว่าาา ป่านนี้เป็นยังไงบ้างเนี่ยยยย ม่ายยยยย
แต่ก่อนอื่น เนื้อเรื่องกำลังเล่าย้อนหลัง ให้เข้าใจอะไรมากขึ้นๆ กำลังจะได้รู้ว่า..
โอกาสที่ได้รับมา ชุนจะ ทำได้มั้ย เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว แล้วโทโมะมีอาการยังไงเมื่อชุนมาอยู่ใกล้ๆ
อร๊ายยยย แอบดีใจ ที่ทั้งสองคนจะได้สัมผัสกันอีกครั้ง ใกล้ชิดกันได้ยังไงน๊าา โดยที่โทโมะไม่เสียสติหมดสติไปซะก่อน
รักษายังไงกันน้อออ ลุ้นๆๆ รอคอยวันที่ทั้งสองรักกัน จะมีอุปสรรคมากมายแค่ไหนเนี่ย เพ้อออไปวันข้างหน้าซะแล้ว
คนเขียนรีบมาต่อนะคะ คนอ่านรออ่านใจจะขาดแล้ว รักโทโมะ รักชุน รักคิริยูด้วย ทุกตัวละครมีปมหมดเลย ชอบอ่ะ ^^
เป็นกำลังใจให้คนเขียนน้าาาา
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 03-04-2012 20:24:08
มีอีกเรื่องนึงนะคะ "Come closer" อ่า แหมๆๆๆๆๆๆ คนเขียนลืมเรื่องนี้ไปได้ไง คิริยูน้อยใจแย่ Y_Y

เป็นเรื่องแรกที่เราอ่านเลย แล้วก็ติดตามมาจนถึงเรื่องนี้อ่ะค่ะ ^^

ส่วนอันนี้ลิ้งค์เรื่อง Oyasumi นะคะ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29563.0

ขอบคุณที่ช่วยตามหานะครับ ผมหายังไงก็ไม่เจอ
ไว้ตอนหน้าจะแปะลิงค์ของเรื่องนี้กับ Come closer ให้ครับผม
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 06-04-2012 20:41:00
All I want # 18

“ทำต่อสิ  โทโมกิ  ต่อให้นายนอนอยู่อย่างนั้นฉันก็ไม่ปล่อยนายกลับห้องหรอกนะ  จนกว่านายจะทำได้ครบร้อยครั้งนั่นแหละ”
โทโมกินอนทำตาปริบ ๆ มองคนที่เดินพูดเจื้อยแจ้วอยู่บนหัว  แม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในชุดยูโดเหมือนกันแต่ก็แค่เดินออกคำสั่งไปมาเท่านั้น

“คุณพี่ไม่เห็นทำบ้างเลย”  ถ้าปกติก็คงจะเงียบเฉยอยู่  แต่นี่เหนื่อยถึงขีดสุดแล้ว  ความเกรงอกเกรงใจจึงไม่ค่อยจะมี

ฮิโรอากิเหลือบมองเจ้าตัวเล็กที่นอนแผ่อยู่กับพื้นเสื่อทาทามิของโรงฝึกประจำบ้าน  “ตอนอายุเท่านาย  ฉันทำมาเยอะแล้ว”

โทโมกิเม้มปากพลางขมวดคิ้วอย่างขัดใจ  เขากำลังถูกบังคับให้ฝึกตบเบาะให้ครบร้อยครั้งตามคำสั่งของนายแม่  ถ้าแค่ร้อยครั้งมันก็คงไม่เท่าไรหรอก  แต่ท่าตบเบาะของการเล่นยูโดมีประมาณ 4 – 5 ท่า  แล้วต้องทำท่าละร้อยครั้งนี่สิ...สำหรับคนเพิ่งฝึกได้ไม่นานอย่างโทโมกิมันก็โหดร้ายเอาเรื่องเหมือนกัน

“แล้วทำไมผมต้องมาฝึกยูโดด้วยเนี่ย!”  เด็กหนุ่มชักเสียงดัง  พออารมณ์บูด  นิสัยขี้โวยวายอย่างเมื่อก่อนก็เริ่มจะออกมาแล้ว

“ก็ถามตัวเองสิว่าทำอะไรเอาไว้  คุณพ่อถึงได้สั่งให้นายเรียนยูโดเนี่ย”  ฮิโรอากิตอบอย่างไม่ยอมกัน

โทโมกิกัดริมฝีปาก  เขาถูกโอโนเสะสั่งให้เรียนยูโดหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นเมื่อเดือนก่อน...เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นสักนิด  ถ้าเจ้าหมอนั่นไม่มาที่นี่...คิดแล้วก็โกรธตัวเอง  เด็กหนุ่มฮึดกลับมาเริ่มตบเบาะต่ออีกครั้ง

ฮิโรอากิมองน้องชายที่มุ่งมั่นฝึกตามคำสั่งแล้วก็ส่ายหน้า  เด็กก็ถูกยุง่ายแบบนี้แหละ...แต่เมื่อคิดไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อนแล้ว  ที่พ่อของเขาสั่งมาแบบนั้นมันก็สมเหตุสมผลดีทีเดียว

...

ต้นเดือนเมษายน  หลังจากที่ซากุระเริ่มผลิดอกได้ไม่นานนัก  โทโมกิก็เข้าไปเรียนชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนแห่งใหม่  ด้วยความที่ทุกคนในชั้นเป็นเด็กใหม่เหมือนกันหมด  แม้จะมีคนที่เคยรู้จักกันมาบ้าง  แต่ก็ไม่ทำให้โทโมกิประดักประเดิดเท่าตอนเข้าเรียนกลางภาคเมื่อปีที่แล้ว  หากเด็กหนุ่มก็ยังคงทำตัวเป็นคนไม่มีเพื่อน  ด้วยโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนระดับสูงที่ผู้มีฐานะดีทั้งหลายส่งลูกมาเรียน  เพื่อนร่วมชั้นทั้งหมดคือคนระดับเดียวกับตระกูลโอโนเสะ  หรืออย่างกระจอกก็เป็นลูกของหัวหน้าแผนกในบริษัท  ซึ่งโทโมกิให้คำนิยามกับตัวเองว่า  “ไฮโซ”  เด็กหนุ่มเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยก็จริง  แต่เขาไม่เคยมีฐานะทางสังคมแบบนั้น  พ่อแม่ไม่เคยพาเขาออกงานที่ไหน...จะว่าไปทั้งสองคนแทบจะไม่เคยออกงานด้วยกันด้วยซ้ำ  มีเพียงเงินทองเท่านั้นที่มีให้ใช้จ่ายเกินจำเป็นและทำให้เขาเป็นเด็กเกเรมาตั้งแต่ไหนแต่ไร  เรื่องมารยาทสังคมหรือข่าวสารในแวดวงไฮโซที่พวกเพื่อน ๆ คุยกันนั้น  โทโมกิไม่เคยรู้เรื่อง  ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงมักจะปลีกตัวอยู่คนเดียวเงียบ ๆ  และชื่อสกุลโอโนเสะอาจทำให้มีคนคอยมองบ้าง  แต่ก็เป็นไม้กันหมาที่ดีที่ทำให้ไม่มีใครเข้ามาหาเรื่องเขา

ทางบ้านใหญ่ของตระกูลโอโนเสะเองก็ไม่เคยเคี่ยวเข็นให้โทโมกิปรับตัวเข้าหาเพื่อนฝูงหรือให้คบหาสมาคมกับคนระดับเดียวกัน  นายแม่สนใจในเรื่องการเรียนและสิ่งที่ฝึกฝนที่บ้านเสียมากกว่า  ซึ่งโทโมกิทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นที่น่าพอใจ  และตัวเด็กหนุ่มเองก็มีความสุขที่จะกลับบ้านมานั่งเล่นในสวนเงียบ ๆ หรือพูดคุยกับฮิโรอากิเสียมากกว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมชมรมอะไร  ที่นายแม่จับสังเกตได้ก็คือหลังจากที่โทโมกิมาอยู่ที่บ้านนี้แล้ว  ฮิโรอากิก็เที่ยวเตร่น้อยลงและกลับมานอนที่บ้านมากกว่าแต่ก่อน
ในระหว่างที่ชีวิตมัธยมปลายของโทโมกิเริ่มเข้าที่เข้าทาง  วันหนึ่งโอโนเสะก็เรียกเขาไปพบหลังเลิกเรียน  วันนั้นฮิโรอากิก็อยู่บ้านด้วยจึงถือวิสาสะเข้าไปในห้องด้วยกัน

“เห็นยูคาริว่าปรับตัวเข้ากับโรงเรียนใหม่ได้แล้วเรอะ?”  โอโนเสะถามหลังจากทักทายกันแล้ว  เขายังอยู่ในชุดสูทเรียบร้อยซึ่งแสดงว่าหลังจากนี้ไปคงจะมีงานที่ไหนต่อ

“ก็...ครับ”  โทโมกิตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้  เขาปรับตัวเข้ากับการเรียนและวิชาเรียนได้ก็จริง  แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเข้ากับสังคมในโรงเรียนได้  ไม่รู้ว่านายแม่รายงานเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า

“อืม...ก็ดี  ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ดีแล้ว”  นายใหญ่ตระกูลโอโนเสะยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบแล้วหมุนเล่นอยู่ในมือ  “แต่ทางนี้มีปัญหานิดหน่อยน่ะนะ”

คำว่าปัญหากับสีหน้ายิ้ม ๆ ของโอโนเสะไม่ได้ไปด้วยกันเลย  โทโมกิมองหน้าผู้เป็นพ่อเลี้ยงอย่างนึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป  เขารู้ว่าเดี๋ยวโอโนเสะจะต้องตอบในสิ่งที่เขาสงสัยเป็นแน่

“ตอนนี้ทั่ว ๆ ไปเริ่มรู้กันในวงกว้างแล้วว่าเธอเป็นคนของบ้านโอโนเสะ”

นั่นไง  เข้าเรื่องแล้ว

“ทีนี้...จะพูดยังไงดีล่ะ  การเป็นลูกคนรวยนี่มันมีปัญหานะ  ไอ้ตัวเล็ก”

โทโมกินิ่วหน้ากับสรรพนามนั้น  แต่ดูเหมือนโอโนเสะจะชอบเรียกเขาแบบนี้มากกว่าชื่อจริง

“มีปัญหาตรงไหนครับ  คุณพ่อ?”  เป็นฮิโรอากิที่แทรกขึ้นมา

“แกอาจจะไม่เห็นว่ามันเป็นปัญหา  เพราะแกอยู่กับชื่อโอโนเสะมาแต่เกิด  แต่ไอ้ตัวเล็กนี่ไม่เคยน่ะนะ”  โอโนเสะยังคงพูดด้วยท่าทางอารมณ์ดี

“ผมก็ยังไม่เข้าใจที่คุณพ่อพูดอยู่ดีละครับ”  ฮิโรอากิว่า  และโทโมกิพยักหน้าเห็นด้วย

“คืออย่างนี้  การเป็นลูกคนรวยเนี่ย  โอกาสถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ก็เยอะ  จริงมั้ย?  แล้วยิ่งบ้านเราก็ใช่ว่าจะทำแต่เรื่องดี ๆ  อาจจะมีคนเขาเกลียดขี้หน้าจนอยากฆ่าให้ตายบ้างใช่มั้ยล่ะ?  นี่แค่ตัวอย่างง่ายๆของปัญหาที่เกิดขึ้นกับการเป็นลูกบ้านนี้น่ะนะ”

“ไม่เห็นเคยมีอะไรเลย”  ฮิโรอากิเถียงอุบอิบ

“ที่ไม่มีก็เพราะแกมีมือดีตามประกบตลอดเวลาไงล่ะ  ฮิโรอากิ  อย่าบอกนะว่าอุเอดะเขาไม่ตามแกไปทุกหนทุกแห่งน่ะ”

“อืม...พูดอีกก็ถูกอีกละครับ”  ขนาดไปนอนกกผู้หญิงที่ไหน  อุเอดะ  บอดี้การ์ดของเขายังตามไปเฝ้าเลย

“เพราะงั้น...ถึงเวลาแล้วที่เจ้าตัวเล็กนี่จะมีบอดี้การ์ดเป็นของตัวเองเสียที”  โอโนเสะสรุป

“เอ๊ะ?”  โทโมกิเอียงคอ  อย่างเขานี่จำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดด้วยงั้นหรือ

“ถ้างั้นทำไมไม่จัดให้เสียตั้งแต่แรกล่ะครับ?”  ฮิโรอากิถาม  โทโมกิมาอยู่ที่บ้านนี้ครึ่งค่อนปีแล้ว  ทำไมเพิ่งจะมาหาบอดี้การ์ดให้เอาป่านนี้

“เพราะว่าตอนนี้คนรู้เยอะแล้วว่าเจ้าตัวเล็กเป็นคนบ้านนี้  และเราก็ต้องฝึกคนของเรานิดหน่อยน่ะสิ”

“ยังต้องฝึกอีกเหรอครับ?”  คนที่ถูกฝึกให้เป็นฝ่ายรักษาความปลอดภัยมีเป็นสิบ  ขนาดเจ้าหนุ่มที่เคยให้ไปเป็นครูสอนพิเศษให้โทโมกิยังพอจะทำงานนี้ได้เลย

“ของเจ้าตัวเล็กเป็นกรณีพิเศษน่ะ  เอาละ  จะแนะนำให้รู้จักนะ  เข้ามาได้”  โอโนเสะพูดแล้วก็ตบมือเบา ๆ

ประตูกระดาษเลื่อนเปิดออก  ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำนั่งคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูนั้นโค้งคำนับแล้วเข้ามาในห้อง  เพียงเห็นร่างนั้นชัด ๆ โทโมกิก็ชาวาบไปทั้งตัวเหมือนโดนสาดด้วยน้ำแข็ง  ใครคนนั้นนั่งลงตรงข้ามโทโมกิกับฮิโรอากิแล้วโค้งให้อีกครั้งพร้อมกับกล่าวทักทาย


“วายะ  ชุนครับ  ยินดีที่ได้รู้จักครับ  คุณหนู”


เหมือนระเบิดลงกลางห้อง  ฮิโรอากิผุดลุกขึ้นยืน  ส่วนโทโมกิตัวแข็งเกร็ง  เบิกตากว้างจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

“วายะซัง!?  นี่มันอะไรกันครับ  คุณพ่อ!?  วายะซังเป็นโฮสต์ของลูนาติก คลับไม่ใช่เหรอครับ  แล้วทำไมถึงได้...!?”

“ใจเย็น ๆ ก่อน”  โอโนเสะพูดเรียบ ๆ พลางโบกมือบอกให้ฮิโรอากินั่งลง  “เรื่องมันยาวน่ะ  เอาละ  โทโมกิ  วายะจะมาเป็นบอดี้การ์ดของเธอตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”

โทโมกิจ้องหน้าโอโนเสะ  นี่จะต้องเป็นการเล่นตลกอะไรกันแน่...โอโนเสะรู้ทุกอย่างดีอยู่แล้ว  จะต้องไม่ให้ผู้ชายคนนี้เข้าใกล้เขาอีกเป็นแน่...แล้วนี่อะไร  ทำไมโอโนเสะถึงพูดแบบนั้น  ทำไมถึงจะเอาเขาไปไว้ข้างตัวผู้ชายที่อันตรายที่สุดสำหรับเขาคนนั้น
เด็กหนุ่มก้มหน้านิ่ง  สองมือที่วางบนตักกำแน่นและสั่นระริก  ทั้งที่อากาศยังเย็นแต่เหงื่อก็ผุดออกมาเต็มหลัง...กลัว...เขากลัวผู้ชายตรงหน้านี่  ถ้าเผลอแม้แต่วินาทีเดียว  คนคนนี้จะต้องฆ่าเขาแน่  คงจะบีบคอ  และฆ่าทิ้งอย่างเลือดเย็นเหมือนตอนนั้น...

ฮิโรอากิสังเกตเห็นอาการนั้นของโทโมกิ  เขาโอบไหล่เด็กหนุ่มแล้วตบเบา ๆ พลางหันไปมองผู้เป็นพ่อ

“ไม่ไหวหรอกครับ  คุณพ่อ”  หนุ่มน้อยที่นั่งข้าง ๆ เขาสั่นไปทั้งตัว  แค่อยู่ในห้องเดียวกันและมีคนอื่นอยู่ด้วย  โทโมกิยังกลัวมากขนาดนี้  จะให้อยู่กับวายะตามลำพังสองคนน่ะ  ไม่ไหวหรอก

โอโนเสะเองก็เห็นอาการนั้น  แม้จะผ่านการบำบัดทางจิตมาหลายเดือนแล้ว  แต่เพราะโดนตอกย้ำถึงสิ่งที่ฝังอยู่ในใจถึงสองครั้ง  ทำให้โทโมกิมีจุดอ่อนในเรื่องนี้อย่างมาก  แต่เพราะอย่างนี้แหละ  จึงต้องรักษาให้เด็ดขาด

“กลัวเหรอ  โทโมกิ?”  นายใหญ่ตระกูลโอโนเสะเอ่ยเบา ๆ

โทโมกิไม่ตอบหากพยักหน้าอย่างลนลาน  เขาอยากออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด  ไม่อยากอยู่เผชิญหน้ากับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว

“แล้วคิดจะกลัวไปตลอดชีวิตเหรอ?”

ไม่มีคำตอบ...โทโมกิไม่เข้าใจคำถามนั้น  เขาก็ไม่ได้อยากกลัว  แต่มันเป็นไปเอง  ทันทีที่เห็นหน้าวายะก็เหมือนเห็นความตายมาเยือนอยู่ตรงหน้า...เขายังไม่อยากตาย

“เขาไม่ฆ่าเธอหรอก”

คำพูดนั้นแทงเข้าไปในหัวใจของโทโมกิ  เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองโอโนเสะอย่างไม่คิดจะเชื่อ...ทำไมโอโนเสะถึงกล้าพูดแบบนี้ออกมาได้  ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าผู้ชายคนนี้เคยจะฆ่าเขา...ดวงตาสีดำขลับระริกไหว  มีแววตัดพ้อและคลางแคลงใจ

“หน้าที่ของเขาตอนนี้คือปกป้องเธอ  ด้วยชีวิตของเขา  ถ้าเขาไม่ทำอย่างนั้น...ก็ตาย  ถ้าเขาพยายามจะทำร้ายเธออีก...ก็ตาย  และถ้าเขาจะฆ่าเธออีก...ก็ตาย  ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วสำหรับคนคนนี้  ฉันไม่ให้เขาเลือก”

วายะก้มหน้านิ่งและกำมือแน่น  พยายามไม่มองไปยังร่างเล็ก ๆ ที่นั่งอยู่อีกฟากหนึ่งของห้อง  เมื่อหลายเดือนก่อนโอโนเสะก็พูดกับเขาแบบนี้เหมือนกัน  โอกาสที่โอโนเสะหยิบยื่นให้  คือโอกาสสุดท้ายที่เขาจะไม่มีทางแก้ตัวได้อีก  หากพลาดพลั้งควบคุมตัวเองไม่ได้แม้แต่นิดเดียว  จุดจบคือความตาย  และเขารู้ว่าโอโนเสะทำได้จริง...กระนั้นเขาก็ยังคว้าโอกาสนั้นไว้  แม้จะไม่อาจแตะต้องคนที่ต้องการที่สุดคนนี้ได้  แต่ก็ยังดีกว่าจากกันไปชั่วชีวิต  ก็แค่ควบคุมตัวเองให้ได้เท่านั้นเอง...เขาคิดแบบนั้นมาตลอด  แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลยเมื่อโทโมกิมาอยู่ตรงหน้า  แค่จะกดความรู้สึกอยากกอด  ต้องใช้ความพยายามมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ...

โทโมกิกลัวเขาอย่างเห็นได้ชัด...กลัวมากขนาดนั้นเชียวหรือ  ที่ผ่านมา...ก็กลัวเขาแบบนี้งั้นหรือ  ที่เขาไม่เคยรู้เป็นเพราะฤทธิ์ยามันกดเอาไว้หรือเพราะเขาเองที่ไม่เคยใส่ใจ  ทั้งที่คิดว่ารู้จักทุกอย่างของโทโมกิดีแล้ว  แต่เมื่อได้มานั่งดูให้ถนัดตาแบบนี้...ตัวเล็กเหลือเกิน  ทั้งเล็กทั้งบอบบาง  ผ่านมาตั้งปีกว่าแล้วแต่กลับดูเหมือนไม่สูงขึ้นเลยทั้งที่อยู่ในช่วงวัยเจริญเติบโตแท้ ๆ...ยังคงตัวเท่า ๆ กับวันนั้นที่เขาได้ช่วงชิงทุกอย่างของเด็กคนนี้ไป  เหมือนเวลาของโทโมกิได้หยุดอยู่ที่วันนั้น  สิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงไปคือจิตใจ...โทโมกิไม่เหลือคราบของเจ้าแมวดื้อปากร้ายที่เขาเคยอยากเลี้ยงอีกเลย

เขาเอง...เป็นคนทำให้โทโมกิเป็นอย่างนี้...

โทโมกิลอบมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างรวดเร็ว  แม้จะอยู่ในชุดสูทและรวบผมไว้เรียบร้อยแปลกตา  แต่วายะก็คือวายะ  ยังคงเป็นผู้ชายคนเดิมที่เขารู้จัก...โหดร้าย  เอาแต่ใจ  และคิดจะฆ่าเขา...สภาพที่เห็นตอนนี้มันก็แค่เอาปลอกคอไปสวมให้สัตว์ป่าและล่ามเอาไว้เท่านั้น  เมื่อไรที่โซ่หลุด...เมื่อนั้น...มือนั้นจะเอื้อมมาที่เขา  และจะต้องฆ่าเขาอีกเป็นแน่

โทโมกิส่ายหน้า

“ไม่เอา...ไม่เอาครับ...”  น้ำเสียงนั้นสั่นอย่างควบคุมไม่ได้  เขาจ้องหน้าโอโนเสะเหมือนจะอ้อนวอน  “คนนี้...ไม่เอาครับ...”

โอโนเสะจ้องหน้าเด็กหนุ่ม  โทโมกิไม่เคยปฏิเสธคำพูดของเขา  นี่เป็นครั้งแรก  แต่เขาไม่แปลกใจหรอก  ก็ดูอาการสั่นไปทั้งตัวแบบนั้นสิ  โทโมกิกำลังหวาดกลัววายะจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

“แต่ฉันตัดสินใจแล้ว  โทโมกิ”

“มะ...ไม่เอาครับ...”  โทโมกิละล่ำละลัก  “...ไม่นะครับ...ไม่เอา...ชุน...”

คำสุดท้ายนั้นก้องกังวานในหัวใจของวายะ  ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าทันที

โอโนเสะเองก็สังเกตเห็น  โทโมกิอาจจะไม่รู้ตัว  แต่เขารู้ดีว่าโทโมกิจะเรียกชื่อวายะทุกครั้งที่ร่างกายเกิดความต้องการ  ชื่อของวายะฝังอยู่ในสมองและความทรงจำของเด็กหนุ่มอย่างล้ำลึก  บางทีในหัวใจของโทโมกิอาจจะมีวายะอยู่สองคน...คนหนึ่งที่เคยทำให้เขามีความสุข...และอีกคนที่คิดจะฆ่าเขา...แต่ความทรงจำตอนที่จะถูกฆ่ามีพลังรุนแรงมากกว่า  ทำให้หวาดกลัวมากถึงขนาดนี้

ถ้าสามารถคลี่คลายความรู้สึกที่ซับซ้อนนี้ได้ละก็...ถ้าโทโมกิสามารถเรียนรู้ความรู้สึกของวายะได้ละก็...ผลลัพธ์สำหรับสองคนนี้อาจจะไปได้ดีกว่านี้ก็เป็นได้

มันเป็นวิธีที่เสี่ยง  แต่โอโนเสะก็พร้อมที่จะเสี่ยงทุกครั้งถ้ามองเห็นความเป็นไปได้แม้เพียงเล็กน้อย

“โทโมกิ  นี่เป็นคำสั่ง  วายะจะเป็นบอดี้การ์ดของเธอ”  โอโนเสะตัดบท

เด็กหนุ่มสะท้านสั่นแล้วยึดเสื้อของฮิโรอากิไว้แน่นเหมือนจะหาที่พึ่ง  และฮิโรอากิก็เข้าใจ

“คุณพ่อ!  ไม่ไหวหรอกครับ  โทโมกิน่ะ...”

“กลัวเหรอ  โทโมกิ?”  โอโนเสะถามคำถามเดิมซ้ำ

โทโมกิพยักหน้า  ไม่ใช่แค่กลัว  แต่เขาเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมาแล้ว  แค่มีผู้ชายคนนี้อยู่ในห้อง  จะหายใจก็ยังลำบาก

“ถ้ากลัวนักละก็  เอาชนะมันให้ได้สิ”

“เอ๊ะ...?”

นายใหญ่ตระกูลโอโนเสะจ้องตอบดวงตาสีดำที่มองมาอย่างไม่เข้าใจ

“ถ้ากลัวนัก  ก็จงเอาชนะมัน  จงแข็งแกร่งขึ้นจนเอาชนะมันได้  ก้าวข้ามมันไปให้ได้  ถ้ามันเกะกะชีวิตนักก็ฆ่ามันทิ้งซะ...ถ้าเธอกลัวผู้ชายคนนี้นัก  ก็ฆ่ามันทิ้งซะให้ได้ก่อนที่มันจะฆ่าเธอสิ”

...

ถ้าแข็งแกร่งขึ้น  สักวันก็จะฆ่าต้นเหตุแห่งความกลัวนั้นทิ้งได้...โทโมกิบอกตัวเองแล้วฝึกตบเบาะต่อไปอย่างมุ่งมั่น  เขาจะต้องเก่งขึ้น  เข้มแข็งขึ้น...ต้องไม่กลัววายะ!

ร่างสูงเดินมาตามระเบียงแล้วค่อย ๆ หย่อนตัวลงนั่งพิงเสา  นั่งฟังเสียงตบเบาะที่ดังก้องออกมาจากโรงฝึกประจำตระกูล  ในฐานะลูกจ้าง  เขาไม่ควรจะมานั่งสบายอารมณ์ด้วยท่าทางเหมือนอยู่บ้านตัวเองในเรือนใหญ่แบบนี้  แต่ดูเหมือนว่าไม่ว่าอะไรก็จะเปลี่ยนแปลงนิสัยของเขาไม่ได้

เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้  ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง  อีกฝ่ายยิ้มให้พร้อมกับเอ่ยทัก

“ฝึกเสร็จแล้วเหรอ  วายะซัง?”

“อืม  ปวดไปทั้งตัวเลย”  วายะเพียงแค่ยักไหล่  “โทโมะขยันฝึกดีเหรอ?”

“ก็มีงอแงนิดหน่อย  แต่ก็ตั้งใจฝึกดี  คนไม่เคยก็แบบนี้ละนะ  พวกผมน่ะฝึกกันมาแต่เด็กแล้ว”  ฮิโรอากิหันไปมองคนในโรงฝึกที่ดูท่าจะยังไม่รู้ตัวว่าถูกพูดถึงอยู่

“ฉันก็ไม่เคย”

“ลำบากใช่มั้ยล่ะ?”

“ไม่เท่าไรหรอก  เรื่องแค่นี้  ที่ลำบากกว่านี้ก็ยังผ่านมาแล้ว”  วายะเองก็ต้องรับการฝึกสำหรับการเป็นบอดี้การ์ดสารพัดรูปแบบเช่นเดียวกัน  โดยเฉพาะวิชาการต่อสู้ป้องกันตัว  เขาเปิดดูรอยช้ำที่ท่อนแขนซึ่งถูกคู่ฝึกเตะเอาเมื่อวาน  ไม่ใช่แค่ยูโด  แต่เขาจำเป็นต้องรู้จักการต่อสู้หลายอย่างเพื่อใช้ในการทำงาน  ยังดีที่เขามีพื้นฐานร่างกายที่ดีและคุ้นเคยกับการวิวาทอยู่แล้ว  การฝึกพวกนี้ก็เป็นการเพิ่มทักษะของเขาให้สูงขึ้นเท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: All I want 17 (หน้า16) 30/03/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 06-04-2012 20:46:40
“แบบนี้กว่าโทโมกิจะทำฝันให้เป็นจริงได้คงอีกนาน”  ฮิโรอากิส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างระอาใจ

“ที่จริงก็ไม่นานหรอก  ถ้ามันจะกล้า  มีดเล่มเดียวก็ฆ่าฉันได้แล้ว  ถ้ามันกล้าแทงน่ะนะ”

“นั่นแหละที่ยาก  โทโมกิกลัวคุณจะตายไป”

วายะเหม่อมองสวนที่ปลูกไว้อย่างเรียบง่าย  ทอดสายตาไปตามทางเดินปูด้วยหิน  ก่อนจะถอนใจน้อย ๆ  “เพราะงั้น  ฉันถึงต้องคอยอยู่ข้าง ๆ ไง  จนกว่ามันจะเข้มแข็งพอที่จะฆ่าฉันได้”

“ถ้าจุดจบของการอยู่เคียงข้างเขาคือความตาย...แล้วคุณจะทำทั้งที่รู้ผลลัพธ์แล้วทำไม  กลับไปเป็นโฮสต์แล้วเลิกยุ่งเกี่ยวกับโทโมกิซะไม่ดีเหรอ”  ฮิโรอากิมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกเห็นใจ  ดูเหมือนว่าคำว่าตายจะล้อมวายะเอาไว้ทุกด้าน  และดูเขาจะพูดออกมาได้อย่างเฉยเมยเหลือเกิน

“แบบนี้  โทโมะจะไม่มีวันลืมฉันไง”  วายะลุกขึ้นบิดขี้เกียจ  “เอาละ  ต้องไปซ้อมปืนต่อ  แล้วเจอกันนะ”

“ปืน?  นี่...ถ้าคุณแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้โทโมกิจะฆ่าคุณได้ไงเนี่ย”

“ไม่ต้องห่วง  ถ้าถึงตอนที่มันจะฆ่าฉัน  ฉันจะยอมให้ฆ่าแต่โดยดีเลยละ  แต่ที่ฉันต้องแข็งแกร่งขึ้นตอนนี้  มันเป็นงานน่ะ  ไปนะ”  วายะโบกมือให้ฮิโรอากิน้อย ๆ แล้วเดินจากไป

ฮิโรอากิมองตามแผ่นหลังนั้นไป  วายะไม่เคยวางตัวกับเขาเหมือนคนอื่น ๆ ในบ้าน  แม้จะเข้ารับตำแหน่งบอดี้การ์ดของโทโมกิแล้ว  วายะยังคงทำตัวเหมือนเมื่อครั้งเป็นโฮสต์  ยังคงพูดกับเขาด้วยคำพูดธรรมดาเป็นกันเอง  ไม่เคยทำตัวเรียบร้อยหรือเกรงใจเขา  ซึ่งนั่นก็ดี  เขาเองก็ไม่อยากเห็นวายะที่มาเคารพนบนอบอะไรเขาหรอก  วายะที่เป็นแบบนี้มันก็สมกับเป็นวายะดีแล้ว

ความรู้สึกที่เกี่ยวพันกันของวายะกับโทโมกิมันช่างซับซ้อน  เขาเองก็ไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดดีนัก  และที่เขาทำได้ในตอนนี้คือคอยช่วยเหลือโทโมกิและคอยเฝ้าดูเท่านั้น...ฮิโรอากิส่ายหน้าแล้วเดินกลับเข้าไปในโรงฝึก

“ครบหรือยัง  โทโมกิ  ยืดยาดเกินไปแล้วนะ”

...

ในโรงฝึกอันเงียบสงัด  มีเพียงเสียงชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังซ้อมท่ายูโดกับผ้าคาดเอวที่ผูกเอาไว้กับเสาไม้ต้นใหญ่  ทั้งที่อากาศกลางฤดูใบไม้ผลิยังค่อนข้างเย็น  แต่ตอนนี้เขามีเหงื่อไหลโทรมกาย  บอกให้รู้ว่าการฝึกได้ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว  สีหน้าแน่วนิ่งมีสมาธิจดจ่อกับการเคลื่อนไหวของตน  ยิ่งเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ ความรวดเร็วและแม่นยำก็เพิ่มมากขึ้น

“ขยันจังนะ  วายะ”  เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นที่ประตูโรงฝึก  ร่างสูงในชุดลำลองยืนพิงกรอบประตูอยู่ตรงนั้น

“ว่างน่ะ”  ปากก็ตอบไปอย่างนั้นแต่ยังไม่หยุดการซ้อม

“นี่นายยังมีเวลาว่างอีกเหรอ  ยังต้องเรียนอีกหลายอย่างไม่ใช่หรือไง”

“เอาไว้ตอนกลางคืน  เคนซังนั่นแหละ  ว่างเหรอ  ถึงได้มาเตร่อยู่ในบ้านได้?”

“วันนี้ท่านประธานหยุดพักผ่อน  ฉันเลยได้หยุดด้วย”  พูดแล้วก็นั่งลงตรงนั้น  “อย่ายกเท้าสูงนัก  ให้มันเลียดไปกับพื้นมากกว่านี้  จังหวะยกแขนขึ้นอย่ากระชาก  ให้มันพร้อม ๆ กับจังหวะที่ดึงแขนอีกข้างนึงด้วย”

“อื้ม...”  วายะปฏิบัติตามที่อีกฝ่ายบอกทันที

ผู้ชายที่นั่งเรื่อยเปื่อยอยู่ที่ประตูโรงฝึกคือเคน  บอดี้การ์ดประจำตัวโอโนเสะ  และเป็นครูสอนวิชาต่าง ๆ ในชั้นต้นให้วายะด้วย  เพราะไม่มีเวลาว่างนักจึงมักจะจัดตารางฝึกและการเรียนเอาไว้ให้แล้วฝากให้คนระดับเดียวกันดูแลแทน  นาน ๆ ครั้งก็จะมาทำการทดสอบสักหน  ซึ่งวายะก็ยอมรับว่าเคนนั้นชั้นหนึ่งจริง ๆ

ฝึกต่ออีกไม่กี่นาที  วายะก็หยุดมือ

“เอ้า  ทำไมไม่ทำต่อล่ะ?”

“ครบห้าร้อยครั้งแล้ว”

“ทำไมไม่ทำให้ครบพัน?”

วายะเหล่มองเคนแล้วทำปากขมุบขมิบเหมือนจะด่า  แต่ก็ตอบไปแค่ว่า  “ต้องไปรับโทโมะแล้ว”

เคนส่ายหน้า  “บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกคุณหนูโทโมกิ”

“โทโมะเป็นโทโมะแหละดีแล้ว  เป็นมากกว่านั้นมันน่าเกลียด”  วายะถอดเสื้อฝึกออกแขวนผึ่งไว้

“ดูเหมือนแกจะไม่เข้าใจเลยนะว่าทำไมแกต้องมาทำหน้าที่นี้”

“เข้าใจสิ  ฉันถูกส่งมาให้เป็นทาสไอ้เด็กนั่นก็เพื่อให้ฉันเรียนรู้ที่จะยอมรับมันในฐานะมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน  ฉันก็ยอมรับแล้วไง  แต่โทโมะก็คือโทโมะ  จะเรียกให้สวยหรูยังไงก็คือโทโมะ  เพราะงั้นไม่ต้องเปลืองน้ำลายหรอก”  ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ใยดีก่อนจะเดินออกจากโรงฝึกไป

เคนเพียงแต่จุดบุหรี่แล้วมองออกไปยังท้องฟ้าสีสดใสด้านนอก  แล้วคิดถึงคนที่เพิ่งเดินจากไป...วายะเป็นสัตว์ป่าที่ไม่เคยอยู่ในกรอบของกฎใด ๆ ทั้งสิ้น  และเขาเองก็เคยเป็นเช่นนั้น  ทั้งเคยทำเรื่องผิดกฎหมายมาหลายครั้งก่อนจะมาพึ่งใบบุญของโอโนเสะ  ดังนั้นเขาจึงนอบน้อมและยอมให้โอโนเสะในฐานะผู้มีพระคุณล้นพ้นกับเขา  แต่วายะต่างออกไป  แม้การที่วายะได้มาอยู่ตรงนี้จะเป็นการให้โอกาสของโอโนเสะ  แต่ชายหนุ่มไม่ได้คิดเลยว่าเรื่องนั้นเกี่ยวพันมาถึงโทโมกิ  เขาไม่ได้วางโทโมกิไว้ในระดับเดียวกับโอโนเสะแม้ว่าเด็กคนนั้นจะมีฐานะเป็นลูกบุญธรรมของโอโนเสะแล้วก็ตาม  สำหรับวายะแล้ว  เด็กคนนั้นยังคงเป็นนักโทษในห้องเก็บเสียงนั้นงั้นหรือ...

แต่สองสามเดือนที่ผ่านมา  วายะก็ทำหน้าที่ได้ดี  ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากไปรับไปส่งที่โรงเรียน  และคอยตามดูแลเมื่อออกไปข้างนอก  แต่ประมาณหนึ่งเดือนก่อนก็เพิ่มการไปส่งที่โรงฝึกยูโดเก่าแก่ซึ่งเจ้าของเป็นคนรู้จักของโอโนเสะจึงได้ฝากให้โทโมกิไปฝึกที่นั่น

เอาเถอะ  ก็ต้องรอดูกันต่อไป...เคนพ่นควันบุหรี่ให้ลอยกระจายไปในอากาศแล้วจ้องมองก้อนเมฆอย่างไร้ความหมาย


รถเบนซ์สีดำคันงามเข้าจอดที่หน้าโรงฝึกยูโดเก่าแก่แห่งหนึ่ง  วายะดับเครื่องแล้วเปิดหน้าต่างนั่งรออยู่ในรถพลางจุดบุหรี่สูบ  รออยู่ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังมาจากหลังกำแพงรั้วแบบโบราณนั้น  ชายหนุ่มจึงดับบุหรี่แล้วลงจากรถ

บรรดาลูกศิษย์ของสำนักยูโดค่อย ๆ ทยอยเดินออกมาจากประตูหน้าพร้อมกับจับกลุ่มพูดคุยกันเสียงดัง  วายะไม่ชอบเสียงเอะอะของเด็กพวกนี้  แต่ที่ไม่ชอบยิ่งกว่าคือสายตาที่แอบชำเลืองมองมาที่เขาในความหมายต่าง ๆ กัน  ทั้งระแวง  ไม่ไว้ใจ  กลัว  และสงสัย  เขาไม่ชอบอะไรที่อ้ำอึ้งแบบนั้น  ถ้าเข้ามาถามเอาตรง ๆ เสียเลยยังจะน่าพูดด้วยหน่อย  แต่ก็รู้ว่าคงไม่มีใครกล้าถาม  เพราะรูปลักษณ์ของเขามันชวนให้คิดว่าเป็นตัวอันตราย  ไหนจะผมสีทองยาว  แว่นกันแดด  และสูทสีดำที่เป็นเสมือนเครื่องแบบ  แค่นี้ก็มากพอที่จะกันคนออกห่างตัวได้

โทโมกิเดินรั้งท้ายออกมาจากโรงฝึก  ในขณะที่เด็กคนอื่นเดินคุยกันเป็นกลุ่ม ๆ แต่โทโมกิกลับเดินคนเดียว...ไม่ว่าเมื่อไรโทโมกิก็จะอยู่คนเดียวเสมอ  ทั้งที่โรงเรียนและที่โรงฝึก  วายะนึกสงสัยว่าเมื่อก่อนโทโมกิมีกลุ่มเพื่อนบ้างหรือเปล่า  แต่ถ้าจะมีก็คงจะเป็นพวกเด็กเกเรประจำโรงเรียน  ไม่ใช่เด็กที่จะมาเข้าโรงฝึกแบบนี้กระมัง

เมื่อเห็นวายะ  เด็กหนุ่มก็หยุดยืนตัวแข็ง  มือที่ถือกระเป๋ากีฬาที่ใส่ชุดฝึกไว้เกร็งแน่น

“เอากระเป๋ามาสิ”  วายะยื่นมือออกไป  แต่อีกฝ่ายไม่ส่งให้เสียที  เขาจึงฉวยคว้ากระเป๋าออกจากมือนั้น  เพียงแค่นั้นโทโมกิก็ถึงกับสะดุ้งเฮือก  “ไปขึ้นรถซะ”

ชายหนุ่มเปิดประตูให้โทโมกิตามหน้าที่ที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี  หนุ่มน้อยก้าวขึ้นไปนั่งอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ  แม้ที่ผ่านมาวายะจะยังไม่เคยทำอะไรเขาเลยก็ตาม  แต่เขาก็ยังไม่ไว้วางใจอยู่ดี

ในรถกรุ่นไปด้วยกลิ่นบุหรี่คุ้นจมูก  กลิ่นที่เคยโอบล้อมเขาไว้ทั้งคืนวันในห้องไร้กาลเวลาแห่งนั้น  แต่ตอนนี้มันทำให้เขาอึดอัดมันทำให้เขารู้สึกถึงตัวตนของวายะมากเกินไป  ยิ่งพอชายหนุ่มขึ้นมานั่งประจำที่ที่นั่งคนขับ  กลิ่นน้ำหอมอันเป็นกลิ่นประจำกายก็ตามมาด้วย...กลิ่นทั้งสองที่ผสมผสานกันทำให้โทโมกิคิดถึงอ้อมกอดและรสสัมผัสของวายะ

เด็กหนุ่มนั่งตัวเกร็งและเบียดตัวเองเข้ากับประตูรถ  พยายามจะอยู่ให้ห่างจากวายะให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  วายะมองอาการนั้นทางกระจกมองหลังแล้วก็ไม่พูดอะไรนอกจากออกรถไปโดยแรง

นี่เป็นช่วงเวลาที่อึดอัดที่สุดสำหรับพวกเขาทั้งสองคน  และเป็นช่วงเวลาที่ได้ใกล้ชิดกันที่สุด  แต่ก็เหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นคอยกางกั้นไว้  และทั้งที่อยู่หลังกำแพงนั้น  หากโทโมกิก็ยังหวาดกลัวจนแทบประสาทเสีย

นั่นคือความรู้สึกที่แท้จริงที่โทโมกิมีต่อเขางั้นหรือ...วายะได้แต่ลอบถอนใจ  ที่ผ่านมานั่นเป็นเพียงแค่ฤทธิ์ของยากล่อมประสาทเท่านั้นสินะ  โทโมกิคงจะเกลียดกลัวเขามาตลอดจริง ๆ...แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ  ถ้าเขาเอาชนะความกลัวนี้ได้ละก็...

“วันนี้ฝึกเป็นไงบ้าง?”  วายะชวนคุย  แต่เพียงแค่ได้ยินเสียงโทโมกิก็สะดุ้ง

เด็กหนุ่มไม่ตอบแถมยังยิ่งกอดตัวเองและเบียดตัวซุกเบาะหลังแน่น

“เอาหัวโขกพื้นไปกี่ที?”  อดีตโฮสต์หนุ่มยังคงพูดไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ใส่ใจและพยายามควบคุมอารมณ์อย่างเต็มที่

โทโมกิส่ายหน้า  นึกภาวนาให้ถึงบ้านเร็ว ๆ

“หัวไม่โขกพื้นก็ดีแล้ว  อย่าลืมฝึกตบเบาะเยอะ ๆ ล่ะ”

บทสนทนาจบลงแค่นั้นเมื่อคู่สนทนาไม่ยอมคุยด้วย  วายะเพียงแต่ขับรถต่อไปเงียบ ๆ  ผ่านมาหลายเดือนแล้วที่เขาเป็นคนไปรับไปส่งโทโมกิมาตลอด  แต่ที่จะกลัวขนาดนี้มันก็ไม่แปลก  ในเมื่อเขาเป็นคนที่เคยพยายามฆ่าเด็กคนนี้มาก่อน

นั่นคือสิ่งที่เขาจะต้องแก้ไข  ผลพวงของความผิดที่เคยได้ก่อเอาไว้  เขาจะต้องเป็นคนแก้ไขด้วยตัวเอง

แต่ละสัญญาณไฟจราจรเหมือนกับยาวนานนับปีสำหรับโทโมกิ  แม้วายะจะไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก  แต่แค่กลิ่นบุหรี่กับกลิ่นน้ำหอมของวายะก็เล่นงานเขาจนย่ำแย่เต็มทีแล้ว  บรรยากาศในรถตอนนี้เหมือนในห้องนั้นไม่มีผิด  และโทโมกิรู้ดีว่าบรรยากาศแบบนี้กำลังกระตุ้นความปรารถนาอันดำมืดของเขาให้ตื่นขึ้นมาอีก

เขาไม่อยากยอมรับ...ทั้งร่างกายและหัวใจนี้ไม่อยากยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

มันไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นวันนี้หรอก  เขาเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว  เพียงแต่ความเหน็ดเหนื่อยจากการเรียนและการฝึกซ้อมยูโดมีชัยเหนือห้วงอารมณ์ลี้ลับทำให้ผล็อยหลับไปเสียก่อนที่ความทรมานจะเริ่มต้นขึ้น  แต่ร่างกายก็คงอัดอั้นเต็มทีวันนี้ถึงได้รู้สึกแย่ขนาดนี้

ในที่สุดรถก็เลี้ยวเข้าบ้าน  ทันทีที่รถจอดสนิท  โทโมกิก็รีบเผ่นลงมาทันทีโดยไม่รอให้วายะมาเปิดประตูให้  แล้วรีบเดินผ่านบรรดาคนที่มาเข้าแถวรับด้วยอาการเกือบจะวิ่ง

วายะหิ้วกระเป๋ากีฬากับกระเป๋านักเรียนของโทโมกิลงมาด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ แล้วส่งกุญแจรถให้คนที่อยู่ใกล้ ๆ นำรถไปเก็บ

“เดี๋ยวนี้คุณหนูโทโมกิไม่ทักทายเลยน้า”  ใครบางคนบ่นขึ้น

“นั่นสิ  ปกติจะต้องมายืนงก ๆ เงิ่น ๆ แล้วทักทายตอบอย่างสุภาพแท้ ๆ”  คนอื่นเสริม...คุณหนูเล็กของบ้านมักจะทักทายพวกเขาตอบด้วยอาการประหม่าเพราะไม่คุ้นกับการตอนรับกลับบ้านแบบนี้  ทำให้ทุกคนค่อนข้างจะเอ็นดู

“นายทำอะไรคุณหนูหรือเปล่า  วายะ  คุณหนูถึงได้รีบร้อนแบบนั้นน่ะ”  บ่นแล้วก็หันมาคาดโทษกับบอดี้การ์ดหน้าใหม่

“จะไปทำอะไรได้  ขับรถมือไม่ว่างแบบนั้น  ถ้ามีคนขับให้สิค่อยทำได้หน่อย”  วายะตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“จะทำอะไรวะ?”

อดีตโฮสต์หนุ่มเพียงแต่หันไปยิ้มให้อย่างมีเลศนัยแล้วก็เดินเข้าบ้านไปพร้อมกับสัมภาระของคุณหนูคนเล็ก  ปล่อยให้คนอื่น ๆ ยืนเกาหัว

“วายะมันเคยเป็นโฮสต์ใช่มะ?”  หนึ่งในนั้นถามขึ้นระหว่างที่เริ่มแยกย้ายกันไปทำงานต่อ

“เห็นเขาว่างั้น”

“หน้าตามันดีเนอะ  เป็นโฮสต์น่าจะได้เงินเยอะ”

“อิจฉามันเรอะ?”

“เปล่า  แค่สงสัยว่าแล้วมันมาเป็นบอดี้การ์ดให้คุณหนูโทโมกิทำไม”

“โฮ้ย  ก็แล้วแต่นายท่านแหละ  สงสัยอะไรไม่เข้าเรื่อง  ไปทำงานต่อไป๊”

เรื่องของวายะกับโทโมกิ  นอกจากคนในตระกูลแล้วไม่มีใครในบ้านโอโนเสะรู้เรื่องมาก่อน  บางครั้งจึงกลายเป็นหัวข้อสนทนาฆ่าเวลาระหว่างวัน  แต่ก็ไม่เคยมีใครให้คำตอบที่แท้จริงได้อยู่ดี

วายะเคาะกรอบไม้ของประตูกระดาษหน้าห้องโทโมกิเบา ๆ แล้วเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาต  โทโมกินั่งกอดเข่าอยู่บนกรอบหน้าต่างเหมือนที่เคยทำเป็นประจำจนถูกนายแม่ดุอยู่บ่อย ๆ  ดวงตาทอดเหม่อออกไปยังสวนด้านนอก

“เอากระเป๋ามาให้  เสื้อยูโดฉันเอาไปให้คุณแม่บ้านซักแล้ว”  ชายหนุ่มวางกระเป๋ากีฬากับกระเป๋านักเรียนลงที่ข้างประตู

โทโมกิไม่แสดงท่าทีรับรู้หรือได้ยินคำพูดนั้นเสียด้วยซ้ำ  แล้ววายะก็เกลียดปฏิกิริยาแบบนี้ของเด็กหนุ่ม  หากก็พยายามทำใจเย็นไว้

“ไปอาบน้ำซะ  เขาเตรียมน้ำร้อนไว้ให้แล้ว  เดี๋ยวจะได้ทำการบ้านด้วย”  ชายหนุ่มบอกอีก  แต่โทโมกิยังคงนิ่ง  “ถึงจะเข้าหน้าร้อนแล้ว  แต่ชื้นเหงื่อแบบนั้นจะเป็นหวัดนะ”

ไม่มีเสียงตอบจากสวรรค์

วายะถอนใจอย่างหัวเสีย  จนอดรนทนไม่ไหว  เขาจึงเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มแล้วดึงแขน  “โทโมะ  ไปอาบน้ำ”

โทโมกิกระชากแขนออกทันทีแล้วรีบผละหนีโดยลืมไปว่าตัวเองอยู่บนกรอบหน้าต่าง  ร่างเล็กเสียหลักหงายหลัง  แต่วายะก็ไวทายาด  แขนแกร่งรีบโอบร่างของโทโมกิกระชากกลับ  อีกมือก็คว้ายันกรอบหน้าต่างไว้ได้ทัน

เด็กหนุ่มตื่นตะลึงเมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดของวายะ  เขาไม่ได้ตกใจที่ตนจะหงายร่วงลงไป  แต่ตกใจกับสภาพแบบนี้ของตนเองมากกว่า  ใบหน้าของเขาแนบอยู่กับแผ่นอกอุ่นกว้างซึ่งตอนนี้มีเสียงหัวใจที่คุ้นเคยเต้นระรัวอยู่ในนั้น  ทั้งร่างกายและกลิ่นอายของวายะโอบล้อมเขาไว้แนบแน่น...เช่นเดียวกับเมื่อตอนนั้น...

ยังไม่ทันจะได้ดิ้นรนหรือขัดขืนอะไร  วายะก็ค่อย ๆ ดึงโทโมกิลงจากกรอบหน้าต่างแล้ววางลงกับพื้นห้อง  ก่อนจะถอนใจอย่างฉุนเฉียว  เพียงแค่นั้นก็ทำให้โทโมกิรีบกอดตัวเองแน่น...จะต้องโดนลงโทษอีกแน่...เด็กหนุ่มหวาดผวา  หากมีเพียงมือใหญ่ที่เขกเบา ๆ ที่ศีรษะของเขาเท่านั้น

“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ  มันอันตราย”  เสียงต่ำ ๆ นั้นอ่อนลงกว่าเคย  “ไปอาบน้ำซะ”

กลิ่นอายของวายะถอยห่างออกไปพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่มุ่งหน้าไปยังประตูห้อง  แต่โทโมกิยังคงนั่งกอดเข่าขดตัวอยู่ที่ใต้หน้าต่าง  ทั้งร่างสะท้านน้อย ๆ ด้วยห้วงอารมณ์ลี้ลับที่ตนรู้จักดี  ถึงขีดจำกัดแล้ว...ร่างกายของเขาต้องการปลดปล่อยแล้ว...

“กลับมาแล้วเหรอ  โทโมกิ  ไปอาบน้ำกัน”  ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับเสียงของฮิโรอากิที่ร่าเริงเต็มที่  แต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้า  “อ้าว...วายะซัง  แล้วโทโมกิล่ะ?”

ชายหนุ่มเพียงแต่เบี่ยงกายหลบให้  แล้วฮิโรอากิก็เห็นร่างเล็กนั่งขดอยู่ริมหน้าต่าง  เขารีบปราดเข้าไปทันที

“เป็นอะไรไป  โทโมกิ?”

ไม่มีคำตอบนอกจากอาการสั่นสะท้านไปทั้งร่าง  ฮิโรอากิจึงหันมาหาวายะ

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ  วายะซัง?”

“แค่เกือบตกจากหน้าต่าง  เลยคว้าไว้”  เขาตอบสั้น ๆ  “เดี๋ยวฉันมีธุระสักสองสามชั่วโมง  ฝากดูโทโมะด้วยนะ”

ร่างสูงพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็ออกจากห้องไป  ฮิโรอากิมองตามแผ่นหลังนั้นไปอย่างไม่เข้าใจแล้วก็รีบหันกลับมาหาโทโมกิ

“เกิดอะไรขึ้น  วายะซังทำอะไรนายหรือเปล่า?”

โทโมกิส่ายหน้า  แต่ตัวยังสั่นไม่หยุด  ลมหายใจหอบสะท้านอย่างน่าประหลาด

“แล้วเป็นอะไรไป  ทำไมนายถึงเป็นแบบนี้?”  อาการมันดูจะมากกว่าความหวาดกลัวที่มีต่อวายะ  ฮิโรอากิจึงคาดคั้น

“...ผม...ผู้ชายคนนั้น...ผม...ไม่เอา...ไม่เอา...”  เสียงตอบกระท่อนกระแท่น

“ไม่เอาอะไร  วายะซังทำอะไรนาย?”

มือเล็กกดลงที่ท้องน้อยแน่นเหมือนพยายามจะสะกัดกั้นความรู้สึกบางอย่างที่พลุ่งพล่านออกมาจากจุดนั้น

“ไม่เอา...ไม่อยาก...ไม่...ไม่เอานะ...ชุน...ไม่เอา...”

เพียงเท่านั้นฮิโรอากิก็เข้าใจความหมาย  ตัวตนของวายะได้กระตุ้นบางอย่างในใจโทโมกิมากกว่าความหวาดกลัว  เขาดึงร่างที่สั่นสะท้านนั้นมากอดไว้แน่น

“ไปอาบน้ำด้วยกันนะ  เดี๋ยวฉันจะช่วยเอง”

สิ่งที่เขาทำได้  มีเพียงแค่นี้เท่านั้น...ฮิโรอากิบอกกับตัวเอง




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

ผลงานชิ้นอื่นๆครับ

Come closer
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=28761.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=28761.0)

Daylight
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31210.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31210.0)

Parallel Reality
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31255.msg1811578#msg1811578 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31255.msg1811578#msg1811578)

SINLESS
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18056.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18056.0)

ในค่ำคืนอันเงียบงัน
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17805.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17805.0)

Kiss of Ice-Scream
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18472.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18472.0)

Hilight & Deep shade
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17315.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17315.0)

No word
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31467.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31467.0)

เธอไม่อยู่แล้วหรือ...
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31791.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31791.0)

Dark side Romance
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32265.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32265.0)

Incubus's Dream
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29924.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29924.0)

Incubus's Dream : Sweet Cake with Vodka
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30216.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30216.0)

Oyasumi
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29563.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29563.0)
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า16) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: Minako ที่ 06-04-2012 20:49:01
จิ้มก่อนค่อยอ่าน อิๆ  :z13:
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 06-04-2012 21:12:24
มันหน้าจับโทโมะกดจริงๆ
ไม่ได้ลองแล้วจะมาไม่เอาๆๆๆๆ
ทั้งๆที่รักเค้าซะขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 06-04-2012 21:22:42
เข้าใกล้ตอนปัจจุบันแล้วว ตื่นเต้นจัง  :-[
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 06-04-2012 23:45:22
วายะอดทนไม่จับโทโมะกดไว้ได้เช่นไร
เป็นเรานะ ไม่อยากจะทน ฮ่าๆ  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 07-04-2012 00:10:24
เริ่มใกล้ปัจจุบัน้ข่าไปเรื่อยๆ เเล้วสิ่ o18
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 07-04-2012 00:23:39
ชอบ อ่ะ ชุน :sad4: โทโม๊ะ น่ารัก :o8:+1
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 07-04-2012 00:50:30
วายะอดทนได้สุดยอดจริงๆ ค่ะ
ไม่น่าจะอดทนได้นานขนาดนี้แท้ๆ
น่าจะทรมานน่าดูล่ะค่ะ
โทโมกิเล่นกลัวจนตัวสั่น น่าจับกดขนาดไหน!!!
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 07-04-2012 01:03:05
น่าสงสารโทโมะ คงรู้สึกขัดแย้งในใจเต็มที

อยากโดนกอด แต่ก็กลัวโดนฆ่า
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 07-04-2012 02:02:06
 :m31:สงสารวายะ
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 07-04-2012 02:06:12
เอาใจช่วยได้อย่างเดียวเลย เดาทางไม่ออก
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 07-04-2012 02:19:52
เข้าใกล้ตอนปัจจุบันเข้าไปทุกทีๆ
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 07-04-2012 02:38:43
นึกว่าถึงตอนปัจจุบันแล้วซะอีก 


เหอๆ  สงสารวายะ
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: dear77 ที่ 07-04-2012 10:37:09
เขียนแสดงอารมณ์ได้ดีจริงๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 07-04-2012 12:23:11




    สู้ๆนะโทโมะ วายะน่ะไม่ได้น่ากลัวสักหน่อยน้าาาาาา




หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: jitsupa apple ที่ 07-04-2012 12:28:33
 :z3:
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 07-04-2012 12:45:33
โทโมะสู้ๆนะ ถ้ากำจัดความกลัวออกไปแล้วจะได้เห็นว่าจริงๆแล้วชุนไม่ได้คิดจะฆ่าโทโมะนะ

ชุนก็เหมือนกัน ถ้ามองให้ลึกผ่านความหวาดกลัวของโทโมะลงไป ก็จะได้เห็นว่าโทโมะก็ต้องการอ้อมกอดของชุนนะ
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: wolfram ที่ 07-04-2012 13:38:14
อยากให้บรรยากาศแบบนี้ ผ่านไปไวๆจัง!!  :กอด1:

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 07-04-2012 13:42:42
All I want is your love, otherwise you had better kill me...
c'mon baby, I'm waiting for your knife...

แบบว่า อ่านตอนนี้แล้วเกิดกระแดะอยากเพ้อเป็นภาษาปะกิต ไวยากรณ์เพี้ยนๆอย่าว่ากันเนาะ อิอิ
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 07-04-2012 15:20:48
แล้วก็ไประบายออกกับึนอื่นทั้งคู่เลยเนี่ยนะ
โอ๊ย กรรม
เมื่อไหร่จะเข้าใจกันสักทีนะ
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: vocaloid ที่ 07-04-2012 15:31:23
รู้สึกสมน้ำหน้าวายะ ทำกับโทโมะไว้เยอะ
ย้อนกับมาโดนตัวเองเลย  o13
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 07-04-2012 15:59:49
โอ้ เป็นเรื่องที่อ่านแล้วทำให้ได้หลายอารมณ์ทุกตอนเลยค่ะ  :L2:
จะคอยติดตามผลงานเรื่องอื่นๆด้วยนะคะ สไตล์นี้ลุ้นระทึกมากๆ  o18

 :pig4: นะคะ
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 07-04-2012 17:09:31
อยากจะโขกหัวตัวเองสักสิบที อ๊ากกกกกกกกกกกก
ทำไมฮิโรอากิต้องมา...ทำไมไม่ให้วายะช่วยห๊ะ!!
เดี๋ยวตบหัวหลุดเลยโทโมกิ =w=
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 07-04-2012 21:23:30
อยากจะโขกหัวตัวเองสักสิบที อ๊ากกกกกกกกกกกก
ทำไมฮิโรอากิต้องมา...ทำไมไม่ให้วายะช่วยห๊ะ!!
เดี๋ยวตบหัวหลุดเลยโทโมกิ =w=

โทโมะ..."คะ...เค้าไม่ผิดนะ แง้ว! ชุนผิด!!"
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 08-04-2012 13:22:21
ใกล้จะถึงตอนที่โดนลักพาตัวแล้วววววว(ดีจายย)
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 08-04-2012 13:24:29
 :L2:
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 13-04-2012 21:41:21
All I want # 19

วายะขับรถเบนซ์สีดำเรื่อยไปตามถนนที่คุ้นเคยที่มุ่งหน้าไปสู่โรงฝึกยูโดเก่าแก่  วันนี้เขาช้ากว่าปกติไปไม่น้อยทีเดียวเพราะหลังจากที่ไปส่งโทโมกิแล้วเขายังต้องเลยไปทำธุระที่นายแม่ไหว้วานมาอีกด้วย  ถนนวันธรรมดาช่วงเวลานี้ยังมีรถน้อย  แต่เพราะเป็นช่วงปิดเทอมหน้าร้อน  พวกเด็กวัยรุ่นจึงดูหนาตาเป็นพิเศษ

พลันชายหนุ่มก็เหลือบไปเห็นร่างเล็ก ๆ ที่คุ้นตาเดินอยู่ข้างทาง  เขารีบหยุดแล้วกลับรถทันที...กลางถนนนั่นแหละ...โชคดีที่ไม่มีรถบนถนนตอนนั้น  และก็โชคดีที่ไม่มีตำรวจด้วย  วายะขับรถเลียบริมทางเท้าแล้วเปิดกระจกรถ

“โทโมะ!  ทำไมมาอยู่แถวนี้!?”

คนถูกเรียกสะดุ้งนิด ๆ แล้วหันมามอง  ก่อนจะเมินหน้าหนีไป

วายะจิ๊ปากอย่างขัดใจแล้วหาที่จอดรถข้างทาง  ก่อนจะลงไปด้วยท่าทางหัวเสีย  เขาตรงไปหาคนตัวเล็กกว่าแล้วยืนขวางหน้าไว้

“โทโมะ  ทำไมไม่รออยู่ที่โรงฝึก?”

“มาช้าเอง  อย่ามาพูดมากนะ”  เสียงที่สวนมาก็ดูหงุดหงิดไม่แพ้กัน

“ฉันบอกแล้วนี่ว่าต้องไปทำธุระให้นายแม่  บอกให้รอไง”

“ใครจะไปบ้ารออยู่ได้  เดินกลับก็ถึงบ้านเท่ากันนั่นแหละ”

วายะยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วที่ปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมากับเสียงแหวที่เถียงไม่มีหยุดนั่น  เขาเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋ากีฬาที่สะพายอยู่บนไหล่ของเด็กหนุ่ม  ยังผลให้อีกฝ่ายถึงกับสะดุ้ง  แต่เขาก็ไม่สนใจ  ยื้อกระเป๋านั้นมาถือไว้จนได้

“ขึ้นรถ”  พร้อมกับคำสั่งนั้นชายหนุ่มก็ก้าวยาว ๆ ไปเปิดประตูรถแล้วโยนกระเป๋าของโทโมกิเข้าไป

“ฉันจะเดินกลับ”

“จะบ้าเรอะ?”  วายะพูดอย่างไม่ใส่ใจกับอารมณ์พาล ๆ นั้น

“ไม่บ้า  ฉันจะเดินกลับ”  ไม่พูดเปล่า  โทโมกิยังรีบเดินไปให้พ้นจากสายตาของคนรอบข้างที่เริ่มหันมามองพวกเขาอีกด้วย

วายะนับหนึ่งถึงสิบในใจอีกครั้งก่อนจะถอนใจยาวแล้วรีบตามไปคว้าแขนโทโมกิไว้  เด็กหนุ่มสะบัดออกเต็มแรงด้วยความตกใจ  แต่ก็ไม่มีผลอะไรกับร่างสูงเลย

“ไปขึ้นรถ  อย่ามาท่ามาก”  พูดพลางก็ลากดึงโทโมกิกลับไปที่รถ

“ฉันบอกว่าจะเดินกลับไงเล่า”  กลัวทั้งกลัวแต่ก็ยังไม่วายทำฤทธิ์

บอดี้การ์ดหนุ่มไม่ฟังเสียง  เขาเปิดประตูหลังแล้วผลักเด็กหนุ่มเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง  พอโทโมกิขยับตัวเหมือนจะพุ่งลงมาจากรถก็ชี้หน้า

“อย่าดื้อกับฉัน  ฉันเคยสอนแกแล้วใช่มั้ย  โทโมะ”

น้ำเสียงแข็งกร้าวทำให้โทโมกิรู้ว่าวายะเอาจริง  เขาส่งสายตาจ้องหน้าร่างสูงเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ  ก่อนจะกระแทกตัวลงกับเบาะอย่างขัดเคือง

วายะปิดประตูรถแล้วเดินอ้อมไปนั่งประจำที่คนขับ  เหยียบคันเร่งกระชากรถออกอย่างแรง  โทโมกิถึงกับผงะหงาย

“จะบ้าเหรอ!  จะรีบไปตายหรือไง!”  เสียงตวาดแว้ดดังมาจากเบาะหลังทันที

“หุบปากซะ  ไม่งั้นฉันจะพาแกไปตายจริง ๆ”  เสียงที่ตอบกลับมาเรียบเย็น  วายะกำลังข่มความโกรธไว้จนถึงขีดสุดแล้ว

และโทโมกิก็รู้  เขาทิ้งตัวพิงเบาะ  หยิบหูฟังวอล์คแมนมาเสียบหูแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง  ไม่อยากจะรับรู้ถึงตัวตนของคนขี้โมโหที่กำลังเหยียบคันเร่งเหมือนอยู่บนซุปเปอร์ไฮเวย์  เด็กหนุ่มรู้ตัวว่าเขาเองที่เป็นคนทำให้วายะโกรธถึงขนาดนี้...แต่เพราะเป็นวายะนั่นแหละ  เขาถึงได้ทำ

รถเลี้ยวเข้าจอดหน้าเรือนใหญ่พร้อมกับเสียงเบรกดังสนั่นอย่างไม่เกรงใจใคร  เล่นเอาบรรดาชายฉกรรจ์ที่อยู่แถวนั้นกระโจนหนีกันกระเจิดกระเจิง  แต่ทุกคนก็ยังมาตั้งแถวต้อนรับคุณหนูคนเล็กได้ตามปกติ

โทโมกิลงรถมาทักทายทุกคนนิดหน่อยแล้วรีบเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว  ทิ้งกระเป๋ากีฬาไว้ให้วายะจัดการตามปกติ

ฝ่ายบอดี้การ์ดก็ลงรถมาปิดประตูโครม  เดินอ้อมไปหยิบกระเป๋าแล้วก็ปิดประตูอีกโครม  ก่อนจะโยนกุญแจรถให้คนที่อยู่ใกล้ที่สุดด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ

“นี่แกจะฆ่าพวกฉันใช่มั้ย  วายะ?  เลี้ยวรถเข้ามาได้  ไม่ทับซะให้ตายไปเลยล่ะ?”

“เงียบปากไป”

เสียงสั้น ๆ ห้วน ๆ พร้อมกับหน้าตาที่เหมือนพร้อมจะฆ่าคนได้สักสองสามคนทำให้ไม่มีใครพูดอะไรอีก  กระทั่งวายะเดินหายเข้าบ้านไปแล้ว  จึงได้มีเสียงกระซิบกระซาบขึ้นเบา ๆ

“มันไปกินรังแตนมาจากไหนวะ”

“สงสัยคุณหนูโทโมกิขว้างใส่”

“เออว่ะ  หน้าบูดพอกันเลย”

“ไอ้นี่ก็กระไร  มีเรื่องกับคุณหนูได้”

“นั่นสิ  ช่างกล้า”

เสียงนินทาจางหายไปพร้อมกับกลุ่มคนที่สลายตัวกลับไปทำงานของตัวเองต่อ  แต่ความโกรธที่กรุ่นอยู่ในใจวายะไม่ได้หายไปด้วย  เขาเดินกระแทกส้นปึง ๆ ไปตามระเบียงอย่างไม่เกรงใจใครแม้จะรู้ว่าอีกเดี๋ยวคุณแม่บ้านจะต้องออกมาด่าแน่ก็ตาม  ชายหนุ่มเปิดประตูห้องโทโมกิแล้วโยนกระเป๋าเข้าไปอย่างไม่ใยดี  ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเรือนเล็กที่ตั้งอยู่ด้านหลัง  ไม่ใส่ใจกับเสียงคุณแม่บ้านที่ตะโกนไล่หลังมา  ตอนนี้เขาต้องการที่เงียบ ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์

ประตูห้องส่วนตัวเล็ก ๆ ถึงกระแทกปิดปัง  วายะถอดสูทขว้างลงพื้นอย่างหัวเสียแล้วเดินวนไปวนมาในห้องเหมือนหนูติดจั่นอยู่เป็นครู่จึงได้จุดบุหรี่สูบ  หลังจากอัดควันลึกเข้าปอดแล้วก็ค่อยสงบใจลงได้หน่อย

เดี๋ยวนี้โทโมกิดื้อกับเขา  แถมยังปากร้ายอีกด้วย  ไม่รู้ฮิโรอากิเสี้ยมสอนอะไรมา  มันก็ดีกว่าเอาแต่กลัวลนลานอยู่หรอก  แต่โดนแหวเข้าหลายทีมันก็ชักอยากหวดให้สักป้าบ  แต่เพราะโทโมกิเป็นลูกบ้านนี้แล้วจึงทำไม่ได้...เขาเคยอยากเลี้ยงแมวดื้อ ๆ  แต่ทั้งดื้อและโวยวายแบบนี้มันก็ไม่ไหว

วายะทอดสายตาผ่านประตูกระจกออกไปยังท้องฟ้าฤดูร้อนข้างนอก  เรือนเล็กแห่งนี้เป็นที่พักของบรรดาลูกจ้างที่ทำงานให้ตระกูลโอโนเสะ  ลักษณะเหมือนหอพักที่มีห้องน้ำรวม  มีห้องพักเล็ก ๆ แยกให้พนักงานระดับสูงแต่ละคนเพื่อความเป็นส่วนตัวซึ่งจะตกแต่งเองอย่างไรก็ได้  ส่วนพวกลูกจ้างระดับล่าง ๆ จะมีเรือนนอนรวมแยกไปอีกต่างหาก  วายะเองถือว่าเป็นสมาชิกใหม่ที่ได้อภิสิทธิ์พอสมควร  โอโนเสะสั่งให้เขารับงานนี้แบบกึ่งบังคับ  ซึ่งที่จริงแล้ววายะจะเลือกเป็นโฮสต์ต่อก็ได้  แต่ในเมื่อให้ความร่วมมือที่จะเยียวยาโทโมกิแล้ว  จึงได้รับห้องส่วนตัวเป็นการพิเศษ

อดีตโฮสต์หนุ่มสูดควันสีเทาเข้าปอดช้า ๆ  การหายใจลึก ๆ ช่วยให้สมองปลอดโปร่งขึ้นแม้สิ่งที่สูดเข้าไปจะมีพิษบ้างก็เถอะ  เขาเปิดประตูกระจกแล้วนั่งคาประตูอยู่ตรงนั้นพักใหญ่จึงได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เชิญ”  วายะตอบไปห้วน ๆ  เขาไม่สนใจหรอกว่าใครจะมาหาเขาถึงห้อง

คนที่เปิดประตูเข้ามาคือเคน

“คุณแม่บ้านเรียกหาแน่ะ”

“จะเรียกไปด่าสิท่า”

“ไปทำอะไรไว้ให้เขาอยากด่าล่ะ?”

“เดินลงส้นที่เรือนใหญ่  โยนกระเป๋าโทโมะ  ปิดประตูเสียงดัง”  วายะไล่โทษตัวเอง

“อืม  ความผิดเดิม ๆ ทั้งนั้นนี่”

“เด็กมันกวนโมโห”  หางเสียงสะบัดด้วยความไม่พอใจ

“อีกแล้วเรอะ?  แปลกดีนะ  พอเลิกกลัวแล้วก็กวนประสาทเนี่ย”  เคนเดินเข้ามายืนเท้ากรอบประตูอยู่ใกล้ ๆ  “แต่ก็ดีกว่ากลัวจนหัวหดไม่ใช่หรือไง?”

“ก็ดีหรอก...แต่มันอยากจะทุบให้สักอึ้ก”  พูดพลางก็หักข้อนิ้วอย่างมันเขี้ยว

“อย่าไปทุบเข้าจริง ๆ ล่ะ”

“ก็เพราะทุบไม่ได้ถึงได้คันไม้คันมืออยู่นี่ไง”  ว่าแล้วชายหนุ่มก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงกับที่เขี่ยบุหรี่ใกล้ ๆ มือ  “เอาละ  เดี๋ยวผมไปก่อน  ขืนช้าเดี๋ยวแกด่าเพิ่มอีกเรื่อง  เคนซังจะเฝ้าห้องให้ก็ตามสะดวกแล้วกัน”

“เออ  ไปดีมาดีนะ”


โทโมกิแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ  แม้จะเป็นหน้าร้อนแต่การอาบน้ำอุ่นจะช่วยกำจัดเหงื่อไคลที่หมักหมมมาตลอดทั้งวันได้ดี  แถมเขาก็เล่นยูโดมาด้วย  ดังนั้นการอาบน้ำอุ่นแล้วไปซ้ำด้วยน้ำเย็นมันทำให้ร่างกายสดชื่นดีจริง ๆ  เพียงแต่บางอย่างยังขุ่นมัวอยู่ในหัวใจ

เขาเกลียดวายะ  ฮิโรอากิเป็นคนบอกให้เขาเกลียด

“ถ้านายยังเอาแต่กลัววายะซังอยู่อย่างนี้  นายไม่มีทางเอาชนะหรือฆ่าเขาได้หรอกนะ”  ฮิโรอากิพูดขึ้นในวันหนึ่งที่โทโมกินั่งตัวสั่นและหายใจไม่ออกมาตลอดทางบนรถที่วายะขับไปรับมาจากโรงพยาบาลหลังจากไปพบจิตแพทย์  ทั้งที่มีฮิโรอากินั่งมาด้วย

“แล้วคุณพี่จะให้ผมทำยังไง...ผม...ผม...ผมไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว  แค่เขาอยู่ใกล้ ๆ ผมก็...”  โทโมกินั่งกอดตัวเองอยู่ที่ใต้หน้าต่าง  ทั้งร่างยังสะท้านน้อย ๆ ด้วยซ้ำ

ฮิโรอากินิ่งคิด  จากสภาพของโทโมกิในตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้จริงๆนั่นแหละ  แต่จะปล่อยไปแบบนี้ก็ไม่ได้  เขาควรจะทำอะไรสักอย่าง  มันควรจะมีคำแนะนำบางอย่างที่จะช่วยโทโมกิได้

ถ้าเป็นพ่อของเขา...จะทำยังไงนะ

พ่อที่มักจะหักดิบกับทุกคนเสมอ  พ่อที่มักจะมีคำแนะนำที่ไม่น่าเป็นไปได้เสมอ...

“เกลียดวายะซังซะสิ  โทโมกิ”

“เอ๊ะ?”  เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นทันที

“เกลียดซะ  เปลี่ยนความกลัวของนายให้เป็นความเกลียดซะ  เกลียดให้เข้ากระดูกดำ  เกลียดชนิดอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ไปเลย”  ฮิโรอากิย้ำ

“เกลียดเหรอ...”

“ใช่  ที่นายไม่อยากให้เขาแตะต้องเพราะนายขยะแขยงสัมผัสของเขา  ที่นายอยู่ใกล้เขาแล้วหายใจไม่ออกก็เพราะนายไม่อยากหายใจร่วมกับเขา  เขาเป็นคนที่ยัดเยียดชะตากรรมที่โหดร้ายให้นายถึงขนาดนี้  นายไม่ควรจะกลัวเขา  แต่ควรจะเกลียดต่างหาก!”

โทโมกิเก็บคำของฮิโรอากิมาท่องไว้ในใจ  เขาไม่แน่ใจว่ามันจะดีจริงหรือเปล่า  แต่เขาก็ทำ...ผ่านไปหลายเดือน  การบอกตัวเองให้เกลียดวายะเริ่มเห็นผล  เขาไม่ได้หวาดกลัวถึงขนาดเป็นลมหรือหายใจไม่ออกอีกต่อไป  แต่ทุกครั้งที่วายะอยู่ใกล้ ๆ เขาอาละวาดและทำทุกอย่างที่วายะเกลียด  ยิ่งเอาแต่ใจแล้วได้เห็นวายะมีสีหน้าลำบากใจหรือไม่ชอบใจเขาก็ยิ่งสะใจและยิ่งแผลงฤทธิ์มากขึ้น  ความรู้สึกบางอย่างค่อย ๆ เติมเต็มขึ้นในหัวใจของเขา...ความรู้สึกที่ห่างหายไปนาน...เขาเคยเป็นคนแบบนี้  เคยเป็นวายร้ายที่เอาแต่ใจแบบนี้!

ยิ่งรู้สึกว่าวายะเป็นคนกดขี่และกักขังตัวตนของตัวเองไว้  โทโมกิก็ยิ่งทำตัวหนักข้อขึ้นทุกที  ทั้งโวยวายและดื้อดึง  ยิ่งพอทำอย่างนั้นแล้วเห็นวายะโกรธเคืองแต่ไม่อาจทำอะไรตนได้  โทโมกิก็ยิ่งรู้สึกว่าตนมีอำนาจและมีชัยชนะเหนือชายหนุ่ม

แต่...บางสิ่งลึก ๆ ในหัวใจบอกตัวเองว่าไม่ใช่...

แม้วายะจะเคยเกรี้ยวกราดกับเขา  ทำร้ายและทุบตีเขา...แต่วายะก็เคยกอดเขา  มือที่เอาแต่ใช้กำลังนั้นเคยโอบกอดและลูบไล้เรือนผมของเขาอย่างอ่อนโยน  ความอบอุ่นของอ้อมกอดที่วายะเคยมอบให้นั้น...ยังคงฝังลึกอยู่ในหัวใจของเขา  ไม่เคยลืมเลือน
แล้ว...แบบนี้มันดีแล้วเหรอ...ถ้าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเปลี่ยนไปแบบนี้...

...แต่ผู้ชายคนนั้นเคยพยายามฆ่าเขา...เสียงหนึ่งในหัวใจบอกกับตัวเอง

ใช่...ทั้งที่เขาเชื่อใจและเชื่อมั่นในความอบอุ่นนั้น  แต่วายะกลับทำลายทุกอย่างเพียงเพราะเขาไม่สามารถเป็นอย่างที่วายะต้องการได้

“...แบบนี้ดีแล้ว...ดีแล้วละ”

โทโมกิบอกกับตัวเอง  อย่าไปโหยหาความอบอุ่นจอมปลอมนั่นเลย  วายะไม่ได้กอดเขาจริง ๆ หรอก  วายะเพียงแค่ใช้เขาเพื่อแทนใครบางคนเท่านั้น  วายะไม่ได้รักเขาเลย...แล้วเขาล่ะ...คิดยังไงกับวายะ...

“ไม่เอาแล้ว!!”

โทโมกิกดตัวเองลงน้ำจนจมมิดหัว  เขาไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว  ทุกครั้งที่อยู่ตามลำพังจะต้องคิดถึงเรื่องของวายะทุกครั้ง  และจะวนเวียนอยู่เช่นนี้เสมอ...ถ้าเกลียดมากกว่านี้จะลืมได้ไหมนะ  ถ้าชิงชังจนหมดหัวใจจะไม่คิดถึงผู้ชายคนนั้นได้ไหมนะ...ถ้าเกลียดมากกว่านี้...

มือเล็กยกขึ้นกอดตัวเองแน่น  และเผลอลูบไล้รอยแผลที่สะบักซ้าย

...บางอย่างในหัวใจบอกกับตัวเองว่าไม่อยากลืม...

...

“เกลียด!  เกลียด!  เกลียด!  เกลียดที่สุด!!  ทำไมคุณพ่อโอโนเสะจะต้องเอามันมาอยู่กับเราด้วยนะ!?  แค่เห็นหน้าก็จะอ้วก!  เกลียดมันที่สุด!!”

“เมื่อคืนนอนไม่หลับ  แล้วก็ฝันถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นด้วย  ยังจำกลิ่นบุหรี่อ่อน ๆ นั่นได้เลย  เตียงนุ่ม ๆ นั่น  ห้องมืด ๆ นั่น...ทำไมจนป่านนี้แล้วถึงได้ยังฝันถึงอีกนะ  เพราะเห็นหน้ากันทุกวันใช่มั้ย  เพราะอยู่ข้าง ๆ กันใช่มั้ย...เกลียดหมอนั่นที่สุดเลย”

“เกลียดมันชะมัด!  มันคิดว่ามันเป็นใคร  ถึงได้กล้าพูดแบบนั้นกับเรา!  แต่มันก็เป็นแบบนั้นมาตั้งแต่ต้นแล้วนี่  อวดดีก็เท่านั้น  ปากดีก็เท่านั้น  ทั้งที่มีดีแค่ไอ้นั่นแค่นั้นเอง!!  ทุเรศที่สุด!”

“ทำไมจะต้องมาลูบผมเราแบบนั้นด้วย  ทั้งที่เกือบจะลืมได้แล้วแท้ ๆ...มือใหญ่ ๆ นั่นน่ะ...ถ้าลืมได้จะดีสักแค่ไหน  ถ้าไม่ต้องจำความอบอุ่นนั้นได้จะดีแค่ไหน...จะได้ไม่ต้องโหยหา  จะได้ไม่ต้องอยากได้มันคืนมาอีกครั้ง  เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ที่สุดเลย  แล้วก็เกลียดหมอนั่นด้วย”


โอโนเสะปิดสมุดบันทึกเล่มเล็กแล้วส่งคืนให้หมอคาไซที่นั่งรออยู่

“สับสนสิ้นดีเลยนะ”  เขาพูดยิ้ม ๆ แต่สีหน้าออกจะมีแวววิตกเล็กน้อย

“ครับ  แต่ถึงทุกหน้าจะมีแต่คำว่าเกลียด  ก็พอจะเข้าใจได้ใช่มั้ยครับว่าบางทีเจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ”  คาไซเก็บสมุดเล่มนั้นเข้าในลิ้นชัก

เขาให้โทโมกิเขียนบันทึกทุกวันแล้วให้เอามาส่งทุกครั้งที่มาเข้ารับการบำบัดจิตซึ่งตกเดือนละครั้ง  วิธีการนี้เรียกว่าการบำบัดด้วยการเขียน  คนไข้จะค่อย ๆ ทำความเข้าใจและพิจารณา  รวมไปถึงปรับความรู้สึกและสภาพจิตใจของตนเองไปทีละน้อยได้  ซึ่งจะช่วยให้การรักษาเป็นไปได้ง่ายขึ้น

“จะบอกว่ารักแต่ไม่อยากจะยอมรับ  อะไรแบบนั้นสินะครับ”

“โทโมกิคุงคงจะ...รู้สึก...ว่าตัวเองรักผู้ชายคนนั้นน่ะครับ  แต่ที่ไม่ยอมรับก็เพราะเขาเป็นผู้ชายที่เคยกักขังและทารุณกรรมตัวเองมาก่อน  เคยเกือบจะฆ่าด้วยซ้ำ  ถ้าจะยอมรับไปตรง ๆ ว่ามีความรู้สึกพิเศษให้  จิตใจบางส่วนก็ยอมรับไม่ได้”

“ที่จริงโทโมกิไม่น่าจะเกิดความรักกับวายะได้นะ  โดนทำถึงขนาดนั้น”  นี่เป็นอีกเรื่องที่โอโนเสะไม่ค่อยเข้าใจ

“ความรักของโทโมกิคุงเป็นผลจากกลไกป้องกันตัวเองทางจิตครับ  เมื่อโดนทารุณมาก ๆ จนเกินที่จิตใจจะรับได้  จิตใจก็จะปรับสภาพตัวเองให้เกิดความรู้สึกแบบอื่น  เช่น  ยอมโอนเอียงไปตามการกระทำของอีกฝ่ายเพื่อที่จะได้ไม่ต้องถูกทารุณอีกต่อไป  หรือบอกตัวเองว่าตนรักอีกฝ่ายถึงได้ยอมรับความทรมานนั้นได้  อะไรทำนองนี้น่ะครับ”  หมอคาไซอธิบายคร่าว ๆ  “แต่กรณีของโทโมกิคุงมีเงื่อนไขบางอย่างที่ซับซ้อนกว่านั้น  นั่นคือ  ผู้ชายคนนั้นเป็นคนแรกในชีวิตที่โอบกอดและให้ความอบอุ่นแก่เขา  ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้รับแม้แต่จากผู้ให้กำเนิด  ทำให้ความรู้สึกรักนั้นผูกปมซ้อนกันสองชั้น  ทั้งรักฉันชู้สาวและรักเหมือนคนในครอบครัว  ซึ่งทำให้สับสนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าน่ะครับ”

“ดูท่าผมจะคิดผิดที่ให้วายะไปเป็นบอดี้การ์ดของโทโมกินะ”

“ก็...คงใช่มั้งครับ”  หมอคาไซยิ้ม  “แต่ผมคิดว่าบางส่วนก็เป็นผลดี  อย่างน้อยก็ทำให้โทโมกิคุงเข้าใจความรู้สึกของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น  ถ้าจะเป็นไปในแง่ดีที่สุด  ก็คือเขาจะยอมรับความรู้สึกของตัวเองได้  และปรับสภาพเข้ากับผู้ชายคนนั้นได้...แต่ที่ผมหนักใจอยู่ตอนนี้คือคำว่าเกลียดที่เขียนไว้เต็มไปหมดนี่สิครับ”

“อ้อ  ผมลืมบอกหมอไป  โทโมกิน่ะเลิกกลัววายะแล้วละครับ”

“โอ๊ะ  แบบนั้นก็เป็นเรื่องดีสิครับ”  รอยยิ้มเบิกบานของหมอคาไซหุบลงทันทีที่ได้ยินประโยคถัดมา

“เลิกกลัวแต่เกลียดแทนน่ะครับ”

“ให้มันได้แบบนี้สิ”

“มีเด็กเวรบางคนไปสอนให้น่ะครับ  บอกว่าเกลียดเสียยังดีกว่ากลัว  เหมือนพวกกลัวแมงมุม  พอเปลี่ยนเป็นเกลียดแล้วเวลาเจอแมงมุมก็จะได้ฆ่าให้ตายได้น่ะครับ”

“เด็กเวร?”

“ลูกชายผมเอง”

คาไซกุมขมับ  บ้าระห่ำพอกันทั้งพ่อทั้งลูก  แต่บางทีแบบนี้อาจจะเป็นผลดีจริง ๆ ก็ได้  เพราะอย่างน้อยโทโมกิก็ไม่มีอาการเป็นลมหมดสติเพราะความกลัวที่มีต่อวายะอีกต่อไป

...

ผ่านไปหลายเดือน  บรรยากาศบนรถผ่านไปอย่างอึมครึมทุกวัน  ไม่ใช่แค่บนรถหรอก  ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันจะต้องเหมือนมีเมฆทะมึนดำแผ่ปกคลุมไปหมดทุกที่สิน่า...วายะลอบถอนใจ  แบบนี้มันจะดีแล้วแน่หรือ  เขารู้มาว่าฮิโรอากิเป็นคนยุให้โทโมกิเกลียดเขา  เจ้าตัวสารภาพเองกับปาก  บอกว่าสงสารที่เห็นโทโมกิต้องหวาดกลัวจนหายใจไม่ออกและบางครั้งถึงขึ้นหมดสติ...ไอ้สงสารโทโมกิมันก็ดีหรอก  แต่แบบนี้แล้วจะไม่สงสารเขาบ้างเชียวหรือ...

“วายะ  จอดตรงนี้!”  เสียงใส ๆ บอกมาห้วน ๆ พร้อมกับชี้มือไปที่ข้างทาง

“ฉันสอนให้เรียกฉันว่ายังไง?”  คนทำหน้าที่ขับรถตอกกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

โทโมกิทำหน้าขัดใจ  “ชุน!  จอดตรงนี้!”

“จะจอดทำไม?”  วายะลอบยิ้ม  อย่างน้อยเจ้าเด็กดื้อขี้โวยวายนี่ก็ยังจำได้ละนะว่าเขาสอนอะไรไว้บ้าง

“ฉันจะซื้อของที่นั่น”  โทโมกิชี้ไปที่ร้านเครปที่มีบรรดานักเรียนต่อแถวเรียงกันอยู่

“เครปเนี่ยนะ...”  ชายหนุ่มบ่นแต่ก็ยอมจอดรถให้โดยดี

“ไปซื้อสิ”

“หา?”  วายะมองคนออกคำสั่งผ่านกระจกหลังอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“ฉันบอกให้ไปซื้อให้หน่อย”

“ไปซื้อเองสิโว้ย”  คราวนี้ชักจะฉุนขึ้นมาแล้ว  ก็ดูลูกค้าที่ออกันอยู่หน้าร้านแล้วเทียบกับตัวเขาดูสิ  มันไม่ได้มีตรงไหนที่จะไปด้วยกันได้เลยนะ  ถ้าลงไปซื้อแล้วจะโดนมองด้วยสายตายังไงเนี่ย

“บอกให้ซื้อก็ซื้อเซ่  ชุน!”  โทโมกิยังคงดึงดันแผลงฤทธิ์ต่อไป

แต่คงเพราะชื่อที่หลุดออกมาจากปากของเด็กหนุ่มละมั้ง  ที่ทำให้วายะยอมลงรถไปซื้อเครปมาให้แต่โดยดี  แน่นอนว่าเขาถูกกลุ่มเด็กนักเรียนที่อยู่ตรงนั้นมองมาเหมือนเห็นสัตว์ประหลาด  แต่ด้วยหน้าตาท่าทางที่บอกชัดว่าไม่ใช่คนที่ทำงานสุจริตแน่  ทำให้เขา  “เบ่ง”  แบบที่นาน ๆ จะทำสักที  ลัดคิวซื้อเครปมาหน้าตาเฉย

โทโมกิเปิดกระจกรถมารับเครปไปแล้วก็เบ้หน้า

“นี่มันไม่ใช่ที่ฉันชอบนี่”

“ก็แล้วทำไมไม่บอกว่าจะกินไส้อะไร”

“อย่ามาพูดมากนะ!”  ตวาดแว้ดแล้วก็เอาเครปไส้คัสตาร์ดครีมสดในมือขว้างใส่วายะ

เกิดความเงียบที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นในพริบตานั้น  ถ้าเป็นเมื่อก่อนโทโมกิจะต้องรู้ได้ทันทีว่าเขาหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวแล้ว  แต่เพราะเป็นตอนนี้...ตอนที่เด็กหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจเหนือผู้ชายคนนี้  เขาจึงได้ปิดกระจกรถพร้อมกับบอกด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว

“ไม่กินแล้ว!  กลับบ้าน!!”

วายะยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น  เขาถูกหยามท่ามกลางสายตาของไอ้พวกเด็กเวรที่ยืนมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น  มือแกร่งกำเกร็งแน่นก่อนจะค่อย ๆ คลายลงแล้วหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดคราบครีมสดที่ติดอยู่บนสูท  และกลับขึ้นรถด้วยสีหน้าเฉยชา

รถเคลื่อนตัวออกอย่างปกติ  และกลับไปถึงหน้าเรือนใหญ่ของบ้านโอโนเสะอย่างเรียบร้อย  ไม่มีการกระชากลากถูเหมือนอย่างเคย

โทโมกิลงจากรถและทักทายคนที่มาต้อนรับตามปกติก่อนจะเข้าบ้านไป  ส่วนวายะก็ลงจากรถมาหยิบกระเป๋าของโทโมกิแล้วส่งกุญแจให้คนนำรถไปเก็บตามปกติเช่นกัน

แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือสีหน้าและแววตาของชายหนุ่ม  ทั้งที่สีหน้าเย็นชาราวกับฉาบไว้ด้วยหน้ากากน้ำแข็ง  แต่แววตากลับลุกโชนราวกับมีเปลวเพลิงเต้นระริกอยู่ในนั้น

ยังไม่ทันที่ใครจะได้ถามว่าเสื้อสูทของเขาไปเปื้อนอะไรมา  วายะก็เดินเข้าเรือนใหญ่ไป

โทโมกิที่นั่งอยู่บนกรอบหน้าต่างได้ยินเสียงประตูห้องเลื่อนเปิด  เขารู้ว่าเป็นวายะที่เอากระเป๋ากีฬามาให้  แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ...เพียงแต่วันนี้ไม่มีเสียงโยนกระเป๋าโครมครามเหมือนเคย  และประตูนั้นก็ปิดลงอย่างเงียบเชียบ  ด้วยความเอะใจ  เด็กหนุ่มจึงหันไปมอง  แล้วก็ถูกกระชากตัวลงมาจากกรอบหน้าต่างอย่างแรง

“โอ๊ย!!”  โทโมกิร้องด้วยไม่ทันตั้งตัวจึงร่วงลงพื้นมาทั้งอย่างนั้น  มือแกร่งบีบต้นแขนของเขาไว้แน่นจนต้องนิ่วหน้า  “เจ็บนะ!  ทำบ้าอะไร...”

ถามยังไม่ทันจบประโยค  ฝ่ามือใหญ่ก็ตบฉาดเข้าให้ที่แก้มขวาจนหน้าหัน

โทโมกิงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปชั่วขณะจิต  แต่ก่อนที่จะนึกอะไรได้  หลังมือก็สะบัดกลับมาตบที่แก้มซ้ายอีกครั้งด้วยกำลังแรงขนาดว่าถ้าไม่ถูกยึดต้นแขนไว้แล้วจะต้องถลาไปตามแรงนั้นแน่

“อึ๊...”  ตอนนี้เด็กหนุ่มรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง  เขาพยายามตั้งสติแล้วดึงตัวออกห่าง  แต่มือที่กำรวบแขนของเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย  แล้วดึงให้เขาลุกขึ้นยืน
หัวข้อ: Re: All I want 18 (หน้า17) 6/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 13-04-2012 21:52:44
“คราวนี้มันมากไปแล้วนะ  โทโมะ”

น้ำเสียงนิ่งเย็นที่มักจะเคยได้ยินเสมอตอนที่วายะโกรธจัดกลับมาให้ได้ยินอีกครั้ง  โทโมกิเบิกตากว้าง  แล้วก็ถูกจิกผมดึงให้เงยหน้าขึ้น

“ฉันไม่เคย...สอนแก...ให้เป็นคนแบบนี้...ไม่เคยสอน...ให้ทำแบบนี้กับใคร”  วายะพูดพร้อมกับประเคนฝ่ามือเข้าที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มตามจังหวะการพูด

โทโมกิรู้สึกเหมือนตกอยู่ในฝันร้ายอย่างกะทันหัน  วายะทำร้ายเขา...ในเรือนใหญ่ของบ้านโอโนเสะนี่นะ!?

“แกกล้าดียังไง  ถึงได้เหยียดหยามคนอื่นแบบนี้ได้!  แกมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้กับฉัน!  ฉันไม่เคยสอนแกให้ดูถูกใครแบบนี้!  แล้วแกกล้าดียังไง!!”

รสสัมผัสของความรุนแรงที่ไม่เคยได้รับมานาน  ทำให้โทโมกิจดจำได้ถึงความหวาดกลัวที่มีต่อผู้ชายคนนี้  และครั้งนี้มันรุนแรงกว่าทุกครั้งที่เคยเกิดขึ้น  วายะทุบตีเขาไม่นับและไม่เลือกว่าจะหวดลงไปโดนตรงไหนบ้าง  เจ็บไปหมดทั้งตัว  คราวนี้วายะไม่ออมมือเลย...แล้วอีกเดี๋ยวคงจะฆ่าเขาให้ตาย

ตาย...?  ไม่เอา...เขายังไม่อยากตาย...

“ชะ...ช่วยด้วย  ช่วยด้วย!!”  โทโมกิตะโกนออกมาสุดเสียง  แล้วก็ถูกวายะตบสุดแรงจนถลาล้มไปกระแทกเสาห้อง

วายะเดินเข้าไปกระชากคอเชิ้ตของเด็กหนุ่มดึงขึ้น  เสียงร้องของโทโมกิเรียกให้คนทั้งบ้านมุ่งหน้ามาที่นี่

“ฉันไม่เคยสอนแกให้ทำแบบนี้  ไม่เคย!  อย่าทำแบบนี้กับใครอีก!  ไม่ใช่ว่าแกมีท่านประธานคุ้มหัวอยู่แล้วแกจะดูถูกใครได้หรอกนะ  จำไว้ด้วย!  เข้าใจมั้ย  โทโมะ!”

เสียงตะคอกของวายะแว่วผ่านเข้ามาในจิตใต้สำนึก  ภาพของชายที่อยู่ตรงหน้าพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตาแห่งความกลัว...ใช่...ไม่ว่าจะเกลียดหรือกลัวสักแค่ไหน  เขาก็ไม่เคยมีอำนาจเหนือวายะเลย  ที่แล้วมาที่เขากล้าทำลงไปแบบนั้นก็เพราะวายะยอมลงให้เขามาตลอด...เขาไม่เคยมีอะไรเลย

เด็กหนุ่มพยักหน้าน้อย ๆ

“ขะ...ขอโทษ...ขอโทษ...ชุน...”

เสียงนั้นกระซิบเหมือนเพ้อ  และนั่นทำให้วายะรู้สึกตัว  เสียงฝีเท้าข้างนอกนั้นไม่ได้ทำให้เขาตกใจมากไปกว่าสภาพของโทโมกิที่ค่อย ๆ รูดลงไปนอนกับพื้นเมื่อเขาปล่อยมือ

“...โทโมะ...”

วายะรีบขยับจะรวบร่างนั้นขึ้นมา  แต่ก็ถูกกระชากตัวออกห่างจากโทโมกิ

“วายะ!  แกทำอะไรคุณหนู!?  แกทำบ้าอะไรเนี่ย!?”

เสียงตะโกนสับสนวุ่นวาย  แต่ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรออกไป  เขาแทบไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้นเสียด้วยซ้ำ  กำปั้นแข็ง ๆ กระหน่ำลงบนร่างของเขาในขณะที่ถูกลากออกห่างจากโทโมกิไปทุกที  วายะไม่ได้ขัดขืนหรือป้องกันตัว...มันสมควรแล้วกับสิ่งที่เขาทำลงไป  ทั้งที่สาบานกับตัวเองแล้วว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก...มันสมควรแล้ว...

...

วายะนั่งนิ่งอยู่ในคุกใต้ดินของบ้านโอโนเสะในเสื้อผ้าชุดเดิมที่มีรอยคราบเลือดของตัวเองเปรอะเปื้อนอยู่  แววตาทอดมองไปยังผนังเหม่อซึม  เขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่าอยู่ในนี้มากี่ชั่วโมงแล้ว  รู้แค่ว่าสุดท้ายโอโนเสะจะมาพบเขาเพื่อพิพากษาโทษ

...และคงไม่พ้นโทษตาย...

เสียงฝีเท้าลอยมากระทบหู  แต่วายะไม่ได้ขยับตัว  กระทั่งเสียงนั้นมาหยุดลงตรงหน้าประตู

“ลองตัดหูสักข้างหรือตัดนิ้วสักนิ้วดีมั้ย  วายะ?”  น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น

วายะไม่สนใจคำถามนั้น  แต่ถามกลับไป  “โทโมะ...เป็นอะไรมากมั้ย?”

“จะเหลือเรอะ”  เสียงของโอโนเสะฟังดูหงุดหงิด  “แต่ให้หมอจัดการแล้ว  ปลอดภัยแล้วละ”

“งั้นก็ดี...”

“ดีบ้าอะไร!  พวกแกนี่มัน...ให้ตายสิ  ฉันคิดผิดใช่มั้ยที่ยอมเปิดโอกาสให้แกแก้ตัวน่ะ!”  โอโนเสะตะโกนแล้วก็เดินไปลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าประตู  “ไหน  บอกมาซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น!?”

“เรื่องงี่เง่าน่ะ...”  คิดดูแล้วมันงี่เง่าจนไม่น่าจะรับได้เสียด้วยซ้ำ

“จะงี่เง่าแค่ไหนก็เล่ามา  ฉันจะได้รู้ว่าฉันควรจะฆ่าแกให้ตายอย่างทรมานแค่ไหนดี”

ฟังจากน้ำเสียงแล้ว  วายะรู้ดีว่าโอโนเสะกำลังโกรธมาก  เขาเคยได้ยินโอโนเสะพูดแบบนี้เพียงครั้งเดียวเมื่อตอนที่เกิดเรื่องร้ายขึ้นกับคิริฮาระเมื่อหลายปีก่อน...ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบัง  วายะจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้โอโนเสะฟังทั้งหมด

หลังจากฟังจบแล้ว  โอโนเสะก็นิ่งเงียบไปเป็นครู่

“...งี่เง่า  แต่ก็มีเหตุผลพอที่จะงี่เง่า...”

วายะหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของผู้เป็นนาย

“แกผิด  แต่โทโมกิผิดมากกว่า...ให้ตายสิ  ฆ่าทิ้งเสียทั้งคู่ดีมั้ย”  โอโนเสะขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิด

“โทโมะไม่ได้ผิดขนาดจะต้องเจ็บหนักแบบนั้นหรอก”

“อ้อ  มาสำนึกได้เอาตอนนี้เรอะ  ช้าไปมั้ง”  น้ำเสียงนั้นช่างประชดประชัน

วายะเพียงแต่แค่นยิ้ม  “มันโดนใจดำพอดีน่ะ...ถ้าอะไรที่ผมจะยอมไม่ได้จริง ๆ...ก็เรื่องโดนดูถูกนี่แหละ”

“แล้วไอ้ที่ผ่านมาแกไม่เคยโดนดูถูกหรือไง  ที่ฉันจับขังไปคราวก่อนนี่เป็นเรื่องสนุกสินะ”

“ท่านประธาน...มันไม่เหมือนกัน  ถ้าโดนดูถูกเพราะทำความผิดที่สมควรจะโดน  ผมไม่ว่าอะไรหรอก  แต่ที่โทโมะทำมันอีกเรื่อง  ถ้าเด็กตัวแค่นั้นกล้าที่จะทำอะไรแบบนั้น  พอโตขึ้นแล้วมันจะเป็นยังไง”

“แต่แกก็ไปฝึกจิตไปบำบัดมาแล้วตั้งเยอะ  ทำไมถึงได้จิตหลุดแบบนั้นได้”  สิ่งที่วายะทำลงไปมันไม่ใช่ลักษณะของบอดี้การ์ดมืออาชีพแม้แต่น้อย  คนพวกนั้นจะต้องฝึกความอดทนกับความกดดันและการรับมือคุณหนูที่เอาแต่ใจขนาดหนักมาแล้วทั้งสิ้น  จริงอยู่ว่าวายะไม่ใช่บอดี้การ์ดมืออาชีพที่ผ่านการฝึกมาหลายปีก็เถอะ

“นี่ผมทนมาครึ่งค่อนปีแล้วนะครับ  ท่านประธาน...คุณไม่รู้หรอกว่าไอ้ลูกชายคนเล็กของคุณมันแสบแค่ไหน  เป็นปกติละก็ผมเฆี่ยนตายไปนานแล้ว”  ...เหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรกไม่มีผิด...ประโยคสุดท้ายนั้นเก็บงำไว้ในใจ  ตั้งแต่ตอนที่โทโมกิเริ่มออกฤทธิ์กับเขานั้น  เวลาได้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว  และตอนนี้โทโมกิเองก็กำลังจะขึ้นมัธยมปลายปีสองแล้วด้วย

ที่วายะว่ามามันก็จริง  รายงานการฝึกของวายะนั้นออกมาดีมากทีเดียว  ถ้าโทโมกิไม่ไปจี้จุดอ่อนเข้าก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก

“แล้วที่แกเป็นโฮสต์  ไม่มีใครดูถูกแกว่าเป็นผู้ชายขายตัวหรือไง?”

“ไม่มีใครมาพูดใส่หน้าผมแบบนั้นนี่”  ถ้าจะมี...ก็โทโมกินี่แหละ...

โอโนเสะมองหน้าอดีตโฮสต์หนุ่ม  “วายะ...ทำไมคนอย่างแกถึงจะโดนดูถูกไม่ได้?”

“ไม่ใช่ไม่ได้  แต่มันต้องให้ถูกเรื่อง...ผมโดนคนดูถูกโดยที่ผมไม่ผิดมาเยอะแล้ว  ผมจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นอีกแล้ว”  พูดถึงตรงนี้แล้วดวงตาของชายหนุ่มก็เป็นประกายวาบขึ้นมา

“เพราะเรื่องชาติกำเนิดของแกใช่มั้ย?”

“หมอปากหมานั่นเล่าให้ฟังเหรอ?”  คำพูดนั้นหมายถึงมาซาฮิเดะ  ที่มีนัดบำบัดกันเมื่อไรเป็นต้องได้ทะเลาะกันทุกที

“เล่าบางเรื่อง  ยังมีเรื่องที่ไม่รู้อีกเยอะ  อยากเล่าให้ฟังมั้ยล่ะ?”

วายะกรอกตาอย่างลังเลนิดหนึ่ง  ก่อนจะพูดขึ้น  “ก็ดี  เล่าไว้เป็นตำนานก่อนตาย...ว่าแต่ท่านประธานได้ฟังถึงไหนล่ะ  เรื่องผมไม่มีพ่อ  เรื่องที่ผมเป็นอันธพาล  หรือเรื่องที่ผมก่อคดีไว้ที่บ้านเกิด”

“ได้ฟังหมดแล้วทุกเรื่อง  แต่ไม่ลงรายละเอียด...เล่าให้ฟังแบบละเอียด ๆ ได้มั้ย?”

“...ก็ได้”

แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาจากปากของชายหนุ่มเช่นเดียวกับตอนที่เล่าให้หมอมาซาฮิเดะฟัง  ต่างกันแค่เพียงครั้งนี้เขาเล่าด้วยความสุขุมเยือกเย็นไม่ได้เต็มไปด้วยอารมณ์และความสับสนเท่าครั้งก่อน  ซึ่งหลายเรื่องหลายตอนก็ทำให้คนฟังแทบจะลืมหายใจ


“...วายะ”  โอโนเสะเอ่ยขึ้นหลังจากฟังเรื่องราวของวายะจบไปสักครู่หนึ่ง

“ครับ?”

“ตอนนี้แกคิดยังไงกับโทโมกิ?”

“เหมือนเดิม  ยังอยากได้มาเป็นของตัวเองเหมือนเดิม”

“แล้วรันจังที่บ้านเกิดล่ะ?”

วายะนิ่งอึ้งไปเป็นครู่

“โทโมกิไม่ใช่ตัวแทนของรันจังของแกหรอกนะ”

“...ผมรู้  นั่นเป็นเรื่องเดียวที่ผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน”

โอโนเสะถอนใจแล้วยกมือขึ้นขยี้หัวคิ้ว  มีแต่เรื่องวุ่นวายมาให้แก้ไม่หยุดหย่อน

“กลับไปเคลียร์ตัวเองมาซะ”

“เอ๊ะ?”

“กลับบ้านไปเคลียร์ความรู้สึกของแกซะ  ถ้ายังเคลียร์ไม่ได้ไม่ต้องกลับมา  เลือกเอาว่าแกจะเอารันจังหรือโทโมกิ  ถ้าเลือกรันจังก็ไม่ต้องกลับมา  ถ้าเลือกโทโมกิ...ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง”

“ก็ผมบอกไปแล้วไงว่ากับรันจังน่ะมันไม่...”  วายะเถียง  แต่ไม่ทันได้จบประโยคก็โดนดักคอขึ้นมาก่อน

“ขนาดไม่มีหวังแกยังยึดติดกับเขาขนาดนั้น  แกอยากได้เขาพอ ๆ กับที่แกอยากได้โทโมกินั่นแหละ  แบบนี้แล้วคิดจะจับปลาสองมือหรือไง  แกยังหวังอยู่  วายะ...แกยังหวังว่าสักวันรันจังจะเป็นของแก  แต่ในขณะเดียวกันอีกใจที่บอกว่าไม่มีหวังแล้วก็คิดจะยึดโทโมกิเอาไว้...ถ้าเป็นแบบนี้ฉันยอมรับไม่ได้หรอกนะ”

ยอมรับงั้นหรือ...โอโนเสะคิดจะยอมรับคนอย่างเขางั้นหรือ...

“...งั้นเหรอ  จะกลับไปก็ได้สินะ...”  วายะก้มหน้าลงมองมือของตัวเอง...มือนี้...ที่เคยทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

“ตอนนี้แกไม่อยู่สักพักน่าจะดีกว่า  โทโมกิต้องการเวลาพักฟื้น”

“แล้วตอนที่ผมกลับมา...”

“ถ้าแกจะกลับมา  แกต้องคิดแล้วว่าแกควรจะทำตัวยังไงกับโทโมกิ  จะทำยังไงให้เขายอมรับแก...นี่มันเรื่องของแกทั้งนั้น  ฉันไม่ยุ่งด้วยหรอก”  โอโนเสะลุกจากเก้าอี้  การสนทนาจบลงแล้ว

“เดี๋ยว...แล้ว...จะให้ผมกลับไปแบบนี้เลยจริง ๆ เหรอ?”

โอโนเสะชะงักเท้าแล้วหันกลับมาพูดกับวายะด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“ความผิดที่แกมาทำร้ายลูกชายฉัน  แกต้องจ่ายแพงชนิดนึกเสียใจไปจนตายเลยละ  วายะ”

...

หลังจากวันที่พลั้งมือทำร้ายโทโมกิไปคือนรก  วายะต้องจ่ายค่าชดใช้ราคาแพงอย่างที่โอโนเสะบอกไว้จริง ๆ  บางครั้งชายหนุ่มก็ยังนึกแปลกใจที่ตัวเองยังทนมาได้จนถึงตอนนี้...ตอนที่ปลายมีดกรีดลงบนผิวหนังที่แผ่นอก  เพื่อจะลอกมันออกอย่างที่เขาเคยทำกับโทโมกิ!

เขาคิดว่าวันที่ผ่าน ๆ มาคือที่สุดแล้ว...แต่สิ่งที่ได้รับในวันถัด ๆ มายิ่งเลวร้ายยิ่งกว่า

วายะถูกนำตัวออกจากคุกใต้ดินไปยังลานหน้าหมู่เรือนเล็กอันเป็นที่พักของคนที่ทำงานให้ตระกูลโอโนเสะ  ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงสายตาแค้นเคืองและอยากจะฆ่าเขามาจากรอบด้าน...ก็ไม่แปลก  ในเมื่อเขาเป็นคนลงมือทำร้ายคุณหนูเล็กของตระกูลนี่นะ  ไม่เคยมีใครกล้าทำเรื่องร้ายแรงแบบนี้ในบ้านมาก่อนเลยตลอดประวัติยาวนานของตระกูล

ข้อมือที่ถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยกุญแจมือถูกโยงยึดไว้กับสายโซ่ที่พันอยู่กับบาร์เหล็กที่ปกติเอาไว้ใช้ออกกำลังกาย  เสื้อเชิ้ตตัวบางท่ามกลางอากาศเย็นต้นฤดูใบไม้ผลิบอกชัดว่าต่อจากนี้ไปคือการลงโทษ  บนลานนั้นมีคนห้อมล้อมอยู่เต็ม  ทุกคนมาเพื่อดูการลงทัณฑ์เจ้านักโทษอุกฉกรรจ์คนนี้

ดาบไม้คืออุปกรณ์ในการลงโทษ  วายะถูกเฆี่ยนตีไม่นับจนแตกยับไปทั้งหลัง  เลือดไหลซึมอาบเสื้อที่สวมอยู่จนแดงฉาน  บทลงทัณฑ์อันรุนแรงทำให้ผู้ที่เฝ้าดูอยู่หลายคนถึงกับทำหน้าสยองพร้อมกับระแวงว่าวินาทีใดวินาทีหนึ่งข้างหน้าอาจจะได้ยินเสียงกระดูกของชายหนุ่มแตกก็ได้  แต่ผู้ทำการลงทัณฑ์คือมืออาชีพ  ทุกดาบที่กระหน่ำลงไปล้วนแต่โดนจุดไม่อันตรายทั้งสิ้น
แต่ในขณะที่คนดูรู้สึกสยดสยองพร้อมทั้งซึมซับเข้าไปในสมองว่านี่คือโทษสำหรับการแตะต้องคนในตระกูลโอโนเสะ  หากนักโทษไม่ปริปากร้องแม้แต่น้อย  ไม่มีคำอุทธรณ์ขอให้ลดหย่อนโทษให้  ไม่มีคำร้องขอชีวิต...กระทั่งสติหลุดออกจากร่างไปด้วยไม่อาจทานทนต่อความเจ็บปวดได้อีกต่อไป

บาดแผลบนแผ่นหลังของร่างไร้สติของวายะได้รับการปฐมพยาบาลเพียงคร่าว ๆ และนำตัวเขากลับเข้าคุกใต้ดินไป  เพื่อที่จะตื่นมาพบกับวันต่อมาที่โหดร้ายยิ่งกว่า

ถอดเล็บ...คือสิ่งที่เคยเห็นและเคยได้ยินจากในหนังสือหรือภาพยนตร์เท่านั้น  หลายคนที่อยู่ ณ ลานหน้าเรือนเล็กนั้นไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นมันเกิดขึ้นจริง ๆ เสียด้วยซ้ำ  แม้แต่วายะที่ถูกพันธนาการไว้บนอุปกรณ์ที่ล็อกแขนและขาของเขาไว้ก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเองเสียด้วยซ้ำ...แม้จะทำใจมาแล้วว่าไม่ว่าจะเป็นการลงทัณฑ์แบบไหนก็จะยอมรับไว้ก็ตาม

นิ้วแรก  ชายหนุ่มกระตุกเฮือกสุดตัวและกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้องไว้จนเลือดไหลอาบ  มันเจ็บ...เจ็บยิ่งกว่าที่เคยเจ็บมาทั้งชีวิต  ตอนที่พลาดพลั้งถูกมีดของคู่อริแทงเข้าที่แขนยังไม่เจ็บเท่านี้เลย...ความเจ็บปวดที่ส่วนหนึ่งของร่างกายถูกกระชากออกไปสด ๆ แบบนี้  ถ้าจะมีอะไรเทียบเคียงได้...ก็คงเป็นความรู้สึกที่ถูกพรากโทโมกิไปเมื่อตอนนั้นกระมัง

เคนเดินเข้ามาตบหลังชายหนุ่มที่ฟุบสั่นระริกอยู่กับโต๊ะที่ตรึงมือของเขาไว้

“ร้องออกมาเถอะวะ  ไอ้ของแบบนี้...ไม่ว่าใครเขาก็ร้องกันทั้งนั้นแหละ  กลั้นไว้ก็ขาดใจตายเปล่าเท่านั้น  ไม่ต้องกลัวเสียฟอร์มหรอก  ฉันก็ร้องมาแล้ว”

วายะไม่มีอารมณ์มาขำกับคำปลอบติดตลกนั้น  แต่อย่างน้อยมันก็เป็นคำแนะนำที่ดี

การถูกถอดเล็บมันทรมานตรงที่มีเวลาหยุดพักให้ความเจ็บปวดบรรเทาลง  ดังนั้นแม้อยากจะหมดสติเพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับรู้ถึงความเจ็บปวดก็ทำไม่ได้  ชายหนุ่มยังรู้ตัวเต็มที่เมื่อเล็บเท้าเล็บสุดท้ายถูกกระชากออกไปพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของตน
สภาพของวายะทำให้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรกัน  แม้จะรู้ว่าสาสมกันดีแล้วกับความผิดที่เขาก่อขึ้น  แต่แค่คิดถึงความทรมานที่เกิดขึ้นนั้น  ก็อดที่จะเห็นใจไม่ได้

ตอนที่ทำแผลและฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์  มือและเท้าของวายะชาดิกจนแทบจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอะไรอีกแล้ว  และจากนี้มันจะเจ็บไปอีกนานจนกว่าเล็บจะงอกออกมาใหม่  ผ้าพันแผลที่พันไว้ให้บาง ๆ ไม่เป็นอุปสรรคกับการเคลื่อนไหวมากนัก  แต่ความเจ็บปวดต่างหากที่ขัดขวางเอาไว้  วายะถูกนำตัวกลับไปที่คุกใต้ดินและผ่านค่ำคืนนั้นมาโดยปราศจากยาระงับความเจ็บปวดใด ๆ ทั้งสิ้น

และตอนนี้...โอโนเสะจ้างหมอมาถลกหนังวายะให้เป็นรอยแผลเป็นแบบที่เขาเคยทำกับโทโมกิมาก่อน  หากไม่ใช่ที่แผ่นหลัง  แต่เป็นที่หน้าอก

“ทุกครั้งที่ส่องกระจก  แกจะจำได้ถึงความผิดที่แกเคยก่อขึ้น”  โอโนเสะบอกกับเขาอย่างนั้นก่อนที่จะส่งตัวเขาที่บอบช้ำจากการถูกเฆี่ยนและถูกถอดเล็บให้กับหมอ  “แต่ไม่ต้องห่วงนะ...แกต้องชอบสิ่งที่ฉันจะสลักไว้ให้แกแน่”

“โทโมกิ”  คือคำที่ถูกเขียนลงบนแผ่นอกด้านซ้ายของเขา  วายะไม่นึกแปลกใจ...เพราะนามนั้นคือทั้งหมดแห่งความผิด...อย่างน้อยก็ที่เขาก่อขึ้นต่อหน้าโอโนเสะ  และจากนี้ไปมันจะอยู่เตือนความจำเขาไปจนตาย

...แล้วเจ้าของชื่อนี้ล่ะ...จะอยู่กับเขาไปจนตายเหมือนบาดแผลนี้ไหม...

ทั้งร่างถูกพันธนาการไว้กับเตียงเพื่อไม่ให้ดิ้น  ขลุมปากถูกสวมเพื่อป้องกันเสียงร้องอันจะทำให้หมอเสียสมาธิได้  การถลกหนังโดยไม่ใช้ยาสลบหรือยาชาใด ๆ ทั้งสิ้นนั้น  ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะทานทนได้ด้วยจิตใจของตนเอง  วายะไม่อาจทนต่อความเจ็บปวดและหมดสติไปหลายครั้ง  แต่ทุกครั้งก็จะถูกน้ำเย็นจัดสาดเข้าที่ใบหน้าเรียกให้ตื่นมารับรู้ความทรมานนั้นต่อไป

กระทั่งมันจบสิ้นลง...โอโนเสะเข้ามาตรวจดูผลงานของหมอแล้วเอ่ยชมว่าขอบบาดแผลนั้นคมกริบและสวยงามทีเดียว

ก็ดี...แผลสวย ๆ เวลาใครเห็นจะได้ไม่ต้องอายเขา...


วายะได้พักฟื้นเพียงสองสามวันก็ถูกไล่กลับบ้านเกิด  ตามสัญญาที่โอโนเสะให้ไว้  เขายังคงมีไข้สูงและเคลื่อนไหวไม่ถนัดจากการบาดเจ็บ  แต่คำสั่งก็คือคำสั่ง  ชายหนุ่มรับเงินค่าเดินทางและขอพบโทโมกิอีกสักครั้ง

“โทโมกิยังช็อคไม่หาย  ตอนนี้หมอยังให้ยาระงับประสาทอยู่  ไม่รู้ว่าได้สติสมบูรณ์แค่ไหนนะ”  โอโนเสะบอก

“แค่เห็นหน้าก็พอ”  วายะบอก  แล้วก็ได้รับอนุญาต

ร่างที่นอนนิ่งอยู่บนฟูกดูเล็กเหลือเกิน  อย่างกับจะจมหายไปในผ้านวมนุ่มอย่างนั้นแหละ  วายะค่อย ๆ เข้าไปนั่งใกล้ ๆ  ยาคงจะยังออกฤทธิ์อยู่  โทโมกิถึงได้ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยทั้งที่เขาอยู่ข้าง ๆ แบบนี้...เด็กตัวเล็กแค่นี้เอง  โทโมกิตัวเล็กกว่าเพื่อนวัยเดียวกันเยอะ  หมอบอกว่าอาจเพราะยากล่อมประสาทที่เขาบังคับให้กินเข้าไปทำให้ฮอร์โมนด้านการเจริญเติบโตของเด็กหนุ่มผิดปกติ...แต่ทั้งที่โทโมกิตัวเล็กแค่นี้  เขายังลงไม้ลงมือได้เต็มแรง...เขามันบ้า!

วายะค่อย ๆ สอดมือเข้าไปใต้ร่างเล็กนั้นอย่างเงอะงะ  ปลายนิ้วที่เจ็บปวดทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้ถนัด  แต่กระนั้นเขาก็ยังโอบร่างเล็กขึ้นมากอดไว้แนบอกจนได้

ดวงตาสีดำสนิทปรอยปรือขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงไออุ่นและเสียงต่ำ ๆ เนิบช้าเป็นจังหวะที่คุ้นเคย  กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำหอมปะปนด้วยกลิ่นบุหรี่แบบนี้...ไม่มีใครอื่น...

“...ชุน...”

นี่คงจะเป็นความฝัน  ชุนไม่มีวันโอบกอดเขาไว้อย่างนี้อีกได้หรอก  คืนวันเช่นนั้นไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว...ดังนั้น  นี่จึงเป็นความฝัน...โทโมกิบอกกับตัวเองแล้วเบียดกายเข้าหาไออุ่นนั้น...แค่ฝันก็ยังดี  เขาอยากได้สัมผัสความอบอุ่นของชุนอีกสักครั้ง

“ขอโทษนะ  โทโมะ”

สัมผัสนุ่มนวลบางอย่างแนบลงที่หน้าผาก  แล้วร่างของเขาก็ถูกวางลงกับฟูกอีกครั้ง  พร้อมกับกลิ่นอายที่ค่อย ๆ ถอยห่างออกไป  โทโมกิอยากจะคว้ามือนั้นไว้แต่ร่างกายก็ไร้เรี่ยวแรง

...อย่าเพิ่งไปไม่ได้เหรอ...อยู่กับเขาให้นานกว่านี้อีกนิด...ในความฝันที่ไร้กาลเวลานี้...

หยาดน้ำอุ่น ๆ ไหลรินจากหางตา  ริมฝีปากอิ่มขยับน้อย ๆ เอ่ยเรียกชื่อที่ฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ

“...ชุน...”




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

ผลงานชิ้นอื่นๆครับ

Come closer
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=28761.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=28761.0)

Daylight
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31210.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31210.0)

Parallel Reality
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31255.msg1811578#msg1811578 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31255.msg1811578#msg1811578)

SINLESS
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18056.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18056.0)

ในค่ำคืนอันเงียบงัน
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17805.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17805.0)

Kiss of Ice-Scream
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18472.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18472.0)

Hilight & Deep shade
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17315.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17315.0)

No word
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31467.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31467.0)

เธอไม่อยู่แล้วหรือ...
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31791.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31791.0)

Dark side Romance
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32265.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32265.0)

Incubus's Dream
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29924.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29924.0)

Incubus's Dream : Sweet Cake with Vodka
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30216.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30216.0)

Oyasumi
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29563.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29563.0)
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-04-2012 22:20:10
ฟิลขาดทังคู้

บทลงโทษโหดจริงๆ
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 13-04-2012 22:36:01
ถอดเล็บ  อร๊าก ก ก  โหดร้าย น่ากลัว สยอง  วายะทนได้ไงง่ะ  ยังเป็นคนอยู่ใช่ไหม

โทโมะน่าสงสาร  ตบลงได้ไงก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 13-04-2012 22:50:39
น่าสงสารทั้งคู่อ้ะ  o22สู้ ๆ น่ะ :L2: :L2:+1 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 13-04-2012 22:55:42
เป็นคนอ่านตายตั้งแต่ถอดเล็บแล้ว แค่งัดเล็บขบก็ซี๊ดไปถึงขั้วหัวใจ
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 13-04-2012 22:57:25
สงสารชุนอ่ะ T__T อ่านแล้วเจ็บแทนเลย
แต่แบบ สลักชื่อของอีกฝ่ายลงบนตัวทั้งคู่เลย น่ารักจริง -..-
ชุนต้องเลือกโทโมะนะ ห้ามเลือกรันจังเด็ดขาด!
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 13-04-2012 22:57:34
 :เฮ้อ: ไม่รู้จะสงสาร หรือด่าใครดี ระหว่างสองคนนี้
ร้อนพอกัน แต่วายะโหดมาอ่ะ ตบโทโมะได้  :z3:
แต่โหดที่สุดคงบทลงโทษ ถอดเล้ปนี่เห็นภาพเลย  o22

 :pig4: นะค้าา
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: wolfram ที่ 13-04-2012 22:59:57
สงสารชุนจัง เจ็บน่าดูเลย

บทลงโทษแรงไปมั๊ยอ่ะ  :monkeysad:
ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะโทโมะนะ!!

อยากให้เข้าใจกันไวๆจัง!!  :L2:
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 13-04-2012 23:15:59
ไม่รู้ว่าควรจะสงสารใครมากกว่ากัน  :m15:
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 13-04-2012 23:19:55
โอโนเสะโหดอ่ะ... เห็นภาพเลย
 :pig4: o13
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: dear77 ที่ 13-04-2012 23:51:18
เป็นการลงโทษที่เลวร้ายมากค่ะ อ่านแล้วสยอง
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: i-love-you ที่ 14-04-2012 00:11:47
ชอบมากเลย  คนแต่ง  แต่งเนื้อเรื่องได้ปวดตับมาก  ><
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 14-04-2012 00:58:56
อ่านไปก็เจ็บไปด้วย
บทลงโทษรุนแรงมาก
แต่ก็สาสมดีแล้ว

ตอนแรกแอบคิดว่าน่าจะไปกันได้ด้วยดีแล้ว
แต่ก็ต้องมีจุดหักเหแบบนี้สินะคะ
เพื่อให้วายะก้าวข้ามอดีตมาให้ได้เสียก่อน
มีโทโมะเพียงคนเีดียวที่เป็นจุดหมาย
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 14-04-2012 00:59:59
ชอบฉากสุดท้ายของตอนจัง

เหมือน SM มาทั้งเรื่อง แล้วมาเจอความอบอุ่นอ่อนหวานตอนท้าย

แล้วเร่องรันจังนี่จะดราม่ามากมั้ย ไม่อยากเลือกไม่ถูก
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 14-04-2012 01:00:59
ลงโทษได้โหดสุด ๆ
สงสารโทโมะกะชุนอะ
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 14-04-2012 02:27:01
นี่พ่อคุณจะรอดมารับโอกาศป่ะเนี่ย...โหดค่ะพ่อ
เอาใจช่วยนะ เคลียร์ให้เรียบร้อยแล้วกลับมานะ
ขอบคุณและรออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: Minako ที่ 14-04-2012 03:07:43
ฮือออออ เจ็บแทนวายะ T___T
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 14-04-2012 03:23:13
บทลงโทษชวนสยองมาก
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: vocaloid ที่ 14-04-2012 08:53:11
ค้างมากกก สงสารโทโมะนะ แต่แอบสมน้ำหน้าวายะ  :z1:
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 14-04-2012 10:19:11
เจ็บแทน เจ็บมาก เจ็บ  :o12:
อ่านแล้วกลัวเลยอ่ะ กัดเล็บตลอดเวลา กลัวใครมาพรากเล็บไป
บ้าาาา าาา 555555555 55

วายะแกต้องเลือกโทโมะนะ ไม่ใช่รันจัง.
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 14-04-2012 11:36:35
อ่านเสร็จแล้วนั่งร้องไห้ กระซิกๆ

บุคคลที่อยากฆ่าที่สุดในตอนนี้= ฮิโรอากิ. ตัวทำวุ่นวายจริงๆ
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 14-04-2012 11:42:25
วายะแกไม่ใช่คน
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 14-04-2012 15:39:52
บทลงโทษนี่โหดแท้ :m29:
หนูโทโมะจะซึนอีกนานมั้ยหว่า ถึงอดีตจะโดนเยอะ แต่ตอนนี้...สงสารวายะมากกว่า :m17:
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 15-04-2012 12:25:48
ฮือออออออออออออออออออออออออ
อ่านไปแล้วจะร้องไห้ วายะ...เจ็บมากใช่มั้ย ฮรืออออออออออ
โทโมกิ!! ไอ้เด็กเวร!! แกทำให้วายะของฉันต้องเจ็บตัว(อินี่บ้าบ้านายเอก)
วายะ....แกขาดโทดมกิไม่ได้แล้วล่ะ T________________T
รีบมาต่อนะคนเขียน เค้ารักเรื่องนี้มากจริงๆ
ฮรือออออออออออออออ
ปิดท้าย...เศร้า
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 15-04-2012 12:51:49
ชุนเคลียร์ตัวเองให้ได้เร็วๆนะ กลับมาคราวนี้หวังว่าชุนจะชัดเจนกับหัวใจตัวเองมากขึ้น

แล้วก็แสดงออกให้มากขึ้น โทโมะจะได้เข้าใจชุนมากขึ้น

เพราะตอนนี้โทโมะยังเข้าใจผิดว่าชุนอยากจะฆ่าให้ตายเพราะตัวเองเป็นอย่างที่ชุนต้องการไม่ได้อยู่เลย
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: okita ที่ 16-04-2012 01:40:49
 :m15:บอกได้คำเดียวว่าตอนนี้อ่านแล้วน้ำตาไหล
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 16-04-2012 03:31:55



   อะแง๊ สะบักสะบอมด้วยกันทั้งคู่เลยอ่า



หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 16-04-2012 11:49:30
เจ็บปวดอ่ะ  T^Tฮืออออออออออ
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 18-04-2012 08:07:03
อ๊ากกก เสียวเล็บเลย T^T
โอโนเสะโหดไปไหม แต่ก็นะถ้าไม่ทำแบบนี้ลูกน้องก็จะไม่เคารพ
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 18-04-2012 18:58:04
โหดมากกกก วายะทนได้นี่สุดยอดมากจริง
โอโนเสะซัง นี่ขาโหดของจริงเลย
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 19-04-2012 19:14:00
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: MadamLilac ที่ 20-04-2012 15:48:23
หายไปนานมากเพราะจำรหัสตัวเองไม่ได้ กลับมาอีกทีอึ้งไปเลย
แต่ไม่รู้สิ ชอบฮิโรอากิ พี่ชายข้างห้องนะ 555
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 20-04-2012 20:27:18
All I want # 20

จากโตเกียวสู่ซางะอันเป็นบ้านเกิด  ระยะการเดินทางเกือบหมดวันคือนรกดี ๆ สำหรับวายะ  ร่างกายของเขายังบอบช้ำจากการถูกทำโทษอย่างหนักและมีไข้สูง  แต่ก็ถูกผลักไสให้ออกจากโตเกียวมาทางรถไฟชินคันเซ็น  ที่แม้จะเป็นรถไฟความเร็วสูงแต่ก็ใช้เวลากว่าห้าชั่วโมงในการเดินทางมาถึงฟุคุโอกะเมืองใหญ่ในเกาะใต้แห่งนี้  แล้วชายหนุ่มก็ต้องต่อรถไฟจากฟุคุโอกะมาที่ซางะโดยใช้เวลาอีกชั่วโมงกว่า  ถึงตอนนั้นมือและเท้าที่ไม่มีเล็บก็มีเลือดไหลซึมออกมาไม่น้อย  บาดแผลที่หน้าอกเองก็คงเช่นเดียวกัน  แต่แม้จะถูกใครมองด้วยสายตาหวั่น ๆ แกมสงสัย  แต่ในเมื่อไม่มีใครเข้ามาถามไถ่  วายะก็ไม่สนใจเช่นกัน  เขาเลือกที่นั่งริมหน้าต่างแล้วมองเหม่อไปยังทิวทัศน์ด้านนอก

ไม่ใช่เพียงแค่ร่างกาย  แต่หัวใจของวายะหนักอึ้งเหมือนมีอะไรมากดทับไว้  ยิ่งเข้าใกล้ซางะ  มันก็ยิ่งถ่วงหนักขึ้นทุกที...น้ำหนักของความทรงจำที่พยายามปิดขังไว้ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจค่อย ๆ บดขยี้เขาอย่างช้า ๆ

สิ่งที่พอจะเยียวยาหัวใจของชายหนุ่มได้บ้างมีเพียงต้นซากุระที่ผลิดอกบานสะพรั่งอยู่ตามริมทางที่รถไฟแล่นผ่าน  ซากุระทางใต้บานเร็วกว่าที่โตเกียว  เพิ่งจะปลายเดือนมีนาคมแต่ซากุระทางแถบนี้ก็บานเต็มต้นแล้ว  กลีบดอกสีชมพูจาง ๆ แกว่งไกวตามสายลมอยู่บนต้น  และร่วงพลิ้วลงเป็นสายเหมือนละอองหิมะ

แม้ภายนอก  วายะจะดูเป็นผู้ชายที่แข็งกระด้างโดยสิ้นเชิง  แต่เขาก็ชอบฤดูกาลที่สวยงามนี้...ฤดูกาลของเขา  เด็กผู้ชายที่เกิดตอนที่ซากุระเบ่งบานเต็มที่...

...

เมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน  เด็กหญิงคนหนึ่งได้ถือกำเนิดและเติบโตขึ้นในบ้านสกุลวายะที่อาศัยอยู่ในเมืองริมฝั่งทะเลของจังหวัดซางะ  และได้ชื่อว่า  วายะ  อันนะ

แม่ของอันนะมดลูกไม่ค่อยแข็งแรงนัก  เมื่อคลอดเธอออกมาแล้วหมอจึงตัดสินใจทำหมัน  ด้วยเสี่ยงมากเกินไปที่จะให้เธอมีลูกอีก  ซึ่งมันอาจนำอันตรายถึงชีวิตมาสู่เธอได้  แต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ผู้เป็นสามีเสียใจและโกรธมาก  เขาเป็นลูกคนเดียวของบ้านวายะที่จะต้องทำหน้าที่สืบทอดวงศ์ตระกูลต่อไป  แต่ในเมื่ออันนะเกิดมาเป็นเด็กผู้หญิง  นามสกุลวายะจึงต้องจบลงที่เธอ

ผู้เป็นพ่อมักจะพล่ามบ่นและระบายอารมณ์กับลูกสาวที่ไม่เป็นไปดังใจคนนี้เสมอ  ถ้อยคำที่อันนะได้ยินอยู่บ่อย ๆ คือเธอเป็นผู้หญิง  เธอไร้ประโยชน์  ไม่มีความหมายอะไรเลย  หลายครั้งที่พ่อเมากลับมาแล้วอาละวาดเอากับเธอและแม่...แม่ที่ให้กำเนิดลูกสาว  กับลูกสาวที่ไม่อาจสืบทอดวงศ์ตระกูลต่อไปได้...ท่ามกลางความเวทนาสงสารของเพื่อนบ้านและคนรู้จัก  แม่ของอันนะได้แต่ร้องไห้..แต่เด็กหญิงไม่ใช่อย่างนั้น

ความเจ็บแค้นที่ถูกทำประหนึ่งเป็นสิ่งของไร้ค่าที่ไม่มีใครต้องการค่อย ๆ ฝังลึกลงไปในใจของอันนะ  แม้จะถูกสบประมาทหรือโดนด่าว่าสักเพียงใด  เธอก็พยายามที่จะไม่กลายเป็นคนอย่างที่พ่อของเธอว่าเอาไว้  อันนะตั้งใจเล่าเรียนเพื่อว่าสักวันเธอจะได้ใช้ความรู้ที่สั่งสมไว้พัฒนาชีวิตและก้าวข้ามชะตากรรมของตนไปให้ได้

อันนะเรียนดีเป็นที่หนึ่งมาตลอด  แต่ผู้เป็นพ่อไม่เคยเห็นความสำคัญ

“เรียนไปแล้วได้อะไรขึ้นมา  ผู้หญิงอย่างแกพอแต่งงานไปอยู่กับผัวแล้วก็จบแค่นั้น”

เด็กหญิงไม่สนใจ  เธอยังคงตั้งอกตั้งใจเรียนต่อไป  แม้พฤติกรรมส่วนตัวจะมีความก้าวร้าวอยู่บ้างในสายตาครู  แต่เมื่อเทียบกับด้านการเรียนแล้วถือว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น  ในที่สุดอันนะก็จบการศึกษาภาคบังคับ  ซึ่งพ่อของเธอไม่ยอมให้เธอเรียนต่อ  ด้วยเหตุผลที่เธอฟังมาจนชินชา

“จะเรียนให้เสียเงินไปทำไม  พอมีผัวแล้วก็จบแค่นั้น”

อันนะปรึกษากับครูประจำชั้นและได้รับทุนสนับสนุนจากโรงเรียนในการเข้าเรียนต่อแม้ว่าผู้เป็นพ่อจะไม่เห็นด้วย  แต่ในเมื่อไม่ใช่เงินของตัวเองเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร  อันนะเลือกเรียนสายอาชีพเพื่อที่จะได้จบไปแล้วมีงานทำได้โดยทันที

ซางะเป็นเมืองริมทะเลและมีชื่อเสียงมากในเรื่องอู่ต่อเรือ  อันนะจึงเลือกเรียนสายช่างซึ่งในตอนนั้นไม่มีผู้หญิงคนไหนเลือกเรียนแม้แต่คนเดียว  เธอจึงตกเป็นเป้าสายตาและถูกกล่าวขวัญถึงในฐานะเด็กสาวประหลาดที่มีความคิดกบฏ  นั่นยิ่งทำให้ผู้เป็นพ่อชิงชังเธอหนักขึ้น

“นังบ้า!  ทำอะไรคิดถึงหน้าพ่อแม่บ้างมั้ย!?  ผู้หญิงที่ไหนเขาเรียนสายช่างกัน  แกเลิกเรียนแล้วหาผัวแล้วไปจากชีวิตฉันเสียทีเถอะ!  นังลูกไม่ได้ความ!!”

“ฉันไม่ได้ความตรงไหนไม่ทราบ!?  ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันสืบทอดวงศ์ตระกูลที่พ่อภูมิใจนักหนาไม่ได้น่ะ  ฉันไม่ถือว่าฉันไม่ได้ความหรอกนะ  พ่อมันบ้า!  ไม่ได้มีแต่ผู้ชายหรอกนะที่สืบทอดตระกูลได้น่ะ!”

“พอมีผัวไปแกก็ไปใช้สกุลอื่น  เชอะ!  ถ้ารู้ว่าแกจะทำเรื่องงามหน้าให้เสื่อมเสียแบบนี้นะ  ให้สกุลวายะจบที่ฉันเสียดีกว่า”

“หึ...พ่อไม่ต้องห่วงหรอก  ฉันจะสืบทอดสกุลนี้ให้พ่อดู”

อันนะประชดความชิงชังนั้นด้วยการคบเพื่อนชายมากหน้าหลายตาซึ่งส่วนมากก็คือเพื่อนร่วมชั้น  เธอเที่ยวเตร่ไปกับพวกเขาโดยไม่มีใครที่ได้รับความรู้สึกพิเศษจากเธอไปจริง ๆ  แม้จะดูใช้ชีวิตอย่างเหลวแหลกแต่อันนะก็ยังรักษาระดับการเรียนของเธอไว้เป็นที่หนึ่ง  จนเพื่อนชายที่เคยดูถูกเธอไว้ก็ยังต้องยอมรับ

ในที่สุดอันนะก็ได้รับเลือกเข้าฝึกงานในบริษัทต่อเรือของต่างชาติ  เธอเล็งบริษัทนี้ไว้แต่แรกเพราะรู้ดีว่าในฐานะผู้หญิงแล้ว  เธอจะไม่มีวันได้ก้าวหน้าในอาชีพการงานในบริษัทญี่ปุ่นที่มีการเหยียดเพศอย่างมาก...เธอโดนพ่อเหยียดหยามมาเยอะแล้ว  เธอจะไม่ยอมให้ผู้ชายหน้าไหนมาดูถูกเธอได้อีก...แต่ในระยะเริ่มแรก  อันนะก็ต้องอดทนกับพวกพนักงานชายชาวญี่ปุ่นอยู่นาน  กระทั่งผลงานของเธอเข้าตาหัวหน้าที่เป็นชาวต่างชาติ  เธอจึงได้เลื่อนระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ จนเหนือกว่าพวกผู้ชายที่เคยสบประมาทเธอเอาไว้  และก้าวหน้าเหนือคนวัยเดียวกันไปมาก

พนักงานระดับสูงของบริษัทตั้งแต่ระดับหัวหน้าแผนกขึ้นไปส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ  อันนะที่ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาจนเป็นถึงระดับหัวหน้าทีมช่างในแผนกย่อยได้มีโอกาสพบปะชาวต่างชาติเหล่านั้นบ่อยครั้ง  แล้วเธอก็เริ่มแผนการระเบิดความแค้นโดยการฉีกหน้าพ่อเธอไม่เหลือชิ้นดี

อันนะเป็นคนสวย  แม้จะดูเก่งกล้าและก้าวร้าวอยู่บ้าง  แต่เธอก็มีความอ่อนหวานแบบผู้หญิงญี่ปุ่นที่ชาวตะวันตกไม่เคยสัมผัส  การใช้เสน่ห์ผูกมัดผู้ชายเหล่านั้นไว้จึงทำได้ไม่ยาก  แต่เธอไม่เคยผูกพันกับใครอย่างจริงจัง  เธอเล่นสนุกกับความใคร่เช่นกับเดียวกับผู้หญิงตะวันตก  และแฟร์กับความรักทุกรักที่ผ่านเข้ามาในชีวิต  ผู้ชายเป็นคนรักที่เอาไว้ให้เธอเก็บเกี่ยวความหวานให้กับชีวิตได้  แต่ไม่ใช่คู่คิดที่เธอจะร่วมชีวิตด้วย...โดยส่วนลึกแล้วเธอเกลียดผู้ชาย...เพศเดียวกับพ่อของเธอ

หัวหน้าทีมสาวคนเก่งเปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้า  และทุกคนล้วนเป็นชาวต่างชาติทั้งสิ้น...ข่าวนี้แพร่กระจายไปในเมืองเล็ก ๆ ที่เธออาศัยอยู่อย่างรวดเร็ว  พ่อแม่ของเธอแทบไม่มีหน้าออกจากบ้าน  แต่การจะทำอะไรอันนะก็ยากเกินไปเสียแล้ว  เมื่อเธอย้ายออกไปอยู่คนเดียวตั้งแต่เข้าทำงานและไม่ได้กลับมาที่บ้านอีกเลย  แน่นอน...เกือบทุกคนเข้าใจว่าอันนะใช้ร่างกายเพื่อแลกกับหน้าที่การงานที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ  มีเพียงคนในเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเธอมีฝีมือที่แท้จริง...แต่อันนะไม่สนใจคำพูดของใครทั้งสิ้น  ในตอนนี้เธอภาคภูมิใจกับชีวิตของเธอ  พวกผู้ชายต่างชาติอาจดูถูกว่าเธอเป็นหญิงเอเซียที่มักง่ายในรัก  แต่ไม่เคยมีใครดูถูกงานของเธอเลย  เธอได้ใช้ความรู้ของตนเลี้ยงชีวิตตัวเองและมีเงินเหลือพอที่จะให้แม่ในแต่ละเดือนด้วย

กระทั่งเธอตั้งท้อง  อันนะไม่รู้หรอกว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้องและก็ไม่ได้สนใจที่จะรู้ด้วย  มีเพื่อนชายหลายคนที่คิดจะจริงจังกับเธอมาขอแสดงความรับผิดชอบ  แต่เธอก็ปฏิเสธไปทั้งหมด  เธอไม่คิดจะใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายคนไหนอยู่แล้ว

สภาพร่างกายที่ทำงานหนักไม่ได้เป็นผลเสียกับงาน  แต่ทางบริษัทยังเสียดายความรู้ความสามารถของเธอ  จึงได้เปลี่ยนให้เธอไปเป็นเลขานุการของหัวหน้าฝ่ายช่าง  ซึ่งเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ

แล้วในฤดูใบไม้ผลิปีถัดมา  ในตอนที่ซากุระบานสะพรั่ง...วายะ  อันนะก็ได้ให้กำเนิดผู้สืบทอดสกุลวายะตามที่เคยลั่นวาจาไว้ต่อหน้าผู้เป็นพ่อ

และตั้งชื่อเด็กชายคนนั้นว่า...วายะ  ชุน

...

วันอาทิตย์อย่างนี้  อันนะมักจะพักผ่อนอยู่ที่บ้านหลังจากทำงานมาตลอดอาทิตย์  เธอเพิ่งกลับจากซื้อเสบียงเข้าบ้านเมื่อไม่นานนี้  แม้จะใช้ชีวิตแบบฝรั่งจ๋ามาตลอดแต่เธอก็ยังชอบทำอาหารกินเอง  และบางครั้งก็ยังมีเพื่อนชายแวะเวียนมากินอาหารรสมือเธอบ่อย ๆ  ดังนั้นอันนะจึงมักมีของสดติดตู้เย็นอยู่เสมอ

เสียงอินเตอร์โฟนดังขึ้น  แมนชั่นหรูที่มีระบบรักษาความปลดภัยดีเยี่ยมนี้จะบังคับให้ผู้มาเยือนติดต่อผู้อยู่อาศัยจากชั้นล่างขึ้นไปก่อน  หากได้รับอนุญาตจึงจะสามารถขึ้นลิฟท์ไปได้  อันนะเดินไปกดอินเตอร์โฟน  บางทีคงเป็นเพื่อนชายสักคนของเธอกระมัง  แต่ภาพที่ปรากฏขึ้นในจอทำให้เธอประหลาดใจ  ชายหนุ่มผมสีทองยาวประบ่าคนนี้เธอไม่รู้จักแน่ ๆ  หากเค้าลางบางอย่างบนใบหน้าดูคุ้นตา  กระทั่งฝ่ายนั้นถอดแว่นกันแดดออก

“...ชุน?”  อันนะเบิกตากว้าง

“ไม่เจอกันนานนะครับ  แม่”

น้ำเสียงต่ำ  มีแววของความเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่คุ้นเคย  แต่นั่นคือลูกชายของเธอแน่นอน  อันนะรีบกระวีกระวาดกดรับให้เขาขึ้นลิฟท์มาทันที  แล้วรอรับเขาด้วยความรู้สึกที่ปนเปกันอย่างประหลาด

กริ่งหน้าห้องดังขึ้น  อันนะรีบเปิดประตูทันทีโดยไม่สนใจดูช่องตาแมว

“หายหัวไปไหนมาตั้งสิบปี  เจ้าเด็กบ้า!”  นั่นคือคำพูดแรกที่มีต่อลูกชายที่ไม่กลับบ้านมานานแสนนาน

“ผมก็ติดต่อมาตลอดไม่ใช่เหรอ”  คนเป็นลูกตอบพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า

“โทรมากับกลับมามันไม่เหมือนกันนะยะ”  อันนะจิ้มหน้าผากลูกชายแรง ๆ พร้อมกับทำเสียงฉุนเฉียว  แต่แล้วก็ยิ้ม  “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน  ชุน”

“กลับมาแล้ว  แม่”

แต่เมื่ออันนะกอดลูกชายด้วยความดีใจ  ปฏิกิริยาจากเขากลับผิดคาด  มีแรงกระตุกเฮือกพร้อมกับเสียงอุทานน้อย ๆ ที่เธอต้องเอะใจจนรีบผละออกมา

“ชุน?”

วายะยิ้มอย่างลำบากใจหากไม่พูดอะไร  อันนะรีบมองสำรวจร่างกายของชายหนุ่ม  ลูกชายของเธอเติบโตและสูงใหญ่อย่างคนมีเชื้อสายผสม  เค้าหน้าเข้มแต่ก็มีความเป็นญี่ปุ่นมากกว่า  เรือนผมย้อมสีทองยาวประบ่านั้นเธอไม่ถูกใจเท่าไรนักแต่ก็จะไปว่าอะไรได้  ในเมื่อตอนนี้วายะเองก็จะอายุ 28 อีกในไม่กี่วันนี้แล้ว  บุคลิกท่าทางที่มีลักษณะโดดเด่นเป็นพิเศษอย่างคนที่ถูกขัดเกลามาด้วยสายอาชีพบางอย่าง  ดูจากเงินที่ลูกชายเธอส่งมาให้ทุกเดือนแล้วก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าวายะไปทำงานบริการ  แต่ความแข็งกระด้างน่ากลัวที่แฝงอยู่ในท่วงท่านั้นทำให้อันนะนึกสงสัยว่าอาจจะไม่ได้เป็นอย่างเธอคิด

สิ่งที่สะดุดตาคือรอยฟกช้ำบนใบหน้า  ที่จริงวายะมักจะไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใครต่อใครเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว  แต่เมื่อมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า  อันนะก็บอกกับตัวเองว่าลูกชายของเธอไม่ได้บาดเจ็บธรรมดา  โดยเฉพาะมือที่มีผ้าพันแผลพันไว้ทั้งสองข้าง  และตอนนี้มีเลือดไหลซึมบริเวณปลายนิ้วจนแดงฉาน

“...เข้าบ้านก่อน  ชุน”  อันนะบอกแล้วหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของลูกชายเดินนำเข้าไปยังห้องนั่งเล่น

ชายหนุ่มถอดรองเท้าแล้วถอดเสื้อโค้ทก่อนจะเดินโขยกเขยกตามหลังไป  ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งแน่วแน่ทำให้เขาพยายามเดินให้เป็นปกติที่สุด  ผู้เป็นแม่ชี้ที่โซฟาบอกให้เขานั่งลงแล้วเดินหายเข้าห้องนอนไปหยิบกล่องใส่อุปกรณ์ปฐมพยาบาลออกมา

“ต้องรบกวนแม่เยอะเลยละ”

“นี่แกไปยุ่งกับพวกยากุซ่ามาใช่มั้ย?”  อันนะนั่งลงตรงหน้าลูกชายที่นอกจากจะมีผ้าพันแผลที่มือแล้วก็ยังมีที่เท้าอีกด้วย  เธอรีบแกะผ้าที่มือออกก่อนอื่น

“ก็ไม่เชิง”

“อย่ามาทำเป็นมีความลับนะยะ  บอกมาเดี๋ยวนี้”  อันนะตวาดแว้ด

วายะหัวเราะเบา ๆ  แม่ของเขาไม่เปลี่ยนไปเลย  ยังคงทำเหมือนเขาเป็นเด็กวายร้ายที่ไปก่อเรื่องมาแล้วพยายามไม่ให้เธอจับได้เสมอ

“ไปเป็นยากุซ่ามา”

อันนะชะงักมือแล้วจ้องตาลูกชาย  วายะเองก็จ้องตอบมาตรง ๆ...แต่ก็นั่นแหละ  เธอรู้จักลูกชายของเธอดี  การจ้องตาตรง ๆ แบบนี้แหละที่เชื่อไม่ได้ที่สุด  เธอหรี่ตาด้วยนึกจับผิด

“จริง ๆ นะ”  วายะย้ำพร้อมกับรอยยิ้ม

“ฉันจะเชื่อไว้ครึ่งนึงแล้วกัน  แล้วแกต้องเล่าให้ฉันฟังละเอียด ๆ เลยด้วย”  อันนะตัดบท  ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กบ้านี่ไปฝึกวิชาโกหกหลอกลวงมาอีกกี่ขั้นแล้ว  การพูดไม่จริงของชุนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยเสียจนเธอต้องอาศัยสัญชาตญาณแยกแยะเอาเอง  เธอคิดว่าเมื่อก่อนเธอทำได้ดี  แต่หลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาสิบปีนี่...เธอรู้สึกเหมือนคนตรงหน้าเป็นผู้ชายที่เธอไม่รู้จัก

แม้อันนะจะเป็นคนใจแข็ง  แต่สภาพมือที่ไม่มีเล็บของลูกชายที่กำลังอับเสบบวมเป่งก็ยังทำให้เธอหน้าซีดเผือด...มืออีกข้างและเท้าทั้งสองก็คงเป็นแบบนี้เช่นกัน  นี่ลูกชายของเธอไปทำอะไรมากันแน่...แล้วทำไมทางนั้นถึงยังปล่อยให้มีชีวิตกลับบ้านมาได้

“ขอโทษนะ  แม่”

“จะมาขอโทษอะไรฉัน  นี่แกไปทำอะไรมาเนี่ย?”

“ทำไว้เยอะเลย  เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังไงล่ะ”  วายะยังคงยิ้มเรื่อย ๆ อยู่ในสีหน้า  “แต่ขอโทษที่ต้องให้ทำแผลให้  คงกลัวสินะ”

“กลัวสิยะ  บ้าจริง!  รอดมาได้ยังไงเนี่ย  แถมยังกลับมาถึงนี่ได้อีก  แผลนี่ยังสด ๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ”

“สี่ห้าวันแล้ว  แต่วันนี้คงหิ้วของเยอะ  เลือดเลยออกน่ะ”

“ไอ้เด็กบ้า!  หาเรื่องเดือดร้อนมาให้ตลอดเลยนะ”  ปากก็ว่าอย่างนั้นแต่อันนะก็รีบแกะผ้าพันแผลที่ส่วนอื่นออกให้แล้วรีบทำแผลทั้งยังมือไม้สั่น

“ผมเอาผ้าพันแผลมาด้วย...สวัสดิการน่ะ”  วายะขอให้เคนซื้อผ้าพันแผลที่จากนี้ไปคงจะต้องใช้อีกเยอะมาให้แล้วก็ยัดใส่กระเป๋าเสื้อผ้ามาด้วยเผื่อว่าแม่ของเขาจะไม่สะดวก  ถ้าเป็นเมื่อก่อนละก็แม่จะมีอุปกรณ์ทำแผลติดบ้านไม่ได้ขาดเพราะวีรกรรมของเขาที่เกิดขึ้นแทบจะไม่เว้นวัน  แต่เขาไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว  อุปกรณ์ที่ว่าอาจจะขาดมือก็ได้

“สวัสดิการ?  ยากุซ่านี่เขามีสวัสดิการด้วยเรอะ”  อันนะทำเสียงประชดประชันแล้วค่อย ๆ พันแผลให้อย่างบรรจง

“แก็งนี้มีนะ  หัวหน้าแก็งเขาโหดแต่ใจกว้าง”  พอเรียกนักธุรกิจใหญ่อย่างโอโนเสะว่าหัวหน้าแก็งแล้ววายะก็นึกขำตัวเอง  นี่ถ้าโอโนเสะได้ยินเข้ามีหวังโดนตัดนิ้วเป็นแน่

“เออ  นี่ขนาดใจกว้างนะยะเนี่ย”  ผู้เป็นแม่บ่น  พอเห็นแผลนั้นจนเริ่มชินตาแล้วเธอก็ค่อยบรรเทาอาการกลัวลง  “เฮ่อ...แบบนี้คงอาบน้ำไม่ได้สินะ  เดี๋ยวแม่เช็ดตัวให้ก็แล้วกัน”

“เช็ดตัว?”

“ก็ใช่น่ะสิ  ตัวแกร้อนออกขนาดนี้  มีไข้ด้วยใช่มั้ยล่ะ?”

วายะใช้ข้อนิ้วเกาแก้มอย่างกระดาก ๆ  ครั้งสุดท้ายที่แม่เช็ดตัวให้น่ะ  เขายังอยู่ประถมเท่านั้นด้วยซ้ำ...แล้วตอนนี้จะมา...คิดแล้วก็จั๊กจี้หัวใจ  ถึงบางครั้งเวลาที่เล่นสนุกกันคู่นอนของเขาจะเคยเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดตัวให้บ้างก็เถอะ...แต่นี่แม่เชียวนะ  แถมตอนนี้ร่างกายของเขาก็...

“...จะเช็ดให้ก็ได้  แต่...อย่าตกใจนะ”

“ทำไม?  แกไปสักเทพเจ้าฟ้าผ่ามาทั้งหลังเลยหรือไง?”  พูดถึงยากุซ่าก็ต้องคู่กับรอยสักเต็มหลังสวยงามเหมือนภาพวาดละนะ

“...เป็นงั้นก็ดีสิ”

แล้วอันนะก็ตะลึงงันกับต้นเหตุความอ้ำอึ้งของวายะ  แผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผลฉกรรจ์จนหาที่ว่างแทบไม่ได้  ส่วนที่แผ่นอกก็มีรอยแผลซึ่งเมื่อลอกผ้าก็อซออกแล้วเธอก็แทบลมจับ...รอยถลกหนังเป็นตัวอักษรสองตัวที่น่าจะเป็นชื่อคน...มันยิ่งกว่ารอยสักที่เธอคิดเอาไว้เสียด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: All I want 19 (หน้า17) 13/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 20-04-2012 20:38:13
ผู้เป็นแม่นึกอยากเขย่าตัวลูกชายแล้วคาดคั้นให้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังเสียเดี๋ยวนี้  แต่ก็นึกสงสารชายหนุ่มตรงหน้าจับใจ  สภาพของวายะตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับสัตว์บาดเจ็บที่พยายามกลับมาตายรัง  ระหว่างการเดินทางลูกชายของเธอจะต้องทนทรมานแค่ไหนกับบาดแผลพวกนี้  แต่วายะก็ยังอุตส่าห์กลับมาแถมยังยิ้มให้เธอราวกับแผลเหล่านี้เป็นเพียงรอยมีดบาดเล็ก ๆ เท่านั้น

ความสงสารนั้นหยดรินออกมาเป็นหยาดน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว แล้วมือใหญ่ก็เอื้อมมาปาดเช็ดหยดน้ำนั้นให้อย่างอ่อนโยน

“แม่...ผมขอโทษ”

“ถ้าจะต้องขอโทษก็อย่าทำตั้งแต่แรกสิ  ไอ้เด็กบ้า!”  อันนะตวาดแต่แล้วก็ซบหน้าลงกับไหล่หนานั้น

มือใหญ่ลูบหลังของผู้เป็นแม่เบา ๆ...แม่ตัวเล็กขนาดนี้เชียวหรือ  คงเพราะเขาโตขึ้นมากสินะ  แต่ไม่ว่าจะโตสักแค่ไหนเขาก็เอาแต่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้แม่เสมอ  และหลายครั้งที่มันร้ายแรงแสนสาหัสเสียจนแม่ต้องเสียน้ำตา...แม่ของเขาเป็นคนเข้มแข็ง  ตั้งแต่เกิดมาก็นับครั้งได้ที่เห็นแม่ร้องไห้  และมันก็มาจากเรื่องของเขาทั้งนั้น...

...

วายะ  ชุนเติบโตมาอย่างกระท่อนกระแท่นไม่น้อย  ตอนยังเล็กมาก ๆ ยายก็มาช่วยดูแลให้ที่แมนชั่นตอนที่แม่ไปทำงาน  พอถึงวัยก่อนอนุบาลยายก็นำเขาไปเลี้ยงให้ที่บ้านด้วยอยากให้เขาได้มีที่วิ่งเล่นซึ่งอันนะไม่ได้เต็มใจนัก  และเพราะไปอยู่บ้านยายตั้งแต่เด็กนี่เองที่ทำให้วายะเติบโตขึ้นมากับคำพร่ำบ่นและด่าว่าแม่ของตาอยู่เสมอ  ดังนั้นวายะจึงเกลียดตา  และพาลไม่ชอบหน้าผู้ชายที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับตาไปด้วย

“แม่แกมันก็แค่นังลูกงี่เง่าหัวดื้อ  แล้วดูซิ  งามหน้าแค่ไหนที่มีแกมาโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อแกเป็นใครน่ะ”

ถ้อยคำที่หัวใจเล็ก ๆ ชินชากับมัน  เจ้าหนูชุนโกรธทุกครั้งที่ตาพูดแบบนั้นแม้จะไม่เข้าใจความหมาย  แม่ของเขาเป็นคนเก่ง  แม่ทำกับข้าวอร่อย  และแม่ก็ร้องเพลงกล่อมนอนเพราะด้วย  ไม่เห็นมีอะไรที่ตาว่ามาสักอย่าง  เด็กน้อยอยากจะโตแล้วไปโรงเรียนเร็ว ๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาอยู่บ้านตาอีก

แล้วความฝันก็เป็นจริงเมื่อถึงวัยที่โตพอจะไปโรงเรียนอนุบาลแผนกเด็กเล็กได้  นอกจากจะได้ใส่เครื่องแบบใหม่และไปในสถานที่ใหม่ที่ไม่ต้องเจอหน้าตาแล้ว  ยังได้เพื่อนใหม่อีกด้วย

เพื่อนใหม่ที่ว่านี้ไม่ใช่เด็กที่เข้าชั้นเดียวกัน  แต่เป็นพี่ชายข้างบ้านที่แก่กว่าสองปีแต่ยังเรียนอยู่ชั้นอนุบาลเช่นกัน  อันนะที่มักจะไม่ค่อยได้เจอหรือสนิทสนมกับเพื่อนบ้านมากไปกว่าการทักทายเมื่อเจอหน้ากันตามมารยาท  ได้พบกับคุณแม่บ้านที่อาศัยอยู่ในแมนชั่นเดียวกันในวันเปิดเรียนของโรงเรียนอนุบาล  เธอเป็นฝ่ายจำอันนะได้และเข้ามาทักทายพูดคุย  ลูกชายตัวเล็ก ๆ ของเธอเกาะหลบอยู่ด้านหลังด้วยท่าทางเอียงอายแต่ก็ยังโผล่หน้ามาสนใจคนแปลกหน้า

นั่นเป็นครั้งแรกที่เจ้าหนูชุนได้พบกับรันจัง

...

“อยู่คนเดียวได้มั้ย?  แม่หุงข้าวไว้ให้แล้วนะ  ถ้าหิวก็ทอดไข่หรือทำอะไรกินเอาล่ะ  แม่เพิ่งซื้อของสดมาไว้เมื่อวาน  ก็ค้น ๆ เอาแล้วกัน  อยากได้อะไรเพิ่มก็ลงไปซื้อเองนะ  แต่อย่าลืมคีย์การ์ดล่ะ  ถึงจะลงไปแค่ชั้นล่างก็ต้องเอาลงไปนะ  ไม่งั้นกลับขึ้นมาไม่ได้ไม่รู้ด้วย  แล้วก็...”

“พอเถอะ  แม่...”  วายะยกมือปางห้ามญาติ  “ผมไม่ใช่เด็กประถมแล้วนะครับ  ไม่ทำไฟไหม้บ้านเพราะจุดเตาแก๊สไม่เป็นหรอก”

“ไม่รู้หละ  แกอยากไม่กลับบ้านมาเป็นสิบปี  ใครจะไว้ใจ”  อันนะบอกด้วยน้ำเสียงสะบัด ๆ  “แถมมือไม้ยังเป็นแบบนั้น  แม่ไม่ห่วงว่าแกจะทำไฟไหม้บ้านหรอก  กลัวแต่จะทำไฟไหม้มือตัวเองซะมากกว่า”

“โธ่...ของกินที่ไม่ต้องใช้ไฟมีตั้งเยอะแยะ  แม่ก็...”  วายะส่ายหัวดุกดิก  เขาไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้มานานเหลือเกินแล้ว

“ย่ะ  พ่อคนเก่ง  ตามสะดวกเถอะย่ะ  แม่ไปทำงานละ”  อันนะเปิดตู้รองเท้าหยิบรองเท้าคู่สวยมาสวม  มีวายะเดินตามมาส่งที่โถงหน้าด้วย

“แม่น่าจะเลิกทำงานเสียที  อายุก็ไม่น้อยแล้ว”

“ไอ้เด็กบ้า!!  พูดอะไรของแกยะ  ฉันยังไม่ห้าสิบเลยนะยะ!!”  มือเรียว ๆ ตบเพี๊ยะจนชายหนุ่มหัวทิ่ม

“ปีนี้ก็จะห้าสิบแล้วนี่”  แน่นอนว่าแรงตบแค่นั้นไม่สะกิดผิววายะแม้แต่น้อย

“ฉันจะทำงานไปจนตายย่ะ  รู้ไว้ซะด้วย”  อันนะจิ้มหน้าผากลูกชายจึก ๆ

“บริษัทไหนมันจะจ้างยายแก่ไปเป็นเลขา...”

“เอ๊!!  ไอ้นี่หนิ!  เดี๋ยวแม่เอารองเท้าตบปากซะดีมั้ย”  ไม่พูดเปล่ายังทำท่าจะถอดรองเท้าเสียอีก

“โอ๊ะ ๆ  ไม่ต้องครับ  ไม่ต้องทำจริง ๆ ก็ได้  คุณแม่คนสวย  รีบไปทำงานเถอะครับ  เดี๋ยวจะสาย”  วายะห้ามเป็นพัลวัน

อันนะทำหน้าบึ้ง  แต่แล้วก็หัวเราะพรืดออกมา  “เมื่อก่อน...เรายังไม่ทำแบบนี้กันเลยนะ”

“โฮ้ย  เด็กมัธยมที่ไหนมันจะมาส่งแม่ไปทำงานแบบนี้ล่ะครับ”

“เออ  นั่นสินะ”

“เอาละ  รีบไปรีบกลับนะครับ”  ชายหนุ่มหอมแก้มผู้เป็นแม่เบา ๆ

“หึ ๆ ๆ  ให้ตายสิ  คนแถวนี้ต้องว่าฉันเอาโฮสต์มาเลี้ยงแน่ ๆ เลย”  อันนะหัวเราะ

วายะไม่ตอบหากยิ้ม  “ไว้กลับมาคุยกันนะครับ”

“จ้ะ  ไปแล้วนะจ๊ะ  บ๊ายบาย”

ประตูห้องปิดลง  วายะลอบถอนใจเบา ๆ  เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการกลับบ้านจะทำให้รู้สึกสบายใจได้ขนาดนี้  อันนะย้ายมาอยู่ที่แมนชั่นแห่งนี้ก่อนที่เขาจะไปโตเกียวไม่นาน  ไกลจากบ้านเดิมของเขามาอีกเมืองหนึ่งแต่ก็ยังอยู่ในละแวกที่อันนะจะไปทำงานได้สะดวก  ที่นี่ไม่มีคนรู้จัก  ไม่มีเสียงนินทาว่าร้าย  ไม่มีสายตาแปลก ๆ...และไม่มีรันจัง...

นั่นเป็นเรื่องเดียวที่กดดันอยู่ท่ามกลางความสบายใจนี้  ชื่อที่ไม่เคยลืม  ใบหน้าที่ไม่เคยลบเลือนไปจากหัวใจ...คนสำคัญที่สุดในชีวิต

...และบาปมหันต์ที่ได้ทำเอาไว้กับคนคนนั้น...

ชายหนุ่มใช้ข้อนิ้วขยี้หว่างคิ้ว...ยังก่อน  ตอนนี้ขอเขาพักก่อน  ร่างกายของเขายังต้องการฟื้นตัวอีกสักระยะ  การกลับมาบ้านเกิดครั้งนี้ไม่มีกำหนดระยะเวลา  เพราะงั้นขอให้ทั้งร่างกายและจิตใจของเขาได้เตรียมพร้อมเสียก่อนเถอะ  แล้วเขาจะไป...เผชิญหน้ากับการตัดสินใจที่จะกำหนดเส้นทางชีวิตของเขาไปตลอดกาล

ต้องใช้ความกล้าหาญสักแค่ไหนนะ...ถึงจะสามารถเผชิญหน้ากับการตัดสินใจนี้ได้...

...

ตอนที่วายะเข้าอนุบาล  ซากุระก็บานสะพรั่งเหมือนในตอนนี้  เจ้าหนูชุนจ้องตอบดวงตาสีดำกลมโตที่มองมาที่เขาอย่างสนอกสนใจทั้งที่ยังหลบอยู่ข้างหลังผู้เป็นแม่

“มองไรเล่า”  นั่นคือคำแรกที่พูดออกไป  และเป็นผลให้อีกฝ่ายยิ่งซุกคุณแม่เข้าไปใหญ่

“ชุน!  พูดแบบนั้นกับพี่เขาได้ยังไง”  อันนะดุเอาเบา ๆ  “ขอโทษเขาซะ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”  ชิโอริ  เพื่อนบ้านบอกมาอย่างไม่ถือสา  แล้วก้มลงมาหาวายะ  “ชุนคุง  ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะจ๊ะ”

วายะจ้องหน้าเธอแล้วบอกกับตัวเองว่า  เธอคนนี้ไม่มีสายตาแปลก ๆ เหมือนคนอื่นเวลาที่มองเขา  ไม่มีความมุ่งร้าย  ไม่มีคำนินทา  และไม่มีความสมเพชสงสาร

“อื้อ”  เจ้าตัวเล็กพยักหน้ายอมรับเธอเป็นพวกแต่โดยดี

“พูดว่าฝากเนื้อฝากด้วยด้วยซี่”  อันนะกดหัวเจ้าลูกชายให้ก้มลง  รู้สึกอับอายนิด ๆ กับความไร้มารยาทของวายะ

“ฝากตัวด้วยคับ”  พอโดนแม่บังคับก็ยอมพูดออกมาง่าย ๆ

“แล้วก็ฝากพี่เขาด้วยนะจ๊ะ”  ชิโอริยิ้มแล้วก็รุนหลังลูกชายมาข้างหน้า

“ฝะ...ฝากตัวด้วยฮะ”  เด็กน้อยก้มผลุบลงด้วยท่าทางเขินอาย  แล้วมองหน้าคนตัวเล็กกว่า

“มองไรเล่า”

“ชุน!”


เปิดเทอมวันแรกไม่ได้มีอะไรมาก  พวกเด็ก ๆ ได้วิ่งเล่นและทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่รวมไปถึงร้องไห้กระจองอแงอยากกลับบ้านด้วย  แต่ไม่ใช่สำหรับเจ้าหนูชุน  ไอ้ตัวเล็กเพลิดเพลินและหมกมุ่นอยู่กับของเล่นในห้องเรียนโดยไม่สนใจใคร  ตื่นเต้นไปกับสถานที่ใหม่ที่ยายคอยบ่นและไม่มีตาคอยพูดอะไรไร้สาระให้ได้ยิน

แล้วใครบางคนก็มานั่งลงตรงหน้า  พอเงยหน้ามองก็พบเจ้านางอายที่ได้เจอกันเมื่อเช้า

วายะคว้าของเล่นมาถือไว้แล้วมองผู้มาเยือนอย่างไม่ไว้วางใจ  “มองไรเล่า”

“มองตัวแหละ”

เจอคำตอบกำปั้นทุบดินแบบนี้เข้าไป  เจ้าหนูชุนก็อึ้งนิดหน่อย  “ไม่ต้องมามองนะ”

ได้ยินแบบนั้นก็เลยมองไปรอบ ๆ ห้องแล้วหันกลับมาถาม  “เล่นคนเดียวเหรอ?”

“ก็เห็น ๆ อยู่”

“เค้าชื่อรันมารุ”

“ยาว”

“ตัวชื่ออะไรล่ะ?”

“ชุน”

“แค่นั้น?”

“แค่นั้นแหละ  จะชื่อยาว ๆ ทำไม  เสียเวลาเรียก”

เป็นเหตุผลที่ฟังเข้าท่า

“งั้น...ชุนจัง”

“จะมาเติมชื่อเค้าให้ยาวทำไม”

“ก็มันน่ารักดี  ตัวเรียกเค้าว่ารันจังด้วยละกัน  เห็นมั้ย  ชื่อยาวเท่ากันแล้ว”

ฟังดูก็เข้าท่าดี  ดังนั้นเด็กทั้งสองคนจึงตกลงที่จะเรียกกันและกันเช่นนั้น  ก่อนที่รันมารุจะทำตัวเป็นพี่ชายและชวนเจ้าหนูชุนเล่นด้วยกันทันที

...

เพี๊ยะ!!!!

เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังสนั่น  แต่ฝ่ายที่ตบกลับมือสั่นระริก

“ไอ้เด็กบ้า!!  แกทำบ้าอะไรของแก!?  รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไปน่ะ  หา!?”

เสียงตวาดดังคับห้อง  หากชายหนุ่มก้มหน้านิ่ง  เขาคาดไว้แล้วว่าปฏิกิริยาของแม่จะต้องเป็นแบบนี้เมื่อเขาเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่โตเกียวจบ

“แกทำอย่างนั้นกับลูกเขาได้ยังไง  เด็กนั่นมีพ่อมีแม่นะ!!”  อันนะเขย่าตัวลูกชายพลางกรีดเสียงใส่

วายะยังคงนิ่งเงียบ  เขายอมรับว่าในตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรเลย  เขาคิดเพียงแต่ต้องการจะสั่งสอนโทโมกิเท่านั้น  แต่หลังจากที่ได้ลิ้มรสไปแล้วครั้งหนึ่ง  ก็ไม่อยากจะปล่อยมือ...ในตอนที่ได้สัมผัสเป็นครั้งแรกนั้น  เขารู้สึกเหมือนเห็นภาพทับซ้อนระหว่างโทโมกิกับรันจังของเขา  และนั่นผลักดันความปรารถนาให้เตลิดไปจนเกินขีดที่จะควบคุมได้

เมื่อลูกชายไม่ตอบ  อันนะก็ปล่อยมือ  ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงเกรี้ยวกราดกว่านี้และลงไม้ลงมือกับเด็กคนนี้หนักกว่านี้แน่  อาจเพราะอายุที่มากขึ้นและความคิดอ่านที่สุขุมเยือกเย็นมากขึ้นทำให้เธอใจเย็นลง

“รู้ตัวหรือเปล่า  ชุน...แกทำลายชีวิตคนทั้งชีวิตเลยนะ...”

ทำพูดนั้นทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจที่เคยด้านชาของชายหนุ่ม  วายะกัดริมฝีปาก...รู้สิ  ทำไมเขาจะไม่รู้  ในเมื่อเขาเองที่เป็นคนทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเวลาที่ผ่านมานี้

“...เพราะรู้  ผมถึงได้กลับมาที่นี่ไง  แม่”

การกระทำโดยไม่ยั้งคิดของเขา  เปลี่ยนแปลงชีวิตคนอื่นมาครั้งแล้วครั้งเล่า  รวมถึงชีวิตของตนด้วย

“ผมต้องรู้ให้ได้ว่า  สุดท้ายแล้วผมต้องการใครกันแน่  ระหว่างโทโมะกับรันจัง...”

ชื่อของเด็กหนุ่มคนนั้นที่หลุดออกมาจากปากของวายะ  เหมือนจะกระแทกเข้าไปในใจของอันนะ  เธอจ้องตาลูกชายแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“ชุน...แต่แกกับรันจังน่ะ...”

“ผมรู้...ว่ารันจังลืมผมไปแล้ว”  ลมหายใจถึงกับสะดุดเมื่อพูดคำนั้นออกมา  “แต่ถ้ามีโอกาสแม้เพียงน้อยนิด  ผมก็อยากจะคว้าเอาไว้”

อันนะมองลึกเข้าไปในดวงตาของผู้เป็นลูก  เธอเห็นความสับสนลังเลอยู่ในนั้น...ความรู้สึกที่เธอแทบจะไม่เคยเห็นจากแววตาคู่นั้น  วายะตัดสินใจอะไรเด็ดขาดเสมอ  เชื่อมั่นในตัวเองมาตลอด  แม้กระทั่งตอนที่บอกเธอว่าจะไปโตเกียวทั้งที่ยังไม่มีงานหรืออนาคตอะไรรออยู่ข้างหน้า  เพียงแค่เชื่อและตัดสินใจว่าจะลงมือทำก็จะทำทันที...แต่ตอนนี้  เด็กคนนี้กำลังลังเล  เพราะแม้แต่ตัวเองก็รู้ดีว่า  โอกาสที่พูดออกมานั้นมันแทบจะไม่มีอยู่เลยแม้แต่น้อย

และตอนนี้...เธอรู้ดีว่ามันยิ่งน้อยลงไปอีก

อันนะลังเลว่าเธอควรจะบอกสิ่งที่เธอรู้ออกไปดีหรือไม่  แต่แม้จะสับสน  ลูกชายของเธอก็เดินทางมาถึงที่นี่แล้ว  กลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่พยายามหลีกหนีมาตลอด...ถ้าเช่นนั้น  เธอก็ควรจะช่วยเขา

“ชิโอริซังบอกว่า  มีคนส่งเงินจำนวนมากมาที่บ้านทุกเดือน  เป็นค่ารักษารันจัง...นั่นคือแกใช่มั้ย  ชุน?”  แม้จะย้ายมาอยู่ห่างกันแล้ว  เธอกับอดีตเพื่อนบ้านก็ยังติดต่อกันเป็นครั้งคราว

วายะพยักหน้า  “แล้วรันจังได้ผ่าตัดหรือเปล่า?”

“ผ่าสิ  ผ่าไปหลายครั้งแล้ว”  ทุกครั้งที่รันมารุเข้ารับการผ่าตัด  ชิโอริจะโทรมาหาอันนะเสมอ

“ดีขึ้นบ้างมั้ย?”

“เห็นบอกว่าตอนนี้ก็ใช้ไม้ค้ำเดิน  แต่ถ้าไปไหนไกลหน่อยก็ใช้รถเข็นน่ะ”

ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายด้วยความยินดีอย่างยิ่ง

อันนะไม่อยากทำลายประกายตานั้นลง  แต่เธอต้องทำ  เธอจะปล่อยให้วายะฝันลม ๆ แล้ง ๆ ไม่ได้

“แต่...ชุน  รันจังน่ะ...เขามีคนดูแลแล้วนะ”

“เอ๊ะ?”

“ถ้าพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือเขาออกเรือนไปแล้ว”

“อะไร?  ไม่เห็นมีใครบอกเลย  แต่งงานกับใคร!?”  วายะมีท่าทีร้อนรนขึ้นมาทันที

“ก็...ไม่ได้แต่งงาน...”  อันนะอ้ำอึ้ง  ตอนที่เธอได้ยินเรื่องนี้เธอก็ตกใจเหมือนกัน  “แต่เขาไปอยู่กินกับโอมิยะซังหลายปีแล้ว”

“โอมิยะ?”

“โอมิยะ  อิจิโร่ซัง  ที่เคยเป็นอาจารย์สมัย ม. ปลายของแกไงล่ะ”




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ปล. เดี๋ยวผมจะหาวิธีแปะลิงค์ผลงานชิ้นอื่นๆให้มันสะดวกกว่านี้อีกทีนะครับ แปะเยอะๆมันเหนื่อย
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 20-04-2012 20:46:45
-0-แบบนี้ก็เลือกได้เลยสิเนี่ย
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 20-04-2012 20:55:46
ซับซ้อนกว่าที่คิด
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 20-04-2012 21:57:22
ง่ะ ! วายะ เลือกมาเลยนะ สงสารโทโมกิ  :o12:

 :pig4:นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: vocaloid ที่ 20-04-2012 22:11:17
ัเป็นพวกหล่อเลือกได้สินะ
แต่อีกคนมีแฟนแล้วนี่หว่า 55  :m20:
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 20-04-2012 22:16:00
ตอนเด็กท่าจะน่ารักกันทั้งคู่เลย ชุนจังกับรันจังเนี่ย...
ชอบการเล่าเรื่องของตอนนี้จังค่ะ สลับกันไปมาระหว่างปัจจุบันกับอดีต อยากรู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้
 :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 20-04-2012 22:19:32
อย่าบอกนะว่าที่รันจังต้องเดินไม่ได้ แถมท่าทางจะความจำเสื่อมเนี่ย
เป็นเพราะชุนด้วย
โอวววว มือหนัก เท้าหนักมากพ่อคุณ
ช่วยทนุถนอม เพลาๆ แรงหน่อยเหอะ
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 20-04-2012 22:28:32
ชุนตอนเด็กน่ารักนะเนี๊ยะ

หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 20-04-2012 22:30:22
ให้รันไปเจอคนที่ดีเถอะนะ
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: EvilivE ที่ 20-04-2012 23:24:59
โอยยยยยยยย ชีวิตลำเค็ญ!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 21-04-2012 00:06:29
หวา เกิดอะไรขึ้นนะ
ถ้างั้นชุนก็มีแต่โทโมกิแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 21-04-2012 00:14:47
โอยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากรู้ตอนต่อไปจะแย่

ชุนไปเจอรันจังซักครั้งก็ดีเหมือนกันนะ เผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น

และถ้าชุนเลือกโทโมะก็จะได้เลือกอย่างเต็มหัวใจไม่มีอะไรติดค้างอีกไง ชุนสู้ๆ โทโมะสู้ๆ ^^
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 21-04-2012 02:24:45
เคลียซะ เอาให้จบ

จับปลาสองมือ

แม่ยกไม่ยอมนะจะบอกให้ !!!!
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 21-04-2012 03:04:53
เค้าถามนิดเดียวน่าาา
"ตอนนี้โทโมกิก็ยังโดนจับตัวไปอยู่ใช่ม่ายยยย"
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 21-04-2012 04:51:35
แบบนี้ก็เลือกง่ายแล้ว
พักรักษาตัวสักหน่อยแล้วกลับไปหาโทโมะเถอะ
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 21-04-2012 09:10:09
ชุนนี่ก่อคดีไว้เพียบเลยแฮะ
อยากรู้จริงว่าทำอะไรรันจังไว้
แต่ยังไงก็ต้องเลือกโทโมะละ รันจังเค้ามีสามีแล้วหนิ
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 21-04-2012 09:48:39
เห้ย!!!

เดี๋ยวๆๆๆ
คนเขียน...อะไร กลับมาต่อก่อน
อ่อยยย...งงมาก อ๊ากกกกกกก
อยากอ่านต่อ...ฮรืออออ
วายะ...รันจังออกเรือนไปแล้วสื่อให้รู้ว่า...โทโมกิไม่มีขู่แข่งร้าวววว
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 21-04-2012 10:01:17
 :o12: :o12: :o12:

อยากรู้ความหลังของชุนกับรันจัง
อยากให้ถึงปัจจุบันไวๆจัง
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 21-04-2012 14:24:31
ชุนนี่ อันตรายจริงๆ ชอบคนไหน คนนั้นมีอันต้องเจ็บหนัก
แม่อันนะเท่มากๆ เก่งมากๆ เสียดายที่ไม่มีคนรักอยู่เคียงข้าง
ตอนชุนโดนถอดเล็บ ถลกหนัง สยดสยองสุดๆ โอโนเสะซังโหดอ่ะ
โทโมะรู้เข้าจะสงสารชุนบ้างมั้ย
แต่ชุนก็อารมณ์แรงเกิน ตบแรงๆตั้งไม่รู้กี่ที ขนาดรักนะเนี่ย ถ้าเป็นคนอื่นสงสัยโดนฆ่าเลย
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 21-04-2012 15:00:32
จะได้รู้เรื่องต่างๆของวายะบ้างละ หุหุ....ชุนจัง :laugh:
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 21-04-2012 17:31:04



   เหอะๆๆๆ พอตามหาก็พบว่าคนๆนั้นมีเจ้าของไปซะแล้ว



หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 21-04-2012 18:33:44
เค้าจะเอา  โทโทะะ


จาอาวววววววว


55555

งืดดดด

การเดินทางยังไม่สิ้นสุด  รอต่ไป 

สู้ๆนะ ><
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 21-04-2012 19:37:59
วาย๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
นายกลับมาหาโทโมะเดี๋ยวนี้เลยนะ :m16:อย่าริอาจกลับไปหารันจังเชียว
ประเดี๋ยวจะหาว่าแม่ยกไม่เตือน....วะฮะฮ่า.... :laugh:(บ้าไปละตรู)
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 21-04-2012 20:15:52
วายะไม่ต้องเลือกแ้ล้ว
โทโมะนะดีที่สุด

 :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 21-04-2012 21:48:57
แล้วจะกลับไปช่วยโทโ :serius2:
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: aishiteru. ที่ 21-04-2012 22:06:07
รู้เรื่องแบบนี้ก็ดี เหมือนจะทำให้วายะตัดใจ หรือ ตัดสินใจง่ายขึ้นนะ
วายะมันอึดจริงๆ อดทนได้ไงฟร่ะ ไม่ใช่มนุษย์แล้ว =[]= สงสารวายะจังเลย
รีบๆตัดสินใจ ทำความเข้าใจ ความต้องการตัวเองเร็วๆนะ จะได้รีบกลับไปหาโทโมะ
ตอนแรกนึกว่า วายะส่งเงินไปให้แม่ใช้เยอะ นึกว่าคุณแม่ป่วย แต่สรุปว่าส่งเงินไปให้รันจังหรอกหรอ
แถมรันจังที่เรียกเนี่ยอายุมากกว่าซะด้วย นึกว่าจะเด็กคล้ายๆโทโมะซะอีก
รู้สึกว่าชื่อที่คุณแม่ยังเปรี้ยวบอกว่าออกเรือนไปแล้วนั่นชื่อผู้ชายเร๊อะอ.สมัยก่อนหรออืมยังไงกันละเนี่ย
คุณแม่เข้มแข็มมากๆเลยอ่ะ เรื่องในอดีตของคุณแม่แล้วก็อดีตกว่าที่วายะจะโตขึ้นมา เหอๆ
เหลืออีกนิดอดีตของวายะกับรันจัง วายะไปทำอะไรรันจังจนถึงขั้นต้องรักษาผ่าตัดยาวนานไม่หายสักที
สุดท้ายยยยย เอาใจช่วยวายะแล้วก็โทโมะ ต่อไป ยังคิดถึงโทโมะอยู่โดนคนร้ายจับไปเป็นตายร้ายดียังไงแล้วเนี่ย โฮกกก
เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้นเหมือนเดิมม รออ่านรอลุ้นตอนต่อไปค่าา
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 21-04-2012 22:24:18
ชอบเรื่องนี้มากกว่า come closer นิดนึง
รู้สึกว่าปมมันน่าสนใจกว่า  แล้วก็บทบาทของตัวเอกชัดเจนดี
จริงๆแล้ว  ชอบฮิโระด้วย  แบบ incest นิดๆ  แบบนั้นน่ะ
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 22-04-2012 22:23:09
โธ่ ทำไมมันวุ่นวายขนาดนี้ มาเจออดีตรำลึกอดีตอีก

ส่วนรันจังที่อุตส่ามาหาก็กลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว แล้วยังมีคุณครูเครมเด็กอีก

อ๊าย! ชีวิต
ปล.แปะลิงค์ไว้ตรงหน้าแรกสิ
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: Minako ที่ 23-04-2012 01:57:50
โอ้ววววว -O-
แสดงว่าต้องเลือกโทโมกิใช่มั้ยยยยย
ไม่ต้องคิดแล้ววว โทโมะเนี่ยแหละ 55555!  :laugh:
แต่ก็แอบสงสารวายะเบาๆ   :o12:
สู้ๆค่าา
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 23-04-2012 10:14:54
นี่...กำลังจะได้รู้เรื่องที่น่ากลัวของชุนในอดีตใช่ไหม???
ทำอะไรไว้นะ มันคงโหดพอดู เลยทำให้ฝังใจ...ติดนิสัยโหดเพราะคุณตาชอบบ่นว่าหรือเปล่านะ??
(ไปเรื่อยเลยชั้น)
รออ่านต่อนะจ๊ะ ขอบใจจ้า
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: ปุยหมาม่วง ที่ 24-04-2012 23:25:03
ขอคอมเม้นความเห็นส่วนตัวนิดนึงนะคะ  ^^


ตอนที่วายะถูกทรมานเป็นการลงโทษ ถูกเฆี่ยน ถอดเล็บ ฯลฯ อ่านๆไปแล้วกลับรู้สึกสงสาร และโกรธโทโมะ 5555 ไม่ชอบใจมากๆเลยที่โทโมะทำก่อนหน้านั้น

ปาเครปใส่วายะ เป็นการกระทำที่ไม่ใช่แค่คำว่าดื้อ แต่มันเหมือนการกระทำของเด็กที่นิสัยไม่ดี เอาแต่ใจ ดูถูกเหยียดหยามคนอื่น ดูไม่น่ารักเลย

วายะทำร้ายโทโมะด้วยความโมโห แต่เรากลับคิดว่าถึงเป็นเด็กคนอื่นวายะก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน เพื่อจะสั่งสอนว่าไม่ควรทำแบบนี้ไม่ว่ากับใคร

ไม่ใช่แค่กับเค้า แต่กับคนอื่นก็ไม่ควรทำ

และด้วยความที่เป็นคุณหนู สุดท้ายคนที่ผิดมากกว่าก็คือวายะ ฮ่วย!!


ขอคอมเม้นความเห็นส่วนตัวนิดนึงนะคะ  ^^



--------

แอบคิดว่า ไม่น่าใช้วิธีเล่าย้อนเลยค่ะ รู้สึกว่ามันย้อนไกลเกินไปจนแทบจะลืมและหมดอินเนอร์กับตอนปัจจุบันที่ค้างเอาไว้ว่ากำลังถูกรุมโทรม

(แล้วตอนที่ค้างเอาไว้ก็ดันเป็นตอนที่กำลังตื่นเต้นซะด้วยนะ กำลังลุ้นเลยว่าจะมีคนมาช่วยทันมั้ย มันเลยเหมือนสะดุดและค้างฉากนั้นมานานเกินไป)

และคิด(เอาเอง)ว่า ถ้าดำเนินเรื่องจากอดีตไปจนถึงปัจจุบันน่าจะตื่นเต้นกว่า เพราะจะทำให้ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง

จะทำให้ลุ้นว่าเมื่อชุนกับโทโมกิอยู่ร่วมกันในฐานะบอดี้การ์ดกับเจ้านายจะออกมาเป็นยังไง มันจะน่าตื่นเต้นมากๆเลยค่ะ

รอตอนต่อไปนะคะ พล็อตเจ๋งมากๆ กำลังอิน ^^
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: hyuk_knok ที่ 25-04-2012 11:15:11
 :z3: :z3:จะทำเช่นรัยดี ชอบเรื่องนี้มากเลยอ่ะ
เสพติดขั้นรุนแรง :a5:
รักโทโมะ รัก :กอด1:วายะ
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 27-04-2012 22:49:54
All I want # 21

วายะกระชับแจ็คเก็ตตัวบางเมื่อสายลมเย็นพัดวูบมา  ระหว่างทางจากแมนชั่นไปสถานีรถไฟมีต้นซากุระปลูกอยู่เรียงรายและตอนนี้กำลังผลิดอกเต็มต้น  ชายหนุ่มเดินไปอย่างไม่รีบร้อนนัก  สองเท้าลากช้า ๆ ไปตามทางเดิน  หลายครั้งที่หยุดยืนด้วยความลังเลและอยากกจะเดินกลับเสียด้วยซ้ำ  แต่ก็รู้ดีว่าถ้าถอยตอนนี้  เขาคงไม่มีทางรวบรวมความกล้าได้ขนาดนี้อีก  และทุกอย่างก็คงจะจบลงอย่างไม่มีทางออกเหมือนที่มันเคยเป็นมา

แผลของเขาแห้งแล้ว  ไม่มีไข้และเคลื่อนไหวได้คล่องเหมือนเดิมแล้ว  ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องไปพบหน้ารันจังเสียที
ทิวทัศน์ผ่านหน้าต่างรถไฟไปอย่างรวดเร็ว  แต่ถึงมันจะช้ากว่านั้นวายะก็ไม่ได้สนใจจะมอง  จากคำบอกเล่าของแม่ทำให้ชายหนุ่มอยากไปพิสูจน์ด้วยตาของตัวเอง

โอมิยะเข้ามาเป็นครูพร้อมกับตอนที่เขาเข้าเรียนมัธยมปลาย  พวกผู้ชายไม่ค่อยชอบขี้หน้านักหรอก  แต่ดูเหมือนจะป๊อปในหมู่สาว ๆ น่าดูเหมือนกัน...แล้วคนคนนั้นน่ะนะ  ที่มารับรันจังไปดูแล...

เชื่อใจได้เหรอ...ไว้ใจได้เหรอ...ผู้ชายที่ดูไม่เป็นโล้เป็นพายคนนั้นน่ะ...

ในสายตาของวายะเมื่อตอนนั้น  โอมิยะดูเป็นผู้ชายที่ขี้หลีไปวัน ๆ เท่านั้น  เรื่องการสอนเป็นยังไงเขาไม่จำไม่ได้เพราะไม่ได้สนใจจะเรียนเท่าไรนัก  แต่ก็ไม่เคยตกวิชาของโอมิยะสักครั้ง  เพียงแต่ที่ไม่ค่อยพอใจก็คือ  โอมิยะมักจะมองเขากับรันจังอยู่บ่อย ๆ

มองมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วสินะ...แล้วตอนนี้ก็มาแย่งรันจังของเขาไปงั้นสินะ...

วายะกำหมัดแน่น  เขารู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่  ไม่ได้อยู่เฝ้ารันจังไว้...แต่รันจังก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ว่าใครก็จะมาแย่งไปไม่ได้


ชายหนุ่มลงรถที่สถานีรถไฟที่คุ้นเคย  ถ้าเดินขึ้นเนินไปอีกนิดจะมองเห็นทะเล  ทิวทัศน์ที่เขาคุ้นตามาตั้งแต่เกิด  เมืองที่เกิดมา...เมืองที่ใช้ชีวิตมากว่าครึ่งชีวิต...และเมืองที่เขาชิงชัง  หากเมืองนี้ยังมีสิ่งที่เขาแสนรักอยู่  แม้จะเคยคิดมาตลอดว่าอยากไปให้พ้นจากเมืองนี้ทันทีที่เป็นผู้ใหญ่  แต่คำพูดบางคำของรันจังได้รั้งเขาเอาไว้  กระทั่งวันที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาแหลกสลายลง

ทะเลเมืองซางะยังคงสวยงามเหมือนเดิม  แม้ที่เมืองนี้จะไม่มีชายหาดและเต็มไปด้วยเครนสูงของอู่ต่อเรือก็ตาม  น้ำทะเลยังสะท้อนแดดเป็นประกายนับล้าน ๆ ดวงเหมือนที่เคยเป็นมาตั้งแต่จำความได้  ประกายระยิบระยับนั้นเจิดจ้าพร่านัยน์ตาจนไม่อาจทนมองได้นาน  หรือเพราะตัววายะเองที่ไม่ได้ใช้ชีวิตกลางแดดจ้า ๆ แบบนี้มาหลายปีแล้วกันแน่นะ

วายะหลบตาจากท้องทะเลมามองเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ตีนเนินเขา  ผ่านมาสิบปีแล้ว...แต่ที่นี่ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปสักอย่างเดียว  ยังคงมีต้นไม้ใหญ่และอาคารเตี้ย ๆ เรียงรายกันไปตามแนวถนน  เป็นเมืองเล็ก ๆ เงียบ ๆ ด้วยย่านร้านค้าอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของเนินเขาด้านสถานีรถไฟ  แต่ก็ยังมีสาธารณูปโภคครบครัน  ทั้งโรงเรียน  โรงพยาบาล  และหอสมุด

หอสมุดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยที่เมืองแห่งนี้เป็นเมืองของทหารเรือ  ปัจจุบันยังคงได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี  อาคารสองชั้นเรียบง่ายกว้างขวางรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่และสวนดอกไม้ร่มรื่น  และในตอนนี้ต้นไม้ที่ส่วนมากเป็นซากุระก็กำลังผลิดอกเต็มต้น

วายะคุ้นเคยกับหอสมุดแห่งนี้มาตั้งแต่สมัยเรียน  ไม่ได้มาอ่านหนังสือหรอก  ส่วนมากก็มาเป็นเพื่อนรันจังแล้วก็มานอนเสียมากกว่า  ปล่อยให้รันจังอ่านหนังสือไปจนเต็มอิ่มแล้วค่อยมาปลุกเขากลับบ้านก็แค่นั้น

ชายหนุ่มเงยหน้ามองอาคารที่คุ้นเคย  ทั้งที่เคยเดินผ่านเข้าออกมาตลอดแต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้รู้สึกเหมือนกับมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นเอาไว้กันนะ...แต่ยังไงก็ต้องเข้าไป  เพราะรันจังทำงานอยู่ข้างในนั้น

แม้จะคิดแบบนั้นแต่สองขากลับไม่ยอมขยับ  ความกล้าที่รวบรวมมาตลอดหลายวันเหมือนจะมลายหายไปจนหมดสิ้น...ในตอนนี้  รันจังจะเป็นยังไงบ้างนะ...ในความทรงจำของวายะนั้น  ทุกอย่างหยุดอยู่ที่วันนั้นเมื่อสิบปีก่อน...แล้วในตอนนี้  รันจังจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนกันนะ

อยากพบ...แต่...ความกล้ามันหายไปไหนหมด...

สุดท้ายก็ได้แต่ลงนั่งที่ม้านั่งใต้ต้นซากุระต้นหนึ่ง  นึกเกลียดตัวเองที่ขี้ขลาดขนาดนี้  ทำไมกันนะ...ทั้งที่แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยกลัวใครแท้ๆ  แต่ทำไมวันนี้เขาถึงได้...


ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่าตนนั่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน  กระทั่งผู้คนเริ่มทยอยออกมาจากหอสมุดจนหมดและตะวันตกดินแล้ว

พลันก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้แล้วหยุดลงตรงหน้า

“เอ่อ...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?  เห็นนั่งอยู่ตรงนี้นานแล้ว”

วายะเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียกแล้วก็รู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ

ใบหน้านั้น...ใบหน้าแบบเดียวกับในความฝันที่ไม่เคยลืมเลือนเลยตลอดสิบปีมานี้  แม้จะเปลี่ยนไปนิดหน่อยด้วยวัยที่มากขึ้น...แต่ก็จดจำได้ในทันที...

รันจัง!!

วายะได้แต่ตะลึงจ้องคนตรงหน้า  ทำอะไรไม่ถูก  เขาควรจะตอบว่าอย่างไร  ควรจะพูดว่ายังไง...คิดอะไรไม่ออกเลย...เมื่ออยู่ต่อหน้าแววตาคู่นั้น  ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง...แววตาที่ยังคงมองเขาเหมือนกับคนแปลกหน้า!


อย่ามองเขาแบบนั้น...ขอร้อง...รันจัง...


“เอ๊ะ  วายะคุงไม่ใช่เหรอ?”  อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับที่เจ้าของเสียงชะโงกหน้ามองข้ามไหล่รันมารุมา

นี่ก็เช่นกัน...วายะจำใบหน้านั้นได้ทันที

“...อาจารย์...โอมิยะ?...”  ชายหนุ่มพึมพำชื่อนั้นออกมาด้วยอาการจับต้นชนปลายไม่ถูก

“วายะคุงจริง ๆ ด้วย  ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้มาเจอกันที่นี่น่ะ  ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”

“อาจารย์?...ลูกศิษย์ของอิจิโร่ซังเหรอครับ?”  รันมารุหันไปถามโอมิยะ

“ใช่สิ  ก็วายะคุงคนที่...”  หางเสียงของโอมิยะขาดหายไป  จ้องมองรันมารุด้วยสีหน้าแปลกประหลาดบางอย่าง  แล้วรีบหันกลับมามองวายะ

ความตื่นตะลึงที่ถ่ายทอดมาทางแววตานั้น  ทำให้วายะรู้...โอมิยะเองก็คงรู้เรื่องระหว่างพวกเขามาบ้างเช่นกัน  แต่คงไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงถึงขั้นนี้

“เอ้อ...วายะคุงเคยเป็นเด็กในชมรมน่ะ  แต่หลังจากที่เธอจบไปแล้วละ”  โอมิยะรีบแก้สถานการณ์  แม้จะดูมีช่องโหว่บ้างแต่ท่าทางรันมารุจะไม่ได้สนใจ

“อ๋อ  มิน่าล่ะ  ถึงได้ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน  แบบนี้ก็เป็นรุ่นน้องของผมสินะครับ”  คำพูดพร้อมกับรอยยิ้มสดใสนั้นยิ่งทำให้โอมิยะมีสีหน้าแย่ลงไปอีก...แต่วายะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้

กระนั้น...ก็ยังเจ็บปวด...

“ว่าแต่...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ  วายะซัง?  ผมมองมาจากในหอสมุด  เห็นนั่งอยู่ตรงนี้นานมากแล้ว”

อย่า...อย่าพูดกับเขาเหมือนคนแปลกหน้าแบบนี้  ขอร้องละ...ในใจของวายะร่ำร้อง  หากมีเพียงความรวดร้าวแล่นผ่านแววตาเพียงชั่วแวบก่อนจะถูกกลบไว้ด้วยหน้ากากของความเยือกเย็นที่ใช้อยู่เป็นประจำ

“...ไม่เป็นไรหรอกครับ”

แต่ท่าทางของวายะไม่อาจลอดพ้นสายตาของโอมิยะไปได้

“วายะคุงมารอเจอฉันน่ะ”  เขาบอกกับรันมารุแบบนั้น

“มารอเจอ?”

“ใช่...วายะคุงเขาไปทำงานที่โตเกียวนานแล้ว  วันก่อนติดต่อมาว่าจะกลับมาเยี่ยมบ้านเลยจะแวะมาหาน่ะ”  โอมิยะลื่นไหลไปได้ราวกับเตรียมเรื่องไว้เป็นอย่างดีแล้ว...วายะลอบถอนใจน้อย ๆ กับตัวเอง  เมื่อก่อนโอมิยะก็เป็นแบบนี้แหละ  เขาถึงได้ไม่ค่อยชอบขี้หน้าไง

“ไม่เห็นคุณบอกผมเลย  จะได้ซื้อของกินเตรียมไว้  ที่บ้านไม่มีอะไรจะทำเลี้ยงเลยนะครับ”  รันมารุต่อว่า

อย่าพูดคำที่ควรพูดกับฉันกับโอมิยะได้มั้ย...ได้ฟังแล้วมันเจ็บ...ทั้งเจ็บทั้งทรมาน  จนแทบจะหายใจไม่ได้

“ก็มันกะทันหัน  ไม่คิดเหมือนกันว่าวายะจะมาดักเจอแบบนี้  นึกว่าจะไปหาที่โรงเรียนซะอีกน่ะ”  จากคำพูดนี้  ทำให้วายะรู้ว่าโอมิยะยังคงทำงานเป็นครูอยู่ที่เดิม

“แต่ก็น่าจะบอก ๆ ผมไว้บ้าง  เหล้าเบียร์ที่บ้านก็ไม่มีเลยนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอก  เดี๋ยวฉันพาวายะคุงไปนั่งดื่มแถว ๆ นี้ก็ได้  เธอกลับไปก่อนแล้วกัน”

“เอางั้นเหรอ?”

“เอางั้นแหละ”

รันมารุหันมามองหน้าวายะแล้วกลับไปมองโอมิยะ  “แบบนั้นก็ได้  อย่ากลับดึกนักนะครับ”

...’อย่ากลับดึกนักนะ  ชุนจัง’…ช่างเหมือนกันเหลือเกินกับคำพูดเมื่อครั้งนั้น  ผิดกันแต่ครั้งนี้...คำพูดนี้ไม่ได้มีไว้ให้เขาอีกแล้ว

“ถ้างั้น...”  รันมารุหันมาพูดกับวายะ  ก้มหัวให้น้อย ๆ  “แล้วเจอกันนะครับ”

วายะนึกขอบคุณตัวเองที่ใช้เวลาสิบปีสร้างหน้ากากสังคมอันสมบูรณ์แบบขึ้นมาได้  ทำให้แม้แต่ในช่วงเวลาที่เจ็บปวดจนเจียนคลั่งอย่างในตอนนี้  เขาก็ยังยิ้มแล้วพูดจาตามมารยาทได้

“แล้วเจอกันครับ”

“เดินระวัง ๆ ล่ะ  รันมารุ”  โอมิยะบอกด้วยความเป็นห่วง

“ครับ  จะไม่ให้ล้มนะครับ”

พูดแล้วรันมารุก็เดินโขยกเขยกจากไปพร้อมกับไม้เท้าค้ำยันที่แขนขวา  แม้จะเชื่องช้าและท่าเดินจะผิดแปลกไปบ้างแต่ก็ก้าวเดินได้อย่างมั่นคงทีเดียว  ต่างจากตอนที่วายะจะจากซางะไปเมื่อสิบปีก่อน  ตอนนั้นแม้แต่จะยืนด้วยตัวเอง  รันมารุก็ยังทำไม่ได้

“เรียกเขาว่ารันมารุงั้นเหรอ?”  วายะเอ่ยขึ้นหลังจากมองส่งรันมารุไปจนลับสายตา

“เธอคงไม่อยากให้ใครเรียกเขาว่ารันจังหรอก  จริงมั้ย?”

วายะไม่ตอบ  เพียงแต่ถอนใจหนัก ๆ

“เกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเธอกันแน่?”  โอมิยะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ก็อย่างที่คุณรู้...”

“ฉันรู้ว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับรันมารุจนสูญเสียความทรงจำ  แต่เท่าที่ดูมาหลายปีนี้  ฉันว่ามันไม่ใช่...”  โอมิยะเว้นช่วงนิดหนึ่งเหมือนจะเลือกหาคำพูด  “รันมารุไม่ได้ลืมทุกอย่าง...แต่...”

“มีแค่ผมเท่านั้น  ที่เขาจำไม่ได้”  วายะต่อคำพูดนั้นให้จบ

“ใช่...ทั้งที่พวกเธอสนิทกันมากขนาดนั้น  แล้วมันเรื่องอะไรกัน?”

วายะแค่นยิ้ม  “ไม่รู้จะดีกว่ามั้ง  อาจารย์”

“แต่ฉันอยากรู้  ว่าทำไมเธอถึงต้องส่งเงินมากมายมาให้ครอบครัวของรันมารุเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลเขาทุกเดือน  อะไรทำให้เธอต้องทำถึงขนาดนั้น?”

“อยากรู้...ในฐานะคนรักของรันจัง?”  น้ำเสียงนั้นช่างเหน็บแนม

“...ใช่”

วายะหัวเราะเบา ๆ  “ตอนนี้ผมอยากจะฆ่าคุณชะมัดเลย  อาจารย์  อยากกระทืบให้แหลกทั้งตัวแล้วเอาไปทิ้งไว้ในที่ที่จะไม่มีใครหาศพเจอ...แต่ผมทำไม่ได้  ถ้าทำแบบนั้นจะไม่มีคนคอยดูแลรันจัง  จะไม่มีใครทำในสิ่งที่ผมทำไม่ได้เพื่อรันจัง”

“สิ่งที่เธอทำไม่ได้?”

“อยากรู้จริง ๆ เหรอ  บาปของผมน่ะ”  วายะจ้องตาโอมิยะตรง ๆ เป็นครั้งแรก  “คุณได้กลับบ้านดึกแน่”


ร้านเหล้าเล็ก ๆ ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนักคือที่ที่โอมิยะเลือกจะพาวายะไปเลี้ยง

“ก็ฉันบอกรันมารุแล้วไงว่าจะเลี้ยง  เพราะงั้นก็ให้เลี้ยงเถอะ  เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าฉันโกหกเขาซะนี่”

เหตุผลนั้นฟังดูเข้าที  วายะจึงไม่ได้ปฏิเสธ

เบียร์สองขวดและกับแกล้มสองสามอย่างถูกวางลงบนโต๊ะซึ่งตั้งอยู่ด้านในสุดของร้านและมีฉากกระดาษกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว  วายะดื่มเหล้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้แผลอักเสบและเป็นหนอง  เขายังไม่อยากถูกถอดเล็บซ้ำทั้งที่มันยังงอกไม่เต็มเล็บ

“พวกผมน่ะ  เป็นเพื่อนบ้านกัน  รู้จักกันตั้งแต่อนุบาล...”  วายะเริ่มเรื่อง  “และเราก็อยู่ด้วยกันมาตลอด...”

ดวงตาคมหรี่ซึมเหมือนจะส่งความคิดไปยังความทรงจำอันแสนไกล...อดีตที่แสนงดงาม

...

วายะ  ชุน  ฉายแววเกเรมาตั้งแต่เด็ก  แต่จะว่าวายะเป็นคนเริ่มรังแกคนอื่นก่อนมันก็ไม่ถูกนัก  เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้  เพียงเห็นหน้ากันไม่กี่ครั้งก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร  ดังนั้นเมื่อบรรดาแม่ ๆ ได้เห็นอันนะไปรับลูกชายที่โรงเรียนไม่กี่ครั้งก็บอกกันปากต่อปากได้ว่า  “ลูกไม่มีพ่อของบ้านวายะ”

ความจริงเด็กเล็ก ๆ นั้นไม่มีใครเข้าใจหรอกว่า  “ลูกไม่มีพ่อ”  คืออะไร  แต่เมื่อได้ฟังบ่อย ๆ ก็จดจำและเอามาล้อเลียนวายะเป็นที่สนุกสนาน  แรก ๆ เด็กน้อยก็ไม่เข้าใจ  แต่เมื่อวันหนึ่งที่เล่าให้ผู้เป็นแม่ฟังถึงเรื่องที่โรงเรียน  วายะก็เห็นแม่ทำหน้าตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นแค้นเคือง  และเมื่อกลับถึงบ้าน  เธอก็กอดลูกชายไว้แล้วร้องไห้

วายะยังคงไม่เข้าใจความหมายของคำว่า  “ลูกไม่มีพ่อ”  แต่สิ่งเดียวที่เขาเข้าใจคือ  มันทำให้แม่ของเขาร้องไห้  ดังนั้นเขาจึงแก้แค้นด้วยการเล่นงานทุกคนที่เรียกเขาอย่างนั้น  เป็นเรื่องใหญ่โตจนต้องเรียกประชุมผู้ปกครอง

ท่ามกลางเสียงโวยวายประนามด่าว่าเด็กชายเกเร  วายะกลับพูดขึ้นมาเสียงดัง

“ก็พวกนี้ทำแม่ร้องไห้นี่!”

“ทำยังไง?”  ครูใหญ่ถามด้วยความสงสัยพอ ๆ กับผู้ปกครองทุกคน

“พวกนี้มันเรียกเค้าว่าลูกไม่มีพ่อ  แล้วแม่ก็ร้องไห้นี่!”

คำพูดนั้นทำให้นิ่งงันกันไปทั้งที่ประชุม  มีเพียงอันนะที่ยิ้มแล้วดึงลูกชายมากอดไว้

“ไม่ยอมให้ใครรังแกแม่หรอกนะ!”

“จ้ะ  รู้แล้วจ้ะ  ไม่มีใครรังแกแล้วละ”

เรื่องนั้นจบลงเงียบ ๆ และไม่มีเด็กคนไหนกล้ามาเล่นกับวายะอีก  ยกเว้นรันมารุที่ไม่ได้ถูกแม่ห้ามเหมือนคนอื่น ๆ

“แม่บอกว่าชุนจังเก่ง  ปกป้องคุณแม่ด้วย”

“ปกป้องคืออายัย?”

“...ไม่ให้ใครมารังแกมั้ง”

“อื้อ  งั้นเค้าจะปกป้องรันจังด้วย”

“เค้าเป็นพี่  เค้าต้องปกป้องชุนจังตะหาก”

และเพราะอยู่กับวายะ  เด็กเกเร  รันมารุจึงพลอยไม่มีคนเล่นด้วยไปด้วย  แต่ทั้งสองก็ไม่เคยเดือดร้อน


หากยิ่งโตขึ้น  วายะก็ยิ่งมีปัญหา  แม้อันนะจะรักลูกชายมากเท่าไร  แต่เธอก็เคยเป็นเด็กมีปัญหาเช่นกัน  บางครั้งที่ไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้  เธอก็จะอาละวาดทุบตีวายะ  แม้จะจบลงด้วยการกอดและขอโทษ  แต่มันก็ค่อย ๆ กลายเป็นบาดแผลในหัวใจของเด็กน้อยอย่างช้า ๆ

วายะรักแม่  และรู้ว่าแม่เหนื่อยจากการทำงานจึงมักจะอารมณ์เสียและตีเขาอยู่บ่อย ๆ  ซึ่งเขาก็ยอม  แต่ความโกรธในหัวใจเพราะถูกตีที่หาทางระบายออกไม่ได้  ทำให้ไปลงกับเด็กคนอื่น  เกิดเป็นการวิวาทแทบจะวันเว้นวัน  ซึ่งรันมารุต้องคอยห้ามทุกครั้ง  และรันมารุก็เป็นคนเดียวที่วายะยอมลงให้นอกเหนือจากแม่

“ชุนจัง  ได้แผลมาอีกแล้วเหรอ?”  ทุกครั้งที่เห็น  รันมารุจะรีบกระวีกระวาดเอาพลาสเตอร์ยาติดแผลให้  “คราวนี้ไปตีกับใครมาอีกล่ะ?”
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 27-04-2012 22:56:35
“แม่”  วายะตอบง่าย ๆ  “แต่ไม่เป็นไรหรอก  แม่แค่เหนื่อยน่ะ  แล้วฉันก็ดันไปมีเรื่องกับไอ้หมูห้องสองมาพอดี”

“แต่แบบนี้ไม่ดีเลยนะ”  ไม่ดีทั้งที่ไปมีเรื่องมาและที่โดนแม่ตีนั่นแหละ

“ไม่เป็นไรหรอก”


วายะท่องคำว่าไม่เป็นไรไว้ในใจเสมอมา  แต่ยิ่งโตขึ้น  ยิ่งรู้อะไรมากขึ้น  คำว่าไม่เป็นไรดูจะใช้ไม่ได้ผลมากขึ้นทุกที...โดยเฉพาะเมื่ออันนะพาเพื่อนชายมาที่บ้าน

วายะในวัยประถมยังไม่เข้าใจเรื่องเพศหรือความรักอะไรทั้งสิ้น  แต่เสียงและภาพที่ได้ยินได้เห็นจากห้องนอนของแม่ทำให้เขาสับสน...แม่ร้องไห้  แม่ถูกรังแก...แต่ทำไมแม่ถึงได้กอดผู้ชายที่รังแกแม่เอาไว้แบบนั้นล่ะ...ทำไมแม่ไม่เรียกให้เขาช่วย  แล้วทำไมจะต้องดุด่าเขาทุกครั้งที่เขาโผล่เข้าไป...ทำไม...

สุดท้าย  วายะก็หนีไปอยู่ที่ห้องของรันมารุบ่อยขึ้น  นั่นเป็นที่เดียวที่เขาสามารถอยู่ได้อย่างสบายใจ...ไม่สิ  ที่ไหนก็ได้ที่มีรันมารุอยู่  เขาก็สามารถอยู่ได้อย่างสบายใจทั้งนั้น  แต่พ่อแม่ของรันมารุไม่เคยถามเหตุผลที่ในบางคืนเขาก็หิ้วหมอนเดินไปกดกริ่งหน้าบ้านเพื่อขอนอนด้วย  ไม่เคยถามเรื่องแผลที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ  และไม่เคยเรียกเขาว่าเด็กเกเร  แม้ว่าเขาจะเป็นสาเหตุให้รันมารุพลอยไม่มีเพื่อนไปด้วยก็ตาม  แต่ทั้งสองก็ไม่เคยโทษว่าเป็นความผิดของเขาเลย  ยังคงให้ความเอ็นดูและอะไรที่พอจะสั่งสอนได้ก็ช่วยสอนอยู่เสมอ

ในตอนนี้  วายะรู้แล้วถึงความหมายของคำว่า  “ลูกไม่มีพ่อ”  เขาคงเกิดจากเพื่อนชายคนใดคนหนึ่งของแม่...แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร  เขาเคยถาม  แต่จบลงด้วยการถูกแม่ตีไปร้องไห้ไปพร้อมกับโวยวาย

“มีแม่คนเดียวไม่พอหรือไง!?  แกอยากได้พ่อนักเหรอ!?  ผู้ชายมันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ  แล้วแกจะโตไปเป็นผู้ชายแบบพวกมันหรือไง!?”

วายะกอดแม่ไว้  ใช่...เขามีแม่เพียงคนเดียวก็พอแล้ว  คนอื่นไม่จำเป็นอีก  เพียงแต่...

“ผมขอมีรันจังไว้อีกคนได้มั้ย?  แม่”

รันจัง...เพื่อนและพี่ชายคนสำคัญ  คนที่เขาอยากจะปกป้องไปตลอดชีวิตเช่นเดียวกับแม่


ด้วยความที่มีเลือดตะวันตกผสม  วายะจึงตัวสูงใหญ่กว่าเด็กในวัยเดียวกัน  ยิ่งตัวใหญ่ก็ยิ่งแรงมาก  ดังนั้นไม่ว่าจะไปมีเรื่องกับใครการจะแพ้นั้นแทบไม่มี  แต่เพราะร่างกายที่โตกว่าคนรุ่นเดียวกันนี่เอง  ที่ทำให้วายะได้เรียนรู้เรื่องเพศก่อนใคร

ตอนที่เพิ่งจะขึ้นมัธยมต้นได้ไม่นาน  พี่สาวที่อาศัยอยู่ในแมนชั่นเดียวกันได้ขอให้เขาไปอยู่เป็นเพื่อนเฝ้าบ้านด้วย  เธอเป็นผู้หญิงกร้านกล้าที่ไม่ใช่เด็กดีแน่ ๆ และการได้ลิ้มลองรสชาติของเด็กหนุ่มบริสุทธิ์ก็นับเป็นความสนุกอย่างหนึ่งของเธอ  และในคืนนั้นเอง  เธอก็ได้สอนให้เด็กหนุ่มได้รู้จักรสรักเป็นครั้งแรก

วายะประหลาดใจตนเองและประหลาดใจกับปฏิกิริยาของสาวรุ่นพี่  มันแทบจะไม่ต่างกันกับแม่ของเขากับเพื่อนชายเลย  เสียงร้องไห้คร่ำครวญนั้นไม่ใช่ความเจ็บปวด  แต่เป็นเสียงจากความรู้สึกลึกล้ำหวามไหวเป็นพิเศษที่แทบจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้...แม่ของเขาไม่ได้ถูกรังแก  แม่มีความสุขที่ถูกผู้ชายพวกนั้นกอด  และเขาเองที่เป็นตัวขัดขวางความสุข  แม่ถึงได้ตีเขา

ในที่สุดก็เข้าใจ  เหมือนพันธะอะไรบางอย่างในหัวใจได้ถูกปลดออก  แม่อยากมีความสุขจึงให้ผู้ชายพวกนั้นกอด  แม่อยากระบายความโมโหจึงทุบตีเขา...ทั้งหมดนี้เขาเข้าใจแล้ว  แต่ก็รู้ดีว่าความรู้สึกโกรธที่เกิดขึ้นตอนที่เห็นผู้ชายพวกนั้นกอดแม่และตอนที่ถูกตีนั้นถูกเก็บไว้ในหัวใจ  จะระบายออกได้ก็ต้องเอามันไปทำร้ายคนอื่น...แต่แค่การวิวาทกันมันไม่ได้ทำให้มีความสุข  มันต้องแบบที่พี่สาวคนนี้สอนถึงจะมีความสุขได้

หลังจากคืนนั้น  พี่สาวคนสวยก็มักจะเรียกวายะไปช่วยเฝ้าบ้านเสมอ  และได้เล่นสนุกกันทุกครั้ง  วายะค่อย ๆ ปลดปล่อยความโกรธเคืองใส่เธอผ่านทางเซ็กส์ทีละน้อย  เซ็กส์ของเขาค่อย ๆ ดุดันรุนแรงขึ้น  แต่ดูเหมือนเธอจะชอบใจ  แม้บางครั้งเธอจะตัดพ้อว่ามันรุนแรงเกินจะทนได้เหมือนกัน

ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นความลับ  หญิงสาวไม่เคยบอกใคร  แม้จะภาคภูมิใจที่ได้กินเด็กหนุ่มบริสุทธิ์และเสี้ยมสอนรสรักให้เขา  แต่เธอไม่กล้าบอกว่าเธอเป็นฝ่ายล่อลวงเด็กมัธยมต้นมาเป็นคู่นอน  ส่วนวายะไม่เคยคิดจะบอกใครอยู่แล้ว  แม้แต่รันจัง...เพียงแต่...บางครั้งความรู้สึกบางอย่างก็เอ่อท้นจากจิตใจจนเผลอแสดงออกมา

เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก  การกอดฟัดกันจึงเป็นเรื่องธรรมดา  เพียงแต่วายะเริ่มสงสัยตัวเอง...ทุกครั้งที่ถูกรันจังกอด  ความรู้สึกแปลกปลอมบางอย่างมันค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นทุกที  และยิ่งถ้าเขาเป็นฝ่ายกอด  มันก็ยิ่งปรากฏชัด...เขาอยากกอดรันจังเหมือนที่กอดพี่สาวคนนั้น  อยากทำให้รันจังมีความสุข


ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายและดอกอาจิไซที่ผลิดอกสีม่วงอมน้ำเงินที่ริมถนน  วายะกับรันมารุเดินกลับบ้านมาใต้ร่มคันเดียวกัน  เสียงฮัมเพลงหงุงหงิงของรันมารุรบกวนจิตใจของวายะอย่างประหลาด  เขาคิดถึงเรื่องของรันมารุมาหลายวันแล้ว  คิดมากจนแทบจะเรียกได้ว่าหมกมุ่น  บางครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มของรันมารุ  ก็ถึงกับใจเต้นไม่เป็นส่ำ  แต่ก็ยังสามารถซ่อนไว้ใต้ท่าทางเย็นชาของตนได้

รันมารุไม่เคยรู้...และคงไม่มีวันรู้ถ้าเขาไม่บอก

ที่ผ่านมาไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรวายะจะปรึกษารันมารุก่อนเป็นคนแรก  แต่เรื่องนี้...จะพูดออกไปได้งั้นหรือ...

“อ๊ะ  ชุนจัง  ดูสิ  อาจิไซช่อนี้เป็นสีแดงละ”  รันมารุพูดแล้วก็นั่งลงข้างทางพลางพิศดูอาจิไซสีประหลาด

“เอากลับไปฝากคุณป้ามั้ยล่ะ?”  วายะนั่งลงด้วยพร้อมกับขยับร่มไปบังฝนให้  ทั้งที่เพิ่งจะอยู่มัธยมสอง  แต่เขาก็สูงกว่ารันมารุที่อยู่มัธยมสี่มากทีเดียว

“อืม...ก็อยากหรอกนะ  แต่เด็ดไปก็น่าสงสารมันออก  ถ้าอยู่บนต้นนี่ยังจะได้ดูอีกหลายวันเลยนะ  ยังไงซะตอนที่แม่ไปจ่ายตลาดก็คงผ่านทางนี้แหละ  น่าจะได้ดูทุกวันนะ”

“งั้นก็ดี...”

“แต่แปลกเนอะ  ช่ออื่นยังไม่แดงเท่าช่อนี้เลย  เด่นดีจัง  เหมือนชุนจังเลยเนอะ”  รันมารุหันมายิ้มกว้าง  ทำให้หัวใจของวายะกระตุกวาบ  แต่ก็รีบกลบเกลื่อนเอาไว้ได้

“เหมือนตรงไหน?”

“ก็เด่นไง  ชุนจังตัวสูง  หน้าตาดีแต่เกเร  ไม่รู้เหรอว่ามีสาว ๆ แอบกรี๊ดชุนจังตั้งหลายคนน่ะ”

“ไม่เห็นจะสน”  วายะยักไหล่พลางทอดสายตาเหม่อจ้องอาจิไซสีแดง

รันมารุนิ่งเงียบไปนิดหนึ่ง  “ชุนจังนี่...ไม่สนใจใครเลยนะ  ไม่เอาใครเลยแบบนี้...มีแค่ฉันคนเดียวแบบนี้  ไม่เหงาเหรอ?”

นั่นเป็นคำถามที่พวกเขาไม่เคยถาม  แม้ที่ผ่านมาจะไม่มีเพื่อนสนิทที่ไหนอีก  พวกเขาก็ไม่เคยเดือดร้อน  วายะที่ไม่ชอบออกจากบ้านไปไหนเพราะเบื่อเสียงนินทาและสายตาแปลก ๆ ของผู้คนยอมไปกับรันมารุทุกหนทุกแห่ง  ไม่ว่าจะเป็นงานวัด  สระว่ายน้ำ  หรือหอสมุด...พวกเขาอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลา  แล้วจะเรียกว่าเหงาได้งั้นหรือ

“...รันจังเหงาเหรอ?”  วายะจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำขลับคู่นั้น  แม้เขาจะไม่เหงา  แต่ก็ไม่ใช่ว่ารันมารุจะรู้สึกเหมือนกันนี่นะ

“อ๊ะ  เปล่า  ฉันไม่เหงาหรอก  ก็มีชุนจังอยู่ด้วยตลอดนี่นา  เพียงแต่...บางทีฉันก็คิดว่าชุนจังอาจจะอยากไปอยู่กับคนอื่นบ้างก็ได้น่ะ”

วายะปล่อยร่มแล้วดึงคนตัวเล็กกว่ามากอดไว้แน่น

“ชุนจัง!?”

ริมฝีปากอุ่นค่อย ๆ กดแนบลงกับเรียวปากอิ่มนุ่มนวล  แผ่วผิว...ก่อนจะรีบถอนออก

“...ชุนจัง!?”

รันมารุเบิกตากว้าง  ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ฉันชอบรันจัง  ฉันอยากอยู่กับรันจัง...แบบนี้แล้วฉันจะไปอยากอยู่กับคนอื่นได้ยังไงเล่า”  น้ำเสียงนั้นเหมือนจะตัดพ้อด้วยความโกรธ

“นี่...นี่เข้าใจหรือเปล่าว่าที่ทำลงไปมันหมายความว่ายังไงน่ะ!?”  รันมารุลนลาน  เขาพยายามผลักวายะออกห่างแต่หนุ่มรุ่นน้องไม่ยอมปล่อย

“เข้าใจสิ  จูบไง...ฉันชอบรันจังนะ  ชอบมาก...ชอบจนไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว”

อ้อมกอดกระชับแน่นเข้าอย่างไม่คิดจะปล่อยให้จากไปไหนอีก

“...ชุนจัง...เปียกหมดแล้วนะ”

“ใครสนล่ะ”

“...ดื้อจริง...”  รันมารุถอนใจหากยกมุมปากขึ้นเหมือนจะยิ้ม  คนตรงหน้านี้ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย  ยังคงดื้อดึงและเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กไม่มีผิด  “ฉันก็ชอบชุนจังเหมือนกันนะ”

“จริงเหรอ?”

“จะโกหกทำไม”

“งั้นให้ฉันอยู่กับรันจังนะ...ได้มั้ย?”

“ได้สิ”

“ตลอดไปเลยนะ”

“อื้ม  ตลอดไปเลย”

ริมฝีปากประทับแนบกันอีกครั้ง  คราวนี้ลึกซึ้งและเนิ่นนานกว่าเดิม...เป็นความหวานล้ำที่ไม่เคยได้เรียนรู้จากใครมาก่อน  และ...เป็นความสุข


หลังจากที่วายะขึ้นมัธยมปลายได้ไม่นาน  พี่สาวที่แอบมีสัมพันธ์กันลับ ๆ ก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนและแต่งงานไป  ความลับที่มีร่วมกันมานานปีจึงสิ้นสุดลงแค่นั้น  แต่วายะก็ไม่แคร์อยู่แล้ว  ในตอนนี้เขามีรันจังและได้อยู่ด้วยกันก็เพียงพอแล้ว

หากมีความปรารถนาหนึ่งที่ยังไม่เป็นจริง  และวายะได้แต่รอให้ถึงเวลาที่จะทำให้มันเป็นจริงเท่านั้น

ตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลายมา  วายะก็เริ่มไว้ผมยาวและกัดผมเป็นสีทอง  จะเรียกว่าเป็นวัยต่อต้านก็อาจจะใช่  โรงเรียนมัธยมปลายที่ไหนก็ต้องมีแบบนี้บ้างสักคนสองคนอยู่แล้ว  ทั้งครูและแม่ดุด่าจนเอือมระอา  สุดท้ายอันนะก็บอกกับที่โรงเรียนไปว่า

“พ่อเขาเป็นฝรั่งค่ะ  เพราะงั้นจะผมทองบ้างก็ช่างมันเถอะนะคะ”

พูดเหมือนจะให้ท้าย  แต่พอกลับถึงบ้านเธอก็รำมวยใส่เจ้าลูกชายตัวดียกใหญ่ทีเดียว

มีแค่รันมารุเท่านั้นที่บอกว่า  “เท่ดีออก  เด่นดีด้วย  ยังไงชุนจังก็ไม่เด่นน้อยไปกว่านี้หรอก  จริง ๆ นะ”

ในตอนนี้ร่างกายของวายะได้เป็นผู้ใหญ่ล่วงหน้าเพื่อน ๆ ไปหมดแล้ว  แค่ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าระหว่างชั่วโมงพละก็เห็นความแตกต่างได้ชัด  แม้จะไม่ค่อยได้เล่นกีฬาแต่วายะก็ยังไปว่ายน้ำกับรันมารุอยู่บ่อย ๆ  ร่างกายจึงสูงใหญ่และมีมัดกล้ามให้เห็นบ้างแล้ว  หากใส่ชุดลำลองไปเดินในเมืองก็ดูดีราวกับผู้ใหญ่คนหนึ่งจนสาว ๆ มองเหลียวหลัง

“เหมือนมากับยากุซ่า”  รันมารุแกล้งว่า

“นายแบบหรอก”  วายะเถียง

รันมารุมองวายะหัวจรดเท้า  “ยากุซ่าชัด ๆ”

“ก็ดี  เป็นยากุซ่าจะได้ไม่มีใครกล้าเข้ามารังแกรันจังไง”

จูบอันหวานล้ำคือสิ่งที่ทั้งคู่มักจะมีให้กันเสมอยามอยู่ในที่ลับตาคน  ซึ่งส่วนมากก็คือในห้องนอนของรันมารุ  จะบอกว่าพ่อแม่ของรันมารุไม่ระแคะระคายอะไรเลยก็คงจะไม่ใช่  เพียงแต่ทั้งสองใจกว้างพอที่จะคิดว่าในเมื่อยังไม่ได้ทำอะไรเสียหายและประเจิดประเจ้อก็ไม่มีอะไรต้องตำหนิ  อย่างไรเสีย  เสียงคุยหงุงหงิงที่ลอดออกมาจากประตูห้องนอนมันก็ไม่ได้ส่อไปในแง่นั้นอยู่แล้ว

แต่บางครั้งวายะก็จะแอบหนีไปอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ที่โกดังท่าเรือ  ในตอนที่ทะเลาะกับแม่  หรือในตอนที่อยากคิดอะไรตามลำพัง  แต่ทุกครั้งรันมารุก็จะหาตัวเขาเจอเสมอ

“คุณน้าน่ะรักชุนจังนะ”  รันมารุพูดพลางใช้ผ้ายืดพันแขนที่ฟกช้ำให้

“ฉันก็รักแม่เหมือนกัน  แต่โดนแบบนี้ทีไรมันอยากสวนกลับไปทุกทีสิน่า”  วายะหน้ามุ่ย

“ไม่ได้นะ  ทำแบบนั้นบาปตายเลย”

“ก็เพราะทำไม่ได้น่ะสิ  ถึงได้หนีมาสงบสติอารมณ์อยู่นี่ไง”  วายะมองไปรอบ ๆ โกดังที่มีลังไม้วางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ  “ทางโน้นก็เหมือนกัน  เดี๋ยวหายโมโหแล้วก็มาง้อเองแหละ”

“หึ ๆ...นี่รอให้แม่มาง้อเนี่ยนะ?”

“เปล่า  ไม่ได้รอ  แต่เดี๋ยวกลับไปแม่ก็ต้องง้ออยู่ดี  เชื่อสิ”  ก็ในเมื่อมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว

รันมารุนั่งลงบนลังไม้ที่วายะนั่งพิงอยู่แล้วโอบแขนกอดเอาไว้  ซบหน้าลงกับเรือนผมสีทองที่เริ่มยาวเคลียบ่า  เรือนผมที่มีกลิ่นของยาย้อมผมปนกับกลิ่นเหงื่อและกลิ่นคาวเลือดนิด ๆ คือกลิ่นที่คุ้นเคยของรันมารุ...เจ้าหมีบ้าที่มีแรงเหลือจนต้องไปหาเรื่องใช้แรงกับการทะเลาะกับคนอื่นเสมอ  เขาทำได้แค่คอยรั้งเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น  แต่วายะคงจะมีแรงเหลือเฟือ  ไม่ว่าจะห้ามจะยั้งไว้อย่างไรก็ยังพุ่งไปข้างหน้าไม่หยุด  จนต้องใช้เวลาทั้งชีวิตคอยดูไว้แบบนี้

แต่รันมารุก็ไม่ได้เบื่อหน่ายที่จะเฝ้าดูแลวายะ  ด้วยความแตกต่างชนิดคนละขั้วของพวกเขาทั้งสองคนทำให้การอยู่กับชุนจังของเขาเป็นเรื่องสนุก  ถึงจะพูดว่าเขาอดทนกับวายะมามาก  แต่วายะเองก็อดทนเพื่อเขามากเหมือนกัน  เด็กหนุ่มที่น่าจะเหมาะกับยิมมวยหรือสนามเบสบอลมากกว่าอย่างวายะกลับยอมไปนั่งอุดอู้อยู่ในหอสมุด  เพื่อรอให้เขาอ่านหนังสือให้หนำใจ  พวกเขาไปกันบ่อยเสียจนบรรณารักษ์จำหน้าได้ว่า  คนหนึ่งจะต้องมายืมหนังสือ  และอีกคนจะต้องเข้ามานอน

ในวันที่ถูกสารภาพรัก  รันมารุตกใจและยอมรับว่าคำว่า  “ชอบ”  ที่ตนพูดออกไปนั้นก็เพื่อบอกปัดให้พ้นจากสถานการณ์เฉพาะหน้าเท่านั้น  แต่เมื่อได้มีเวลาอยู่กับตัวเองและครุ่นคิด  เขาก็พบว่าตัวเองอุ่นใจที่มีวายะคอยอยู่ข้าง ๆ  ทั้งที่เคยพูดเอาไว้ว่าตนเป็นพี่ชายที่จะต้องปกป้องวายะ  แต่ว่าเมื่อไรไม่รู้ที่วายะกลับเป็นฝ่ายปกป้องเขามาเสมอ

“รันจัง  พอเป็นผู้ใหญ่แล้วฉันจะไปจากเมืองนี้”  วายะพูดขึ้นเบา ๆ

“เอ๊ะ?”

“ฉันจะไปจากเมืองนี้”

“ทำไมล่ะ?”  รันมารุร้องด้วยความตกใจ

“ฉันเกลียดที่นี่...มันมีเรื่องน่ารังเกียจอยู่เยอะเกินไป”  วายะถอนใจ  “ฉันเบื่อที่จะถูกมองด้วยสายตาแปลก ๆ  เบื่อที่จะได้ยินคำนินทาว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ  เบื่อไอ้แก่ไม่รู้จักตายที่บ้านยาย  เบื่อพวกแฟน ๆ ของแม่...ฉันเบื่อทุกอย่างเต็มทีแล้ว”

รันมารุกอดวายะไว้แน่น  ไม่ใช่ว่าวายะไม่สนใจใคร  แต่เพื่อปกป้องตัวเองจึงทำเป็นไม่สนใจใครต่างหาก  หากสนใจไปหมดทุกเรื่องคงมีหวังได้ทะเลาะกับยัยพวกป้า ๆ ช่างนินทาทุกวันเป็นแน่  ทำตัวน่ากลัวเพื่อที่จะได้ไม่มีใครมายุ่งด้วย  ดวงตาที่ไม่เคยมองใครก็เพื่อจะได้ไม่ต้องรับรู้ว่ามีใครมองมา  วายะเพียงแต่อยู่กับคนที่ตัวเองเลือกในโลกของตัวเองเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น

“ถ้าชุนจังไม่อยู่...ฉันคงเหงานะ”

“เอ๊ะ?”  วายะรีบหันไปหารันมารุ  “รันจังก็ไปกับฉันสิ  ไปอยู่ด้วยกันไง”

“แต่...ฉันอยากอยู่ที่นี่  ฉันคิดว่าฉันเหมาะกับเมืองเล็ก ๆ แบบนี้  แค่ไปฟุคุโอกะตอนนั้นฉันก็เวียนหัวแล้ว  ถ้าไปอยู่เมืองใหญ่กว่านั้นฉันต้องแย่แน่เลย”

“ไม่ต้องเมืองใหญ่ก็ได้นี่  เมืองต่างจังหวัดเล็ก ๆ ที่ไหนสักแห่งก็ได้  เอาแค่พอมีงานทำแล้วอยู่ได้สบาย ๆ น่ะ”

“แต่ฉันรักเมืองนี้...ฉันว่าจะเป็นบรรณารักษ์ที่หอสมุดประจำเมืองน่ะ”

ไม่ใช่ไม่เข้าใจ  วายะรู้ดีว่ารันมารุต่างกับเขา  รันมารุใช้ชีวิตในเมืองนี้อย่างสุขสบายมาตลอด  และพูดอยู่เสมอว่ารักทุกอย่างในเมืองนี้  อยากเป็นประโยชน์ให้กับบ้านเกิดของตนเอง  ไม่มีสายตาแปลก ๆ หรือคำนินทาใด ๆ สำหรับรันมารุ  ถ้าหากว่าไม่มาคบกับเขา

นี่เป็นเรื่องเดียวที่พวกเขาเห็นต่างกันโดยสิ้นเชิง  แต่...

“ถ้ารันจังบอกว่าจะอยู่ที่นี่  ฉันก็จะอยู่ที่นี่ด้วย”

“ชุนจัง  ทำไมล่ะ?”

“ถ้าไม่มีรันจังอยู่ด้วยก็ไม่มีความหมายหรอก  ที่ไหนที่รันจังอยู่...ที่นั่นก็คือที่ของฉันนั่นแหละ”

รันมารุกอดวายะไว้แน่น...ดูเถอะ  แม้แต่เรื่องนี้ก็ยังทำเพื่อเขา

เรียวปากอิ่มประทับแนบลงอย่างแสนรัก  เผยอริมฝีปากต้อนรับเรียวลิ้นร้อนที่รุกล้ำเข้ามาค้นหาความหวานหวามและแลกเปลี่ยนสัมผัสอ่อนโยนซึ่งกันและกัน  อ้อมกอดกระชับแนบแน่น...แต่มือซุกซนนั้นเริ่มล่วงล้ำเข้ามาในเสื้อของรันมารุ

“ยะ...หยุด!!”  รันมารุผลักวายะออกทันที

“หยุดอะไรเล่า”  วิธีพูดนั้นยังเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กไม่มีผิด

“ก็กำลังจะทำอะไรล่ะ  หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”  ไม่ว่าเปล่ายังตีมือซุกซนนั้นอีกด้วย

“แต่มัน...นี่มันเข้าด้ายเข้าเข็มเลยนะ”

“ไม่มีด้ายมีเข็มอะไรทั้งนั้นแหละ  ไม่ให้โว้ย!”

“มะ...ไม่ให้หรอกเหรอ?”

“ใครจะให้ง่าย ๆ  จะบ้าหรือไง”  มือเรียวคว้าจมูกโด่ง ๆ ของวายะจับเขย่า

“แต่...แต่ฉันอยากได้นี่”

“ไม่ให้...เจ้าบ้า  ตอนนี้ฉันยัง...”  รันมารุหน้าแดงเรื่อ

“ตอนนี้ยังไม่ได้แล้วต้องให้รอไปถึงตอนไหนล่ะ?”  วายะตีหน้ายุ่ง

“...สิบแปด...ไว้นายอายุสิบแปดก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

“เอ๋~  อีกตั้งสองปีแน่ะ”

“ถ้าทนอีกสองปีไม่ได้ก็ไม่ต้องเอา...โอเค?  ถ้าไม่เชื่อพ่อจะเตะไข่แตกตรงนี้แหละ”

วายะลอบถอนใจ  บางทีรันมารุคงจะอยู่กับเขามากเกินไปจึงจำคำพูดอะไรที่ไม่เหมาะกับหน้าแบบนี้มาพูดอยู่เรื่อย

“ก็ได้...อีกสองปีนะ  สัญญาแล้วนะ”

“อื้ม  สัญญาสิ”

วายะคว้าร่างนั้นมาประทับรอยจุมพิตราวกับเป็นเครื่องหมายแทนคำสัญญา


...หากคำสัญญานั้นไม่เคยเป็นจริง...




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 27-04-2012 22:57:21
อ่าาา ย้อนอดีตวายะ
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 27-04-2012 23:11:36
โอยยยย อยากอ่านต่อ  :z3:

อยากไขความในใจของวายะ  :z1:

 :pig4:นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 27-04-2012 23:30:44
อดีตของวายะ...จะเป็นยังไงต่อน้อ o18
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 27-04-2012 23:53:43
เฮ้ออออออออออออออ สงสัยวายะอดใจไม่อยู่จนหักหาญน้ำใจรันจังหรือเปล่าน้อ
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 28-04-2012 00:10:32
วายะคงข่มขื่นรันจังชัวร์!!!!
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 28-04-2012 01:29:06
ค้างอ่ะ  :z3:
มาต่อไวๆน้า
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: Minako ที่ 28-04-2012 03:11:23
อ้าววว ทำไมอ่ะ?
วายะเก็บกด วายะทนไม่ไหว?
รันมารุมีชู้????
เลยจับปล้ำใช่บ่????  :haun4:
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 28-04-2012 07:23:35



    โอว อดีตกับคนที่รักอีกคนเหรอเนี่ย




หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 28-04-2012 08:47:14
ไม่เคยเกิดขึ้น!?
เพราะอะไรอ่ะ เพราะเกิดเรื่องก่อนเหรอ
เพราะจะมีใครมาแย่งรันจังไปหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 28-04-2012 09:13:10
เดาว่า วายะคงข่มขืนรันเหมือนกัน  แล้วคงต้องรุนแรงมากแน่ ๆ
ถ้าวายะยังรักรันอยู่  สิ่งที่ทำกับโทโมกิก็แย่มาก
คนนะ  ให้มาแทนใครคงไม่ได้หรอก
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 28-04-2012 09:49:02
เกิดอะไรขึ้นอ้ะ  :sad4:

รอร๊อรอ

ปล  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 28-04-2012 10:16:43
โอ้ย ลุ้นจริงๆ
ยังต้องรอดูอดีตของวายะต่อไป
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: jitsupa apple ที่ 28-04-2012 10:18:58
สงสาร :o12:
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 28-04-2012 11:07:53
แว๊ก ตลกกับความคิดตัวเอง
เข้าใจว่ารันจังเป็นผู้หญิงตลอดเลย 555555555

 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 28-04-2012 11:31:18
ยังคงเวียนว่ายอยู่ในอดีตของอดีต ทุ่มโต๊ะ
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 28-04-2012 13:16:41
ทุกอย่างมันหล่อหลอมให้กลายเป็นวายะ เจ้าพ่อSM (เพราะโดนแม่ซ้อม)
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ทำไมรันจังถึงกับความจำเสื่อม ขาพิการ
ทำไมวายะ นอกจากSM แล้วยังเป็นโรคประสาท(แดก)อีก เหอๆ

+โหวต+เป็ด
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 28-04-2012 13:27:12
มันแบบรู้สึกอึดอีดมากๆๆๆๆเลย


เห้อออ วายะ นะวายะ


มันอธิบายไม่ถูกเลย


สู้ต่อไปค่ะคนเขียน><
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 28-04-2012 23:23:32
ไม่เคยเป็นจริง??
โอ้ อยากรู้มากเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: Rap Joong ที่ 28-04-2012 23:29:10
ขอบคุณมากนะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 05-05-2012 21:25:19
ขอโทษที่ช้าไปวันนึงนะครับ เพิ่งกลับถึงบ้านวันนี้เอง
ต่อเลยนะครับ

All I want # 22

ช่วงชีวิตวัยรุ่นของวายะเต็มไปด้วยความอึดอัดคับข้อง  เขาขัดแย้งกับแม่มากขึ้นทุกที  ทั้งที่เคยคิดว่าเข้าใจความรู้สึกของแม่ที่ยอมให้ผู้ชายพวกนั้นกอดแล้ว  แต่ทุกครั้งที่เห็น  ทุกครั้งที่ได้ยิน...เขาก็โกรธจนควบคุมไม่ได้  วายะทะเลาะกับแม่ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรทะเลาะ  มันไม่ใช่เรื่องของเขาแต่มันก็ถูกผลักดันด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านที่หาคำอธิบายไม่ได้  แต่ถ้าจะให้อธิบายด้วยเหตุผล  มันก็ช่างเป็นเหตุผลที่เด็กเสียเหลือเกิน...เพราะแม่เป็นของเขา  เขาจึงไม่อยากให้ใครมาแตะต้อง

วายะเกลียดตัวเองที่ทำตัวเป็นเด็ก ๆ แบบนั้น  มันไม่ใช่เหตุผลที่ดีของคนที่ขึ้นมัธยมปลายแล้วเลย  แต่ลึก ๆ ในใจแล้วมันเป็นแบบนั้นจริง  แม่คือทั้งหมดในชีวิตของเขา  เป็นสิ่งล้ำค่า  และเขาไม่ต้องการแบ่งปันกับใคร...หากแม่ก็มีความสุขในอ้อมกอดของผู้ชายพวกนั้น  แม่ยังสาวและสวย  จะมีความรักกับใครมันก็ไม่แปลกตรงไหน...ความรู้สึกทั้งสองต่อต้านกันจนแทบบ้า  วายะทำตัวเกเรกว่าเดิม  มีเรื่องต่อยตีกับคนอื่นมากขึ้น  ซ้ำอะไรก็ยิ่งแย่ลงอีกเมื่อมีใครบางคนทำท่าว่าจะเข้ามาใกล้รันจังของเขา

ใครคนนั้นคือโอมิยะ  อิจิโร่  ซึ่งเพิ่งเข้ามาเป็นครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ในปีเดียวกันกับที่วายะเข้ามัธยมปลาย  โอมิยะเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียนมาก  คงเพราะยังหนุ่มและมักจะสอนหนังสือโดยใช้กลเม็ดประหลาด ๆ ให้สนุกสนานได้อยู่เสมอ  แต่ทั้งที่มักจะมีนักเรียนสาวรายล้อมอยู่  วายะก็ยังสังเกตว่าโอมิยะมักจะแอบมองมาที่เขากับรันมารุอยู่บ่อย ๆ  ทุกครั้งที่เจอหน้า  ก็จะมอง...แน่นอนว่าไม่ได้มองเขา  แต่เป้าหมายคือรันจัง

วายะไม่พอใจ  แค่มีคนมาแตะต้องแม่มันก็เกินพอแล้ว  เขาจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องรันจังของเขาอีกเด็ดขาด

“ฉันเกลียดหมอนั่น”  วายะพูดขึ้นหลังจากเดินสวนกับโอมิยะระหว่างเดินออกจากโรงเรียน

“เอ้า  ไปเกลียดเขาทำไมล่ะ?”  รันมารุถาม

วายะจ้องตารันมารุ  ดวงตาที่มองกลับมาใสซื่อและไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย  เด็กหนุ่มถอนใจ...รันจังก็เป็นแบบนี้

“หมอนั่นชอบมองรันจัง”

“อ้าว  แล้วมองไม่ได้เหรอ?  เขาเป็นอาจารย์  เขาก็คงมองนักเรียนไปเรื่อยแหละ”

“ไม่หรอก  ไม่เหมือนกัน  หมอนั่นมองรันจังด้วยความหมายอื่น”  วายะขมวดคิ้ว  ทำไมเรื่องแค่นี้รันมารุถึงไม่เข้าใจนะ

“จะบ้าเหรอ  คิดอะไรของนายน่ะ?”  รันมารุว่าพลางก็เอานิ้วจิ้มหน้าผากของวายะแรง ๆ  “คิดอกุศลเกินไปแล้วนะ”

วายะจับมือนั้นไว้แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  “ฉันรู้ว่าหมอนั่นคิดอะไรอยู่  ฉันรู้ได้จากสายตาที่มันมองรันจัง  มันไม่เหมือนกับตอนที่มองนักเรียนคนอื่น  มันคิดจะครอบครองรันจัง”

รันมารุเบิกตากว้าง  ก่อนจะหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิดแล้วรีบดึงวายะไปที่หลังตึกใกล้ ๆ

“ชุนจัง  อย่าพูดแบบนี้อีกนะ”

“ทำไมล่ะ  ก็ฉันรู้นี่ว่ามันคิดอะไรอยู่  แล้วไม่ต้องถามนะว่าฉันรู้ได้ยังไง  แค่มองตาก็รู้แล้วแท้ ๆ  แต่ทำไมรันจังถึงไม่รู้อะไรเลยล่ะ”  วายะเริ่มเสียงดัง  เขาเริ่มคิดว่ารันมารุเข้าข้างผู้เป็นอาจารย์

“ชุนจัง...”  นิ้วเรียวแตะที่ริมฝีปากของวายะ  “มันเป็นไปไม่ได้หรอก”

“เป็นไปไม่ได้อะไรเล่า  ก็มัน...”

ถ้อยคำพูดบังคับให้กลืนกลับไปในคอ  เมื่อริมฝีปากอิ่มนุ่มนวลแตะลงกับริมฝีปากของเขาเบา ๆ  แนบนิ่งอยู่ชั่วครู่  ก่อนจะถอนออกอย่างเชื่องช้า

“มันเป็นไปไม่ได้  ก็เพราะฉันไม่ให้มันเป็น”  รันมารุเอ่ยขึ้นเบา ๆ  “ต่อให้อาจารย์โอมิยะคิดยังไงกับฉัน  แต่ถ้าฉันไม่ตอบสนองอะไรไป  มันก็เป็นไปไม่ได้”

วายะจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น  แล้วก็พบความรู้สึกหนักแน่นมั่นคงบางอย่างสะท้อนกลับมา

“ชุนจัง...”  รันมารุจับมือใหญ่ของเพื่อนรุ่นน้องขึ้นมาแนบแก้ม  “ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายหรอก  จำไว้แค่ว่าฉันมีแค่ชุนจังเท่านั้น  มันเป็นแบบนั้นมาตลอด...และจะเป็นแบบนั้นตลอดไปด้วย”

หัวใจของวายะสะท้านวาบ  แต่ไหนแต่ไรมา  รันมารุไม่เคยพูด  มีเพียงเขาเท่านั้นที่เป็นฝ่ายสารภาพความรู้สึกมาตลอด  แม้การกระทำทางกายที่แสดงออกจะทำให้เขารู้ชัดเจนว่ารันมารุก็ใจตรงกับเขา  แต่ก็ยังอยากฟังความรู้สึกนั้นจากปากของรันมารุมาตลอด  และในที่สุดก็ได้ฟังแล้ว

“ทำไม...ถึงมาพูดในที่แบบนี้นะ”

“เพราะถ้าพูดที่ห้อง  ชุนจังต้องผิดสัญญาแน่เลยไงล่ะ”

“บ้า...อย่ามาทำเป็นรู้ทันสิ”

วายะคว้าร่างนั้นมากอดไว้แน่น  ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่รันจังตัวเล็กกว่าเขามากขนาดนี้  แค่คว้าด้วยแขนข้างเดียวก็ถลาตามแรงของเขามาได้ง่าย ๆ...แม้จะดูบอบบางจนน่าจะแตกหักง่าย  แต่กลับเข้มแข็งกว่าใครทั้งนั้น...สิ่งล้ำค่าของเขา  และเขาจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องเหมือนกับแม่

เด็กหนุ่มแนบจุมพิตแสนเร่าร้อนลงครั้งแล้วครั้งเล่า  นี่เป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้  จนกว่าเขาจะอายุสิบแปด...จนกว่าจะถึงวันที่เขาจะได้ครอบครองทั้งหมดของรันมารุตามสัญญา  เขาทำได้เพียงแค่นี้เท่านั้น

แต่ก็เพียงพอแล้ว  เมื่อรันมารุเองก็ตอบสนองจูบของเขาด้วยความเต็มใจ  แลกสัมผัสกันอย่างหวานล้ำ  ขยับเรียวลิ้นเกี่ยวรัดซึ่งกันและกันอย่างโหยหา  บางครั้งก็หวานเสียจนวายะนึกสงสัยว่ารันมารุทนต่อความปรารถนาล้ำลึกนั้นได้อย่างไร


ไม่นานนัก  รันมารุก็เรียนจบมัธยมปลายและเข้าทำงานต่อในบริษัทขนส่งทางทะเลในละแวกนั้น  แม้จะชอบอ่านหนังสือแต่รันมารุก็ไม่ใช่คนเรียนเก่งอะไรนัก  เขาตั้งเป้าหมายไว้แต่แรกแล้วว่าถ้าจบมัธยมปลายก็จะทำงานเลย  แต่งานบรรณารักษ์ที่ฝันไว้จำเป็นต้องมีประสบการณ์หลายอย่างจึงยังไม่อาจทำได้ในตอนนี้  และเพราะอย่างนั้น  ทำให้ชีวิตของรันมารุค่อย ๆ แยกห่างออกจากวายะ

วายะที่อายุน้อยกว่ารันมารุสองปียังคงเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมปลาย  แม้ว่าบ้านจะอยู่ในแมนชั่นเดียวกัน  แต่จังหวะการดำเนินชีวิตก็แตกต่างกันไปเสียแล้ว  แม้ตอนที่รันมารุได้เลื่อนชั้นไปเข้าโรงเรียนอื่นล่วงหน้าไปก่อน  อย่างน้อยทั้งสองก็ได้ไปกลับโรงเรียนพร้อมกัน  มีเวลาอยู่ด้วยกันเสมอ  แต่เมื่อรันมารุเข้าทำงานทุกอย่างก็เปลี่ยนไปจนหมดสิ้น  ซ้ำรันมารุยังไปได้เพื่อนร่วมงานใหม่ ๆ ซึ่งสามารถคบกับเขาได้อย่างสนิทใจโดยไม่สนใจว่าเขาจะคบอยู่กับเด็กเกเรอย่างวายะหรือเปล่า...โลกของคนทำงานแตกต่างกับโลกของนักเรียนโดยสิ้นเชิง

การทำงานล่วงเวลาและการไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานทำให้รันมารุกลับบ้านไม่เป็นเวลาเหมือนเคย  วายะเริ่มรู้สึกว่ารันมารุคล้ายกับแม่ของเขาเข้าไปทุกที  ซึ่งแม้จะอยู่ด้วยกันทุกวัน  เห็นหน้ากันทุกวัน...แต่บางสิ่งบางอย่างกลับค่อย ๆ เหินห่างไปทีละน้อย  เด็กหนุ่มนึกอยากจะลาออกจากโรงเรียนแล้วไปเข้ากับงานกับรันมารุเสียเดี๋ยวนั้น  แต่ก็รู้ดีว่าทำไม่ได้จึงได้แต่เก็บความอึดอัดนี้ไว้ในใจ  แค่รันมารุที่ทำงานกลับมาเหนื่อย ๆ ยังมีกะใจมาทักทายพูดคุยกับเขาทุกวันก็ดีเหลือเกินแล้ว

แต่...สิ่งที่บาดลึกลงในใจมากขึ้นทุกวันก็คือความรู้สึกว่า...รันมารุกำลังจะหลุดมือจากเขาไป  รันมารุไม่ใช่รันจังที่มีแค่เขาเพียงคนเดียวอีกแล้ว  รันมารุมีเพื่อนมากมายไม่ใช่เด็กที่ไม่มีใครกล้าคบหาด้วยอีกแล้ว  และ...รันมารุจะไม่มองแค่เขาเพียงคนเดียวอีกแล้ว

แม่...ไม่เคยเป็นของเขาเพียงคนเดียว  และตอนนี้...รันมารุก็กำลังจะกลายเป็นอย่างแม่

ความรู้สึกที่กัดกินหัวใจเขานี้เจ็บปวดจนแทบจะกลายเป็นซึมเศร้า  วายะอาละวาดน้อยลง  มีเรื่องกับคนอื่นน้อยลง  ในสายตาของผู้ใหญ่มันก็เป็นเรื่องดี  แต่ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรและไม่มีใครกล้าถาม  ที่ทุกคนแอบหวังไว้ลึก ๆ ในใจก็คือขอให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไปซึ่งจะเป็นผลดีกับอนาคตของวายะมากกว่า

แต่ความรู้สึกบีบคั้นนั้น  เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ไม่อาจกดไว้ได้อีกต่อไป...มันก็จะระเบิดออก


“บ้าอะไรของแก!  เป็นบ้าอะไรของแก  หา!”  อันนะคว้าของใกล้มือกระหน่ำขว้างใส่ลูกชายหลังจากที่เจ้าเด็กแสบหาเรื่องคู่รักของเธอจนต้องหนีกลับ

“อะไรเล่า!  ไอ้คนนี้มันนิสัยเสียนี่หว่า  แม่ไม่รู้เหรอว่ามันเอาแม่ไปพูดเสีย ๆ หาย ๆ ยังไงบ้างน่ะ”  วายะเถียงพลางหลบสารพัดสิ่งที่คนเป็นแม่ขว้างมา

“รู้แล้วจะทำไม!?  มันเรื่องของแกเสียที่ไหน  หา!?  แกมายุ่งอะไรด้วย”  คราวนี้ปราดเข้าใส่พร้อมกับกะทะในมือ

“ก็ผมเป็นลูกแม่นี่  จะคบใครก็หัดดูคนหน่อยเซ่!  ไอ้หนุ่มฝรั่งเศสพรรค์นั้นมันใช้ได้ที่ไหนเล่า”

“แกไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉันนะ  ปิแอร์มันจะปากหมายังไงก็ช่าง  แค่มันปรนเปรอฉันได้ก็พอแล้ว!!”

วายะยกแขนขึ้นกันกะทะที่อันนะหวดลงมา...ปรนเปรอ?...การเอาผู้ชายมานอนที่บ้านคือปรนเปรอความสุขให้ตัวเองงั้นเหรอ  เขาไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนั้นสักนิด  ดูยังไงก็เห็นว่าผู้ชายพวกนั้นมาตักตวงความสุขจากแม่ของเขาเสียมากกว่า  แล้วที่พวกมันเอาไปพูดกันลับหลัง...บางทีก็ต่อหน้าเขา...เขาฟังไม่ออกหรอกแต่สัญชาตญาณผู้ชายมันฟ้องว่าไม่ได้พูดเรื่องดี ๆ แน่  คนที่ดี ๆ มันก็มี  แต่ไม่ใช่ไอ้ปิแอร์อะไรนี่แน่

หมดคำจะพูด  ลงแม่พูดแบบนี้แล้วแปลว่าเขาไม่มีทางชนะได้แน่  ต่อให้เถียงให้ตายก็เถอะ  แล้วยิ่งเห็นหน้าเขาอยู่ในบ้านแบบนี้  ผู้หญิงที่กำลังงุ่นง่านได้ที่คนนี้มีหวังได้พังบ้านแน่ ๆ...อย่ากระนั้นดีกว่า  หายหัวไปสักพักให้แม่ใจเย็นลงก่อนน่าจะดี

คิดแล้ววายะก็คว้าเสื้อกันหนาวแล้วรีบผลุนผลันออกจากบ้านไปตามมาด้วยเสียงด่าไล่หลังของแม่...ก่อนที่จะพบว่าตัวเองไม่มีที่ไป  คืนวันศุกร์แบบนี้  รันมารุคงจะโดนเพื่อนร่วมงานลากไปดื่มที่ไหนอีกเป็นแน่  ที่จริงจะขอแม่ของรันมารุเข้าไปรอในห้องก็ได้  แต่ทำไมไม่รู้...หมู่นี้เขารู้สึกตะขิดตะขวงใจที่จะเข้าหน้าใคร ๆ  อาจเพราะรู้แน่ชัดถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อรันมารุแล้ว  และคิดจะให้มันยังคงเป็นความลับต่อไปอีกหน่อย

ไม่มีทางเลือก  วายะนั่งลงตรงม้านั่งหน้าแมนชั่น  แม้อากาศจะยังหนาวแต่อย่างน้อยตรงนี้ก็อับลม  แค่รอจนกว่ารันมารุจะกลับมาเท่านั้น  แล้วคืนนี้อาจจะขอไปค้างที่ห้องสักคืน  กว่าจะถึงพรุ่งนี้แม่ก็คงหายโกรธแล้วละ

แต่ยิ่งรอเท่าไรรันมารุก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาเสียที  เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง  วายะได้แต่นั่งตากลมหนาวอยู่ที่หน้าแมนชั่น  เขาพยายามจะไม่คิดอะไรมาก  รันจังก็แค่ไปดื่มกับเพื่อนที่ทำงานเท่านั้น  จะกลับดึกบ้างก็ไม่แปลกอะไรหรอก...แต่ถึงจะบอกกับตัวเองอย่างนั้น  ในหัวใจก็ยังไม่ยอมสงบลงเสียที

เกือบเที่ยงคืนแล้ว  ในที่สุดก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้  วายะรีบเงยหน้าขึ้นจากอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นแล้วจ้องมองไปบนถนนมืด ๆ ด้านหน้าแมนชั่น  ใต้แสงไฟมีร่างเงาคุ้นตาของรันมารุกับใครอีกคนที่ไม่รู้จัก  จนกระทั่งทั้งสองร่างนั้นเดินเข้ามาใกล้

โอมิยะ!?

วายะเบิกตากว้าง  ทำไมรันจังถึงได้กลับมากับโอมิยะล่ะ!?  โอมิยะไม่ใช่เพื่อนร่วมงานเสียหน่อยนี่  นี่มันเรื่องอะไรกัน

“ชุนจัง?”  รันมารุเอ่ยขึ้นเมื่อสังเกตเห็นเขา  “ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้?”

วายะไม่ตอบเพียงแต่จ้องโอมิยะเขม็ง  และโอมิยะเองก็รู้ตัว  เขาอยู่ผิดที่ผิดทางเสียแล้ว

“ฉันแค่เจอเขาที่สถานีน่ะ  ก็เลยเดินมาด้วยกัน”  ผู้เป็นอาจารย์ตอบเรียบ ๆ ด้วยรอยยิ้มเรื่อยเปื่อยแบบที่ได้เห็นบ่อย ๆ ที่โรงเรียน

มันจะเป็นคำแก้ตัวหรือความจริงก็ช่าง  แต่วายะไม่พร้อมจะรับฟังในตอนนี้

“ชุนจัง...ทะเลาะกับคุณน้าเหรอ?”  รันมารุพยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้วายะเลิกมองโอมิยะแบบนั้นเสียที

“เปล่า”  คำตอบสั้นห้วนด้วยน้ำเสียงกระชาก ๆ นั้นรันมารุแทบจะไม่เคยได้ยิน

“แล้ว...ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้?  มารอฉันเหรอ?”  คิดได้แบบนั้นแล้วก็มีความรู้สึกผิดผ่านวาบขึ้นมาบนสีหน้า  “ขอโทษนะ  ฉันไปดื่มกับรุ่นพี่ที่ทำงานมาน่ะ  ก็เลย...กลับดึกไปหน่อย”

“นั่นสิ  ฉันก็โดนอาจารย์คุริตะดึงตัวไว้เสียดึกเลย  งั้นฉันกลับก่อนดีกว่านะ”

“อ๊ะ  ขอบคุณครับอาจารย์  ที่อุตส่าห์เดินมาเป็นเพื่อน”

“บ้านฉันก็อยู่ทางนี้แหละ  แค่ทางผ่านน่า”

อย่า...อย่ามาพูดแบบนั้นให้ได้ยินนะ!  อย่ามาทำตัวสนิทสนมกับรันจังนะ!  รันจังก็ด้วย...อย่ายิ้มให้มันแบบนั้นนะ  อย่า!!

วายะแทบจะทนฟังเสียงที่ตะโกนก้องอยู่ในหัวใจของตัวเองไม่ได้

“เข้าบ้านกันเถอะ  ชุนจัง...แก้มช้ำนี่  ทะเลาะกับคุณน้ามาจริง ๆ สินะ”  รันมารุเอื้อมมือมาแตะเบา ๆ ตรงรอยช้ำที่โหนกแก้มซึ่งวายะเองก็ไม่รู้ว่าโดนอะไรเข้าตอนไหน

ไม่ต้องมาแตะต้องฉัน  ไม่ต้องมาทำเป็นโอ๋...ฉันไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ!  ในเมื่อทิ้งฉันไว้ตรงนี้เป็นชั่วโมง ๆ ได้  ก็ไม่ต้องมาทำเป็นเอาใจเอาตอนนี้หรอก!

เสียงในหัวใจนั้น  ไม่มีใครได้ยิน

“ขอบคุณนะครับ  อาจารย์  งั้นลานะครับ”

“อื้ม  ราตรีสวัสดิ์”

อย่ายิ้มให้มันนะ!!...อะไรบางอย่างในสมองของวายะขาดผึง  เขากระชากตัวออกจากรันมารุแล้วเดินออกไปที่ถนนอย่างรวดเร็ว

“ชุนจัง!?”

โกรธ...เขากำลังโกรธมาก  ในใจมันเต้นระรัวไปด้วยความรู้สึกชิงชังบางอย่างที่ไม่เคยรู้จัก  เขาโกรธโอมิยะ  โกรธปิแอร์  โกรธแม่  โกรธเพื่อนร่วมงานของรันจัง...แล้วก็โกรธรันจังด้วย!  คนพวกนั้นกล้าดียังไงมาแตะต้องของสำคัญของเขา  แล้วแม่กับรันจังล่ะ...ทำไมถึงเอาตัวเองไปให้พวกมันแตะต้อง!?

ไม่เข้าใจ...วายะไม่เข้าใจตัวเองเลย  เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังโกรธใครหรือโกรธอะไรกันแน่  ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าความรู้สึกพลุ่งพล่านนี้มันเป็นความโกรธหรือเปล่า  แต่ถ้าไม่ใช่ความโกรธแล้ว...มันจะเป็นอะไรกันล่ะ  ความเร่าร้อนรุนแรงที่เดือดพล่านอยู่ในอกจนแทบจะระเบิดนี้มันคืออะไรกัน  เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด

ไม่ไหวแล้ว...เขาต้องการที่สงบ ๆ ให้ได้คิด  เขาต้องรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันคืออะไร


รู้สึกตัวอีกที  วายะก็พบตัวเองอยู่ที่โกดังท่าเรือพร้อมกับเบียร์สองแพ็ค  เวลาที่แม่เหนื่อยหนัก ๆ แม่ก็จะดื่มเบียร์บ้าง  และเขากับรันมารุเองก็เคยแอบดื่มกันมาบ้างแล้วเหมือนกัน...มันไม่อร่อยนักหรอก  แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง  และตอนนี้เขาก็หวังว่ามันจะช่วยได้

เบียร์หมดไปหลายกระป๋องแล้ว  คลื่นอารมณ์ในหัวใจของวายะยังไม่สงบลง  ซ้ำยังโหมแรงมากขึ้น  ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์นอกจากจะไม่ทำให้ปลอดโปร่งแล้วยังกดไม่ให้สมองของเขาคิดอะไรได้ราบรื่นอีกด้วย  มันงุนงงจนแทบจะหงุดหงิด  สุดท้ายก็ได้แต่ดื่มเบียร์เข้าไปกระป๋องแล้วกระป๋องเล่า

ความรุมร้อนในใจไม่ยอมบรรเทาลง  วายะได้แต่คิดวนเวียนไปมา...ยิ่งคิดก็ยิ่งมีแต่เรื่องไม่ดี...แม่  ไม่เคยเป็นของเขาเลย  แม่เป็นของผู้ชายคนนั้นคนนี้เสมอมา...ส่วนรันจังที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอดนั้น  จะเป็นของเขาตลอดไปจริง ๆ น่ะหรือ  เขาเคยแน่ใจ...แต่ตอนนี้เขาไม่แน่ใจอีกต่อไปแล้ว  หลายเดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่รันจังเข้าทำงาน  ความเชื่อมั่นที่ว่ารันจังจะเป็นของเขาไปตลอดกาลก็ค่อย ๆ ลดน้อยลงทุกที...และยิ่งในวันนี้  ไม่รู้ทำไม  เขาถึงได้ไม่มีความมั่นใจหลงเหลืออยู่เลย

รันจังกำลังจะหลุดมือเขาไป...เขาไม่ยอม!!


“ชุนจัง?”

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ประตูโกดัง  หากวายะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองแม้เมื่อเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาและหยุดลงตรงหน้า

“นึกแล้วเชียวว่าจะต้องมาอยู่ที่นี่”  น้ำเสียงนั้นกลั้วมากับเสียงหัวเราะกึ่งเอ็นดูปนระอาใจ  “แต่เดินหาแทบแย่แน่ะว่าอยู่โกดังไหนกันแน่”

วายะไม่ตอบ  เขาไม่อยากเห็นหน้ารันมารุตอนนี้  แต่ความปรารถนานั้นไม่เป็นจริงเมื่อรันมารุนั่งลงตรงหน้า

“ชุนจัง...เป็นอะไรไปเหรอ  ทะเลาะกับคุณน้าอีกแล้วใช่มั้ย?”  มืออุ่นเอื้อมมาแตะลงที่เรือนผม  “ทะเลาะกันเรื่องอะไรเหรอ?”

กลิ่นอายที่คุ้นเคยโชยมาปะทะจมูก...ได้โปรดเถอะ  กลับไปซะ  เขาไม่ต้องการคนคนนี้ในตอนนี้...

เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่นั่งกอดเข่าก้มหน้านิ่ง  รันมารุก็ลอบถอนใจ  วายะไม่เคยดื้อกับเขาขนาดนี้มาก่อน  แล้วตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่เขาเข้าใจวายะน้อยลงทุกที  วายะพูดกับเขาน้อยลง  แม้จะอยู่กับเขาเหมือนเงาตามตัวอย่างเคยแต่วายะกลับไม่เคยบอกสิ่งที่คิดอยู่เหมือนเมื่อก่อน  ทั้งที่ทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่แต่กลับไม่เคยบอกให้เขารู้เลย

รันมารุกวาดตามองไปรอบ ๆ...กระป๋องเบียร์เกลื่อนกลาด  ทั้งที่วายะยังไม่บรรลุนิติภาวะแต่ด้วยความที่สูงใหญ่กว่าคนรุ่นเดียวกันจึงไม่เคยมีใครสงสัยและยอมขายเหล้าเบียร์ให้เสมอ  แต่เบียร์เยอะขนาดนี้นี่มัน...กลุ้มใจเรื่องอะไรงั้นเหรอ  ทำไมถึงไม่บอกเขาล่ะ...

“ชุนจัง...กลับบ้านกันเถอะ  นะ”  ถ้าเป็นที่บ้านคงจะคุยอะไร ๆ กันได้มากกว่านี้

หากวายะยังคงเงียบ

“นี่...กลับกันเถอะ  หนาวออก”  รันมารุดึงมือวายะเบา ๆ

“มันหนาวจนเลิกหนาวนานแล้ว”  วายะกระตุกมือออกจากการเกาะกุมอย่างแรง

“ชุนจัง?”

“เพิ่งมาคิดได้ตอนนี้หรือไง  ฉันนั่งรอรันจังนานแค่ไหนรู้มั้ย  มันหนาวซะจนเบื่อจะหนาวแล้ว!”  วายะตวาดทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้น

“ชุนจัง!?”  รันมารุทั้งตกใจทั้งงุนงง  “นี่ชุนจังโกรธอะไรน่ะ?”

“โกรธอะไร?”  เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นในที่สุด  “แค่นี้ไม่รู้หรือไง!?  ฉันนั่งรอรันจังอยู่ตรงนั้นเป็นชั่วโมง ๆ  แล้วรันจังไปกับมัน!  ไหนเคยบอกว่าเป็นไปไม่ได้ไง  ไหนบอกว่าไม่ชอบมัน  แล้วเดินกลับมากับมันแบบนั้น  ไปยิ้มให้มันแบบนั้น!  นั่นหมายความว่ายังไง!?”

รันมารุเบิกตากว้าง  “ฉันแค่เจอกับอาจารย์โอมิยะระหว่างทางเท่านั้นเอง  วันนี้ฉันทำโอทีแล้วก็ไปดื่มกับเพื่อน ๆ นิดหน่อยแล้วก็กลับมา...นี่ชุนจังคิดอะไรอยู่น่ะ  ไม่เข้าใจเลย”

“รันจังไม่เคยสนใจฉันก็ต้องไม่เข้าใจแหงอยู่แล้ว!  แต่ฉันเข้าใจ!!  สนุกใช่มั้ย  ไปกับคนนั้นทีคนนี้ทีน่ะ  สนุกมาก!  เหมือนแม่ไม่มีผิด...ขอแค่เป็นผู้ชายจะเป็นใครก็ได้!!”

“ชุนจัง!!”  รันมารุร้องออกมาด้วยความตกใจ  “บ้าอะไรเนี่ย!  ฉันไม่เคยคิดอะไรกับอาจารย์โอมิยะนะ  ไม่เคยคิดอะไรกับใครเลยด้วย!”

“รันจังไม่คิด  แต่มันคิด!”

“จะบ้าหรือไง!  อาจารย์เขาไม่คิดอะไรกับฉันหรอก  ก็แค่ครูกับนักเรียนเท่านั้นแหละ  ชุนจังคิดมากเกินไปแล้ว!”

วายะกัดฟันกรอด...จะบอกว่าเขาคิดไปเองงั้นหรือ  ก็ในเมื่อสายตาของไอ้หมอนั่นมันฟ้องอยู่เห็น ๆ  มันสนใจรันจัง  มันอยากได้รันจัง  ทำไมเขาจะไม่รู้...แล้วรันจังพูดอะไร  จะเข้าข้างมันหรือไง!

มือแกร่งคว้าข้อมือของรันมารุแล้วกระชากเข้าหาตัวอย่างแรงจนรันมารุล้มลงกับพื้น

“โอ๊ย!  ชุนจัง  ทำอะไร...”
หัวข้อ: Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 05-05-2012 21:34:16
ถามยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกคร่อมทับ  มือที่จับมือของชายหนุ่มไว้บีบแน่นราวกับจะบีบให้กระดูกแหลกคามือ  รันมารุนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด  แต่นั้นยังน้อยกว่าความตกใจที่เกิดขึ้น  แววตาของวายะที่มองมาเป็นประกายกล้า  ดุดันและน่ากลัว

“...เข้าข้างมันเหรอ?”  น้ำเสียงแหบต่ำลอดริมฝีปากออกมาไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตะคอกลั่น  “รันจังเข้าข้างมันงั้นเหรอ!!?”

รันมารุเผลอสะดุ้งหลับตาแน่น  หวาดหวั่นกับความเกรี้ยวกราดที่อยู่ตรงหน้า  ลมหายใจที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์บอกชัดว่าอีกฝ่ายกำลังเมามายได้ที่

“ชุนจัง  ใจเย็น ๆ...”  รันมารุพยายามปลอบ  หากเสียงนั้นไม่เข้าหูวายะเสียแล้ว

“ฉัน...จะทำให้นายพูดแบบนั้น...ไม่ได้อีก...”

เพียงขาดคำ  ริมฝีปากอุ่นร้อนก็ฉกลงมาประกบแนบกับเรียวปากอิ่มและพยายามจะรุกล้ำเข้าไปภายใน  รันมารุสะดุ้ง  ยกมือข้างที่ยังเป็นอิสระอยู่ขึ้นผลักไสร่างสูงเต็มแรง  แต่ด้วยขนาดตัวที่ต่างกันไม่น้อยทำให้เรี่ยวแรงของเขาไม่มีผลอะไรกับวายะเลย  มือแกร่งบีบคางของเขาบังคับให้ต้องเผยอปากรับจูบอันดุดันและจาบจ้วงเข้าไป...ไม่ใช่...นี่มันอะไรกัน  ชุนจังของเขาไม่เคยทำแบบนี้!!...

“อึ่ก...ฮึ...ชุนจัง...หยุด...”  รันมารุพยายามเบี่ยงใบหน้าหลบจูบนั้นและละล่ำละลักบอก

แต่ไม่มีอะไรหยุดได้อีกแล้ว  เปลวเพลิงร้อนแรงที่คุโชนขึ้นในร่างแผดผลาญรุนแรงเสียจนหัวใจตัวเองก็แทบจะมอดไหม้ไปด้วย  มันจะเป็นความโกรธแค้นหรือความปรารถนาอะไรวายะก็ไม่รู้  เขารู้แค่เพียงว่าเพื่อไม่ให้รันจังของเขาไปเป็นของคนอื่น...เขาต้องทำให้รันจังเป็นของเขาคนเดียว  เดี๋ยวนี้!

มือใหญ่กระชากกระดุมเสื้อแจ็กเก็ตตัวหนาของรันมารุให้หลุดออกแล้วดึงเสื้อยืดตัวในเปิดขึ้น  ก่อนจะสอดมือเข้าไปสัมผัสผิวกายโดยตรง  รันมารุผวาขึ้นทั้งร่าง...ชุนจังคิดจะทำอะไร!!?

“หยุด!  หยุดนะ!  ชุนจัง!!”  ชายหนุ่มพยายามดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อหยุดยั้งการกระทำนั้น

ทำไมจะต้องไม่ยอมด้วย...รันจังไม่อยากเป็นของเขางั้นเหรอ  รันจังรังเกียจเขางั้นเหรอ...หรือว่า...เพราะมัน...

วายะปล่อยมือข้างที่กดมือของรันมารุออกแล้วตบเข้าที่แก้มของอีกฝ่ายเต็มแรงจนใบหน้าสะบัดหันไปตามแรงตบนั้น

รันมารุชะงักนิ่งไป  แสบร้อนขึ้นที่ใบหน้า...เมื่อกี้นี้มันอะไรกัน...ชุนจังตบเขางั้นหรือ...

เมื่อเห็นรันมารุนิ่งไป  วายะก็เริ่มรุกรานต่ออย่างย่ามใจ  แต่แล้วก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อกำปั้นลุ่น ๆ ซัดเข้าที่กกหู

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!  นี่มันบ้าอะไร!  เป็นบ้าอะไรของนาย!!”  รันมารุตะโกนใส่หน้าวายะ  พร้อมกับระดมทุบตีไม่ยั้ง

แรก ๆ วายะก็พยายามปัดป้อง  แต่เมื่อเจ็บตัวมากขึ้น  ก็เหมือนเส้นอะไรบางอย่างในสมองขาดออก...เขาต้อง  “ได้”  รันจังเดี๋ยวนี้...และเขาจะไม่ยอมให้ใครขวาง  แม้แต่ตัวรันจังเองก็ตาม!

มือแกร่งกำแน่นแล้วหวดเข้าที่ใบหน้าของรันมารุอีกครั้ง  ก่อนจะกระหน่ำกำปั้นเข้าใส่อย่างไม่สนใจว่าจะโดนตรงไหนบ้าง  ในหูได้ยินเสียงร้อง  แต่เขาหยุดตัวเองไม่ได้อีกแล้ว  ความรู้สึกบางอย่างในหัวใจผลักดันให้เขาทำแบบนั้น...จนกว่าจะพอใจ  จนกว่าอีกฝ่ายจะขัดขืนเขาไม่ได้...

 ความเจ็บปวดเช่นนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต  ที่ผ่านมาวายะเป็นคนปกป้องเขามาตลอด  แล้วในตอนนี้...มือที่เคยปกป้องนั้นกลับกลายเป็นมือที่ทำร้ายเขาเสียเอง...รันมารุยกสองแขนขึ้นป้องกันร่างกายและใบหน้า  แต่มือแข็ง ๆ นั้นยังไม่หยุด  แขนทั้งสองข้างเจ็บร้าวเหมือนจะแตกหัก  แต่ก็รู้ดีว่าหากลดมือลงตนจะต้องบอบช้ำกว่านั้นแน่

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่...นี่มันฝันร้ายใช่มั้ย...ก็เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเขายังนั่งดื่มกับเพื่อนร่วมงานอยู่เลย  ยังได้พูดคุยหัวเราะกับคนอื่น ๆ อยู่เลย  แล้วก็รีบขอตัวกลับก่อนเพราะกลัวว่าวายะจะรอเขาอยู่...แล้วนี่มันอะไรกัน  ทำไมเรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้...

เจ็บ...เจ็บเสียจนหลั่งออกมาเป็นน้ำตา  หากที่เจ็บปวดมากกว่านั้นคือหัวใจ...หัวใจที่ไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิตถึงได้ทำกับตนแบบนี้  ไม่เข้าใจว่าตนทำอะไรผิด...

ในที่สุดสองแขนก็ไม่อาจฝืนทนต่อความเจ็บปวดได้อีกต่อไป  ทันทีที่ปล่อยแขนร่วงลงกับพื้น  มือแข็ง ๆ นั้นก็ชกเข้าที่ใบหน้าเป็นครั้งสุดท้าย  แล้วทุกอย่างก็หยุดลง

รันมารุนอนสะอื้นอยู่กับพื้นซีเมนต์เย็นเยียบของโกดัง  เหนือร่างมีวายะคุกเข่าคร่อมอยู่  เจ็บร้าวจนไม่อาจขยับตัว  ซ้ำยังหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยกลัวใครมาก่อนในชีวิต

วายะเห็น...รันจังกำลังร้องไห้...แต่เขาหยุดไม่ได้อีกแล้ว  มือใหญ่เปิดเสื้อยืดเนื้อหนาของชายหนุ่มขึ้นแล้วก้มลงไปครอบครองยอดอกสีเข้มด้วยปากและลิ้น  สองมือก็ลูบไล้ไปตามผิวเนียนลื่นมือ

“ไม่!...ชุนจัง...หยุด...”  มือสั่นระริกพยายามขยุ้มดึงเรือนผมสีทอง  แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับมาคือฟันคมที่ขบกัดลงบนผิวเต็มแรงจนต้องหวีดร้องออกมา

หวาน...รันจังของเขาหวานไปทั้งตัว  แล้วเลือดล่ะ...จะหวานแบบนี้ไหม...

ทั้งที่ยังหยอกล้อกับยอดอกอยู่  วายะก็กัดย้ำลงอย่างแรง  เสียงกรีดร้องดังขึ้น  แต่แทนที่จะหยุด  เสียงนั้นกลับปลุกความพลุ่งพล่านในกายให้โหมกระพือขึ้นอีก  กระทั่งได้รสเลือดจากผิวกายขาวนั้น  เด็กหนุ่มไล้เลียมันอย่างเคลิบเคลิ้ม...เลือดของผู้เป็นที่รักที่สุด  เขาอยากจะกลืนกินรันจังเข้าไปทั้งตัวเหลือเกิน...ต้องทำยังไงถึงจะได้รันจังมา...ต้องกินเข้าไป  ต้องทำให้เป็นหนึ่งเดียวกัน...

ทั้งมือและปากเคลื่อนลงต่ำจนถึงขอบกางเกงยีนส์  วายะแกะเข็มขัดและปลดกระดุมกางเกงของรันมารุออกอย่างร้อนรน

“ไม่!!  ไม่เอานะ!  ชุนจัง!!  อย่า...ชุนจังสัญญาแล้วนะ!  อย่านะ!!”  รันมารุร้องและพยายามกระถดหนี

วายะไม่ฟังเสียง  เขาคว้าเอวบางกระชากกลับเข้าหาตัวแล้วตบรันมารุอย่างแรงอีกครั้ง  ก่อนจะดึงขอบกางเกงของรันมารุลงพร้อม ๆ กับชั้นใน  ร่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากระตุ้นความกระหายอยากราวกับมีอาหารรสโอชามาวางไว้ให้  เด็กหนุ่มรีบฉกริมฝีปากลงไปลิ้มรสมันอย่างตะกรุมตะกราม  เรียวลิ้นร้อนตวัดไล้เลียอย่างหิวกระหาย  เคลิบเคลิ้มไปกับกลิ่นอายที่เคยเฝ้าปรารถนามาตลอด  สูบกินดูดกลืนเหมือนคนที่เดินฝ่าทะเลทรายมาพบแหล่งน้ำ...อยากจะกลืนกินให้หมดจนทุกหยาดหยด

แม้จิตใจจะไม่ต้องการ  แต่ร่างกายกลับตอบสนองสัมผัสนั้นตามสัญชาตญาณ  รันมารุบิดกายเร่ากับโพรงปากร้อนชื้นที่ครอบครองร่างไวสัมผัสของเขาไว้  เรียวลิ้นที่ลูบไล้สร้างความเสียวซ่านอย่างที่การใช้มือกับตัวเองไม่อาจเทียบได้แม้แต่น้อย  แต่มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้...ในสถานการณ์แบบนี้...ความรู้สึกต่อต้านและความเจ็บปวดทางกายทำให้รันมารุไม่อาจปล่อยใจไปกับการกระทำของวายะได้  เกิดเป็นความขัดแย้งรุนแรงจนต้องเปล่งออกมาเป็นเสียงหวีดร้อง

หากเสียงนั้นกลับกระตุ้นปีศาจร้ายในหัวใจของเด็กหนุ่มให้ระเริงร่า  หยาดน้ำหวานที่หลั่งรินออกมายิ่งทำให้อยากลิ้มรสน้ำแท้ของร่างนั้น  และหลังจากสูบกลืนหนัก ๆ ไม่กี่ครั้ง  วายะก็ได้สมใจอยาก  เมื่อรันมารุไม่อาจทานทนกับความกระสันเสียวได้อีกต่อไป  และปลดปล่อยความรู้สึกทั้งมวลออกมาเต็มที่

วายะกลืนกินหยาดน้ำนั้นเข้าไปจนหมดทุกหยาดหยดด้วยความรู้สึกอิ่มเอม  รสชาติของรันจัง...ความรู้สึกทั้งมวลของรันจัง...ในที่สุดก็ได้ลิ้มรสแล้ว

แต่ยังหรอก...ยังไม่ใช่แค่นี้  เขายังต้องการมากกว่านี้

กางเกงยีนส์ที่แก้ออกเมื่อครู่ยังติดอยู่ที่สะโพก  วายะคว้าขอบเอวกางเกงแล้วกระชากต่ำลงไปอีก  หากเนื้อผ้าแข็งหนาทำให้ไม่สามารถดึงลงได้ดังใจ  และรันมารุที่ได้สติแล้วก็เริ่มขัดขืนอีกครั้ง

“ไม่!  ไม่เอานะ!!  ไม่ได้นะ...ชุนจัง!  อย่า!!”  สองขาเตะถีบเป็นพัลวัน

ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และความปรารถนาที่เข้าครอบงำทำให้หน้ามืดตามัว  วายะตบหน้ารันมารุเต็มแรงอีกครั้งแล้วดึงร่างที่พยายามกระถดหนีกลับมาหาตัว  สองมือพยายามดึงกางเกงยีนส์เนื้อหนาลงอีก  หากเมื่อมันลงไปติดที่หัวเข่าเด็กหนุ่มก็หมดความอดทน  เขาปลดเข็มขัดและกระดุมกางเกงของตัวเองก่อนจะดึงเอาแก่นกายแข็งขึงที่อัดแน่นไปด้วยความต้องการออกมา  มุดหัวเข้าไปที่หว่างขาและจับสองเข่าของรันมารุพาดบ่า  ก่อนจะจรดร่างของตนเข้ากับช่องทางเร้นลับ

เมื่อท่อนเนื้อร้อนจัดแนบลงกับจุดอ่อนไหว  รันมารุก็ผวาขึ้นทั้งร่าง

“ไม่เอา!!  ชุนจัง!  ไม่ได้นะ!  อย่านะ!!  เราสัญญากันแล้ว...เราสัญญากันแล้วนะ!!  ไม่!!”

แม้จะดิ้นรนเต็มกำลังแต่ด้วยท่วงท่านั้นทำให้ไม่อาจหนีพ้นได้  ได้แต่จิกข่วนแขนที่ยึดสะโพกของตนไว้ซึ่งแทบจะไม่ได้มีผลอะไรกับวายะเลย  ร่างนั้นพยายามดุนดันเข้ามา  ขยี้กลีบดอกที่หุบแน่นบังคับให้คลี่บานออก  หากช่องทางที่ไม่เคยมีสิ่งใดล่วงล้ำมาก่อนแห้งผากและปิดแน่นจนไม่อาจแทรกกายเข้าไปได้และนำมาซึ่งความเจ็บปวดทั้งสองฝ่าย

“ไม่!!!!  เจ็บ!!  ไม่เอา!  ชุนจัง!  ไม่เอา!!”  รันมารุร้องออกมาสุดเสียงกับความเจ็บปวดที่เกินจะทนได้

วายะกัดฟันกรอด  เขาเองก็เจ็บไม่น้อยไปกว่ากัน  แต่ความต้องการมันพลุ่งพล่านเสียจนเกินจะระงับ  ปรารถนาเพียงแค่ขอให้ได้เข้าไปในร่างนั้นเท่านั้น...แล้วต้องทำอย่างไร...

ภาพความทรงจำฉากรักของแม่กับคู่ควงแวบเข้ามาในหัว  วายะส่งเรียวนิ้วใส่ปากแล้วไล้เลียจนชุ่ม  ก่อนจะใช้นิ้วนั้นถูไถช่องทางของรันมารุ  นวดคลึงและชโลมด้วยน้ำลายซ้ำแล้วซ้ำอีกจนมันเปียกชุ่ม  ไม่สนใจกับเสียงร้องห้าม  กระทั่งปลายนิ้วผลุบเข้าไปในกลีบเนื้อที่ค่อยคลายตัวออก  รันมารุกระตุกเกร็งและบิดกายเร่ากับสัมผัสแปลกประหลาดที่ล่วงล้ำเข้ามาในร่าง

ทั้งภายนอกและภายใน...วายะใช้นิ้วขยับขยายจนคิดว่าส่วนนั้นชุ่มชื้นดีแล้วจึงได้ถอนนิ้วออกแล้วจรดร่างของตนแนบลงอีกครั้ง  ค่อย ๆ ขยับสะโพกดุนดันเข้าไปช้า ๆ

“อ๊า!!!!”

ร่างกายถูกฝืนให้แยกเปิดออก  แม้จะมีของเหลวจำนวนมากช่วยหล่อลื่นแล้ว  แต่มันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับช่องทางบริสุทธิ์ที่ไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน  หากฝ่ายที่รุกรานเข้ามาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว  แก่นกายใหญ่โตอย่างคนมีเชื้อสายผสมค่อย ๆ คืบรุกเข้ามาในร่างขยี้กลีบดอกบอบบางให้แย้มบานและชอกช้ำ  เกิดเป็นความเจ็บปวดแสนสาหัสแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

“ไม่!!  หยุด...หยุดที!!  เจ็บ!!  ชุนจัง...ชุนจัง!!!!”

น้ำตาไหลอาบหน้า  สองขาที่ยังถูกตรึงไว้ด้วยกางเกงยีนส์ที่ถูกถอดค้างคาไว้ทำให้ไม่อาจอ้าออกเพื่อผ่อนคลายความเครียดขึงให้กับตัวเองได้  ส่วนที่ถูกรุกรานแสบร้อนจนรู้สึกได้ว่าเกิดบาดแผล  นึกชิงชังตัวเองที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้  ได้แต่ส่งเสียงร้องเหมือนจะขาดใจอยู่อย่างนี้เท่านั้น

คับ...แน่นเหลือเกิน...วายะบอกกับตัวเอง  ในวินาทีที่ได้ล่วงล้ำเข้าไปในร่างของรันมารุ  ความยินดีก็เอ่อล้นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ  อีกนิดเดียวเท่านั้น...พวกเขาก็จะได้เป็นหนึ่งเดียวกัน  หากช่องทางนั้นช่างบีบรัดแน่นหนาราวกับจะไม่ยอมให้เขาได้เข้าไปมากกว่านั้น...มันน่ารำคาญ...เขากำลังจะสอนให้รันจังรู้ถึงความรู้สึกดี ๆ ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต  ก็ขนาดพี่สาวข้างบ้านคนนั้นยังติดใจให้เขาทำให้บ่อย ๆ เลยนี่นา...แล้วจะมาต่อต้านอะไรตอนนี้

วายะตัดสินใจกระทั้นกายเข้าไปจนจมมิดในครั้งเดียว  เสียงของรันมารุหวีดก้องไปในความมืด  ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นฮัก

ไม่ไหวแล้ว...ทุกจังหวะชีพจรของรันมารุมันสื่อมาถึงเขาผ่านทางส่วนที่ผนึกประสานกันอยู่นั้น  ดีเหลือเกิน...รู้สึกดียิ่งกว่าตอนทำกับพี่สาวคนนั้นเสียอีก  หัวใจของเขากับรันจังเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน...เป็นหนึ่งเดียวกัน...ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว  เขาต้องการทั้งหมดของรันจังเดี๋ยวนี้

สะโพกหนาขยับโยกกายแรงและเร็ว  เป็นไปตามแรงผลักดันของวัยหนุ่มที่คุกรุ่นเหมือนภูเขาไฟ  ทั้งเร่าร้อน  ดุดัน  และไม่ยอมผ่อนปรนให้  รันมารุได้แต่กรีดเสียงไปกับความเจ็บปวดทรมานที่ถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย  ทรมานทั้งกายและใจ...ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอดชีวิตถึงทำกับเขาแบบนี้...เขารักชุนจัง  ไม่รู้หรอกว่าเมื่อไรที่ความรู้สึกเอ็นดูเหมือนน้องชายได้เปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกพิเศษที่ใครคนหนึ่งจะรักใครสักคนได้  แต่เมื่อรู้สึกตัว...เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธความรู้สึกนั้น  และมันยิ่งพิเศษมากขึ้นเมื่อความรู้สึกของเขาทั้งสองคนตรงกัน  ความรู้สึกนั้นทำให้เขาอยู่เคียงข้างชุนจังมาตลอด  และบอกกับตัวเองว่าขอแค่มีชุนจังอยู่ด้วยก็ไม่จำเป็นต้องมีใครอีกแล้ว  พวกเขาจึงมีกันและกันเพียงแค่สองคนเรื่อยมา  เพราะอย่างนั้น  เขาถึงจำได้ดีถึงความปวดร้าวในตอนที่ชุนจังบอกว่าจะออกจากเมืองนี้ไป  และจำได้ถึงความยินดีเมื่อชุนจังบอกว่าจะยอมอยู่ทุกที่ที่เขาอยู่  เพราะเพียงแค่นั้นชีวิตเขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว...แล้วทำไม...ชุนจังที่เขารักมาทั้งชีวิตถึงได้ทำกับเขาแบบนี้

ส่วนที่สอดร่างรุกล้ำอยู่ในร่างของรันมารุร้อนวาบและเครียดเกร็ง  ปลายทางแห่งความหฤหรรษ์กำลังจะมาถึง...วายะรู้ดี  มันคงจะเป็นความรู้สึกที่อิ่มเอมมากกว่าที่เคยสัมผัสมาเป็นแน่...แต่...รันจังที่ได้เรียนรู้ถึงความรู้สึกเช่นนั้นแล้ว  จะไปหาความสุขกับคนอื่นเหมือนพี่สาวคนนั้น...เหมือนแม่ของเขาหรือเปล่า

ไม่!  เขาไม่ยอม...เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ของของเขาไปเป็นของใครอีกเด็ดขาด  รันจังจะต้องเป็นของเขาตลอดไป  ไม่ไปเป็นของใครเหมือนแม่!

เร็วเท่าความคิด  จิตใต้สำนึกสั่งให้มือแกร่งคว้าเข้าที่ลำคอของร่างบางและเกร็งบีบแน่นจนรันมารุสำลัก  นิ้วแข็ง ๆ กำรวบและออกแรงบีบเค้นราวกับจะขยี้ให้ลำคอนั้นแหลกรานคามือ  รันมารุผวาเยือก  สองมือจับคว้ามือของวายะไว้และพยายามง้างออก  แต่ด้วยร่างกายที่บอบช้ำจนไร้เรี่ยวแรงไม่ทำให้การต่อต้านนั้นเกิดผลอันใดเลย

...เขากำลังจะถูกฆ่า...ด้วยคนที่เขารักที่สุดในชีวิต!!

ยิ่งดิ้นรนมากเท่าไร  มือนั้นก็ยิ่งออกแรงบีบเค้นมากขึ้นเท่านั้น  ภาพตรงหน้าพร่าเลือน  ลมหายใจกระตุกขาดห้วง...เหมือนปฏิกิริยาสุดท้ายของคนใกล้จะตาย  รันมารุกระตุกเกร็งไปทั้งร่าง  ส่วนที่โอบรัดร่างของวายะไว้ก็ตอดรัดแน่นจนเด็กหนุ่มไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป

วายะปลดปล่อยความรู้สึกทั้งมวลสู่ร่างของรันมารุ  ร่างกายของเขาผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็วหลังจากถึงจุดสุดยอด  สองมือละออกจากลำคอที่กำรวบไว้...รันมารุรอดชีวิตมาได้ในชั่วเสี้ยววินาที

ช่วงเวลาวิกฤติที่สุดผ่านพ้นไป...หากมันยังไม่พอ  เด็กหนุ่มตอกย้ำความเป็นเจ้าของครั้งแล้วครั้งเล่าลงบนร่างนั้น

ท่ามกลางความเจ็บปวดแสนสาหัสนั้น  รันมารุนึกอยากให้ตัวเองขาดใจตายไปเสีย...เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับรู้ถึงความเสียใจและความเคียดแค้นที่ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ...ก่อนที่ความเสียใจที่ถูกหักหลังจะกลายเป็นความเคียดแค้น  ให้เขาตายไปเสียเถอะ...

ก่อนที่เขาจะต้องเกลียดคนตรงหน้ามากไปกว่านี้!

...

เสียงลมหายใจสะท้อนเข้ามาในหู  เสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะแนบอยู่กับอก...เสียงหัวใจ...ของใคร?...ดวงตาคมค่อย ๆ ปรอยปรือขึ้นแล้วยันกายขึ้นจากไออุ่นที่นอนซบแนบอยู่  แล้วจึงได้เห็นร่างหนึ่งอยู่ใต้ร่างของตน  ดวงตาสีดำเหม่อลอย  ใบหน้าหวานเหมือนตุ๊กตาเต็มไปด้วยรอยช้ำ  มีเลือดเกรอะกรังที่มุมปาก  ลำคอเขียวช้ำ...หัวใจของวายะกระตุกวาบ

“รันจัง!?”

รันมารุค่อย ๆ เหลือบสายตากลับมาจับที่ใบหน้าของวายะ  สีหน้าเย็นชาเหมือนน้ำแข็งนั้นเด็กหนุ่มไม่เคยเห็นมาก่อน  แล้วยังร่องรอยบาดเจ็บนั่นอีกล่ะ...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

“พอใจแล้วใช่มั้ย?”  เสียงแผ่วเบาลอดริมฝีปากออกมา  หากชัดเจนไปในความเงียบ  “ลุกไปซะ”

ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายพูดซ้ำ  วายะรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว  แล้วก็ถึงได้รู้สึกถึงสภาพของตนและรันมารุ  สมองที่ยังมึนงงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์พยายามลำดับเรื่องราวแต่ก็ทำได้ไม่ดีนัก  เพียงแต่ภาพความทรงจำบางอย่างที่แวบเข้ามาในหัวทำให้วายะใจหายและบอกกับตัวเองว่ามันไม่จริง...หากจะปฏิเสธได้อย่างไร  ในเมื่อทุกอย่างก็เห็นอยู่ต่อหน้าต่อตา...ร่างกายของเขามีความทรงจำของทุกสัมผัส  รวมไปถึงสัมผัสของลำคอขาวในอุ้งมือด้วย

...นี่เขาทำอะไรลงไป!?...

รันมารุค่อย ๆ ยันกายขึ้นนั่งอย่างยากลำบากและพยายามดึงกางเกงขึ้นมาสวม  ที่เรียวขาขาวยังมีคราบไคลปนคราบเลือดจากเหตุการณ์เมื่อครู่จับอยู่อย่างเห็นได้ชัด  ชายหนุ่มไม่ใส่ใจกับมัน  หากใบหน้าเรียบเฉยเหมือนฉาบด้วยน้ำแข็งฉายแบบรวดร้าวออกมาชั่วแวบ

“...รันจัง...ฉัน...”  เอ่ยออกไปแบบนั้นแต่ก็ได้แต่อ้ำอึ้ง  วายะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี

ร่างเพรียวลุกขึ้นยืนโงนเงน  วายะรีบปราดเข้าไปช่วยประคอง  แต่กลับถูกปัดมือออกอย่างไม่ใยดี

“ไม่ต้องมายุ่ง”

“รันจัง...แต่ว่า...”  รันมารุบาดเจ็บขนาดนี้  อย่าว่าแต่เดินเลย  แต่ยืนก็แทบจะไม่ไหวแล้ว

“ไม่ต้องยุ่ง  ฉันอยากอยู่คนเดียว”  น้ำเสียงเย็นชาไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย  แล้วรันมารุก็ค่อย ๆ เดินออกจากโกดังไป

“รันจัง!  เดี๋ยวสิ!”  วายะรีบตามออกไปทันที

รันมารุพยุงตัวเองกับกำแพงโกดังแล้วค่อย ๆ เดินไปช้า ๆ  สองขาสั่นระริกแทบจะทบท่าวลงมา  หากก็ยังพยายามก้าวต่อไป

“รันจัง!  พอเถอะ  ขี่หลังฉันก็ได้”  วายะตรงเข้าไปคว้าแขนของรันมารุไว้  แต่แล้วก็ถูกสะบัดออกอย่างแรง

“ปล่อย!  ไปให้พ้น!”

คำนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหัวใจ  รันจังไม่เคยพูดกับเขาแบบนี้...ไม่เคยตวาดเขาแบบนี้...

“แต่ว่า...รันจัง...”

“อย่าเข้ามาใกล้ฉัน!  พอที...”  เสียงนั้นสั่นพร่า  “อย่า...อย่าให้ฉัน...ต้องเกลียดนายมากไปกว่านี้เลย...”

“รันจัง!?”

วายะคว้าแขนของรันมารุไว้อีกครั้ง  แล้วก็ถูกผลักออก  หากตัวคนผลักก็เสียหลักถลาออกไปบนถนนหน้าโกดัง

แสงไฟหน้ารถสว่างวาบขึ้นมาจากรถขนของกะดึกที่เลี้ยวพ้นหัวโค้งมา  ตามมาด้วยเสียงเบรคดังสนั่น

“รันจัง!!!!”

ร่างบางกระเด็นตามแรงกระแทกลอยไปนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นถนนห่างจากจุดเดิมไปหลายเมตร  พร้อมกับเสียงเอะอะโวยวายของคนขับรถ  วายะถลาไปที่ร่างของรันมารุ...เลือดไหลนองพื้น  สองขาบิดผิดรูปจนน่ากลัว  ลมหายใจยังรวยริน

“รันจัง!!  รันจัง!  ทำใจดี ๆ ไว้!!  รถพยาบาล!...เรียกรถพยาบาลที!  รันจัง!!”

ดวงตาสีดำจ้องมองใบหน้าร้อนรนนั้นก่อนจะค่อย ๆ ปิดลง


...แบบนี้ดีแล้ว...ให้เขาได้ตายไปทั้งอย่างนี้เถอะ  ตายไปพร้อมกับความรักความห่วงใยของชุนจังของเขา...อย่าให้เขาต้องเกลียดชุนจังมากไปกว่านี้เลย...




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 05-05-2012 22:02:43
บางทีมันก็เล่ากลับไปนานมากเลยนะ กว่าจะถึงปัจจุบัน เหนื่อยแทนอ่ะ
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 05-05-2012 22:25:28
โศกนาฏกรรมมากๆ เศร้าใจ

วายะโตมากับครอบครัวที่บิดๆเบี้ยวๆ มีแม่ที่มาจากครอบครัวที่ไม่ยอมรับในตัวตนของเธอเพราะเธอเก่งเกิน "ผู้หญิง" ที่สังคมกำหนดไว้ จนต้องไขว่คว้าหาความสำเร็จ และใครสักคนมาเติมเต็มตลอดเวลา

วายะ ที่เป็นลูกครึ่ง ซึ่งสายเลือดส่วนนึงของตัวตนเค้าคือ "คนนอก" ของสังคมญี่ปุ่นโดยแท้

(ถ้าเราไปในฐานะนักท่องเที่ยว เป็นแขก คนญี่ปุ่นจะ nice นะคะ แต่ถ้าคุณเป็นคนต่างชาติ ยังคุณก็คือคนกลุ่มอื่นสำหรับคนญี่ปุ่นอยู่ดี)

แม่ที่ต้องเป็น working woman ไม่มีเวลาจะเติมเต็มความมั่นคงทางอารมณ์ให้พระเอกเรา โตมาเลยอารมณ์รุนแรง รักแรงหวงแรง เพราะไม่มีความมั่นคงทางจิตใจว่าตัวเองเคยเป้นที่"ต้องการ"ของใครสักคนบนโลกมั้ย

วายะ คือผลผลิตของครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ รันมารุก็คือเหยื่อที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ของวายะอีกที

ดีใจนะ ที่รันมารุตื่นมาก็จำไรไม่ได้แล้ว ให้เค้าเกิดใหม่เถอะ ดีกว่าตื่นมาจำได้ว่าคนที่เค้ารักทำร้ายเค้าอย่างทารุณเลย บางทีชะตาอาจจะไม่ได้ลิขิตให้มาคู่กัน
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 05-05-2012 22:26:49
เกลียดวายะมากเลยอะ  :z6: :z6:
เกลียดคนที่ไม่ฟังคนอื่นแล้วคิดอะไรเอาเองแบบนี้ :seng2ped:
รันจังทำผิดอะไร โทโมกิทำผิดอะไร ทำไมถึงกล้าทำร้ายคนอื่นแบบนี้ละวายะ
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 05-05-2012 22:34:03
โอย ปวดจิต  :z10: :z10:

 :pig4:นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 05-05-2012 22:34:24
อดีตของชุนมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
สิ่งที่หวัง ไม่ได้เป็นแบบที่ต้องการเลย
แถมตัวตนหรือจิตใจก็บิดเบี้ยวอีก
อาการหนัก จนไม่น่าจะรักใครได้เลย
แต่ก็มีความรักจนได้ เอาใจช่วยชุนนะ
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 05-05-2012 22:34:42
วายะสูญเสียไปโดยทันควัน
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 05-05-2012 22:35:56
จุดเริ่มต้นของความซาดิสม์ของวายะ กรี๊ดดดดดดด
สามคำ>>>ชอบ ดี ป่ะ  o18 :z10:
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 05-05-2012 22:45:18
ง่า บีบคออีกแล้ว ....จะบีบคอให้หมดทุกคนรึไงเจ้าวายะ

เราว่า กว่าจะจบอดีตของอดีตก็อีกสักสองตอนละมั้งเนี่ย

รอต่อไป...
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Minako ที่ 05-05-2012 23:30:00
อ่านแล้วสงสารรันจังอ่ะ  :o12:
แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของวายะอยู่นะว่ารู้สึกยังไง
ครอบครัวเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้นนี่นา
.....แล้วก็เม้นไม่ออกแล้ว ดราม่าได้สามวิจริงๆ =_=
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 05-05-2012 23:51:05
อย่าเอาโทโมะไปแทนใครเลยนะ
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 06-05-2012 10:51:09
อารมณ์รุนแรงมากวายะ :z3:
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 06-05-2012 11:33:47
โอ มันเศร้าจริงๆ ทำไมต้องใช้แอลกอฮอล์ปลอบใจ สุดท้ายก็ต้องเศร้ากันไปแบบนี้
วายะรักแรง เกลียดแรงจริงๆ ต้องควบคุมอารมณ์หน่อยนะลูก
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 06-05-2012 11:53:00
สงสารรันจัง ดันมาเจอคนจิตผิดปกติอย่างวายะ
วายะน่ากลัว ต่อไปรักใคร ก็บีบคอเขาแบบไม่รู้ตัวด้วย
เพราะจิตใต้สำนึกกลัวว่าคนรักจะไม่เป็นของเขาคนเดียวนั่นเอง
แบบนี้ควรรักษาให้อาการนี้หายไปก่อนนะ ค่อยเข้าไปใกล้โทโมะน่ะ
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: ปุยหมาม่วง ที่ 06-05-2012 22:07:45
ย้อนกลับไปกลับมาหลายตลบจริง งงแทน (คนอ่านเองบางทีก็งงๆต้องนั่งทบทวนแป๊บนึงว่าตอนปัจจุบันจริงๆคือตอนไหน

อ๋อ โทโมะกำลังจะถูกรุมโทรมนั่นเอง 5555 ^^")


มันแหวกแนวดีค่ะที่ให้พระเอกน่ากลัวซะขนาดนี้ แต่ว่านะ ไปๆมาๆจะรักไม่ลง

รักใครมากๆก็กลายเป็นหวงจนอยากจะฆ่าทิ้งให้ตายอะไรแบบนี้

มันน่ากลัวเกินไปจนไม่อยากให้สมหวังกับใครเลย อยู่คนเดียวเถอะ ==

หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 06-05-2012 23:04:22
อาการที่วายะเป็นนี่จะเรียกป่วยทางจิต(ตั้งแต่เด็กๆอ่ะ)ได้ใช่ไหม? รักมาก รักแรง แต่มันแรงเข้าขั้นจิตอ่ะ เหอะๆ...
 :m15: สงสารรันจัง มันยากมากเลยที่จะทำความเข้าใจว่าวายะไปเพราะอะไร   :o12:
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: @Kanda@ ที่ 06-05-2012 23:39:43
ไม่อ่ะ!! มันไม่ใช่ความรัก!!!!!!   :z6:

วายะเห็นแก่ตัว คนอย่างนายไม่รู้จักรักคนอื่นนอกจากตัวเองหรอก ไปตายซะ ไอ้บ้า!!!    :angry2:
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 07-05-2012 01:32:24
มันย้อนอดีตนานแล้วอ่ะ 
เมื่อไรจะปัจจุบันเอ่ย
รันจังที่น่ารสงสาร
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 07-05-2012 10:08:42
 :o12: :o12: :o12:

เศร้าจับจิต น้ำตาคลอ สงสารรันจัง
ไอ่วายะบ้า น่าจะฆ่ามันให้ตายๆไป
(อ่าว ? แล้วพระเอกล่ะว้ะ ?)

โทโทะหายไปเลย .. คิดถึง  o18
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 07-05-2012 11:15:13
ปวดใจง่ะ

อดีตของวายะน่ากลัวเกิน
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 08-05-2012 16:00:24
เศร้าอ่ะ วายะไม่น่าเลย ถ้าไม่ทำแบบนั้นลงไป อีกสองปีก็คงได้ลงเอยกันด้วยดีมีความสุขไปแล้วแท้ๆ
พอจะเข้าใจวายะอยู่หรอกนะ เด็กมีปัญหา ก็นะ แต่รันจังก็น่าสงสารจริงๆ ไม่น่าเลย
อะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนได้ขนาดนี้นะ บางทีที่ไปลงเอยกับโอมิยะนั่นอาจจะดีแล้วก็ได้
อยู่กับวายะไม่ปลอดภัยจริงๆ ถึงเรื่องนั้นไม่เกิดขึ้น ไม่วันใดก็วันหนึ่งก็จะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแน่ๆ
อ่านแล้วสะเทือนใจมากเลยค่ะ โดนคนที่รักทำขนาดนั้น รันจังจะต้องทั้งผิดหวังและเสียใจมากๆเลย
แถมไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดอีกนี่สิ ตกเป็นเหยื่อความคิดเองเออเอง หึงหวงไม่เข้าเรื่องของวายะแท้ๆ เฮ้อออ  :เฮ้อ:
กำลังมันส์เลย มาต่อไวๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ปล. +1
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 10-05-2012 19:34:14
อ้าวววววววววววว วายะ!!
แกเป็นโรคจิตหรือฮิสทีเรียฟร้ะ
ข่มขืนเค้าไปทั่วเลย =[ ]=!!
ตอนนี้เริ่มจะแบบว่า...เอ่อ...วายะ ="=
แต่ไม่ว่ายังไงก็รู้ว่าแกเลือกโทโมกิอยู่ดี ฮิ้วๆๆ

ปล.อย่าย้อนอีกเลย แค่นี้ก็ย้อนไปจนตอนปัจจุบันแทบจะแกได้แล้ว ฮ่าๆๆๆ วายะรีบเลือกโทโมกิได้แล้วนะ!


รักคนเขียน...ปิ๊งๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 11-05-2012 20:35:55
All I want # 23

เสียงฝีเท้าดังกระทบพื้นหินขัดดังก้องไปในทางเดินแคบ ๆ  คนที่วิ่งกระหืดกระหอบมาที่หน้าห้องผ่าตัดคืออันนะกับชิโอริและตามมาด้วยสามีของชิโอริ

“ชุน!  เกิดอะไรขึ้น!?  รันจังล่ะ!?”  อันนะรีบปราดเข้าไปหาลูกชายที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่บนม้านั่ง  ไม่มีคำตอบจากวายะ  แต่สายตาเลื่อนลอยที่ทอดมองพื้นราวกับไม่รับรู้อะไรภายนอกทำให้หัวใจของเธอกระตุกวาบ  เธอรีบหันไปมองป้ายห้องผ่าตัดที่ติดไฟสว่างบอกให้รู้ว่ากำลังมีการผ่าตัดอยู่  แล้วก็หันขวับไปมองชิโอริที่ยืนหน้าซีดเผือดอยู่ใกล้ ๆ

หลังจากที่ตำรวจโทรแจ้งให้ทราบว่าพวกลูกชายของพวกเธอประสบอุบัติเหตุ  พวกเธอก็รีบมาที่โรงพยาบาลด้วยความร้อนใจ  เพราะตำรวจไม่ได้ให้รายละเอียดว่าใครคือคนที่ประสบอุบัติเหตุ...หรือโดนทั้งคู่  แต่เมื่อมาเห็นวายะนั่งอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด  อันนะยอมรับกับตัวเองว่าเธอดีใจเสียยิ่งกว่าที่เคยดีใจมาทั้งชีวิต  แต่ก็แค่พริบตาเดียว  ความกังวลก็เปลี่ยนกลับไปที่รันมารุที่ยังคงอยู่ในห้องผ่าตัด

อันนะประคองใบหน้าของผู้เป็นลูกชายขึ้น  “ชุน...มองแม่  ฟังแม่นะ...บอกแม่ซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

ดวงตาที่มองตอบมาเลื่อนลอยเหม่อซึมและเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจแสนสาหัส  อันนะไม่เคยเห็นลูกชายทำหน้าแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต

“ชุน...ทำใจดี ๆ ไว้  แล้วบอกแม่ซิ  เกิดอะไรขึ้น  ทำไมพวกแกถึงไปอยู่แถวโกดังอย่างนั้น?”

เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ...วายะถามตัวเอง  เขาแทบจะปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้ด้วยซ้ำ  ภาพที่แจ่มชัดที่สุดในความทรงจำคือใบหน้าเปื้อนน้ำตาของรันจังและร่างของรันจังที่อาบไปด้วยเลือด...แต่มันเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ...จริงสิ  พวกเขา...

“ผม...ทะเลาะกับรันจัง...”  คำบอกเล่าแผ่วเบาไม่ดังไปกว่ากระซิบ  “...ที่โกดังนั่น...”

“ทะเลาะกัน?  แล้วไปทำอะไรที่โกดังนั่น?”  อันนะบีบมือลูกชายแน่น

“ผมทะเลาะกับแม่...แล้วก็หนีไปที่นั่น...รันจังตามไป...”  น้ำเสียงขาดเป็นห้วง ๆ  ประโยคสั้น ๆ เรียงเป็นเรื่องราวที่ขาดตอน  “เราทะเลาะกัน...ผม...ผม...”

พูดได้แค่นั้นวายะก็ซบหน้าลงกับฝ่ามือ  ทั้งร่างสั่นสะท้าน

“ผมทำเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ลงไป!  เรื่องเลวร้าย!!  เลวร้ายที่สุด!  ต่ำช้าที่สุด!  ผม...ผมไม่คิดว่าตัวเองจะทำ...แต่...แต่มัน...มัน...รันจังต้องไม่ยอมให้อภัยผมแน่!!”

คำสารภาพกลายเป็นเสียงตะโกนด้วยไม่อาจเก็บทุกอย่างเอาไว้ในใจได้อีกต่อไป  แม้จะยังไม่เข้าใจเรื่องราวได้ดีนัก  แต่อันนะก็รีบกอดร่างนั้นไว้พลางกระซิบปลอบโยน

“ไม่เป็นไร  ชุน...ใจเย็น ๆ ไว้  ใจเย็น ๆ ไว้นะ...ไม่เป็นไร...รันจังจะต้องไม่เป็นอะไร”

“ผมมันระยำที่สุด...ผม...รันจัง...”

“ไม่เป็นไร...ใจเย็น ๆ ไว้นะ...”

ในใจชิโอรินึกอยากจะเข้าไปเขย่าตัวเด็กหนุ่มและคาดคั้นให้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมา  แต่เมื่อเห็นสภาพของวายะแล้วเธอก็รู้ดีว่ามันจะต้องมีอะไรซับซ้อนร้ายแรงกว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแน่  เด็กสองคนนี้สนิทกันมาก  อยู่ด้วยกันตลอดเวลาเหมือนเงาตามตัว  และเธอกับสามีค่อนข้างแน่ใจด้วยซ้ำว่าความรู้สึกของทั้งสองไปไกลเกินกว่าเพื่อนหรือพี่น้องกันแล้ว  แต่ในเมื่อเด็กทั้งสองคนไม่เคยทำอะไรเกินเลยให้เห็นจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป  ความรู้สึกเช่นนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน  เธอตัดสินใจจะรอจนกว่าพวกเด็ก ๆ จะเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อน...แต่กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับรันมารุ  เธอตกใจและโกรธวายะ  แต่เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่แล้ว  วายะที่อยู่ในเหตุการณ์นั่นแหละที่เจ็บปวดที่สุด

วายะไม่กล้ามองหน้าชิโอริกับสามี  ซึ่งทั้งสองไม่ได้โวยวายอะไรเลย...นั่นแหละที่น่ากลัว  เขารู้ว่าทั้งสองรักและเอ็นดูเขามาก  แต่ถ้าทั้งคู่โวยวายหรือต่อว่าเขาบ้างเขาจะสบายใจกว่านี้มาก...ความนิ่งเงียบและเห็นอกเห็นใจแบบนี้...เขากลัวเหลือเกิน...กลัวปฏิกิริยาตอนที่ทั้งสองรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริง ๆ...เขาคงทนไม่ได้กับความเกลียดชังนั้น...

ไฟหน้าห้องผ่าตัดดับลง  แล้วประตูก็เปิดออก  ทุกคน ณ ที่นั้นหันไปมองแพทย์ที่เดินออกมาเป็นตาเดียวกัน

“คุณหมอคะ  ลูกชายฉันเป็นยังไงบ้างคะ!?”  ชิโอริรีบปราดเข้าไปหาหมอทันที

ผู้เป็นหมอถอดหมวกของชุดผ่าตัดออกแล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  “ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ  เพียงแต่...กระดูกสันหลังได้รับความกระทบกระเทือนมาก  เรายังไม่แน่ใจว่าจะมีผลกับเส้นประสาทส่วนไหนบ้าง  แต่อย่างเลวร้ายที่สุดก็คง...เป็นอัมพาตท่อนล่างน่ะครับ”

ชิโอริซวนกายเซวูบ  ใบหน้าซีดเผือดเหมือนจะเป็นลม  สามีของเธอรีบประคองไว้  แม้แต่อันนะเองก็หน้าซีดไม่แพ้กัน

วายะกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ...อัมพาต...กระดูกสันหลัง...ความผิดของเขาทั้งนั้น!

เด็กหนุ่มถลันลุกขึ้นพร้อมกับร้องตะโกนออกมาไม่เป็นภาษา  กระหน่ำกำปั้นต่อยกำแพงอย่างแรงครั้งแล้วครั้งเล่าจนเลือดออก  หมอ  บุรุษพยาบาล  และพ่อของรันมารุต้องรีบเข้ามาช่วยกันจับไว้  แต่วายะยังคงอาละวาดด้วยแรงคลั่ง...เพราะเขา...เพราะเขาทั้งนั้น  ทำให้รันจังที่ไม่ได้มีความผิดอะไรเลยต้องมารับเคราะห์แบบนี้  เพราะเขามันบ้าไปเอง...เพราะเขาเอง!!

ความรู้สึกสุดท้ายคือผู้เป็นแม่รีบเข้ามากอดเขาไว้แน่นแล้วปลอบประโลม  เด็กหนุ่มทรุดกายลงนั่งกอดแม่แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร...

...

แล้วทุกคนก็ได้รู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนั้นจากปากของวายะเอง  แต่แม้เด็กหนุ่มจะไม่พูด  แต่สภาพร่างกายของรันมารุก็บอกชัด  มีร่องรอยของการข่มขืนและยังคงมีคราบอสุจิขังอยู่ในช่องทางนั้น  ที่ลำคอก็ยังมีรอยนิ้วปรากฏเห็นชัด  หลังจากที่ฟังเรื่องจบ  พ่อของรันมารุก็ลุกมาต่อยวายะจนตกเก้าอี้ท่ามกลางความตกใจของทุกคน  ไม่ว่าใครจะห้ามอย่างไรเขาก็ไม่ฟังเสียง  ยังคงต่อยเด็กหนุ่มซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไม่พูดอะไรสักคำ...ซึ่งวายะก็ไม่พยายามป้องกันตัวใด ๆ ทั้งสิ้น  นั่นเป็นโทษที่เขาสมควรได้รับแล้ว

ในที่สุดพ่อของรันมารุก็หยุด  เขาปล่อยคอเสื้อของวายะที่ขยุ้มไว้แล้วบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

“ไปซะ  แล้วไม่ต้องมาให้พวกฉันเห็นหน้าอีก  อย่ามายุ่งกับรันมารุอีก”

หากวายะส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นนั่งคุกเข่า  “ไม่ได้หรอกครับ  รันจัง...ยังเดินไม่ได้เลย...”

ทุกคนมองหน้าวายะ

“หมายความว่ายังไง?”

“ผมจะคอยดูแลจนกว่ารันจังจะเดินได้”

ดวงตาของพ่อรันมารุหรี่ลงนิดหนึ่งพร้อมกับฉายแววหยามเหยียด  “เธอคิดว่าเขาจะยอมให้คนที่ทำกับเขาอย่างนั้นดูแลหรือไง?”

“ถึงจะไม่ยอม  ผมก็จะคอยดูแลเขา...มันเป็นความรับผิดชอบของผม”  วายะจ้องตากลับไป  ไม่มีแววหวั่นไหวในดวงตาคู่นั้น  ก่อนจะก้มหัวจรดหน้าผากลงกับพื้น  “ให้ผมได้รับผิดชอบรันจังเถอะครับ!”

พ่อของรันมารุนิ่งอั้นไปชั่วขณะ  ก่อนจะถอนใจ

“ถ้าทำได้...จะทำอะไรก็ทำ”

“ขอบคุณครับ  คุณลุง”


แต่ความปรารถนาของวายะไม่มีวันเป็นจริง  เมื่อรันมารุลืมตาขึ้นในสามวันถัดมา  วายะที่นั่งเฝ้าข้างเตียงคนไข้มาตลอดสามวันรีบร้องบอกชิโอริด้วยความดีใจ  หากแววตาของรันมารุยังเลื่อนลอย  และทุกท้ายก็ปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อน

ในตอนเย็นทั้งพ่อของรันมารุและอันนะที่เลิกงานแล้วต่างก็มาเฝ้าอยู่ในห้องพักผู้ป่วยด้วย  แล้วรันมารุก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง  คราวนี้เขาค่อย ๆ กวาดตามองไปรอบ ๆ เตียงช้า ๆ  สายตาจับที่ใบหน้าของแต่ละคนอย่างไร้ความรู้สึก

“รัน!  จำแม่ได้มั้ยลูก?”  ชิโอริเกาะลูกกรงข้างเตียงแล้วถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น

รันมารุนิ่งเงียบเป็นครู่ท่ามกลางความกังวลใจของทุกคน  อุบัติเหตุครั้งนี้รุนแรงมาก  บางทีอาจจะไม่ใช่แค่ร่างกายที่ได้รับความกระทบกระเทือน  แต่อาจจะส่งผลถึงสมองและความทรงจำด้วย

ในที่สุด  รันมารุก็พูดออกมาเบา ๆ

“...แม่...”

ชิโอริแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจ  เช่นเดียวกับทุกคนในที่นั้น  รันมารุมองดูอาการดีใจของทุกคนด้วยสีหน้างุนงงและเลื่อนลอย  เขาค่อย ๆ มองต่อไป

“...พ่อ...”

“ใช่  พ่อเอง  ไอ้ตัวแสบของพ่อ”

“...คุณน้าอันนะ...”

อันนะยิ้มกว้างแล้วกอดชิโอริแน่น  แม้แต่เธอ  รันมารุก็ยังจำได้  แบบนี้คงไม่มีปัญหาอะไรกับสมองแน่

แต่เมื่อสายตาเคลื่อนไปจับที่วายะ  ก็เกิดเป็นความเงียบยาวนาน  คิ้วเรียวค่อย ๆ ขมวดมุ่น...วายะลอบถอนใจ  ก็ไม่แปลก  ถ้าสิ่งที่จะหลุดออกจากปากรันมารุมาจะเป็นคำผรุสวาทที่มีต่อเขา  ในเมื่อเขาทำเรื่องเลวร้ายขนาดนั้นลงไป  รันมารุจะเกลียดเขาก็ไม่แปลกอะไรเลย

หากสิ่งที่รันมารุเอ่ยออกมาทำให้โลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ


“...ใคร?...”

...

ปฏิกิริยาของรันมารุที่มีต่อวายะไม่ใช่ผลจากอุบัติเหตุ  รันมารุยังคงจดจำทุกคนและทุกอย่างได้ดี  มีเพียงเรื่องของวายะเท่านั้นที่ถูกลบออกจากหัวใจไปโดยสิ้นเชิง  และไม่ต้องการที่จะบันทึกตัวตนของวายะลงไปในหัวใจอีก  ไม่ว่าใครจะเพียรอธิบายเพียงใดว่าวายะเป็นใคร  แม้จะมีหลักฐานภาพถ่ายวัยเด็กมาให้ดูแค่ไหน  รันมารุก็จำไม่ได้  แม้วายะจะนั่งเฝ้าข้างเตียงและมาพบหน้าทุกวัน  แต่ทุกครั้งที่เขาจากไปและมาพบกันใหม่  รันมารุจะถามเขาด้วยคำถามเดิมพร้อมกับสายตาที่มีไว้มองคนแปลกหน้า

“ใครครับ?”

โลกของวายะแหลกสลาย  ทุกครั้งที่กลับเข้าบ้านเด็กหนุ่มจะขังตัวเองอยู่ในห้องและแอบร้องไห้เงียบ ๆ  อันนะเลิกพาเพื่อนชายมาที่บ้าน  ในตอนนี้เธอต้องประคับประคองหัวใจที่ไม่เหลือชิ้นดีของลูกชายให้มีชีวิตอยู่ต่อไป  เธอกอดเด็กหนุ่มไว้เนิ่นนานและมากครั้งกว่าที่เคยกอดมาทั้งชีวิต

“เพราะถูกคนที่รักมากที่สุดทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้น  ถึงได้อยากลืมทั้งหมดเสีย...แต่ว่านะ  ชุน  นี่เป็นหลักฐานว่ารันจังรักแกมากนะ  รักมากเสียจนเลือกที่จะลืม  เพื่อที่มันจะได้ไม่ต้องกลายเป็นความเกลียดชัง...เขาไม่อยากเกลียดแก  ชุน  เพราะงั้น...อย่าให้ความรักของรันจังต้องสูญเปล่านะ”

ด้วยคำพูดนั้นของแม่  วายะจึงพยายามอีกครั้ง...และอีกครั้ง...  วันแล้ววันเล่า  ครั้งแล้วครั้งเล่า  ที่เขาไปพบหน้ารันมารุเพื่อที่จะถูกถามว่าเขาเป็นใคร  แม้จะต้องเผชิญหน้ากับคำถามเดิม ๆ ทุกวัน  แม้จะเจ็บปวดกับสายตาของรันมารุที่มองมาทุกวัน  แต่เขาก็ยังไม่เลิกหวัง  เขายังเชื่อมั่นว่าสักวัน...ถ้าเขาทุ่มเทเต็มที่  รันมารุจะจำเขาได้

รันมารุเดินไม่ได้  แม้จะไม่ถึงกับเป็นอัมพาตแต่ขาที่หักซ้ำซ้อนและระบบประสาทที่ได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรงทำให้ชายหนุ่มเดินไม่ได้อีก  รันมารุร้องไห้...น้ำตานั้นทำให้วายะเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าความเป็นคนแปลกหน้าที่มีให้เขา  การผ่าตัดรักษาต้องทำหลายครั้ง  และแม้จะได้เงินช่วยเหลือจากรัฐและบริษัทแต่ก็จำเป็นจะต้องใช้เงินมหาศาล...ครอบครัวของรันมารุไม่ได้มีเงินมากมายถึงเพียงนั้น  ความหวังที่รันมารุจะเดินได้อีกครั้งจึงริบหรี่เหมือนแสงหิ่งห้อยในคืนเดือนมืด

แล้ววันหนึ่งชิโอริก็มาหาอันนะกับวายะที่บ้าน

“ได้โปรดเถอะค่ะ  ช่วยย้ายออกไปได้มั้ยคะ?”  เธอก้มหัวขอร้อง  “ฉันก็เหมือนกับรัน...ฉันรักทั้งคุณอันนะและชุนจังมาก  แต่...แต่...ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป  ถ้ายังต้องเห็นหน้ากันทุกวันแบบนี้ต่อไป...ฉันคงทนไม่ได้  ฉันไม่อยากเกลียดพวกคุณน่ะค่ะ...”

ภาพของแม่และชิโอริที่กอดกันร้องไห้บาดลึกลงในหัวใจของวายะ  เขาเป็นเพียงเด็กโง่...เด็กที่ทั้งโง่ทั้งบ้าที่ก่อเรื่องทุกอย่างขึ้นมาแล้วไม่มีปัญญาจะแก้ไขอะไรได้  ทั้งที่บอกเสียหนักแน่นว่าจะดูแลรับผิดชอบชีวิตของรันจัง  แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว  แค่ถูกลืมเขาก็เสียศูนย์แล้ว...แล้วจะไปทำอะไรได้  เขามันโง่ที่เอาแต่หวังจะให้รันจังจำเขาได้ในสักวัน  จำได้แล้วได้อะไรขึ้นมา...รันจังจะต้องเกลียดเขา  และจะต้องอยู่กับความเกลียดนั้นไปชั่วชีวิตใช่ไหม...แต่นั่นก็ดีกว่าถูกลืม...เขาคิดแค่นั้น  คิดอะไรโง่ ๆ แบบเด็ก ๆ  ไม่ได้มองดูความเป็นจริงตรงหน้าเลยว่าสิ่งที่จำเป็นสำหรับรันจังในตอนนี้คืออะไร

รันจังอยากจะเดินได้...และเพื่อให้รันจังเดินได้จะต้องใช้เงิน!!

แล้วไอ้เด็กโง่อย่างเขาจะไปหาเงินที่ไหน...วายะนึกเสียใจกับความไร้ความสามารถของตัวเอง  แต่มันต้องมีสักทาง  ถ้าเขาทุ่มเทลงทุนลงแรงทุกอย่างที่มีมันจะต้องเจอทางสักทางเข้าจนได้...ก็ในเมื่อเขาพูดไปแล้วว่าเขาจะรับผิดชอบรันจัง  เขาก็จะทำ!

วายะกับแม่ย้ายออกจากแมนชั่นแห่งเดิมที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่เกิดตามคำขอร้องของชิโอริไปยังเมืองใกล้ ๆ ที่ยังพอไปมาหาสู่กันสะดวก  แม้จะไม่ได้เจอหน้า  แต่ชิโอริกับอันนะก็ยังติดต่อกันอยู่เสมอ  ข่าวคราวที่บอกเล่ามาคือรันมารุยังคงเดินไม่ได้  แม้จะออกจากโรงพยาบาลแล้วแต่สุดท้ายก็ต้องลาออกจากงานและเริ่มมีอาการซึมเศร้าอย่างอ่อน ๆ

เย็นวันนั้น  วายะได้ตัดสินใจบางอย่างและบอกกับแม่  เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต

“แม่...ผมจะไปโตเกียว”


มันเป็นการตัดสินใจที่บ้าระห่ำของเด็กที่ยังไม่จบมัธยมปลายดี  ด้วยเหตุผลที่ว่าจะไปหาเงินมาเพื่อให้รันมารุใช้ผ่าตัดทำให้อันนะไม่อาจคัดค้านความมุ่งมั่นของลูกชายได้  หากก็ขอร้องให้เรียนจนจบมัธยมปลายเสียก่อนด้วยเหลืออีกไม่กี่เดือนเท่านั้น...แต่เป็นไม่กี่เดือนที่แสนทรมานสำหรับวายะ  เด็กหนุ่มร้อนใจเรื่องเงินเสียจนแอบหนีไปทำงานพิเศษเป็นกรรมกรก่อสร้างซึ่งเป็นหนทางที่หารายได้ได้ดีที่สุด  เรื่องใช้แรงนั้นเขาไม่เกี่ยง  ขอเพียงให้ได้เงินมาเพื่อรักษารันมารุเป็นพอ  อันนะไม่ได้ห้าม...เธอรู้ดีว่าไม่ว่าเหตุผลอะไรก็รั้งลูกชายของเธอไว้ไม่ได้อีกแล้ว

แล้ววันออกเดินทางก็มาถึง  อันนะขอร้องให้คนรู้จักที่พอจะมีเส้นสายที่โตเกียวช่วยหางานและที่พักให้กับวายะ  ห้องพักราคาถูกและงานพนักงานพาร์ทไทม์ของบริษัทรับจ้างทำความสะอาดคือสิ่งที่รอเขาอยู่ที่โตเกียว  การเดินทางครั้งนี้ไม่มีกำหนดกลับ  เขากอดแม่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะขึ้นรถไฟไปต่อชินคันเซ็นที่ฟุคุโอกะแล้วมุ่งหน้าสู่มหานครอันเป็นเมืองหลวง

วายะทำงานเต็มที่  เหมาทุกกะเท่าที่จะเหมาได้จนคนในบริษัทเองก็เห็นว่าเด็กพาร์ทไทม์คนนี้ขยันขันแข็งผิดกับรูปลักษณ์ที่ดูเป็นเด็กเกเร  และไว้ใจมอบหมายงานให้บ่อย ๆ  แต่เงินที่ได้รับยังคงไม่เพียงพอในความรู้สึกของวายะ  ในวันที่ไม่มีงาน  เขายังออกไปหางานพิเศษประเภทใช้แรงงานทำอยู่เสมอ  แม้จะพักผ่อนน้อยและทำงานหนัก  แต่วายะก็ไม่ได้ใส่ใจกับร่างกายของตนเองเท่าไรนัก...ยังมีคนที่ขยับร่างกายไม่ได้และรอความช่วยเหลือจากเงินของเขาอยู่  ความคิดคำนึงที่มีต่อรันมารุคือแรงขับดันให้เขาทำงานทุกอย่างอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

และในค่ำคืนที่อ่อนล้า...เขายังคงฝันถึงอ้อมกอดอันแสนอ่อนโยนของรันจัง

กระทั่งวันหนึ่ง  ทางบริษัทได้ส่งวายะและทีมงานกลุ่มหนึ่งไปยังบริษัทแห่งหนึ่ง  และวายะได้รับมอบหมายให้ขึ้นไปจัดการดูแลห้องทำงานส่วนตัวของประธานบริษัท  แม้จากสีหน้าของหัวหน้าทีมจะทำให้รู้สึกว่าที่นี่มีลับลมคมในบางอย่าง  แต่วายะก็ไม่ได้ใส่ใจ  จะบริษัทไหนก็เหมือนกัน  ขอแค่ทำงานให้สะอาดเรียบร้อยและไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอื่นใดของผู้ว่าจ้างก็ใช้ได้แล้ว
หัวข้อ: Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 11-05-2012 20:41:54
ห้องทำงานของประธานบริษัทอยู่ที่ชั้นบนสุดและต้องใช้รหัสผ่านประตูนิรภัยซึ่งก็ได้พนักงานระดับสูงพาเข้าไป  แม้จะมีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเป็นพิเศษแต่กลับปล่อยให้พนักงานจากบริษัทรับจ้างทำความสะอาดเข้ามาง่าย ๆ แบบนี้มันออกจะแปลกอยู่บ้าง  วายะก็ไม่ได้สนใจ  เขาก้มหน้าก้มตาดูดฝุ่นบนพื้นพรมในห้องทำงานกว้างใหญ่ที่มีเพียงโต๊ะทำงานสองตัว  ชั้นเอกสาร  และชุดโซฟารับแขกอย่างตั้งอกตั้งใจ  แล้วประตูที่ติดอยู่กับผนังด้านในของห้องก็เปิดออก  วายะหยุดมือ...เขาไม่คิดมาก่อนว่าประตูบานนั้นมันจะมีความหมายอะไรด้วย

คนที่ปรากฏตัวขึ้นที่หลังประตูบานนั้นคือชายหนุ่มตัวเล็ก ๆ รูปร่างบอบบางในชุดคลุมอาบน้ำที่สวมไว้ลวก ๆ  สาบเสื้อปล่อยลุ่ยเผยให้เห็นลาดไหล่ขาว  เรือนผมสีแอปริคอทยาวเหยียดตรงทิ้งตัวถึงกลางหลัง  ดวงตาสีเข้มปรอยปรือทอดมองมายังพนักงานทำความสะอาดอย่างสนอกสนใจ

“หนวกหู...”  ร่างบางเอ่ยขึ้นเบา ๆ พลางพยักเพยิดไปที่เครื่องดูดฝุ่น

วายะปิดเครื่องทันที  “ขอโทษที่รบกวนนะครับ”

“หึ...ไม่เป็นไรหรอก  เครื่องดูดฝุ่นมันหนวกหูก็จริง  แต่เห็นหน้าคนทำงานแล้วก็ยกโทษให้ได้”  พูดแล้วก็เอนตัวพิงกรอบประตู  ไม่ได้ใส่ใจเลยว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่ล่อแหลมแค่ไหน  “ชื่ออะไรล่ะ?”

“...วายะครับ”  วายะตอบอย่างเสียมิได้  นี่หรือเปล่าคือที่มาของบรรยากาศแปลก ๆ ตอนที่หัวหน้าทีมมอบหมายงานทำความสะอาดที่นี่ให้กับเขา

“หือม์...วายะคุงงั้นเหรอ...”  รอยยิ้มสวยงามคลี่ออกบนเรียวปากอิ่ม  ก่อนที่เจ้าของรอยยิ้มจะค่อย ๆ เยื้องกรายเข้ามาใกล้  ใบหน้าอ่อนเยาว์จนคะเนอายุได้ยากแต่ด้วยกิริยาท่าทางแล้วน่าจะไม่เกินยี่สิบห้า  นิ้วเรียวแตะปลายคางของเด็กหนุ่มช้อนขึ้น  “ฉันกำลังเบื่อพอดี  มาเล่นกันหน่อยได้มั้ย?”

“เล่น?”

“นายเก่งเรื่องบนเตียงหรือเปล่า?”

วายะนิ่งอึ้งไปกับคำถามนั้น  นั่นเป็นเรื่องที่จะเอามาถามคนที่เพิ่งเคยพบหน้ากันครั้งแรกงั้นหรือ...ผู้ชายคนนี้มันอะไรกัน  มาอยู่ในห้องของประธานบริษัทในลักษณะแบบนี้  เป็นคู่รักของประธานหรือยังไง...แล้วคำพูดที่เอ่ยออกมานั่น  คิดจะให้เขาเป็นชู้รักอีกคนหรือยังไง...

เด็กหนุ่มแค่นยิ้ม  โตเกียวมันก็แบบนี้...มีคนแปลก ๆ อยู่เต็มไปหมด  เขาว่าตัวเองวิปริตพอแล้ว  แต่ก็ยังอุตส่าห์มีคนที่วิปริตกว่าเขาอีก

“ไม่รู้สิครับ  ไม่เคยมีใครบอกว่าเก่งหรือเปล่า”

“งั้นต้องลอง...มาเล่นกับฉันหน่อยสิ  กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มแล้วโอโนเสะซังมีงานด่วนเข้ามาแบบนี้มันเซ็งชะมัดเลยละ”  ไม่พูดเปล่ายังกอดแขนวายะไว้แน่น

“แต่ผมกำลังทำงานอยู่นะครับ”

“ช่างหัวงานมันสิ”  ชายหนุ่มพูดอย่างเอาแต่ใจ

“พูดง่ายนี่  ถ้าผมโดนไล่ออกขึ้นมาจะว่ายังไง”  วายะหัวเราะน้อย ๆ

“ถ้าลีลาดีก็ทำงานที่นี่ซะเลยสิ  เดี๋ยวฉันจัดการให้  ยังไงก็ได้เงินมากกว่าทำความสะอาดแบบนี้แหงอยู่แล้ว  หน้าตาอย่างนายน่ะใช้ได้เลยละ”

“แล้วถ้าลีลาไม่ถูกใจคุณละจะทำยังไง?”

“ก็จะเอาแส้เฆี่ยนเอาเทียนลนจนกว่าจะได้ดั่งใจนั่นแหละ”  ขณะที่พูดดวงตาก็เป็นประกายวับ  บอกให้รู้ว่าสิ่งที่พูดมาไม่ใช่แค่การล้อเล่น

วายะเลิกคิ้วนิดหน่อย  “ชอบความรุนแรง?”

“มาก...อย่าเยิ่นเย้ออยู่เลย  มาลองกันเลยดีกว่า  จะได้รู้กันว่านายหรือฉันที่จะกลายเป็นทาส”  ร่างบางผละออกห่างแล้วเดินกลับไปยังห้องที่เดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มยั่วยวน

มุมปากของร่างสูงยกขึ้นเหมือนจะยิ้ม  คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เขาใจเต้นอย่างประหลาด  รู้สึกถึงแรงขับดันและความพลุ่งพล่านบางอย่างที่หลับใหลอยู่ในร่างมาตลอด  ครั้งสุดท้ายที่ได้มีสัมพันธ์ทางกายนั้นเหมือนจะผ่านมานานมากแล้ว...และเป็นครั้งสุดท้ายที่เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต  แต่ทุกอณูในร่างกายยังคงจดจำได้ดีถึงความตื่นเต้นที่กระตุ้นเร้าความรู้สึกอย่างรุนแรงกับเสียงกรีดร้องและใบหน้าเปื้อนน้ำตาของรันมารุ  เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้รันมารุเจ็บ  และไม่เคยคิดจะทำให้เจ็บเลยด้วยซ้ำ...มันเป็นไปเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์...ตอนนี้เขาไม่ได้เมา  แต่ถ้าอีกฝ่ายต้องการความรุนแรงละก็...เขาก็น่าจะมอบให้ได้


วายะกดร่างเล็กที่ไม่ได้ถามแม้แต่ชื่อลงบนเตียงใหญ่นุ่ม  หากผู้ที่เป็นฝ่ายเชิญชวนกลับขัดขืนเต็มกำลังจนเด็กหนุ่มต้องถึงกับลงไม้ลงมือ  แต่ฝ่ายนั้นกลับดูพึงพอใจกับความเจ็บปวดที่ได้รับ...นี่เองสินะ  ที่บอกว่าชอบความรุนแรง...และชายคนนี้ก็ดูท่าจะชอบมันจริง ๆ เสียด้วย  ยิ่งเมื่อเขาพยายามใช้กำลังจับล็อคกดร่างนั้นลงกับเตียงโดยไม่ใช้อุปกรณ์พันธนาการที่มีเตรียมอยู่ใกล้ ๆ มือ  อีกฝ่ายก็บิดกายเร่าอย่างมีอารมณ์เป็นพิเศษ

จนกระทั่งคนตัวเล็กกว่าหมดแรง  วายะจึงได้จับสองขาเรียวขาวแยกออกแล้วจรดร่างที่ตื่นตัวแข็งขึงเต็มที่แล้วเข้ากับช่องทางเร้นลับนั้น

“อ่ะ...ขะ...ของนายมัน...”  ชายหนุ่มกระถดร่างหนีเมื่อสัมผัสได้ถึงร่างของวายะ

“ทำไมเหรอ?...ใหญ่เกินไปหรือไง?”  วายะถามพลางแสยะยิ้มแล้วดึงสะโพกนั้นกลับมาหาตัว

“อึ่ก...ทำไม...”

“พ่อผมเป็นฝรั่ง...บอกแค่นี้คงพอจะเข้าใจใช่มั้ย?”  เด็กหนุ่มยกสองขานั้นขึ้นพาดกับบ่ากว้างของตนด้วยอาการเกือบกระชาก  “ชอบความเจ็บปวดแบบนี้...ใส่เข้าไปทั้งแบบนี้เลยคงจะยิ่งได้อารมณ์สินะ”

“มะ...ไม่นะ!”  ฝ่ายที่เป็นคนชวนร้องเสียงหลง  “จะให้เป็นแผลไม่ได้นะ  คืนนี้ฉันต้องรับแขกอีก”

วายะเลิกคิ้ว  “รับแขก?  คุณไม่ใช่คนรักของประธานบริษัทนี้หรอกเหรอ?”

“ไม่ใช่!  ฉันเป็นแค่นายแบบในสังกัดเท่านั้น”

“หือม์...สมภารกินไก่วัดงั้นเหรอเนี่ย  แต่...จะยอมให้ก็ได้  แค่ไม่เป็นแผลก็พอใช่มั้ย?”

วายะถูไถส่วนปลายยอดของตนเข้ากับช่องทางนั้น  จนกระทั่งหยาดน้ำเหนียวใสของตนชโลมปากทางสวรรค์จนเปียกชุ่มเพียงพอแล้ว  จึงค่อย ๆ กดร่างของตนเข้าไป

มันแตกต่างกับตอนทำกับผู้หญิงจริง ๆ...และต่างกับตอนที่ทำกับรันมารุด้วย...ผู้ชายคนนี้ชำนาญเชิงกว่า  ตอบรับเขาได้ดีกว่า  และรู้วิธีที่จะสร้างความหฤหรรษ์ให้กับเขาได้ทั้งที่กำลังถูกรุกรานอยู่เช่นนี้

คลื่นอารมณ์โหมกระพือรุนแรง  วายะเลิกที่จะสะกดกลั้นตัวเองแล้วโถมกายเข้าใส่ร่างที่อยู่ข้างใต้เต็มกำลัง  ทั้งที่ร่างนั้นเล็กและบอบบางแต่กลับรองรับความร้อนแรงของเด็กหนุ่มได้อย่างเหลือเชื่อ  เสียงหวีดร้องที่ดังก้องแยกไม่ออกว่ามาจากความเจ็บปวดหรือพึงพอใจ  สองมือที่ถูกกดตรึงไว้กับที่นอนสอดนิ้วประสานกับนิ้วของวายะแน่น  ช่องทางนั้นตอดรัดร่างที่แทรกกายเข้ามาอย่างเรียกร้อง  จนบางชั่วขณะกลายเป็นว่าวายะเองที่เป็นฝ่ายถูกปลุกเร้า  เพียงแค่การขยับสะโพกและผนังนุ่มที่บีบรัดเป็นระยะ  ก็ทำให้วายะไม่อาจทานทนได้นานจนต้องหลั่งใคร่ออกมาเต็มรัก

แต่เกมยังไม่จบ  ร่างบางยังไม่อิ่มเอม  และวายะก็ยังรู้สึกได้ถึงความรุมร้อนที่คุกรุ่นอยู่ในร่างซึ่งยังระบายออกมาไม่หมด  หลังจากปลุกเร้ากันอยู่ชั่วครู่  ทั้งสองก็สอดกายเข้าประสานกันและปล่อยตัวไปกับคลื่นอารมณ์ที่ถาโถมเข้าใส่ราวกับทะเลคลั่งอีกครั้ง...และอีกครั้ง...


กว่าวายะจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาเย็นย่ำแล้ว  แต่ก่อนที่จะแตกตื่นว่าล่วงเลยเวลางานมาแล้วและทำไมถึงไม่มีเพื่อนร่วมงานคนไหนมาตามเขา  คนที่นอนอยู่เคียงข้างที่ดูท่าจะตื่นก่อนนานแล้วก็ยิ้มให้และใช้เรียวนิ้วแตะริมฝีปาก

“ถูกเขาเอามาขายแล้ว  ไม่รู้เหรอ  นายน่ะ”

“...ขาย?”

“ก็ไม่เชิงหรอก  เพียงแต่หัวหน้าทีมของนายเขาคุ้นกับที่นี่  แล้วบางทีก็จะหาเด็กที่หน่วยก้านดี ๆ มาให้น่ะ”  ร่างบางพูดพลางก็ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเรือนผมสีทองที่ปรกระลงมาบนใบหน้าคมเข้มออกให้

“หา...มาให้?”  วายะทวนคำอย่างงุนงง  “ที่นี่...มันคืออะไรกันแน่...?”

“ลูนาติก  ลัสท์...บริษัทค้ากามที่ยิ่งใหญ่และมีอำนาจที่สุดในโลกมืด”  รอยยิ้มบนเรียวปากอิ่มแย้มกว้าง  “นายสอบผ่าน  จะมาเป็นพวกเดียวกับเรามั้ย?”

...

หลังจากเหตุการณ์ที่เหมือนกับความฝันนั้น  วายะก็ได้รับการติดต่อจากชายหนุ่มที่เรียกเขาไปเป็นคู่นอนซึ่งมารู้ในภายหลังว่าคือ  ไอซาวะ  เรทสึ  นายแบบระดับท็อป 5  ของลูนาติก  ลัสท์  ให้เข้าไปพูดคุยเกี่ยวกับงานที่บริษัทอีกครั้ง

คนที่มาร่วมอธิบายถึงลักษณะงานของลูนาติก  ลัสท์ให้วายะฟังอีกคนคือหัวหน้าฝ่ายบุคคล

“ความจริงแล้วบริษัทของเราดำเนินงานเหมือนวงการบันเทิง  คือมีการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์และภาพยนตร์  นอกจากนั้นก็ยังมีกิจการประเภทคลับและโฮสต์คลับด้วย  แน่นอนว่าทั้งหมดผิดกฎหมาย”

วายะนิ่งอึ้งไปนิดหนึ่งกับคำพูดตรง ๆ นั้น  ดูท่าลูนาติก  ลัสท์คงจะมีอิทธิพลมากจริง ๆ ถึงได้กล้าพูดอะไรกับคนนอกแบบนี้

“เท่าที่ฟังจากเรทสึคุงและดูจากหน่วยก้านของเธอแล้ว  ฉันคิดว่าเธอเหมาะกับงานนายแบบไม่ก็โฮสต์...เหมาะทั้งสองอย่างเลย  อยู่ที่ว่าเธอต้องการจะทำงานแบบไหนมากกว่า”

“แล้วแบบไหนได้เงินเยอะกว่ากัน?”  วายะถามแบบไม่อ้อมค้อม  ก่อนหน้านี้เขาได้แอบไปถามหัวหน้าทีมทำความสะอาดมาแล้วว่าทำไมถึงจัดให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับลูนาติก  ลัสท์  คำตอบก็คือหัวหน้าเห็นเขาขยันและต้องการเงินมาก  และที่นี่น่าจะเป็นแหล่งรายได้ที่ดีได้

“ฮะ ๆ ๆ  นายนี่น่าสนุกจริง ๆ”  เรทสึหัวเราะออกมาหลังจากได้ฟังคำถามของวายะแล้ว

“เธอร้อนเงินเหรอ?”  หัวหน้าฝ่ายบุคคลถาม

“จะว่าแบบนั้นก็ไม่ผิด  แต่ผมมีความจำเป็นต้องใช้เงินมากและไม่ควรจะขาดมือด้วย”

“อืม...ที่จริงงานนายแบบมันได้เงินมากกว่านะ  แต่ก็หมายถึงว่าต้องเป็นนายแบบระดับสูง ๆ แล้วเท่านั้น  หน้าตาท่าทางอย่างเธอ  ถ้าจะขายก็คงเป็นสายรุกเท่านั้น...ซึ่งมันขายได้ยากกว่าเรทสึที่เป็นได้ทั้งรุกทั้งรับ  กว่าจะขึ้นระดับได้คงนาน”

“งั้นผมเลือกโฮสต์”  วายะสรุปง่าย ๆ

“นายนี่แปลกคนนะ  ส่วนใหญ่เขากระโจนใส่งานนายแบบกันทั้งนั้น  ไหนจะชื่อเสียง  ไหนจะเงินทอง...เหมือนได้เป็นดาราเลยนะ”  เรทสึนั่งเท้าคางพลางมองหน้าวายะอย่างสนอกสนใจ

“ผมไม่ได้อยากเป็นดารานี่  ต้องไปปั้นหน้าอะไรแบบนั้นมันยุ่งยากจะตาย  ที่ผมต้องการก็แค่เงินเท่านั้นแหละ”

“แต่งานโฮสต์น่ะ  ถ้าฝีมือไม่ดีลูกค้าไม่ติดจริง  ก็ไม่ได้เงินหรอกนะ  ดีไม่ดีจะจนกรอบยิ่งกว่างานทำความสะอาดซะอีก”

วายะเหลือบตามองเรทสึด้วยตาเป็นประกายวับ  แล้วยิ้มน้อย ๆ  “ก็ขนาดนายแบบระดับท็อป 5  ยังติดใจ...มีเหรอคนทั่วไปจะไม่ติดผมน่ะ”

เรทสึกับหัวหน้าฝ่ายบุคคลนิ่งอึ้งไปกับคำพูดนั้น  ก่อนที่จะระเบิดหัวเราะออกมา

“ไอ้ความมั่นใจเสียเหลือเกินของนายนี่มันสุดยอดเลย!  เอาละ  ถึงจะเสียดายอยู่บ้างที่จะไม่ได้ถ่ายแบบหรือเล่นหนังคู่กับนาย  แต่ฉันจะคอยดูนายไต่อันดับโฮสต์แล้วกันนะ”


การที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะไม่ใช่ปัญหาในการทำงานสำหรับวายะ  อย่างไรเสียลูนาติก  ลัสท์ก็เป็นบริษัทที่ทำงานผิดกฎหมายอยู่แล้ว  การจะมีเด็กที่ยังอายุไม่ครบ 20 มาทำงานอีกสักคนก็ไม่แปลก  วายะถูกส่งไปยังลูนาติก  SM คลับ  และหลังจากได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ราว ๆ หนึ่งเดือน  เขาก็คุ้นเคยกับพวกมันราวกับเกิดมาเพื่อจับมันโดยเฉพาะ

การเป็นโฮสต์ที่นี่ไม่จำเป็นจะต้องเอาอกเอาใจลูกค้าเหมือนในโฮสต์คลับธรรมดา ๆ มากนัก  ลูกค้าทุกคนมาเพื่อหาความสำราญจากการถูกเฆี่ยนตีหรือมีสัมพันธ์ทางกายกับบรรดาโฮสต์ทั้งหลายมากกว่า  จะเรียกว่าสถานที่ขายบริการทางเพศที่เอาชื่อโฮสต์คลับบังหน้าก็ไม่ผิดนัก  และที่นี่ยังมีการจัดโชว์ทางเพศเป็นประจำทุกอาทิตย์อีกด้วย

เงินเดือนแต่ละเดือนของโฮสต์แต่ละคนขึ้นอยู่กับยอดขายที่ทำได้  และรายได้เดือนแรกของวายะก็สูงกว่าที่คิดไว้มาก  เขาส่งเงินเกือบทั้งหมดไปให้รันมารุ...ถ้าไต่อันดับไปถึงระดับสูงได้  เขาจะได้เงินมากกว่านี้...วายะหมายใจไว้เช่นนั้นและออกรับหน้ากับแขกทุกคนที่ผ่านเข้ามาในคลับ  พร้อมกับขึ้นโชว์ทุกครั้งที่ถูกมอบหมายให้

หลังจากนั้นสามเดือน  วายะก็ลาออกจากบริษัทรับทำความสะอาด  และในเวลาเพียงปีเดียว  วายะก็ขึ้นสู่ระดับท็อป 3 ของลูนาติก  คลับ  เขาย้ายที่อยู่ไปยังแมนชั่นที่ดีกว่าเดิมและลงทุนแต่งห้องนอนที่ว่างอยู่ห้องหนึ่งให้เป็นห้องเก็บเสียงสำหรับใช้เล่นสนุกแบบ SM  แต่รายได้ส่วนใหญ่ก็ยังคงส่งไปให้รันมารุทุกเดือนโดยไม่ได้ลงชื่อผู้ส่ง

วายะตั้งใจเอาไว้ว่า...สักวันที่รันมารุเดินได้อีกครั้ง  เขาจะกลับไปพบ...


และในตอนที่วายะอายุครบ 22 ปี...เขาก็ขึ้นเป็นโฮสต์อันดับหนึ่งของลูนาติก  คลับ  และครองตำแหน่งนั้นยาวนานหลายปี




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 11-05-2012 21:46:27
 o13


วายะ เอิ่มมมมมม  นายดีน่ะ  เเต่ เอิ่ม  (ไม่รู้จะอธิบายยังไง)
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-05-2012 21:59:10
คิดจะล้างความผิดเหรอ  แล้วโทโมะล่ะ
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 11-05-2012 22:14:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 11-05-2012 22:19:21
ที่จริงชุนเป็นผู้ชายที่ดีทีเดียวนะ
รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แล้วก็แน่วแน่ ตั้งใจทำเพื่อให้ได้มาจริงๆ
แม้ว่าลักษณะนิสัยออกจะบิดเบี้ยวไปนิด (เหรอ?)
และไม่ทำทุกอย่างไม่เลือกวิธีการ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้เดือดร้อนใครเท่าไหร่ (เหรอ?)
กว่าจะได้มาเป็นชุน โฮสต์อันดับหนึ่งได้นี่ก็ผ่านอะไรมาเยอะล่ะนะ
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 11-05-2012 22:31:26
สามคำ>>>โท โม กิ
ปัจจุบันสำคัญที่สุด โทโมะจังรออยู่นะวายะ o18
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 11-05-2012 22:52:54
แล้วถ้าเกิดรันจังจำได้ขึ้นมาหละ
วายะจะทำยังไง
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 11-05-2012 23:04:30
บางครั้งก็สงสารวายะ

แต่บางครั้งก็ไม่ชอบ  ในเมื่อรักรันจังของนายมากขนาดนั้นแล้วมาทำกับโทโมกิแบบนี้ได้ยังไง  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

อยากอ่ายถึงตอนปัจจุบันจังเลยคะ คิดว่าคงอีกไม่นานเนอะ  o18
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 11-05-2012 23:29:49
ถึงคราววายะปล่อยวางซะทีแล้ว
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 12-05-2012 00:21:16
เฮ้ออออออออออ อ่านไปอ่านมาก็สงสารวายะเหมือนกันนะ คงทำได้แค่เอาใจช่วย

คราวนี้วายะน่าจะปล่อยวางได้บ้างแล้ว จะได้ตัดสินใจได้อย่างไม่มีอะไรติดค้างซะที

จะว่าไป งานโฮสต์สาย S นี่แหละเป็นงานที่เหมาะกับวายะที่สุดแล้ว 55555555
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 12-05-2012 00:48:41
อย่าอาลัยอาวรณ์รันจังอยู่เลยกลับมาหาโทโมะซะเถอะ
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Minako ที่ 12-05-2012 03:27:15
วายะแม่งงงง เมิงเกิดมาเพื่อสิ่งนี้สินะ 555555  o13
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 12-05-2012 13:05:46
ชื่นชมวายะที่มีความรับผิดชอบสูง ไม่เกี่ยงงาน
สงสารที่เกิดมามีความวิปริตติดตัว จะรักใคร ก็ยากนักจะสมหวัง
ป.ล. แอบปิ๊งเรทสึ :o8:
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 12-05-2012 16:02:29
เอิ่ม ..  :z3:  :z3:
โนคอมเม้นอ่ะ รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 12-05-2012 21:36:29
ความรู้สึกมันบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าตอนนี้วายะต้องเลือกระหว่างอดีตกับปัจจุบัน :z3:
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 12-05-2012 23:15:28
ที่จริงก็เป็นคนดีอยู่นะ วายะเนี่ย
เพียงแต่โรคจิตไปนิดเท่านั้นแหละ
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 13-05-2012 02:20:42
กลับไปหาโทโมกิเถอะนะ รันจังนะเป็ไปไม่ได้หรอก
ให้เป็นแค่อดีตที่ควรจำเถอะวายะ
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: ปุยหมาม่วง ที่ 13-05-2012 14:31:07
"อยู่คนเดียว" อาจจะเหมาะกับนายที่สุดก็ได้นะ ถ้ารักใครแล้วจะทำแบบนั้นกับเค้าอีก

มันอาจไม่ใช่ว่านิสัยไม่ดี เพียงแต่มันควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็นั่นแล่ะ

ในเมื่อมันควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วไปรักกับใครเค้าจะมีอะไรยืนยันได้ว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกน่ะ

รอตอนต่อไปนะคะ^^
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 19-05-2012 09:00:05
All I want # 24

วายะยกแก้วเหล้าขึ้นมาเขย่าเบา ๆ ให้น้ำแข็งละลายผสมกับน้ำสีอำพันแล้วจิบนิด ๆ  ก่อนจะทอดสายตามองไปยังฉากกระดาษที่วางกั้นรอบโต๊ะไว้ราวกับจะมองไปยังอดีตอันไกลโพ้น  โอมิยะที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็พลอยเงียบไปด้วย

ผู้เคยเป็นอาจารย์นิ่งเงียบไปนานก่อนจะถอนใจเฮือกใหญ่แล้วทำลายความเงียบขึ้น

“แล้วเธอก็ส่งเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาลรันมารุจนถึงตอนนี้สินะ”

วายะไม่ตอบ  เพียงแต่พยักหน้ารับ

“ฉันก็เคยถามคุณพ่อคุณแม่ของรันมารุเหมือนกันว่าใครเป็นคนส่งเงินมากมายขนาดนั้นมาให้ทุกเดือน  แต่ท่านก็ไม่ยอมบอก  ถามรันมารุ  เขาก็ไม่รู้เรื่อง  จนเมื่อไม่นานนี้เองที่คุณแม่เป็นคนบอกฉันว่าเงินนั่นเป็นของเธอ”  โอมิยะยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ “แต่มันก็ทำให้รันมารุเดินได้สมความตั้งใจของเธอละนะ”

ดวงตาคมหรี่ซึมลงอีก  รันมารุเดินได้แล้ว  แม้จะยังไม่คล่องแคล่วเหมือนดังเดิมแต่ก็เดินได้และมีงานทำเหมือนคนทั่วไปแล้ว...เพียงสิ่งเดียวที่ไม่กลับคืนมา  คือความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับวายะ

ที่จริงก็เป็นการดีที่รันมารุลืมเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับเขาไปจนหมดสิ้น  เพราะในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้  สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับรันมารุจะต้องรู้กันทั่วทุกคนแล้วแน่  หากรันมารุยังจำเขาได้  คงจะต้องทนทรมานกับเสียงนกเสียงกาเหมือนที่เขาเคยเป็นมาเมื่อตอนยังเด็กเป็นแน่

“ว่าแต่...ทำไมเธอถึงกลับมาเอาตอนนี้ล่ะ?”  โอมิยะถาม

“ที่ผมเล่ามามันก็แค่จุดเริ่มต้นของชีวิตผม  ผมยังผ่านอะไรมาอีกเยอะ  โดยเฉพาะช่วงนี้...”  วายะจิบเหล้าในแก้วแล้วหันไปจ้องตาโอมิยะ  “ผมมีคนที่ต้องเลือก  ระหว่างเขากับรันจัง...ผมก็เลยกลับมา”

“เลือกเหรอ?  หมายความว่ายังไง?”

“เลือกว่าผมจะใช้ชีวิตอยู่กับเขา  หรือรันจังไงล่ะ”

โอมิยะเผลอกลืนน้ำลายกับดวงตาคมปลาบที่มองมา  ในดวงตาคู่นั้นมีทั้งความเคียดแค้นที่มีต่อเขาและความเศร้าต่อเรื่องราวในอดีตผสมกลมกลืนกันฉายออกมาเป็นแววประหลาดที่มีเสน่ห์  ไม่แปลกเลยถ้าผู้ชายคนนี้จะเป็นโฮสต์อันดับหนึ่งอย่างที่ว่ามาจริง ๆ  สำหรับโอมิยะที่สนใจผู้ชายมาตลอด  ยอมรับกับตัวเองว่าแม้วายะจะไม่ใช่สเป็คที่เขาชอบ  แต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดให้หวั่นไหวได้ง่ายทีเดียว  ถ้าจะต้องเป็นคู่แข่งความรักคงเอาชนะได้ยาก

“แต่...รันมารุเขาจำเธอไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?”  โอมิยะหาเหตุผลเพื่อปกป้องตัวเอง

“ก็ไม่แน่...”

“แต่ที่เจอกันเมื่อกี้  เขาจำเธอไม่ได้สักนิดเลยนะ”

“ผมเปลี่ยนไปเยอะ  อาจารย์...คุณก็เห็น  ผมไม่ใช่เจ้าเด็กเกเรที่ชอบหาเรื่องคนอื่นและทำผิดกฎโรงเรียนอีกแล้ว  ผมไปไกลกว่านั้นนานแล้ว  คุณดูผมสิ  ตัวผมในตอนนี้ใช้เวลาสิบปีที่โตเกียวสร้างขึ้นมา  ไม่ได้เหมือนตัวผมตอนที่อยู่ซางะนี่อีกแล้ว  แล้วมันจะแปลกอะไร  ถ้ารันจังจะจำผมไม่ได้จริง ๆ”

ถูกละ...โอมิยะบอกกับตัวเอง  วายะเปลี่ยนไปมากจากวายะคนนั้นในความทรงจำของเขา  เจ้าเด็กหนุ่มเกเรที่มีแววตาขวางโลกเหมือนพร้อมจะอาละวาดได้ตลอดเวลาคนนั้น  เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดูมั่นคงขึ้น  บุคลิกสงบนิ่งขึ้น  และมีบรรยากาศแปลกประหลาด  เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ  หากใบหน้าและรูปร่างแบบคนมีสายเลือดผสมซึ่งหาได้น้อยในละแวกนี้ทำให้เขาจำได้ทันทีที่เห็น  แต่ถ้าไปเจอกันที่อื่นเขาคงจำไม่ได้แน่

“แล้ว...อาจารย์มายุ่งกับรันจังได้ยังไง?”  วายะเปลี่ยนเรื่อง

“ใช้คำว่ายุ่งนี่น่าเกลียดจังนะ  แต่ถ้าเธอยังคิดว่ารันมารุเป็นของเธอ  จะใช้คำว่ายุ่งก็คงไม่ผิดหรอกมั้ง”  โอมิยะหัวเราะเบา ๆ

“ก็เป็นของผมน่ะสิ”

“ร้ายกาจชะมัด  เธอคิดว่าฉันดูแลรันมารุมากี่ปีกันเนี่ย”  ผู้เคยเป็นอาจารย์หัวเราะเรื่อย ๆ ไม่ใส่ใจกับน้ำเสียงกระด้าง ๆ นั้น  “ฉันไปเจอรันมารุที่โรงพยาบาลน่ะ  ตอนนั้นฉันขี่มอเตอร์ไซค์คว่ำขาหัก  ต้องนอนโรงพยาบาลนานเหมือนกัน  แล้วก็ต้องกายภาพบำบัดด้วย  ก็เลยได้เจอรันมารุที่นั่นแหละ”

“ตั้งแต่ตอนผมไปโตเกียวใหม่ ๆ ?”

“เอ...น่าจะหลังจากนั้น 2 – 3 ปีละมั้ง  ตอนนั้นรันมารุเข้ารับการผ่าตัดครั้งแรกแล้วก็เริ่มทำกายภาพ ฯ น่ะ”

2 – 3 ปี...ก็คงหลังจากเขาเป็นโฮสต์ได้ไม่นานสินะ...วายะคิด  การผ่าตัดต้องใช้เงินมากขนาดนั้นเชียวหรือ  เขาส่งเงินมาให้ทุกเดือนก็จริงแต่ไม่เคยรู้เลยว่าทางนี้ใช้เงินไปเท่าไรบ้าง  แต่ถ้าต้องใช้เงินที่เขารวบรวมนานขนาดนั้น  ก็คงไม่น้อยทีเดียว

“ฉันเจอเขาที่ห้องกายภาพ ฯ ก็จำได้ทันทีละนะ  ก็เขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย  แล้วฉันก็ถามถึงเธอ  แต่เขาทำหน้างง ๆ แล้วถามฉันว่าฉันพูดถึงใคร”  โอมิยะจิบเหล้าแล้วถอนใจหนัก ๆ  “ฉันพยายามอธิบายนะ  แต่ที่จริงมันเป็นเรื่องที่ไม่ต้องอธิบายไม่ใช่เหรอ  ก็ในเมื่อเธอกับเขาตัวติดกันแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว  ฉันอธิบายไปก็เพราะตกใจที่อยู่ ๆ เขาย้อนถามมาแบบนั้น  แต่เขากลับหัวเราะแล้วบอกว่าฉันประหลาดคน...ไม่เคยมีคนอย่างนั้นเสียหน่อย...ฉันตกใจมากเลยนะ  ที่เขาพูดมาน่ะ”

“ตกใจทำไม  ผมเคยตกใจยิ่งกว่าคุณอีก”  วายะแค่นยิ้ม  เขารู้ดีเลยละความรู้สึกที่ว่าอธิบายไปเท่าไร  อีกฝ่ายก็ทำหน้าไม่รู้เรื่องอะไรเลยน่ะ

“ตกใจซี่  ก็ฉันไม่รู้เรื่องมาก่อนนี่”

“ไม่เคยได้ยินเลยเหรอ  เมืองเล็ก ๆ แบบนี้  ถ้าวันนี้ผมไปเดินรอบเมืองสักรอบ  พรุ่งนี้เขาก็จะรู้กันทั้งเมืองแล้วว่าผมกลับมาแล้ว”

“ก็...เคยผ่านหูมาบ้าง  แต่ฉันไม่ค่อยได้สนใจเรื่องชาวบ้านเท่าไรนี่  ได้ยินแค่พวกครูคุยกันในห้องพักครูประมาณว่ารันมารุความจำเสื่อมเท่านั้นเอง”

“มัวแต่หลีเด็กละสิ”  วายะค่อนเอา

“ปากร้าย...แต่ก็อาจจะจริง”

พูดแล้วโอมิยะก็หัวเราะเสียงดัง  พลอยให้วายะหัวเราะไปด้วย...น่าแปลก  ทั้งที่เขาเกลียดคนคนนี้จับใจ  แต่พอได้ยินเสียงหัวเราะแบบนั้นแล้วกลับผ่อนคลายอย่างประหลาด

“แล้วคุณก็เลยจีบรันจัง?”

“ทีแรกฉันแค่ติดใจ  เลยพยายามเทียวถามเรื่องของเธอ  แต่ในเมื่อเขาทำท่าเหมือนไม่รับรู้อะไรเลย...ฉันก็เสียบ”  โอมิยะยักไหล่เหมือนจะบอกว่าก็ช่วยไม่ได้

“ไอ้แมวขโมย”  วายะว่าเอาดื้อ ๆ

“เธออยากไม่อยู่เฝ้าทำไมล่ะ”

“ผมก็ไปหาเงินมาเป็นค่ารักษารันจังนี่ไง”

“ทีนี้...เธอก็เลยจะมาทวงรันมารุคืน...?”  โอมิยะมองหน้าวายะ  ไม่มีรอยยิ้มในสีหน้าอีกต่อไปแล้ว

“...ผมคิดอย่างนั้น  แต่...รันจังก็ยังจำผมไม่ได้”  แม้เมื่อกี้จะเฉไฉเพื่อแก้ตัวอะไรไปบ้าง  แต่ส่วนลึกในหัวใจ  วายะยอมรับว่าที่รันมารุยังจำเขาไม่ได้นั้นเป็นความจริง

“แล้วถ้าเขาจำเธอได้ล่ะ?”

“อ๋อ  ไม่ต้องห่วง  ผมเอาของของผมคืนแน่”  น้ำเสียงนั้นถือดี

โอมิยะถอนใจเฮือกใหญ่  “วายะคุง...รันมารุไม่ใช่สิ่งของนะ”

คำพูดนั้นกระแทกเข้ามาในหัวใจของวายะ  เคยมีใครพูดแบบนี้กับเขามาก่อน...ใช่แล้ว...โอโนเสะนั่นเอง...โทโมกิไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเธอนะ...

“รันมารุมีหัวใจ  มีความรู้สึก  เธอพูดแต่จะเอาคืน ๆ แล้วเธอไม่คิดถึงความรู้สึกของรันมารุที่มีต่อฉันบ้างเหรอ?  แล้วความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขาอีกล่ะ  สิบปี...มันนานนะ  วายะคุง”

วายะกำมือแน่น  เขาไม่อยากฟังคนคนนี้สั่งสอนเขา  คนที่แย่งรันมารุไปจากเขา...แย่ง...งั้นหรือ...

“เมื่อกี้เธอบอกว่าเธอมาเพื่อเลือกระหว่างรันมารุกับใครอีกคน  แล้วความรู้สึกของคนคนนั้นที่มีต่อเธอล่ะ...ความรู้สึกอะไรที่ทำให้เธอต้องกลับมาที่นี่เพื่อเลือก  ทั้งที่มีความรู้สึกของคนถึงสี่คนที่เกี่ยวข้องกับเธอในตอนนี้  แต่เธอกลับมองแค่ความรู้สึกของตัวเอง  ไม่คิดถึงคนอื่นเลย”

โอมิยะพูดถูก...บางที  พอมาถึงที่นี่...บ้านเกิดแห่งนี้...เขาก็อาจจะลืมจุดประสงค์ที่แท้จริงที่เขากลับมาในครั้งนี้เสียแล้ว  เขามาเพื่อเลือก  ไม่ได้มาเพื่อเอารันจังกลับไปเป็นของเขา...ยังมีโทโมกิรอเขาอยู่ที่โตเกียว  ยังมีความรู้สึกของเขาที่จะต้องจัดการให้เรียบร้อยเพื่อกลับไปบอกกับโอโนเสะว่าเขาจะเลือกใคร  และจะดำเนินชีวิตต่อไปในทางไหน...การย้อนคำนึงถึงอดีตทำให้เขาลืมมันไปหมดทุกอย่าง

“จะจับปลาสองมือน่ะ...มันไม่ได้หรอกนะ  วายะคุง”

“เลิกพูดมากเสียทีเถอะ”

วายะก้มหน้านิ่งแล้วเงียบไปนาน  โอมิยะเองก็ไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะทำลายความเงียบขึ้นมา

“ฉันก็รักรันมารุเหมือนกันนะ  วายะคุง”

“เอ๊ะ?”

“ที่จริงเราเพิ่งจะอยู่ด้วยกันจริงจังเมื่อสักห้าปีที่ผ่านมานี่เอง  ก่อนหน้านั้นฉันก็แค่เทียวไล้เทียวขื่อ  ตามจีบเขาบ้าง  ไปส่งเขาที่โรงพยาบาลบ้าง  หางานให้เขาทำบ้าง  พ่อแม่เขาก็กีดกันไม่น้อยละ...บางทีอาจจะกันเขาไว้ให้เธอก็ได้”  โอมิยะหัวเราะนิด ๆ ตามนิสัย  แต่เมื่อเห็นว่าวายะไม่โต้ตอบอะไรก็พูดต่อ  “ฉันสารภาพกับเธอนะว่าตอนแรกฉันก็แค่ถูกใจหน้าตาของรันมารุ  แล้วก็ถูกใจที่เห็นเขาอยู่กับเธอ  เพราะมันทำให้ฉันแน่ใจว่าเขายอมรับผู้ชายได้แน่  แต่เอาเข้าจริงแล้วมันยากนะ...พอลองจีบดูจริงจังแล้วถึงได้รู้ว่า  เขาไม่ได้ยอมรับผู้ชายคนไหนก็ได้  แต่เขายอมรับแค่เธอต่างหาก”

หัวใจเจ็บแปลบเหมือนถูกแทงด้วยเข็ม  มือที่กุมแก้วเหล้าของวายะกำเกร็งแน่น

“นานทีเดียว  กว่ารันมารุจะเปิดใจให้ฉัน  คงเพราะฉันเป็นคนเดียวที่พยายามถามเขาเสมอเรื่องเธอ  มันคงทำให้เขารู้สึกแปลกกับการถูกถามเรื่องที่ตัวเองไม่เคยรู้มาก่อนซ้ำแล้วซ้ำอีก...แต่เธอรู้อะไรมั้ย  รันมารุไม่ได้ลืมเธอไปเสียทั้งหมดหรอกนะ”

“เอ๊ะ?”

“บางครั้ง  เขาก็เหมือนจะจำได้  อย่างสถานที่ที่เคยไปกับเธอ  หรือบางอย่างที่เคยทำกับเธอ  เขาจะบอกว่าเขาเคยมาที่นี่  เคยทำอย่างนี้  แล้วสนุกมากหรืออะไรทำนองนั้น  แล้วบางครั้งก็เผลอหลุดปากออกมาว่ามากับ...ใครบางคน...ที่เขานึกไม่ออก”

“อย่ามาแกล้งปลอบใจผมนะ  อาจารย์  ผมไม่ได้น่าสงสารขนาดนั้นนะ”  วายะเสียงเขียวขึ้นมาทันที...อย่ามาล้อเล่นกับเขาแบบนั้นนะ...รันมารุจำเขาไม่ได้แล้ว...จำไม่ได้นานแล้ว

“ฉันไม่ได้ปลอบใจเธอ  แต่นี่เป็นเรื่องจริง  ในเมื่อเธอเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฉันฟังแล้ว  ฉันจะเล่าความจริงให้เธอฟังบ้าง  ยังมีตัวตนของเธอตกค้างอยู่ในความทรงจำของรันมารุนะ  ที่เห็นชัด ๆ เลยคือในห้องสมุด  เวลาที่เขาอ่านหนังสือเสร็จแล้วก็มักจะลุกไปหาใครบางคน  พอฉันถามว่าตามหาใคร  เขาก็จะชะงักไปนิดหนึ่ง  แล้วก็บอกว่า  นึกว่าน่าจะนอนอยู่แถวนี้  ทั้งที่ฉันก็นั่งอยู่ข้างเขานั่นแหละ...นั่น...คือความทรงจำของเขากับเธอใช่มั้ย?”

วายะพยักหน้า...ใช่  เขามักจะไปนั่งหลับอยู่ที่โต๊ะไกล ๆ จากรันมารุเพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวน

“แต่แค่นั้นแล้วยังไง?  รันจังก็ยังจำผมไม่ได้อยู่ดี”

“ฉันแค่อยากจะบอกว่า...คนรักของฉัน  รันมารุ...เอานิสัยที่เคยทำกับเธอบ่อย ๆ มาทำกับฉันเสมอเลยเหมือนกัน  อย่างจับฉันเช็ดผมหลังสระผมเสร็จ  ดุฉันเวลากลับบ้านดึก  หรืออะไรพวกนี้”

“แล้วไง?”

“แล้ว...ถึงจะแบบนั้น  ฉันก็รักเขานะ”  โอมิยะยิ้มกว้าง  “ถึงจะเป็นตัวแทนของเธอ  แต่ฉันก็รักเขานะ”

“ตัวแทน...ของผม?”

“พูดตรง ๆ...เขาใช้ฉันแทนที่เธอสมบูรณ์แบบเลยละ  แต่หลังจากอยู่กันมาห้าปีนี่  เขาก็ค่อย ๆ ซึมซับตัวตนของฉันเข้าไปทีละน้อย  จนตอนนี้เขารู้แล้วว่าฉันไม่ได้ชอบกินไข่หวานอย่างที่เธอชอบ  ฮะ ๆ ๆ”  โอมิยะหัวเราะเหมือนจะล้อเลียน

วายะร้อนวาบที่หน้า...เรื่องที่เขาชอบกินไข่หวานมีแค่คนใกล้ชิดเขาเท่านั้นที่รู้

 “แต่ถึงอย่างนั้น  เขาก็เลือกที่จะไม่คิดถึงผมอีก...เลือกที่จะลืม”  ทั้งที่จำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนั้นได้แต่กลับจำเขาไม่ได้สักนิดงั้นรึ...ไม่มีความหมายอะไรเลย

“บางทีฉันก็หึงนะ  มันเหมือนโกหกน่ะ...เหมือนกับทำเป็นลืมทั้งที่ความจริงแล้วไม่ได้ลืมเธอเลย  บางทีเราก็เกือบทะเลาะกัน...ฉันนี่ก็บ้านะ  ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อฉัน  ไม่ใช่เธอ  แต่มันก็อดคิดไม่ได้น่ะว่าเขาเอาฉันไปทับซ้อนกับตัวตนของเธอที่เขาจำไม่ได้หรือเปล่า”  โอมิยะเขย่าแก้วเหล้าในมือเล่น  “แต่ถึงอย่างนั้น...ฉันก็รักรันมารุ”

“แล้วถ้าหากเขาจำผมได้ขึ้นมา...คุณจะทำยังไง?”

“ถ้าเป็นอย่างนั้น...ก็แล้วแต่รันมารุ  คนที่จะเลือกคือเขา  ไม่ใช่ฉันหรือเธอ”

วายะก้มหน้านิ่ง  ถึงจะพูดออกไปอย่างนั้น  แต่ก็เห็นกันอยู่แล้วว่ารันมารุไม่มีท่าทีจะจดจำเขาได้แม้แต่น้อย  สิ่งที่เขาเฝ้าหวังมาตลอดสิบปีมันเป็นไปไม่ได้เลย

“ทดสอบดูอีกสักครั้งมั้ยล่ะ  วายะคุง”  โอมิยะเอ่ยขึ้นเบา ๆ

“ทดสอบอะไร?”

“ทดสอบว่ารันมารุจะจำเธอได้มั้ย”

“กล้าเหรอ?  ถ้ารันจังจำผมได้ขึ้นมา  คุณจะทำยังไง?”  วายะจ้องหน้าโอมิยะอย่างเอาเรื่อง

“ฉันเชื่อในเวลาสิบปีของฉันนะ  เชื่อในความรู้สึกที่เชื่อมโยงฉันไว้กับรันมารุ  ถึงเขาจะจำเธอได้...มันก็ไม่เป็นไรหรอก”  โอมิยะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“มั่นใจเหลือเกินนะ”  อดีตโฮสต์หนุ่มแค่นยิ้ม

“ก็มั่นใจมากพอที่จะให้เธอลองดูก็แล้วกัน”  โอมิยะยังคงยิ้มเรื่อย ๆ  “คืนนี้ไปค้างที่บ้านฉัน  ไปวัดดวงของเธอซะ  ไม่มีทางให้เธอหนีอีกแล้ว  และฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหนีด้วย”

“พูดได้ดีนี่...เอางั้นก็ได้”

วายะรับคำท้าทายนั้นด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับ  แม้จะรู้ว่ามีความทรมานแสนสาหัสรออยู่  แต่เขาก็จะไม่หนีอีกแล้วเช่นกัน

...

เสียงกริ่งที่หน้าประตูเรียกให้รันมารุเดินโขยกเขยกไปส่องช่องตาแมว  เมื่อเห็นว่าเป็นคนรักที่อยู่ด้วยกันก็เปิดประตูให้

“กลับมาแล้วเหรอครับ  กลับดึกนะครับเนี่ย”  รันมารุเอ่ยทักทันทีที่ประตูเปิดออก

“กลับมาแล้ว...แล้วก็มีแขกมาด้วยหละ”  โอมิยะที่ถือขวดเหล้าสาเกอยู่ใช้มือข้างที่ว่างชี้ไปด้านหลัง

“อ๊ะ  คุณเมื่อกลางวัน”  รันมารุก้มหัวให้นิดหน่อยก่อนจะต่อว่าโอมิยะ  “ทำไมไม่โทรมาบอกก่อนล่ะครับ  ผมจะได้เก็บห้องให้เรียบร้อยหน่อย  แล้วก็จะได้เตรียมอะไรให้กินกันด้วย”

“ไม่ต้องหรอก  พวกกับแกล้มฉันซื้อมาแล้วละ  แล้วเจ้านี่น่ะ  นอนที่ไหนก็ได้หรอก  โซฟาก็ไม่เป็นไร”

“พูดอะไรแบบนั้น  แขกนะครับ”  รันมารุทำเสียงเขียว  “เอาเถอะ เข้ามาก่อนสิครับ  ข้างนอกหนาวออก”

วายะได้แต่มองตามหลังรันมารุที่เดินเข้าไปในห้อง  ทุกถ้อยคำสนทนาล้วนแต่กรีดหัวใจของเขาลึกลงเป็นแผล  แล้วโอมิยะก็กระซิบกับเขาเบา ๆ

“ก็ยังจำเธอได้นี่”

“แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละครับ  พอถึงพรุ่งนี้เช้า...ก็จบ”

น้ำเสียงแหบเหือดที่แสดงความรวดร้าวของวายะทำให้โอมิยะนึกเห็นใจ  แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าไม่ทำให้จบในคืนนี้  ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็จะคาราคาซังอย่างนี้ต่อไป  เขารู้ว่าวายะรักรันมารุมากแค่ไหน  แต่เขาเองก็รักรันมารุเช่นกัน...และเขาจะไม่มีวันปล่อยให้รันมารุกลับไปเป็นของวายะอีก...ที่จริงแล้ว  ความมั่นใจอะไรนั่นเขาไม่มีเลยสักนิด  เพียงแค่รู้สึกยอมไม่ได้ถ้าวายะจะทำท่าเหมือนถือไพ่เหนือกว่าเขา  แม้แต่ในตอนนี้  จิตใจก็ยังหวั่นไหว...การเดิมพันของพวกเขาทั้งสองคนในค่ำคืนนี้  ขึ้นอยู่กับความรู้สึกและความทรงจำของรันมารุเท่านั้น

ทั้งสามคนตั้งวงเหล้าเล็ก ๆ ในห้องนั่งเล่น  ท่ามกลางบรรยากาศแปลก ๆ บทสนทนาดำเนินไปอย่างฝืนธรรมชาตินิดหน่อย  วายะดื่มน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย  เขาเอาแต่เงียบและเป็นฝ่ายตอบคำถามของโอมิยะกับรันมารุเสียมากกว่า...ไม่กล้าสบตารันมารุตรง ๆ...แต่ถ้าไม่มองในตอนนี้  เขาจะได้มองใบหน้านี้อีกหรือเปล่า  ถ้าผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปแล้ว  ถ้าความปรารถนาของเขาไม่เป็นจริง  เขาจะยังได้พบกับรันมารุอีกหรือเปล่า...ถ้า...

การรวบรวมความกล้าเพื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่พยายามหนีมาตลอดสิบปีมันช่างแสนยากเย็น  แต่ถ้าไม่ทำในตอนนี้...อาจจะต้องเสียใจไปจนตายก็ได้

วายะสูดลมหายใจลึกแล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ

“ได้ยินจากอาจารย์ว่ารุ่นพี่เคยประสบอุบัติเหตุ?”

“อ๊ะ  ใช่”  รันมารุตกใจนิดหน่อยที่อยู่ ๆ ก็ถูกถามขึ้น

“เพราะงั้นเลยเดินไม่ถนัดเหรอครับ?”

“เอ้อ...ใช่  ขาหักน่ะ  ตอนนั้นเรื่องใหญ่เลยละ”

“แล้ว...อุบัติเหตุอะไรเหรอครับ?”

“ถูกรถชนน่ะ”  รันมารุเริ่มอึดอัดกับคำถามนั้น

“ทำไม...ถึงถูกรถชนได้ล่ะครับ?”

คนถูกถามนิ่งอึ้งไป  เขาจ้องหน้าวายะ...นี่มันอะไร  ทำไมคนคนนี้ถึงได้กล้าถามอะไรที่ล่วงล้ำเข้ามาในความเป็นส่วนตัวของเขาแบบนี้...แล้วทำไม...บางอย่างในหัวใจถึงได้เป็นประกายขึ้นมาราง ๆ

โอมิยะจ้องวายะเขม็งเหมือนจะปราม  แต่เขาสัญญาแล้วว่าจะไม่ขัดขวาง  จึงไม่ได้พูดอะไรออกไป

รันมารุขยับตัวนิดหน่อยก่อนจะตอบ  “ไม่รู้สิ  ฉันจำตอนเกิดอุบัติเหตุไม่ได้น่ะ”

“งั้นเหรอครับ”  วายะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มก่อนจะพูดต่อ  “ตอนเรียน ม. ปลาย  ผมเคยทะเลาะกับเพื่อนสนิทที่โกดังท่าเรือ...เพื่อนรักที่รักกันมาก...วันนั้นเราทะเลาะกันรุนแรงมาก  แล้วเขาก็วิ่งหนีผมไป...ถูกรถชน”

รันมารุสะดุ้งเฮือก  อะไรบางอย่างในคำพูดนั้นเหมือนกระแทกเข้าไปในสมอง  ภาพอะไรบางอย่างแวบเข้ามาในห้วงความทรงจำ...โกดังมืด ๆ...ตัวเขา...และใครบางคน...

ไม่!!

รันมารุปฏิเสธภาพเหล่านั้น  แล้วทุกอย่างก็ดับวูบไปเหมือนหนังที่ฟิล์มขาด  ปวดจี๊ดขึ้นมาในหัวเหมือนโดนค้อนทุบ...ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมหัว

“รันมารุ!?”  โอมิยะเรียกชื่อคนรักด้วยความตกใจ

“อือ...ไม่เป็นไร  ผมแค่ปวดหัวนิดหน่อย”  ทั้งที่ภาพตรงหน้ายังพร่ามัว  ก็ยังฝืนตอบไปเช่นนั้น

“ไม่นิดหน่อยแล้วมั้งแบบนี้”  โอมิยะประคองรันมารุไว้แล้วถลึงตาใส่วายะ

“ไม่...ไม่หรอก  ผมคงแค่เมาน่ะ...อิจิโร่ซัง  ช่วย...ช่วยพาผมไปนอนหน่อยสิครับ”

รันมารุยกสองมือขึ้นโอบรอบคอโอมิยะอย่างไม่แคร์สายตาของวายะที่มองอยู่  โอมิยะอึ้งไปกับการกระทำของคนรัก  รันมารุไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อน

“เอ้อ...นี่ต่อหน้าแขกนะ  รันมารุ”

“ไม่...พาผมไปนอนที...”
หัวข้อ: Re: All I want 23 (หน้า21) 11/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 19-05-2012 09:05:02
ชายหนุ่มรู้ดีว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องด้วย  แต่ตอนนี้เขาหวั่นไหวและสั่นคลอนมากเกินไป...ผู้ชายคนนั้นล่วงล้ำเข้ามาในขอบเขตต้องห้ามของเขามากเกินไป  ไม่เคยมีใครเข้ามาถึงตรงจุดนี้ได้มาก่อน...เขากลัว...อีกแค่นิดเดียว  ถ้าภาพเมื่อครู่ชัดเจนกว่านั้นอีกแค่นิดเดียวเท่านั้น  เขาจะต้องพังทลายลงแน่!

โอมิยะตัดสินใจอุ้มรันมารุเข้าไปในห้องนอนโดยมีวายะมองตามไปด้วย  เตียงนอนตั้งอยู่ตรงกับประตูห้องพอดี  แม้ในห้องจะมีดสลัวแต่ด้วยแสงไฟจากห้องนั่งเล่นทำให้มองเห็นภาพในห้องได้เลือนราง  โอมิยะวางรันมารุลงกับเตียงแล้วปลอบประโลม  จุมพิตที่หน้าผากและแก้มพร้อมกับกระซิบอะไรบางอย่างที่วายะไม่ได้ยิน  สองมือของรันมารุยังโอบรอบลำคอของโอมิยะไว้แน่น  เป็นครู่จึงได้คลายลง  แล้วโอมิยะก็เดินออกมาพร้อมกับปิดประตู

“เธอเล่นแรงเกินไปแล้วนะ  วายะคุง”  ผู้เคยเป็นอาจารย์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

วายะยกแก้วเหล้าขึ้นจิบดวงตาหรี่ซึม  “...รันจังจำผมได้”

โอมิยะมองอาการนั้นของวายะแล้วถอนใจเฮือกใหญ่  ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้าง ๆ  “ใช่...เขาจำเธอได้”

“รันจังจำได้...แต่ปฏิเสธที่จะนึกถึงมัน  ปฏิเสธที่จะรับรู้ตัวตนของผมอีก”  วายะกอดเข่าแล้วซบหน้าลงกับท่อนแขน

โอมิยะไม่พูดอะไร  เพียงแต่เอื้อมมือมาโอบไหล่ผู้ที่เคยเป็นลูกศิษย์ไว้แล้วตบเบา ๆ

“ผมไม่เคยอยากให้รันจังนึกถึงเรื่องในคืนนั้น  แต่วันนี้ผมรู้ว่าผมมีเวลาไม่มาก  และนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้าย  ผมคิดว่าถ้ากระตุ้นแรง ๆ เข้าสักครั้ง  บางทีรันจังอาจจะจำได้...แต่สุดท้ายก็กลายเป็นแค่ทำร้ายรันจังอีกครั้งเท่านั้นเอง...”

“เธอคิดว่า...ถ้าเขาจำเธอได้แล้ว  เขาจะรู้สึกยังไงกับเธอล่ะ?”

“ก็คงจะเกลียด...เพราะผมทรยศเขาอย่างให้อภัยไม่ได้”  คำตอบนั้นสั่นสะท้าน...ด้วยรู้ดีถึงผลลัพธ์อยู่แล้ว

“แล้วเธอจะให้เขาจมอยู่กับความเกลียดนั้นไปตลอดชีวิตงั้นเหรอ?  ทุกครั้งที่นึกถึง  ทุกครั้งที่เห็นหน้า  ทุกครั้งที่เข้ารับการผ่าตัด  เขาก็จะเกลียดเธอ...เป็นแบบนั้นดีแล้วเหรอ?”

วายะไม่ตอบหากส่ายหน้า

“อย่าให้ความรักของรันมารุเสียเปล่า  วายะคุง  เขารักเธอถึงได้ไม่อยากเกลียดเธอไงล่ะ”

“คุณพูดเหมือนแม่เลย”

“ก็จำที่เธอเล่ามาพูดนั่นแหละ  แต่ว่านะ...เห็นรันมารุเป็นแบบนี้แล้ว  ฉันยิ่งแน่ใจว่าเขารักเธอมาก  ถ้าเมื่อกี้เขานึกออกขึ้นมา  ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะร้องไห้มากแค่ไหน...”  โอมิยะพูดเหมือนจะพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า  “...ให้มันจบแค่นี้ได้มั้ย  วายะคุง”

“ขออีกนิดเถอะ...ขอแค่พรุ่งนี้เช้า  แค่นั้นก็พอ...”

ถ้าถึงพรุ่งนี้เช้าแล้วรันจังยังจะจำเขาได้...ถ้าถึงพรุ่งนี้แล้วรันจังจะยังเรียกชื่อเขาได้ถูก...ขอแค่ความหวังริบหรี่นั้น...ถ้าถึงพรุ่งนี้...

โอมิยะถอนใจแล้วลุกขึ้นเก็บแก้วเหล้า  “ก็ได้...งั้นนอนเถอะ  ไม่คิดเลยว่าแค่เจอเธอมันจะเหนื่อยขนาดนี้”

“แล้วคิดว่าผมไม่เหนื่อยหรือไง”

“คนที่ลุ้นว่าจะถูกแย่งแฟนหรือเปล่ามันย่อมเหนื่อยกว่าอยู่แล้วละน่า  แค่นี้ก็อายุสั้นไปอีกหลายปีแล้ว  นี่ถ้าฉันตายแล้วใครจะดูแลรันมารุ”  พูดพลางก็เก็บถ้วยจานไปกองไว้ในครัว

“บ่นเป็นตาแก่ไปได้”  วายะต่อว่าทั้งที่ยังนั่งกอดเข่าอยู่อย่างนั้น

“เออ  ฉันมันแก่  แต่เพราะแก่แล้วเลยไม่ทำอะไรงี่เง่าอย่างเธอไงล่ะ”

วายะไม่เถียงอะไรอีก  เขานั่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งโอมิยะเอาฟูกนอนสำหรับรับแขกมาปูให้เรียบร้อยแล้ว  มืออุ่นวางลงบนเรือนผมสีทองแผ่วเบา

“วายะคุง  นอนซะ  ถึงจะไม่อยากแต่ฉันจะภาวนาให้รันมารุจำเธอได้ก็แล้วกันนะ”

“ไม่ต้องมาสงสารผมหรอก  ไปดูรันจังเถอะ”

“ถ้างั้น...ราตรีสวัสดิ์นะ”

“ราตรีสวัสดิ์  อาจารย์”

โอมิยะปิดไฟห้องนั่งเล่นแล้วหายเข้าไปในห้องนอน  ไม่นานนักวายะก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันดังมาจากในห้อง...เสียงเบาเสียจนจับใจความไม่ได้  แต่แล้วสำเนียงบางอย่างก็ลอดออกมาให้ได้ยิน

เสียงการเคลื่อนไหว  เสียงครางผะแผ่ว  และเสียงเตียงลั่น...วายะปิดตาแน่น  ในหูแว่วเสียงกระซิบ

“...กอดผม...อิจิโร่ซัง...ให้ผมลืมทุกอย่าง...อย่าให้ผมต้องคิดถึงมัน...ทำให้ผมเป็นของคุณ...อิจิโร่ซัง...”

หยาดน้ำอุ่นร้อนหยดลงพื้น  วายะกัดริมฝีปากแน่น  ทั้งร่างสั่นสะท้าน


ไม่มีอีกแล้ว...ทุกอย่างจบแล้ว  ไม่มีรันจังของเขาอีกต่อไปแล้ว...

รันจังที่เคยมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของเขา...ไม่อยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว...

...

รันมารุลืมตาขึ้นมาพร้อมกับแสงแดดรำไรของยามเช้าแห่งฤดูใบไม้ผลิที่สาดเข้ามาในห้อง  พอลุกขึ้นนั่งก็มึนหัวเล็กน้อย...เมื่อคืนเขาคงดื่มมากเกินไป  พอเหลือบไปมองข้างกายก็เห็นชายผู้มีผมสีดำที่เริ่มยาวปรกหน้าปรกตายังหลับสนิทอยู่  ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วก้มลงไปจูบเบา ๆ ที่แก้มของคนรัก  ก่อนจะลุกจากเตียงไปเงียบ ๆ ระวังไม่ให้คนที่ยังนอนอยู่ตื่น

รันมารุหยิบไม้เท้ามาพยุงตัวแล้วค่อย ๆ เดินโขยกเขยกไปที่ประตู  ท่อนล่างยังขัด ๆ นิด ๆ จากกามกิจเมื่อคืน...ทั้งที่ดึกมากแล้ว  แต่เขาก็ยังอ้อนให้โอมิยะกอด...คิดแล้วก็น่าอาย  แต่ในค่ำคืนที่รู้สึกหวั่นไหว  เขาก็มักจะอ้อนโอมิยะแบบนั้นเสมอ

ชายหนุ่มเปิดประตูห้องนอนออกไปแล้วก็ชะงัก  กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารฟุ้งมาจากในครัว  รันมารุรีบตรงไปที่ห้องครัวทันที
ที่นั่น...ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีทองยาวประบ่าในชุดผ้ากันเปื้อนของเขากำลังยืนปรุงอาหารอยู่หน้าเตาแก๊ส  อาจเพราะรับรู้ได้ว่ามีคนมองอยู่  ชายคนนั้นจึงหันมามองแล้วยิ้มให้

“อรุณสวัสดิ์  ขอโทษที่ใช้ครัวนะ  แค่อยากทำมื้อเช้าตอบแทนหน่อยน่ะ”

รันมารุยืนนิ่ง...คนคนนี้คือ...

ริมฝีปากอิ่มขยับเอ่ย


“...ใครครับ?”


ใครคนนั้นยิ้มตอบมา...เป็นรอยยิ้มที่ช่างแสนอ่อนโยน

“เมื่อคืนคุณคงเมามากเลยจำผมไม่ได้  วายะครับ  วายะ  ชุน  นักเรียนของอาจารย์โอมิยะ  พอจะนึกออกมั้ยครับ  รุ่นพี่รันมารุ”

“เอ๊ะ?  เอ้อ...ผม...รุ่นน้องผมเหรอ...?”

“ครับ  เมื่อคืนมารบกวนเสียดึก  แถมยังดื่มกันเสียขนาดนั้น  จำไม่ได้ก็ไม่แปลกหรอกครับ”  พูดแล้วเจ้าตัวก็หันไปคนซุปเต้าเจี้ยวในหม้อ  “ไปล้างหน้าล้างตาก่อนสิครับ  เดี๋ยวข้าวเช้าก็เสร็จแล้ว”

“อ๊ะ...ครับ...เอ้อ...”  รันมารุรู้สึกแปลก ๆ ที่อยู่ ๆ คนเป็นแขกก็มาทำอาหารเช้าให้กิน...แต่อะไรบางอย่างในรอยยิ้มนั้นกลับทำให้เขาอุ่นใจอย่างประหลาด

“โอ้...ข้าวเช้าเหรอ?  กลิ่นซุปเต้าเจี้ยวนี่”  โอมิยะที่ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้  เดินมายืนเท้ากรอบประตูอยู่ข้างหลังรันมารุ  “ตื่นเช้านี่  วายะคุง”

“นิดหน่อยครับ  อาจารย์ก็ไปล้างหน้าเถอะ  อีกเดี๋ยวข้าวสุกก็กินได้แล้ว”  วายะพูดโดยไม่ได้หันมามอง

“อื้ม  ตกลง  เอาละ  รันมารุ  ไปล้างหน้าล้างตากันเถอะ”  พูดแล้วโอมิยะก็อุ้มรันมารุตัวลอย

“อิจิโร่ซัง!  เล่นอะไรน่ะครับ  ปล่อยนะ  วายะซังอยู่ด้วยนะ!”  คนถูกอุ้มร้อง

“ช่างหัววายะสิ”  ว่าแล้วก็รีบผลุบเข้าห้องน้ำไปทันที

วายะเคาะทัพพีตักแกงลงกับหม้ออย่างแรง  “ไอ้แมวแก่ขี้ขโมย!”


มื้อเช้าผ่านไปอย่างเรียบง่าย  มื้อเช้าฝีมือวายะรสชาติไม่เลวทีเดียว  มีเพียงรันมารุที่นั่งทำหน้ากระอักกระอ่วนใจที่ถูกโอมิยะเล่นทะลึ่งต่อหน้าแขกแต่เช้า  แต่หลังจากพูดคุยกันไปสักพัก  ชายหนุ่มก็คลายอาการเกร็งลง  เขาลอบสังเกตอดีตลูกศิษย์ของโอมิยะ...ท่าทางวายะดูเป็นคนร้ายกาจ  แต่กลับหาเรื่องมาคุยได้สนุกสนาน  หัวเราะเสียงดังไม่เกรงใจใคร  ดูไปก็คล้าย ๆ กับโอมิยะนิดหน่อย  คงเพราะแบบนี้กระมังที่ทำให้ยังคงติดต่อกับโอมิยะแม้จะเรียนจบไปนานมากแล้ว  ทั้งท่วงท่าและการวางมาดดูเหมือนจะผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี  และมันดูมีเสน่ห์แบบที่จะทำให้สาว ๆ หลงใหลได้ไม่ยาก  ขนาดเขาที่เป็นผู้ชายยังรู้สึกเพลิดเพลินที่จะมอง...ทั้งที่รู้สึกว่าคล้ายกับใครบางคน  แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก...ช่างเถอะ  รันมารุบอกกับตัวเอง...อาจเพราะวายะดูคล้ายกับโอมิยะก็ได้  ถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับรอยยิ้มนั้นมากขนาดนี้

หลังจากเก็บกวาดมื้อเช้าเรียบร้อย  วายะก็ลากลับ

“ทำไมรีบกลับจัง  วันนี้เป็นวันหยุดแท้ ๆ  น่าจะอยู่คุยกับอิจิโร่ซังให้มากกว่านี้อีกหน่อย”  รันมารุพูด

“ผมต้องกลับไปเก็บของกลับโตเกียวน่ะ  แล้วเมื่อคืนหลังจากคุณหลับไปเราก็คุยกันไปเยอะแล้วด้วย”  นั่นคือเหตุผลที่ยกมาอ้าง

“งั้นเหรอ...จำไม่ได้เลยแฮะ”  ชายหนุ่มยกมือขึ้นเกาแก้มอย่างเขิน ๆ  “งั้น...แล้วมาเที่ยวอีกนะ”

“อื้ม  แล้วจะมาครับ”  วายะยิ้มกับภาพนั้น...นิสัยชอบเกาแก้มเวลาเขินของรันมารุยังเหมือนเดิมไม่มีผิด

“งั้นเดี๋ยวฉันจะไปส่งวายะคุงที่สถานีนะ”  โอมิยะบอกแล้วก็หยิบรองเท้ามาสวม

“อ๊ะ  ซื้อของแห้งเข้ามาด้วยนะครับ”

“อื้ม  เดี๋ยวจะซื้อมาให้”  จัดการกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว  โอมิยะก็บอกกับรันมารุ  “เอาละ  ไปละนะ”

“ไปดีมาดีนะครับ”  บอกกับโอมิยะแล้วก็หันมาพูดกับวายะ  “แล้วเจอกันนะ  วายะซัง”

สิ่งที่ตอบกลับมาคือรอยยิ้มอันแสนอบอุ่น  แล้ววายะก็ก้มลงมาจูบที่แก้มของรันมารุเบา ๆ


“ลาก่อน  รันจัง”


รันมารุแดงซ่านไปทั้งหน้า  แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรโอมิยะก็รีบลากคอวายะออกไปอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย  เล่นอะไรกับแฟนชาวบ้านแบบนี้วะ!”  โอมิยะแหวเอาเมื่อลงมาถึงหน้าแมนชั่น

“ครั้งสุดท้ายแล้วน่า  จะไม่มีอีกแล้วละ”  วายะยักไหล่แล้วกระชับเสื้อโค้ทเข้ากับตัวก่อนจะก้าวยาว ๆ ไปตามทางเดิน

“...เมื่อกี้...ไม่สมเป็นเธอเลยนะ”  โอมิยะพูดพลางเดินตามให้ทัน

“แสดงเก่งใช่มั้ยล่ะ  เหนื่อยแทบตายเลยละ”  ชายหนุ่มเดินช้าลงจนกลายเป็นทอดน่อง

“ไม่เห็นต้องฝืนขนาดนั้นเลย”

“ช่างผมเถอะ”

ทั้งสองเดินด้วยกันไปเงียบ ๆ จนถึงสถานีรถไฟ  วายะหันกลับไปมองบ้านเกิดที่เต็มไปด้วยความทรงจำอีกครั้ง

“ทีนี้เธอก็ไม่ต้องส่งเงินมาให้รันมารุแล้วก็ได้นะ”  โอมิยะเอ่ยขึ้นในที่สุด

“เงินเดือนอาจารย์อย่างคุณมันพอรักษารันจังหรือไง?”  น้ำเสียงนั้นมีแววดูถูกน้อย ๆ  “ผมสัญญาไว้แล้ว  จนกว่ารันจังจะหายดี  ผมจะรับผิดชอบเรื่องค่ารักษาเอง”

“อวดดีชะมัด”  โอมิยะบ่น

วายะมองหน้าผู้เคยเป็นอาจารย์ของตนแล้วยิ้ม  “นี่เป็นความรับผิดชอบของผม  ถ้ารันจังเดินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้เท้าแล้วก็ติดต่อมาแล้วกัน  ผมจะได้เลิกส่งเงินมาให้”

“...ก็ได้”

“แล้วก็นี่...”  วายะล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ท  ดึงเอากล่องเล็ก ๆ ออกมา  “ฝากนี่ให้รันจังด้วย”

“แหวน?”

“รันจังเคยอยากได้แหวนแบบนี้...มีเป็นคู่ด้วยนะ  คุณก็น่าจะใส่ได้  ใส่คู่กันไปเลยแล้วกัน”

โอมิยะเปิดฝากล่องออกดู  ข้างในนั้นคือแหวนทองคำขาววงเล็ก ๆ ที่ตัวเรือนพ่นทรายเป็นประกายน้อย ๆ

“มันเรื่องอะไรฉันต้องให้รันมารุสวมแหวนแต่งงานที่ได้จากคนอื่นด้วยเนี่ย”

“ก็บอกเขาไปสิว่าคุณซื้อให้เขา  โง่จริง”

“ไอ้เด็กบ้า”

“...นี่ก็เป็นสัญญา  ที่ผมเคยให้ไว้กับเขา...ทีนี้ก็ไม่มีอะไรต้องติดค้างอีกแล้ว”  วายะพูดแล้วก็หันกลับไปมองเมืองที่จากมาอีกครั้ง... ...และนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ

“วายะคุง...”

“เอาละ  ผมไปละนะ”  พูดแล้วก็หันหลังเดินตรงไปยังสถานีรถไฟ

“เธอจะมาอีกใช่มั้ย?”  โอมิยะถามไล่หลังไป

“ไม่  ผมจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้ารันจังอีกแล้ว”  ชายหนุ่มพูดต่อไปโดยไม่หันกลับมา  “อาจารย์...รักรันจังให้มาก ๆ นะ  เผื่อส่วนของผมด้วย”

“รู้แล้ว  ฉันจะรักให้ยิ่งกว่าที่เธอเคยรักอีก”

วายะเพียงแต่โบกมือให้แล้วเดินหายเข้าสถานีไป

โอมิยะปิดกล่องแหวนในมือแล้วใส่มันลงในกระเป๋าเสื้อก่อนจะเดินกลับบ้าน  ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง  แต่เหมือนมีอะไรเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน


ร่างสูงเปิดประตูบ้านออกพร้อมกับพูดว่า

“กลับมาแล้ว”

รันมารุโผล่หน้าออกมาจากห้องนั่งเล่น  “กลับมาแล้วเหรอครับ  อ้าว  แล้วของแห้งที่บอกให้ซื้อล่ะครับ?”

“อ้าว  ลืมไปเลย”  โอมิยะเกาหัวแก้เก้อ

“ให้ตายสิ  นี่ผมต้องออกไปเองสินะ”  รันมารุส่ายหน้าแล้วหายกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น

โอมิยะเดินตามเข้าไปแล้วโอบกอดคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาจากด้านหลัง

“ส่งวายะซังเรียบร้อยดีนะครับ”

“มันไม่หลงทางหรอกน่า...ว่าแต่  มีของมาฝากเธอด้วยนะ”

“อะไรครับ?”

“หลับตาสิ”

“หึ...เล่นเป็นเด็ก ๆ อีกแล้ว”  พูดแบบนั้นแต่รันมารุก็หลับตาลง  ก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสเย็น ๆ ของโลหะที่นิ้วนางข้างซ้าย

“เอาละ  ลืมตาได้แล้ว”

ชายหนุ่มค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น  แหวนทองคำขาววงเล็ก ๆ เป็นประกายอยู่บนนิ้วของเขา  รันมารุเบิกตากว้าง

“เป็นคู่กันด้วยนะ  นี่ไง”  โอมิยะยกมือให้ดูแหวนที่นิ้วของตน  มันออกจะคับนิดหน่อยแต่ก็พอจะสวมได้

น้ำตาเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของรันมารุ


...ฉันชอบแหวนแบบนี้จัง...

เสียงของตัวเองดังขึ้นในสมอง

...ทองคำขาวเนี่ยนะ...ชอบอะไรถูก ๆ เป็นมั้ยเนี่ย...

ใครบางคนเคยตอบเขามาแบบนั้น

...ก็ไม่ต้องตอนนี้ก็ได้นี่  นี่ไง  ตัวเรือนพ่นทรายแบบนี้ทำให้ไม่น่าเบื่อนะ...

...เออ  ไว้แล้วจะซื้อให้...

...แน่เหรอ?...

...สัญญา...


ใช่...ใครบางคนเคยสัญญากับเขาไว้แบบนั้น...แต่ใครกันล่ะ  ใครที่เป็นคนพูดคำนั้นเอาไว้  ใครบางคนที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในส่วนลึกที่สุดของความทรงจำ...

รันมารุแตะแหวนกับริมฝีปาก  คู้ตัวงอแล้วสะอื้นฮัก  โอมิยะดึงร่างนั้นมากอดไว้แน่น

“จำเขาไว้เถอะ  รันมารุ...ถ้าเธอรักเขาขนาดนั้นก็จำเขาไว้เถอะ”

ชายหนุ่มร้องไห้หนักกว่าเดิม  หยดน้ำตาไหลลงอาบตัวเรือนที่เป็นประกายสีเงินระยับนั้น  ถ้อยคำหนึ่งถูกกลั่นออกมาจากความทรงจำและลอดริมฝีปากออกมาไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ  และหายไปพร้อมกับสายลมฤดูใบไม้ผลิที่พัดเข้ามาในห้อง



“...ชุน...จัง...”





(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 19-05-2012 10:34:28
 :o12: :sad4: โอเคชุนน่าสงสาร ถึงจะนิสัยไม่ดีก็เถอะ-3-
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 19-05-2012 10:36:07
โอยๆๆ สงสารชุนจังอ่า แต่แบบนี้ก็อาจจะดีกว่าก็ได้นะ

ถ้ารันจังจำได้ก็มีแต่จะทำให้ทุกคนเจ็บปวดมากขึ้น ตอนนี้อย่างน้อยก็ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว

ชุนก็จะได้เริ่มต้นใหม่จริงจังๆซะที ส่วนรันจังก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไปกับคนที่รักและดูแลได้

win-win ทั้งสองฝ่ายอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 19-05-2012 10:47:09
คิดถึงโทโมะแล้วว  :impress2:

 :pig4:นะคะ
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 19-05-2012 11:16:00
พออ่านแล้วสนับสนุนให้3pไปเลยดีกว่านะ
ไม่ค่อยชอบอาจารย์เท่าไหร่
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: aishiteru. ที่ 19-05-2012 11:16:09
อ่านถึงช่วงวายะฝากแหวนให้รันจัง แถมรันจังยังจำเศษเสี้ยวในอดีตได้อีก
น้ำตาคลอหยดแหมะๆๆเลย ฮือๆๆ สงสารชุนจัง สงสารรันจัง แง
แต่ก็เป็นการดีกับทั้งสองฝ่ายล่ะนะ เฮ้ออออ
อ.ก็รักและยอมให้ทุกอย่างกับรันจังแม้กระทั่งเป็นเงาเป็นตัวแทนของชุนจัง โฮกกกก
ฉากสวมแหวนแล้วรันจังนึกคำสัญญาออกแล้วเรียกชุนจังมันช่างเจ็บปวด แง๊
ชอบอ่าาาา เศร้าได้จี๊ดถึงใจจริงๆ <<มาโซเร๊อะ ฮ่าๆ
ปาดน้ำตาเข็ดน้ำมูก หึหึ จะรออ่านตอนต่อไปน้าาา
ทีนี้ชุนจังก็ต้องกลับไปเคลียร์กับโทโมะแล้ววววว
ทำยังไงโทโมะถึงยอมเข้าใกล้และยอมถูกชุนบังคับจูบแต่ก็ไม่คลุ้มคลั่งเสียสติอีก อิอิ
เมื่อโทโมะตะยอมรับใจตัวเองสักทีน้าาาา จะรออ่านให้ได้เลย
แต่ก็ต้องลุ้นเรื่องปัจจุบันอีกว่าจะไปช่วยโทโมะทันมั้ยย โฮกกกกกกก
สู้ๆน้าาา คนแต่ง
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 19-05-2012 11:52:13
 :o12: :o12: :call: :call:
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 19-05-2012 12:18:46
อ่านตอนนี้แล้ว น้ำตาไหลพราก ก T______T

สงสารชุนและรัน

อยากให้ชุนรับรู้ว่ารันจำได้แล้ว

อยากให้2คนเป็นเพื่อนรักกัน
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: MCSJ ที่ 19-05-2012 12:29:58
อ่านแล้วมันจี๊ดดดดดดดดดดดดด  ซึ้งมากอะตอนสุดท้ายน้ำตาคลอเลย TT :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Cynthia_Moonlight ที่ 19-05-2012 13:03:52
เอ่อ....ถึงวายะจะทำอะไรไม่ดี ไม่ถูกลงไป จนมีคนต้องเป็นทุกข์ ต้องเจ็บปวดกับการกระทำของเขาก็เถอะนะ...

แต่ว่า...คิดในอีกแง่หนึ่งนะ....



คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือคนที่กระทำสิ่งเลวร้ายลงไปอย่างวายะ ชุน คนนี้หรือเปล่า...


เราคิดว่าจริงๆแล้ววายะเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดคนหนึ่งเลยนะ T^T

หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 19-05-2012 13:43:03
                  สงสารนะคนที่เคยรักมากแต่จำกันไม่ได้
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 19-05-2012 14:05:41
สงสารทุกคนเลยเรื่องนี้  ยกเว้นโอโนเสะ
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 19-05-2012 14:27:56
บีบหัวใจจนน้ำตาคลอ  :o12:

คงไม่ได้ทำบุญร่วมกันมามากพอ
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 19-05-2012 17:29:47
น้ำตาซึม :monkeysad:
เจ็บ...แต่จบ
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 19-05-2012 19:25:07
 :sad4:  เศร้ามากเลย นางฟ้าน้ำตาซึม
สามคำ>>>สู้ ต่อ ไป  ( ได้กลับไปเป็นชุนจังของโทโมกิซะที ขอให้รันจังมีความสุขค่ะ)
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Minako ที่ 19-05-2012 19:31:37
โฮววววววว อ่านแล้วสงสารวายะโคตรอ่า  :sad4:
ขอให้จบแฮปปี้กับโทโมะที้เถ๊อะ  :call:
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: pppp ที่ 19-05-2012 20:03:04
น้ำตาคลอกันเลยทีเดียว
วายะคงเฮิร์ทน่าดู แต่ถึงรันจังจะจำได้ เราก็คิดว่ารันจังไม่มีทางทิ้งโอมิยะแน่ๆ
โอมิยะก็น่าสงสาร ที่เหมือนจะเป็นตัวแทนของวายะที่รันจังรัก
สุดท้าย โทโมกิเองก็น่าสงสารที่สุด ดูเหมือนตัวตนที่เป็นตัวเองของโทโมกิสำหรับวายะแล้ว น้อยเหลือเกิน
เหมือนเป็นตัวแทนของใครต่อใครสำหรับวายะเสมอ
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 19-05-2012 20:21:14
น้ำตาไหลพราก :sad4:
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: i-love-you ที่ 19-05-2012 20:30:08
 :o12:ชุน  สู้ๆๆน๊ะ   รันจังเค้ามีความสุขแล้ว

กลับไปหาความสุขของตัวเองเหอะ  โทโมะรออยู่
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 19-05-2012 21:36:00
โทโมะง่า.......คิดถึงโทโมะ
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 19-05-2012 22:04:11
เศร้ามากก คิดถึงโทโมะ
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 19-05-2012 22:33:24
สงสาร ชุนจัง อยากกลับมาหาเค้า คิดว่าจะทำให้เค้าจำได้
แต่ อีกคน  ก็ต้องแกล้ง เป็นจำไม่ได้
เจ็บทั้งสามคน  T_T
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 19-05-2012 23:18:30
น้ำตาซึมเอาตอนจบ... ใช่ว่าวายะจะทรมานคนเดียว รันจังก็เหมือนกัน โอมิยะก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
..ถ้าไม่มีเรื่องวันนั้นสองคนนี้คงจะเป็นคู่ที่หวานมากๆ แต่เราแก้ไขอดีตไม่ได้...
เคลียร์กับอดีตแล้ว ก็กลับมาเคลียร์กับปัจจุบันซะทีนะวายะ
รอตอนต่อไปค่ะว่าจะลงเอยกันยังไง :pig4: :L2:
 
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 19-05-2012 23:36:43
ชุน อยู่ลึกสุดใจ จริงๆ
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 20-05-2012 00:02:03
หวังว่ารันจังจะไม่ลืมอีกนะ
ขอให้จดจำไว้ แม้ว่าวายะจะไม่มีวันได้รู้เลยก็ตาม
เพราะท่าทางแมวแก่ขี้ขโมยจะหวงเอาไว้ล่ะนะ
เป็นตอนที่ซึ้งมาก ได้เห็นวายะเติบโตขึ้นด้วย
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 20-05-2012 01:56:22
 สงสารชุน ร้องไห้เลย :sad4:
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 20-05-2012 03:05:27



    อดีตของวายะกะรันจังอย่างโหดอ่า
    อ่านแล้วเครียดไปเลย
    ของโทโมะดูกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆ
    แต่ลงเอยอย่างนี้ก็อาจจะดีแล้วนะ
    อย่างน้อยก็ยังเหลือความรู้สึกดีๆเอาไว้
    แม้ว่าจะอยู่ลึก. . . ลึกมากๆจนแทบควานหาไม่เจอในความทรงจำก็เถอะฃ
    ทีนี้ก็เป็นเรื่องระหว่างวายะกะโทโมะแล้วล่ะ ว่าจะเดินทางไปแบบไหน




หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: okita ที่ 20-05-2012 04:15:51
 :monkeysad: :sad11:อ่านแล้วไม่ไหวกับตอนนี้จริง ๆ ค่ะ บีบอารมณ์จริง ๆ น้ำตาซึม อึดอัดบอกไม่ถูก อยากให้วายะกับโทโมกิแฮปปี้กันซักที สงสารทั้งคู่
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 20-05-2012 09:33:42
สุดยอดด ทั้งรันจัง และชุนจัง เลือกทางเดินแล้วเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคงนะ!
น้ำตาคลอกันเลยทีเดียวตอนนี้

รออ่านต่อ และขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 21-05-2012 12:00:31
เย้ ปิดฉาก อดีตของอดีต
ก้าวต่อไปข้างหน้าในช่วงเวลาของอดีต(?)ได้แล้ว
 ส่วนเรา...ขอไปนั่งน้ำต่ซึมก่อนนะ อะฮึก
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 21-05-2012 16:20:12
รันจางงงง เศร้าแทนนนน
แต่ก็จำไม่ได้อาจจะดีก็ได้นะ

วายะ กลับมาหาโทโมะได้แล้ว
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 21-05-2012 23:38:28
สงสารชุน สงสารโอมิยะ สงสารรันจัง
เศร้าจังเลย ไม่มีใครไม่เจ็บเลยสินะ
ยังดีที่รันจังยังจำชุนได้ ถึงชุนจะไม่มีโอกาสได้รับรู้อีกแล้วก็ตามเถอะ
ว่าแต่ ตกลงว่าจำได้หรือจำไม่ได้มันจะดีกว่ากันล่ะเนี่ย แต่ก็ยังดีที่อย่างน้อยรันจังก็ยังมีคนที่รักคอยดูแล
แล้วก็.. คิดถึงโทโมะด้วยคนค่า ไม่เจอมากี่ตอนแล้วเนี่ย 55 อยากอ่านต่อแล้ว ขอไวๆนะค้า
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 22-05-2012 17:37:51
โอ้ไม่ได้เข้ามาซะนานกลับเข้ามาอีกทีก็....... :sad4:  น้ำตาจะท่วมจอ  :a5:
แงงชุนจังงง    :o12:
รอนะฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 25-05-2012 22:18:17
All I want # 25

ดวงตากลมโตสีดำขลับค่อย ๆ ปรอยปรือขึ้น  ในสติที่ยังพร่าเลือน  สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานห้องที่คุ้นตา  กลิ่นอายบางอย่างกำจายอวลและชัดเจนในความรู้สึก  ร่างเล็กเหลือบมองไปรอบตัวแล้วก็พบร่างสูงซึ่งมีเรือนผมสีทองนั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ฟูกนอน
ชื่อที่ติดอยู่ในความทรงจำลอดริมฝีปากออกมาเท่าเสียงกระซิบ

“...ชุน...”

เมื่อได้ยินเสียงเรียก  ร่างนั้นก็ขยับมาใกล้  หากด้วยฤทธิ์ยากล่อมประสาททำให้สติยังเลือนรางและดวงตายังพร่ามัว

“...ชุนเหรอ...?”

มือใหญ่วางลงบนหน้าผากแล้วลูบเบา ๆ

“กลับมาแล้ว  โทโมะ”

...กลับมาแล้ว...ไม่ได้ยินคำพูดนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ  ทุกครั้งที่กลับมาจากทำงานวายะจะพูดแบบนี้กับเขาเสมอใช่หรือเปล่า...แล้ววายะเลิกพูดกับเขาแบบนี้ตอนไหน...

ความคิดสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก  รู้แค่เพียงวายะอยู่ตรงหน้าและสัมผัสเขาอย่างอ่อนโยน

...อ่อนโยนหรือ...วายะไม่เคยอ่อนโยนกับเขามานานแค่ไหนแล้ว

โทโมกิยื่นมือเอื้อมไปทางร่างสูง  ซึ่งอีกฝ่ายก็จับมันไปแนบแก้มที่มีตอสั้น ๆ ของเคราที่เพิ่งผ่านการโกนให้สัมผัสสากมือน้อย ๆ  แล้วจูบที่ฝ่ามือนั้นเบา ๆ

...หรือที่นี่จะเป็นห้องไร้กาลเวลาแห่งนั้น...อาจใช่...นั่นเป็นที่แห่งเดียวที่จะได้สัมผัสตัวตนของวายะที่ทั้งโหดร้ายและอ่อนโยนคนนั้น

ถ้าที่นี่เป็นห้องนั้น...สิ่งที่เขาควรจะพูดคือ...

“...กลับมาแล้วเหรอ  ชุน...”

สิ่งที่ตอบรับกลับมาคือรอยยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก...รอยยิ้มถือดีที่คุ้นตามานาน  นี่คือชุนของเขาจริง ๆ ด้วย

โทโมกิยกมืออีกข้างเอื้อมไปหาวายะ  แขนแกร่งจึงสอดเข้าใต้แผ่นหลังแล้วโอบประคองร่างเล็กขึ้นมากอดไว้แนบอก  กลิ่นน้ำหอมหอมเย็นและกลิ่นบุหรี่กรุ่นกำจายอยู่บนแผ่นอกและเสื้อเชิ้ต...กลิ่นที่เคยโอบล้อมเขาไว้ทุกเมื่อเชื่อวัน...มือเล็กเกาะขยุ้มเสื้อของวายะไว้แน่น  ซุกหน้าลงกับแผ่นอกหนาเหมือนจะโหยหาไออุ่น

“...ชุน...”  น้ำเสียงเลื่อนลอยกระซิบเรียกชื่อ  หากความทรงจำอันสับสนได้ผลักประโยคถัดมาให้พ้นริมฝีปาก  “...จะฆ่าให้ได้เลย...ด้วยมือฉันนี่แหละ...”

เจ้าของอ้อมกอดพ่นลมหายใจออกจมูกเหมือนจะหัวเราะ

“รู้แล้ว  จะรอนะ...แต่ตอนนี้พักก่อนเถอะ  แกยังไม่หายดี”

ริมฝีปากอุ่นแนบลงบนเรือนผมสีดำละเอียดนุ่ม  ดวงตาของโทโมกิหรี่ซึมลงทันทีราวกับต้องมนต์  เบียดกายเข้าซุกเหมือนลูกแมว

“...จะฆ่าชุนให้ได้เลย...สักวัน...”

“อื้ม...ตอนนี้อย่าเพิ่งฆ่าก็แล้วกัน”

“...ชุน...”

“ฉันอยู่นี่แล้ว...นอนซะ  โทโมะ...หลับให้สบายนะ”

สิ้นเสียงกระซิบ  โทโมกิก็ผ่อนลมหายใจยาวแล้วหลับสนิทไปในวินาทีนั้น...ทั้งที่ยังคิดว่าตนอยู่ในห้องไร้กาลเวลาของวายะ...


“โทโมกิซังได้สติแล้วเหรอคะ?  เมื่อกี้ได้ยินเสียงคุย”  ยูคาริ  นายหญิงใหญ่แห่งตระกูลโอโนเสะเปิดประตูบานเลื่อนเข้ามาในห้อง

“ยังหรอกครับ  แค่ละเมอน่ะ”  วายะตอบพลางกระชับอ้อมแขนกอดร่างที่ขดซุกอยู่กับอกให้ถนัดมือ

นายแม่นั่งลงใกล้ ๆ แล้วถาม  “แผลที่ถูกถอดเล็บหายดีแล้วเหรอคะ?”

“ยังรู้สึกเสียว ๆ อยู่บ้าง  แต่ไม่เจ็บแล้วละครับ”

“ก็ดีค่ะ  เพราะถ้าประคองคนป่วยทั้งที่มือยังเจ็บอาจจะพลาดหลุดมือได้นะคะ”  แม้น้ำเสียงจะราบเรียบแต่วายะก็จับได้ถึงอารมณ์เหน็บแนมที่แฝงมา

“ผมจะไม่ปล่อยให้เขาหลุดมืออีกแล้วละครับ  นายแม่ไม่ต้องห่วง”

นายแม่ปรายตามองทั้งวายะและคนที่ซุกหลับอยู่ในอ้อมกอด

“โทโมกิซังละเมอหาคุณไม่รู้กี่ครั้งตอนที่คุณไม่อยู่”

“ครับ  ฮิโรอากิบอกผมแล้ว”  ชายหนุ่มตอบรับพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก

ยูคาริจ้องตาวายะอีกครั้ง

“แล้วคุณพร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตโทโมกิซังแล้วจริง ๆ เหรอคะ  วายะซัง?”

“ครับ  ผมตัดสินใจแล้ว”  คำตอบเด็ดขาดหนักแน่น

“แล้วใครคนนั้นของคุณล่ะคะ?”

“รันจังมีคนดูแลแล้วครับ  และผมคิดว่าเขาน่าจะดูแลรันจังได้ดีกว่าผม  ผมคิดจะปล่อยมือจากรันจังแล้วเพียงแต่ภาระรับผิดชอบของผมยังไม่จบ  รันจังยังเดินไม่ได้  ผมยังต้องรับผิดชอบในส่วนนี้อยู่”  ดวงตาคมหรี่ซึมลงเล็กน้อย  แต่แค่ชั่วครู่ก็กลับคืนดังเดิม

“จะไหวเหรอคะ?”

“เรื่องรันจังผมรับผิดชอบแค่เรื่องเงินเท่านั้นครับ  แต่เรื่องโทโมะ...ผมต้องรับผิดชอบด้วยชีวิต”

ยูคาริมองหน้าวายะ  แววตาที่ชายหนุ่มทอดมองโทโมกิเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างที่เจ้าตัวเองก็คงไม่คิดว่าจะได้เห็นมาก่อน  ตั้งแต่กลับมาจากบ้านเกิด  วายะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป  สีหน้าท่าทางไม่แข็งกระด้างเหมือนอย่างเคย  และมักจะมองโทโมกิด้วยสายตาที่อ่อนโยนกว่าแต่ก่อน

“แต่โทโมกิซังยังกลัวคุณมากนะคะ”

“ก็ไม่เป็นไรครับ  เดี๋ยวก็ชินไปเอง  เหมือนเด็กที่กลัวหมา  ถ้าอยู่กับหมามาก ๆ ก็ชินไปเองละครับ”

“ดูเปรียบเทียบเข้าสิ”  น้ำเสียงนั้นตำหนิ

“มันเห็นภาพที่สุดแล้วละครับ”  วายะหัวเราะเบา ๆ แล้วค่อย ๆ วางโทโมกิลงกับฟูก  ห่มผ้าให้แล้วปัดเรือนผมที่ปรกระใบหน้าออกให้แผ่วเบา  “แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ  จากนี้ไปถึงผมจะหยอกโทโมะบ้าง  แต่จะไม่กัดจมเขี้ยวเหมือนแต่ก่อนแล้วละครับ”

“ก็ลองทำสิคะ  คราวนี้ไม่ใช่แค่แผลเป็นบนตัวแน่”

วายะยกมือขึ้นทาบแผ่นอกของตัวเองทันทีตามสัญชาตญาณ  แผลที่ตรงนี้ยังไม่หายดีแม้จะดีขึ้นมากแล้วก็ตาม

“ที่จริงผมก็ต้องขอบคุณท่านประธานนะครับ  ที่สลักชื่อของโทโมะไว้ตรงนี้”

นายแม่นิ่งรอให้วายะพูดต่อ

“ทำให้ผมเข้าใจความเจ็บปวดของโทโมะ  และทำให้เรามีค่าเสมอกัน...เป็นตัวตนที่เท่าเทียมกัน”

“ผิดแล้วค่ะ”  นายแม่พูดขึ้น  “ไม่ใช่เสมอกัน  แต่ตอนนี้คุณอยู่ต่ำกว่าโทโมกิซัง  โทโมกิซังเป็นคนของตระกูลโอโนเสะนะคะ  ส่วนคุณเป็นแค่บอดี้การ์ด  คุณต้องให้เกียรติเขาในฐานะลูกชายคนเล็กของฉัน  อย่าลืมตรงนี้ด้วยนะคะ”

น้ำเสียงเข้มงวดจริงจังทำให้วายะต้องก้มหน้ารับ  “ผมจะพยายามครับ  นายแม่”

“ไม่ใช่แค่พยายามค่ะ  คุณต้องทำให้ได้”  คำนั้นเน้นราวกับเป็นคำสั่ง  “แล้วอีกเรื่องนะคะ  เดินบนระเบียงให้มันเบากว่านี้หน่อย  จิเอะซังบ่นทุกวันเลยนะคะ”

“ก็มันยังเจ็บเท้านี่ครับ”  วายะโคลงศีรษะเล็กน้อยเมื่อนึกถึงหัวหน้าแม่บ้านที่พร่ำบ่นเรื่องนี้อยู่ได้ทุกวี่วัน

“ถ้าหายดีแล้วก็ช่วยทำตัวดี ๆ ด้วยค่ะ  ถ้าคิดอยากจะอยู่กับโทโมกิซังไปทั้งชีวิตละก็  ฉันเข้มงวดนะคะ”  พูดจบนายแม่ก็ตัดบทก่อนจะออกจากห้องไป  “ขอตัวละค่ะ”

วายะส่ายหน้ากับตัวเอง  แม้ยูคาริจะเป็นผู้หญิงที่ไม่แสดงตัวตนและไม่เอาตัวไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจการงานหรือเรื่องส่วนตัวของผู้เป็นสามีโดยเด็ดขาดอย่างภรรยาแบบประเพณีนิยมที่ดี  แต่โอโนเสะก็มอบอำนาจและสิทธิ์ขาดในบ้านให้นายแม่ดูแลทั้งหมดเช่นกัน  โอโนเสะอาจจะมีสิทธิ์ปลดเขาออกจากงานโฮสต์ได้ตามใจชอบ  แต่ยูคาริเองก็มีสิทธิ์ปลดเขาจากตำแหน่งบอดี้การ์ดของโทโมกิได้เช่นกัน  แม้จะเหมือนซ่อนอยู่ในเงา  แต่ในฐานะนายแม่  เธอก็มีสิทธิ์และอำนาจเทียบเท่าโอโนเสะผู้เป็นสามี  ชีวิตของทุกคนในบ้านโอโนเสะอยู่ในกำมือของเธอเท่า ๆ กับที่ทุกคนในสังกัดลูนาติก  ลัสท์อยู่ในกำมือของโอโนเสะ...และในบางครั้ง  วายะยังรู้สึกว่านายแม่เด็ดขาดและน่ากลัวกว่าโอโนเสะที่ยังมีการอ่อนข้อให้กันบ้างหลายเท่านัก

“ผู้หญิงมันน่ากลัวแบบนี้แหละ...”  พูดกับตัวเองแล้วก็หัวเราะเมื่อคิดไปถึงแม่ของตนที่บ้านเกิด  ก่อนจะจูบลงที่หน้าผากมนของโทโมกิเบา ๆ  “แกไม่โตไปเป็นผู้หญิงแหละดีแล้ว  โทโมะ”

...

สภาพจิตใจของโทโมกิดีขึ้นมากและสามารถกลับไปเข้าเรียนหลังจากเปิดเทอมใหม่ได้ไม่นาน  แม้จะช้าไปบ้างแต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเรื่องการเรียน  และเริ่มไปโรงฝึกยูโดทันทีเมื่อสภาพร่างกายพร้อม...ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ไปรับส่งทุกวันคือวายะ

ความกลัวกลับมามีอำนาจเหนือความเกลียดชังอีกครั้ง  โทโมกิหวาดกลัวและพยายามจะหลีกห่างจากวายะเท่าที่จะทำได้  แต่วายะไม่ปล่อยให้มันกลับไปสู่สภาพเดิมนานนัก  เขารู้...รู้มาตั้งแต่ตอนที่ได้กลับมากอดโทโมกิไว้แล้วว่า  เด็กคนนี้ยังมีความผูกพันกับเขาอยู่มาก  ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่ผูกพันกันด้วยจิตใจอย่างซับซ้อน...เช่นเดียวกับที่เขาเองก็รู้สึก  แม้ปากจะบอกว่าต้องการโทโมกิเช่นสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง  แต่ลึก ๆ ลงไปในหัวใจของตนแล้ว  วายะรู้ดีว่ามันไม่ใช่  คำหนึ่งที่เขาค้นพบที่ก้นบึ้งของหัวใจคือ...คนคนเดียวในชีวิต...เขาต้องการใครสักคนที่จะอยู่เคียงข้างเขา  ให้เขาคอยปกป้องดูแลและให้ความสำคัญไปจนตาย  ใครสักคนที่จะมาแทนที่แม่หรือรันจังได้อย่างสมบูรณ์แบบ  และไม่มีวันไปเป็นของคนอื่นอีก

คิริฮาระเคยบอกไว้ว่า  ความรักคือการทุ่มหัวใจรักใครสักคนหนึ่ง  และยอมรับทุกอย่างในสิ่งที่คนคนนั้นเป็น  รักในสิ่งที่คนคนนั้นเป็น  แม้จะไม่ได้ครอบครองทั้งหมดของเขาก็ตาม...ดังเช่นที่ซาคากิ  คิโยฮารุรักเขา  และเขาก็ได้ตอบสนองความรักนั้นในแบบเดียวกัน

วายะเข้าใจ  แต่สำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่...สำหรับคนที่ไม่เคยมีสิ่งใดไว้ในมือของตน  การได้ครอบครองคือความหมายทั้งหมดของความรัก  เขาต้องการหลักฐานยืนยันให้รู้ว่าได้ทั้งหมดของคนคนนั้นเอาไว้จริง ๆ  เขาต้องได้รู้และได้เห็นว่าทั้งตัวและหัวใจของใครคนนั้นเป็นของเขาจริง ๆ

ในกรณีของรันจัง  มันเกิดจากความสั่นคลอนเพียงเล็กน้อยที่มีต่อคนที่เขาแน่ใจแล้วว่าครอบครองหัวใจเอาไว้ได้หากยังไม่ได้ครอบครองร่างกาย  ด้วยแรงผลักดันของความเป็นวัยรุ่น  ทำให้เขาพลั้งมือทำความผิดอันไม่อาจให้อภัยได้และสูญเสียรันจังไปตลอดกาล

สำหรับคิริฮาระ  ผู้ซึ่งเขาเสี้ยมสอนมาให้เป็นเสือร้ายที่แสนงดงามผู้สามารถครองหัวใจใครต่อใครได้นั้น  เขาครอบครองได้เพียงร่างกาย  และเขาเองที่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของรันจังมากเกินกว่าจะไปคิดครอบครองหัวใจของผู้ชายคนนั้น  กระทั่งมีใครบางคนเข้ามารับเอาหัวใจดวงนั้นไป...วายะจึงได้รู้ตัวเองว่าตนสูญเสียโอกาสที่จะมีคนไว้เคียงข้างอีกครั้งและทำได้เพียงแค่เสียดายเท่านั้น

ดังนั้น  เมื่อได้พบกับโทโมกิ  ผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับรันจังและมีกิริยาท่าทีแบบเดียวกับคิริฮาระ  จิตใต้สำนึกจึงสั่งให้ครอบครองเอาไว้เป็นของตนให้ได้  ทั้งร่างกายและจิตใจ...หากคนที่ไม่เคยรู้วิธีการที่จะรักเช่นเขา  จึงได้ทำความผิดลงไปอีกครั้ง

เมื่อถูกโอโนเสะสั่งสอนด้วยวิธีการที่รุนแรงเท่าเทียมกับวิธีการของตน  ถึงได้รู้สึกตัวว่าสิ่งที่ตนทำมานั้นมันผิดมาตั้งแต่ต้น  เขาไม่เคยใช้สติและเหตุผลในสิ่งที่กระทำกับโทโมกิ  ทุกอย่างเป็นไปตามที่จิตใต้สำนึกและสัญชาตญาณบงการ  แต่ทุกความต้องการนั้นคือความจริง...ไม่ว่าจะพูดอย่างไรหรืออ้างเหตุผลอะไร  แต่เขาก็ต้องการให้โทโมกิเป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นจริง ๆ

เพียงแต่...สิ่งที่เขาเป็นมาทั้งชีวิตมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้  แม้นึกอยากจะแก้ไขอะไรหลายอย่าง  แต่เรื่องจะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นมันเป็นไปไม่ได้  ไม่อย่างนั้น...ตัวตนของเขาที่มีชีวิตอยู่ในตอนนี้จะมีความหมายอะไร  เขาอยากให้ความสำคัญกับโทโมกิ  ในฐานะที่เขาเป็น  “วายะ  ชุน”  อย่างที่เขาเป็นนี่แหละ

ต่อให้โทโมกิจะหวาดกลัวหรือชิงชังเขาสักแค่ไหน  ก็จะดูแล...จะให้ความสำคัญ...จนกว่าที่สักวันหนึ่งจะสามารถครอบครองหัวใจของโทโมกิไว้ได้

แม้จะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตก็จะทำให้ได้

...
หัวข้อ: Re: All I want 24 (หน้า22) 19/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 25-05-2012 22:29:44
เสียงตบเบาะในโรงฝึกของบ้านโอโนเสะดังก้อง  วายะที่เพิ่งพักจากการฝึกของตัวเองเดินผ่านมานั่งพิงเสาระเบียงทอดสายตามองสวนเหมือนไม่ใส่ใจอะไร  กระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าดังจากเบื้องหลังจึงได้เอ่ยขึ้นเบา ๆ

“คุณหนูเล็กขยันซ้อมดีนะ”

“ถึงอาจารย์จะไปธุระ  ปิดโรงฝึกหลายวันก็เบี้ยวซ้อมไม่ได้หรอกนะ  ไม่งั้นเมื่อไรจะเอาชนะคุณได้ล่ะ  วายะซัง”  ฮิโรอากิยืนเท้าต้นเสาแล้วชะโงกหน้ามามองตาร่างสูง

“จวนได้สายดำแล้วใช่มั้ย?”

“มันก็ยากอยู่นะ  แต่ก็นับว่าเร็วทีเดียวสำหรับคนที่เพิ่งเล่นมาได้สองสามปีน่ะ”

“เก่งหรือเปล่า?”

“เอ...ผมก็ไม่ค่อยได้ซ้อมกับเขาซะด้วยสิ”  ฮิโรอากิเอียงคอคิดนิดหน่อย  “คุณไปรับส่งที่โรงฝึกทุกวัน  ไม่รู้เหรอว่าโทโมกิเก่งหรือไม่เก่ง”

“ไม่เคยเข้าไปดูน่ะ  เอาเถอะ...อยากรู้ก็ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองละนะ”  พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นยืน

“จะไปไหนเหรอ?”

“ก็ไปเป็นคู่ซ้อมให้คุณหนูโทโมกิไงล่ะ”

“หา?”

วายะไม่รอฟังคำทัดทานของฮิโรอากิ  เดินเข้าไปในโรงฝึกที่โทโมกิกำลังฝึกตบเบาะอยู่ทันที

“วอร์มเสร็จหรือยัง?  ฉันซ้อมเสร็จไปรอบนึงแล้วนะ”

เสียงทุ้มต่ำที่อยู่ ๆ ก็ดังขึ้นใกล้ตัวทำเอาโทโมกิสะดุ้งและรีบกระโจนหนีไปก่อนที่ใจจะสั่ง

“มะ...มาทำไม!?”

“มาเป็นคู่ซ้อมให้แกไง”  วายะยืนกอดอกพร้อมกับยิ้มอย่างถือดีอย่างที่เคยเป็นมา  “ขอดูฝีมือหน่อยซิว่าเก่งพอที่จะฆ่าฉันได้หรือยัง”

โทโมกิมีท่าทีระวังตัวเต็มที่

“ให้ฮิโรอากิเป็นกรรมการ...ไม่ต้องห่วง  ฉันไม่ทำอะไรแกหรอก  ไม่เล่นท่ากดด้วย”  ประโยคสุดท้ายเน้นคำเสียจนคนฟังก็รู้สึกได้ว่ามันแฝงความหมายอื่นเอาไว้

“ไม่...ไม่เอา!”

“ไม่กล้า?”

“ไม่ใช่นะ!”  เจ้าตัวเล็กตวาดแว้ด  แต่ทำท่าเหมือนจะขยับถอย

“โทโมะ...แกบอกจะฆ่าฉันใช่มั้ย?  ถ้าแค่นี้ยังไม่กล้า  แล้วเมื่อไรแกจะฆ่าฉันได้  เมื่อไรแกจะหนีจากฉันพ้น?...อ้อ  หรือจริง ๆ แล้วแกอยากอยู่กับฉันจนตัวสั่นแต่ไม่กล้ายอมรับกับท่านประธานกับนายแม่?”

คำพูดของบอดี้การ์ดหนุ่มเหมือนตบหน้าโทโมกิเข้าให้ฉาดใหญ่  ถ้อยคำหยาบคายและล่วงเกินนั้นวายะไม่เคยใช้กับเขาอีกเลยตั้งแต่มาเป็นบอดี้การ์ด  แล้วนี่อะไร...!?

ดวงตาของเด็กหนุ่มเป็นประกายวาบ  “ปากเสีย!  แกกล้าดียังไง...!?”

“งั้นกล้าปฏิเสธมั้ยล่ะ?”  วายะยักไหล่พลางยิ้มเยาะ

โทโมกิปราดเข้าใส่ร่างสูงอย่างลืมกลัว  แต่แล้วก็ถูกเตะปัดขาล้มลงง่าย ๆ

“ยูโดเนี่ย  เขาสอนให้พุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้แบบไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้เรอะ?  อาจารย์แกคงดีใจตายเลยถ้ามาเห็นแกในตอนนี้น่ะ”  น้ำเสียงนั้นช่างหยามหยัน

โทโมกิกัดฟันกรอดแล้วตั้งท่าอีกครั้ง  คราวนี้การเคลื่อนไหวเฉียบคมสมเป็นนักยูโดมากขึ้น  แต่ด้วยอะไรบางอย่างยังทำให้เขาโจมตีวายะไม่ได้อย่างที่ใจคิด

“เก้ ๆ กัง ๆ อะไรอยู่เล่า  เข้าท่าให้ดีกว่านี้หน่อยสิ  กลัวฉันกอดหรือไง?”

ใช่...เขากลัวที่จะใกล้ชิดวายะ  ถ้าเข้าใกล้มากไปกว่านี้ละก็...วายะก็จะ...

วายะคว้าคอเสื้อยูโดของโทโมกิดึงแล้วกระชากให้หันหน้ามาหาเขาแล้วจับแขนเสื้อและสาบเสื้อไว้ในท่าฝึกที่ถูกต้อง

“เข้ามา  โทโมะ  ท่าอะไรก็ได้ที่แกถนัด  แล้วทุ่มฉันให้ได้”

...ไม่อยาก...ถ้าเข้าทำอย่างที่บอกละก็  วายะจะต้องคว้าตัวเขาไว้แน่...แล้วคงจะ...

อึดใจที่โทโมกินิ่งงันไป  วายะก็ปัดขาแล้วจับเด็กหนุ่มทุ่มอย่างง่าย ๆ  ก่อนจะดึงให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

“เหม่ออะไรอยู่  แกอยากฆ่าฉันไม่ใช่เหรอ  มัวแต่ยืนทื่อแบบนี้จะทำอะไรได้ล่ะ  เข้ามาสิ  โทโมะ”

...ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ  แต่จะรู้ได้ยังไงว่าวายะจะไม่...

ร่างเล็กถูกจับทุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า  แม้จะเป็นการทุ่มเบา ๆ และร่างกายของตนจะเคลื่อนไหวป้องกันการบาดเจ็บไปตามสัญชาตญาณ  แต่ในเวลาแค่สิบนาที  โทโมกิก็รู้ตัวว่าไม่สามารถทำอะไรวายะได้แม้แต่น้อย  แม้วายะจะไม่เอาจริงก็ตาม  สุดท้ายก็ได้แต่ด่าทอตัวเองด้วยความเจ็บแค้น

“...แบบนี้แล้วจะทำอะไรได้  โทโมะ?  ถ้าแกเอาแต่กลัวฉันอยู่แบบนี้  แกไม่มีทางทำอะไรฉันได้หรอก  แกจะต้องถูกผูกติดกับฉันแบบนี้ไปจนตายนั่นแหละ...น่าสนุกนักเหรอ  ต้องอยู่กับคนที่ทั้งเกลียดทั้งกลัวไปจนตายน่ะ?  เอาชนะความกลัวของแกให้ได้  โทโมะ  แล้วฆ่าฉันให้ได้  ไม่งั้นแกก็ต้องอยู่อย่างนี้ไปทั้งชีวิต”

ถ้อยคำของวายะช่างเสียดแทงหัวใจ

“ฉันจะฆ่าแก!”

มุมปากของชายหนุ่มกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

“ดี  ฉันจะรอ”

พูดแล้ววายะก็เดินออกจากโรงฝึกไปโดยมีฮิโรอากิตามไปติด ๆ

“พูดอะไรของคุณน่ะ  วายะซัง?  ไปบอกให้โทโมกิเกลียดคุณแบบนั้นมันจะดีเหรอ?”

“นายเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนเสี้ยมสอนให้โทโมะเกลียดฉันน่ะ”  วายะพูดยิ้ม ๆ  “โทโมะเกลียดฉันน่ะดีแล้ว  ดีกว่ากลัวเยอะ  ถ้ากลัว...ก็จะเอาแต่หดหัวร้องไห้ไม่ทำอะไรเลย  แต่ถ้าเกลียด...อย่างน้อยโทโมะก็จะมีความมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองเพื่อมาฆ่าฉันให้ได้  ให้ฉันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุงในชีวิตโทโมะแบบนี้แหละ  ดีแล้ว”

“มัน...ดีจริง ๆ น่ะเหรอ?”

“อืม...มันก็ไม่ได้ดีจริง ๆ หรอก  แต่ก็ดีกว่าอย่างที่ผ่านมา  แต่ถ้ามันจะเปลี่ยนไปในทางอื่นที่ดีกว่านี้  ฉันก็โอเคละนะ”  วายะยักไหล่ตามนิสัย

“แต่แบบนี้มัน...”

“ในระหว่างที่ยังไม่มีอะไรดีไปกว่านี้  เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว...เพราะโทโมะจะคิดถึงแต่ฉัน  ถึงจะเป็นความมุ่งมั่นที่จะฆ่า  แต่จิตใจของโทโมะก็จะมีแต่ฉันเพียงคนเดียว  และฉันคือความหมายในการมีชีวิตอยู่ของโทโมะ”

ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินกลับไปยังโรงฝึกของตน  ฮิโรอากิมองตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด...ยังมีคนที่มีความสุขกับการถูกเกลียดชังอยู่ในโลกนี้ด้วยงั้นหรือ  ทั้งที่วายะน่าจะเป็นคนที่อยากให้โทโมกิรักมากกว่าใครแท้ ๆ...แล้วโทโมกิเองก็เถอะ  ทั้งที่เรียกหาวายะมากกว่าใครแต่กลับผลักไสออกไปแบบนั้น  การอยู่ด้วยกันแบบที่เป็นอยู่นี่มันจะดีจริง ๆ หรือ...?

“ไม่เข้าใจเลย...”  ฮิโรอากิพึมพำกับตัวเองแล้วเดินกลับไปดูโทโมกิ

ที่นั่น  เด็กหนุ่มกำลังซ้อมเข้าท่าทุ่มซ้ำแล้วซ้ำอีก  ดวงตาเป็นประกายกล้า  มีไฟโทสะลุกโชนอยู่ในนั้น...ใช่  มันก็ดีกว่าโทโมกิคนที่เอาแต่ร้องไห้ตัวสั่นงันงกอยู่ที่มุมห้อง  และก็ดีกว่าโทโมกิที่นอนมองเพดานด้วยดวงตาเลื่อนลอยพลางกระซิบเรียกชื่อวายะเพราะฤทธิ์ยา...แม้จะยังไม่เข้าใจดีนัก  แต่ฮิโรอากิก็อยากเห็นโทโมกิที่เป็นแบบนี้มากกว่า

“มา  โทโมกิ!  ฉันจะเป็นคู่ซ้อมให้  แสดงฝีมือให้เต็มที่เลยนะ!”

...

“ไอ้วายะบ้า!  วันนี้มันก็แกล้งกอดอีกแล้ว  เกลียดมันที่สุด!  เกลียดตัวเองด้วย!!  ทำไมจะต้องไปเผลอเคลิ้มกับมันด้วยนะ  ทำไมจะต้องไปหวั่นไหวกับกลิ่นน้ำหอมกับกลิ่นบุหรี่นั่นด้วย  มันเหมือนกับตอนที่อยู่ในห้องนั้นก็จริงหรอก  แต่ที่นี่ไม่ใช่ในห้องนั้นเสียหน่อย  นั่นมันความฝัน!  มันจบลงแล้ว!!  มันเคยทำอะไรไว้กับตัวเองก็จำไว้ซะบ้าง  แผลที่หลังก็ยังอยู่  ความทรงจำนั่นก็ยังอยู่...มันเคยจะฆ่าเรา  จำเอาไว้ซะบ้าง!!”

“ฝันถึงเรื่องตอนที่อยู่ในห้องนั้นอีกแล้ว...ไม่สิ  อยู่ในห้องนอนของชุนต่างหาก  เสื้อของชุน...อ้อมกอดของชุน...อยากกลับไปอีก  อยากอยู่ในห้องนั้นอีก  ถ้าย้อนเวลากลับไปได้คงดีสินะ  ก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะยุ่งยากขนาดนี้  ก่อนที่ชุนคิดจะฆ่าเรา...”

“มากเกินไปแล้วนะ!  จูบงั้นเหรอ!?  มันคิดว่ามันเป็นใคร!?  กล้าดียังไงถึงทำแบบนี้!!  จะต้องบอกคุณพ่อโอโนเสะให้ได้  ต้องบอกนายแม่ด้วย...จำเอาไว้เลยนะ  ไอ้บ้า!  ไอ้สารเลว!!”

“ซ้อมวันนี้ก็ล้มเหลวอีกแล้ว  ทำอะไรมันไม่ได้เลย  แล้วแบบนี้เมื่อไรถึงจะฆ่ามันได้ล่ะ  เจ็บใจตัวเองชะมัด  ทั้งที่กับพวกอาจารย์ผู้ช่วยก็ทำได้ดีแท้ ๆ  พวกอาจารย์ตัวใหญ่ว่ามันด้วยซ้ำ  แล้วทำไมล่ะ...เพราะเรากลัวมันจริง ๆ เหรอ  หรือเพราะว่า...  ไม่ได้!  จะต้องเลิกกลัวมันให้ได้  แล้วจะต้องฆ่ามันให้ได้เลย!!”

“...ถ้าบางอย่างสามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ  แล้วพูดออกไปได้ง่าย ๆ  จะดีแค่ไหนนะ...ชุน...”


โอโนเสะปิดสมุดบันทึกที่หมอคาไซส่งให้อ่านแล้วก็ยิ้ม

“ซับซ้อนเหมือนเคย”

“ครับ  แต่ข้อความดูซอฟท์ลงกว่าที่ผ่าน ๆ มานะครับ”  จิตแพทย์ประจำตัวโทโมกิให้ความคิดเห็น

“ครับ  แล้วก็ยอมเขาไปหลายครั้งด้วย  ทั้งกอดทั้งจูบ...แต่ไม่เห็นเคยบอกผมเลย  ทั้งที่เขียนไว้แบบนั้นแท้ ๆ”  โอโนเสะแกล้งบ่น

“เด็กวัยรุ่นน่ะครับ  พอได้ระบายออกมาทางตัวหนังสือแล้วก็รู้สึกเบาใจขึ้น  ยิ่งถ้าเจ้าตัวไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย  ส่วนมากก็จะไม่บอกให้ผู้ปกครองรู้หรอกครับ”

“นั่นสินะครับ  แต่เท่าที่ดูก็รู้สึกว่าสถานการณ์ดีขึ้น  สองคนนั้นทะเลาะกันบ่อยขึ้น”

“ไม่ได้เอาแต่กลัวแล้วสินะครับ”

“แล้วก็ไม่ได้เอาแต่วางอำนาจข่มกันด้วย...ดู ๆ แล้วก็สนุกดี”  พูดแล้วก็หัวเราะ

“เห็นเป็นเรื่องเล่นไปได้ครับ”  ปากว่าอย่างนั้นแต่คาไซก็หัวเราะไปด้วย

“ถ้าไม่ทำให้อะไร ๆ ก็ดูสนุกไปหมด  ผมอยู่ไม่ได้มาจนถึงตอนนี้หรอกครับ”  โอโนเสะพูดยิ้ม ๆ  แล้วก็ลุกจากเก้าอี้  “สรุปคือสภาพของโทโมกิดีขึ้น  เหลือแต่รอดูอาการสินะครับ  ผมมีนัดต่อ  ต้องขอตัวก่อนละครับ”

“เชิญครับ  ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์มาพบ”  คาไซลุกขึ้นยืนส่งแขก

“เช่นกันครับ”  ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วโอโนเสะก็ออกจากห้องไป

ที่นอกห้องตรวจของคาไซ  คันซากิ  เคน  ผู้เป็นบอดี้การ์ดของโอโนเสะกำลังยืนรออยู่

“ทางสำนักงานโทรมาบอกว่าคุณหมอซาคุมะมารอพบแล้วครับ”  เคนรายงาน

“งั้นโทรกลับไปบอกทีว่าอีกสิบนาทีจะไปถึง  รับรองคุณหมอให้ดีด้วยล่ะ”

“ครับ”


“ไม่เขียนโว้ย!!”

“อย่ามาใช้อำนาจท่านประธานบังคับนะ  ไอ้หมอบ้า!”

“เออ  เขียนก็ได้วะ  ขี้ฟ้องชิบเป๋ง...ฉันอยากได้โทโมะ!  พอใจยัง?”

“อยากได้โทโมะ”

“อยากมีแมวไว้ที่ห้อง”

“อยากมีเซ็กส์”

“เบื่อฝึกนั่นนี่แล้วโว้ย”

“...โทโมะยังกลัวอยู่  แต่ไม่เป็นไรหรอก  เดี๋ยวก็ดีเอง”

“กอดไปแล้ว  ตัวยังเล็กเหมือนเดิม  เหมือนไม่สูงขึ้นเลย  เพราะเราจริง ๆ เหรอวะเนี่ย”

“จูบไปแล้ว  ดีใจที่ยั้งตัวเองไว้ได้  อยากทำมากกว่านั้น  แต่รออีกนิดก็ได้  แค่นี้ก็ผวาแย่แล้ว”

“จะอยู่ด้วยไปจนกว่าแกจะฆ่าฉันได้นั่นแหละ”

“ฉันจะรับผิดชอบโทโมะด้วยชีวิตของฉันไปจนตาย  ไม่ต้องห่วง  จบ”


“ทุเรศมั้ย?”  คุณหมอวัยเกษียณเอ่ยขึ้นหลังจากที่โอโนเสะปิดสมุดบันทึกที่ส่งให้อ่านลง

“ทุเรศมากครับ...”  โอโนเสะส่ายหน้าหากยิ้ม

“มันนะ  ดื้ออยู่ตั้งนาน  แล้วดูมันเขียนมา...บอกให้เขียนบันทึก  มันจดชอร์ตโน้ตมาให้ซะงั้นแหละ  มีทะลึ่งมาบอกว่าจบซะด้วยนะ  ไอ้หมาบ้าของคุณเนี่ย”  มาซาฮิเดะบ่นกระปอดกระแปด

“ไม่งั้นจะเรียกมันว่าหมาบ้าเหรอครับ  มันก็บ้าสมตัวมันนั่นแหละ”

“แล้วระหว่างสองคนนั้นดีขึ้นมั้ย?”

“ก็ทะเลาะกันมากขึ้น  โวยวายใส่กันมากขึ้น  ตบตีกันมากขึ้น”

“แปลว่าดี...”  มาซาฮิเดะสรุปสั้น ๆ

“คุณหมอคิดว่ามันจะดีขึ้นได้มากกว่านี้มั้ยครับ?  บอกตามตรงว่าแบบนี้บางทีก็รำคาญเหมือนกัน  มันหนวกหูคนอื่นเขา”

“ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าหนูนั่นว่าจะปรับสภาพจิตใจได้เร็วแค่ไหน  จะเปิดใจยอมรับความรู้สึกของตัวเองได้มากแค่ไหน...ไอ้หมาบ้าเนี่ย  มันยอมรับตัวเองได้หมดแล้ว  แต่อย่างว่านะครับ  เด็กวัยรุ่นก็เป็นอะไรที่สับสนแบบนี้แหละ  ส่วนไอ้นี่มันแก่จนจะ 30 แล้ว  ถ้ามันยังปรับสภาพไม่ได้มันคงต้องเข้าคอร์สกับผมอีกนาน”

“วายะนี่มัน...เลี้ยงต้อยสินะครับ”

“เพิ่งรู้หรือไงครับ”

“เพิ่งมาคิดได้ว่าวายะมันอายุขนาดนั้นแล้ว”

“มาพนันกันมั้ยครับว่าโทโมกิคุงจะเปลี่ยนใจก่อน  หรือไอ้หมาบ้ามันจะแก่ตายก่อน?”

“ฮะ ๆ ๆ  พวกเราจะตายก่อนซะมากกว่าละครับ”

“หึ ๆ  แต่ดีนะ...ประโยคนี้เนี่ย...”  มาซาฮิเดะเปิดสมุดบันทึกของวายะอีกครั้ง  แล้วมองดูข้อความในหน้าสุดท้าย


“ฉันจะรับผิดชอบโทโมะด้วยชีวิตของฉันไปจนตาย  ไม่ต้องห่วง”




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Minako ที่ 25-05-2012 22:49:49
ในที่สุดดดด ก็เลือกโทโมะแล้ว เย่ๆ >_<
แอบฮาเบาๆตรงบันทึก่อะ ชอตโน้ตชัดๆ
รอกลับมาที่ปัจจุบันนะคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 25-05-2012 22:59:43
มีความสุขแบบอึนๆ
อ่านแล้วนึกภาพได้ว่า โทโมะเป็นแมว วายะเป็นหมาป่า ตบตีกัน แล้วก็นอนขดตัวซุกกันอยู่ใต้ต้นไม้ จบไปอีกวัน...อะไรแบบนี้เลย
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 25-05-2012 23:10:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 26-05-2012 00:25:55
ขำ กะ short note ขอวายะ อ่ะ น่ารักดีมีไร จบ ฮ่า ๆๆ :m20:+1
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 26-05-2012 01:40:48
เป็นบันทึกที่ฮาจริงๆ
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: aishiteru. ที่ 26-05-2012 07:54:34
บรรยากาศดีขึ้นเยอะเลยยยยย กัดกันบ่อยๆทะเลาะกันบ่อยๆ ฮ่าๆ
อ่านบันทึกของสองคนแล้วอมยิ้มฮาได้อีกกกกก >///<
วายะค่อยๆละลายน้ำแข็งในใจโทโมะให้ได้น้าาา
เรื่องราวใกล้ถึงปัจจุบันแล้วววว โฮกกกกก
ชุนจังสู้ๆ ลูกแมวโทโมะน่าร๊ากกกก
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 26-05-2012 08:37:33
เมื่อไหรจะถึงตอนปัจจุบันน้อ
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 26-05-2012 09:22:02
ประโยคสุดท้ายชุนน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 26-05-2012 10:35:26
วายะก็เป็นไอ้เฒ่าหัวงูสำหรับโทโมะนั่นแหละ  อายุห่างกันซะขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 26-05-2012 16:06:21
ประโยคของวายะตอนสุดท้าย ดูตั้งใจแน่วแน่ดี =]
วายะบรรลุแล้วสิเนอะ อื่มๆ
แต่โทโมจังยังกำลังสับสนอยู่ :no2:
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 26-05-2012 20:46:12
ตอนนี้วายะเท่มาก ชอบๆ
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 26-05-2012 21:15:28
เฮฮาดีจัง คนนอกมองเข้ามาคงเหมือนน้องแมวกับหมาบ้านั่นแหละ
คงจะอบอุ่นหัวใจจนร้อนได้เลยนะนั่น

เอาใจช่วยชุนนิดนึงแล้วกัน อยากให้ทะเลาะกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์อีกหน่อย
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 26-05-2012 22:00:50
“ฉันจะรับผิดชอบโทโมะด้วยชีวิตของฉันไปจนตาย  ไม่ต้องห่วง”
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด :mc4: o13 o13
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 26-05-2012 22:07:24
อ่านตอนนี้แล้วยิ้มได้ ตั้งแต่ติดตามเรื่องนี้มารู้สึกว่าตอนนี้ น่ารักจัง
 :pig4: รอนตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 28-05-2012 21:31:01
ชุนกลับมาแล้ววววว   :m18:
ต้องดูแลไปตลอดชีวิตจิงๆน๊าาา  :oni3:
รอนะฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 28-05-2012 22:31:34
เขียนไดอารี่ได้โหดสมตัวจริงๆเลยวายะะะะะะ

แต่เลือกโทโมกิก็ดีแล้วแหละ
เพราะว่าจะได้มีคนให้กัด?กัน

ชอบคในที่สุดม่านหมอก้ผ่านไปเสียที่ จะเข้าตอนท่โดนจับตัวแล้วใช่มั้ยคะะะะะะ
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: akichan ที่ 29-05-2012 04:16:28
เพิ่งได้อ่าน สนุกมากคะ
นักเขียนมาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 29-05-2012 16:32:52



   หุหุ งี้ก็เหลือแต่ทางโทโมะจังแล้วสินะ




หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: greensoda ที่ 30-05-2012 01:51:25
สนุกมากกกกกกกกกกก
คนเขียนเขียนเก่งมากเลยค่ะ นึกว่าอ่านนิยายแปลเลย เหมือนมากก
บรรยากาศดอกซากุระลอยมาเลยยยย  :laugh:
ชอบสำนวนการบรรยายและการเล่าเรื่องมากเลย ชวนลุ้นและน่าติดตามตลอด
ยิ่งตอนฉากเศร้า รู้สึกบีบหัวใจมากกก น้ำตาจะไหลซะให้ได้  :o12:
และที่ชอบอีกอย่างก็คือบรรยากาศที่อยู่รอบตัวนายเอก พระเอก
ตอนที่ชุนอยู่กับโทโมะที่ไม่รู้สึกตัว รู้สึกว่าอบอุ่นมากกก
ส่วนโทโมะก็ให้ความรู้สึกว่าถึงจะเกลียดแค่ไหน แต่ก็ขาดชุนไม่ได้  :impress2:
ยิ่งอ่านแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้โคตรโดน ขอบอกว่าคนเขียนเจ๋งจริงๆ   o13
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 01-06-2012 18:25:50
เม้นจากตอน 24

สงสารวายะ สงสารโอมิยะ สงสารรันจัง
เหมือนกับทุกอย่างมาถูกที่แต่ผิดเวลาไปหมดเลย
รันจังเหมือนปิดกั้นตัวเองจากวายะไปแล้ว ปิดหมดเลย ไม่อยากรับรู้เหมือนเป็นจิตใต้สำนึกที่สะท้อนออกมาเอง
แต่ท้ายที่สุดก็จำได้ ส่วนวายะ เหมือนรู้ตัวเมื่อสาย ทุกอย่างช้าไปหมดสำหรับวายะ มันผิดเวลาไป
แต่โอมิยะ...เข้ามาทำหน้าที่ทุกอย่าง ทน...รอ..ยอม เพราะรู้ทั้งรู้ว่ารันจังมีวายะอยู่ในใจ
มัน...สุดๆ บีบหัวใจตับไตไส้พุง



 :z3: :z3: :z3:


ปล.ปิดเทอมไม่ได้อ่านแบบจริงจัง มาอ่านแล้วเม้นย้อนให้นะคนเขียน เอิ๊กๆๆๆ
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 01-06-2012 18:47:11
เม้นจากตอนที่ 25



ตอนนี้...น่ารัก วายะกวนตรีนได้เยี่ยมมาก!! ไม่ต้องห่วง จบ 5555555555555
คือ...คุณพี่ขา คุณพี่อายุ 30 แล้วนะคะ ทำเหมือนโทโมกิไปได้
แต่ก็นะใช่ย่อย ขโมยจูบ ขโมยกอด น่ะๆๆๆ แม่ยกอิจฉาเฟร้ยย >///<


ปล.เราเคยบอกมั้ย? เกลียดคำว่า "โปรดติดตามตอนต่อไปที่สุด" = ="

มาอัพต่อเร็วๆนะคนเขียน..ฮิ้วๆ
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 01-06-2012 23:08:12
All I want # 26

ก่อนจะเข้าตอนที่ 26  ผมมีคำถามสำคัญมากครับ  อยากให้ทุกคนตอบ  ไม่ว่าจะเป็นคนที่เม้นต์เป็นประจำหรือไม่เคยเม้นต์เลยก็ตาม
คือผมอยากจะรวมเล่ม All I want ครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น  ทั้งปกและภาพประกอบในเล่มจะเป็นภาพการ์ตูนที่ผมวาดเองแบบเดีียวกับ Come closer
ซึ่งผมรู้ว่าหลายท่านไม่ชอบภาพการ์ตูนแบบนี้  แต่ชีวิตผมทำเป็นแค่นี้ครับ  และผมถนัดงานการ์ตูนแบบนี้มากกว่าภาพประกอบแบบอื่น
เลยอยากจะถามไว้ก่อนว่า  มีใครอยากซื้อนิยายแบบนี้บ้าง
เอาเป็นว่าขอแค่คนที่  "อยากซื้อจริงๆ"  เท่านั้นก็ได้ครับ  มาตอบหน่อย
ผมอยากเช็คยอดก่อน  เผื่อจะไปปรึกษากับโรงพิมพ์ว่าจะพิมพ์แบบดิจิตอลปริ้นท์หรือขึ้นแท่นพิมพ์ดีน่ะครับ

รบกวนตอบด้วยนะครับ

เอาละ  ต่อกันได้เลยครับ

...

ร้อน...ทั้งร่างร้อนราวกับถูกไฟเผา  หยุดสั่นไม่ได้  ห้วงอารมณ์บางอย่างปะทุออกมาราวกับลาวาที่หลอมละลาย  ในที่สุดก็ผลักดันความปรารถนาทั้งมวลให้พวยพุ่งออกมาเป็นหยาดน้ำขาวขุ่น

“โอ๊ะ  ยังไม่ทันไรก็เรียบร้อยซะแล้วเหรอ  คุณหนู  หรือว่าขนมของผมมันอร่อยเกินไป?”

น้ำเสียงหยามหยันดังมาจากด้านเหนือหัว  โทโมกิไม่ได้โต้ตอบหากกัดริมฝีปากด้วยความเจ็บแค้น  คาซุกิจิกผมด้านหน้าของเด็กหนุ่มและกระชากให้เงยหน้าขึ้น

“มองกล้องหน่อยสิ  ผมอยากถ่ายหน้าของคุณหนูตอนถึงจุดให้ชัด ๆ น่ะ  หน้าตาน่ารักขนาดนี้มันต้องขายดีแน่ ๆ เลย”

โทโมกิกัดฟันกรอดแล้วถ่มน้ำลายใส่ใบหน้าน่ารังเกียจนั้น  คาซุกิผงะไปนิดหนึ่งก่อนที่จะใช้ปลายแขนเสื้อสูทเช็ดแก้มตัวเองแล้วตบเด็กหนุ่มเต็มแรง

“หึ!  ต่อต้านแบบหมาจนตรอกเรอะ...ก็ดี  ไอ้แบบที่อ่อนระทวยสมยอมไปหมดน่ะมันไม่สนุกหรอก  แต่ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าแกจะทำเก่งไปได้สักกี่น้ำ”  ชายหนุ่มหันไปพยักหน้าให้ลูกน้อง  “ใส่ไอ้นั่นเข้าไปซะ  แล้วถ่ายตอนยัดเข้าไปให้ดี ๆ ด้วยล่ะ”

บรรดาลูกน้องของคาซุกิช่วยกันจับขาของโทโมกิแยกออก  เด็กหนุ่มดิ้นรนสุดชีวิตแต่ก็ไม่อาจสู้แรงชายฉกรรจ์หลายคนได้  เขาถูกกดให้นอนคว่ำ  ก้อนเนื้อนุ่มที่บั้นท้ายถูกแหวกเปิดออกให้เห็นส่วนเร้นลับที่สุดของเรือนร่าง  โลชั่นถูกราดลงมาในร่องลับ  ตามมาด้วยนิ้วของพวกมันที่ชโลมโลชั่นไปทั่วทุกซอกหลืบ  โทโมกิหวีดเสียงด้วยหวาดกลัวและขยะแขยง  หากร่างกายที่ยังเปี่ยมด้วยฤทธิ์ยากลับเริ่มตอบสนองต่อนิ้วที่ช่วยกันขยับขยายช่องทางนั้น  ความชุ่มชื้นของโลชั่นก่อให้เกิดสำเนียงลามกอุจาด  แต่มันกลับกระตุ้นความรู้สึกของโทโมกิให้รุนแรงมากขึ้น

แล้วดิลโด้หรืออวัยวะเพศเทียมก็ค่อย ๆ ดุนดันเข้ามาในร่าง  โทโมกิกรีดร้องพลางดิ้นหนี

“ไม่!!  ไม่เอานะ!  ไม่เอา!!”

แต่ก็ถูกกดไว้มั่นด้วยมือหลายคู่  บั้นท้ายถูกยกให้ลอยเด่นและแหวกกว้างเปิดทางให้ท่อนยางนั้นคืบคลานเข้าไปในร่างได้สะดวกขึ้น  โทโมกิกระตุกเยือกเมื่อส่วนปลายของมันผลุบเข้ามาและเริ่มต้นขยับควานไปทั่วผนังด้านใน  กล้องวิดีโอบันทึกภาพอันน่าสมเพชของเขาไว้อย่างละเอียดละออ  และภาพนั้นก็ถูกนำขึ้นจอสกรีนที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ

“โอ้...ดูดเข้าไปอย่างตั้งอกตั้งใจเลยนี่  ต้องการมากสินะ  โลชั่นนั่นก็ผสมยาไว้ซะด้วยสิ  เป็นไง?  ผลิตภัณฑ์ของไซงะกรุ๊ป  ตอนนี้คงรู้สึกคันยุบยิบข้างในไปหมดเลยสินะ”  คาซุกิพูดพลางจ้องมองภาพบนจออย่างเพลิดเพลิน

ในที่สุดอวัยวะเพศเทียมก็ถูกใส่เข้าไปสุดทางและปล่อยให้หมุนควงและสั่นคลึงช่องทางเร้นลับของโทโมกิอยู่อย่างนั้น

“อ๊า...ไม่!  ไม่เอา...อึ่ก...”

แม้จะไร้ซึ่งความต้องการแต่ร่างกายกลับเกิดอารมณ์ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้  เด็กหนุ่มถูกจับเปลี่ยนท่าเพื่อถ่ายทำในมุมต่าง ๆ

“คุณหนูรู้มั้ย  ว่าคุณพ่อของคุณหนูก็ถ่ายวิดีโอแบบนี้เหมือนกัน  เอาเด็กหนุ่ม ๆ มาเล่นอะไรแบบนี้เหมือนกัน...อ้อ  แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีเด็กซิง ๆ อย่างคุณหนูหรอกนะ  เด็กของคุณพ่อคุณหนูน่ะส่วนมากก็เจนโลกมาแล้วทั้งนั้น  ดูอย่างคุณพี่ผมแดงนั่นสิ  เขาก็เข้าวงการตอนอายุเท่า ๆ กับคุณหนูนั่นแหละ  แถมจนป่านนี้ก็ยังเป็นนายแบบที่ขายได้อยู่เลย...ไม่แน่นะ  ถ้าวิดีโอนี่แพร่ออกไป  คุณหนูอาจจะดังเป็นพลุแตกเลยก็ได้”

คำพล่ามของคาซุกิไม่เข้าหูโทโมกิแม้แต่น้อย  ร่างกายและจิตใจของโทโมกิกำลังจดจ่ออยู่กับความรู้สึกที่ครั้งหนึ่ง...เคยเป็นสิ่งที่คุ้นเคยและรู้จักมันดี  วายะเคยใช้ยาปลุกเซ็กส์กับเขาสารพัดแบบ  และเขาเคยต้องอยู่ในห้วงอารมณ์ลี้ลับนี้นานหลายชั่วโมงแทบทุกวัน...แต่นั่นเหมือนกับผ่านมานานมากแล้ว  ร่างกายของเขาไม่ได้คุ้นเคยกับมันอีกต่อไป  บัดนี้มันถูกปลุกขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำมือของพวกวายร้ายที่คิดจะแสวงหาผลประโยชน์จากเรือนร่างของเขา...แค่คิดก็ขยะแขยง  ให้เป็นวายะเสียยังดีกว่า!!

เพียงแค่คิดถึงใครคนนั้น  ร่างกายก็เกิดการตอบสนองกับห้วงความคิดอย่างรุนแรง  โทโมกิกระตุกร่างเกร็งและปลดปล่อยหยาดแห่งความปรารถนาออกมาเป็นคำรบสองอย่างรวดเร็ว

“อ๊า...อือ...”

ภาพช่องทางสีเข้มที่กระตุกรัดท่อนยางและสีหน้าที่เสร็จสมของโทโมกิทำให้คาซุกิใจเต้น  เขาทำธุรกิจสกปรกเกี่ยวกับเรื่องทางเพศก็จริง  แต่ไม่เคยมีความสนใจในตัวผู้ชาย  นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าร่างกายของผู้ชายก็สามารถเล่นสนุกได้พอ ๆ กับผู้หญิง
เขาออกคำสั่งให้พวกลูกน้องติดไวเบรเตอร์เข้ากับอัณฑะของโทโมกิเพื่อกระตุ้นให้หนักขึ้น  และเปลี่ยนดิลโด้อันใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม

“ดูซิว่าคุณหนูจะสนุกกับดิลโด้ได้กี่อัน  ก่อนที่จะเรียกร้องหาเนื้อสด ๆ จากผู้ชาย”

โทโมกิจ้องหน้าคาซุกิด้วยแววตาแข็งกร้าว  กระซิบดุดัน

“ไม่มีทาง!”

คาซุกิยักไหล่  “ก็ไม่เป็นไร  ต่อให้คุณหนูไม่อยากได้  ผมก็จะให้พวกมันเวียนเทียนคุณหนูอยู่ดี  ยาปลุกเซ็กส์ของผมยังมีอีกเยอะ  มากพอที่จะทำให้คุณหนูสนุกไปได้ทั้งคืนเลยหละ  ถ้าคุณหนูไม่สลบไปซะก่อนน่ะนะ...เอาละ  อย่ามัวพูดกันมากอยู่เลย  คนดูเขาไม่อยากรู้หรอกว่าเราคุยอะไรกัน  รีบส่งเสียงหวาน ๆ แล้วส่ายสะโพกให้ผมดูดีกว่า...เอ้า  ยัดเข้าไปได้แล้ว  แล้วอย่าลืมทำให้เหมือนตอนพวกแกจะทำด้วยล่ะ  คุณหนูเขาจะได้เรียนรู้ได้เร็วขึ้น”

ความทรมานดำเนินต่อไป  คราวนี้พวกมันไม่เพียงแค่ปล่อยดิลโด้ให้คาอยู่ในร่างของโทโมกิเท่านั้น  แต่ยังดึงดันขยับมันเข้า ๆ ออก ๆ อีกด้วย  โทโมกิเกร็งสั่นไปทั่งร่าง  จุกเสียดในช่องท้องเมื่อท่อนยางนั้นกระทุ้งเข้ามา  ร่างที่มีพื้นผิวขรุขระของมันครูดกับเยื่อเมือกด้านในจนแสบร้อนก่อนจะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเสียวแปลบปลาบ  ไวเบรเตอร์รูปไข่ที่ถูกติดไว้ก็สั่นกระตุ้นจุดกระสันด้านนอกของเด็กหนุ่มอยู่ตลอดเวลา  ร่างอ่อนไหวที่ปลดเปลื้องอารมณ์ไปแล้วถึงสองครั้งตื่นตัวขึ้นมาอีกอย่างว่าง่าย

โทโมกินึกชิงชังร่างกายของตัวเองที่ทรยศจิตใจถึงขนาดนี้  แม้จะรู้ดีว่าโดนยาเข้าไปขนาดนี้มันก็จะตอบสนองเป็นธรรมดาแม้ว่าวายะจะไม่เคยฝึกเขามาเลยก็ตาม...แต่เมื่อคิดว่าถูกนำมาเล่นเป็นของเล่นสนุกแล้วก็เจ็บแค้นจนแทบทนไม่ได้  ยิ่งเมื่อพวกมันแกล้งดึงเอาท่อนยางนั้นออก  ช่องทางก็ตอดตุบอย่างเรียกร้องต้องการ...โทโมกิแทบจะกลั้นใจตายเสียให้พ้นจากความอับอายนั้น

ช่วยด้วย...ใครก็ได้...อย่าให้เขาต้องตกอยู่ในมือพวกมันนานไปกว่านี้เลย...โทโมกิภาวนาอยู่ในใจพลางหวีดเสียงร้องไปกับความขัดแย้งกันของร่างกายและจิตใจ  ถ้าถูกทำจนถึงที่สุด...ถ้าต้องรับรู้ว่าร่างกายของตนยินดีแค่ไหนที่ถูกผู้ชายกักขฬะพวกนี้สอดใส่เข้ามา  จิตใจของเขาคงฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดี  และคงไม่มีวันกลับเป็นตัวของตัวเองได้อีก

“ช่วยด้วย!!  ชุน!!  ช่วยด้วย!!!!”


ยังไม่ทันได้ถามว่าชื่อที่เด็กหนุ่มร้องเรียกนั้นหมายถึงใคร  เสียงเอะอะที่ดังขึ้นหน้าประตูโกดังก็ดึงความสนใจของไซงะ  คาซุกิจากภาพตรงหน้า  ด้วยพื้นที่ตรงนี้อยู่ใจกลางโกดังและมีลังไม้ซ้อนกันเป็นกำแพงสูงกั้นอยู่ทำให้ไม่อาจเห็นภาพข้างนอกได้

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ!?”  คาซุกิตะโกนถามออกไป  แต่สิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบ  เสียงเอะอะเมื่อกี้เงียบลงแล้ว  ซ้ำยังไม่มีเสียงตอบจากลูกน้องของเขาด้วย  เงียบเกินจนน่าประหลาด  เขาพยักเพยิดกับลูกน้องใกล้ตัว  “ไปดูซิ”

ผู้เป็นบ่าวทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย  แต่เมื่อลับมุมกำแพงลังไม้ไปได้สักพักก็มีเสียงอุทานสั้น ๆ แว่วมาให้ได้ยินแล้วเงียบไปอีก

คาซุกิขมวดคิ้ว  มันต้องมีอะไรผิดปรกติแน่  จะต้องมีคนบุกเข้ามา...แต่ใครกันที่ล่วงรู้ถึงสถานที่อันเป็นความลับแห่งนี้  ชายหนุ่มเหลือบสายตาไปมองร่างเล็กที่ยังโดนชำเราด้วยของเล่นอยู่บนฟูก...บางทีพวกโอโนเสะอาจจะส่งคนมาช่วยเด็กคนนี้ก็เป็นได้  แต่พวกมันรู้ได้ยังไง  แล้วทำไมถึงได้เคลื่อนไหวได้เงียบขนาดนี้  ถ้าพวกมันแห่กันมา  ยามของเขาที่หน้าทางเข้าต้องแจ้งเขาแล้วสิ

พลันแสงสะท้อนเล็ก ๆ ก็แวบเข้าตาคาซุกิจากมุมลังไม้  ยังไม่ทันได้ไหวตัว  ร่างหนึ่งก็ขยับวูบออกจากเงามืดพร้อมกับเสียงปืนแผดลั่น  คาซุกิผวายกมือขึ้นป้องศีรษะตามสัญชาตญาณ  ก่อนจะรู้ตัวในวินาทีต่อมาว่าตนยังมีชีวิตอยู่  แต่ที่ตามมาคือเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและเสียงเอะอะจากลูกน้องที่กำลังกลุ้มรุมโทโมกิอยู่  ชายหนุ่มหันขวับไปดูแล้วก็พบว่าหนึ่งในลูกน้องของเขาลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายจมกองเลือดอยู่  เขารีบหันกลับไปยังที่มาของกระสุนปืน

ร่างที่เดินออกมาจากเงามืดคือชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ผู้มีเรือนผมสีทองยาวประบ่า  มือหนึ่งมีปืนและอีกมือถือมีดที่โชกไปด้วยเลือดและเลือดนั้นก็อาบเปื้อนมือและเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่  แน่นอนว่าสูทสีดำของเขาก็คงเต็มไปด้วยเลือดแม้จะมองเห็นไม่ชัดนัก  ร่องรอยบาดเจ็บอันเกิดจากการปะทะกับยามเฝ้าปรากฏอยู่บนใบหน้าเล็กน้อย  ดวงตาคมกริบจ้องมาที่คาซุกิอย่างแข็งกร้าว

“แกทำอะไรโทโมะ?”

สิ้นเสียงถามห้วนสั้น  ปืนในมือผู้มาเยือนก็ลั่นขึ้นอีกนัด  และคราวนี้มันก็ปลิดชีพชายที่กดร่างของโทโมกิทันทีโดยไม่มีแม้แต่เสียงร้อง

โทโมกิเบิกตากว้าง...ความตายที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่ได้ทำให้เขาตกใจมากไปกว่าคนที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้านี้

“...ชุน...”

“คนของโอโนเสะเรอะ!?”  คาซุกิเพิ่งไหวตัวล้วงมือเข้าไปในเสื้อสูทเพื่อหาปืน  แต่ไม่เร็วไปกว่าวายะ

บอดี้การ์ดหนุ่มของโทโมกิลั่นไกอีกสองนัดใส่ลูกน้องอีกสองคนที่ยังเหลืออยู่ของคาซุกิลงไปนอนร้องโอดโอย  คาซุกิตาเหลือกลานคว้าปืนขึ้นมาหันใส่วายะด้วยมืออันสั่นเทา

“อย่าเข้ามานะ!!”

วายะไม่ได้ขยับตัว  แต่ไม่ใช่เพราะเชื่อฟังคำสั่งนั้น  เขาเพียงแค่มองไปยังร่างเล็กบนฟูกเพื่อสำรวจให้ทั่ว...โทโมกิแทบจะเปลือยเปล่า  มีเพียงเสื้อเชิ้ตกับสูทที่หลุดลุ่ยเท่านั้นที่ยังสวมติดตัว  คราบไคลจากการทรมานเมื่อครู่ยังเปรอะเปื้อนอยู่บนอกและบนฟูกรอบ ๆ ตัว  ที่ช่องทางเร้นลับ...ดิลโด้ขนาดใหญ่ยังสอดคาอยู่  ใบหน้าเปื้อนน้ำตาจับจ้องมาที่เขา  ริมฝีปากอิ่มขยับน้อย ๆ

“...ชุน”

เมื่อกี้เขาเห็นแล้วจากภาพสะท้อนจากกระจกชิ้นเล็ก ๆ ที่ใช้ตรวจดูสถานการณ์ตามที่ฝึกมา  ภาพมันเล็กมากจนเขาไม่แน่ใจ  แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เขาโกรธมากพออยู่แล้ว...และเมื่อได้เห็นชัด ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโทโมกิ  ฟิวส์ในสมองของวายะก็ขาดผึง

โทโมะของเขา...พวกมันแตะต้องโทโมกิไปมากแค่ไหนแล้ว!?

วายะย่างสามขุมเข้าใส่คาซุกิอย่างไม่หวั่นปืนในมือนั้น  คาซุกิตวาดลั่น

“อย่าเข้ามานะ!!”

แต่เมื่อเห็นว่าวายะไม่ยอมถอยไปซ้ำยังเดินเข้ามาใกล้  นักธุรกิจหนุ่มก็รีบลนลานเข้าไปคว้าตัวโทโมกิมาเป็นตัวประกัน

“อย่าเข้ามานะโว้ย!  ไม่งั้นกูเป่าหัวไอ้เด็กนี่แน่!!”

แม้น้ำเสียงที่ข่มขู่และมือที่ถือปืนก็สั่นอย่างเห็นได้ชัด  แต่ก็ทำให้วายะชะงักไปได้

“ทิ้งปืน!  ทิ้งปืนโว้ย!  กูบอกให้ทิ้งปืน!!...มีดด้วย  ทิ้งไปให้หมด!!”

วายะกัดฟันกรอด  เมื่อกี้นี้เขาไม่น่าโกรธจนเสียจังหวะให้มันตั้งตัวได้แบบนี้  น่าจะสอยซะให้ร่วงไปแต่แรก  แต่ภาพที่เห็นเมื่อกี้ทำให้เขาตัดสินใจจัดการกับพวกคนที่รุมโทโมกิอยู่ก่อน...ไม่น่าเหลือมันไว้เลย

ชายหนุ่มโยนปืนและมีดทิ้งตามคำสั่ง  เห็นแบบนั้นแล้วคาซุกิก็ค่อยหัวเราะออกมาได้

“ฮะ...ฮะ ๆ  เป็นไงล่ะ  เมื่อกี้ทำเป็นเก่ง  มึงฆ่าลูกน้องกู...แล้วไง  ถ้ามึงขืนทำมากกว่านี้กูจะเป่าไอ้เด็กนี่ให้กระจุยไปเลย...อย่าคิดว่ากูไม่กล้านะโว้ย!”

แค่ฟังก็รู้...คาซุกิไม่กล้าจริง  แต่เดิมคาซุกิก็เป็นแค่นักธุรกิจที่เริ่มเดินมาบนเส้นทางสกปรกนี้ได้ไม่นาน  มีเล่ห์เหลี่ยมทางธุรกิจแต่ก็ไม่เคยถึงกับเอามือตัวเองมาเปื้อนเลือด  แถมคงจะไม่เคยเห็นความตายเสียด้วยซ้ำถึงได้กลัวลนลานขนาดนี้

วายะกวาดตามองไปรอบพื้นที่ตรงนั้น...ไม่มีลูกน้องคนอื่นอีก  บางทีคาซุกิคงคิดแค่จะเอาตัวโทโมกิมาทำอนาจารเพื่อต่อรองทางธุรกิจกับโอโนเสะจึงพาลูกน้องมาไม่มากนัก  หละหลวมสิ้นดี...ทำการใหญ่ถึงขนาดลักพาตัวลูกชายของตระกูลใหญ่ขนาดนี้แต่กลับไม่ได้เตรียมคนไว้เผื่อรับศึก คงคิดว่าแค่มีตัวประกันกับวิดีโอที่ถ่ายไว้ก็จะสามารถจบเรื่องได้อย่างง่ายดายงั้นสินะ  โง่...ไม่ได้รู้เลยหรือไงว่าตระกูลโอโนเสะนั้นถึงกับฝึกคนของตัวเองด้วยแบบฝึกทางทหาร  การฝึกหนักราวกับนักทำลายใต้น้ำที่หลายคนขอจบก่อนเมื่อเริ่มฝึกไปได้ไม่กี่เดือน  แม้แต่เขาที่ผ่านการฝึกมาแค่สามปีก็ยังผ่านพวกยามมาได้อย่างง่ายดาย  ไม่ใช่ตระกูลที่จะมาเล่นตลกด้วยได้ง่าย ๆ...ไม่อย่างนั้นจะครองอำนาจในวงการใต้ดินมาได้ยังไงตั้งหลายสิบปี

แต่ความขี้ขลาดและความกลัวมักทำให้คนเป็นบ้าได้  บางทีคาซุกิอาจจะบ้าพอที่จะเหนี่ยวไก  และเมื่อนั้นชีวิตของโทโมกิจะตกอยู่ในอันตราย  วายะจึงยอมเชื่อฟังคำพูดของมันไปก่อน

“ว่าไง  สิ้นฤทธิ์แล้วสิ...แกเป็นใคร  บอดี้การ์ดของไอ้เด็กนี่เหรอ?  บุกเดี่ยวเข้ามาแบบนี้คงเพราะกลัวความผิดที่ปล่อยให้เจ้านายน้อย ๆ โดนลักพาตัวมาได้ละสิ  ใช่มั้ย?”  คาซุกิพล่ามพลางหัวเราะ  “แต่ช้าไปหน่อยมั้ง...ดูนี่สิ  เห็นมั้ย?  ฉันถ่ายไว้หมดแล้วโว้ย  และมันก็มากพอที่จะเอาไปใช้งานแล้วด้วย”

มันปล่อยมือที่ล็อกคอโทโมกิแล้วจับท่อนยางที่ยังค้างคาอยู่ในร่างของโทโมกิดันลึกเข้าไป

“อ๊า!!”  เด็กหนุ่มหวีดก้อง

วายะกำมือแน่น

“ครางไม่หยุดเลยหละ  ตรงนี้ก็ดูดดิลโด้อย่างอร่อยไปเลย...ร่านเหลือเกินนะ  เจ้านายของแกน่ะ  นี่ถ้าเป็นผู้ชายจริง ๆ คงส่ายสะโพกรับไม่หยุดเลยละมั้ง...แกเองก็คงเคยเสียบมาแล้วสิท่า  ตรงนี้น่ะ...”

วายะไม่รอให้มันพล่ามต่อ  เขาพุ่งเข้าใส่ทันที

“เหวอ!!!!”

คาซุกิหันปืนใส่วายะแล้วยิงส่งเดช  กระสุนถากไหล่หนาไปนิดหน่อย  และในพริบตาต่อมา ชายหนุ่มก็ถึงตัวคาซุกิแล้วอัดเข้าที่ใบหน้าด้วยกำปั้นลุ่น ๆ จนอีกฝ่ายผงะหงายปล่อยมือจากโทโมกิ  ปืนหลุดจากมือทันที

โดยไม่รอช้า  วายะกระชากคาซุกิมาต่อยซ้ำ  เลือดในกายมันพลุ่งพล่าน  คำพูดที่มันถากถางโทโมกิทำให้เพลิงโทสะของเขาลุกโชนจนเกินควบคุมไว้ได้  ในตอนนี้วายะลืมสิ้นทั้งอาวุธและศิลปะการต่อสู้ที่ได้รับการฝึกฝนมา  เขาเคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณ  จัดการศัตรูตรงหน้าด้วยวิธีการแบบที่คุ้นเคยมาแต่เด็ก...สันดานดิบที่มุ่งจะขยี้ทุกอย่างด้วยสองมือของตัวเอง

แม้จะมีขนาดตัวไล่เลี่ยกัน  แต่คาซุกิที่เลิศลอยอยู่ในสังคมชั้นสูงมาทั้งชีวิตและเคยฝึกศิลปะการต่อสู้มาบ้างในเชิงกีฬาก็ไม่อาจเทียบชั้นกับวายะที่คุ้นเคยกับการวิวาท  ไม่ว่าจะพยายามโต้ตอบหรือป้องกันตัวอย่างไรก็ไม่อาจหยุดยั้งวายะได้เลย  กำปั้นแข็ง ๆ กระแทกเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า  ความเจ็บปวดที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนโถมเข้าใส่ราวกับพายุ  เจ็บไปทั้งตัวจนไม่รู้ว่าเจ็บตรงไหนบ้างแล้ว...จะต้องถูกฆ่าแน่...

คาซุกิร่วงลงไปนอนกองอยู่กับพื้น  แต่วายะยังตามไปคร่อมร่างและกระหน่ำต่อยจนอีกฝ่ายแน่นิ่งไป  จึงได้ชะงักมือ...มันแหลกยับไปแล้ว  ใบหน้าบอบช้ำยับเยินจนแทบไม่เหลือเค้าของชายรูปงามอีกต่อไป  ไซงะ  คาซุกิกองอยู่กับพื้นโกดังเหมือนเศษผ้าขี้ริ้ว

วายะลุกขึ้นยืน  กำปั้นทั้งสองปวดแปลบด้วยเมื่อครู่ใส่แรงลงไปตามที่ใจคิดทั้งที่ห่างเหินจากการชกต่อยมานาน  เขาเดินไปหาโทโมกิทั้งยังหอบหนักด้วยความเหน็ดเหนื่อย

“ชุน...”

ร่างบางร้องไห้ออกมาอย่างไม่เสแสร้งหรือพยายามปิดบัง  ชายหนุ่มคว้าโทโมกิมากอดไว้แน่น  ก่อนจะนึกขึ้นได้ถึงสภาพของเด็กหนุ่มในตอนนี้

“อดทนนิดนะ”  วายะกระซิบเบา ๆ พลางดึงเอาอวัยวะเพศเทียมออกจากร่างของโทโมกิช้า ๆ

“อึ่ก...อ๊า...!”

ทันทีที่มันหลุดพ้นร่าง  หยาดแห่งอารมณ์ก็หลั่งออกมาจากแก่นกายที่ยังแข็งขึง

“ให้ตายสิ...”  วายะถอนใจ  “นี่ขนาดไม่ใช่ฉันนะ”

“ไม่...ไม่ใช่นะ...”  โทโมกิปฏิเสธทั้งน้ำตา  ทั้งร่างยังสั่นน้อย ๆ ไม่หยุดด้วยความกลัวและตื่นตกใจ

วายะแก้มัดให้แล้วกอดโทโมกิไว้แนบอก  “ขอโทษนะ  ที่ทำให้เกิดเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ขึ้น”

อ้อมกอดอบอุ่นที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นบุหรี่และน้ำหอมที่คุ้นเคย  แม้ครั้งนี้จะเจือด้วยกลิ่นเลือดแต่มันก็เป็นกลิ่นของวายะ...กลิ่นอายที่ทั้งโหยหาและชิงชังมาตลอด  โทโมกิยกสองมือขึ้นกอดวายะตอบแนบแน่น  ขยุ้มดึงเสื้อสูทของชายหนุ่มราวกับไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยวอีกแล้ว

มือใหญ่ลูบไล้เรือนผมสีดำนุ่มมืออย่างอ่อนโยน

“ไม่เป็นไรแล้วนะ  ฉันอยู่นี่แล้ว”

โทโมกิสะอื้นฮักอยู่กับแผ่นอกของชายหนุ่ม  วายะไม่คิดมาก่อนเลยว่าการที่จะได้กอดเด็กคนนี้ไว้ในอ้อมแขนโดยปราศจากการขัดขืนหรือความหวาดกลัวอีกครั้งจะเกิดขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้...หากโทโมกิไม่โดนลักพาตัวมา  เขาจะได้กอดโทโมกิไว้แบบนี้มั้ยนะ

“...ชุน...ฮึก  นายมาช้า...”  คำต่อว่าปนมากับเสียงสะอื้น

“ขอโทษ...แต่ก็มาแล้วไง”

“พวกมัน...ทำฉัน...กลัว...”  น้ำเสียงนั้นสั่นพร่าแทบจะปะติดปะต่อได้ไม่เป็นคำ  หากวายะเข้าใจ

“ขอโทษ...ขอโทษจริง ๆ นะ  ไม่ต้องกลัวแล้ว”

กลัวหรือ...ไม่ใช่  ไม่ได้กลัวหรอก...ร่างเล็กสะท้านสั่นอยู่ในอ้อมกอดของวายะ  ทั้งที่เป็นอ้อมกอดที่เคยมอบความโหดร้ายให้  แต่โทโมกิก็รู้ตัวดีว่าตนเองปรารถนาและโหยหาอ้อมกอดนี้มากแค่ไหน...อ้อมกอดแรกในชีวิต  ความอบอุ่นที่ไม่เคยมีใครมอบให้มาก่อน  แม้มันจะโหดร้าย  แต่วายะเป็นคนเดียวที่แสดงออกว่าต้องการเขาอย่างแท้จริง

คนที่แม้แต่พ่อกับแม่ยังไม่ต้องการอย่างเขา

แต่แม้จะไม่ได้กลัวแล้ว  หากโทโมกิก็หยุดสั่นไม่ได้  ความรู้สึกเร่าร้อนบางอย่างยังคงพลุ่งพล่านอยู่ในกาย  ยิ่งถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นอายที่เคยพาเขาไปสู่ห้วงแห่งปรารถนามานับครั้งไม่ถ้วนแบบนี้  โทโมกิยิ่งกระสันอยาก

“อึ่ก...อือ...”  เด็กหนุ่มครางแผ่วหวิว

“เป็นอะไรไป?  เจ็บตรงไหนเหรอ?”  วายะถามพลางดึงตัวโทโมกิออกมามองสำรวจให้ชัด ๆ

“ไม่...ไม่ใช่...มัน...”  โทโมกิพยายามจะอธิบายแต่ก็ขลาดอายเกินกว่าจะพูดออกไปได้

ชายหนุ่มกวาดตามองร่างเล็กตลอดทั้งร่าง  แล้วก็เข้าใจในสิ่งที่โทโมกิพยายามจะบอก...ส่วนกลางกายของเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะปลดปล่อยไปเมื่อครู่กลับตื่นตัวขึ้นอีกครั้งแล้ว  ในสถานการณ์แบบนี้  มันไม่ควรจะ...

วายะเอะใจทันที  “...หรือว่า...ยา?”

โทโมกิพยักหน้าน้อย ๆ  แม้จะเคยโดนยาปลุกเซ็กส์มาบ้างแต่ครั้งนี้ถือว่าแรงที่สุดที่เคยโดนมาทีเดียว  ความรู้สึกพลุ่งพล่านไม่ได้บรรเทาลงเลยแม้จะเสร็จสมไปหลายครั้งแล้วก็ตาม

“บ้าเอ๊ย...”  วายะสบถออกมาพลางยกมือขึ้นเสยผมอย่างหงุดหงิดใจ  เขาดึงแขนโทโมกิฉุดให้ยืนขึ้น  “ไป...กลับบ้าน  เดี๋ยวฉันจัดการให้”
หัวข้อ: Re: All I want 25 (หน้า23) 25/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 01-06-2012 23:15:13
แต่โทโมกิกลับดึงแขนวายะไว้แล้วใช้มือกดท้องน้อยพลางเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้

“ไม่...ไม่ไหวแล้ว  ชุน...”

หัวใจกร้าวแกร่งสะท้านวาบ  เขาคุ้นเคยกับสีหน้าแบบนี้ดี...เหมือนกับเมื่อไม่นานมานี้เอง  ที่เขาเคยทำให้โทโมกิต้องร้องไห้อยู่ทุกคืนวัน  ทำทุกอย่างเพื่อให้โทโมกิเป็นของตน...และเคยพยายามช่วงชิงกระทั่งชีวิต!

เขาเคยใช้ยากับโทโมกิและรู้ดีว่าเด็กหนุ่มมีปฏิกิริยาอย่างไรกับมัน  เช่นเดียวกับตอนนี้...โทโมกิไม่เคยต้านทานฤทธิ์ยาได้  ความปรารถนาจะผลักดันให้ต้องยอมทุกอย่างเพื่อให้เขาปลดเปลื้องต้องการให้...แค่คิดว่าถ้าเขามาช้ากว่านี้  ถ้าพวกมันจะล่วงเกินโทโมกิมากกว่านี้...ถึงตอนนั้นโทโมกิจะต้องยอมแน่  และถ้าเป็นแบบนั้น...

วายะกัดฟันกรอด...ถ้าเป็นแบบนั้น  แค่ตายยังน้อยไป...

หากโทโมกิไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิด  เขาเอ่ยปากด้วยเสียงสั่นพร่า

“ได้โปรด...ชุน  ไม่ไหวแล้ว...”

เพียงแค่นั้น  ความมีเหตุผลในใจของวายะก็พังทลายลง  ที่ผ่านมาเขาต้องกดกลั้นความรู้สึกของตนเองไว้เท่าไรเพื่อพิสูจน์ให้โอโนเสะเห็นถึงใจจริงของเขาที่มีต่อโทโมกิ  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เคยโหยหาในตัวตนของเด็กหนุ่มตรงหน้า...และในตอนนี้โทโมกิเป็นฝ่ายร้องขอ  มีหรือที่เขาจะอดกลั้นต่อไปได้อีก

วายะคว้าร่างเล็กมากอดไว้ด้วยอาการเกือบกระชาก  ริมฝีปากร้อนบดแนบลงกับเรียวปากอิ่มที่เผยอรับจุมพิตเร่าร้อนดุดันนั้นอย่างเต็มใจ  เรียวลิ้นกวาดควานไปทั่วเพื่อลิ้มรสของผลไม้ต้องห้ามที่ห่างหายไปนาน  พันเกี่ยวดูดดุนราวกับจะกลืนกินโทโมกิเข้าไปทั้งร่าง  สองมือก็ลูบไล้เปะปะไปตามเรือนร่างนั้นเหมือนจะพิสูจน์ให้แน่ใจว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ความฝันที่เคยหลงไปในห้วงอารมณ์ยามค่ำคืน

แล้วมือใหญ่ก็ขยุ้มลงบนก้อนเนื้อนุ่มที่บั้นท้าย  เด็กหนุ่มผวาเยือกแต่ไม่ได้ดิ้นรนปฏิเสธอะไร  มือนั้นกดสะโพกบางเข้ามาเบียดคลึงกับต้นขาของตน  แล้วก็สัมผัสได้ถึงความแข็งขึงที่ส่งผ่านเนื้อผ้าหนาของกางเกงยีนส์มา

“บ้าจริง...ยั่วเหลือเกินนะ  โทโมะ...”  วายะกระซิบแผ่วทั้งยังเคล้าคลอริมฝีปากอยู่ไม่ห่าง

“อา...เปล่า...นะ...อ๊า!”  คำปฏิเสธแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหวีดหวานเมื่อปลายนิ้วกร้านสอดผลุบเข้ามาในช่องทางเร้นลับ  ผนังนุ่มภายในที่ยังชุ่มไปด้วยเจลตอดรัดเรียวนิ้วนั้นราวกับยินดีในสัมผัสที่เคยคุ้น

เรียวลิ้นและริมฝีปากของวายะผละจากเรียวปากที่ลิ้มรสอยู่เป็นนาน  และเล็มไปตามลำคอขาวที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ  ลอบสูดกลิ่นหวานหอมและขบย้ำลงตามแอ่งชีพจร  ก่อนจะเคลื่อนลงมาครอบครองยอดอกสีเข้มที่แข็งขึงเป็นไต

“อ๊ะ!  ฮ้า...ชุน...”  โทโมกิแอ่นอกรับสัมผัสนั้น  สองมือเกาะยึดไหล่หนาไว้แน่น  เรียวขาสั่นระริกด้วยนิ้วของวายะยังคงรุกรานอย่างไม่ลดละ

ลิ้นร้อนและฟันเรียบผลัดกันดูดดุนและขบงับเม็ดทับทิมเล็ก ๆ นั้นอย่างเพลิดเพลิน  อาการกระตุกผวาของโทโมกิที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่เขาแกล้งขบเอาหนัก ๆ ทำให้ชายหนุ่มพึงใจ  ในที่สุดก็รู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่ต้นขา...เด็กหนุ่มกระสันเสียวเสียจนหลั่งหยาดน้ำเหนียวใสออกมาอีกทั้งที่เพิ่งจะถูกทำให้เสร็จสมไปไม่นาน

วายะก้มลงมองร่างไวสัมผัสที่แนบอยู่กับต้นขาของตนแล้วเลียริมฝีปาก  ไม่บ่อยนักที่เขาจะลิ้มรสชาติส่วนนั้นของโทโมกิ  และรสชาติล้ำลึกยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้น  ชายหนุ่มพลิกกดร่างเล็กลงกับฟูกแล้วตรงเข้าครอบครองแก่นกายนั้นด้วยปาก

“อ๊า...”  โทโมกิเดาะเอวขึ้นเมื่อลิ้นร้อนแตะลูบเข้ากับลำก้านแข็งขืนของตน  บิดกายเร่าเมื่อถูกดูดกลืนด้วยโพรงปากที่หิวกระหาย  สองมือเลื่อนมาขยุ้มเรือนผมสีทองของวายะ  ก่อนที่จะถูกมือใหญ่จับกดตรึงไว้ข้างตัว...วายะเริ่มเล่นเกมพันธนาการด้วยร่างกายกับเขาอีกครั้งแล้ว

ท่ามกลางเสียงครางกระเส่าของเด็กหนุ่ม  วายะใช้เทคนิคที่มีปรนเปรอให้โทโมกิเต็มที่  ทั้งสูบกลืนและหลอกล่อให้เพลิดเพลินก่อนผละหนีให้โหยหา  มือเล็กในกำมือของเขาจิกฟูกเกร็งแน่น  สองขาเตะถีบดิ้นรนด้วยไม่อาจต้านทานความซ่านเสียวที่ทวีขึ้นทุกขณะ  บิดเบนกายเร่าร้อน...วายะยิ้มกับตัวเอง  ผ่านมาหลายปีแล้ว  แต่โทโมกิไม่เคยเปลี่ยนไปเลย  ยังคงซื่อตรงกับความต้องการทางกายเช่นเดียวกับเด็กที่เพิ่งรู้จักรสรักเป็นครั้งแรก

“ชุน...ไม่ไหว...ไม่ไหวแล้ว...เร็ว...”  สะโพกกลมยกแอ่นขึ้นหาสัมผัสของเรียวปากจนแทบไม่ติดฟูก  แล้วในที่สุดก็สมอารมณ์หมายเมื่อวายะดูดหนัก ๆ ติดกันหลายครั้งและกลืนเอาหยาดน้ำขุ่นข้นที่เขาฉีดพ่นออกมาเข้าไปเต็มที่

โทโมกิทิ้งกายลงกับฟูก  หอบสะท้านอย่างเหนื่อยอ่อน  แล้วก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำเบา ๆ จากคนที่ครอบครองเขาไว้

“เสียดาย...น้อยไปหน่อย  สนุกมาหลายรอบก็แบบนี้ละนะ”

“มะ...ไม่ได้สนุกนะ”  เด็กหนุ่มแหวให้  “ไม่ได้สนุก...สักนิดเลยนะ...”

เห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตานั้นแล้ววายะก็ใจอ่อน  เขาจูบซับหยาดน้ำที่แก้มให้เบา ๆ

“โอเค  ฉันรู้ว่ามันไม่สนุก...ขอโทษนะ...”

“ฮึก...ชุนบ้า!  บ้าที่สุด!!”

ถ้อยคำต่อว่าถูกผลักให้กลืนกลับไปในลำคอด้วยจุมพิตที่แนบลงมาอีก  รสชาติของตัวเองทั่งค้างอยู่ในปากของวายะทำให้โทโมกิสะท้านเยือก  จูบที่อ่อนโยนกว่าที่เคยได้รับ...ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายที่เคยมอบแต่ความโหดร้ายให้เขามาตลอดจะจูบได้อย่างอ่อนโยนถึงเพียงนี้

มีแต่ความโหดร้าย...เท่านั้นจริง ๆ หรือ?  ในส่วนลึกของความทรงจำ  โทโมกิยังจำได้ถึงอ้อมกอดอบอุ่นใต้ผ้าห่มหนา  เสียงหัวใจที่แว่วมาให้ได้ยินจากแผ่นอกที่หนุนนอน  มือที่ค่อยขัดถูเรือนร่างของเขาอย่างเบามือ...ใช่  โทโมกิยังจำได้ดี  เพียงแต่ความทรงจำสุดท้ายที่มีต่อวายะนั้นแสนโหดร้าย...วายะที่เคยกอดเขาไว้แบบนั้นกลับพยายามจะฆ่าเขา

ความทรงจำนั้นทำให้หวั่นกลัวจนแทบเสียสติ  และเป็นตัวเขาเองที่พยายามเปลี่ยนความกลัวนั้นให้กลายเป็นความเกลียดชัง  ทั้งที่ลึกลงไปในหัวใจ...โทโมกิก็รู้ดีอยู่แล้วว่าโหยหาตัวตนของวายะแค่ไหน  แต่เพราะกลัวจะตกลงไปในห้วงแห่งอารมณ์ของคนที่พยายามจะฆ่าเขาสร้างขึ้น  จึงไม่อยากอยู่ใกล้  ไม่อยากรับรู้กระทั่งกลิ่นอาย  ไม่อยากจะยอมรับว่าปรารถนาที่จะได้อยู่ในอ้อมกอดของผู้ที่ตีตราความเป็นเจ้าของไว้บนร่างของตนมากแค่ไหน...กลัวที่จะรู้ถึงหัวใจที่แท้จริงของตัวเอง

ในตอนที่อยู่ในอ้อมกอดของฮิโรอากิ  โทโมกิเคยสำนึกขึ้นมาได้ว่าตนคงถูกวายะทำให้กลายเป็นมาโซคิสม์ไปแล้ว  เพราะถึงแม้จะเสร็จสมด้วยการกระทำของผู้เป็นพี่ชาย  แต่ลึกลงไปในหัวใจกลับมีแต่ความว่างเปล่า  ไม่เคยรู้สึกเต็มอิ่มกับความช่วยเหลือที่ฮิโรอากิมีให้เลย  หัวใจของเขาเรียกร้องหาจูบที่ดุดัน  มือแกร่งที่พยายามกดเขาไว้ให้อยู่นิ่ง  การโถมกายเข้าใส่อย่างเร่าร้อน  และอ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความปรารถนาในตัวเขา...ทั้งหมดมีแค่วายะเท่านั้นที่มอบให้ได้  แต่โทโมกิก็เคยคิดว่าถ้าหากมีใครมอบเซ็กส์ที่รุนแรงให้กับเขา  ความรู้สึกว่างเปล่านั้นคงจะถูกเติมเต็มได้

หากในคืนนี้เองที่เด็กหนุ่มได้รู้ตัว  ไม่ใช่ว่าใครก็ได้...แต่ต้องเป็นวายะเท่านั้น

ทั้งร่างกายและหัวใจของเขาเรียกหาแต่วายะเท่านั้น

มือเล็กทั้งสองข้างเกาะยึดเสื้อสูทเปื้อนเลือดของวายะไว้แน่น  แอ่นส่วนกลางกายเข้าเบียดต้นขาแกร่ง  เมื่อถูกเรียกร้องแบบนั้น  วายะก็พร้อมจะตอบสนอง  มือที่ลูบไล้ไปตามเรือนกายเลื่อนลงสู่ท้องน้อยของโทโมกิและลูบเลยไปทางด้านหลัง  ส่งเรียวนิ้วเข้าลุกล้ำช่องทางเร้นลับอีกครั้ง  กวาดควานและสะกิดเขี่ยผนังนุ่มภายในเพื่อค้นหาจุดกระสัน  เมื่อแตะถูกจุดที่ทำให้เด็กหนุ่มเกร็งร่างตอดรัดก็บดขยี้คลึงหนักหน่วงและต่อเนื่องจนโทโมกิทนไม่ได้  ต้องผละริมฝีปากออกมาส่งเสียงครางครวญ

“อา...ไม่...ตรงนั้นมัน...ชุน...อย่า...ตรงนั้น...”

วายะฟังคำพร่ำที่แทบไม่เป็นภาษานั้นอย่างพึงพอใจก่อนจะถอนนิ้วออก  โทโมกิพร้อมแล้วที่จะรับทั้งหมดของเขาเข้าไป

มือแกร่งปลดเข็มขัดและรูดซิปกางเกงยีนส์ออก  จับมือของโทโมกิมาลูบไล้ร่างไวสัมผัสที่ตื่นตัวแล้วกว่าครึ่ง  ครั้งแรกที่แตะโดน  โทโมกิถึงกับสะดุ้งและชักมือกลับแต่ก็ถูกยึดข้อมือเอาไว้และบังคับให้จับต้องมันอีกครั้ง  มือที่สั่นน้อย ๆ ด้วยความรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ ให้ความรู้สึกดีเยี่ยม  ชายหนุ่มถอนใจพรูเมื่อโทโมกิกอบกำร่างของเขาไว้เต็มอุ้งมือ

“จำมันได้มั้ย?”  เสียงห้าวต่ำกระซิบถามข้างหู

ไม่มีคำตอบนอกจากการพยักหน้า

“คิดถึงมันหรือเปล่า?”

คำถามหยาบโลนทำให้เด็กหนุ่มหลับตาแน่น  ใบหน้าแดงก่ำ  วายะจูบลงที่หน้าผากมนและกระซิบซ้ำ

“ตอบสิ  โทโมะ”

“อะ...อื้อ...”  โทโมกิพยักหน้าอีกครั้งทั้งที่ความอับอายพุ่งถึงขีดสุด

“งั้นก็เล่นกับมันซะให้หายคิดถึง”

หลังถ้อยคำที่เหมือนคำสั่งนั้น  วายะก็นำมือของโทโมกิขยับรูดช้า ๆ  เพียงไม่กี่ครั้ง  โทโมกิก็จำได้ถึงการกระทำที่จะทำให้วายะพอใจ  มือเล็กกำร่างนั้นไว้และรูดเร้าอย่างเร่าร้อน  ไม่นานนักมันก็ตื่นพร้อมเต็มที่  วายะเคลื่อนกายลงหนีมือนั้นก่อนจะแกล้งจรดส่วนปลายยอดถูไถกับปากประตูสวรรค์ของโทโมกิ

“อึ๊...อา...”  สะโพกบางยกขึ้นและแยกขาออกโดยอัตโนมัติ

“โทโมะ...อยากให้ฉันเข้าไปในตัวแกหรือยัง?”

เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากพลางยกมือขึ้นปิดหน้า...เขาไม่กล้าตอบ  หากแก่นกายนั้นยังคงเคล้าคลึงละเลงน้ำแรกจนส่วนเร้นลับนั้นเปียกชุ่ม  แล้ววายะก็จับมือของเขาออกและกดมันลงกับฟูก

“โทโมะ  มองหน้าฉัน  แล้วบอกซิว่าแกอยากให้ฉันเข้าไปในตัวแกหรือยัง”

โทโมกิค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างขลาดกลัว  ใบหน้าของวายะอยู่ห่างไปไม่ถึงฝ่ามือ  รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดลงบนใบหน้า  และแววตาคู่นั้น...แววตาที่แข็งกร้าวดุดันคู่นั้น  บัดนี้มันไหวระริกและเต็มไปความปรารถนาในตัวเขา

แววตาที่คุ้นเคย...แววตาที่ได้เห็นทุกครั้งที่วายะกอดเขาไว้...

โทโมกิลืมสิ้นถึงความหวั่นกลัวในหัวใจของตัวเอง  ในตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้วนอกจากสนองตอบคนเดียวในโลกที่ต้องการเขา

ริมฝีปากอิ่มระริกสั่น


“...เข้ามาสิ...ชุน...”


สิ้นเสียงกระซิบ  วายะก็ประกบริมฝีปากประทับรอยจูบอีกครั้งและค่อย ๆ เคลื่อนกายแทรกเข้าไปในร่างบางช้า ๆ  เรียวขาของโทโมกิกระตุกเกร็งเมื่อร่างห่างหายไปนานค่อย ๆ คืบเข้าสู่ภายใน  แล้ววายะก็จัดท่าให้โทโมกิเกี่ยวสองขาเข้ารอบเอวของเขาเพื่อเปิดทางให้การล่วงล้ำเป็นไปได้สะดวกขึ้น  แม้จะถูกกระทำด้วยท่อนยางของเล่นมาแล้ว  แต่ขนาดของวายะก็ยังทำให้โทโมกิรู้สึกเสียดแน่นไปหมด...นานเหลือเกิน  กับรสสัมผัสของร่างนี้...นานจนแทบจะลืมเลือน

และเมื่อแทรกเข้าไปได้ครึ่งทาง  วายะก็กระแทกกายกระทั้นเข้าไปในครั้งเดียว  โทโมกิผวาขึ้นทั้งร่าง  กรีดเสียงอยู่ในลำคอด้วยริมฝีปากถูกช่วงชิงอิสรภาพไป  จังหวะของหัวใจที่เต้นระรัวถูกถ่ายทอดมายังวายะผ่านชีพจรที่โอบรัดร่างของเขาไว้...เขารอวันนี้มานานเหลือเกิน  อดทนทำทุกอย่างตามเงื่อนไขของโอโนเสะเพื่อให้ถึงวันที่จะทำให้โทโมกิเป็นของเขาอีกครั้ง...แล้วมันก็มาถึง  วันที่เด็กหนุ่มอันเป็นสุดยอดปรารถนายอมเปิดกายรองรับเขาอีกครั้งด้วยความเต็มใจ...ความเหนื่อยยากและทุกข์ทรมานทั้งหมดที่ผ่านมามลายหายไปในวินาทีนั้น

“โทโมะ...โทโมะ...”  วายะกระซิบเรียกคนในครอบครองของเขาก่อนจะขยับเคลื่อนกาย

ส่วนที่เสียดสีกันร้อนวาบจนโทโมกิต้องหลับตาแน่นด้วยความซ่านเสียว  กระทั่งเรียวนิ้วของมือใหญ่สอดประสานเข้ากับนิ้วของเขาและกุมไว้แน่น  เด็กหนุ่มจึงกล้าปรือตาขึ้นมอง...แล้วก็ได้เห็นรอยยิ้มพึงพอใจกับแววตาแสนอ่อนโยนที่จับจ้องมาที่ตน

“แกเป็น...ของฉันนะ...โทโมะ  ฉัน...ไม่มีวัน...ยกให้ใครเด็ดขาด...”

โทโมกิไม่เคยปรารถนาถ้อยคำหวานจากวายะ  หากคำพูดนี้บอกถึงความรู้สึกทุกอย่างของวายะที่เขาไม่เคยแน่ใจ...ไม่ใช่แค่ของเล่นหรือสัตว์เลี้ยง  แต่วายะต้องการทั้งหมดของเขาด้วยหัวใจ  เป็นสิ่งสำคัญที่จะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปไหนอย่างแท้จริง

เด็กหนุ่มปิดเปลือกตาลงแล้วพยักหน้าน้อย ๆ...เขาจะเป็นของใครไปได้  ถ้าไม่ใช่คนที่ตีตราแสดงความเป็นเจ้าของไว้บนแผ่นหลังของเขา...

แล้วโทโมกิก็ถูกดึงลงสู่ห้วงแห่งความอารมณ์อันเร่าร้อนของวายะ  ราวกับอยู่กลางทะเลคลั่ง  เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับถูกคลื่นลมพัดพาไปจนไม่รู้เหนือใต้  ได้แต่กุมมือประสานกับมือใหญ่ไว้แน่นและโอบขารัดรอบเอวแกร่งไว้เป็นหลักยึด  แก่นกายถูกดึงออกจนเกือบจะหลุดออกมาแล้วก็กระทั้นกายแทรกสอดกลับเข้าไปใหม่...ครั้งแล้วครั้งเล่า  และทุกครั้งก็เรียกเสียงหวีดครางจากร่างบางได้เป็นอย่างดี

การเคลื่อนไหวถี่เร็วและรุนแรงขึ้นด้วยวายะไม่อาจสะกดกลั้นอารมณ์ของตนไว้ได้อีกต่อไป  เสียงครางของโทโมกิเริ่มขาดห้วงเมื่อความอึดอัดจนแทบจะขาดใจท่วมท้นขึ้นมาตามแรงกระแทกที่ถี่ขึ้นเรื่อย ๆ  ลมหายใจหอบถี่  รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่ซ่านไปตามกระแสเลือดราวกับคลื่นไฟฟ้าแรงสูงที่เคลื่อนตัวไปตามสายไฟที่ขึงตึงเกินไป

ในหัวของโทโมกิขาวโพลน  รับรู้ได้แค่ตัวตนของคนที่ครอบครองเขาไว้  ลืมหมดทุกอย่างบนโลกนี้...ลืมสภาพรอบตัวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่สิบนาทีที่ผ่านมา...พวกเขากำลังเสพสมกันท่ามกลางซากศพและกลิ่นคาวเลือด  เขากำลังสมสู่กับมัจจุราชที่นำความตายมาแจกจ่ายให้กับพวกมันที่พยายามจะล่วงเกินเขา...ลืมไปแล้วว่ามือของมัจจุราชคนนี้ก็เคยนำความตายมาสัมผัสเขาด้วยเช่นกัน

แต่มันจะสำคัญอะไร...โลกของเขามีแค่ชุนเท่านั้น  ถ้าชุนต้องการเขา...เขาก็ยอมยกทุกอย่างให้เช่นกัน!

วายะโถมกายเข้าใส่โทโมกิอย่างรุนแรงเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงตอดรัดของส่วนที่ฝังกายถี่ขึ้นทุกขณะ  ที่สุดแห่งอารมณ์กำลังจะเดินทางมาถึง  แม้จะยังไม่เพียงพอในความรู้สึก  แต่จากนี้เขาจะกอดร่างนี้ไว้เท่าไรก็ได้  จะยืนยันความเป็นเจ้าของอีกสักกี่ครั้งก็ได้...จะกระซิบคำนั้นสักกี่ครั้งก็ได้

ชายหนุ่มกอดร่างเล็กไว้แน่น

“โทโมะ...โทโมะของฉัน...”

น้ำเสียงกระซิบนั้นแทบจะดุดัน

“แก...เป็นของฉัน...คนเดียวเท่านั้น...โทโมะ”

ความรู้สึกบางอย่างกลั่นออกมาเป็นน้ำตา  โทโมกิยกสองมือขึ้นโอบกอดวายะไว้แน่นไม่แพ้กัน

“อื้อ...ฉัน...เป็นของชุน...คนเดียว...ชุน...”

เพียงพอแล้ว...แค่คำนี้ก็พอแล้ว...

วายะอัดร่างกระแทกเข้าไปเป็นครั้งสุดท้าย  สูบฉีดความรู้สึกทั้งมวลเข้าไปในร่างบางจนเต็มปรี่  พร้อม ๆ กับที่โทโมกิก็ปลดปล่อยอารมณ์ของตนออกมาอย่างเต็มกลั้น

ทั้งสองร่างกระตุกเกร็งสะท้านเข้าหากันสองสามครั้ง  ก่อนที่วายะจะซบกายลงกับร่างที่หอบถี่และอ่อนระทวยอยู่ใต้ร่างของเขา  ทั้งโลกหมุนคว้าง  มีเพียงเสียงลมหายใจปะปนกันไปในความเงียบ


โทโมกิหมดสติไปชั่วขณะหนึ่ง ณ สุดยอดแห่งความสุขสม  มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อวายะถอนกายออกและใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดทำความสะอาดให้  เด็กหนุ่มพยายามยันกายลุกขึ้นแต่ก็ถูกกดกลับลงไปนอนกับฟูก

“ไม่ต้องฝืนหรอก  เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง”

สัมผัสนั้นยังคงเหมือนเมื่อวันวาน  วายะมักจะอ่อนโยนกับเขาเสมอเมื่อจบเรื่องโหดร้ายบนเตียงแล้ว  ชายหนุ่มทำความสะอาดโทโมกิให้เกลี้ยงเกลาเท่าที่จะทำได้แล้วสวมกางเกงให้

“สกปรกไปนิดนะ  แต่เดี๋ยวก็ทิ้งแล้ว  อดทนใส่ไปหน่อยแล้วกัน”  กางเกงของโทโมกิที่ถูกถอดกองไว้โดนเลือดของคนที่ถูกวายะยิงกระเซ็นเปรอะไปหมด

รอบตัวมีแต่คนเจ็บและคนตาย  แต่น่าประหลาดที่โทโมกิไม่ได้นึกหวาดหวั่น  เพียงแค่เปิดใจยอมรับความรู้สึกของตนที่มีต่อคนตรงหน้า  ก็ราวกับกำแพงหนาที่โอบล้อมไว้รอบด้านได้พังทลายลง...โทโมกิจ้องมองคนตรงหน้าอย่างเต็มตา...นี่เองสินะ  ความรู้สึกที่ได้ก้าวพ้นจากอุปสรรคสูงใหญ่ที่ไม่เคยคิดว่าจะข้ามไปได้  มันปลอดโปร่งจนแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า  เขาจะกลัวคนคนนี้จนไม่อยากจะหายใจร่วมกันเสียด้วยซ้ำ

“ให้อุ้มมั้ย?”  วายะเงยหน้าขึ้นมาถามหลังจากแต่งตัวให้โทโมกิเรียบร้อยแล้ว

เด็กหนุ่มมองสบตาคู่นั้นอย่างไม่หวั่นไหว

“ไม่ต้อง  ฉันยังเดินไหว”

วายะจ้องมองดวงตาสีดำขลับคู่นั้น  แววตาที่เขาไม่เคยได้เห็นจากโทโมกิ...แววตาที่มีความเชื่อมั่นบางอย่างแม้จะยังไม่เต็มร้อยนัก  เกือบจะเหมือนแววตาของคิริฮาระเมื่อตอนเป็นนายแบบใหม่ ๆ...เขายิ้มกับตัวเอง  ถึงจะเหมือนสักแค่ไหน  แต่คิริฮาระก็คือคิริฮาระ  และโทโมกิก็คือโทโมกิ...เด็กหนุ่มที่ราวกับเป็นส่วนผสมของคนที่เขาเคยปรารถนาทั้งสองคน  แต่ในตอนนี้เขารู้แล้ว...เขาไม่ได้ต้องการเงาของใครที่ปรากฏอยู่ในตัวของเด็กคนนี้ทั้งสิ้น  เขาต้องการเพียงโทโมะของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

เสียงรถยนต์หลายคันแล่นมาจอดที่หน้าโกดัง  ตามมาด้วยเสียงเอะอะของคนหมู่มาก...คงเป็นพวกเคนที่ตามรอยนาฬิกาข้อมือของโทโมกิมาจนถึงที่นี่แล้ว  หลังจากได้รับสัญญาณและการระบุสถานที่  วายะก็ตรงมาที่นี่ก่อน  เขาได้รับคำสั่งให้รอกำลังเสริมที่จะตามมา  แต่ความร้อนใจทำให้เขาละเมิดคำสั่งนั้นและบุกเดี่ยวเข้ามาก่อน  โชคดีที่พวกมันมีไม่มากและไม่เกินมือเขา  ไม่อย่างนั้นเขาคงเสร็จไปแล้ว...แต่กลับไปก็คงจะโดนลงโทษละมั้ง...

“เอาละ  ถ้าเดินไหวก็ลุกขึ้น  กองเกียรติยศมารับแล้ว”

“ประคองสิ”  เด็กหนุ่มยื่นมือไปให้วายะ

บอดี้การ์ดหนุ่มเบิกตานิดหน่อยอย่างประหลาดใจ  ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ แล้วจับมือนั้นดึงให้ลุกขึ้นยืน...เจ้าแมวน้อยของเขาจะโตไปเป็นเสือร้ายอีกคนแล้วสินะ


เสียงโหวกเหวกดังใกล้เข้ามา  ได้ยินเสียงสั่งการของเคนดังมาแต่ไกล  แต่โดยที่ทั้งสองไม่มีใครรู้ตัว  คาซุกิที่โดนอัดจนเละค่อย ๆ เอื้อมมือไปเก็บปืนที่ตกอยู่ใกล้มือแล้วยกขึ้นเล็งไปยังร่างสูง

“...ตายซะเถอะ  มึง...ไอ้สวะ...”

เสียงปืนแผดสนั่นไปทั้งโกดัง  โทโมกิตะลึงงันเมื่อวายะเซถลาและทรุดลงมาหาเขาทั้งตัวจนล้มลงกับพื้นด้วยกัน

เลือดไหลทะลักจากศีรษะ  ย้อมเรือนผมสีทองของชายหนุ่มจนแดงฉาน!!

สมองของโทโมกิทำความเข้าใจภาพตรงหน้าอยู่หลายวินาที  ก่อนจะกรีดเสียงก้อง


“ชุน!!!!”




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Minako ที่ 01-06-2012 23:37:00
โอ้ย!! เกลียดคาซุกิ สงสารโทโมะ  :sad4:
สงสารวายะด้วย โฮๆๆๆๆๆ  :o12:

แต่กว่าจะรักกันได้นี่ต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก่อนหรอ T_T
แล้ว....แล้วตอนสุดท้าย วายะเป็นอะไร T-T
ขออย่าให้วายะเป็นอะไรเลยนะ สมหวังกันสักทีเถ๊อะ Y_Y
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 02-06-2012 00:24:29
เป๊ะ!!!!!!!
เป็นครั้งแรกที่เดาทางเรื่องนี้ออก ><
เพราะมันทะแม่งๆว่าทำไมวายะไม่ฆ่าคาซุกิซะ
อ่านไปลุ้นไปอยู่นานว่าวายะจะโดนยิงตอนไหน
ยังไงก็ขอบคุณคาซุกิมากๆที่มำให้มี NC ก่อนยิง ฮ่าๆๆๆ(นี่แกยังรักวายะอยู่จริงเหรอ?)
แต่ดูเหมือนใกล้จะจบแล้วเลยเน้?
ลุ้น...วายะจะตายหรือว่าจะมีปาฏิหารย์เซล่ามูนทำให้ไม่ตาย
ไม่อยากให้จบเลยนะ TwT

ส่วนเรื่องที่คนเขียนถามเราตอบไม่ได้อ่ะ...ต้องรอดูว่าวายะจะเป็นอย่างไร
ฮ่าๆๆๆ (มีต่อรอง)
ไม่งั้นเกิดวายะตายขึ้นมาแล้วซื้อมาเก็บไว้...เราไม่นอนร้องไห้ทุกครั้งที่อ่านซ้ำรึไง(อะไรของมัน)


สุดท้าย...สู้ๆนะคนเขียนคนอ่านคนนี้เป็นกำลังใจให้เธอ..เป็นกำลังใจให้เธอ ~...อ๊าก! >////////<
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 02-06-2012 00:25:59
ไม่น๊าาาาา   ชุนอย่าเป็นอะไรน๊า  อร๊ายยยยย


ปล  อยากได้หนังสือเล่มนี้มากๆเลยค๊า   ลุ้นตามมากกกก><  เลิฟยูคนเขียน
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 02-06-2012 01:24:38
 o13 o13ชุน โครตเท่ห์ อ่ะ และโทโม๊ะ โครตเซ๊กซี่+1 :z2:
แต่ไอ้นั้นมันยิงชุน เหรอ แถมเรียกชุน ว่าไอ้ สวะ แล้วมันจะไปอะไร ว่ะ หาประเภท ให้มันไม่ได้ o22 :a5:
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: shockoBB ที่ 02-06-2012 01:51:55
 :sad4: :sad4: :sad4:
เหมือนจะดีกันแล้วว
ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 02-06-2012 02:01:27
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 02-06-2012 03:08:06



    ง่ะ ในที่สุดก็ยอมรับกันแล้ว
    แล้วกระสุนสุดท้ายนั่นมันอารายยยย




หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 02-06-2012 04:09:46
เรื่องหนังสือ แอบขอดูราคาก่อนได้มั้ย (ช่วงนี้แอบจน)


แงะ ไอ้บ้านั้น แกยิงวายะทำม๊ายยยยยยยยยยยยย
เกลียดมาก เอาให้ตาย
โทโมะ เพิ่งจะรับรักวายะนะ
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: vocaloid ที่ 02-06-2012 09:12:54
ชุนนนนนนน อย่าเพิ่งตายน้าา
รอกับมาสมหวังกับโทโมกิก่อนนน
เดี๋ยวต่อไปชุนต้องความจำเสื่อมแน่หรือไม่ก็จำโทโมกิไม่ได้ หรือเป็นเจ้าชายนิทรานอนไม่ฟื้นให้โทโมกิมานอนเฝ้าด้วยความคิดถึง พอตื่นขึ้นมาก็ Happy Enging
(มั้ง อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเฉยๆจ้า)
ส่วนหนังสือถ้ามีก็คงจะซื้อนะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียน สู้ๆต่อไป  o13
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 02-06-2012 10:27:25
อร๊าก ก ก เกิดอะไรขึ้น

ชุนห้ามตายนะ

หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 02-06-2012 10:30:34
เฮ้ยยย  อะไรน่ะ  กำลังจะไปได้ด้วยดีแล้วเชียวนะ
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-06-2012 10:59:02
อยากได้หนังสือค่า

จบตอบแบบใจหายไปเลย
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 02-06-2012 11:46:59
โดนต่อยไปขนาดนั้นยังจะมีแรงลุกขึ้นมาอีกเหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-06-2012 11:59:26
รอตอนต่อไปนะ :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 02-06-2012 12:08:21
 :sad4: :o12: โนวววววววววววววววววววว
สามคำ>>>ชุน อย่า ตาย !
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 02-06-2012 13:42:35
ไม่นะ TT
เพิ่งจะดีกันเองไม่ใช่รึไง  อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก(กรีดร้อง)
วายะอย่าเป็นอะไรนะเว้ย
อยากบอกว่าค้างและลุ้นกับตอนต่อไปมาก !!!
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 02-06-2012 16:35:35
ดีใจที่วายะมาช่วยทัน
ในที่สุดก็ใจตรงกันแล้ว
แต่กลับโดนยิงที่หัว จะรอดมั้ยเนี่ยวายะ :monkeysad:

เรื่องหนังสือ เราจนอ่ะ ขอโทษด้วยจริงๆ
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 02-06-2012 17:15:29
ชุนนนน   :sad4:
ว่าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 02-06-2012 19:41:12
กรี๊ดดด ชุน
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 02-06-2012 21:14:12
ปกติโดนต่อยไม่นับ หน้ายับไปขนาดนั้นแล้วก็ไม่น่าจะลุกขึ้นแล้วนะ
แต่สงสัยแกจะเกิดมาเพื่อฆ่าพระเอกนะเนี่ย
เขาอยู่กันอย่างเข้าหน้ากันไม่ติดตั้งนาน
มาปรับความเข้าใจกันได้ในวันนี้ เวลานี้ แกยังจะไม่ยอมอีกเรอะ
เคืองว่ะ อย่าได้ตายดีเลยแก

nc ร้อนแรง SM นิดๆ กำลังดี ชอบจริงๆ เวลาวายะใช้สรรพนามว่า แก กับโทโมะเนี่ย
ได้อารมณ์~~ ยิ่งมาเรียกตอนเข้าพระเข้านางยิ่งชอบเข้าไปอีก
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 02-06-2012 21:49:31
ตัดฉับมาก แต่ดีใจนะที่ช่วยน้องได้
แล้วทำไมๆๆๆๆๆ ชุนต้องพลาด :z3:
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 02-06-2012 21:54:39
ใครทำพวกเขา!!!!! :m31:
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 02-06-2012 23:10:23
เป็นตอนที่บรรยายความรู้สึกที่ทั้งคู่มีให้กันได้ดีจริงๆ แต่เข้าใจกันแล้วแล้วทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ :sad4: หวังว่าไอ้ที่บอกว่าเลือดออกมาจากศีรษะน่ะ มันออกมาจากที่กกหูอ่ะนะ ไม่เอาจบแบบวายะตายนะ :z3:
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: akichan ที่ 02-06-2012 23:38:21
ชอบเรื่องนี้คะ มากกว่า come closerอีก
สัญญาว่าจะซื้อคะ ^^
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 03-06-2012 01:03:20
ชุน!!!!!!!!!!!!!!   :a5: ช็อคคาโต๊ะคอม  :sad5:
อย่าเป็นอะไรน๊าาา  :dont2:
รอนะฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 03-06-2012 01:08:29
 o22  o22  o22 ชุน!!!!! ไม่น้าาาาาาาาาาาาาาา

โฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คนเขียนอย่าให้ชุนตายนะ เพิ่งจะเข้าใจกันแท้ๆ  :o12:  :o12:  :o12:
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: greensoda ที่ 03-06-2012 01:55:58
กว่าจะรักกันได้นี่นานมากเลยนะ
เพราะฉะนั้นชุนจะตายไม่ได้นะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 03-06-2012 12:38:22
เย้~ในที่สุด


ในที่สุด


ในที่สุดก็กลับสู่ปัจจุบัน

อ่านๆดู วายะท่าจะลืมสนใจกล้องวิดีโอไปแล้วเนี่ย

ส่วนเรื่องหนังสืิอ จนถึงตอนนี้ เรามีแนวโน้มจะซื้อนะ ถึงจะไม่ชอบตอนรันจังก็เถอะ แต่จะนับเป็นคำตอบแน่นอนไม่ได้ ต้องดูภาพรวมทั้งเล่มเลย เพราะอย่างตอนcome closer ตอนแรกเราก็อยากได้แหละ แต่พออ่านตอนโดนอาจับไปทรมานแล้ว เบรกเอี๊ยด หัวทิ่มเลย บางจุดเราก็ไม่อ่านจริงๆ ดังนั้นเรายังไม่มีคำตอนแน่นอนจ้า
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 08-06-2012 22:23:02
All I want # It's the END

โทโมกินั่งอยู่ในห้องปลอดเชื้อข้างเตียงที่มีร่างหนึ่งนอนเหยียดยาว  มีสายระโยงระยางเชื่อมต่อกับร่างนั้นไปยังเครื่องมือต่าง ๆ รอบเตียงที่เด็กหนุ่มไม่รู้ว่ามันคืออะไรบ้าง  เสียงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์วัดคลื่นหัวใจและคลื่นสมองดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ

ดวงตาดำขลับหรุบต่ำ  รอบตาแดงช้ำเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความทุกข์ทรมาน  ลืมไปแล้วว่าตัวเองนั่งอยู่ที่นี่ตามลำพังมานานแค่ไหน...นั่งอยู่ข้าง ๆ ร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติงนี้...กี่วัน...กี่คืนแล้ว...

เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามมาด้วยเสียงเปิดประตูโดยไม่รอให้คนในห้องอนุญาต  คงจะเป็นคนในบ้านกระมัง  ถึงได้ผ่านคนเฝ้าประตูมาได้ง่าย ๆ แบบนี้

หากผู้มาเยือนผิดความคาดหมายของโทโมกิ  ผู้ที่เดินมายืนข้างกายเขาคือคิริฮาระ  ยูกับใครอีกคนที่เขาไม่รู้จัก

“สวัสดีครับ  โทโมกิซัง”  สรรพนามที่ใช้เรียกเปลี่ยนไปนับตั้งแต่โอโนเสะรับโทโมกิเป็นบุตรบุญธรรม

“...คิริฮาระซัง...”

พูดได้แค่นั้นแล้วโทโมกิก็เห็น...ใบหน้างดงามนั้นซีดเซียว  ดวงตาคมกริบที่เคยเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นอยู่เสมออ่อนแสงลงอย่างเห็นได้ชัด...และฉาบไปด้วยความทุกข์ทรมานแบบเดียวกับเขา

เพียงแค่เห็น...น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วก็กลับไหลรินออกมาอีก  โทโมกิผวากอดเอวคิริฮาระไว้แน่น  ซบหน้าลงกับเสื้อสูทตัวสวยแล้วกลั้นสะอื้น

มือเรียววางลงบนเรือนผมของเด็กหนุ่มแผ่วเบา  ตามมาด้วยเสียงกระซิบนุ่มนวล

“ไม่เป็นไรครับ  โทโมกิซัง...หมอนี่ยังมีชีวิตอยู่...ยังไม่ตาย...”

ดูเถอะ...ทั้งที่เจ็บปวดใจไม่น้อยกว่ากันแท้ ๆ แต่ยังมีแก่ใจมาปลอบโยน

“แต่...แต่...ชุนเขา...ชุน...”

ถ้อยคำติดค้างอยู่ในลำคอ  โทโมกิไม่อาจพูดออกมาได้

“ไม่เป็นไรหรอกครับ  วายะก็คือวายะ...จะต้องลุกมาทะเลาะกับคุณได้อีกแน่”

ลุกขึ้นมางั้นหรือ...แค่ยังมีชีวิตอยู่ก็ปาฏิหาริย์แล้ว...คิริฮาระเองก็คงรู้  น้ำเสียงปลอบถึงได้แหบเหือดและสั่นพร่าถึงเพียงนั้น

“แต่หมอบอกว่าชุน...ชุน...จะไม่ลืมตาขึ้นมาอีกแล้ว”  เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาในที่สุด

“ผมรู้...แต่เราต้องเชื่อ”  คิริฮาระทรุดกายลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าโทโมกิ  สองมือประคองใบหน้าเปื้อนน้ำตาไว้และปาดเช็ดให้อย่างอ่อนโยน  “ความคิดของคนเรามีพลังมหาศาล  โทโมกิซัง...มันสร้างความเป็นไปได้ที่ดีและเลวร้ายได้อย่างเหลือเชื่อ  ถ้าคุณอยู่ข้าง ๆ หมอนี่และเอาแต่บอกว่ามันจะไม่ลืมตาขึ้นมาอีก  มันก็จะเป็นไปอย่างนั้น  แต่ถ้าคุณบอกว่ามันจะลืมตาขึ้นมา...สักวัน...มันก็จะเป็นอย่างนั้น”

“จะบอกว่าชุนรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่งั้นเหรอ?”

แม้สีหน้าจะยังมีแววรวดร้าว  แต่คิริฮาระก็ยิ้มให้โทโมกิ

“ผมเคยเสียสติไป  ถึงกับถูกขังไว้ในโรงพยาบาล  หมอก็บอกว่าผมคงกลับมาเป็นคนเดิมไม่ได้อีกแล้ว...แต่ยังมีคนเชื่อว่าผมจะกลับมา  เขาเชื่อและอยู่เคียงข้างผมมาตลอด  แม้ว่าผมที่ไม่รู้สึกตัวจะทำเรื่องโหดร้ายกับเขามากแค่ไหน  เขาก็ยังคงเชื่อว่าผมจะกลับมาเป็นผมคนเดิมที่เขารัก...แล้ววันหนึ่ง  เสียงของเขาก็สื่อมาถึงผม  ทำให้ผมได้กลับมาเป็นผมอย่างที่คุณเห็นในตอนนี้อีกครั้ง...คุณเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ  เคยสูญเสียตัวเองไปเพราะสิ่งที่วายะทำ  แต่โอโนเสะซังก็ยังเชื่อว่าคุณจะก้าวพ้นมันมาได้และคอยประคับประคองอยู่ตลอด...ตอนนี้คุณก็ได้ตัวตนของคุณกลับคืนมาแล้ว  ถึงเวลาที่คุณจะต้องช่วยประคองไอ้บ้านี่แล้วละครับ”

“แล้วจะให้ผมทำยังไง?...หมอบอกว่ากระสุนเข้าไปฝังอยู่ในจุดสำคัญที่ผ่าออกมาไม่ได้  ส่งผลกระทบกับสมองและเส้นประสาท...และ...และ...จะต้องเป็นเจ้าชายนิทราตลอดไป...ชุน...ชุนจะ...ไม่ตื่นขึ้นมาอีก...ชุน...”  โทโมกิสะอื้นฮัก

คิริฮาระกอดเด็กหนุ่มไว้แน่น  “เชื่อสิครับ  วายะจะไม่นอนไปตลอดชีวิตหรอก  สำหรับคนอย่างหมอนี่  ถ้าได้แต่นอนมันก็น่าเบื่อแย่...สักวันหมอนี่จะเบื่อเตียง  เบื่อผ้าห่ม  เบื่อความฝันที่จับต้องไม่ได้  แล้วลุกขึ้นมาทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ แบบที่มันชอบทำแน่ ๆ...แค่เชื่อก็พอครับ  แค่นั้นสำคัญที่สุดแล้ว...อาจจะไม่ใช่วันนี้พรุ่งนี้  แต่วายะจะต้องลุกมากอดคุณอีกครั้งแน่ ๆ...เชื่อสิครับ”

โทโมกิรู้สึกได้ว่าอ้อมแขนที่โอบกอดเขาไว้สั่นเทา  บางทีคิริฮาระอาจจะกำลังบอกตัวเองให้เชื่อไปด้วยก็ได้...ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามันแทบไม่มีความหวังอะไรเลย  แต่ก็ยังพยายามให้กำลังใจเขา  พยายามมอบความเชื่อมั่นที่จะทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้...เข้มแข็งเหลือเกิน  นี่คือความเข้มแข็งของคิริฮาระ  โทโมกิเข้าใจแล้วว่าทำไมครั้งหนึ่งวายะถึงได้อยากให้เขาเป็นอย่างผู้ชายคนนี้  ไม่ใช่แค่เรื่องเซ็กส์  แต่ทั้งหมดของคิริฮาระมันช่างน่าหลงใหล...ถึงตอนนี้โทโมกิไม่แปลกใจเลยที่วายะจะเคยอยากครอบครองผู้ชายคนนี้  เขาเองก็ชักอยากเป็นคนอย่างคิริฮาระขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน

“...ขอบคุณครับ  คิริฮาระซัง”  โทโมกิเงยหน้าขึ้นจากแผ่นอกที่ซุกซบอยู่แล้วเช็ดน้ำตาด้วยมือของตัวเอง  “ผมจะเชื่อครับ  สักวัน...ชุนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง”

คิริฮาระยิ้ม  “ฝากด้วยนะครับ”

แล้วเด็กหนุ่มจึงได้เหลือบสายตาไปมองคนทื่ยืนยิ้มน้อย ๆ อยู่ข้างหลังคิริฮาระ  “ขอโทษนะครับ...คุณคือ...?”

“อิชิกาวะ  นัตสึเมะครับ  เป็นเพื่อนของคิริฮาระ”

ชื่อนี้ช่างคุ้นหู  เหมือนเคยได้ยินที่ไหนบ่อย ๆ...แต่ก็นั่นแหละ  นามสกุลอิชิกาวะไม่ใช่นามสกุลหายากอะไร  บางทีเขาอาจจะเคยมีเพื่อนร่วมชั้นชื่อนี้ก็ได้...เพียงแต่เค้าหน้าของผู้ชายคนนี้ช่างคุ้นตา  เหมือนเคยได้เห็นจากที่ไหน...ใช่...เหมือนเคยเห็นในโทรทัศน์  ดูเหมือนจะเป็นรัฐมนตรีอะไรสักอย่าง

“อิชิกาวะซัง...”

“เรียกนัตสึเมะหรือไม่ก็มาสเตอร์เถอะครับ  ผมทำร้านกาแฟที่วายะซังชอบไปนั่งบ่อย ๆ น่ะครับ”  นัตสึเมะยิ้มให้

ทำร้านกาแฟ...?  โทโมกิบอกตัวเอง...งั้นคงไม่ใช่หรอก  เขาคงคิดไปเอง  ลูกชายรัฐมนตรีที่ไหนจะมาทำร้านกาแฟแบบนี้

แล้วนัตสึเมะก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู  “คิริฮาระ  จวนได้เวลาเปิดร้านแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“อ๊ะ  จริงด้วย  ลืมเวลาไปเลย”  คิริฮาระบีบมือโทโมกิเบา ๆ  “เดี๋ยวขอผมคุยอะไรกับหมอนั่นหน่อยนะครับ”

เมื่อเด็กหนุ่มพยักหน้าให้  คิริฮาระก็เดินไปที่ข้างเตียงแล้วพิศมองคนที่นอนนิ่งเหมือนกับหลับสนิทอยู่ตรงหน้า...ที่ศีรษะมีผ้าพันแผลพันไว้หนา  ยังมีสายยางระบายเลือดที่ยังซึมอยู่ในช่องกระโหลกต่ออยู่  ดวงตาปิดสนิท  และยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

นายแบบหนุ่มซบร่างลงกับอกกว้างและกอดวายะไว้แน่น  แล้วโทโมกิก็ได้ยินเสียงกระซิบปนมากับเสียงสะอื้น

“คุ้มแล้วใช่มั้ย  วายะ  นายใช้ชีวิตตัวเองปกป้องคนที่นายต้องการที่สุดในชีวิตได้แล้ว...แต่รีบ ๆ ตื่นขึ้นมาเร็ว ๆ นะ  โทโมะของนายเขาร้องไห้ใหญ่แล้วรู้มั้ย...อย่าให้เขาต้องรอนานนักนะ”

ครู่หนึ่ง  นัตสึเมะจึงได้เข้าไปประคองคิริฮาระให้ผละออกจากวายะ  เขาบีบมือวายะเบา ๆ

“ตื่นมาแล้วผมจะชงกาแฟอร่อย ๆ ให้นะครับ”


หลังจากที่คิริฮาระกับนัตสึเมะร่ำลาเด็กหนุ่มและออกจากห้องไปไม่นาน  โอโนเสะก็มาถึง

“เป็นไงบ้าง  ไอ้ตัวเล็ก  เลิกร้องไห้หรือยัง?”  มือใหญ่วางลงบนเรือนผมนุ่ม  ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องขึ้น  โทโมกิก็อยู่กับวายะที่โรงพยาบาลมาตลอดและไม่ยอมกลับบ้านไม่ว่าใครจะพูดยังไง...แล้วก็เอาแต่ร้องไห้

แต่วันนี้แววตาที่เงยขึ้นมามองสบตาดูแปลกไป

“คุณพ่อโอโนเสะครับ  ผมมีเรื่องอยากจะขออีกสักเรื่อง”

โอโนเสะเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ  วิธีการพูดของโทโมกิดูแปลก...ครั้งเดียวที่เด็กคนนี้เคยขออะไรเขา  ก็คือขอให้เขารับเป็นลูกบุญธรรม

ท่านประธานแห่งลูนาติก  ลัสท์ดึงเก้าอี้อีกตัวมานั่งลงตรงหน้าเด็กหนุ่ม

“ว่ามาสิ  ถ้าให้ได้  ก็จะให้”

“ผม...อยากดูแลชุนเองครับ”

คำพูดนี้น่าประหลาดใจกว่าเก่า  แต่เดิมเขาก็ไม่ได้คิดจะปล่อยวายะไปตามยถากรรมอยู่แล้ว  เขาคิดจะจัดหาพยาบาลพิเศษมาคอยดูแลไปจนกว่าจะตายจากกัน  แต่อะไรทำให้โทโมกิพูดขึ้นมาแบบนี้

“ทำไมล่ะ?”

“ชุนทำเพื่อผมมาเยอะแล้ว  ผมอยากทำอะไรเพื่อเขาบ้าง”

เมื่อย้อนกลับไปคิดถึงความอดทนและสิ่งที่วายะอ่อนข้อให้เขาตลอดหลายปีที่เป็นบอดี้การ์ดให้แล้ว  มันมากมายเสียจนไม่อยากเชื่อเลยว่าคนเอาแต่ใจตัวเองอย่างวายะจะสามารถทนมาได้ขนาดนั้น  จริงอยู่ว่ามันไม่อาจเทียบน้ำหนักกับสิ่งที่เขาสูญเสียไปจากการกระทำของวายะได้  แต่มันก็มากพอแล้วในความรู้สึกของโทโมกิ

“มันลำบากนะ  โทโมกิ  การดูแลพยาบาลมนุษย์พืชน่ะ  แล้วยิ่งกับคนไม่เคย...”

“ผมจะไปเรียนเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยครับ”  คำตอบหนักแน่นอย่างคนที่คิดมาดีแล้ว

“นี่จะลงทุนเรียนเพื่อคนที่จะไม่ลืมตาขึ้นมาแล้วเนี่ยนะ?”

“ชุนจะตื่นขึ้นมาแน่ครับ”

โอโนเสะจ้องหน้าลูกชายคนเล็ก  แววตาที่จ้องกลับมาไม่หวั่นไหว

“ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?”

“ผมไม่ได้มั่นใจ  แต่คิริฮาระซังบอกให้ผมเชื่อแบบนั้น...ผมก็จะเชื่อ”

โอโนเสะถอนใจพลางส่ายหน้ายิ้ม ๆ...คิริฮาระอีกแล้ว  ทั้งที่ตัวเองก็ร้องไห้เสียเป็นการใหญ่ตอนที่รู้เรื่องวายะ  แต่ตอนนี้กลับมาจุดไฟอะไรให้โทโมกิเสียแล้ว...

“แล้วถ้ามันเกิดตายไปก่อนที่จะตื่นขึ้นมาอีกครั้งล่ะ?”  โอโนเสะจงใจใช้คำถามที่โหดร้ายเพื่อลองใจโทโมกิ

มีแววสะเทือนใจวูบไหวอยู่ในดวงตาของเด็กหนุ่ม  แต่แค่วูบเดียวเท่านั้นมันก็จางหายไป

“ถ้า...ถ้าเป็นแบบนั้น...ผมก็ยังใช้สิ่งที่เรียนดูแลคนอื่นได้อีก...”

ผู้มากด้วยวัยหัวเราะเบา ๆ  “อยากฟังแค่นี้แหละ...ไม่ใช่ลงทุนลงแรงเพื่อคนเพียงคนเดียว  แต่มันต้องเป็นประโยชน์กับคนอื่นได้ด้วย  เอาละ...โทโมกิ  ฉันอนุมัติให้แกทำอย่างที่แกอยากทำ  แต่วายะจะต้องอยู่ที่โรงพยาบาลไปจนกว่าแกจะมีความรู้ความสามารถมากพอที่จะดูแลมันได้  แล้วจะยกเรื่องของวายะให้แกจัดการ  วายะยังมีภาระยุ่งยากบางอย่างอยู่อีก  ซึ่งฉันจะให้แกจัดการทั้งหมด  แกจะได้เรียนรู้ถึงชีวิตและอดีตของวายะด้วย  จะได้รู้จักคนที่ตัดสินใจจะอยู่ด้วยไปทั้งชีวิต”

คนที่ตัดสินใจจะอยู่ด้วยไปทั้งชีวิต...คำพูดนี้กระทบใจโทโมกิอย่างแรง  ใช่...จนกว่าความตายจะแยกพวกเขาจากกัน  ไม่ว่าวายะจะลืมตาขึ้นมาก่อนหรือไม่  เขาก็จะดูแลวายะไปจนตาย...

...เพราะนี่คือคนเพียงคนเดียวที่ต้องการเขา...

...

รถเบนซ์สีดำคันงานเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าเรือนใหญ่ของบ้านโอโนเสะ  บรรดาชายหนุ่มที่ทำงานอยู่แถวนั้นรีบวิ่งมาตั้งแถวต้อนรับ

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ  คุณหนูโทโมกิ!!”

“กลับมาแล้วครับ  ทุกคน”  หนุ่มน้อยผู้มีเรือนผมสีดำยาวปรกต้นคอเอ่ยทักทายทุกคนที่นั่น  ที่จริงเขาออกจากบ้านไปทำธุระแค่ไม่นานเท่านั้นเอง

โทโมกิเดินเข้าเรือนใหญ่เกือบจะพร้อม ๆ กับที่นายแม่เดินมารับเขาที่หน้าประตู

“กลับมาแล้วเหรอคะ  โทโมกิซัง”

“กลับมาแล้วครับ  นายแม่”

“คุณอันนะเป็นยังไงบ้างคะ?”  ยูคาริถามพลางวางรองเท้าสำหรับใส่ในบ้านให้ลูกชายคนเล็ก

“ก็เหมือนเดิมครับ  ยืนยันไม่ยอมย้ายมาอยู่ที่นี่  ยังสนุกกับงานที่ซางะน่ะครับ”  โทโมกิตอบพลางถอนใจนิด ๆ

“ทั้งที่ลูกชายอยู่ที่นี่น่ะนะคะ...ใจแข็งจริง ๆ เลย”

“นายแม่ก็ใจแข็งนี่ครับ  คุณพี่ฮิโรอากิหนีไปเรียนเมืองนอกตั้งสองปีแล้วยังไม่ยอมโทรไปสักครั้งเลย” เด็กหนุ่มเอ่ยถึงพี่ชายคนเล็กที่ปฏิเสธไม่ยอมรับงานที่ลูนาติก  คลับแล้วหนีไปเรียนต่อที่อังกฤษ

“ก็ฮิโรอากิซังเขาตัดสินใจเองนี่คะ  จะมาคร่ำครวญว่าเหงาหรืออะไรไม่ได้หรอก  แล้วยังไงจูอิจิโร่ซังก็ไปเยี่ยมบ่อย ๆ อยู่แล้วด้วย  แค่ดูแลบ้านก็ไม่มีเวลาโทรศัพท์แล้วละค่ะ”  ยูคาริบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“พูดเหมือนอันนะซังเลยครับ...บอกว่าชุนตัดสินใจเองถึงได้กลายเป็นแบบนี้  ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะยุ่งด้วย  เธอยังมีภาระอยู่ทางโน้นอีกเยอะ”  โทโมกิยิ้มน้อย ๆ เมื่อคิดไปถึงผู้เป็นมารดาของวายะ

นับตั้งแต่เกิดเรื่องกับพวกเขาจนวายะต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา  โอโนเสะควานหาตัวอันนะจนเจอและแจ้งเรื่องทั้งหมดให้ทราบ  อันนะรีบขึ้นมาโตเกียวทันที  โทโมกิยังจำได้ถึงภาพของเธอที่ยืนอยู่ข้างเตียงลูกชายด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง...เป็นใครก็คงช็อคทั้งนั้น  ที่เห็นลูกตัวเองเป็นแบบนี้...ไม่สิ  บางทีพ่อแม่เขาอาจจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็ได้มั้ง...โทโมกิบอกกับตัวเอง

แต่แล้วอันนะก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด  เธอทุบเปรี้ยงลงกับแผ่นอกของวายะเต็มแรงพร้อมกับกรีดเสียงใส่

“ไอ้เด็กบ้า!!!!  ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!!  คิดว่าแกล้งทำเป็นหลับแบบนี้แล้วจะหนีปัญหาได้หรือไง!?  แกทำอะไรกับคุณหนูเขาเอาไว้น่ะ  ลุกขึ้นมารับผิดชอบเดี๋ยวนี้นะยะ!!”

“วายะซังครับ!  ใจเย็น ๆ ไว้ครับ!!  วายะซัง!”  โอโนเสะกับทาคายะช่วยกันจับอันนะไว้

แต่อันนะยังอาละวาดทุบตีพร้อมกับด่าทอวายะต่อไปอีกครู่ใหญ่  ก่อนจะทรุดลงสะอื้นไห้

“บ้าที่สุด!  ไหนบอกว่าจะกลับมาดูแลเด็กคนนั้นไง...แล้วนี่อะไร...มานอนอยู่แบบนี้  มันหมายความว่ายังไง...ไอ้เด็กบ้า!...บ้า...”
เป็นโทโมกิที่เข้าไปนั่งข้าง ๆ อันนะและกุมมือเธอไว้

“ชุนต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแน่ครับ  คุณป้า...ชุนจะต้องไม่เป็นอะไรครับ”

อันนะจ้องมองโทโมกิเต็มตาเป็นครั้งแรก  ความรู้สึกหลากหลายส่งผ่านมาทางดวงตาคู่นั้น  ราวกับเธอกำลังเห็นสิ่งอัศจรรย์บางอย่างในคำพูดของโทโมกิ

“...โทโมะ...ใช่มั้ยจ๊ะ?”

“...ครับ”

อันนะยิ้มบาง ๆ ก่อนจะลูบแก้มของเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน  “ในที่สุดก็ได้เจอตัวเจ้าของชื่อบนอกไอ้เด็กบ้านั่นเสียที...น่ารักมากจ้ะ  เหมือนรันจังไม่มีผิด...”

แล้วเธอก็กอดโทโมกิไว้แน่นพร้อมกับพร่ำขอโทษในสิ่งที่ลูกชายได้ทำเอาไว้

ตลอดหลายวันที่อันนะพักอยู่ที่โตเกียว  โทโมกิได้พูดคุยกับเธอหลายอย่าง  เธอทำใจเรื่องวายะได้รวดเร็วเหลือเกิน  แม้จะยังเห็นแววความเศร้าอยู่บนใบหน้านั้นอยู่บ้าง  แต่เธอก็สามารถเล่าเรื่องซุกซนในวัยเด็กของวายะได้ทั้งที่นั่งกุมมือชายหนุ่มอยู่ข้างเตียง

โทโมกิได้รู้จักรันจังในตอนนั้นเอง  ผู้ชายที่มีใบหน้าเหมือนกับเขา...ผู้ซึ่งตกเป็นเหยื่อความรักอันผิดปรกติของวายะเป็นคนแรก  และเมื่อได้รับภาระเรื่องวายะทั้งหมดจากโอโนเสะ  โทโมกินั่นเองที่เป็นคนที่ส่งเงินค่ารักษารันมารุไปที่ซางะทุกเดือน

โอโนเสะและโทโมกิพยายามขอร้องและเกลี้ยกล่อมอันนะให้ย้ายมาอยู่ที่โตเกียวเพื่อจะได้อยู่ใกล้ ๆ ลูกชาย  แต่เธอปฏิเสธ...หลายปีที่ผ่านมาเธอปฏิเสธคำขอนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยรอยยิ้ม

“ฉันเป็นคนสอนให้ชุนเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง  และนี่เป็นเส้นทางที่ชุนเลือก  ฉันไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวด้วยหรอกค่ะ  เขาอยู่ได้โดยไม่มีฉัน  และฉันก็อยู่ได้โดยไม่มีเขา  เราเป็นแม่ลูกกันแบบนี้  ถ้าคุณยืนยันว่าจะรับผิดชอบดูแลเขา  ฉันก็วางใจค่ะ  แต่รับรองค่ะว่าฉันจะมาเยี่ยมชุนให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้”
หัวข้อ: Re: All I want 26 (หน้า24) 1/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 08-06-2012 22:36:09
อันนะมาเยี่ยมวายะปีละสองถึงสามครั้ง  มาอยู่แต่ละครั้งนานเป็นอาทิตย์  เธอให้ความรักและเอ็นดูโทโมกิเหมือนลูกชายคนหนึ่ง  และขอบคุณเขานับครั้งไม่ถ้วนที่อุตส่าห์เลือกเรียนพยาบาลเพื่อวายะ  และถึงกับลงมาแสดงความยินดีเมื่อโทโมกิเรียนจบ

“เป็นผู้หญิงทำงานเก่งนี่น่าสนุกดีนะคะ”  ยูคาริเอ่ยขึ้น

“...นายแม่ไม่เคยคิดอยากไปทำงานนอกบ้านบ้างเหรอครับ?”  โทโมกิเคยคิดอยู่เสมอว่าบางครั้งยูคาริเองคงนึกเปรียบเทียบตัวเองกับอันนะเช่นกัน

นายหญิงแห่งตระกูลโอโนเสะหัวเราะน้อย ๆ  “ตอนก่อนแต่งงานน่ะเคยคิดค่ะ  แต่พอแต่งงานกับฮิซาโนบุซังแล้วก็ไม่รู้จะคิดไปทำไม...นอกจากเรื่องในบ้านจะยุ่งจนไม่มีเวลาจะคิดเรื่องอื่นแล้ว  บางทีก็ต้องช่วยฮิซาโนบุซังแก้ปัญหาเรื่องคนอีก”

“เอ๊ะ  คุณพ่อโอโนเสะปรึกษากับนายแม่ด้วยเหรอครับ?”  เขาคิดว่ายูคาริรับผิดชอบเฉพาะเรื่องในบ้านอย่างเดียวเสียอีก

“ใช่สิคะ  ใครจะเข้าใจเรื่องเด็ก ๆ ได้ดีกว่าผู้หญิงล่ะคะ  ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน  คิริฮาระซังไม่ได้เป็นมานายแบบอยู่อย่างนี้หรอกค่ะ...เอาละ  ขอตัวนะคะ  ให้โนงุจิซังแต่งต้นไม้ในสวนไว้  ต้องไปดูหน่อยน่ะค่ะ”  พูดแล้วยูคาริก็เดินจากไป  ปล่อยให้โทโมกิยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น

แล้วเด็กหนุ่มก็หัวเราะออกมาเบา ๆ  ลักษณะภายนอกของยูคาริกับอันนะไม่เหมือนกันเลยสักนิด  ยูคาริดูอ่อนหวานแต่เข้มแข็งแบบผู้หญิงญี่ปุ่นแท้ ๆ  ในขณะที่อันนะกระฉับกระเฉงคล่องแคล่วแบบผู้หญิงตะวันตก  แต่ในส่วนลึกแล้วเหมือนกันไม่มีผิด  ทั้งเข้มแข็ง  เฉลียวฉลาด  และมั่นคงในวิถีชีวิตของตนยิ่งกว่าใคร...เป็นแม่ที่วิเศษในความคิดของโทโมกิ


“กลับมาแล้ว  ชุน”  โทโมกิพูดพร้อมกับเปิดประตูบานเลื่อนออก

ร่างสูงนอนนิ่งอยู่บนฟูก  ข้างที่นอนมีอุปกรณ์จำเป็นสำหรับผู้ป่วยจำพวกที่ให้อาหารทางสายยางและอุปกรณ์สำหรับการขับถ่าย  โทโมกิเดินไปนั่งที่ข้างฟูกแล้วค่อย ๆ จับชายหนุ่มพลิกตัวจากท่านอนตะแคงให้นอนหงายเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ

โทโมกิพิศมองใบหน้าของคนที่หลับสนิท  แผลที่ศีรษะเรียบร้อยดีและยังคงมีหัวกระสุนฝังอยู่ข้างในนั้นเรือนผมสีทองที่เจ้าตัวเคยภูมิใจเป็นหนักหนา  บัดนี้เป็นสีดำสนิทและยาวไปถึงกลางหลัง  โทโมกิเคยตัดผมให้ชายหนุ่มหลายครั้งแต่ก็ยังปล่อยให้ผมของวายะยาวไปอย่างนั้น  เผื่อว่าสักวันหนึ่งที่ชายหนุ่มลืมตาขึ้น  จะได้ย้อมสีและตัดทรงอย่างที่เคยทำได้เลย  ผมสีดำทำให้ดวงหน้าของวายะดูเครียดขรึมและเผือดขาว...ไม่คุ้นตา...ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่คุ้นตา  วายะคนที่โทโมกิคุ้นเคยคือผู้ชายร่างสูงผมทองท่าทางหยิ่งยโสเท่านั้น

เด็กหนุ่มลูบแขนของวายะเบา ๆ แล้วก็สะท้อนใจ  ร่างกายใหญ่โตที่เคยเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อบัดนี้ผอมซูบ  แขนแข็งแรงที่เคยโอบกอดเขาไว้บอบบางลงถึงเพียงนี้  แม้จะคอยบริหารอยู่สม่ำเสมอแต่กล้ามเนื้อก็ฝ่อลีบลงทุกที...นานเหลือเกิน  วายะนอนอยู่อย่างนี้มานานเหลือเกินแล้ว  จนแทบจะกลายเป็นคนที่เขาไม่รู้จักไปเสียแล้ว

น้ำตากำลังจะหยดไหลเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“ประทานโทษครับ  คุณหนู”

โทโมกิรีบเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว  “มะ...มีอะไรเหรอ?”

“มีจดหมายมาน่ะครับ  จ่าหน้าซองถึง...วายะซัง”

โทโมกิสะดุ้งวาบ...จดหมายถึงวายะ  จากใครกัน?...เขารีบลุกไปเปิดประตูห้องแล้วรับจดหมายมา  ลายมือที่ไม่คุ้นเคยปรากฏอยู่บนซองจดหมาย  เด็กหนุ่มพลิกดูชื่อผู้ส่ง

...โอมิยะ  อิจิโร่  จากซางะ...

แม้จะไม่เคยได้ยินชื่อนี้แต่โทโมกิรู้ว่าคนคนนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับวายะเป็นแน่  เขากลับไปนั่งที่ข้างที่นอนของวายะ

“ชุน...มีจดหมายจากคนที่ชื่อโอมิยะซังแน่ะ  รู้จักใช่มั้ย?  เดี๋ยวฉันจะอ่านให้ฟังนะ”

โทโมกิฉีกซองจดหมายแล้วคลี่กระดาษเขียนจดหมายออกอ่าน

“สวัสดี  วายะ  เธอบอกให้ฉันติดต่อมาเมื่อถึงเวลา  ฉันก็ติดต่อมาตามสัญญาแล้ว”  เด็กหนุ่มขมวดคิ้วนิดหน่อยกับข้อความที่ขึ้นต้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแต่ก็อ่านต่อไป

เนื้อความในจดหมายสั้น ๆ นั้นมีอยู่ว่า


สวัสดี  วายะ

เธอบอกให้ฉันติดต่อมาเมื่อถึงเวลา  ฉันก็ติดต่อมาตามสัญญาแล้ว

การผ่าตัดของรันมารุเมื่อปีที่แล้วเป็นไปด้วยดี  และการฟื้นตัวก็ดีมาก  หลังจากทำกายภาพบำบัดอยู่หลายเดือน  รันมารุก็เดินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้เท้าแล้ว  และเดินได้นานขึ้นด้วย  ตอนนี้เขาก็เดินไปทำงานทุกวันแล้ว

จริงอยู่ว่าถ้าต้องไปไหนไกล ๆ ให้นั่งรถเข็นจะสะดวกกว่า  แต่ถ้าฝึกเดินอีกหน่อยก็จะกลับมาเดินได้เหมือนเดิมเอง  และหมอบอกว่าไม่ต้องทำการผ่าตัดอะไรอีกแล้ว

เพราะงั้นนะ  วายะ...ไม่จำเป็นต้องส่งเงินมาแล้ว  เงินที่เธอส่งมาให้ตลอดก็ยังเหลือ  ซึ่งฉันตั้งใจจะเก็บสะสมไว้ซื้อบ้านเล็ก ๆ สักหลังในละแวกนี้  รันมารุเคยบอกเธอหรือเปล่าว่าเขาฝันอยากมีบ้านที่มีบริเวณ  ถ้าไม่เคย...แปลว่านี่เป็นความฝันที่เขามีร่วมกับฉัน  ไม่ใช่มีกับเธอ...อย่าหาว่าเยาะเย้ยเลยนะ  แต่ฉันดีใจมากเลยว่ะ

ฉันขอรับรันมารุไว้ละนะ  และสัญญาว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุดจนกว่าจะตายจากกันเลย  แล้วก็ขอบคุณสำหรับแหวนแต่งงานที่เธอให้ไว้  รันมารุใส่ติดนิ้วไม่ยอมถอดเลยละ


สุดท้ายนี้ก็ขอให้เธอมีความสุขกับคนที่เธอเลือก  อย่าให้แพ้ฉันล่ะ

ถ้าโชคชะตากลั่นแกล้ง  เราคงได้เจอกันอีก


ลาก่อน

โอมิยะ  อิจิโร่


ตัวหนังสือตรงหน้าพร่าเลือน  แล้วหยดน้ำตาก็ตกต้องกระดาษ  โทโมกิรีบปาดเช็ดมันออกโดยเร็ว  แต่น้ำตายังคงไม่หยุดไหล

ขอให้มีความสุขงั้นหรือ...ผู้ชายคนนั้นไม่รู้สินะว่าเขาต่างหากที่เป็นคนส่งเงินไปให้แทนวายะตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้  ที่ส่งจดหมายมานี่ก็เพราะเขาเผลอใส่ที่อยู่เป็นที่นี่ลงไปเสมอด้วยความเคยชิน  โอโนเสะจ่ายเงินรายเดือนให้วายะส่งกลับไปบ้านเกิดอย่างสม่ำเสมอตามที่สัญญาไว้  และผู้ชายคนนั้นคือคนที่รับรันจังของวายะไปดูแลและสร้างครอบครัวอย่างมีความสุข

...แล้วเขาล่ะ...อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าความสุข...

“ชุน...โอมิยะซังเขา...บอกให้มีความสุขมาก ๆ แน่ะ...แล้วตอนนี้  ชุนมีความสุขหรือเปล่า?...”

โทโมกิซบหน้าลงกับอกของวายะแล้วสะอื้นไห้


หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับโทโมกิและวายะ  โอโนเสะได้ตัวไซงะ  คาซุกิในที่เกิดเหตุคาหนังคาเขาในสภาพบอบช้ำเหมือนผ้าขี้ริ้ว  ห้องขังของลูนาติก  ลัสท์คือที่ไปของคาซุกิโดยไม่ต้องไต่สวน  และบทลงโทษที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าความตายก็รออยู่ที่นั่น
ห้องขังที่โอโนเสะส่งคาซุกิเข้าไปไม่ใช่ห้องแบบที่วายะเคยโดนขัง  แต่เป็นห้องพิเศษสำหรับกิจกรรมทรมานโดยเฉพาะ  ในห้องมีอุปกรณ์มากมายเช่นพวกโซ่  รอก  ม้าไม้  และขื่อคา  เพื่อใช้ในการถ่ายแบบหรือถ่ายภาพยนตร์...และในวันนั้น  กล้องวิดีโอหลายตัวก็ถูกในมาติดตั้งในห้องนี้  โดยไม่รอให้คาซุกิได้ฟื้นตัวจากการบาดเจ็บ

“เรียลลิตี้ SM โชว์”  คือภาพยนตร์พิเศษที่ถูกจัดแทรกเข้ามาในลำดับกระบวนการผลิตของลูนาติกลัสท์  นักแสดงนำคือคิริฮาระ  ยู  นายแบบตลอดกาล  โดยมีผู้ช่วยเป็นโทคิโตะ  โฮสต์ระดับต้น ๆ ของลูนาติกคลับที่เพิ่งได้รับบทในภาพยนตร์เป็นครั้งแรก

ตลอดหนึ่งอาทิตย์แห่งการคุมขัง  คิริฮาระประเคนเอาความคลั่งแค้นที่ถูกพรากเอาคนที่เป็นเสมือนพี่ชายไปใส่คาซุกิไม่ยั้ง  ทุกการลงโทษและการทรมานถูกงัดมาใช้กับนักโทษเท่าที่จะคิดได้  เพียงแค่สามวันแรก  คาซุกิก็ได้ทำความรู้จักกับอุปกรณ์ทุกชนิดในห้องนั้นและทรมานจนแทบกระอักเลือด  แม้จะได้รับอาหารบ้างแค่กันตายแต่ก็แทบไม่ได้ดื่มได้กินอะไรนอกไปจากน้ำรักของผู้คุมทั้งสอง  ไม่มีโอกาสได้เอนหลังแตะพื้นแม้แต่ในตอนที่หมดสติ  ร่างของเขาถูกแขวนกับโซ่ที่ห้อยลงมาจากเพดานตลอดเวลา

“ฉันจะทำให้แกรู้จักใช้แต่ประตูหลังจนไปนอนกับผู้หญิงที่ไหนไม่ได้อีกเลย!!”  คิริฮาระประกาศกร้าวและก็ทำเช่นนั้นจริง ๆ

กว่าจะสิ้นสุดความทรมาน  ช่องทางด้านหลังของคาซุกิไม่เคยได้ว่างเว้นจากสิ่งแปลกปลอมที่ถูกนำมาสอดทิ้งไว้ตลอดเวลา  ถูกโทคิโตะข่มขืนครั้งแล้วครั้งเล่า  ถูกคิริฮาระย่ำยีเสียจนแทบไม่เหลือความเป็นคน

แล้วโอโนเสะก็ปล่อยตัวเขาออกมา...เพื่อต่อรองกับไซงะกรุ๊ป

ความเสียหายที่คาซุกิทำไว้กับโทโมกิถูกคิดบัญชีทบต้นทบดอกจนไซงะกรุ๊ปต้องสูญเสียธุรกิจในมือทั้งหมดให้กับลูนาติก  ลัสท์  และมันยิ่งเลวร้ายลงไปอีกเมื่อมีคนบางกลุ่มในไซงะกรุ๊ปพยายามต่อกรกับลูนาติก  ลัสท์อีกครั้ง  และนั่นทำให้ภาพยนตร์ที่ถูกถ่ายไว้ออกวางจำหน่ายทันทีในชั่วข้ามคืน

ด้วยชื่อของคิริฮาระทำให้ภาพยนตร์เรื่องนั้นขายดีถล่มทลายจนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครทำลายสถิติได้!!

คาซุกิไม่มีหน้าจะอยู่ในญี่ปุ่นอีกต่อไป...และไม่มีหน้าจะไปอยู่ตรงส่วนไหนของโลก  ใครก็ตามที่อยู่ในวงการ SM ย่อมจะรู้จักหน้าเขาจากภาพยนตร์เรื่องนั้น  และเพราะสร้างความเสื่อมเสียอับอายให้กับวงศ์ตระกูลด้วยความโง่ของตนครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้คาซุกิถูกอัปเปหิออกจากตระกูล  เขาต้องใช้เงินเก็บของตนทำศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าและหนีไปอยู่ต่างประเทศ  ไม่เหลือตัวตนของไซงะ  คาซุกิอีกต่อไป


โทโมกิรู้เรื่องนี้จากฮิโรอากิ  แต่มันไม่มีความหมายอะไรกับเขาอีกแล้ว  ในตอนนี้เขามีภาระอื่นที่ต้องทำ

เด็กหนุ่มทุ่มเทชีวิตให้กับการดูแลวายะ  หลังจากเริ่มเรียนพยาบาลได้ไม่นานเขาก็ขอให้โอโนเสะย้ายวายะมาไว้ที่บ้าน  ระหว่างที่เรียนอยู่  ในตอนกลางวันโอโนเสะก็จ้างพยาบาลมาคอยจัดการให้  ส่วนโทโมกิรับหน้าที่ตอนกลางคืนและคอยเป็นผู้ช่วยจนกระทั่งเรียนจบ

แม้การดูแลวายะจะเหนื่อยยากสาหัสแค่ไหน  แต่เขาไม่เคยทิ้งความหวังว่าวายะจะลืมตาขึ้น  ทุก ๆ วันโทโมกิจะคอยนวดไปตามร่างกายของวายะพร้อมกับพูดคุยด้วย  บางครั้งก็ร้องเพลงให้ฟัง...เขาไม่รู้ว่าวายะชอบเพลงอะไร  จึงร้องแต่เพลงที่ตัวเองชอบ  ในวันเกิดของเขาหรือของวายะและวันคริสต์มาสก็จะมีเค้กและของขวัญมาจัดงานฉลองเงียบ ๆ ที่ข้างฟูกนอน

โทโมกิพร่ำกระซิบบอกที่ข้างหูของชายหนุ่มอยู่เสมอ  ว่าเขารออยู่...แต่การรอคอยนั้นช่างแสนยาวนาน  กว่าหกปีแล้ว...วายะยังคงนอนหลับสนิทโดยไม่มีสัญญาณใด ๆ บ่งบอกว่าจะตื่นขึ้นมาได้  หลายครั้งที่ความเข้มแข็งพังทลายลง  โทโมกิก็จะกอดวายะแล้วร้องไห้อย่างนี้...เผื่อว่าสักวันหนึ่ง  วายะจะกอดเขาไว้แล้วปลอบโยนอีกครั้ง

นั่นเป็นความหวังที่รางเลือนยิ่งกว่าความฝันในความฝัน  วายะไม่เคยตอบสนอง  ไม่เคยรู้สึกรู้สาแม้กระทั่งตอนที่เขาสุดจะอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองและอาละวาดเอากับร่างที่นอนนิ่งนั้นจนคนอื่น ๆ ต้องเข้ามาช่วยกันห้าม  โอโนเสะเคยถามอยู่หลายครั้งว่าเขาจะเปลี่ยนใจไปจ้างพยาบาลมาดูแลต่อไหม  แต่โทโมกิก็ปฏิเสธและพยายามทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม

ชื่อของเขาสลักไว้บนแผ่นอกนั้นแล้ว...เขาจะต้องดูแลของของเขาให้ดีที่สุด...แม้จะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตก็ตามที

...เพียงแต่...


“ถ้า...ในความฝันมีความสุข  ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ...ชุนจะอยู่กับรันจังฉันก็ไม่ว่า...แต่...ชุน...”  น้ำเสียงเหือดหายไปในลำคอ  “ฉันไม่มีความสุขเลย...ในขณะที่ใคร ๆ ก็มีความสุขกัน  มีแต่ฉันคนเดียว...ไหนบอกว่าฉันเป็นของชุนคนเดียวไง  แล้วทิ้งฉันไว้แบบนี้น่ะเหรอ?...อุตส่าห์ได้ฉันคืนไปแล้วทั้งที  แล้วทิ้งฉันไว้แบบนี้น่ะเหรอ...ชุน...นี่ไง  โอมิยะซังบอกว่าชุนไม่ต้องรับผิดชอบรันจังแล้วไง  ก็รับผิดชอบฉันซี่  ชุนเป็นคนเดียวในโลกที่ต้องการฉันนะ...ฉันที่แม้แต่พ่อแม่ตัวเองยังไม่ต้องการ...ชุนต้องการฉันไม่ใช่เหรอ  แล้วทิ้งฉันไว้อย่างนี้ได้ยังไง...ชุน...”

โทโมกิพร่ำพูดแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน  แต่ครั้งนี้เขากลั่นมันออกมาจากความรู้สึกรวดร้าวลึกล้ำ  แม้แต่รันจังยังมีความสุขได้  แล้วเขาล่ะ...เขาจะไม่มีสิทธิ์มีความสุขบ้างเลยหรือ  ทั้งที่เขาสามารถก้าวข้ามกำแพงแห่งความกลัวของตัวเองมาได้แล้ว...เขาจะมีความสุขบ้างไม่ได้เลยหรือ

เด็กหนุ่มซุกอยู่กับอกกว้างสะท้านร่างสั่นด้วยแรงสะอื้นอยู่เป็นนานกว่าจะสงบลงได้  เขาไล้ปลายนิ้วไปตามรอยแผลที่สลักเป็นชื่อของตนบนแผ่นอกนั้น...คิดไปถึงห้องไร้กาลเวลาแห่งนั้น  คิดถึงอกกว้างที่เคยหนุน  คิดถึงเสียงหัวใจคุ้นเคยที่อยู่ใต้แผ่นอกนี้...

พลันก็แว่วเสียงถอนใจและแรงสะเทือนแปลกประหลาดจากอกที่หนุนซบอยู่  โทโมกิเบิกตากว้าง...เขาหูแว่วไปเองงั้นหรือ...ไม่หรอก  แรงสะเทือนแปลก ๆ นั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง  พร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นเร็วขึ้น

โทโมกิยันกายลุกขึ้นแล้วจ้องขวับไปที่ใบหน้าของวายะทันที  แล้วก็ได้พบกับดวงตาสีเข้มที่จ้องมองมาก่อนแล้ว!!

ริมฝีปากของชายหนุ่มขยับแผ่วเบา  พยายามเอื้อนเอ่ยเป็นถ้อยคำที่ไร้เสียง  หากโทโมกิรับรู้ได้...


“...โทโมะ...”


ปาฏิหาริย์...โทโมกิบอกกับตัวเอง  หากนี่เป็นความฝันก็อย่าให้เขาตื่นขึ้นมาตอนนี้เลย  ให้เขาได้ฝันอย่างนี้ต่อไปเถอะ...

แต่นี่ไม่ใช่ความฝัน  เมื่อริมฝีปากนั้นขยับเรียกชื่อเขาอีกครั้ง

“...โทโมะ...”

“ชุน!  ชุน!!”

โทโมกิผวาเข้ากอดวายะแน่น  น้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลไปไม่นานหลั่งรินออกมาอีกครั้ง  หากครั้งนี้มันหลั่งออกมาด้วยความปีติตื้อในหัวใจ...ปาฏิหาริย์ที่เขาเฝ้าหวังมาตลอดหลายปีเป็นจริงแล้ว  ความเชื่อที่เขาไม่ยอมทิ้งมันไป  ในที่สุดก็สื่อไปถึงวายะแล้ว!!
เด็กหนุ่มจับมือผอม ๆ ของวายะมาจูบเบา ๆ ที่ฝ่ามือแล้วแนบลงกับแก้มของตน

“นายมาช้าอีกแล้วนะ...ชุน...คนบ้า...”

เรียวปากแห้งผากเหยียดออกเป็นรอยยิ้มที่คุ้นเคย...แม้จะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะได้วายะคนเดิมกลับคืนมา  แต่มันคงไม่หนักหนาไปกว่าหลายปีที่ผ่านมานี้หรอก...ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์  แต่เพียงเท่านี้เวลาของพวกเขาก็จะเดินไปด้วยกันอีกครั้ง  แม้จะไม่ใช่ในห้องไร้กาลเวลาแห่งนั้นก็ตาม...

...

สายลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาปะทะใบหน้าพร้อมกับกลีบดอกซากุระที่ร่วงพริ้วลงมาบนถนน  มือใหญ่ยกขึ้นเสยเส้นผมสีทองที่ปลิวระใบหน้าออก

“อากาศดี  แต่ลมแรงไปหน่อยนะ”  ร่างบนเก้าอี้รถเข็นบ่น

“ก็เรื่องปกตินี่นา  จะไปสนใจอะไรกับลม  สนใจดอกไม้สิ”  คนที่เดินเข็นรถให้ชี้ให้ดูซากุระย้อยกิ่งที่อยู่ในสวนของมหาวิทยาลัยที่เดินผ่าน

“ไอ้ต้นนั้นฉันเห็นทุกปีนี่นา”

“แต่ไม่ได้เห็นมาหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ  ดูซะให้หายคิดถึงสิ”

“ไม่ได้คิดถึงเสียหน่อย  คิดถึงกาแฟของมาสเตอร์มากกว่าอีก”

“เดี๋ยวก็ได้ดื่มแล้วน่า  ซื้อออกมานั่งชมดอกไม้ด้วยเลยมั้ยล่ะ?”

“ไม่ละ  อยากคุยกับมาสเตอร์มากกว่า”

“นั่นสินะ  มาสเตอร์ต้องตกใจแน่เลย  ถ้าเห็นหน้าชุนน่ะ”

“ต้องตกใจแหงอยู่แล้ว  ยิ่งนั่งรถเข็นมาแบบนี้...ให้ตายสิ  นี่มันกรรมที่ทำกับรันจังตามสนองชัด ๆ”  ชายหนุ่มหัวเราะพลางส่ายหน้าน้อย ๆ

“ก็ใช้คืนเขาให้หมด ๆ ไปซะ  แล้วจะได้ใช้คืนให้ฉันเสียที”

“หึ...จะชดใช้ให้ทั้งชีวิตเลยครับ  คุณหนูโทโมะ”

“อย่ามาประชดนะ”  พูดแบบนั้นแต่ก็หัวเราะเบา ๆ แล้วหยุดรถเข็นที่ประตูกระจกของร้านกาแฟเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

“โอ๊ะ  มีคนที่อยากเจออยู่ด้วยแฮะ”  พูดพลางยิ้มกว้างเมื่อเห็นเงาของใครอีกสองคนนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์

เสียงกระดิ่งที่แขวนไว้หน้าประตูร้านกาแฟดังขึ้นเมื่อผู้มาเยือนผลักประตูเข้าไป  แล้วก็ได้ยินเสียงทักทายที่คุ้นเคยดังต้อนรับ

“ยินดีต้อนรับครั...วายะซัง!!?”

“วายะ!!?”

“กลับมาแล้ว  มาสเตอร์  กลับมาแล้ว  คิริยู  และกระต่ายของคิริยูด้วย...”

ร่างสูงยกมือโบกทักทาย  แม้จะต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าเขาจะเดินมาที่นี่ด้วยขาของตัวเองได้อีก  แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก  เมื่อยังมีคนคุ้นเคยรอต้อนรับการกลับมาของเขาอยู่เสมอ

...และมีคนที่เป็นของเขาเพียงคนเดียวคอยอยู่เคียงข้างเสมอ...

วายะกุมมือโทโมกิแล้วบีบเบา ๆ


...เพียงแค่นี้ก็พอแล้วจริง ๆ...


13  มกราคม  2555


END

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาตลอดนะครับ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Minako ที่ 08-06-2012 22:53:54
โฮวววว สงสารวายะกะโทโมะ  :sad4:
สมน้ำหน้าคาซุกิโคตรๆ อ่านแล้วสะใจมาก สม!!!
....แต่ว่า.... จบแล้วหรอ  :sad4:
ยังอารมณ์ค้างอยู่เลย อย่าจบน้าาาาาา *เวิ่น
รักคนเขียน รักเรื่องนี้ ขอบคุณน้าที่แต่งเรื่องหนุกๆให้อ่าน  :กอด1:
ถ้าตีพิมพ์ขอเล่มนึงนะคะ 5555
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 08-06-2012 23:07:33
สเปเชียลลลลลลลลลลล  อังกอร์ตอนนึงได้ไหมคะ   ยังไม่สุด
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 08-06-2012 23:16:15
สุดท้ายก็ได้เข้าใจถึงความรักกันจริงๆ สักทีนะ  :L2:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: dear77 ที่ 08-06-2012 23:38:52
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆ มาให้อ่านค่ะ จะติดตามต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 08-06-2012 23:41:08
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ลุ้นๆ น่าตื่นเต้นค่ะ  :L2:

 :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: jiki ที่ 08-06-2012 23:44:49
เอ่อ จะเป็นไรไม๊ที่เราสงสารคาซุกิอ่ะ ตายไปเลยยังง่ายกว่าอีก

ตอนแรกเราหวังว่ามันจะมีเนื้อหาต่อยอดจากตอนต้นเรื่องไปอีกหน่อย แต่ว่า...ต่อตอนปัจจุบันแล้วจบเลยเหรอเนี่ย อยากให้ต่อไปอีกหน่อยจังเลย

ยังไงก็ตาม ลูกแมวก็อยู่กับเจ้าของอย่างมีความสุขแล้วสินะ ดีใจด้วยจ้า โทโมะจัง
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 09-06-2012 00:38:34
เอาจริงๆเลยนะ...
ไม่คิดว่าคนแต่งจะบีบหัวใจเราขนาดนี้ มันโคตรเจ็บปวดอ่ะ
ยิ่งตอนที่บรรยายถึงโทโมะกิที่ทำเพื่อวายะด้วยแล้วมันเศร้ามากอ่ะ
สุดๆเลย

เรื่องนี้คือ SM เรื่องแรกในบอร์ดนี้ตั้งแต่สมัครมาแล้วอ่านติดมากๆ
ชอบมากๆ มันไม่รุนแรงแบบเว่อร์ๆอ่ะ มันอยู่ในระดับที่รับได้
ชอบตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนสุดท้าย ไม่มีตอนไหนที่ไม่ชอบเลย
คนแต่งแต่งได้ดีมากๆ บรรยายลื่นไหลไม่มีตรงไหนขัดกันเลย
ความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัวเด่นชัด
ปกติถ้าตัวละครใช้ชื่อญี่ปุ่นเราจะอ่านเป็นการ์ตูน
แต่นี่คือนิยายวายเรื่องแรกที่เราอ่านเป้นชื่อญี่ปุ่น
เราอ่านเรื่องนี้วนอยู่สองสามรอบเพื่อรอตอนต่อไป
คือชอบมากจริงๆ

ขอบคุณคนเขียนนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน
ขอบคุณมากๆค่ะ ^^



 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 09-06-2012 01:43:35
 :pig4:+1 :pig4: สนุกอ่ะ ในที่สุดชุนก็ฟื้นมา แต่อยากอ่านชุนโทโมะ เยอะ ๆ อ่ะ เขาดีกันแค่ 2 ตอนเองง่ะ :z1:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 09-06-2012 05:00:47
อ๊ายยยยย จบแล้วเรอะ
ขอตอนพิเศษด้วยนะคะ

ร้องไห้ไปกับโทโมะด้วย และดดีใจมากกกกกที่วายะฟื้นขึ้นมา

ชอบตอนนี้คะ มีหลายอารมณ์แต่เข้ากันมา

แต่เค้ายังอยากได้ NC หลังจากวายะนอนมา 6 ปีอะ เหอๆ ไม่ค่อยเลยยย

ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องราวความรักในหลายๆแง่มุมมาให้อ่านค๊าา
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: คันจัง ที่ 09-06-2012 07:54:12
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ รอติดตามผลงานชิ้นต่อไป  o13
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: vocaloid ที่ 09-06-2012 08:14:11
จบแล้ว นิยายเรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ  :L2:
อยากได้ตอนพิเศษอีกนิดนึงอ่ะ
รู้สึกว่ามันจบเร็วไปหน่อย อาจจะมีตอนย้อนอดีตเยอะไปหน่อยมั้ง
เลยทำให้มาปัจจุบันช้า และน้อยไปหน่อยด้วย
รู้สึกอารมณ์มันค้างอ่ะ 55
แต่ถ้ามีหนังสือก็ซื้อนะคะ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 09-06-2012 08:18:19


    โฮ่ โทโมะลงทุนเรียนพยาบาลเลยเหรอเนี่ย
    จะน่ารักเกินไปแล้ว
    แต่ว่ายะนี่กินแรงชะมัด ต้องให้โทโมะดูแลตลอดเลยอ่า
    แต่อย่างน้อยทั้งคู่ก็มีความสุขละนะ ^ ^




   
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 09-06-2012 09:23:02
น้ำตาแทบจะไหลเลยอะ
อ่านแล้วซึ้งอะ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-06-2012 09:41:23
เป็นอีกเรื่องที่ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 09-06-2012 10:04:59
จบแล้วสิน่ะ น้ำตาคลอเลยT T ขอตอนพิเศษได้มัยค่ะ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 09-06-2012 10:10:35
จบแล้ว สนุกมากเลย
ซึ้งโคตร  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 09-06-2012 10:15:07
จบแล้ววว   :m2:
นึกว่านายจะไม่ตื่นขึ้นมาแล้วซะอีกชุน ฮื่อๆ   :sad4:
สนุกมากๆเลยฮะ จะรอติดตามผลงานต่อๆไปนะฮะ  :bye2:
              :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 09-06-2012 10:21:58
จบซะแล้ว

ซึ้งมากๆ  โทโมะน่ารักที่สุด

ขอตอนพิเศษแบบหวานๆของชุนโทโมะสักตอนได้ไหม
 
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 09-06-2012 11:52:36
ชุนจังได้ชดใช้กรรมที่กระทำไว้กับรันจังแล้ว
ด้วยการกลายเป็นมนุษย์ผัก :monkeysad:

โทโมะเข้มแข็งมาก ดูแลชุนตั้ง 6 ปี
ชุนต้องทะนุถนอม อ่อนโยนกับโทโมะให้มากๆนะ :กอด1:

คาซุกิโดนลงโทษแบบยิ่งกว่าตายทั้งเป็น โหดมากๆ  :try2:
แบบนี้ไม่มีใครกล้ายุ่งกับลูนาติกลัสท์แล้ว

ชูมืออยากอ่านสเปเชียลด้วยคนนะคะ :call:

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ :pig4:
+vote,duck
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 09-06-2012 13:56:48
จบจนได้แฮะ ไม่อยากให้จบเลยย  o22
ช็อคแทบตายตอนที่วายะโดนยิงอ่า เกือบร้องไห้ไปหลายหนด้วยตอนที่ยังไม่ฟื้นขึ้นมา  :m15:
พอฟื้นขึ้นมาก็ดีใจยิ่งกว่าถูกหวยซะอีก ในที่สุดทั้งโทโมะและวายะก็จะได้มีความสุขกันเสียที  :sad4:
อุปสรรคเยอะเหลือเกินจริงๆ สำหรับคู่นี้ แต่สุดท้ายก็จบอย่างแฮปปี้ล่ะนะ
ชอบสำนวนการแต่งของคุณ KOKURO จริงๆค่ะ ภาษาสวยมากๆ อ่านลื่นไหลไม่ติดขัดเลย
ส่วนเรื่องรวมเล่ม แนะนำว่าเอารูปการ์ตูนไว้เป็นรองปกดีกว่าค่ะ แล้วหน้าปกก็ปล่อยไว้โล่งๆ มีแต่ชื่อเรื่องก็ได้
ไม่ได้ไม่ชอบรูปการ์ตูนนะคะ เพียงแต่ถ้าหน้าปกมันส่อเกินไป เราจะไม่กล้าเอาไปอ่านในที่สาธารณะอ่ะ  :z3:
แต่นี่เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของเรานะคะ ไม่ต้องทำตามก็ได้ แค่ลองออกความเห็นดูเฉยๆ หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างน่ะค่ะ
อย่างไรก็ตาม เราจะรอติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ  :กอด1:

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 09-06-2012 15:41:52
จบซะแล้ว ชอบอ่ะ o13
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: karmdodcom ที่ 09-06-2012 18:01:27
จบแล้ว....(เสียดายจัง)
น้ำตาแทบไหลตอนสุดท้าย เหอๆ..
อยากอ่านเรื่องของมาสเตอร์จังเลยยยยยยยย T^T!!!!!
มาสเตอร์น่ะ!!! เฮ้ย!! ใช่ลูกชาย...จริงๆเร๊อะ!!
(เง้อ..แอบหวังให้นัตสึเมะรับนา...)
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 09-06-2012 18:51:10
จบแล้วอ่่อ  เหมือนยังไม่สุดในอารมณ์
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆแบบนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 09-06-2012 19:45:41
ถ้าวายะไม่ฟื้นนี่คงรู้สึกว่าโลกใบนี้โหดร้ายมาก

ขอบคุณค่ะ เรื่องนี้สนุกดีมากๆ รอติดตามผลงานต่อไป

ปล. เราชอบ nc คุณนะ ไม่ถึงขั้นหยาบโลน แต่ก็ไม่เลี่ยนซ้ำซากเหมือนขนบนิยายวายเรื่องอื่น
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 09-06-2012 20:17:24
จบแล้ววว
แต่ยังไม่อยากให้จบเลยอ่ะค่ะ
ต่างคน ต่างก็ก้าวผ่านอุปสรรค ปัญหากันแล้วอ่ะเนาะ
ทำให้โตขึ้น มีทัศนคติที่แตกต่างไปจากเดิมด้วย
ขอบคุณมากค่ะ

หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 09-06-2012 21:29:37
 :L2:ขอบคุณสำหรับนิยายที่มีมาให้อ่าน
สนุก แม้จะเศร้าและ"กดดัน"เป็นพักๆ
แต่ความรู้สึกว่ารักและรักมากมีมาเป็นระยะเลยทำให้ใจคนอ่านไม่เครียดเท่าไร
กดดันของจริง เรื่องต่อไป พี่ชาย รึ เรื่องมาสเตอร์ รึว่าพี่ชายกับมาสเตอร์ดี รึว่าเรื่องของคนที่มาเป็นพระเอกหนังตอนท้ายๆเรื่องนี้ดี :-[
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: THE MIN ที่ 09-06-2012 22:18:55
อยากได้


ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



เป็นกำลังใจแล้วก็รอเรื่องต่อไปนะคะ ><
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: dolphins ที่ 09-06-2012 22:58:00
ดีจังที่จบแบบนี้ เพราะลุ้นมากว่าจะแฮปปี้เอ็นดิ้งหรือเปล่า โทโมะเข้มแข็งมาก 6 ปีกับการรอคอย สุดยอด...
สนุกมาก ขอบคุณมากๆ สำหรับนิยายดีๆ อีกหนึ่งเรื่อง รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ
 :pig4: o13
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-06-2012 23:27:48
สนุกมากจ้า o13
ชอบๆๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: @Kanda@ ที่ 10-06-2012 03:03:48
จบดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!  o13 o13

จริงๆตอนแรกเราเกลียดเรื่องนี้มากอ่ะ! ไม่สิ ไม่ได้เกลียดเรื่องนะ เกลียดวายะ เกลียดรันจัง เกลียดทุกคนในเรื่องอ่ะ 5555  o12 จนเราเลิกอ่านไปตั้งแต่ตอนที่วายะทำท่าเหมือนว่าจะต้องทวงรันจังคืนมาให้ได้นี่คือแบบ ปิดอ่ะ!  :o211: พอ จบ ถ้าแกยังคิดอะไรแบบนี้ได้อยู่อ่ะนะ 5555 พอที(เราอ่านมาตั้งแต่บอร์ดนู้นอ่ะค่ะ)
พอเห็นว่าเอามาลงที่บอร์ดนี้ก็เปิดผ่านแบบแค้นฝังใจวายะ จนกระทั่งเห็นว่า  มันจบแล้วนะ!  :o เลยว่าจะแว้บมาส่องตอนจบเฉยๆ แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าต้องมานั่งอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นซะงั้น!!  :o8:
สนุกมากค่ะ!!!  o7 คือถึงเราจะรู้สึกแย่(ชิบหาย)กับตัวละครหลายๆตัว(มาก) แต่มันคือเรื่องของอดีตอ่ะ ทุกอย่าง ทุกคนโตขึ้น รู้จักรักขึ้น กลายเป็นคนขึ้นอ่ะ สุดยอดเลยค่ะ เราชอบเรื่องนี้มากเลย  :give2:
แต่ยังไม่น่าจบเลยอ่ะ!! เพิ่งจะมีความสุขกันแป้บเดียวเองงงงงงงง จบซะแล้ววว   :dont2: ทำคนอ่านเศร้า แซด รันทด หดหู่ ดราม่าตามไปแบบทั้งเรื่องแล้วอ่ะ! ให้เรามีความสุขกันแค่นี้เอง!!  :serius2: อย่างน้อยก็ขอตอนพิเศษ ไม่ก็ภาคสองก็ได้เลยค่ะ!!  :impress:(แต่….ว่ายะมันอายุเท่าไหร่อ่ะ 36 แล้วป่ะ? แก่ไปนะ 55555)

เราอยากสั่งหนังสือเล่มนี้อ่ะค่ะ มีรายละเอียดมั๊ยอ่ะคะ หรือดูที่ไหน? อย่างได้เก็บอ่ะ   o3
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 10-06-2012 11:11:02
กว่าจะตื่นนะวายะ ทำเอาโทโมะเสียน้ำตาไปเป็นลิตร(คนอ่่านด้วย) :z3:
ขี้เซาจริงๆ แต่ตอนจบถ้าเป็นแบบอนิเมนี่...นึกภาพออกมาทันทีเลย
เป็นตอนจบที่ชอบมาก o13
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: KJJ ที่ 11-06-2012 12:50:36
ฮือออ ร้องไห้เป็นสายเลือดในที่สุดก็ฟื้นซะที
เรื่องนี้สนุกมากจนหยุดอ่านแทบไม่ได้ ตอนแรกก็พอทำใจกับวายะนะ แต่พอรู้เรื่องรันจังแทบอยากจะฆ่ามันเลย
แต่ก็ได้รับโทษจากรันจังอย่างสาสมแล้ว และดีใจที่วายะรีบปรี่กลับมาหาโทโมะ เฮ้อออ กว่าจะรู้ใจทั้งคู่เลยนะ
ลุ้นแทบแย่

คนแต่งเก่งมากค่ะ อ่านแล้วเหมือนกำลังอ่านการ์ตูนเลย เห็นภาพทุกฉากทุกตอน บรรยายเก่งมาก และทำให้เราคิดถึงการ์ตูนญี่ปุ่นในลังเลย จะติดตามผลงานต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 11-06-2012 21:18:41
เป็นครั้งแรกที่ได้อ่านนิยายของ kokuro ซัง โหแต่งเก่งมากเลย  :sad4:
เป็นกำลังใจให้เกิดผลงานชิ้นต่อๆไปด้วยนะค๊ะ  :กอด1:

โมโมกิ น่ารักมากๆ เวลาดื้อก็น่ารัก โอโนเซะซังก็เป็นพ่อที่ดีมากๆ ชอบโอโนเซะซังที่สุดในเรื่องเลย ดูเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผล มีเวลาเล่นและจริงจัง ชุน ถึงจะเถื่อนแต่โดยพื้นฐานครอบครัวกับชีวิต ทำให้เป็นคนที่ไม่รู้จักวิธีที่จะรัก แต่เป็นคนจริงจังจริงใจมาก
มีความสุขจริงๆที่จบแบบมีความสุข ชอบเรื่องนี้มากๆเลยคะ 
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 24-06-2012 20:41:24
สนุกมากๆค่ะ อ่านไปก็ลุ้นไปเกร็งไป สงสารช่วงแรกมากๆเลย อ่านแล้วน้ำตาซึม (วายะเถือนที่ซู้ดดด แต่ชอบนะ :P)
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: khuan ที่ 25-06-2012 00:03:51
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีดีมาให้อ่าน  เป็นSM ที่ทำใ้ห้น้ำตานองพอๆกับDrama เลยที่เดียว
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: aezac ที่ 25-06-2012 02:22:58
อ่านไป ปวดตับไป

 o13 o13 o13 o13

ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน พอกับเรื่อง ยู+คิโยะ เลย
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: wasawath ที่ 30-06-2012 13:40:02
พึ่งเข้ามาอ่านแต่...ชอบมากกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: maykiz ที่ 06-07-2012 04:13:37
มันยอดเยี่ยมมากมายจริงๆ หลากหลายอารมณ์มากๆเลย ประทับใจมากที่สุดถึงที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณมากๆที่แต่งนิยายเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณตอนจบที่ทำให้โทโมะไม่ต้องเศร้าที่จะต้องรอชุน ชอบบบบ รักกกก ประทับใจ รักจับใจ สรรหาคำพูดไม่พอ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: shogun chai ที่ 06-07-2012 11:47:45
สุดยอดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: black-lily ที่ 12-10-2012 17:02:46
 :pighaun: o13
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: saladbar ที่ 12-10-2012 22:18:36
จิตมากกกกกกกกกกกกก
แต่คนอ่านชอบ จิตกว่าาา


 :haun5: :haun5: :o10:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 26-10-2012 12:01:29
สนุกมากค่ะ ทุกเรืองมีเหตุผลมีที่มาหมดเลย ชอบจัง เขียนดีมั่กๆ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: kim_khun_kwan ที่ 29-01-2013 16:13:10
 :sad4: :sad4:  ตามกลับมาอ่าน เคยอ่านไว้แต่นานแล้ว  ยังสนุกเหมือนเดิม  :impress2:

ไม่สิสนุกกว่าเดิมอีกก  รักเตอร์ที่สุด  :กอด1: ชุนโทโมะ จงเจริญ o13

ป.ล.  :z3: อ่านงง ตอนใกล้จบแต่ :z3:นึกขึ้นได้ว่ามันคือตอนแรก   :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 03-02-2013 17:05:37
 หลังจากอ่าน Come Closer จบ  ก็จดจ้องเรื่องนี้มานาน
เรื่องนั้นก็บีบหัวใจมากแล้ว   มาเรื่องนี้จะเป็นไงบ้าง
แล้วก็ทิ้งมานานเพราะใช้เวลาทำใจและรอให้จบก่อนดีกว่า
ขนาดจบแล้วยังไม่อยากเข้าดูตอนจบ  เพราะกลัวจบแบบ
ไม่แฮปปี้....จนกระทั่ง อยากอ่าน Comeฯ อีกรอบที่ 3
อ๊าว!!!!! ลบไปแล้วเสียดายสุด ๆ  เพราะชอบคิริฮาระ ยู มาก ๆ
(เอามาลงใหม่เถอะนะ....นักแต่งที่น่ารัก...อยากอ่านมาก..)
ทำใจเปิดแง้มนิด ๆ  ..อิอิ....ถึงจะเศร้าแต่สุขตอนสุดท้าย เอาวะ..
อ่านเลยดีกว่า.....โอย...บีบหัวใจน้ำหูน้ำตามาจากไหนมากมาย
แต่ถือว่าสุดยอดมาก    อ่านของท่าน 2 เรื่อง ติดทั้ง 2 เรื่องเลย
แต่งเก่งมากเลยนะ  o13   o13   o13
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: icetim ที่ 03-02-2013 21:43:35
น้ำตาคลอมาตลอดเรื่อง อ่านรวดเดียวจบเลย

สนุกมากเลยค่ะ 
เป็นกำลังใจต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 05-02-2013 19:44:22
 :m15: :monkeysad: ซึ้งมากมาย
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 27-03-2013 19:09:07
อ่านเรื่องนี้มานานแล้วววว เคยอ่านแล้วครั้งหนึ่ง ติดใจแต่หาชื่อเรื่องไม่เจอ
ไม่รู้ว่าตัวเองเคยแสดงความเห็นไปแล้วหรือเปล่า
แต่อยากจะบอกคนเขียนว่า

เรื่องเนี่ยสุดยอดดดดดดด!
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: -Blackcloud- ที่ 27-03-2013 22:23:18
รักเรื่องนี้จัง :o8:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: cokebundit ที่ 28-03-2013 01:28:19
 :mew1:ชอบมากๆเลย
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: poisongodx ที่ 28-03-2013 20:22:06
ขอบคุณค่ะ  :mew4:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 31-03-2013 15:10:30
เป็นเรื่องที่เอสเอ็มที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลยนะ

แต่สนุกมากอ่ะ  :katai2-1:

ขอบคุรนะคะที่แต่งเรื่องสนุกๆแบบนี้ให้อ่าน  :pig4:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 01-04-2013 02:38:39
สนุกมากครับ อ่านยาวไม่คิดพักเลย...
ผูกปมทำให้ไม่อยากจะวางมันลงเลยครับ อยากอ่านต่อมากๆ
สงสารทุกคน สงสาร รันจัง เบื่อชุน แต่พอชุนพยายามเพื่อโทโมะแล้วก็ยิ่งรักตัวละครเหล่านี้ครับ TT
โทโมะน่าสงสารมาก แทบจะไม่ได้เจอเรื่องดีๆ เลย แต่สุดท้ายก็ทำทุกอย่างเพื่อชุน

TT ชอบเรื่องนี้จังครับ ;-) ดีมากๆเลย
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: babimild1985 ที่ 10-09-2013 13:33:19
อินอ่ะ อินสุด ๆ อ่านไปน้ำตาไหลแบบไม่หยุดเลย
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 12-09-2013 19:20:43
เรื่องนี้มีทุกอารมณ์จริงๆ หื่น ซาดิสม์ เศร้า ซึ้ง แบบว่าลุ้นตามทุกตอนเลย
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: yui55 ที่ 24-11-2013 14:25:31
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ แบบได้อารมณ์ดาร์กมากกก

เป็นอีกหนึ่งเรื่องในดวงใจ    :mew1:  ที่อ่านแล้วทำให้อารมณ์สะเทือนใจดี 555

ยิ่งตอนที่เป็นเรื่องในอตีด ของวายะกับรันจัง บอกได้คำเดียวว่าบีบหัวใจมาก (อินมาก ถึงกับดาม่าเลยทีเดียว :mew6:)

สุดท้ายนี้ คืออยากอ่านเรื่อง come closer ค่ะ ยังไม่เคยอ่านเลย ไปตามลิ้งที่ให้ไว้แต่มันหายค่ะ

ช่วยดูให้หน่อยนะค่ะ อยากอ่านมากกก ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายสนุกๆแบบนี้ o13
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 24-11-2013 23:07:45
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ แบบได้อารมณ์ดาร์กมากกก

เป็นอีกหนึ่งเรื่องในดวงใจ    :mew1:  ที่อ่านแล้วทำให้อารมณ์สะเทือนใจดี 555

ยิ่งตอนที่เป็นเรื่องในอตีด ของวายะกับรันจัง บอกได้คำเดียวว่าบีบหัวใจมาก (อินมาก ถึงกับดาม่าเลยทีเดียว :mew6:)

สุดท้ายนี้ คืออยากอ่านเรื่อง come closer ค่ะ ยังไม่เคยอ่านเลย ไปตามลิ้งที่ให้ไว้แต่มันหายค่ะ

ช่วยดูให้หน่อยนะค่ะ อยากอ่านมากกก ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายสนุกๆแบบนี้ o13
Come closer ลองหาดูในเล้านะครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าลบไปหรือยัง ถ้าไม่มีแปลว่าลบไปหมดแล้วน่ะครับ ไม่มีในอินเตอร์เน็ทแล้วละครับ
ขอบคุณที่ตามผลงานนะครับ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: pee122 ที่ 19-04-2014 04:06:26
SM เข้มข้นจริงๆ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 20-04-2014 09:35:35
ชอบวายะกับโทโมะมากๆ มีความซับซ้อนด้านอารมณ์รักที่น่าเชื่อ สร้างเก่งจังเลย
อ่านแล้วเข้าใจสิ่งที่ต้องการสื่อสาร และรักตัวละครไปพร้อมๆกัน...เป็นความจิตที่เข้าใจได้
ชอบที่ล้วงก้นบึ้งและย้อนอดีตของตัวละครอย่างลึก ทำให้ไม่ค้างไม่อั้น คลี่คลายมาก
มีต้องปรับของในหัวขณะอ่านนิดๆด้วย เพราะทั้งเรื่อง "หัวใจกับร่างกาย" ของทุกคนถูกจับแยกจากกัน
คงตามสไตล์ SM ที่เซ็กส์ต้องถูกสนองให้ได้ถึงขีด (คนสายนี้ถ้าจะมีคู่ คงต้องมีความเข้าใจกันสูงสินะ)
รักส่วนรัก เซ็กส์ส่วนเซ็กส์...ทำให้ไม่ค่อยปลื้มคิริยูกับโอโนเสะนัก เพราะดันไปรู้สึกสงสารแฟนเค้าซะงั้น
ขอบคุณที่ตอนจบยังพอจะแฮปปี้ แค่ใช้กรรมมีกระสุนฝังหัว ไม่ต้องเป็นผักตลอดไป (แต่ถ้าปึ๋งปั๋งได้คงยิ่งดี)
//จะตามเรื่องอื่นของคุณต่อไปค่ะ ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 27-04-2014 20:03:24
ขอบคุณค่ะ เขียนได้สนุก เข้มข้น น่าติดตามมาก
เป็น SM หนักๆเรื่องแรกที่อ่านจบ ^^
เสียน้ำตาไปหลายตอนเหมือนกัน T_T
สุดท้ายยยย  เรื่องนี้มันสนุกจริงๆนะฮ๊าบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: namminzz ที่ 30-04-2014 01:57:15
เป็นนิยายsmที่ดราม่าสุดๆค่ะ555
ปกติไม่ชอบอ่านแนวนี้แต่ไม่รู้ทำไมเรื่องนี้ถึงนั่งอ่านจนจบ
สนุกมากค่ะ บางช่วงถึงกับแอบน้ำตาคลอ :o12:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 09-09-2014 22:50:16
 :mew4:
จิตใจกดดันอยู่ตลอดเวลา
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 02-10-2014 21:12:04
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ ขอบคุณที่มีนิยายดีๆแบบนี้ให้ได้อ่านะคะ ใจจริงอยากให้คนเขียนแต่งออกมาอีกหลายๆเรื่องจังเลย ชอบสำนวนภาษาและกำเดินเรื่องมากค่ะ บรรยากาศเป็นแบบญี่ปุ่นจริงๆ ไม่รู้สึกขัดเลย  :กอด1:

เป็นเรื่องแรกที่จัด SM ได้อย่างถึงใจและไม่เยอะจนเกินไป ชอบมากจริงๆค่ะ เสียดายมากที่มาเจอเรื่องนี้ช้า อดสั่งจองเก็บไว้เลย  :o12:

แต่ถ้ารีปริ้นเมื่อไหร่ อย่าลืมส่งข่าวบอกกันบ้างนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 31-12-2014 16:21:02
อ่านจบแล้วประทับใจมากเลยค่ะ
ไม่ค่อยเห็นเรื่องที่มาแนวมังงะอย่างนี้นานมากแล้ว
ชอบที่คุณบรรยายทุกอย่าง มันเลยทำให้เราเข้าใจ
เรื่องเป็นเหตุเป็นผล ไม่ได้มีอะไรเกินจริงไปเลย
เสียน้ำตาไปเยอะเลยค่ะ ความรักมันต้องมีอุปสรรคเยอะแยะจริงๆ
ซึ้งกับความรักของรันจังด้วยค่ะ เพราะรักจึงไม่อยากเกลียด
และความรักของโทโมกิ ที่ก้าวข้ามความกลัวของตัวเองมาได้
กว่าจะมีกันและกันมันยากนะคะ และคุณก็ถ่ายทอดออกมาได้ดีมากค่ะ
ขอชื่นชม และจะติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: LadyGreaz ที่ 25-02-2015 23:44:55
อ่านวันเดียวจบเลย
ติดมาก อินมาก สงสารวายะมาก แลกทั้งกายทั้งใจเพื่อให้ได้โทโมกกลับมาก
พอจะกลับมาแล้ววายะก็เผื่อจะฟิ้นขึ้นมาอีก โอ๊ยยยยยยย

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

แต่สนุกมากๆค่ะ เป็นกำลังใจให้กับคนเขียนนะคะ
ที่เขียนผลงานได้น่าติดตามขนาดนี้
ขอบคุณมากค่ะที่ผลิตผลงานดีๆออกมาให้ได้อ่านกัน ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: อุ๊ย ว๊ายวาย ที่ 06-03-2015 15:03:44
สนุกมากค่ะ เป็นนิยายที่สื่อความรู้สึกออกมาได้ดีมากๆเลย ภาษาก็สวย ถึงจะย้อนอดีตนานไปหน่อย แต่ก็สุดยอดมากค่ะ เรื่องไม่หลายตอนมาก พอให้เป็นกำลังใจในการอ่านด้วย แอบเสียดายที่เพิ่งรู้จักคนเขียนที่ดีและเก่งแบบนี้ เป็นนิยายที่รุนแรงที่เราชอบมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 06-03-2015 23:50:17
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 27-04-2015 18:51:50
อ่านจบแล้วววว สะเทือนใจไปหลายฉากหลายตอนเลย
ในที่สุดก็อ่านจนจบ สงสารทุกตัวละครในเรื่องนี้ ความรู้สึกของทุกคนมันดูบิดเบี้ยวไปหมด
ตอนแรกก็แอบลุ้นคนเขียนจะฆ่าตัวละครทิ้ง รึเปล่า?

แต่สุดท้ายก็ไม่ แถมจบลงด้วยดีอีก  :กอด1:
เอาเป็นว่าขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่นำมาแบ่งปันให้อ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 28-04-2015 11:07:21
สงสารทุกคนเลย
ทั้งรัน โทโมกิ
แต่สุดท้ายทุกคนก็มีความสุข  :hao5:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 12-12-2015 00:50:53
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ตอนปลายปี 2015 อ่านตั้งแต่ 3 ทุ่มจนถึง 8 โมงเช้า ตื่นมาก็อ่านต่ออีกจนจบ สะเทือนใจมากบีบมาก ตอนก่อนจบก็ตงิดแล้วว่าต้องหักมุมวายะจะเป็นไรมั๊ย เป็นจริงๆ ฮือ ดีที่ฟื้นได้ จะแฮปปี้ก็แฮปปี้ไม่สุด ขอจินตนาการต่อมา 2 คนมีความสุขแล้ววายะกลับมาเดินได้ทำงานได้เหมือนปกติในอีกปีนึงแล้วกันนะ วายะโดนที่หัวไม่ใช่ที่ขานี่ต้องเดินได้อยู่แล้ว ความจริงวายะก็ 36 แล้วสินะ เลี้ยงต้อยจริงๆเลยหมอนี่ ตอนนี้ต้องให้ต้อยเลี้ยงแทน แต่ไม่เป็นไรวายะหายแล้ว เย้
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: water ที่ 30-12-2015 14:22:59
วายะเอสเอ็มมาก น้องพึ่งอายุสิบห้าเอง ฮือ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 31-12-2015 08:45:22
รุนแรงมากเลย เหมือนรักมากก็พยายามทุกทางให้เค้าเป็นของเราเนอะ ดาร์กมากเรื่องนี้ สนุกๆๆ
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 03-02-2016 23:16:11
ปักๆ อยากอ่านผลงานของคนเขียนอีก  o13 o13
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 04-02-2017 23:14:46
โคตรจะ SM แบบ อ่านไป น้ำตาไหลไปตอนเรื่องรันกับชุน สงสารโทโมะ ที่เหมือนตัวแทน แต่พีคสุด ดันสงสารวายะ เห้อ

หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 06-02-2017 00:53:06
 :mew4:

เป็นเรื่องที่ทั้งเศร้าและหน่วงพอตัวเลยทีเดียว มันไม่ถึงกับเสียน้ำตานะคะแต่มันเจ็บจึกๆข้างในตลอดเวลาประมาณนั้น ได้รับบทเรียนดีๆจากเรื่องนี้เยอะแยะเลยค่ะ ระหว่างที่อ่านไปก็คิดอยู่ในหัวตลอดเวลาว่า จุดเริ่มต้นความผิดพลาดของเรื่องนี้มันอยู่ที่ไหนกันนะ สงสารโทโมะมาก แต่จะโทษชุนทั้งหมดก็คงต้องไปโทษคนรอบข้างในวัยเด็กที่หล่อหลอมให้เด็กชายชุนอ้างว้างและคิดอยากครอบครองสิ่งที่เป็นเพียงของเขาคนเดียวจนเกิดเหตุการณ์น่าเศร้าทั้งหลายนี้ แล้วยังต้องย้อนไปโทษทั้งคุณแม่อันนะและคุณตาคุณยาย ความคิดต่าง วัฒนธรรมดั้งเดิมไปนู่นอีก สุดท้ายก็ยอมแพ้และบอกตัวเองแค่ว่า ต้องรู้จักควบคุมและมีสติตลอดเวลา และคิดบวกเข้าไว้ ชีวิตจะได้ไม่เหี่ยวเฉา ไม่กลายเป็นคนขี้แพ้ อย่างที่โทโมะและกำลังใจจากคนรอบข้างทำให้ชุนฟื้นขึ้นมาในที่สุด

ปล.ตัวละครที่ประทับใจที่สุดคงเป็นคุณโอโนเซะที่มีส่วนช่วยอย่างมากในการหาทางกระตุ้นและเยียวยาพระนายของเรา ^^'
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 27-02-2017 10:49:39
ตอนแรกอ่านแล้วแอบงงๆ มาเก็ตตอนย้อนอดีตนี่แล

เก็บเป็นนิยายอีกเรื่องในความทรงจำเรียบร้อยแล้วค่ะ

ชอบตรงความเรียลของเรื่อง แต่ละตัวละครมีตรรกะความคิด มีบุคลิกของตัวเอง คนเขียนเก่งมาอะที่แต่งลื่นๆโดยที่แต่ละตัวละครไม่มีหลุดเลย นิสัยอย่างไรอย่างนั้นจนจบ ไม่ใช่อยู่ๆก็เปลี่ยนเป็นคนละคนแบบไม่มีสาเหตุ

ถึงจะอ่านมาถึงตอนจบแล้วแต่ยังสงสารโทโมะช่วงแรกๆอยู่เลย  :o12:

เป็นเรื่องที่smถึงแก่นดีคะ สายแข็งฟิน แหะๆ

ขอบคุณคนเขียนมากๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-09-2017 22:17:22
 :mew1:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 14-09-2017 06:55:02
เราไม่ค่อย อ่านแนวนี้เลย แต่ก็อ่านมาจนจบ เพราะอะไร ไม่รู้
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 14-09-2017 16:44:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: tawansun ที่ 14-11-2018 19:45:44
เคยอ่านcome closer ตั้งแต่2012 แล้วมะนติดอยู่ในใจมาหลายปีมากๆ แต่จำไม่ได้จำได้แค่พระเอกผมแดงจำดีเทลเรื่องได้แต่จำชื่อจำอะไรไม่ได้เลยแต่มันติดใจจนอยากอ่านอีกรอบอยากซื้อเก็บไว้ เลยไปนั่งรื้อเฟสหาโชคดีที่เคยโพสไว้เลยได้รู้ว่ามันคือcome closer แต่โชคร้ายคือหาซื้อไม่ได้ เราอยากเก็บเล่มมากทำยังไงดี
หัวข้อ: Re: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 22-09-2019 18:19:56
ซึ้งงงงงงงงงงงงง โอ๊ยยยดีใจด้วยจริงๆที่วายะ ซุนกลับมา นึกว่าจะ.... ซะแล้ว เป็นอะไรที่สนุกกกกมากกกกกกกก อะไรเนี้ยเพิ่งมาเจอ บทจะหน่วงก็หน่วง ทั้ง SM แต่มีบทให้คิดเยอะดี ความสับสนในใจความต้องการยังไง ขัดแย้งกัน กว่าจะยอมรับ สนุกกจริง อ่านละวางไม่ลงเลย บท nc นี้แบบ  :jul1: ดีใจที่ได้อ่าน ขอบคุณที่แต่งนะคะ แม้ผ่านมาหลายปี สนุกกก ชอบบบบบบอ่ะชอบ