อ่อก
ตอนไปเที่ยวนี่กินพลังชีวิตจริงๆ ชักคิดแล้วว่าสี่วันสามคืนมันเยอะเกินไป (สำหรับคนเขียนรึเปล่านะ!!!
)
---------------------------------------------------
红孔雀นกยูงแดง 8
รีสอร์ทที่จองในชื่อของลู่อี้เผิงมีรถมารับตอนที่ถึงสนามบิน แต่ก่อนหน้านั้นลู่อี้เผิงก็จำต้องทำหน้าที่เป็นเด็กยกกระเป๋าของหงคงฉ่วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ สาเหตุน่ะรึ......
“เสี่ยวเผิงเผิง ยกกระเป๋าให้ก๋งก๋งหน่อยสิ” หงคงฉ่วยพูด พลางยืนล้วงกระเป๋า เต๊ะท่าวางมาดราวกับนายแบบนิตยาสารอยู่หน้าสายพานขนกระเป๋า ลู่อี้เผิงที่เพิ่งยกกระเป๋าเดินทางของตัวเองออกมาจากสายพานถึงกับนิ่วหน้า
“มือมีก็ยกเองสิ”
หงคงฉ่วยหันมามองเขาด้วยสายตาตำหนิ ทั้งๆ ที่มือยังล้วงกระเป๋าอยู่นั่นแหละ “ใจคอเสี่ยวเผิงเผิงจะใจจืดใจดำปล่อยให้ก๋งก๋งยกกระเป๋าหนักๆ เองหรือไง เกิดก๋งก๋งกระดูกกระเดี้ยวหักไป คนจะหาว่าเสี่ยวเผิงเผิงดูแลไม่ดีเอานา”
ลู่อี้เผิงถลึงตามองหงคงฉ่วย “ทำไมจู่ๆ เกิดรู้สึกว่าแก่ตัวขึ้นมาเสียล่ะ ปกติเห็นฟิตปึ๋งเป็นเด็กยี่สิบเลยนี่”
“ใบนั้นเผิงเผิง” หงคงฉ่วยไม่ต่อปากต่อคำ แต่ชี้มือไปที่กระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลแดงใบใหญ่ที่เคลื่อนผ่านหน้าไป ลู่อี้เผิงลังเลอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็เอื้อมมือไปยกขึ้นมา
“เอ้า” ลู่อี้เผิงส่งเสียง ก่อนจะเสือกกระเป๋าเดินทางใบนั้นใส่คนที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ กระเป๋าเซแซ่ดๆ ไปตามแรงเหวี่ยง ได้ยินเสียงหงคงฉ่วยเอ็ดขึ้น “ส่งให้มันดีๆ หน่อยสิ” จากนั้นก็ขยับเท้าขึ้นนิดหน่อย ยกขึ้นหยุดกระเป๋าใบนั้นเอาไว้
“คุณใส่ก้อนหินมาหรือไง” ลู่อี้เผิงว่า เพราะทั้งขนาดทั้งน้ำหนัก ไงๆ ก็ไม่เหมือนกระเป๋าสำหรับคนคนเดียวที่จะเดินทางไปไหนแค่สองสามวันแน่
หงคงฉ่วยไม่ตอบอะไร แต่กลับลอยหน้าลอยตาพูดขึ้นบ้าง “เสี่ยวเผิงเผิงเพิ่งอายุไม่เท่าไหร่ก็หัดบ่นกระปอดกระแปดเสียแล้ว นักเรียนเกียรตินิยมทำไมปวกเปียกแบบนี้”
ลู่อี้เผิงขบกรามตอบไป “ผมจะปวกเปียกหรือเป็นนักเรียนเกียรตินิยม ก็ไม่ได้มีหน้าที่มายกกระเป๋าให้คุณหรอกนะ”
“แหม... พูดจาแล้งน้ำใจจริงๆ ก๋งก๋งเสียใจแล้วนะ” หงคงฉ่วยพูด แต่สีหน้าระรื่นเต็มที่ จากนั้นก็ออกแรงเอาเท้าเขี่ยกระเป๋าเดินทางหน่อยหนึ่ง กระเป๋าใบนั้นก็พุ่งเข้าใส่ลู่อี้เผิงทันที
“คงฉ่วย!” ลู่อี้เผิงร้องออกมา และรีบใช้มือหยุดกระเป๋าใบนั้นไว้ ก่อนจะเซถอยหลังไปก้าวหนึ่ง หงคงฉ่วยทำหน้าผิดหวัง “อะไรกัน เสี่ยวเผิงเผิง แค่นี้ก็เซแล้วหรือ? ชั้นเรียนวิชาป้องกันตัวสอนอะไรเธอบ้างเนี่ย”
ลู่อี้เผิงร่ำๆ อยากจะโยนกระเป๋าใบนั้นใส่หัวหงคงฉ่วยเสียจริงๆ “ขอโทษนะที่ผมไม่ได้เป็นปรมาจารย์กังฟูแบบคุณ”
หงคงฉ่วยหัวเราะหึๆ ในลำคอ “ถ้าเสี่ยวเผิงเผิงยอมอ้อนวอนขอร้องดีๆ ก๋งก๋งอาจจะสอนให้ก็ได้นะ”
ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่คนที่ยืนหัวเราะอยู่ ก่อนจะคว้ากระเป๋าทั้งสองใบ แล้วลากงุดๆ ออกไปทันที
------------------------------------------------------------------
รีสอร์ทที่จองไว้หรูหรากว่าในรูปถ่ายเสียอีก แถมมีบรรยากาศความเป็นส่วนตัวราวกับว่าเป็นบ้านหลังหนึ่งเลยทีเดียว ลู่อี้เผิงถึงกับลืมความหงุดหงิดใจก่อนหน้านี้ทั้งหมดเป็นปลิดทิ้งเมื่อเปิดประตูห้องพักเข้ามาแล้วพบกับผนังกระจกใสที่มองออกไปเห็นท้องทะเลสีเขียวคราม ตรงหน้าเป็นศาลาชมวิว และถัดไปเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวขนาดเล็ก พอเดินไปอีกหน่อยก็พบห้องนอนที่มีผนังกระจกใสมองเห็นทะเลด้วยเช่นกัน ด้านข้างมีห้องน้ำซึ่งมีอ่างจากุชชี่กลางแจ้ง
“ว้าว...” ลู่อี้เผิงร้องด้วยความตื่นเต้น เขาเปิดประตูกระจกออกและสัมผัสถึงลมทะเลและไอน้ำเค็มที่พัดเข้ามา พอหันหน้ากลับเข้าไปอีกทีก็เห็นหงคงฉ่วยเอนตัวลงนั่งบนโซฟายาวในห้องรับแขกราวกับเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเหลือคณา ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ๆ
“คงฉ่วย คุณเคยมาที่นี่มาก่อนหรือ?” ลู่อี้เผิงถามเมื่อเห็นคนที่นอนอยู่ดูมีสีหน้าเอื่อยเฉื่อยราวกับมาพักบ่อยก็ไม่ปาน หงคงฉ่วยสั่นศีรษะ “เปล่า ครั้งแรก”
คราวนี้นายตำรวจหนุ่มขมวดคิ้วทันที “แล้วทำไมคุณดูเฉยๆ จัง”
“จะให้ฉันวิ่งกระโดดโลดเต้นไปรอบๆ หรือไง” หงคงฉ่วยย้อนถาม ลู่อี้เผิงมองเขาครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจว่าจะขอดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆ ให้เต็มที่โดยลืมเจ้านกยูงกวนประสาทนี่ไปชั่วคราวก่อน ชายหนุ่มจึงเดินออกไปด้านนอก แล้วทอดสายตาลงมองท้องทะเลที่คลื่นน้ำสะท้อนประกายแดดอยู่เบื้องล่าง
ยืนอยู่สักพัก หงคงฉ่วยก็เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วไวน์สองแก้วในมือ ไม่รู้ว่าสั่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่ พอลู่อี้เผิงหันไปก็เห็นทางนั้นถือมาแล้ว
หงคงฉ่วยยื่นแก้วไวน์ให้นายตำรวจหนุ่มอย่างเงียบๆ ก่อนจะพิงตัวเข้ากับระเบียงศาลา และจิบไวน์ในแก้ว
ลู่อี้เผิงเพิ่งสังเกตเห็นว่าหงคงฉ่วยถอดเสื้อสูทตัวนอกออกแล้ว นอกจากจะปล่อยชายเสื้อให้ลุ่ยออกมาจากกางเกงแล้ว ยังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตจนเห็นแผงอกขาวรำไรด้านในอีกด้วย มองอยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้อีกทีก็ตอนที่หงคงฉ่วยเงยหน้าขึ้นมา แล้วส่งเสียงถาม “มีอะไร?”
“เปล่า” ลู่อี้เผิงรีบปฏิเสธแล้วมองไปทางอื่นทันที พลางบอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาอยู่กับเจ้าหมอนี่สองต่อสองเสียหน่อย และถึงพยายามจะยั่วยังไง เขาก็ไม่หลงกลง่ายๆ หรอก
ว่าแต่นี่หงคงฉ่วยกำลังยั่วเขาอยู่รึ?!
นอกจากยั่วโมโหแล้ว ลู่อี้เผิงไม่เคยนึกว่าหงคงฉ่วยจะยั่วอะไรเขาได้อีก ถูกล่ะ เวลามีอะไรกันทุกครั้ง หงคงฉ่วยเป็นฝ่ายเริ่มก่อนทั้งนั้น ถึงเนื้อถึงตัวจนเขามีอารมณ์ร่วมได้ แต่เหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ฝ่ายนั้นแสดงท่าทีแบบนี้ต่อหน้าเขา หงคงฉ่วยไม่เคยปลดกระดุมเสื้อตัวเอง และไม่เคยแสดงทีท่าปล่อยตัวให้เขาเห็นแบบนี้....
ตอนที่ลู่อี้เผิงหันหน้าไปอีกที หงคงฉ่วยก็เดินเข้าห้องพักไปแล้ว ชายหนุ่มได้แต่ยืนนิ่ง เหม่อมองไปยังผืนน้ำด้านหน้า แล้วนึกสงสัยว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ สักพักเขาก็เห็นหงคงฉ่วยเดินออกมาจากห้องนอน ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ จากนั้นก็ค่อยๆ ปลดมันออก นกยูงสีแดงเลือดตัวนั้นปรากฏขึ้นให้เห็นชัดถนัดตาทันที ลู่อี้เผิงลืมหายใจไปชั่วขณะ ตอนที่นกยูงตัวนั้นไถลตัวลงไปในสระน้ำ
นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่อี้เผิงมีโอกาสได้เห็นหงคงฉ่วยว่ายน้ำชัดๆ หงคงฉ่วยรูปร่างไม่บางไม่หนา ไม่ถึงกับสะโอดสะองแต่ก็ไม่ได้บึกบึนอะไร กล้ามเนื้อทั้งตัวเป็นสัดส่วนได้รูปสวย เวลาขยับตัวน้ำเหมือนจะยิ่งส่งให้นกยูงสีแดงตัวนั้นมีชีวิตขึ้นมาได้
ละอองน้ำที่เกาะพราวอยู่บนร่างกาย เมื่อสะท้อนกับแสงแดดยามเย็นที่คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ กลายเป็นภาพชวนมองอย่างประหลาด หงคงฉ่วยเอนตัวพิงเข้ากับขอบสระ ปล่อยให้น้ำหยดจากปลายผม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยืนอยู่บนศาลา และยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก
ลู่อี้เผิงเบือนหน้าหนีทันที เขารู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นระส่ำอยู่ในอก
บ้าเอ๊ย กะอีแค่นกยูงว่ายน้ำเท่านั้นเอง!
นายตำรวจหนุ่มเม้มริมฝีปากด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย ก่อนจะได้ยินเสียงน้ำอีกรอบ พอหันกลับไปก็เห็นนกยูงสีแดงตัวนั้นขึ้นจากน้ำเสียแล้ว
-----------------------------------------------------------
ไวน์แดงในแก้วของลู่อี้เผิงยังพร่องไปไม่เท่าไหร่ เอาเข้าจริงคือเจ้าตัวไม่กล้าแตะด้วยซ้ำ คงกลัวจะถูกวางยาอะไรอย่างที่ผ่านมา แต่หงคงฉ่วยกลับรินให้ตัวเองเป็นแก้วที่สามแล้ว เขากึ่งนั่งกึ่งนอนสบายๆ อยู่บนเก้าอี้นอนตัวยาว โดยสวมเสื้อคลุมอาบน้ำเอาไว้หลวมๆ อกเสื้อจึงแบะอ้าออกจนเห็นเนินอกแน่นและกล้ามเนื้อหน้าท้องด้านบนบางส่วน ขณะเดียวกัน เรียวอ่อนขาวๆ ยังอุตส่าห์จะโผล่ออกมาให้เห็นตรงรอยทบของเสื้ออีก
หงคงฉ่วยเขย่าไวน์ในแก้ว ยกขึ้นผ่านปลายจมูกนิดหน่อย แล้วค่อยๆ จิบลงไป ดวงหน้าคมเข้มเริ่มมีสีเลือดฝาดเสริมขึ้นมาพอสมควรแล้ว แสงแดดอ่อนแรงลงไปทุกที ได้ยินเสียงนกทะเลร้องอำลายามสนธยาที่กำลังจะสิ้นสุดลงและต้อนรับราตรีสีดำสนิทที่กำลังจะปรากฏขึ้น
ดวงตาของหงคงฉ่วยสีดำสนิทเหมือนรัตติกาล ดำสนิทเหมือนเม็ดนิล ยามเมื่อตวัดขึ้นมองทำเอาลู่อี้เผิงรู้สึกสะท้านใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ปกติเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง... ไม่สิ ถึงจะมีคนอื่นอยู่ด้วย แต่ถ้าเป็นในคฤหาสน์ล่ะก็ หงคงฉ่วยจะต้องใช้สายตาแทะโลมเขา ไม่ก็ต้องพูดจากวนประสาทอยู่ร่ำไป ดีไม่ดีก็ถึงเนื้อถึงตัวเขาเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ หงคงฉ่วยไม่ได้พูดอะไร กระทั่งสายตาก็ยังไม่ได้จับจ้องมาตลอด เพียงแค่ะชำเลืองมองเป็นบางครั้งเท่านั้น ถึงอย่างนั้นกลับทำให้ลู่อี้เผิงรู้สึกปั่นป่วนเสียยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก ในที่สุดชายหนุ่มก็วางแก้วไวน์ลง แล้วเดินเข้าไปในห้องพัก
ลู่อี้เผิงกลับออกมาอีกทีในชุดว่ายน้ำ ก่อนจะกระโดดลงไปในสระ ด้วยคิดว่าน้ำคงจะพอทำให้อะไรๆ ในหัวกระจ่างขึ้นบ้าง ชายหนุ่มว่ายน้ำอยู่พักหนึ่ง พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นหงคงฉ่วยยืนอยู่ตรงระเบียงศาลา ดวงตาสีดำสนิทนั้นกำลังจ้องมองมาพร้อมด้วยรอยยิ้มลี้ลับที่มุมปาก ลู่อี้เผิงเงยขึ้นมองตอบ ทั้งคู่สบตากันอย่างนั้นสักพัก หงคงฉ่วยก็ขยับตัว เดินเข้าไปด้านในศาลา ลู่อี้เผิงขยับตัวว่ายเข้ามา จากนั้นเขาก็ได้กลิ่นหอมของอาหาร
-------------------------------------------
อาหารที่รีสอร์ทรสชาติไม่เลวนัก แต่ลู่อี้เผิงคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นโรคประสาทอ่อนๆ เพราะแทนที่ตาจะมองจานอาหาร ดันเหลือบไปมองขาอ่อนกับแผงอกรำไรใต้เสื้อคลุมอาบน้ำของหงคงฉ่วยอยู่ได้ หรืออาหารพวกนี้จะใส่ยาอะไรเอาไว้?
ขณะเดียวกัน หงคงฉ่วยที่ปกติจะต้องมองเขาด้วยสายตาประหนึ่งเฒ่าลามกอยู่เสมอๆ กลับนั่งทานอาหารเงียบๆ เรียบร้อยขึ้นมาอย่างกับเปลี่ยนคน ทั้งๆ ที่ลู่อี้เผิงก็สวมแค่เสื้อคลุมอาบน้ำมานั่งทานอาหารด้วยเหมือนกัน หรือว่าในอาหารนี่....
“คงฉ่วย” ท้ายที่สุด นายตำรวจหนุ่มก็ทนไม่ไหว ต้องพูดออกมา “คุณใส่อะไรไว้ในอาหารกันแน่?”
หงคงฉ่วยเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะพูดตอบ “เปล่านี่ เผิงเผิงรู้สึกหัวใจเต้นแรงกว่าปกติหรือไง?”
ลู่อี้เผิงถลึงตามองคนตรงหน้า ก่อนจะรีบพูดขึ้น “เปล่า ผมแค่สงสัยว่า ปกติคนลามกแบบคุณ จะต้องจ้องผมเอาๆ ไม่ก็พยายามจะลวนลามผม ทำไมจู่ๆ วันนี้ถึงได้นั่งเรียบร้อยขึ้นมาได้ สงสัยในอาหารจะมียาอะไรแน่ๆ ”
หงคงฉ่วยหัวเราะหึๆ “ท่าจะยาดีซะด้วยล่ะมั้ง ปกติเผิงเผิงที่ชอบหันหน้าหนีฉันอยู่เรื่อย วันนี้กลับจ้องเอาๆ ฉันเลยคิดว่าปล่อยให้เผิงเผิงจ้องบ้างก็แล้วกัน ถ้าเกิดฉันจ้องด้วย กลัวเผิงเผิงน้อยจะตกใจแล้วหันหน้าหนีไปอีก”
ลู่อี้เผิงหน้าแดงวาบขึ้นมาทันที แต่ก็ยังฝืนพูดต่อ “ผมแค่นึกสงสัยว่า คุณหมดค่าทำศัลยกรรมทั้งตัวไปเท่าไหร่ต่างหาก”
หงคงฉ่วยจุ๊ปาก “ไม่เอาน่า เผิงเผิง จะแก้ตัวทั้งที อย่ามาใส่ไคล้คนอื่นแบบนี้สิ เธอเองน่าจะรู้ดีแก่ใจไม่ใช่หรือ ว่าฉันของจริงหรือเปล่า?”
พูดจบก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ครั้งหนึ่ง ลู่อี้เผิงได้แต่ขบริมฝีปากเพราะไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร สุดท้ายเลยได้ก้มหน้าลงไปมองจานอาหารเสียที ได้ยินเสียงหงคงฉ่วยหัวเราะหึๆ
ทานอาหารกันเงียบๆ จนเสร็จ หงคงฉ่วยก็ใช้ให้ลู่อี้เผิงเก็บจานซ้อนกันไว้เหมือนเคย จากนั้นก็เดินออกมารับลมตรงศาลาเล็กด้านหน้า ลู่อี้เผิงรีๆ รอๆ อยู่พักหนึ่งก็เดินหายเข้าไปในห้อง ก่อนจะเดินกลับออกมาอีกครั้ง เหมือนคนเลือกไม่ถูกว่าจะทำอะไรกันแน่
หงคงฉ่วยเบือนหน้ามา แล้วยิ้ม ในตอนที่นายตำรวจหนุ่มเดินมายืนข้างๆ ลมพัดเสื้อคลุมอาบน้ำจนเผยอออกให้เห็นช่วงไหล่ขาวเนียน ลูอี้เผิงมาย้อนนึกว่า สีปีมานี้ เขาเคยได้สัมผัสร่างกายของหงคงฉ่วยจริงๆ กี่ครั้งกันแน่
น้อยครั้งมากจริงๆ
“ไม่จิบไวน์หลังอาหารหรือไง?” ลู่อี้เผิงถามขึ้นทำลายความเงียบ เพราะเกิดรู้สึกขึ้นมาว่า ขืนยืนเงียบๆ จิตใจอาจจะเตลิดไปมากกว่านี้
“รินให้หน่อยสิ” อีกฝ่ายตอบ ลู่อี้เผิงยืนจ้องหน้าอยู่พักหนึ่ง ก็เดินหายเข้าไปในห้องอีกครั้ง และกลับมาพร้อมกับไวน์สองแก้ว
“ผมไม่ใส่อะไรลงไปหรอกน่า” ลู่อี้เผิงพูดขึ้นต่อ เมื่อเห็นหงคงฉ่วยจ้องหน้าเขาไม่วางตา ฝ่ายนั้นยิ้ม แล้วพูดตอบ “ไม่ใช่ว่าเตรียมยากล่อมประสาทมากล่อมฉันเพื่อให้สารภาพหรอกรึ?”
ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่เขาทันที “ผมไม่ใช้วิธีสกปรกเหมือนคุณหรอกนะ”
คนได้ฟังหัวเราะชอบใจ “คิดว่าวางแผนหลอกฉันมาทำมิดีมิร้ายเสียอีก”
ลู่อี้เผิงอยากจะกระโดดกัดหงคงฉ่วยเสียจริงๆ ไอ้คนวางแผนจะทำมิดีมิร้ายคนอื่นน่ะ ตัวเองไม่ใช่หรือไงเล่า!
“คงฉ่วย” ยืนจิบไวน์รับลมกันได้สักพัก ลู่อี้เผิงก็พูดขึ้นอีก “ทำไมถึงเรียกตัวเองว่าหงคงฉ่วยล่ะ?”
“ทำไมล่ะ? ฟังดูดีไม่ใช่หรือไง?” หงคงฉ่วยย้อนถาม ลู่อี้เผิงหลับตาอย่างอดทนอดกลั้น “ผมถามดีๆ นะ คุณช่วยตอบดีๆ หน่อยเถอะ”
ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ในลำคอ “ฉันชอบ”
ลู่อี้เผิงยกมือขึ้นลูบหน้า สงสัยจะหวังคำตอบดีๆ จากเจ้านกยูงกวนประสาทนี่ได้ยากจริงๆ
“คงฉ่วย นกยูงแดงบนหลังคุณ สักไว้นานแล้วหรือ?”
“ก่อนเธอเกิดหลายปีเลยล่ะ” หงคงฉ่วยตอบ แล้วถามกลับ “ทำไม อยากสักบ้างหรือไง?”
คนยืนข้างสั่นศีรษะ “คุณสักตอนอายุเท่าไหร่?”
“ไม่บอกหรอก เดี๋ยวเธอจะต้องเรียกฉันว่าเหล่าก๋งก๋ง” หงคงฉ่วยว่า ลู่อี้เผิงหันมาถลึงตาใส่เขาทันที “ผมไม่อยากได้เหล่าก๋งก๋งแบบคุณหรอกนะ”
“ได้เหล่าก๋งก๋งแบบฉันมีอะไรไม่ดีหรือไง?” หงคงฉ่วยย้อนถามทันที และยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ลู่อี้เผิงขืนตาจ้องหน้าได้พักเดียวก็พูดออกมา “ไม่ดีตรงเป็นคุณนี่แหละ”
หงคงฉ่วยหัวเราะชอบใจ ก่อนจะขยับหน้าหลบมือของลู่อี้เผิงที่ยื่นมาปัด ทั้งสองจิบไวน์กันไปได้สักพัก หงคงฉ่วยจึงพูดขึ้นต่อ
“เสี่ยวเผิงเผิง เหล่าก๋งก๋งอยากอาบน้ำแล้ว มาถูหลังให้หน่อยสิ”
ลู่อี้เผิงถลึงตามองคนตรงหน้าราวกับจะจับเชือด แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร หงคงฉ่วยก็หัวเราะคิกคักแล้วเดินหายเข้าห้องไป
-----------------------------------------------------------
อ่างจากุชชี่ตั้งอยู่ด้านนอกของห้อง ซึ่งมีชายคาคลุมบางส่วน เรียกว่ากึ่งกลางแจ้งก็พอได้ เพราะด้านหน้าเป็นทะเล และข้างๆ ก็มีทั้งผนังและต้นไม้บัง ถึงจะเป็นกึ่งกลางแจ้งก็คงไม่ต้องกังวลว่าใครจะแอบมองได้
หงคงฉ่วยนอนแช่น้ำอยู่ในอ่าง โดยสวมกางเกงว่ายน้ำตัวเดิม เขาวางแขนบนขอบอ่าง เอาคางเกยไว้ โดยหันหลังออกราวกับตั้งใจจะโชว์แผ่นหลังที่มีนกยูงสีเลือดตัวนั้น พอเห็นลู่อี้เผิงเดินเข้ามาก็ส่งเสียงเรียก
“เสี่ยวเผิงเผิงมาแล้วหรือ ถูหลังให้เหล่าก๋งก๋งหน่อยสิ”
ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่ แล้วกวาดตามองร่างที่นอนแช่อยู่ในอ่างแวบหนึ่ง จึงพูดขึ้นต่อ “ไหนคุณบอกไม่ชอบให้ใครมองลายสักบนหลังไง”
“อืม” หงคงฉ่วยส่งเสียงในลำคอ แล้วยิ้มที่มุมปาก “ก็ที่นี่ไม่มีใครมองนี่”
ลู่อี้เผิงเลยยืนจ้องหงคงฉ่วยอยู่อย่างนั้น แต่อีกฝ่ายก็ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร ความจริงนายตำรวจหนุ่มคิดว่าจะฉวยโอกาสนี้ไปลองค้นข้าวของส่วนตัวของเจ้านกยูงบ้านี่ดู เผื่อจะเจออะไรผิดกฎหมายบ้าง แต่จนใจที่อ่างกับห้องนอนมองทะลุกันได้ และหงคงฉ่วยวางของทั้งหมดไว้ในนั้น ถึงอยากจะค้นแค่ไหน โอกาสก็คงไม่เหมาะ ลู่อี้เผิงจึงคิดว่าเขามาหลอกถามเอาจากหงคงฉ่วยก่อนจะดีกว่า
“เผิงเผิง” หงคงฉ่วยเรียกขึ้นอีก เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่ง “ยืนแบบนั้นลมเย็นหรือไง ไม่ค่อยได้ใช้งานใช้การยังจะเป็นกับเขาอีกหรือ?”
“คุณนั่นแหละ ดูแลตัวเองดีๆ เถอะ อายุการใช้งานมากระวังมันจะอั้นไม่ไหว” ลู่อี้เผิงสวนทันที คนโดนสวนหัวเราะร่วน “เผิงเผิงเป็นห่วงเหล่าก๋งก๋งหรือนี่ งั้นลงมาถูหลังให้หน่อยสิ”
ลู่อี้เผิงยังคงยืนนิ่ง ดื้อแพ่งจนถึงที่สุด หงคงฉ่วยแช่น้ำด้วยท่าทีสบายๆ จากนั้นก็พูดขึ้นต่อ “เอาใจเหล่าก๋งก๋งดีๆ บางทีเผิงเผิงอาจจะได้ฟังเรื่องเด็ดๆ ก็ได้นะ”
“เรื่องอะไรล่ะ?” ลู่อี้เผิงถามขึ้นทันที หงคงฉ่วยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากแล้วพูดต่อ “ไม่รู้สิ หลังมันเมื่อยเลยนึกไม่ค่อยออก ได้คนนวดอาจจะพอนึกอะไรออกก็ได้”
ตะกี้ยังบอกถูหลังแหม็บๆ พอเล่นด้วยก็เอาใหญ่เลยนะ!
ลู่อี้เผิงยืนขบกรามอยู่พักหนึ่ง ก็ก้าวเท้าลงไปในอ่าง ไม่แน่ว่าเอาใจเจ้านกยูงนี่จนเคลิ้ม อาจจะหลอกถามอะไรได้บ้างก็ได้ ไหนๆ เขาก็เล่นไม้แข็งกับเจ้าหมอนี่ไม่ได้อยู่แล้ว ลองไม้นวมดูอาจจะได้ผลก็ได้