กูเกลียดทุกคนเหมือนฟังเพลงเกาหลีช้าๆ
ทั้งๆที่ไม่รู้ความหมาย
ว่ามันร้องว่าอะไร
แปลว่าอะไร
แต่ทำไมจินตนาการ
บังคับให้น้ำตามันไหลออกมาไม่รู้ว่ะ
เพลงอะไรไม่สำคัญมันอยู่ที่ใจนี่มากกว่า.....
กูเคยอ่านข้างขวดสารพิษที่มีอยู่ในบ้าน
มันเขียนว่าห้ามทำให้อาเจียน
ทั้งๆที่สารพิษพวกนี้กูควรจะรีบทำให้มันออกจากร่างกายกูให้เร็วที่สุดไม่ใช่เหรอ
แต่สิ่งที่อาหมอสอนกูก็คือ
การทำให้อาเจียน
ก็คือการทำให้สารพิษไหลผ่านหลอดอาหารเป็นครั้งที่สอง
ทำร้ายร่างกายตัวเองอีกครั้ง
ซึ่งไม่เป็นผลดีเลย
แม่งก็เหมือนกับ
ทุกครั้งที่กูเผลอนึก....และคิดถึงผู้ชายเหี้ยๆคนนึงในสายตาคนอื่น
แต่มันกลับเป็นทุกอย่างที่ดีสำหรับกู
เป็นเครื่องคลายเหงา
เป็นที่ระบายอารมณ์
เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่ไม่คิดว่าคนนึงๆจะทำอะไรได้มากมายขนาดนั้น
ทุกครั้งที่นึกถึงมัน
ความเสียใจและความเจ็บปวดก็กลับมาทำร้ายกูอีกครั้ง
แม้เวลาจะผ่านไป
แต่ความเจ็บปวดที่แค่คิดถึงมันทุกครั้ง
"ไม่เคยลดลงเลย"
มันไม่ผิดหรอกที่กูจะคิดถึงใครซักคนที่รักกู
และกูเองก็รักมัน
แต่เหมือนกูจมอยู่กับความทุกข์ในอดีต
ทั้งๆที่พยายามหนี
และลืมมันไป
แต่ทำไม
ทำไม
ลืมไม่ได้ซักที
ภาพที่กูกำลังจ้องมองอยู่ในตอนนี้
มันก็ดอกไม้กองนึง
กับไฟที่กระพริบจับจังหวะไม่ได้
แล้วก็สายตาใครคนนึงที่จ้องกูอยู่ไม่ยอมหายไปไหน
มันจ้องด้วยสายตาแปลกๆแบบนั้นมาเป็นวันๆแล้ว
ไม่รู้มันจะถามหรืออยากจะบอกอะไรกูรึป่าว
แต่มันก็จ้องกูอยู่แบบนั้น
จะให้กูทำไงได้
ถามเท่าไหร่มันก็ไม่ตอบรับอะไรซักอย่างจากูเลยแม้แต่น้อย
แปลกใจทำไมต้องเอารูปนี้
รูปที่กูรู้อยู่แก่ใจว่า
ตอนถ่ายกูเองก็อยู่ข้างๆในรูปนั้นด้วย
เป็นรูปที่พวกกูเลือก
รูปสุดท้ายที่ได้ถ่ายร่วมกัน
เที่ยงแล้ว...
แต่กูยังไม่ได้กินอะไรเลย
น้ำซักแก้วยังไม่ได้แตะ
อาหารซักนิดยังไม่ได้กิน
ก็เพื่อนกูมันยังไม่ยอมกิน
แล้วกูจะเห็นแก่ตัวกินโดยไม่รอมันได้ไง
"ก๊อก ก๊อก ก๊อก" ไอ้บิด มึงกินข้าวซะนะกูเอามาให้
ไม่ต้องกลัวกูแย่งกินนะโว้ย
ทั้งถาดเนี้ยะให้มึงคนเดียวเลย
แต่มันก็ยังเฉยชากับกู
ไม่ยอมทำอะไร
จ้องหน้ากูอยู่แบบนั้น
เวลาแห่งความสุขผ่านไปแทบรับรู้อะไรไม่ทัน
แต่ทำไมวะ
ช่วงเวลาแบบนี้กูกลับรับรู้
และจดจำทุกอย่างตรึงในหัวใจแบบนี้
เช้ามืดวันนี้กูกับไอ้แสบตื่นตั้งแต่ตีสี่เลย
จริงๆแล้วกูยังไม่ได้นอนด้วยซ้ำ
ก็ทำไงได้
มันยังจ้องหน้ากูไม่กระพริบตาเลย
กูคงต้องนั่งเป็นเพื่อนมันไปแบบนี้
ก็ไหนๆได้เกิดมาเป็นเพื่อนรักกันแล้วนี่
กูไม่ยึดติดอะไรกับทุกสิ่งแล้ว
มันก็แค่เส้นผมบนหัวเท่านั้นเอง
ไม่นานก็คงงอกขึ้นมาใหม่ได้
ซึ่งมันก็เป็นเพียงสิ่งเดียวสุดท้ายที่กูจะทำให้เพื่อนที่กูรักที่สุดคนนึงได้
หวังว่าผ้าเหลืองที่กูตั้งใจห่มเพื่อส่งมึงเป็นครั้งสุดท้าย
จะทำให้ชีวิตหน้าของมึงได้พบกับความสุข
และได้เป็นเพื่อนที่รักกันแบบนี้เรื่อยไป........
.
.
"เณรๆ นำทางเพื่อนขึ้นไปบนแท่นเลย" เสียงลุงแก่ๆคนนึงบอก
กูก็ทำตาม
เพราะว่าตอนนี้สมองกูไม่มีความคิดอะไรที่เป็นของตัวเองแล้ว
ใครให้ทำอะไรก็คงต้องทำแบบนั้น
จนถึงจุดหมาย
ลุงแก่คนนั้นเปิดผ้าออก
เอาน้ำจากผลไม้ที่เชื่อกันว่าสะอาดที่สุด
ล้างหน้าหล่อๆที่เพื่อนกูคนนี้หวงนักหวงหนา
กูได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆไม่กล้าเข้าไปดู
ใจสั่น
อยากจำภาพดีๆของมันตลอดไป
แต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้กูก้าวขาเดินออกไป
มองลงในที่นอนที่เพื่อนกูหนีกูลงไปนอนอยู่ในนั้นหลายวัน
ไม่กิน
ไม่พูดอะไรกับกูเลยซักคำ
มันก็ยังนอนอยู่ท่าเดิมแบบนั้น
สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ความหล่อและสิ่งดีๆที่เคยมีให้กูไม่ได้ลดลงกว่าแต่ก่อนเลย
กลับเป็นกูที่ยืนสั่นไปทั้งตัว
ปวดร้าวไปทั้งทรวงอก
กันฟันแน่น
หวังจะผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปให้ได้
ยิ่งฝืนยิ่งทรมาน
แต่ผ้าเหลืองก็ช่วยให้กูสำรวมและมีความอดกลั้นและต่อสู้ความทุกข์ทรมานนี้ไปได้ไม่น้อย
ทั้งๆที่ใจอยากลงไปกอดมันเอาไว้
ไม่ให้มันหนีกูไปไหนได้อีก
ถ้ากูทำอะไรผิด
ก็บอกมา
กูยอมทำทุกอย่าง
แต่อย่าเย็นชากับกูแบบนี้
ผู้คนมากันมากมาย
แต่กูกลับไม่รู้สึกอะไรเลย
เหมือนอยู่ตัวคนเดียว
เหมือนยืนฝืนความหนาวเหน็บสู้กับความอ้างว้าง
ทำไมมึงไม่อยู่เป็นเพื่อนกู
ถ้ามึงรักกูจริงทำไมทิ้งกูไว้แบบนี้.......
.
.
.
รถ ร.ย.ล แล่นเข้ามาเทียบท่า
มีทหารสองคนเดินถือตะเกียงมาจุดอยู่ตรงหน้า
เพื่อนกูยังนอนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เหรอ
คิดกันเหรอว่าไฟแค่นี้
จะทำลายเพื่อนกูได้
ไม่ว่าวัน
เวลา
หรือแม้แต่ไฟที่มึงถือมานี่ก็เหอะ
ทำลายความเป็นทุกสิ่งที่เพื่อนกูเป็นไม่ได้หรอก
แต่...
มึงจะให้เหลืออะไรไว้หน่อยไม่ได้เหรอ
แค่นี้พวกกูยังเสียใจกันไม่พอใช่มั้ย
.
.
.
.
ควันที่ลอยล่องไป
เหมือนใจกูที่ลอยไปอย่างไร้จุดหมาย
ไม่รู้ปลายทางอยู่ที่ไหน
เผื่อจะตามไปเจอมัน
ไม่รู้เวลากิน
เวลานอน
จนเช้าอย่างไม่ทันตั้งตัว
ลุงแก่คนเดิมลากแท่นเหล็กออกมาจากเตาเมื่อวาน
มีฝุ่นขาวๆกองอยู่ตรงหน้า
"เผาออกมาแล้วกระดูกขาวแบบนี้แสดงว่าเพื่อนหมดอายุขัยแล้วนะเณร" ลุงคนเดิมบอก
กูได้แต่ยืนฟัง
ไม่มีคำพูดใดๆ
เพื่อนกูเหลือแค่นี้เอง.....
"แม่ครับ ผมขอเอาเพื่อนผมไปอยู่ด้วยนะ" กูเอ่ยปาก
มีแต่คำถามที่ไม่มีคำตอบ
ทุกคนอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมจะคิดหรือโต้ตอบอะไรได้
"ไปอยู่กะกูนะมึง" พูดจบกูก็หยิบชิ้นกระดูกขาวๆเล็กๆขึ้นมาชิ้นนึง
"อันนั้นกระดูกนิ้วมือน่ะเณร" ลุงคนเดิมบอก
จับมือกูไว้นะบิด
มือมึงจะได้มีคนจูงจับไว้ให้อบอุ่นแบบนี้ตลอดไป
ถึงเสียใจแค่ไหน
กูก็ต้องกลับไปสู่โลกความจริง
ที่ก็ต้องมีชีวิตของกูเองต่อไป
กลับไปเรียนหนังสือเพื่ออนาคตตัวเอง
แต่มีมึงเป็นความทรงจำและเป็นเพื่อนที่ดีที่ไม่เคยทำร้ายกูซักครั้งเดียวตลอดไป
กลับมาถึงตึกนอน
ก็มีสมุดเล่มนึงที่มาสเตอร์ศุภชาติยื่นให้
กูเองก็รับเอาไว้แบบงงๆ
หน้าปกสมุดมีรูปคนๆนึงที่กูรู้จักดีติดอยู่
กูจึงรีบเปิดขึ้นอ่าน
"วันนี้เปิดเทอมวันแรก ยังไม่รู้จะเป็นยังไงเลย"
"วันนี้รู้จักกับคนๆนึงกวนตีนมาก กวนตีนกว่ากูอีก"
"วันนี้ได้ไปเที่ยวมา"
ทุกอย่างถูกบันทึกไว้โดยคนที่คาดไม่ถึง
ภาพความทรงจำบางอย่างที่แม้แต่กูเองก็มองข้ามไป
ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยได้ทำแบบที่มันบันทึกเอาไว้
แต่มันกลับไม่เคยมองข้ามสิ่งเหล่านั้นไปเลย
เปิดอ่านไปเรื่อยๆ.....
กูฝากน้ำตาเอาไว้กับทุกหน้าการบันทึกของมัน
ทุกตัวอักษร
ทุกคำบันทึกยิ่งทำให้กูจดจำมันชัดเจนมากขึ้นๆทุกที
จนเปิดมาเจอใบเสร็จแผ่นนึง
ดูเผินๆมันก็เป็นแค่ใบเสร็จดันกิ้นโดนัทธรรมดาๆแผ่นนึง
แต่ด้านหลังกลับมีลายมือผู้ชายคนนึงเขียนเอาไว้ว่า
"ไม่เคยกินโดนัทที่ไหนอร่อยเท่านี้เลย"
ยิ่งอ่านยิ่งทรมาน
แต่ใจก็ยังฝืนอ่านต่อไป
แล้วหน้าที่กูตอนนี้ล่ะ
คืออะไร
กูต้องทำอะไรยังไม่รู้เลย
นึกออกแค่อย่างเดียวคือการตามเก็บความทรงจำที่เคยได้ทำกับมัน..
นึกถึงหลวงพ่อที่กูพากันไปไหว้เมื่อวันก่อน
ทำไมวะ
คนอย่างกูขอพรพระแล้วพระไม่ช่วย
กูขอให้กูได้รักกับมันแบบนี้ตลอดไป
ทำไมไม่สมหวัง
แต่เมื่อลองตรองดู
กูก็ยังรักมันอยู่นี่หว่า
และก็คงจะรักมันแบบนี้ตลอดไปจริงๆ
กูเอาก้านธูปสอดเข้าไปใต้ฐานพระ
เพื่อจะควานหาคำอธิษฐานที่ได้ขอเอาไว้อย่างเป็นความลับ
จนเจอกระดาษใบนึงพับเป็นรูปสามเหลี่ยม
กูกางออกแล้วอ่านได้ใจความว่า
"ขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้ผมได้เจอกับความสุข ชีวิตนี้ขอแค่นี้ก็พอแล้ว"
กูเข้าใจแล้ว
กูเชื่อแล้วว่า......
หลวงพ่อท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
...................................................................................