สั้นๆ กับวันเบาๆ .....
ตอนที่ 7 ไปหาหมอกันเถอะ
ทันทีที่ไอ้ตุลย์จอดรถหน้าโรงพยาบาลผมก็ใจหาย ทั้งๆ ที่ตอนแรกมันไปส่งผมที่หน้าหอพักแล้วเชียวนะ แต่ผมกลับไม่มีแรงก้าวลงจากรถซะได้ ไอ้ตุลย์โวยวายว่าผมหน้าซีดแล้วก็ตัวร้อนเอ่ยถามหลายครั้งว่าอยู่คนเดียวไหวหรือเปล่า ทำท่าว่าจะอยู่เป็นเพื่อน แต่แค่คิดว่าจะต้องอยู่กับมันสองต่อสองอีกไม่ว่าที่ไหนก็เกิดสยองพองขนขึ้นมา นอกจากฟ้าเหลืองแล้ว ผมยังไม่อยากมีประสบการณ์ตายคาเตียงอีกอย่าง ผมก็เลยรั้นจะกลับหอให้จงได้ แต่ยังไม่ถึงไหนก็เป็นลมอยู่หน้าหอซะอย่างนั้น
ตอนนั้น....ไอ้ตุลย์โคตรแมนเลยในความรู้สึกของผม หลังจากได้ยินมันตะโกนเรียกผมซะดังลั่น มันก็วิ่งเข้ามาหาแล้วช้อนกายผมอุ้มขึ้นมาและยัดผมใส่รถอีกครั้ง จนในที่สุดก็มาอยู่ที่นี่แหละ
“กูขอร้อง.... อย่าให้กูไปเลย” เสียงของผมเบาโหวงและอ่อนล้า ลมหายใจยังรวยรินนิดๆ ตอนที่บอกคนตรงหน้า
“ไปเหอะ.... ให้หมอดูหน่อย” แต่อีกฝ่ายยังยืนยันคำเดิมด้วยเสียงอ่อนๆ เช่นเดียวกัน
ผมส่ายหน้าดิกทันที เมื่อคิดว่าตัวเองจะต้องลงไปให้หมอตรวจไม่ว่าภายนอกหรือภายในก็ไม่น่าปรารถนาทั้งนั้น เพราะไม่รู้จะอับอายไปถึงไหน อะไรมันจะซวยปานนี้วะ ปอนด์
“หมอนะโว้ยไม่ใช่ยักษ์ใช่มาร ลงไปให้หมอดูหน่อยจะเป็นไรไปวะ แม่ง...อย่าดื้อนักได้ไหม”
ถ้าร่างกายสมประกอบมากกว่านี้ผมจะบอกกับมันไปว่า
กูไม่ไป ยังไงกูก็ไม่ไป !!
แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผมเรียนรู้ว่า กระต่ายฟังภาษาคนไม่ค่อยรู้เรื่อง อย่าไปทำท่าทางหยิ่งจองหองกับมันเป็นเด็ดขาด เพราะไอ้ตุลย์ไม่ชอบคนดื้อ และทุกครั้งที่ดื้อหรือขัดใจ มันมักจะตอบโต้กลับมาด้วยความรุนแรงเสมอ ถ้าผมบอกกับมันไปอย่างที่เคยคิดไว้ ต่อให้มันฉุดกระชาก หรือต้องแบกผมออกไปมันก็คงทำ
“ก็รู้ แต่กูไม่เป็นอะไรจริงๆ นะ กูอายหมอว่ะ มึงจะให้กูบอกหมอเหรอ ว่าเสียน้ำมากซะจนหมดแรงอ่ะ ถ้ามึงไม่อาย มึงก็เข้าไปหาหมอแทนกูสิ”ไอ้ตุลย์มองหน้าผมนิ่ง เหมือนกำลังชั่งใจ
จำไว้..... ถ้าริจะเลี้ยงกระต่าย (และสุนัขพันธ์ชิสุ)
....จงนอบน้อมและอ่อนโยนต่อเจ้านายของคุณ!!
“นะ...ตุลย์ ” ผมอ้อนวอนและทำตาปริบๆ ใส่มัน เหมือนที่อยู่ในห้องนอนมันครั้งแรก (แต่ครั้งนั้นมันไม่สงสารว่ะ จ้องจะกดอย่างเดียวเลยไอ้หื่นเอ๊ย)
“งั้นบอกกูมาว่าตอนนี้รู้สึกยังไงมั่ง บอกมาให้หมดเลยนะ” ไอตุลย์สั่งมา ผมขมวดคิ้วนิดหนึ่งเพราะสงสัยว่าถ้าพูดแล้วมันจะวินิจฉัยโรคให้หรืออย่างไร แต่ก็ยอมตอบกลับไป
“เพลียๆ ปวดเมื่อย .....บลาๆ .......”
“อือ... มึงรอกูพักนึงนะ เดี๋ยวกูมา” ไอ้ตุลย์สั่งเสียก่อนปิดประตูรถที่ยังติดเครื่องและเปิดแอร์อยู่แล้วเดินเข้าไปในตัวโรงพยาบาลเอกชน (ย้ำว่าเป็นโรงพยาบาลจริงๆ )
นานเท่าไรไม่ทราบได้เพราะพอมันทิ้งผมไว้ตามลำพัง หนุ่มปังปอนด์ก็ออกเดินทางไปออดอ้อนองค์อินทร์ทันที จวบจนได้ยินเสียงประตูรถเปิดและรถยวบนั่นแหละถึงได้ปรือตาอันหนักอึ้งขึ้นดู มันเพลียจนไม่อยากจะลืมตาแต่ก็ต้องทนเพราะถ้ามีใครเกิดบ้ามาขโมยรถขึ้นมาล่ะก็งานงอกแน่ แค่เอเอชอาร์สีถลอกก็เหงื่อซึมแล้ว หากบีเอ็มดับบลิวของไอ้ตุลย์โดนจิ๊กไปอีกคัน อนาคตไอ้ปอนด์คงดับวูบ มีหวังต้องเสียตู๊ดชดใช้ไอ้กระต่ายบ้ากามตัวนี้ไปชั่วชีวิตแน่
พอลืมตาขึ้นมาเห็นว่าเป็นเจ้าของรถตัวจริงก็ค่อยโล่งอกหน่อย ค่อยๆ ผ่อนเปลือกตาลง
ไอ้ตุลย์ขับรถพาผมกลับมาที่หอพักของผมอีกครั้ง ทำให้ผมรู้สึกสบายใจเพราะความคุ้นเคย (แต่ไม่ได้แปลว่าปลอดภัย ตราบใดที่ยังมีกระต่ายป่าจอมป่วนนี่อยู่ใกล้)
“ห้องเล็กว่ะ มึง” ไอ้ตุลย์วิพากษ์วิจารณ์ระหว่างเดินสำรวจห้องแคบๆ ของผมไปมา หลังจากพยุงร่างผมไปทรุดที่เตียงเรียบร้อยแล้ว
“ร้อนว่ะ ทำไมไม่อยู่ห้องแอร์วะ” ไอ้ขี้บ่นเอ๊ย น่ารำคาญจริงให้ตายเถอะ
“มึงไม่ไปเรียนแล้วเหรอวะ” ผมถามขึ้นเพื่อจะกำจัดมารความสุขออกจากชีวิตโดยไว
“ไม่อ่ะ เมื่อกี้กูไปหาหมอเอาใบรับรองแพทย์มาเรียบร้อยแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เอาไปยื่น” โห ฉลาดวุ้ย
“พูดถึงหมอ มึงลุกขึ้นมากินยาก่อนดีกว่า” มันว่า
“ยาบ้าอะไรอีกล่ะ?”
“ก็ยาแก้อักเสบแล้วก็พวกวิตามินนี่ไง”
“ยามึงนี่นา แล้วจะมาให้กูกินทำไม”
“ก็กูไปหาหมอ แต่กูบอกอาการตามที่มึงเป็นนี่นา หมอเขาก็จัดยาให้มึงนั่นแหละ” ไอ้ตุลย์เอ๊ย.... คิดได้ไงวะแม่ง.....
“อย่าพูดมาก กินยาหน่อย” ไอ้ตุลย์บอกอย่างใจดีผิดวิสัย ซ้ำหาน้ำมาให้อีกต่างหาก
ผมกินยาอย่างว่าง่ายแล้วยื่นแก้วน้ำส่งให้มัน มันรับแก้วน้ำไปพร้อมกับส่งยาเม็ดมาให้ผมอีก
“ยังไม่หมดอีกเหรอ ทำไมไม่ให้กินพร้อมๆ กันไปเลยล่ะ” ผมโวยวายไม่ยอมรับยาจากมือมัน
“ไอ้บ้า นี่มันวิตาวินซีโว้ย ไม่ได้ให้กิน แต่ให้อม” ไอ้ตุลย์สวนกลับมาประจานความโง่
“อ้าว แล้วก็ไม่บอกนี่” บ่นออดแอด ไอ้ตุลย์หัวเราะ ส่วนผมได้แต่เบ้หน้าอย่างงอนๆ
“เออ ตอนคุยกับหมอน่ะ หมอเขาถามกูว่ากูฟ้าเหลืองป่าวด้วยนะ กูอึ้งๆไปนะ บอกไปตามตรงว่าไม่รู้หมอ เพราะอาการที่บอกมาไม่ใช่ของผมอ่ะแต่ของเพื่อน พอดีมันปอดแหกไม่กล้ามาเอง สรุปว่ามึงฟ้าเหลืองเหรอวะ” ผมไม่ตอบได้แต่แยกเขี้ยวใส่มันอย่างเคืองๆ ไอ้ตุลย์เห็นหน้าผมแล้วก็หัวเราะ
“จริงอ่ะ... อ่อนว่ะ” โหย เจ็บใจเรือหายเลยแม่งงงงง ผมกัดฟันกรอดสงบอารมณ์
“กวนตีน” พอโดนด่ามันก็ยิ่งหัวเราะ ไอ้โรคจิตเอ๊ย
“ตุลย์” เรียกเสียงเรียบๆ
“ว่า?”
“กูง่วง”
“นอนดิ ตาไม่ไม่ได้ติดกันสักหน่อย”
“อือ....ก็ว่าจะนอนแล้ว ถ้าไม่มีเชี่ยที่ไหนก็ไม่รู้หัวเราะกรอกหูอ่ะนะ” ผมบอกมันเสียงเรียบๆ จนมันพยายามกลั้นขำ
“อือ เงียบก็ได้ งั้นมึงเถิบไปดิ๊”
“ทำไมอ่ะ?”
“ก็ถ้ามึงนอนแล้วกูจะตื่นเพื่อ?” ผมมองหน้ามันเพื่อหยั่งความคิดไม่ยอมขยับตัว
“ไม่ต้องมองกูอย่างนั้นน่า กูไม่ทำอะไรมึงแล้ว กลัวมึงจะน้ำหมดตัวตาย... มึงง่วงกูก็ง่วงเป็นเหมือนกันนะ ขยับไปก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจ” ผมทำปากขมุบขมิบอย่างขัดใจแต่ก็ต้องยอมขยับตัวไปอีกฟากหนึ่งของเตียงเพื่อให้ไอ้ตุลย์ขึ้นมานอนด้วย พยายามข่มตาหลับโดยไม่สนใจคนข้างกายไม่ว่ามันจะค่อยๆ วาดแขนมาพาดหรือเอาขามาก่ายก็ตามที..... เฮ้อ.....
ระหว่างที่ผมกำลังนั่งรอลิฟท์ขึ้นสวรรค์ไปเฝ้าองค์อินทร์(อีกครั้ง) แต่ยังไม่ทันไรเสียงโทรศัพท์ดังลั่นขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน ผมขมวดคิ้วพลิกกายหันไปตามเสียง แต่ไอ้ตุลย์มันไวกว่านอนมองหน้าจอมือถือนิ่ง
“ตุลย์ใครโทรมา” ผมถามมันทันที
“ยาสระผม”
“หา?” แอบงง ยาสระผมอะไรของมันวะ?
“Clear” ไอ้ตุลย์ตอบกับมาทำให้ผมตาโต ผมยื่นแขนไปคว้าโทรศัพท์ของตัวเองออกมาจากมือมัน แต่มันพลิกกายเบี่ยงแขนหนี
“เอามือถือกูมาที กูจะรับสาย”
“กูตัดสายไปแล้ว” มันบอกแล้ววางมือถือที่โต๊ะเล็กข้างเตียงทันที
“งั้นเอามาเดี๋ยวกูจะโทรกลับ”
“กูปิดเครื่องไปแล้วด้วย มึงนอนไปเถอะ”
“กูบอกให้เอามาก็เอามาเถอะน่า” เริ่มจะโมโหแล้วเมื่อไอ้ตุลย์ยังไม่ยอมส่งมือถือมาให้พอขยับกายจะเอื้อมหยิบก็โดยมันผลักให้กลับลงมานอนอีก
“ก็ไหนบอกว่าจะนอนไง” ตุลย์เสียงดุมา
“กูคุยโทรศัพท์ก่อนแล้วจะนอน”
“ไม่ได้.... กูบอกให้มึงนอนมึงก็ต้องนอน” ไอ้ตุลย์ส่งเสียงโหดกลับมา ผมจ้องหน้ามันด้วยสายตาแสดงความโมโห ไม่พอใจอย่างยิ่งยวด
“มึงอย่ามาสั่งกูนะ” ตะคอกกลับไปอย่างเหลืออด ทั้งๆ ที่ตอนนี้ก็เหนื่อยมากและบอกตามตรงว่าไม่มีแรงจะต่อสู้หรือจะเถียงนักหรอกแต่ก็ไม่ไหวจะทนเหมือนกัน
“ก็จะสั่ง หรือถ้ามึงไม่อยากนอนก็ได้นะ แต่ต้องเอากะกูสักรอบก่อนนะแล้วกูจะตามใจมึง” เชี่ยเอ๊ย.....
เอากับมันสิ ไม่เชื่อฟังก็ขู่อย่างเดียวเลยสิน่า ผมกำหมัดแน่น.....ด้วยความโมโห
.
.
.
.
.
โกรธ
โมโห
ไม่ไหวแล้วโว้ย...
ความคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวก่อนที่ผมจะตัดสินใจ......
.
.
.
.
.
พลิกกายกลับไปอีกข้างหนึ่งแล้วหลับตาอย่างรวดเร็ว
ถ้าขู่จะกระทืบยังไม่กลัวเท่าขู่เรื่องนี้เลยให้ตาย.....บอกตรงๆ ว่า....ไม่อยากเสี่ยง
นอนก็ได้วะ....... สาดดดดดดดดดดดดดด
หลังจากนั้น ผมก็ทั้งกร่นด่า ทั้งสาปแช่งมันในใจจนหลับไปเลย......
...........................................................................
Talk
เรื่อง NC ที่จริงก็ไม่อยากตัดออกค่ะ แต่ก็เพื่อส่วนรวม...(และเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย) ก็เป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้ว เพื่อนๆ ไม่ต้องเสียดายหรอกค่ะ ยังไงก็อ่านกันไปหมดแล้วนี่ คงไม่มีคนกลับไปอ่านตอนเก่าๆ ซ้ำกันเท่าไรหรอกมั้งนะ
แล้วถ้าลดฉากเรตลงไป แล้วจะมีคนอ่านเรื่องนี้น้อยลงนิก็จะทำใจแหละว่า ฝีมือการเขียนของนิไม่มากพอจะดึงดูดคนอ่านเอง กระซิกๆ
ส่วนที่ถามถึงรวมเล่มซึ่งคงยากเพราะ “เรายังมาไม่ถึงไหนกันเลย” เรื่องนี้เพิ่งจะเริ่มๆ เท่านั้นเองและไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไรด้วย
แต่......(สมมุติ) ถ้ามีขึ้นมาจริง NC ทั้งหมดที่เคยลงไว้ รับรองได้อ่านกันครบถ้วนแน่นอน เพราะไม่น่ามีผลกระทบอะไรกับทางเล้าแล้วแหละเนอะ อิอิ
รักนะ จุ๊บุ~ จุ๊บุ