ตอนที่ 12
คนข้างบ้านผู้ไม่ยอมท้อถอย ยังคงประพฤติตนเป็นคนดี ตื่นเช้า เลิกเรียนกลับบ้าน เพียงเพื่อได้ทักทายกันเช้าเย็น ต่อให้ต้องพบเจอกับสายตาของคนที่ตามมาคุมก็...เออ..เคยสนใจหรือไง
คนดีไง คนดีไม่สนใจสายตาของคนนั้นหรอก ความสงสารก็มีอยู่ แต่ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน ก็สงสารต้อนมากกว่าอยู่ดี
กลุ้มใจกับความเป็นคนดีของตัวเองจริงๆ
“ต้อนไปอ่านหนังสือที่มหาลัยพี่มั้ย”
ตื่นเช้ามาเห็นต้อนยังอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น ดูก็รู้ว่าเข้าสู่เทศกาลหยุดอ่านหนังสือทั้งสอบไล่ และสอบเข้ามหาวิทยาลัย
“ไปได้หรือฮะ”
“ได้สิ เดี๋ยวบ่ายสองพี่ก็กลับ”
ต้อนทำแก้มพองแล้วส่ายหน้า “ไม่อ่ะ เดี๋ยวไปเจอสาวๆของพี่”
“เฮ่ย บอกว่าไม่มี ก็ไม่มีสิ”
ต้อนทำปากยื่น ท่าทางลังเล จนพี่เดาได้
“เกมมาเหรอ”
“ฮื่อ”
“ต้อน พี่..ถามได้มั้ยว่า..ไปถึงไหนแล้ว”
“ก็อ่านหนังสือวนหลายรอบละ” ต้อนตอบเรื่องเรียน
แต่พี่ไม่ได้อยากรู้เรื่องเรียนสักหน่อย “พี่หมายถึงเรื่องเกมน่ะ”
“ก็เรื่อยๆ”
...ขัดใจว่ะ...”หมายถึง....”
ต้อนมองหน้าพี่แล้ว แก้มแดงเรื่อ “ไม่ได้นั่งอ่านหนังสือข้างๆ กันหรอกน่า”
“ขอชัดเจนกว่านี้ได้มั้ย”
...โอยอยากรู้อ่ะ...
“ก็มีจับมือตอนอยู่โรงเรียน ไม่..ถึงขนาดพี่หรอก”
“ไม่ให้จับมือได้มั้ย ไม่ให้เกม เท่ากับพี่ได้มั้ย”
...นี่กูมีสิทธิ์อะไรถึงได้ขอเขาหรือไง...
คุยกับน้องจนพ่อกับแม่เขาไปทำงานถึงได้หันไปเปิดประตูบ้านของตัวเอง ขับออกมาเกือบถึงปากซอยก็หาที่แวะจอด เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ ปะหน้ากับหนุ่มเกมในร้านค้า
หนุ่มเกมผู้เงียบขรึม คือคนที่เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาพี่อ๋อมรูปหล่อ เจ้าชู้ ฯลฯ ที่กำลังเลือกหยิบหนังสือพิมพ์รายวันจากชั้น
“พี่อ๋อม”
“เกม มาหาต้อนหรือ”
“ผมก็มาทุกวันอยู่แล้ว”
พี่อ๋อมหรี่ตา ทำเสียงหึหะในคอ ขณะที่อ่านพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือ
“ผมไม่อ้อมค้อม พี่คิดอะไรกับต้อนหรือเปล่า”
...โห...เด็กม 6 ช่างแรงจริงๆ...
พี่อ๋อมแค่หันมามอง ส่งยิ้มมุมปาก ไม่ตอบคำ
“ในเมื่อพี่รู้ว่า ต้อนเป็นแฟนผม แต่ทำไมพี่ยังไปยุ่งกับเขาอยู่อีก”
...ได้เลย...เกม แบบนี้พี่ถนัด...
“นอกจากพี่จะเป็นเพื่อนบ้าน พี่ยังเป็นคนที่หวังดีกับต้อนอย่างแท้จริงน่ะสิเกม”
“พี่น่ะเหรอหวังดี” เกมเหยียดปากดูถูก
“มันเป็นเรื่องที่ต้องแสดงให้เห็น ทำให้เขารู้่ได้ด้วยใจของเขาเอง”
“แล้วผมหวังร้ายกับต้อนตอนไหน”
“ถามตัวเองสิเกม เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี ก่อนหน้านี้ต้อนเป็นยังไง แล้วพอเกมบอกว่าชอบเขา เฝ้าตามติดเขาตลอดเวลา ต้อนเปลี่ยนไปยังไง ต้อนคนร่าเริงหัวเราะเก่งคนนั้นหายไปไหน”
เกมกำมือแน่น หันไปมองนอกร้าน สิ่งที่พี่อ๋อมพูดคือความจริง เวลาที่อยู่ในกลุ่ม หรือในห้องเรียน ต้อนร่าเริงหัวเราะเสียงดัง แต่พออยู่ด้วยกันต้อนกลับดูระวังตัว
เกมหันมาย้ำกับพี่อ๋อมอีกครั้ง “ยังไงต้อนก็เป็นแฟนผม ผมดูแลเขาได้”
“งั้นก็ไปดูแลเขาให้ดีกว่านี้”
“ผมทำอยู่แล้ว แล้วพี่ก็ไม่ควรจะไปยุ่งกับต้อนอีก”
“คงไม่ได้หรอกเกม” พี่อ๋อมหันมาหาเกมตรงๆ “เพราะว่า...ถ้าเกมต้องการต้อนคนระมัดระวัง เอาแต่ก้มหน้าก็รับไป แต่พี่จะเอาต้อนคนร่าเริงหัวเราะเก่งคนนั้นกลับมา”
“พี่พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง”
…เออ..สงสัยจะใช้ศัพท์เทคนิคมากไปหน่อย คงต้องพูดตรงกว่านี้..
“รักของพี่กับรักของเกมไม่เหมือนกัน รักของเกมคือการควบคุมให้เขาเป็นอย่างที่เกมต้องการ โดยที่เกมไม่สนใจว่าเขาคิดอะไร แต่รักของพี่คือทำให้เขาเป็นอิสระ และมีความสุข”
“เหอะ ที่แท้พี่ก็คิดไม่ซื่อจริงๆ” เกมกำหมัดแน่น
“ใช่ พี่คิดไม่ซื่อ แต่ก็ระวังที่จะอยู่ในที่ของตัวเอง แต่เมื่อเกมท้ารบกับพี่แบบนี้แล้ว คิดหรือว่าพี่จะอยู่เฉย”
“ต้อนเป็นของผม”
“ต้อนไม่ใช่ของเกม เขาไม่ได้เป็นของใคร เขามีสิทธิ์เลือกอยู่เสมอ ถ้าเกมรักเขาต้องรู้จักที่จะเป็นผู้ให้ ไม่ใช่ผู้รับ”
“ทำเป็นพูดดี พี่ดีกว่าผมตรงไหน”
“อย่างน้อย พี่ก็พยายามที่จะเป็นคนดี เพื่อให้ต้อนรักพี่ เหมือนที่พี่รักต้อน”
พูดนิ่มๆ แต่เปี่ยมไปด้วยมั่นใจ ตบไหล่กว้างของเกมแล้วถือหนังสือพิมพ์ไปจ่ายเงิน เดินกลับมาที่รถ แล้วขับมามหาวิทยาลัย ตามสเต็ปของการใช้ชีวิตประจำวันเป๊ะๆ
รวมถึงอาการหมาหงอยที่มันเข้ามาทำหน้าที่
ฟอร์มเชื่อมั่นในตัวเองสุดๆ น่ะ หลุดหายไปตั้งแต่เปิดประตูรถแล้ว
แล้วพูดไปแบบนั้น วันนี้เขาอ่านหนังสืออยู่บ้านด้วยกันทั้งวัน ส่วนคนนี้มาเรียน อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ
ตัวกูเอง เจอกันในผับรู้จักแค่ชื่อปลอมๆ ยังไปยืนฟัดกันแถวหลังร้านได้เลย
ทั้งที่ต้อนบอก ต้อนกับเกมไม่มีอะไรที่มันก้าวไปไกลเหมือนเรื่องระหว่างต้อนกับพี่
แต่ว่า....แต่ๆๆ ล้านแต่ว่า สารพัด จนต้องสร้างขวัญและกำลังใจว่าน้องชอบพี่ชายข้างบ้านคนนี้ไม่ได้ชอบเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน แต่บอกตัวเองยังไง สุดท้ายคำตอบก็คือทำใจที่จะเป็นฝ่ายรอเท่านั้นเอง
“กูหนอกู”
….เกิดเกมมันคลั่งขึ้นมาแล้วทำร้ายต้อนล่ะ...กูแมร่ง ทำฟอร์มพระเอกตอนนี้กำลังจะกลายเป็นไอ้เงอะงะ ทำอะไรไม่ถูก
“เฮ่ย หมาเน่าจะสอบแล้วมารำพันทอดถอนนอนฝันอะไรตรงนี้” ไอ้โอเพื่อนผู้มีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม ผลักหัวคนรูปหล่อจนแทบหัวทิ่ม
“กูเจอเด็กประกาศตัวชัดเจนว่า อย่าไปยุ่งกับคนของเขา”
“อ่าฮะ แล้วไง”
“แล้วกูก็ท้ารบกับมัน”
“เยี่ยมมาก” เสียงทูมาถึงก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งที่เก้าอี้เล็คเชอร์ข้างๆ
อ๋อมโยกหัวไปมา
“ทูแมร่ง”
“แมร่งอะไร ถึงกูจะไม่เห็นด้วยกับการแย่งแฟนใคร แต่ถ้าต้อนมันไม่ได้รักเกมมาตั้งแต่แรก ก็ไม่น่าจะเรียกว่าแย่งหรอก น่าจะเรียกว่า ทำให้ไอ้เกมมันฉากไปเองน่าจะเหมาะกว่า”
“แต่ต้อนห่วงเกมมาก มันเป็นเด็กแบบ....แพ้ไม่เป็นน่ะ”
ทูกับโอ มองหน้ากัน แล้วชี้หน้าอ๋อม “แล้วอย่างกับมึงรู้จักแพ้งั้นแหละ”
“น้ำหน้าอย่างมึง ไม่ต้องเล่ากูก็เดาได้ว่ามึงตอดนิดตอดหน่อยน้องอยู่แล้ว” ทูทำเบะปากใส่
“แล้วเกี่ยวกับกูไม่รู้จักแพ้ตรงไหน”
“ตรงที่พอมึงไม่อยากแพ้ มึงจะโน่นนี่ จ๊ะจ๋ากับน้องไปเรื่อยน่ะสิ” ทูอธิบาย
โอยกมือสนับสนุน เห็นด้วย
“อะ กูขนาดนั้นเลยเหรอ” อ๋อมเปลี่ยนมาทึ่งเพื่อนรัก ที่มองขาดทะลุหลัง
“อ้าว มึงตอดน้องจริงๆเหรอเนี่ย” โอทำตาโต ตกใจ
“ก็ นิดๆหน่อยๆ ไม่หยอดซะเลยเดี๋ยวฝืด”
ทูทำพยักพเยิดกับโอ “เห็นมะ กูว่าแล้ว คนเจ้าชู้น่ะยังไงก็แก้ยาก”
“เฮ่ย แต่หลายเดือนมานี้กูเจ้าชู้ตอดนิดหน่อยกับเขาคนเดียวแหละ มึง 2 คนก็เห็น”
“เห็น แล้วก็ลุ้นกันวันต่อวันว่าขอให้มึงเป็นคนดีให้ตลอดรอดฝั่ง”
“แล้วไงต่อ เกมท้า มึงรับคำท้า แล้วห่วงต้อน” โอจูงกลับประเด็น
“ก็หงอย ผสมหงุดหงิดไม่ได้อย่างใจอยู่นี่ไง” อ๋อมยอมรับ
ทูจ้องมอง แล้วพูดตรงตามนิสัย “นี่มึงรักต้อนขนาดนี้เลยหรือวะเนี่ย”
อ๋อมถึงได้หลุดจากอารมณ์ของตัวเอง หันมาใส่ใจความรู้สึกของเพื่อน
ทูเองก็เพิ่งรู้ตัวเหมือนกัน “ไม่ต้องสนใจกู”
“ก็มึงเป็นเพื่อนกู”
“ก็เป็นเพื่อนกันมาหลายปี ช่างกูเหอะ”
โอมองหน้าเพื่อนรัก 2 คนแล้วกอดไหล่รวบไว้ “ไอ้เชื่องช้า 2 คนเอ้ย ช้าจนกินแห้วกันทั้งคู่”
“สัดกูไม่แห้ว” อ๋อมทำท่าฮึดสู้ “กูกำลังพยายามทำตัวเป็นคนดีให้ตลอดรอดฝั่ง”
แต่ทูยังพร้อมที่จะรับมุกฮาตอนนี้ กลับนิ่งมองไปที่กระดานห้องเรียน
“ทู กู...” อ๋อมพูดไม่ถูก
“ก็อย่างที่ไอ้โอบอกแหละ กูรู้ตัวช้า แต่ไม่เป็นไรหรอก กูมีทางเลือกเสมอ”
ท่าทางเกมตอนที่เข้ามาในบ้านวันนี้ เหมือนเชือกที่ถูกขึงไว้จนตึง จนต้อนต้องเลี่ยงมาโทรศัพท์หาเพื่อนอีก 3 คน
“ไอ้เกมดูไม่ดีเลย มึงรีบมาเดี๋ยวนี้”
กดวางสายจากเพื่อนก็ลงมารับหน้าเกมที่กำลังกวาดตามองไปรอบบ้าน
“เกมกินขนมมั้ย”
“ไม่ล่ะ ต้อนมาอ่านหนังสือด้วยกันเหอะ”
เกมลากโต๊ะยาวหน้าโทรทัศน์ออกมากลางบ้าน วางหนังสือเรียนและแบบฝึกหัด ต้อนก็นั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม
ความเงียบทำหน้าที่ได้ไม่ถึง 5 นาทีเกมก็ถามทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าจากหนังสือเรียน
“เวลาที่กูไม่อยู่ มึงคุยกับพี่อ๋อมบ่อยมั้ย”
“หือ ก็..บ้านติดกัน” ต้อนงง ก่งก๊งปรับสมองจากหนังสือเคมีข้างหน้าเป็นคำถามของเกมไม่ทัน
เกมเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาแข็งกร้าวของเกมพุ่งเข้ากระแทกตาของต้อนจนรู้สึกกลัว
“กูถามว่าคุยกันบ่อยมั้ย มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบให้มึงคุยกับใคร”
“ก็...แค่คุยกัน ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไร ก็อย่าไปคุยกับมัน”
“ก็คนเคยคุยกันอยู่ดีๆจะเลิกคุยกัน”
“ก็กูไม่ให้คุย! มึงได้ยินมั้ย! ว่ากูไม่ชอบมัน!”
ต้อนหยุดพูด พยักหน้า ก้มลงอ่านหนังสือ แต่ไอ้ปลา ก็มาถึงก่อน ตามมาติดๆคือไอ้นนท์อ้วนดำ ที่มาพร้อมกับถุงขนม
“มาทำไมกัน” เกมถามเสียงห้วน
“ก็มาอ่านหนังสือด้วยกันไง ได้ไม่เงียบเหงา” ต้อนบอก
เกมเสียงห้วน ดวงตาแข็ง อัดแน่นไปด้วยความไม่พอใจ “แต่ที่กูมาอ่านหนังสือกับมึงก็เพราะกูอยากอยู่กับมึง 2 คน ถ้ากูต้องการคนเยอะๆ กูอ่านหนังสือที่บ้านก็ได้”
นนท์อ้วนดำ ทำเป็นตลกโวยวาย “ไรวะเกม กูขอแค่ย้ายที่มากินขนมที่บ้านไอ้ต้อนมั่งไรมั่งแค่นี้ก็หวงด้วยหรือวะ”
ปลาต้องทำลูกอ้อนใส่ “นะเกมนะ กูอยู่บ้านอ่านหนังสือคนเดียวกูก็หลับ ไม่ได้อ่านหรอก ขอกูอ่านด้วยคนนะ”
เกมมองเพื่อนแล้วพยักหน้าส่งๆ เดินกลับไปที่โต๊ะตัวยาวลงนั่งอ่านหนังสือต่อไป ส่วนอีก 3 คนข้างหลังได้แต่ลอบมองหน้ากันแล้วถอนหายใจยาว
นนท์อ้วนดำ กับปลาแยกย้ายกันคนละมุมด้วยความเกรงใจ จนกระทั่งไอ้เล้งที่บ้านอยู่ห่างจากคนอื่นมาถึงในอีกชั่วโมงถัดมาพร้อมกับของสดของแห้ง และหนังสือเรียน
“อาหารเที่ยงมาแล้ว” ไอ้เล้งประกาศทำไม่รู้ไม่ชี้เดินเข้าไปในครัว แล้วกลับมาอ่านหนังสือที่โต๊ะกินข้าวกับไอ้ปลา
เกมมองเพื่อนทั้งหมดแล้วถอนหายใจยาว หันมาอีกที เจอคนที่กระจายรอยยิ้มเต็มหน้า
“เราจะได้อ่านหนังสือด้วยกันแบบนี้อีกไม่กี่วันเอง”
“อือ” เกมเห็นด้วย เรื่องนี้มันก็จริงอยู่หรอก
“อีกหลายปีข้างหน้า เวลาที่กูนั่งอยู่ในออฟฟิศ งานท่วมหัว กูต้องคิดถึงวันนี้แน่ๆ” นนท์อ้วนดำพูดเรียบๆ แต่ไอ้เล้งคนที่เพิ่งมาถึงกลับเช็ดน้ำตา
“ขอกูอ่านหนังสือกับมึงด้วยคนนะเกม”
“อือ” เกมรับคำสั้นๆ แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป
สักพักไอ้เล้งก็เขวี้ยงยางลบลงที่หัวเกรียนของไอ้ต้อนจนสะดุ้ง
“กูว่าแล้ว ว่ามึงต้องลอย”
“สัด เรียกดีๆก็ได้ เกิดยางลบโดนจุดตายกูขึ้นมา ซีเอสไอ หาสาเหตุการตายไม่ถูกเลยนะมึง” ต้อนโวยวายกลับ
“เตะบอลกันเหอะ” ไอ้นนท์อ้วนดำชวน
เงียบไปชั่วครู่ทั้งหมดก็พับหนังสือ ก่อนที่จะเริ่มเตะเกมหันกลับไปมองหนังสือเรียนบนโต๊ะในบ้าน
ต้อนบอกยิ้มๆ “มึงเอาหนังสือมานั่งอ่านตรงนี้ดิ”
“อือ” เกมพูดคำเดิม เข้าบ้านไปหยิบหนังสือเรียนมานั่งอ่าน
===========จบตอนที่ 12===========
ตอนนี้เบาโหวงเหวง แต่เป็นความสะใจส่วนตัวของผมเอง จนทีที่เขียนเกม บอกว่า พี่อ่อมแมร่งพระเอกแบบไหนกันวะเนี่ย
ก็พระเอกแบบอ๋อมไง (เนอะ)
ขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่ให้ความสนใจติดตามกันมาตลอด หรือเพียงแวะผ่านมา อาจเพราะคลิ๊กผิดเรื่อง หรือหลงทางเข้่ามา (ฮ่าๆๆๆ) เราก็ดีใจมากเช่นกัน และรอให้คุณหลงทางมาบ่อยๆ จะกอดไว้ให้แน่น ส่วนใครหายไป ป๋าอาจจำไม่ได้ด้วยอายุื แต่ผมจำได้นะ คิดถึง TT^TT
อย่าได้สนใจเรื่องคลิ๊กไอ้ตัวเหลืองๆแล้วจะบวกหรือลบ แต่ผมสนนะ เพราะไม่ว่าอย่างไร เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เราเขียนแล้วมีผู้อ่านมากที่สุด ทั้งที่มันออกจะสีหม่นๆ สลับโอโรส ไปเรื่อย มีผมมาคอยชักใบให้เรือเสียเป็นระยะ ชอบทอล์คท้ายเรื่องหรือครับ งั้นต้องยกความดีนี้ให้พี่มายด์ล่ะ เพราะพี่มายด์บอกว่า เราควรคุยกับคุณผู้อ่านมากขึ้น กอดๆๆๆๆ ขอบคุณครับ
พบกันวันจันทร์ครับ
ขอบคุณที่ร่วมแสดงความเห็น และให้คำแนะนำครับ
ไจฟ์กับทีครับ
น้านัท (เพราะน้าอ่อนกว่าแม่้ผม แต่อาวุโสกว่าพี่สาวคนโตของผม ขออนุญาตไม่เรียกป้านะครับ) พี่โรส พี่เจริญพร พี่ p_phai พี่สุักี้หมู ตื่นเช้ามากกกกก หรือนอนเช้าเหมือนป๋าเนี่ย รักษาสุขภาพนะครับอย่าทำงานหนักอย่างป๋านะ