บทที่ 21
“นี่มันอะไรกัน?”ทั้งน้ำเสียง สีหน้าลุงดูเครียดขึ้นมาก เหมือนเวลาคุยงาน แต่ดูเครียดกว่านั้น.... ก็ใครจะไม่เครียดกันล่ะ ในเมื่อผมดันมาเดินคู่กับท่านประธานบริษัทคนที่ควรจะโดนผมต้มตุ๋น แถมยังเป็นบุคคลต้องสงสัยเกี่ยวกับการหายตัวไปของผมอีกต่างหาก
“ลุงครับ ผมว่าผมอธิบายได้”ผมพูดออกไปเผื่อบรรยากาศจะผ่อนคลายลงบ้าง
“อธิบายเรื่องไหนล่ะ?”ลุงกอดอกขมวดคิ้วมองผม แล้วก็หันไปมองอาร์ม ไม่ได้เห็นลุงมาดนี้มาตั้งนาน เห็นทีไรกดดันทุกที
“ทุกเรื่อง...ตั้งแต่ที่ผมมากับคุณวัชระได้ยังไง แล้วก็...เมื่อวานผมหายไปไหน”ผมพูดตอบกลับไปชัดเจน ตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อมเป็นนิสัย ยืนตรง สบตาลุงไม่หลบไปไหน
“ไปหาที่นั่งคุย”เสียงเข้มๆนั้นบอกผม ก่อนที่ร่างของลุงจะเดินนำพวกผมไปหาที่นั่งที่อยู่ใกล้ๆ ก็พอดีเจอโต๊ะหินอ่อน มีที่นั่งให้สองข้างเลย
“นั่ง”คำสั้นๆพร้อมสายตา บอกให้ผมนั่งลงตรงฝั่งตรงข้าม โดยมีอาร์มนั่งตามมาด้วยท่าทางที่เหมือนทำตัวไม่ถูก
“พูดมาได้”
“คือ...ผมก็ไปทำงานตามที่ลุงรู้ ทำงานเหมือนทุกที พอได้ข้อมูลมาก็ส่งให้บริษัทผู้ว้าจ้างที่เป็นน้องชายของ...คุณวัชระ ผมก็คิดว่านั่นคือข้อมูลจริง เลยส่งไปให้เขา แต่ก็ไม่ใช่ ผมทำงานพลาดเองครับ....เรื่องต่อจากนี้ก็ให้เขาอธิบายก็แล้วกันครับ”ว่าแล้วผมก็ส่งไม้ต่อให้อาร์ม เอาศอกสะกิดๆบอกให้รีบๆพูดต่อ
“ครับ ก็คือผมรู้อยู่แล้วว่าพอร์ชเป็นสายลับ เพราะผมกับน้องชายวางแผนกันเอาไว้ ผมเอาข้อมูลโปรเจคเก่าๆมาปรับแต่งแล้วก็เอามาให้พอร์ช”
“วางแผนเพื่ออะไร?”กดดันจนผมแทบกลั้นหายใจ บทจะดุก็ดุสุดๆ
“..............ผม รักพอร์ชครับ”อาร์มเหมือนกลั้นใจพูดออกมา ท่าทางเหมือนรีดเอาความกล้าทั้งหมดออกมาในประโยคเดียว
“ห๊ะ!?”ลุงอุทานพร้อมสะดุ้งจนพวกผมต้องสะดุ้งตาม คิ้วก็ยิ่งขมวดเป็นปมเข้าไปใหญ่
“ผมรักพอร์ช แต่ไม่รู้จะใช้วิธีอะไรเข้าไปหาดี แทบไม่มีโอกาสได้เจอเลย ก็เลยวางแผนกับน้อง จ้างพอร์ชมา แล้วก็จีบ....ขอโทษนะครับ”อาร์มค้อมตัวอย่างสำนึกผิดเรียกคะแนนสงสารได้ดีจริงๆ
“แล้วหลังจากนั้นผมก็จะบอกความจริงกับพอร์ช แต่น้องผมดันเล่นเลยเถิด ไปเอาตัวพอร์ชมาเมื่อวานซืนนี้ ต้องขอโทษจริงๆครับ”อาร์มเงยหน้าขึ้นมาอธิบายต่อแล้วก็ค้อมลงไปอีกครั้ง
“....แล้วนี่หลานมากับเขาได้ยังไง?”จำเลยรายต่อไปกลับมาเป็นผมครับ เพราะผมโดนเล่นแผนซ้อนแผนแบบนี้ แต่กลับยังเดินถือถุงขนมหวาน คุยเล่นกับตัวต้นตอได้นี่น่าสงสัยเป็นที่สุดแล้ว
“ก็.........ผมขอโทษจริงๆครับ ตอนที่ไปทำงานผมก็ดันไป....รักเขา แล้วก็คบกัน ตอนที่รู้ว่าโดนย้อนแผน ก็คิดว่าจะตัดขาดกัน แต่ผมก็รัก....มากไปจริงๆ ขอโทษครับ”ผมก้มหัวขอโทษอีกคน ไม่มีข้อแก้ตัวอะไรทั้งนั้น
“สรุปว่า คบกันอยู่ใช่ไหม?”
“ครับ”ผมกับอาร์มตอบพร้อมกัน แต่ไม่กล้าสบตาลุงเลย ผมก็รู้สึกผิดนะ ลุงจะคิดยังไง รู้สึกยังไงกับเรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้
“ไม่ได้หลอกอะไรกันอีกนะ? เงยหน้าขึ้นมามองลุง”คำสั่งเด็ดขาดทำให้พวกผมต้องรีบเงยหน้าขึ้นมา
“ที่เธอพูดนี่คือเรื่องจริงใช่ไหม? ไม่ได้หลอกอะไรหลานลุงใช่ไหม?”ลุงมองหน้าอาร์ม จ้องอย่างจับผิด ไม่ว่าใครก็โกหกลุงไม่ได้สักคนเพราะลุงจับได้หมด
“ครับ เป็นเรื่องจริงครับ ไม่ได้หลอกอะไรทั้งนั้น”อาร์มมองตอบน้ำเสียงเด็ดขาดไม่แพ้กัน
“ดี พอร์ช หลานไปนั่งรถลุง ส่วนเธอมาขับรถให้ฉัน”อยู่ดีๆลุงก็ลุงขึ้นสั่งผมให้ไปนั่งรถประจำของลุง แล้วก็ไล่ไอ้อาร์มไปเป็นสารถีซะอย่างนั้น
“ไปเคลียร์กันต่อที่บ้าน ไป”คำอธิบายสั้นๆจากลุงที่เดินไล่ไอ้อาร์มขึ้นรถไป โดยมีผมเดินตามไปนั่งรถอีกคัน...พูดแบบนี้แสดงว่า ยอมให้อาร์มที่ไม่น่าไว้ใจในสายตาลุงเข้าบ้านได้แล้ว???
“.....”ผมไม่ได้พูดอะไรกับอาร์ม เพียงแต่ส่งสายตาให้กำลังใจไปเท่านั้น
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”อาร์มหันมาบอกผมเบาๆด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้ลุงผมนั่ง แล้วค่อยขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับ
จะอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าขอให้มันรอดปลอดภัยมาถึงบ้านผมโดยสวัสดิภาพก็แล้วกัน....
ผมนั่งเงียบคิดไปสะระตะตลอดทางว่าอาร์มกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ แต่คิดว่าลุงคงไม่คว้าปืนมายิงแฟนผมได้ลงคอหรอกมั้ง.... ก็คิดไปเรื่อยๆนั่นแหละ มาถึงบ้าน ผมถึงได้รู้ว่าเหตุการณ์ที่ผมคาดคิดเอาไว้ว่าต้องเกิดก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว...
“ณี มาต้อนรับหลานเขยเราหน่อยเร็ว”ลุงพลเดินไปบอกน้าที่กำลังดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก โดยมีอาร์มเดินตามไปด้วย..... แถมลุงเขาเรียกอาร์มว่าหลานเขย! หลานเขยเชียวนะ!
“ไหนๆ อุ้ย ตายแล้ว หล่อขนาดนี้เชียว สวัสดีจ้ะลูก กินอะไรมาหรือยัง น้าทำกับข้าวต้อนรับไว้ด้วยนะ”พอน้าหันมาเห็นพ่อหลานเขยรูปหล่อพ่อรวยเท่านั้นแหละ ถึงกับตะลึงในรูปโฉมประหนึ่งพระเอกละครของมัน แถมต้อนรับขับสู่ดีอย่างกับเป็นลูกจริงๆ.... ว่าแต่รู้ถึงขั้นเตรียมกับข้าวต้อนรับได้ไงฟะ!???
“สวัสดีครับ”อาร์มไม่ลืมทำหน้ายกทักทาย ยกมือไหว้ เสียงนุ่มหล่อโคตร พร้อมโปรยรอยยิ้มมัดใจอีกตลบ ....ทีนี้น้ากูก็หนีไปไหนไม่รอดแล้ว เจอดอกนี้ของไอ้อาร์มเข้าไป
“....นี่น้ารู้ได้ยังไงอ่ะครับ?”ผมอดสงสัยไม่ได้ก็เลยถามขัดออกไป
“ระหว่างนั่งรถกลับบ้าน ตาพลเค้าก็ไลน์มาบอกน่ะสิจ้ะ”อ๋อ ลืมไปว่าทั้งลุง ทั้งน้าผมนี่ขาแชทไลน์กันทั้งวันทั้งคืนเลย
“แล้ว...น้าไม่ว่าอะไรเหรอครับ?”ไม่ว่าอะไรแถมดี๊ด๊าต้อนรับขับสู่เขยเข้าบ้านอย่างดีอีกต่างหาก...
“ก็จะคุยกันต่อจากนี้นี่แหละ มานั่งนี่มา”น้าบอกอย่างใจดี ยิ้มอ่อนหวานเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะกลับนั่งโซฟากับคุณลุง ส่วนผมกับอาร์มก็ลงนั่งกับพื้นอย่างรู้หน้าที่
“นี่คบกันมานานหรือยังล่ะ?”น้าเป็นฝ่ายเปิดปากถามก่อนเป็นคนแรก น้ำเสียงอ่อนโยนฟังดูแล้วสบายใจ
“ยังไม่นานเท่าไหร่ครับ”ถ้านับช่วงเวลาที่คบกันอย่างเป็นทางการจริงๆก็ถึงอาทิตย์หรือเปล่าไม่รู้...แต่ผมก็รู้สึกว่าขาดมันไปไม่ได้จริงๆ
“เหรอ จริงๆจะคบกันน้าไม่ได้ว่าอะไร แค่จริงใจต่อกัน รักกันจริงๆก็พอ...หนูจะรักใครน้าห้ามไม่ได้หรอก แล้วน้าก็อยากให้หนูมีความสุข อยากให้มีใครสักคนที่รักและคอยอยู่ข้างๆ แค่นั้นแหละที่น้าต้องการ”
“แต่ว่า....เราเป็นผู้ชายนะครับ”แบบนี้น้าจะไม่เสียใจจริงๆเหรอ?
“ก็เรารักกันไม่ใช่หรือไง? น้าเข้าใจ จะผู้หญิงหรือผู้ชายไม่สำคัญหรอก หลานน้าก็ยังเป็นหลานน้าคนเดิม ไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อนนี่”น้ากุมมือผมแล้วก็ลูบหัวเบาๆ ยังเป็นน้าที่ใจดี มีรอยยิ้มให้ผมเหมือนทุกครั้ง
“ขอบคุณครับ”
“โอเคแล้วนะ?”อันนี้น้าหันไปถามอาร์มครับ
“ครับ ผมจะดูแลเขาให้ดีที่สุด สัญญาว่าจะไม่ทิ้งครับ”พูดแล้วก็มีการมาจับมือผมด้วย ผมแพ้ผู้ชายอบอุ่นอย่างมันชะมัด...
“ไม่ต้องสัญญาอะไรหรอก แสดงให้พวกน้าเห็นก็พอ”
“ครับ”
“แต่ถ้าเอาหลานลุงไปทิ้งๆขว้างๆล่ะก็ ระวังจะเจอดีนะ บอกไว้ก่อน”อยู่ๆคำขู่จากลุงก็ดังขึ้นเล่นเอาทุกคนอดยิ้มขำๆไม่ได้
“ไม่ทิ้งขว้างแน่นอนครับ”
“ถ้างั้นก็ ยินดีต้อนรับเข้าสู่บ้านเศรษฐสวัสดิ์ จากนี้ไปก็ฝากด้วยนะ”ลุงพูดแค่นั้นแล้วก็ตบไหล่อาร์มหนักๆสองสามทีก่อนจะเดินออกไป เป็นสัญญาณว่าลุงยอมรับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแล้ว
“เอาล่ะ ไปทานข้าวฝีมือน้าหน่อย น้าตั้งใจทำต้อนรับเลยนะ เดี๋ยวน้าไปเตรียมอาหารก่อน อยู่กับพอร์ชไปก็แล้วกันนะ”บอกอะไรเสร็จแล้วก็เดินออกไปอีกคน ทิ้งผมไว้กับหลานเขยคนนี้สองคน
“นี่ไปทำยังไงเข้าเนี่ย? ตอนอยู่ในรถเกิดอะไรขึ้น”ผมหันไปถามอาร์มอย่างสงสัยหลังจากที่ทั้งน้าทั้งลุงเดินออกไปหมดแล้ว
“ก็ไม่ได้ทำอะไรนะ สงสัยเขาเห็นว่าอาร์มนิสัยดี อ่อนน้อมถ่อมตน สุภาพบุรุษชน กระเป๋าหนักพอจะฝากหลานชายไว้ได้ล่ะมั้ง”อาร์มพูดออกมาแต่ละอย่างนี่ไม่ค่อยจะอวยตัวเองเลย
“พูดชมตัวเองหรือไง แล้วพูดอีท่าไหนเนี่ย ถึงได้ตำแหน่งเขยมา?”ผมศอกใส่แบบหมั่นไส้นิดๆ อาร์มก็ร้องโอดโอยไปตามบท
“ก็บอกเขาไปตรงๆว่ามาเป็นเขยง่ะ”อาร์มนี่ก็มือไม่เคยว่าง ไม่เคยนิ่งตลอด ถ้าไม่กอดผม โอบเอวผม ก็จับมือผมอยู่อย่างนี้นี่แหละ
“อยากให้ผมเป็นสะใภ้งั้นสิ?”
“พูดกันตรงๆนะ...อืม อยากได้เมีย แต่ตำแหน่งอะไรก็ช่างเถอะ ตัวเองแค่รักเค้าก็พอ”พูดแล้วก็เข้ามาหอมแก้มผมซ้ำๆไม่ยอมห่าง อ้อนชิบหาย
“ตามใจ”ยอมมาตลอดแล้ว ยอมอีกหน่อยจะเป็นไรไป บอกแล้วว่าผมแพ้ลูกอ้อน
ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ! เสียงวิ่งตึงตังมาจากไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าเสียงนั้นใกล้เข้ามาทุกที ก่อนจะมาหยุดที่ห้องรับแขกนี่ ปรากฏร่างเล็กๆของไนซ์ท่าทางกระหืดกระหอบมาเชียว
“พี่พอร์ช เรื่องพี่เขยไนซ์นี่หมายความว่าไง??? .....หือ?”พูดสิ่งที่พรั่งพรูออกมาจากใจเสร็จแล้วก็เหมือนเพิ่งสังเกตเห็นไอ้อาร์ม เลยทำหน้าเหรอหราดูตลกชะมัด
ไนซ์มองหน้าผมทีมองหน้าไอ้อาร์มที พร้อมทำสีหน้าเชิงถามว่านี่มันคืออะไรใส่
“อาร์ม นี่น้องสาวผมคนที่บอก”ผมแนะนำน้องสาวให้อาร์มก่อนโดยไม่ใส่ใจจะตอบคำถามของไนซ์แต่อย่างใด
“สวัสดีครับ”จ้ะ นี่ก็ทำหน้าที่ทักทาย โปรยยิ้มได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องจริงๆ
“สวัสดีค่ะ ....พี่ นี่ใช่คุณประธานคนที่บอกหรือเปล่า?”ไนซ์ไหว้ทักทายอย่างงงๆ แล้วก็หันมาถามผม เพราะคงจำหน้าจากในรูปถ่ายได้
“อืม”
“พี่เขยที่แม่บอกก็คือคนเดียวกัน ไนซ์เข้าใจถูกไหม?”
“อื้ม เข้าใจถูกแล้ว”
“แล้วนี่ไปไงมาไงทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ???”ไนซ์อ้าปากหวอตามที่คิดไว้ไม่มีผิด ทำหน้าเหมือนพยายามคิดตามแต่ก็คิดไม่ทัน
“เดี๋ยวหลังกินข้าวแล้วจะบอกละกัน”
“เอ๊ เดี๋ยวสิ~ค้างคาใจแบบนี้ไนซ์กินข้าวไม่ลงพอดี บอกมาก่อนนะๆๆๆๆ”มาอ้อนใส่ผมอีกคนแล้ว เขย่าตัวผมเป็นออพชั่นเสริมด้วย เจตนาบอกตรงๆเลยนะถ้าไม่ได้รู้เรื่องจะกินข้าวไม่ลง ไม่เป็นอันทำอะไร
“อาร์ม อธิบายดิ๊”ขี้เกียจอธิบายเองก็เลยโยนหน้าที่ให้ไอ้คนที่มีส่วนรู้เห็นอย่างมันไป
“ก็ไม่มีอะไรมากครับ สั้นๆง่ายๆ พอร์ชที่ตอนแรกจะมาหลอกพี่ แต่ถูกพี่กับน้องชายพี่ย้อนแผนกลับ แล้วไปๆมาๆก็ได้กันเลย จบครับ”นี่ก็สั้นไป...แล้วไอ้ได้กันเลยนี่มันอะไร!? พูดไม่เคลียร์นะเว้ย!
“ได้กัน!!!????”ไอ้ไนซ์ก็ไม่ยอมปล่อยผ่านครับ ทวนคำเดิมด้วยน้ำเสียงตกใจและอยากรู้อยากเห็นสุดๆ ตาเป็นประกายวาววับเชียว
“หมายถึงลงเอยเป็นแฟนกัน.... ถึงอยากจะได้จริงๆก็เถอะ... อืม เดี๋ยวทานข้าวเสร็จ รบกวนน้องไนซ์ ช่วยพาทัวร์รอบบ้าน แล้วก็คุยทำความรู้จักกันได้ไหมครับ?”...ไม่ต้องพูดงึมงำคนเดียวเลย ได้ยินเฟ้ย! แล้วไม่ต้องมาหว่านล้อมน้องสาวผมด้วย
“โอ๊ย เพื่อพี่เขยไนซ์เต็มที่อยู่แล้ว”นี่ก็ยอมง่ายดายเหลือเกิน ไม่มีหวง มีห่วงพี่ชายตัวเองสักนิด ....แล้วสรุปคือผมต้องกลายเป็นสะใภ้โดยไม่มีใครถามความสมัครใจเลยงั้นสิ?
“ขอบคุณมากครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วเนอะ แฟนพี่พอร์ชก็เหมือนเป็นพี่ชายอีกคนของไนซ์นั่นแหละ”ไนซ์ยิ้มหน้าบานกระดี๊กระด๊ากว่าทุกที ใช่สิ มีเรื่องสนุกๆให้มันเล่นแล้วนี่
“...ไปรอทานข้าวกันได้แล้ว”ผมดึงแขนอาร์มให้เดินตามไป โดยมีไนซ์หัวเราะคิกคักติดสอยห้อยตามไปด้วย ก็นะ นานๆทีจะมีคนมาที่บ้านนี้ที เพราะถ้าไม่ใช่คนสนิทจริง หรือไว้ใจกันก็พาเข้าบ้านไม่ได้หรอก...เวลามีคนมาบ้านบรรยากาศมันก็เลยออกจะครึกครื้นแบบนี้นี่แหละ
ระหว่างทางเดินไปก็เห็นป้าแม่บ้านเดินกันให้ขวักเลย พอเห็นพวกผมก็เข้ามาทักทายก่อนจะไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ แต่ที่เห็นท่าทางวุ่นกันสุดๆก็คงเป็นในครัวนี่แหละ คราวนี้ผมก็ไม่ได้เดินเข้าไปดูถึงในนั้นหรอก แต่ก็พอจะเดาๆสถานการณ์ในนั้นได้...สาเหตุที่ไปไม่ได้ก็เพราะต้องรองรับแขกที่เอาแต่ทำตัวติดหนึบกับผมนี่แหละ
“ไนซ์ก็เคยแอบคิดเล่นๆอยู่เหมือนกันนะว่า พี่ชายไนซ์อาจไปเป็นสะใภ้บ้านอื่นก็ได้ แต่ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องจริงแบบนี้ เกินคาดน่าดู”ไนซ์เม้มปาก ขมวดคิ้วเสมือนว่ามันเป็นเรื่องจริงจัง ซีเรียสมาก
“อืม... แล้วพี่เขยก็ รูปร่างหน้าตาผ่านมาตรฐานอยู่นะ นิสัยก็น่าจะโอเคอยู่....แต่มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละที่ยังต้องคิดบัญชี”คุณน้องสาวเดินเข้ามาใกล้อาร์มมองหัวจรดปลายเท้าอย่างพิจารณา แล้วคิดบัญชีอะไรของคุณเธอเขาล่ะเนี่ย
“เรื่องอะไรเหรอครับ?”อาร์มถามอย่างสนอกสนใจ ซึ่งผมก็สงสัยเหมือนกันว่าเรื่องอะไร
“ไนซ์ก็อยากจะบอกนะ....แต่ไนซ์ว่าถ้าพูดออกมาตอนนี้ ได้โดนพี่พอร์ชทุบตายแหงเลย”ไม่พูดเปล่ายังเหลือบมามองผมทำตัวสั่นๆได้อย่างสมจริงสมจัง
“นั่นก็แล้วแต่ว่ามันเป็นเรื่องสมควรพูดหรือเปล่าเท่านั้นแหละ อีกอย่างพี่ไม่ทำร้ายร่างกายน้องสาวที่น่ารักขนาดนี้หรอกนะ.... ถ้าเป็นแก้แค้นเอาทีหลังก็ว่าไปอย่าง”ผมส่งยิ้มหน้าเป็นไปให้ ไม่ได้มีเจตนาจะขู่อะไรจริงๆนะ เชื่อสิ
“แบบนี้ใครจะกล้าพูดล่ะ อูย น่ากลัวยิ่งกว่าวิญญาณพยาบาทอีก”ไนซ์เดินฉับๆแซงไปนั่งที่ประจำของตัวเอง ทำท่ากอดอกขนลุกใส่ผม
“ก็พูดมาก่อนสิ จะได้รู้ว่าจะทำยังไงดี ....อ่ะ อาร์ม มานั่งตรงนี้ก็ได้”ผมเลื่อนเก้าอี้ข้างๆตัวออกมา เชิญให้คุณชายอาร์มนั่งที่ได้ อาร์มก็แค่ยิ้มรับ อยู่เงียบๆฟังผมกับไนซ์ปะทะคารมกัน
“ก็ได้ๆ ที่ว่าจะคิดบัญชีก็คือ เรื่องก่อนหน้านี้ที่พี่ซึมเป็นเดือนๆนั่นแหละ .....ถึงจะเป็นคนที่พี่รักก็เถอะ แต่เขาก็ทำให้พี่เสียใจ ร้องห่มร้องไห้ จิตหลุด หมกตัวอยู่แต่ในห้อง สภาพโทรมเอาๆไม่ใช่เหรอ?”อื้อหือ ได้ทีใส่ใหญ่เชียวนะ เล่นเอามาพูดแบบนี้ผมก็อายนะเว้ย
“จริงเหรอ พอร์ชร้องไห้เหรอ?”อาร์มหูผึงหันมาถามท่าทางกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“อื้อ พี่พอร์ชนะร้องไห้สามเวลาเลย พูดยังไง ทำยังไงก็ไม่หาย”ไนซ์ไม่รอช้ารีบสำทับให้ผมได้อายหนักกว่าเดิมทันที
“พอร์ช เค้าขอโทษนะ ไม่คิดว่าจะทำให้เสียใจขนาดนี้....ให้ทำยังไงดี ถึงจะชดใช้ที่เค้าทำให้ตัวเองเสียน้ำตาได้ เค้ายอมทุกอย่างเลยนะ”มาแล้วครับ อาร์มกลายร่างเป็นลูกหมาส่งสายตาแป๋วแหววให้ ร้องงี้ดๆ กระดิกหางพั่บๆ กุมมือผมแน่น
“ไม่....ไม่ต้อง”ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น! ผมอายเว้ย เข้าใจไหมว่าอายน่ะ! ดีนะ ลุงกับน้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย
“อาร์มว่าอาร์มเข้าใจนะ หนึ่งเดือนนั่นน่ะ อาร์มก็ทรมานเหมือนกันนะ ทั้งเป็นห่วง ทั้งคิดถึง อยากไปอยู่ใกล้ๆ อยากบอกว่ารักแค่ไหน อยากบอกว่าอาร์มจะไม่มีวันปล่อยมือพอร์ชเด็ดขาด”โคตรพระเอกอ่ะครับ ละลายครับ ละลาย แต่อายมันก็อาย ไนซ์ก็จ้องกันอยู่ได้
“พอๆ เลิกพูดเถอะ”
“เอางี้ ไนซ์ว่าให้พี่อาร์ม....”
“เอ้าๆ คุยอะไรกันอยู่ ให้พ่อร่วมวงได้ไหม?”ยังไม่ทันที่ไนซ์จะพูดอะไรจบลุงพลก็เดินเข้ามานั่งที่หัวโต๊ะ ร่วมสนทนาด้วย
“มีเรื่องให้คุยเยอะแยะเลยค่ะ โอย สรุปแล้วไนซ์ก็ได้พี่เขยแทนพี่สะใภ้จริงๆ”ไนซ์หัวเราะคิกคักท่าทางกระปรี้กระเปร่าเหมือนไปดูดกัญชามา ส่วนลุงก็แค่ยิ้มๆให้
“กับข้าวมาแล้วจ้า”ยังไม่ทันที่ผมจะได้รับคำตอบอะไรเสียงของน้าก็ดังแทรกเข้ามาก่อน พร้อมกลิ่นหอมฉุยของกับข้าวในมือลอยมา เรียกความสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
“ทานเยอะๆล่ะ เจ้าหลานเขย”พอคุณลุงตักข้าวกินแล้ว ทุกคนก็เริ่มทานอาหารได้
“แกงมัสมั่นนี่ น้าตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะ ลองทานดูสิ”น้าตักแกงมัสมั่นข้นๆใส่จานให้อาร์ม เอาอกเอาใจกันสุดๆ
“ขอบคุณครับ”อาร์มยิ้มพิฆาตใจให้แล้วก็ตักชิมหนึ่งคำ..... บอกเลยว่า ไม่มีใครหรอกที่ชิมอาหารฝีมือน้าผมแล้วจะหนีไปไหนรอด
“เป็นไงบ้าง อึ้งดิ อร่อยใช่ป่ะล่ะ?”ผมแซะถามแบบมั่นใจสุดๆว่าอาหารฝีมือน้าณีน่ะ อร่อยยิ่งกว่าระดับภัตตาคารอีก หาทานที่ไหนก็ไม่ได้แล้ว
“อร่อย อร่อยมากครับ ไม่เคยทานที่ไหนอร่อยเท่านี้มาก่อนเลยครับ”พูดไปก็ทำตาวาววับ น้ำตาคลอประหนึ่งว่าอร่อยลืมโลกไปเลย ถึงผมจะเคยเอาอาหารที่น้าทำไปให้กินแล้วก็เถอะ
“ได้ยินแบบนี้น้าก็ชื่นใจ กินอีกเยอะๆเลยนะจ้ะ ยังมีอีกเยอะ แต่ถ้าอยากกินมากกว่านี้ก็อยู่เป็นหลานเขยน้านานๆนะ”
“แน่นอนอยู่แล้วครับ....ว่าแต่ พอจะบอกสูตร บอกเคล็ดลับให้หน่อยได้ไหมครับ?”
“อุ๊ย สนใจการทำอาหารด้วยเหรอจ้ะ ดีจัง... แบบนี้สิถึงจะได้ไม่พากันอดตาย ก็ตาพอร์ชน่ะ แปลกจริงเชียว สอนยังไงก็ทำอาหารออกมาผิดสูตรทุกที”นี่น้าคงจะพูดถนอมน้ำใจผมอยู่สินะ..... ก็อันที่จริงน่ะ ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆที่ก็พยายามทำตามสูตรแล้ว แต่ทำไมทำออกมาแล้วรสชาติมันถึงบัดซบขนาดนั้นก็ไม่รู้...
“จริงอ่ะ”อาร์มหันมาถามผมยิ้มๆ ก็จะให้ทำไงได้ล่ะ ก็คนมันสกิลทำอาหารติดลบถึงขั้นย่ำแย่นี่ แก้ไม่ได้ด้วย
“แต่มีอาร์มเป็นพ่อศรีเรือนก็ดีแล้ว เดี๋ยวน้าจดสูตรไว้ให้แล้วกัน”เห็นหลานเขยเป็นพ่อครัวแบบนี้น้าก็ยิ่งปลื้มปริ่ม ด้วยอารามอยากถ่ายทอดสูตรอาหารจะแย่
“ขอบคุณครับ”
หลังจากกินข้าวตามประสาครอบครัวเสร็จไนซ์ก็พาอาร์มทัวร์รอบบ้านตามที่ขอ โดยมีผมติดสอยห้อยตามไปด้วย เอาจริงๆถึงที่บ้านเราจะใหญ่ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวามากนักหรอก ของประดับบ้านก็ไม่ได้เยอะแยะอะไร เพราะลุงพลเขานิยมสะสมหนังสือเก่ามากกว่า
“เอาล่ะ ในที่สุดก็มาถีงห้องที่ทุกคนรอคอย”ไกด์นำเที่ยวอย่างไอ้ไนซ์ก็พูดซะเวอร์ ให้ตื่นเต้นเล่นๆ ซึ่งอาร์มก็ดันบ้าจี้ทำหน้าตื่นเต้นตามอีก
“ห้องนอนพี่พอร์ชนั่นเอง เอง เอง~”แม้ไม่มีไมค์เธอก็สู้อุตส่าห์ทำเสียงเอคโค่ให้จงได้
“แต่ห้องตรงข้ามนั่นห้องไนซ์ เดินเข้าไปลึกๆหน่อยก็ห้องพ่อกับแม่ ไม่มีอะไรมากหรอก วันนี้ก็...หมดหน้าที่ไนซ์แล้ว ให้พี่พอร์ชไปสานต่อในห้องเองแล้วกันเนอะ”พูดชี้โพรงให้กระรอกเสร็จก็โบกมือลาเดินกลับเข้าห้องตัวเองทันที
“งั้นก็ไปสานต่อกันในห้องกันเลยเนอะ”อาร์มหันมาถามความเห็นผม สานต่ออะไรกันเล่า!???
“เงียบไปเลย”ผมเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องตัวเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าผมเชิญชวนอาร์มเข้าห้องนะ มันอยากเข้าผมก็ให้เข้า เพราะในห้องผมมันก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ไม่ได้รกเข้าขั้นวิบัติด้วยสิ
“ขอนั่งนะ”อาร์มพูดพลางชี้ไปที่เตียง แต่ไม่ต้องขอก็ได้มั้ง ในเมื่อโถมตัวลงไปนั่งเต็มๆแล้ว
“ทำอะไรก็ทำไปเถอะ”
“หืม.....นี่ยังเก็บรูปนี้ไว้อยู่เหรอ หมอนอันนี้ด้วย”อาร์มเห็นกรอบรูปที่มันเคยให้ผม กับหมอนคุมะที่ได้มาตอนปาเป้าก็ถามตาเป็นประกายระยับ
“ก็ใครจะทิ้งลงล่ะ”บอกตรงๆ ไม่ว่าจะโกรธ เสียใจยังไงก็ทิ้งไม่ลงจริงๆ เพราะยังไงของพวกนี้มันก็เป็นหลักฐาน แสดงถึงความทรงจำ ความรู้สึกดีๆที่ผมกับอาร์มมีต่อกันนี่
“ตอนแรกนึกว่าจะโดนเผาทิ้งซะแล้ว แต่ดีจังที่ยังอยู่”อาร์มถือโอกาสเอาเจ้าหมีหน้าตายขึ้นมากอด หยิบกรอบรูปขึ้นมาดู
“ไม่มีทางซะล่ะ”
“ยังอยู่ เหมือนที่อาร์มยังอยู่ข้างๆนี้.....จากนี้จะไม่ทิ้งไปไหนแล้วนะ”อยู่ดีๆก็ทำซึ้ง กุมมือผมทำตาหวานใส่จนละลายอีกแล้ว
“ปากหวานอีกแล้ว อย่าเอาแต่พูดอย่างเดียวแล้วกัน ทำอย่างที่พูดด้วย”
“อื้ม”
“ทิ้งกันเมื่อไหร่ โกรธนะ จะตามไปเจี๋ยนทิ้งด้วย”ผมพูดขู่เอาไว้ก่อน บอกแล้วว่าถ้าผมรักแล้วผมจะไม่ปล่อยเด็ดขาด
“จ้ะ สาบานต่อหน้าเจ้าหมีนี่เลย”อาร์มจับหน้าใหญ่ๆบานๆของเจ้าหมี ไม่จับอย่างเดียวยังขยับไปขยับมาอีก
“สาบานกับหมีมันจะได้อะไรล่ะ”ผมหลุดขำไม่ได้ ที่มีเจ้าหมีหน้านิ่งนี่เป็นพยานรักให้
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่รักขนาดนี้ จะให้ทิ้งได้ยังไงล่ะ”
“พูดอย่างนี้จะไม่ปล่อยไปแล้วนะ ต่อให้ขอยังไง อยากหนีไปแค่ไหนก็จะไม่ปล่อยเด็ดขาดเลยนะ”ผมกระชับมือแน่น ต่อจากนี้ผมเองก็จะไม่ปล่อยอาร์มไปแล้วเหมือนกัน
“อืม ยอมหมดแล้ว ทั้งตัว ทั้งใจเลย”อาร์มซุกไซร้ คลอเคลียข้างแก้ม เรื่อยไปที่ซอกคอ ก่อนที่จะหยุด ซุกหน้าวางทิ้งไว้อยู่แค่นั้น
“ถ้างั้นก็เหมือนกันนั่นแหละ”ผมยิ้มรับก่อนที่จะพากันทิ้งตัว ล้มลงไปนอนบนเตียงทั้งคู่.....
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =