ll แผนลับสลัดแฟน(เก่า) ll - ตัวอย่างตอนพิเศษ : หลังจากนั้น[20/08/2562] P.14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ll แผนลับสลัดแฟน(เก่า) ll - ตัวอย่างตอนพิเศษ : หลังจากนั้น[20/08/2562] P.14  (อ่าน 68027 ครั้ง)

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ตวันเปลี่ยนแปลงได้ ก็ดีกับทุกคน

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ลุยไปเลยยยย :katai5:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ลุยเลยสิครับ รอไร??

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
       ตวันจร้าาดีใจด้วยนะเริ่มใหม่และขอให้เจอสิ่งดีๆ และสมหวัง
เราว่าตัวละครของตวันนี่ซับซ้อนในอารมณ์มากมีหลายมุมมากไหนจะความกดดันจากฐานะชาติกำเนิด และไหนจะจากคนที่ดูถูก
      ไหนๆ ก็จะไปเริ่มชีวิตใหม่ที่อเมริกาแล้วขอใก้เจอรักเเท้นะมีลูกเป็นลูกครึ่งก็น่ารักดีอิอิ
       ส่วนนาวาก็ใจีมากไม่คิดเอาความผิดพลาดในอดีตที่โดนอกใจมาเป็นปมและตัดขาดจากตวัน
แต่ยังคอยห่วงในฐานะเพื่อนที่ดีเสมอ❤️❤️

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ความจริงก็อยากรู้ตอนที่ตวันคิดที่จะนอนกับยัยนั้นนะว่าคิดอะไรอยู่ถึงทำลงไปแบบนั้น
ยังไงจะเริ่มชีวิตใหม่แล้วก็ขอให้เจอคนดี ๆ และสมหวังเรื่องครอบครัวที่เคยอยากจะมีก็แล้วกัน

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ง่ะ ตวันไปเรียนต่อ

แล้วพี่นทีฉันก็อดมีเมียหล่ออ่ะดิ

พี่นทีคนเชื่องช้าแห่งปี

ปีศาจน้ำแข็งตื่นซะที

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'

ตอนที่ 19

อดีตดำมืด

 

เย็นวันนั้นผมกลับไปแปลงโฉมที่ห้อง ยืนหมุนหน้ากระจก ก่อนจะขับรถไปไนต์คลับแห่งหนึ่งซึ่งสืบมาจากสองบอดี้การ์ดที่ไม่อาจหาญกล้าปฏิเสธข้ออ้างของผม

ถ้าเล่าให้พี่นทีฟังคงโดนด่าว่าอยู่เฉยๆ ให้คนมาชอบ ปรนนิบัติเอาอกเอาใจ แสดงความรักให้อย่างเดียวก็ดีแล้วจะหาเรื่องใส่ตัว หาเหาใส่หัวทำไม แต่พี่นทีที่มีความคิดตัวเองเป็นใหญ่จะไปเข้าใจอะไรล่ะ! คนโสดสามสิบสามปีอย่างเขารู้รึเปล่าเถอะว่าความรักเป็นยังไง ถ้าคิดจะคบหากัน จะรอให้อีกฝ่ายมาทำดีอย่างเดียวแล้วเรานั่งไขว่ห้างเฉยๆ ไม่ได้! ต้องรู้ซึ้งถึงธาตุแท้ แสดงความจริงใจอย่างเดียวไม่พอ ต้องแสดงนิสัยและข้อเสียออกมาด้วย! แน่นอนว่าคนอย่างนาวา ขี้เกียจก็บอกขี้เกียจ ขี้เซาก็บอกขี้เซา งอแงไม่อยากทำงานนั่งโต๊ะก็พูดตรงๆ ผมใช้เงินเปลืองมาก หมดไปกับเสื้อผ้าและเครื่องประดับ เอาแต่ใจและอารมณ์แปรปรวน ทุกอย่างเปิดเปลือยไม่ปิดบัง แต่ศศินนี่สิ...เก็บเร้นซ่อนคมไว้เยอะชะมัด

บางอย่างก็ชวนสยองขวัญเหมือนคนโรคจิต แต่บางอย่างก็ชวนใจเต้นเหมือนเด็กน้อย ผมอยากจะขุดค้นตัวตนของอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ ทำความรู้จักอย่างตรงไปตรงมา จะได้แน่ใจว่าสรุปแล้วจะลุยให้ถึงที่สุด หรือหยุดแล้วโบกมือลากันแน่

เวลาผมนึกสนใจหรือรักชอบอะไรจะทุ่มเทเต็มที่ เหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ ปลอมตัวใส่วิกผมยาวยุ่งกระเซิง แว่นตากรอบเหลี่ยมหนาเตอะ สวมชุดเสื้อยืดแขนยาวเชยๆ กับกางเกงขายีนขาดๆ สีซีดเก่าเหมือนใส่ซ้ำมาร้อยครั้ง ให้อารมณ์คนเซอร์ๆ มาเที่ยวคลับที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนนาวา ดาราลัยสักนิดเดียว

ผมไม่ใช่คนชอบเที่ยวเพราะเกลียดเสียงดัง คนเยอะๆ เต้นเบียดกันให้วุ่นวายรำคาญใจ พอต้องมายืนงงๆ กลางดงนักเที่ยวกลางคืนก็เล่นเอามึนหัวไม่น้อย ไนต์คลับของศศินมีทั้งแบบนั่งดื่มในห้องวีไอพีสุดหรูบรรเลงเพลงคลาสสิก ยันไนต์คลับเต้นรูดเสา หญิงสาวสวมชุดเซ็กซี่กลางโต๊ะที่มีบรรดาผู้ชายห้อมล้อมชอบอกชอบใจ ครับ วันนี้ผมแจ็กพ็อต ได้มาเปิดหูเปิดตา ยืนเกาหัวอยู่ท่ามกลางการแสดงเต้นรูดเสา แสง สี เสียง อลังการงานสร้าง มีคนคอยยืนคุมตามจุดเพื่อไม่ได้นักแสดงโดนลวนลาม เป็นศิลปะในแง่ยั่วยวนต่อกามา ซึ่งเหล่าลูกค้าก็แสดงความต้องการไม่ปิดบัง

เหมือนหลงทิศหลงทางเข้าสู่แดนพิศวง

ผมเป็นพวกเปิดกว้างทางเพศและอิสระทางความคิด จากตื่นตาตื่นใจแกมตกตะลึงก็เริ่มปรับตัว หลังการแสดงจบลงยังยืนปรบมือให้ด้วยซ้ำ ก่อนจะเริ่มถอยชิดมุมเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีเพราะบรรดานักแสดงเต้นรูดเสาเมื่อครู่ถูกลูกค้าสายเปย์เรียกไปนั่งด้วย ถ้าแค่รินเครื่องดื่ม จับนิดๆ หน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก แต่มีตาแก่หน้าหื่น ท่าทางเมามายน่าดูล้วงหน้าอกเข้าให้นี่สิ ไม่ไหวมั้ง

นักแสดงสาวอุทานลั่น แต่โดนตาแก่คว้าเอวมากอดหมับแล้วยังจับก้นอีกต่างหาก ผมมองซ้ายมองขวา ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเล่าชายฉกรรจ์ที่ยืนคุมตามมุมร้านเดินเข้ามาล้อมตาแก่คนนี้แล้วกันนักแสดงสาวออกไป อะไรนะครับ คิดว่าผมจะทำตัวเป็นฮีโร่เข้าไปช่วยเธอเหรอ บอกก่อนเลยว่านาวาคนนี้เก่งวิชาการ ทำคะแนนสอบได้ดีก็จริง แต่ห่วยพละนะ!!

ให้วิ่งสู้ฟัด ท้าตีท้าต่อย ขอเถอะขอที ในเมื่อมีคนคุมอยู่แล้วจะหาเรื่องทำไม อยู่เป็นนะครับ!

พลันเรื่องราวลุกลามบานปลายเมื่อตาแก่มีพรรคพวกอีกสี่คนตามมาสมทบเผชิญหน้ากับคนคุม แถมยังตะโกนกร้าวกร่างๆ ว่าจับหน้าอกแล้วไง มีเงินโว้ย ที่ผู้หญิงมาทำงานนี้ก็เพราะหิวเงินไม่ใช่เหรอ อยากได้นักก็เอาไปสิ จะมาเรียกร้องสิทธิอะไร อยากได้เท่าไหร่ก็บอกมา ข้ามีเงิน มีเงิน มีเงิน!

ผมกลอกตามองฟ้า ช่วงนี้เจอคนมีเงินเยอะจังนะโลกใบนี้ ยิ่งเห็น ก็ยิ่งย้อนดูตัวเองให้ใช้เงินระวังๆ อย่าทำตัวน่ารังเกียจ เบียดเบียนคนอื่น ตอนเจอลูกค้าเอาแต่ใจ ขอแก้แบบสารพัดจนวุ่นกันทั้งบริษัทแล้วใช้เงินโปะก็เล่นเอาเพลียจิตแล้ว มาเจอตาแก่หื่นกาม เอาเงินแลกสิทธิมนุษยชน ยิ่งสะอิดสะเอียนเข้าไปใหญ่

แม้เงินจะซื้อได้ทุกอย่าง แต่บางอย่างก็เป็นข้อยกเว้น อย่างหญิงสาวที่โดนจับหน้าอกนั้นร้องไห้ไม่ยินยอม เธอหน้าตาสะสวย ร่างกายมีส่วนเว้าโค้ง คงต้องตาผู้ชาย ถูกมองเป็นเครื่องสนองทางเพศเป็นประจำ คนคุมพยายามเจรจา ถึงขั้นมีผู้หญิงอีกคนเสนอตัวแทน แต่ตาแก่ก็ไม่ยินยอม จะเอาตัวผู้หญิงคนนั้นให้ได้

ผมถือคติทุกคนมีสิทธิ์เลือกและตัดสินใจ ต่อให้เรามองว่าผิด แต่สำหรับคนอื่นอาจจะถูกก็ได้ อย่างเช่นการรักชอบเพศเดียวกัน แม้สมัยนี้จะเปิดกว้าง แต่ก็มีบางความเชื่อที่เห็นว่าการเป็นเกย์นั้นน่าขยะแขยง เป็นความผิด วิปริต เป็นโรคที่รักษาไม่หาย จะโน้มน้าวให้เข้าใจตรงกันย่อมเป็นไปได้ยาก แต่คนที่รู้ดีที่สุดก็คือตัวเราเอง ฉะนั้นตอนเห็นผู้หญิงอีกคนยินยอมขายร่างกายแลกเงิน ผมก็ไม่ได้ดูถูกดูแคลน

เพราะถึงจะมีสิทธิ์เลือก แต่บางคนก็ไม่ได้มีทางเลือกมากมายนัก

ในใจหดหู่หม่นหมองแปลกๆ สำหรับนาวา ดาราลัยที่ถูกปกป้องและเอาใจจากตวันและพี่ชายมาตลอด นอนกลิ้งเล่นมีความสุข ได้ทำในสิ่งที่รักชอบและใช้เงินสิ้นเปลืองตามใจ เมื่อได้มาเห็นโลกในอีกมุมก็เหมือนโดนแพ่นกบาลแรงๆ เข้าเหมือนกัน

กลับมาที่เหตุการณ์ตรงหน้าที่การทะเลาะถกเถียงเริ่มรุนแรงมากขึ้น จนสุดท้ายคนคุมเริ่มคุมไม่อยู่ เพราะอย่างไรลูกค้าก็เป็นลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้ากระเป๋าหนักที่มีพรรคพวกอีกหลายคน ก่อนสถานการณ์รุนแรงจะกลายเป็นนิ่งสงบ เมื่อคนที่ผมรอคอยปรากฏตัว

ศศินเดินมาพร้อมบอดี้การ์ดโชคและชัย สวมเสื้อเชิ้ตเปิดอกและเสื้อสูทไม่ติดกระดุม ตรงอกประดับด้วยเข็มกลัดที่ผมออกแบบให้ ไม่น่าเชื่อว่าแม้จะไม่ได้ออกงาน แต่เขาก็ยังกลัดเข็มกลัดกับตัวตลอดเวลา เมื่อศศินเดินออกมา เหล่าตาแก่ก็เริ่มมีความยำเกรงขึ้นทันที ไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้า แต่เพราะบรรยากาศรอบตัวศศินนั้นเย็นยะเยือกแปลกๆ แม้จะโวยวายหาเรื่องยังไงก็เหมือนต่อยกระสอบทราย...ไม่สิ ต่อยกับภูเขาสูงใหญ่ที่ไม่สะทกสะท้านสักนิดเดียว

สำหรับผมที่เห็นศศินยิ้มเป็นคนบ้า เรียกที่รักจ๊ะที่รักจ๋า เจอเขามาดนี้เข้าไปน่าตกใจยิ่งกว่าเห็นสาวเต้นรูดเสาซะอีก ดวงตาที่มักทอดมองอย่างรักใคร่เสมอเวลามองพวกตาแก่กลับไร้อารมณ์สุดกู่ ถ้าตวันมองพาฝันเหมือนคนไร้ตัวตน ศศินก็มองคนพวกนี้เหมือนขยะไร้ค่า แถมยังแฝงความเบื่อหน่าย คร้านจะเปิดปากพูดด้วย

เมื่อเจ้านายปรากฏตัว เหล่าลูกน้องที่ไม่กล้าลงมือกับลูกค้าโดยพลการก็พร้อมรับคำสั่ง คนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าเรื่องราวทั้งหมดข้างหูศศิน เมื่อเขาพยักหน้ารับเนิบช้าก็ผละห่างออกไป ด้วยรูปร่างโดดเด่นและมาดของเขาทำให้ทุกคนมองทุกการกระทำแบบตาไม่กะพริบราวรอการตัดสินชะตา แต่ศศินยังไม่โหดร้ายขนาดนั้น เขาแค่ให้ลูกน้องคนหนึ่งเจรจาโดยมีตัวเองยืนคุม

เพียงยืนเฉยๆ แต่รังสีกดดันทำให้พวกตาแก่พูดง่ายขึ้นทันตา แต่ก็คล้ายจะไม่ชอบใจอยู่บ้างเพราะอดได้หญิงที่ถูกใจ ระหว่างนั้นการแสดงรูดเสาชุดต่อไปก็เริ่มขึ้น น่าจะเพราะต้องการดึงความสนใจลูกค้าให้ออกห่างจากจุดเกิดเหตุ ผมเหลือบมองศศิน เห็นเขาเหม่อมองด้วยสายตาเย็นชาไปรอบๆ คล้ายกายหยาบอยู่ตรงนี้แต่ใจล่องลอยไปไหนสักแห่ง ไม่แม้แต่จะหยุดสายตากับเหล่าสาวๆ สุดเซ็กซี่ที่เริ่มดึก การแสดงก็ยิ่งโจ่งครึ่มกว่าเดิม เดาได้สองอย่างว่าหนึ่ง เขาเห็นจนชิน และสอง เขาเห็นเป็นแค่ก้อนเนื้อดุกดิกไปมา ไม่มีค่าพอจะสนใจ

ผมรีบก้มหน้า แสร้งทำเป็นหันข้างคุยโทรศัพท์เมื่อสายตาศศินเหม่อเพลินๆ จนมาถึงจุดที่ยืนอยู่ ในใจแอบสะท้านว่าเขาจำไม่ได้หรอก ไม่มีทางจำได้แน่ แต่หางตาเจ้ากรรมเหลือบเห็นเขาเดินเข้าหาอย่างเร่งรีบ ขมวดคิ้วมุ่น บรรยากาศรอบตัวเองก็คุกรุ่น คาดว่ากำลังโกรธมาก

ซวยแล้ววา ซวยแล้วโว้ย!

คนอย่างนาวากล้าทำก็กล้ารับ พอมั่นใจว่าเขาจำได้แน่นอน ผมก็ถอดแว่นแล้วเงยหน้ายิ้มหวาน ไม่ปกปิดมันแล้ว แสร้งเนียนเอาโต้งๆ เนี่ยล่ะ!

“ไง ศศิน วันนี้อากาศดีเนอะ”

คนที่ทำหน้าเคร่งเตรียมเอาเรื่องผมเต็มที่พลันเผยสีหน้าไปไม่เป็น ดวงตาแข็งกร้าวแปรเปลี่ยนเป็นโอนอ่อนแกมอ่อนใจในพริบตา ศศินคนคิ้วขมวดไม่มีแล้ว เหลือเพียงคนโรคจิตที่มองมาหวานเยิ้ม รักใคร่ลุ่มหลงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

“ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้ล่ะ” ศศินช่วยเกลี่ยวิกผมยาวกระเซอะกระเซิงที่ปิดหน้าผมไปครึ่งหนึ่งอย่างถนอม

ผมชอบเขาที่เป็นแบบนี้มาก ไม่ต้องเรียกกันด้วยคำหวาน ไม่ต้องฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ยียวน

“นาวาสไตล์ไง มูนนี่ของที่รักไม่ชอบเหรอครับ”

“ชอบสิครับ ถ้าเป็นวาไม่มีอะไรที่มูนนี่ของที่รักไม่ชอบหรอก” ศศินหัวเราะในลำคอ ท่าทางนั้นเรียกสายตาของเหล่าลูกน้องรวมถึงลูกค้าบางส่วนมองมาอย่างตกตะลึงพรึงเพริด เมื่อโชคกระซิบเตือน สีหน้าของศศินก็เกร็งขึ้นทันที ก่อนจะชี้ชวนให้เดินตามขึ้นไปชั้นบน ไม่พูดไม่จาอะไรอีก

เขาพาผมไปห้องทำงาน โชคกับชัยช่วยจัดหาเครื่องดื่มให้ ก่อนจะทิ้งให้พวกเราอยู่แบบส่วนตัว

“ที่รักจ๋าตามมาถูกได้ยังไง ใครเป็นคนบอก”

กลับมาเป็นคนโรคจิตอีกแล้ว ผมจ้องหน้าศศิน มองว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนสีหน้าไวขนาดนี้

“ที่รัก...?” โดนจ้องสะกดระยะประชิด ศศินก็ทำอะไรไม่ถูก เขาฝืนยิ้มสู้ได้ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเรียกผมเสียงอ่อย “วา...”

ดีมาก ผมพอใจมากเลยจับแก้มเขาดึงยืดทั้งสองมือ

“บางครั้งฉันก็เหมือนรู้จักนาย แต่บางทีก็เหมือนไม่รู้จักเลย สรุปแล้วนายเป็นคนยังไงกันแน่นะศศิน”

“เป็นคนที่รักที่รักจ๋าที่สุดไงจ๊ะ โอ๊ยๆๆ”

คราวนี้บิดแก้มจนแทบจะขาดติดสองมือ จากยอมให้เล่นตามใจศศินก็เริ่มบิดตัวขัดขืน แต่ก็ไม่กล้าแกะมือผมตรงๆ

“นายชอบมองฉันแบบรักถวายหัว แต่เอาเข้าจริงไม่กล้าแตะตัวด้วยซ้ำ ชอบป้วนเปี้ยนใกล้ๆ แต่ดันมีระยะห่าง พออยากจะรู้จักขึ้นมาก็เหมือนเข้าไม่ถึงสักที”

“ที่รักจ๋าคิดมากไปแล้ว”

“ไม่คิดมากได้ไง ก็ฉันจริงจังกับนาย”

คนโดนบิดแก้มจนหน้าแดงพลันชะงักค้าง

“จนป่านนี้ยังไม่เชื่ออีกรึไง เจ้าบ้าเอ๊ย!” ผมจิ้มหน้าผากเขาอย่างหัวเสีย เรียกให้ศศินคืนสติ ก่อนจะลูบแก้มที่แดงก่ำจากการโดนประทุษร้ายอย่างประหม่า

“เราไม่ได้ เอ่อ...คุยๆ กันอยู่เหรอ”

“ก็คุยๆ กันไง แต่คุยอย่างจริงจัง ตั้งใจจะพัฒนาความสัมพันธ์ ทดลองดูใจว่าจะรอดหรือร่วง ไม่ใช่แค่คุยฆ่าเวลา คุยแก้เหงา คุยแก้เบื่อ คุยแบบไปนั่งกินข้าวแล้วกลับ คุยโทรศัพท์สักพักแล้ววาง แบบไม่มีจุดมุ่งหมายปลายทางน่ะเข้าใจมั้ย”

พูดจบก็กอดอกอย่างขุ่นเคือง เจ้าบ้าศศินช่างคิดน้อยหวังน้อย สำหรับเขาแค่ได้คุยกับผมก็พอใจแล้ว

ขนาดเคยบอกต่อหน้าพี่นที เขายังทำหน้าเหวอไม่เชื่อ และขนาดยืนยันในตอนนี้ เขาก็ยังมองแบบไม่อยากจะเชื่ออีก

น่าโมโหสุดๆ!

“ฉันเลยหงุดหงิดมากตอนนายไม่ให้มาหา เหมือนพยายามปั้นภาพลักษณ์ด้านดีๆ ให้ฉันเห็นอยู่ด้านเดียว เอาอกเอาใจฉันอยู่คนเดียว สรุปแล้วอยากจะคบกับฉันแบบแฟนหรือแค่คนคุยๆ กันแบบเจอหน้าแล้วตัวใครตัวมันกันแน่?”

“ก็ต้องแบบแฟนอยู่แล้ว” ศศินตอบทันที

“งั้นก็ให้ความร่วมมือสิ!” ผมย้ำคำหนักแน่น พลันอีกฝ่ายทำหน้าเหมือนจะหัวเราะก็ไม่ใช่ร้องไห้ก็ไม่เชิง

“ฉัน...ไม่ใช่คนที่ดีพอ”

“เกณฑ์อะไรที่ตัดสินว่าคนไหนดีพอหรือไม่ดีพอ”

ศศินไม่ตอบ เขาก้มหน้า ปกปิดแววตาก่อนจะสารภาพบาปเสียงเครือ

“ฉันเคยฆ่าคนตาย...”

คราวนี้เป็นผมเองที่ช็อกค้างบ้าง

พลันอีกฝ่ายนิ่งไปอึดใจหนึ่ง คล้ายต้องใช้ความกล้าอย่างมากที่จะพูดถึงอดีตอันยากจะลืมนี้

“ฉันฆ่าพ่อแท้ๆ ของตัวเอง แถมยังไม่รู้สึกผิดสักนิด...” ศศินเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเหยียดที่แฝงความประชดตัวเอง แววตาเย็นชาเหมือนกับที่เขาใช้มองคนอื่น ราวกับว่าไม่ใช่แค่คนพวกนั้นหรอกที่เป็นเศษขยะไร้ค่า แต่เป็นตัวเขาเองต่างหาก

...เป็นตัวเขาที่ก็เป็นเศษขยะไร้ค่าเหมือนกัน

“คุณกล้าคบกับฆาตกรคนนี้มั้ยล่ะ นาวา”

ผมเงียบไปนานมาก เพราะไม่ทันเตรียมใจเรื่องนี้เลยประมวลผลไม่ทัน พลันศศินเงยหน้า เผยยิ้มยียวนพร้อมผายมือแล้วยักไหล่อย่างขอไปที

“เรื่องมันก็แบบนี้แหละที่รัก เอาเป็นว่าอย่าถลำลึกกับฉันมากนักเลย”

เปลี่ยนสีหน้าไวยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสี เห็นแล้วความหมั่นไส้ก็พุ่งพรวด

“แต่นายถลำลึกกับฉันได้?”

“ถ้าที่รักยินยอม”

สีหน้าทีเล่นทีจริงกับรอยยิ้มเสแสร้งจอมปลอม ผมพลันคันไม้คันมือ ดึงแก้มเขายืดทั้งซ้ายขวาอีกรอบ

“โอ๊ย ที่รักจ๋า เบาหน่อย”

ยิ่งเขาพูดผมก็ยิ่งออกแรงหนักขึ้น พอได้ออกกำลังกายสมองก็เริ่มโล่ง ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งมีเหตุผลมากพอจะขายเรือนร่างตัวเองเพื่อแลกกับเงินก้อนหนึ่ง กับผู้ชายที่ลงมือฆ่าพ่อตัวเองก็ต้องมีเหตุผลที่มากพอจะลงมือเช่นกัน

“ฉันถาม...เอ่อ...เรื่องนั้นได้มั้ย” ผมปล่อยมือจากแก้มศศินพลางเอ่ยอ้อมแอ้มเพราะกลัวไปจี้ใจดำเข้า คนไม่อยากเล่าไอ้เราก็ไม่กล้าฝืนใจ

“ที่รักอยากรู้เหรอ”

“อื้อ!” ผมพยักหน้าไม่ลังเล จริงจังมาก เพราะนี่จะเป็นประโยคตัดสินว่าจะไปต่อกับเขาถึงขั้นไหน เล่นเอาศศินถึงกับหลุดหัวเราะ

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก” เขาเอ่ยเปรยๆ แบบไม่ค่อยอยากพูดถึงเท่าไหร่ “แค่พ่อทุบตีฉันกับแม่ จนถึงจุดหนึ่งทนไม่ไหวก็เลยพลั้งมือฆ่าเข้าให้น่ะ”

ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ศศินไม่โหดขนาดวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน แต่เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบจากการปกป้องตัวเอง

“จากนั้นก็ถูกส่งไปสถานพินิจ พอออกมาญาติฝั่งแม่ก็รับไปดูแลแทน”

“แล้วแม่นายล่ะ”

“อ้อ ฉันเล่าตกไป พ่อทุบตีฉันกับแม่ พลั้งมือฆ่าแม่ก่อน ฉันเลยพลั้งมือฆ่าพ่อน่ะ”

ศศินเอ่ยทั้งรอยยิ้มบาง น้ำเสียงระรื่นคล้ายเป็นเรื่องตลกที่สุดในชีวิต

ผมตะลึงแล้วตะลึงอีก อ้าปากแล้วหุบ หุบแล้วอ้าปาก สลับไปมาแบบไม่รู้จะปลอบโยนหรือควรเสนอความเห็นยังไงดี ศศินทำเหมือนเรื่องผ่านมานานแล้ว ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรแล้ว ทั้งที่...เขารู้สึกมาก และยังเป็นตราบาปในใจจนตอนนี้

ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีความเสียใจภายหลัง

ละอายใจ แต่ไม่เสียใจที่จะทำ

เพราะโลกนี้มันโหดร้าย กล่อมเกลาให้เด็กผู้ชายคนหนึ่งเติบโตมาด้วยจิตใจบิดเบี้ยว ผมเชื่อว่ามีรายละเอียดอีกมากในเหตุการณ์นั้นที่เขาเลือกจะเล่าข้ามไป รวมถึงการเติบโตหลังจากที่เขาออกจากสถานพินิจด้วย

ผมเคยคิดว่าเขาเป็นคนบ้า มาตอนนี้ก็มั่นใจ...

เขาบ้าของจริงด้วยว่ะ!

แต่เป็นความบ้าคลั่งที่น่าสงสารซึ่งแฝงความโดดเดี่ยวไม่เหลือใครอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับตวันแต่หนักหน่วงกว่ามาก ผมเองก็คงบ้าไม่แพ้กันที่มักตกหลุมรักผู้ชายซึ่งมักเผยแต่ด้านดีๆ ยิ้มแย้มอบอุ่นให้ แต่มีมุมอ่อนแอร้าวรานใจ เก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกอย่างดำมืด

ตวันบอกว่าผมเป็นพวกไม่คิดมาก ไม่คิดเยอะ ไม่เอาเรื่องวุ่นวายใส่สมอง ไม่ยุ่งเรื่องคนอื่นยกเว้นคนที่รัก ทุ่มเทต่อความตั้งใจที่จะทำ มุ่งมั่นกับสิ่งที่ต้องการอย่างแรงกล้า เมื่ออยู่ด้วยแล้วจึงสบายใจ และวางใจว่าต่อให้จะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะร้ายหรือดี ผมก็ยังเป็นนาวา ดาราลัย เป็นตัวของตัวเองแบบสุดโต่งอย่างนี้

นั่นน่าจะเป็นคำชมนะ เอ๊ะ หรือจะเป็นคำด่าว่าผมเอาแต่ใจจนโลกลืมกันแน่

ชักจะสับสนซะแล้วสิ แต่ช่างเถอะ ผมลูบแก้มศศิน เล่นเอาคนโดนบิดแก้มไปสองครั้งซ้อนสะท้านเฮือกๆ แต่แล้วเขาก็ต้องนิ่งงัน เมื่อผมเพียงลูบแก้มเขา...อย่างอ่อนโยน

พลันคนเดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวเย็นชา เดี๋ยวซึมเศร้าหลับตาพริ้ม ก่อนจะแนบหน้ากับฝ่ามือผมคล้ายเป็นแหล่งพึ่งพิงสุดท้าย

วินาทีนั้นใจเต้นรัวยิ่งกว่ากลองรบ

แม้จะเคยใจเต้นกับศศินบ้าง แต่ก็ไม่มีครั้งไหนจะเต้นเป็นบ้าเป็นบอเท่านี้มาก่อน ตวันมักเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว ต่อให้ผมถามก็ไม่ตอบ มักหลีกเลี่ยงไปเรื่องอื่น อาจเพราะไม่อยากให้ลำบากใจ และมีบุญคุณกัน เขาถึงดูแลผมดีไม่เคยขาดตกบกพร่อง และไม่คิดจะเผยด้านอ่อนไหวให้เห็น มีบ้างที่ท้อใจ เหนื่อยล้า แต่เขาจะเพียงขอกำลังใจ แล้วยิ้มให้เป็นเชิงไม่เป็นไร

บางทีปัญหาของแฟนเก่าอาจเริ่มต้นที่จุดนี้ เมื่อเขาไม่พูด ผมก็สนับสนุนทุกอย่าง หวังแค่อยากให้เขาดีใจ ซึ่งบางทีไม่รู้ว่าตวันต้องการหรือเปล่า แม้อึดอัดผมก็พยายามปรับตัว ยิ้มหวานเข้าสู้ เลยคบกันราบรื่นจนกระทั่งฝ่ายตวันเป็นคนก่อปัญหาขึ้นมาเอง

ส่วนศศินแม้จะไม่เล่าทั้งหมด แต่การกระทำนั้นยอมลงให้ทุกทาง เชื่อสิว่าผมเป็นคนแรกที่เขายอมเล่าอดีตให้ฟังและคงเป็นคนเดียวในโลกใบนี้ด้วยที่ถามแล้วตอบทุกคำโดยไม่อิดออด ผมเป็นพวกแพ้ความจริงใจอยู่แล้ว เมื่อเจอมุมอ่อนแอแกมออดอ้อนนี้เข้าไป บอกเลย...ตายแน่นาวา!

สงสัยสเป็กผมจะผูกติดกับพวกผู้ชายมีปม แบบว่าเห็นแล้วอยากจะจับมาอยู่ด้วยให้คลายความหม่นเศร้าเหงาหงอย เพราะผมได้ทุกอย่างมาง่ายเกินไป ชีวิตราบรื่นสะดวกโยธิน ถึงจะมีเรื่องผิดหวังบ้างก็มองผ่านเลยไม่เอามาติดค้างในใจ เมื่อเจอกับด้านตรงข้ามกับตัวเองเลยอยากให้มาช่วยเติมเต็มกันและกัน

นึกถึงตอนนี้ผมก็คิดว่าตัวเองคงชอบศศินแล้วนั่นแหละ สำหรับผู้ชายที่แรกพบหน้ามีแต่คำว่าน่ารำคาญคนนี้ หากโชคชะตาพลิกตลบ ตวันไม่สารภาพรักกับผมก่อน ตอนศศินมาขอคบช่วงมหา’ลัย ไม่แน่ผมอาจจะยอมตอบตกลงก็ได้

แต่นั่นก็เป็นเพียงภาพฝันกลางวัน อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพราะสุดท้ายผมก็ใจอ่อนกับศศินเข้าจริงๆ

“พอแล้ว จะซบมือวาถึงวันพรุ่งนี้เลยรึไง”

พลันศศินเงยหน้าพรวดพราด มองผมเขม็ง ก่อนจะหน้าแดงก่ำจนต้องยกมือปิดหน้า แต่ก็ปิดรอยยิ้มกว้างอย่างดีใจสุดขีดนั้นไม่อยู่

แค่แทนตัวเองว่าวา...ต้องคลุ้มคลั่งขนาดนี้เลยเรอะ!

“ทำตัวดีๆ หน่อย วาเขินตามแล้วเนี่ย” ผมกุมแก้มตัวเองที่เริ่มเห่อแดง ไอ้เราก็เป็นประเภทขี้เขินซะด้วยสิ “ไหน มีอะไรต้องสารภาพอีกมั้ย แอบกิ๊กกั๊กใครอยู่รึเปล่า”

“ไม่มีแล้ว ไม่มีแน่นอนครับที่รัก”

คำเรียกที่รักของศศินพลันหวานละมุนขึ้นทันตา ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำเอาผมคิดว่าโคตรคุ้มกับการปลอมตัวบุกมาหาเขาถึงไนต์คลับ

“งั้นกล้าจับมือวารึยัง” ผมแบมือรอตรงหน้าศศิน วัดใจว่าเขาจะกล้าๆ กลัวๆ จะแตะก็ไม่กล้าแตะอีกรึเปล่า

ผลคือศศินลังเลเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือกล้าจับเต็มมือมากขึ้น ไม่ใช่แค่เอานิ้วจิ้มๆ

“งั้นกล้าขอวาคบรึเปล่า”

คราวนี้ศศินผละมือแทบไม่ทัน เล่นเอาผมขมวดคิ้วมุ่นแบบอะไรวะ อุตส่าห์หว่านล้อมขนาดนี้แล้ว ขอผมคบสิ ขอสิ!

อะไรนะ ผมใจด่วนใจเร็วเกินไปแล้ว? สมัยตวันขอคบ ผมก็ใช้เวลาแค่สองนาทีในการพิจารณาความรู้สึกตัวเองว่า...เอ่อ ก็ชอบเขานะ แล้วตอบตกลงทันทีเหมือนกัน

“อย่าเข้าใจผิดนะที่รัก” ศศินรีบยกมือทั้งสองมือแบบยอมแพ้ ด้วยกลัวว่าผมจะอาละวาด “ฉันก็เหมือนไอ้ตวันนั่นแหละ กับความปรารถนาในใจที่คิดว่าให้ตายยังไงก็ไม่มีวันเป็นจริง หากสมหวังขึ้นมาแล้วต้องสูญเสียไป จิตใจคงแตกสลายไม่มีชิ้นดี”

“น้ำเน่า”

“กับคนที่ตกหลุมรักแฟนชาวบ้าน ก็จำต้องยอมรับความจริงข้อนี้นะ” ศศินเอ่ยยิ้มๆ “ถึงฉันจะรักมาก แต่ก็ไม่ได้ชาติชั่วขนาดแย่งแฟนคนอื่น ในเมื่อไม่สมหวังเลยขอตามมองแบบใกล้ๆ ดีกว่า”

“คนปกติมันต้องมองแบบห่างๆ ไม่ใช่เหรอ” ผมหัวเราะ เพราะไอ้การตามตื๊อเจ็ดปีของเขามันเกินขอบเขตของคนแอบรักเงียบๆ มากโข

“โทษทีนะ พอดีฉันไม่ปกติ”

สรุปวันนี้นาวาชวดสินะ

กับคนที่ตามจีบมาเจ็ดปี แค่ขอคบยังไม่กล้า ยอมใจเขาเลย

เอาเถอะ ยังไงเรื่องระหว่างเราก็ไม่จำเป็นต้องรีบเร่ง แม้ผมจะนอนเปื่อยๆ บนเตียงแบบโคตรเหงาก็ตาม อยู่กับตวันมาตั้งแต่เด็ก พอต้องมาอยู่คนเดียว แม้จะเริ่มชินแต่อดโหวงเหวงในใจไม่ได้จริงๆ

“ที่รักอยากรู้อะไรอีกมั้ย”

“นายมีชื่อเล่นรึเปล่า”

“ไม่มี แต่เรียกศินเฉยๆ ก็ได้”

“งั้นศินชอบกินอะไร”

“ไข่ไก่ จะเป็นไข่อะไรก็ได้ ไข่เป็ด ไข่ไก่ ไข่เยี่ยวม้า กินได้ทุกอย่าง”

ช่างกินง่ายอยู่ง่าย น่ารักน่าเอ็นดูประหลาดๆ

ภาพลักษณ์และหน้าตาของเขาโคตรขัดกับนิสัยแท้จริงเลย

“ชอบดื่มอะไร”

“กาแฟดำ”

“สีที่ชอบล่ะ?”

“ครามหรือน้ำเงินเข้ม”

“งานอดิเรก?”

“อ่านหนังสือ”

“ปกตินอนกี่โมง ตื่นกี่โมง”

“ไม่เป็นเวลาเท่าไหร่ บางครั้งนอนสามชั่วโมงก็มี”

“งานหนักขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมมองอย่างเวทนา สำหรับนาวา ดาราลัยการนอนเป็นสิ่งสำคัญมาก หนึ่งวันถ้านอนไม่ครบแปดชั่วโมง คือความผิดมหันต์ต่อมโนธรรมในจิตใจ!

“งานไม่หนัก มีคนช่วยดูแลเยอะ แต่เวลามีเรื่องยุ่งๆ ฉันก็ต้องออกโรงเอง”

“เรื่องยุ่งๆ อะไรบ้าง”

“ถ้าด้านเงินกู้ก็มีคนขู่จะฆ่าตัวตายถ้าไปทวงเงินอีก ไม่ก็หนีไปซบขอความคุ้มครองจากคนอื่นจนสร้างเรื่องเดือดร้อนบานปลาย ส่วนด้านคุมไนต์คลับก็มีคนทะเลาะวิวาทแย่งผู้หญิง ชักปืนมายิงกันในที่สาธารณะ สายตำรวจปลอมตัวเข้ามา แล้วก็อีกหลายๆ อย่างน่ะ”

“เคยโดนลอบทำร้ายมั้ย”

“มีบ้าง แต่ไม่บ่อย”

“ครั้งล่าสุด?”

“ปีที่แล้ว”

ผมค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องให้มันชุ่มชื่นหัวใจบ้าง

“ศินเป็นเกย์หรือเป็นไบ”

“เป็นคนที่รักเธอ”

“...”

ศศินยิ้มกว้าง ส่วนผมปาดเหงื่อ

“สเป็กที่ชอบ?”

“ยิ้มแล้วโลกสดใส แบบที่รัก”

“เวลาวาแต่งตัวประหลาดๆ คิดว่าไงบ้าง เอาตามตรงนะ”

“ที่รักแต่งอะไรก็น่ารัก”

“ถ้าวาแก่ หนังเหี่ยวหนังยานล่ะ”

“ก็น่ารัก”

ถามไปถามมาผมก็ชักขนลุกขึ้นทุกทีเลยขอยุติแต่เพียงเท่านี้

“ถ้าที่รักอยากมาหา อย่าแอบมาเอง บอกกันก่อนได้มั้ยครับ”

“ได้ๆ” ผมพยักหน้าหงึกๆ ทันที ไม่คิดหาเรื่องโดนโกรธอีกหรอกนะ

“ว่าแต่...ใครเป็นคนบอกที่รักจ๋าเหรอ”

“พี่โชคเป็นคนบอก เอ่อ...ศินเองก็อย่าลงโทษพี่เขาล่ะ เขาทำเพราะโดนวาบังคับน่ะ”

ศศินยิ้มแต่ไม่ตอบ ผมเลยถองศอกใส่เขาหนึ่งที

“ที่รักขอก็ไม่ทำครับ”

ได้ฟังค่อยชื่นใจหน่อย แต่มองรอยยิ้มหวานๆ กับสายตาเยิ้มๆ นั้นดูอีกที ไม่รู้ทำไมถึงคิดว่าศศินดูเจ้าเล่ห์สุดๆ

วันต่อมา...พี่โชคตาบวมช้ำเหมือนโดนต่อย

เมื่อผมเลียบๆ เคียงๆ ถามก็ได้ความว่าศศินไม่ได้ลงโทษด้วยตัวเองจริงๆ แต่สั่งพี่ชัยลงโทษคู่ซี้ตัวเอง

โหดเหี้ยมมาก

เจ้าคนโฉดคนนี้ใช่คนเดียวกับที่หลับตาพริ้มซบหน้ากับฝ่ามือผมแบบเชื่องแสนเชื่องจริงเหรอ!!!


-------------------

ใครไหวไปก่อนเลยค่ะเพราะเราไม่ไหวแล้ววววววว

ฉากซบหน้ากับฝ่ามือตะหนูนาวาคือเชื่องมากกก น่ารักมากกก อยากเอาไปเลี้ยงงงงงงงง (ผิดๆๆ) ศศินน่ารักขนาดไหนใครจะไม่ชอบใช่มั้ยล่ะค่ะ และแล้วตอนนี้ก็เฉลยเรื่องอดีตของศศิน กับอีกมุมของศศินที่ไม่เชื่องเหมือนตอนอยู่ต่อหน้านาวา ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาค่ะท่านผู้โช้มมมมม

#นาวาสไตล์


ตัวอย่างตอนต่อไป เกิดอะไรขึ้นนะพี่นทีถึงฟิวขาด
“พี่บอกแล้วใช่มั้ยว่าคบหมอนี่มันอันตราย!”

เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ศศินมีหลายบุคลิก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
รักคนมีปมตลอดเลยเนอะนาวา ฉากซบมือคือฟินมาก :-[

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อยากกินศศินมาก#น่าจะอร่อย#เต็มปากเต็มท้อง
#ได้เธอซักครั้งฉันจะฟิน
อิอิ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
พี่ศินอ่อนโยนกะวาคนเดียว

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ศศินเป็นแมวตัวโหน่ยๆ เชื่องบ้าง อ้อนบ้าง ดุกับคนแปลกหน้า

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พยัคฆ์​ร้าย​กลายเป็น​แมวเชื่อง​เมื่ออยู่​กับ​นาวา​  :impress2:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
โห่วววว นึกว่าวาจะชกเปรี้ยงแก้แค้นให้พี่โชคซะอีก พี่เขาอุตส่าห์ให้ข้อมูล  :ruready

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มุมนี้ของศศิน น่ารักมากกกก จะละลาย~

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เชื่องเชียว,,,

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
   
ตอนที่ 20

   นี่แหละนาวา

   

   “วา คนข้างหลังนั่นมัน...”

   “อย่าสนใจเลย”

   ผมโบกมือปัดๆ เบี่ยงความสนใจของตวัน ไม่เจอกันสิบวันนับจากโดนเขาปฏิเสธความช่วยเหลือ สีหน้าเขาดีขึ้นจม วันนี้เป็นการนัดพบจิตแพทย์ครั้งสุดท้าย ผมเลยมาให้กำลังใจ

   ถึงตวันจะไม่ได้ชวน แต่ไอ้การบอกเวลานัดหมายก็เป็นการบอกกลายๆ ให้มาด้วยกัน ผมเคยชินกับนิสัยด้านนี้ของเขาที่มักเห็นว่าน่ารักจังน้าจึงเสนอตัวมาเอง เขาเป็นคนขี้เกรงใจ มักไม่พูดออกมาตรงๆ แต่จะบอกอ้อมๆ แบบซื่อๆ มากกว่า ตอนเห็นผมยืนรออยู่ด้านหน้าคลินิก ตวันยิ้มกว้าง ก่อนจะกลายเป็นหุบยิ้มเมื่อเห็นชายร่างสูงใหญ่กำยำสวมสูทยืนคุมอยู่ด้านหลัง

   ไม่ใช่ใครอื่นไกล พี่โชคไงจำไม่ได้เหรอ

   ส่วนสาเหตุที่พี่โชคมายืนคุมตรงนี้ก็เพราะหลังเปิดอกเปิดใจกับศศิน ผมบอกเขาว่าถ้ามีอะไรไม่พอใจให้พูดมาตรงๆ เลย อย่าน้อยใจเองเงียบๆ คนเดียว ผมเดาใจใครไม่เป็นนะ ศศินเลยตอบหน้าซื่อตาใสว่า...

   ‘ไม่อยากให้เจอไอ้ตวันอ่ะที่รักจ๋า’

   ผมเลยเริ่มการอภิปรายความสัมพันธ์ตอนนี้ของตัวเองกับตวันให้ศศินฟังหนึ่งชั่วโมงเต็มว่าผมไม่มีความรู้สึกรักชอบอะไรในตัวตวันแล้ว เหลืออยู่แค่ความเป็นเพื่อน ถึงก่อนหน้านี้จะเกลียดขี้หน้าจนไม่อยากเจอะอยากเจอ แต่ถ้าเพื่อนล้มในเรื่องอื่นก็ควรเข้าไปช่วยพยุงหน่อยมั้ย ยิ่งเป็นเรื่องที่ผมมีส่วนทำให้เข้าใจผิดกันทั้งบางด้วยแล้ว...

   ส่วนตวันเขาไม่ใช่คนหัวแข็งดื้อด้านอะไร ออกจะอ่อนน้อมถ่อมตนและเจียมเนื้อเจียมตัวด้วยซ้ำ ผมไม่เล่นด้วย เขาก็ไม่กล้าหรอก โดยเฉพาะในตอนนี้...ตอนที่เขาเริ่มปฏิเสธความช่วยเหลือจากผมครั้งแรกแล้วก้าวต่อด้วยตัวเอง แม้ไม่มั่นคงนัก ไม่อาจลุยได้เต็มร้อย แต่ก็นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

   ศศินฟังผ่านหูไปงั้นๆ เห็นแล้วผมก็หมั่นไส้ บิดหูเขาแก้เผ็ดไปสองที จนเจ้าตัวยอมสารภาพออกมาว่าเวลาผมอยู่กับตวันจะมีบรรยากาศรู้ใจกันที่เห็นแล้วชวนอิจฉาตาลุกวาว ถึงทั้งสองคนไม่คิดอะไรเกินเลย แต่เขาไม่สบายใจ

   ‘ถ้าฉันนัดพบกับแฟนเก่าสองต่อสอง ที่รักจ๋าจะไม่รู้สึกอะไรเหรอ ยิ่งถ้าแฟนเก่าคนนั้นคบกันมาเจ็ดปี รู้จักกันมาตลอดชีวิต ทั้งที่ฉันยืนยันว่ารักที่รักจ๋าคนเดียว แต่ที่รักจ๋าจะไม่ตะขิดตะขวงใจเลยจริงๆ เหรอ’

   ฟังแล้วผมก็ถึงบางอ้อ ไม่ใช่ไม่เชื่อใจ แต่เหมือนมีคนเอาเข็มมาสะกิดยิบๆ ในใจตลอดเวลา การถามตรงตอบตรงก็ดีแบบนี้ เคลียร์จบครบในนาทีเดียว สุดท้ายเลยตกลงกับศศินว่าผมไม่เจอตวันสองต่อสองก็ได้ ให้เขามาเป็นก้างขวางคอสิ จะได้เลิกทำหน้าเซ็งสักที

   ศศินยิ่งส่ายหัวหนักเข้าไปใหญ่ เขาเกลียดตวัน เจอหน้าแล้วคันไม้คันมืออยากจะต่อย กลัวทำเสียเรื่อง สุดท้ายก็ส่งตัวแทนเป็นพี่โชคซึ่งทดลองงานตามติดผมมาเกือบสัปดาห์แล้ว พี่โชคเป็นทั้งบอดี้การ์ด เป็นทั้งคนขับรถ เป็นทั้งเลขาฯ ส่วนตัวที่ช่วยโทรจองร้านอาหารเวลาผมนัดคุยกับลูกค้าตอนที่เลขาฯ ของผมไม่ว่าง เรียกว่าทำงานสารพัดอย่าง แถมไม่พูดเยอะพูดมากเหมาะกับคนอินดี้อย่างผมพอดี

   “วา?”

   “ไม่มีอะไรหรอก เข้าไปข้างในกันเถอะ” ผมเดินนำตวันเข้าไปในคลินิก จำได้เลยว่าครั้งแรกที่บังคับพามา ตวันคัดค้านเสียงแข็ง กระชากยื้อยุดกันอยู่หน้าประตู แถมยังมองผมเหมือนหาว่าเขาเป็นบ้า ไม่รู้อะไรซะแล้วว่าสมัยนี้คนมาหาจิตแพทย์ใช่ว่าจะเป็นบ้าอย่างเดียวซะเมื่อไหร่ ขอแค่เครียด อยากระบายความในใจ อกหักรักคุดก็มาได้แล้ว

   แน่นอนว่าแพทย์ย่อมเก็บข้อมูลคนไข้เป็นความลับ แม้ผมจะมาเป็นเพื่อนเขาแทบทุกครั้ง แต่ก็ไม่เคยรู้หรอกนะว่าตวันเล่าอะไรบ้าง แต่นั่นคงเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงให้เขาคิดอยากเรียนต่างประเทศ แล้วยืนหยัดด้วยตัวเอง

   มองส่งตวันที่เข้าไปพบแพทย์แล้วผมก็หยิบสมุดสเก็ตช์ขึ้นมาวาดภาพเล่น ก่อนจะรับโทรศัพท์จากเลขาฯ ซึ่งกำชับว่าช่วงบ่ายนี้ต้องเข้าไปดูคอลเล็กชั่นใหม่ที่ทางฝ่ายช่างฝีมือทำล็อตแรกเสร็จแล้ว

   คงยังไม่ลืมสร้อยที่สามารถสวมคล้องเอวและพันทบเป็นกำไลข้อมือได้ใช่มั้ยล่ะครับ นั่นแหละคอลเล็กชั่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ของดาราลัยจิวเวลรี่ ต้อนรับธีมฮัลโลวีนด้วยค้างคาวที่ดวงตาประดับทับทิมสีแดง ฟักทองประดับแซฟไฟร์แท้สีส้ม และแมวดำที่มีดวงตาเป็นอะเมทิสต์สีม่วง ผมเน้นดีไซน์แปลกใหม่เข้าถึงง่าย ราคาอยู่ในระดับกลางๆ ค่อนไปทางสูงแต่ไม่ถึงกับเกินเอื้อมอย่างเครื่องประดับในงานแฟชั่นโชว์

   แถมลูกค้ายังสามารถออกความเห็นเลือกจับคู่ระหว่างค้างคาวกับแมวหรือแมวกับฟักทอง รวมถึงเปลี่ยนชนิดอัญมณีได้ด้วยนะ

   แค่คิดก็ตื่นเต้นอยากเห็นแล้ว ก่อนจะเพิ่งรู้ตัวว่าวาดรูปเพลินจนเผลอออกแบบเข็มกลัดให้ศศินในธีมฮัลโลวีนด้วยซะงั้น ก่อนหน้านี้เพราะศศินเหมือนจันทร์เสี้ยวที่ดูเว้าแหว่ง ผมเลยเน้นดีไซน์ที่ความโค้งสวยของพระจันทร์ แต่มาตอนนี้กลับวาดจันทร์เต็มดวง ฉลุลายเป็นแมวนอนขดอยู่ด้านใน

   แมวนาวา

   ผมหัวเราะคิกคัก เข็มกลัดนี้วาดเล่นล้วนๆ แต่ถ้าทำจริงแล้วให้เป็นของขวัญเซอร์ไพรส์ศศินก็ไม่เลว เลยถ่ายรูปส่งให้เลขาฯ ช่วยนำไปปรึกษากับทีมงานว่าพอจะทำได้จริงหรือเปล่าเนื่องด้วยมีรายละเอียดยิบย่อยตรงตัวแมวเยอะ ถ้าต้องลดทอนลงต้องลดแค่ไหนและควรจะปรับแก้ยังไงให้เหมาะแก่การใช้งานจริง

   ไอเดียผมเยอะ ซึ่งต้องให้มืออาชีพช่วยดูอีกต่อ เป็นการร่วมงานแบบทีมเวิร์ก ไม่ใช่คิดจะทำก็เอาแต่ใจจะทำอยู่คนเดียว

   จะว่าไปช่วงฮัลโลวีนก็ใกล้กับวันลอยกระทงที่พระจันทร์เต็มดวงพอดีนี่นะ ผมเริ่มมีไอเดียแผลงๆ อยากจะทำคอลเล็กชั่นใหม่เกี่ยวกับพระจันทร์ขึ้นมาเลยก้มหน้าก้มตาสเก็ตช์ภาพอย่างเมามัน รู้ตัวอีกครั้งตวันก็เดินยิ้มออกมาแล้ว

   “เป็นไงบ้าง”

   “ไม่ต้องมาแล้วล่ะ ยาก็ไม่ต้องกินแล้วด้วย”

   “ดี” ผมยกนิ้วโป้งชื่นชมให้ตวัน “งั้นแยกย้ายกันเลยเนอะ มีอะไรโทรก็มาแล้วกัน”

   “ขอบคุณนะวา”

   “ไม่ต้องมาทำตาซึ้ง ฉันขนลุก” ผมตั้งใจตบอกตวันแกล้งหยอก แต่พี่โชคถลาเอาตัวมาขวาง เอ่อ...นอกจากจะเป็นตัวแทนของศศินแล้ว ยังคอยห้ามไม่ให้แตะตัวตวันด้วยเหรอ ก็ได้ ไม่แตะก็ไม่แตะ

   คนอะไร ตัวไม่อยู่ แต่ขี้หวงชะมัดเลยโว้ย

   ผมยักไหล่ให้ตวัน ก่อนจะต่างคนต่างแยกย้าย พี่โชคขับรถมารับผม ส่วนตวันเดินไปขึ้นรถเมล์ ถึงได้ชื่อว่าเพื่อน แต่ก็ใช่ว่าจะกลับมาสนิทสนมกันเหมือนเดิม

   เวลาเขาไม่เหลือใคร ผมมาหา แต่เมื่อเขาลุกขึ้นเองได้ ผมก็ไปตามทางตัวเองเหมือนกัน

   ซึ่งทางของผมก็คือการไปกินข้าวเที่ยงกับศศินนั่นเอง

   แต่ชีวิตของทุกคนย่อมมีอุปสรรค เช่นเดียวกับผมวันนี้ เพราะขณะนั่งฟังเพลงเพลินๆ ในรถจู่ๆ พี่โชคก็เบี่ยงพวงมาลัยไปทางขวากะทันหันจนศีรษะแทบพุ่งชนกระจก

   “ขอโทษครับคุณวา”

   ผมงงมาก ปกติพี่โชคขับรถนิ่ม ทำเอาเคลิ้มเผลอสัปหงกหลายรอบ ถ้ารู้ว่ามีคนขับรถมันดีแบบนี้คงจ้างนานแล้ว แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ ผมเป็นพวกคนใกล้ชิดสนิทสนมแต่กับคนนอกนั้นตั้งกำแพงสูงมาก ถ้าต้องให้คนแปลกหน้าขับรถให้ก็สู้ขับเองดีกว่า แต่แน่นอนว่าพี่โชคนับเป็นข้อยกเว้น เพราะเขาเป็นคนของศศินและเราก็เริ่มคุ้นเคยกันแล้ว

   ฉะนั้นพอพี่โชคบอกขอโทษ ผมก็ไม่ได้ถือสาอะไร ก่อนจะแทบร้องเหวอเมื่อคราวนี้รถเบี่ยงไปทางซ้าย เล่นเอาหน้าผากโขกกระจกเข้าจังๆ

   “โอ๊ย!”

   “ผมขอโทษจริงๆ ครับคุณวา” พี่โชคพูดแกมลำบากใจ แต่การขับรถซอกแซกจนได้เสียงบีบแตรดังจากเพื่อนร่วมถนนเนี่ยไม่ธรรมดาแล้วมั้ง

   “ขับรถหนีใครรึไง”

   “คือ...”

   “พูด!” ผมลูบหน้าผากที่เริ่มโนแล้วตวาดอย่างหัวเสีย ต้องให้โขกอีกกี่ครั้งถึงจะยอมเปิดปาก หรือคิดจะปิดบังไปตลอด? ชิชะ!

   “คือ...มีคนขับรถตามเราครับคุณนาวา”

   “ใคร”

   “น่าจะเป็น...คนที่ไม่ชอบใจนายครับ”

   นายในที่นี้ไม่ใช่การเรียกว่าเฮ้ย นายจะไปไหน นายกินอะไรยัง แต่เป็น ‘เจ้านาย’

   ศศินไงจะใครล่ะ

   “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน” ผมกอดอก ขมวดคิ้วมุ่นอย่างขุ่นเคือง

   “จะมีคนบางจำพวกที่ผูกใจเจ็บ แต่เล่นงานนายไม่ได้เลยคิดเล่นงานจุดอ่อนของนายแทน...”

   “ซึ่งก็คือฉัน?” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัว

   “ครับ...” ยิ่งอธิบาย พี่โชคก็ยิ่งเสียงอ่อยลงทุกที เมื่อรู้เรื่องผมก็เข้าใจว่าทำไมหัวเด็ดตีนขาดศศินก็จะส่งพี่โชคมาเกาะผมให้ได้ จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่เรื่องตวัน แต่เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายเลยส่งคนมาคุ้มครองต่างหาก

   ส่วนที่ไม่พูดเพราะกลัวผมจะวิตกจริตเกินเหตุ ในเมื่อนี่เป็นแค่ข้อสันนิษฐานว่าอาจจะเกิด แต่ไม่รู้จะเกิดจริงรึเปล่า

   ถึงว่าสิ หลังไปหาศศินที่ไนต์คลับวันนั้นถึงโดนกำชับแล้วกำชับอีกว่าให้บอกก่อน จะส่งคนไปรับ ไม่ต้องเข้าทางหน้าร้านให้เป็นเป้าสายตา

   ดูเหมือนคนคนนี้จะอันตรายอย่างที่พี่นทีเตือนจริงๆ นั่นแหละ

   แต่โทษที นาวาคนนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดานะ!

   “คุณวาจะโทรหานายเหรอครับ”

   “โทรหาศิน? โทรทำไม โทรมาให้เขาโอ๋ฉันเหรอ ไร้สาระ!” ผมกระแทกเสียง ก่อนจะกดเบอร์โทรหาลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง ตระกูลดาราลัยน่ะมีญาติโกโหติกาเพียบนะขอบอก “ว่างมั้ยน้องชาย ช่วยอะไรหน่อยสิ แต่เรื่องนี้ห้ามบอกพี่ทีนะ ห้ามเด็ดขาด”

   พี่โชคดูจะงงๆ ว่าผมคิดจะทำอะไรกันแน่

   แต่เรื่องอะไรจะบอกล่ะ ปล่อยให้เขาตื่นตาตื่นใจยังดีกว่าเยอะ หลังวางสายผมก็บอกให้พี่โชคเลิกขับแบบนักซิ่งเบี่ยงซ้ายเบนขวาปาดหน้าชาวบ้านสักที ผมไม่อยากหัวโน

   “แต่...”

   “ฉันก็มีวิธีของฉันน่า” ผมยืนยัน พี่โชคทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมขับแบบคนปกติธรรมดา ซึ่งสุดท้ายแล้ว...รถของเราก็โดนคู่กรณีตามทัน แล้วยังปาดหน้าจนเกือบชนโครมเข้าให้อีกต่างหาก

   ชายฉกรรจ์สามคนย่างสามขุมเตรียมจะจับคนกลางวันแสกๆ ช่างไม่กลัวฟ้ากลัวดินเอาซะเลย พอดีกับคนที่ผมขอความเหลือมาพอดี...

   ในพริบตารถตำรวจที่เปิดไซเรนดังมาแต่ไกลก็ตีกรอบโอบล้อมรถคู่กรณีทั้งสี่ทิศทาง มาถึงไม่พูดไม่จา ชายฉกรรจ์ที่ไม่ทันเดินมาถึงตัวผมก็ถูกจับสวมกุญแจมือขึ้นรถตำรวจไปแทนแล้วด้วยความงงว่าเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย

   ก็ไม่ได้เข้าใจยากขนาดนั้นหรอก แค่ลูกพี่ลูกน้องของผมแต่งงานกับลูกสาวของบัญชาการตำรวจสูงสุดที่มีอำนาจสั่งการ ใช้กฎหมายจับคนก่อนค่อยไปเคลียร์คดีภายหลังได้น่ะ!

   ผมให้พี่โชคขับรถตามหลังพวกตำรวจไปสถานีเพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แม้ยังไม่ลงมือทำร้ายร่างกาย แต่การขับรถปาดหน้าและไล่จี้รถจนทำให้ผมบาดเจ็บหัวโนก็พอให้แจ้งความได้แล้ว ศศินอาจจะทำงานในที่ลับ แต่คนอย่างนาวานั้นเลือกจัดการในที่แจ้ง โดยเฉพาะกับคนพวกนี้ที่แม้ไม่เกรงกลัวกฎหมายเพราะมีเส้นสาย

   แต่โทษเถอะ ใครจะเส้นใหญ่เท่าตระกูลดาราลัย?

   ถ้าเส้นใหญ่ไม่พอก็เอาเงินโปะได้ ถามอีกครั้ง ใครจะร่ำรวยเท่าตระกูลดาราลัย?

   ก็แค่นั้นแหละท่านผู้ชม

   “ใครกันที่คิดว่าฉันเป็นจุดอ่อนศิน เทียบกับตระกูลดาราลัย ศินก็เป็นแค่เจ้าพ่อเงินกู้ รายได้เบื้องหลังรวมทั้งหมดยังไม่เท่ากำไรธุรกิจของพี่นทีแค่คนเดียวด้วยซ้ำ!”

   พี่โชคขับรถไม่พูดไม่จา ไม่กล้าเถียงกับผมที่ยังหงุดหงิดไม่หาย

   คิดจะเล่นงานใครโปรดเบิกตาดูสักนิดว่าผมคือใคร

   เหนือฟ้ายังมีฟ้า

   เล่นผิดคนแล้วไอ้น้อง!

   ทันทีที่ถึงสถานีตำรวจใกล้สุด เพียงผมเดินลงมา เหล่าตำรวจก็แทบจะปรนนิบัติแตกต่างกับคนธรรมดาลิบลับ ขนาดผู้บัญชาการไม่ได้มาด้วยตัวเอง แต่แค่นามสกุลของผมก็พอข่มขวัญแล้ว นี่ล่ะนะคืออำนาจของเงินตรา ผมไม่ใช่คนดีเด่อะไร โดยเฉพาะกับคนที่ประสงค์ร้ายก่อน

   เคยบอกแล้วไง ใครดีมาผมดีกลับ ใครร้ายมาผมก็เลวกลับเหมือนกัน

   ท่ามกลางความชุลมุนในโรงพักทนายที่ดีที่สุดของตระกูลดาราลัยที่บึ่งมาทำคดีนี้ด้วยตัวเองก็มาถึง เตรียมฟ้องศาลดำเนินคดีถึงที่สุด นอกจากติดคุกแล้วยังต้องจ่ายค่าชดเชยที่ทำให้ผมขวัญเสียและค่ารักษาหัวโนด้วย ศศินตามมาถึงหลังจากนั้นไม่นาน แทบจะพร้อมๆ กับพี่นทีซึ่งแม้อยากจะปิด ก็ปิดไม่อยู่

   “ทำไมไม่โทรหาฉันล่ะวา!”

   “พี่บอกแล้วใช่มั้ยว่าคบหมอนี่มันอันตราย!”

   สองหนุ่มสองมุมเดินมาถึงไม่แม้แต่จะมองหน้ากัน แต่หันมาพูดกับผมซึ่งนั่งไขว่ห้างตากแอร์ในห้องรับรองแขกซึ่งกำลังดื่มดำกับโกโกร้อนที่พี่โชคช่วยซื้อมาให้

   ผมรอให้พวกเขาสงบสติ เพราะหายากมากที่จะเห็นศศินขึ้นเสียงใส่ อาจจะด้วยอารามตกใจแกมสำนึกผิดที่ทำให้ผมโดนลูกหลงจากธุรกิจของเขา ส่วนพี่นที...อืม ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป กับคนที่ยิ้มดอกไม้บานมาตลอดหุบยิ้มได้ก็นับว่าบุญตาแล้ว

   “วา!”

   ประสานเสียงสามัคคีกันดีจริงๆ ผมจิบโกโก้ในมือ ก่อนจะพยักพเยิดให้พวกเขานั่งลงเพื่อคุยกันดีๆ

   “ตอบศินก่อนแล้วกัน ที่ไม่โทรหาเพราะไม่อยากโทร วากำลังโกรธอยู่ นายต้องง้อสิไม่ใช่มาทำหน้าถมึงทึงใส่ ส่วนพี่ที คบกับศินอันตรายตรงไหนครับ ผมไม่บุบสลาย แถมคนทำผิดก็โดนยัดข้อหาอยู่ตรงโน้น” ผมชี้ให้พี่นทีเห็นว่าในห้องนี้แม้จะสงบ แต่ด้านนอกนั้นชุลมุนวุ่นวายมาก พรรคพวกหมายประกันตัวคนของตัวเอง ทนายเริ่มโต้เถียงกัน ต่างคนต่างคาดไม่ถึงว่าแค่เล่นงานคนหวังแก้แค้นจะลามปามถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลใหญ่โต

   แหม นี่ไม่ใช่ยุค 2499 อันธพาลครองเมืองนะ คิดจะดักตีหัวแบบไม่โดนโทษก็เกินไป

   “ที่รัก...ฉันขอโทษ...” ศศินรีบปรับสีหน้าเป็นออดอ้อนในทันทีเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดมาด แต่สำหรับคนที่รักผมหัวปักหัวปำจะมีอะไรที่น่ากลัวไปกว่าการที่คนรักตัวเองถูกทำร้าย คงเจ็บยิ่งกว่าตัวเองโดนกระทืบ “ครั้งหน้าโทรหาฉันนะ สัญญาสิ”

   “ยังจะมีครั้งหน้าอีกเหรอ” พี่นทีเปรยเสียงเรียบด้วยรอยยิ้มดอกไม้บาน นี่ก็อีกคนที่เริ่มสงบใจ “วา กลับไปกับพี่ แล้วก็เลิกติดต่อกับหมอนี่ซะ”

   ศศินเหลือบมองพี่นทีด้วยสายตาเย็นเยียบจนผมเองยังหายใจสะดุด แต่สำหรับคนที่โกรธจนหน้ามืด พี่นทีจึงจ้องกลับไม่ยอมแพ้ ด้วยรอยยิ้มเย็นๆ และดวงตาวาวโรจน์ตั้งใจเอาเรื่อง

   “ทั้งคู่หันมามองวานี่” ผมดีดนิ้ว เรียกความสนใจให้พวกเขาเลิกจ้องตาปานจะกินเลือดกินเนื้อสักที และมันก็มหัศจรรย์มาก เพียงหันมา ศศินก็ยิ้มหวาน รอฟังที่รักจ๋าอย่างแสนเชื่อง ส่วนพี่นทีก็ยิ้มอบอุ่นอ่อนโยน เป็นเชิงว่าน้องชายน่ารักที่สุด

   เป็นนาวาก็ลำบากเหมือนกันแฮะ

   “รู้มั้ยว่าวาโกรธเรื่องอะไร”

   “เรื่องที่ทำให้ที่รักจ๋าต้องมาประสบเหตุสะเทือนขวัญทั้งที่เป็นคู่กรณีของฉันไม่เกี่ยวกับที่รักจ๋าเลย”

   “เจ้าบ้า วาโกรธที่ส่งพี่โชคมาตามต้อยๆ แต่ไม่คิดจะเล่าอะไรให้ฟัง จำไว้นะศศิน วาเกลียดคนทำอะไรลับหลังที่สุด!”

   ศศินหน้าซีดเผือดในบัดดล สำหรับคนที่เพิ่งมีลุ้นว่าจะได้รับความรัก จู่ๆ ก็ถูกพ่นคำว่าเกลียดใส่หน้าแบบชัดถ้อยชัดคำก็นับว่าทำร้ายจิตใจคนหวังน้อยอย่างเขาจนหลบตาสำนึกผิด

   “ส่วนพี่ที...ขอบคุณนะครับที่ห่วงใยวาเสมอ แต่พี่ทีต้องย้อนมองดูก่อนว่าใครกันแน่ที่อันตรายกว่ากัน” ผมชี้นิ้วระหว่างพี่นทีกับศศิน “ศินเป็นเจ้าพ่อเงินกู้ เป็นเจ้าของไนต์คลับ ส่วนเรามีญาติซึ่งมีแบ็กหนุนหลังเป็นผู้บัญชาการใหญ่ แล้วยังมีเส้นสายทั้งตำรวจและทหาร ถ้าคิดจะจัดการศิน แค่ให้คนไปตรวจไนต์คลับ ใช้อำนาจยัดข้อหาสั่งปิด ทลายแก๊งเงินกู้ของเขาอนาคตก็จบแล้ว! ขนาดกับศินยังสู้เราไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับพวกปลายแถวที่มาเกาะแกะวอแวเขา ถึงจะลามปามมาถึงวาด้วย แต่ครั้งนี้คงเป็นบทเรียนสำคัญว่าเข้าหาศินนั้นยากแล้ว แต่คิดเล่นงานวา นอกจากจะยาก...ยังโดนเล่นกลับเป็นเท่าตัว!”

   “บราโว่!” ศศินปรบมือชมเชยแบบอวยเต็มที่ “ที่รักจ๋าเท่อีกแล้ว เท่ที่สุดเลย”

   “เทียบกันจริงๆ แล้วโลกธุรกิจยังน่ากลัวกว่างานของศินอีก พี่ทีน่าจะเข้าใจดีที่สุดด้วยซ้ำ อย่างน้อยพวกนี้ก็ยังทำร้ายซึ่งหน้า แต่พวกแทงข้างหลังน่ะแค่ป้องกันยังทำได้ยากเลย ถึงวาจะชอบนอนกลิ้ง อู้งานไปนั่งเล่นนอกออฟฟิศบ่อยๆ ทำตามใจตัวเองในโลกที่มีพร้อมทุกอย่างไม่มีภัยอันตรายมาแผ้วพาน แต่วาก็ไม่ได้ไร้เดียงสานะ!”

   พูดจบผมก็จบโกโก้แก้เจ็บคอ แล้วรอให้สองหนุ่มได้ปรับความคิดกันไป

   สำหรับศศินนั้นเร็วหน่อย เขาเป็นพวกอะไรก็ได้ขอแค่ที่รักจ๋าพอใจ ยิ่งผมปกป้องตัวเองได้ดี ก็ยิ่งโล่งใจด้วยซ้ำ ส่วนพี่นที...เอ่อ...อาจต้องใช้เวลาสักสัปดาห์กว่าพี่แกจะประมวลผลเสร็จ

   “ที่รักหิวมั้ย ยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงกันเลยนี่นา”

   โดนทักก็ชักหิว ผมลูบท้องตัวเองแล้วพยักหน้ารับนิ่งๆ ให้รู้ว่ายังโกรธอยู่

   “งั้นไปทานข้าวกันเถอะเนอะ ร้านนี้มีขนมหวานที่ไม่เคยขายที่ไหนด้วยนะ ที่รักจ๋าต้องชอบแน่เลย”

   ผมหูกระดิก เมื่ออารมณ์เสียก็ต้องอยากกินอะไรหวานๆ เป็นเรื่องธรรมดา เลยยกโทษให้ศศินอย่างรวดเร็ว

   “ไปกันเถอะ” ผมยื่นมือไปหาศศิน ซึ่งเจ้าตัวก็แบมือรออย่างรู้ใจ

   พี่นทีมองพวกเราจับมือกัน สบตาแล้วหัวเราะคิกคักแฝงด้วยความหวานและเขินอายเหมือนวัยรุ่นแรกรัก ก็ถอนหายใจเฮือกแล้วปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้มอบอุ่น

   “งั้นพี่ก็ขอตัวเหมือนกัน ถ้าทนายจัดการเรียบร้อยแล้วจะให้ติดต่อวาอีกที”

   “ขอบคุณครับ”

   พี่นทีเดินออกไปก่อน ผมกับศศินค่อยจับมือเดินตามด้านหลัง มองผ่านความวุ่นวายของกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เริ่มอาละวาดทำร้ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่วายโดนแจ้งข้อหาเพิ่มไปอีกกระทง ก็เชื่อใจได้ว่าทนายมือดีของตระกูลดาราลัยจะจัดหนักจัดเต็มเอาให้ไม่กล้าคิดแตะต้องคนของตระกูลนี้อีกเลย

   มีเงินก็ใช้ให้คุ้ม มีอำนาจก็ใช้ให้ถูกจังหวะ มีชีวิตก็ใช้ให้เต็มที่

   และเมื่อมีความรัก...ก็ใช้กับคนคนเดียว

   นี่แหละนาวา ดาราลัย

    -------------------

   

    เด็ดสมชื่อ #นาวาสไตล์

   คิดจะมาเล่นงานนาวา ต้องพิจารณาตัวเองสักนิดค่ะว่าต่อกรกับชาติตระกูลและความรวยของตะหนูไหวรึเปล่า?? ไหวไม่ไหวศศินยังต้องยอม เราชอบฉากนาวาดีดนิ้วแล้วเปลี่ยนพี่นทีให้มายิ้มดอกไม้บานกับศศินมายิ้มหวานที่รักจ๋ามากเลยค่ะ ไม่ใช่นาวาทำไม่ได้นะเนี่ยยยยย

   ขอย้ำอีกครั้ง #นาวาสไตล์

   แทคค่อนข้างเงียบเหงา มาหวีดกันได้น้า


   
ตัวอย่างตอนต่อไป หวานกันต่อค่ะ
   “ที่รักจ๋า อย่าดื่มเร็วแบบนั้นสิ ที่รักน่ะแค่ห้าแก้วก็ร่วงแล้วนะ”
“หยาบคาย!”


เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
คนที่น่ากลัวที่สุด คนนั้นน่ะ  :a5:

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
เห็นภาพแบบ กระดิกเท้าแล้วหันมาพูดว่า ก็รวยอะนะ โทษทีที่เรื่องธรรมดาของฉันเป็นเรื่องเวอร์วังสำหรับเธอ 5555

ออฟไลน์ TongRung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 o13
ให้กำลังใจนาวาสไตล์

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
บอกได้อย่างเดียวนี่แหละ #นาวาสไตล์ แต่พี่นทีใช้เวลาประมวลผลนานไปป่ะ5555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
นาวาคือเท่เลยอ่ะ555

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
     #นาวาสไตล์ คนจริง :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คนที่ร้ายกว่าใคร คือ นาวาเองแหละ  :m20: :laugh: :pigha2:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
น่ากลัวที่สุดก็คงเป็นนาวาซินะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด